┌▼Nitrogen ไนโตรเจน▲┘ ==[จบ]==
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ┌▼Nitrogen ไนโตรเจน▲┘ ==[จบ]==  (อ่าน 275493 ครั้ง)

ออฟไลน์ insunhwen

  • FREEDOM!!!!
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 867
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-5
Re: ┌▼Nitrogen ไนโตรเจน▲┘ ==[15]==[P.9]== [30/05/60]
«ตอบ #270 เมื่อ02-07-2017 15:50:47 »

 :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ PKT

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 183
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
Re: ┌▼Nitrogen ไนโตรเจน▲┘ ==[15]==[P.9]== [30/05/60]
«ตอบ #271 เมื่อ02-07-2017 19:40:07 »

โอ้ยยยยยยยย ><>< ยิ่งอ่านยิ่งรักกกกก
อะไรคือหลงป่าคะอิเก้าาาาา

ออฟไลน์ CHESS.

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 212
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +228/-2
Re: ┌▼Nitrogen ไนโตรเจน▲┘ ==[15]==[P.9]== [30/05/60]
«ตอบ #272 เมื่อ03-07-2017 19:08:41 »


-16-

 

“พี่ภู…” ผมยิ้มจนปวดแก้มในขณะที่มองคนที่กำลังเดินเข้ามาหาด้วยสายตาเป็นประกาย แถมมือไม้ยังสั่นเทาหาที่วางไม่ถูกอีกต่างหาก

ดีใจ...ดีใจมาก

“ปิดโทรศัพท์ทำไม” คนพูดถามด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยเหมือนปกติ แต่ผมสัมผัสได้ถึงความขุ่นมัวในดวงตาคู่นั้นเลยได้แต่อ้ำๆ อึ้งๆ เพราะไม่รู้จะตอบยังไง

หัวร้อนที่ข้อความไม่ใช่ของพี่เลยพาลปิดโทรศัพท์ แบบนี้เหรอ...ไม่มีทาง โคตรเด็ก

“กูถาม”

“ผมหงุดหงิดที่ข้อความที่เข้ามาไม่ใช่ของพี่เลยพาลปิดโทรศัพท์ครับ”

โอเค…ผมควรยอมรับกับตัวเองเสียทีว่าความผิดปกติทุกอย่างเกิดขึ้นได้ถ้าอยู่กับพี่ภู แถมผมยังไม่สามารถปิดบังความคิดหรือความจริงกับเขาได้ด้วย

“ถ้าปิดอีกเจอดี” พี่ภูหรี่ตาคาดโทษ ส่วนผมได้แต่กะพริบตาปริบๆ เพราะเริ่มมองเห็นอะไรบางอย่าง

“แบบนี้เอง...พี่ติดต่อผมไม่ได้ก็เลยถามทางกับไอ้โซเอาสินะ” ถ้าสังเกตจากตอนไอ้โซเล่นโทรศัพท์แล้วหันมาถามผมเมื่อกี้ก็ไม่น่าผิดจากที่คิดนัก แถมตอนนี้มันยังหายหัวไปแล้วเรียบร้อยด้วย ส่วนคนตรงหน้า…ท่าทางคงไม่ตอบแน่ๆ

“ทำไมเงียบ” พี่ภูมองซ้ายมองขวาเหมือนจะสำรวจก่อนเขาจะนั่งลงที่เก้าอี้ข้างผม

“ตรงนี้มีแค่พวกพี่ปีสี่กับผมแล้วก็ไอ้โซ ส่วนใหญ่ตอนนี้ยังนอนตายกันอยู่ข้างใน ส่วนพวกที่เหลืออยู่ที่บ้านฝั่งนู้นเลย ที่ตรงนั้นไม่พอนอนพวกผมเลยมาที่นี่” ผมชี้ไปอีกทางของถนนซึ่งเป็นที่ตั้งที่พวกปีอื่นอยู่กัน น่าจะต้องเดินประมาณสิบห้าถึงยี่สิบนาทีกว่าจะถึง

“อืม” พี่ภูพยักหน้าก่อนจะเอนตัวพิงกับพนักเก้าอี้ด้วยท่าทางสบายๆ เขายกมือปลดกระดุมเม็ดบนออกรับลม ทั้งยังปล่อยให้ผมลวนลามทางสายตาโดยไม่ว่าอะไรสักคำ

“พี่ติดงานไม่ใช่เหรอ แล้วทำไม…”

“มาก็ดีแล้วไม่ใช่หรือไง” เขาตัดบทก่อนจะหันมามองหน้าผมนิ่งๆ “เรื่องอื่นจะรู้ไปทำไม”

คือคนมันขี้เสือกไง...แต่จะพยายามไม่อยากรู้แล้วกัน

“แล้วพี่จะกลับพร้อมผมหรือเปล่า”

“ไม่ใช่กูกลับพร้อมมึง...แต่มึงต้องกลับพร้อมกู”

“หา…” ผมทำหน้าเหวอแล้วมองหน้าคนที่หลับตารับลมด้วยความงุนงงสุดขีด

“รับปากอะไรไว้ก็ทำให้ได้ตามที่พูด”

รับปาก…หรือว่าจะเป็นเรื่อง…

“พี่หมายถึงเรื่องงานเลี้ยงเหรอ” ผมตั้งคำถาม และแทบจะกลั้นยิ้มไว้ไม่ไหวเมื่อคำตอบที่ได้รับคือความเงียบ “ได้เลย ผมไปเป็นเพื่อนแน่ๆ พี่ไม่ต้องห่วง”

“หึ”

จบคำว่าหึแล้วก็ไม่มีใครพูดอะไรต่อ พี่ภูหลับตายาวๆ เหมือนกำลังจะนอนหลับจริงๆ ในขณะที่ผมมองหน้าเขานิ่งเป็นคนบ้าโดยที่ยังไม่หุบยิ้มด้วยซ้ำ มองจนนึกถึงเรื่องคำถามที่เอาไปถามไอ้โซ...รู้สึกอับอายขายขี้หน้าขึ้นมากะทันหันเมื่อนึกได้ว่าทำตัวแบบไหนออกไป ตอนนี้เลยได้แต่หวังว่ามันจะไม่เอามาล้อทีหลัง

“พี่ภู ผม…”

“ตื่นโว้ยยยยย!”

ผมเชื่อว่าไม่ว่าใครก็ต้องหัวร้อน มันไม่ใช่เพราะผมขี้หงุดหงิดเลยสักนิด...เวลากูจะพูดเรื่องสำคัญต้องมีคนมาขัดตลอด! หลายทีแล้วละนะ ถ้าไม่ใช่รุ่นพี่ผมเข้าไปบวกแล้ว

“มองกูแบบนั้นทำไมไอ้เก้า” ตัวต้นเหตุของเสียงปลุกแปดสิบริกเตอร์คือพี่วินคนเดิมซึ่งไม่รู้ว่ามาปลุกจริงหรือมากวนตีนผม “อุ๊ย! พี่ภู”

แหม...เสียงตกใจแต่หน้ามึงไม่ตกใจเลยนะพี่นะ แม่งจงใจชัวร์

“มึงไปเตรียมตัวไป เดี๋ยวไปรวมกินข้าวที่โน่นแล้วรับน้องต่อ พรุ่งนี้จะได้เที่ยวชิวๆ แล้วก็ไปเดินป่าด้วย”

“เดินป่า?” ผมตาเป็นประกาย ลืมเลือนความหัวเสียไปชั่วขณะ

“เออ พวกมันบอกดูเวลาก่อน อาจจะไปพรุ่งนี้...พี่ภูก็ไปด้วยกันนะครับ” พี่วินหันไปทำตาปิ๊งๆ ใส่พี่ภูจนผมต้องมองแรงแล้วรีบโบกมือไล่ให้ไปไกลๆ พี่วินมันเลยเบะปากใส่แล้วทำท่าจะด่าผม แต่ยังไม่ทันได้พูดก็โดนพี่ภูหันไปมอง พี่แกเลยยิ้มหวานก่อนจะเดินดี๊ด๊าไปเคาะประตูเรียกคนอื่นด้วยความอารมณ์ดี...โคตรน่าเตะ

“พี่เตรียมของมายัง”

“อยู่บนรถ” พี่ภูหาวด้วยท่าทางเป็นผู้ดี

“ผมไปเอาให้” ว่าจบผมก็รับกุญแจมาจากมือเขาแล้ววิ่งไปที่รถก่อนจะหยิบเอากระเป๋าขนาดกลางออกมาแล้วเอาเข้าไปเก็บในห้อง แน่นอนว่าเอาไว้บนเตียงตัวเอง เพราะเตียงนอนมีแค่ห้าเตียง...หึหึ

รอจนพี่วินเคาะประตูเรียกครบทุกบ้านแล้วพวกพี่ปีสี่ก็เริ่มทยอยออกมากันช้าๆ หน้าตาแต่ละคนแย่ยิ่งกว่าซากศพ แต่ถ้าถามว่าคืนนี้จะนอนหรือกินเหล้า บอกเลยว่าเหล้าสำคัญกว่า และไม่ใช่แค่คืนนี้ด้วยนะ…แต่พวกนี้กินหนักทั้งสองคืนแน่ ขนาดผมเห็นปริมาณแอลกอฮอล์ที่ขนกันมายังร้องโห ไหนจะของพวกปีอื่นที่อยู่ฝั่งนู้นอีก

“ทำไมเราต้องเดินไปหาพวกมันว้า” พี่คนหนึ่งโอดครวญ ท่าทางพร้อมจะล้มลงทุกเมื่อ

“พวกมันเตรียมกิจกรรมไว้ฝั่งนู้นไง แม่งรู้ทันเลยเตรียมของก่อนแล้วค่อยบอกกู ไม่งั้นกูก็บอกให้มาที่นี่แล้ว” พี่วินบ่นด้วยหน้าตาอึนๆ ไม่ต่างกัน

“กู…!” พี่ที่กำลังจะพูดสะดุ้งแรงเมื่อหันมามอง ซึ่งคนที่ทำให้เขาสะดุ้งก็ไม่ใช่ผมหรอกแต่เป็นคนข้างๆ ผมต่างหาก พอพี่แกที่เดินนำหน้าหยุดเท้ากะทันหัน พวกคนที่อยู่ด้านหลังก็เลยต้องหยุดตามไปด้วย

“หยุดทำเหี้ย…!” ใครสักคนจากด้านหลังหลุดเสียงโวยวายออกมานิดหน่อยก่อนจะเงียบไป

เออ...ค้างกันเป็นแถบ มีแค่คนที่ไปว่ายน้ำกับผมวันนั้นที่ไม่ได้เงิบเหมือนเพื่อน พวกเขาแค่ตกใจก่อนจะทักทายพี่ภูเป็นปกติ ส่วนคนข้างๆ ผมก็แค่พยักหน้ากลับ

“ไอ้วิน!”

ผมมองภาพรุ่นพี่เป็นฝูงลากตัวพี่วินไปอีกทางเพื่อซุบซิบกันขำๆ จวบจนเสียงร้องว้าวจบลงเท่านั้นล่ะ...แร้งทึ้ง

“สวัสดีครับพี่ภู”

“พี่ภูดีครับ”

“ผมชื่อ…”

ผมหัวเราะจนตัวงออยู่ข้างๆ ไอ้โซที่เพิ่งเดินออกมาจากบ้านในขณะที่มองไปยังพี่ภูที่ทำอะไรไม่ถูกเมื่อโดนรุมโดยไม่คิดเข้าไปห้าม เหตุผลแรกคือพวกรุ่นพี่ไม่ได้แตะโดนตัวเขาอยู่แล้ว และอีกเหตุผลคือปีสี่ไม่มีผู้หญิงแม้แต่คนเดียว ดังนั้นคงไม่ต้องห่วงอะไรเท่าไหร่

สงสารก็สงสาร แต่คิดว่าเขาเองก็คงขำอยู่ในใจเหมือนกัน เพราะงั้นให้เป็นแบบนี้ก็ดีแล้ว มาเที่ยวทั้งทีก็ต้องผ่อนคลายสิ…ถึงจะคิดแบบนั้นแต่พอมองไปมองมาผมก็เริ่มสงสารคนที่ไม่ชอบความวุ่นวายและคนเยอะๆ เลยเดินเข้าไปดึงแขนเขาออกมาจากวงแล้วกวาดตามองรุ่นพี่

“ไม่ไปกันแล้วหรือไง”

“ไรวะไอ้เก้า ขี้หวงว่ะ”

“โด่ว คิดว่าเขาให้แตะแล้วเชิดเชียวนะมึง”

ตามด้วยเสียงด่ามากมาย กลายเป็นกูผิดอีก แต่ผมก็รู้ดีว่าพวกพี่มันพูดขำๆ เลยยักไหล่แล้วเชิดหน้ากวนตีนเข้าให้ พอจะโดนตบหัวก็ขยับไปหลบหลังพี่ภูเอา

“กล้าเหรอ” ผมยื่นหน้าออกมาทำหน้าตายียวน เห็นพวกรุ่นพี่ชี้หน้าคาดโทษแล้วก็อารมณ์ดีรีบเกาะพี่ภูแล้วเดินนำพวกนั้นไปก่อน

“เล่นเป็นเด็ก” คนที่ผมเกาะแขนอยู่พูดขึ้นมาลอยๆ แต่แลดูมีความขบขันแฝงอยู่ไม่น้อย เห็นเขาดูอารมณ์ดีผมก็มีความสุขไปด้วย

“พี่ทำหน้าดุๆ สิ” ผมกระซิบบอก ขาเร่งสปีดให้เดินทิ้งห่างพวกข้างหลังมากกว่าเดิม

“ดุ?”

“อื้อ หน้าดุๆ แบบโหดๆ เหมือนเมื่อก่อนเลย” ผมก็ไม่แน่ใจหรอกว่าหน้าตาพี่ภูเปลี่ยนหรือตัวเองมองเขาเปลี่ยนไปกันแน่ถึงไม่รู้สึกว่าหน้าเขาดุๆ เถื่อนๆ แบบเมื่อก่อน แต่เพื่อความชัวร์...บอกเขาให้ทำดีที่สุด คนอื่นจะได้ไม่กล้ามายุ่งมาก

“ปัญญาอ่อน”

“เปล่านะ” ผมส่ายหน้าปฏิเสธ และวินาทีต่อมาก็โดนผลักหัวเต็มแรงจนน่ากลัวว่าคอจะหลุด อยากจะบ่นอยู่เหมือนกัน แต่พอหันกลับไปหาก็แทบกลืนคำพูดลงไปไม่ทัน เพราะคนที่ผมมองอยู่...เขายิ้มนิดๆ ที่มุมปากอีกแล้ว

ขยันทำดาเมจใส่กันเหลือเกิน…

ผมกับพี่ภูเดินมาถึงเป็นคู่แรกก็เห็นพวกปีหนึ่งปีสองปีสามกำลังสุมหัวกันอยู่ก่อนแล้ว พอพวกมันหันมาเห็นผมแล้วก็ทำท่าจะทัก แต่ผมส่งสัญญาณให้เงียบไว้แล้วเดินย่องไปด้านหลังไอ้เปรมช้าๆ พอได้จังหวะแล้วก็จิ้มเอวมันแรงๆ ก่อนจะถอยหลังมายืนข้างพี่ภู

“เหี้ย! ฮ่าๆ!” ไอ้เปรมสบถเสียงดังแล้วดีดตัวเองลงไปนอนกลิ้งกับพื้นก่อนจะดิ้นไปดิ้นมาเหมือนยังโดนจี้อยู่โดยมีเสียงขำของคนอื่นๆ เป็นแบ็คกราวน์ ขนาดพี่ภูยังส่ายหน้าเหมือนจะขำเลย

เรื่องของเรื่องคือมันบ้าจี้เข้าขั้นวิกฤติ ใครเขาก็รู้ไปทั่วแต่ไม่กล้าแกล้งเพราะไอ้นี่มันโกรธจริง จะมีก็แต่ผมที่กล้าแกล้งเพราะทำยังไงก็ไม่โดนโกรธ พวกปีหนึ่งบอกว่าไอ้นี่มันบูชาผมจนจะเทียบเท่าพ่อมันแล้วด้วยซ้ำ

“เหนื่อย…” มันลุกนั่งแล้วหอบไม่หยุด ตามองผมค้อนๆ เหมือนจะโกรธแต่ก็ไม่โกรธ “พี่เก้าอ่ะ”

สะดีดสะดิ้งไปอีก บอกทีว่ามันเป็นเดือนดุริยางค์ได้ไง

“ทำไมเดือนดุริยางค์มีแต่พวกผิดปกติวะ” ผมบ่นกับตัวเองเบาๆ และแทบจะทันทีที่พูดจบก็โดนตบหลังดังป้าบใหญ่ด้วยฝีมือของไอ้หมาบ้าที่เพิ่งเดินมาถึง “มาได้จังหวะจริงนะมึง”

“นินทา” มันผลักผมอีกทีจนตัวเซ แต่ดีที่ผลักเซไปหาพี่ภูเลยให้อภัย ถึงพี่เขาจะรับผมด้วยการใช้มือเดียวจับไหล่ก็เถอะ

แค่นี้กูก็ยิ้มได้ละ...ถ้าจ๋ารู้ต้องโดนด่าว่าใจง่ายแน่เลย

“เก้า มึงพาพวกพี่ไปนั่งกินข้าวก่อนเลย พวกกูกินกันแล้ว” ไอ้เต๊ะที่เป็นเฮดปีสองเดินมาบอกผมก่อนจะชี้ไปใต้บ้านพักของพวกมัน ผมพยักหน้ารับก่อนจะหันไปบอกพวกพี่วินแล้วพากันเดินไปกินข้าว

ผมยืนรอให้พวกรุ่นพี่เดินไปตักกันจนหมดก่อนแล้วค่อยไปต่อแถว ไม่ใช่ว่ามีมารยาทนะ แต่พี่ภูยังยื่นนิ่งอยู่เลยต้องยืนเป็นเพื่อน รอจนคนหมดแล้วเขาก็ไปยืนอยู่หน้าถาดอาหารที่มีอยู่สี่ห้าอย่าง มองแล้วก็ไม่ตักเสียทีจนผมต้องเอ่ยปาก

“พี่กินเป็นหรือเปล่า”

พี่ภูขมวดคิ้วน้อยๆ เป็นคำตอบ แค่นั้นผมก็เข้าใจทันทีว่าเขากินไม่เป็น ไม่แปลกหรอก เพราะกับข้าวของพี่ภูส่วนใหญ่ไม่ใช่อาหารไทยอยู่แล้ว อย่างตอนนั้นเขาก็ทำอาหารฝรั่งให้ผมกิน ถ้าเป็นอาหารแปลกๆ ไม่มีป้ายแปะเขาคงไม่รู้ว่ามันคืออะไร

“มันคืออะไร”

“อันนี้ไช้โป๊ผัดไข่ มันจะหวานๆ หน่อย ส่วนอันนี้ต้มยำรวมมิตร ดูจากสีแล้วผมว่าไม่น่าเผ็ด อันตรงพี่นั่นก็ไข่ต้ม น่าจะเป็นตานี...ผมหมายถึงยังไม่สุกมาก ลองกินดูสิ ผมชอบนะ แล้วอันนี้ยำวุ้นเส้น พี่ไม่น่าชอบเพราะท่าทางจะเผ็ดอยู่ พริกเยอะแยะเลย ส่วนอันสุดท้ายที่พี่งงคือน้ำพริกอ่อง อธิบายรสไม่ถูกเหมือนกันแต่เดี๋ยวพี่ลองชิมกับผมก็ได้...เอาอะไรดี” อธิบายจบผมก็เงยหน้ามองคนข้างๆ เห็นสายตาเหมือนจะขำใส่ทั้งที่หน้ายังนิ่งก็เขินอยู่หน่อยๆ จนต้องยกมือเกาแก้ม

“ทำอาหารไม่เป็นแต่รู้ดีจริง”

“ผมชอบติ” ผมหัวเราะก่อนจะค่อยๆ ตักอาหารที่เขาน่าจะกินได้ใส่จานให้ “ไปกินที่ไหนก็ติเขาไปหมด สั่งก็ชอบสั่งหลายๆ อย่างแล้วกินเหลือประจำ โดนคนขายด่าก็หลายครั้ง จนตอนนี้ยังโดนจ๋าหักค่าขนมเพราะใช้เงินฟุ่มเฟือยอยู่เลย”

“สมควร”

ผมเบะปากใส่คนพูดแต่ก็ไม่ได้เถียงอะไร แถมยังช่วยเขายกจานไปที่โต๊ะอีกต่างหาก

“บริการดีกว่านี้ไม่มีแล้วบอกเลย” ผมโฆษณาตัวเองโดยคาดหวังจะได้เห็นรอยยิ้มหายาก แต่กลับได้เห็นหน้าเนือยๆ เหมือนขี้เกียจด่าแทน

“เหรอ”

“อื้อ”

“ฮัลโหลลลล พวกพี่ครับ รีบๆ ทานแล้วเรียนเชิญมาร่วมกิจกรรมที” ไอ้เต๊ะที่คุมน้องอยู่ตะโกนโหวกเหวกเสียงดังจนโดนพี่ปีสี่ที่นั่งอยู่แถวนั้นโบกหัวไปสามสี่ทีพร้อมเสียงบ่นระงม

“พวกกูนั่งแดกไม่ถึงห้านาทีบอกให้ไปร่วมกิจกรรม”

“ทีหลังมึงบอกพวกกูไม่ต้องแดกก็ได้นะไอ้สัตว์”

ถึงจะว่าอย่างนั้นแต่ทุกคนก็ดูเร่งสปีดในการกินมากกว่าเดิมเพื่อไปร่วมกิจกรรมปัญญาอ่อนของพวกมัน จริงๆ ปีสองคือปีที่จะจัดกิจกรรมพวกนี้ แต่เพราะผมกับไอ้โซอยู่ห้องซ้อมตลอดและขึ้นลงเวทีแทบทุกเวทีเลยไม่แปลกที่จะไม่รู้เรื่อง พวกมันเองก็เข้าใจเลยทำเหมือนผมกับไอ้โซเป็นรุ่นพี่ไปแล้ว

พอคนอื่นๆ เริ่มทยอยเดินออกไปที่ลานกันหมดผมก็ชวนพี่ภูเดินตามไปบ้าง เขาเองก็ไม่ได้ว่าอะไร แค่เดินตามไปเงียบๆ และไม่ได้เดินเข้าไปใกล้มากเกินไป เหมือนแค่ต้องการดูว่าพวกนั้นทำอะไรกัน แต่ไม่ได้คิดเข้าไปร่วมวงด้วย ซึ่งนั่นก็เป็นสิ่งที่ผมต้องการอยู่แล้ว เพียงแต่…

“ไอ้เก้า! มึงมาสาธิตหน่อย”

เป็นเหี้ยอะไรกับกูนักหนาวะเนี่ย ขออยู่เฉยๆ หน่อยไม่ได้เลย

ผมส่ายหน้าแล้วเกาะแขนพี่ภูแน่น แต่พวกมันรู้ทันเลยส่งสายตาให้ไอ้โซมาดึงผมออก

“พี่ภู” ร้องเรียกก็แล้ว เกาะแขนก็แล้ว แต่นอกจากจะไม่หือไม่อือแล้วคนหน้าดุยังเดินตามแรงดึงของผมไปแบบสมยอมอีกต่างหาก ดูก็รู้ว่าอยากเห็นผมโดนแกล้ง

คือ...ไอ้การที่ผมจะโดนแกล้งมันน่าสนุกขนาดนั้นเลยเหรอถึงได้ตบไม้ตบมือเฮฮากันฉิบหาย กูงง

“ปีหนึ่ง ใครจับไอ้เก้ามาหากูได้ภายในห้านาทีไม่โดนลงโทษ” เสียงไอ้เต๊ะที่ตะโกนดังลั่นทำเอาผมสะดุ้งเบาๆ แต่ก่อนจะได้หันไปด่ามันสมใจอยากมันเสือกรู้ตัวตะโกนดักก่อน “เริ่มได้!”

“ไอ้เต๊ะ! ไอ้เพื่อนเหี้ย!” ผมชี้หน้ามันคาดโทษก่อนจะออกตัววิ่งอย่างรวดเร็ว ต้องขอบคุณไอ้พวกเด็กเวรที่ทำตามคำสั่งกันอย่างเคร่งครัดโดยการช่วยกันวิ่งจับกูกันทั้งชั้นปี ดีที่พื้นที่ลานตรงนี้กว้างพอให้หนี แต่นั่นก็เท่ากับผมต้องเหนื่อยขึ้นเป็นเท่าตัว เออ...ทางไหนกูก็เสียทั้งนั้น

“จับมันเร็วๆ ดิวะ! อีกสามนาที!”

“ไอ้เหี้ยเต๊ะ!”

“พี่เก้า! อยู่เฉยๆ ดิพี่!”

โอ้โห แม่งวิ่งอย่างกับฝูงซอมบี้ หยุดให้พวกมึงจับแดกหรือไง

พอต้องออกตัววิ่งเร็วผมก็เริ่มเหนื่อย โดนพวกแม่งจับอยู่หลายทีแต่เผอิญแรงควายเลยสะบัดหลุดได้ ผมตัดสินใจใช้ทางเลือกสุดท้ายโดยวิ่งเข้าไปหาคนหน้าดุที่ยืนกอดอกอยู่ข้างๆ ไอ้โซ เขากำลังมองเหตุการณ์ทุกอย่างนิ่งๆ แต่แล้วคิ้วเข้มก็เลิกขึ้นน้อยๆ เมื่อเห็นว่าผมกำลังวิ่งเข้าไปหา โทษที...ไม่ทันละพี่

ผมวิ่งไปหลบหลังพี่ภู ไอ้ฝูงซอมบี้ที่วิ่งตามหยุดชะงักจนแทบล้มลงไปกองรวมกัน ขนาดพวกมันไม่รู้เรื่องพี่ภูเท่าไหร่เพราะเพิ่งเข้ามาใหม่ยังดูกลัวเขาเลย คิดไม่ผิดจริงๆ…

“พี่เก้า แมนๆ หน่อยดิ” ไอ้เปรมหลอกล่อพร้อมกับที่พวกมันกระจายตัวล้อมผมไว้ช้าๆ

“พวกมึงแมนมากเลยเนอะ วิ่งตามกูเป็นฝูงเนี่ย” ผมด่ากลับด้วยความหงุดหงิดและหมุนตัวโดยดึงเสื้อพี่ภูไว้เมื่อรู้สึกว่าพวกมันเข้ามาใกล้มากเกินไป

“นาทีครึ่ง!”

ไอ้เต๊ะ มึง…

“พี่ภูครับ หลบหน่อยเถอะครับพี่ พวกผมไม่อยากโดนทำโทษ” เด็กคนหนึ่งยกมือไหว้ ท่าทางอยากพุ่งเข้าใส่ผมเต็มที่แต่ยังกลัวพี่ภูอยู่เลยได้แต่ขอร้อง

“อย่านะพี่” ผมเขย่าชายเสื้อคนด้านหน้าเป็นเชิงเตือนและพร้อมจะกอดเอวเขาไว้ทุกเมื่อถ้าคิดจะสะบัดผมออก

“เล่นอะไรกันวะเนี่ย” พี่ภูพึมพำเสียงค่อยก่อนจะหันมามองหน้าผมแล้วถอนหายใจ

เห็นหน้าตาเขาผ่อนคลายผมก็ดีใจนะ แต่เวลานี้ยังไม่มีอารมณ์พูดถึง เพราะถ้าไอ้พวกเด็กเวรไม่โดนลงโทษ คนที่โดนแทนต้องเป็นกูแน่นอน

“พี่ภูครับ ถ้าพี่ไม่ถอย…พวกผมก็ไม่มีทางเลือก” ไอ้เปรมทำใจกล้าก้าวเท้าเข้าใกล้พี่ภูช้าๆ ในขณะที่ผมเกาะเขาแน่นกว่าเดิมเพราะกลัวจะโดนทิ้ง

“อย่าแตะพี่ภูนะพวกมึง” ผมโผล่หน้าออกมาบอกจนพวกมันชะงักไปครู่หนึ่ง แต่พอตั้งสติได้ก็ขยับเข้ามาอีก

“พี่ภูครับ เชื่อผมนะพี่ ทิ้งพี่เก้าไปเถอะ”

“อย่ามาหลอกล่อพี่ภูของกู พวกมึงถอยไปเลย”

“พี่เก้า มานี่มา”

“อย่าแตะ!” ผมตีมือไอ้เปรมที่จะจับพี่ภูแล้วเขย่าตัวคนด้านหน้าให้ถอยตาม “อย่าให้มันโดนตัวนะพี่ เดี๋ยวติดเชื้อโรค ถอยไปเลยไอ้เชื้อโรค!”

“เดี๋ยวๆ พี่ ผมเปรมเอง ไม่ใช่เชื้อโรค”

“อีกสามสิบวิ!” ไอ้เต๊ะตะโกนมาแต่ไกล คราวนี้ไอ้พวกที่ล้อมอยู่ตาโตลุกฮือเข้ามาหา ผมรีบคิดหาแผนการในใจให้มันลากตัวไปไม่ได้ แต่ยังไม่ทันได้ทำอะไรก็โดนแขนแข็งแกร่งของคนที่อยู่ด้านหน้าล็อคคอให้ขยับไปอยู่ข้างๆ

“ถอยไป”

แค่คำสั้นๆ คำเดียวทำให้ทุกอย่างเข้าสู่ความสงบได้อย่างรวดเร็ว

“หมดเวลา!”

พวกเด็กปีหนึ่งทำหน้าเหมือนอยากจะร้องไห้แล้วมองพี่ภูแบบค้อนๆ เป็นเชิงงอนก่อนจะเดินคอตกไปหาพวกปีสองที่ยืนขำรออยู่

“ขอบคุณครับ” ผมจับมือที่พาดคอตัวเองอยู่แล้วเงยหน้ายิ้มให้ แต่เขาแค่ส่งเสียงหึเบาๆ คำเดียวก่อนจะขยี้หัวผมจนยุ่งเหยิง

ไม่เป็นไร...ชอบ

ในขณะที่พี่ภูกำลังมองคนอื่นๆ ทำกิจกรรมร่วมกันด้วยความสนใจ ผมเลือกที่จะมองหน้าเขาแล้วสังเกตดวงตาคู่นั้นเงียบๆ…มันไม่ได้ฉายแววเย็นชาหรือเกลียดชัง แต่กลับเป็นประกายเหมือนกำลังมองอะไรที่ดูน่าสนุกและไม่เคยเห็นมาก่อน ซึ่งมันเป็นสายตาแบบที่ทำให้ผมต้องมองค้างอยู่นาน

อดคิดไม่ได้ว่าเป็นแบบนี้ก็ดีเหมือนกัน เพราะมันทำให้พี่ภูได้คุ้นชินกับการเข้าใกล้คนเยอะๆ มากขึ้น แล้วก็ช่วยทำให้เขาเปิดใจมากขึ้นด้วย

ผมรู้ดีว่าเวลามีคนอื่นอยู่ด้วยเขาจะพูดน้อยกว่าเดิมหลายเท่า ที่ไม่พูดไม่ใช่เพราะหยิ่งหรือรำคาญ...แต่เป็นเพราะทำตัวไม่ถูกต่างหาก

ถึงจะดีใจที่ผมได้สิทธิ์พิเศษ แต่ผมก็ยังอยากให้เขามีความสุขมากกว่านี้

“ตั้งแต่เจอผมก็มีแต่เรื่องดีๆ ใช่ไหมล่ะ” ผมหัวเราะแล้วพูดอวดขำๆ โดยไม่ได้คาดหวังจะเอาคำตอบ แต่สายตาคมที่เบือนมาสบกลับทำให้นิ่งค้างไปโดยไร้เหตุผล

“ไม่บอก”

เอ้า!

 

 

หลังจากหมดกิจกรรมแกล้งเด็กแล้วทุกคนก็แยกย้ายกันไปอาบน้ำชำระร่างกายรอบเย็น พวกฝั่งปีหนึ่งสองสามตกลงกันว่าจะไม่มีกิจกรรมต่อแล้ว แต่จะนั่งกินเหล้ากันยาวๆ กินไวจะได้เลิกไว พรุ่งนี้จะได้เที่ยวไหว พวกปีสี่ก็จะแยกไปกินที่ที่พักเหมือนกัน แต่ผมว่าไอ้กินไวเลิกไวน่าจะยาก ลองได้กินแล้วคงกินจนหมด ไม่รู้จะเหลือถึงคืนพรุ่งนี้หรือเปล่า

ตอนนี้พวกผมนั่งรวมกลุ่มกันอยู่ในบ้านหลังกลางที่เป็นแหล่งเก็บเหล้า ชุมนุมกันอยู่ยี่สิบเอ็ดชีวิต จริงๆ ก็อยากจะไปมุงกันหน้าลานอยู่หรอก ถ้าไม่ติดว่ายุงมันเยอะจนน่ากลัวจะเป็นไข้เลือดออกน่ะนะ

“มาเล่นไพ่มา” พี่วินผู้ซึ่งหาเรื่องเสียเงินกวักมือเรียก มีอยู่หลายหน่อเหมือนกันที่ไปร่วมวงกับพี่แก แต่ผมรีบโบกมือปฏิเสธเป็นคนแรกเพราะไม่อยากขยับไปไหน

นั่งกินเฉยๆ สบายสุดละ

หลังจากนั่งนิ่งๆ อยู่พักใหญ่คนที่นั่งอยู่ข้างกายผมก็ขยับตัวลุกขึ้น ผมมองตามจนเขาเดินออกไปข้างนอกโดยไม่ได้ถามหรือรั้งอะไรเพราะเห็นอยู่แล้วว่าเขามีสายเข้า แต่รอจนผ่านไปเกือบครึ่งชั่วโมงพี่ภูก็ยังไม่เข้ามา ผมคิดว่าเขาอาจจะกลับที่พักไปแล้วเลยเดินตามออกไปด้านนอก รู้ตัวว่าถือกีตาร์ออกมาด้วยก็ขี้เกียจเอากลับไปคืนแล้ว

ที่บ้านพักก็ไม่อยู่…แล้วพี่ภูหายไปไหน รถก็ยังจอดอยู่นั่น…

ผมสะบัดหัวเพื่อเรียกสติให้กลับมาแล้วเพ่งมองไปที่รถออดี้ที่จอดอยู่ไม่ไกลอีกครั้ง พอดูดีๆ ถึงพบว่าคนที่ตามหากำลังยืนพิงหลังรถอยู่

“กินยาหรือยัง” น้ำเสียงเย็นๆ ที่ดูจะดุกว่าปกติทำให้ผมแปลกใจไม่น้อย คิดว่าถ้าคุยกับภามแล้วเขาจะอ่อนโยนกว่าปกติเสียอีก

“เปิดกล้องแล้วกินยาเดี๋ยวนี้”

ผมถอนหายใจเบาๆ ด้วยความอึดอัดใจ ถึงจะอยากรู้เรื่องมากขนาดไหนแต่นิสัยแอบฟังก็ไม่ใช่อะไรที่ชอบเท่าไหร่ ยิ่งมานึกว่าเขาอาจจะโกรธก็ยิ่งไม่อยากทำ ผมลังเลใจว่าควรจะเดินกลับไปเงียบๆ หรือทำให้เขารู้ตัวว่าผมได้ยินดี และสุดท้ายเมื่อเห็นมือที่โบกไปมาเพื่อไล่ยุงผมก็ตัดสินใจเลือกทางหลังโดยการดีดสายกีตาร์ในมือเบาๆ หนึ่งที

พี่ภูหันขวับมามองด้วยดวงตาดุดัน ขนาดผมที่ไม่เคยกลัวยังตกใจ แต่วินาทีต่อมาดวงตาคู่นั้นก็อ่อนลง เขาหันกลับไปสนใจโทรศัพท์อีกครั้ง ผมเห็นไม่ชัดนักแต่ก็พอรู้ว่าอีกฝ่ายกำลังเปิดกล้องอยู่ เพียงแต่…

ทั้งที่พี่ภูไม่ได้ใส่หูฟัง แต่ผมยังไม่ได้ยินเสียงภามเลยสักคำ

“ไปนอน” ออกคำสั่งทิ้งท้ายแล้วเขาก็กดตัดสาย เก็บโทรศัพท์ใส่กระเป๋ากางเกงแล้วพิงรถท่าเดิม พอเห็นว่าอีกฝ่ายเปิดโอกาสผมก็เดินเข้าไปหาช้าๆ แล้วยืนพิงรถอยู่ข้างๆ

“ผมได้ยินแค่กินยาหรือยัง” ผมเริ่มประโยคสนทนาก่อนจะสังเกตท่าทีของเขาเงียบๆ และเมื่อได้เห็นสายตาเป็นคำถามไม่ได้เจือความโกรธอะไรก็โล่งใจ “แค่อยากให้พี่รู้ว่าผมไม่ได้ตั้งใจเข้ามายุ่ง”

“อืม”

อืมเฉยๆ เองเหรอ แบบนี้มันน่าอึดอัดใจไม่ใช่หรือไง

หลังจากยืนขบคิดกับตัวเองอยู่สักพัก สายตาของผมก็เหลือบไปเห็นกีตาร์ในมือเข้า ไอเดียบางอย่างแวบเข้ามาในหัวโดยไม่ต้องเสียเวลาคิด

“ผมร้องเพลงให้ฟังนะ” ผมยกกีตาร์ขึ้นแล้วค่อยๆ เกาเป็นทำนองช้าๆ ระหว่างรอคำตอบ และเมื่อได้รับการพยักหน้ารับผมก็เริ่มเปล่งเสียงออกมา

 

“เธอกลับบอกว่าอย่าพยายาม อย่าพยายามอีกเลย

ให้ฉันโยนทิ้งทุกอย่าง พอสักทีได้ไหม

เธอกลับบอกว่าพยายาม แม้ฉันจะพยายามเท่าไหร่

ทุกอย่างนั้นคือความฝัน ที่ฉันฝันไป

แต่สุดท้ายเธอมองไม่เห็นค่าฉันเลย”


[พยายาม : O-Pavee]

 

“กูบอกตอนไหนว่าอย่าพยายาม”

“ผมก็ไม่ได้จะหยุดพยายามอยู่แล้ว”

“...”

“เห็นมันดราม่าดีเลยเอามาเรียกกระแส”

แล้วก็เอามาทำให้พี่อารมณ์ดีขึ้น

“ไปไกลๆ ตีนกูก่อนจะโดนถีบ”

ผมหัวเราะก่อนจะโยกตัวหลบมือที่ฟาดลงมาแบบไม่จริงจังนัก เห็นรอยยิ้มน้อยๆ ของคนที่ดูอารมณ์ไม่ดีตอนแรกแล้วก็รู้สึกดี ถือว่าที่เล่นไปได้ผลตามที่ต้องการ

“นี่...พี่ภู” ผมยังคงรอยยิ้มไว้บนใบหน้าแต่รู้สึกเหมือนน้ำเสียงจะจริงจังขึ้นเล็กน้อย...คงเป็นเพราะมันเป็นเรื่องที่ค้างคาใจเลยเผลอแสดงความเครียดออกไปโดยไม่รู้ตัว

“ว่า”

“ผม...วุ่นวายกับพี่เกินไปไหม หมายถึง...ทำให้พี่รำคาญหรือเปล่า” ผมหลุบตาลงต่ำด้วยความไม่มั่นใจซึ่งไม่เคยเป็นมาก่อน มือที่กำกีตาร์ไว้ออกแรงกำแน่นกว่าเดิมโดยไร้เหตุผล “ผมไม่เคยชอบใคร ไม่เคยคิดจริงจังขนาดนี้ ผมไม่รู้ว่านิสัยของตัวเองจะสร้างความรำคาญใจให้กับคนที่ชอบหรือเปล่า”

“ถ้ากูบอกว่ารำคาญ มึงจะไปไกลๆ ไหม”

“ไม่”

“กระต่ายโง่” คนพูดผลักหัวผมแรงๆ แบบที่ชอบทำก่อนจะดีดหน้าผากซ้ำเมื่อผมหันกลับมาหา

“เจ็บนะ”

“คำถามที่มึงถามตอนบ่าย คำตอบของกูคือใช่”

คำถาม…

‘ตั้งแต่เจอผมก็มีแต่เรื่องดีๆ ใช่ไหมล่ะ’

ผมเบิกตากว้างก่อนจะรีบเงยหน้ามองคนพูดด้วยความรวดเร็ว แต่ยังไม่ทันได้เห็นสีหน้ามือใหญ่ก็ปิดทับลงมาที่ดวงตาทั้งสองข้างราวกับไม่ต้องการให้ผมมองเห็นเขาในเวลานี้

“คนโง่ที่ไหน...มันจะรำคาญสิ่งที่ทำให้ตัวเองเจอแต่เรื่องดีๆ วะ”

 

-------------------



« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 31-07-2017 14:33:53 โดย CHESS. »

ออฟไลน์ LadySaiKim

  • ▫▪□Dezine'Kim□▪▫
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1703
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-0
Re: ┌▼Nitrogen ไนโตรเจน▲┘ ==[16]==[P.10]== [03/06/60]
«ตอบ #273 เมื่อ03-07-2017 19:39:21 »

 :z1: :z1: :z1:

ออฟไลน์ m.starlight

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 76
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: ┌▼Nitrogen ไนโตรเจน▲┘ ==[16]==[P.10]== [03/06/60]
«ตอบ #274 เมื่อ03-07-2017 19:45:15 »

งื้ออออ น่ารักไม่ไหวแล้ว   :-[

ไม่ได้ยินเสียงภาม หรือว่าเป็นใบ้?? อยากรู้แล้ววว สงสัยแรง

ออฟไลน์ Mariinariiz

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 111
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
Re: ┌▼Nitrogen ไนโตรเจน▲┘ ==[16]==[P.10]== [03/06/60]
«ตอบ #275 เมื่อ03-07-2017 21:07:15 »

พี่ภูน่ารักมาก ดีต่อใจ โอยยยยย เริ่มอิจฉาเก้าละ  :o8:

ออฟไลน์ hpimmc

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 186
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
Re: ┌▼Nitrogen ไนโตรเจน▲┘ ==[16]==[P.10]== [03/06/60]
«ตอบ #276 เมื่อ03-07-2017 21:30:37 »

บินไปเลยค่า
 :katai4: :katai4:

ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4991
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7
Re: ┌▼Nitrogen ไนโตรเจน▲┘ ==[16]==[P.10]== [03/06/60]
«ตอบ #277 เมื่อ03-07-2017 21:36:59 »

 :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ TIKA_n

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1391
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +308/-4
Re: ┌▼Nitrogen ไนโตรเจน▲┘ ==[16]==[P.10]== [03/06/60]
«ตอบ #278 เมื่อ03-07-2017 21:39:28 »

พี่ภู เริ่มหวานกับน้องหน่อย ๆ แล้วน้า เขิน  :o8:
ชอบเปรมอ่ะ น่ารักดี เทิดทูนน้องเก้าเหลือเกิน 555
นี่ก็คิดว่าเวลาพี่ภูพูดกับภามจะแบบอ่อนโยนนุ่มนวลซะอีก
ไหงทำเสียงเย็น เสียงดุขนาดนั้นล่ะ แล้วภามทำไมไม่มีเสียงนะ
ตอนหน้าจะไปเดินป่าแล้วเหรอ น้องเก้า เอาจริงเหรอเรื่องหลงป่าเนี่ย โธ่

ออฟไลน์ Yongchiiki98

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 11
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
Re: ┌▼Nitrogen ไนโตรเจน▲┘ ==[16]==[P.10]== [03/06/60]
«ตอบ #279 เมื่อ03-07-2017 21:39:56 »

ฮอลลลล พี่ภูของน้องต่ายย แอร๊ยยยยยย เขินตัวแตกแล้ววว ค่าาา :-[ :impress2:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: ┌▼Nitrogen ไนโตรเจน▲┘ ==[16]==[P.10]== [03/06/60]
« ตอบ #279 เมื่อ: 03-07-2017 21:39:56 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ 05th_of_06th

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 102
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
Re: ┌▼Nitrogen ไนโตรเจน▲┘ ==[16]==[P.10]== [03/06/60]
«ตอบ #280 เมื่อ03-07-2017 21:40:49 »

“คนโง่ที่ไหน...มันจะรำคาญสิ่งที่ทำให้ตัวเองเจอแต่เรื่องดีๆ วะ” งื้อออออประโยคนี้ ใจบางงงเลย 

ออฟไลน์ PKT

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 183
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
Re: ┌▼Nitrogen ไนโตรเจน▲┘ ==[16]==[P.10]== [03/06/60]
«ตอบ #281 เมื่อ03-07-2017 22:34:33 »

อ๋อยยยยยย  กูตายยยยยยยย
พี่ภูชอบเก้าแล้ว พาไปหาจ๋าเลยย

ออฟไลน์ missm2c

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 86
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
Re: ┌▼Nitrogen ไนโตรเจน▲┘ ==[16]==[P.10]== [03/06/60]
«ตอบ #282 เมื่อ03-07-2017 22:38:13 »

“คนโง่ที่ไหน...มันจะรำคาญสิ่งที่ทำให้ตัวเองเจอแต่เรื่องดีๆ วะ” ดาเมจรุนแรงมาก ฮือออ #พี่ภูของบ่าว
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 10-07-2017 15:14:54 โดย missm2c »

ออฟไลน์ 205arr

  • เราคงอยู่ไกลกันเป็นพันหมื่นลี้
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 748
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-1
Re: ┌▼Nitrogen ไนโตรเจน▲┘ ==[16]==[P.10]== [03/06/60]
«ตอบ #283 เมื่อ03-07-2017 23:01:19 »

อยากรู้เรื่องน้องภามม้ากมากค่ะ
 :katai4:

ออฟไลน์ ktsingto

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 20
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: ┌▼Nitrogen ไนโตรเจน▲┘ ==[16]==[P.10]== [03/06/60]
«ตอบ #284 เมื่อ03-07-2017 23:45:25 »

หลงรักความมึนของนุ้งเก้าาา  :mew3: :o8:

ออฟไลน์ PrimYJ

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3473
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3
Re: ┌▼Nitrogen ไนโตรเจน▲┘ ==[16]==[P.10]== [03/06/60]
«ตอบ #285 เมื่อ04-07-2017 01:33:39 »

บู้มมมมมมมม เขินจนระเบิดเป็นโกโกครั้นช์  :-[

ออฟไลน์ Snowermyhae

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4014
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-7
Re: ┌▼Nitrogen ไนโตรเจน▲┘ ==[16]==[P.10]== [03/06/60]
«ตอบ #286 เมื่อ04-07-2017 11:15:56 »

โหหหห ประโยคสุดท้ายยยย อ่ะยอม  :oo1:

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8893
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80
Re: ┌▼Nitrogen ไนโตรเจน▲┘ ==[16]==[P.10]== [03/06/60]
«ตอบ #287 เมื่อ04-07-2017 11:24:46 »

 :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ Mura_saki

  • แค่เรารู้จักกัน...มันก็ดีที่สุดแล้ว :)
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +179/-9
Re: ┌▼Nitrogen ไนโตรเจน▲┘ ==[16]==[P.10]== [03/06/60]
«ตอบ #288 เมื่อ04-07-2017 13:37:47 »

พี่ภู รักพี่ภูอ่ะ :)

ออฟไลน์ hoihak

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 156
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-1
Re: ┌▼Nitrogen ไนโตรเจน▲┘ ==[16]==[P.10]== [03/06/60]
«ตอบ #289 เมื่อ04-07-2017 23:19:35 »

 :ling1: :ling1: ดีต่อใจสุดๆ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: ┌▼Nitrogen ไนโตรเจน▲┘ ==[16]==[P.10]== [03/06/60]
« ตอบ #289 เมื่อ: 04-07-2017 23:19:35 »





ออฟไลน์ CHESS.

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 212
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +228/-2
Re: ┌▼Nitrogen ไนโตรเจน▲┘ ==[16]==[P.10]== [03/06/60]
«ตอบ #290 เมื่อ06-07-2017 21:55:35 »



-17-

 

“เก้า มึงกลับไปก่อนพวกกูไม่ใช่เหรอวะ ทำไมสภาพอดนอนหนักกว่าพวกกูที่แดกทั้งคืนอีกเนี่ย”

“ไอ้วิน มาดูทีดิ น้องมึงตาลอยสัตว์”

“เก้า…” ใครสักคนโบกมือไปมาตรงหน้าผม แต่ตอนนี้ตามันแข็งไปหมดจนแทบกระพริบไม่ไหว “มึงโอเคไหม”

“โอเค” ผมตอบกลับอึนๆ แล้วยกมือนวดขมับตัวเอง

ถ้าถามว่าอาการแบบนี้เกิดจากอะไร เหล้าเหรอ...บอกเลยว่าไม่ใช่ แต่มันเกิดจากการที่ผมไม่ได้นอนทั้งคืนต่างหาก และถ้าถามว่าทำไมไม่ได้นอน…นั่นก็เพราะตัวผมเองอีก

เพราะคำพูดของใครบางคนทำให้ผมลืมเลือนได้แม้กระทั่งแผนการของตัวเอง อุตส่าห์คิดว่าจะได้นอนเตียงเดียวกันแต่ดันลืมไปลากตัวพวกรุ่นพี่กลับแล้วปล่อยให้พวกนั้นนอนหมกกันอยู่ตรงบ้านที่กินเหล้าทั้งคืน และนั่นทำให้บ้านที่ผมอยู่กับพี่ภูมีเตียงว่างถึงห้าเตียง เราเลยสามารถแยกย้ายกันนอนได้ตามระเบียบโดยไม่ต้องเบียดกัน…ซึ่งเมื่อคืนผมก็ไม่ได้สนใจหรอกเพราะเอาแต่นั่งเอ๋อมองหน้าคนหลับยันเช้า

ใครใช้ให้เขาพูดอะไรแบบนั้นแล้วหนีไปนอนเล่า!

“ง่วง” ผมเบะปากก่อนจะหาวน้ำตาไหลทั้งที่ตายังเปิดกว้าง และมันคงน่าตลกมากพวกพี่วินถึงได้หัวเราะกันใหญ่ ขนาดตัวต้นเหตุอย่างพี่ภูที่นั่งอยู่ใกล้ๆ ยังยิ้มนิดๆ เลย

“จะเดินป่าไหวไหมเนี่ยมึง” พี่วินยกยิ้มแล้วเขย่าไหล่ผมเบาๆ ท่าทางเหมือนจะบอกว่าถ้าไม่ไหวก็ให้นอน

“ไหว”

พลาดเรื่องนอนไปแล้ว เรื่องอะไรผมจะยอมพลาดเรื่องหลงป่าอีก

“แต่ท่าทางมึงไม่ไหวนะ”

เออ...ถึงสภาพจะไม่เอื้อก็เถอะ

“จ๋าบอกผมว่า ถ้าใจเราบอกว่าไหว…”

“...”

“เดี๋ยวมันก็ไหวเอง”

“ไอ้เก้า กูว่ามึงนอนเถอะ”

กูก็อยากนอน

ผมโอดครวญในใจแต่ยังคงยืนยันคำพูดตัวเองด้วยการลุกขึ้นยืน กระเป๋าก็จัดไว้พร้อมตั้งแต่เมื่อคืนที่นอนไม่หลับแล้ว ใครจะยอมเสียแผน

“มองไร ไปดิ” ผมสะพายเป้แล้วหันไปขมวดคิ้วใส่พวกที่ยังมองไม่เลิก ต้องรอจนพี่ภูกับไอ้โซลุกก่อนถึงจะยอมลุกกัน

ความพังของวันนี้คือ...ถึงผมจะยังหน้าด้านเดินข้างพี่ภูได้อยู่ แต่ผมไม่กล้ามองหน้าเขา...

รู้สึกว่าตัวเองสะดีดสะดิ้งจนต้องยกสองมือขยี้หัวจนยุ่งเหยิง ตาก็ปวด สมองกูยังกระทบกระเทือนอีก และไม่พอ...เพราะคนช่างแกล้งที่ยังคงทำหน้าตาเหมือนรูปปั้นดันหวังดียื่นสองมือมาขยี้หัวให้ผมด้วย

“ช่วย”

“อยากจะขอบคุณสักพันครั้ง” ผมแอบจิกกัดเบาๆ ทั้งที่ยังไม่กล้ามองเขา คนโง่ยังดูออกเลยว่าพี่แกแกล้ง ถึงจะแกล้งหน้านิ่งแต่ก็คือแกล้งอยู่ดี

นับว่าเป็นเรื่องดีๆ...ถึงจะทำให้ลำบากกว่าเดิมก็ตาม คือนอกจากต้องรับมือกับความเขินแล้วยังต้องรับมือกับการโดนแกล้งอีก เอาเถอะ…เอาที่สบายใจ

“ทำหน้าอะไรของมึง” คนที่กำลังขยี้หัวผมในระหว่างเดินไปรวมพลโคลงหัวผมแรงๆ เป็นครั้งสุดท้ายแล้วผละออก

“กำลังคิด…” ผมทำใจกล้าเงยหน้ามองคนข้างๆ แล้วก็พบว่าคิดผิดสุดๆ เพราะแค่สบเข้ากับดวงตาสีเทาแวววาว หน้าที่เคยคิดว่าด้านกว่ากระดาษทรายก็แทบไหม้ “กะ...กำลังคิดว่าน่าจะต้องหายาแก้แพ้”

“แพ้อะไร”

จะถามก็อย่าทำหน้าแบบนั้นจะได้ไหม มันทำให้เขินกว่าเดิมจนต่อบทไม่ได้ไม่รู้หรือไง

“แพ้…”

“ว่าไง”

“แพ้พี่! แม่ง!” ผมผลักพี่ภูเบาๆ เพราะยิ่งพูดหน้าก็ยิ่งร้อน แต่ขนาดจะผลักกูยังผลักเบาๆ เลย

นั่นก็อีก...ไม่รู้ไปอารมณ์ดีมาจากไหน ถึงหน้าจะนิ่งแต่แกล้งกันแบบนี้มันไม่ใช่เรื่องปกติ เขาต้องจงใจ...ต้องจงใจทำให้ผมเป็นแบบนี้แน่ๆ

“เห็นคนเขินมันสนุกหรือไง” ผมบ่นเบาๆ อย่างอดไม่ได้ แต่เสียงหึเบาๆ ในลำคอของคนข้างๆ บ่งบอกได้ดีว่าเขาได้ยิน

“ไม่หรอก…” คนพูดลากเสียงยาวชวนสงสัยทำให้ผมไม่มีทางเลือกต้องเงยหน้ามองเขาแบบจำใจ “เห็นคนเขินไม่สนุก”

“แล้วทำไม…”

“แต่เห็นคนบ้าเขินแล้วสนุก”

จ้ะ

 

 

“โตๆ กันแล้ว จะแยกย้ายไปไหนก็ดูแลตัวเอง แต่ทางที่ดีอย่าแยกไปไกล ขี้เกียจตามหา”

กิจกรรมหลังทานข้าวของเราคือการเดินป่า จุดหมายปลายทางคือน้ำตกที่ผมจำชื่อไม่ได้ ตอนแรกก็ดีๆ อยู่หรอก เพราะพวกพี่วินมันสงสารเลยยอมให้นั่งเฉยๆ ไม่ต้องช่วยงาน แต่แค่โผล่ไปเจอพวกไอ้เต๊ะเท่านั้นล่ะ…ผมกลายเป็นแรงงานทาสในทันที พอพวกมันรู้ว่าผมออกแรงไม่ได้เลยใช้ให้ไปช่วยห่อข้าว เพราะแผนวันนี้คือจะเดินเที่ยวจนกว่าจะค่ำถึงจะกลับ

ขบวนเดินทางแสนยิ่งใหญ่มีเฮียเจมส์ที่รู้ทิศที่สุดนำหน้าโดยมีผมกับพี่ภูเดินปิดท้าย การเดินป่าครั้งนี้เราไม่ได้มากันทุกคนเพราะคุยไว้แล้วว่าจะปล่อยตามสบาย ส่วนที่ไม่มาก็มีทั้งพวกที่อยู่เฉยๆ นั่งกินเหล้าทั้งวันแล้วก็พวกที่ทำตัวมีสาระเล่นเกมร้องเพลง เหลือพวกผมที่มาเดินป่าอยู่ประมาณสิบกว่าคน ซึ่งเฮียเจมส์แกก็บอกว่าดีแล้ว คนไม่เยอะจะได้ไม่วุ่นวาย

“ง่วงนอน” ผมโอดครวญแล้วพยายามกรอกตาที่แข็งค้างของตัวเองตลอดเวลาจะได้ไม่ง่วง แต่ดูเหมือนว่ามันจะไม่ได้ผลนัก

“แล้วทำไมไม่นอน”

“กล้าถามเนอะ”

“แล้วทำไมต้องไม่กล้า” พี่ภูเลิกคิ้วหน้าตาย เขาทำเหมือนสิ่งที่พูดพูดออกมาคือการถามจริงๆ แต่ผมที่สังเกตเขามาตลอดและรู้จักเขามากขึ้นเรื่อยๆ มีหรือจะไม่รู้ว่ากำลังโดนกวนตีน

“อย่าให้ได้เอาคืนนะ” ทำอะไรไม่ได้แล้วก็ได้แต่ฝากไว้ก่อนเหมือนตัวร้ายกากๆ ในละคร...ขัดใจเว้ย!

“กระต่ายอย่างมึงจะทำอะไรได้” พี่ภูหัวเราะหึแล้วมองผมด้วยสายตาดูถูกดูแคลน ถามว่าทำอะไรได้ไหม…

ไม่ได้ เพราะงั้นก็ถ่างตาเดินต่อไปเงียบๆ จบ

เส้นทางที่พวกเราใช้เดินเป็นพื้นที่ของเส้นทางศึกษาธรรมชาติซึ่งไม่มีอันตรายแต่ก็ไม่มีป้ายหรือสิ่งบ่งบอกทิศ ผมที่ง่วงตั้งแต่เดินเข้ามาทำท่าเหมือนไม่สนใจแต่จริงๆ แล้วก็จดจำเส้นทางอยู่ในใจเงียบๆ จวบจนเมื่อได้ยินเสียงน้ำไหลดังอยู่ไม่ไกล ขบวนที่เดินมาเป็นแถวก็แตกแยกเป็นฝูงเล็กฝูงน้อยเพราะไอ้เปรมมันวิ่งนำไปตามเสียงก่อนเป็นคนแรก

“ไอ้เปรม!” พี่วินเรียกแล้วมันก็ไม่หยุด แถมยังมีคนวิ่งตามไปเป็นขบวนอีกต่างหาก

พอเห็นพวกปีหนึ่งวิ่งหายไป พวกพี่วินก็เลยเร่งฝีเท้าเดินตามไปด้วย เหลือแต่ผมกับพี่ภูที่เดินเอื่อยๆ อ้อ...มีไอ้โซที่ผมเพิ่งรู้ว่ามันมาด้วยอีกคน

“มึง” ผมเดินเนียนๆ ไปประชิดไอ้โซก่อนจะกระซิบเรียกมันไม่ให้พี่ภูได้ยิน “ถ้ากูกับพี่ภูหายไปไม่ต้องหานะ เดี๋ยวกลับเอง”

“วางแผนชั่วอะไรอีก” มันขมวดคิ้วแล้วพูดเสียงดังจนผมต้องยกมือปิดปากไว้

“เงียบๆ สิวะ” ผมเหล่มองคนที่เดินอยู่ไม่ไกล โชคดีที่เขามัวกดโทรศัพท์เลยไม่ได้หันมาสนใจ

“มึงจะทำอะไร”

“จะไปหลงป่า”

คนฟังทำหน้าเหวอ ขมวดคิ้วมองผมเหมือนกำลังมองคนบ้า

“คิดยังไงของมึงวะ”

“เห็นในละคร เวลาหลงป่าเขาจะใกล้ชิดกันมากขึ้นไง กูจะได้อยู่กับเขาสองคน” ผมนึกถึงตอนจ๋ามาวี้ดว้ายเวลาดูละครฉากพวกนี้แล้วก็ยิ้ม จ๋าบอกตลอดว่าออกป่ามาพระนางชอบงุงิใส่กัน บอกตามตรงผมมองว่ามันไร้สาระมาก แต่พอมาเจอสถานการณ์แบบนี้...ลองดูก็ไม่เสียหาย

“เออ…” ไอ้โซกลอกตา ถอนหายใจยาวก่อนจะพยักหน้าให้ “จะให้กูทำไร”

“จ๋าบอกกูว่า ถ้าอยากหลงแบบเนียนๆ ก็ต้องจดจำทางทั้งหมดให้แม่น เวลาหลงจะได้หลงแบบคนฉลาด มึงแค่ช่วยกูจัดการทางนี้พอ”

“เออ ตามสบาย” ไอ้โซทำหน้ามืดมนอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะยอมพยักหน้า “เดี๋ยวจัดการให้”

“ดีมาก” ผมตบไหล่มันเป็นเชิงขอบคุณแล้วเดินกลับไปหาพี่ภู สบตาเพื่อนอีกครั้งเดียวแล้วเราก็แยกกันไป โดยที่มันเดินไปก่อน ส่วนผมยืนรอพี่ภูที่น่าจะคุยธุระอยู่ที่เดิม

ตอนแรกผมเห็นพี่ภูยืนเฉยๆ ก็คิดว่าเขาน่าจะกำลังเครียด แต่เมื่อเจ้าตัวหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาคุยเท่านั้นล่ะ…

“พ่อผมจ้างคุณมาเป็นเลขา ให้ช่วยจัดการงานตอนที่ผมไม่อยู่ มีหน้าที่อะไรก็ทำไปซะ” ประโยคสนทนาภาษาอังกฤษชัดเจนทำให้ผมรู้ว่าเขากำลังคุยงาน แต่ออกจะเป็นการคุยงานที่เดือดไปนิด น่าจะตำหนิเลขาตัวเองอยู่ ฝ่ายนั้นอาจจะไม่รู้เพราะเสียงเขาก็เย็นชาเป็นปกติ แต่ผมที่กำลังมองอยู่รู้ได้ชัดเจนว่าคนตรงหน้ากำลังเดือดขึ้นเรื่อยๆ

“ผมพูดไม่ชัดเจนพอใช่ไหม...อย่ามายุ่งเรื่องส่วนตัวของผม” พี่ภูกัดฟันพูดราวกับต้องการสะกดกลั้นอารมณ์ “ถ้าพูดไม่ฟังก็อย่าหาว่าผมไม่เตือน เลขากระจอกๆ ที่มีดีแค่เส้นใหญ่ คิดว่าผมไม่กล้าไล่ออกหรือไง”

ทั้งที่เสียงดุดันนั่นควรจะทำให้หวาดกลัวแต่ผมกลับยิ้มกว้าง...เพิ่งรู้ว่าตัวเองได้รับความใจดีจากเขามากมายขนาดไหน เพราะเอาแต่สนใจเรื่องระหว่างเราถึงไม่เคยสังเกต แต่พอมาคิดดูแล้วถึงได้รู้...ไม่ว่าตอนแรกๆ เขาจะเย็นชากับผมขนาดไหน แต่ยิ่งเวลาผ่านไป ยิ่งผมแสดงความจริงใจออกไปเท่าไหร่ เขาก็เริ่มรับรู้และตอบกลับมามากขึ้นเท่านั้น

ถึงจะเป็นไปอย่างช้าๆ แต่ผมก็มั่นใจว่าตอนนี้ตัวเองพิเศษกว่าคนอื่น

ผมรอจนพี่ภูวางสายแล้วขยับเข้าใกล้ ใบหน้าเขายังไม่คลายความโมโหแต่ก็เก็บไว้ได้มิดชิดมากสมเป็นนักธุรกิจ

“อีกสองปีพี่จะรับสมัครเลขาใหม่ไหม”

คนที่กำลังขมวดคิ้วหันมามองก่อนจะถอนหายใจยาว ใบหน้าของเขาคลายความหงุดหงิดลงไปหลายส่วน

“มึงจะมาทำให้กูยุ่งกว่าเดิมหรือไง” ว่าจบก็แค่นเสียงหัวเราะในลำคอหนึ่งทีเป็นเชิงดูถูก

“พี่ไม่รู้อะไร ผมเนี่ยทำได้ทุกอย่าง” ถ้าจะทำนะ

พี่ภูเลิกคิ้ว อารมณ์หงุดหงิดหายไปเกือบหมดตามที่ผมต้องการแต่เปลี่ยนมาเป็นหาเรื่องกันเหมือนเดิมแทน

“งานกูต้องพังเพราะมึงแน่ๆ”

“ไม่…”

“เอาไว้จะลองคิดดู”

“พี่เป็นไรมากไหมเนี่ย” ผมบ่นอุบอิบ ก่อนจะจับมือเขามาแปะไว้ตรงตำแหน่งหัวใจของตัวเอง “ชอบทำให้ผมใจเต้นแรง วันไหนเทกันขึ้นมาผมจะฟ้องป๋า”

พี่ภูทำหน้างงแต่อยู่ๆ เขาก็หัวเราะออกมา ถึงจะไม่ได้มากมายแต่ก็ทำให้ผมตกใจจนลืมง่วง ใจที่เต้นแรงอยู่แล้วกระหน่ำเต้นแรงกว่าเดิมจนเจ้าของมือที่ยังวางทับอยู่ส่ายหน้า

คนอะไร...จะทำอะไรก็ดูดีไปหมด อิจฉาชะมัด

“กระต่ายบ้า” พี่ภูดึงมือออกก่อนจะวางมันทับลงบนหัวผมแล้วโคลงไปมา “ถ้าไม่อยากโดนเทก็รีบๆ ทำคะแนน”

ผมตาโต จับมือเขาไว้แน่น ในใจร้องไชโยไปเกือบสิบรอบ

“แล้วตอนนี้ผมได้กี่คะแนนแล้ว”

“อืม…” พี่ภูทำหน้าครุ่นคิด “หก”

ใจเหี่ยวเลยกู

“ทำไมน้อยจัง”

“น้อยเหรอ”

“น้อย อีกเก้าสิบสี่คะแนนผมจะไปเอามาจากไหน”

พี่ภูยักไหล่แล้วเดินนำไปด้านหน้า แต่เดินไปสักพักเขาก็หยุด ผมที่เดินตามและครุ่นคิดแผนการอยู่ในใจเงียบๆ ถึงกับสะดุ้ง เกือบกระแทกแผ่นหลังกว้างของคนตรงหน้าแล้วไง

“หยุดเดินทำ…”

“บอกว่าน้อย...มึงรู้ได้ยังไงว่าเต็มเท่าไหร่”

ผมพยายามเคาะสมองที่หยุดทำงานเพราะความง่วงให้กลับมาทำงานอีกครั้ง ไม่ใช่เพื่อตีความคำพูดของพี่ภู แต่เพื่อถามย้ำกับตัวเองว่าเข้าใจถูกแล้ว ไม่ได้มโนไปเองใช่ไหม

“พี่พูดจริงเหรอ!” ผมวิ่งตามคนที่เดินนำไปไกล พยายามสุดความสามารถไม่ให้ดี๊ด๊าเกินไป “แสดงว่ามันเต็มสิบใช่ไหม”

“ไม่บอก”

ไม่เป็นไร เข้าใจไปเองก็ดีเหมือนกัน ถึงจะค่อนข้างมั่นใจว่าคะแนนที่ผมเก็บอยู่คือการพัฒนาจากความเอ็นดูไปเป็นความชอบที่มากกว่านั้น แต่แค่นี้ก็โอเคแล้ว…กับคนที่ดูปิดกั้น สร้างกำแพงบดบังทุกอย่างไว้ ผมไม่สนหรอกว่าจะต้องเริ่มจากสถานะไหน ขอแค่มันลดระยะห่างระหว่างเราก็พอ

ผมปล่อยให้พี่ภูเดินนำ ส่วนตัวเองเดินตามหลังจดจำทางอยู่เงียบๆ แปลกที่เขาไม่ได้เดินไปที่น้ำตก ตอนแรกผมคิดว่าพี่ภูจะเดินเล่นก่อนเลยไม่ได้ว่าอะไร กะว่าถ้าเขาเดินเข้าใกล้ทางไปน้ำตกแล้วค่อยหาทางชวนไปที่อื่น แต่ยิ่งเดินผมก็ยิ่งรู้สึกว่ามันไกลกว่าเดิมมากขึ้นเรื่อยๆ

“พี่ภู…” ผมรั้งแขนคนที่เดินนำไว้ แต่เขากลับหันกลับมาทำหน้ายุ่งๆ วุ่นวายใจใส่ “พี่หลงทางใช่ไหม”

“กูไม่เคยเดินป่า”

อะไรๆ ก็เป็นใจเสียเหลือเกิน

“เหมือนพี่จะเดินมาไกลจนไม่มีสัญญาณโทรศัพท์แล้วนะ” ผมชูจอโทรศัพท์ให้เขาดู อยากจะหัวเราะอยู่เหมือนกันแต่ต้องกลั้นไว้ จุดที่อยู่ใกล้น้ำตกเป็นจุดที่มีสัญญาณเพราะไม่ได้เข้าไปในป่าลึกมาก แต่ดูเหมือนพี่ภูจะพาผมเดินมาถึงจุดอับสัญญาณโดยไม่ต้องคิดหาแผน

คนพาหลงขมวดคิ้วมุ่น มือหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูก่อนจะถอนหายใจยาวเหยียด

“รีบหาทางไปเถอะ” ว่าแล้วเขาก็เดินนำไปอีกทาง ผมได้แต่มองตามเหวอๆ เพราะทางที่เขาเดินมันเป็นเส้นทางใหม่

“จุดอ่อนของพี่คือชอบหลงทิศสินะ” ผมพึมพำเบาๆ แล้วจดบันทึกเรื่องราวใหม่ที่ได้รู้ไว้ในหัว จริงๆ สำหรับคนที่ไม่เคยเดินป่ามาก่อนจะหลงทางก็คงไม่แปลก แต่ผมแค่คาดไม่ถึงว่าพี่ภูจะหลงทิศจนเข้าขั้นวิกฤติแบบนี้

“พี่”

ยิ่งเดินมาไกลเท่าไหร่ผมก็ยิ่งขมวดคิ้วหนักขึ้นเท่านั้น พี่ภูดูร้อนใจจนผมอดห่วงไม่ได้ แต่ยิ่งเขาร้อนใจมากขึ้นเท่าไหร่เขาก็ยิ่งเดินเร็วมากขึ้นเท่านั้น เร็วจนผมต้องวิ่งตามให้ทัน ทางที่จดจำมาตลอดเริ่มจางหายไปจากหัว ยิ่งวิ่งตามให้ไวก็ยิ่งไม่มีเวลาหันไปสนใจรอบด้าน

“พี่ภู!…” ผมเรียกเสียงดังก่อนจะกระชากแขนคนตรงหน้าอย่างแรงจนอีกฝ่ายหันมาหา และนั่นเป็นครั้งแรกที่ผมเห็นความร้อนรนในดวงตาคมดุคู่นั้น “พี่เป็นอะไร”

“ก้อน…” คนหน้าดุหลับตาลงเพื่อควบคุมอารมณ์ เขายอมนั่งลงตามแรงดึงของผมแต่โดยดี มือที่กำแน่นยกขึ้นเสยผมราวกับต้องการระบายอารมณ์ และมันทำให้ผมเริ่มรู้สึกแย่ไปด้วย

ถึงผมจะไม่ได้เป็นคนเดินนำและพาเขาหลงแบบจงใจแต่ก็ต้องยอมรับว่าผมคิดจะทำจริงๆ ต่อให้บอกว่ากะเวลากลับไว้แล้วก็เอามาใช้แก้ตัวไม่ได้ และถ้ารู้ว่าพี่ภูจะเป็นแบบนี้…ผมจะไม่มีทางทำเป็นไม่รู้ทางแต่แรกจนกลายเป็นไม่รู้จริงๆ เด็ดขาด

“กูต้องโทรหาภามตอนค่ำ” เขาเริ่มพูดออกมาช้าๆ ผมได้แต่พยักหน้าเงียบๆ แล้วหยิบผ้าที่พกอยู่ในกระเป๋าออกมาช่วยซับใบหน้าที่ชื้นเหงื่อให้โดยไม่พูดอะไร

เวลานี้มีแต่ความเครียดและความจริงจัง แม้แต่ผมเองก็ไม่เหลือแผนการไร้สาระอยู่ในหัวอีก

“ภาม...มีปัญหาอะไรใช่ไหม” ผมพยายามเลือกใช้คำในการถามพร้อมกับสังเกตสีหน้าของคนฟังไปด้วย ครู่หนึ่งที่ใบหน้านั้นแข็งกร้าวกว่าเดิม แต่พอเขาเงยหน้าสบตากับผมแล้วสายตานั้นก็อ่อนลง

คงต้องขอบคุณความจริงใจของตัวเองที่ทำให้พี่เขาเข้าใจว่าผมถามด้วยความเป็นห่วงจริงๆ

“ใช่”

“เข้าใจแล้ว” ผมพยักหน้า ไม่เซ้าซี้ต่อ ยังไงเวลานี้สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือการหาพื้นที่ที่มีสัญญาณโทรศัพท์ให้เขา “เรื่องเส้นทางผมน่าจะเก่งกว่าพี่ ยังไงให้ผมนำดีกว่า”

ตอนนี้ก็ใกล้เย็นเข้าไปทุกที ถ้ายังช้ากว่านี้แล้วฟ้ามืดขึ้นมา ถึงจะมีไฟฉายอยู่ในกระเป๋าแต่อะไรๆ ก็คงยากแน่

เป็นครั้งแรกที่ผมนึกตำหนิความงี่เง่าของตัวเองในใจ ถ้าพยายามห้ามแต่แรก ไม่วิ่งตามเขาเพราะกลัวคลาดกัน ผมคงจำทางทั้งหมดและพาเขากลับไปได้แล้ว

ยิ่งเดินไปเรื่อยๆ คนที่ยิ่งร้อนใจก็กลายเป็นผม การที่ทุกอย่างไม่เป็นไปดั่งใจทำให้ผมหงุดหงิด แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังมีสติพอจะทำสัญลักษณ์ไว้ตามทาง ผมตั้งใจค้นหาทางเดินจนไม่ได้สนใจกระทั่งคนที่เดินตามมา ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขาอยู่ในอารมณ์แบบไหน

“พี่คอยเช็คสัญญาณไปด้วยนะ น่าจะง่ายกว่าการหาทางออกแล้วล่ะ”

“อืม”

ถ้ามีสัญญาณก็น่าจะเข้าใกล้ถนนขึ้นทุกที หรือบางทีอาจจะเจอน้ำตกที่เดิม ป่านนี้พวกพี่วินคงเปลี่ยนที่กันหมดแล้ว แต่ขอแค่เดินไปเจอเส้นทางที่ผมจำได้ แค่นั้นก็ต้องออกไปได้แน่

การเดินหาทางออกที่มีแต่ความเงียบงันและความตึงเครียดไม่ได้ทำให้ผมกดดัน เพราะยิ่งเงียบก็ยิ่งมีสมาธิ แต่ตอนนี้ฟ้าเริ่มมืดแล้ว เราเดินกันมาเป็นชั่วโมงโดยไม่ได้หยุดพัก ขาผมล้าเต็มทนแต่ก็ยังพยายามเดินต่อ

“พอเถอะ”

ทั้งร่างชะงักเมื่อได้ยินเสียงบอกให้หยุด ผมหันหน้าไปมองพี่ภูด้วยความไม่เข้าใจ อยากบอกเขาว่ายังไหวแต่เหมือนจะพูดไม่ออก

“ผม…”

“พักก่อน เดี๋ยวค่อยเดินต่อก็ได้”

“แต่ว่ามันมืดแล้ว” ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมเสียงถึงได้สั่น ไม่รู้ว่าเป็นเพราะความรู้สึกผิดหรือเพราะผมไม่สามารถทำตามความต้องการของตัวเองได้ หรือบางที...อาจจะเป็นทั้งสองอย่าง

ผมกำลังหงุดหงิด...เพราะรู้สึกผิด และเพราะตัวเองหาทางออกไม่เจอทั้งๆ ที่มั่นใจว่าต้องทำได้แท้ๆ

“ไม่เป็นไร”

ไม่เป็นไร...แล้วทำไมพี่ต้องทำหน้ากังวลแบบนั้น

ผมกวาดสายตาไปรอบทิศทาง คาดหวังว่าจะได้เจอทางที่คุ้นเคย แต่เพราะมันมืดไฟฉายแค่กระบอกเดียวเลยทำให้อะไรๆ ยากไปหมด

นั่นมัน…

“พี่ภู! ผมจำทางตรงนั้นได้!” ผมชี้ไปตรงทางที่ว่าด้วยความตื่นเต้น มือจับข้อแขนของคนตัวสูงแล้วออกแรงดึงให้วิ่งไปตามทาง

หัวใจที่เหนื่อยล้าเต้นแรงขึ้นตามจังหวะการก้าวเดินไปตามเส้นทางที่คุ้นเคย และวินาทีที่มองเห็นน้ำตกอยู่ไกลๆ ผมยิ้มออกมาด้วยความตื่นเต้น

“นั่นไงน้ำตก ตรงนั้นมีสัญญาณแน่ๆ” ผมเขย่าแขนพี่ภูแล้วหันไปสบตาเขาพร้อมรอยยิ้มกว้าง แต่แล้วก็ต้องชะงักไปเมื่อพบว่าดวงตาคมดุคู่นั้นจ้องมาอยู่ก่อนแล้ว

“อืม” ความอ่อนโยนที่ปรากฏออกมาชั่วครู่พร้อมรอยยิ้มน้อยๆ ทำให้ผมอึ้งไป ยิ่งยามมืออุ่นวาบวางทับลงบนหัวก็ยิ่งอุ่นไปทั้งใจ ความหนาวเย็นจากอากาศ...ราวกับจะได้รับการบรรเทาลงในเวลานี้เอง

ผมหลบสายตานั้นเพราะเริ่มทำอะไรไม่ถูก ได้แค่กัดริมฝีปากแล้วเปลี่ยนเรื่องก่อนอะไรๆ จะแย่

“พี่ไปรอคุยกับภามตรงน้ำตกก่อนนะ ผมกลัวว่าถ้าเดินกลับสัญญาณบางช่วงจะขาดไป” ว่าแล้วก็หมุนตัวเดินนำหน้าไปที่น้ำตก แต่ก้าวเท้าไปได้แค่สองก้าวก็ต้องหยุดลงเพราะโดนรั้งแขนไว้

ผมหันไปมองด้วยความไม่เข้าใจก่อนจะไล่สายตาลงมองที่มือตัวเองเมื่อรู้สึกว่าฝ่ามือที่เย็นเฉียบอบอุ่นขึ้นอย่างน่าประหลาด และที่มาก็ของความอบอุ่นนั้น...ก็มาจากฝ่ามือใหญ่ของใครบางคนที่เกาะกุมมือผมไว้แน่น

“ขอบคุณ” พี่ภูกระชับฝ่ามือให้แน่นกว่าเดิมราวกับจะบอกว่าครั้งนี้เขาจะไม่แตะแล้วผละออกเหมือนทุกครั้ง

พี่ภูดึงผมให้นั่งลงข้างๆ กันตรงโขดหินติดน้ำตก เขาใช้มือหนึ่งหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาทั้งที่ยังจับมือผมอยู่ มาถึงตอนนี้ผมถึงได้เข้าใจว่านอกจากมือจะเย็นเฉียบแล้วตัวเองยังเหนื่อยมากขนาดไหน

“พี่ยังไม่โทรไปเหรอ” ผมถามเบาๆ ก่อนจะกอบกุมมือใหญ่ที่เริ่มเย็นไว้แน่นเพื่อส่งผ่านความอบอุ่นไปให้เขาบ้าง โชคดีที่เย็นแค่มือ อากาศยังไม่ได้หนาวจนตัวสั่น ไม่งั้นมานั่งริมน้ำตกแบบนี้คงไม่พ้นแข็งตาย

“ถึงเวลาแล้วภามจะโทรมาเอง”

“อ๋อ…”

ทิ้งคำพูดไว้แค่นั้นแล้วเราก็ไม่ได้คุยกันต่ออีก พี่ภูเงียบไปตามวิสัย ส่วนผมก็ยังคงจดจ่ออยู่กับมือที่วางอยู่ข้างตัว

“พี่...เคยจับมือใครแบบนี้ไหม”

“ไม่”

“ผมก็ไม่เคย” ผมอมยิ้มด้วยความสุขใจก่อนจะโดนนิ้วมือของใครอีกคนจิ้มเข้าที่แก้ม

“แก้มปริ” ว่าแล้วก็จิ้มลงมาอีกทีก่อนจะพูดต่อด้วยน้ำเสียงราบเรียบหน้าตาย “กระต่ายก้อน”

กระต่ายอ้วนถูกมะ

ผมลองยกมือดึงแก้มตัวเองดูบ้าง ถึงจะมีย้วยๆ ออกมาแต่ก็ไม่ได้เยอะแยะขนาดจะพูดว่าอ้วนได้เสียหน่อย

“พี่ใส่ร้ายผม”

“เหรอ”

เพิ่งเคยเห็นคนกวนตีนทั้งหน้าตายก็วันนี้ แต่ไม่เป็นไร...คนนี้ยอม

“พี่ภู พี่สนใจนอนกลางป่าไหม” ผมถามด้วยน้ำเสียงจริงจัง ตั้งตาตั้งตารอคำตอบจนโดนบิดแก้มแรงๆ อีกที

“นอนให้ยุงหามหรือไง”

“เรื่องนั้นไม่ต้องห่วง” ผมคลี่ยิ้มเพิ่มความมั่นใจให้เขาก่อนจะใช้มือที่ว่างเปิดเป้ใบใหญ่แล้วหยิบอุปกรณ์ออกมา

“เต็นท์?”

“ใช่แล้ว ผมพกมาด้วย เล็กไปนิดแต่นอนเบียดๆ กันก็ได้อยู่” จริงๆ แบบใหญ่ก็มีแต่ผมจงใจพกแบบเล็กมาเองแหละ

“ทำอย่างกับรู้ว่าจะหลง” พี่ภูหรี่ตามองจับผิด แต่ผมแค่ยกยิ้มน้อยๆ ไร้ซึ่งพิรุธใดๆ เพราะเตรียมการมาล่วงหน้า

“ตอนแรกผมกะเอาเต็นท์มากางนอนข้างนอกอยู่แล้วเลยพกมาด้วย คิดว่ามาเที่ยวทั้งทีก็ต้องสัมผัสธรรมชาติเต็มๆ ถึงจะดี หรือพี่ว่าไม่จริง”

พี่ภูนิ่งไปพักหนึ่งก่อนจะยอมพยักหน้า เขาปล่อยมือผมก่อนจะหยิบเต็นท์ไปจัดการหาที่กางให้เรียบร้อยแล้วกวักมือเรียก

อดคิดไม่ได้ว่าถ้าผมแกล้งพาหลงจริงๆ คงถูกจับได้อย่างง่ายดาย ดีที่ครั้งนี้ไม่ใช่การแกล้งเพราะเขาพาหลงด้วยตัวเอง

เราเข้ามานั่งอยู่ในเต็นท์เพื่อกันไม่ให้โดนยุงกัด ผมหยิบน้ำออกมาจากกระเป๋าก่อนจะยื่นส่งให้พี่ภูแล้วค่อยกินเอง พอเห็นเขามองโทรศัพท์เหมือนกลัวสัญญาณจะหายก็ได้แต่แตะปลายนิ้วของเขาเบาๆ เป็นเชิงให้กำลังใจ

ครืด ครืด

มาแล้ว…

ผมขยับตัวลุก คิดว่าจะเปิดเต็นท์ออกไปรอข้างนอก แต่ยังไม่ทันได้เปิดก็ถูกใครอีกคนรั้งแขนไว้ก่อน

“ไม่ต้องไป”

“แต่ว่า…”

พี่ภูดึงผมให้นั่งลงติดกันพร้อมกับชูโทรศัพท์ขึ้นตรงหน้าให้ผมได้เห็นภาพชัดๆ

“เงียบๆ ไว้”

ผมมองหน้าเขาด้วยความไม่เข้าใจ แต่ที่มากกว่าความไม่เข้าใจคือความดีใจ...ดีใจที่เขายอมให้ผมรู้มากกว่าเดิมโดยไม่ต้องถามเอง

หลังจากที่พูดจบมือของเขาก็กดรับสายโดยที่ตัวเองไม่ได้เปิดกล้อง ภาพในจอคือภาพบรรยากาศของห้องพักขนาดใหญ่ห้องหนึ่ง ดูเหมือนโทรศัพท์จะวางอยู่บนโต๊ะ แต่ตรงเก้าอี้ที่ควรมีร่างของใครสักคนนั่งอยู่กลับว่างเปล่า ผมได้ยินเสียงเหมือนคนหยิบของดังอยู่สักพักก่อนร่างของใครบางคนจะเดินมานั่งตรงเก้าอี้พร้อมกับมองกล้องด้วยสายตาว่างเปล่า

“กินยาหรือยัง” พี่ภูเปิดประโยคสนทนาด้วยถ้อยคำที่ผมเคยได้ยินมาก่อนครั้งหนึ่ง น้ำเสียงของเขาเย็นชาราวกับกำลังเจรจาธุรกิจ ในขณะที่ผมยังคงมองคนที่เขาเรียกว่าน้องชายด้วยความตกใจ “ไปหยิบมากินเดี๋ยวนี้”

ไม่ว่าจะเป็นลักษณะภายนอกหรือการที่ฝั่งนั้นใช้ ‘ภาษามือ’ ในการสื่อสาร ทุกอย่างล้วนทำให้ผมตกใจทั้งสิ้น

“วันนี้มีนัดกับหมอใช่ไหม...หยิบรายงานมาด้วย”

นี่มัน…เรื่องอะไรกัน

 

---------------

 
เปิดพรีถึง20สิงหา2560นะคะ ดูภาพตัวอย่างและลิงค์จองได้ในเพจหรือทวิตเตอร์




« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 31-07-2017 14:35:03 โดย CHESS. »

ออฟไลน์ 205arr

  • เราคงอยู่ไกลกันเป็นพันหมื่นลี้
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 748
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-1
Re: ┌▼Nitrogen ไนโตรเจน▲┘ ==[17]==[P.10]== [06/06/60]
«ตอบ #291 เมื่อ06-07-2017 22:43:38 »

นี่มันเรื่องอะไรกัน!!!
น้องภามเป็นอะไรเนี่ย
รอตอนต่อไปด้วยใจจดจ่อเจ้าค่ะ
 :ling1: :ling1: :ling1:

ออฟไลน์ hoihak

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 156
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-1
Re: ┌▼Nitrogen ไนโตรเจน▲┘ ==[17]==[P.10]== [06/06/60]
«ตอบ #292 เมื่อ07-07-2017 00:26:27 »

เฮ้ยยยยยยยย อะไรๆๆๆๆ รอต่อนต่อไปปปปปปป
บร๊ะ!ตอนนี้มีความอยากรู้มากอ่ะ  :ling1:

ออฟไลน์ missm2c

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 86
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
Re: ┌▼Nitrogen ไนโตรเจน▲┘ ==[17]==[P.10]== [06/06/60]
«ตอบ #293 เมื่อ07-07-2017 00:30:49 »

ค้างๆๆๆๆๆ พี่ภูเริ่มเปิดใจให้ก้อนมากขึ้นแล้วนะ แต่ตลกที่พี่ภูพาหลงป่าซะเอง 555555
ปล.1 อยากรู้เรื่องภาม อยากอ่านพาร์ทของพี่ภูบ้าง
ปล.2 แอบสงสัยเลขาของพี่ภูนิดๆว่าจะมีบทบาทไหม รึเราคิดไปเอง #พี่ภูของบ่าว
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 10-07-2017 15:04:00 โดย missm2c »

ออฟไลน์ JustWait

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3348
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-4
Re: ┌▼Nitrogen ไนโตรเจน▲┘ ==[17]==[P.10]== [06/06/60]
«ตอบ #294 เมื่อ07-07-2017 00:40:54 »

 :pig4:

ออฟไลน์ route rover

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2423
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +221/-7
Re: ┌▼Nitrogen ไนโตรเจน▲┘ ==[17]==[P.10]== [06/06/60]
«ตอบ #295 เมื่อ07-07-2017 00:42:14 »

 :ling1: :ling1: :ling1: :ling1: ค้างงงงง่าา  :ling1: :ling1:

ออฟไลน์ Mariinariiz

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 111
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
Re: ┌▼Nitrogen ไนโตรเจน▲┘ ==[17]==[P.10]== [06/06/60]
«ตอบ #296 เมื่อ07-07-2017 07:09:35 »

พี่ภูเปิดใจขึ้นเยอะเลย

ออฟไลน์ LadySaiKim

  • ▫▪□Dezine'Kim□▪▫
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1703
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-0
Re: ┌▼Nitrogen ไนโตรเจน▲┘ ==[17]==[P.10]== [06/06/60]
«ตอบ #297 เมื่อ07-07-2017 18:05:03 »

 :a5: :a5:

ออฟไลน์ hpimmc

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 186
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
Re: ┌▼Nitrogen ไนโตรเจน▲┘ ==[17]==[P.10]== [06/06/60]
«ตอบ #298 เมื่อ07-07-2017 19:45:40 »

เป็นแฝด? ถ้าได้ยินเสียงแต่ใช้ภาษามือ อาจจะไม่เป็นใบ้แต่เกิด สงสัยมีเรื่องกระทบจิตใจ
แล้วก็หวงพี่มาก ประมาณนั้น?

ออฟไลน์ PharS

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 588
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
Re: ┌▼Nitrogen ไนโตรเจน▲┘ ==[17]==[P.10]== [06/06/60]
«ตอบ #299 เมื่อ07-07-2017 19:55:35 »

ขอบคุณนะคะ สำหรับนิยายยยย :pig4: :pig4:
ชอบเจ้าก้อนนนน

ปล.วันที่ผิดนะคะ ตอนเดือนก่อนก็ผิดนึกว่าคนแต่งหายไปพอย้อนดูเดือนที่แล้วคุณคนแต่งเขียนผิดเดือนมาตลอดเลย  :mew1:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด