┌▼Nitrogen ไนโตรเจน▲┘ ==[จบ]==
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ┌▼Nitrogen ไนโตรเจน▲┘ ==[จบ]==  (อ่าน 275547 ครั้ง)

ออฟไลน์ PrimYJ

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3473
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3
Re: ┌▼Nitrogen ไนโตรเจน▲┘ ==[26]==[P.16]== [02/09/60]
«ตอบ #480 เมื่อ05-09-2017 00:47:37 »

ความเก้านี้ ไม่ทันไรก็ดุภามแล้ว 55555555

ออฟไลน์ Chanik

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 44
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
Re: ┌▼Nitrogen ไนโตรเจน▲┘ ==[26]==[P.16]== [02/09/60]
«ตอบ #481 เมื่อ07-09-2017 01:25:41 »

รักภามเด้ออ
มาอีกไวๆน่ารออยู่ :hao7: :hao7:

ออฟไลน์ wichta

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 44
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
Re: ┌▼Nitrogen ไนโตรเจน▲┘ ==[26]==[P.16]== [02/09/60]
«ตอบ #482 เมื่อ07-09-2017 14:40:51 »

เด่วปัดเตะเอวขาด 5555 ดุแท้เล๊ยกระต่ายอ้วนเอ้ย มีความหวานละมุนอยู่ในบรรยากาศ ไม่ต้องมีเหตุหักเหดราม่าไรแล้วนะ เอาแบบนี้พอ ใจพี่บ่ดีรับเรื่องหนักๆ ไม่ได้ เอาใจช่วย เก้า พี่ภู น้องภามนะจ๊ะ

ออฟไลน์ CHESS.

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 212
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +228/-2
Re: ┌▼Nitrogen ไนโตรเจน▲┘ ==[26]==[P.16]== [02/09/60]
«ตอบ #483 เมื่อ09-09-2017 15:58:23 »



-27-

 

ผมเคยนึกสงสัยว่าคนเราสามารถเปลี่ยนสีหน้าได้ไวขนาดไหน แต่ในชีวิต…เราคงไม่จำเป็นต้องใช้ความไวในการเปลี่ยนสีหน้าบ่อยนัก ผมเป็นคนหนึ่งที่มักแสดงทุกอย่างออกมาตามที่ใจคิด เบื่อก็บอกว่าเบื่อ ใครมองก็รู้ว่าเบื่อ แล้วก็ไม่เคยมีความคิดอยากปกปิดสิ่งที่รู้สึก แต่ครั้งนี้เป็นอีกครั้งหนึ่งในชีวิตที่ผมต้องปั้นหน้าว่าไม่เป็นไรทั้งที่เป็นสุดๆ

“หนูเก้าอย่าโกรธพี่เขาเลยนะลูก” แม่เฮเลนปลอบแล้วปลอบอีกเป็นรอบที่สามสิบ

“ไม่โกรธหรอกครับแม่” ผมยิ้มอ่อนทั้งที่ในใจกำลังเดือดปุด

พี่ภูเป็นสิ่งมีชีวิตที่เชื่อถือไม่ได้! เมื่อวานรับปากเสียดิบดี แต่ตื่นเช้ามาหนีไปทำงานหน้าตาเฉย ทั้งยังเตี๊ยมกับแม่เฮเลนให้ช่วยโอ๋ผมเพราะตัวเองมีงานด่วนอีกต่างหาก

“เดี๋ยวผมยกข้าวไปให้ภามเองครับ” ผมรับถาดอาหารมาจากป้าเจนแล้วเดินขึ้นไปด้านบนด้วยความฉุนเฉียว ถ้ายังอยู่ต่อหน้าผู้ใหญ่ก็ต้องยิ้มเพื่อที่พวกท่านจะได้ไม่กังวลใจ แต่ผมไม่มีความอดทนในการรักษาสีหน้ามากนัก หนีขึ้นมาแลดูจะเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด ทว่ายิ่งได้เห็นประตูห้องคนต้นเหตุก็ยิ่งเคืองจนต้องยกเท้าเตะไปหนึ่งทีข้อหาทำให้หงุดหงิด

พี่ภูบอกผมว่าบ้านเขามีห้องนอนพอดีกับคน นั่นทำให้ผมไม่มีทางเลือกนอกจากต้องนอนห้องเดียวกับเขาไปโดยปริยาย แต่เตียงพี่ภูกว้างชนิดที่นอนแผ่ห้าคนก็ไม่เบียดกัน แล้วผมก็หลับลึกอยู่แล้วด้วย เขาลุกไปตอนไหนจึงไม่อาจรู้ได้เลย ตื่นมาคนข้างกายก็หายไปจนต้องวิ่งลงไปถามคนข้างล่าง…รู้งี้เลือกไปเที่ยวตั้งแต่เมื่อวานก็ดี

ผมเคาะห้องภามเป็นจังหวะแบบที่พี่ภูสอน ฝั่งนั้นเองก็น่าจะตื่นนานแล้วเลยเดินมาเปิดไวผิดคาด แต่พอเห็นหน้าผมก็ทำท่าจะปิดประตูใส่ทันที โชคดีที่ผมแทรกตัวเข้ามาก่อนแล้วครึ่งหนึ่งเลยไม่โดนปิดประตูใส่หน้า

“เอาข้าวมาให้” ผมวางถาดอาหารลงบนโต๊ะ ก่อนจะนั่งลงบนเตียงโดยไม่ถามความสมัครใจของเจ้าของห้อง

‘เสร็จแล้วก็ออกไปสิ’ ภามขมวดคิ้วแล้วชี้ไปที่ประตู

“ไม่เหงาหรือไง”

‘ไม่’

“แต่กูเหงา ขออยู่ด้วยคน” เป็นน้องก็ควรจะรับผิดชอบแทนพี่ ในเมื่อเขาปล่อยให้ผมไม่มีอะไรทำ งั้นขอมาป่วนเด็กหน้าตายแทนก็แล้วกัน “อยู่คนเดียวมันไม่ดีหรอก มีกูอยู่ด้วยรับรองมีความสุข ชีวิตสดใส”

‘ผมไม่ชอบหน้านาย’ ภามทำไม้ทำมือ ก่อนจะชี้มาที่หน้าผมเป็นการย้ำ

“รู้ตัวอยู่ แต่ขอถามเหตุผลได้ไหม”

‘นายมาหลอกพี่ใช่ไหม’

“หลอกพี่ภู?” ผมเลิกคิ้ว ก่อนจะขยับกายเข้าใกล้ภามมากกว่าเดิม ชักเริ่มสนใจในสิ่งที่เขาจะพูดขึ้นมาแล้วสิ

‘คนข้างนอกมีแต่พวกไว้ใจไม่ได้ ทุกคนเข้าหาเราเพราะผลประโยชน์’ ภามหยุดนิ่งไปครู่หนึ่งเหมือนกำลังคิดอะไรอยู่ ก่อนเขาจะมองผมด้วยสายตาไม่พอใจ ‘ปกติพี่ไม่เคยยอมให้ใครเข้าใกล้ นายหลอกอะไรพี่’

ที่แท้ก็ไม่ใช่หวงพี่จนเกินเหตุ แต่เด็กหน้าตายนี่เป็นห่วงพี่จนเกินเหตุต่างหาก ผมขยับยิ้มกว้างอย่างอดไม่ได้เมื่อได้รู้อะไรมากกว่าเดิม…อย่างน้อยภามก็ยอมคุยกับผมมากขึ้นแล้ว และถ้าครั้งนี้ผมทำได้ดี บางทีทุกอย่างอาจจะไปได้สวยกว่าที่คิด

“ถ้ากูจะหลอกพี่ภู กูคงไม่ทนรอมาจนถึงสองปีหรอก”

ยอมเป็นคนอดทน ยอมทำในสิ่งที่ไม่เคยคิดจะทำ ยอมเปลี่ยนแปลงตัวเอง ทุกๆ อย่างล้วนมีเหตุผล

‘สองปี?’ คนที่ทำหน้าตายมาตลอดเริ่มมีปฏิกิริยาเหมือนจะสนใจขึ้นมา ผมเลยถือโอกาสนั้นหยิบถาดอาหารมายื่นให้

“ถ้ากินหมดจะเล่าให้ฟัง” ผมหยิบยากับน้ำมาถือเตรียมพร้อมไว้เมื่อภามรับถาดอาหารไปแล้ว “ทุกอย่าง…ไม่มีปิดบัง”

‘นายพูดแล้วนะ’

“อือ แน่นอน” ผมทุบอกตัวเองเบาๆ เป็นการให้สัญญา ซึ่งอีกฝ่ายก็พยักหน้าแล้วยอมก้มลงกินข้าวแต่โดยดี

ผมเพิ่งรู้ว่า ภามเป็นคนประเภทที่ถ้าจะทำอะไรสักอย่างเขาจะทุ่มเทและตั้งใจมากเป็นพิเศษ ป้าเจนบอกผมว่าภามไม่เคยกินข้าวหมดเลยสักครั้ง ต่อให้พี่ภูเป็นคนมาเองก็ตาม แต่ครั้งนี้พอผมให้สัญญาตรงกับสิ่งที่เขาต้องการรู้ เจ้าตัวก็ตั้งอกตั้งใจกินโดยไม่ว่อกแว่กเลยแม้แต่นิดเดียว

‘เล่ามาได้แล้ว’ ภามบอกในทันทีที่กินยาเสร็จเรียบร้อยแล้ว

“เริ่มถามมาหน่อย ไม่รู้จะเล่ายังไงดี”

คนฟังขมวดคิ้วมุ่นเหมือนเขาเองก็ไม่รู้ว่าควรจะเริ่มถามยังไง ผมไม่พูดแทรกแต่ปล่อยให้ภามคิดเองว่าอยากรู้อะไร ทั้งนี้ก็เพื่อให้เรามีเวลาคุยกันมากกว่าเดิม แล้วผมก็ไม่ต้องการให้เขารู้สึกกดดันด้วย

‘นายรู้จักพี่ตั้งแต่ตอนไหน’

“ตอนอยู่ปีสอง จริงๆ เคยเห็นเขาตั้งแต่ก่อนเข้าปีหนึ่งแล้ว แต่เพิ่งได้มีโอกาสคุยจริงๆ จังๆ ตอนปีสอง ไม่รู้ใช้คำว่ามีโอกาสคุยได้หรือเปล่านะ ถ้าบอกว่ากูหาทางเข้าหาน่าจะเหมาะกว่า” ผมอมยิ้มเมื่อสีหน้าตายด้านแปรเปลี่ยนเป็นอยากรู้อยากเห็น ท่าทางภามจะงงกับสิ่งที่ผมพูดพอสมควร

‘หาทางเข้าหา?’

“อือ ก็ตอนแรกพี่ภูเขาไม่ชอบกู พยายามผลักไสให้ออกห่างทุกวิธีเลยล่ะ” นึกถึงเหตุการณ์ตอนนั้นแล้วก็ได้แต่หัวเราะออกมาเบาๆ “แต่เพราะกูไม่ยอมแพ้ก็เลยมาถึงจุดนี้ได้”

‘นายทำอะไรบ้าง’

“เยอะแยะ ร้องเพลงจีบยังทำมาแล้ว”

‘ร้องเพลง?’

“ทำหน้าแบบนั้นคือไร” ผมถลึงตาใส่เมื่อภามทำหน้าตาแหยะๆ เหมือนจะบอกว่าหน้าอย่างนี้ร้องเพลงเป็นด้วยเหรอ “เห็นแบบนี้แต่กูเป็นถึงอดีตนักร้องมหา’ลัยนะ เครื่องดนตรีอะไรก็เล่นเป็นหมด เป็นคนเก่งแบบที่ชาติเศษจะมีสักคน เจ๋งสุดๆ”

เห็นเขาว่าพี่น้องมักจะมีอะไรบางอย่างที่เหมือนกัน เกิดมาไม่เคยมีพี่น้องก็เลยไม่เข้าใจ แต่พอได้มาเจอพี่น้องคู่นี้ผมจึงเริ่มรู้สึกว่าพวกเขาจะเหมือนกันมากเกินไปหน่อยละ โดยเฉพาะไอ้สีหน้าเหยียดๆ มองแรงเหมือนผมไปฆ่าใครตายมาเนี่ย

“เดี๋ยววันไหนออกไปซื้อของแล้วจะซื้อกีตาร์มาเล่นให้ดู โดนดูถูกแบบนี้ยอมไม่ได้ว่ะ”

‘จะรอดู’ ว่าแล้วก็ยิ้มเหยียดหยามส่งมาให้อีกที

“ก็ถ้าพี่มึงไม่เบี้ยวกูวันนี้ก็คงได้กีตาร์มาแล้ว!” ผมทำหน้าตึงแล้วหายใจฟืดฟาดด้วยความหงุดหงิด “ไม่พอนะ กูอุตส่าห์วางแผนจะลากมึงออกไปด้วย เสียแผนหมดเลย พี่ภูแม่ง”

‘คิดว่าผมจะไป?’

“มันมีวิธีอยู่แล้วถ้าจะทำ”

ภามกลอกตาทำท่าทางไม่เชื่อ พอเห็นผมเริ่มหาวก็ใช้มือแห้งๆ ของตัวเองตีลงมาที่หน้าขาผมดังเพียะ นี่ไง…ชอบเล่นแรงเหมือนพี่ภูไม่มีผิด

‘เล่าต่อ’

“คิดแป๊บ…เออ กูเคยโดนซ้อมมาแล้วแกล้งไปนอนอ่อยอยู่หน้าห้องพี่มึงด้วย” เป็นวีรกรรมติดดาวอย่างหนึ่งเลยนะนั่น จำได้ว่าตอนนั้นได้เข้าห้องพี่ภูโดยที่เขาเต็มใจด้วย เป็นอะไรที่น่าดีใจไปอีก

‘ทำไมตอแหล’

“เขาเรียกว่ามีชั้นเชิง” ผมอธิบายความคิดของตัวเองด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “คือมึงต้องเข้าใจว่าทุกวันนี้อยู่เฉยๆ ไม่ได้แดก จุดหมายมีไว้พุ่งชนเข้าใจเปล่า”

‘เขาไม่ชอบแล้วต้องพยายามด้วยเหรอ’

“ก็ไม่เชิงหรอก…” จะพูดยังไงให้เข้าใจได้ดีวะเนี่ย “คือเราต้องดูความเหมาะสมก่อน ถึงกูจะทำเหมือนไม่คิดอะไรแต่ก็สังเกตเขามาแต่แรก ที่สำคัญเลยคือเขามีคนของเขาหรือยัง ถ้าไม่มีก็ลุยได้เท่าที่เหมาะสม โชคดีที่พี่ภูเป็นคนดีเลยไม่ฆาตกรรมกูเพราะรำคาญไปเสียก่อน”

ภามพยักหน้าแล้วก็เงียบไป ผมเลยรอจนเจ้าตัวเลิกทำหน้าเหมือนคิดอะไรอยู่แล้วถึงพูดต่อ

“ไม่แปลกใจเรื่องของกูกับพี่ภูเหรอ”

‘ไม่…ผมแค่กลัวว่าเขาจะไปเจอคนไม่ดี แต่ถ้าไม่ใช่…ขอแค่พี่มีความสุขก็พอ’ ภามยิ้มเศร้าแบบที่ทำให้ผมรู้สึกใจหาย ความรู้สึกในส่วนลึกกำลังร้องเตือนถึงอะไรบางอย่างที่มองไม่เห็น

“รู้เปล่าว่าความสุขมันไม่ได้ขึ้นอยู่กับคนคนเดียวนะ” ผมเรียกความสนใจกลับมาที่ตัวเองอีกครั้ง ถึงจะไม่อยากพูดขัด แต่ครั้งนี้ผมกลับรู้สึกโล่งอกที่พูดตัดความคิดเขาได้ทันเวลา “สมมติว่ากูมีปรอทวัดความสุขอยู่ที่ตัวเต็มร้อยส่วน พี่ภูอาจจะเทียบเท่ากับห้าสิบส่วนก็ได้”

‘แล้วที่เหลือล่ะ’

“อยู่ที่คนอื่น” ผมยิ้มบางแล้วแตะมือคนตรงหน้าเบาๆ “แถมตอนนี้ยังแบ่งบางส่วนให้มึงไปแล้วด้วย รู้ไหมว่าถ้าแต่ละส่วนลดลงมันจะเป็นยังไง”

‘ไม่รู้’

“นอกจากจะไม่มีความสุข ปรอทวัดความเศร้าที่อยู่ข้างๆ มันยังเพิ่มขึ้นด้วย แล้วถ้ายิ่งมันหายไป…เราคงจะเจ็บปวดจนยากจะอธิบายเลยล่ะ”

ภามก้มหน้าลงเหมือนกำลังคิดตาม แต่ผมหยุดการกระทำของเขาด้วยการจับมือผอมแห้งขึ้นมากุมไว้

“มึงเพิ่งรู้จักกู แต่กูรู้จักมึงมาสองปีแล้ว” ได้มองผ่านหน้าจอ ได้ฟังจากคำบอกเล่า เรื่องราวมากมายที่ได้รับรู้ทำให้รู้สึกผูกพันโดยไม่รู้ตัว คงปฏิเสธไม่ได้ว่าผมเองก็มองเขาเป็นเหมือนเพื่อนอีกคน “กูไม่ได้ต้องการรักษา ไม่ได้ต้องการทำหน้าที่เป็นจิตแพทย์หรืออะไรทั้งนั้น แต่อยากให้มึงยอมรับกูเป็นเพื่อนอีกคน แบบนั้นได้หรือเปล่า”

‘เพื่อน…’

“เวลามีอะไรก็ปรึกษากัน อยากระบายอะไรก็พูดให้กันฟัง คอยอยู่ข้างๆ เวลาที่ต้องการ ถ้าเบื่อก็ไปเล่นเกม ไปเที่ยว เวลาชอบใครถ้าคิดอะไรไม่ออกก็มาปรึกษา ฟังดูเข้าท่าไหม” ผมเงียบไปเพื่อให้เวลาเขาคิด สุดท้ายภามก็ยอมพยักหน้าน้อยๆ เล่นเอาต้องร้องเยสในใจไปหลายที “เอาแบบนี้เป็นไง พี่ภูบอกว่ามึงฟังไทยรู้เรื่อง ถ้าไม่อยากให้แม่เฮเลนหรือป้าเจนรู้ กูจะพูดเป็นภาษาไทยแบบนี้ตลอด โอเคไหม”

‘อืม’

“เยส!” ฉิบหาย เผลอดีใจออกนอกหน้า

‘ตื่นเต้นอะไร’

พอโดนถามผมก็ขี้เกียจปิดบัง เลยเลือกบอกเขาไปตรงๆ แล้วหัวเราะฮ่าๆ ใส่ยกใหญ่

“กูกลัวมึงไม่ตกลง รู้ไหมว่าพูดขนาดนี้แล้วเฟลนี่หน้าแหกชนิดโดนล้อได้อีกร้อยปีเลยนะเว้ย”

‘ทำตัวเป็นเด็ก’

“อย่ามามองด้วยสายตาแบบเดียวกับพี่ภู เดี๋ยวก็จิ้มตาแตก” ผมชูสองนิ้วขู่แล้วทำท่าทางจะจิ้มจริงจัง แต่สุดท้ายก็ต้องมานั่งหัวเราะตัวเองในขณะที่อีกคนส่ายหน้าหน่าย “เออภาม เอาเกมลงไปเล่นข้างล่างกัน ห้องมึงทีวีจอเล็กเกิน”

อดอยากปากแห้งไม่ได้เล่นเกมจริงๆ จังๆ มาร่วมสองปี เอามาให้ภามครั้งนี้ย่อมเป็นหนึ่งในแผน เพราะนอกจากจะได้เล่นเองแล้วผมยังได้เพื่อนเล่นอีกด้วย ไม่มีอะไรคุ้มค่าไปกว่านี้อีกแล้ว

‘เล่นไม่เป็น’

“เดี๋ยวสอน แต่มึงจะแพ้บ่อยหน่อยนะ เผอิญกูเก่งมาก”

คนฟังเงียบกริบไม่ตอบอะไรอีก แต่เดินไปอุ้มกล่องเกมที่ผมให้ขึ้นแล้วเดินนำออกไปด้านนอกอย่างรวดเร็ว ผมที่มองตามถึงกับขำก๊ากกับนิสัยของเพื่อนใหม่ที่เพิ่งได้รู้

สิ่งแรกที่ผมเห็นเมื่อเดินลงมาด้านล่างคือ ใบหน้ามีรอยยิ้มยินดีของป้าเจนกับแม่เฮเลนที่ยืนคุยกันอยู่หน้าประตูห้องรับแขก พอพวกท่านหันมาเห็นผมก็ทำท่าเหมือนจะร้องไห้แล้วเดินเข้ามาหาอย่างรวดเร็ว

“หนูเก้า ขอบใจมากนะลูก”

ผมแปลกใจนิดหน่อยเมื่อไม่ได้รับคำถามอะไรแบบที่คิด พวกท่านเอาแต่บอกขอบใจไม่หยุดทั้งยังแอบปาดน้ำตากันหลายรอบ มองแล้วผมก็รู้สึกตื้อในใจขึ้นมา ที่แท้ที่ไม่ถามก็เพราะพวกท่านไม่ได้ต้องการรู้ว่าผมทำยังไง แต่แค่ดีใจที่เห็นเขายอมลงมาข้างล่างบ้างเท่านั้นเอง

“ไม่เป็น…!” ผมโยกหัวหลบแทบไม่ทันเมื่อเห็นหมอนใบเล็กๆ ถูกปามาจากในห้อง พอหันไปมองแล้วก็พบว่า คนที่นั่งหัวหมุนกับการเลือกแผ่นเกมอยู่กำลังขมวดคิ้วพร้อมกระดิกนิ้วเรียกยิกๆ เหมือนจะบอกให้ผมไปจัดการต่อ มองแล้วก็หัวร้อนไม่ลง ออกจะรู้สึกตลกมากกว่า

“ไปเถอะค่ะ” ป้าเจนแตะไหล่ผมเบาๆ แล้วยิ้มให้ ผมเลยพยักหน้าให้พวกท่านอีกที ก่อนจะเดินเข้าไปช่วยภามต่อสายเครื่องเล่นเกมในห้อง

หลังจากจัดการทุกอย่างเรียบร้อยแล้วผมก็ปล่อยให้คนข้างๆ เลือกแผ่นเกม แล้วก็ไม่ผิดคาดเท่าไหร่…ภามเลือกเกมมวยปล้ำที่ผมเคยเล่นกับพี่ภูเมื่อนานมาแล้วเป็นแผ่นแรก

“พลาดแล้ว” ผมหันไปมองอวดๆ เป็นลำดับแรก “เกมนั้นกูชนะพี่ภูมาแล้วนะบอกเลย”

ถึงเขาจะจงใจก็นับว่าแพ้ เพราะบนจอผมขึ้นว่า winner เข้าใจตรงกันนะ

‘สอนผมก่อน’ ภามรีบบอกเหมือนกลัวจะโดนโกง ผมเห็นแล้วก็อดไม่ไหว…ขอแกล้งหน่อยเหอะวะ

“เห็นปุ่มไหม” ถามจบเขาก็พยักหน้ารับทันที ผมเลยพูดต่อหน้าตาย “กดๆ ไปเถอะ”

ภามไม่ตอบ ไม่ชักสีหน้า ไม่แสดงอาการอะไรทั้งนั้น แต่เขาหยิบหมอนที่ผมเพิ่งวางคืนที่ขึ้นมาฟาดหัวผมอย่างแรงเป็นการเอาคืน

“เล่นแรงว่ะ” ผมหัวเราะเสียงดังอารมณ์ดี ก่อนจะปาหมอนกลับที่ แต่ในขณะที่กำลังจะสอนภามแบบจริงจังผมดันหันไปสบเข้ากับสายตาแปลกใจของใครบางคนเข้าเสียก่อน

คนที่หนีไปทำงานตั้งแต่เช้ายืนเท่พิงขอบประตูมองมาที่ผมกับภามด้วยรอยยิ้มน้อยๆ สายตาเย็นชาที่มักจะมองรอบข้างอย่างไม่แยแสทอประกายอ่อนโยนโดยไม่คิดปิดบัง พี่ภูเดินเข้ามาด้านในเมื่อรู้ตัวว่าผมเห็นเขาแล้ว จากนั้นก็เดินตรงมานั่งลงตรงกลางระหว่างผมกับภามที่กำลังก้มลงจำปุ่มโดยไม่สนใจสิ่งใด

“กูไม่สอนแล้ว ให้พี่มึงสอนเลย” ผมพูดจบ คนฟังก็เงยหน้าขึ้นอย่างรวดเร็ว พอเจอเข้ากับพี่ภูที่นั่งอยู่ด้านข้างเขาก็ถึงกับทำหน้าเหลอหลาหมดมาดตุ๊กตาหน้าตาย

‘มาตอนไหน’ ภามวางจอยเกมในมือลงแล้วถามยกใหญ่ มือรัวยิกจนดูน่าสงสารมากกว่าน่าขำ

“ตั้งแต่ปาหมอนใส่เก้า” พี่ภูพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ เล่นเอาคนฟังหน้าเสียคล้ายกลัวจะถูกดุ เขาทำท่าเหมือนจะขอโทษล่วงหน้าด้วยซ้ำถ้าไม่ติดว่าพี่ภูยกมือไปลูบหัวเสียก่อน “ไม่เป็นไร พี่รู้ว่าเล่นกัน”

คราวนี้ภามยกยิ้มกว้างแล้วพยักหน้าหงึกหงัก เขาชี้ไปที่จอยเกมแล้วฟ้องพี่ชายยกใหญ่ว่าผมกวนตีนไม่ยอมสอนดีๆ ทั้งยังชี้บอกให้ดุผมอีกต่างหาก

“เดี๋ยวเหอะ กูชวนมึงเล่นนะ” ผมชี้หน้าคาดโทษ อย่าหวังเลยว่าจะออมมือให้ ยิ่งมีพี่ภูช่วยยิ่งแล้วใหญ่ ต้องเจอกันสักตั้ง

“จะทำอะไรน้องกู” คนเป็นพี่ออกรับหน้าแล้วดันน้องตัวเองไปอยู่ข้างหลัง ทำอย่างกับผมเป็นปีศาจจะไปกะซวกไส้น้องเขางั้นแหละ

“พี่เข้าข้างภามเหรอ”

“ไม่เข้าข้างน้องแล้วจะให้เข้าข้างใคร”

“แล้วกระต่ายล่ะ” ผมชี้หน้าตัวเองอย่างจ๋อยๆ ก่อนจะทำท่าให้แลดูรอคอยคำตอบจนโอเวอร์ แล้วก็ตามคาด…

มีคนกำเสื้อพี่ตัวเองแล้วเอามือปิดปากหัวเราะจนตัวสั่นอยู่ข้างหลัง ผมสบตากับคนตรงหน้า ก่อนจะยิ้มให้เขาเป็นอันเข้าใจตรงกัน ภามเองก็เหมือนเพิ่งจะรู้ตัวถึงได้กลับมานั่งตัวตรงหน้าตึงจนดูตลกเหมือนเดิม

‘สอนผมสิ’ เขาชี้จอยเกมยิกๆ แล้วสะกิดพี่ภูให้เริ่มสอน

เห็นเจ้าตัวยิ้มได้แบบนี้ ทั้งผมทั้งพี่ภูก็รู้สึกสบายใจตามไปด้วย ผมนั่งมองพี่ชายสอนน้องตัวเองเล่นเกมจนปากเปียกปากแฉะอยู่ข้างๆ ได้มาเห็นพี่ภูในมุมพูดเยอะแล้วก็ขำอยู่หน่อยๆ แต่สิ่งที่ทำให้ตลกไม่ใช่เพราะเขาพูดเยอะหรอก เป็นเพราะเขาต้องยกน้ำขึ้นดื่มเหมือนกับคอแห้งอยู่ตลอดเวลาต่างหาก

ภามเป็นคนที่เข้าใจอะไรได้ไวมาก ด้วยเขาก็ไม่ใช่เด็กแล้ว อายุน้อยกว่าผมแค่นิดเดียว พี่ภูบอกผมว่าเจ้าตัวไม่เคยแตะเกมมาก่อนเพราะไม่เคยสนใจอะไรทั้งนั้น พอได้เริ่มสนใจ ได้เริ่มเรียนรู้อะไรพวกนี้เลยดูจริงจังขึ้นมาได้ไม่ยาก

‘มาเจอกัน’ พอเริ่มเล่นเป็นแล้วเด็กหน้าตายก็หันมากระดิกมือเรียกผมยิกๆ ด้วยความมั่นใจ

การเล่นเกมเป็นไปอย่างตึงเครียด แน่นอนว่าภามแพ้รัวๆ โดยมีพี่ภูคอยให้คำแนะนำนานๆ ครั้งอยู่ข้างๆ ส่วนผมก็นั่งฮัมเพลงไปเล่นไปอย่างสบายใจ แต่พอหันไปเห็นเด็กหน้าบูดก็เริ่มกลั้นยิ้มไว้ไม่ไหว สุดท้ายพอจบตาที่หก ผมก็หัวเราะก๊ากออกมาอย่างอดไม่อยู่เมื่อภามถอนหายใจดังเฮือก

“เปลี่ยนเกมเปล่าน้อง”

เกมเมอร์หัวร้อนระดับหนึ่งส่ายหน้าพรืดแล้วมองผมอย่างเคืองๆ ก่อนจะ…

‘พี่เล่นให้หน่อย’ ยื่นจอยให้พี่ตัวเองหน้าตาเฉย

“เดี๋ยวๆ อย่างนี้ก็ได้เหรอ”

“เดี๋ยวจัดการให้” พี่ภูตอบรับหน้าตาย ก่อนจะหยิบจอยขึ้นถือแล้วหันมายิ้มเหยียดให้ผม “แก้มือจากสองปีก่อน”

“มาเหอะ เดี๋ยวจะทำให้รู้ว่าไม่ต้องแกล้งแพ้ผมก็ชนะพี่ได้”

 

 

หนึ่งชั่วโมงผ่านไป…

“ผมขอโทษครับ” ผมยกมือไหว้แล้วก้มลงกราบแนบตักคนตัวสูงที่อยู่ข้างๆ รู้สึกเหมือนได้ยินเสียงหัวเราะเบาๆ ดังแว่วมา ก่อนคนที่นั่งนิ่งจะเอามือแตะหัวผมเป็นเชิงรับไหว้

“รู้ซะบ้างว่าใครเป็นใคร”

ผมเงยหน้าแยกเขี้ยวใส่คนพูด อยากจะพุ่งเข้าไปกัดสักที แต่ติดที่เขามีลูกน้องตัวดีซึ่งกำลังยิ้มกว้างอยู่ข้างหลังอีกคน ประเมินสถานการณ์ดูแล้วไม่น่าสู้ไหว หนึ่งคือทั้งคู่ตัวสูงกว่าผมหมดเลย แม่ง…พูดแล้วกระดาก สองคือน่าจะแรงเยอะทั้งคู่ แม้แต่ภามที่ตัวผอมแห้งยังลากเก้าอี้หนักๆ ออกไปเพื่อใช้พื้นที่เล่นเกมได้แบบชิวๆ ผมลองไปดันมาแล้วยังเหนื่อยเลย…สรุปมันแรงเยอะหรือกูแรงน้อยเองวะ

“ไงเรา สนุกหรือเปล่า” พี่ภูหันไปถามคนที่ยังขำผมไม่เลิก ภามมองพี่ชายตัวเองกลับก่อนจะพยักหน้าหงึกหงักแล้วยิ้มบาง

‘สนุก’

“งั้นตอนพี่ไปทำงานก็ลงมาเล่นกับเก้าแก้เบื่อแล้วกัน”

‘ครับ’

“ทำอะไรกันอยู่คะ” ป้าเจนที่เดินถือถาดเข้ามาด้านในยิ้มกว้าง ท่านมองไปที่ภามอย่างสุขใจ ซึ่งมันทำให้ผมรู้สึกดีตามไปด้วย

“ป้าเอาอะไรมาครับ ผมหิวมากเลย” ผมเป็นคนแรกที่ขยับตัวพุ่งเข้าไปหา ยิ่งเห็นสีเขียวๆ ของขนมในจาน ตาก็เป็นประกายด้วยความชอบใจในทันที

“คุณเดรคบอกป้าว่าคุณเก้าชอบทานชาเขียว ป้าเลยลองทำวุ้นให้ทานค่ะ”

“ขอบคุณนะครับป้า” ผมฉีกยิ้มกว้าง ก่อนจะจิ้มวุ้นนิ่มๆ กินไม่รอใคร พอเห็นภามขยับกระดุกกระดิกเข้ามามองจานตาวาว ผมก็รีบหยิบจานวุ้นชาเขียวมาถือไว้แล้วชี้ไปที่จานอื่น “กินอันอื่นไปเลย ชาเขียวของกู”

‘ผมอยากลองกิน’ ว่าแล้วก็ชี้มาที่จานผมด้วยท่าทางที่บอกว่าจะเอาให้ได้

“แบ่งกันทานนะคะ” ป้าเจนหัวเราะคิกคักแล้วเดินหนีออกไปเป็นคนแรก ส่วนพี่ภู…รายนั้นต้องเข้าข้างน้องตัวเองอยู่แล้ว

ผมมองจานวุ้นชาเขียวในมือ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองภามสลับกันไปมาสองสามที สุดท้ายก็ตัดสินใจยื่นจานไปให้อีกฝ่ายอย่างไม่เต็มใจ

“ให้กินก็ได้ กินชาเขียวเยอะๆ จะได้ฉลาด”

“ตำราไหนวะ” คนที่นั่งเงียบรอดูสถานการณ์พูดแทรกงงๆ

“ตำราของคุณอชิราไง ที่ผมเก่งและเพอร์เฟกต์ขนาดนี้เพราะกินชาเขียวเยอะเนี่ยแหละ” ตั้งแต่จำความได้ก็ชอบกินชาเขียวมาตลอด เพราะงั้นเรื่องนี้ต้องเป็นจริงแน่

‘พี่’ ภามสะกิดเรียกพี่ชายตัวเองให้หันไปมอง ‘พี่เลือกคนผิดหรือเปล่า’

อ้าว…พูดงี้ก็สวยดิวะ อะไรคือการมองเหมือนผมเป็นคนบ้า เมื่อไหร่ทุกคนจะเลิกเข้าใจผิดเสียที ไม่รู้หรือไงว่ามองเทพเป็นคนไม่ดีมันบาป

“ก็ว่าอยู่” นี่ก็ตอบแบบหน้าตาจริงจัง แถมยังหันหน้ามาถามผมต่ออีก “ช่วงนี้มึงดูร่าเริงผิดปกตินะ”

“ที่นี่อากาศดีไง”

“แล้ว?”

“ที่ไทยอากาศร้อน…อากาศร้อนทำให้คนเป็นบ้า” อันนี้เรื่องจริงนะ สำหรับคนที่โตมาแบบร้อนๆ แล้วมาเจออากาศหนาวๆ น่าจะเข้าใจว่ามันรู้สึกต่างกันขนาดไหน แต่มันก็ไม่ใช่ทั้งหมดหรอก…

“เอาดีๆ” พี่ภูหยิกแก้มผมเป็นรอบที่หนึ่งพัน ต่างกันที่ครั้งนี้เขาไม่ได้ดึงแล้วปล่อยเหมือนเดิม แต่กลับดึงแล้วยื้อไว้แบบนั้น “ไม่ตอบแก้มขาด”

เท่านั้นไม่พอ เด็กหน้าตายที่ซุ่มอยู่นานยังบังอาจยื่นมือมาดึงแก้มอีกข้างของผมแล้วยิ้มกว้างอีกต่างหาก ไอ้สองพี่น้องนี่!

“อ่อยอ่อนนน” ผมพยายามแกะมือทั้งสองที่ดึงแก้มตัวเองไว้ออก แต่เหมือนจะไม่ทัน…เพราะตอนนี้ความรู้สึกชาได้ลามไปทั่วหน้าแล้วเรียบร้อย

“อ่อย?”

“อ้อย!”

“อ้อย?”

“เหี้ย!”

“ทีงี้ชัดเลยนะ” พี่ภูหัวเราะก่อนจะยอมปล่อยมือออก ภามเองก็ปล่อยตามไปด้วย ผมอยากจะด่าแต่ไม่มีแรง อีกทั้งยังต้องใช้มือคลึงแก้มตัวเองให้หายเจ็บอยู่

“ก็มันไม่กดดันแล้ว” ผมขมวดคิ้วตอบทั้งที่ยังนวดแก้มตัวเองอยู่ “ตอนอยู่ที่นั่นผมต้องทำหลายอย่าง ทั้งที่อยากหรือไม่อยากก็จำเป็นต้องทำ พอมาที่นี่เลยเหมือนมาพักผ่อน”

ไม่ว่าจะทำตัวชิวขนาดไหน แต่คนทุกคนย่อมมีหน้าที่เป็นของตัวเอง ตอนอยู่ไทยผมมีหน้าที่ที่ต้องทำมากมาย ก่อนหน้านี้ก็ไม่ใช่แค่เรียน แต่มันยังมีกิจกรรมต่างๆ ที่ผมต้องทำเพื่อคณะหรือมหา’ลัยอีก ไหนจะงานเล็กงานน้อยที่มีคนไหว้วานให้ทำ ทั้งที่เต็มใจและไม่เต็มใจ เวลานอนก็ยังต้องนึกถึงว่าวันต่อไปจะทำอะไร ต้องซ้อมดนตรีไหม พอได้มีโอกาสหยุดพัก ป๋าก็ขอให้ไปเที่ยวบ้าง รวมถึงจ๋ายอมให้มาอังกฤษ ผมเลยรู้สึกเหมือนตัวเองได้พักผ่อนโดยไม่ต้องคิดอะไร

เรื่องของภามก็ไม่ใช่หน้าที่ ถึงแรกๆ จะเครียดและเตรียมตัวมาเยอะ แต่พอได้รู้จักกันผมก็เริ่มมองว่าเขาเป็นเพื่อนคนหนึ่งไปแล้ว ทีนี้เลยรู้สึกเหมือนการมาที่นี่ทำให้ผมสามารถพักทุกเรื่องไว้ได้จริงๆ…ทั้งยังได้อยู่ใกล้คนที่อยากอยู่ใกล้ด้วย

“ก้อน” พี่ภูเรียกเบาๆ แล้วพยักพเยิดไปทางภามที่นั่งจิ้มวุ้นอยู่ ผมพยักหน้ารับเป็นอันเข้าใจเพราะยังจำได้ดีถึงเรื่องที่คุยกันไว้เมื่อคืน

“ภาม”

เจ้าของชื่อเงยหน้ามองแล้วเลิกคิ้วเป็นเชิงถาม แต่ผมรู้สึกพูดไม่ออกขึ้นมา เลยต้องส่งไม้ต่อกลับไปให้คนข้างๆ โดยการสะกิดแล้วส่ายหน้า ถ้าให้ช่วยพูดยังพอไหว แต่ให้เริ่มเองเลยผมว่าคงไม่เหมาะแน่

“อีกสามวันมีนัดกับหมอ” คุณพี่ชายคนนี้ก็ดันตรงเป็นไม้บรรทัดจนผมต้องฟาดหน้าขาเขาดังเพียะ

“พี่พูดตรงๆ ได้ไงเนี่ย”

“อะไร” พี่ภูขมวดคิ้วทำหน้าไม่เข้าใจ

“ก็เราตกลงกันว่าจะตะล่อมให้เต็มใจไง” ผมขยี้หัวตัวเองจนยุ่งเหยิงเมื่อสิ่งที่คุยไว้ไม่เป็นไปตามแผน

เรื่องของเรื่องคือเมื่อคืนเราคุยกันไว้ว่า ถ้าผมพอจะเข้าใกล้ภามได้แล้วจะช่วยกันพูดให้เขายอมพบจิตแพทย์ อาการป่วยของภามต้องรักษาโดยการเข้าพบจิตแพทย์และกินยาเพื่อรักษาตามสั่ง แต่ที่ภามยังมีอาการต่อเนื่องเป็นเพราะสภาพจิตใจและการต่อต้านของเขาเอง พี่ภูบอกว่าภามไม่เคยเต็มใจพบแพทย์ ทุกครั้งทำเพราะพ่อกับพี่ขอร้อง แต่เขาไม่เคยให้ความร่วมมืออะไรจริงจังทั้งนั้น เพราะแบบนั้นอาการถึงไม่ได้ดีขึ้นเลยสักนิด…

เราไม่ได้อยากเร่งอะไร แต่เรื่องของเรื่องคือพ่อพี่ภูตามจิตแพทย์ที่มีชื่อเสียงมาที่นี่ และนัดเรียบร้อยแล้วว่าจะเข้ามาที่บ้านในอีกสามวัน เขากลัวว่าถ้าให้รู้เองภามจะไม่พอใจ เพราะงั้นเลยอยากให้ช่วยกันคุยก่อนจะถึงเวลา

“แบบนี้ไม่ได้เรียกตะล่อมเหรอ” พี่ภูทำหน้างงเหมือนไม่เข้าใจจริงจัง ถ้าเป็นเพื่อนผมจะตบกะโหลกสักหนึ่งที แต่เพราะไม่ใช่เลยทำอะไรไม่ได้

“พี่แม่งน่าตี”

“ก็ไม่รู้ว่าต้องพูดยังไง” เขาตอบหน้าตาเฉย แต่ท่าทางคงจะเครียดอยู่ในใจนั่นล่ะ เพราะผมเห็นเขาแอบเหลือบมองท่าทีของภามอยู่เหมือนกัน สุดท้ายเมื่อพูดไปแล้วก็ไม่สามารถเอาคำคืนมาได้ เราได้แต่หันไปมองหน้าภามเพื่อรอคำตอบ แม้จะคาดหวังไม่ได้มากเพราะเขาดูต่อต้านเรื่องนี้สุดๆ แต่จะบอกว่าไม่คาดหวังเลยก็คงไม่ได้

ภามทำหน้านิ่งสนิทไปพักใหญ่ ก่อนเขาจะเงยหน้ามองพี่ภูแล้วเบนสายตามามองผม

‘ผมจะลองดู…ถ้าไม่ได้อยู่คนเดียว’

ผมหันไปมองหน้าพี่ภูแล้วยิ้มยินดี เขาเองก็ส่งยิ้มที่กว้างไม่แพ้กันตอบกลับมา

ยังหรอก เรื่องแบบนี้มันต้องใช้เวลา

แต่นี่เป็นก้าวแรก…เป็นก้าวแรกที่สำคัญมากจริงๆ

 

--------------------------




ออฟไลน์ route rover

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2423
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +221/-7
Re: ┌▼Nitrogen ไนโตรเจน▲┘ ==[27]==[P.17]== [09/09/60]
«ตอบ #484 เมื่อ09-09-2017 17:45:55 »

เก้ากวนทรีนได้โล่จริงๆ  :m20: แต่ทุกอย่างกำลังจะดีขึ้นละ ภามก็เปิดใจ :katai2-1:

ออฟไลน์ DZiik

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 91
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
Re: ┌▼Nitrogen ไนโตรเจน▲┘ ==[27]==[P.17]== [09/09/60]
«ตอบ #485 เมื่อ09-09-2017 18:00:37 »

อะไรๆมันก็เริ่มดีขึ้นแล้วนะ  :katai2-1:

ออฟไลน์ LadySaiKim

  • ▫▪□Dezine'Kim□▪▫
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1703
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-0
Re: ┌▼Nitrogen ไนโตรเจน▲┘ ==[27]==[P.17]== [09/09/60]
«ตอบ #486 เมื่อ09-09-2017 18:04:39 »

ก้อนทำได้จิงๆ พี่ภูไม่ผิดหวังงงงง o13 o13

ออฟไลน์ O-RA DUNGPRANG

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1760
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-5
Re: ┌▼Nitrogen ไนโตรเจน▲┘ ==[27]==[P.17]== [09/09/60]
«ตอบ #487 เมื่อ09-09-2017 18:40:52 »

 o13 o13 o13 o13 o13

ออฟไลน์ 05th_of_06th

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 102
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
Re: ┌▼Nitrogen ไนโตรเจน▲┘ ==[27]==[P.17]== [09/09/60]
«ตอบ #488 เมื่อ09-09-2017 19:56:27 »

ว่าแล้วว่าเก้าต้องใช้วิธีที่ไม่ปกติ โอ้ยยย 555555555 ช็อต2พี่น้องดึงแก้มเก้า รู้สึกวงวารจัง  :hao5:

ออฟไลน์ missm2c

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 86
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
Re: ┌▼Nitrogen ไนโตรเจน▲┘ ==[27]==[P.17]== [09/09/60]
«ตอบ #489 เมื่อ09-09-2017 21:12:30 »

ทำไมเก้าไม่งอนพี่ภูอ่าาาา หนีไปทำงานได้ไง ผิดสัญญาสุดๆๆๆ ถ้าเป็นเรานะจะงอนๆๆ จะถุยแต่กับภาม เมินพี่ภูไปเล๊ยย #ทีมก้อนภาม #พี่ภูของบ่าว

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: ┌▼Nitrogen ไนโตรเจน▲┘ ==[27]==[P.17]== [09/09/60]
« ตอบ #489 เมื่อ: 09-09-2017 21:12:30 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ m.starlight

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 76
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: ┌▼Nitrogen ไนโตรเจน▲┘ ==[27]==[P.17]== [09/09/60]
«ตอบ #490 เมื่อ09-09-2017 21:14:41 »

แอบขัดใจพี่ภูนิดๆนะ  นึกว่าตอนนี้จะได้ไปเที่ยวกันหวานๆ
จะหวังให้เก้างอนก็คงไม่ได้ ยอมคนพี่ตลอด  :sad4:

ออฟไลน์ cho_co_late

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 337
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
Re: ┌▼Nitrogen ไนโตรเจน▲┘ ==[27]==[P.17]== [09/09/60]
«ตอบ #491 เมื่อ09-09-2017 21:45:04 »

ภามเปิดใจแล้วว ตลกตอนรุมกันแกล้งน้องก้อน อยากบีบแก้ม

ออฟไลน์ Somo2712

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 1
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
Re: ┌▼Nitrogen ไนโตรเจน▲┘ ==[27]==[P.17]== [09/09/60]
«ตอบ #492 เมื่อ09-09-2017 22:33:47 »

ฮือออออ ขอแบบเก้า 1 คนนะ :mew1:

ออฟไลน์ mareya.no7

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 556
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
Re: ┌▼Nitrogen ไนโตรเจน▲┘ ==[27]==[P.17]== [09/09/60]
«ตอบ #493 เมื่อ09-09-2017 22:39:27 »

บรรยากาศ 3p นีสๆ อิอิ ชอบตอนดึงแก้มอ่ะ น่ายัก ขอให้ภามหายเร็วๆน้าาาา อยากให้น้องมีคู่ด้วย

ออฟไลน์ PrimYJ

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3473
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3
Re: ┌▼Nitrogen ไนโตรเจน▲┘ ==[27]==[P.17]== [09/09/60]
«ตอบ #494 เมื่อ09-09-2017 22:48:33 »

ภามเริ่มเปิดใจแล้ว :katai2-1:

ออฟไลน์ ่patsaporn

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4338
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +227/-6
Re: ┌▼Nitrogen ไนโตรเจน▲┘ ==[27]==[P.17]== [09/09/60]
«ตอบ #495 เมื่อ10-09-2017 01:01:29 »

น้องเก้าเก่งมาก เอาความจริงใจเข้าสู้ืคสามเป็นธรรมชาติด้วย ดีค่ะ ดีงาม พี่ภูนี่ปลื้มเลย
ภามก็น่ารักดีเนอะ มีเพื่อนแล้ว

ขอบคุณค่ะ

ออฟไลน์ minenat

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1661
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +67/-3
Re: ┌▼Nitrogen ไนโตรเจน▲┘ ==[27]==[P.17]== [09/09/60]
«ตอบ #496 เมื่อ10-09-2017 01:32:59 »

น้องภามเริ่มเปิดใจจ

ออฟไลน์ mooping-7

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2527
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +88/-5
Re: ┌▼Nitrogen ไนโตรเจน▲┘ ==[27]==[P.17]== [09/09/60]
«ตอบ #497 เมื่อ10-09-2017 06:44:33 »

สู้ๆเชื่อว่าภามต้องหายเก้าเก่งเพราะกินชาเขียวได้กล่าวไว้5555

ออฟไลน์ hoshinokoe

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1042
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +31/-0
Re: ┌▼Nitrogen ไนโตรเจน▲┘ ==[27]==[P.17]== [09/09/60]
«ตอบ #498 เมื่อ10-09-2017 07:19:16 »

เก้าน่ารัก 5555

ออฟไลน์ Mura_saki

  • แค่เรารู้จักกัน...มันก็ดีที่สุดแล้ว :)
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +179/-9
Re: ┌▼Nitrogen ไนโตรเจน▲┘ ==[27]==[P.17]== [09/09/60]
«ตอบ #499 เมื่อ10-09-2017 10:09:32 »

มันดีอ่ะ อบอุ่น เก้าแกมันกวน
ภามเปิดใจ นี่อยากได้ยินภามพูดแล้วอ่ะ จะดีใจจนน้ำตาไหลแน่ๆ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: ┌▼Nitrogen ไนโตรเจน▲┘ ==[27]==[P.17]== [09/09/60]
« ตอบ #499 เมื่อ: 10-09-2017 10:09:32 »





ออฟไลน์ shoi_toei

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4359
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +222/-26
Re: ┌▼Nitrogen ไนโตรเจน▲┘ ==[27]==[P.17]== [09/09/60]
«ตอบ #500 เมื่อ10-09-2017 10:55:02 »

เอาเก้าไปติดกะภาม เท พี่ภูไปเลยยยย หนีน้องไปทำงานเฉย ฮ่า ๆ

ออฟไลน์ TIKA_n

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1391
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +308/-4
Re: ┌▼Nitrogen ไนโตรเจน▲┘ ==[27]==[P.17]== [09/09/60]
«ตอบ #501 เมื่อ10-09-2017 13:07:02 »

ภามน่ารักจัง คิดว่าจะร้ายเอาแต่ใจกว่านี้ แต่ไม่ใช่เลย
เป็นเด็กน้อยน่ารักมาก แค่ต้องรู้วิธีเข้าหาเท่านั้นเอง
แล้วน้องเก้าเราก็เก่งมาก เป็นนายเอกที่น่าประทับใจมาก ๆ
เก่ง ฉลาด รู้จักคิด ที่สำคัญ จริงใจสุด ๆ เพราะความจริงใจนี่แหละ
ถึงเข้าใกล้ภามได้เร็วขนาดนี้ อะไร ๆ กำลังจะดีขึ้นแล้ว
ภามกินข้าวได้หมดครั้งแรกเลยด้วย ยิ้ม หัวเราะมากขึ้น
รอแต่ว่า คำแรกที่ภามจะกลับมาพูดอีกครั้ง คืออะไรน้อ
รอตอนต่อไปจ้า ขอบคุณคนเขียนนะคะ  :กอด1:

ออฟไลน์ ka[ze]na

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3767
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +192/-6
Re: ┌▼Nitrogen ไนโตรเจน▲┘ ==[27]==[P.17]== [09/09/60]
«ตอบ #502 เมื่อ12-09-2017 20:03:49 »

ภามน่ารัก...

ออฟไลน์ CHESS.

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 212
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +228/-2
Re: ┌▼Nitrogen ไนโตรเจน▲┘ ==[27]==[P.17]== [09/09/60]
«ตอบ #503 เมื่อ15-09-2017 21:33:44 »



-28-

 

ผมเพิ่งรู้ในตอนเช้าของวันนัดว่าบ้านพี่ภูกว้างขวางกว่าที่คิด นอกเหนือจากชั้นสองที่เป็นพื้นที่ของห้องนอนแล้วยังมีชั้นสามที่เป็นห้องหนังสือกับห้องอื่นๆ ด้วย ส่วนห้องที่ปกติคุณหมอจะใช้คุยกับภามคือห้องว่างชั้นหนึ่งที่อยู่ข้างห้องรับแขก ซึ่งเหตุผลที่ผมรู้ก็เป็นเพราะเด็กหน้าตายเกิดว่างไม่มีอะไรทำเลยชวนไปเดินชมบ้าน มือขยับดุ๊กดิ๊กอธิบายนั่นนี่ตลอดเวลาอย่างกระตือรือร้น ตอนแรกผมก็ขี้เกียจ แต่พอโดนสวนกลับมาว่า…

‘เป็นคนของพี่ก็ต้องรู้ทุกอย่างเกี่ยวกับพี่ไม่ใช่เหรอ’

“ปะ ไปเดินกันให้ทั่วเลย”

ตลอดระยะเวลาหลายวันที่ผ่านมา ผมอยู่แต่ในบ้านไม่ได้ออกไปไหนเลยสักครั้ง เพิ่งจำได้ว่าหิมะตกก็ตอนที่เดินผ่านหน้าต่างบานใหญ่ ผมนึกอยากออกไปเดินเล่นข้างนอกอยู่เหมือนกัน เพราะหิมะไม่ได้ตกหนักจนน่ากลัวอะไร แต่ติดอยู่ที่คนพาชมบ้านไม่ได้คิดจะพาออกไปเลยสักนิด

“ภาม” ผมหยุดเท้าอยู่ตรงบานหน้าต่างที่เรากำลังจะเดินผ่าน พอคนที่เดินนำรู้ตัวว่าผมหยุดเดินก็หยุดตามแล้วหันมาหา ภามพยักพเยิดออกไปข้างนอกเป็นเชิงถามว่าอยากออกไปเหรอ ซึ่งผมก็พยักหน้าตอบกลับไปตามตรง “กูอยากออกไปสูดอากาศ มึงอยากออกไปไหม”

‘เดี๋ยวจะถึงเวลานัดแล้ว’

ผมหันไปมองนาฬิกาแล้วก็พยักหน้า อีกสักพักหมอก็คงมาแล้ว ผมสัญญาไว้ว่าจะเข้าไปกับเขาด้วย เพราะงั้นไม่มีทางผิดคำพูดแน่ๆ แต่ว่า…

“งั้นเย็นๆ ออกไปเดินเล่นกัน”

คนฟังทำหน้าคิดหนัก เม้มริมฝีปากแน่นเหมือนกำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่าง แต่สุดท้ายเขาก็พยักหน้าให้

‘ก็ได้’

หลังจากได้อยู่กับภามมาสองสามวัน ผมก็ได้รู้เกี่ยวกับเขามากขึ้นอีกอย่าง จริงๆ เขาไม่ได้ปิดกั้นอะไรมากขนาดนั้น แต่เป็นเหมือนคนที่ต้องการมีเพื่อนไปนั่นไปนี่ด้วยมากกว่า ลักษณะเหมือนทั้งชีวิตที่ผ่านมาเขาไม่เคยมีเพื่อนมาก่อน รวมถึงไม่ชอบที่จะต้องทำอะไรคนเดียว เพราะงั้นเลยเลือกอยู่เฉยๆ ไม่ทำอะไรทั้งนั้น พอผมเข้ามาเป็นเหมือนเพื่อน ชวนทำหลายๆ อย่างด้วยกัน เจ้าตัวเลยยอมง่ายๆ โดยไม่คิดค้านเลยแม้แต่น้อย

เขาก็แค่เด็กขี้เหงาที่ต้องการมีคนอยู่เคียงข้าง คงต้องยอมรับว่าครอบครัวกับเพื่อนมันต่างกันจริงๆ แล้วภามก็ต้องการทั้งสองอย่าง ไม่ใช่แค่อย่างใดอย่างหนึ่ง

“จะว่าไปกูยังไม่ได้ซื้อเสื้อผ้าเลย” ผมบ่นเบาๆ เมื่อนึกขึ้นได้ เพราะชุดที่ผมเอามาไม่ได้หนาพอจะเอาไปเดินลุยหิมะนานๆ…สงสัยคงต้องออกไปซื้อก่อนเป็นอันดับแรก

‘ใส่ของผมก่อนก็ได้’ ภามบอก ก่อนจะชี้ไปที่ชุดตัวเอง

“ดีๆ”

‘ถึงจะเตี้ยไปหน่อย แต่ถ้าเป็นเสื้อนอกคงไม่มีปัญหา’

ผมชักสีหน้าทันควันเมื่อเจอกับคำต้องห้าม อยากจะบ้าตายกับพวกเปรตสองพี่น้องที่พูดจาเหมือนกันไม่มีผิด ขนาดทั้งคู่ไม่ได้อยู่ด้วยกันผมยังหัวร้อน คิดสภาพตอนโดนพูดกรอกสองหูไม่ออกเลย

“รำ”

ภามทำหน้างงเมื่อได้ยินศัพท์ภาษาไทยที่ไม่คุ้นเคย คงงงว่ารำเกี่ยวอะไร ผมเลยมองแรงใส่ไปหนึ่งทีเป็นเชิงด่าว่าโง่

“กูหมายถึงรำคาญ”

‘อะไรวะ’ เขาทำหน้ายุ่ง ก่อนจะหันหน้าหนีเหมือนไม่ชอบใจที่โดนด่าแบบงงๆ

จะว่าไป…ถึงวันนี้จะมีแพลนแล้วว่าจะทำอะไรบ้าง แต่พรุ่งนี้ก็ยังว่างอยู่ดีนี่หว่า ให้นั่งเล่นเกมทั้งวันมันก็ได้อยู่หรอก แถมยังมีเพื่อนเล่นอยู่แล้วด้วย แต่ช่วงเวลาที่ภามต้องเรียนกับแม่เฮเลนแล้วผมต้องอยู่คนเดียวมันก็น่าเบื่ออยู่หน่อยๆ

“เออภาม มึงรู้ไหมว่าพี่ภูทำงานที่ไหน” ผมหันไปถามเมื่อนึกอะไรดีๆ ออก

‘ก็รู้อยู่ แต่ไม่เคยไป’

“แค่นั้นก็ได้…แล้วพรุ่งนี้มึงเรียนกี่โมง”

‘ว่าจะเรียนเช้า ตอนบ่ายผมอยากเล่นเกม’

อีกเรื่องหนึ่งที่ผมเพิ่งรู้คือภามเองก็เรียนอยู่ แต่เขาเรียนที่บ้านโดยมีแม่เฮเลนซึ่งเป็นอดีตบุคลากรอาวุโสของมหา’ลัยชื่อดังแห่งหนึ่ง เป็นคนสอนและให้ความช่วยเหลือ

“พรุ่งนี้งดเล่นเกมนะ กูมีแพลนอย่างอื่น”

‘แพลน?’

“ไปบุก…หมายถึงไปหาพี่ภูกัน” ผมคลี่ยิ้มเมื่อคนที่กำลังงงเริ่มทำหน้าตาสนอกสนใจ ดูก็รู้ว่าเขาคล้อยตามทั้งที่ยังไม่ต้องโน้มน้าวเลยด้วยซ้ำ “ไง สนใจล่ะสิ”

‘อืม’

“งั้นก็จัดไป” ผมแปะมือกับภามแล้วยืนหัวเราะชั่วร้ายกันอยู่สองคน สมน้ำหน้าคนหน้าดุไว้ล่วงหน้าเลยแล้วกัน อยากทำงานหนักกลับดึกดีนัก ถ้าไม่มีเวลาให้ก็ไปป่วน…หมายถึงไปหาถึงที่เลยแล้วกัน แต่ก่อนอื่นผมต้องหลอกถามก่อนว่าพรุ่งนี้เขางานยุ่งหรือเปล่า ถ้าไปแล้วเจ้าตัวงานยุ่งเดี๋ยวจะกลายเป็นไปทำเสียงานอีก

“คุณหนูคะ! คุณหมอมาแล้วค่ะ!” เสียงป้าเจนที่ตะโกนเรียกทำให้ผมกับภามสะดุ้งแล้วหันไปมองหัวบันไดพร้อมกัน ผมเห็นคนข้างๆ ทำหน้าตากังวลก็รู้สึกเป็นห่วงจนต้องยกมือตบไหล่เขาเบาๆ

“ไม่เป็นไรหรอก”

ภามพยักหน้าเข้าใจ เขาถอนหายใจเบาๆ ก่อนจะเดินนำลงไปด้านล่าง ข้างๆ ป้าเจนที่ยืนรออยู่ตรงหัวบันไดมีชายสูงอายุหน้าตาใจดียืนอยู่อีกคน ท่านมองมาที่ผมกับภามแล้วยิ้มให้ ผมเลยทักทายกลับไป แต่คนข้างตัวกลับยืนแข็งเป็นหินไม่หือไม่อืออะไรทั้งนั้น

“ภาม จำที่เราคุยกันได้ไหม” ผมกระซิบถามเบาๆ จนคนฟังรู้สึกตัว เขาหันมามองผมครู่หนึ่งก่อนจะหันไปมองคุณหมอ จากนั้นคนที่ไม่เคยยอมสื่อสารกับจิตแพทย์ดีๆ มาก่อนก็ยกมือขึ้นเพื่อสื่อสารเป็นครั้งแรก

‘ผมอยากให้เพื่อนเข้าไปกับผมด้วย’

“ได้แน่นอนครับ” คุณหมอที่ดูจะรู้ภาษามือเป็นอย่างดีรับคำอย่างรวดเร็ว ท่านก้มหัวน้อยๆ ก่อนจะเดินนำเข้าไปด้านในห้องพร้อมกับป้าเจน ขณะที่ผมยืนกอดอกมองภามอย่างภูมิใจ

“ไง ไม่ได้แย่ใช่ไหมล่ะ”

‘อื้ม’

“ดีแล้ว” ผมตบบ่าภามเบาๆ เพื่อให้กำลังใจ ก่อนจะกอดคออีกฝ่ายให้เดินไปด้วยกัน

วันก่อนผมคุยกับภามตามตรง แล้วบอกเขาว่าถ้าอยากให้เข้าไปด้วยเจ้าตัวจะต้องบอกหมอเอง ถึงจะเป็นจิตแพทย์แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าต้องรู้ทุกอย่าง ยิ่งภามเปลี่ยนหมอบ่อยแบบนี้ ยังไม่ทันได้เข้าใจก็คงต้องแยกกันแล้วล่ะมั้ง อีกอย่าง…ถ้าได้เริ่มสื่อสารเป็นครั้งแรกแล้วเขาอาจจะรู้ก็ได้ว่าจิตแพทย์ไม่ได้แย่แบบที่คิด

“อาชื่อวิล เป็นเพื่อนกับออสติน พ่อของหลานมายี่สิบกว่าปี หลานตรงนั้นก็ช่วยเรียกอาวิลด้วยนะ ไม่เอาตาแก่อะไรแบบนั้นล่ะ” นั่นคือการแนะนำตัวอย่างอารมณ์ดีของอาวิล ท่านให้ความรู้สึกสบายใจจนผมเริ่มหายกังวล ภามเองก็ดูไม่ได้ต่อต้านอะไร เขาให้ความร่วมมือเป็นอย่างดีแต่ก็ยังหันมามองผมอยู่หลายครั้ง

พอเวลาผ่านไปนานเข้าผมก็เริ่มง่วง บอกตรงๆ ว่าผมแพ้น้ำเสียงนุ่มนวลเป็นที่สุด ได้ยินทีไรหาวทุกที อย่างพี่กีล์แฟนไอ้โซก็เหมือนกัน รายนั้นคุยกันนานๆ ทีไรผมหลับคาโซฟาตลอด และมันแย่ตรงที่อาวิลเองก็เป็นคนประเภทเดียวกัน ยิ่งฟังเสียงนุ่มๆ ของท่านก็ยิ่งทำให้ผมง่วงจนต้องเอนกายลงนอนอย่างช่วยไม่ได้

“คุณเก้าคะ คุณเก้า” แรงเขย่าเบาๆ ทำให้ผมรู้สึกตัว สิ่งแรกที่เห็นคือสีหน้ากลั้นขำของป้าเจน ถัดมาคือหน้าบึ้งตึงของภามที่ยืนกอดอกอยู่ข้างๆ และสุดท้ายคือใบหน้าอ่อนโยนของอาวิลที่ยืนถือเสื้อสูทยิ้มอยู่ด้านหลัง

“ขอโทษครับ” ผมรีบลุกขึ้นนั่งขยี้ตาแล้วขอโทษอาวิลเป็นลำดับแรก

“ไม่เป็นไรหรอก ดูท่าเมื่อคืนนอนน้อยล่ะสิเรา”

“ครับ เมื่อคืนผมนั่งหาคู่มือทำอาหารดึกไปหน่อย” เพราะคิดได้ว่ายังไม่ได้ทำข้าวกล่องให้พี่ภูสักทีเลยกะจะหาข้อมูลเสียหน่อย หาไปหามากลายเป็นใครอีกคนหลับไปก่อนตั้งแต่ตอนไหนก็ไม่รู้

“อามีเรื่องจะคุยด้วยหน่อย” อาวิลหันไปส่งสายตาให้ป้าเจน ซึ่งท่านเองก็เข้าใจได้อย่างรวดเร็วเลยหันไปแตะแขนภามให้เดินตามออกไปด้านนอก

“เรื่องภามเหรอครับ”

“ใช่” ท่านถอนหายใจเบาๆ ก่อนจะนั่งลงข้างผม “อาได้ยินเรื่องของเด็กคนนี้มาจากออสตินเยอะพอควร ช่องว่างในใจของเขาเป็นรูใหญ่และลึกกว่าที่คิด สิ่งที่ช่วยได้คงไม่ใช่แค่แพทย์ แต่หมายรวมถึงคนรอบตัวด้วย”

ผมขยับกายนั่งและรับฟังอย่างตั้งใจ เพื่อเก็บข้อมูลทั้งหมดแล้วเอาไปเล่าให้คนที่กำลังทำงานอยู่ฟังอีกต่อ

“เดี๋ยวอาจะคอยบอกออสตินเอง แต่จากที่คุยมา ดูเหมือนคนที่ภามแคร์ที่สุดน่าจะเป็นพี่ชายที่กำลังทำงานอยู่ แล้วก็เพื่อนใหม่ของเขาอีกคน…” อาวิลยิ้มให้ผมอย่างอ่อนโยน ก่อนท่านจะหัวเราะเบาๆ “เขาบอกอาว่าเพื่อนใหม่เป็นคนแปลกๆ ทั้งยังมาหลงชอบพี่ชายของเขาอีกต่างหาก”

อ้าวเวร…บอกหมดเลย

“แต่เหนือสิ่งอื่นใด…ดูเหมือนเขาจะชอบเพื่อนใหม่คนนี้มากเลยนะ”

“เขาบอกเหรอครับ” ผมถามแล้วเกาหัวอึนๆ

“เปล่า อาเดาเอาจากการเล่าน่ะ” อาวิลหัวเราะเสียงดังจนผมหน้าหงิก หลังจากนั้นท่านก็ลุกขึ้นยืนแล้วลูบหัวผมเบาๆ “เรื่องของภามอาจจะยาก แต่ไม่ได้เกินความสามารถ ในฐานะของผู้ใหญ่ที่เห็นเจ้าพวกนี้มาตั้งแต่ตัวยังเล็ก ขอบคุณมากนะที่มาช่วย อาเพิ่งมีโอกาสกลับมาอังกฤษหลังไปอยู่ที่ญี่ปุ่นมานาน ได้โอกาสมาช่วยก็จริง แต่ให้ทำคนเดียวคงไม่ไหว ถ้าไม่ได้หลานคงแย่เลย”

“ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกครับ ภามก็แค่ต้องการเพื่อน” ผมตอบแบบถ่อมตัว ทั้งที่จริงๆ อยากยืดอกยอมรับด้วยความภูมิใจ

“แต่เพื่อนแบบที่เด็กคนนั้นต้องการคงหาไม่ได้ง่ายๆ หรอก” อาวิลยิ้มบาง ก่อนจะชวนให้ผมเดินออกไปด้านนอกในขณะที่พูดคุยกันไปด้วย “ภามยังไม่ไว้ใจเล่าเรื่องที่ติดค้างในใจให้ใครฟัง ไม่แน่หลานอาจจะเป็นคนที่ภามเลือก ถ้าถึงเวลาแล้วเขาเลือกที่จะพูดออกมาเอง ยังไงก็ช่วยรับฟังหน่อยนะ”

“ครับ” ผมพยักหน้า เรื่องรับฟังคงไม่มีใครทำได้ดีเท่าผมแล้ว จะบอกว่าเป็นคนขี้เสือกในทุกเรื่องก็ว่าได้ ถึงอย่างนั้นผมก็ยังเป็นผู้ฟังที่ดีมาตลอด ไม่เชื่อถามไอ้โซเลย

“งั้นอากลับก่อนนะ อาทิตย์หน้าจะมาใหม่”

“ขอบคุณมากครับอาวิล” ผมยกมือไหว้ตามแบบฉบับคนไทยเมื่อเดินไปส่งท่านที่หน้าประตูแล้ว อาวิลโบกไม้โบกมือตอบกลับมา ก่อนจะเดินไปขึ้นรถที่จอดอยู่หน้าบ้าน

ดูเหมือนจะมีคนห่วงเด็กหน้าตายมากกว่าที่คิด แม้แต่พ่อเขาก็พยายามช่วยแม้จะอยู่ไกล ภามโชคดีมากจริงๆ ที่มีครอบครัวที่รักเขามากขนาดนี้ ถึงตอนนี้จะยังไม่สังเกตเห็น แต่สักวันเจ้านั่นต้องรับรู้ได้แน่ๆ

ระหว่างที่เดินกลับเข้าไปด้านใน ผมเดินสวนกับป้าเจนที่กำลังถือถาดอาหารอยู่ ท่านบอกว่าภามนั่งเล่นเกมอยู่ในห้องรับแขก แต่ภาพที่ผมเห็นเมื่อเดินเข้ามาด้านใน กลับเป็นภาพเพื่อนใหม่ของตัวเองนั่งเหม่อราวกับกำลังจมอยู่กับความคิดของตัวเอง แม้แต่ตาที่เคยดูเป็นประกายมากกว่าวันแรกที่ได้เจอกันก็กลับมาแลดูว่างเปล่าราวกับตุ๊กตาอีกครั้ง

“ภาม” ผมเรียกคนที่นั่งเหม่ออยู่เป็นลำดับแรก แม้จะเพิ่งเจอกัน ได้เห็นภามเหม่ออยู่แค่ครั้งสองครั้ง แต่ผมไม่เคยรู้สึกดีเลย มันเป็นความกังวลใจแปลกๆ เมื่อได้เห็นเขาจมอยู่กับความคิดตัวเอง…เป็นความรู้สึกอึดอัดข้างในเมื่อได้รับรู้ส่วนหนึ่งในความคิดนั้น…และผมไม่ชอบสิ่งที่ตัวเองได้รู้เลย “ภาม”

คนที่กำลังเหม่อสะดุ้งและรู้สึกตัวหลังจากโดนเรียกซ้ำ เขาหันมามองผมด้วยสายตางงๆ เหมือนเพิ่งหลุดจากภวังค์ แต่ผมรู้ว่าภามจำความรู้สึกนั้นได้แน่นอน

‘โทษที ผมเหม่อไปหน่อย’

“ไม่เป็นไร”

ผมใช้เวลาว่างที่มีเพื่อศึกษาอาการป่วยของภามเบื้องต้น แต่ก็ทำเท่าที่ทำได้ หาข้อมูลจากอินเทอร์เน็ต หนังสือ ถามคนที่รู้จัก แต่มันก็แค่นั้น…

‘โรคซึมเศร้า’ ไม่ใช่เรื่องตลก ไม่ใช่โรคที่ใครก็รักษาได้ แค่เริ่มเป็นก็รู้สึกทรมานมากแล้ว แล้วคนที่อยู่กับมันมาหลายปีอย่างภามจะต้องเจ็บปวดมากขนาดไหนคงไม่มีใครรู้เลย ตอนที่ได้อ่านข้อมูลผมนึกขอบคุณอยู่ในใจที่ครอบครัวเขาให้เข้าพบจิตแพทย์มาโดยตลอด แม้ว่าภามจะต่อต้านแต่มันก็ยังส่งผลอยู่บ้าง

เพียงแต่…ในขณะที่ผมคิดว่าทุกอย่างกำลังดีขึ้น เหตุการณ์มันกลับไม่เป็นแบบที่คิด แค่ได้เห็นเขาเหม่อผมก็รับรู้ได้ทันทีว่าในช่วงนี้ไม่ควรปล่อยให้เจ้าตัวอยู่คนเดียวเป็นอันขาด

“เออภาม ฮีตเตอร์ห้องกูพัง เดี๋ยวต่อไปกูกับพี่ภูไปนอนกับมึงนะ”

‘พังได้ไง’ ภามทำหน้างง

“ไม่รู้ รู้แต่พังแล้ว” จริงๆ ก็ยังไม่พังหรอก แต่เดี๋ยวพังแน่…พังด้วยมือผมเนี่ย

ถึงจะยังไม่ได้ปรึกษาพี่ภูในเรื่องนี้ แต่ถ้าผมอธิบายเหตุผลให้ฟังเขาต้องยอมแน่ แถมห้องภามก็ใหญ่โต ถึงเข้าไปนอนห้าหกคนก็ไม่น่ามีปัญหา

‘เรียกคนมาซ่อมสิ เดี๋ยวก็เสร็จ’

“ไม่อยากเรียก อยากไปนอนห้องมึงจะได้สนิทกันไวๆ พี่ภูเองก็คิดเหมือนกัน” อะไรก็ตามเหมารวมพี่ภูไปก่อนดีที่สุด ภามแพ้พี่ชายตัวเอง ขอแค่อ้างนิดๆ หน่อยๆ ก็ลังเลแล้ว

‘แล้วแต่’

นั่นไง…ทีนี้ก็เหลือแค่บอกคนที่ยังทำงานไม่รู้เรื่องละ

 

 

ผมใช้เวลาเล่นเกมอยู่กับภามสองสามชั่วโมง หลังจากนั้นเราก็ตกลงกันว่าจะออกไปเดินเล่นข้างนอกระหว่างรอพี่ภูกลับ ฝ่ายนั้นบอกผมว่าวันนี้เขาจะกลับไว จะมากินข้าวด้วย เพราะงั้นเลยหมดปัญหาเรื่องรอจนดึกไป ผมถือโอกาสที่โทร. ไปหาเขาเล่าให้ฟังคร่าวๆ ว่าอาวิลพูดอะไรบ้าง แล้วก็บอกเลยไปถึงเรื่องที่จะไปนอนกับภาม ถึงจะยังไม่ได้เล่าเหตุผลโดยละเอียด แต่พี่ภูก็เข้าใจได้อย่างรวดเร็ว เขารับปากผมโดยไม่ถามอะไรสักคำก่อนจะบอกว่าจะรีบกลับ หลังจากนั้นก็ตัดสายไป

ภามชูเสื้อโคตตัวหนึ่งให้ผมดูแล้วจึงยื่นมาให้ ในขณะที่ตัวเองใส่เสื้อโคตอีกตัวที่ดูใหญ่กว่า เห็นความสูงที่แตกต่างแล้วผมก็ได้แต่บ่นในใจอีกทีอย่างอดไม่ได้

‘นั่นเสื้อตอนผมเด็กๆ ตัวเตี้ยๆ’

“ย้ำแบบนี้อยากโดนตีหัวใช่ไหม”

‘ไปกันเถอะ’ เขายิ้มขันนิดหน่อย ก่อนจะลากแขนผมให้เดินตามไปที่ประตู อีกทั้งยังเป็นฝ่ายหันไปสื่อสารบอกป้าเจนว่าจะออกไปข้างนอกด้วยตัวเองอีกต่างหาก เล่นเอาป้าเจนยิ้มกว้างไม่หุบแม้กระทั่งตอนที่เดินมาส่งถึงหน้าประตูเลยทีเดียว

พอได้ออกมาเดินข้างนอกแล้วรู้สึกเหมือนอากาศจะหนาวกว่าที่คิดนิดหน่อย หิมะดูจะเยอะกว่าเมื่อเช้า ผมได้แต่เดินซุกมือเข้ากระเป๋าในขณะที่ภามเดินชิวเหมือนกำลังเดินเล่นในสวนหย่อม ลองได้มาเดินแล้วผมถึงรู้ว่าบ้านพี่ภูเป็นบ้านเดี่ยวที่แยกตัวออกจากคนอื่นมากพอควร เราเดินกันมาหลายนาทีแล้วผมยังเห็นหลังคาบ้านอื่นอยู่ไกลๆ เหมือนเดิม ท่าทางบ้านหลังนี้คงเป็นบ้านพักส่วนตัว มิน่าถึงได้อยู่ห่างไกลชุมชนขนาดนี้ มองไปทางไหนก็เห็นแต่วิวธรรมชาติ

‘จะไปไหน’ ภามหันมาสะกิดถามเมื่อเห็นผมเอาแต่สนใจมองไปรอบๆ

“นำเลย ไปไหนก็ได้” จริงๆ ผมแค่อยากให้เขาออกมานอกบ้านบ้าง ไม่ได้มีความคิดอยากจะเดินเล่นอะไรมากมายนักหรอก

สถานที่ที่ภามพาผมเดินมาคือสนามเด็กเล่นที่ไร้ซึ่งผู้คนแห่งหนึ่ง เขาหันมาบอกผมว่าแถวนี้เคยมีบ้านคน พวกเด็กๆ จะชอบมาเล่นกัน แต่ต่อมาก็ย้ายออกไปหมดเพราะที่นี่ค่อนข้างห่างไกล จะเดินทางก็ต้องใช้เวลา เจ้าของที่…ซึ่งก็คือพ่อของภามเลยจัดการแถวนี้ใหม่ โดยยังเหลือสนามเด็กเล่นนี้ไว้เพราะภามกับพี่ภูเคยมาเล่นด้วยกันตอนเด็กๆ

“หนาวว่ะวันนี้” ผมบ่นเบาๆ ก่อนจะยกขาขึ้นมากอดบนชิงช้า

‘เดี๋ยวก็ชิน’

“หวังว่านะ” แต่ถึงจะหนาวผมก็ยังชอบอยู่ดี มันทำให้รู้สึกดีสุดๆ เลยละ ผมมองไปรอบๆ และปล่อยให้ภามจมอยู่กับความคิดตัวเองเมื่อเห็นเขายิ้มน้อยๆ ในขณะที่มองไปยังม้าโยกตรงหน้า…ดูราวกับเขากำลังนึกถึงเรื่องราวดีๆ ในอดีตอยู่

“ก้อน” เสียงกระซิบที่ข้างหูพร้อมการแตะเบาๆ ที่บ่าทำให้ผมรู้สึกตัว เมื่อหันไปมองด้านหลังถึงได้พบว่าใครบางคนที่ไม่ควรอยู่ตรงนี้กำลังมองมาที่ผมด้วยสีหน้าเย็นชาเหมือนเคย ทว่าแววตาของเขากลับอบอุ่นอ่อนโยนไม่ต่างจากหลายวันมานี้

“พี่มาได้ไง” ผมกระซิบถามเพราะเห็นว่าภามยังเหม่ออยู่ คนตัวสูงที่ยืนค้ำหัวผมไม่ตอบอะไร แต่เขากลับถอดเสื้อโคตออกแล้วสวมทับให้จนผมกลายเป็นก้อนกลมๆ

“แก้มแดงหมดแล้ว” ปลายนิ้วเย็นของคนที่ไม่ได้สวมถุงมือแตะเบาๆ ที่แก้มผมและลูบเบาๆ ผมเลยถือโอกาสนั้นดึงมือเขามาซุกไว้ในเสื้อให้หายเย็นแล้วมองด้วยสายตาตั้งคำถามเหมือนเดิม พี่ภูเห็นแบบนั้นก็หัวเราะหึก่อนจะยอมตอบ “กลับไปบ้านแล้วป้าเจนบอกว่าออกมาเดินเล่นกัน ก็เลยตามมา”

“ตามมาถูกด้วย”

“กูเก่ง” พี่ภูพูดหน้าตาย รู้ตัวหรือเปล่าก็ไม่รู้ว่าติดโรคหลงตัวเองของผมเข้าให้แล้ว

“พี่ภูๆ” ผมเรียกแล้วขยับตัวไปยืนข้างเขา พอมั่นใจว่าภามยังอยู่ในภวังค์ก็หันไปถามด้วยเสียงที่เบาลงกว่าเดิม “ที่นี่เคยมีอะไรดีๆ เกิดขึ้นใช่ไหม”

พี่ภูไม่ได้ตอบในทันที เขากวาดสายตาไปรอบด้านช้าๆ ราวกับกำลังนึกถึงช่วงเวลาเก่าๆ ไม่ต่างจากภาม สุดท้ายเมื่อสายตาคมหยุดอยู่ที่ม้าโยก ดวงตาคู่นั้นก็ฉายแววเคร่งเครียดออกมาอย่างปิดไม่มิด

“ตอนเด็กๆ…ก่อนที่พ่อกับแม่จะเลิกกัน พวกเราชอบมาเล่นที่นี่”

“พวกเรา? พี่หมายถึง…”

“ภามชอบเล่นม้าโยกตรงนั้นกับแม่” สิ้นคำพูดของเขา สายตาของเราทั้งคู่เบนไปมองคนที่นั่งเงียบพร้อมกัน และมันเป็นวินาทีเดียวกับที่รอยยิ้มซึ่งมีมาตลอดเริ่มจางหายไปจากใบหน้าภาม

พี่ภูเป็นคนแรกที่รู้สึกตัว เขาเดินตรงเข้าไปหาน้องชายจากทางด้านหลัง แล้วรั้งหัวภามที่นั่งอยู่บนชิงช้าให้ซบลงตรงเอวของตัวเอง เพียงเท่านั้นใบหน้าที่แข็งเกร็งก็ผ่อนคลายลงแทบจะทันที ผมเดินตามไปอยู่ข้างๆ ก่อนจะยื่นมือออกไปดึงมือภามเข้ามาซุกในเสื้อตัวเอง ฝั่งนั้นพอเห็นสภาพผมที่มีเสื้อตัวใหญ่ๆ คลุมทับสองตัวจนเป็นก้อนก็ทำท่าเหมือนจะหัวเราะ…น่าเสียดายที่ไม่มีเสียงใดๆ เล็ดลอดออกมา

“ทำไมมือผอมแห้งกันทั้งคู่เลยวะ” ผมทำลายบรรยากาศเงียบงันด้วยการพูดจาตามความรู้สึกหลังจากได้จับมือภาม เล่นเอาสองพี่น้องมองงงๆ เพราะตามอารมณ์ไม่ทันกันเลยทีเดียว

“อะไรของมึง”

“เนี่ยดูดิ” ผมจับมือพี่ภูมาชูข้างๆ มือภามแล้วมองอย่างพิจารณา คือผอมจริงๆ นะ ภามอาจจะผอมอยู่แล้ว แต่พี่ภูนี่ผอมลงจากสองปีก่อนเยอะจนน่าตี “ไม่ได้ละ ต้องขุนให้อ้วน”

“งึมงำอะไรของมึง” พี่ภูดึงมือออกแล้วขยี้หัวผมจนยุ่งเหยิง ส่วนภามก็เอาแต่มองเหมือนจะขำไม่หยุด

เราใช้เวลานั่งคุยกันอยู่ตรงนั้นไม่นานนักเพราะผมเริ่มหนาวจัด ซึ่งในระหว่างที่เดินกลับภามก็ยังเดินนำอยู่ด้านหน้าแล้วมองไปรอบๆ อย่างอารมณ์ดี ทิ้งให้ผมกับพี่ภูเดินตามอยู่ด้านหลัง

“ที่มึงโทร. มาบอก” พี่ภูได้ทีขยับเข้าใกล้ผมแล้วเกริ่นเรื่องที่เราคุยกันในโทรศัพท์เบาๆ

“วันนี้ผมเห็นภามเหม่อ” ผมรีบพูดเพราะกลัวว่าจะไม่มีโอกาส ตอนนี้ภามเดินห่างจากเราพอควรเลยไม่น่าได้ยิน แต่ถ้าถึงบ้านขึ้นมาคงหาจังหวะคุยกันได้ยาก

“เหม่อแบบไหน”

“แบบที่ทำให้ผมรู้สึกไม่ดี”

“มึงช่วยขยายความที ก่อนที่กูจะตีหัว” คนพูดว่าเสียงดุแล้วทำท่าจะยกมือตีหัวผมจริงๆ เล่นเอาผมเกือบขยับออกห่างถ้าไม่ติดว่ามือข้างนั้นเปลี่ยนมาโอบไหล่แล้วรั้งให้เข้าหาตัวเขาแทนเสียก่อน

“ผมอธิบายไม่ถูก…แค่รู้สึกว่าอึดอัดมาก แล้วก็…”

“เหมือนพร้อมจะไปตลอดเวลาใช่ไหม”

“พี่รู้…”

พี่ภูยิ้มเศร้าก่อนจะพยักหน้า มือที่โอบไหล่ผมไว้บีบแน่นขึ้นจนผมสัมผัสได้แม้มีเสื้อผ้าขวางกั้นอยู่

“ก่อนที่ภามจะพยายามฆ่าตัวตายครั้งแรก ป้าเจนเองก็สังเกตเห็นเหมือนกัน…แต่พอกลับมาคราวนี้ก็ไม่ได้เห็นภามเป็นแบบนั้นอีก ไม่คิดเหมือนกันว่าจริงๆ แล้วน้องกูแค่พยายามไม่แสดงออกให้ใครเห็น”

“ผมจะให้ป้าเจนบอกอาวิลให้ พี่ไม่ต้องกังวลนะ” ผมยื่นมือออกมาดึงแขนเสื้อเขาเพื่อให้เจ้าตัวหันกลับมาสนใจผมแทน “เราจะช่วยกัน ทั้งพี่ ทุกๆ คน รวมถึงผมด้วย”

“อืม” พี่ภูยิ้มบางๆ ด้วยสีหน้าที่ดูดีขึ้นเล็กน้อย สัมผัสที่ลูบหัวผมยังคงอบอุ่นเหมือนทุกครั้ง แม้จะอยู่ท่ามกลางอากาศที่หนาวเย็นจนแทบกลายเป็นน้ำแข็ง

พวกเรากลับมาถึงบ้านทันเวลาอาหารเย็นพอดี วันนี้ภามอยู่ร่วมโต๊ะอาหารข้างล่างด้วยเช่นเดียวกับเมื่อสามวันที่ผ่านมา แม่เฮเลนที่เพิ่งกลับมาจากนอกบ้านดูมีความสุขมากเมื่อเห็นว่าพวกเรากลับมาพร้อมกัน ยิ่งท่านเห็นว่าภามเองก็ออกไปด้วย รอยยิ้มบนใบหน้าสวยก็กว้างยิ่งขึ้นไปอีก เป็นอีกวันที่การกินอาหารเต็มไปด้วยบรรยากาศแห่งความสุข…และกลายเป็นว่าภามกินข้าวเยอะกว่าพี่ภูเสียอีก

ภายในห้องนอนของภามมีเตียงเสริมที่ผมกับพี่ภูช่วยกันยกมาจากอีกห้องเพิ่มขึ้นมาอีกเตียง โดยในขณะที่ผมกับพี่ภูแยกกันไปอาบน้ำ คนที่อาบเสร็จคนแรกและเป็นเจ้าของห้องก็โดดขึ้นเตียงเสริมแล้วหลับไปเป็นคนแรก ปล่อยให้ผมกับพี่ภูยืนมองหน้ากันงงๆ แต่ผ่านไปแค่สามวินาทีผมก็นึกขอบคุณภามในใจ กะไว้ว่าพรุ่งนี้จะต้องขอบคุณเจ้าตัวแน่นอน…ช่างเป็นเพื่อนที่ดีเหลือเกิน ยกนิ้วโป้งให้เลย

“เดี๋ยวก่อน อย่าเพิ่งนอน” ผมยกมือห้ามไม่ให้ใครอีกคนเอนตัวนอน

“หืม”

“ผมมีเรื่องสำคัญต้องคุยกับพี่”

พี่ภูเลิกคิ้วไม่เข้าใจ แต่ก็ยังพยักหน้าแล้วเปลี่ยนมานั่งขัดสมาธิเผชิญหน้ากับผมอย่างจริงจัง เห็นแบบนั้นแล้วผมก็พ่นลมหายใจออกเพื่อคลายความเครียดและความหงุดหงิด ก่อนจะขยับเข้าหาเขาจนเข่าของเราชนกัน

“ฟังแล้วคิดตามนะ”

“อือ”

“สมมติว่าผมกับพี่ไม่ได้เจอกันมาสองปี ก่อนที่เราจะแยกกันพี่มองผมเป็นคนเพอร์เฟกต์มากๆ คือดูดีทุกย่างก้าว แล้วพี่ก็ชอบผมมากด้วย” ผมถลึงตาใส่เมื่อคนฟังทำเหมือนจะขำ พอเห็นว่าเขาแค่ยิ้มหน่อยๆ เลยยอมพูดต่อ “ทีนี้พอเราได้กลับมาเจอกันอีกครั้งพี่ก็ดีใจมากที่ได้เจอกัน แต่พี่ดันพบว่าผมกลายร่างจากกระต่ายก้อนสมบูรณ์แข็งแรง เป็นกระต่ายยาจกผอมแห้งไม่มีเนื้อไม่มีหนัง…”

“หึ…”

“ห้ามขำ! ผมจริงจังนะ” ผมชี้หน้าเขาแล้วขมวดคิ้ว

“โทษที ว่าต่อสิ”

“พี่จะรู้สึกยังไง”

“อ้าว ผอมแล้วเหรอ” พี่ภูร้องอ้าวหน้าตายแล้วพูดออกมาหน้าตาเฉย เล่นเอาผมหัวร้อนเป็นไฟจนเกือบกระโดดกัดหัวเขาถ้าไม่ได้ยินประโยคต่อมาเสียก่อน “ล้อเล่น”

“เอาดีๆ ดิ”

คราวนี้เขานิ่งไปแล้วทำหน้าตาจริงจัง ตาคมมองมาที่ผมเหมือนกำลังคิดภาพตาม แล้วอยู่ๆ คนหน้าดุก็แสดงสีหน้าไม่พอใจออกมา

“ไม่ชอบ”

“เห็นไหม ผมก็…”

“ไม่ชอบกระต่ายแห้ง ไม่น่ากิน” พี่ภูปิดปากหัวเราะแล้วก้มหน้าลงเมื่อเห็นผมทำหน้าเหวอสนิท คือนึกไม่ถึงว่าจะโดนแบบนี้ เงิบหนักมาก “ดูทำหน้าเข้าดิ…หึๆ”

“พี่แม่ง…พูดไรวะ” ผมร้อนหน้าจนต้องใช้มือตีขาเขาแก้เก้ออยู่หลายที เล่นเอาความตั้งใจตอนแรกกระจัดกระจายหายไปในอากาศแทบไม่ทัน

“สรุปว่ากูต้องรู้สึกไม่ดีแน่ โอเคไหม” คนพูดว่าเสียงอ่อน ก่อนจะยกมือขึ้นมาลูบหัวผมเบาๆ จนต้องยอมพยักหน้าให้

“ทีนี้ฟังต่อ”

“อืม”

“แค่คิดพี่ก็ไม่ชอบแล้วใช่ไหมที่จะเห็นผมเป็นแบบนั้น” ผมรวบรวมสติกลับมาแล้วตั้งใจพูดสิ่งที่ต้องการจะสื่อต่อ “ผมเองก็ไม่ชอบที่เห็นพี่เป็นแบบนี้เหมือนกัน แต่ผมรู้ดีว่าพี่ทำงานหนักแล้วอาหารก็อาจจะไม่ถูกปาก เพราะงั้นผมเองก็จะช่วยด้วย”

“ยังไง”

“จำที่บอกว่าจะทำข้าวกล่องให้ได้ไหม”

“อืม”

“ผมจะทำจริงๆ นะ แต่อยากให้พี่สัญญาอย่างหนึ่ง…” ผมจับมือผอมแห้งมากุมไว้ ก่อนจะเงยหน้ามองเขา “สัญญาได้ไหมครับว่าพี่จะกินข้าวกล่องของผมให้หมดทุกครั้ง”

เพราะคงตามไปที่ทำงานทุกวันไม่ได้ สิ่งที่ทำได้ก็มีเพียงขอให้เขารับปากและเชื่อใจ

“นะครับ” ผมเขย่ามือคนที่ยังนิ่งแล้วมองเขาอย่างอ้อนๆ แบบหวังผล

ตอบรับทีเถอะ ถ้าปฏิเสธจะเงิบแรงมาก

พี่ภูเริ่มขยับโดยการดึงมือของเราที่กุมกันไว้ไปแนบชิดที่ริมฝีปาก ก่อนเขาจะกดจมูกลงบนหลังมือผมเบาๆ เป็นคำตอบของคำถามทุกอย่าง

“ครับ”

“…”

ผมจะจำไว้ว่าอย่าให้พี่ภูพูด ‘ครับ’ เด็ดขาด…เพราะสุดท้ายคนที่ตายคือกูเอง

 

---------------------------

 

 


ออฟไลน์ O-RA DUNGPRANG

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1760
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-5
Re: ┌▼Nitrogen ไนโตรเจน▲┘ ==[28]==[P.17]== [15/09/60]
«ตอบ #504 เมื่อ15-09-2017 22:05:33 »

เอ่อเก้าเนี่ยโดนพี่ภูกินไปหรือยังอะ :hao6: :hao6: :hao6:

ออฟไลน์ ΩPRESTOΩ

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 352
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-1
Re: ┌▼Nitrogen ไนโตรเจน▲┘ ==[28]==[P.17]== [15/09/60]
«ตอบ #505 เมื่อ15-09-2017 22:16:57 »

ภามสู้ๆนะลูก มีคนรัก คนเป็นห่วงเยอะเลย
ที่สำคัญมี "ก้อน" เป็นคู่หูคู่ฮาแล้ว ไม่เศร้านะ

ออฟไลน์ mooping-7

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2527
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +88/-5
Re: ┌▼Nitrogen ไนโตรเจน▲┘ ==[28]==[P.17]== [15/09/60]
«ตอบ #506 เมื่อ15-09-2017 22:57:11 »

ก้าภมมภูสู้ๆนด

ออฟไลน์ LadySaiKim

  • ▫▪□Dezine'Kim□▪▫
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1703
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-0
Re: ┌▼Nitrogen ไนโตรเจน▲┘ ==[28]==[P.17]== [15/09/60]
«ตอบ #507 เมื่อ15-09-2017 22:58:27 »

ความเก้าก้อจะแพ้พี่ภูตลอดดด  :heaven

ออฟไลน์ route rover

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2423
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +221/-7
Re: ┌▼Nitrogen ไนโตรเจน▲┘ ==[28]==[P.17]== [15/09/60]
«ตอบ #508 เมื่อ15-09-2017 23:45:44 »

ภามนี่จะยังงัยดี จะหายใช่มั้ย นี่ก็อึดอัดไปกะเก้าด้วยเลย :mew2:

ออฟไลน์ hoshinokoe

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1042
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +31/-0
Re: ┌▼Nitrogen ไนโตรเจน▲┘ ==[28]==[P.17]== [15/09/60]
«ตอบ #509 เมื่อ15-09-2017 23:55:39 »

เขิล. เรื่องภามกะสู้ๆน้าา

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด