♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ส่งท้าย♣+แจ้งข่าว}13/01/61 P.16 จบ
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ส่งท้าย♣+แจ้งข่าว}13/01/61 P.16 จบ  (อ่าน 151277 ครั้ง)

ออฟไลน์ badbadsumaru

  • ♡ caramel macchiato
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2458
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +91/-2
แพนจะเป็นอะไรไหม เง้อออ

ออฟไลน์ เป็ดอนุบาล

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1404
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-2
5555
แบบนี้ก็ได้เหรอค่ะใจร้ายจังเลยอิอิ
รออ่านะค่ะ :mew1: :mew1: :mew1: :mew1:

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3433
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

ออฟไลน์ Snowermyhae

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4014
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-7
ชอบพลังแพนน่ารักมากกกก ทีนี้ถ้าโดนยิงจะรักษายังไง หมอรักษาไม่ได้ใช่ไหม  :hao7:


สังเกตว่าช่วงสองสามตอนมานี้คำผิดมีเยอะกว่าปกตินะคะ อยากให้คนเขียนเช็คบางคำที่ไม่แน่ใจว่าเขียนยังไงให้ชัวร์ค่ะ บางตอนอ่านไปก็สะดุดเลยรู้สึกแปลกๆบ้าง พวก ร กับ ล เช่นคำว่า ลุกขึ้น เป็น ล นะคะ ไม่ใช่ รุก อีกคำนึง กระเพาะ ที่เป็นอวัยวะไม่มี ร ค่ะ อยากให้นิยายอ่านแล้วภาษาลื่นไม่มีช่วงไหนสะดุดค่ะ เราชอบเรื่องนี้มาก เป็นกำลังใจให้นะคะ  :กอด1:

ออฟไลน์ DZiik

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 91
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0

ออฟไลน์ FeaRes

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 738
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-2
แพนโดนยิงหรือเปล่า?!!!
แต่แพนเป็นเทพ ยังไงก็คงไม่เป็นไร ใช่ไหม...
ฮรืออออ เอาใจช่วยแพนนะ แพนคนดีต้องไม่เป็นอะไร
 :hao5:

ออฟไลน์ FaiiFay_Elle

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 116
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
แพนนี่คือเทพแห่งการกินจริง ๆ
ปกติเทพรักษาตัวเองได้ ดังนั้นเราจะไม่ห่วง แต่นี่แพนใช้พลังไปเยอะแล้ว จะเหลือรักษาตัวเองไหมนี่สิ น่าห่วง

ออฟไลน์ nicedog

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 588
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +366/-0
สัมผัส{❤}ครั้งที่15




ดวงตาสีฟ้าของเจ้าประธานบริษัทอย่างผมเบิกกว้างด้วยความตกใจเมื่อเห็นภาพของแพนวิ่งเข้ามาบังร่างผมไว้พร้อมกับเสียงปืนที่ดังขึ้นในวินาทีเดียวกัน ร่างของแพนค่อยๆทรุดลงกับพื้นแล้วล้มลงทั้งที่ผมได้แต่มองภาพนั่นราวกับหัวใจจะหยุดเต้น


“แพน!!”ผมตะโกนเรียกแล้วอุ้มร่างนั้นขึ้นมาแนบอก เสื้อเชิ้ตสีขาวที่ผมเลือกให้อีกฝ่ายตอนนี่ถูกย้อมเป็นสีแดงสดบริเวณกลางหน้าอกใกล้กับหัวใจ


เพียงแค่เห็นใบหน้าขาวที่เริ่มซีดโดยที่ริมฝีปากบางกระอักเลือดออกมาเล็กน้อยผมก็คว้าปืนที่เหน็บไว้ด้านหลังขึ้นมาอีกครั้ง แน่นอนว่าเป้าหมายที่ปืนกระบอกนี้เล็งไปคือคนที่กล้ายิงมายิงแพนของผม


ปัง!


ไม่มีความลังเล


ไม่มีความเมตตา


ไม่มีแม้ความสงสาร


ความรู้สึกเหล่านั้นหมดไปตั้งแต่ผมเห็นร่างของแพนทรุดลงไปแล้ว


“คุณติน”กายวิ่งเข้ามาหาผมพร้อมกับมองดูแพนที่ถูกผมประคองไว้


ปัง!


ปัง!


“รักษาเบื้องต้นได้รึเปล่า?”ผมถามกายที่ค่อยๆปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตสีขาวออกเพื่อดูบาดแผล


“ขอเวลาสักครู่...กระสุนถูกยิงเข้าที่กลางหน้าอกบริเวณนี้มีเส้นเลือดใหญ่อยู่อันตรายมากครับ...การปฐมพยาบาลคงไม่ช่วยอะไรต้องรีบพาไปโรงพยาบาลและผ่าตัดโดยเร็วที่สุด”


“...”คำพูดที่ได้ยินยิ่งทำให้ผมรู้สึกเหมือนหัวใจจะหยุดเต้นลงไปจริงๆ


อาการของแพน...สาหัสมาก


“คุณติน”


“ทางนั้นไปถึงไหนแล้ว...ตามไปช่วยกาย”ผมหันไปถามจิมที่วิ่งเดี่ยวไปยังรถที่ตามมาเพียงลำพัง


“ผมว่าไม่ต้องหรอกครับ...จิมกลับมาแล้ว”กายบอกโดยที่สายตามองไปยังจิมที่วิ่งเข้ามาสมทบ ใบหน้าของเขามีบาดแผลพอประมาณแต่ไม่ได้สาหัสอะไร


“จัดการหมดแล้วครับ”จิมอธิบาย


“จัดการเรื่องตำรวจด้วย”


“ได้ครับ...ทางนี้ผมจัดการเองรีบพาคุณแพนไปโรงพยาบาลเถอะครับ”จิมพูดต่อ


“อืม”ผมพยักหน้าแล้วเตรียมอุ้มร่างของแพนขึ้น


“อึก...แค่ก...แค่ก...”เสียงไออย่างรุนแรงดังขึ้นพร้อมกับเลือดที่ออกมา ดวงตาสีเขียวอ่อนค่อยๆลืมขึ้นอย่างเชื่องช้าก่อนจะมองไปรอบๆและหยุดอยู่ที่ผม


“แพน...เดี๋ยวจะพาไปโรงพยาบาล”ผมรีบบอก


“แค่ก...ติน...ติน...”เสียงนุ่มพยายามเอ่ยเรียกผมทั้งที่แทบไม่มีแรง


“ไม่เป็นไรแล้ว”


“คุณ...ไม่เป็นไร...อึก...นะ”คำพูดของคนอาการสาหัสในอ้อมแขนสร้างความเจ็บปวดที่หัวใจได้อย่างดี


ตัวเองเจ็บขนาดนี้ยังมาห่วงกันอีกงั้นเหรอ


“ติน...แค่ก...บอกผม...”


“ฉันไม่เป็นไร...นายสิที่แย่น่ะ”ผมตอบเสียงเบา ตอนนี้ต้องรีบพาไปโรงพยาบาล


“...ผมไม่เป็นไร”


“ไม่เป็นที่ไหน...เงียบซะแพน”ขืนพูดมากเลือดได้ไหลหมดตัวพอดี


“กายเรียกรถ”ผมหันไปสั่ง


“ครับ”


ไม่นานรถแท็กซี่ก็มาจอดด้านหน้า ผมรีบพาร่างของแพนเข้าไปโดยบอกให้กายอยู่ช่วยจิมที่นี่...ตอนแรกกายก็ไม่เห็นด้วยเพราะมีความเป็นไปได้ที่อาจเจอศัตรูอีกแต่พอถูกสายตาแข็งๆมองไปกายก็ต้องยอมในที่สุด


“...ติน...อึก...จะพาไปไหน”


“ไปโรงพยาบาล...ทนหน่อยใกล้ถึงแล้ว”


“ไม่ไป...”


“แพน”มาดื้ออะไรตอนนี้เนี่ย


“ผมทนถึงนั่นไม่ไหว...”


“อย่ามาพูดบ้าๆนะ...อยู่เงียบๆแล้วมองฉันแพน”อย่าพูดเหมือนกำลังจะจากไปแบบนั้น


“ติน...พาผมไปที่ที่มีต้นไม้เยอะๆที”แพนเอ่ยออกมาโดยที่ดวงตาสีเขียวอ่อนนั่นใกล้ปิดเต็มที


“แพน...”หมายความว่าไง


“ขอร้อง...”


“ถ้าไปแล้วนายจะไม่เป็นไรใช่ไหม”ผมถามย้ำ


“...อืม...”แพนพยักหน้าเล็กน้อยแล้วส่งยิ้มบางๆมาให้


“พาไปที่ที่มีต้นไม้เยอะๆ เอาที่ใกล้ที่สุด”ผมตะโกนบอกคนขับรถด้านหน้า


ใช้เวลาไม่ถึง5นาทีรถแท็กซี่ก็หยุดลงหน้าป่าชายเลนติดกับชายทะเล ตอนนี้พวกเราคงอยู่แถวตัวเมืองชลบุรี...ต้นไม้ที่พอหาได้คงมีแต่ป่าชายเลนแบบนี้


พอจ่ายเงินเสร็จผมก็อุ้มแพนเดินไปตามสะพานที่ถูกสร้างด้วยไม้ สองข้างทางที่เดินผ่านเต็มไปด้วยต้นไม้หลายสายพันธ์...เสียงหายใจแรงๆที่ได้ยินตลอดทางเริ่มเงียบลงจนผมต้องก้มลงมองอีกฝ่ายอยู่ตลอด


“แพน...ต้นไม้แบบนี้ได้ไหม”ผมเอ่ยถามเมื่อเดินมาสักพัก


“อืม...”


“อย่าหลับตาแพน”ผมรีบปลุกเพราะกลัวว่าอีกฝ่ายจะไม่ตื่น


“...ไม่เป็นไร...โยนผมลงไปได้ไหม...”


“จะฆ่าตัวตายรึไง”ใครจะทำแบบนั้นกัน


“...ไม่โยนงั้นช่วยวางผมไว้ติดกับต้นไม่หน่อย”


“คิดจะทำอะไรน่ะ”


“...เร็วติน...”


“ได้ๆ...”ผมรีบมองหาต้นไม้ต้นใหญ่ที่อยู่ใกล้ที่สุด โชคดีที่ทางเดินนี่สร้างขึ้นโดยมีบางส่วนติดกับต้นไม้ใหญ่ผมเลยสามารถวางร่างของแพนพิงกับต้นไม้ต้นนั้นได้


เมื่อวางเสร็จแสงสีเขียวอ่อนก็ค่อยปรากฏขึ้นล้อมร่างกายของแพนไว้ แพนที่ถูกล้อมด้วยแสงหลับตาลงพร้อมใบหน้าที่เริ่มมีเลือดไหลเวียนต่างกับเมื่อครู่ที่มีใบหน้าซีดเซียวอย่างเห็นได้ชัด


ภาพอันน่าตกตะลึกนี้ไม่คิดว่าในชีวิตจะมีโอกาสได้เห็น คนที่อยู่ตรงหน้าไม่ใช่มนุษย์แต่เป็นเทพของจริง...เทพที่ยอมช่วยชีวิตของมนุษย์แบบผมให้กลับมาอีกครั้ง แต่นี่ไม่ใช่ครั้งเดียว...ผมถูกแพนช่วยถึง3ครั้ง


ทั้งที่ไม่จำเป็นต้องช่วยก็ได้


แต่กลับ...


“อึก...เจ็บ...”ร่างที่นอนพิงต้นไม้ใหญ่เด้งตัวขึ้นมานั่งพร้อมกับมือที่จับบริเวณแผลที่ถูกยิง แสงที่ล้อมร่างนั้นไว้ตอนนี้หายไปแล้ว


“แพน?”ร่างกายดูเหมือนจะฟื้นขึ้นอย่างรวดเร็วแม้แต่เลือดเองก็หยุดไหลแล้ว


“กระสุนนี่อยู่ลึกชะมัด...”บ่นเสร็จเขาก็วางมือข้างนึงลงเหนือแผล แสงสีเดิมส่องสว่างออกมาไม่นานวัตถุที่คาดว่าเป็นกระสุนก็ตกลงบนพื้นไม้พร้อมเสียงถอนหายใจยาว


“แพน...”ผมนั่งลงแล้วเอื้อมมือไปลูบบริเวณกลางหน้าอกที่บัดนี้บาดแผลสาหัสได้หายไปอย่างสิ้นเชิงแล้ว


“...ทำหน้าแบบนี้ทำไมติน...ห่วงกันเหรอ?”แพนยกมือข้างหนึ่งขึ้นลูบใบหน้าผมเบาๆ รอยยิ้มที่ส่งมาช่างเต็มไปด้วยความร่าเริงแม้ว่าจะดูเหนื่อยอ่อนไปบ้างก็ตาม


ถ้าเป็นปกติผมคงตอบกลับไปว่าใครเป็นห่วงกัน


แต่ครั้งนี้ผมกลับเลือกที่จะตอบตามสิ่งที่คิด


“ห่วงมาก...อย่าทำแบบนี้อีกนะแพน”มือของแพนข้างที่ลูบใบหน้าผมอยู่ถูกมือผมกุมเอาไว้แน่น


ความรู้สึกเหมือนจะขาดใจเมื่อเห็นอีกฝ่ายนอนจมกองเลือดผมไม่อยากเจออีกแล้ว


เป็นครั้งแรกที่รู้สึกว่าตัวเองไม่สามารถทำอะไรได้เลย


ได้แต่มองดูอีกฝ่ายเจ็บ


“...คุณนี่นะ...ปกติไม่เห็นพูดตรงๆแบบนี้เลย...ขอบคุณนะที่เป็นห่วง ผมไม่เป็นไรแล้วล่ะ”


“แน่ใจ?”


“อืม...ผมขอพลังจากพวกเขามา ช่วยได้เยอะจริงๆ...ขอบคุณนะทุกคน”ประโยคสุดท้ายแพนเงยหนาขึ้นไปบอกเหล่าต้นไม้รอบๆ เสียงของสายลมพักไปพาทำให้ต้นไม้รอบๆส่งเสียงราวกับตอบรับคำขอบคุณนั้น


“ทำไมไม่ให้พาไปโรงพยาบาล”ผมถามต่อ


“ผมทนถึงนั่นไม่ไหว”


“ทนอะไร บนรถก็พูดทีนึงแล้ว...พูดเหมือนสั่งเสียว่าจะตาย”


“เปล่า...ผมทนอยู่ในร่างมนุษย์นานขนาดนั้นไม่ไหว กว่าจะไปถึง กว่าจะผ่าตัด กว่าจะให้น้ำเกลือ...มันใช้เวลานานไป พลังที่ผมมีถูกใช้รักษาบาดแผลและคงหมดในเวลาไม่นาน...ถ้าเป็นแบบนั้นระหว่างทำการรักษาร่างของผมจะหายไปมีเพียงแค่ตินคนเดียวที่มองเห็น...แบบนั้นเดี๋ยวจะเป็นเรื่องเอา”แพนอธิบายให้ผมหายสงสัย


“เข้าใจล่ะ”แบบนี้นี่เอง


“ตินไม่เป็นแน่นะ”อยู่ๆแพนก็ถามแล้วไล่มองผมตั้งแต่หัวลงมา


“ไม่เป็นไร...ไม่มีแม้แต่รอยขีดข่วน...คนที่มีน่ะนายต่างหาก”


“ผมก็ไม่มีแล้วเถอะ”พูดจบก็เปิดเสื้อให้เห็นแผ่นอกขาวที่ปราศจากรอยใดๆ


“ดีแล้ว...”ผมพึมพำด้วยรอยยิ้ม แพนเองก็ยิ้มตอบกลับมาเช่นกัน


รอยยิ้มที่นึกว่าจะไม่ได้เห็นอีกแล้ว


หมับ!


ไม่รู้ว่าอะไรที่ดลใจให้ผมดึงตัวอีกฝ่ายเข้ามาไว้ในอ้อมกอดแล้วกอดรัดไว้แน่น ความอุ่นที่แผ่ซ่านจากร่างของพวกเราทำให้ผมรู้สึกดีเราะแพนยังอยู่...เขายังมีชีวิตอยู่


“...ติน”


“ห้ามทำอะไรแบบนี้อีก”อย่าทำให้หัวใจผมเหมือนจะหยุดเต้นแบบนี้


“ผมก็ไม่รู้ตัวหรอก...รู้อีกทีก็เข้าไปรับกระสุนไว้แล้ว...สิ่งผมคิดมีแค่จะไม่ยอมให้ใครมาทำร้ายคุณได้”


“แพน...”


“ตินเป็นมนุษย์ที่ผมเลือกที่จะช่วยชีวิต...เพราะงั้นผมจะไม่ยอมให้ใครมาพรากชีวิตที่ผมช่วยไปง่ายๆหรอก”ฝ่ามืออุ่นๆที่ลูบใบหน้าผมอย่างอ่อนโยน ดวงตาสีเขียวอ่อนที่ประสานกับดวงตาสีฟ้าผม รอยยิ้มบางๆที่ส่งมาให้


ทุกอย่างมันช่างดึงดูดให้ผมขยับเข้าไปใกล้จนริมฝีปากเราสัมผัสกันเบาๆ เพียงแค่สัมผัสความรู้สึกดีก็แล่นเข้ามาจนผมต้องกดย้ำสัมผัสให้หนักขึ้นกว่าเดิม...แพนเองก็ไม่มีทีท่าจะผลักออกนั่นยิ่งทำให้ผมได้ใจรุกหนักเข้าไปอีก


มือของแพนขยับขึ้นมาขย้ำเสื้อสีดำของผมก่อนจะเปลี่ยนมายังเส้นผมสีดำสนิทโดยที่ริมฝีปากเรายังไม่แยกจากกัน สัมผัสเมื่อถูกลูบเส้นผมยังคงเหมือนกับทุกครั้ง...มืออุ่นๆลูบไปตามตามเลือนผมก่อนจะออกแรงดึงอย่างแรง...


“โอ๊ย...”ผมสะดุ้งจนต้องผละออกจากริมฝีปากตรงหน้าอย่างไม่ตั้งตัว


“ทำอะไรของคุณน่ะ”เมื่อแพนเป็นอิสระก็ตะโกนเสียงดังลั่น ใบหน้าขาวแดงระเรื่อด้วยความเขินอายจากจูบเมื่อครู่


“...”ผมนิ่งไปเพราะเพิ่งรู้ตัวว่าเผลอจูบอีกฝ่าย


จูบ...สำหรับผมที่ไม่ชอบให้ใครมาแตะถือเป็นเรื่องน่าประหลาดใจที่จูบกับแพนได้โดยไม่รู้สึกแย่ ตรงกันข้ามกลับรู้สึกดีจนไม่อยากหยุด


“ติน...อย่าเงียบสิ...ผมเขินรู้ไหมเนี่ย!”ตะโกนเสร็จก็ยกมือทั้งสองข้างขึ้นมาปิดใบหน้าแดงๆของตัวเอง


“อืม”


“อืมอะไร...ผมถามว่าทำอะไรน่ะ”


“จูบนายไง”สาบานได้ว่าผมไม่ได้ตั้งใจจะกวนแค่ไม่รู้จะตอบไปว่าอะไรเท่านั้นเอง


“แค่นี้ผมรู้น่า...ที่ถามคือจูบทำไม”


“...ไม่รู้”เรื่องนี้คนที่อยากรู้ที่สุดก็คือตัวผมนี่แหละ


“ไม่รู้แล้วมาจูบกันเนี่ยนะ...จูบกับผู้ชายรู้สึกดีรึไง”


“ก็ไม่ได้แย่...นายเองก็รู้สึกดีนี่”ผมตอบกลับไป


“ห๊ะ?...พะ...พูดอะไรเนี่ย”


“ก็เห็นทำท่าเคลิ้มแถมยัง...”


“พอแล้วๆ...ผมขอล่ะอย่าพูดถึงมันเลย”แพนที่ตะโกนแทรกด้วยใบหน้าแดงก่ำ


“ขอโทษที่จูบ...”ผมบอกเสียงเบา


“ติน...”


“และขอบคุณที่ช่วยฉันไว้อีกรอบ”ถ้าไม่มีแพนวันนี้คงเป็นวันที่ผมต้องจบชีวิตลงไปแน่


“ไม่เป็นไร...ต่อให้กี่รอบผมก็จะช่วย”แพนตอบด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม


“ฉันไม่อยากให้นายช่วยเลยแพน”


“ทำไมล่ะ ผมน่ะไม่ตายเพราะถูกยิงหรอกนะเพราะงั้นคุณให้ผมเป็นเกราะได้...”


“ฉันไม่สนเรื่องนั้นเลยแพน...ฉันสนแค่นายจะต้องไม่มาบาดเจ็บเพราะฉันอีก”


เอามาเป็นเกราะเหรอ


พูดบ้าๆ


คิดว่าผมจะกล้าใช้เขาเป็นเกราะปกป้องตัวเองรึไง


“ติน...”


“ต่อให้นายเป็นเทพและอาจไม่ตาย...แต่ฉันไม่อยากเห็นนายในสภาพนั้นอีก”ไม่อยากเห็นอีกแล้ว


“แต่ผมอยากช่วยนี่”


“แค่นายอยู่ข้างๆก็พอแล้ว”เพียงพอแล้วจริงๆ


ไม่จำเป็นต้องทำอะไรมากมาย


แค่อยู่ข้างๆคอยกวน คอยแหย่ คอยยิ้มและคอยหัวเราะ


แค่นั้นก็เพียงพอแล้ว


จากนั้นผมก็นั่งรอแพนฟื้นพลังสักพักใหญ่ ระหว่างรอก็ติดต่อกายและจิมเพื่อดูว่าสถานการณ์เป็นยังไงบ้าง...ด้วยอำนาจที่มีไม่น้อยทำให้สามารถปิดเรื่องนี้ได้โดยไม่เกิดเรื่องแต่เรื่องนี้คงทำให้หมอนั่นไม่อยู่เฉยแน่


ตอนแรกคิดไว้ว่าจะไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวด้วย


แต่ตอนนี้อาจต้องเปลี่ยนใจแล้ว




กายและจิมใช้เวลาค่อนข้างนานในการเคลียร์เรื่องนี้ผมเลยบอกให้ไปเจอกันที่คอนโดเลยซึ่งพวกเขาก็รับคำตามปกติ อีกอย่างที่ผมไม่อยากให้พวกเขามาคืนแพนอยู่ในสภาพที่ไม่สามารถเป็นมนุษย์ได้ ร่างในชุดเสื้อเชิ้ตสีขาวถูกเปลี่ยนกลับเป็นยูกาตะสีเขียวขี้ม้าตามสไตล์ที่อีกฝ่ายชอบแล้วลอยไปมาอยู่บนหัวบ้าง ด้านข้างบ้างตลอดการเดินทางกลับโดยแท็กซี่ที่เรียกมา


เพราะไม่มีใครเห็นแพนเลยได้โอกาสพูดไม่หยุดจนผมต้องเบนหน้าหนีหลายต่อหลายรอบ พอเขาเห็นผมหันหน้าหนีก็ลอยตามมาจนต้องส่งสายตาเคืองๆกลับไป แน่นอนว่าเทพตรงหน้าไม่สะทกสะท้านสักนิด


“จะไปไหนแพน?”ผมถามเมื่อกลับมาถึงแล้วอีกฝ่ายลอยไปยังห้องนอน


“ผมขอพักสักหน่อย”


“อาการไม่ดีเหรอ”ผมถามต่อ


“ก็ไม่เชิง...แค่ยังเหนื่อยอยู่ ถึงจะได้พลังคืนมาแต่ร่างกายยังไม่ฟื้นในสภาพสมบูรณ์เพราะงั้นช่วงสองสามวันนี้ผมคงปรากฏตัวให้คนอื่นเห็นไม่ได้...คุณก็คิดหาข้อแก้ตัวเอาละกัน”


“เข้าใจแล้ว...ไปพักเถอะ”


“ไปนอนด้วยกันไหม”ก่อนจะผ่านประตูไปแพนก็หันมาถามต่อ


“นอนไปเถอะ”ผมตอบ


“แต่ผมอยากให้คุณนอนด้วยนี่...เวลามีคุณนอนอยู่ข้างๆแล้วรู้สึกไม่เหงาดี”


“นอกจากจะกินเก่งแล้วยังขี้เหงาด้วยสินะ”ผมสรุปโดยจงใจให้อีกฝ่ายได้ยิน


“เปล่านะ...ก็แค่...แบบว่า...นอนคนเดียวก็ได้ ตินคนใจร้าย!”ทำหน้าเคืองเสร็จก็พาร่างลอยทะลุประตูเข้าไปในห้องนอนปล่อยให้ผมหลุดขำออกมากับท่าทางเหมือนเด็กนั่น


ถ้ามองแค่นิสัยหรือรูปลักษณ์ไม่มีอันไหนบ่งบอกเลยว่าเป็นเทพที่มีอายุหลายร้อยปี


ปล่อยเวลาผ่านไปสักพักผมก็ค่อยๆเปิดประตูเข้าไปภายในห้องนอนก่อนจะเจอแพนหลับสนิทอยู่บนเตียงโดยไม่ห่มผ้าแต่นอนทับผ้านวมเลย ดวงตาที่ปิดสนิทกับเสียงลมหายใจที่เป็นจังหวะทำให้รู้ว่าอีกฝ่ายกำลังหลับสนิท


ผมเดินเข้าไปข้างเตียงเพื่อมองดูคนที่นอนอยู่ชัดๆ มือข้างหนึ่งถูกยกขึ้นแล้วเอื้อมไปลูบเส้นผมยาวสีเขียวเข้มตรงหน้าเบาๆ


“ฝันดีแพน...ขอบคุณที่ไม่เป็นไร”พูดจบผมก็เดินไปยังห้องน้ำเพื่อจัดการกับร่างกายที่มีรอยเลือดเลอะทั้งเสื้อและแขน


อาบเสร็จก็ออกมานั่งเปิดโทรทัศน์ดูอยู่บนโซฟาในห้องรับแขก โทรศัพท์มือถือถูกยกขึ้นมาเปิดดูงานที่ถูกส่งมาให้...เนื้อหาภายในคือรายงานการประชุมตอน10โมงที่พึ่งผ่านไป


ดีที่คาดไว้ว่าคงไปไม่ทันการประชุมเลยบอกให้หนึ่งในเลขาส่งรายงานการประชุมมาให้หลังจบการประชุมทันที


ก๊อก ก๊อก ก๊อก


“เข้ามา”ผมบอกเสียงนิ่งเพราะรู้ว่าใครเป็นคนเคาะ


แกร็ก


“คุณแพนเป็นไงบ้างครับ?”จิมที่เดินตามกายเข้ามาถามขึ้นทันที


“ไม่เป็นไรแล้ว...ตอนนี้นอนพักอยู่”ผมบอกพลางเหล่มองไปยังห้องนอนเพื่อให้ทั้งคู่รู้ว่าแพนอยู่ที่ไหน


“ทำไมไม่ให้นอนพักที่โรงพยาบาลสักหน่อยละครับ...บาดแผลที่ได้รับค่อนข้างสาหัส ร่างกายไม่น่าฟื้นภายในไม่กี่ชั่วโมงแบบนี้นะครับ”ครั้งนี้กายอธิบายบ้าง


“เขาไม่อยากนอนที่โรงพยาบาล”ผมโกหกไป


จะให้บอกความจริงว่าไม่ได้ไปโรงพยาบาลก็ไม่ได้


ยิ่งเรื่องที่สามารถเอากระสุนออกมาได้เองยิ่งไม่สามารถบอกได้เข้าไปใหญ่


“ถึงไม่อยากแต่ร่างกายแบบนี้มันค่อนข้างอันตรายนะครับ”


“ฉันรู้...ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นจะพาไปโรงพยาบาลทันที...หมอนี่ดื้อจะตายพูดอะไรก็ไม่ยอมฟังท่าเดียว”พูดมาถึงตรงนี้เหตุการณ์ตอนที่ถูกเอาชีวิตก็ผุดเข้ามาอีกรอบ


ทั้งที่บอกให้อยู่เฉยๆแต่ก็ดันวิ่งออกไปให้ถูกเล็งยิง


ถ้าไม่ติดที่กำลังเจ็บอยู่คงได้บ่นยาวไปถึงพรุ่งนี้แน่


“ถึงจะเป็นแบบนั้นแต่คุณตินก็ไม่ได้ไม่ชอบนี่ครับ”กายพูดพร้อมกับมองมายังผมนิ่งๆ


“หึ...ก็ถูก”ไม่ใช่ไม่ชอบ


สำหรับกายและจิมจะคิดแบบนั้นคงไม่แปลกเพราะยังไงพวกเขาก็เชื่อว่าผมกับแพนเป็นแฟนกัน ถ้าไม่ชอบผมคงไม่ยอมให้มาค้างหรือพาไปไหนมาไหนแบบนี้


แต่สำหรับตัวผมที่รู้ว่าเราไม่ใช่แฟนแต่เป็นความสัมพันธ์ที่ซับซ้อนกว่านั้น...


ตั้งแต่วันแรกที่เริ่มรับรู้ถึงตัวตนอีกฝ่ายจนถึงวันที่ได้อยู่ข้างๆ


ความรู้สึกของผมมันเริ่มเปลี่ยนไปทีละน้อย


จากที่เฉยๆเริ่มกลายเป็นสนใจ


จากที่สนใจเริ่มเปลี่ยนเป็นความพิเศษ


และความพิเศษนั่นก็กำลังจะเปลี่ยนไปตั้งแต่วินาทีที่คว้าตัวอีกฝ่ายมาจูบอย่างไม่รู้ตัว


“ให้ผมสั่งอาหารเตรียมไว้ไหมครับ”จิมเสนอความเห็น


“อย่าพึ่งเลย...ให้พักอีกสักหน่อยดีกว่า”ไม่รู้ว่าต้องใช้พลังไปขนาดไหนถึงสามารถรักษาตัวเองจนเกือบหายได้ขนาดนี้ ถ้าเป็นมนุษย์ปกติอาจจะตายไปตั้งแต่ยังไม่ถึงโรงพยาบาลแล้วก็ได้


แค่มีพลังยังไม่พอ


แต่ความแข็งแกร่งนั้นดูจะเหนือกว่ามนุษย์ปกติด้วย


“แล้วเรื่องนี้จะเอายังไงต่อครับคุณติน?”กายถามด้วยแววตาจริงจัง


“นั่นสิ...ทำขนาดนี้จะให้อยู่เฉยคงไม่ได้”ถ้าเป็นผมที่โดนยิงอาจจะไม่คิดเอาเรื่องอีกฝ่าย แต่ในเมื่อความจริงคนโดนยิงคือแพนผมก็ไม่สามารถปล่อยเรื่องนี้ไปได้


“ว่ามาเลยครับ...พวกเราจะจัดการให้”


“เพิ่มบอดี้การ์ด...แล้วก็...กาย”


“ครับ?”


“สืบเรื่องทุกอย่างเกี่ยวกับสรพงศ์...ทุกอย่าง...เข้าใจนะ”ผมพูดย้ำคำว่าทุกอย่างเพื่อบอกให้รู้ว่าไม่ว่าเรื่องเล็กน้อยขนาดไหนผมก็ต้องรู้


“ได้ครับ”


“จิม”


“ครับคุณติน”


“ถ้าแพนหายดีตามติดเขาไว้อย่าให้เกิดอะไรขึ้น”


“ได้ครับ...ผมจะดูแลคุณแพนให้ดีที่สุด”


“ดีมาก...กลับไปพักผ่อนเถอะ...วันนี้เหนื่อยมามากแล้ว ขอบคุณ”คำขอบคุณแม้จะแค่สั้นๆแต่ก็เต็มไปด้วยความรู้สึกจากใจ กายและจิมต่างคอยช่วยเหลือผมมาตลอดตั้งแต่ตอนเจอกันครั้งแรก ผมไว้ใจพวกเขามาพอๆกับครอบครัวตัวเอง


ทุกครั้งที่มีเรื่องก็มักจะได้พวกเขาช่วยเหลือเสมอ


“ด้วยความยินดีครับ”ทั้งคู่ตอบพร้อมกันก่อนจะพากันเดินออกจากห้องไป




(มีต่อค่ะ)

ออฟไลน์ nicedog

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 588
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +366/-0
(ต่อนะคะ)


หลายวันผ่านไปผมก็ยังคงไม่เข้าไปที่ห้างแต่ยังอยู่ในห้องเพื่อเฝ้าคนที่บอกว่าจะพักสักหน่อยแต่ปาเข้าไปวันที่สามแล้วก็ยังไม่มีทีท่าจะตื่นเลย ยังดีที่เสียงลมหายใจเข้าออกนั่นยังคงสม่ำเสมอทำให้รู้ว่ายังหายใจอยู่


เนื่องจากไม่ได้ไปทำงานผมเลยต้องให้กายและจิมไปแทน ไม่ว่าจะเป็นเข้าประชุม พบปะลูกค้าคนสำคัญหรือให้คำปรึกษากับฝ่ายต่างๆ


วันนี้เองผมก็นั่งเปิดแฟ้มเอกสารที่กายเอากลับมาให้เมื่อวานตอนเย็นขึ้นมาเปิดดู รายรับรายจ่ายของทั้งเดือนถูกจัดทำอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อยทำให้อ่านง่ายมาก


หมับ!


“ตินนนนน”สัมผัสของมือที่กอดคอผมจากด้านหลังพร้อมกับเสียงเรียกใกล้ๆหูทำเอาแฟ้มที่ถืออยู่ในมือตกลงพื้นด้วยความตกใจ เมื่อตั้งสติได้ผมก็รู้ทันทีว่าเป็นฝีมือใคร


“นอนอิ่มแล้วเหรอ”ผมเงยหน้าขึ้นไปมองใบหน้าขาวนวลที่ดูมีชีวิตขึ้นมาก


“นอนไม่อิ่มหรอกติน...ต้องกินสิถึงจะอิ่ม”


“...นี่ฉันต้องขำไหม”ผมเอ่ยถามเสียงนิ่งกับมุขที่ดูยังไงก็ไม่ขำสักนิด


“ชิ...นี่ผมหลับไปนานแค่ไหน”เมื่อเห็นว่าผมไม่ขำอีกฝ่ายก็เปลี่ยนเรื่องแทน


“วันนี้วันที่3”


“ห๊ะ?...3วัน...พระเจ้า ตั้งแต่เกิดมาพึ่งเคยนอนนานขนาดนี้ครั้งแรก”อีกฝ่ายดูจะตกใจกับเวลาที่ผ่านไปมากพอดู ใบหน้าเหว๋อๆนั่นก็น่ามองดี


“ถ้าวันนี้ยังไม่ตื่นฉันคงต้องทำอะไรสักอย่าง ดีที่นายตื่นแล้ว”


“อะไรๆ...ตินจะทำยังไงเหรอ เอาต้นไม้มาผมใช่ไหมล่ะ เป็นห่วงกันขนาดนี้ดีใจจังเลย”แพนพูดเสียงเริงร่าพร้อมรอยยิ้มกว้าง


“หึ...จะเอาอาหารมาวางไว้รอบเตียงเผื่อจะมีเทพเห็นแก่กินสักองค์ลุกขึ้นมากินทั้งๆที่หลับอยู่”


“ติน...พูดแบบนี้มาเจอกันตัวๆเลยมา”แพนพูดก่อนจะลอยมาอยู่ตรงหน้าผมโดยยกมือสองข้างขึ้นแล้วกำหมัดไว้แน่น หน้าตาเองก็หาเรื่องเต็มที


“ก็เจออยู่นี่ไง”อยู่กันแค่สองคนในห้องจะให้เจอใครล่ะ


“ติน”


“รู้แล้วว่าชื่ออะไร...จะเรียกหลายรอบทำไม”ผมกวนต่อ


ตลอดสองวันมานี่รู้สึกเหงาหูและเหงาปากแปลกๆ


“ฮึ้ย...ทำไมชอบกวนขนาดนี่เนี่ย”


“ขอย้อนคำถามนั้นกลับไปเลยละกัน”ใครกันแน่ที่ตื่นมาก็กวนก่อน


ไม่ใช่ผมสักหน่อย


“ผะ...ผมไม่ได้กวนนะ...คุณนี่นะ...ทำไมถึงไม่เคยชนะสักทีนะ!”ประโยคสุดท้ายแพนตะโกนลั่นด้วยใบหน้าแดงก่ำด้วยความโมโห สำหรับผมมองว่าแก้มแดงๆนั่นน่าหยิกสุดๆ


“ประสบการณ์มันต่างกัน”


“ประสบการณ์ผมมากกว่าเถอะ...อยู่มาตั้งหลายร้อยปีแล้วคุณล่ะอยู่มากี่ปี ยังไม่ถึงครึ่งของผมหรอก”


“อยู่มานานกว่าไม่ได้หมายความว่าจะมีประสบการณ์มากกว่าสักหน่อย”ผมอธิบาย ประสบการณ์น่ะต้องเรียนรู้ด้วยตัวเอง จดจำและปรับใช้ให้เหมาะสม


“จะบอกว่าผมใช้ชีวิตไปวันๆเหรอ”


“นายพูดเองนะ”


“ติน”


“อะไร”


“นี่ผมช่วยชีวิตคุณนะ”


“แล้ว?”


“ให้ผมชนะหน่อยไม่ได้รึไง”แพนบ่นอุบอิบ


“หึ...ถ้าฉันยอมแพ้แน่ใจว่านายจะพอใจจริงๆ”ผมไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะพอใจถ้าผมยอมง่ายๆ


“...ก็คงไม่พอใจเท่าไหร่”


“งั้นจะเอายังไง”


“ไม่รู้สิ...เอาเถอะ นอนไปตั้งนานได้เจอคุณคนแรกก็ดีใจแล้ว”พูดจบแพนก็ลอยมานั่งบนโซฟาตัวเดียวกับผมโดยที่เอียงหัวมาซบไหล่ผม


“ไม่เจอฉันแล้วจะเจอใครล่ะ”


“อืม...ก็คิดอยู่เหมือนกันว่าอาจไม่เจอใครเลยเพราะนาฬิกาบอกเวลาบ่ายโมงเป็นเวลาที่ตินทำงาน...ไม่ไปทำงานเพราะห่วงผมแน่ๆเลย เนอะ”ดวงตาสีเขียวอ่อนเงยขึ้นมาสบราวกับจะขอคำพูดจริงๆไม่ใช่คำกวน


“อืม”


“คิก...ว่าแล้วเชียว ใจดีจริงๆนะติน”เส้นผมสีเขียวเข้มคลอเคลียบริเวณต้นคอจนรู้สึกคันเล็กๆ ทั้งที่น่าจะคันแค่ที่คอแต่ทำไมหัวใจผมก็รู้สึกคันแปลกๆเหมือนกันล่ะ


คำว่าใจดี


เกิดมาก็เพิ่งเคยได้ยิน


แถมไม่ใช่แค่ครั้งสองครั้งด้วย


ทุกครั้งที่พูดว่าใจดีทั้งน้ำเสียง แววตาหรือแม้แต่การกระทำของแพนต่างแสดงออกว่าสิ่งพูดนั้นเป็นความจริงไม่ได้โกหกหรือต้องการประจบอะไร


“ฉันไม่ได้ใจดี”ผมบอกออกไปตามที่คิด


ผมไม่เคยคิดเลยสักครั้งว่าตัวเองใจดี


เลยไม่เข้าใจว่าตรงไหนของผมที่แพนมองว่าใจดี


“ใจดีสิ...ผมบอกแล้วไงว่าคุณอาจไม่รู้แต่ผมรู้ดี”


“ไม่เห็นเข้าใจ”ในเมื่อตัวผมเองยังไม่รู้แล้วทำไมเขาถึงรู้ได้ล่ะ


“ตินรู้ไหมว่าตั้งแต่ที่ได้เจอกัน...ก่อนอื่นต้องยอมรับตรงๆนะว่าผมลังเลอยู่นานเหมือนกันว่าจะช่วยคุณดีไหมและหลังจากช่วยคุณแล้วผมก็คิดมาตลอดว่าดีแล้วเหรอที่ช่วยมนุษย์คนนี้”ระหว่างเล่าดวงตาสีเขียวอ่อนก็ประสานกับดวงตาผมอยู่ตลอด


“แล้วตอนนี้คิดว่าไง”ผมถามกลับไปด้วยความอยากรู้


สำหรับแพนผมมีค่าพอที่จะได้รับการช่วยรึเปล่า


ในตอนนั้นอาจเพราะความสงสาร


แต่หลังจากที่ช่วยความรู้สึกที่ต้องติดอยู่กับมนุษย์คนเดียวจนหมดอายุไขเป็นยังไงผมอยากรู้


“ผมรู้สึกดีใจมากๆที่มนุษย์คนแรกที่ช่วยคือติน”คำตอบของแพนดังขึ้นพร้อมกับรอยยิ้มที่อ่อนโยนกว่าปกติ


หัวใจที่เต้นปกติเริ่มเปลี่ยนแปลงไปทีละน้อยราวกับมีอะไรบางอย่างที่อุ่นๆมาล้อมรอบหัวใจผมไว้


“นึกว่าไม่ชอบที่ฉันกวนซะอีก”ผมบอกเบาๆ


“ก็ไม่ชอบ...แต่สนุกดี...ผมน่ะตั้งแต่ที่มีชีวิตก็พึ่งได้รู้สึกมีความสุขมากขนาดนี้”


“สนุก?...เพราะ...”


“ไม่ใช่เพราะมีของกินหรอกนะ”แพนเหมือนจะรู้ว่าผมจะพูดอะไรเลยดักเอาไว้


“งั้นก็เพราะ...”


“ไม่ใช่เพราะได้ไปเที่ยวด้วย”


“ไม่แน่ว่าอาจเพราะ...”


“ไม่เกี่ยวกับพวกอาบน้ำด้วย”


“อ่านใจได้จริงๆสินะ”ทุกอย่างที่ผมจะพูดถูกค้านออกมาก่อนจะพูดจบหมดเลย


“ไม่ได้อ่านได้...แค่เพราะอยู่กับคุณมานานเลยรู้ว่าสิ่งที่คิดคืออะไร...ถึงจะพูดแบบนั้นแต่ก็ไม่ได้รู้ทุกอย่างหรอก”


“ถ้าไม่ใช่เรื่องพวกนั้นแล้วอะไรล่ะที่ทำให้นายมีความสุข”ผมถามต่อด้วยความสงสัย เรื่องที่ทำให้แพนมีความสุขผมก็บอกออกไปหมดแล้วแต่อีกฝ่ายกลับบอกว่าไม่ใช่


“ไม่รู้เหรอ ลองทายไหมล่ะ”แพนถามก่อนจะขยับหน้าเข้ามาใกล้


“ทายไม่ถูกหรอก...เฉลยมาเลยดีกว่า”


“ใบ้ให้ละกัน...สิ่งที่ทำให้ผมมีความสุขมากที่สุดนั้นตอนนี้อยู่ข้างๆผม...”


“...”ผมหรี่ตาเล็กน้อยเพื่อใช้ความคิดว่าอะไรที่อยู่ข้างๆบ้าง


“นอกจากจะอยู่ข้างๆแล้วยังเป็นสิ่งที่ผมมองอยู่ด้วย”


“...”คำพูดของแพนทำให้ผมหันไปสบกับดวงตานั้นเพื่อดูว่ากำลังมองอะไรแต่ดวงตาสีเขียวอ่อนนั้นมองมายังผมอยู่ตั้งแต่ต้นแล้ว


“พอจะรู้แล้วใช่ไหม”อีกฝ่ายเอียงคอถามเล็กน้อยพร้อมรอยยิ้ม


“...ไม่รู้”


“สิ่งที่ทำให้ผมมีความสุขมากที่สุดคือคุณไงติน การที่ได้เถียง ได้พูดคุย ได้ทะเลาะหรือได้หัวเราะ ทุกอย่างที่ได้ทำร่วมกับตินทำให้ผมมีความสุขมากๆ...คุณน่ะไม่ได้แค่ใจดีแต่ยังอ่อนโยนมากๆด้วย ต่อให้คุณจะปฏิเสธมันแค่ไหนผมก็อยากให้รู้ไว้ว่ามีเทพองค์หนึ่งที่รับรู้ถึงมันได้อย่างชัดเจน”


แม้ผมจะนิ่งเงียบไปแต่สิ่งหนึ่งที่ไม่นิ่งตามคือหัวใจที่เต้นแรงขึ้นอย่างเห็นได้ชัด


ความรู้สึกพิเศษที่เริ่มเปลี่ยนไป...


ตอนนี้ผมรู้แล้วว่ามันเปลี่ยนไปเป็นอะไร


รัก


ผมเริ่มรักแพนเข้าแล้วล่ะ
.............................................................................

จบไปอีกหนึ่งตอนนน

แต่งไปแต่งมาจากฉากเรียกน้ำตาลทำไมกลายเป็นเรียกรอยยิ้มได้ก็ไม่รู้555

คู่นี้คือหวานแบบไม่บันยะบันยัง

แถมแพนก็ยังน่ารักเอาน่ารักเอา อยากได้มากอดสักวันจริงๆ

เป็นตัวละครที่แต่งแล้วรู้สึกเอ็นดูมากกกก

สำหรับคำผิดช่วงนี้อาจมากสักหน่อยเพราะเราไม่ค่อยมีเวลาทวนซ้ำมากนักเนื่องจากกำลังอยู่ในช่วงฝึกงาน

เราค่อนข้างมีปัญหากับตัว "ร" และ "ล" พิมพ์มั่วสลับกันเป็นว่าเล่น

จะพยายามตรวจซ้ำหาที่ผิดนะคะ ใครเห็นผิดตรงไหนก็สามารถเม้นท์บอกเราได้นะ

ขอบคุณทุกๆคอมเม้นท์และทุกๆกำลังที่มีให้เสมอค่ะ

ไว้กันใหม่ตอนหน้า

บ๊ายบาย

nicedog

♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪

ออฟไลน์ double9JH

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1809
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-7
เผลอจนดึงเข้าไปจูบเลยนะ

รู้ความรู้สึกตัวเองแล้วสิ~~~ :hao3:

 :impress2:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ jaokhwan

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 425
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:  ตอนแรกก็เศร้าอยู่หรอก 555555++

ใครยิงแพนนนนนนน จัดการมันเลยย :katai1:

ออฟไลน์ lizzii

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6283
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-2
ดีต่อใจมากกกกก ตอนนี้
มุ้งมิ้งกันสุดๆ

ออฟไลน์ papapajimin

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 294
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-1
ฟินตรง แพนของผมนะ 55555555
เป็นห่วงขนาดนี้ไม่รักก็บ้าแล้ววว
รู้สักทีนะตินนนน

ออฟไลน์ FeaRes

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 738
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-2
ดีใจที่แพนไม่เป็นอะไรรรร
พออ่านแบบนี้แล้วรู้สึกพวกต้นไม้ก็น่ารัก 55555

แนะๆ มีจูบซะด้วยยย ติดรู้สึกตัวแล้วววว
รักเขาแล้วสิๆ น่ารักทั้งคู่!

ออฟไลน์ poppycake

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2670
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-4
ฟินนนนนนนนนนนนนนนนน >\\\\<

ออฟไลน์ hoshinokoe

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1042
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +31/-0
จบตอนที่แล้วแบบ มาม่า พอจบตอนนี้ น้ำตาลเต็มเลย 5555

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3433
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

ออฟไลน์ badbadsumaru

  • ♡ caramel macchiato
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2458
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +91/-2
ตอนที่แล้วใจหายหมด
ตอนนี้หวานจุงงง งื้อออ

ออฟไลน์ เป็ดอนุบาล

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1404
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-2
      สนุกมากเลยค่ะ
อยากอ่านทุกๆๆวันเลย
รออ่านตอนต่อไปนะค่ะ
อ่านแล้วเหมือนได้ชารต์แบตให้ตัวเองรู้สึกดีฟิวกูด :mew1: :mew1: :mew1:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 14-08-2017 07:07:38 โดย เป็ดอนุบาล »

ออฟไลน์ Snowermyhae

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4014
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-7
นึกว่าแพนจะตาย 555555555
หายแล้วตื่นมาพูดจ้อเหมือนเดิม  :hao7: เป็นกำลังใจให้นะคะ  :mew1:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ КίmY

  • BJYX♥
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1714
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-3
อูยยยน ติณณณ รักก็บอกแพนเลยๆ  :hao6:

ออฟไลน์ PAtxxkMxxn

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 93
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-1

ออฟไลน์ ่jum

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3704
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-4

ออฟไลน์ Al2iskiren

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1775
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-3
แพนพูดเหมือนกำลังสารภาพรักเลย
เขินนนน :-[

ออฟไลน์ zleep

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 264
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-4
โล่งอกไปทีค่ะที่แพนไม่เป็นอะไรมาก ฮือ

ออฟไลน์ missm2c

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 86
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
ตินนี่เป็นพวกยอมรับความรู้สึกของตัวเองสินะ

ออฟไลน์ JokerGirl

  • ∀Σ❤∀ΔΣ Forever^^
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2921
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +128/-3
เอ็นดู~~~ ท่านเทพแพนน่ารักจริง ไม่แปลกที่ตินหลงรักแล้ว ใครอยู่ด้วยก็รัก :กอด1:

ออฟไลน์ jaokhwan

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 425
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
เข้ามานั้งรอ หายไปไหนน้าาาา   :ruready

ออฟไลน์ nicedog

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 588
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +366/-0
สัมผัส{❤}ครั้งที่16




ดวงอาทิตย์ลอยอยู่เหนือหัวนอกจากจะบ่งบอกเวลาเที่ยงของวันแล้วยังบอกได้อีกว่าถึงเวลาของการกินมื้อกลางวันซะที ร่างของผมในชุดยูกาตะสีฟ้าอ่อนยืนรับแสงแดดจ้าจากบนดาดฟ้าอยู่ประมาณครึ่งชั่วโมงก็ต้องยอมแพ้กับความร้อนจนแสบผิวไปหมด


ว่าแล้วเชียวแสงแดดที่มีพลังงานที่สุดต้องออกมารับในช่วงเช้าไม่ใช่ช่วงเที่ยงแบบตอนนี้


“หื้ม?...เอ๊ะ?”ขาที่กำลังจะก้าวลงบันไดชะงักเล็กน้อยเมื่อสัมผัสถึงอะไรที่สะอาดๆได้แต่เพราะเพียงแวปเดียวความรู้สึกนั้นก็หายไปผมเลยได้แต่ขมวดคิ้วด้วยความสงสัย


พลังงานสะอาดๆที่สัมผัสได้เป็นของมนุษย์ซึ่งหาได้ยากที่จะสะอาดและบริสุทธิ์ขนาดนี้


“เอาเถอะ...ไปหาไรกินดีกว่า”ยังไงก็ไม่ได้เกี่ยวกับผมนี่นะ


วันนี้ ไม่สิ ต้องบอกว่าตั้งแต่ที่เข้าไปรับกระสุนแทนตินก็ผ่านมาหนึ่งสัปดาห์แล้วที่ผมไม่ได้ปรากฏตัวในร่างมนุษย์แต่อยู่ในร่างเทพ...จะบอกว่าเพราะยังไม่ฟื้นเต็มที่ก็ไม่เชิง เรื่องนี้ก็มีส่วนอยู่แต่ส่วนสำคัญที่ทำให้ผมลอยไปมาแบบนี้เพราะมันจะแปลกถ้าคนที่โดนยิงกลางอกลุกขึ้นมาเดินวิ่งได้ภายในหนึ่งอาทิตย์


เพื่อไม่ให้กายและจิมเกิดความสงสัยผมเลยต้องอยู่ในร่างนี้ไปสักพัก...ก็น่าจะประมาณเดือนได้


“ตินมื้อกลางวันมีอะไรเหรอ”ลอยเข้าไปถึงในห้องคำถามแรกที่ทักทายก็เป็นเรื่องเดิมๆ


ตินตอนนี้กลับมาทำงานที่บริษัทอีกครั้งหลังจากหยุดไป4วัน...งานที่มีไม่ได้มากเท่าที่ผมคาด เห็นว่ากายเอางานกลับไปให้ที่ห้องทุกวันเลยเหมือนทำงานอยู่ในห้องแทน


“มาถึงก็ถามหาแต่ของกิน”ตินละสายตาออกจากแฟ้มเอกสารพลางมองขึ้นมายังร่างผมที่ห้อยหัวลงจากเพดานห้อง เส้นผมสีเขียวเขียวที่ยาวสลวยตกลงมาตาแรงโน้มถ่วงถ้าเป็นตอนกลางคืนคงได้มีคนกรีดร้องแล้ววิ่งหนีแน่


แต่คนที่ว่าคงไม่ใช่ตินหรอก


ทั้งที่จงใจห้อยหัวให้อีกฝ่ายตกใจแต่เขากลับทำเพียงมองมายังผมนิ่งราวกับปลงซะเต็มปะดา


“ถามเผื่อคุณด้วยไง...กินมื้อเที่ยงพร้อมกันเถอะ”


“วางอยู่บนโต๊ะ...กินไปก่อนเลยฉันต้องจัดการเอกสารนี่ให้เสร็จก่อน”ตินบอกก่อนจะมองไปยังโต๊ะญี่ปุ่นแถวโซฟาตัวยาว


บนโต๊ะมีกล่องข้าวตามแบบฉบับญี่ปุ่นหรือที่เรียกกันว่าเบนโตะวางอยู่สองกล่องโดยกล่องแรกเป็นข้าวปั้นกับปลาซาบะราดซอสอะไรสักอย่างคู่กับทาโกะยากิ อีกกล่องเป็นข้าวปั้นกับปลาแซลม่อนคู่กับไข่หวานสีเหลืองอ่อน


“ผมชอบไข่หวาน...งั้นขอกล่องนี้ละกัน”กล่องเบนโตะที่มีไข่หวานสีสวยในที่สุดก็ถูกผมเลือก...


ขอโทษนะน้องซาบะ...วันนี้พี่อยากกินไข่หวานมากกว่า


“ทำหน้าเสียดายขนาดนั้นก็กินทั้งสองกล่องไปเลยสิ”คำพูดของตินเหมือนรู้ว่าผมกำลังคิดอะไรอยู่


“ไม่เอาหรอก...เดี๋ยวคุณไม่มีข้าวกินพอดี...นี่ติน”ผมตัดสินใจวางข้าวกล่องของตัวเองไว้บนโต๊ะแล้วหยิบข้าวกล่องอีกอันลอยไปหาตินที่มองมา


“อะไร”


“พักสักหน่อยเถอะ...กินเสร็จค่อยทำต่อก็ได้ ขืนรอทำเสร็จคงอีกครึ่งชั่วโมง ดีไม่ดีอาจชั่วโมงก็ได้...กินข้าวให้ตรงเวลาหน่อย”พูดจบก็วางข้าวกล่องลงบนโต๊ะด้านหน้าติน


“ฉันจะทำจนกว่าจะเสร็จ”


“ไม่ได้นะติน”


“...”เขาเลิกสนใจผมแล้วก้มลงไปอ่านเอกสารในแฟ้มเงียบๆ


การกระทำของเขาทำให้ผมหงุดหงิดขึ้นมาทันที เมื่อไม่ยอมกินดีๆผมเลยจัดการดึงแฟ้มนั้นขึ้นแล้วลอยกลับมายังโซฟาอย่างรวดเร็ว


“ถ้าไม่กินผมก็ไม่คืน”


“แพน”


“อย่าดื้อสิ”


“ใครกันแน่ที่ดื้อ”


“ผมเป็นห่วงตินหรอกนะถึงทำแบบนี้”ไม่รู้ทำไมตินถึงไม่ค่อยชอบกินอะไรถ้าผมไม่บอกหรือบังคับเขาก็จะไปแตะอาหารจนกว่าจะรู้สึกหิวซึ่งผมเคยลองนับดูว่ากว่าจะรู้สึกหิวใช้เวลาเท่าไหร่


ความจริงที่ผมได้รู้ทำเอาผมต้องคอยบังคับอีกฝ่ายให้กินอาหารครบทั้งสามมื้อ


มีมนุษย์ที่ไหนกินข้าวแค่มื้อเดียวบ้างเล่า


ขนาดเทพที่ไม่ต้องกินอะไรอย่างผมยังกินไม่หยุดปากและเฝ้ารออาหารมื้อต่อไปอยู่ทุกนาทีเลย


บางทีก็คิดนะว่าตินน่าจะมาเป็นเทพแทนแล้วผมจะไปเป็นมนุษย์เอง


“แค่ไม่กินมื้อสองมื้อฉันไม่ตายหรอกน่า”


“ไม่ตายก็ใช่อยู่แต่มันจะทำให้ร่างกายแย่ลงได้นะ”ทำงานก็หนักควรจะกินอะไรเสริมพลังงานบ้าง


“เฮ้อ...รู้แล้วน่า เลิกทำหน้าแบบนั้นสักที”สุดท้ายตินก็ถอนหายใจยาวก่อนจะเอื้อมมือไปหยิบกล่องข้าวตรงหน้า


“ทำหน้าแบบไหน”ครั้งนี้ผมลอยกลับไปหาตินเพื่อถามต่อ


ตอนนี้ผมทำหน้ายังไงอยู่กัน


จะว่าไปรู้สึกว่าช่วงนี้ตินจะแพ้ทางผมอยู่แฮะ


อย่างเวลากินข้าวไม่ต้องบังคับมากมายเหมือนเมื่อก่อน


จะพูดว่าเขาอ่อนลงก็ไม่ผิด


“ก็แบบนี้ไง”


“แบบนี้มันแบบไหนล่ะ”พูดเป็นรูปธรรมหน่อยสิ แบบนี้ใครจะเข้าใจ


“ก็แบบนี้น่ะ”พูดแล้วก็ดึงแขนผมให้ลงไปหาพร้อมกับยกนิ้วขึ้นมาจิ้มแก้มผมแรงๆ


“โอ้ย...เจ็บนะ...ทำอะไรเนี่ย”ผมปัดมืออีกฝ่ายทิ้งทันทีที่ถูกแกล้ง


“จิ้มแก้มไง”


“ขอบคุณสำหรับคำตอบ”ผมพูดประชดด้วยใบหน้าเคืองๆ


กวนกันตลอดสิน่า


“ด้วยความยินดีครับท่านเทพ”แค่คำพูดกับน้ำเสียงยียวนนั่นดูเหมือนตินจะไม่สาแก่ใจเลยส่งรอยยิ้มแถมมาให้อีก


“ผมอยากจะสาปคุณให้กลายเป็นหินจริงๆเลย”คนอะไรกวนได้กวนดี


“หึ...เทพนี่ใช้คำสาปได้ด้วยเหรอ?”


“อย่าดูถูกไปติน...ถึงผมจะใช้ไม่ได้แต่ก็มีเทพอีกหลายองค์ที่ใช้คำสาปได้”


“นายเคยเจอไหม”


“ไม่นะ...ปกติพวกเราจะไม่ยุ่งเกี่ยวกันหรอก”


“แปลว่านายไม่เคยเจอเทพองค์อื่น?”


“เปล่า...ผมเคยเจออยู่เยอะแต่ไม่ใช่เทพที่สามารถใช้คำสาปได้”


“แปลว่าที่ญี่ปุ่นมีเทพด้วยสินะ”


“มีสิ...หลายองค์ด้วย ผมเองก็มีเพื่อนสนิทอยู่ที่นั่นคุยกันถูกคอมากเลยด้วย”ผมเล่าด้วยรอยยิ้ม อยู่ๆก็นึกถึงเพื่อนที่ญี่ปุ่นขึ้นมา


“นึกว่าคุยแต่กับต้นไม้ซะอีก”


“เสียมารยาทถึงจะคุยจริงๆก็เถอะ”พลังของผมสามารถสื่อสารกับสิ่งมีชีวิตได้แบบนั้นเลยชอบคุยกับต้นไม้ใบหญ้าอยู่เป็นประจำ


“คุยแค่เทพองค์นั้นกับต้นไม้สินะ...แล้วเรียนรู้เรื่องของมนุษย์จากไหน อย่างพวกของกินน่ะ”ตินถามต่อ ไม่เข้าใจเลยว่าทำไมถึงกลายเป็นการสักประวัติผมได้กัน


แต่ก็ช่างเถอะ...อาจถึงเวลาที่ต้องบอกเรื่องนี้แล้วก็ได้


“อ้อ...เรื่องนั้นน่ะความจริงแล้ว...”


ก๊อก ก๊อก ก๊อก


เสียงเคาะประตูทำให้ผมที่กำลังพูดชะงักแล้วเงียบปากลงอย่างช่วยไม่ได้ ตินเองก็ทำหน้าไม่พอใจเหมือนกันที่ถูกขัดจังหวะ


“เข้ามา”


“คุณตินครับ”คนที่เดินเข้ามาคือบอดี้การ์ดหน้าตี๋จิมนั่นเอง


“มีอะไร”


“คือ...เอ่อ...”


“จิม”เมื่อเห็นว่าจิมไม่พูดสักทีตินเลยต้องเร่งด้วยน้ำเสียงเข้มๆ


“...มีคนมาขอพบคุณตินครับ”


“ใคร?”ตินถามพลางขมวดคิ้ว


“เอ่อ...พวกเขาไม่ยอมบอก พูดแค่ว่าจะขอพบกับคนที่อยู่ในห้องในสุดเท่านั้น”


“นายคุ้นหน้าไหม”ตินถามจิม


“เท่าที่มองไม่ครับ”


“งั้นก็บอกให้กลับไป”


“แต่ว่าพวกเขา...”


“พวกเขา?...ไม่ได้มาคนเดียว?”


“ใช่ครับ”


“แล้ว?”


“เหมือนพวกเขาจะรู้จักกับ...คุณแพน”


“ห๊ะ?”ไม่ใช่แค่ตินที่ตกใจแต่ผมเองก็เช่นกัน


รู้จักผม?


บ้าไปแล้ว


ผมไม่ใช่มนุษย์ที่มีพ่อแม่ที่ไหนจะมีคนรู้จักได้ยังไง


ผมหันไปมองตินที่หันมามองผมเป็นเชิงขอคำอธิบายซึ่งผมก็ได้แต่ส่ายหน้ากลับไปให้เท่านั้น


“ตอนแรกผมก็อยากจะให้กลับไปแต่พอรู้ว่ารู้จักคุณแพนผมเลยลังเลอยู่”


“...ให้เข้ามา”นิ่งไปสักพักตอนก็บอกกับจิมไป


“แน่เหรอครับ...ยังไงให้ผมไปคุย...”


“ไม่ต้อง...เดี๋ยวฉันคุยเอง”ตินพูดแทรก


“ได้ครับ”จิมพยักหน้าก่อนจะเดินออกจากห้องไป


“นี่ติน...จะให้เข้ามาแบบนี้ดีแล้วเหรอ ไม่แน่ว่าอาจเป็นคนที่จ้องทำร้ายคุณก็ได้นะ”ผมรีบพูดทันทีที่ประตูถูกปิดลง


การที่บอกว่ารู้จักผมแบบนี้ยิ่งดูน่าสงสัยเข้าไปอีก


“ก็ต้องลองดู...นายแน่ใจนะว่าไม่ใช่คนรู้จักนายน่ะ”ตินเงยหน้าขึ้นมาถาม


“ผมไม่คิดว่าจะมีมนุษย์ที่นี่คนไหนรู้จักผมหรอกนะ”ถ้าเป็นประเทศนี้จากที่อยู่มาก็ไม่มีใครมองเห็นผมเลยนอกจากติน


“ที่นี่?...หมายความว่าไง”


“ก็...”


ก๊อก ก๊อก ก๊อก


“ขัดจังหวะจริง...เข้ามา”ตินพึมพำก่อนจะบอกให้คนที่เคาะประตูเข้ามา


“ผมพามาแล้วครับคุณติน”จิมบอกพร้อมกับเปิดประตูออก กลิ่นอายของความสะอาดและบริสุทธิ์ที่สัมผัสได้ทำให้ผมต้องขมวดคิ้วแน่นก่อนจะเบิกตากว้างเมื่อเห็นมนุษย์ชายหญิงสองคนเดินเข้ามาภายในห้องโดยมีจิมเดินตามเข้ามาอีกคน


“พวกนายมีธุระอะไร”ตินเปิดประเด็นทันที


“...”ทั้งคู่ไม่มีใครตอบแต่ทำเพียงเงยหน้าขึ้นมามองสบตาผมที่ลอยตัวอยู่เท่านั้น การกระทำนั้นทำให้ตินหรี่ตาลงพร้อมขมวดคิ้วแน่น


“จิมออกไปก่อน”ตินหันไปบอกบอดี้การ์ดตัวเอง


“แต่ว่า...”


“ไม่มีอะไรหรอก”


“ครับ”จินเองก็ทำได้แค่พยักหน้าก่อนจะเดินออกจากห้องไปเงียบๆ


ทั้งห้องตอนนี้อยู่ในสภาพเงียบกริบไม่มีแม้แต่เสียงพูดคุยหรือเสียงเดิน แม้แต่เทพที่พูดไม่หยุดอย่างผมยังเงียบเพราะความอึ้งและตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นนี่จนไม่สามารถพูดอะไรออกไปได้


“นี่พวกนายมองเห็น...”ตินที่เงียบอยู่พูดก่อนจะมองขึ้นมายังผมที่ลอยตัวอยู่ คงจะเห็นสายตาที่ทั้งคู่มองมายังผมสินะ


“คุณเองก็เห็นสินะ”คนที่หันไปพูดกับตินคือผู้หญิงผมยาวสีดำสนิท เธออยู่ในชุดเสื้อวีกลมแขนสั้นสีขาวกับกางเกงขายาวสีเทาเข้ม แม้จะอยู่ในชุดธรรมดาก็ไม่อาจปกปิดความบริสุทธิ์ในร่างนั้นได้เลย


“ทำไมถึงเห็นได้?”ตินถามกลับ


“พวกเราต่างหากที่อยากถามคุณว่าทำไมถึงเห็นได้”


“แล้วทำไมฉันจะเห็นไม่ได้”


“เพราะคุณไม่ได้เป็นผู้ที่เกิดมาเพื่อรับใช้เทพเจ้าเหมือนอย่างพวกเรา”คำพูดนั้นยิ่งทำให้ตินขมวดคิ้วด้วยความงงเข้าไปใหญ่


“แพน...หมายความว่าไง...”


“ไดจิ!”ผมไม่สนเสียงเรียกของตินแต่บินลงไปกอดคอชายหนุ่มที่ยืนสบตาผมนิ่งมาตลอดตั้งแต่เข้าห้องมาด้วยความคิดถึง


นานขนาดไหนแล้วนะที่ไม่ได้เจอกัน


“คิดถึงแต่พี่ไดจิเหรอคะ”หญิงสาวที่ยืนคุยกับตินอยู่เดินเข้ามาถามที่กอดไดจิอยู่ด้วยรอยยิ้ม


“คิดถึงเราด้วยนะมิกะ”ผมหันไปบอกกับหญิงสาวด้านข้างด้วยรอยยิ้มเช่นกัน


“ท่านคุคุโนจิน...เลิกกอดเถอะครับ”ไดจิบอกเสียงเบาก่อนจะพยายามใช้มือดันผมออกแต่เพราะไม่สามารถสัมผัสได้ทำให้มือนั้นทะลุผ่านร่างผมไป


“เรียงทงเรียกท่านอีกแล้ว”ตั้งแต่ที่เจอกันก็ใช้คำสุภาพตลอด


“แพน...เลิกกอดแล้วอธิบายมาสักที”ตินที่ไร้บทพูดบอกเสียงเข้มพลางกอดอกมองมาด้วยสายตาไม่พอใจ


“อะไรๆ...หึงผมเหรอติน?”แหย่เสร็จผมก็ลอยไปหาตินก่อนจะใช้นิ้วจิ้มแก้มขาวๆนั่นเล่น


“...”ความเงียบก็เหมือนเป็นคำตอบว่าใช่นั่นทำให้ผมต้องชะงักมือที่กำลังจิ้มแก้มตินเล่นอยู่ แต่แล้วดวงตาสีฟ้าสดก็เบนมาหา เพียงแค่สบตานั่นผมก็รู้ทันทีว่าตอนนี้ตินไม่อยู่ในอารมณ์ที่จะมาเล่นด้วย


“โทษที”


“นี่คุณ...อย่าทำกริยาเสียมารยาทแบบสิคะ นี่อย่าบอกนะว่าทำแบบนี้ตลอดน่ะ”มิกะเดินเท้าเอวมาตรงหน้าตินก่อนจะบอกด้วยน้ำเสียงไม่พอใจนัก


“แล้วเกี่ยวอะไรกับเธอ”


“คุณรู้ไหมว่าท่านคุคุโนจินเป็นใครน่ะ”


“คุคุโนจิน?...ฉันรู้จักแค่แพนเท่านั้น”ตินบอกกลับไป


“แพน...อ้อ...เป็นอีกชื่อของท่านนี่คะ”


“ก็ใช่”ผมตอบกลับไปเมื่อมิกะเงยหน้าขึ้นมาถาม


“สรุปพวกนายเป็นใคร”ตินถามพร้อมกับมองไปยังทั้งคู่


“งั้นขอแนะนำตัวเลยละกัน...ฉัน คิตากามิ มิกะเป็นมิโกะอยู่ที่ศาลเจ้าคิตากามิในญี่ปุ่น”มิกะ หญิงสาวรูปร่างดี หน้าตาสะสวย เส้นผมสีดำสนิทกับดวงตาสีน้ำตาลเป็นมิโกะของศาลเจ้าที่ผมไปอยู่ก่อนหน้านี้ในประเทศญี่ปุ่น


“คิตากามิ ไดจิ...ผู้สืบทอดศาลเจ้ารุ่นที่56”ไดจอแนะนำตัวกับตินบ้าง สำหรับไดจิมีรูปร่างสมส่วน หน้าตาค่อนไปทางดี มีเส้นผมสีน้ำตาลกับดวงตาสีเดียวกัน เขาเป็นผู้สืบทอดหรือก็คือเจ้าของศาลเจ้าคิตากามิต่อจากผู้เป็นพ่อก่อนที่ผมจะมาจากประเทศไม่นาน ยังจำได้เลยว่าวันงานผมยังไปนั่งจัดการของถวายจำนวนมากอยู่เลย


“แล้วเกี่ยวข้องยังไงกับแพน”ตินถามต่อ


“เห็นเรียกห้วนๆมาตั้งแต่ก่อนหน้านี้แล้ว...นี่คุณ มีมารยาทกับเทพเจ้าบ้างนะเดี๋ยวก็โดนสาปหรอก”มิกะเอ่ยเตือน


“หึ...เจ้าตัวบอกเองว่าสาปคนไม่ได้ฉันจะกลัวทำไม”


“คุณ...”มิกะเหมือนจะพูดอะไรบางอย่างต่อแต่ถูกไดจิดึงแขนไว้


“ท่านคุคุโนจิน...ทำไมท่านถึงเลือกอยู่กับคนแบบนี้ครับ”


“...”คำถามของไดจิทำเอาตินที่ฟังอยู่แผ่รังสีหงุดหงิดออกมาทันที


“เรื่องมันยาวน่ะ เอ่อ...ติน ทั้งสองคนเป็นคนรู้จักของผมตอนที่อยู่ญี่ปุ่นเอง”ผมบอกไดจิก่อนจะหันไปบอกติน ดูเหมือนคำถามของตินจะไม่มีใครสนใจตอบเลยขืนปล่อยไปคงได้โมโหแน่


จะว่าไปก่อนหน้านี้ก็สัมผัสถึงอะไรที่บริสุทธิ์ได้นี่นะ คงจะมาจากมิกะที่เป็นถึงมิโกะของศาลเจ้าคิตากามิเป็นแน่ เห็นนิสัยแบบนี้แต่ตอนที่ทำพิธีนั้นจะดูเงียบสงบและน่าเคารพมาก


“พวกเขามองเห็นนายแต่แรกเลยเหรอ”ตินเงยหน้าขึ้นมาถาม


“อืม...เหมือนจะไม่ใช่แต่แรกนะ...ถ้าจำไปผิดมิกะมองเห็นได้ตอน7ขวบ ส่วนไดจิก็สัก6ขวบมั้ง”ผมบอกระหว่างที่นึกย้อนกลับไป เรื่องมันก็ผ่านมาพอสมควร...ตอนนี้ทั้งคู่เรียนจบกันหมดแล้วด้วย


“...”


“ติน...”คำเงียบของตินทำให้ผมต้องก้มลงไปมองอีกฝ่ายอย่างห่วงๆ


“ท่านคุคุโนจิน”


“อะไรไดจิ”ผมตอบรับเสียงเรียก


“ที่พวกเราเดินทางมาประเทศนี้ก็เพื่อจะพาท่านกลับไปยังศาลเจ้าของเรา...ได้โปรดกลับไปด้วยกันเถอะครับ”พูดจบไดจิก็คุกเข่าลงก่อนจะคำนับโดยก้มลงคำนับจนหน้าผากติดพื้น


“เราได้เห็นท่านปรากฏตัวในร่างของมนุษย์ในข่าวธุรกิจจากทางอินเตอร์เน็ต...ทั้งสถานที่นี้และบุคคลที่ท่านอยู่ด้วยล้วนไม่เหมาะสม เพราะแบบนั้นพวกเราเลยมารับท่านค่ะ”มิกะเองก็ก็พูดก่อนจะก้มคำนับแบบเดียวกับไดจิโดยไม่สนว่าตินจะตกตะลึงกับภาพตรงหน้าเลยสักนิด


ก็สงสัยอยู่ว่าทำไมถึงมาหา...ข่าวธุรกิจที่ว่าคงไม่พ้นภาพในงานเลี้ยงเมื่อตอนไปทะเลแน่ๆ


“แพน...”น้ำเสียงของตินที่เรียกกับดวงตาสีฟ้าสดที่มองมานั้นราวกับจะสื่อคำพูดอะไรออกมาสักอย่าง แต่อย่างที่เคยพูดผมไม่สามารถอ่านความคิดของมนุษย์ได้เลยไม่รู้ว่าตินต้องการจะบอกอะไร


แต่ถึงจะรู้หรือไม่ก็ไม่สำคัญ


ยังไงคำตอบผมก็ไม่เปลี่ยนอยู่แล้ว


“ไดจิ...มิกะ”ผมลอยไปนั่งบนพื้นระหว่างทั้งคู่ที่ยังคงหมอบอยู่


“ครับ/ค่ะ”


“ขอบคุณที่มาหาถึงนี่นะ...แต่ผมต้องขอโทษด้วย”


“ทำไมคะท่านคุคุโนจิน...ถึงเราไม่รู้สาเหตุที่ท่านมาอยู่กับมนุษย์คนนี้แต่เรารู้ถึงความต้องการของท่านดี ท่านชอบที่จะอยู่อย่างเงียบสงบในสถานที่ที่มีต้นไม้และผืนน้ำ แล้วท่านยังไม่ชอบพบปะผู้คนเวลามีงานจึงมักจะไปหาที่หลบอยู่เสมอ...แถมยังชอบมาหยิบอาหารที่ไม่ได้เตรียมไว้ถวายท่านไปรับประทานอีก”


“แต่ในสถานที่ที่ท่านอยู่ตอนนี้มันไม่ใช่สถานที่ที่ท่านต้องการเลย...เขาคนนี้เป็นคนในวงของธุรกิจ ทุกๆวันเขาต้องอยู่กับสิ่งไร้ชีวิตอย่างเอกสารและไปพบปะผู้คนที่หวังแค่ผลกำไรทางด้านการค้า...ที่นี่ไม่มีสิ่งที่เหมาะสมกับท่านเลยสักอย่างอย่างเดียว...”มิกะอธิบายต่อ ตอนที่พูดถึงตินเธอก็เงยหน้าขึ้นมาสบตากับเจ้าของชื่ออย่างไม่เกรงกลัว


“พวกเราอยากให้ท่านได้อยู่ในสถานที่ที่เหมาะสม...ได้โปรดกลับไปกับเราเถอะครับ”ไดจิเองก็พูดขึ้นบ้าง ดวงตาของทั้งคู่ที่เงยขึ้นมาสบอย่างขอร้องและวิงวอนนั่นทำให้ผมเอื้อมมือทั้งสองข้างไปวางบนศีรษะของทั้งคู่ด้วยรอยยิ้มบ้าง


“ขอบคุณที่เป็นห่วงกันนะ”ความรู้สึกของพวกเขาส่งมาถึงผมแล้ว


“ท่านคุคุโนจิน...”


“แต่ถึงจะพูดยังไงผมก็ไม่เปลี่ยนใจหรอก”


“ทำไม...”


“จริงอยู่ที่ทั้งสถานที่ บรรยากาศหรือแม้แต่สภาพแวดล้อมมันไม่ดีเท่าที่อยู่ในศาลเจ้าคิตากามิ เรื่องนี้ผมรู้ตั้งแต่ที่ตัดสินใจออกเดินทางแล้วแต่ผมก็ยังเลือกที่จะมาเพราะผมอยากเห็นโลกที่แตกต่างจากที่เคยเจอ...การได้อยู่กับไดจิ มิกะและทุกคนที่นั่นทำให้ผมได้เรียนรู้หลายๆสิ่ง...การมาที่นี่เองก็เช่นกัน...”


“เพราะงั้นช่วยยอมรับสิ่งที่ผมตัดสินใจเลือกด้วยเถอะนะไดจิ มิกะ”ผมบอกพวกเขาไปตามตรง


“...ท่านคุคุโนจิน”


“ขอโทษที่ทำให้ต้องเสียเวลามานะ”


“แปลว่าเขาสำคัญกับท่านมากขนาดนั้นเลยเหรอคะ”มิกะถามพลางมองไปยังตินที่ยืนนิ่งมองดูสถานการณ์ตรงหน้าอยู่เงียบๆ



(มีต่อค่ะ)

ออฟไลน์ nicedog

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 588
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +366/-0
(ต่อนะคะ)


สำคัญไหม


คำตอบนี้ไม่จำเป็นต้องคิดเลย


ตินสำคัญมากสำหรับผม


สำคัญมากไหม


นี่ก็เป็นอีกคำถามที่ผมแทบไม่ต้องคิดคำตอบเลย


“ใช่...สำคัญมาก”และอาจสำคัญที่สุดตั้งแต่ที่เกิดมาเลยก็ได้


“เข้าใจแล้วครับ”


“พี่ไดจิ”มิกะหันไปมองหน้าพี่ชายตัวเองอย่างตื่นๆ


“ต่อให้โน้มน้าวยังไงคำตอบก็ไม่เปลี่ยนหรอกมิกะ”ไดจิหันไปบอกน้องสาว


“แต่ว่า...”


“อย่าทำให้ท่านคุคุโนจินลำบากใจไปมากกว่านี้เลย”


“...ค่ะ...ขอโทษที่ทำให้ต้องลำบากใจนะคะ”มิกะนิ่งไปสักพักก่อนจะพูดขึ้นด้วยใบหน้าเศร้าๆ


“ไม่เลย...ผมดีใจที่ยังคิดถึงกันอยู่นะ...ตอนนี้ที่ศาลเจ้าไม่มีเทพองค์อื่นอยู่ใช่ไหม”ผมถามกลับ


“ใช่ครับ”


“ไม่ต้องห่วงหรอก...อีกไม่นานจะมีเทพองค์ใหม่มาสถิตอยู่แน่นอน”สถานที่อันศักดิ์สิทธิ์และบริสุทธิ์แบบนั้นอีกไม่นานต้องมีเทพที่เดินทางผ่านมาเข้าไปอยู่แน่ ดีไม่ดีอาจมีเทพองค์ใหม่เกิดขึ้นที่นั่นก็เป็นได้


“ครับ...ถ้าอย่างนั้นพวกเราก็ไม่รบกวนท่านแล้วครับ”ไดจิบอกก่อนจะลุกขึ้นยืน มิกะเองก็ลุกขึ้นเช่นกัน


“จะไปแล้วเหรอ”พึ่งมาถึงก็จะกลับกันไปซะแล้ว


“ใช่ครับ...พวกเรามีของฝากมาท่านด้วย”ไดจิพูดพร้อมกับยื่นถุงสีขาวขนาดใหญ่เท่ากระเป๋าเดินทางมาให้


“ขอบคุณ...อ๊ะ...นี่มัน...วากาชิ”ดวงตาสีเขียวอ่อนของผมถึงกับเบิกกว้างเมื่อเปิดดูของฝากที่อยู่ภายใน กล่องของฝากมากมายอัดแน่นอยู่ภายในถุงพอหยิบอันบนสุดขึ้นมาดูก็พบกับวากาชิขนมญี่ปุ่นโบราณของโปรดของผมอยู่ภายใน


วากาชิเป็นขนนมญี่ปุ่นที่มีขนาดเล็ก ถ้าพูดถึงรูปลักษณ์ก็พูดได้ว่ามีหลากหลายแต่ที่เหมือนกันคือทุกแบบมีความงดงามที่ไม่ต่างกัน ใครที่เห็นก็เป็นต้องหยุดมองในความงามของขนมแต่ละชิ้นแน่


วากาชิทำจากของหลายๆอย่างที่ผมไม่ค่อยรู้นัก ที่รู้คือไส้จะทำจากถั่วให้ออกรสหวานค่อนข้างมาก ตอนอยู่ญี่ปุ่นผมได้กินอยู่ตลอดเพราะศาลเจ้าคิตากามิขึ้นชื่อเรื่องวากาชินี่แหละ


ตั้งแต่มานี่ก็ไม่ได้กินอีกเลย


“ผมทำเองเลยนะ”ไดจิบอกด้วยรอยยิ้ม


“ว้าว...ถ้าเป็นฝีมือไดจิต้องอร่อยสุดยอดเหมือนเคยแน่...ไม่ได้กินมาตั้งนานคิดถึงจังเลย”ผมมองวากาชิที่อยู่ภายในกล่องใสด้วยตาที่เป็นประกาย ไดจิได้ชื่อว่าเป็นพ่อควรที่เก่งเรื่องการทำขนมญี่ปุ่นคนหนึ่งของแถบนั้นด้วยรสมือและหน้าตาทำให้กลายเป็นจุดขายของศาลเจ้าในเวลาไม่นาน


“ถ้าท่านต้องการก็สามารถบอกได้ ผมจะทำส่งมาให้ครับ”


“บอก?...ยังไงล่ะ”จะให้ผมลอยไปบอกเหรอ


นานไปนะกว่าจะถึง


“มิกะ”


“ค่า...นี่ค่ะ”มิกะหยิบแผ่นกระดาษในกระเป๋าขึ้นมาก่อนจะยื่นให้ตินที่ยืนนิ่งอยู่


“อะไร”


“เบอร์โทรติดต่อ...ถ้าท่านคุคุโนจินต้องการวากาชิหรือขนมญี่ปุ่นอื่นๆให้ติดต่อมาได้เลยค่ะ...พวกเราจะทำส่งมาให้”มิกะขยายความ


“ทำไมถึงทำเพื่อแพนขนาดนี้?”ตินรับแผ่นกระดาษนั่นไว้ สีหน้าของตินบ่งบอกว่ากำลังคาใจมากจนต้องถามไปแบบนั้น


ความจริงไม่ใช่แค่ติดแต่ผมก็อยากรู้เหมือนกัน


ในโลกนี้มีมนุษย์ไม่มากที่จะมองเห็นพวกเรา


สำหรับคนที่เห็นก็จะแบ่งเป็นสองแบบคือ


เห็นแล้วทำเป็นไม่เห็น สำหรับพวกนี้เป็นพวกที่ไม่อยากยุ่งให้มีเรื่องวุ่นวาย ส่วนมากก็จะเป็นคนที่เรียกว่ามีพลังวิญญาณสูงมั้ง
อีกแบบคืออย่างพวกไดจิและมิกะ พวกเขาพอเห็นก็ไม่เบือนหน้าหนีแต่เข้ามาทักทายด้วยความเคารพ นอกจากจะทักทายแล้วยักมีการบูชาเพื่อเป็นสิริมงคลกับตัวเอง การขอพรก็ไม่เหมือนมนุษย์ทั่วไป...ไม่มีการขอในสิ่งที่เป็นไปไม่ได้เหมือนอย่างคนทั่วไป


ทุกๆปีที่ผมรับฟังคำขอพร


คำขอของพวกเขาคือของให้ปีต่อไปมีแต่ความสุข


ผมชอบมนุษย์แบบนี้นะ


“ท่านคุคุโนจินเป็นเทพที่ทั้งใจดีและอ่อนโยน...แม้ตอนที่พวกเรามองไม่เห็นก็มักจะคอยดูแลเราอยู่ตลอด ยิ่งตอนที่มองเห็นท่านยิ่งคอยเป็นห่วงเราในทุกๆเรื่อง...สำหรับพวกเราท่านคุคุโนจินเป็นเหมือนครอบครัว”ไดจิบอกก่อนจะคลี่ยิ้มส่งมาให้


“ใช่ค่ะ...ตอนแรกที่เรารู้ว่าในศาลเจ้ามีเทพจริงๆก็รู้สึกกลัวอยู่เหมือนกันแต่พอได้เห็นได้เจอได้พูดคุยกับท่านคุคุโนจินก็ทำให้รู้ว่าถึงเป็นเทพก็ไม่ทำตนเป็นใหญ่เหมือนอย่างที่คิดไว้...นิสัยของท่านอาจเหมือนเด็กไปบ้างแต่ก็มีมุมที่เป็นผู้ใหญ่อยู่เช่นกัน ขอฝากดูแลท่านคุคุโนจินด้วยนะคะ”พูดจบมิกะก็ก้มหัวลงตรงหน้าติน


“รบกวนด้วยครับ”ไดจิที่เห็นก็ทำตามเช่นกัน


“อืม...ถึงไม่บอกก็ทำอยู่แล้ว”


หลังจากนั้นทั้งคู่ก็ขอตัวกลับไปทำให้ทั้งห้องกับมาเงียบอีกครั้งหนึ่ง...ตินที่ทำท่าเหมือนกำลังคิดอะไรอยู่ยืนนิ่งท่าเดิมสักพักก่อนจะกลับไปนั่งทำงานที่โต๊ะตามเดิม


ผมเองก็รู้ว่าไม่ควรกวนเลยพาร่างที่ลอยอยู่มานั่งลงบนโซฟาแล้วเริ่มหยิบวากาชิกล่องหนึ่งขึ้นมาวากาชิรูปดอกไม้ทั้ง3แบบ3สีเรียงรายอยู่ภายในอย่างสวยงาม ชิ้นแรกที่หยิบขึ้นมาเป็นดอกซากุระบานสีชมพูก่อนจะตามมาด้วยกุหลายสีแดงและดอกท้อสีส้มอ่อน


รสมือของไดจิยังเยี่ยมเหมือนเดิมเลย


“แพน”


“อะไรเหรอติน”ผมหันหน้าไปถามตินตามเสียงเรียก แฟ้มเอกสารที่ถือไว้ก่อนหน้านี้ถูกวางลงบนโต๊ะทั้งๆที่เปิดอยู่แปลว่ายังอ่านไม่เสร็จ


“นายชอบที่นั่นมากเหรอ”


“หมายถึงศาลเจ้าคิตากามิใช่ไหม”


“อืม”


“ใช่...ผมชอบที่นั่นมาก ศาลเจ้าคิตากามิเป็นศาลเจ้าที่อยู่ติดภูเขาทำให้ด้านหลังศาลเจ้ามีทางเดินเชื่อมไปยังน้ำตกในป่า มันเป็นสถานที่ที่ทั้งสงบและร่มลื่นมาก...เพียงแค่ได้มองเหล่าต้นไม้ที่เอียงไปตามแรงลมก็ช่วยให้จิตใจผ่อนคลายขึ้น”น้ำตกที่ว่าก็เป็นสถานที่ที่ผมชอบไปอาบน้ำและสระผมอยู่บ่อยๆ


“...”พอฟังจบตินก็เงียบไปราวกับกำลังคิดอะไรอยู่


“ติน...คิดอะไรอยู่น่ะ”ผมวางกล่องใส่ขนมวากาชิลงก่อนจะลอยไปหาอีกฝ่ายที่ทำหน้านิ่งอยู่


“ถ้าไม่ใช่เพราะฉันนายก็จะกลับไปใช่ไหม”คำพูดของตินทำให้ผมนิ่งไปเพราะกำลังทำความเข้าใจกับคำถามนั้นอยู่ ที่ว่าถ้าไม่ใช่เพราะตินหมายถึงการที่ผมต้องอยู่กับเขาจนกว่าจะหมดอายุไขสินะ แล้วที่ว่าจะกลับไปก็คงหมายถึงที่ศาลเจ้าคิตากามิ


ถ้าทั้งหมดนั่นหมายถึงการที่มีตินอยู่ทำให้ผมไม่สามารถกลับไปได้ละก็...


“อืม...ใช่”ผมพยักหน้าให้อีกฝ่ายเห็น


“อึก...”


“ติน?”ริมฝีปากที่เม้มเข้าหากันแน่นของตินทำให้ผมรู้สึกถึงความไม่ปกติ


“ถ้าการที่ฉันอยู่ทำให้นายต้องมาทนอยู่ในสถานที่ที่ไม่ชอบก็ฆ่าฉันซะเลยสินายจะได้เป็นอิสระสักทีไง!!”ตินตะโกนขึ้นด้วยอารมณ์ที่กำลังจะปะทุออกมา


“พูดอะไรน่ะ”


“ถ้าอยากกลับไปที่นั่นนักก็ไปเลย...ไม่ต้องมาทนอยู่กับฉันหรอก!”เป็นอีกครั้งที่ตินตะโกนเสียงดัง ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความไม่พอใจปนหงุดหงิดซึ่งผมก็ไม่รู้ว่าเพราะอะไร


แต่ที่รู้คือผมเองก็ไม่พอใจที่ถูกไล่ไปแบบนั้นเหมือนกัน


“ผมไม่ได้อยากกลับไป!”อย่าคิดว่าตัวเองจะเป็นคนเดียวที่ตะโกนได้นะติน


“ก็พึ่งพูดว่าอยากกลับไปไม่ใช่รึไง”ตินที่นั่งอยู่ลุกขึ้นยืนพร้อมเงยหน้าขึ้นจ้องผมอย่างเอาเป็นเอาตาย


“ผมพูดตอนไหน”


“ฉันถามนายว่าถามไม่ใช่เพราะฉันนายจะกลับไปใช่ไหม...และคำตอบของนายคือใช่ นั่นหมายถึงถ้าไม่มีฉันนายก็จะกลับไปตามที่พวกนั้นมาตามไม่ใช่รึไง”ครั้งนี้ไม่ใช่เสียงที่ตะโกนขึ้นแต่มือทั้งสองข้างยังกำกระดาษเอกสารตรงหน้าแน่นจนยับยู่ยี่ไปหมด


“ใช่...ถ้าไม่มีคุณผมอาจกลับไปกับพวกเขา แต่เพราะตอนนี้ผมมีคุณผมถึงไม่กลับ...ที่ผมยังอยู่ที่นี่ก็เพราะมีคุณอยู่ไงติน!”ผมตะโกนกลับไปอย่างไม่ยอมแพ้


“...”คำพูดผมทำให้ตินเบิกตามกว้างขึ้นเล็กน้อยราวกับตกใจกับอะไรบางอย่าง


“ติน...”


“...ที่นายอยู่เพราะฉัน”ตินพึมพำก่อนจะทิ้งตัวนั่งลงบนเก้าอี้ตามเดิม


“ใช่...นี่ติน...ผมน่ะถึงจะชอบที่นั่นมากแต่ตอนนี้ผมชอบตินมากกว่านะ”ร่างของผมลอยไปด้านหลังตินก่อนจะกอดอีกฝ่ายไว้หลวมๆ หวังว่าตินจะเข้าใจในสิ่งที่ผมต้องการสื่อออกไปนะ


ที่ตินโกรธหรือโมโหในตอนนี้อาจเพราะสิ่งที่เราเข้าใจมันไม่ตรงกัน ท่าทางและน้ำเสียงที่ตะโกนออกมานั่นแค่มองผมก็รู้แล้วว่าเขากำลังอดอั้นอารมณ์บางอย่างไว้


“...ฉันก็...ชอบนาย”เสียงทุ้มพึมพำออกมาเบาๆเมื่อก้มหน้าลงไปด้านล่าง


“ก็ดีแล้วนี่...มาชอบกันไว้ดีกว่า ยังไงเราก็ต้องอยู่ด้วยกันอีกนาน”ผมบอกพร้อมรอยยิ้มกว้าง ไม่บ่อยนักที่ติดจะแสดงออกมาตรงๆแบบนี้


ผมรู้ว่าเขาชอบผมมาตั้งนานแล้ว ถ้าไม่ชอบก็คงไม่คอยดูแลหรือเอาใจใส่กันขนาดนี้หรอก


“เรียกว่าทั้งชีวิตดีกว่ามั้ง”ตินที่แผ่รังสีหงุดหงิดมาจนถึงเมื่อครู่กลับเริ่มกวนผมเหมือนยามปกติ


“แค่ชีวิตคุณไม่ใช่ชีวิตผมสักหน่อย”


“ถ้าฉันตาย นายจะทำยังไงต่อแพน”อยู่ๆตินก็พูดด้วยน้ำเสียงนิ่งๆแทน


“นั่นสินะ...ผมยังไม่ได้คิดเลยเพราะงั้นอยู่นานๆนะรอให้ผมคิดได้ก่อนแล้วค่อยตาย”ผมบอกพลางซุกหน้าลงที่แผ่นหลังของติน
แค่คิดว่าความสุขที่ได้อยู่กับตินกับหายไปหัวใจมันก็บีบรัดจนเจ็บไปหมด


ความรู้สึกนี่มัน...


แบบนี้ท่าจะแย่แล้ว


อย่าสิ...


อย่าไปคิดถึงมัน


ให้มันหยุดอยู่แค่ความรู้สึกชอบนี้เถอะ


“นานสักเท่าไหร่ดีล่ะ”เสียงของตินดังขึ้นเรียกสติของผมให้กลับมาอีกครั้ง


เสียงของเขาทำให้ผมรู้สึกว่าทุกอย่างมันต้องไม่เป็นไร


“...ขอสัก200ปีละกัน”


“แบบนั้นฉันก็เดินไม่ไหวแล้ว”


“ไม่เป็นไร เดี๋ยวช่วยพยุง”ผมพูดต่อ


“หึ ช่วยอุ้มด้วยดีไหมล่ะ”ตินย้อนถาม


“ก็ได้นะ...เดี๋ยวจะใช้ต้นไม้เหวี่ยงทีเดียวถึงเตียงเลย”


“ก่อนถึงเตียงจะถึงสวรรค์ก่อนน่ะสิ”


“คิก...”สุดท้ายบรรยากาศภายในห้องก็กลับมาดีตามเดิม


ก๊อก ก๊อก ก๊อก


“เข้ามา”ทันทีที่เสียงเคาะประตูดังขึ้นตินก็หุบรอยยิ้มบางๆนั่นกลับมาตีหน้านิ่งเหมือนเดิม


“คุณตินครับ”คนที่เปิดประตูเข้ามาคือหนึ่งในบอดี้การ์ดคนสนิทจิมนั่นเอง


“มีอะไร”


“คือผมได้เสียงเสียงคุณตะโกน”


“ฮะฮะ...อุ๊บ...”ผมรีบยกมือปิดปากตัวเองเมื่อตินส่งสายตาคมๆมาให้


เสียงที่จิมได้ยินคงเป็นเสียงที่ตินตะโกนคุยกับผมก่อนหน้านี้แน่ๆ


เจ้าของห้างสรรพสินค้าอันดับหนึ่งตะโกนเสียงดังในห้องทำงานตามลำพัง


ฮะฮะฮะ...ขำชะมัดเลย


“คุณจะทำยังไงกับสถานการณ์นี้นะติน”ผมลอยไปกระซิบข้างหูอย่างกวนๆ


มันไม่ง่ายเลยที่จะปฏิเสธทั้งที่อีกฝ่ายได้ยินเสียงนั่นเต็มๆหู


“อืม...แพนโทรมาโวยวายว่าหิวน่ะ”ผมถึงกับตาโตเมื่อได้ยินสิ่งที่ตินใช้แก้ตัว


เอาผมมาเป็นข้ออ้างเรอะ


“ผมไม่ได้โทรหาคุณสักหน่อย”ใครจะยอมให้โกหกแบบนี้กัน แบบนี้จิมจะมองว่าผมเป็นคนยังไงล่ะที่โทรมากวนด้วยเหตุผลเพียงแค่หิวน่ะ


“อ้อ...ครับ...แล้วเป็นยังไงบ้างครับ ให้ผมโทรไปสั่งอาหารให้ขึ้นไปเสิร์ฟดีไหมครับ”จิมเสนอแนวทาง


“ฉันบอกไปแล้วล่ะ”


“ครับ...ถ้าไม่มีอะไรผมขอตัวก่อนนะครับ”จิมบอกก่อนจะเดินออกไปจากห้อง


“คุณโกหก”พอประตูปิดลงผมก็ไม่รอช้าที่จะกวนเจ้าของห้องด้วยน้ำเสียงเย๊าะๆ


“จะให้บอกว่าทะเลาะกับเทพรึไง”


“เปล่านี่...แค่มันน่าจะมีเหตุผลอื่นที่ดีกว่านี้ แบบนี้ภาพลักษณ์ผมเสียหายนะ”


“ภาพลักษณ์อะไร”ตินขมวดคิ้วมองมาอย่างสงสัย


“ก็ที่ตินพูดไปแบบนั้นมันเหมือนกับผมเป็นคนเห็นแก่กินนี่”คนอะไรโทรมาหาแฟนเรื่องของกิน


“อืม...ก็เข้าใจถูกแล้วนี่”ตินพยักหน้าขึ้นลงราวกับเห็นด้วยกับสิ่งที่ได้ยินซะเต็มประดา


“ติน”


“อะไรครับท่านเทพ”


“ผมไม่ได้เห็นแก่กินะ...ถอดคำพูดเดี๋ยวนี้เลย”ไม่งั้นผมไม่ยอมจริงๆด้วย


“อืม...งั้นคนไม่เห็นแก่กินคงไม่หอบถุงขนมนั่นกลับห้องหรอกใช่ไหม”ตินถามพลางชี้นิ้วไปยังถุงของฝากที่ไดจิให้มา


“อะ...เอ่อ...นั่นมัน...”แย่ล่ะสิ เล่นแบบนี้ผมจะไปต่อยังไงได้กัน


“รู้สึกว่าจะมีหลายคนที่อยากได้ของฝากจากญี่ปุ่น...”


“คุณพูดว่าผมเป็นคนที่เห็นแก่กินซึ่งมันผิด ความจริงผมไม่ใช่คนสักหน่อย”ผมพยายามเถียงแม้จะรู้ว่าชัยชนะครั้งนี้ช่างห่างไกลซะเหลือเกิน


“เทพนี่เขาไม่กินอะไรกันนี่นะ”ตินยังคงพูดต่อด้วยสายตาเจ้าเล่ห์


“อึก...”เหมือนมีธนูมาปักเข้าที่หัวใจเลย


“อยากให้เอากลับไหม”


“อยาก!”ผมตอบแบบไม่ต้องคิด ถ้าให้ถือกลับเองก็หนักอยู่ ถึงเทพอย่างพวกเราจะลอยได้แต่ไม่สามารถทำให้น้ำหนักของสิ่งของหายไปได้เวลาที่ถืออะไรก็ต้องยอมรับน้ำหนักของสิ่งของนั้นๆด้วย


“ภาพลักษณ์ของนายล่ะ”


“ไม่สนแล้ว”


“ไม่สนจริง?”


“อืม...ภาพลักษณ์มันกินไม่ได้แต่ของฝากนี่ทั้งกินได้ทั้งอร่อย”เรื่องภาพลักษณ์ช่างมันเถอะ


“หึ...เทพแห่งการกินชัดๆ”ตินยกมือขึ้นมาปิดปากเพื่อซ่อนเสียงหัวเราะพร้อมรอยยิ้มและคำพูดกวนๆนั่น


แต่มีเหรอที่ผมจะไม่ได้ยิน


“เทพแห่งพฤกษาต่างหาก”ต้องให้แก้อีกกี่รอบกัน


“งั้นจะให้เอากลับไหม”


“เอา!”


“หึ...”
........................................................................

จบไปอีกหนึ่งตอนนน

วันนี้มาช้าเนื่องจากพึ่งแต่งเสร็จ

อย่างที่เคยบอกไปก่อนหน้านี้ว่าเรากำลังอยู่ในช่วงสหกิจทำให้ต้องทำงานทั้ง5วัน อีกทั้งยังต้องทำเล่มรายงานส่งด้วยเลยค่อนข้างยุ่งมากๆ จะมีเวลาแต่งแต่ละทีก็ไม่มากเลยเสร็จช้าอย่างที่เห็น

เพราะงั้นเราเลยขอเปลี่ยนการอัพเป็นอาทิตย์เว้นอาทิตย์เฉพาะช่วงนี้นะคะ

ถ้าทุกอย่างกลับมาเข้าที่แล้วจะมาอัพทุกอาทิตย์ตามปกติค่ะ

สำหรับตอนนี้เรารู้สึกแปลกใหม่ที่ได้แต่งถึงคนรู้จักของแพน แถมยังได้แต่งฉากทะเลาะกันของทั้งคู่อีก

สนุกมากเลยค่ะ

ขอบคุณทุกๆคอมเม้นท์และทุกๆกำลังใจนะคะ

ไว้เจอกันใหม่ในตอนหน้า

บ๊ายบาย

nicedog

♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด