┌▼Nitrogen ไนโตรเจน▲┘ ==[จบ]==
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ┌▼Nitrogen ไนโตรเจน▲┘ ==[จบ]==  (อ่าน 274951 ครั้ง)

ออฟไลน์ TIKA_n

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1391
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +308/-4
Re: ┌▼Nitrogen ไนโตรเจน▲┘ ==[29]==[P.18]== [22/09/60]
«ตอบ #540 เมื่อ24-09-2017 13:46:41 »

พี่ภู ชัดเจนจริงจัง สุดยอด เขิน ๆ  :m1:

ออฟไลน์ Y-Darkness

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-0
Re: ┌▼Nitrogen ไนโตรเจน▲┘ ==[29]==[P.18]== [22/09/60]
«ตอบ #541 เมื่อ24-09-2017 15:59:57 »

 :pig4:

ออฟไลน์ PrimYJ

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3494
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3
Re: ┌▼Nitrogen ไนโตรเจน▲┘ ==[29]==[P.18]== [22/09/60]
«ตอบ #542 เมื่อ26-09-2017 20:02:35 »

พี่ภูสุดยอดมาก  :katai2-1:

ออฟไลน์ Snowermyhae

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4015
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-7
Re: ┌▼Nitrogen ไนโตรเจน▲┘ ==[29]==[P.18]== [22/09/60]
«ตอบ #543 เมื่อ28-09-2017 23:32:28 »

พี่ภูอบอุ่นอะไรเบอร์นี้  :ling1:

ออฟไลน์ CHESS.

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 212
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +228/-2
Re: ┌▼Nitrogen ไนโตรเจน▲┘ ==[29]==[P.18]== [22/09/60]
«ตอบ #544 เมื่อ29-09-2017 17:57:29 »




-30-

 

“สรุปว่ามันคือแผนของพ่อพี่?”

“ใช่”

ผมมองหน้าพี่ภู ก่อนจะหลุดขำออกมาอย่างอดไม่อยู่ เขาเองก็ยิ้มน้อยๆ ยามมองกลับมาเช่นกัน ใครจะไปคิดว่าพ่อออสตินจะเจ้าเล่ห์ขนาดนั้น ตัวเองไปรับคำกับเพื่อนซึ่งเป็นพ่อของมิลินไว้เรื่องความสัมพันธ์ของทั้งคู่ จะให้ผิดคำพูดทีหลังโดยการไปบอกยกเลิกก็ดูน่าเกลียด เพราะงั้นวันนั้นถึงได้บอกให้มิลินขึ้นมาหาพี่ภู ส่วนตัวเองพาภามไปเดินเล่นอยู่ที่อื่น ทั้งหมดก็เพื่อให้เธอมาเห็นความสัมพันธ์ของผมกับพี่ภูแล้วเลือกถอยหลังด้วยตัวเอง…จะบอกว่าสมเป็นนักธุรกิจก็พูดได้ไม่เต็มปาก

วันนี้เป็นวันหยุดตามที่ผมตกลงกับพี่ภูไว้ แน่นอนว่าคนอย่างคุณภูริย่อมทำท่าจะหนีไปทำงานแต่เช้ามืด แต่ผมกับภามรู้ทันเลยตื่นก่อนแล้วช่วยกันล็อกแขนล็อกขาเขาไว้ ใช้เวลาสองนาทีคนที่โดนจับได้ก็หยุดขัดขืนแต่โดยดี ถึงอย่างนั้นก็ยังไม่วายขนโน้ตบุ๊กกับเอกสารมากมายลงมาทำข้างล่างอีก

“ภู! น้องไปไหน!” บ่นถึงไม่ทันไรคุณพ่อผู้หวงลูกก็เดินหน้าตาตื่นเข้ามาในห้อง

“คุยกับอาวิลอยู่” พี่ภูขมวดคิ้วตอบพ่อตัวเอง จากนั้นจึงหันกลับไปจดจ้องเอกสารในมือต่อ ได้ยินแบบนั้นแล้วพ่อออสตินก็ทำหน้าตาตกใจ ก่อนจะบ่นกับตัวเองแล้วเดินออกไป

“ลืมไปได้ยังไงเนี่ย”

เห็นครอบครัวของคนหน้าดุอารมณ์ดีขึ้นมาแล้วผมก็ได้แต่อมยิ้ม มองแล้วก็นึกถึงครอบครัวตัวเองขึ้นมา ไม่รู้ว่าจ๋าช่วยเถียงช่วยพูดอะไรแทนผมอยู่ป๋าถึงยังไม่ติดต่อมาตามตัว แค่คิดถึงความวุ่นวายที่จะเกิดขึ้นตอนป๋ารู้ ผมก็สยดสยองขึ้นมานิดๆ ลำพังกับตัวเองไม่น่ากลัวเท่าไหร่ แต่คนที่ทำให้ผมยอมมาหาถึงที่นี่สิน่าห่วง

“เป็นอะไรหรือเปล่า” คนที่เมื่อครู่ยังตั้งใจทำงานวางเอกสารในมือลงตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ เขามองผมด้วยสีหน้าราบเรียบเหมือนปกติ แต่ความอบอุ่นของมือที่วางทาบลงมาบนมือผมส่งผ่านความเป็นห่วงมาให้อย่างชัดเจน

“ไม่เป็นไรครับ” อย่าเพิ่งพูดเรื่องนี้ดีกว่า แค่นี้พี่ภูก็มีเรื่องให้คิดเยอะแล้ว…ทั้งเรื่องภามแล้วก็เรื่องงาน ส่วนเรื่องผม…ตราบใดที่จ๋ายังช่วยอยู่ก็ไม่น่ามีปัญหาอะไร…อย่างน้อยก็ไม่ใช่ตอนนี้

“มีอะไรก็บอก” พี่ภูทำหน้าเหมือนไม่เชื่อ ถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่ได้เซ้าซี้อะไรต่อ “ไรอันบอกว่าจะมาหา”

“ไรอัน?” ผมใช้เวลาทบทวนอยู่นานพอควรกว่าจะนึกออกว่าไรอันที่ว่าหมายถึงใคร เพราะได้คุยกันครั้งสุดท้ายก็ตอนปีก่อนที่ผมทักไปถามเรื่องพี่ภู หลังจากนั้นเราก็ไม่ได้ติดต่อกันอีกเลย

“เห็นว่าจะมาเยี่ยมมึง”

ผมร้องอ๋อเบาๆ แล้วพยักหน้าหงึกหงัก จะว่าไปตอนที่คุยกันครั้งสุดท้าย ไรอันก็บอกอยู่ว่าถ้าผมมาอังกฤษเมื่อไหร่เขาจะหาเวลามาเยี่ยม ถึงแม้จะไม่อยากเจอภามสักเท่าไหร่ก็ตาม

“จะว่าไป…ทำไมไรอันกับภามถึงไม่ถูกกันล่ะ” ผมหันไปถามคำถามที่คาใจกับพี่ภู ตอนเจอกันครั้งแรกผมจำได้ดีว่าไรอันพูดเหมือนภามก้าวร้าวแล้วก็หัวรุนแรงพอควร เล่นเอาผมกังวลตั้งนาน แต่พอมาเจอตัวจริงแล้วก็ไม่ได้แย่แบบที่เขาว่าเสียหน่อย

“เจ้านั่นมาผิดจังหวะ กูให้ช่วยมาดูภามตอนที่กูไม่อยู่พอดี แล้วตอนนั้นภามก็ยังเด็กด้วย”

พอความประทับใจแรกพบไม่ค่อยจะดีเรื่องเลยยาวสินะ โชคดีที่ความประทับใจแรกพบของผมกับพี่ภูดีครึ่งไม่ดีครึ่ง เพราะงั้นอะไรๆ เลยไม่แย่นัก

“เข้าใจละ”

“มึงแม่ง…”

“หา?” ผมหันไปทำหน้างงใส่คนพูดเมื่อไม่เข้าใจว่าตัวเองทำอะไรผิด พี่ภูส่ายหน้า ก่อนจะใช้มือทั้งสองข้างดึงแก้มผมยืดไปยืดมา ถึงจะร้องโอดโอยยังไงก็ไม่ยอมปล่อย รอจนเขาพอใจแล้วนั่นแหละแก้มผมถึงเป็นอิสระ

“ทำไมชอบทำหน้าตาน่าบีบนัก”

“ผมผิดอะไรเนี่ย” หน้าตาน่าบีบนี่มันเป็นยังไงวะ

“หึ”

พอไม่อยากคุยต่อ คนหน้าดุก็เอนกายพิงโซฟาแล้วหยิบโน้ตบุ๊กขึ้นมาทำงานต่อหน้าตาเฉย ทิ้งให้ผมนั่งค้างอยู่คนเดียวเพราะยังไม่เข้าใจว่าหน้าตาแบบที่ว่ามันเป็นยังไง แล้วก็รู้ดีด้วยว่าถ้าเขาคิดอุบอย่างนี้ ต่อให้อ้อนวอนก้มกราบพี่ภูก็ไม่มีวันบอกแน่ สุดท้ายเลยได้แต่นั่งหน้าตึงเอาคางพาดโซฟามองหน้าเขาเงียบๆ

“ทำตัวเป็นหมา” เขาเหลือบตามอง ก่อนจะยกมือมาลูบหัวผม

“เป็นกระต่ายต่างหาก…นั่งแบบนี้จะได้มองหน้าพี่ถนัดๆ” ลงทุนมานั่งพื้นแล้วหันหัวพาดโซฟามองหน้าเขา รู้ตัวอยู่ว่าเป็นเอามาก แต่ทำไงได้…พอมีเวลาอยู่ด้วยกันแล้วผมไม่อยากละสายตาไปไหนเลย

“เหรอ” พูดเหมือนจะไม่ใส่ใจ แต่คนที่นั่งทำงานอยู่ก็ยังยอมให้ผมยึดมือมาจับเล่น ในขณะที่ตัวเขาใช้มือเดียวกดโน้ตบุ๊กต่อ

ผมใช้เวลาไปกับการนั่งเล่นมือพี่ภูจนเริ่มง่วง ตาปรือจนเกือบจะหลับอยู่หลายรอบ แต่ยังไม่ทันได้ทำตามที่คิดเสียงโทรศัพท์ของคนงานล้นมือก็ดังขึ้น พี่ภูใช้มือข้างที่กดโน้ตบุ๊กรับสายเพียงครู่เดียวแล้ววาง เขากระตุกมือผมเบาๆ ให้ลุกขึ้นยืน ก่อนจะลากให้เดินตามออกไปที่ประตูด้วย

“ฮายยยยยยย” น้ำเสียงเริงร่าเป็นสิ่งแรกที่ได้ยิน ก่อนคนพูดจะดึงผมเข้าไปกอดไว้ ท่าทางไรอันคงลืมไปว่าเขาตากหิมะมา เล่นดึงเข้าไปกอดแบบนี้ตัวผมเลยแทบจะแข็งติดไปกับเสื้อเขา “ไม่เจอกันนานเลยนะ”

“ทำอะไร” เจ้าของบ้านพูดด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด จากนั้นก็ดึงผมให้กลับไปยืนเคียงข้างเหมือนเดิม

“ขี้หวงจริงนะ”

“ไม่เข้ามาก็กลับไป”

“ใจเย็นสิเดรค แตะนิดแตะหน่อยเอง” ไรอันหัวเราะเสียงดัง ก่อนจะรีบเดินเข้ามาแล้วปิดประตู เขาคงรู้ว่าพี่ภูไม่ได้ล้อเล่น ถ้าขืนยังพูดมากต้องโดนเตะโด่งออกนอกบ้านแน่

“มึงไปเอาน้ำให้กูที”

ผมพยักหน้ารับคำพูดของพี่ภู เพราะรู้ดีว่าเขาคงอยากคุยธุระกับไรอันเป็นการส่วนตัวก่อน และท่าทางมันคงเคร่งเครียดพอสมควร ไรอันที่ปกติจะขี้เล่นถึงได้ทำหน้านิ่งผิดปกติแล้วเดินตามเขาไปที่ห้องทำงานซึ่งอยู่ติดกับห้องรับแขก

“ป้าครับ” ผมเดินไปเกาะไหล่ป้าเจนที่ยืนอยู่ในครัว ท่านสะดุ้งน้อยๆ เหมือนทุกครั้ง ก่อนจะหันมายิ้มให้ผมอย่างอ่อนโยน

“คุณไรอันมาใช่ไหมคะ”

“ใช่ครับ ผมมาเอาน้ำไปให้พี่ภู”

“คุณไรอันเธอชอบดื่มน้ำส้มค่ะ ส่วนคุณเดรคคงเป็นกาแฟเหมือนทุกที” ว่าแล้วท่านก็เดินไปหยิบขวดน้ำส้มจากในตู้เย็นมาเทให้ แต่ก่อนที่ป้าเจนจะหันไปชงกาแฟ ผมก็หยุดมือท่านไว้ก่อน

“ไม่เอากาแฟครับ ดื่มแล้วพี่ภูนอนดึกตลอดเลย” ปล่อยให้ผมนอนก่อนทุกที ห้ามยังไงก็ไม่ฟัง คงต้องเริ่มแก้ที่นิสัยเรื่องการกินของเขาเนี่ยล่ะถึงจะได้ผลดีที่สุด

“ถ้าอย่างนั้นให้คุณเดรคดื่มอะไรดีคะ”

“มีผงโกโก้อยู่ในตู้ใช่ไหมครับ เดี๋ยวผมทำให้พี่ภูเอง” ผมชงโกโก้แบบหวานน้อยให้พี่ภู ก่อนจะเทใส่แก้วกาแฟที่เขาใช้เป็นประจำ พอเห็นสีที่ไม่ได้ต่างจากกาแฟเท่าไหร่ก็ต้องแอบยิ้ม ลองเป็นแบบนี้ถึงไม่อยากดื่มก็ต้องเผลอดื่มเข้าไปบ้างแน่ๆ ถึงตอนนั้นค่อยอ้อนให้ดื่มต่อให้หมดก็แล้วกัน

บรรยากาศในห้องทำงานดูเคร่งเครียดกว่าที่ผมคาดพอสมควร ไรอันเองก็ดูจริงจังมากตอนที่พูดคุยเรื่องที่ดินอะไรสักอย่างกับพี่ภู แม้ว่าผมจะเคาะประตูและเดินเข้ามาแล้วพวกเขาก็ยังคงคุยกันต่อ แค่หยุดไปชั่วครู่เพื่อดูว่าใครเข้ามาก็เท่านั้น

“ขอบคุณมาก” ไรอันยิ้มให้ผม ก่อนจะยกแก้วน้ำส้มดื่ม

“ก้อน” คนที่นั่งอยู่ตรงเก้าอี้ทำงานเรียกและตบเบาๆ ที่แขนเก้าอี้ “มานั่งนี่”

เดี๋ยวนะ…ถึงเก้าอี้ที่เขานั่งจะตัวใหญ่แล้วแขนก็แบนพอให้นั่งได้สบายๆ แต่ทำแบบนั้นจะดีเหรอ ผมครุ่นคิดถึงมารยาทอยู่ชั่วครู่ แต่เมื่อเห็นคิ้วของคนพูดขมวดน้อยๆ ก็ลบความลังเลทิ้ง ก่อนจะเดินถือแก้วกาแฟเข้าไปนั่งโดยไม่สนใจอะไรอีก ในเมื่อเจ้าของห้องเขาอนุญาตก็ช่างมันแล้วกัน

“ลองอ่านดู”

“เดรค?” ไรอันเรียกพี่ภูด้วยน้ำเสียงแปลกใจ ซึ่งผมก็รู้สึกแปลกใจไม่แพ้กันเมื่อคนข้างๆ ยื่นเอกสารมาให้

“ไม่เข้าใจถาม” เขายังคงพูดต่อโดยไม่สนใจไรอัน หลังจากนั้นก็ยกแก้วขึ้นดื่ม ก่อนจะขมวดคิ้วน้อยๆ แล้วมองผมดุๆ “โกโก้?”

“ผมชงเอง…พี่ดื่มให้หมดนะ ผมตั้งใจอ่านก่อน” พอจัดการมัดมือชกเรียบร้อยแล้วผมก็หันกลับมาสนใจเอกสารในมืออย่างจริงจัง รู้สึกเหมือนจะได้ยินไรอันพูดอะไรบางอย่าง แต่เพราะสมาธิยังจดจ่ออยู่กับสิ่งสิ่งเดียวผมเลยไม่ได้สนใจฟังอะไรนัก

เอกสารที่ผมถืออยู่เป็นเอกสารรายละเอียดของที่ดินผืนหนึ่ง กับเอกสารประวัติของใครสักคนที่น่าจะเป็นเจ้าของที่ หลังจากอ่านซ้ำเป็นรอบที่สองผมเลยสามารถเดาได้คร่าวๆ ว่าคนคนนี้ต้องการขายที่ให้กับพี่ภู จริงๆ ก็อาจไม่ต้องเคร่งเครียดขนาดนั้น…ถ้าหากประวัติของคนขายไม่ได้โชกโชนเรื่องการโกงจนน่ากลัว

“พี่อยากได้ที่เหรอ” ผมเงยหน้าถาม คิดว่าถ้าไม่อยากได้พี่ภูคงปฏิเสธไปตรงๆ แต่ที่ยังต้องคิดมากแบบนี้คงเป็นเพราะต้องการ

“ไม่ใช่เดรคหรอก” ไรอันเอ่ยแทรก ก่อนจะยิ้มเครียดเมื่อผมหันไปมอง “ฉันอยากได้ที่ผืนนั้น แต่เจ้านั่นยืนยันจะขายให้เดรคแค่คนเดียว”

พอได้ยินอย่างนั้นผมเลยเครียดตามไปด้วย ยืนยันจะขายให้พี่ภูเท่านั้น แสดงว่าคงมีแผนการหรือความต้องการอะไรอยู่ในใจแน่ๆ

“ไม่ต้องเครียดตามหรอก” พี่ภูดึงเอกสารออกไปจากมือผม ก่อนเขาจะยื่นมือมาคลึงหัวคิ้วที่ขมวดของผมให้คลายออก “แค่ให้ดูไว้เผื่อเป็นทางเลือกในอนาคต”

“ทางเลือกในอนาคต?”

“ไม่ว่าจะอยากรับผิดชอบงานต่อจากครอบครัวหรืออยากทำอะไรอย่างอื่น มึงก็ต้องมีประสบการณ์บ้าง จะทางไหนก็ต้องแบกรับความเครียดทั้งนั้น”

“เรื่องนั้น…” ผมยังไม่ได้ตัดสินใจเลย

“โดยเฉพาะถ้าจะมาทำงานกับกู”

ผมเงยหน้ามองคนพูดด้วยความตกใจ เพียงแค่ได้สบตาผมก็รับรู้ได้ในทันทีว่าพี่ภูจำเรื่องที่ผมเคยบอกได้…

“พี่จำได้”

“เป็นเลขาฯ กูมันไม่ง่ายหรอกนะ…ไม่งั้นตำแหน่งคงไม่ว่างมานานขนาดนี้” เขายกมือโคลงหัวผม ก่อนจะพูดต่อ “ไม่ต้องรีบ ค่อยๆ คิดไป”

ถึงแม้จะเรียนจบก่อนเพื่อน แต่ผมก็ยังมองหาอนาคตของตัวเองไม่เจอ ที่ผมเลือกเรียนดนตรีก็เพราะชอบ ผมมองว่าการเรียนจบคืออนาคต คือสิ่งที่ต้องทำเพื่อครอบครัว ทั้งหมดก็เพื่อไม่ให้ป๋ากับจ๋ารู้สึกพลาดที่ยอมให้ผมเรียนสายนี้ แต่ผมก็ยอมรับว่า…ตัวเองยังไม่มีสิ่งที่อยากทำเป็นอาชีพจริงจัง ผมมีเพียงความฝันเล็กๆ ที่แค่พร้อมก็สามารถทำได้

“ลืมกันไปหรือยังเนี่ย” ไรอันที่เงียบไปนานพูดตัดความคิดของผม เขาเท้าคางมองหน้าพี่ภูนิ่งงันเหมือนอยากจะแซวแต่ก็ไม่กล้า สุดท้ายเลยได้แต่ส่งสายตาล้อเลียนมาให้

“สรุปรู้เหตุผลที่ฝั่งนั้นอยากขายแล้วใช่ไหม” พี่ภูเริ่มพูดเรื่องงานต่อโดยไม่ให้ตั้งตัว เล่นเอาไรอันปรับสีหน้าแทบไม่ทัน เขาทำหน้าตาจริงจังก่อนจะพยักหน้ารับ

“ดูเหมือนฝั่งนั้นกำลังมีปัญหาเรื่องธุรกิจอยู่ ขายที่ก็เป็นส่วนหนึ่งของการหาเงิน แต่ที่ยิ่งกว่านั้นคือคงอยากให้นายช่วย ถ้าการเสนอครั้งนี้ได้ผลและนายสนใจจะเอาที่ตรงนั้นจริงๆ ทางนั้นคงเรียกร้องเพิ่ม อาจจะเป็นเรื่องธุรกิจ”

“อืม” พี่ภูตอบรับสั้นๆ ก่อนจะหรี่ตาลง เขาใช้ปลายนิ้วเคาะโต๊ะเบาๆ เป็นจังหวะเหมือนกำลังคิดคำนวณอยู่ในใจ บรรยากาศรอบกายเหมือนกำลังกันทุกคนออกห่างและบีบบังคับไม่ให้ใครพูดอะไร นี่เป็นครั้งแรกที่ผมได้เห็นพี่ภูในมุมแบบนี้…

ดูเหมือนผมจะได้เห็นด้านใหม่ๆ ของเขาเพิ่มขึ้นอีกด้านแล้ว

“ฉันจะปฏิเสธแบบจริงจัง” น้ำเสียงราบเรียบเอ่ยบอกพร้อมกับที่เจ้าตัวหยุดเคาะนิ้ว พี่ภูรวบเอกสารบนโต๊ะด้วยมือเดียวส่งคืนให้ไรอัน “ถ้าทำแบบนั้น เจ้านั่นคงไม่มีทางเลือกนอกจากไปเกาะแข้งเกาะขาคนอื่นแทน ถึงเวลานั้นก็ตัดสินใจเองแล้วกัน”

“เข้าใจแล้ว” ไรอันยิ้มบาง ก่อนจะลุกขึ้นยืน “เอาไว้ฉันจะมาเยี่ยมใหม่นะเก้า วันนี้ขอตัวไปจัดการธุระก่อน”

“โอเค”

พี่ภูไม่ได้ให้ผมเดินไปส่งไรอัน เขารั้งแขนผมไว้ก่อนที่จะได้ลุกขึ้นยืน สีหน้าที่เคยเรียบเฉยมาตลอดเผยความหนักใจออกมาชั่วครู่ ก่อนเจ้าตัวจะเอนกายพิงพนักเก้าอี้แล้วหลับตาลงทั้งที่ยังจับแขนผมไว้อยู่

“พี่เป็นอะไรหรือเปล่า” ผมถามด้วยความเป็นห่วง

“ไม่เป็นไร”

“บอกผมได้นะ”

คนฟังลืมตามองผม ก่อนมุมปากจะเผยรอยยิ้มน้อยๆ ออกมา เขายอมปล่อยให้ผมดึงมือมาแต๊ะอั๋งอย่างง่ายดายโดยไม่คิดขัด ทั้งยังแอบส่ายหน้าหน่ายใส่อีกต่างหาก

“เรื่องงาน…เป็นใครก็ต้องนึกถึงตัวเองก่อน ต่อให้เป็นเพื่อนหรืออะไร ถ้าคิดแล้วว่ามันอาจทำให้ตัวเองเดือดร้อนก็ต้องตัดทิ้ง”

“พี่หมายถึงเรื่องไรอันใช่ไหม”

“ไรอันเป็นนักธุรกิจเหมือนกันย่อมเข้าใจสิ่งที่กูทำ แต่ที่กูพูดก็เพราะต้องการบอกมึง”

“บอกผม?” ผมทำหน้างงเพราะไม่เข้าใจสิ่งที่ได้ฟัง เขามองหน้าผมนิ่งอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะฉุดแขนให้ลุกขึ้นแล้วเดินตามไปนั่งที่โซฟาตัวเล็ก พอได้นั่งหันหน้าเข้าหากันแบบนี้ผมเลยสามารถเห็นสีหน้าพี่ภูได้ชัดเจนขึ้น…และเขาเองก็เห็นผมได้ชัดขึ้นเช่นกัน

“มึงเจออนาคตของตัวเองหรือยัง”

“จริงๆ ผมก็มีสิ่งหนึ่งที่อยากทำ” ผมเลือกตอบไปตามตรง แม้ใจจะยังลังเลว่าควรพูดดีหรือเปล่า “เป็นความฝันตั้งแต่เด็ก เพราะงั้นถึงเลือกเรียนดุริยางค์”

“นั่นคือสิ่งที่มึงอยากทำ ก้อน” พี่ภูมองผมด้วยสายตาจริงจัง “กูถามถึงอนาคต…เป้าหมาย…อาชีพ…สิ่งที่มึงจะต้องอยู่กับมันไปอีกนาน”

“…” ไม่ใช่ว่าไม่อยากตอบคำถามของเขา แต่ผมยังมองไม่ออกเลยว่าตัวเองควรจะตอบยังไง เพราะในหัวตอนนี้ว่างเปล่าไปหมด ไม่มีสิ่งใดอยู่เลยแม้แต่อย่างเดียว

“สิ่งที่มึงบอกว่าอยากทำคืออะไร” พอเห็นว่าผมนั่งเครียดพี่ภูก็ลดเสียงให้อ่อนลง เขาจับมือผมไว้แล้วบีบเบาๆ เหมือนให้กำลังใจ ก่อนจะถามต่อ “ความฝันตั้งแต่เด็กที่บอก”

“ผม…อยากเปิดโรงเรียนสอนดนตรี”

“อยากเป็นครู?”

อยากเป็นครูเหรอ…มันก็ไม่ใช่อีก ที่ผมต้องการเรียนให้จบดุริยางค์และบอกว่าเพื่ออนาคตของตัวเอง ก็เพราะผมอยากเปิดโรงเรียน มันคือความฝันในตอนเด็กๆ ที่คิดว่าเป็นไปได้ยาก ผมแค่รู้สึกว่าอยากทำสิ่งนี้เพราะตัวเองชอบ แต่คงไม่สามารถเรียกได้ว่าอยากทำเป็นอาชีพประจำ

“เมื่อสองปีก่อน ผมก็คิดว่าการเปิดโรงเรียนสอนดนตรีเป็นสิ่งที่ตัวเองอยากทำ ตอนไหนเบื่อก็เข้าไปสอน ตอนไหนอยากอยู่เฉยๆ ก็อยู่ได้ แต่พอโตขึ้นถึงได้รู้ว่ามันไม่ใช่…มันเป็นเหมือนความฝันที่อยากทำให้เป็นจริงมากกว่า” เหมือนกับการอยากไปนั่นไปนี่ อยากไปเที่ยวในที่ไกลๆ อะไรแบบนั้น

“ที่เลือกเรียนต่อให้จบเมื่อสองปีก่อนมึงทำถูกแล้ว…มันจะอยู่ติดตัวไปตลอดชีวิต เรื่องเปิดโรงเรียนจะทำเป็นงานเสริมก็ได้ ถ้ามึงไม่อยากยึดติดอยู่กับมันตลอดเหมือนเป็นอาชีพ กูเข้าใจดีว่าเรื่องบางเรื่องก็เหมาะจะเป็นแค่งานอดิเรก เพราะยิ่งจริงจังมากแค่ไหนความสนุกก็ยิ่งลดลงมากเท่านั้น”

“ครับ” เป็นแบบที่เขาพูดทุกอย่าง…

“แต่มึงต้องมองหาอนาคตตัวเองให้เจอ” พี่ภูพูดต่อพร้อมกับมองผมด้วยสีหน้าเรียบเฉย แต่ผมสัมผัสถึงความห่วงใยในน้ำเสียงของเขาได้อย่างชัดเจน “ที่กูจะบอกคือให้คิดด้วยตัวเอง ไม่ต้องนึกถึงว่าทำเพื่อใคร ในเมื่อพ่อแม่มึงพร้อมสนับสนุนแล้วมึงก็มีทางเลือก งั้นก็เลือกสิ่งที่มึงอยากทำและคิดว่าจะอยู่กับมันได้ อย่าเลือกแค่เพราะมันคืออารมณ์ชั่ววูบ”

“นั่นหมายถึงไม่ให้ผมเลือกแค่เพราะอยากอยู่กับพี่ด้วยใช่ไหม” ผมไม่แน่ใจนักว่าตัวเองกำลังทำสีหน้าแบบไหน แต่คิดว่ามันคงจะไม่ค่อยดีนัก คนหน้าดุถึงได้ยกมือขึ้นลูบหัวผมเหมือนจะปลอบ

“ใช่”

“…”

“แต่ก็ไม่ได้หมายความว่ากูไม่อยากให้มึงมา…กูแค่อยากให้มึงคิดให้เยอะ มองอนาคตกับความต้องการของตัวเองดีๆ มันไม่ใช่เรื่องเล่นๆ ที่พอเบื่อแล้วมึงนึกอยากจะไปก็ไป”

“ผมจะคิดให้รอบคอบ”

“อืม…ดีมาก” พี่ภูโคลงหัวผมเบาๆ ก่อนจะส่งยิ้มบางมาให้ ทำเอาผมต้องยิ้มตามอย่างช่วยไม่ได้ เล่นแบบนี้แล้วใครจะทนทำหน้าซึมต่อได้กัน เขาคงรู้ดีกว่าใครว่าผมแพ้รอยยิ้มนั้นที่สุด

ผมเอนตัวนอนหันหัวไปทางพี่ภูโดยไม่บอกไม่กล่าว ถึงจะยังไม่อาจหาญพอจะเอาหัวไปนอนบนตักเขาเพราะกลัวโดนถีบ แต่ก็ยังกล้าจับมืออีกคนมาบีบเล่น พออยู่มุมนี้ผมเลยสามารถมองเห็นใบหน้าสมบูรณ์แบบของคนข้างๆ ได้อย่างชัดเจน แล้วก็เห็นด้วยว่าเขากำลังก้มลงมองผมด้วยสีหน้าอ่อนอกอ่อนใจ

“เออใช่พี่ภู ผมอยากได้กีตาร์สักตัว พี่หาให้หน่อยได้ไหม”

“หาทำไม ห้องข้างบนก็มี”

“ห้องข้างบน?” ผมขมวดคิ้วมุ่นขณะนึกว่าห้องไหน จำได้ว่าวันนั้นภามพาเดินดูรอบบ้านแล้วก็ยังไม่เห็นกีตาร์สักตัว มีแค่ห้องชั้นสามห้องเดียวที่ภามไม่ได้พาผมเข้าไปเพราะมันล็อกไว้

“อยู่ในห้องที่ล็อกไว้ เดี๋ยวกูเอากุญแจให้”

“แล้วทำไมพี่ถึงต้องล็อกล่ะ”

“มาเถอะ” พี่ภูดึงผมให้ลุกขึ้นแล้วเดินตามไปโดยไม่ยอมตอบคำถาม ผมสังเกตเห็นความเศร้าวาบผ่านดวงตาคู่นั้นแวบหนึ่งก่อนจะจางหายไป แต่พอตั้งท่าจะถามกลับต้องเม้มปากแน่น เพราะกลัวว่าจะทำให้อีกคนทำหน้าเศร้ามากกว่าเดิม และถ้าเป็นแบบนั้นผมคงต้องเจ็บตามไปด้วยแน่

ผมเคยขึ้นมาชั้นสามแค่สองสามครั้ง และส่วนใหญ่เวลาที่ขึ้นมามักจะมีภามพามา นี่เลยนับเป็นครั้งแรกที่พี่ภูพาผมขึ้นมาด้านบนด้วยตัวเอง ตอนแรกผมคิดว่าพี่ภูกำลังหาลูกกุญแจอยู่ถึงได้ยืนนิ่งไม่ยอมขยับ แต่เมื่อยื่นหน้าไปมองจากด้านหลังจึงได้รู้ว่าเขาไขกุญแจออกตั้งนานแล้ว แต่เจ้าตัวยังไม่ยอมเปิดประตูเข้าไปเสียทีต่างหาก

“พี่ภู” ผมแตะแขนคนที่ยังนิ่งเบาๆ จนเขารู้สึกตัว พี่ภูหันมากะพริบตามองผม ก่อนจะบีบมือผมเบาๆ เพื่อบอกว่าเขาไม่เป็นไร

“เข้ามาเถอะ” สิ้นคำ เขาก็เปิดประตูออกแล้วเดินนำผมเข้าไปด้านใน และเพียงแค่เดินเข้ามาผมก็รับรู้ได้ในทันทีว่าห้องนี้คงไม่ได้มีคนเข้ามาใช้บ่อยนัก ถึงอย่างนั้นก็ยังสะอาดสะอ้านมาก

จากที่เดาไว้ว่าน่าจะเป็นห้องเก็บของ เมื่อได้เห็นข้างในผมก็ถึงกับยืนอึ้งไปชั่วขณะ ที่น่าตกใจที่สุดคงเป็นภาพเขียนสีน้ำมากมายซึ่งแขวนอยู่รอบห้องจนแทบไม่มีช่องว่าง รวมถึงมีเปียโนที่ดูเก่าแก่หลังหนึ่งตั้งอยู่กลางห้องด้วย ตอนแรกผมยังนึกสงสัยอยู่ว่าทำไมเขาถึงได้ล็อกห้องนี้ไว้ แต่พอได้มองภาพวาดของผู้หญิงหน้าตาสะสวยคนหนึ่งที่ตั้งอยู่ตรงมุมห้อง ผมถึงได้เข้าใจ…คนในภาพคือแม่พี่ภู

ผมใช้เวลาเนิ่นนานไปกับการมองภาพเขียน จนกระทั่งพี่ภูยื่นกีตาร์โปร่งตัวหนึ่งมาให้ถึงได้รู้สึกตัว

“พี่เล่นกีตาร์เป็นด้วยเหรอ” ผมรับกีตาร์มาถือไว้ ก่อนจะนั่งลงตรงเก้าอี้เปียโน

“พอได้ แต่ไม่ได้เล่นมานานแล้ว”

“โชว์หน่อยๆ” ว่าแล้วก็ส่งกีตาร์ไปให้คนที่ต้องรับไปอย่างเสียมิได้ จากนั้นผมก็นั่งตัวตรงจ้องเขาตาแป๋วเพื่อรอคอย แต่พี่ภูกลับหัวเราะเบาๆ ใส่แล้วผลักหัวผมซะงั้น

“ไม่เล่นหรอก เดี๋ยวกระต่ายมันได้ใจ”

“อ้าว” ผมทำหน้ายุ่งเมื่ออดเห็นของดี แต่พอหันไปเห็นเปียโนที่ตั้งอยู่ก็ยิ้มออก “งั้นผมไม่ดูก็ได้ เดี๋ยวเล่นเปียโนตาม นะ…นะ”

พี่ภูทำเป็นนิ่งไม่ยอมตอบ แม้ว่าผมจะเกาะแขนก็แล้ว เขย่าแขนก็แล้ว เขาก็ยังนิ่งอยู่เหมือนเดิม

“เล่นแล้วได้อะไร” เขาเลิกคิ้วถาม ก่อนจะเกาสายกีตาร์เบาๆ เป็นเชิงยั่ว

“ถามว่าพี่อยากได้อะไรดีกว่า ก็รู้อยู่ว่าผมทำให้ได้ทุกอย่าง”

“มึงพูดแล้วนะ”

ตอนแรกก็มั่นใจกับสิ่งที่พูดนะ แต่อยู่ๆ ก็รู้สึกเสียวสันหลังแบบแปลกๆ ยังไงไม่รู้ ผมขมวดคิ้วมุ่นเพื่อชั่งน้ำหนักส่วนได้ส่วนเสียในใจ แต่เมื่อหันไปเห็นคนช่างยั่วดีดกีตาร์เป็นเพลงสั้นๆ ความลังเลทั้งหมดก็หายไป

“โอเค ตกลง”

“หึ” พี่ภูหัวเราะเบาๆ ก่อนเขาจะเริ่มดีดกีตาร์เป็นเพลง ผมฟังอยู่ครู่เดียวก็เล่นตามเขาได้เพราะคุ้นเคยกับจังหวะเพลงอยู่แล้ว ใครจะไปคิดว่าคนหน้าดุเองก็เล่นกีตาร์เป็นเหมือนกัน ถึงตอนแรกจะมีผิดพลาดบ้าง แต่พอผ่านไปสักพักเขาก็เล่นได้ดีโดยไร้ที่ติ

เพราะไม่มีเนื้อร้องผมเลยฮัมเบาๆ ในลำคอแทนอย่างอารมณ์ดี ยิ่งเมื่อได้หันไปมองใบหน้าที่ดูอ่อนโยนลงยามมองมาที่ผมก็ยิ่งอารมณ์ดีเข้าไปใหญ่ เขาคงไม่รู้เลยว่าสิ่งที่ตัวเองทำส่งผลต่อใจผมมากขนาดไหน

“พี่ภู?” ผมหยุดมือที่กำลังกดเปียโนเมื่ออยู่ๆ คนข้างๆ ก็นิ่งไป นอกจากนั้นเขายังขมวดคิ้วมุ่นขณะมองไปที่กีตาร์ในมือด้วย

“จำคอร์ดไม่ได้”

“ตกใจหมด” ก็คิดว่าเป็นอะไรถึงได้ทำหน้าเครียด ที่แท้ก็แค่จำคอร์ดไม่ได้เอง

หลังจากนั่งมองเขาไล่หาคอร์ดอยู่นาน สุดท้ายเสียงเพลงก็ดำเนินต่อโดยที่ผมไม่ได้หันกลับไปนั่งเล่นเปียโนเหมือนเดิม ผมใช้เวลาไปกับการนั่งมองพี่ภูเล่นกีตาร์โดยไม่ส่งเสียงรบกวนเขาเลยแม้แต่นิดเดียว ปกติเขานั่งเฉยๆ ก็เป็นคนที่ดูดีมากอยู่แล้ว พอได้มาจับกีตาร์ด้วยท่าทางผ่อนคลายกับใบหน้าอ่อนโยนแบบนี้เลยยิ่งน่ามองเข้าไปใหญ่ เล่นเอาผมมองค้างอยู่นานจนไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าอีกฝ่ายหยุดเล่นไปตั้งแต่ตอนไหน

“พุ่งเข้าใส่เลยไหม ถ้าจะมองขนาดนี้”

“ได้เหรอ” ผมถามเสียงอึนๆ เพราะสติยังกลับมาไม่ครบถ้วน พอจะรู้ตัวอยู่ว่าตอนนี้กำลังทำหน้าเอ๋อขนาดไหน แต่จะเปลี่ยนก็ไม่ทันเพราะโดนบิดแก้มจนชาไปแล้วเรียบร้อย

“น่าบีบฉิบหาย”

“พี่ก็บีบไปแล้วไง” เอาซะปวดแก้มตุบๆ เลยเนี่ย

“บีบพุงด้วยได้ไหม”

“ไม่ได้!” ผมรีบเอามือปกป้องพุงตัวเองเมื่อคนพูดทำท่าจะยื่นมือมาบีบจริงๆ

“ทำไม”

“ให้ผมบีบพุงพี่มั่งไหม”

“เอาสิ” ว่าแล้วเจ้าตัวก็วางกีตาร์ลงข้างเก้าอี้และเปิดทางให้แต่โดยดี ผมได้แต่ถลึงตามองพี่ภูอย่างเคืองๆ เขาก็รู้ดีอยู่แล้วว่าผมไม่กล้าบีบแน่ๆ เพราะกลัวโดนเอาคืน “ถ้าไม่ทำงั้นกูขอใช้สิทธิ์เลยแล้วกัน”

“สิทธิ์?”

“ก็ที่ยอมเล่นกีตาร์ให้ฟังไง”

ได้ฟังคำตอบแล้วผมก็นิ่งงันไปในทันทีเพราะทำอะไรไม่ถูก ขอถอนคำพูด…ผมขอถอนคำพูดที่บอกว่าทำให้ได้ทุกอย่าง

“ไม่เอา…”

“จะผิดคำพูดเหรอ แค่บีบพุงเอง” คนหน้าดุพูดด้วยเสียงราบเรียบ แต่ตากลับเป็นประกายระยิบระยับราวกับกำลังสนุก

“นอกจากจะเจ็บแล้วมันยัง…” เขินด้วยนะ

“มันยังอะไร”

ผมกัดริมฝีปากแล้วตัดสินใจเอามือที่ปิดพุงไว้ออก เพียงแค่นั้นพี่ภูก็ยื่นมือมาล็อกคอไว้อย่างรวดเร็วเป็นการตัดทางหนี และยังไม่ทันที่ผมจะได้พูดอะไรต่อ มืออีกข้างของเขาก็ล้วงเข้าไปใต้เสื้อแล้วออกแรงบีบพุงผมอย่างรวดเร็ว

“โอ๊ยยยยย!…ฮ่าๆๆ…พอ…” ผมทั้งร้องทั้งหัวเราะอย่างอดไม่อยู่เมื่อมือซนๆ ของเขาบีบไปทั่ว เอาซะคนไม่บ้าจี้ต้องหลุดหัวเราะออกมาอย่างอดไม่ได้ และไม่ใช่แค่นั้น…ขนาดผมทรุดตัวจนแทบลงไปกลิ้งกับพื้น มือของเขาก็ยังตามมาบีบต่อไม่หยุด

“อะไรนะ”

“พอ…ฮ่าๆ…พอแล้ว…”

“ไม่ได้ยิน” พี่ภูบอกด้วยเสียงกลั้วหัวเราะ ผมนึกอยากจะหยิกหน้าหล่อๆ นั่นสักสองสามที ข้อหาเห็นความทุกข์ของคนอื่นเป็นเรื่องสนุก แต่แค่หันไปเห็นใบหน้าที่กำลังมีรอยยิ้มกว้างเพราะความสุข ก็ต้องกลืนคำพูดทุกอย่างลงไปอย่างรวดเร็ว

“ฮ่าๆ…พอ…พี่…ฮือ”

“มึงร้องทำไมเนี่ย” พี่ภูพูดด้วยน้ำเสียงตกใจ ก่อนจะหยุดมือที่กำลังแกล้งผม เห็นแบบนั้นแล้วผมก็เลิกแสร้งทำเหมือนจะร้องไห้แล้วพุ่งเข้าใส่เขาเต็มแรงจนล้มลงไปกองอยู่บนพื้นด้วยกันทั้งคู่

“พี่พลาดแล้ว!” ผมหอบด้วยความเหนื่อยจากการหัวเราะต่อเนื่อง แต่ก็ยังไม่ลืมจับมือของคนที่ผมนั่งทับอยู่ไว้ “ผม…ผม…แฮ่ก…เหนื่อยเลยเนี่ย”

“หัวเราะทำไมล่ะ” เขาว่าแล้วส่งยิ้มขันมาให้

“ยังจะกล้าถามอีก!”

“หึๆ”

เมื่อไม่เห็นเขาทำท่าจะแกล้งต่อแล้วผมก็ยอมปล่อยมือออก ตอนแรกกะจะลุกขึ้นยืนเพราะกลัวคนโดนทับหนัก แต่พอเห็นสีหน้าที่เหมือนจะยังขำไม่เลิกผมก็เปลี่ยนใจ…ทิ้งน้ำหนักลงนอนทับคนข้างล่างเต็มแรง

“จะทับให้แบนเลย”

“ตัวเท่าลูกกระต่าย”

“ไม่!…”

“ว้าย!”

เสียงของบุคคลที่สามทำให้ผมกับพี่ภูชะงัก เราหันไปมองทางประตูพร้อมกัน แล้วก็พบว่านอกจากจะมีบุคคลที่สามซึ่งก็คือแม่เฮเลนแล้ว…ตรงนั้นยังมีบุคคลที่สี่ ห้า หก และเจ็ดยืนอยู่ด้วย

“ไปทำอะไรกันบนพื้นจ๊ะ เตียงนุ่มๆ ที่ห้องก็มี”

“…”

 

----------------------

 

TALK: กำลังจะส่งของรอบแรกแล้วนะคะ เริ่มวันอาทิตย์หรือวันจันทร์นี้ เช็คชื่อและแทกกิ้งได้ทางเพจนะ

ปล. จะมีรอบสต็อกช่วงต้นเดือน พย ค่ะ แต่จะแจ้งให้ทราบในเพจกับทวิตนะ

 

 

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
Re: ┌▼Nitrogen ไนโตรเจน▲┘ ==[30]==[P.19]== [29/09/60]
«ตอบ #545 เมื่อ29-09-2017 19:48:48 »

อายไหม

ออฟไลน์ shoi_toei

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4365
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +222/-26
Re: ┌▼Nitrogen ไนโตรเจน▲┘ ==[30]==[P.19]== [29/09/60]
«ตอบ #546 เมื่อ29-09-2017 20:01:30 »

โอ๊ยยย น่ารัก

ออฟไลน์ missm2c

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 86
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
Re: ┌▼Nitrogen ไนโตรเจน▲┘ ==[30]==[P.19]== [29/09/60]
«ตอบ #547 เมื่อ29-09-2017 20:36:26 »

“ไปทำอะไรกันบนพื้นจ๊ะ เตียงนุ่มๆ ที่ห้องก็มี” โอ้ยยยยยยย โคตรจี้อ่ะ 5555555555 #พี่ภูของบ่าว

ออฟไลน์ route rover

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2428
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +221/-7
Re: ┌▼Nitrogen ไนโตรเจน▲┘ ==[30]==[P.19]== [29/09/60]
«ตอบ #548 เมื่อ29-09-2017 20:38:35 »

บางทีก็จะทะมึนอึนๆ บางทีก็จะหวานๆ

ออฟไลน์ fc_fic

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2598
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-7
Re: ┌▼Nitrogen ไนโตรเจน▲┘ ==[30]==[P.19]== [29/09/60]
«ตอบ #549 เมื่อ29-09-2017 20:51:24 »

 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: ┌▼Nitrogen ไนโตรเจน▲┘ ==[30]==[P.19]== [29/09/60]
« ตอบ #549 เมื่อ: 29-09-2017 20:51:24 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ MSeraph

  • This too shall pass
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1753
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-3
Re: ┌▼Nitrogen ไนโตรเจน▲┘ ==[30]==[P.19]== [29/09/60]
«ตอบ #550 เมื่อ29-09-2017 21:16:58 »

เขินเลยมั้ยละะ555
อยู่ในท่าชวนเข้าใจผิดซะด้วยยย
รู้กันทั้งบ้านนน555

ออฟไลน์ PrimYJ

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3494
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3
Re: ┌▼Nitrogen ไนโตรเจน▲┘ ==[30]==[P.19]== [29/09/60]
«ตอบ #551 เมื่อ29-09-2017 22:35:29 »

ว้ายยยย พยานเพียบเลย 55555555

ออฟไลน์ LadySaiKim

  • ▫▪□Dezine'Kim□▪▫
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1705
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-0
Re: ┌▼Nitrogen ไนโตรเจน▲┘ ==[30]==[P.19]== [29/09/60]
«ตอบ #552 เมื่อ29-09-2017 23:38:50 »

มีความอยากอ่านเลิฟซีนของนุ้งเก้า ฮูยยย :hao5: :hao5:

ออฟไลน์ O-RA DUNGPRANG

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1783
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-5
Re: ┌▼Nitrogen ไนโตรเจน▲┘ ==[30]==[P.19]== [29/09/60]
«ตอบ #553 เมื่อ30-09-2017 05:09:18 »

 o3 o3 o3 o3 o3

ออฟไลน์ jaokhwan

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 425
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: ┌▼Nitrogen ไนโตรเจน▲┘ ==[30]==[P.19]== [29/09/60]
«ตอบ #554 เมื่อ30-09-2017 05:35:41 »

 :laugh: :laugh: :laugh:    ไปที่เตียงเดะ

ออฟไลน์ TIKA_n

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1391
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +308/-4
Re: ┌▼Nitrogen ไนโตรเจน▲┘ ==[30]==[P.19]== [29/09/60]
«ตอบ #555 เมื่อ30-09-2017 07:22:12 »

พี่ภู  เดี๋ยวนี้มีหวงก้อนด้วยอ่ะ น่ารัก  :-[
เล่นกีต้าร์แล้วจะขออะไรก็ได้ แหม อุตส่าห์แอบลุ้น
ว่าจะได้อ่านฉากพี่ภูจูจุ๊บน้องเก้าเสียที ที่ไหนได้
มาขอบีบพุงซะงั้น ความโรแมนติกอยู่ที่ไหนคะ 555
น้องเก้าทำไมเครียดเรื่องคุณป๋านัก คุณป๋าดุมากเหรอ
ดูแล้วออกจะตามใจน้องเก้านิ แต่แค่นี้ ไม่สามารถทำอะไรพี่ภูได้หรอกน้า
รอตอนต่อไปจ้า ขอบคุณคนเขียนนะคะ  :กอด1:

ออฟไลน์ minenat

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1678
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +67/-3
Re: ┌▼Nitrogen ไนโตรเจน▲┘ ==[30]==[P.19]== [29/09/60]
«ตอบ #556 เมื่อ01-10-2017 09:25:41 »

55555555แม่เฮเลนตลก

ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4992
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7
Re: ┌▼Nitrogen ไนโตรเจน▲┘ ==[30]==[P.19]== [29/09/60]
«ตอบ #557 เมื่อ01-10-2017 11:20:27 »

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ TaemyG

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 172
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: ┌▼Nitrogen ไนโตรเจน▲┘ ==[30]==[P.19]== [29/09/60]
«ตอบ #558 เมื่อ01-10-2017 13:36:11 »

 :pigha2: :pigha2:

ออฟไลน์ ka[ze]na

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3767
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +192/-6
Re: ┌▼Nitrogen ไนโตรเจน▲┘ ==[30]==[P.19]== [29/09/60]
«ตอบ #559 เมื่อ01-10-2017 14:38:24 »

ชอบ!!?! มีความแกล้งน้อง...

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: ┌▼Nitrogen ไนโตรเจน▲┘ ==[30]==[P.19]== [29/09/60]
« ตอบ #559 เมื่อ: 01-10-2017 14:38:24 »





ออฟไลน์ twinmonkey0311

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5500
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +110/-9
Re: ┌▼Nitrogen ไนโตรเจน▲┘ ==[30]==[P.19]== [29/09/60]
«ตอบ #560 เมื่อ01-10-2017 17:07:47 »

 :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ กฤษณ์

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 649
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-0
Re: ┌▼Nitrogen ไนโตรเจน▲┘ ==[30]==[P.19]== [29/09/60]
«ตอบ #561 เมื่อ01-10-2017 23:38:49 »

ไปค่ะ อย่าได้เขิน ไปที่เตียงค่ะ 555

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4825
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
Re: ┌▼Nitrogen ไนโตรเจน▲┘ ==[30]==[P.19]== [29/09/60]
«ตอบ #562 เมื่อ02-10-2017 03:54:03 »

ลากไปต่อกันที่ใต้เตียงก็ได้ จะได้ไม่มีคนเห็น  :m23: :m23:

ออฟไลน์ CHESS.

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 212
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +228/-2
Re: ┌▼Nitrogen ไนโตรเจน▲┘ ==[30]==[P.19]== [29/09/60]
«ตอบ #563 เมื่อ06-10-2017 18:23:38 »




-31-

 

‘เป็นไรไหม’

“ไม่เป็นไร” ผมโบกมือไปมาเพื่อตอบภาม ถึงคำถามจะเหมือนเป็นห่วง แต่สีหน้าเขาไม่ได้แตกต่างจากพี่ภูที่นั่งขำอยู่ข้างๆ เลยสักนิด

เออดี แซวกันเข้าไป

“พ่อแม่ไปไหนกันหมด” ผมรีบเปลี่ยนเรื่องก่อนจะโดนขำไปมากกว่านี้

‘ไปส่งอาวิลแล้วก็ไปเที่ยวต่อ’

“เลิกยิ้มสักที” นี่ถ้ายอมพูดขึ้นมาเมื่อไหร่ ผมคงโดนหัวเราะใส่ไม่หยุดแน่ แล้วดู…ยังอีก…ยังไม่หยุดอีก

“ยิ้มก็ดีแล้ว” คนที่นั่งเป็นตอไม้อยู่นานพูดแทรก เขาตบบ่าน้องชายตัวเองเบาๆ เป็นการบ่งบอกว่าเข้าข้างใคร ทำเอาผมต้องถลึงตาใส่ด้วยความหัวร้อน เป็นต้นเหตุที่ทำให้ผมโดนมองด้วยสายตาแปลกๆ จากคนทั้งบ้านแล้วยังมีหน้ามาขำกันอีก มันน่า…

เรื่องของเรื่องคือหลังจากที่ทุกคนเข้ามาเห็นผมกับพี่ภูในสภาพนั้นแล้ว แววตาที่พวกเขามองเราก็แปรเปลี่ยนไป ผมรู้สึกเหมือนตัวเองโดนมองราวกับเป็นลูกสะใภ้หัวแก้วหัวแหวนของพ่อกับแม่ มันก็น่าจะเป็นเรื่องดีอยู่หรอก ถ้าไม่ใช่ว่าเดินไปทางไหนก็โดนจ้องตาวาวตลอดเวลา โชคดีที่พวกท่านต้องออกไปข้างนอกผมเลยทนรับสายตาเหล่านั้นอยู่แค่ไม่กี่นาที เหลือก็แต่เด็กหน้าตายที่ตอนนี้ชักจะแสดงอารมณ์มากขึ้นเรื่อยๆ และยังหัวเราะแซวผมอยู่ไม่เลิก

ผมพยายามมองหาโอกาสเพื่อถามพี่ภูเกี่ยวกับภาพในห้องนั้นอยู่นาน แต่ก็ยังไม่มีเวลาที่เราได้อยู่ด้วยกันสองคนเสียที ตอนแรกผมคิดว่าไม่น่ามีปัญหาอะไรถ้าจะถามต่อหน้าภาม แต่เมื่อนึกถึงสาเหตุที่เขาล็อกห้องไว้ก็ต้องเปลี่ยนความคิด ยิ่งยามที่ทุกคนเข้ามาเห็นเราอยู่ด้วยกันแล้วพี่ภูรีบพาผมออกมาจากห้องนั้น ราวกับไม่ต้องการให้ใครเข้าไปด้านใน ผมก็ยิ่งต้องคิดหนัก

บางทีอาจจะเกี่ยวกับภาพภาพนั้น…ภาพคุณแม่ของเขากับภาม

“กับอาวิลเป็นยังไงบ้าง” ยามภามไม่ได้ทำตัวดื้อดึงหรือเอาแต่ใจ พี่ภูเองก็ใช้น้ำเสียงปกติที่ดูอ่อนโยนตามไปด้วย พอนึกถึงความเปลี่ยนแปลงที่มากขึ้นทุกวันผมก็ต้องอมยิ้มตามอย่างอดไม่ได้

‘อาวิลใจดี’

“ดีแล้ว”

หลังจากครั้งแรกที่ผมเข้าไปอยู่เป็นเพื่อนภาม ครั้งต่อๆ มาที่อาวิลมาหาเขาก็ไม่ได้เรียกผมเข้าไปด้วยอีกเลย ผมคิดว่าอาวิลคงทำให้ภามไว้ใจได้ในระดับหนึ่ง เพราะทุกครั้งที่ออกมาจากห้องภามไม่เคยแสดงท่าทีไม่พอใจเลยสักนิด เขาบอกว่าอาวิลชอบเล่าวีรกรรมสมัยยังเรียนอยู่ของตัวเองกับพ่อออสตินให้ฟัง แล้วก็บอกว่าตัวเองชอบฟังเรื่องเล่าเก่าๆ พวกนั้นมาก พอได้ยินแบบนั้นแล้วผมก็รู้สึกสบายใจอย่างบอกไม่ถูก ดูเหมือนว่าการรักษาครั้งนี้จะช่วยภามได้มากจริงๆ

“เออภาม วันนี้พี่ภูบอกว่าจะทำข้าวให้กินด้วย” ผมอาศัยจังหวะที่พี่ภูกำลังก้มมองจอโทรศัพท์สะกิดบอกภาม พอคนโดนกล่าวถึงได้ยินก็เงยหน้ามองแล้วขมวดคิ้ว แต่ยังไม่ทันได้อ้าปากปฏิเสธ เพื่อนผู้รู้งานของผมก็ตาเป็นประกายแล้วหันไปมองพี่ชายตัวเองอย่างรวดเร็ว

‘จริงเหรอ’

“จริงสิ อยากกินอะไรบอกเขาไปเลย” ผมรีบเสริมต่อโดยไม่สนใจคนที่กำลังจ้องเหมือนอยากจะเข้ามาบีบคอ

‘เอาอะไรก็ได้ที่พี่ทำ’ ภามยกไม้ยกมือบอกด้วยความตื่นเต้น ผมเห็นยังอดยิ้มไม่ได้ แล้วมีหรือที่พี่ชายผู้ปากแข็งจะทนไหว เขายกมือลูบหัวภามเบาๆ ก่อนจะลุกขึ้น และตอนเดินผ่านผมก็ไม่ลืมขยี้หัวกันจนยุ่งเหยิงด้วยความหมั่นไส้ซ้ำอีกที

“รอนี่”

ในที่สุดก็จะได้กินอาหารฝีมือพี่ภูอีก…

เพียะ!

“ตีทำไมเนี่ย” ผมยกมือลูบแขนที่ถูกตีของตัวเอง ก่อนจะเงยหน้ามองคนทำ ภามไม่ได้ตอบอะไรเป็นประโยคแต่เขาชี้ไปที่หน้าตัวเองเป็นการตอบคำถาม ทำเอาผมต้องหันไปมองกระจกที่ติดอยู่ตรงฝาผนังอย่างรวดเร็ว

เวร…ทำสีหน้าชั่วร้ายอีกแล้วกู

“โทษทีๆ” ว่าแล้วก็ยกมือลูบหน้าลูบตาให้กลับเป็นปกติ แต่พอหันไปมองภามอีกครั้งผมก็ต้องชะงัก เมื่อพบว่าเขากำลังมองมาที่ผมเหมือนจะขำอีกแล้ว “อะไร”

‘พี่บอกว่านายชอบทำหน้าแบบนั้น’

“พี่ภูนินทาอีกแล้วเหรอ” ผมหน้าตึง ไม่รู้ว่าเขาไปพูดอะไรให้ภามฟังบ้าง และถ้าให้เดาคงไม่ใช่แค่เรื่องนี้แน่

‘แล้วพอรู้ตัวก็จะชอบลูบหน้าตัวเองให้กลับไปเป็นเหมือนเดิม’

“เขาพูดอะไรอีก”

‘เยอะแยะ’

เอาเวลาที่ไหนไปคุยกันวะน่ะ ปกติผมก็อยู่กับพวกเขาตลอด จะมีก็แต่…

‘อยากนอนก่อนเอง ช่วยไม่ได้’

“ก็ง่วงนี่นา” จะว่าไปผมก็นอนก่อนใครเพื่อนแทบทุกวันจริงๆ นั่นล่ะ มาจนถึงตอนนี้ผมกับพี่ภูก็ยังขนข้าวของไปนอนห้องภามอยู่ แต่ลืมคิดไปเลยว่าอาจจะโดนนินทาลับหลังตอนหลับ ไม่ได้ละแบบนี้…“วันนี้กูไม่นอนก่อนแน่”

‘จะคอยดู’

ยังไม่ทันได้พูดอะไรต่อ คนที่ออกไปทำอาหารก็เดินเข้ามาในห้องพร้อมจานข้าวสองจาน ผมกับภามหันไปมองพร้อมกันด้วยความตื่นเต้นเพราะอยากรู้ว่าเขาจะทำอะไรให้กิน และเมื่อได้เห็น…

“ไข่เจียว?”

มิน่า ทำไมถึงไวนัก…

“อืม” พี่ภูตอบรับก่อนจะเหยียดยิ้ม ท่าทางเขาดูสะใจมากที่เห็นผมผิดหวัง แต่เมื่อได้มองไปยังผู้ร่วมขบวนการอีกคนก็ต้องเลิกคิ้ว

‘ขอบคุณครับ’ ภามยิ้มกว้างด้วยความดีใจเมื่อได้เห็นอาหารหน้าตาธรรมดาที่ไม่ได้มีความพิเศษอะไร เขามองมันอยู่นานโดยไม่คิดแตะต้อง จวบจนพี่ภูหุบยิ้มแล้วยื่นมือไปแตะบ่าเขาถึงได้รู้ตัว

“กินสิ”

ผมมองภาพเพื่อนตัวเองก้มหน้าก้มตากินข้าวไข่เจียวอย่างมีความสุขด้วยความรู้สึกแปลกๆ จะว่าสุขก็ใช่ แต่จะว่าหน่วงก็ใช่อีก ผมไม่เคยเห็นภามยิ้มกว้างขนาดนี้มาก่อน พี่ภูเองก็คงคิดเหมือนกันเขาถึงได้มองน้องชายตัวเองตาไม่กะพริบ สีหน้าเย็นชาเผยความเจ็บปวดออกมา ก่อนเจ้าตัวจะยื่นมือไปลูบหลังภามช้าๆ

“ค่อยๆ กิน เอาไว้ทีหลังจะทำให้อีก”

พอได้เห็นบรรยากาศระหว่างพี่น้องอันหาได้ยาก ผมก็แอบขยับตัวถอยมานั่งกอดเข่ามองอยู่ข้างๆ เพราะกลัวว่าจะทำให้พวกเขารู้สึกตัวแล้วหลุดออกจากบรรยากาศอบอุ่นนี้ บอกตรงๆ ว่าการได้เห็นภามอยู่กับพี่ภู ทำให้ผมเผลอนึกภาพตอนเขาอยู่คนเดียวขึ้นมาทุกที

ผมทำหน้างงเมื่ออยู่ๆ คนที่กำลังก้มหน้าก้มตากินข้าวก็เงยหน้าขึ้นกะทันหัน ภามมองหน้าผมจากนั้นก็หันไปมองพี่ภู พวกเขาสบตากันเหมือนจะสื่อสารอะไรบางอย่างที่ผมไม่เข้าใจ ก่อนที่ทั้งคู่จะหันมามองผมพร้อมกัน

‘ไปทำอะไรตรงนั้น’

“มานั่งใกล้ๆ”

“มีอะไรเหรอ” ผมคลานกลับไปนั่งใกล้ๆ พี่ภูเหมือนตอนแรก แต่แล้วก็ถูกล็อกคอให้ขยับเข้าไปหาแบบไม่ทันตั้งตัว เล่นเอาผมเซถลาจนล้มลงไปนอนคว่ำแปะอยู่กับโซฟา โดยมีแค่ส่วนหัวที่ถูกล็อกไว้ตรงหว่างแขนของเขา

“ใครใช้ให้ไปนั่งไกลๆ” ว่าแล้วคนหน้าดุก็ออกแรงขยี้หัวผมยกใหญ่ ทั้งยังยอมปล่อยให้น้องตัวเองขยับมาขยี้ตามอีกต่างหาก

“ภาม! มึงกล้าเหรอ” ผมถลึงตาใส่คนที่กำลังลอยหน้าลอยตาทำเหมือนไม่รู้เรื่อง แต่แล้วก็ถูกคนที่ล็อกคอไว้บีบจมูกแล้วบังคับให้เงยหน้ามองเขาอีกครั้ง

“อยู่ในสภาพนี้แล้วยังปากกล้าอีกนะไอ้กระต่าย”

ผมตั้งท่าจะอ้าปากเถียง แต่เมื่อได้เห็นรอยยิ้มน้อยๆ ของพี่ภูกับภามก็ต้องเงียบไป

มารู้สึกตัวเอาตอนนี้เอง…ว่าการกระทำของพวกเขาหมายถึงอะไร

‘ที่ของนายอยู่ตรงนี้’ ภามชี้นิ้วไปที่จุดกึ่งกลางระหว่างเขากับพี่ภู จากนั้นก็ยิ้มให้ผมด้วยความจริงใจ

“ยินดีต้อนรับ” เสียงกระซิบจากคนข้างกายดังขึ้นแผ่วเบาข้างใบหู ผมไม่รู้เลยว่าอ้อมแขนซึ่งล็อกคอตัวเองไว้คลายออกตั้งแต่เมื่อไหร่ เพราะรู้สึกตัวอีกทีก็ถูกโอบไหล่ให้แนบไปกับอกอุ่นๆ นั้นแล้ว

“พี่ภู…”

ความรู้สึกอิ่มเอิบในใจทำให้ผมต้องกอดเอวคนข้างกายไว้แน่น เพราะไม่อยากให้ใครเห็นใบหน้าของตัวเองในยามนี้ สิ่งที่เขาพูดอาจเป็นเพียงถ้อยคำธรรมดา แต่เมื่อได้มองใบหน้าของสองพี่น้องชัดๆ ผมถึงรู้ว่าความหมายของมันไม่ธรรมดาเลยสักนิด

ถ้าการได้ยินพี่ภูบอกว่าชอบเมื่อสองปีก่อนทำให้ผมมีความสุขโคตรๆ งั้นความรู้สึกในเวลานี้คงไม่สามารถบรรยายออกมาเป็นคำพูดได้ เพราะมันไม่ใช่แค่มีความสุข แต่มันทั้งตื้นตันและอบอุ่นจนปวดในอกไปหมด

“ฝากตัวด้วยนะครับ”

ไม่ใช่แค่พี่ภู…แต่ครอบครัวของเขายอมรับผมเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งในนั้นแล้ว

“อืม” เขาโคลงหัวผมเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะปล่อยให้ผมยันตัวขึ้นนั่ง จากนั้นก็ส่งจานข้าวไข่เจียวมาให้ ครั้งนี้ผมไม่บ่นอะไรแต่รับมาถือไว้แล้วตักเข้าปากแต่โดยดี ซึ่งท่าทางคงดูสงบเสงี่ยมและเรียบร้อยมากเกินไป สองพี่น้องถึงได้มองผมแล้วทำเหมือนจะขำกันทั้งคู่

อะไรอีกเนี่ย…ทำตัวว่าง่ายก็โดนขำเฉยเลย…เส้นตื้นกันแล้วหรือไง

“กินไป” พี่ภูบอกแค่นั้นแล้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดยิกๆ ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าคงหาเรื่องทำงานเหมือนเดิม โดนผมยึดโน้ตบุ๊กไว้ก็ยังอุตส่าห์เอาโทรศัพท์มากดได้อีก

ผมสบตาภามแล้วพยักหน้าเป็นอันเข้าใจกัน เราลงมือกินข้าวจนหมดอย่างรวดเร็ว หลังจากนั้นเขาก็เป็นฝ่ายดึงโทรศัพท์ออกไปจากมือพี่ชายเมื่อผมให้สัญญาณว่าพี่ภูอ่านอีเมลเสร็จแล้ว

“วันหยุดห้ามทำงาน” ผมกระตุกแขนเสื้อพี่ภูเมื่อเห็นเขาหันไปขมวดคิ้วใส่ภาม พอได้ยินอย่างนั้นคนหน้าดุเลยถอนหายใจ ก่อนจะเอนกายพิงโซฟาแต่โดยดี

“แล้วจะให้ทำอะไร”

นั่นสิ…จะเล่นเกมก็ยังไม่มีอารมณ์เล่นอีก

‘นายเล่นกีตาร์เป็นด้วยเหรอ’ คำถามของภามช่วยให้ผมมองเห็นทางสว่างในที่สุด ผมหยิบกีตาร์ที่เผลอเอาติดมือมาด้วยขึ้นมาถือไว้ ก่อนจะหันไปตอบเขา

“เคยบอกแล้วไม่ใช่เหรอว่ากูเก่งมาก”

ภามกลอกตามองบนแล้วทำท่าจะไม่สนใจผมอีก แต่พอผมเริ่มดีดกีตาร์เบาๆ เขาก็หันกลับมามองอย่างสนใจ

‘ผมเคยเห็นพี่เล่นตอนเด็กๆ’

“กูเล่นเก่งกว่าพี่ภูเยอะ” ผมอวดหน้าด้านๆ แล้วก็ได้รับสายตามองแรงจากผู้ที่เทิดทูนพี่ชายเป็นพระเจ้ากลับมาเป็นรางวัล

‘ขี้โม้’

“เดี๋ยวรู้เลย” ว่าจบผมก็ดีดกีตาร์เป็นจังหวะเพลงที่กำลังนึกอยู่ในหัว โดยเลือกเพลงที่มีทำนองสนุกๆ ซึ่งจะช่วยให้ภามรู้สึกผ่อนคลายและมีอารมณ์ร่วมไปกับผมด้วย

‘ร้องด้วยสิ’ คนที่กำลังโยกหัวตามทำไม้ทำมือบอก พอเห็นไม่ร้องสักทีก็เขย่าขาพี่ชายตัวเองให้ช่วย เท่านั้นคนที่นั่งกอดอกอยู่ก็ปรายตามองผมเป็นเชิงสั่งทันที

แหม…ไม่ค่อยเลย

“ถ้าจะให้กูร้องต้องมีรางวัล”

‘อยากได้อะไร’

“อยากได้พี่มึง” ผมยิ้มยิงฟันแล้วตอบอย่างชัดเจน ทำเอาคนฟังหน้าเหวอไปครู่หนึ่ง ส่วนคนที่ถูกพาดพิงถึงนอกจากจะยกยิ้มมุมปากแล้วเขาก็ไม่ได้แสดงท่าทีอะไรออกมา

‘ยังไงดีนะ’ ภามที่ดึงสติกลับมาแล้วอมยิ้ม เขามองผมสลับกับพี่ภูอยู่สองสามรอบ และสุดท้ายก็ยอมพยักหน้า ‘ถ้าร้องเพราะจะยกให้ก็ได้’

“ต้องอย่างงี้ดิ” ผมชนหมัดกับภามเป็นการยืนยันคำพูดระหว่างกัน แต่ในระหว่างที่กำลังคิดว่าจะเล่นเพลงอะไรดี อยู่ๆ คนที่นั่งนิ่งดูท่าทีมาตลอดก็ขยับตัวมาดึงแก้มผมเหมือนมันเป็นยางยืด

“ถามกูหรือยัง”

“โอ๊ยยยยย! เจ็บนะพี่” ผมวางกีตาร์ลงข้างตัว ก่อนจะพยายามดึงมือพี่ภูออก แต่นอกจากจะดึงไม่ออกแล้วยังต้องเอนตัวไปตามแรงเพราะเริ่มเจ็บแก้มอีกต่างหาก

เขาไม่รู้หรือไงว่าเวลาดึงแก้มมันต้องดึงเบาๆ…แต่นี่มันดึงจริงจังแบบกะเอาให้ยานจริงๆ เลยไม่ใช่หรือไง!

“หมั่นไส้ว่ะ” ว่าจบแล้วก็บีบแก้มผมอีกทีแถมท้าย ก่อนจะยอมปล่อยมือออก “มองไร เริ่มสักทีดิ”

ยังมีหน้ามาถามอีก…

ผมยกมือนวดแก้มตัวเองเบาๆ อยู่เป็นนาที โดยไม่ลืมหันไปแยกเขี้ยวใส่คนที่นั่งขำแบบไร้เสียงมาตั้งแต่ต้นยันจบ ตกลงกันเสียดิบดี แต่สุดท้ายเด็กหน้าตายนี่มันก็ยังอยากเห็นผมโดนแกล้งเหมือนพี่ตัวเองไม่มีผิด

“จำไว้…”

“จำอะไร”

ไม่ต้องรอให้เขาเข้ามาบิดแก้มอีกรอบ ผมก็รีบหยิบกีตาร์ขึ้นมาบังไว้ในทันที พี่ภูแค่ส่งเสียงหึเหมือนจะขำเบาๆ ก่อนจะกอดอกแล้วเอนตัวพิงโซฟาเหมือนเดิม

อย่าให้ได้เอาคืนนะ ผมจะ…

“ยังไม่เลิกทำหน้าตาชั่วร้ายอีก”

“ครับ ขอโทษครับ” พูดด้วยความหัวเสียแล้วก็ต้องยกมือขยี้หัวตัวเองอีกที ไม่เข้าใจจริงๆ ว่าหน้าตาผมมันแสดงออกชัดมากเลยหรือไง ถึงได้รู้ตัวกันไวเหลือเกิน

หลังจากผ่อนลมหายใจคลายอารมณ์จนเป็นปกติแล้ว ผมก็เริ่มเกากีตาร์ช้าๆ ก่อนจะเปล่งเสียงออกมา

 

“ไม่แน่ใจ กับท่าที แต่รู้ว่ามีความหมาย
ได้พบกัน อยู่ทุกวัน แต่ฉันไม่เคยมั่นใจ
จะให้ทำอย่างไร ก็ไม่รู้
ยังเฝ้ามองเธออยู่ ทุกคืนวัน
ดูเหมือนมีอะไรอยู่ในดวงตาคู่นั้น
บอกฉันให้รู้อยู่ทุกวัน ว่าเธอมีใจให้เหมือนกัน”


 

ผมแอบเหลือบตามองพี่ภู แต่แล้วก็ต้องสะดุ้งจนเล่นผิดคอร์ดไปหนึ่งจังหวะเมื่อเห็นว่าเขาอมยิ้มมองมาอยู่ก่อนแล้ว

ยิ้มอะไรก็ไม่รู้…ผมไม่ได้ตั้งใจเล่นเพลงให้เขาสักหน่อย แค่เห็นจังหวะมันเหมาะกับการเล่นให้ภามฟังเท่านั้นเอง

 

“รึเปล่า เธอคิดอยู่รึเปล่า
ไม่อยากจะคาดเดา เราอาจจะคิดไปเอง
รึเปล่า เธอคิดอยู่รึเปล่า
รู้สึกบ้างรึเปล่า เพราะว่าฉันรักแต่เธอ
รู้สึกรึเปล่า…”


 

ไม่รู้ทำไมยิ่งร้องผมก็ยิ่งร้อนหน้าจนต้องก้มมองกีตาร์คอแทบพับ อยากจะหยุดร้องแล้วเปลี่ยนเพลงเสียเดี๋ยวนี้แต่ก็ทำไม่ได้อีก

เดี๋ยวนี้ผมไม่ได้หน้าด้านหน้าทนเหมือนเมื่อก่อนแล้ว ยิ่งเป็นเรื่องของคนตรงหน้ายิ่งแล้วใหญ่ ว่ากันว่าตอนเด็กอยากทำอะไรให้ทำให้หมด พอหมดช่วงจะเริ่มรู้ผิดชอบชั่วดี ขอยืนยันตรงนี้เลยว่าจริง!

 

“จะให้ทำอย่างไร ก็ไม่รู้
ยังเฝ้ามองเธออยู่ ทุกคืนวัน
ดูเหมือนมีอะไรอยู่ในดวงตาคู่นั้น
บอกฉันให้รู้อยู่ทุกวัน ว่าเธอมีใจให้เหมือนกัน…”


 

“ใช่เหรอ” คนขี้แกล้งก้มหน้าตามลงมามองแบบไม่บอกไม่กล่าว รอยยิ้มของเขาทำให้ผมสะดุ้งจนเผลออ้าปากค้าง เปล่งเสียงไม่ออกไปชั่วขณะ แต่ยังไม่ทันได้ทำอะไร อีกฝ่ายก็ชี้ที่ปากเป็นเชิงบอกให้ร้องต่อ แล้วคนอย่างผมจะทำอะไรได้…นอกจากทำตามที่เขาบอก

 

“รึเปล่า เธอคิดอยู่รึเปล่า
ไม่อยากจะคาดเดา เราอาจจะคิดไปเอง
รึเปล่า เธอคิดอยู่รึเปล่า
รู้สึกบ้างรึเปล่า เพราะว่าฉันรักแต่เธอ
รู้สึกรึเปล่า”


 

[รึเปล่า : Armchair]

 

แค่ร้องเพลงจบผมก็แทบจะร้องไชโย พอตั้งสติได้แล้วก็รีบเงยหน้ามองดูท่าทีของคนฟังทั้งสองคน แต่คนที่บอกให้ผมร้องเพลง…บัดนี้ล้มตัวลงไปนอนกับโซฟาหน้าตาเฉย ส่วนคนที่แกล้งผมไม่หยุดก็ยังคงมองมาที่ผมด้วยดวงตาเป็นประกายเช่นเดิม

“เอ่อ…”

“เพลง…เวลาร้องออกมามีความหมายไหม”

ผมเลิกคิ้วมองพี่ภูด้วยความไม่เข้าใจ ถึงจะคิดว่าดีแล้วที่เขาช่วยเปลี่ยนเรื่องให้ แต่พอมาได้ยินคำถามแบบนี้ก็งงอยู่เหมือนกัน

“ต้องมีอยู่แล้ว ไม่อย่างนั้นเขาจะตั้งใจเขียนเนื้อกันทำไม” พอเริ่มเข้าใจสิ่งที่เขาถาม ผมก็ยืดตัวตรงก่อนจะพูดต่อ “ไม่ว่าจะจังหวะหรือเนื้อเพลง ทุกอย่างมีความหมายทั้งนั้น…พี่เคยได้ยินเรื่องดนตรีบำบัดไหม”

“ที่ใช้ช่วยผู้ป่วย?”

“อื้อ…มันช่วยได้มากเลยนะ โดยเฉพาะทางด้านจิตใจ” ผมศึกษาเรื่องนี้มาสักพักแล้ว ถึงกับลงเรียนเพิ่มเพื่อให้รู้จริงเลยด้วยซ้ำ แม้จะไม่เก่งเท่าคนที่เรียนมานาน แต่ก็พอรู้ข้อมูลพื้นฐานที่สามารถเอามาปรับใช้ได้บ้าง “สภาพจิตใจของแต่ละคนไม่เหมือนกัน ดนตรีอาจช่วยให้เขาดีขึ้นได้ ขอแค่เราเลือกความหมายให้ถูก…และมันก็ไม่ใช่แค่เนื้อร้อง แต่หมายรวมถึงจังหวะดนตรีด้วย”

“งั้นที่มึงขอให้กูหากีตาร์ให้ก็เพราะ…”

“ครับ” ผมตอบรับเมื่อเห็นพี่ภูหันหน้าไปมองภามที่นอนหลับอยู่ “ผมคิดว่ามันน่าจะช่วยภามได้”

“มึงไปเรียนภาษามือแล้วก็ไปศึกษาเรื่องนี้มาในช่วงที่เราไม่ได้เจอกันเหรอ”

“อื้อ…เพื่อภาม…แล้วก็เพื่อพี่ไง”

ผมรับปากไว้แล้วว่าจะช่วย ไม่ว่าพี่ภูจะตั้งความหวังไว้หรือไม่ผมก็ยังอยากช่วย อาการป่วยที่เกี่ยวข้องกับจิตใจคงไม่สามารถรักษาได้ด้วยการกินยาเพียงแค่อย่างเดียว มันยังต้องมีปัจจัยอื่นๆ อีกมากมายที่ผมเพิ่งรู้หลังจากได้ศึกษาอย่างจริงจัง

“ผมรู้ว่าพี่กับครอบครัวก็คงรู้เรื่องพวกนี้อยู่แล้ว หมายถึงวิธีรักษาที่ถูกต้อง…เพียงแต่ยังไม่มีโอกาสสักทีใช่ไหม” ด้วยอุปนิสัยและอะไรหลายๆ อย่างอาจทำให้ภามไม่ยอมเปิดใจแม้แต่กับครอบครัว ยิ่งไม่ต้องพูดถึงการจ้างนักดนตรีหรือคนนั้นคนนี้มาช่วยเลย ต่อให้ผมเพิ่งมาได้ไม่นานก็ยังรู้ว่ามันต้องไม่ได้ผลแน่ “คนป่วยแต่ละคนมีอาการแตกต่างกันไป สภาพจิตใจของพวกเขาไม่ได้เหมือนกันทุกคน เพราะงั้นถึงต้องให้หมอช่วย แต่ก็ใช่ว่าคนอื่นจะทำอะไรไม่ได้เลย ผมก็เลยช่วยในแบบฉบับของตัวเอง”

“อืม…”

“ที่ผมเลือกดนตรีจังหวะแบบนั้น ก็เพราะมันเหมาะกับภามและน่าจะช่วยให้เขายิ้มตามได้ พอได้เห็นเขาสบายใจจนหลับได้…” ผมเหลือบตามองคนที่กำลังหลับ ก่อนจะกัดฟันพูดต่อ “ผมก็ถือว่าประสบความสำเร็จแล้ว”

พี่ภูหัวเราะหึเบาๆ เมื่อได้ยินสิ่งที่ผมพูด เขาลูบหัวน้องตัวเองสองสามทีแล้วหันกลับมาหาผมอีกครั้ง

“ตอนที่มึงเล่น ภามก็ดูมีความสุขนั่นล่ะ” เขาพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบที่ไม่มีวี่แววของการล้อเล่น “กูรู้แล้วว่ามันช่วยได้…แล้วก็มีความหมายทั้งจังหวะและเนื้อเพลงเหมือนที่มึงบอกไม่มีผิด”

“เห็นไหม…”

“ทั้งจังหวะที่ทำให้ภามมีความสุข…” ปลายนิ้วเรียวของคนพูดขยับมาเกี่ยวนิ้วก้อยของผมช้าๆ ก่อนเขาจะเผยรอยยิ้มที่ทำให้ผมหลงใหลครั้งแล้วครั้งเล่าออกมา “แล้วก็เนื้อเพลงที่ทำให้กูยิ้มได้…”

“…”

“ทุก ‘การกระทำ’ มันมีความหมายมากจริงๆ”

ผมไม่เคยนึกสงสัยเลยว่า เวลาที่ความพยายามต้องสูญเปล่าเราจะรู้สึกแบบไหน จะต้องเสียใจ จะต้องร้องไห้ จะต้องเจ็บปวดทรมานมากเท่าไหร่ แล้วก็ไม่เคยคิดด้วยว่า ถ้าความพยายามมันไม่สูญเปล่าเราจะดีใจขนาดไหน ผมไม่เคยต้องพยายาม…อย่างน้อยก็ไม่เคยใช้ความพยายามนานถึงสองปี มาถึงวันนี้เมื่อรู้ว่ามันไม่สูญเปล่าก็เพิ่งได้เข้าใจความรู้สึกที่แท้จริง…

ถ้าการพยายามเพื่อใครสักคนส่งผลให้คนถึงสองคนมีความสุข ผมคิดว่าตัวเองคงใช้แค่คำว่าดีใจไม่ได้

“ผมอยากได้ยินแค่นี้แหละ”

มันคือความรู้สึกอิ่มเอมที่มีค่ายิ่งกว่าความดีใจ และสามารถทำให้หายเหนื่อยได้ในระยะเวลาไม่ถึงนาที…

“หวังน้อยจังนะ” พี่ภูว่าก่อนจะลุกขึ้นยืน

“พี่พูดแบบนี้หมายความว่าไง”

“ก็มึงอยากได้ยินแค่นี้ไง” จบคำเขาก็เดินหนีออกไปข้างนอก ทิ้งให้ผมนั่งเอ๋ออยู่เพียงลำพัง

พลาดเลยกู!

ระหว่างที่กำลังนึกหงุดหงิดตัวเองอยู่ในใจ คนที่เดินออกไปข้างนอกก็กลับเข้ามาอีกครั้งพร้อมกับผ้าห่มผืนหนาสองผืน ผมมองภาพเขาเดินเข้าไปห่มผ้าให้น้องชายด้วยความอิจฉาริษยา ก่อนจะเอามือกอดอกตัวเองไว้แน่นเพื่อบอกให้รู้ว่าผมก็หนาวเหมือนกัน

“ทำหน้าแบบนั้นคือ?” พี่ภูหันมาเลิกคิ้วมองผมแล้วนั่งลงข้างๆ

“พี่ก็รู้อยู่แก่ใจ” ว่าแล้วผมก็ส่งสายตาแหลมคมไปยังผ้าห่มที่เขากอดไว้

“กูไม่มีแคร์รอตให้นะ”

“ผมไม่ได้จะเอาแคร์รอตสักหน่อย!”

“เหรอ…งั้นเอานี่ไป”

สงสัยได้ไม่ทันไรอีกคนก็โยนอะไรบางอย่างมาให้ ผมใช้สองมือรับไว้ตามสัญชาตญาณ แต่หลังจากก้มลงมองสิ่งของนุ่มนิ่มในมือแล้วก็แทบจะปามันกลับคืนไปหาคนให้…

“ไอ้ปุกปุย!” ไอ้กระต่ายหน้าโง่ที่ผมให้พี่ภูไปแล้วเกือบจะถูกเขวี้ยงแบบไม่รักษาหน้า แต่เมื่อเหลือบไปเห็นหน้าดุๆ ของคนข้างๆ ผมก็ต้องหดมือกลับพร้อมกับดึงมันมากอดไว้แทน

ถ้าเมื่อกี้ผมเผลอเขวี้ยงลงพื้น สงสัยได้กลายเป็นศพแน่…ดูเขาทำหน้าดิ

“มันชื่อเต็ม”

“ทำไมต้องเต็ม…”

พี่ภูมองหน้าผมเหมือนกำลังมองคนโง่ เขาคว้าไอ้เต็มคืนไปแล้วโยนผ้าห่มมาให้โดยไม่ยอมตอบอะไรอีก พอผมตั้งท่าจะถามเขาก็หันหน้าหนี

“กูไม่คุยกับคนโง่”

“ผมไม่ได้โง่สักหน่อย” ใครจะไปรู้ว่าเขาตั้งชื่อไอ้ปุกปุยนั่นว่าเต็มเพราะอะไร แค่ความคิดก็คาดเดายากแล้ว นี่ถึงขนาดให้หาเหตุผลเอง แบบนี้จะว่าผมโง่ได้ไงเนี่ย

“โง่”

“ผม…”

“ไหนว่าความจำดีนักหนา ปะติดปะต่อเรื่องเก่งไม่ใช่หรือไง” ว่าแล้วก็ฟาดตุ๊กตาใส่หน้าผมอีกทีเป็นการด่าซ้ำ

“ผมยอมโง่ก็ได้ พี่เฉลยหน่อย”

ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยนะที่ผมจะยอมรับว่าตัวเองโง่แบบนี้ เออ…หมายถึงในกรณีที่ไม่ใช่เรื่องของพี่ภู

“ไม่”

“อย่าทำให้อยากแล้วจากไปดิ” ผมเขย่าแขนคนข้างๆ ให้เขาตอบ แต่นอกจากจะไม่สนใจแล้วเขายังหันไปนั่งลูบหัวลูบตัวไอ้เต็มอีกต่างหาก “พี่…”

“พูดมากว่ะ อยู่นิ่งๆ กูจะนอน”

สิ้นประโยคคำสั่งที่ผมยังไม่ได้รับปาก คนหน้าดุก็ทิ้งตัวลงนอนหนุนตักผมอย่างรวดเร็ว เล่นเอาตัวแข็งใจแข็งไปหมด ไม่มีแม้แต่อารมณ์จะคิดหาคำพูดใดๆ เขาหลับตาลงโดยกอดไอ้เต็มไว้และไม่มีทีท่าว่าจะเปิดเปลือกตาขึ้นมาอีก ทิ้งให้ผมนั่งนิ่งเป็นรูปปั้นอยู่เพียงลำพัง

เล่นแบบนี้แล้วจะกล้าถามต่อได้ยังไงวะ

“พี่แม่ง…” ผมคลี่ผ้าห่มออก ก่อนจะเอาไปคลุมตัวให้คนที่นอนหนุนตักตัวเองไว้ พอก้มลงมองใบหน้าที่ดูอ่อนล้าของคนหลับแล้วก็ได้แต่ถอนหายใจ “ไม่รู้ก็ได้”

ยังไงวันนี้ก็ได้กำไรแล้วนี่นะ…ผมยิ้มบาง ก่อนจะถือโอกาสลูบหัวของใครอีกคนแบบที่ไม่เคยทำมาก่อน

มาถึงตอนนี้ผมไม่คิดอยากถามหรือหาคำตอบแล้วว่าระหว่างเราคืออะไร… ทุกการกระทำมันชัดเจนอยู่แล้วโดยไม่ต้องเอ่ยออกมา แม้จะไม่กล้าพูดว่าเป็นอะไรกัน แต่ก็รู้อยู่แก่ใจว่าเราสำคัญต่อกันมากขนาดไหน

เขาสอนให้ผมรู้ว่าการกระทำสำคัญกว่าคำพูดใดๆ ทั้งนั้น

เพราะงั้นไม่ว่าจะในสถานะอะไร…ขอแค่พี่ภูให้ผมอยู่ตรงนี้ก็เพียงพอแล้ว

 

--------------------------

 

ออฟไลน์ jaokhwan

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 425
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: ┌▼Nitrogen ไนโตรเจน▲┘ ==[31]==[P.19]== [06/10/60]
«ตอบ #564 เมื่อ06-10-2017 18:50:35 »

 :mew1: :mew1: :mew1:

ออฟไลน์ TaemyG

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 172
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: ┌▼Nitrogen ไนโตรเจน▲┘ ==[31]==[P.19]== [06/10/60]
«ตอบ #565 เมื่อ06-10-2017 19:11:25 »

 :3123:

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
Re: ┌▼Nitrogen ไนโตรเจน▲┘ ==[31]==[P.19]== [06/10/60]
«ตอบ #566 เมื่อ06-10-2017 19:23:04 »

 :กอด1:

ออฟไลน์ fc_fic

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2598
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-7
Re: ┌▼Nitrogen ไนโตรเจน▲┘ ==[31]==[P.19]== [06/10/60]
«ตอบ #567 เมื่อ06-10-2017 19:38:19 »

 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:

ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4992
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7
Re: ┌▼Nitrogen ไนโตรเจน▲┘ ==[31]==[P.19]== [06/10/60]
«ตอบ #568 เมื่อ06-10-2017 19:49:00 »

 :กอด1:

:pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ ka[ze]na

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3767
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +192/-6
Re: ┌▼Nitrogen ไนโตรเจน▲┘ ==[31]==[P.19]== [06/10/60]
«ตอบ #569 เมื่อ06-10-2017 20:16:25 »

น่าร๊าก.....

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด