(ต่อค่า)
ผมนั่งนิ่งๆเพื่อคิดแผนการเอาคืนจนรถคันสีดำเลี้ยวเข้าไปภายในตึกแห่งหนึ่งที่มองไม่ถนัดว่าเป็นอะไร...ตินเดินนำเข้าไปภายในโดยมีผมเดินตามไปพร้อมกับกายและจิม ความหรูหราของสิ่งก่อสร้างทำเอาตาผมพล่ามัวไปชั่วขณะ...โรงแรมขนาดใหญ่ภายในถูกเปิดไฟและตกแต่งในโทนสว่างอย่างผนังก็เป็นสีเหลืองนวล พื้นก็เป็นกระเบื้องขัดเงาสีขาวสลับสีส้มอ่อน มีเพียงต้นไม้ขนาดกลางเท่านั้นที่มีสีเขียวช่วยตัดความสว่างภายในลงไปได้บ้าง
“ติน...เรามานี่ทำไม”ผมเอ่ยถามแล้วเดินขึ้นไปขนาบข้างติน
“เราจะพักที่นี่”ตินอธิบายโดยไม่หยุดเดิน
“แล้วห้างที่ตินบอกล่ะ”ผมถามต่อ
นึกว่าจะไปคุยเรื่องห้างกับเจ้าของก่อนสักอีก
“ห้างที่ว่าเป็นส่วนหนึ่งของโรงแรมนี้อยู่ทางด้านตะวันตกติดกับสระว่ายน้ำกลางแจ้ง...เดี๋ยวฉันจะไปคุยเรื่องนี้ให้เสร็จก่อนเพราะงั้นนายไปรออยู่ในห้องซะ...เข้าใจนะ”ตินพูดก่อนจะพากันเข้ามาในลิฟต์และให้พนักงานกดไปยังชั้น35
“ไปด้วยไม่ได้เหรอ”ผมหันไปถาม
“ฉันไปคุยธุรกิจ...การมีนายไปด้วยจะไม่สะดวก”เมื่อถึงชั้น35แล้วตินก็เดินนำออกไปอีกจนหยุดอยู่หน้าห้องหมายเลข359
“ผมอยู่เฉยๆได้นะ”ผมพยายามพูด
รู้อยู่ว่าตินไปคุยธุรกิจเพราะงั้นผมไม่คิดจะเข้าไปกวนอะไรหรอก
“ฉันไม่อยากให้หมอนั่นเห็นนาย”ตินบอกด้วยน้ำเสียงที่ผิดไปจากปกติอย่างชัดเจน
“หมอนั่น?...ใครเหรอ?”
“คู่แข่งทางการค้าไง”
“...หมายถึงคนที่ทำร้ายตินใช่ไหม”ผมยังถามต่อ
“ใช่”ตินพยักหน้าเล็กน้อย
“แล้วมันเกี่ยวอะไรกับผม”
“เกี่ยวสิ...เพราะงั้นรออยู่นี่ห้ามออกไปไหน”การ์ดในมือตินเสียบเข้าไปในช่องหน้าประตูก่อนจะดันหลังผมให้เข้าไปด้านใน
“แต่ว่า...”
“ฉันจะให้จิมอยู่ด้วย”
“ไม่เอา”ผมรีบค้านทันทีที่ได้ยิน
“ทำไม”
“พวกเขาควรคอยปกป้องตินมากกว่าจะให้มาอยู่กับผม...ผมรออยู่นี่ก็ได้แต่คุณต้องให้ทั้งคู่ไปด้วยนะ”ผมพูดต่อ มันไม่ดีเลยถ้าจะให้คนหนึ่งมาอยู่เฝ้าทั้งที่สถานการณ์ของตินอันตรายกว่ามาก
ตั้งแต่มานี่ลางสังหรณ์ที่มีมันบอกว่ากำลังจะเกิดเรื่อง
ผมอยากจะอยู่ข้างๆตินแต่ก็เข้าใจว่าตินต้องการความเป็นส่วนตัวและสมาธิในการเจรจาธุรกิจดังนั้นผมจะไม่ตามไปก็ได้แต่จะให้จิมมาอยู่ด้วยไม่ได้
ไม่ยอมแน่ๆ
“...ตามนั้นก็ได้...แน่ใจนะว่าอยู่ได้”ตินถามย้ำ
“แน่สิ...ผมอยู่คนเดียวมาตั้งนานเรื่องแค่นี้ไม่ต้องห่วงหรอก...ห่วงตัวเองให้มากๆนะติน”ผมบอกพร้อมกับก้าวเข้าไปหาอีกฝ่ายแล้วเงยหน้าขึ้นสบดวงตาสีฟ้าตรงหน้า
“ฉันเหรอ?”
“อืม...ผมสังหรณ์ไม่ค่อยดีเลย...อยากไปด้วยแต่ไม่เป็นไรผมจะรออยู่ที่นี่...ระวังตัวด้วยนะ”
“ฉันจะไม่เป็นไร...ไว้เจอกัน”ตินบอกลาแล้วเดินกลับไปยังลิฟต์พร้อมกับบอดี้การ์ดคนสนิทสองคน
พอมองดูลิฟต์ลงไปด้านล่างแล้วผมก็เดินเข้าไปในห้องพักสุดหรูที่ถูกตกแต่งอย่างลงตัวด้วยโทนสีสว่างเหมือนตัวโรงแรม...โซฟาตัวใหญ่สีน้ำตาลอ่อนถูกผมหย่อนก้นนั่งโดยที่มือคว้ารีโมทโทรทัศน์ขึ้นมาเปิดหาอะไรทำฆ่าเวลาที่ตินไม่อยู่
ผ่านไปสักพักใหญ่ความเบื่อก็เริ่มเข้ามาจู่โจมเลยเปลี่ยนจากนั่งดูโทรทัศน์เป็นนอนแช่น้ำในอ่านสีขาวสะอาดแทน ทั้งที่ผมอาบน้ำนานสุดแต่ตินก็ยังไม่กลับมาสักที
ถึงจะไม่สบายใจ...แต่แค่หลับตาลงแล้วตั้งสมาธิผมก็รู้ได้ว่าอีกฝ่ายยังไม่เป็นไร
ในเมื่อเป็นแบบนี้ขอออกไปเดินเล่นข้างนอกสักพักคนไม่เป็นไรมั้ง
เป็นห่วงไปก็ไม่ทำให้อะไรดีขึ้นมาด้วย
กายกับจิมเป็นคนมีฝีมือ...ถ้าเกิดอะไรขึ้นต้องช่วยตินได้แน่
ระหว่างที่คิดขาผมก็ก้าวออกจากโรงแรมเดินข้ามถนนไปอีกฝากที่มีร้านค้ามากมายตั้งอยู่ริมหาดทรายสีขาวโดยไม่รู้ตัว กลิ่นของไก่ย่างที่กำลังสุกหอมฉุยยั่วน้ำลายสุดๆแต่ก็ซื้อไม่ได้เพราะไม่มีเงิน
บัตรทองที่ตินให้คงใช้ได้แค่บนห้างไม่รวมถึงตามร้านแถวนี้หรอก ส่วนเงินที่ตินเคยให้ก็หมดไปตั้งแต่วันก่อนที่ไปซื้อแฮมเบอร์เกอร์ยักษ์กินแล้ว
เมื่อกินอะไรไม่ได้ผมเลยเลือกที่จะลงไปเดินตามแนวชายหาดแทน...รองเท้าผ้าใบที่ตินซื้อให้ถูกย่ำลงบนทรายเนื้อละเอียดเรื่อยๆ สายตาเองก็มองออกไปยังผืนน้ำสีฟ้าแกมน้ำเงินตรงหน้า สองมือยกขึ้นบังแสงแดดอันรุนแรงที่ทำให้ตามองแทบไม่เห็น
อากาศที่ร้อนจนแสบผิวนี่ทำให้ผมเตรียมจะเดินกลับห้องพักเพราะทนไม่ไหวจริงๆ
ตอนนี้รู้สึกเหมือนตัวเองเป็นไก่ย่าง...ขืนเดินต่ออีก10นาทีคงสุกเตรียมส่งให้ลูกค้าได้เลย
ตุบ!
ทันทีที่หมุนกลับร่างของผมก็ชนเข้ากับใครคนหนึ่งที่อยู่ด้านหลังด้วยความไม่ระวัง พอเริ่มมีสติผมเลยคิดจะก้าวถอยหลังแต่กลับถูกมือของคนตรงหน้าเอื้อมมาจับเอวแล้วกระชับตัวผมเข้าไปใกล้
“ปล่อย”ผมพูดเสียงแข็งเมื่อสัมผัสได้ถึงบางอย่างที่ไม่ปกติ นั่นทำให้ผมผลักอีกฝ่ายให้ออกห่างทันที อาจเพราะความตกใจคนตรงหน้าเลยยอมปล่อยโดยดี
“นี่เธอชนฉันนะ”เสียงของคนที่ผมชนดังขึ้นทำให้ผมได้มองหน้าอีกฝ่ายชัดๆ ผู้ชายตรงหน้าอายุคงพอๆกับตินหรือมากกว่าไม่เกิน3-4ปี รูปร่างดี ตัวสูงใหญ่และหน้าตาเข้าขั้นใช้ได้แต่ด้อยกว่าตินเยอะ เส้นผมดีดำกับดวงตาสีน้ำตาลที่เห็นทำให้รู้ว่าเป็นคนไทยแท้
“ขอโทษที่ชน...และขอบคุณที่ช่วยครับ”ผมบอกอีกฝ่ายแล้วเตรียมเดินไปด้านข้าง สัมผัสแรกเมื่องมองผู้ชายคนนี้คือไม่ดี
ผมไม่รู้ว่าไม่ดีในแง่ไหนแต่ที่รู้คือไม่ควรเข้าไปยุ่งเกี่ยวด้วยไม่ว่าจะกรณีใดๆก็ตาม
“เดี๋ยวสิ...ไหนๆก็คุยกันแล้วไปหาอะไรกินกันเถอะ”อีกฝ่ายเสนอด้วยรอยยิ้มเพลย์บอยซึ่งใช้ไม่ได้สำหรับผมที่เห็นว่ารอยยิ้มนั้นไม่ได้น่ามองเท่าของติน
“ผมมีธุระ...ขอตัวดีกว่า”พูดจบก็เดินขึ้นไปด้านบนที่มีร้านค้าขายของอยู่ตามทาง
“นี่...รู้ไหมว่าเธอเป็นแรกเลยนะที่ปฏิเสธฉันน่ะ”เขายังคงตื้อแล้วเดินตามผมมาจนรู้สึกรำคาญนิดๆ
“งั้นก็ต้องขอโทษด้วย...ถ้าอยากหาคนกินข้าวด้วยไปหาคนอื่นเถอะผมไม่ว่าง”ผมบอกแล้วพยายามก้าวเท้ายาวขึ้น
“เธอนี่น่าสนใจดีนะ...หน้าตาก็สวยด้วย...สเปกฉันเลย...โอ๊ะ...”ตำพูดของอีกฝ่ายหยุดชะงักเพราะผมหยุดเดินก่อนจะหันกลับไปเผชิญหน้ากับอีกฝ่ายตรงๆ
“ผมไม่ชอบคุณ...และอย่ามาชมว่าผมสวยเพราะผมเป็นผู้ชาย”ย้ำเสียงแข็งเสร็จก็เดินต่อไปโดยไม่สนใจเสียงที่ไล่ตามมา
ยังดีที่ไล่มาแค่เสียง...ถ้าเกิดยังตามมาอีกผมคงเลือกที่จะกลับไปอยู่ในร่างเทพแล้วลอยขึ้นไปบนห้องแน่
ผู้ชายแบบนั้นผมไม่ชอบ
ความต้องการของเขารุนแรงจนไม่น่าเข้าใกล้
และดูจะเป็นพวกอารมณ์ร้อนด้วย
“...ถึงไม่อยากยุ่งกับมนุษย์ไง”ผมพึมพำเสียงเบาพร้อมกับหันซ้ายขวาเพื่อดูว่ามีรถไหมก่อนจะข้ามถนนไปยังประตูโรงแรม
“ขออย่าให้เจออีกเลยเถอะ”อยู่ใกล้แล้วรู้สึกเหมือนจะเป็นลม
แค่นี้ก็อยากอ้วกแล้ว
ผมยกมือขึ้นปิดปากตัวเองแล้วพยายามตั้งสติให้มั่น
เทพอย่างผมรู้สึกถึงอารมณ์ ความรู้สึกรวมถึงความต้องการได้อย่างชัดเจน...ยิ่งมนุษย์คนไหนมีความรู้สึกเหล่านั้นในทางลบมากๆ พลังงานที่ปล่อยออกมาจะทำให้เทพอย่างพวกเรารู้สึกอึดอัด ดังนั้นเรื่องที่เทพต้องอยู่ในสถานที่ศักดิ์สิทธิ์หรือตามป่าเขาก็เป็นหนึ่งในความจริงที่มนุษย์รู้เกี่ยวกับพวกเรา
“แพน!”เสียงทุ้มอันคุ้นเคยที่ตะโกนเรียกชื่อนั้นทำให้ผมหันไปตามเสียงก่อนจะเจอกันตินที่วิ่งออกมาจากโรงแรมโดยที่มีกายและจิมวิ่งตามหลังมา
“ติน”เรียกเสร็จผมก็วิ่งเข้าไปโผลกอดอีกฝ่ายแน่นพร้อมซุกหน้าลงที่คอของเขา เพียงแค่นั้นความรู้สึกอึดอัดและอยากอ้วกที่มีเริ่มหายไปเมื่อเข้ามาอยู่ใกล้ตินแบบนี้
“แพน?...เป็นอะไร”ตินที่ทำเสียงแข็งตอนแรกก็เริ่มอ่อนลงคงเพราะเห็นผมอยู่ในสภาพไม่ปกติล่ะมั้ง
“...รู้สึกแย่นิดหน่อย”เจอมนุษย์มาก็มาก...พึ่งเคยเจอมนุษย์ที่ทำให้ผมรู้สึกแย่ขนาดนี้เป็นครั้งแรก
“เกิดอะไรขึ้น”เขาถามพลางยกมือขึ้นลูบหัวผมเบาๆ
“...นิดหน่อย”
“อะไรคือนิดหน่อย”ตินเริ่มเปลี่ยนน้ำเสียงเมื่อไม่ได้ยินคำตอบที่น่าพอใจจากผม
“ก็...เดี๋ยวค่อยบอกนะ”กระซิบบอกเสร็จก็ขยับออกมายืนตรงหน้าติน แค่ได้อยู่กับตินความรู้สึกแย่ๆที่มีก็หาไปทันทีต่างจากผู้ชายคนเมื่อครู่ราวฟ้ากับเหว
“ไม่เป็นไรแล้วเหรอ”
“อืม...อยู่กับตินแล้วช่วยได้เยอะเลย”ความรู้สึกอุ่นๆเหมือนปลอดภัยเมื่ออยู่ใกล้ทำให้ผมรู้สึกสบายใจกว่ามนุษย์คนไหนที่เคยเจอมา
“ฉันยังไม่ได้ทำอะไรสักหน่อย”
“ทำสิ”แค่ตินไม่รู้ตัวเท่านั้นแหละ
“ทำให้อิ่มท้องน่ะสิ”อยู่ๆตินก็เปลี่ยนเรื่องก่อนจะยกมือขึ้นขยี้หัวผมไปมา
“อืม...อ๊ะ...ไม่ใช่สิ คนละเรื่องแล้วติน”คนกำลังพูดเรื่องเครียดมาพูดอะไรเนี่ย
“หึ...อยากกินอาหารทะเลไหม”
“อาหารทะเล?...อยากกินกุ้ง ปลาหมึกด้วย”สถานการณ์ตอนนี้พลิกกลับเรียบร้อยแล้ว เรื่องเครียดๆนั่นถูกผมโยนทิ้งไปก่อนจะหันมาสนใจอาหารทะเลที่ตินพูดแทน
“ร่าเริงเลยนะ”ตินพึมพำโดยที่สายตาของเขามองมายังผมที่ยิ้มออก ท่าทางของตินทำให้ผมรู้ว่าอีกฝ่ายเปลี่ยนเรื่องคุยเพราะเห็นผมทำตัวไม่เหมือนปกติ
“ขอบคุณนะติน...คุณน่ะใจดีมากรู้ไหม”จะมีสักกี่คนที่ทำแบบนี้
“...นายนี่มาโซรึไง”
“ห๊ะ?...มาโซ?...ผมไม่ได้ชอบความเจ็บปวดนะ”ผมตะโกนกลับเพราะเข้าใจความหมายของคำพูดนั้น การอยู่ญี่ปุ่นมานานจึงได้รับรู้ถึงภาษาของประเทศนั้นบ้าง
คิดผิดแล้วที่ใช้คำที่ผมรู้จัก
“ฉันไม่ได้ใจดี”ตินพึมพำออกมาเบาๆ สายตาที่มองเหมือนไม่เชื่อนั้นทำให้ผมยิ้มกว้างกว่าเดิม
“ใจดีสิ...ตินน่ะใจดีจริงๆนะ”คนที่ใจดีจริงๆน่ะไม่บอกหรอกว่าตัวเองใจดี
มีแค่คนที่อยู่รอบๆเท่านั้นที่สามารถรับรู้ได้
“ไปกินได้แล้ว”พูดจบตินก็ก้าวไปยังถนนอีกฝากหนึ่งทันที
“อย่ามาเขินน่าติน”ผมวิ่งตามพร้อมตะโกนเสียงดังจนคนรอบหันมามองเป็นแถว
“ไม่ได้เขิน...เลิกตะโกนสักที”ถึงปากจะบอกว่าไม่ได้เขินแต่ก็ซ่อนใบหน้าที่แดงขึ้นเล็กน้อยไม่ได้หรอกนะติน
ผมก้าวยาวๆตามตินไปตามทางโดยมีกายและจิมเดินไล่หลังมาอีกทีจนถึงร้านอาหารสีฟ้าน้ำทะเลที่ตั้งอยู่ริมหาดทรายสีขาว บรรยากาศของร้านภายนอกเป็นเหมือเรือลำใหญ่ถูกประดับด้วยเปลือกหอยหรือหินอันสวยงาม เมื่อเข้ามาด้านในก็เจอกับบรรยากาศเย็นๆของเครื่องปรับอากาศก่อนจะพบกับพื้นที่มีทรายถูกนำมาเทไว้ให้ความรู้สึกเหมือนได้อยู่ทะเลจริงๆ
“คุณตินครับ”กายที่เดินตามมาวิ่งเข้าไปหาตินพร้อมกระซิบบางอย่างที่ทำเอาตินหน้าเครียดขึ้นมาทันตาเห็น
“ไปจัดการให้หน่อย”บอกกายเสร็จก็หันมามองจิมต่อ เพียงแค่มองก็ดูเหมือนจิมจะรู้ว่าเจ้านายต้องการอะไร เขาพยักหน้าเล็กน้อยก่อนจะเดินไปยังเคาน์เตอร์ที่มีเจ้าของร้านอยู่ ส่วนกายเองก็ออกไปข้างนอกร้านแล้ว
“ติน...เกิดอะไรขึ้น?”ผมเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงไม่ค่อยสบายใจนัก
“เหมือนกายจะเห็นคนที่ฉันไม่อยากให้เห็นนายน่ะ”ตินบอกแล้วคว้าแขนผมให้เดินตามไปยังห้องห้องหนึ่งที่อยู่ติดริมทำให้มองเห็นทะเลด้านนอกผ่านกระจกได้ ห้องนี้เป็นเหมือนห้องอาหารส่วนตัวเพราะถูกแบ่งออกจากโต๊ะอื่นๆอย่างชัดเจนเหมาะสำหรับคนที่ต้องการความเป็นส่วนตัว
“นี่ติน...คนว่าหมายถึง...”พอนั่งลงที่เก้าอี้เรียบร้อยผมก็เอ่ยขึ้น
“อย่างที่นายคิดแหละ...ตอนที่ฉันไปคุยธุรกิจก็ไม่ได้เจอกันเห็นว่ามาคุยก่อนแล้วซึ่งก็ดีเพราะฉันไม่อยากเจอหน้าหมอนั่นเท่าไหร่”ตินตอบโดยที่ผมยังถามไม่จบ
อย่างที่คิดจริงๆด้วยคนที่ว่าคือคนที่ทำร้ายติน
“ทำไมถึงไม่อยากให้เห็นผมล่ะ”
“ไม่บอก”
“ห๊ะ?”คำเดียวสั้นๆทำเอาผมถึงกับพูดไม่ออก
อีกแล้วเหรอ
นี่มันกี่รอบแล้วที่ผมได้รับคำตอบกวนๆแบบนี้
“ทำหน้าตลก”พูดจบตินก็หลุดหัวเราะออกมา
“ไม่ตลกนะติน...อย่ากวนสิ ขอคำตอบแบบจริงจังหน่อย”ผมอยากรู้จริงนะ
“ที่ฉันพูดเรียกว่าไม่จริงจังตรงไหน”ยิ่งตินถามกลับด้วยใบหน้าไม่รู้ร้อนแบบนั้นก็ยิ่งทำให้ผมรู้สึกเหมือนโดนปั่นหัวมากขึ้น
“ทั้งหมดนั่นแหละ”
“หึ...สั่งอะไรดี”
“อย่าพึ่งเปลี่ยนเรื่องสิติน”ผมพูดถึงทันทีที่อีกฝ่ายเปิดเมนูบนโต๊ะขึ้นดู
“นายก็อย่าเสียงดังสิ...ถ้าเป็นเด็กดีเดี๋ยวคืนนี้จะพาไปกินบุฟเฟ่”
“บุฟเฟ่?...พูดแล้วนะ”ผมยิ้มร่าออกมาเมื่อได้ยินคำว่าบุปเฟ่
“อืม”
“แล้วจะไปกินที่ไหน”ผมถามต่อด้วยความตื่นเต้น
“โรงแรมที่เราพัก”
“หื้ม?...ที่โรงแรมมีด้วย?”
“อืม...เจ้าของโรงแรมเป็นคนเดียวกับเจ้าของห้างที่ฉันจะซื้อ...เขาเลยให้บัตรเข้าร่วมงานที่จะจัดในคืนนี้มา”ตินอธิบายนิ่งๆ มือที่จับเมนูก็เปิดไปมาเพื่อดูรายการอาหารภายใน
“งานอะไร”หรือว่าจะเป็นงานปาร์ตี้
“งานเลี้ยงฉลองครับรอบ50ปีของโรงแรม”
“งานฉลอง...เหมือนกับงานปาร์ตี้สินะ”ถ้าเหมือนกับปาร์ตี้ที่เคยเห็นก็แปลว่าต้องเต็มไปด้วยของกิน
“ก็เหมือนแต่งานฉลองมีของกินมากกว่างานปาร์ตี้เยอะ”
“ไปกันเถอะ...เดี๋ยวนี้เลย”ผมแทบทนรอถึงช่วงเย็นไม่ไหวแล้ว
“ตะกละ”เสียงพึมพำเบาๆนั่นทำให้ผมชะงักก่อนจะหันกลับไปมองค้อนติน
“ไม่ได้ตะกละ...แค่เห็นค่าของอาหารต่างหาก”ผมย้อนกลับด้วยรอยยิ้ม
แค่คิดถึงอาหารระดับโรงแรมวางเรียงรายตรงหน้าผมก็อดใจไม่ได้แล้ว
...
มาอัพต่อแล้วววว
วันนี้มาช้าเล็กน้อยพอดีออกไปทำธุระข้างนอกมากค่ะ
พอเราแต่งเรื่องนี้มาได้สักพักอยู่ๆก็เห็นภาพแพนอ้วนเป็นขึ้นมาในหัว ทำเอาหัวเราะออกมาเลยค่ะ55
กินเยอะแบบนั้นแต่ไม่อ้วนออกจะน่าอิจฉาอยู่ไม่น้อย
ตินเองก็เลี้ยงดีเหลือเกิน เดี๋ยวซื้อนู้นให้เดี๋ยวพาไปกินนั่น
น่ารักไปอีก
กล้าพูดเลยว่าเป็นเรื่องที่เราแต่งแล้วยิ้มแทบทุกตอน
หวังว่าทุกคนจะยิ้มตามเช่นกันค่ะ
ขอบคุณทุกๆกำลังที่มีให้นะคะ บางทีเราไม่ได้ดูแค่คอมเม้นท์แต่ยอดวิวเองก็มีส่วนช่วยให้เรามีกำลังใจแต่งมากขึ้น
ไว้เจอกันใหม่ตอนหน้าค่า
บ๊ายบาย

ปล.ตอนนี้นิยายเรื่องJurassicภาค2กำลังเปิดพรีอยู่หากสนใจสามารถเข้าไปดูรายละเอียดได้ทางเพจเรานะคะ
nicedog
♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪