♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ส่งท้าย♣+แจ้งข่าว}13/01/61 P.16 จบ
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ส่งท้าย♣+แจ้งข่าว}13/01/61 P.16 จบ  (อ่าน 150862 ครั้ง)

ออฟไลน์ เป็ดอนุบาล

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1405
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-2
       จากเจ้าชายเย็นชาก็มีมุมน่ารักขี้หวงนะค่ะตินณ์ :mew1: :mew1:

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3437
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

ออฟไลน์ poppycake

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2670
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-4
น่ารักทั้งสองคนเลยยยยยย >\\\\\<
หวังว่าจะไม่มีมาม่าน๊า...

ออฟไลน์ fc_fic

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2598
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-7

ออฟไลน์ ่jum

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3709
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-4
 :pig4:

จองหนูอานโน่ไว้แล้ว รออยู่นะ  :mew1:

ออฟไลน์ panpang

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 508
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-1

ออฟไลน์ พิศตะวัน

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 496
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-3

ออฟไลน์ Snowermyhae

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4015
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-7
ถามเขาแล้วก็เขินเองนะแพน  :hao7:

ออฟไลน์ darling

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1741
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-7
แพนน่ารักมากกกกกก  :กอด1:

ออฟไลน์ КίmY

  • BJYX♥
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1715
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-3
นี่มันพี่ตินคนจิง หึงก็บอกหึงเนอะ  :laugh:
ปล.ฝึกงานก็สู้ๆนะคนเขียนเรารอได้  :กอด1:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ shoi_toei

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4365
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +222/-26

ออฟไลน์ nicedog

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 588
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +366/-0
สัมผัส{❤}ครั้งที่18



การเดทและการไปเที่ยวครั้งแรกที่สวนพฤกษศาสตร์ได้ผ่านพ้นไปหลายอาทิตย์แล้ว ทุกอย่างยังคงเหมือนเดิมทั้งเรื่องที่ผมและตินมักจะกวนโมโหและทะเลาะกันไปมา ทั้งเรื่องที่ผมมักบ่นเรื่องการทำงานที่ดูฝืนร่างกายมากเกินไป และทั้งเรื่อง...


“ติน...ข้าวกลางวันล่ะ”ผมเดินตามหลังตินออกมาจากห้างสรรพสินค้ายักษ์ใหญ่โดยมีกายและจิมเดินตามมาจากด้านหลัง


“เคเอฟซีถังนึงนั่นยังไม่อิ่มอีก?”ตินหยุดเท้าที่เดินก่อนจะหันกลับมาถาม


“ไม่อิ่ม...อ๊ะ...ไม่ใช่สิ...ที่ผมพูดคือข้าวกลางวันคุณต่างหาก”ผมเผลอหลุดปากว่าไม่อิ่มออกไปจนได้


ยังไงเทพอย่างพวกเราก็ไม่มีความรู้สึกอิ่มอยู่แล้วดังนั้นการจะกินหรือไม่กินมันไม่ใช่ปัญหา


แต่กลับตินที่เป็นมนุษย์


ขอย้ำว่าเป็นมนุษย์


มนุษย์ที่ทำตัวไม่เหมือนมนุษย์สักนิดเดียว!


ก่อนหน้านี้ผมยังรอตินอยู่ในห้องทำงานส่วนตัวนิ่งๆจนถึงช่วงประมาณ11โมงกว่ากายก็เดินเข้ามาพร้อมกับถังไก่ทอด8ชิ้นและเครื่องเคียงอีกหลายอย่างที่วางลงตรงหน้าผม ตอนแรกผมก็ชวนตินแล้วแต่เขากลับบอกว่ามีงานต้องรีบจัดการเลยให้ผมกินก่อนซึ่งผมก็ไม่ได้ว่าอะไรเพราะพึ่งบังคับให้ตินกินข้าวตอนเช้ามา อีกอย่างนี่ก็ยังไม่เที่ยงดีเลยยอมปล่อยผ่านจนไก่ทอดเหลือเพียงแค่ชิ้นเดียวตินก็ยังไม่ยอมมากิน


ผมรอให้อีกฝ่ายจัดการงานจนเสร็จแต่แทนที่ตินจะกินข้าวกลับเดินลงมาจนถึงชั้นล่างนี่แทน


แบบนี้จะไม่ให้บ่นได้ยังไง


มนุษย์อะไรไม่ยอมกินข้าวก็อยู่ได้เป็นวันๆ


กระเพาะเหล็กรึไง


ถ้าปวดท้องขึ้นมานอกจากผมจะไม่รักษาแล้วยังจะหัวเราะเยาะด้วยคอยดูสิ


“ข้าวเช้าฉันก็กินแล้วไง”


“มันคนละมื้อแล้ว”ไม่ต้องมาทำหน้าเหมือนเอือมผมแบบนั้นเลยนะ


ผมสิที่ควรเอือมคุณ


“ก็คนมันไม่หิว”


“ถึงไม่หิวก็ไม่ควรอด”ผมยืนเท้าเอวบ่นเสียงแข็ง


“ฉันก็อดของฉันมาเป็นสิบๆปียังไม่เป็นไรเลย”


“ตอนนั้นอาจไม่เป็นแต่ไม่แน่ว่าตอนนี้จะไม่เป็นนี่...กายกับจิมก็ด้วย”ผมบ่นตินเสร็จก็หันกลับไปบ่นบอดี้การ์ด2คนที่สะดุ้งเล็กน้อยเมื่อถูกเรียก


“พวกเรากินมื้อกลางวันแล้วนะครับ...เนอะกาย”จิมพูดเสร็จก็ใช้ศอกสะกิดเพื่อนร่วมงาน


“อืม...พวกเราไปกินที่ฟู้ดคร์อดมา”กายรีบพยักหน้าก่อนจะตอบกลับมา


“เห็นไหม ขนาดกายกับจิมยังรู้เลยว่าควรกินแล้วทำไมคุณถึงไม่รู้กัน”อย่าให้ผมต้องบ่นไปมากกว่านี้นะมันเปลืองพลังงาน
รีบๆยอมแพ้ได้แล้ว


“เฮ้อ...ฉันมีงานต้องไปทำต่อ...”


“แล้วกายกับจิมน่ะ...ทำไมก่อนหน้านี้ถึงไม่บังคับตินให้กินอะไรเลยล่ะ...รู้ไหมว่ากว่าจะยอมแตะได้แต่ละมื้อมันนานขนาดไหน”ผมไม่สนสิ่งที่ตินกำลังจะพูดแต่หันไปบอกกันบอดี้การ์ด2คนแทน


“พวกเราก็อยากให้คุณตินกินอยู่หรอก...แต่คุณตินไม่ยอมพวกเราก็ทำอะไรไม่ได้”จิมบอกกลับด้วยน้ำเสียงสำนึกผิด


“ถ้าไม่ยอมก็ให้กายล๊อคตัวไว้แล้วจิมก็ยัดข้าวใส่ปากไปเลย”วันนี้แหละผมต้องพูดเรื่องนี้ให้จบสักที


การที่ต้องมาคอยบังคับให้กินข้าวทุกมื้อทุกวันนี่มันไม่ใช่เรื่องง่ายโดยเฉพาะฝ่ายที่ถูกบังคับนั้นเป็นติน


“ผมล๊อคคุณตินไม่ไหวหรอกครับ”กายบอกเสียงเบา


“...ผมก็ไม่กล้ายัดข้าวให้ปากคุณตินเหมือนกัน”จิมพูดต่อด้วยใบหน้าตื่นๆ


“งั้นจะปล่อยให้ตินติดนิสัยแบบนี้ต่อไปเหรอ”ผมถามพวกเขาทั้งคู่


ดูก็รู้แล้วว่านิสัยแบบนี้ต้องทำมาตั้งแต่เด็กจนกลายเป็นนิสัยเหมือนในปัจจุบันแต่ถ้ายังไม่แก้ไขซะต้องมีวันหนึ่งที่ตินได้ป่วยเพราะนิสัยนี่อย่างแน่นอน


“...พวกเราไม่อยากแต่...”


“แพน...ฉันไม่เป็นหรอก เลิกห่วงได้แล้ว”ตินพูดขัดขึ้นมาก่อนจะยกมือขึ้นขยี้เส้นผมสีเขียวเข้มของผมไปมา


“อย่ามาขยี้แบบนี้นะ...แล้วจะให้เลิกห่วงได้ยังไงกัน”ผมขยับตัวหนีจากการเล่นผมนั่นแล้วตอบกลับไป


“แพน...”


“ถ้าอยากให้เลิกห่วงก็หันกินข้าวให้ครบ3มื้อบ้างสิ”ถ้าไม่ได้ผมคอยบังคับวันนึงจะกินถึง2มื้อรึเปล่ายังไม่รู้เลย ถ้าให้ผมเดาก็ขอเดาว่าไม่มีทางที่ตินจะกินถึง2มื้อแน่นอน


แค่มื้อเดียวก็สุดยอดแล้ว


ยังดีที่ตินยังมีดื่มพวกชาหรือกาแฟตอนทำงานบ้างทำให้ไม่ต้องมาคอยบังคับอีกเรื่อง


“ห่วงมากไปแล้วแพน”


“ต้องห่วงมากๆสิ...ก็ติน...สำคัญนี่”ผมบอกพลางก้มหน้าลงเล็กน้อย แค่คำว่าสำคัญที่เอ่ยออกไปก็ทำเอาเขินขึ้นมาดื้อๆ


ไม่ว่ายังไงตินก็เป็นมนุษย์ที่สำคัญที่สุดสำหรับผม


เรื่องงานผมไม่อาจช่วยอะไรได้เพราะไม่มีความรู้ด้านนี้ เรื่องที่ทำได้เลยมีแค่การช่วยรักษาสุขภาพของเขาเท่านั้น


ในเมื่อมีแค่เรื่องนี้ที่ช่วยได้ผมก็จะพยายามให้ดีที่สุด


“...อืม...เข้าใจแล้ว...ขอโทษที่ทำให้เป็นห่วง”น้ำเสียงที่อ่อนลงกว่าเดิมมากดังขึ้นพร้อมกับฝ่ามืออุ่นๆที่ลูบเส้นผมสีเขียวเข้มของผมอย่างอ่อนโอน


“ติน...”


“มื้อกลางวัน...ไปกินอีกรอบไหวไหม”รอยยิ้มมุมปากของตินยกขึ้นหลังจากถามจบ รอยยิ้มนั้นทำให้ผมยิ้มกว้างผมกับพยักหน้าแรงๆแทนคำตอบ...


“แน่นอน”


“เอ่อ...คุณติน...แล้วกำหนดการณ์ที่จะไปพบ...”


“พวกนาย2คนไปแทนละกัน”ตินบอกทันทีราวกับคิดไว้ล่วงหน้าแล้ว


“งั้นก็ไม่มีคนคุ้มกันสิครับ”กายพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงไม่เห็นด้วยนัก


ก็จริงอย่างที่กายว่า ถ้าให้ไปทั้งคู่ตินก็จะไม่มีคนคอยคุ้มกันและถ้าเกิดอะไรขึ้นผมอาจช่วยไม่ได้มากเท่าบอดี้การ์ดที่ได้รับการฝึกฝนอย่างกายและจิม


ยิ่งช่วงนี้ชายที่ได้ชื่อว่าศัตรูของตินก็ไม่มีการเคลื่อนไหวยิ่งทำให้ต้องระวังเป็นพิเศษ ไม่แน่ว่าอาจรอจังหวะที่ตินออกห่างจากพวกบอดี้การ์ดก็เป็นได้


“ถ้ามื้อกลางวันให้ผมไปซื้อแล้วกินในรถไหมครับ”จิมเสนอความเห็น


“ไม่ล่ะ...กินทั้งที่ขอที่ร้านดีกว่า...ไม่ต้องห่วงหรอกฉันจะอยู่ในห้างนี่แหละ ถ้าจัดการเสร็จเมื่อไหร่ก็มารับฉันที่นี่”ตินบอกบอดี้การ์ดทั้ง2คน


“แต่ยังไงก็ไม่ค่อยปลอดภัยอยู่ดี”ดูกายจะเป็นห่วงตินมากทีเดียว


“ฉันไม่คิดว่าพวกมันจะกล้าทำอะไรในสถานที่ที่คนพลุกพล่านแบบนี้หรอกนะ”


“ก็จริงครับ...เข้าใจแล้ว พวกเราจะรีบจัดการธุระให้เสร็จแล้วรีบมานะครับ”ทั้งกายและขิมหันไปมองตากันสักพักก่อนที่กายจะตอบกลับมา


“อืม”


ผมมองกายและจิมไปจนสุดสายตาก่อนจะเงยหน้าขึ้นไปมองตินที่ยังยืนนิ่งอยู่ที่เดิม ดูเหมือนตินจะรู้ว่าถูกมองอยู่เลยหันมาจนดวงตาของเราประสานกันอย่างไม่ตั้งใจ


ดวงตาสีฟ้าสดที่จ้องมาแฝงไปด้วยความรู้สึกมากมายที่ถูกส่งมา ตัวผมเองก็รับรู้ถึงมันได้แม้จะไม่อยากรับรู้ก็ตาม


ความรู้สึกของตินก่อนหน้านี้ผมเคยบอกว่าเขาชอบผม...แต่ในตอนนี้มันเลยคำว่าชอบไปแล้ว ไม่รู้ว่าเพราะอะไรตินถึงเลือกที่จะไม่บอกแต่นั่นก็ทำให้ผมสบายใจเพราะถ้าเขาบอกออกมาผมก็คงไม่อาจตอบรับความรู้สึกนั้นได้แม้ว่าจะชอบตินมากก็ตาม


ฝ่ามืออุ่นๆที่เอื้อมมาสัมผัสใบหน้าผมแล้วลูบอย่างอ่อนทำเอาหัวใจเต้นถี่เร็วขึ้น ยิ่งได้เห็นรอยยิ้มบางๆที่ส่งมาให้ยิ่งทำให้ผมต้องกำมือแน่นเพื่อข่มอารมณ์ไม่ให้เกิดอาการเขินอายขึ้น


“อยากกินอะไร”เสียงทุ้มของตินถามโดยที่มือยังลูบใบหน้าผมอยู่


“...ตินอยากกินอะไรล่ะ”


“หึ...สิ่งที่ฉันอยากกินตอนนี้ไม่ใช่อาหาร”


“หมายความว่ายังไง”ถ้าไม่ใช่อาหารแล้วทำไมถึงอยากกินล่ะ


ไม่เห็นเข้าใจเลย


“ถ้าถามมากๆจะกินจริงด้วย”พูดจบตินก็ก้าวขาเดินไปตามทางปล่อยให้ผมได้แต่ยืนขมวดคิ้วแน่นด้วยความไม่เข้าใจ


แม้จะไม่เข้าใจสิ่งที่ตินพูดแต่ผมก็วิ่งตามอีกฝ่ายไปจนถึงบันไดเลื่อนที่ยาวถึง10ชั้นบริเวณกลางห้างสรรพสินค้าแห่งนี้ ถ้าจำไม่ผิดรู้สึกว่าบันไดเลื่อนนี่ก็เป็นหนึ่งในจุดขายของที่นี่เลย ไม่ว่าใครที่มาก็มักจะขึ้นบันไดเลื่อนนี้ก่อนทั้งนั้น


“ตินเราไม่ไปกินข้าวเหรอ”ที่ถามเพราะร้านอาหารอยู่ชั้น8และ9


“ขึ้นไปชั้น10แล้วลงมามันใกล้กว่าค่อยๆชั้นทีละชั้น...อีกอย่างนายชอบบันไดเลื่อนนี่ไม่ใช่?”ใบหน้าที่หันมาถามนั้นนอกจากจะมีรอยยิ้มปรากฏอยู่แล้วยังเลิกคิ้วขึ้นราวกับจะบอกว่ายังไงสิ่งที่พูดก็เป็นความจริง


“...รู้ใจจริงๆ”ผมบอกพร้อมยกยิ้มขึ้น ผมชอบบันไดเลื่อนนี่มากเมื่อก่อนก็ชอบจะขึ้นๆลงๆอยู่หลายรอบ การที่ค่อยๆขึ้นไปสูงเรื่อยๆแบบนั้นมันให้ความรู้สึกดีมากเลยแต่ตอนขาลงออกจะเสียวๆอยู่หน่อยถ้าไม่จับราวไว้


“ก็แฟนทั้งคน”


“คิก...”ผมหลุดขำกับคำพูดนั่น


แฟนเหรอ...


คำที่ใช้เรียกคนที่มีความรู้สึกตรงกันของมนุษย์ไม่ว่าจะเป็น สนใจ ชอบหรือรัก


ก็จริงที่ผมทั้งสนใจและชอบติน


แต่มันก็แค่นั้นไม่ใช่รัก


ไม่สิ...


ผมพยายามทำให้มันไม่ใช่รัก


เพราะถ้าใช่...


ผมก็คง...


“แพน...เป็นอะไร”ตินถามพลางจับไหล่ผมเขย่าไปมา


“ฮะ?...อ้อ...โทษทีเหม่อไปหน่อย”


“อย่าเหม่อสิเดี๋ยวตกลงไปหรอก”


“ไม่ตกหรอกน่า...เฮ้ย...”ผมถึงกับอุทานเสียงดังเมื่ออยู่ขาผมก็เหมือนมีแรงลมมาวนๆรอบร่างกายก่อนจะดึงจนหงายลงไปจากบันไดเลื่อนที่สูงถึง10ชั้น


“แพน!!”เสียงตะโกนของตินดังขึ้นก่อนจะเอื้อมมือมาหมายจะคว้าตัวผมไว้แต่ก็ไม่ทัน


“ว้าย!”


“เฮ้ย!”


เสียงร้องของลูกค้าที่มาใช้บริการดังระงมเมื่อเห็นคนตกลงไป


“อึก...อะไรกัน”ทำไมถึงรู้สึกเหมือนขยับตัวไม่ได้


“แพน!”


หมับ!


ตุบ!


แขนข้างหนึ่งของผมถูกใครสักคนจับไว้ก่อนจะดึงร่างผมให้เข้าไปหาจนเกิดเสียงดังตุบ สัมผัสและกลิ่นที่คุ้นเคยทำให้ดวงตาสีเขียวอ่อนของผมเบิกกว้างขึ้นพร้อมกับเงยหน้าไปมองผู้ช่วยชีวิตตัวเองไว้


หมวกสีเข้มกับแว่นกันแดดที่ใส่อยู่ไม่สามารถปกปิดเส้นผมสีน้ำตาลกับดวงตาเรียวสีทองสว่างที่ซ่อนอยู่ได้เลย รอยยิ้มขี้เล่นกับลักยิ้มแก้มขวาอันเป็นเอกลักษณ์กับผิวสีน้ำผึ้งนั่นดูราวกับเทวดาบนสวรรค์ที่ลงมาเดินบนพื้นดิน ซึ่งในความเป็นจริงก็ใกล้เคียงเพียงแต่ไม่ใช่เทวดาแต่เป็นเทพเจ้าต่างหาก


เพื่อนสนิทของผมตอนอยู่ที่ญี่ปุ่น...


“เซ็น...”ทำไมถึงมาอยู่นี่


“ไง...ไม่เจอกันสักพักใหญ่เลยนะจิน”นำเสียงออกแนวเพลย์บอยดังขึ้นพร้อมรอยยิ้มกว้าง


จินที่ว่าย่อมากจากคุคุโนจินที่คนในศาลเจ้าใช้เรียกผมนั่นเอง


ว่าแต่เซ็นมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง


แถมยังในร่างของมนุษย์


ไม่สิ


อย่าบอกนะว่า...


“นี่เซ็น...”


“แพน!”เสียงของตินเรียกชื่อผมดังลั่น เมื่อมองไปก็เจอกับตินที่ลงมาหาผมจากด้านบนของบันไดเลื่อน ตินหันไปมองคนที่กอดผมไว้ดวงแววตาไม่พอใจพร้อมกับมือข้างนึงที่เอื้อมมาดึงตัวผมให้ไปหาเขาแทนแต่เพราะเซ็นเองก็ไม่ยอมทำให้ตอนนี้ร่างผมอยู่ระหว่างขั้นบันไดเลื่อนทั้ง2ขั้น


“โอ้ย...อย่าดึง”ผมพยายามบอกทั้งคู่ที่ต่างออกแรงดึงแขนผมคนละข้าง สภาพตอนนี้คงเหมือนเด็ก2คนที่ยื้อแย่งตุ๊กตาตัวเดียวกัน จุดจบของตุ๊กตาตัวนั้นคือขาดครึ่งไม่ก็แขนขาด แน่นอนว่าผมไม่ยอมมีจุดจบแบบนั้นแน่


“ปล่อย”ตินมองไปยังเซ็นด้วยแววตาแข็ง


“นายสิปล่อย”เซ็นเองก็ไม่ต่างกันเลย


ทั้งคู่ต่างดึงผมไปมาท่ามกลางสายตาของผู้คนที่มองมาราวกับเจอเรื่องสนุก บางคนถึงกับหลุดหัวเราะออกมาในขณะที่บางคนยกกล้องถ่ายรูปขึ้นมาถ่าย แม้จะขึ้นมาจนถึงชั้น10แล้วทั้งคู่ก็ยังไม่ยอมปล่อยผม


ตอนนี้แขนทั้ง2ข้างเจ็บไปหมดแล้ว


ไม่ไหวแล้วนะ


“พอสักที...ผมเจ็บนะ”สุดท้ายผมก็สะบัดมือของทั้งสองคนทิ้งแล้วหยุดยืนนิ่งๆอยู่ตรงกลางของพวกเขาทั้งคู่


“แพน...โทษที...ขอฉันดู...”


“เฮ้ยๆ...ถอยไปเลย...เดี๋ยวฉันดูเอง”เซ็นที่เห็นตินจะเข้ามาใกล้ก็รีบใช้มือดันตินให้ถอยห่างไป การกระทำนั่นทำให้ตินทำตาขว้างทันที


“นายไปใคร”ตินถามขี้นด้วยเสียงแข็งๆ


“แล้วนายล่ะเป็นใคร”


“ฉันถามก่อน”


“ถามหลังแล้วตอบก่อนไม่ได้รึไง”


“พอๆ...พอทั้งคู่เลย”ผมรีบจัดการดันทั้งคู่ที่ทำท่าเหมือนจะกัดกันอยู่รอมร่อให้แยกกันยืนคนละฝั่ง


“หมอนี่เป็นใคร?!”ทั้งตินและเซ็นต่างตะโกนประโยคเดียวกันออกมา


ผมละอยากกลับร่างเทพแล้วหนีไปตั้งหลักที่ไหนสัก3ชั่วโมงจริงๆ


“เดี๋ยวผมจะแนะนำให้รู้จักกันแต่ตอนนี้เราเปลี่ยนที่กันก่อนเถอะ”ผมรีบบอกเพราะรอบๆมีคนจำนวนไม่น้อยเลยที่สนใจเหตุการณ์นี้จนหยุดยืนดูห่างๆ


ผมไม่อยากเป็นจุดสนใจหรอกนะ


“ชิ...”


“ฉันสิต้องชิ”


“เซ็นอย่าหาเรื่อง”ผมหันไปตบหลังเซ็นแรงๆเป็นการเตือน


พึ่งหยุดได้ไม่ถึง10วิก็จะทะเลาะกันต่ออีกแล้ว


“...ก็ได้”


“เฮ้อ”ผมถอนหายใจยาวก่อนจะเดินทั้งคู่ลงมายังชั้น9ที่มีร้านอาหารมากมายเปิดให้บริการอยู่


ถึงจะอยากหันไปถามตินว่าจะกินอะไรแต่อารมณ์ในตอนนี้คงไม่ตอบกลับมาเป็นแน่เพราะงั้นผมเลยขอเลือกร้านอาหารญี่ปุ่นที่อยู่ใกล้ที่สุดเลยล่ะกัน ยิ่งเดินไปไกลก็คงมีแต่คนมอง


ที่มองไม่ใช่เพราะทั้งคู่ทำท่าเขม่นใส่กันตลอดเวลาแต่เป็นเพราะหน้าตาของทั้งคู่ที่ดูดีมากไปนิดผู้หญิงที่เดินผ่านเลยเหลียวหลังกลับมามองจนตาแทบทะหลน


เซ็นที่รู้ตัวว่ามีผู้หญิงหลายคนมองก็หันไปส่งรอยยิ้มหวานๆให้ผิดกับตินที่ทำหน้าตึงราวกับกำลังโกรธแค้นใครมาสักพันปีเศษได้


“อิราไซมาเซ ยินดีต้อนรับคะ...มากี่ท่านคะ?”พนักงานสาวหน้าร้านเอ่ยต้อนรับด้วยรอยยิ้มหวาน


“3ครับ”ผมตอบด้วยส่งยิ้มสั่นไปให้


“3ท่านนะคะ...เชิญทางนี้เลยค่ะ...”


“เอ่อ...ขอโต๊ะด้านในสุดได้ไหมครับ”ผมเอ่ยถามไปเพาะอยากได้โต๊ะที่เป็นส่วนตัวหน่อยไม่ใช่หน้าร้านแบบนี้


“โซนด้านในยังไม่เปิดให้บริการค่ะ...ต้องขอโทษด้วยนะคะคุณลูกค้า”พนักงานสาวบอก


“ผู้จัดการร้านอยู่ไหน”นี่ไม่ใช่เสียงผมแต่เป็นตินที่พูดขึ้นพลางมองไปรอบๆร้าน


“คะ?...ไม่ทราบว่ามีเรื่องอะไร...”


“คุณคณาธิป?!”เสียงตกใจของชายหนุ่มที่มีป้ายบนหน้าอกเขียนว่าผู้จัดการเดินตรงมาหาตินด้วยความนอบน้อม


“ฉันขอนั่งโต๊ะที่อยู่โซนในสุด”แม้ในประโยคจะมีคำว่าแต่ดูจากหน้าตาเหมือนออกคำสั่งอยู่กลายๆ


“ได้แน่นอนครับ”


“แล้วก็ห้ามให้ใครเข้ามาในโซนนั้นระหว่างที่ฉันยังอยู่”ตินพูดต่อ


“ครับ...เข้าใจแล้วครับ”ผู้จัดการร้านรับคำก่อนจะนำพวกเราไปยังโต๊ะด้านใน


โต๊ะยาวสำหรับนั่ง4คนถูกตินและเซ็นแยกกันนั่งคนละฝั่งพร้อมกับสายตาของทั้งคู่ที่มองมายังผมราวกับจะบอกว่ามานั่งข้างฉันซะ
โอ้ย...ทำไมผมต้องมาเจอบรรยากาศแบบนี้ด้วยเนี่ย


“จิน...มานั่งนี่”เซ็นพูดพลางใช้มือตบที่ว่างด้านข้างเบาๆ


“แพน”ไม่มีคำพูดนอกจากน้ำเสียงที่ดูจะสื่อความหมายได้ไม่แพ้ประโยคที่ยาวกว่า100ตัวอักษร


ผมละปวดหัวจริงๆ


ดวงตาสีเขียวอ่อนของผมหันไปสบกับดวงตาสีทองสว่างของเซนสลับกับดวงตาสีฟ้าสดของตินอย่างครุ่นคิด ไม่ว่าจะนั่งฝั่งไหนก็คงจะโดนอีกฝั่งไม่พอใจแน่


สำหรับตอนนี้ผมควรจะเลือกติน เอ๊ะ ไม่สิ ถ้าผมนั่งกับตินเซ็นต้องไม่พอใจแน่ และด้วยพลังที่เซ็นมีอาจสร้างปัญหาให้เกิดขึ้นได้ งั้นทางเลือกที่ดีที่สุดก็คงต้องนั่งกับเซ็นสินะ


“ขอโทษนะติน”ผมเอ่ยเสียงสำนึกผิดก่อนจะนั่งลงข้างเซ็นที่ทำหน้ากวนๆส่งให้ติน


“แพน...”


“ดีมากจิน...แบบนี้สิสมกับความสัมพันธ์ที่มีมายาวนานของเรา”เซ็นพูดพร้อมกับสวมกอดผมที่นั่งอยู่แน่น


“ปล่อยเดี๋ยวนี้”ตินที่เห็นผมโดนกอดก็เริ่มมีน้ำโห


“ทำไม?...ถ้าฉันไม่ปล่อยนายจะทำไม”ไม่เพียงแค่พูดแต่เซ็นยังดึงตัวผมเข้ามากอดไว้แน่นกว่าเดิมอีก


“ปล่อยเซ็น...ผมไม่เล่นนะ”ผมรีบผลักคนข้างกายออกไปเพราะรู้ว่าสายตาของตินที่ส่งมามันไม่เล่นแล้ว


ผมไม่อยากให้ตินโกรธ


และไม่อยากให้เข้าใจผิดด้วย




(มีต่อค่ะ)

ออฟไลน์ nicedog

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 588
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +366/-0
(ต่อนะคะ)




“เอ่อ...เมนูค่ะ”พนักงานสาวที่อยู่ดูด้านหลังดูจะได้โอกาสในการยื่นเมนูหลังจากที่ต้องยืนเงียบมาสักพักใหญ่


พวกเราทั้งสามใช้เวลาไม่นานในการตัดสินใจว่าจะสั่งอะไร บรรยากาศเงียบๆยังคงเงียบต่อไปจนกระทั่งขอที่สั่งมาเสิร์ฟหมดทุกอย่างแล้ว


“หมอนั่นเป็นใคร”ทันทีที่พนักงานเสิร์ฟเสร็จตินก็เปิดประเด็นทันที


“อ่า...งั้นขอแนะนำนะ...นี่เซ็นเง็น...เป็น...”


“เซ็นเง็น เทพีแห่งฤดูใบไม้ผลิ...ถึงจะได้ชื่อว่าเทพีแต่ก็เป็นผู้ชายอย่างที่เห็น เรียกว่าเทพแห่งฤดูใบไม้ผลิจะเหมาะกว่า ฉันกับจินเป็นเพื่อนสนิทที่คบกันมากว่า220ปีแล้ว...พวกเราต่างรู้จักกันดีกว่าใครๆไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไรก็ตาม ฉันแนะนำตัวแล้วต่อไปก็ตานาย...บอกมาซะว่าเป็นใคร”แนะนำตัวเสร็จเซ็นก็มองไปยังตินที่อยู่ฝั่งตรงข้าม


การที่เซ็นแนะนำว่าตัวเองไม่ใช่มนุษย์แปลว่ารู้แล้วสินะว่าผมช่วยมนุษย์คนนี้ไว้ จะว่าไปก็คงเดาไม่อยากหรอกสำหรับคนที่รู้จักกันมานานอย่างเซ็น


“ฉันคณาธิป ชื่อเล่นติน...เป็นเจ้าของห้างนี้...”


“ฮือ?...เจ้าของ?”เซ็นถึงกับเบิกตากว้างเมื่อได้ยินว่าตินเป็นเจ้าของห้าง


“ใช่...ฉันเป็นเจ้าของที่นี่ ส่วนแพน...เป็นแฟนฉัน”ประโยคสุดท้ายตินพูดขึ้นหลังจากหันมาสบตาผมสักพัก


“หา...แฟน? อุ๊บ ฮะฮะฮะ...โอ้ย เป็นมุกที่จี้ชะมัดเลย เป็นแฟนงั้นเหรอ ฮะฮะฮะ”เซ็นหัวเราะออกมาเสียงดังลั่นพร้อมกับมือที่ตบโต๊ะเสียงดังปาบๆ


“ขำอะไร”


“เซ็น...หยุดขำได้แล้ว”ผมหันไปสะกิดเพื่อนตัวเองที่หัวเราะไม่หยุดเบาๆ


“ก็มันน่าขำนี่ คิก...มนุษย์นี่นะเป็นสิ่งมีชีวิตที่แปลกชะมัด...แค่รู้สึกสนใจหรือชอบก็โมเมว่าเป็นความรักและคบกัน พอรู้ถึงข้อเสียต่างก็เลิกกันด้วยเหตุผลที่ว่าเข้ากันไม่ได้ทั้งที่ไม่เคยลองปรับตัวหรือเข้าหากันอย่างจริงจังด้วยซ้ำ...”


“แถมพอเลิกกันก็เอาแต่บอกว่าอีกฝ่ายไม่ดีอย่างงั้นไม่ดีอย่างนู้นโดยไม่ดูตัวเองเลย...นั่นคือคำว่าแฟนที่นายพูดถึงเหรอคุณเจ้าของห้าง”เซ็นนั่งเท้าค้างยกยิ้มมองไปยังตินที่ขมวดคิ้วกับคำถามนั้น


“หมายความว่ายังไง”


“อธิบายง่ายๆก็อย่าเอาพวกเราไปรวมกับมนุษย์ที่มีอารมณ์และความรู้สึกที่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลาแบบนั้น นายบอกว่าเป็นแฟนกับจินสินะ?”


“จิน?...เขาชื่อแพนนี่”ตินดูจะขมวดคิ้วหนักเข้าไปใหญ่


“จินที่ว่าย่อมาจากคุคุโนจินน่ะ...จำที่ไดจิกับมิกะเรียกผมได้ใช่ไหมล่ะ คนที่ประเทศญี่ปุ่นส่วนมากจะเรียกผมด้วยชื่อนั้นด้วยความที่คุคุโนจินมันยาวไปเซ็นเลยย่อเหลือแค่จิน”ผมอธิบายให้ตินฟัง


“อืม...ฉันเป็นแฟนกับแพนแล้วทำไม”ตินหันไปถามเซ็นต่อ


“ที่เรียกว่าแฟนนี่คือสนใจหรือชอบกันล่ะ”


“เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับนาย”


“อืม...ก็ไม่เกี่ยวหรอกแค่อยากบอกไว้ว่าถ้าเพียงแค่สนใจหรือชอบก็อย่าคิดเอาเองว่ามันเพียงพอที่จะเป็นแฟน...เทพอย่างพวกเราไม่มีหรอกที่เรียกว่าคบหาดูใจหรือแฟนน่ะ เนอะจิน”พูดจบเซ็นก็หันมาขอความเห็นผม


“อืม...ไม่มีหรอกคำบ่งชี้ถึงจุดเริ่มต้นของความสัมพันธ์ ถ้าเทพ2องค์มีความรู้สึกเหนือคำว่าชอบหรือก็คือมีความรู้สึกรัก ทั้งคู่ก็จะเป็นคนรักกันทันที ไม่มีหรอกการทดลองคบหรือเป็นแฟนเพราะเมื่อรักไปแล้วก็จะไม่มีการเปลี่ยนความรู้สึกเหมือนมนุษย์”ผมพูดต่อด้วยรอยยิ้มบางๆ


“แปลว่าถ้าเป็นเทพก็ไม่มีการแย่งคนรักกันสินะ”


“อืม...อย่าถามอะไรอยากๆสิ...พวกเราก็ไม่รู้หรอก ที่รู้มีแค่คำว่ารักเป็นสิ่งที่มีค่ามากและสามารถพูดได้กับคนเพียงคนเดียวเท่านั้น”เซ็นยกมือขึ้นเกาหัวเล็กน้อยเมื่อเจอคำถามของติน


“แล้วถ้าบอกรักไปแล้วเทพองค์นั้นไม่รักตอบล่ะ”ตินยังคงถามต่อ


“...จิน ตอบสิ”อยู่ๆเซ็นก็สะกิดผมที่ยกแก้วชาเขียวขึ้นมาดื่ม


“ฮะ?...ทำไมโยนเล่า”


“ก็ฉันไม่รู้นี่...เรื่องรักๆนี่ก็ได้ยินตั้งแต่จำความได้แล้ว”


“ผมก็เหมือนกันแหละน่า...เอางี้นะติน พวกเราก็ไม่รู้เรื่องยากๆแบบนั้นหรอก...แต่ที่แน่ๆคือคำว่ารักมันมีความหมายและสำคัญมาก ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะบอกออกไปเหมือนอย่างมนุษย์”


“แล้วที่อธิบายมาทั้งหมดนี่ต้องการสื่ออะไร”ตินมองหาเซ็นอย่างต้องการคำตอบ


“ถ้าแค่ชอบหรือสนใจจินแล้วบอกว่าเป็นแฟนก็เลิกซะเถอะ...ถึงชีวิตมนุษย์จะสั้นแต่เทพอย่างเราก็ไม่มีเวลามาแสดงละครเป็นแฟนใครหรอกนะ หน้าตาอย่างนายคงไม่อยากที่จะหาคนคบนี่...ลองหาสักคนแล้วเลิกสนใจจินได้แล้ว”


“เพราะเลิกสนไม่ได้ถึงได้เป็นแบบนี้ไง”ตินบอกเสียงเบา


“ติน...”


“มันไม่ใช่แค่ความสนใจหรือชอบ...ฉันรักแพน”คำสารภาพรักของตินดังขึ้นพร้อมกับดวงตาสีฟ้าสดที่มองมา


“ติน...”ทำไมต้องพูดมันออกมาด้วย


คำว่ารักนั่นน่ะ


แบบนี้ผมจะแกล้งทำเป็นไม่รู้ต่อไปได้ยังไงกัน


“หึ...คำพูดของมนุษย์มันเชื่อไม่ได้หรอก...ใช่ไหมจิน”


“...อืม”ผมก้มหน้าลงก่อนจะตอบออกไปเสียงเบา


ใช่...เชื่อไม่ได้


ทั้งที่บอกตัวเองมาตลอดแต่ภายในใจลึกๆมันกลับบอกว่าคำพูดของตินเป็นความจริงที่สามารถเชื่อได้


“จิน?...เป็นอะไร...นี่จิน”ใบหน้าผมถูกเซ็นบังคับให้เงยขึ้นไปสบกับดวงตาสีทองสว่างนั่น เพียงแค่อีกฝ่ายเห็นหน้าและสบตาผมเขาก็เบิกตากว้างขึ้นอย่างรวดเร็ว


“เซ็น...”


“นี่มันเรื่องบ้าอะไรจิน?!”เซ็นถามเสียงแข็งพลางจ้องมาที่ผมเขม็ง นั่นทำให้ผมมั่นใจว่าเซ็นรู้แล้วถึงความรู้สึกที่ซ่อนอยู่ภายในใจนี้


ความรู้สึกที่อยากลบมันออกไปให้มากที่สุด


ไม่อยากยอมรับมันเลย


แต่ว่า...


“เซ็น...ผม...”


“นี่แกทำอะไรจิน!”เซ็นปล่อยผมแล้วลุกขึ้นไปคว้าคอเสื้อตินดึงเข้าหาตัวจนใบหน้าของทั้งคู่เข้าใกล้กันมากขึ้น


“พูดเรื่องอะไร”


“ฉันไม่สนว่าจินจะช่วยมนุษย์ที่ใกล้ตายหรือเรื่องที่มนุษย์คนนั้นสามารถมองเห็นเทพได้ ไม่สนแม้กระทั่งการที่จินจะปรากฏตัวในร่างมนุษย์ด้วยสาเหตุอะไร ที่ฉันสนคือแกทำอะไรจินเขาถึงได้...”


“เซ็นพอเถอะ”ผมรีบดึงเซ็นไว้ก่อนที่คำต้องห้ามนั่นจะหลุดออกมา


“แต่ว่า...”


“นี่มันเรื่องอะไรกัน”ตินดูเหมือนจะเป็นฝ่ายที่งงที่สุดเพราะไม่รู้เรื่องอะไรเลย


“เรื่องอะไรงั้นเหรอ ฉันต่างหากที่อยากจะถามแกว่านี่มันเรื่องอะไรกัน จินที่ออกเดินทางมาไม่ถึงปีกลับมา...หลงรักมนุษย์อย่างแก”


“เซ็น!!”ผมเรียกอีกฝ่ายเสียงดังลั่น


ทำไมถึงพูดมันออกไปกัน


“...แพน...รักฉัน...จริงเหรอแพน?”ตินดูจะสับสนกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นมาพอสมควร


“ไม่...ยังไม่ได้รัก ยังไม่ได้รักสักหน่อยแค่ชอบเท่านั้นเอง”ผมหันไปบอกเซ็นเสียงดัง


“แค่ชอบ? แน่ใจเหรอที่พูดออกมาน่ะ...คงเข้าใจใช่ไหมว่าชอบกับรักแม้จะใกล้เคียงกันแต่ความหมายของมันต่างกันมากขนาดไหนน่ะ”


“ผมรู้...”เพราะรู้ถึงได้พยายามให้มันหยุดอยู่แค่คำว่าชอบไง


“นี่มันเรื่องอะไร...ใครสักคนอธิบายมาสักทีสิ”ตินที่อยู่อีกฝั่งถามขึ้นด้วยน้ำเสียงที่คล้ายคลึงกับคำสั่ง


“อยากรู้เหรอ”


“เซ็น!”อย่านะ


คิดจะบอกตินเรื่องนั้นงั้นเหรอ


“อยากสิ”ตินพยักหน้า


“ฉันไม่คิดจะปิดหมอนี่เพื่อนายหรอกนะจิน...ให้รู้ไปเลยถึงข้อห้ามของพวกเราน่ะ”


“ข้อห้ามอะไร”ตินถามพร้อมกับคิ้วที่ขมวดเข้าหากันเน่น


“เซ็น...ไม่นะ...”ผมไม่อยากให้ตินรู้


ขอแค่เรื่องนี้


“ถ้าเทพอย่างพวกเราตกหลุมรักมนุษย์ เทพองค์นั้นจะหายไป”


“...”คำพูดของเซ็นทำเอาดวงตาสีฟ้าสดของตินเบิกกว้างขึ้น ผมเองก็ได้แต่เม้มปากแน่นที่ไม่สามารถหยุดเซ็นไม่ให้บอกเรื่องนี้ออกไปได้


อย่างที่เซ็นว่า...


ข้อห้ามเพียงข้อเดียวของพวกเราคือห้ามหลงรักมนุษย์


เทพที่หลงรักมนุษย์จะหายไป


“ถ้าไม่อยากให้จินหายไปเพราะความรู้สึกเล่นๆนั่นก็เข้าใจนะว่าควรจะทำยังไงต่อไป”เซ็นบอกกับตินต่ออีก


“จริงเหรอแพน”


“ติน...”


“จริงเหรอที่ถ้ารักมนุษย์แล้วจะหายไปน่ะ!”น้ำเสียงที่ถามคำถามนั่นดูวิงวอนมากจนผมต้องพยักหน้าส่งไปให้พร้อมกับน้ำตาลที่ค่อยๆไหลลงมาตัวผมรู้มานานแล้วว่าตินไม่ใช่แค่ชอบแต่รักผม


และผมเองก็อาจจะรู้สึกไม่ต่างกัน


ทุกๆวันที่ได้อยู่ด้วยกัน


ได้ทะเลาะและกวนโมโห


ทุกช่วงเวลามันทำให้ผมมีความสุขอย่างที่ไม่เคย


ใช่...เพราะมีความสุขมากผมถึงปล่อยให้ความรู้สึกตัวเองเกินเลยมาจนถึงตอนนี้...


ชอบ


ผมพยายามหยุดความรู้สึกตัวเองให้อยู่ที่คำนี้


ไม่ให้มันเลื่อนขั้นเป็นอีกคำที่เหนือกว่า


ผมยังอยากอยู่กับติน


ยังไม่อยากหายไป


“จิน...มนุษย์กับเทพ...ไม่ใช่สิ่งที่สามารถรักกันได้”เซ็นนั่งลงก่อนจะสัมผัสที่ไหล่ผมเบาๆ


“อืม...ผมรู้...ผมไม่ได้รัก...”ไม่ได้รัก


“แน่ใจว่าสามารถหยุดมันได้”


“...เซ็น”ที่ว่าหยุดหมายถึงความรู้สึกนี้น่ะเหรอ


ถ้าเป็นเมื่อก่อนผมอาจมั่นใจว่าสามารถหยุดมันได้


แต่ตอนนี้ผมไม่มั่นใจเลยสักนิด


คำว่ารักที่ตินพูดยังวนเวียนอยู่ภายในหัวอยู่เลย


“ฉันไม่อยากให้นายหายไป”


“อืม...”ผมก็ไม่อยากหายไป


“สัญญากับฉันว่านายจะไม่หายไป”


“เซ็น...”ดวงตาสีเขียวอ่อนของผมเงยขึ้นไปสบกับดวงตาสีทองสว่างตรงหน้าด้วยความรู้สึกสับสนไปหมด


สัญญานั่นผมอยากทำตาม


แต่ว่า...


“เฮ้อ...เอาเถอะ เรื่องพวกนายก็ให้พวกนายจัดการเอาเองละกัน ฉันมานี่เพื่อมาเจอนายแต่ดีแล้วที่ได้มา ถ้าฉันไม่มานายก็จะปิดหมอนี่ต่อไปงั้นสิ”


“ก็มัน...”ไม่อยากให้ตินรู้นี่


ถ้าตินรู้ทุกอย่างมันจะเปลี่ยนไป


มันจะไม่มีอะไรที่เหมือนเดิมอีกต่อไป


“ฉันต้องไปแล้ว...ขอโทษที่ใช้พลังดึงขานายลงมานะ”เซ็นพูดพลางขยี้เส้นผมสีเขียวเข้มของผมแรงๆ ถ้าเป็นปกติผมคงปัดป้องแต่ในตอนนี้ในหัวผมมันเต็มไปด้วยเรื่องของติน


“อืม...”


“ไปล่ะ”พูดจบร่างของมนุษย์ก็หายไปอย่างรวดเร็ว เซ็นในร่างเทพมองมายังผมอย่างห่วงๆก่อนจะจากไปพร้อมรอยยิ้มให้กำลังใจ
บรรยากาศเงียบที่มีเพียงพวกเรามันอึดอัดจนน้ำตาลที่ไหลอยู่ไม่อาจหยุดลงได้ ทั้งที่ผมไม่ใช่พวกขี้แยแท้ๆทำไมถึงร้องไห้ได้ขนาดนี้นะ


เพียงแค่คิดถึงตินน้ำตาลมันก็ไหลลงมา


“แพน...”


“อึก...อืม”ผมขานรับเสียงเรียกโดยที่ยังก้มหน้าอยู่


“อย่าร้องไห้...ทั้งหมดเป็นความผิดฉันเอง”ตินขยับตัวมานั่งฝั่งเดียวกับผมก่อนจะใช้มือค่อยๆเงยหน้าผมขึ้นอย่างอ่อนโยน


“ตินไม่ผิด...ไม่ผิดสักนิด”


“ทำไมไม่บอกเรื่องนี้กับฉัน”ตินถามพลางเกลี่ยน้ำตาลที่ไหลอาบแก้มให้


“...ผมไม่อยากให้ติน...เปลี่ยนไป”ทั้งความรู้สึกห่วง


ทั้งความรู้สึกหวง


หรือแม้แต่ความรู้สึกรัก


ผมรู้สึกดีที่ตินมอบความรู้สึกเหล่านี้ให้


“แพน...”


“ผมรู้ว่าความรู้สึกที่ตินมีให้มันมากกว่าชอบ...ตินเองก็รู้ใช่ไหมถึงความรู้สึกของผม...”ผมเงยหน้าสบตากับดวงตาสีฟ้าตรงหน้าอย่างสื่อความรู้สึก


ผมไม่คิดว่าตินจะไม่รู้หรอกนะ


ความรู้สึกของผมน่ะ


“แพน”ฝ่ามือที่เกลี่ยน้ำตาให้เปลี่ยนมาดึงร่างผมให้เข้าไปแนบชิดแผ่นอกนั่นพร้อมกับกระชับอ้อมกอดแน่น


“ติน”


“ฉันรักนาย....รักที่สุด...ความรู้สึกนี้มันไม่ใช่แค่อารมณ์ชั่ววูบแต่เป็นความรู้สึกของฉันจริงๆ”


“อืม...ผมรู้”อ้อมกอดอุ่นๆนี่ทำให้ผมต้องซุกตัวเข้าหามากขึ้น


“แต่ฉันไม่อยากให้นายหายไป”เสียงของตินกระซิบเสียงเบาโดยที่กระชับอ้อมกอดให้พวกเราแนบสนิทกันมากขึ้นราวกับเขากำลังกลัวว่าผมจะหายไป


“ผมก็ไม่อยากหายไป...”อยากอยู่กับติน


อยากอยู่ไปนานๆ


ถ้ายอมรับความรู้สึกนี้ก็เท่ากับผมจะหายไป


“อย่ารักฉัน...เข้าใจนะแพน”


“ติน...”


“เข้าใจไหมแพน”ตินถามย้ำ


“อืม...”จะไม่รัก


ต่อให้อยากรักแทบขาดใจก็จะไม่รัก


ถ้าการที่รักจะทำให้ไม่สามารถอยู่กับตินได้ผมก็จะไม่รัก


ต่อให้มันจะทรมานขนาดไหนก็ตาม
.................................................................

มาต่อแล้วค่าาา

ตอนนี้มาแบบมาม่าเล็กๆ แต่พวกแนวนี้ไม่ค่อยเก่งแต่เรื่องนี้เราวางไว้แล้วว่าก่อนจบต้องมีฉากประมาณนี้

นักอ่านทุกท่านก็อย่าเครียดไปนะคะ 555 ถือเป็นหนึ่งในอรรถรสเวลาอ่านละกันค่า

ค่อยๆสนุกไปกับเนื้อเรื่องต่อจากนี้ไปถึงตอนจบด้วยนะ

อีกไม่กี่ตอนเรื่องนี้ก็จะจบลงแล้ว และแน่นอนว่าเรายังแต่งไม่จบ //หัวเราะทั้งน้ำตา

ขอบคุณทุกๆคอมเม้นท์และทุกๆกำลังที่มีให้แม้ว่าเราจะติดภารกิจทำให้มาอัพได้ช้ามากก็ตาม

ไว้เจอกันใหม่ตอนหน้าค่ะ

บ๊ายบาย :mew1:

nicedog

♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪

ออฟไลน์ FeaRes

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 738
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-2
ฮรืออออ หนักหน่วงงงง แพนห้ามหายไปนะ Q A Q
 :sad4:

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
อ้าว ของอย่างนี้มันห้ามกันได้ด้วยเรอะ

ออฟไลน์ เป็ดอนุบาล

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1405
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-2

ออฟไลน์ tonnum18

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 83
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
ความรู้สึกเหมือนกัน แต่ไม่สามารถรักกันได้  สงสารจัง

ออฟไลน์ fc_fic

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2598
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-7

ออฟไลน์ swoooaa

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 72
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
สงสารทั้งคู่เลย จะทำยังต่อไปล่ะเนี่ย :hao5:

ออฟไลน์ КίmY

  • BJYX♥
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1715
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-3
ม่ายยยยย ทำไมถึงเป็นแบบนี้ ฮือออออ  :sad4:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3437
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

ออฟไลน์ ่jum

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3709
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-4

ออฟไลน์ shoi_toei

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4365
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +222/-26

ออฟไลน์ Nunng

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 128
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
รู้สึกเครียดแทน :z3:

ออฟไลน์ catka12

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 587
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-0
 o22 oh nooooo no drama  .... แล้วทีนี้จะรักกันยังไงหละเนี้ย  :katai1:

ออฟไลน์ Pisoi

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 241
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
แล้วเขาจะรักกันยังไง  :hao5:

ออฟไลน์ panpang

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 508
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-1
อยากจะรัก แต่รักไม่ได้ :hao5:

ออฟไลน์ uyong

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 362
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-1
โอ้ยยยยยยย เครียด :sad4: :hao5:

ออฟไลน์ lizzii

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6284
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-2
แพนจะหายไปแบบไหนอ่าาา
ถ้าหายไปพร้อมตินหมดอายุไขมันก็ไม่เศร้ากับคนอ่านเท่าไหร่นะ
แต่อยากให้ตินกะแพนอยู่ด้วยกันตลอดไปมากกว่า แบบเป็นเทพไปด้วยเลยอะไรแบบนั้น

ออฟไลน์ hoihak

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 156
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-1
อื้อออ ร้องไห้ ทำไงดีอะ แพนจะหายไปไม่ได้น้าาา ฮื่อออ เเต่เทพกับมนุษย์ มันเป้นไปได้แน่หรอ ฮื่อ กลัว

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด