♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ส่งท้าย♣+แจ้งข่าว}13/01/61 P.16 จบ
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ส่งท้าย♣+แจ้งข่าว}13/01/61 P.16 จบ  (อ่าน 150956 ครั้ง)

ออฟไลน์ hoihak

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 156
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-1
อยากจะบอกแพนมากกก ตินเขาใจดีกับยูแค่คนเดียวววว 55555
เขาเห็นแล้วรึป่าวอ่ะตินนน --รึป่าว? 
งานหนักแล้วละติน 555

ออฟไลน์ Pisoi

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 241
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
คนที่ชนแพน คนเดียวกับคนที่ทำร้ายติณสินะ

ออฟไลน์ jaokhwan

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 425
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
 :-[ สายเปย์ที่แท้ทรู

ออฟไลน์ poppycake

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2670
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-4
โอ๊ะโอ~~~~!!
เหมือนเราจะเจอตัวร้ายแล้วสินะ เหอๆๆๆ
ดีที่แพนของเรามีต่อม(?)เตือนภัย!!

ออฟไลน์ double9JH

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1810
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-7
คนที่ตินไม่อยากให้เจอกับแพน ไม่ใช่ว่าได้เจอกันไปแล้วหรอนั่น
 :hao4:

ออฟไลน์ Spenguin

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 173
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0

ออฟไลน์ InYume

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 154
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
แพนนี้น่ารักจริงๆ  :mew1:

ออฟไลน์ Zetnezz

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 225
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0

ออฟไลน์ ่jum

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3709
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-4
ดูเหมือนว่าแพนจะเจอเข้ากับคนที่ตินไม่อยากให้เจอแล้วซินะ  :hao4:

ออฟไลน์ FeaRes

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 738
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-2
-หน้าตาเข้าขั้นใช้ได้แต่ด้อยกว่าตินเยอะ-
ทำไมอ่านแล้วขำ หน้าตาดียังไงก็ไม่เท่าติน 55555
คนที่เดินชนแพนต้องเป้ฯคนที่ตินไม่ชอบแน่ๆเลย
แล้วทำไมตินไม่อยากให้แพนเจอขนาดนั้นกันนะะะ

แพนน่ารักกกก ล่อด้วยของกินได้ตลอดเลยยย 555555
 :katai2-1:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ lizzii

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6284
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-2

ออฟไลน์ cheezett

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 471
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3
ท่านเทพน่ารักเกินนนน  :mew1: :mew1: :mew1:

ออฟไลน์ Al2iskiren

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1789
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-3

ออฟไลน์ Readyaoi

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 212
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-1
ท่านเทพแพนน่าร้ากกก :-[

ออฟไลน์ เป็ดอนุบาล

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1405
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-2
        แพนเสน่ห์แรงจนตินหวงซินะ :mew1: :mew1: :mew1:
แพนนี่ไม่เทพเจ้าแห่งป่าแล้วค่ะต้องเรียกว่าเทพแห่งการกินอิอิ

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3437
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

ออฟไลน์ badbadsumaru

  • ♡ caramel macchiato
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2461
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +91/-2
555555 ใจอ่อนกับแพนตลอดเลยนะ

ออฟไลน์ DZiik

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 91
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0

ออฟไลน์ nicedog

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 588
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +366/-0
สัมผัส{❤}ครั้งที่14



“อ๊ะ...ตินเบาหน่อย”


“อดทนหน่อยแพน”


“แต่ว่า...อื้ออ...ไม่ไหวแล้ว...พอเถอะ”ผมเอ่ยขอด้วยร่างกายที่เริ่มสั่นจากการกระทำของคนตรงหน้า


“ถ้าไม่ไหวก็อดลงไปกินบุฟเฟ่นะ”ตินพูดเสียงนิ่งพร้อมกับดึงเนคไทสีฟ้าขึ้นจนติดคอผมแน่นไปหมด


“แน่นไปแล้ว...”หายใจจะไม่ออก


ไม่ไหวๆ


ถึงจะเพื่อบุฟเฟ่แต่ขนาดนี้ผมก็ไม่ไหวหรอกนะ


ใครเป็นคนกำหนดกฎขึ้นมาว่าต้องใส่ชุดสูทเข้างานเนี่ย


ผมที่เคยแต่ใส่ชุดยูกาตะเปิดคอสบายๆดันต้องมาทรมานกับกับใส่เสื้อเชิ้ตสีขาวติดกระดุมเม็ดบนสุดกับกางเกงสีเขีวขี้ม้า แถมด้วยเสื้อนอกสีเดียวกันทำให้ผมดูเหมือนพวกผู้ดีที่เคยเห็นในโทรทัศน์ แต่แค่นี้ยังไม่หมด...เนคไทสีฟ้าที่ถูกใส่ด้วยฝีมือของตินรัดคอผมแน่นจนแทบขาดอากาศหายใจ


เสื้อผ้าพวกนี้ผมไม่รู้ว่าตินไปจัดหามาตอนไหนเพราะในบรรดาของที่เตรียมมามีแค่ชุดลำลอง2ชุดกับชุดนอนเท่านั้น...ถึงจะบอกว่ามาเที่ยวแต่ก็ค้างแค่คืนเดียว เห็นว่าตินมีงานที่ต้องรีบกลับไปทำเลยอยู่นานไม่ได้


“อดทนน่ะเป็นไหม”ตินบ่นเล็กน้อยแล้วหันไปหยิบเน็คไทด์สีดำมาใส่ให้ตัวเองอย่างช่ำชองท่ามกลางสายตาของผมที่จ้องไปอย่างเคืองๆ


 “คุณมันไม่ใช่คน”ทำไมตินดูไม่อึดอัดเลยทั้งที่ผมเหมือนกำลังโดนทรมาน


“ฉันต้องดีใจใช่ไหมที่ถูกเทพชมว่าไม่ใช่คน”ตินย้อนพร้อมกับยกยิ้มอันหน้าหมันไส้ขึ้น


“ทำไมคุณดูไม่อึดอัดเลยล่ะ”ผมปล่อยท่าทางกวนๆนั่นไปแล้วถามสิ่งที่สงสัยออกไป


“ทำไมคิดงั้น”ตินหันมาถาม


“ก็คุณดูสบายๆ”


“ฉันชินกับการแต่งตัวแบบนี้มาตั้งแต่เด็ก...ใส่ครั้งแรกใครก็อึดอัดทั้งนั้นแหละ”


“แม้แต่ตินด้วย?”ผมเอียงคอถามเพราะไม่คิดอีกฝ่ายจะเป็นแบบนั้นหรอกนะ


“แน่สิ...ครั้งแรกที่ใส่ทำเอาฉันทำหน้าตึงตลอดงานจนไม่มีใครกล้าเข้าใกล้”


“คิก...”คำบอกเล่าด้วยน้ำเสียงติดหงุดหงิดนั่นทำให้ผมหลุดขำออกมาเล็กน้อย


คิดสภาพตินตอนนั้นก็คงไม่มีใครกล้าเข้าใกล้จริงๆนั่นแหละ


“ผ่านไปสักพักเดี๋ยวก็ชิน...ไปกันเถอะ”พูดจบตินก็เดินนำออกไปเปิดประตูห้องพักโดยที่มีกายและจิมยืนรออยู่ด้านหน้าแล้ว


กายที่อยู่ในสุดสูทสีเทาก้มหัวให้พวกเราเป็นเชิงทักทายเล็กน้อยเช่นเดียวกับจิมที่อยู่ในชุดสูทสีเลือดนก พอแต่งเต็มยศแบบนี้แล้วทั้งคู่เหมือนเป็นนายแบบในสังกัดของค่ายดังสักแห่ง...ยิ่งเอามารวมกับตินที่อยู่ในชุดสูทสีดำสนิทแต่มีลวดลายเล็กสีเงินกับกางแกงและเนคไทเข้าชุดกันยิ่งทำให้ทุกย่างก้าวที่เดินมีแต่คนมองไม่วางตา


ผมเองพออยู่ในกลุ่มนี้แล้วก็รู้สึกว่าด้อยไปเล็กน้อยทั้งที่เทพอย่างผมน่าจะเปล่งประกายมากที่สุดในกลุ่มแท้ๆ...แต่ไม่เป็นไรผมไม่อยากเด่นเท่าไหร่ วันนี้ผมมาเพื่อกินบุฟเฟ่ไม่ใช่โชว์ตัว


กายและจิมเมื่อถึงหน้างานก็ยื่นบัตรเชิญให้พนักงานต้อนรับด้านหน้าก่อนที่พนักงานสาวคนหนึ่งจะเปิดประตูให้พวกเราเข้าไปด้านในด้วยรอยยิ้มแพรวพราวออกแนวเชิญชวนตินอย่างชัดเจนแต่คนถูกมองกลับก้าวยาวๆนำเข้าไปด้านใน


“คุณนี่เนื้อหอมจริงเลยนะ”ผมอดไม่ได้ที่จะแขวะเล็กๆ


“เคยดมรึไงถึงรู้ว่าหอม”ดวงตาสีฟ้าสดหันมาสบด้วยประกายขบขัน


“เคยสิ...หลายรอบด้วยนะ”ผมตอบกลับพร้อมยักคิ้วส่งไปให้


อย่าคิดนะว่าจะกวนได้อยู่ฝ่ายเดียวน่ะติน


“โรคจิตสินะ”


“ติน!”ผมเรียกอีกฝ่ายเสียงดังลั่นด้วยความไม่พอใจ


เรียกใครว่าโรคจิตกัน


“ฉันรู้ชื่อตัวเองน่า...ไม่ต้องเรียกบ่อย”


“คุณมันกวนประสาทที่สุดเลย”


“ไม่เห็นรู้ตัว”ตินตอบกลับพร้อมยักไหล่เล็กน้อย ท่าทางนั่นน่าโมโหสุดไปเลย


ทำไมพวกผู้หญิงถึงไม่มีใครรู้นะว่าภายใต้ใบหน้านิ่งๆนั่นมีความกวนประสาทชั้นยอดหลับใหลอยู่


“ไม่คุยด้วยแล้ว”ผมสะบัดหน้าหนีเตรียมเดินไปยังโต๊ะอาหารที่วางเรียงรายอยู่รอบๆ


“จะหนีไปกินเหรอ”


กึก!


คำพูดเหมือนรู้ทันนั่นทำให้ขาของผมที่กำลังจะก้าวไปยังโต๊ะอาหารหยุดชะงักก่อนจะหมุนตัวกลับไปตรงหน้าตินที่ยกยิ้มขึ้นมา รอยยิ้มที่ปรากฏนั่นดูจะบอกกับผมว่า...


ฉันทายถูกชัวร์


“ใช่...จะกินให้หมดงานเลย...ถ้าใครถามว่าผมเป็นใครจะบอกไปตรงๆด้วยว่าเป็นแฟนคุณ”ผมย้ำเสียงดังแล้วเดินตรงไปยังโต๊ะอาหารที่ใกล้ที่สุด จานสีขาวสะอาดถูกหยิบขึ้นมาก่อนจะเดินตรงไปตักแซลมอนรมควันที่อยู่ใกล้สุดใส่จานจนล้น


คอยดูเถอะติน


ผมจะประกาศให้คนทั้งห้องรู้ว่าคุณเลี้ยงแฟนตัวเองไม่ดีถึงต้องมายืนกินบุฟเฟ่อย่างจริงจังแบบนี้


แซลมอนรมครัวหลายต่อหลายชิ้นถูกตักเข้าปากกลืนลงท้องไปจนเกลี้ยง อาหารอย่างต่อมาที่ผมเลือกคือขาหมูเยอรมันสีทองอร่ามดูแล้วหนังคงจะกรอบกรุบๆเป็นแน่


“อร่อย...”ผมหน้าฟินทันทีที่ขาหมูเยอรมันชิ้นแรกถูกกลืนลงคอไป


จากนั้นผมเริ่มการตะเวนกินอาหารที่วางอยู่บนโต๊ะทุกอย่างไล่ไปเรื่อยๆโดยไม่สนใจว่ามีใครจ้องหรือมองมา...จากที่กินมาสักพักก็รู้ว่าแขกในงานนี่แทบไม่แตะอาหารเลย ในมือมีแต่แก้วเครื่องดื่มหลากสีแล้วยืนจับกลุ่มพูดคุยอะไรกันอยู่ บางคนก็เดินทักทายตามแต่ละกลุ่ม


ดวงตาสีเขียวอ่อนของผมมองไปรอบๆเพื่อหาตินแต่แล้วก็ต้องสะดุดเข้ากับชายคนหนึ่งที่พึ่งเดินเข้าประตูมา เพียงแค่เห็นเขาผมก็หมุนตัวแล้วเดินก้าวไปยังโต๊ะอาหารต่อไปทันที


ทำไมต้องมาเจอด้วยเนี่ย


ชายที่ผมเห็นเป็นคนเดียวกับคนที่ผมชนเมื่อตอนบ่ายและเป็นคนเดียวกับที่ไม่อยากเข้าใกล้มากที่สุด...การที่เข้ามาในงานนี้ได้อย่างน้อยต้องเป็นคนที่มีบัตรเชิญ และคนที่มีบัตรเชิญก็ต้องรู้จักกับเจ้าของงานหรือเจ้าของโรงแรมนี้


แปลว่าเขาต้องมีส่วนเกี่ยวข้องอะไรในแวดวงธุรกิจนี้แน่


เสียงซุบซิบดังขึ้นรอบทิศทางพร้อมกับเหล่าสาวเล็กสาวใหญ่ที่ก้าวเข้าไปหาชายคนนั้นด้วยรอยยิ้มหวังผลอะไรสักอย่างซึ่งผมไม่สนใจหรอก ตอนนี้ต้องหาของใส่ท้องและหาตินให้เจอ


ต่อให้ผมไม่อยากเข้าใกล้แต่ไม่ได้หมายความว่าจะอยู่ร่วมกันไม่ได้


ตราบใดที่เขาไม่เข้ามาก้าวก่ายผมก็ไม่คิดจะเดินหนีอย่างไร้มารยาทหรอก


แต่ถ้าไม่ต้องเจอกันจะเป็นอะไรที่ดีมาก


“อันนี้ก็อร่อยแฮะ...”ผมพึมพำออกมาเมื่อซูชิหน้าปลาไหลถูกกลืนลงท้องไป ระหว่างกินผมก็ยังใช้สายตามองไปรอบๆเพื่อหาตินก่อนจะเจอเขาอยู่บริเวณมุมห้องโดยมีทั้งชายหญิงรุมล้อมอยู่จนแทบมองไม่เห็นตัว


ดีที่ตินค่อนข้างสูงหัวของเขาเลยเด่นขึ้นมาจากคนอื่นพอสมควร


แปะ


เฮือก


สัมผัสที่มาแตะบริเวณไหล่อย่างไม่ตั้งตัวทำเอาผมสะดุ้งแล้วก้าวถอยหลังทันที ความรู้สึกแย่ๆเริ่มเข้ามาโจมตีทำให้รู้เลยว่าคนที่แตะเป็นใคร มีแค่คนเดียวเท่านั้นที่ให้ความรู้สึกไม่ได้ออกมาแบบนี้


ผมเลือกที่จะไม่หันไปแต่คิดจะเดินหนีจากสถานการณ์นี้ทว่ากลับถูกมือของคนด้านหลังคว้าข้อมือของผมไว้แล้วดึงให้หันกลับไปเผชิญหน้ากันโดยตรง ชุดสูทสีขาวกับรอยยิ้มเพลย์บอยนั่นไม่ทำให้ผมรู้สึกดีขึ้นเลยสักนิด


“เดินหนีกันแบบนี้ฉันเสียใจนะเนี่ย”อีกฝ่ายพูดด้วยเสียงโทนเศร้า ถึงไม่ใช่ผมก็คงดูออกแน่ว่าน้ำเสียงนั่นหาความจริงใจไม่เจอเลย


“...ขอโทษด้วยผมมีธุระ”นี่เป็นข้อแก้ตัวเดียวที่คิดได้ ข้อมือที่ถูกจับอยู่ถูกผมออกแรงดึงกลับเล็กน้อยเพื่อให้คนตรงหน้ารู้ว่าควรจะปล่อยได้แล้วแต่นอกจากอีกฝ่ายจะไม่ปล่อยยังพูดคุยต่อเหมือนไม่มีอะไรด้วย


“มางานทั้งทีจะมีธุระได้ยังไง...อย่ามาเล่นตัวน่า...เธอรู้ว่าฉันมางานนี้เลยตามมาใช่ไหม”


“ห๊ะ?”ผมถึงกับเอ๋อไปเมื่อได้ยินคำพูดหลงตัวเองนั่น


ใครตามเขามากัน


ถ้ารู้ว่าจะเจอผมคงนอนเล่นอยู่ในห้องตินแล้ว


“ไม่ต้องเขินน่า”


“ผมไม่ได้เขิน...แล้วก็ไม่ได้อยากเจอคุณด้วย”ผมย้ำด้วยน้ำเสียงจริงจังให้อีกฝ่ายรู้ว่าผมไม่ได้ล้อเล่น


“อย่าโกหกเลย...ไม่ว่าใครก็อยากจะเข้าหาฉันทั้งนั้นแหละ”พูดจบเขาก็ไล่มองผมตั้งแต่หัวจรดเท้าอย่างสำรวจ สายตานั่นทำให้ผมก้าวถอยหลังไปอีกแต่ติดอยู่ที่มือเขาไม่ยอมปล่อยแขนผมสักทีนี่แหละ


“ไม่ใช่ผมคนนึงล่ะ”ใครจะอยากอยู่ใกล้คนที่ให้ความรู้สึกไม่ดีแบบนี้กัน


“เธอนี่...น่าสนใจจริงๆ...ถ้ามางานนี่ได้แปลว่าเกี่ยวข้องอะไรในแวดวงศ์ธุรกิจสินะ งั้นก็น่าจะเคยได้เห็นฉันตามข่าวหรือได้ยินชื่อเสียงของฉันมาบ้าง คนที่ปฏิเสธฉันมีแต่คนบ้าไม่ก็โง่เท่านั้น”พูดจบก็เริ่มออกแรงบีบข้อมือผมจนรู้สึกเจ็บ


“งั้นผมก็ขอเป็นคนที่ทั้งบ้าและก็โง่ละกัน...ปล่อยผมได้แล้ว”ครั้งนี้ผมใช้มืออีกข้างช่วยแกะมือที่กำแขนผมแน่นแต่ไม่ว่าจะดึงยังไงเขาก็ไม่ยอมปล่อย


“ฉันสามารถทำให้บริษัทเธอมีชื่อเสียงขึ้นหรือตกต่ำได้ในชั่วพริบตาเลยนะ...คิดดีๆก่อนตอบหน่อย”ดวงตาคมสีน้ำตาลที่จ้องมาดูน่ากลัวมากแต่มีเหรอที่ผมจะกลัวง่ายๆ


คนคนนี้ต่างกับตินแบบสุดขั้ว


ถึงตินจะมีทั้งชื่อเสียงและรวยมหาศาลแต่ไม่เคยมีครั้งไหนเลยที่ยกอำนาจเหล่านั้นมาใช้กับผม


ผมไม่รู้หรอกว่าเขาโด่งดังหรือมีชื่อเสียงขนาดไหน...ที่รู้คือคนที่ใช้แต่อำนาจกับชื่อเสียงมันอยู่ได้ไม่นานในวงศ์การนี้หรอก ใช้แต่การข่มคนที่ด้อยกว่าเพื่อให้ได้ในสิ่งที่ต้องการมันจะยิ่งสร้างศัตรูโดยไม่รู้ตัว พอนานวันเข้าทุกอย่างที่เขาทำมันจะย้อนกลับมาทำร้ายตัวเขาเอง


“คุณน่ะ...อย่าคิดว่าจะได้ทุกอย่างที่ตัวเองต้องการดีกว่านะ...จริงอยู่ที่คุณอาจไม่เคยโดนปฏิเสธแต่ไม่ใช่ว่าทุกคนที่ยอมจะยอมจากใจจริงๆ ถ้าคุณยังเป็นแบบนี้สักวันคุณจะต้องเสียใจกับการกระทำของตัวเอง”ผมบอกออกไปตามตรง


“อย่ามาสอนฉัน!”แววตาของเขาเปลี่ยนไปทันทีที่ได้ยินสิ่งที่ผมพูด อารมณ์ที่นิ่งๆดูจะค่อยๆปะทุขึ้นเพราะผมไปพูดกระทบอะไรบางอย่าง


“ผมไม่ได้สอน...สิ่งที่บอกคือประสบการณ์ที่ผมพบเห็นมานักต่อนักแล้ว”ผมกลั้นใจตอบทั้งที่รู้สึกเจ็บบริเวณที่ถูกบีบก็ตาม ผมอยู่ในโลกนี้มานานหลายศตวรรษ...พบเห็นความเจริญและความล่มจมมากับตาก็หลายครั้ง


ผมรู้จุดจบของคนแบบนี้ดี...แต่ถ้าเขายังยอมรับฟังแล้วเปลี่ยนแปลงทุกอย่างอาจไม่ได้แย่ไปทั้งหมด


“พูดเหมือนตัวเองอยู่มาเป็นร้อยๆปี...เหอะ...ปากยังไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมอย่ามาทำเป็นรู้ดี”


“โอ๊ย...”ผมร้องออกมาเมื่อแรงบีบนั่นแรงขึ้นกว่าเดิม


“ไม่มีใครกล้ามาช่วยแกหรอก...เพราะถ้าเข้ามาฉันจะทำลายบริษัทมันให้เละไปเลย”อีกฝ่ายตะโกนเสียงดังจนคนรอบข้างหันมามองเป็นตาเดียว


“...มีสิ...”ผมเงยหน้าขึ้นสบตากับอีกฝ่ายโดยไม่เกรงกลัวสายตาที่เต็มไปด้วยอารมณ์นั่นสักนิดเดียว


“หึ...ใครล่ะ ใครมันจะกล้า...”


หมับ


“ฉันไง...ปล่อยเขาซะคุณสรพงศ์”เสียงทุ้มแสนคุ้นเคยดังขึ้นจากด้านหลังผมพร้อมกับมือที่เอื้อมไปจับแขนอีกฝ่ายแน่น


ผมหันไปมองด้านหลังด้วยรอยยิ้มกว้าง


ว่าแล้วเชียวว่าต้องมาช่วยกัน


“ติน!”ผมเรียกคนด้านหลังด้วยความดีใจ


“ฉันบอกให้ปล่อย”ตินย้ำอีกครั้งด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าว ทั้งกายและจิมต่างก็เดินมาขนาบข้างด้วยใบหน้านิ่งๆ


“ก็ได้ๆ...แค่ปล่อยก็พอใช่ไหม”


ผมดึงแขนกลับทันทีที่ถูกปล่อย...รอยแดงบริเวณเหนือข้อมือขึ้นไปดูไม่หนักหนาอย่างที่คิด


ไว้ขึ้นห้องแล้วค่อยรักษาละกัน


“เฮอะ...จะเล่นบทพระเอกรึไงถึงเข้ามายุ่งเรื่องคนอื่นแบบนี้”คุณสรพงศ์ถามด้วยสายตาไม่พอใจ


“หึ...พอดีมันไม่ใช่เรื่องคนอื่นน่ะนะ”ตินพูดเสียงเรียบ


“ว่าไงนะ จะบอกว่าหมอนี่เป็นหนึ่งในคู่ค้าแกรึไง...อ้อ...ลืมไปว่าคนอย่างคุณคณาธิปชอบค้าขายกับพวกล่างๆ ฉันไม่เคยเห็นหน้าหมอนี่มาก่อนด้วยซ้ำ”คำพูดเยาะเย้ยไม่ได้ทำให้ตินดูอารมณ์เสียตรงกันข้ามตินกลับยกยิ้มขึ้นเล็กน้อยก่อนจะใช้มือข้างหนึ่งโอบเอวผมให้เข้าไปใกล้


“เขาไม่ใช่คู่ค้า...แต่เป็นมากกว่านั้น”พูดจบตินก็ขยับหน้าเข้ามาแนบกับแก้มผมเบาๆ


“ติน...”


“ก่อเรื่องเหรอแพน?”ตินก้มลงมากระซิบ


“ผมเปล่าทำนะ”ผมเอ่ยค้าน


“นี่แกจะบอกว่า...”ดูเหมือนการกระทำของผมและตินจะให้คำตอบคนตรงหน้าได้แล้วล่ะ


“หึ...เขาเป็นของฉันเพราะงั้นอย่ามายุ่ง”คำพูดเรียบๆของตินดังขึ้นพร้อมกับแสดงหลักฐานโดยการจูบเบาๆที่แก้มผม


“...”ผมได้แต่ยืนยิ้มค้างกับการกระทำของตินอยู่แบบนั้น


ให้ตายสิ


จะทำอะไรบอกกันก่อนไม่ได้รึไง


หัวใจผมเกือบหยุดเต้นไปแล้วเนี่ย


“ฮะฮะฮะ...ก็ว่าอยู่ว่าเล่นตัวชะมัด แบบนี้นี่เอง...เป็นเด็กของแกนี่เอง”คุณสรพงศ์นิ่งไปพักเดียวก็หัวเราะออกมาเสียงดัง


“ผมไม่ใช่เด็กติน”ผมบอกออกไป


คำว่าเด็กของตินให้ความรู้สึกไม่ดีเลย


“งั้นเป็นอะไรล่ะ”


“แพน...หยุด...”ตินพยายามเรียกแต่ตอนนี้ผมไม่สนใจอะไรแล้ว


“ผมเป็นแฟนติน”


“อุ๊บ...ฮะฮะฮะ...ตลกมาก เป็นมุขที่ใช้ได้เลย โดนหลอกด้วยคำว่าแฟนน่าสงสารจริงๆ...เธอคิดผิดแล้วที่เลือกเข้าหามันถ้าเลือกฉันเธอคงได้ทุกอย่างที่ต้องการง่ายๆไม่ใช่กับพวกตายด้านแบบนั้น”


“อย่ามาว่าตินนะ...คุณมันจะรู้อะไร...คุณน่ะ...”


“แพน...พอแล้ว”ตินที่เงียบกระชับมือที่โอบตัวผมแน่นขึ้นก่อนจะเรียกชื่อ


“แต่ว่า...”ผมไม่ยอมหรอกนะ


เขากล้ามาพูดว่าตินแบบนั้นได้ยังไง


ตินไม่ใช่คนแบบนั้น


เขาไม่เคยหลอกผม


ไม่เคยสักครั้งเดียว


“พอแค่นี้เถอะคุณสรพงศ์...และทางคุณคณาธิปด้วย”เสียงทุ้มออกต่ำของชายในใช้ไม้เท้าพยุงเดินเข้ามายืนตรงกลางระหว่างพวกผมและคุณสรพงศ์ ด้านหลังของคนคนนี้มีคนดูแลอยู่เกือบ6คนได้


เหมือนจะเป็นคนสำคัญพอดู


“คุณประชาวี...มาก็ดีเลย สรุปว่าห้างทางฝั่งตะวันตกของโรงแรมนี้จะขายให้ใคร?”คุณสรพงศ์ถามชายวัยกลางคนเสียงนิ่ง


ผมที่ยืนนิ่งก็ได้แต่เบิกตากว้างขึ้นเมื่อรู้ว่าชายวัยเกือบชราตรงหน้าเป็นเจ้าของโรงแรมแห่งนี้และยังเป็นเจ้าของห้างที่ตินอยากได้ ที่น่าตกใจไม่ใช่แค่นั้น...คำพูดของคุณสรพงศ์ทำให้ผมรู้ว่าคนที่เป็นศัตรูและคอยรอบทำร้ายตินมาหลายต่อหลายครั้งเป็นคนคนเดียวกับที่ผมไม่อยากเข้าใกล้


“เรื่องนี้ฉันก็คิดหนักอยู่จนถึงเมื่อครู่...แต่ตอนนี้ฉันได้ข้อสรุปแล้วว่าจะขายให้กับคนที่ไว้ใจได้...หวังว่าคุณจะพัฒนาห้างนี้ให้เติบโตได้นะคุณคณาธิป”พูดจบเขาก็ยื่นมือมาตรงหน้าผม...ไม่สิ ตรงหน้าตินพร้อมรอยยิ้ม


“แน่นอนครับ...ขอบคุณที่เลือกเรา”ตินจับมือตอบพร้อมยกยิ้มขึ้นบางๆ


“ทำไม?!...ทำไมถึงเลือกมันแทนที่จะเป็นฉัน?!”คนที่ไม่ถูกเลือกตะหวาดลั่นงานจนเพลงที่เปิดคลออยู่ถึงกับเงียบลง


“ฉันต้องเลือกคนที่สามารถต่อยอดธุรกิจได้โดยไม่ใช้อารมณ์ ตอนแรกที่คุณเข้ามาติดต่อจะซื้อห้างต่อฉันก็พอรู้ข่าวเกี่ยวกับอารมณ์ของคุณมาบ้างแต่ก็ไม่คิดว่าจะเป็นขนาดนี้ การทำธุรกิจน่ะใช้อารมณ์แบบนั้นไม่ได้หรอกนะ”ชายสูงวัยเจ้าของโรงแรมหันไปพูดด้วยความสุภาพ


“ฉันก็ทำของฉันมาแบบนี้ ไม่เห็นมีใครบ่นสักคำ...เฮอะ...ฉันก็ไม่ได้อยากได้ห้างเก่าๆนี่เท่าไหร่หรอก”พูดจบก็เตรียมจะหันหลังเดินไปแต่ก่อนไปก็หันมาทางตินอีกรอบ


“แก...คณาธิป...ฉันไม่ปล่อยแกไว้แน่...ทั้งแก...แฟนแก...ฉันจะเอาคืนให้สาสม!”


สิ้นเสียงตะโกนคนทั้งงานก็ตกอยู่ในความเงียบอันหน้าอึดอัด แต่พอเจ้าของคำขู่นั่นจากไปบรรยากาศก็เริ่มผ่อนคลายขึ้นทีละน้อย...เพลงที่ถูกปิดก็ค่อยๆถูกเปิดคลอเบาๆอีกครั้ง


“ขอโทษด้วย...ฉันไม่คิดว่าเขาจะมา”คุณประชาวีเอ่ยกับตินตามตรง


“ไม่ใช่ความผิดคุณหรอกครับ”


“ไว้จะส่งสัญญาไปให้นะ...ฉันขอตัวก่อนล่ะ ไม่ไหวเลยพออายุมากก็รับเรื่องพวกนี้ไม่ค่อยได้ ปวดหัวจริงๆ”เจ้าของโรงแรมบ่นไปพลางเรียกให้คนดูแลสองคนมาช่วยพยุงออกจากห้องไปอีกคน


“เฮ้อ...เพราะแบบนี้ถึงไม่อยากให้หมอนั่นเจอนายไง”ตินพึมพำเสียงเครียด


“ติน...”


“กลับห้องเถอะ...อิ่มแล้วใช่ไหม”ตินถามก่อนจะเดินจูงมือผมออกไป


“ถ้าบอกไม่อิ่มจะทำยังไงล่ะ”


“เดี๋ยวสั่งขึ้นไปให้”ตินบอกโดยที่ยังไม่หยุดเดินทั้งกายและจิมต่างก็เดินตามมาเงียบๆ


“สั่งของตินด้วยนะ”ผมหันไปบอกยิ้มๆ


“ทำไม”


“ตินยังไม่ได้กินอะไรนี่...เดี๋ยวเป็นโรคกระเพราะหรอก”


“ฉันไม่หิว”ตินบอกปัดก่อนจะเข้าไปในลิฟต์


“นี่จิม”ผมเปลี่ยนไปเลยจิมหลังจากที่เข้ามาในลิฟต์แล้ว


“ครับคุณแพน”


“สั่งอาหารขึ้นมาให้หน่อยนะ...เผื่อของตินด้วย”ในเมื่อตินบอกปัดผมก็ต้องหาวิธีให้เขากิน


“จิม...ไม่ต้องเผื่อ”ตินบอกบอดี้การาดคนสนิทเสียงเข้ม


“เอ่อ...”


“จิม...ต้องเผื่อนะ...จิมก็เห็นนี่ว่าตินยังไม่ได้กินอะไรเลย ขืนตามใจบ่อยๆตินต้องป่วยแน่ๆ”ผมรีบพูดต่อเมื่อเห็นว่าจิมเริ่มลังเลระหว่างผมกับเจ้านายตัวเอง


“จิม”


“จิม”ผมกับตินต่างเรียกชื่อเดียวกันออกมาอย่างไม่นัดหมายทำเอาคนถูกเรียกชื่อต้องยกมือขึ้นเกาหัวด้วยความหนักใจ


“กาย...เอาไงดี”พอตัดสินใจเองไม่ได้ก็หันไปขอความเห็นกายที่ยืนอมยิ้มอยู่ข้างๆ


“แล้วแต่สิ”คำตอบที่ได้ดูจะไม่ช่วยคนถามสักเท่าไหร่


“จิม...เชื่อที่ผมพูดนะ...เวลาตินไม่กินมื้อเย็นจะชอบปวดท้องตอนกลางคืนตลอด ผมที่อยู่ด้วยไม่โกหกแน่นอนเพราะงั้น...”


“ฉันไม่เคยปวดท้องตอนกลางคืน”ตินรีบพูดแทรกเมื่อเห็นผมโกหก


“ชิ...”ผมได้แต่แอบทำหน้าไม่พอใจเมื่อถูกจับได้


“เอ่อ...เอางี้นะครับ...ยังไงคุณแพนก็สั่งเยอะอยู่แล้วเพราะงั้นคงไม่ต้องสั่งเผื่อคุณตินแต่แบ่งของคุณแพนให้คุณตินแทนสิครับ”จิมเองก็พยายามอย่างมากที่จะไม่ให้ถูกทั้งผมหรือตินโกรธ


แม้ในความจริงผมจะไม่เคยโกรธก็ตาม


“แบบนั้นก็ได้...ขอบคุณนะจิม”


“...ครับ”


จากนั้นผมก็เดินตามตินเข้าไปภายในห้องบนชั้น35...ทันทีที่เข้ามาผมก็รีบวิ่งตรงไปยังห้องน้ำเพื่อจัดการอาบน้ำสระผมให้เรียบร้อย ตั้งแต่ที่ไปเดินริมหาดทรายเส้นผมสีเขียวก็ทั้งพันกันแถมยังเหนียวไปหมด...ผมกะจะอาบก่อนไปงานแต่ตินก็บอกว่าไม่มีเวลาแล้วเลยจำใจต้องมัดเส้นเหนียวๆของตัวเองลงไปร่วมงาน


ผมว่าเวลาน่ะมีแต่ตินคิดจะแกล้งผมเท่านั้นแหละ


“ติน...ผมอาบเสร็จแล้วเข้าไปอาบเลย”ผมออกมาเรียกตินที่นั่งอยู่บนโซฟาในห้อง


“ก่อนไปฉันมีเรื่องจะคุยให้ชัดๆก่อน...มานั่งนี่”พูดจบก็ชี้ไปยังด้านข้างตัวเองที่ว่างอยู่


“มีอะไรเหรอ?”ผมถาม


“ไปรู้จักกับหมอนั่นตอนไหน”ตินถามเสียงเครียด


ผมรู้ว่าหมอนั่นที่ตินหมายถึงคือใคร


“เจอตอนที่ลงไปเดินเล่นริมหาด”


“เกิดอะไรขึ้นรึเปล่า...ตอนนั้นท่าทางนายไม่ค่อยดี”


“จะบอกว่าเกิดก็คงเกิดแหละ”


“อธิบายมาชัดๆ...หมอนั่นทำอะไรนาย”ใบหน้าตินเริ่มหงุดหงิดขึ้นเมื่อพูดถึงคุณสรพงศ์


“ติน...ผมเคยบอกใช่ไหมว่าเทพอย่างพวกเรารับรู้ถึงความรู้สึกของมนุษย์ได้...กับคนคนนั้นเองก็เหมือนกัน ความรู้สึกที่รับรู้ได้คือไม่ดี”


“ไม่ดี?”


“อืม...ผมไม่อยากตีความของคำว่าไม่ดี...แต่ก็ไม่ดีอย่างที่บอกแหละ...ความต้องการของเขารุนแรงจนผมไม่อยากอยู่ใกล้ที่คุณเห็นผมไม่ปกติเพราะเรื่องนี้”


“หมายความว่าเข้าใกล้แล้วรู้สึกไม่ดี?”


“ประมาณนั้น...ผมพึ่งเคยเจอมนุษย์ที่ให้ความรู้สึกแย่แบบนี้ครั้งแรก ติน...ผมไม่อยากให้คุณไปยุ่งกับเขาเลย”ผมบอกสิ่งที่คิดออกไป


ถ้าตินไปยุ่งกับเขามันต้องเกิดเรื่องอะไรขึ้นแน่ๆ


และต้องไม่ใช่เรื่องดีด้วย


คำขู่ก่อนออกไปนั่นเป็นหลักฐานอย่างดี


“ฉันก็ไม่ได้อยากยุ่ง...แต่อีกฝ่ายชอบมายุ่งกับฉันเอง อย่างงานนี้ก็คิดจะเข้ามาแย่งห้างที่เล็งไว้”


“ผมรู้สึกไม่ปลอดภัยเลยถ้าเขามาอยู่ใกล้”


“ไม่ต้องห่วง...ฉันไม่ยอมให้หมอนั่นทำอะไรนายหรอก...”


“ไม่ต้องมาห่วงผม...ห่วงตัวเองเถอะติน คุณน่ะอยู่ในอันตรายนะ”ผมพูดขัด ตินควรจะห่วงตัวเองมากกว่าจะมาห่วงผม


ผมน่ะไม่เป็นไรหรอกต่อให้เจ็บขนาดไหนก็ไม่ตาย


แถมด้วยพลังที่มีทำให้สามารถรักษาได้ทันทีอีก


พูดถึงรักษาผมก็ยกแขนข้างที่ถูกบีบอย่างแรงขึ้นมา รอยสีแดงเป็นจ้ำบนแขนดูเหมือนจะเรียกความสนใจของตินพอสมควร เขาเอื้อมมือมาคว้าแขนผมไปมองใกล้ด้วยสายตาที่หงุดหงิดอยู่พอสมควร


“เจ็บมากเลยใช่ไหม”ตินถามเสียงเบา


“อืม...แต่ไม่เป็นไร”


“ไม่เป็นไรที่ไหน...เดี๋ยวจะให้กายมาทำแผลให้”


“ไม่ต้องหรอก”ผมส่ายหน้าไปมาเพื่อย้ำสิ่งที่พูด


“ทำไม”


“คุณลืมแล้วเหรอว่าผมเป็นใคร”พูดจบผมก็ใช้มืออีกข้างทาบลงบนรอยแดงก่อนจะตั้งสมาธิ แสงสีเขียวอ่อนที่ปรากฏขึ้นนั้นช่วยบรรเทาความเจ็บปวดที่มีให้หายไป


ไม่ใช่แค่ความเจ็บปวดแต่รอยแดงก็หายไปเช่นกัน


“ติน...ผมน่ะไม่เป็นหรอก ไม่ต้องห่วงผมขนาดนี้...ผมอยากให้ตินห่วงตัวเองให้มากๆเพราะชีวิตที่ผมช่วยยืดให้มันอาจไม่มีเป็นครั้งที่2แล้ว”เทพเมื่อได้ช่วยชีวิตมนุษย์ไปครั้งหนึ่งก็จะอยู่ด้วยกันจนกว่าจะหมดอายุไข แต่ในระหว่างนั้นถ้ามีการบาดเจ็บที่สาหัสมากๆพวกเราก็ไม่สามารถทำอะไรได้นอกจากช่วยรักษาอย่างสุดความสามารถที่เทพองค์นั้นๆมี


พลังที่จะช่วยฟื้นชีวิตมีแค่ครั้งเดียวเท่านั้น


ดังนั้นถ้าเกิดตินถูกยิงที่หัวใจอีกรอบต่อให้เป็นผมก็ไม่อาจช่วยอะไรได้อีก


“แพน...”


“สัญญานะว่าจะดูแลตัวเองดีๆ”


“...เข้าใจแล้ว...แต่นายก็ต้องสัญญาด้วย”


“สัญญาอะไร”


“ต่อจากนี้ถ้าจะไปไหนต้องบอกกันก่อนทุกครั้ง ที่หนีลงไปเดินเล่นนี่จะเป็นครั้งสุดท้าย ฉันจะดูแลตัวเองดีๆในทางกลับกันนายก็ต้องดูแลตัวเองด้วย...แค่นี้ได้ไหม”คำพูดของตินกับสัมผัสของฝ่ามือที่เอื้อมมาลูบแก้มเบาๆนั้นทำให้ผมได้แต่พยักหน้ากลับไปเบาๆด้วยความรู้สึกแปลกๆที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน


ตินเป็นห่วงผม


ไม่ใช่ห่วงธรรมดาแต่ห่วงมากด้วย


“ดีมาก...ฉันไปอาบน้ำล่ะ ถ้าอาหารมาก็กินไปก่อนเลย”ตินพูดก่อนจะลุกจากโซฟาไป


“กินก่อนน่ะได้แต่ถ้าคุณไม่ยอมออกมากินละก็...”


“ก็?”


“ผมจะยกทั้งจานเข้าไปยัดปากคุณในห้องน้ำ”ผมประกาศลั่นด้วยใบหน้าจริงจัง


“หึ...อยากเห็นฉันโป๊บอกดีๆก็ได้”ทั้งที่ทำหน้าจริงจังแต่ตินกลับกวนผมกลับเหมือนเคย


“ใครจะอยากดูกัน”


“คนไม่อยากดูไม่พูดว่าจะตามไปถึงในห้องน้ำหรอกนะ”


“คุณนี่มัน...”


“เอาที่สบายใจเลยครับท่านเทพ”


“ติน!”ผมตะโกนไล่หลังน้ำเสียงยียวนกวนโมโหนั่น บนโซฟาที่มีหมอนอิงวางอยู่ถูกผมหยิบขึ้นมาแล้วเขวี้ยงไปหาตินเต็มแรงแต่อีกฝ่ายทำเพียงเอียงคอเล็กน้อยก่อนจะหันกลับมายักคิ้วให้พร้อมกับประตูห้องน้ำที่ถูกปิดลง


น่าโมโหที่สุด


คอยดูนะผมจะเอาข้าวยัดปากให้ท้องแตกไปเลย




(มีต่อค่ะ)

ออฟไลน์ nicedog

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 588
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +366/-0
(ต่อนะคะ)


เช้าของวันต่อมาผมออกมายืนรับลมร้อนของแสงแดงตั้งแต่ก่อนพระอาทิตย์ขึ้น...เทพอย่างพวกเราไม่จำเป็นต้องนอนแต่เพราะมาอยู่กับตินแบบนี้ผมเลยต้องนอนบ้างแต่ไม่กี่ชั่วโมงก็ตื่นแล้ว กลิ่นของลมที่พัดมาจากทะเลทำให้ทั้งร่างผมรู้สึกเหนียวๆขึ้นมาอีก


เส้นผมสีเขียวเข้มปลิวไสวไปตามแรงลม บางครั้งก็ตีหน้าผมจนต้องหลังหน้าหนี


“แพน”เสียงของตินดังขึ้นก่อนที่ร่างบนเตียงจะลุกขึ้นนั่ง


ห้องพักนี้เปิดเข้ามาก็มีเตียงขนาดใหญ่อยู่ริมห้องโดยที่ด้านข้างมีประตูเลื่อนให้เดินออกมารับลมบริเวณระเบียงได้เหมือนที่ผมยืนอยู่นี่ ห้องน้ำเองก็อยู่ถัดจากประตูทางเข้ามาเล็กน้อย


“นอนต่ออีกเดี๋ยวก็ได้ติน...นี่พึ่ง7โมงเอง”ผมเลื่อนประตูก่อนจะชะโงกหัวเข้าไปด้านใน


“ไม่เป็นไร...เดี๋ยวต้องกลับไปประชุมอีก”


“ประชุมกี่โมง”


“10โมง”


“ห๊ะ?...แล้วจะกลับทันเหรอ”กว่าจะไปถึงก็ต้องรถติดอีกเท่าไหร่แค่3ชั่วโมงไม่ทันแน่ๆ


“ไม่เป็นไรน่า...สั่งอะไรมากินสิ”ตินลุกขึ้นจากเตียงในสภาพเส้นผมสีดำเด้งขึ้นเป็นหย่อมๆ


“คุณจะกินอะไรล่ะเดี๋ยวผมสั่งให้”พูดจบก็เดินเข้าไปตินแล้วเอื้อมมือไปจับผมที่กระดกขึ้นมา


“ฉันไม่...”


“ถ้าบอกว่าไม่กินหรือไม่หิวเตรียมเจอมื้อใหญ่ได้เลย”ผมพูดแทรกด้วยใบหน้าจริงจัง


“แม่ฉันยังไม่ทำขนาดนี้เลย”ตินแอบบ่น


“ผมได้ยินนะ”


“ก็พูดให้ได้ยินน่ะสิ”


“ติน”


“...เอาแซนด์วิชทูน่า”สุดท้ายตินก็ยอมบอกสิ่งที่จะกินแม้จะมีการถอนหายในยาวตามมาก็ตาม


“ดีมาก”


จากนั้นผมก็โทรไปสั่งแซนด์วิชขึ้นมาโดยบอกให้ใส่กล่องจะได้กินระหว่างขับรถกลับได้สะดวก ขืนเสียเวลากินมื้อเช้าคงได้ถึงนู่นเที่ยงพอดี


รถยนต์คันสีดำเงาแล่นออกสู่ถนนใหญ่โดยที่ดวงตาสีเขียวอ่อนของผมมองออกไปด้านนอกชมวิวทะเลที่ค่อยๆหายไป ผ่านไปสักพักบางอย่างก็เริ่มไม่ปกติ...ทุกครั้งที่ผมนั่งรถนี่ก็แทบไม่มีเสียงพูดคุยอยู่แล้วแต่ครั้งนี้ดูจะมีบรรยากาศแปลกๆแผ่ออกมา


“ติน”ผมหันไปเรียกตินที่นั่งขมวดคิ้วอยู่ด้านข้าง


“อะไร”อีกฝ่ายพยายามตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงปกติแต่ก็หลอกผมไม่ได้หรอก


“เกิดอะไรขึ้น?”ผมถามออกไปตามตรง


“รู้ด้วย?”ถึงจะเหมือนคำกวนแต่ใบหน้าของตินไม่ได้เล่นด้วย


“อืม...ทุกคนแผ่บรรยากาศแปลกๆออกมา”


“...มีรถขับตามมาตั้งแต่ออกจากโรงแรม”คำพูดนั้นทำให้ผมเตรียมจะหันกลับไปมองด้านหลังแต่ก็ถูกมือของตินจับไว้ก่อนจะพูดต่อ...


“อย่าหันไปเดี๋ยวพวกมันรู้ตัว”


“แต่ว่า...”


“อยู่เฉยๆ...เดี๋ยวกายจะสะลัดพวกมันให้หลุดเอง”พูดถึงตรงนี้ตินก็ก้มหน้าลงมาชิดผมพร้อมกับกระซิบบางอย่างให้ได้ยินกันแค่สองคน


“ถ้ามีอะไรเกิดขึ้น...กลับไปอยู่ในร่างเทพซะ”


“ติน...”ผมเงยหน้ามองอีกฝ่ายทันที


“เข้าใจนะ”


“แต่...โอ๊ะ!”สิ่งที่กำลังจะพูดถูกกลืนเข้าไปในคอเมื่อกายที่เป็นคนขับรถเพิ่มความเร็วขึ้นพร้อมกับเลี้ยวรถฝ่าไฟเหลืองด้วยความเร็วสูง


กระจกมองหลังที่ผมมองอยู่เห็นได้ว่ามีรถสีดำอีก2คันฝ่าไฟแดงตามมาติดๆ ด้วยฟิล์มสีดำที่ติดไว้บนรถทำให้มองไม่ให้ว่าคนขับเป็นใครรวมทั้งมีจำวนเท่าไหร่ แต่ถึงจะไม่รู้ก็เดาได้ว่าไม่ได้มาน้อยๆแน่


ถนนที่เลี้ยวเข้ามามีรถแล่นอยู่บางตากายเลยสามารถเพิ่มความเร็วได้มากกว่าเดิม จิมที่นั่งอยู่ด้านข้างก็หยิบวัตถุสีดำที่เหน็บไว้ตรงกางเกงขึ้นมา...แววตาขี้เล่นที่มักแสดงออกมาเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิงแล้ว


“เล็งที่ล้อรถ”ตินพูด


“ครับ”จิมพยักหน้าก่อนจะลดกระจกด้านข้างลงแล้วเล็กปืนไปยังรถที่อยู่ด้านหลัง


ปัง!


เอี๊ยด!


ทันทีที่เสียงปืนนัดแรกดังขึ้นรถคันหนึ่งที่ตามมาก็ชะลอความเร็วพร้อมกับตัวรถที่ส่ายไปมาราวกับควบคุมไม่ได้ นั่นแปลว่าเพียงนัดเดียวก็สามารถเล็งโดนล้อรถได้


ปัง!


ปัง!


“หมอบลง”ตินสั่งแล้วจับหัวผมกดลงบนตัก


ดูจากเสียงปืนคงเป็นของรถอีกคันที่ยังตามมาติดๆ ผมลอบสงเกตเหตุการณ์ด้วยกระจกมองหลัง...ภาพของคนในชุดดำประมาณสามสี่คนเล็กปืนตรงมาทางรถที่พวกเราอยู่


ปัง!


ปัง!


จิมเองก็ยิงตอบโต้กลับไประหว่างนั้นก็หันไปมองกายเป็นเชิงขอความเห็นว่าจะเอายังไงดี


“ฉันขับรถอยู่...ต้านไว้จิม”


“อย่าพูดเหมือนง่ายสิ...นี่มันถูกรุมชัดๆ”จิมบ่นแล้วหันไปยิงตอบโต้


“เดี๋ยวฉันช่วย”ตินที่เงียบอยู่ๆก็พูดขึ้นพร้อมกับเอื้อมมือไปหยิบปืนที่อยู่ใต้เบาะขึ้นมาเตรียมพร้อม


“คุณติน”


“กายระวังอย่าให้รถถูกยิงล้อ”ตินสั่งก่อนจะขยับตัวไปยังหน้าต่างรถ


“ตินให้ผม...”


“อยู่เฉยๆแพน”ยังไม่ทันได้พูดอะไรตินก็พูดแทรกขึ้นมาก่อน ดวงตาสีฟ้าที่จ้องมาทำให้ผมได้แต่อยู่นิ่งๆตามเดิมทั้งที่อยากจะช่วยอะไรบ้างแท้ๆ


ปัง!


ปัง!


เอี๊ยดดด


ยิงโต้ตอบกันสักพักรถก็เริ่มส่ายไปมาอย่างรุนแรงจนกายสถบออกมาด้วยความไม่พอใจแต่ยังคงพยายามพยุงรถที่น่าจะถูกยิงล้อหลังให้ขับต่อไปแม้ว่าจะลำบากมากก็ตาม


“คุณตินครับ”กายเรียกด้วยน้ำเสียงเหมือนขอคำสั่ง


“จอดรถแล้วลงไปจัดการให้จบ”เพียงแค่ได้ยินคำสั่งนั้นกายก็เหยียบแบรกแล้วหมุนรถกลับจนรถสีดำเงาหยุดนิ่งพร้อมกับปืนที่ถูกหยิบขึ้นมาเตรียมพร้อม


รถอีกคันที่ตามมาหยุดลงก่อนจะเปิดประตูอ้าออก กลุ่มคนประมาณ6คนออกมาพร้อมอาวุธปืนในมือ...ทางตินเองก็เปิดประตูออกเช่นกันโดยมีจิมอยู่ทางขวาและกายกับตินอยู่ทางซ้าย


ผมได้แต่อยู่ในรถมองดูภาพการต่อสู้อันเสียเปรียบนี่เท่านั้น


ไม่ชอบเลย


ปัง!


ปัง!


เสียงกระสุนยิงเข้าบริเวณประตูดังขึ้นติดๆกันโดยไม่มีทีท่าว่าจะหยุด


“โธ่เว้ย...คุณน่าจะให้ผมเก็บหมอนั่นตั้งแต่ในงานนะครับคุณติน!”กายตะโกนพร้อมกับยิงสวนกลับไป


“ขืนยิงตรงนั้นก็เป็นปัญหาน่ะสิ”


“แต่เพราะปล่อยไว้เลยเป็นแบบนี้ไงครับ”กายพูดต่อ


“คนที่ยิงคือคุณสรพงศ์เหรอ?”ผมถามตินออกไป


“หมอนั่นไม่มาด้วยตัวเองหรอก...คงเป็นพวกลูกน้อง”ตินตอบกลับ


ผมได้แต่ฟังแล้วก็เม้มปากแน่นเพราะไม่มีอะไรที่สามารถทำได้เลย...ปืนก็ยิงไม่เป็น อยากจะช่วยแต่ถ้ามีคนรู้ถึงพลังที่มีมันจะลำบากได้


“...งั้นถ้าไม่รู้ก็เป็นไรสินะ”ผมพึมพำกับตัวเอง


“แพน...ว่าไงนะ?”ตินหันมาถามเสียงเข้ม


“ผมจะช่วย”


“อยู่เฉยๆซะ”


“ไม่!”ผมส่ายหน้าปฏิเสธ


“แพน”


“ผมไม่ใช่ลูกน้องคุณ”ผมตอบก่อนจะหันไปสบดวงตาสีฟ้าสดด้านข้างอย่างแน่วแน่


ในเมื่อไม่ใช่ลูกน้องคำสั่งนั้นผมก็ไม่จำเป็นต้องทำตาม


ผมขยับตัวออกมาจากรถโดยมีตินพยายามดันผมให้กลับเข้าไปแต่เพราะความดื้อดึงสุดท้ายผมก็สามารถลงมาอยู่บนพื้นถนนข้างๆตินได้สำเร็จ


“ดื้อ”


“ผมแค่อยากช่วย”


“นายจะช่วยอะไรได้”


“ได้สิ...”ต้องทำอะไรสักอย่างแต่จะให้คนรู้สึกพลังนี้ไม่ได้


ผมคิดกับหันไปด้านข้างที่มีต้นไม้ทั้งใหญ่และเล็กอยู่ เกาะกลางถนนที่กว้างเกือบ2เมตรมีต้นไม้ปลูกอยู่ยาวตลอดทาง สิ่งที่เห็นทำให้ผมยิ้มออกก่อนจะพุ่งตัวไปหลบหลังต้นไม่ท่ามกลางเสียงปืนที่ไล่หลังมา


“แพน!!”


ปัง!


ปัง!


“เฮ้อ...เกือบไปๆ”ผมหย่อนตัวลงนั่งพิงหลังเข้ากับต้นไม้แล้วหันไปโบกมือให้ตินว่าไม่เป็นไร ดวงตาสีฟ้าหรี่ลงอย่างน่ากลัวที่ผมทำอะไรโดยไม่บอก...รู้ได้เลยว่าถ้าจบเรื่องคงถูกบ่นยาวแน่


เอาเถอะ


ตอนนี้ต้องช่วยตินก่อน


ฝ่ามือทั้งสองข้างถูกวางทาบลงบนพื้นหญ้าพร้อมกับผมที่สูดลมหายใจเข้าจนเต็มปอด เสียงของต้นไม้น้อยใหญ่ที่อยู่บริเวณโดยรอบดูจะรับรู้ถึงตัวตนของผมได้เลยส่งเสียงบอกว่าจะให้ยืมพลังซึ่งนั่นทำให้ผมยิ้มออกมาบางๆ


“ขอบคุณ...ขอผมยืมพลังหน่อยนะ”แสงสีเขียวอ่อนสว่างวาบเพียงแค่พริบตาเดียวก่อนต้นไม้ที่อยู่ใกล้กับเหล่าชายชุดดำนั่นจะเจริญเติบโตอย่างรวดเร็วจากที่มีแค่ใบกลับปรากฏรวงของดอกไม้ก่อนจะแปรเปลี่ยนเป็นผลขนาดกลางที่สุกเต็มที ผลสีน้ำตาลแดงตกใส่ทั้งรถและเหล่าคนที่อยู่ด้านใต้ติดต่อกันราวกับตั้งใจ


เสียงสบถจากด้านนั้นดังขึ้นพร้อมกับเสียงปืนที่หยุดลง...ความจริงก็อยากจะใช้วิธีที่รุนแรงกว่านี้แต่ถ้าทำจริงจะมีคนสงสัยได้ ถึงวิธีแบบนี้จะทำให้คนสงสัยไม่ต่างกันก็เถอะ


“แพน!”ผมหันไปตามเสียงเรียกก่อนจะพบกับตินที่ก้าวมาหาผมด้วยใบหน้าตึงๆ


เห็นแบบนั้นผมก็เริ่มมีสีหน้าสำนึกแล้วเตรียมเดินเข้าไปหาตินแต่ก่อนจะไปผมก็หันไปเห็นว่ามีหนึ่งในชายชุดดำเล็งปืนมาทางติน
“คุณติน!”กายเองก็รีบตะโกนบอกแล้ววิ่งมาแต่ดูจากระยะทางคงไม่ทัน


ในวินาทีนั้นผมไม่หลงเหลืองสติที่ใช้คิด ร่างกายมันไปเองโดยที่ไม่รู้ตัว...สิ่งที่อยู่ในหัวมีเพียงจะไม่ยอมให้ใครมาทำร้ายตินได้
ภาพของตินที่นอนจมกองเลือดเมื่อถูกยิงทะลุหัวใจครั้งนั้นผมไม่อยากเห็นอีก


ถ้าครั้งนี้เขาถูกยิงที่หัวใจอีกต่อให้เป็นเทพอย่างผมก็ไม่อาจคืนชีวิตให้ได้อีกแล้ว


คนที่ผมเลือกที่จะช่วย


ชีวิตที่ผมได้มอบให้อีกครั้ง


จะไม่ยอมให้ใครมาพรากมันไปตราบเท่าที่ผมยังอยู่ข้างเขา


ปัง!


“แพน!!!”
...............................................................

จบไปอีกหนึ่งตอนนน

เราพอเดาคอมเม้นท์ได้เลยว่าจะมีเขียนอะไรบ้าง 55

ตอนนี้อาจค้างไปนิด//ความจริงก็ไม่นิด

ใครอ่านผลงานเราคงพอจะรู้ว่าเราค่อนข้างชอบฉากบู๊ๆ แต่เทพแพนนั้นบู๊ได้ไม่มากเลยเอาแค่เบาะๆ

ช่วงนี้เราเริ่มออกสหกิจศึกษาเลยไม่มีเวลาแต่งนักแต่จะพยายามอัพให้ได้ตามปกตินะคะ

อาจมีบางอาทิตย์ที่ไม่ได้ลงแต่จะบอกล่วงหน้าค่ะ

ขอบคุณสำหรับทุกๆคอมเม้นท์และทุกๆกำลังใจนะคะ

ไว้เจอกันใหม่ตอนหน้า

บ๊ายบาย

nicedog

♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ jaokhwan

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 425
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0

ออฟไลน์ hoihak

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 156
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-1
เฮ้ยยยยยยยเฮ้ยยยยยยย ไม่นะะะ แพนนนนนนนน  :katai1: :ling3:

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7538
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
แพน ไม่เป็นไรนะ  :z3: :z3: :z3:

ออฟไลน์ fc_fic

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2598
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-7

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
กระสุนจะทะลุตัวแพนไหม

ออฟไลน์ missm2c

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 86
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
ทำไมอย่างนี้อ่าาาาาา มันค้างรู้ไหม แพนจ๋าาา ฮือออออ~ มาต่อเร็วๆนะ

ออฟไลน์ КίmY

  • BJYX♥
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1715
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-3
ม่ายยย อย่าทำร้ายเราแบบนี้เลย  :dont2:

ออฟไลน์ hoshinokoe

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1042
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +31/-0
นั่นค้างงงง ตลอดดดดด

ออฟไลน์ double9JH

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1810
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-7
แพนเป็นไรมั้ยอ่ะ  :katai1: :katai1:

ออฟไลน์ InYume

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 154
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด