┌▼Nitrogen ไนโตรเจน▲┘ ==[จบ]==
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ┌▼Nitrogen ไนโตรเจน▲┘ ==[จบ]==  (อ่าน 275608 ครั้ง)

ออฟไลน์ Natsuki-ChaN

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 219
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
Re: ┌▼Nitrogen ไนโตรเจน▲┘ ==[13]==[P.8]== [25/05/60]
«ตอบ #240 เมื่อ26-06-2017 15:33:51 »

ก้อนน่ารักกกก
พี่ภูเอ็นดูก้อนขึ้นบ้างไหม
คิดว่าพี่ภูคงรู้สึกดีกับก้อนขึ้นบ้าง แต่ยังคงไม่ใช่ความรัก  :hao5:
จะมีมาม่าไหมนะ ...

ออฟไลน์ CHESS.

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 212
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +228/-2
Re: ┌▼Nitrogen ไนโตรเจน▲┘ ==[13]==[P.8]== [25/05/60]
«ตอบ #241 เมื่อ28-06-2017 21:52:00 »



-14-

 

ครั้งที่สามกับการนอนค้างห้องพี่ภู วันนี้ผมมีเป้าหมายใหม่ที่ต้องทำให้สำเร็จ นั่นคือการชวนพี่ภูไปค่ายด้วยกัน หลังจากที่ผ่านการสอนทำอาหารกว่าชั่วโมงไปได้ก็ถึงเวลากิน ผมเสียดายนิดหน่อยที่ไม่ได้ทำอะไรเสร็จด้วยตัวเองสักอย่าง แต่เรื่องดีๆ ก็คือ…

พี่ภูทำอาหารโคตรอร่อย...พูดจากใจจริงไม่ได้หน้ามืดตามัวอะไรทั้งสิ้น

“พี่นี่หล่อเพอร์เฟคไปทุกอย่างเลยเนอะ” ผมพูดขึ้นลอยๆ ในขณะที่มองสำรวจใบหน้าสมบูรณ์แบบของคนที่นั่งกดโน้ตบุ๊กอยู่ อยากจะมองหาตำหนิบนร่ายกายเขาสักหน่อย แต่มองยังไงก็หาไม่เจอ

“อะไรของมึง” พี่ภูทำหน้าเหมือนจะดูว่าผมจะมาไม้ไหน ซึ่งจริงๆ มันก็ไม่ได้มีอะไรแอบแฝงเลยสักนิด นอกจากความคิดที่วนเวียนอยู่ในหัว

“เหมาะกับผมจริงๆ”

“เหนื่อย”

“พักหน่อยไหม” ผมตบแปะๆ ลงที่เบาะเป็นเชิงบอกให้เขาหยุดพัก

“เหนื่อยกับมึงนั่นล่ะ”

พอได้ฟังคำตอบแล้วผมก็หัวเราะอย่างถูกใจเพราะพอจะเดาได้อยู่แล้วว่าเขาหมายถึงอะไร แต่ที่พูดไปอย่างนั้นก็เพราะจะช่วยให้คลายเครียดเฉยๆ

“พี่ภู วันหยุดหลังอาทิตย์สอบพี่มีแพลนไปไหนหรือเปล่า” ผมรีบถามเข้าเรื่อง กลัวว่าถ้าช้ากว่านี้คนที่ว่างจะกลายเป็นไม่ว่างแทน เห็นงานเยอะเหลือเกิน เจอกันกี่ทีต้องมีโน้ตบุ๊กอยู่ด้วยตลอด

“สองอาทิตย์หน้า?”

ผมพยักหน้าหงึกหงักแล้วยื่นหน้าไปมองจอโทรศัพท์ที่คนพูดหยิบมาดู มองผ่านๆ ยังรู้เลยว่าเป็นตารางงาน แต่ที่ไม่เข้าใจคือทำไมมันแน่นขนาดนั้น คนไม่มีชื่อเสียงทำไมงานเยอะเหลือเกิน

“วันอาทิตย์มีออกงาน”

“งานเลี้ยงเหรอ”

“อืม...งานของคนรู้จักที่อังกฤษ เขามาเปิดธุรกิจที่นี่”

ผมขมวดคิ้วขัดใจ จากที่มองดูตารางของเขาแล้วสามสี่วันที่ผมต้องการมีแค่งานเลี้ยงที่เขาบอกงานเดียวซึ่งขัดขวางแผนทุกอย่างอยู่ คือถ้าไม่มีมันพี่ภูก็จะว่างแบบไม่ต้องสงสัย

งานเลี้ยง...งานเลี้ยงก็ต้องมีตอนค่ำสินะ

“พี่ภู ไปเที่ยวกับผมไหม ไปกับพวกดุริยางค์” ผมชวนแบบตรงไปตรงมาไม่อ้อมค้อม รอให้เขาเงยหน้าจากจอแล้วถึงพูดต่อ “พวกผมจะไปทำกิจกรรมกัน ประมาณว่ารับน้อง แต่ก็เหมือนจะไปเที่ยวมากกว่า”

“กี่วัน”

“สามวันสองคืนครับผม”

“ศุกร์ เสาร์ อาทิตย์?”

“อื้อ”

“กูมีงาน” เขาย้ำ

“งานมีกลางคืนไม่ใช่เหรอ ยังไงก็กลับมาถึงทันอยู่แล้ว...เอางี้ ถ้าพี่ไปเที่ยวกับผม ผมสัญญาว่าจะไปงานเลี้ยงเป็นเพื่อน” ผมเอามือตบอกตัวเองเป็นการยืนยันคำพูดอีกที

“ถามกูยังว่าอยากได้เพื่อนไหม”

“หรือพี่อยากได้แฟนเลย...ผมเต็มใจนะ” ผมยิ้มแล้วแกล้งบิดไปบิดมาเหมือนจะเขิน และวินาทีต่อมาก็โดนฝ่ามือของคนหน้าดุตบเข้าที่หน้าผากดังเพียะจนต้องยกมือลูบหน้าผากตัวเองป้อยๆ

“ถ้าเป็นที่ที่กูไม่เคยไปจะลองคิดดู”

“จริงนะ!”

“เออ”

ง่ายละงานนี้ แต่จะว่าไป…

“ผมสัญญาว่ามันจะเป็นที่ที่มีสัญญาณคุยโทรศัพท์ได้ พี่ต้องคุยกับภามใช่ไหมล่ะ” ผมพูดในขณะที่มือเอื้อมไปหยิบโทรศัพท์มากดเพื่อทักแชทไปคุยกับพี่วินเรื่องสถานที่ แต่อยู่ๆ ก็รู้สึกเหมือนโดนจ้องมองจนต้องเงยหน้าขึ้น

พี่ภูมองมาที่ผมด้วยสายตาแปลกประหลาด...มันเป็นสายตาที่กำลังแสดงถึงความรู้สึกบางอย่าง น่าเสียดายที่ผมไม่สามารถแปลความหมายของมันได้ แต่ก็รับรู้ว่าน่าจะเป็นด้านดี เพราะใบหน้าเย็นชาของเขาดูอ่อนลง

ถ้าให้เดา...น่าจะเกี่ยวกับเรื่องที่ผมพูดถึงภาม

แค่ดูก็รู้ว่าพี่ภูให้ความสำคัญกับภามมากแค่ไหน…ต้องกลับมาคอลกันผ่านโน้ตบุ๊กตลอด แถมยังดูเป็นเวลาสม่ำเสมอไม่เคยขาด ถึงผมจะไม่รู้ว่าเพราะอะไรแต่ก็คิดว่ามันน่าจะมีอะไรบางอย่าง เพียงแต่ตอนนี้ยังไม่ใช่เวลาหาเหตุผลก็เท่านั้น

“น้องพี่ก็เหมือนน้องผม” ผมยิ้มบางให้คนที่ยังจ้องไม่เลิก คิดว่าเดี๋ยวก็คงละสายตาไปเอง แต่ผ่านไปสักพักเขาก็ยังมองอยู่อย่างนั้น ผมที่หน้าหนามาตลอดชีวิต อยู่ๆ ก็รู้สึกหน้าบางกะทันหัน สองแก้มร้อนผ่าวไปกับดวงตาคู่นั้นโดยที่เขาไม่ได้ทำอะไร สุดท้ายเลยได้แต่กลบเกลื่อนด้วยการพูดจากวนๆ ออกไป “ก็พี่เป็นว่าที่แฟน ผะ...ผมก็ต้องใส่ใจเป็นธรรมดา”

ตะกุกตะกักทำส้นตีนอะไรไอ้เก้า! เอาไว้เขาบอกว่าชอบมึงค่อยเขินดีไหม แค่มองมาเฉยๆ มึงยังอาการหนัก เขาไม่ได้พูดอะไรสักคำ ยิ้มก็ไม่ได้ยิ้ม สายตาก็แค่อ่อนโยนลงนิดหน่อยเอง มึงเขินอะไร งง

“ทำหน้าอะไรของมึง” ตัวต้นเหตุที่ทำให้ผมต้องนั่งเถียงกับตัวเองในใจพูดขึ้นมาด้วยเสียงขบขัน ผมเหล่ตามอง พอเห็นว่าสายตาและใบหน้าของเขาเปลี่ยนเป็นปกติแล้วก็ยอมเงยหน้าสบตา

“เพราะพี่”

“กูทำอะไร”

“ก็พี่มองผมด้วยสายตาแบบนั้นทำไมล่ะ” ผมหน้าหงิกเมื่อคนได้ยินคำตอบทำท่าจะขำหนักกว่าเก่า คราวนี้แสดงออกมาทางสายตาชัดเจนกว่าน้ำเสียงเสียอีก

“กระต่ายบ้า”

“ผม…”

ครืด ครืด

นี่เป็นครั้งแรกที่ผมรู้สึกอยากขอบคุณใครก็ตามที่โทรมาขัดจังหวะระหว่างที่ผมกับพี่ภูอยู่ด้วยกัน ซึ่งเจ้าของโทรศัพท์ก็มองหน้าจอแค่แวบเดียวก่อนจะลุกขึ้นเดินไปคุยริมกระจก ผมเลยเนียนๆ หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูแก้เก้อ

อันตรายชะมัด...เกือบไปแล้วไง เกือบทำอะไรไม่ถูก ไม่สมเป็นผมเลยสักนิด ยิ่งนานวันยิ่งรู้สึกเหมือนตัวเองจะอ่อนลงทุกที แปลกตรงที่ผมไม่ได้หงุดหงิดกับความรู้สึกนี้เนี่ยสิ

“เดี๋ยวออกไป”

ผมเงยหน้ามองเจ้าของเสียงเมื่อได้ยินประโยคที่เขาพูด ตอนแรกไม่ได้ใส่ใจฟังเพราะคิดว่าคงเจรจาธุรกิจ แต่ดูเหมือนจะไม่ใช่ ทั้งจากรูปแบบการพูดและน้ำเสียงเหมือนจะคุยกับคนรู้จักมากกว่า

“พี่จะออกไปข้างนอกเหรอ” ผมทักตอนที่พี่ภูวางสายแล้วเดินกลับมาที่โซฟา “มันดึกแล้วนะ”

“ต้องไป เพื่อนกูมาไทย”

“เพื่อนพี่จากอังกฤษ?”

“อืม” พี่ภูพยักหน้าก่อนจะเดินไปที่ห้องนอน ใช้เวลาไม่นานเขาก็ออกมาพร้อมกับเสื้อผ้าชุดใหม่ ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าเสื้อเชิ้ตธรรมดามันทำให้คนดูดีมากขนาดนี้ได้ยังไง แต่คิดไปคิดมา...น่าจะอยู่ที่หนังหน้า

“พี่นัดเพื่อนที่ไหนเหรอ”

“ร้านเหล้า”

ผมคว้ากระเป๋าตังค์กับโทรศัพท์แล้วเดินตามคนตัวสูงออกไปโดยไม่พูดอะไรอีก ตามตั้งแต่เดินออกมาจากห้อง เข้าลิฟต์ จนเดินมาถึงรถแล้วผมก็เปิดประตูเข้าไปนั่งเงียบๆ

“มึงมาทำไม” คนที่นั่งประจำที่คนขับสตาร์ทรถแล้วหันมามอง ไม่มีทีท่าจะขับออกไปถ้าผมไม่ตอบ

“ไปด้วยไง”

พี่ภูเลิกคิ้ว กวาดตามองตั้งแต่หัวจรดเท้า ผมเลยต้องก้มมองตาม ก็จริงอยู่ที่ตอนนี้ผมอยู่ในชุดบอลที่ยังไม่ได้เปลี่ยนกับรองเท้าแตะที่แอบพกมาวางทิ้งไว้ที่ห้องเขา แต่มันก็ไม่ได้ดูแย่อะไรขนาดนั้นสักหน่อย

“พี่อย่าคิดมากดิ คนหน้าดีใส่ไรก็ดูดี” ผมพยักหน้าเพื่อยืนยันคำพูดของตัวเอง คิดในใจว่ามันโคตรจะเป็นความจริง แต่เหมือนคนฟังจะไม่ได้คิดแบบเดียวกัน เพราะเขาถอนหายใจยาวแล้วออกรถโดยไม่พูดอะไรสักคำ

ถ้าถามว่าตอนแรกผมคิดจะออกมาหรือเปล่า ตอบได้เลยว่าไม่…ผมอยากนอนเล่นเกมอยู่เฉยๆ มากกว่า แล้วก็อุตส่าห์ไปแย่งเครื่องมาจากห้องไอ้โซแล้วด้วย แต่พอได้ยินจุดหมายปลายทางของเขาผมเลยโยนเรื่องเกมทิ้ง หลายอาทิตย์แล้วที่ไม่ได้กินเหล้า ไม่ใช่ไม่มีเวลาแต่ไม่มีตัง แล้วตอนนี้มีคนกระเป๋าหนักอยู่ด้วยทั้งที เรื่องอะไรผมจะปล่อยให้โอกาสหลุดมือ

พวกเราใช้เวลาเดินทางเกือบชั่วโมงก็มาถึงร้านเหล้าที่พี่ภูบอก ผมมองขึ้นมองลงแล้วก็เริ่มเข้าใจว่าทำไมเขาถึงมองการแต่งกายของผมแบบนั้น จริงอยู่ที่สถานที่ตรงหน้าผมคือร้านเหล้า แต่มันเป็นร้านที่แค่มองก็รู้ได้ว่าเป็นร้านหรูหราราคาแพงของพวกผู้ดี และแน่นอนว่ามันไม่ถูกจริตผมอย่างแรง

“ร้านน่าแหยงมาก” ผมกระซิบให้พี่ภูฟังในขณะที่เดินเข้าไปด้านใน เกือบโดนการ์ดกักตัวไว้เพราะอะไรก็ไม่รู้ แต่พอคนข้างๆ หันไปมองหน้าแล้วดึงแขนผมให้เดินตามพวกนั้นก็ถอยไปแต่โดยดี

รู้สึกเหมือนเป็นอีหนูของอาเสี่ย

เข้ามาข้างในแล้วก็ไม่ผิดจากที่คิดเท่าไหร่ มันคือร้านนั่งดื่มกึ่งร้านอาหารที่มีความหรูหราพอควร คนในนี้แต่งตัวอย่างกับมางานเลี้ยงยิ่งใหญ่ ชุดราตรีอะไรมาเต็ม ผมไม่สงสัยเลยว่าทำไมตัวเองถูกมองด้วยสายตาแบบนั้น แต่ถ้าถามว่าแคร์ไหม...แน่นอนว่าไม่

“เดรค!”

ผู้ชายคนหนึ่งที่นั่งอยู่ตรงโซนวีไอพีตะโกนเรียกเสียงดัง ผมจำได้ว่าชื่อที่เขาเรียกเป็นชื่อพี่ภูเลยมองตาม แล้วก็ไม่ผิดจากที่คิด เขาคือเพื่อนพี่ภูจริงๆ

“ไงเพื่อน” ฝรั่งหัวน้ำตาลตบไหล่พี่ภูแปะๆ ก่อนจะชวนให้นั่งลง พอผมนั่งตามอีกฝ่ายถึงได้หันมามองด้วยความสนใจ “ใครน่ะ”

“ผมชื่อเก้า” ผมแนะนำตัวกลับเป็นภาษาอังกฤษ ซึ่งทางนั้นก็ดูดีใจไม่น้อยที่ผมพูดภาษาเขาได้

“นึกว่าต้องพยายามพูดไทย บอกตรงๆ ว่าไม่ไหว ยากจริงๆ” เจ้าตัวทำหน้าเอียนก่อนจะปรับสีหน้าอย่างรวดเร็ว “ฉันชื่อไรอัน เป็นเพื่อนเดรคน่ะ”

ผมพยักหน้าเข้าใจ ปล่อยให้พวกเขาสั่งอาหารเครื่องดื่ม ส่วนตัวเองนั่งเฉยๆ เพราะเริ่มง่วง อากาศเย็นๆ ทำให้ผมอยากฟุบตัวลงนอนกับโต๊ะ แต่เพราะใส่เสื้อบอลมาตัวเดียวเลยเริ่มหนาวจนหลับไม่ลง

“เรื่องที่นั่นเป็นยังไงบ้าง…”

“ฉันมาพักผ่อนไม่ใช่มาคุยงานนะเดรค” ไรอันโอดครวญ แต่เหมือนพี่ภูจะไม่สนใจ เพราะเขายังคงพูดเรื่องงานอะไรสักอย่างที่ผมไม่เข้าใจเหมือนเดิม

พอบทสนทนาเริ่มเคร่งเครียดผมก็เลิกสนใจฟัง หันมายกเหล้าที่เพิ่งมาถึงโต๊ะเข้าปากแทน ยังไงก็คุยงานกัน สั่งมาเยอะขนาดนี้คงไม่ดี แถมคนสั่งก็ไม่ได้ว่าอะไรด้วย ผมเลยกระดกเอาๆ แต่ยิ่งกินก็ยิ่งหนาวจนต้องยกขาขึ้นมากอดบนโซฟา

“พี่ภู” ผมกระตุกชายเสื้อเจ้าของชื่อจนเขาหันมามอง “หนาว”

สายตาผมจ้องเสื้อคลุมที่เขาใส่อยู่เขม็งเป็นการสื่อชัดเจนว่าต้องการอะไร และต้องขอบคุณที่พี่ภูเป็นคนที่ใจดีที่สุดในโลก เขาเลยถอดเสื้อแล้วโยนมาคลุมหัวผมโดยไม่ปฏิเสธ

“หืม…ไม่ธรรมดานะนั่น” ไรอันเท้าคางมองแล้วพูดด้วยน้ำเสียงประหลาดใจถึงขีดสุด “นายดูเปลี่ยนไปนะเดรค”

“อะไร”

“ปกตินายดู...อืม...เข้าถึงยากกว่านี้มั้ง” ไรอันแย้มรอยยิ้มไม่น่าไว้ใจในขณะที่มองหน้าพี่ภู “เก้าเป็นคนรักของนายเหรอ”

“เปล่า” ผมตอบแทนพี่ภูแล้วโบกมือไปมา “ตอนนี้ยังไม่ใช่ ผมชอบพี่เขาฝ่ายเดียว”

“หา” คนฟังทำตาโตเป็นไข่ห่านก่อนจะหันมาให้ความสนใจกับผมอย่างรวดเร็ว “งั้นก็ยิ่งน่าแปลกไม่ใช่หรือไงที่เดรคยอมให้นายเข้าใกล้”

“จะไปรู้ไหม” ผมหันหน้าหนีด้วยความรำคาญใจเพราะขี้เกียจคุยต่อ

“เมาแล้วพาลนะเด็กนาย” แต่นอกจากจะไม่ถือสาแล้วไรอันยังมองเป็นเรื่องตลกอีกต่างหาก

“เปล่า...เมาไม่เมามันก็เป็นแบบนี้”

อย่างที่พี่ภูว่า ผมเป็นคนเมาที่คุยรู้เรื่อง สิ่งเดียวที่รู้สึกเวลาเมาคือง่วงนอน ครั้งสุดท้ายที่ผมเมาแล้วควบคุมตัวเองไม่ได้คือปีก่อนในงานวันเกิดรุ่นพี่ รู้สึกจะโดนลากกลับเพราะพูดไม่รู้เรื่อง มันจะเกิดขึ้นเวลาที่ผมมีเรื่องอะไรติดค้างในใจ แต่ที่ใครๆ ก็งงคือผมเป็นพวกฟื้นตัวไวมาก ได้นอนสักพักก็ลุกขึ้นมาหิวได้เหมือนเดิมแล้ว เพราะงั้นเวลาไปกินเหล้ากับเพื่อนเลยไม่มีใครห่วงเท่าไหร่

“ดูจากลักษณะ ท่าทางนายก็เริ่มใจอ่อนแล้วสินะ” ไรอันยกแก้วเหล้าขึ้นดื่มก่อนจะมองพี่ภูด้วยสายตาแปลกๆ

“...”

“แล้วน้องนายจะโอเคหรือไง”

ภามเกี่ยวอะไรด้วย…

“หุบปาก”

“โอเคๆ” ไรอันยกมือยอมแพ้เมื่อพี่ภูพูดด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบ ผมได้แต่มองพวกเขาด้วยความไม่เข้าใจ แม้จะพยายามตั้งใจเสือกและจับใจความยังไงก็ทำความเข้าใจได้ไม่หมด

“หยุดกินได้แล้ว” น้ำเสียงดุๆ ดังขึ้นพร้อมกับแก้วเหล้าที่ถูกดึงออกไปจากมือ ผมเกือบดึงกลับมาตามความเคยชินที่ไม่ชอบให้ใครมาห้าม แต่แค่ได้สบดวงตาสีเทาคู่นั้น…

“ไม่กินก็ได้”

ได้โปรดอย่าเบะปาก ไม่ว่าใครก็ต้องมีสิ่งที่แพ้ทางเป็นธรรมดา ผมก็ไม่เคยเชื่อหรอกจนได้มาเจอกับตัวเอง

ครืด ครืด

ผมเหลือบตามองพี่ภูที่หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูก่อนจะเห็นว่าเขากำลังตั้งท่าจะเดินไปคุยที่อื่น แต่ก่อนไปก็ยังไม่วายหันกลับมาจ้องหน้าไรอันอีกที

“อย่าพูดอะไรไม่เข้าท่า”

ไรอันยักไหล่ทั้งที่ยังยิ้มอยู่ ท่าทางไม่ได้เหมือนคนรับปากเลยสักนิด แต่พอโดนจ้องมากเข้าก็ยอมบอกว่าโอเค พี่ภูถึงได้หันหลังเดินออกไป

“ดูเหมือนโอกาสนายจะเยอะนะ” ไรอันขยิบตาให้ผมแล้วยิ้มกว้าง

“เหรอ” ผมยอมดันตัวขึ้นนั่งมองเขาดีๆ เพราะชอบใจคำพูดนั้นอยู่ไม่น้อย “คุณรู้จักพี่ภูนานหรือยัง”

“สิบกว่าปีแล้วล่ะ ตั้งแต่เจ้านั่นบินไปอังกฤษ”

“เมื่อก่อนพี่ภูอยู่ไทยเหรอ”

“อ่า...นายเพิ่งรู้จักเดรคสินะ เมื่อก่อนเจ้านั่นอยู่กับแม่แท้ๆ ที่นี่ พอท่านเสียไปก็เลยกลับไปอยู่กับพ่อแล้วก็แม่เลี้ยง” ไรอันยกแก้วเหล้าขึ้นดื่มด้วยท่าทางเหม่อลอย ใบหน้าที่ดูรื่นรมย์มาตลอดหม่นหมองลงโดยไม่ทราบสาเหตุ “ตอนเจอกันครั้งแรกแย่กว่านี้อีก ยังดีที่แม่เลี้ยงรักเดรคกับน้องมาก อะไรๆ เลยดีขึ้น”

“งั้นเหรอ…” ผมเงียบไปนานเพื่อจดจำเรื่องราวที่ได้รู้ไว้ในหัว ไม่ได้ถามอะไรต่อแม้จะสงสัยแค่ไหน เพราะผมอยากฟังจากปากพี่ภูมากกว่า อีกอย่าง...ท่าทางไรอันคงไม่ยอมพูดอะไรมากกว่านี้แน่

“นายรู้เรื่องน้องเดรคหรือยัง”

“รู้แค่ว่าเป็นน้องแท้ๆ…”

“แน่สิ หน้าตาเหมือนกันขนาดนั้น” ไรอันยักไหล่ก่อนจะเบะปากน้อยๆ เหมือนจะไม่ชอบใจนักยามนึกถึงหน้าภาม “ถ้าเด็กนั่นไม่ตัวผอมเหมือนโครงกระดูก ฉันเดาว่าคงเหมือนภูแทบทุกอย่างเลยล่ะ”

“ขนาดนั้นเลย?” ผมเลิกคิ้ว ลองพยายามนึกภาพพี่ภูตัวผอมเป็นโครงกระดูกยังไงก็นึกไม่ออก

“อ้อ...แน่นอนว่านิสัยไม่เหมือนนะ ถ้าภูเป็นแบบนั้นฉันคงเป็นบ้าตาย ถ้าไม่ใช่ว่ารู้เรื่องทุกอย่างแล้วสงสาร ฉันไม่มีทางยอมไปยุ่งเกี่ยวด้วยเด็ดขาด” ไรอันได้ทีบ่นไม่หยุด ท่าทางไม่รู้ตัวสักนิดว่าเผลอหลุดอะไรออกมาบ้าง

“แล้วทำไมคุณต้องถามพี่ภูว่าภามจะโอเคหรือเปล่า”

“ภูไม่ได้บอกอะไรนายมากกว่าบอกว่าเป็นน้องแท้ๆ เลยเหรอ”

ผมพยายามนึกถึงตอนที่คุยเรื่องนี้กับพี่ภู แต่นึกยังไงก็นึกออกแค่เรื่องนี้เรื่องเดียว

“พี่ภูบอกผมว่าถ้าอยากรู้อะไรให้ถามเจ้าตัวเอง”

ไรอันตอบรับเบาๆ ในลำคอก่อนจะเปลี่ยนสีหน้าให้กลับมาดูร่าเริงจนน่าหมั่นไส้อีกครั้ง

“นั่นหมายความว่าภูคิดว่านายจะทำได้น่ะสิ”

“ทำอะไร”

“เดี๋ยวก็รู้เอง”

“เดี๋ยวนะ ขอทีเหอะ” ผมยกมือเป็นเชิงบอกให้เขาหยุด “ไอ้ประโยคประเภทเดี๋ยวก็รู้เองอะไรนั่น...ถ้าไม่อยากให้รู้ก็อย่าพูดดิ ไม่บอกแล้วจะพูดขึ้นมาทำไม”

พูดให้อยากรู้ พูดให้สงสัย พูดให้คิด แล้วสุดท้ายก็เทกันง่ายๆ ตอนแรกก็ไม่ได้สงสัยอะไรขนาดนั้น แต่พอเปิดทางให้เท่านั้นล่ะ…

เดี๋ยวก็รู้

แล้วจะพูดทำไมวะ!

“โทษทีๆ” ไรอันหัวเราะเสียงดังแล้วพูดขอโทษไม่หยุด แทนที่จะสำนึกและเข้าใจดันหัวเราะใส่ ท่าทางไอ้ฝรั่งนี่อยากโดนดี

“หัวเราะทำ…” ซากอะไร

“อา…” ไรอันยกมือเช็ดน้ำตาป้อยๆ ก่อนจะยิ้มกว้างให้ผม และดูเหมือนมันจะเป็นรอยยิ้มที่จริงใจที่สุดตั้งแต่ได้เจอกัน

“ยอมรับแล้วล่ะ”

“ยอมรับ?”

“ฉันเข้าใจแล้วว่าทำไมต้องเป็นนาย” เขาว่าก่อนจะโน้มตัวมาข้างหน้าแล้วยกแก้วเหล้าขึ้นเขย่า “เอาเป็นว่าถ้าเป็นเรื่องที่ช่วยได้ ต่อไปฉันจะช่วยแล้วกัน”

ผมคลี่ยิ้มถูกใจแล้วยกแก้วขึ้นชนเป็นอันตกลงตามนั้น

“แบบนี้ค่อยน่าคุยหน่อย”

หลังจากเป็นพันธมิตรกันเรียบร้อยแล้วผมก็แลกช่องทางการติดต่อกับไรอันไว้ และมันเป็นเวลาเดียวกันกับที่พี่ภูกลับมาที่โต๊ะพอดี สายตาของเขากวาดมองผมกับไรอันด้วยความไม่ไว้วางใจ จากนั้นก็นั่งลงข้างๆ ผมเหมือนเดิม

คำถามมากมายวนเวียนอยู่ในหัวผมไม่หยุด ต้นเหตุมาจากสิ่งที่ไรอันหลุดออกมา ทั้งเรื่องที่เขาไม่ชอบนิสัยภามและเรื่องที่บอกว่าสงสาร ผมคิดจนปวดหัวแต่ก็ไม่เจอทางออก สุดท้ายเลยได้แต่ตัดมันทิ้งไปง่ายๆ แล้วรอเวลาให้ทุกอย่างเฉลยออกมาเอง

หวังว่าจะมีวันนั้น...

“จะอยู่ถึงวันไหน” พี่ภูหันไปถามไรอัน

“อีกไม่กี่วันก็กลับแล้ว เวลาเที่ยวมีน้อย เจอกันอีกทีคงที่อังกฤษเลย”

“อืม”

“เอาล่ะ...งั้นฉันคงต้องขอตัวก่อน” ไรอันลุกขึ้นยืนบิดตัวก่อนจะกวักมือเรียกพนักงาน “ดูท่านายเองก็จะกลับแล้ว มื้อนี้ฉันเลี้ยงเอง เอาไว้เจอกันใหม่”

“เจอกัน” พี่ภูบอกลาสั้นๆ ก่อนจะเดินแยกไป ผมเลยรีบโบกมือให้ไรอันแล้ววิ่งตาม

กว่าจะเดินไปถึงรถค่อนข้างใช้เวลา เพราะตอนมาที่จอดเหลือไม่มาก พี่ภูเลยต้องจอดอยู่ไกลพอควร ผมใช้เวลาที่เดินรอบสังเกตสีหน้าของคนด้านข้าง แล้วก็เป็นแบบที่คิด…

เขากำลังอยู่ในโหมดอารมณ์ไม่ดีเท่าไหร่

“เรื่องงานแหง” ผมพูดลอยๆ คิดว่าน่าจะใช่เพราะมันเกิดขึ้นตั้งแต่ที่พี่เขาออกไปรับโทรศัพท์

“เดาเก่ง”

เขาเรียกว่าฝีมือหรอก

“พี่อยากหายเครียดไหม” ผมหันไปถามพี่ภูด้วยความดี๊ด๊าเมื่อนึกอะไรดีๆ ออก โชคดีจริงๆ ที่พรุ่งนี้หยุด

“คิดจะทำอะไร”

“อย่าทำหน้าตาไม่ไว้ใจผมสิ ปะๆ เดี๋ยวโชว์” ว่าแล้วผมก็วิ่งนำไปที่รถก่อนจะเปิดประตูขึ้นไปนั่ง รอให้พี่ภูขึ้นรถมาแล้วถึงพูดต่อ “เดี๋ยวพี่ขับไปตามทางที่ผมบอกนะ”

พี่ภูไม่ตอบอะไรแต่ก็ยอมขับไปตามทางที่ผมบอก ถามว่ารู้ทางไหมบอกเลยว่าไม่ เปิดกูเกิลเอา ผมจำได้แค่ชื่อสถานที่ซึ่งพี่วินเคยแนะนำมาตั้งแต่อยู่ปีหนึ่งโดยบอกว่าที่นี่คนน้อยให้หาเวลาไปเดินเล่น แถมยังอยู่ในหมู่บ้านที่เงียบสงบไม่มีสิ่งรบกวนด้วย พี่แกบอกว่ามานั่งแต่งเพลงแถวนี้หัวผมน่าจะแล่น

“สวนสาธารณะ?” พี่ภูหยุดรถตามที่ผมบอกก่อนจะถามด้วยความแปลกใจ

“ใช่แล้ว”

“สวนสาธารณะตอนห้าทุ่มกว่า...มึงมาให้ยุงหามเหรอ”

“ไม่ใช่สักหน่อย” ผมส่ายหน้า “พี่มานั่งที่ข้างคนขับที”

ไม่ต้องรอให้เขาตอบผมก็ลงจากรถก่อนจะเดินไปเปิดประตูคนขับออกด้วยตัวเองแล้วดึงแขนพี่ภูให้ลงมา เขามองด้วยสายตางงๆ แต่ก็เดินไปนั่งข้างคนขับแต่โดยดีเหมือนอยากรู้ว่าผมจะทำอะไร และผมก็ให้คำตอบด้วยการ…

“มึง…”

ยัดตัวลงนั่งฝั่งคนขับ

“ผมจะพาพี่ขับรถเล่นเอง หมู่บ้านนี้ไม่ค่อยมีคน ถนนก็กว้าง พี่ไม่ต้องห่วงนะ สบายๆ”

“มึงขับไม่เป็นไม่ใช่เหรอ”

“เชื่อผม…” ผมยิ้มให้พี่ภูก่อนจะขยับตัวไปคาดเข็มขัดให้เขาโดยไม่ขัดเขิน...เพราะกลั้นไว้อยู่ “ทฤษฎีผมแน่น”

เอาล่ะ...การขับรถครั้งแรกของคุณอชิราคือการขับออดี้ เป็นอะไรที่สมฐานะที่สุด

“เอาจริง?”

“จริง” ผมพยักหน้ายืนยันก่อนจะเข้าเกียร์ ศึกษาทฤษฎีมาสักพักแล้ว วันนี้จะได้ใช้สักที จริงๆ ก็ตื่นเต้นเบาๆ แต่เก็บอาการอยู่

“แล้วมาลองครั้งแรกกับรถกู?” พี่ภูพูดเสียงเพลียๆ

“อย่าคิดมาก ผมจะทำให้พี่ผ่อนคลายเอง แต่จะให้ดีพี่คอยบอกผมด้วยก็จะดีมาก”

ที่ผมอยากจะบอกก็คือ ถ้าไม่อยากให้ออดี้มีตำหนิก็จงสอนดีๆ แต่ถ้าพูดออกไปแบบนั้นมีหวังโดนถีบตกรถแน่ๆ เก็บไว้ในใจดีกว่า

“ไปนะ” ไม่ต้องรอคำตอบผมก็เริ่มออกรถทันที ขยับนิดขยับหน่อย ซ้ายๆ ขวาๆ แรกๆ พี่ภูไม่ได้พูดอะไรสักคำเพราะเห็นผมขับได้ แต่พอผมเพิ่มความเร็วเท่านั้นแหละ

เพียะ!

“ตีแขนผมทำไม” ผมหยุดรถแล้วลูบแขนตัวเองที่โดนตีเสียงดังป้อยๆ โดยที่หน้าบูดจนไม่รู้จะบูดยังไงแล้ว

“ใครใช้ให้เพิ่มความเร็ว” พี่ภูพูดเสียงราบเรียบ หน้าดุกว่าเดิมสองเท่า “ขับดีๆ จับพวงมาลัยสองมือ”

“ครับ”

“อย่าอวดเก่ง ไปชนอะไรเข้าจะทำไง”

“มีรอยขูดขีดนิดหน่อยรถพี่จะได้ดูมีอะไรไง”

“…”

“ขอโทษครับ” ผมพูดเสียงอ่อยก่อนจะค่อยๆ ขยับรถอีกครั้ง แต่พออยากเพิ่มความเร็วก็รู้สึกเหมือนมีสายตาของคนข้างๆ ฟาดฟันมาเป็นเชิงด่าจนต้องหยุดทุกที

จากการวางแผนอันชาญฉลาด ผมคิดว่าการฝึกขับรถครั้งนี้จะทำให้เกิดความเฮฮาขึ้น และคาดหวังไว้ว่าพี่ภูจะหายเครียดจากการได้เห็นความพยายามและความตั้งใจของผม แต่ทุกสิ่งที่คิด…

มันคือความผิดพลาด

“ปรับเบาะให้มันพอดีตัวสิวะ เตี้ยแล้วไม่เจียม”

เตี้ยเหี้ยไรล่ะ…

ใจคิดแต่ปากพูดได้แค่...

“ครับ” ว่าแล้วก็ปรับเบาะให้พอดีตัว

“กระจกด้วย”

“ครับ” ปรับกระจกให้มองถนัด

“ขับไปดีๆ”

“ครับ” จับพวกมาลัยแน่น

“ตามองทางสิวะ มองเหี้ยไรของมึง”

“ผมเห็นตู้ชาเขียว…” อยากกิน

“อ้วน”

โอเคเลิก

ผมมองตรงไปข้างหน้าด้วยความตั้งใจเพราะกลัวโดนดุอีก พอขับดีๆ ไม่มีปัญหาเขาก็ไม่ยอมพูดอะไรสักคำจนผมคิดว่าอยู่คนเดียว แต่ถ้าพลาดขึ้นมาก็จะเป็นแบบเมื่อกี้อีก ว่าแต่...

เอี๊ยดดดดดด!

“ทำอะไรของมึง!” พี่ภูพูดกึ่งตวาด ทำท่าเหมือนอยากเข้ามากระชากหัวผม

“ผมเห็นขี้หมาอยู่ตรงล้อพอดี ก็เลย…”

ถ้าโดนมันก็จะเหม็นแล้วก็สกปรก

“แล้วทำไมไม่หักหลบ” 

“ผมเพิ่งเคยขับนี่นา”

“มึงแม่ง…” เขาทำท่าเหมือนจะตีผมเลยหลับตา แต่สิ่งที่ได้รับกลับเป็นสัมผัสนุ่มๆ ของมือที่วางแปะลงมาบนหัวแทน “เอาเถอะ...ครั้งแรกแค่นี้ก็ดีแล้ว”

เท่านั้นล่ะผมยิ้มหน้าบานในทันที แล้วยิ่งบวกกับมือที่แปะอยู่บนหัว...อยากจะย้ำสักสามล้านรอบว่าชอบสัมผัสของเขามากแค่ไหน

“งั้นผมขับกลับเลยนะ”

“เพิ่งลองขับไม่ถึงชั่วโมงมึงจะขับกลับเลย?” พี่ภูเลิกคิ้วก่อนจะละมือออกจากหัวผมไปกอดอกไว้แทน

“จ๋าบอกว่าอยากเก่งก็ต้องลองทำ”

“คำสอนผิดหรือวิธีคิดมึงผิดกันแน่วะ”

“พี่ว่าอะไรนะ”

“เปล่า” คนที่พึมพำอะไรสักอย่างตอบเสียงเรียบแล้วมองตรงไปข้างหน้า “มานั่งเฉยๆ ได้แล้ว เมื่อกี้มึงกินเหล้ามา เอาไว้ค่อยขับวันหลัง”

จริงๆ ผมก็ไม่ได้เมาหรอก แต่ก็ตามที่พี่ภูว่า อย่าเพิ่งดีกว่า

พอสลับที่กันเรียบร้อยแล้วพี่ภูก็ออกรถ ผมเอนเบาะลงนิดหน่อยแล้วกอดเสื้อแขนยาวของเขาไว้พร้อมทั้งพยายามบังคับเปลือกตาให้เปิดให้นานที่สุดเพื่อจะได้อยู่เป็นเพื่อนคนที่กำลังขับรถ แต่พอแอร์กระทบตามากเข้าก็เริ่มทนไม่ไหว

“ง่วง”

“นอนไป”

พอได้รับคำอนุญาตแล้วผมก็ไม่รอช้าปิดเปลือกตาลงทันที แต่ก่อนสติจะเลือนหาย ผมได้ยินเสียงบ่นของใครอีกคนดังอยู่ไม่ไกล...

“สรุปว่ามึงจะช่วยให้กูหายเครียดหรือเครียดกว่าเดิมกันแน่”

 

-----------------

 

ติดตามข่าวสารได้ที่

เพจ Chesshire.

Twitter @Chesshire04
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 31-07-2017 14:33:06 โดย CHESS. »

ออฟไลน์ LadySaiKim

  • ▫▪□Dezine'Kim□▪▫
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1703
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-0
Re: ┌▼Nitrogen ไนโตรเจน▲┘ ==[14]==[P.9]== [28/05/60]
«ตอบ #242 เมื่อ28-06-2017 22:54:42 »

ดีงามมมม :katai2-1: :katai2-1:

ออฟไลน์ 205arr

  • เราคงอยู่ไกลกันเป็นพันหมื่นลี้
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 748
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-1
Re: ┌▼Nitrogen ไนโตรเจน▲┘ ==[14]==[P.9]== [28/05/60]
«ตอบ #243 เมื่อ28-06-2017 23:12:14 »

ระแวงน้องภามละเอาตรงๆ
ความกังวลระดับร้อย
ส่งแรงใจให้น้องกระต่ายเก้านะคะ
 :กอด1: :กอด1:

ออฟไลน์ route rover

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2423
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +221/-7
Re: ┌▼Nitrogen ไนโตรเจน▲┘ ==[14]==[P.9]== [28/05/60]
«ตอบ #244 เมื่อ28-06-2017 23:23:48 »

ทำไมขำเวลาสองคนนี้คุยกัน ขำเก้าอ่ะ  :laugh:

ออฟไลน์ shoi_toei

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4359
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +222/-26
Re: ┌▼Nitrogen ไนโตรเจน▲┘ ==[14]==[P.9]== [28/05/60]
«ตอบ #245 เมื่อ28-06-2017 23:46:49 »

อิเก้า เกรียนได้ใจ

ออฟไลน์ PrimYJ

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3473
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3
Re: ┌▼Nitrogen ไนโตรเจน▲┘ ==[14]==[P.9]== [28/05/60]
«ตอบ #246 เมื่อ29-06-2017 00:09:53 »

น้องภามเป็นคนแบบไหนล่ะเนี่ย ก้อนสู้ๆนะ 5555

ออฟไลน์ Mura_saki

  • แค่เรารู้จักกัน...มันก็ดีที่สุดแล้ว :)
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +179/-9
Re: ┌▼Nitrogen ไนโตรเจน▲┘ ==[14]==[P.9]== [28/05/60]
«ตอบ #247 เมื่อ29-06-2017 00:52:12 »

ชอบนิสัยเก้าอ่ะ

ออฟไลน์ TIKA_n

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1391
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +308/-4
Re: ┌▼Nitrogen ไนโตรเจน▲┘ ==[14]==[P.9]== [28/05/60]
«ตอบ #248 เมื่อ29-06-2017 09:34:33 »

น้องเก้าน่ารักอีกแล้ว ชอบความเนียนตามพี่ภูไปทุกที่เนี่ย 555
แล้วยังใส่ใจเรื่องพี่ภูทุกอย่าง แม้แต่เรื่องที่ต้องคุยกับภามด้วย
พี่ภูประทับใจน้องอีกแล้วสินะ สายตาที่จ้องน้องคืออะไรอ่ะ อยากรู้
ว่าแต่ภามเนี่ย เป็นคนยังไงน้อ เด็กติดพี่ หวงพี่ ประมาณนั้นสินะ
แล้วมีปมอะไรที่ทำให้พี่ภูถึงต้องยอมน้องขนาดนี้กันนะ
อยากอ่านตอนน้องเก้าเจอกับภามเร็ว ๆ แล้ว น้องเก้าจะพิชิตใจภามยังไง
รอตอนต่อไปนะคะ ขอบคุณคนเขียนจ้ะ


ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
Re: ┌▼Nitrogen ไนโตรเจน▲┘ ==[14]==[P.9]== [28/05/60]
«ตอบ #249 เมื่อ29-06-2017 12:16:53 »

ภาม น้องพี่ภู ยังไง ชักสงสัยละ  :katai1:

แต่พี่ภู ดูเปิดใจให้เก้าแล้วนะ
ขนาดเพื่อนพี่ภู ไรอัน ยังมองว่าพี่ภู ผ่อนคลายกว่าเดิม
และยอมรับว่าเก้านี่ละที่จะทำได้   :z3: :z3: :z3:
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: ┌▼Nitrogen ไนโตรเจน▲┘ ==[14]==[P.9]== [28/05/60]
« ตอบ #249 เมื่อ: 29-06-2017 12:16:53 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Margarita

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 85
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
Re: ┌▼Nitrogen ไนโตรเจน▲┘ ==[14]==[P.9]== [28/05/60]
«ตอบ #250 เมื่อ29-06-2017 21:58:15 »

 :L1:

ออฟไลน์ PKT

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 183
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
Re: ┌▼Nitrogen ไนโตรเจน▲┘ ==[14]==[P.9]== [28/05/60]
«ตอบ #251 เมื่อ30-06-2017 00:56:52 »

55555อิเก้าตัวป่วน

ออฟไลน์ CHESS.

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 212
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +228/-2
Re: ┌▼Nitrogen ไนโตรเจน▲┘ ==[14]==[P.9]== [28/05/60]
«ตอบ #252 เมื่อ30-06-2017 13:11:44 »




-15-

 

“โอ้ย! พวกมึงเป็นคนหรือลิงวะ! ซนฉิบหาย! ขึ้นรถดีๆ!”

“พี่วิน ผมอยากนั่งคันนี้อ่า”

“พี่วิน ทำไมพวกผมได้นั่งคันสุดท้ายงะ”

“พี่วิน…”

“พี่วินพ่อมึงสิ! ไอ้เจมส์ มึงมาคุมแทนกูที เลิก!”

ผมมองภาพพี่วินเตะหินเตะดินด้วยความหัวเสียแล้วก็ได้แต่ขำอยู่กับไอ้โซสองคนโดยไม่มีความคิดจะเข้าไปช่วยเพราะไม่อยากโดนลูกลิงที่พี่แกว่าวิ่งมาเกาะแทน ไอ้พวกเด็กดุริยางค์ก็เจี๊ยวจ๊าวไม่เลิก รอจนเฮียเจมส์สุดโหดออกโรงนั่นล่ะถึงยอมเข้าแถวเรียงขึ้นรถ

ถ้าจะโทษใครก็คงต้องโทษพี่วินเองที่ไปทำตัวสนิทกับพวกปีหนึ่งเกินจนพวกมันแทบจะเรียกพ่อจ๋ากันอยู่แล้ว ทีนี้เลยโดนงอแงใส่จนคนใจเย็นสติแตกเดินหนีขึ้นรถไปรวมกับพวกปีสี่แล้วเรียบร้อย

“จะปลดปล่อยความเครียดจำเป็นต้องทำกูเครียดไปด้วยไหมถามจริง” เฮียเจมส์เดินนวดขมับมายืนพิงรถอยู่ข้างๆ ผม ท่าทางดูปวดหัวเพราะความโหดของแกเริ่มเอาลูกลิงไม่ค่อยไหว

“ปีหนึ่งก็งี้” ผมตอบก่อนจะหันไปพยักหน้าให้ไอ้เปรมที่ยกมือไหว้ทักทาย

“สอบเสร็จครั้งแรกแม่งทำเหมือนเรียนจบ”

เออ...ก็จริง ขนาดปีหนึ่งยังเป็นขนาดนี้ เดี๋ยวเจอสอบปีสองแม่งคงร้องห่มร้องไห้ที่สอบเสร็จกันแหง

วันนี้เป็นวันเดินทางไปค่ายของเด็กดุริยางค์ทั้งสี่ชั้นปี นับจำนวนดูแล้วมีคนไม่ไปไม่ถึงสิบ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเพราะไม่ว่าง ไอ้โซเองก็เกือบจะไม่ไปเหมือนกัน แต่พอพี่กีล์บอกว่าตัวเองจะไม่อยู่พอดีเพราะจะไปดูงานที่ภูเก็ต ไอ้หมาติดเมียเลยยอมหอบผ้าหอบผ่อนมาขึ้นรถด้วย

ส่วนคนที่ผมอยากให้มา…

นับตั้งแต่ที่ผมไปนอนห้องเขาวันนั้นก็ยังไม่ได้เจอกันเลย พี่ภูงานยุ่งมากจนผมเหนื่อยแทน ตอนเช้าวันนั้นพอตื่นขึ้นมาผมก็ไม่เห็นเขาแล้ว พี่ภูแค่ทิ้งโน้ตไว้ว่าไปทำงาน ไม่กลับคอนโด แล้วก็หายเข้ากลีบเมฆไปเลยสองวันเต็ม หลังจากนั้นเขาถึงได้ส่งสติกเกอร์อันเดิมกลับมาให้ผมเป็นเชิงบอกกล่าวว่ากลับมาแล้ว และพอพูดถึงเรื่องมาเที่ยว…

‘ติดงาน’

ผมไม่ดีใจเลยสักนิดที่เขาพิมพ์หาเป็นครั้งแรก เพราะถ้าส่งสติกเกอร์กลับมาให้ลุ้นเอายังน่าดีใจกว่าอีก แต่ถึงจะรู้ว่าเขาไม่มาแล้วใจผมก็ยังอดหวังไม่ได้…หวังจนต้องมองไปรอบๆ อยู่บ่อยครั้ง

“พี่เก้า ขึ้นรถเร็วววววว”

“รู้แล้ว” ผมหันไปตอบไอ้เปรมที่ยื่นหน้าออกมาจากหน้าต่างรถทัวร์ก่อนจะกวาดตามองรอบด้านเป็นครั้งสุดท้าย

คงหมดหวังละ…

นอยเบาๆ แต่ไม่เป็นไร...ไปแกล้งเด็กให้หายนอยเอาก็ได้

“ไอ้โซ หยุดเล่นโทรศัพท์แล้วมาขึ้นรถ” ผมหันไปเรียกคนที่ยืนพิงรถกดโทรศัพท์ไม่หยุด มันเงยหน้ามองด้วยสายตามึนๆ เหมือนจะถามว่าขึ้นกันหมดแล้วเหรอ จากนั้นก็เดินมาขึ้นคันเดียวกับผม...เพลียกับหมาขี้งอนแต่ก็ห่วงเมียเหลือเกิน

“กีตาร์ไม่ตอบ” มันเดินตามขึ้นมาแล้วบ่นด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ อีกสักพักถ้าพี่กีล์ยังไม่ตอบต้องมีคนกระโดดลงรถแน่

“นั่งเครื่องอยู่มั้ง รอเราถึงมึงค่อยดูอีกที”

“ก็ได้”

ถ้ารู้ว่าพูดแบบนั้นแล้วมันจะเลิกสนใจโทรศัพท์หันมานอนพิงผมแทน สัญญาเลยว่าจะปล่อยให้มันนั่งเครียดไปตลอดทาง

“เอาหัวออกไป กูจะพิงมึง ไม่ใช่ให้มึงพิงกู”

ง่วงก็ง่วง กะจะหลับยาวสักหน่อยยังเสือกไวกว่าอีก

“กับภูเป็นยังไงบ้าง”

ผมเลิกคิ้วแล้วก้มหน้าลงมองเพื่อนที่พิงไหล่อยู่ก่อนจะยอมลดมือที่คิดจะผลักหัวมันออกลง

“เข้าใจเลือกเรื่อง”

“สรุปว่ายังไง”

“ก็ดี” คิดว่านะ

“ก็ดีคือ..”

“ทำไมเดี๋ยวนี้มึงขี้เสือกนัก” ผมด่ามันตรงๆ มาถามต่อแบบนี้แล้วจะไปตอบอะไรได้ ในเมื่อผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าก็ดีคืออะไร

ความเปลี่ยนแปลงหลายๆ อย่างที่เกิดขึ้นผมรับรู้ได้ก็จริง แต่ถ้าให้อธิบายออกมาเป็นคำพูดก็ทำไม่ได้อีกเหมือนกัน สิ่งที่เกิดขึ้นระหว่างผมกับเขามันเป็นไปอย่างช้าๆ และขยับไปทีละนิดจนผมไม่รู้ว่าต้องรอให้ถึงจุดไหนถึงจะเป็นจุดที่ผมกล้าพูดได้อย่างมั่นใจกันแน่…ถึงอย่างนั้นผมก็ยังยินดีที่มันเป็นแบบนี้

ช้าๆ แต่มั่นคง…จนเขาหนีไปไหนไม่พ้น

“ยากใช่ไหมล่ะ” ไอ้โซหัวเราะเบาๆ ในลำคอ “พอเป็นเรื่องของตัวเอง มันเลยยากใช่ไหม”

“นั่นสินะ”

“ตอนเป็นเรื่องคนอื่นก็พูดได้อยู่หรอก แต่พอเป็นเรื่องของตัวเอง ไม่ว่าจะอะไรมันก็ยากไปหมดสินะ”

“มึงเลิกแดกดันกูที” ผมยกมือดึงผมไอ้คนข้างๆ จนมันร้องโอ้ยเบาๆ ก่อนจะพิงหัวมันกลับเพื่อพักผ่อน

ไม่ผิดจากที่ไอ้โซพูด ผมเป็นพวกมีความมั่นใจแต่ใช่ว่าจะไม่ยอมรับความจริง สิ่งที่มันพูดคือสิ่งที่ผมต้องยอมรับ…ตอนเป็นเรื่องของมันกับพี่กีล์ ผมไม่ได้แนะนำหรือบอกมันมั่วๆ แต่เพราะผมมองเห็นทุกมุมและรู้ว่าพี่กีล์เป็นคนแบบไหนถึงได้กล้าพูดรวมถึงกล้าบอกว่าควรทำยังไง แต่พอเป็นเรื่องของตัวเอง...ยิ่งกับคนอ่านยากแบบพี่ภู สิ่งที่ทำได้มีแค่การใช้ความรู้สึกส่วนตัว…มันไม่ใช่อะไรที่ใช้สมองช่วยได้ ถ้าเขาชอบก็ดี แต่ถ้าเขาไม่ชอบ...ก็ต้องพยายามหนักกว่าเดิม นั่นคือสิ่งที่ผมคิด

“ขอโทษที่ช่วยอะไรไม่ได้”

ผมหันขวับไปมองคนพูดด้วยความตกใจ มือยกบีบขมับแล้วนวดให้มันจนคนที่กำลังหลับตาร้องอืออาด้วยความพอใจ

“มึงโอเคนะ กินไรผิดสำแดงมาเปล่าวะ”

อี๋ แค่ฟังก็ขนลุกละ ต้องการอะไรจากสังคม

“อย่าด่าในใจ” มันพูดทั้งที่ยังหลับตา

เดี๋ยวนี้พัฒนาเนอะ ไม่ต้องมองก็รู้ว่าผมด่าในใจ

“ก็มึงมาแปลก”

“หึ”

พอผมเงียบไอ้โซก็เงียบตาม มันขยับตัวนิดหน่อยก่อนจะนิ่งไป ผมเลยเอนหัวพิงมันดีๆ แล้วมองออกไปนอกหน้าต่าง ระยะทางที่ผ่านไปเรื่อยๆ ทำให้อะไรมากมายไหลเข้ามาในหัว ความคิดสับสนตีกันวุ่นวายไปหมด และเรื่องที่คิดก็หนีไม่พ้นเรื่องเดิมๆ

ผมยังคงยืนยันว่าตัวเองค่อนข้างหมกมุ่นกับสิ่งที่สนใจ จะคิดหาทางจนกว่าทุกอย่างจะเป็นไปตามเป้าหมาย ผมเคยคิดว่าสามารถทำทุกอย่างได้ด้วยตัวคนเดียว ถ้าใครสักคนจะช่วย มันก็เป็นเพราะผมต้องการใช้งาน ทุกอย่างเกิดจากความต้องการของตัวเองจนบางทีก็ลืมไปเหมือนกันว่าคนที่อยู่ข้างๆ เป็นเพื่อน...เป็นคนที่หวังดีด้วย…ไม่ใช่คนใช้

มันคงเป็นนิสัยแย่ๆ ที่รู้ดีอยู่แก่ใจ แต่เพิ่งคิดได้ตอนที่ได้ยินเพื่อนสนิทพูดว่า ‘ขอโทษที่ช่วยอะไรไม่ได้’ ล่ะมั้ง

“บรรยากาศยังไม่เหมาะจะดราม่า เอาไว้ค่อยคุย” ผมพูดติดตลกแล้วหลับตาลง ได้ยินเสียงตอบรับเบาๆ ดังมาจากคนข้างๆ เป็นสัญญาณของการจบบทสนทนาทั้งหมด

 

 

“ขนของลงโว้ย!”

ผมสะดุ้งตื่นเพราะเสียงตะโกนจากนอกรถ เกือบเผลอโวยวายอยู่เหมือนกันเพราะผมไม่ชอบให้ใครกวนตอนหลับ แต่พอเห็นว่ารถจอดอยู่ที่ไหนก็ได้แต่ลูบหน้าลูบตาควบคุมอารมณ์

“แม่ง…” คนที่นอนพิงไหล่ผมจนชาไปหมดบ่นพึมพำด้วยความหัวเสียไม่ต่างกัน

ตอนนี้เราเดินทางมาถึงจุดหมายแล้ว เห็นพี่วินบอกว่าตอนจะขึ้นไปต้องเปลี่ยนไปนั่งสองแถวใหญ่แทนเพราะเรามากันเยอะและรถบัสไม่สามารถเข้าไปต่อได้

ผมเดินขยี้ตาลงมาจากรถก่อนจะสัมผัสได้ถึงลมเย็นที่พัดมาเป็นอันดับแรกเพราะเข้าฤดูหนาวแล้ว อีกทั้งที่นี่ยังเป็นเขาด้วย…เขาใหญ่คือจุดหมายปลายทางของการเดินทางครั้งนี้ โดยที่ที่เราจะเดินทางเข้าไปพักคือด้านในอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่

“มึงไม่เคยมาสินะ” ผมหันไปถามเพื่อนที่ยืนหมุนซ้ายหมุนขวามองรอบด้านอยู่ ท่าทางง่วงๆ ของมันหายไปหมดแล้ว เหลือเพียงความตื่นเต้นที่สะท้อนออกมาผ่านดวงตาเป็นประกายคู่นั้น

“ถ้าได้มากับกีตาร์ก็ดีสิ”

อยากจะกลอกตาแล้วด่าสักทีแต่ก็ทำไม่ได้…เพราะผมเองก็คิดไม่ต่างจากมัน

ถ้าได้มากับพี่ภูก็คงดี…

พวกผมเดินไปขึ้นรถเป็นกลุ่มสุดท้ายเลยต้องเกาะท้ายสองแถวไปตามระเบียบ ตัวผมเองไม่เท่าไหร่เพราะคิดว่าดีเหมือนกันจะได้เห็นวิวชัดๆ แล้วก็เคยขึ้นสองแถวหนีเที่ยวมาแล้วหลายครั้ง แต่ไอ้คนหน้านิ่งที่ตาเป็นประกายเพราะได้เกาะสองแถวเป็นครั้งแรกแลดูจะตื่นเต้นออกนอกหน้าสุดๆ

“วู้ววววว อากาศดีโว้ย” ไอ้เปรมที่นั่งรถคันเดียวกับผมตะโกนเสียงดังในทันทีที่รถออกตัวโดยมีเสียงลูกคู่ตะโกนตอบรับดังตามเป็นแถบ

ยิ่งขึ้นเขาเสียงพูดคุยในรถก็ยิ่งดังมากขึ้นเรื่อยๆ ผมไม่ได้สนใจอะไร แค่ปล่อยให้เสียงหนวกหูของพวกมันลอยผ่านไปแล้วทุ่มความสนใจไปกับการมองวิวในขณะขึ้นเขาแทน

“พี่เก้า”

“ว่า” ผมหันไปหาคนเรียกที่นั่งอยู่ด้านในรถ แต่ไม่ใช่แค่สายตาของไอ้เปรมคนเรียกที่มองกลับมา เพราะดูเหมือนเด็กปีหนึ่งในรถจะให้ความสนใจผมกันหมด เสียงโหวกเหวกที่ดังมาตลอดก็ไม่รู้ว่าหายไปตั้งแต่ตอนไหน

“พี่เป็นไรเปล่า”

“อะไรของมึง”

พวกมันมองหน้ากันเหมือนจะสื่อสารทางสายตาก่อนไอ้เปรมจะเป็นหน่วยกล้าตายตอบผมเหมือนเดิม

“ก็พี่ดูเหม่อๆ แล้วก็ทำตัวเหมือนพระเอกเอ็มวี ทั้งที่ปกติน่าจะด่าพวกผมไปแล้วแท้ๆ”

ผมมองพวกมันงงๆ ก่อนจะคิดตามคำพูดนั้นช้าๆ รู้สึกเหมือนวันนี้หัวจะไม่แล่นเท่าไหร่ แต่เพราะไม่แน่ใจนักว่าตัวเองเป็นแบบที่พวกมันบอกจริงไหมผมเลยหันไปมองคนที่ยืนอยู่อีกด้าน โซไม่ได้พูดอะไร มันแค่มองกลับมาแล้วพยักหน้าเบาๆ เป็นคำตอบ

ผมเป็นแบบที่พวกมันบอกจริงๆ

“กูไม่เป็นไร” ผมหันไปบอกพวกในรถด้วยน้ำเสียงปกติ แต่พวกมันทำหน้าเหมือนเห็นผีแล้วหันไปซุบซิบกันยกใหญ่ สุดท้ายผมเลยเลิกสนใจพวกมันแล้วหันมาดื่มด่ำกับบรรยากาศนอกรถแทน

แม้ในใจจะยังสงสัยว่าอะไรที่รบกวนจิตใจตัวเองจนทำตัวผิดปกติก็ตาม

ครืด

ผมรีบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูเมื่อรู้สึกว่ามันสั่น ใจคาดหวังโดยไม่รู้ตัวให้เป็นข้อความของใครบางคนที่กำลังคิดถึง แต่กลับกลายเป็นต้องผิดหวังเมื่อมันเป็นแค่ข้อความแจ้งค่าโทร ความรู้สึกหงุดหงิดใจทำให้เผลอกดปิดโทรศัพท์ไปตามแรงอารมณ์

ดูเหมือนผมจะรู้ต้นเหตุของอาการผิดปกตินี้แล้ว

ความผิดหวัง…

เพราะบอกล่วงหน้า แอบดูตารางงาน สัญญาว่าไปจะงานเลี้ยงเป็นเพื่อนทั้งที่เกลียดงานเลี้ยงยิ่งกว่าอะไร คาดหวังว่าเขาจะมาแต่สุดท้ายก็ยังผิดหวังอยู่ดี

ผมไม่ใช่คนไร้สาระที่จะไปนึกโกรธหรือหัวเสียใส่เขา หนึ่งคือเราไม่ได้เป็นอะไรกัน สองคือพี่ภูไม่ได้รับปากแต่แรก ผมรู้ดีว่ามันเป็นเพราะเขาไม่แน่ใจว่าจะมาได้หรือเปล่าถึงไม่ยอมรับปากเสียที ตอนที่เขาบอกว่าถ้าเป็นที่ที่ไม่เคยไปจะลองคิดดู ผมคิดว่าหมดหวังแต่แรกแล้วด้วยซ้ำ พี่ภูเคยมาเขาใหญ่แล้ว...เขาเคยเช็คอินที่นี่ในเฟสเมื่อหลายปีก่อน ผมใช้เวลาทั้งคืนเพื่อย้อนหาที่ที่เขาเคยเช็คอิน แต่พอผมบอกสถานที่ไป...กลับกลายเป็นว่าเจ้าตัวไม่ได้พูดอะไรนอกจากบอกว่าดูก่อน เพราะงั้นผมถึงได้หวังมากกว่าปกติและคิดว่าทุกอย่างจะเป็นไปตามแผนที่อุตส่าห์โทรไปปรึกษาจ๋า แต่แล้วมันก็พัง…

พัง ไม่เป็นไปตามแผน ความรู้หงุดหงิดและผิดหวังเวลาอะไรไม่เป็นไปตามที่คิด…ทำยังไงผมก็ไม่คุ้นชินกับมันเสียที

“ไอ้เก้า! มึงลงมาหน่อย!”

ผมหันไปตามเสียง จำต้องทิ้งความหงุดหงิดเพราะพี่วินกวักมือเรียกพร้อมกับนึกตำหนิตัวเองในใจที่เหม่อจนไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่ารถหยุดตอนไหน

“มีไรพี่” ผมเดินเข้าไปหาพี่วินที่ยืนอยู่หน้าสำนักงานของอุทยานก่อนจะมองไปรอบๆ พวกคนที่อยู่บนรถยังคงคุยกันเสียงดังสนั่นไม่ได้ลงมาด้านล่าง มีแค่ผม เฮียเจมส์ พี่วิน แล้วก็พี่ปีสามอีกสองคนที่ยืนสุมหัวกันอยู่

“เรื่องที่พัก มันต้องแยกกันไป มีอยู่สองจุด จุดแรกเป็นบ้านใหญ่สองบ้าน ประเด็นคือจะมีประมาณยี่สิบคนไปนอนจุดสองที่เป็นบ้านเล็ก ต้องเลี้ยวซ้ายไปอีกทาง ห่างกันไม่มากแต่ก็ไม่น้อย”

“พวกพี่ปีสี่ไปอยู่ดิ พี่มีสิบแปดคนไม่ใช่เหรอ” พี่ปีสามหันไปบอกพี่วินซึ่งเจ้าตัวก็พยักหน้ารับ

“เออ พวกกูไปอยู่แล้ว ปีสาม พวกมึงดูเด็กด้วยละกัน เรื่องกิจกรรมเฮดปีสองรับผิดชอบใช่ไหม จะนัดอะไรก็ไปคุยกันให้เรียบร้อยแล้วมาบอกกู ส่วนมึงไอ้เก้า ลากไอ้โซมานอนกับพวกกู จบทริปนี้มีงานเข้า เราต้องมาคุยงานกันก่อน”

พี่วินมันก็พูดไปงั้นแหละ ผมมองหน้าก็รู้แล้วว่าพี่แกจะลากไปกินเหล้า ถ้าเทียบกับพวกในดุริยางค์ คนที่ออกงานบ่อยๆ หรือซ้อมด้วยกันบ่อยๆ จะสนิทกันเป็นพิเศษ และพี่วินมันคงรักผมมากเลยลากไปไหนมาไหนด้วยตลอด

หลังจากตกลงกันเรียบร้อยแล้วเราก็แยกย้ายกันไปขึ้นรถ ผมกับไอ้โซย้ายไปอยู่คันปีสี่ที่จะแยกไปอีกทาง ส่วนพวกที่เหลือก็ไปอีกทาง เพราะต้องแยกย้ายกันไปเก็บของเข้าที่พักก่อน แล้วจะทำอะไรค่อยว่ากันอีกที…จะว่าไปได้มาอยู่กับพวกปีสี่ก็ดีอย่าง ถ้าไม่อยากไปร่วมกิจกรรมอะไรก็ไม่ต้องไปก็ได้ หรือถ้าต้องรวมกันก็เป็นฝ่ายนั้นที่ต้องมาหารุ่นพี่ เรียกได้ว่าสบายสุดๆ

บ้านพักที่พวกผมมาอยู่เป็นบ้านหลังไม่ใหญ่ติดกันสี่หลัง นอนหลังละห้าคน แน่นอนว่าผมห้อยติดไปกับพี่วิน ส่วนคนอื่นๆ ก็แยกย้ายกันไปนอนเรียบร้อย พี่วินบอกผมว่าเมื่อคืนปีสี่ไปเมากันหนักหน่วงเพราะเป็นวันสอบเสร็จ เมื่อเช้าที่มาทันก็คือแทบไม่ได้นอน บอกแล้วว่าอยู่กับพวกนี้ไม่ต้องแคร์อะไร เผลอๆ พวกปีสองคงเริ่มแกล้งเด็กปีหนึ่งไปแล้วด้วยซ้ำ

เอาเถอะ...ถึงจะอดแกล้งพวกมันระบายอารมณ์ แต่ได้นอนในที่ที่อากาศดีแบบนี้ก็ไม่เลว

ด้านในห้องเป็นเตียงนอนหันเข้าหากัน ด้านหนึ่งมีสามเตียง ส่วนด้านที่ผมกับไอ้โซนอนมีสองเตียง พอจัดข้าวของเรียบร้อยแล้วพวกพี่วินก็นอนตายกันทันที ตอนแรกผมก็อยากนอน แต่ไปๆ มาๆ ก็เปลี่ยนใจมานั่งรับลมอยู่ที่เก้าอี้หน้าบ้านแทน

“อารมณ์อินดี้เข้าสิงหรือไง” เสียงราบเรียบดังมาจากทางด้านหลังพร้อมกับที่เจ้าของเสียงเดินมานั่งลงข้างๆ ผมหันไปมองอย่างแปลกใจ คิดว่าสิ่งแรกที่มันจะทำเมื่อมาถึงคือการโทรหาพี่กีล์เสียอีก

“ติดต่อพี่กีล์ได้แล้วเหรอ”

“กีตาร์ส่งข้อความมาบอกว่าถึงแล้ว”

“แล้วมึงไม่โทรไปหรือไง” ปกติคงไม่พลาด แค่ได้ยินเสียงนิดๆ หน่อยๆ มันก็เอา

“ไม่ล่ะ อาจจะทำงานอยู่ คงต้องให้เวลาส่วนตัวกันบ้าง”

“โอ้โห…” ผมหันไปทำหน้าตายียวนใส่จนไอ้โซยื่นมือมาผลักหัว “ไม่น่าเชื่อว่าคนติดเมียอย่างมึงจะพูดแบบนี้”

“ก็เขาทำงาน จำเป็นต้องทำ เราจะทำอะไรได้ แค่รู้ว่าเขาปลอดภัยก็พอแล้ว” มันยักไหล่แล้วเอนตัวพิงเก้าอี้สบายๆ

“มึงพูดจามีสาระก็เป็นด้วย”

“เหอะ”

แล้วอยู่ๆ ความเงียบที่เคยมีก็ถูกแทนที่ด้วยเสียงหัวเราะของผมกับไอ้โซ มันไม่มีเหตุผลอะไรกับสิ่งที่เกิดขึ้น แต่ผมกลับรู้สึกว่าความผิดหวังหรือหงุดหงิดที่สะสมมาตลอดเบาบางลงอย่างน่าประหลาด

นานแล้วที่ไม่ได้อยู่ด้วยกันสองคนแบบนี้...บางทีอาจจะเป็นครั้งแรกตั้งแต่รู้จักกันเลยด้วยซ้ำ อาจเพราะตอนอยู่ในเมืองบรรยากาศรอบกายมีแต่ความอึดอัดน่ารำคาญ ไม่ได้ผ่อนคลายแบบนี้ อีกทั้งการพูดคุยกันของผมกับมันก็ไม่ได้น่าขำเท่าไหร่ เราช่วยเหลือกัน กวนตีนกัน แต่ไม่เคยได้อยู่ด้วยกันสองคนและคุยกันในบรรยากาศแบบนี้เลยสักครั้ง

“ที่มึงบอกว่าขอโทษที่ช่วยอะไรไม่ได้…” ผมพูดถึงเรื่องที่เราคุยกันทิ้งไว้บนรถก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าที่ไม่มีแสงแดดและบรรยากาศดีๆ ที่อยากเก็บไว้นานๆ

“กูไม่ได้เก่งเหมือนมึงที่ทำได้ทุกอย่าง”

“กูรู้”

“ไม่หลงตัวเองจะตายไหม”

“กูพูดความจริง” ผมเถียง ไม่ได้ตั้งใจจะพูดกวนตีนอะไร แต่พูดเพราะมันเป็นความจริง

“เออ สรุปว่าจะให้ช่วยอะไรก็บอก จบ”

“หมาหน้านิ่งหัวร้อนว่ะ” ผมหัวเราะแล้วยื่นมือไปจิ้มแก้มหมาตัวที่ว่า มันทำหน้าบูดบึ้งเป็นตูดแต่ก็ยอมให้จิ้ม

“วันไหนมึงสมหวัง กูคงสงสารภูมาก” มันมองผมเหยียดๆ แล้วหันหน้าหนี ท่าทางบ่งบอกชัดเจนว่าคิดแบบนั้นจริงๆ

“พี่ภูจะมีความสุขมาก มึงจะสงสารทำไม”

“ยังจะถามอีก” มันพึมพำเสียงเบาแต่ผมได้ยินเต็มสองรูหู อยากจะด่าแต่ก็ขี้เกียจ สุดท้ายเลยปล่อยมันไป

“โซ…” ผมผ่อนลมหายใจ พยายามเรียบเรียงความสับสนในใจออกมาเป็นคำพูดช้าๆ

“ว่า”

“มึงว่ากู...วุ่นวายกับเขามากไปไหมวะ” วุ่นวายจนทำให้โดนรำคาญโดยไม่รู้ตัว

“ทำไมถึงถาม” ไอ้โซหันมามองผมด้วยสีหน้าจริงจัง มันคงรู้ว่าผมกำลังคิดมากอยู่ถึงไม่ได้กวนตีนอะไร

“กูไม่เคยรู้สึกแบบนี้ แค่คิดว่าอยากได้อะไรก็ต้องได้ แต่ดูเหมือนกูกำลังจริงจัง...แบบที่ไม่เคยจริงจังมาก่อน มันทำให้กูคิดนั่นคิดนี่แบบที่ไม่เคยคิด”

ถ้าบอกว่าสูญเสียความเป็นตัวเองไปบางส่วนก็คงใช่

“กูไม่ได้รู้เรื่องแบบนี้เยอะนัก แต่ถ้าให้ตอบตามประสบการณ์...ที่มึงคิดมากก็เพราะแคร์ไม่ใช่หรือไง”

แคร์เหรอ…

“จะว่าแบบนั้นก็ได้มั้ง”

“มึงพยายามเปลี่ยนนิสัยตัวเองหรือเปล่า”

เหมือนกับการพยายามไม่เป็นตัวเองเพื่อเขาน่ะเหรอ

“ไม่...กูไม่เคยพยายามเปลี่ยนนิสัย กูแค่พยายามให้เขาสนใจ แต่ไม่เคยคิดเปลี่ยนนิสัย”

ไอ้โซยิ้มนิดๆ ก่อนมันจะพูดต่อช้าๆ ราวกับต้องการย้ำคำพูดให้ฝังลงไปในใจผม

“มึงมันคนหน้าด้านหน้าทน ไม่แคร์ใคร ไม่สนใจใคร แต่ตอนมึงอยู่กับเขา มึงทำทุกอย่างตรงกันข้าม กลัวจะโดนโกรธถึงขั้นยอมลงโทษตัวเอง มึงทำไปโดยที่เขาไม่ได้บอกใช่ไหม”

ที่สระว่ายน้ำ...

“อืม…”

“แสดงว่ามึงกำลังปรับตัวเข้าหาภูโดยไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ และมันก็เป็นเรื่องดีๆ ไม่ใช่หรือไง” ว่าแล้วมันก็เอามือมาจิ้มๆ หน้าผม “มึงไม่รู้หรอกไอ้เก้า ว่าเวลาตัวเองอยู่กับคนๆ นั้นมึงเปลี่ยนไปมากขนาดไหน ไม่ใช่ว่าไม่เป็นตัวของตัวเอง แต่มึงแค่แสดงนิสัยที่ไม่เคยมีใครเห็นออกมา ถ้ามึงจะถามว่ามากไปหรือเปล่า มึงก็ต้องไปถามเขาเอง เพราะตอนที่มึงอยู่กับกู กูไม่ได้รู้สึกว่ามันมากมาย มึงก็เป็นของมึงแบบนี้มานานแล้ว”

นั่นสินะ...ผมก็เป็นของผมแบบนี้มานานแล้ว แต่กับคนคนนั้นผมกลับยอมทำอะไรหลายๆ อย่างให้โดยไม่รู้ตัว ยอมแสดงนิสัยแบบที่ตัวเองยังไม่รู้ว่ามีออกมา

การที่ผมผิดหวังและเปลี่ยนไปจนใครๆ ทักในวันนี้ก็เหมือนกัน…

ผมกำลังแคร์เขามาก และกำลังมากเกินกว่าจะยอมรับความผิดหวังในตอนสุดท้ายได้

“พอเป็นเรื่องตัวเอง...มันยากจริงๆ ด้วยว่ะ อยู่ๆ กูก็กลัวจะผิดหวัง”

แม้แต่ความมั่นใจที่มีมาตลอดยังหายไป ผมเคยมั่นใจว่ายังไงก็จะทำให้พี่ภูหันมารักได้ แต่ยิ่งพยายาม...ก็ยิ่งดูเหมือนจะเป็นผมเองที่ถลำลึกไปกับความรู้สึกนั้นมากกว่าเดิม

แล้วถ้าเขาปฏิเสธจริงจังขึ้นมา ถึงตอนนั้นผมจะทำยังไง

‘คุณอชิรา ได้โปรดอย่าทำตัวเป็นพวกขี้แพ้ค่ะ เอาไว้ถ้าเขาทำแบบนั้นเมื่อไหร่ค่อยคิดก็ได้มะ’

ผมหัวเราะเบาๆ เมื่อนึกถึงจ๋า คิดว่าถ้าไปถามคงได้คำตอบไม่ต่างจากที่คิดเท่าไหร่ และอีกอย่าง…

เรด…

ผมยกมือลูบหูฟังที่คล้องคอไว้ตลอด ใจนึกถึงป๋าว่าจะทำหน้ายักษ์ขนาดไหนถ้าผมพาคนที่ชอบไปหา

ความสับสนวุ่นวายใจสงบลงอย่างรวดเร็ว ความกังวลที่มีก็เลือนหายไปไม่ต่างกัน ผมเงยหน้าขึ้นมองฟ้าแล้วหลับตาลงก่อนจะนึกถึงสิ่งที่ยึดมั่นในใจมาตลอดและสามารถใช้ได้กับทุกเรื่อง

ถ้าไม่พยายามให้ถึงที่สุดแล้วต้องมาเสียใจทีหลัง ถึงตอนนั้นจะโทษใครไม่ได้นอกจากตัวเอง

“ดูเป็นไอ้เก้าคนเดิมแล้วนี่” คนที่นั่งเงียบอยู่ข้างๆ ทักขึ้นในทันทีที่ผมลืมตา

“มึงไปเอาคำพูดยาวๆ มาจากไหนเยอะแยะ” ผมหรี่ตาจับผิด ไม่เชื่อเด็ดขาดว่ามันจะคิดอะไรพวกนั้นได้ด้วยตัวเอง…อย่างน้อยก็ไม่ใช่ทั้งหมด

“ประสบการณ์...กับที่กีตาร์บอก”

“พี่กีล์บอก?”

“อืม...เคยคุยกับกีตาร์เรื่องมึง กูก็แค่เอาที่เคยคุยมาพูดต่อ” มันยอมรับง่ายๆ ในขณะที่ผมพยักหน้าเข้าใจเพราะรู้ดีว่ามันมีประสบการณ์จริงๆ

 ไอ้โซเองก็เปลี่ยนไปเหมือนกัน ตั้งแต่มีพี่กีล์มันก็พูดเยอะขึ้น เข้ากับคนอื่นได้ดีขึ้น ยอมรับฟังและสนใจคนอื่นมากขึ้น ผมรู้ว่ามันผ่านอะไรมาบ้าง แต่ก็ต้องยอมรับว่าพี่กีล์คือเหตุผลใหญ่ๆ ที่ทำให้ทุกอย่างเปลี่ยนไป...ในทางที่ดีกว่าเดิม

“ขอบใจ” ผมพูดจากใจ ไม่ได้กวนเหมือนทุกครั้ง ซึ่งไอ้คนฟังมันก็พยักหน้ามึนๆ ตอบ

“เออ”

พอไม่มีอะไรจะคุยกันต่อความเงียบก็กลับมาครอบคลุมอีกครั้ง ผมนั่งมองฟ้าไปเรื่อยในขณะที่ไอ้โซนั่งเล่นโทรศัพท์ แต่อยู่ๆ มันก็ส่งเสียงหืมออกมาแล้วทำหน้าตาประหลาดใจ

“เก้า มึงปิดโทรศัพท์เหรอ”

“เออ ลืมเปิด” ผมล้วงกระเป๋ากางเกง หยิบโทรศัพท์ชูให้มันดูก่อนจะกดเปิดเครื่องแล้วยัดเก็บที่เดิมโดยไม่คิดสนใจ “มีอะไร”

“ก็...อา ไม่ต้องบอกแล้วมั้ง คำตอบมาโน่นแล้ว”

ผมมองหน้าเพื่อนด้วยความงุนงงก่อนจะมองตามสายตามันไปทางถนน ตรงนั้นไม่มีอะไรนอกจากความว่างเปล่า แต่เมื่อเพ่งมองดูดีๆ…

ออดี้สีดำคุ้นตาคันหนึ่งกำลังขับตรงมาทางนี้

ยิ่งระยะทางหดเหลือน้อยลงเท่าไหร่ใจผมก็ยิ่งเต้นแรงขึ้นเท่านั้น วินาทีที่รถคันนั้นมาจอดอยู่ที่ลานหน้าบ้าน ผมลุกขึ้นจากเก้าอี้แล้วเดินไปข้างหน้าโดยไม่รู้ตัว ถ้าไม่ใช่เพราะถูกดึงแขนไว้ผมคงวิ่งเข้าไปหารถคันนั้นแล้ว

“กูว่า...ขนาดนี้ไม่ต้องกลัวผิดหวังแล้วมั้ง”

“...”

“คำถามที่มึงสงสัย อย่าลืมไปขอคำตอบจากคนที่ให้ได้ล่ะ” พูดจบแค่นั้นแขนของผมก็ถูกปล่อยให้เป็นอิสระ

คนที่ผมนึกถึงมาตลอดเปิดประตูออกมายืนอยู่ด้านนอก เขาถอดเสื้อสูทแล้วเหวี่ยงเข้าไปในรถก่อนจะยกมือถอดแว่นกันแดดสีชาที่ใส่อยู่ออก ดวงตาสีเทาดุดันที่ใครๆ ต่างเกรงกลัวสบกับผมเข้าอย่างจัง...แล้วหัวใจที่เคยห่อเหี่ยวมาตลอดตั้งแต่เช้าก็กลับมาเต้นเป็นจังหวะอีกครั้ง

ผมไม่อาจ...ห้ามรอยยิ้มของตัวเองได้เลย

จ๋า…

แผนที่จ๋าช่วยเราคิดจะได้ใช้งานจริงแล้วนะ

 

‘จ๋า’

‘ว่าไงคะ’

‘เราอยากหลงป่า’

‘...’

 

---------------

 

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 31-07-2017 14:33:20 โดย CHESS. »

ออฟไลน์ jaokhwan

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 425
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: ┌▼Nitrogen ไนโตรเจน▲┘ ==[15]==[P.9]== [30/05/60]
«ตอบ #253 เมื่อ30-06-2017 14:52:06 »

 :a5: คุณเก้า!!! หลงป่าใครระ????

ออฟไลน์ xxSunShinexx

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 58
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: ┌▼Nitrogen ไนโตรเจน▲┘ ==[15]==[P.9]== [30/05/60]
«ตอบ #254 เมื่อ30-06-2017 15:11:39 »

นุ้งเก้าาาาา เดี๋ยวเถอะ ถ้าพี่ภูจับได้นี่เรื่องใหญ่นะ 55555
โอ้ยจ๋าช่วยน้องเก้าวางแผนอะไรนี่
เตรียมรอความ uniuqe ของบ้านนี้ :katai5:

ออฟไลน์ route rover

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2423
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +221/-7
Re: ┌▼Nitrogen ไนโตรเจน▲┘ ==[15]==[P.9]== [30/05/60]
«ตอบ #255 เมื่อ30-06-2017 16:22:47 »

เก้าอย่าทำรัยพิเรนนะเว้ย พี่ภูโกรธตายเลยนะ

ออฟไลน์ missm2c

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 86
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
Re: ┌▼Nitrogen ไนโตรเจน▲┘ ==[15]==[P.9]== [30/05/60]
«ตอบ #256 เมื่อ30-06-2017 17:09:38 »

เชื่อเถอะว่าสุดท้ายถ้าพี่ภูรู้ พี่ภูแกก็ยอมอยู่ดี 55555 #พี่ภูของบ่าว เริ๊บ ❤
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 10-07-2017 15:14:31 โดย missm2c »

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
Re: ┌▼Nitrogen ไนโตรเจน▲┘ ==[15]==[P.9]== [30/05/60]
«ตอบ #257 เมื่อ30-06-2017 17:14:02 »

 :laugh:

ออฟไลน์ Yongchiiki98

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 11
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
Re: ┌▼Nitrogen ไนโตรเจน▲┘ ==[15]==[P.9]== [30/05/60]
«ตอบ #258 เมื่อ30-06-2017 20:03:38 »

กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดพี่ภูมาแล้ววววๆ ตอนนี้กระต่ายหงอยไปเลยอะ แต่พี่ภูมาหาก้อนแล้ววสงสัยน้องต้องวางแผนไปหลงป่ากับพี่ภูวัดใจกันแน่ๆ :impress2: รออ่านตอนต่อไปไม่ไหวเลยค่ะ :katai4:

ออฟไลน์ TIKA_n

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1391
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +308/-4
Re: ┌▼Nitrogen ไนโตรเจน▲┘ ==[15]==[P.9]== [30/05/60]
«ตอบ #259 เมื่อ30-06-2017 21:16:24 »

ตอนนี้มีแต่ โซเก้า พระเอกโผล่ตอนจบซะงั้น 555
น้องเก้า จะทำอะไร หลงป่าเขาใหญ่มันอันตรายนะ ไม่ใช่เรื่องน่าเล่นเลย
ถึงพี่ภูจะจับได้หรือไม่ได้เรื่องแผนก็เถอะ ต้องโกรธแน่ ๆ อ่ะ
แทนที่อะไร ๆ จะดีขึ้น จะแย่ลงหรือเปล่า แล้วถ้าเกิดเรื่องหลงป่า
ทำให้พี่ภูโทรคุยกับภามไม่ได้นะ ยิ่งแย่เข้าไปใหญ่แน่ ๆ อ่ะ T T

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: ┌▼Nitrogen ไนโตรเจน▲┘ ==[15]==[P.9]== [30/05/60]
« ตอบ #259 เมื่อ: 30-06-2017 21:16:24 »





ออฟไลน์ Snowermyhae

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4014
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-7
Re: ┌▼Nitrogen ไนโตรเจน▲┘ ==[15]==[P.9]== [30/05/60]
«ตอบ #260 เมื่อ30-06-2017 23:12:41 »

ลาก่อนชีวิตที่แสนสงบสุขของพี่ภู  :hao7:

ออฟไลน์ PrimYJ

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3473
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3
Re: ┌▼Nitrogen ไนโตรเจน▲┘ ==[15]==[P.9]== [30/05/60]
«ตอบ #261 เมื่อ30-06-2017 23:22:52 »

พี่ภูมาหาเก้าแล้วววววว แต่เก้ามีแผนหลงป่า โถ่ เด็กน้อยเอ้ย!! 5555555

ออฟไลน์ onlyplease

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-0
Re: ┌▼Nitrogen ไนโตรเจน▲┘ ==[15]==[P.9]== [30/05/60]
«ตอบ #262 เมื่อ30-06-2017 23:55:09 »

 :-[ :-[ :-[ อยากได้แบบพี่ภูสักคน

ออฟไลน์ LadySaiKim

  • ▫▪□Dezine'Kim□▪▫
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1703
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-0
Re: ┌▼Nitrogen ไนโตรเจน▲┘ ==[15]==[P.9]== [30/05/60]
«ตอบ #263 เมื่อ01-07-2017 00:35:19 »

ชอบจ๋าาาาาา ไอดอลลลล :jul3:

ออฟไลน์ Mura_saki

  • แค่เรารู้จักกัน...มันก็ดีที่สุดแล้ว :)
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +179/-9
Re: ┌▼Nitrogen ไนโตรเจน▲┘ ==[15]==[P.9]== [30/05/60]
«ตอบ #264 เมื่อ01-07-2017 05:29:49 »

เวลาทำหน้าเศร้า โครตไม่ใช่เก้าอ่ะ อดสงสารไม่ได้ รักเขานิเนอะ

ออฟไลน์ shoi_toei

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4359
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +222/-26
Re: ┌▼Nitrogen ไนโตรเจน▲┘ ==[15]==[P.9]== [30/05/60]
«ตอบ #265 เมื่อ01-07-2017 08:20:13 »

เจ้าของมาแล้วโว้ยยยย

ออฟไลน์ Chichi Yuki

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1584
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +94/-3
Re: ┌▼Nitrogen ไนโตรเจน▲┘ ==[15]==[P.9]== [30/05/60]
«ตอบ #266 เมื่อ01-07-2017 17:51:39 »

โอ้ยยย คิดได้เนอะคนเรา 5555

ออฟไลน์ kiszy

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 166
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
Re: ┌▼Nitrogen ไนโตรเจน▲┘ ==[15]==[P.9]== [30/05/60]
«ตอบ #267 เมื่อ01-07-2017 19:29:54 »

ขนาดนี้แล้วววว ไม่ผิดหวังหรอกเก้าาา อิอิ

ออฟไลน์ meyj4ever

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 344
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
Re: ┌▼Nitrogen ไนโตรเจน▲┘ ==[15]==[P.9]== [30/05/60]
«ตอบ #268 เมื่อ01-07-2017 23:11:06 »

ทริปนี้หรรษาแน่ค่ะพี่ภู
น้องเก้านางมาแผนจะหลงป่า
คิดได้เนาะนาง ถถถถถ...

ออฟไลน์ Margarita

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 85
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
Re: ┌▼Nitrogen ไนโตรเจน▲┘ ==[15]==[P.9]== [30/05/60]
«ตอบ #269 เมื่อ02-07-2017 08:20:16 »

 :pig4:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด