(ต่อนะคะ)
“เอ่อ...เมนูค่ะ”พนักงานสาวที่อยู่ดูด้านหลังดูจะได้โอกาสในการยื่นเมนูหลังจากที่ต้องยืนเงียบมาสักพักใหญ่
พวกเราทั้งสามใช้เวลาไม่นานในการตัดสินใจว่าจะสั่งอะไร บรรยากาศเงียบๆยังคงเงียบต่อไปจนกระทั่งขอที่สั่งมาเสิร์ฟหมดทุกอย่างแล้ว
“หมอนั่นเป็นใคร”ทันทีที่พนักงานเสิร์ฟเสร็จตินก็เปิดประเด็นทันที
“อ่า...งั้นขอแนะนำนะ...นี่เซ็นเง็น...เป็น...”
“เซ็นเง็น เทพีแห่งฤดูใบไม้ผลิ...ถึงจะได้ชื่อว่าเทพีแต่ก็เป็นผู้ชายอย่างที่เห็น เรียกว่าเทพแห่งฤดูใบไม้ผลิจะเหมาะกว่า ฉันกับจินเป็นเพื่อนสนิทที่คบกันมากว่า220ปีแล้ว...พวกเราต่างรู้จักกันดีกว่าใครๆไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไรก็ตาม ฉันแนะนำตัวแล้วต่อไปก็ตานาย...บอกมาซะว่าเป็นใคร”แนะนำตัวเสร็จเซ็นก็มองไปยังตินที่อยู่ฝั่งตรงข้าม
การที่เซ็นแนะนำว่าตัวเองไม่ใช่มนุษย์แปลว่ารู้แล้วสินะว่าผมช่วยมนุษย์คนนี้ไว้ จะว่าไปก็คงเดาไม่อยากหรอกสำหรับคนที่รู้จักกันมานานอย่างเซ็น
“ฉันคณาธิป ชื่อเล่นติน...เป็นเจ้าของห้างนี้...”
“ฮือ?...เจ้าของ?”เซ็นถึงกับเบิกตากว้างเมื่อได้ยินว่าตินเป็นเจ้าของห้าง
“ใช่...ฉันเป็นเจ้าของที่นี่ ส่วนแพน...เป็นแฟนฉัน”ประโยคสุดท้ายตินพูดขึ้นหลังจากหันมาสบตาผมสักพัก
“หา...แฟน? อุ๊บ ฮะฮะฮะ...โอ้ย เป็นมุกที่จี้ชะมัดเลย เป็นแฟนงั้นเหรอ ฮะฮะฮะ”เซ็นหัวเราะออกมาเสียงดังลั่นพร้อมกับมือที่ตบโต๊ะเสียงดังปาบๆ
“ขำอะไร”
“เซ็น...หยุดขำได้แล้ว”ผมหันไปสะกิดเพื่อนตัวเองที่หัวเราะไม่หยุดเบาๆ
“ก็มันน่าขำนี่ คิก...มนุษย์นี่นะเป็นสิ่งมีชีวิตที่แปลกชะมัด...แค่รู้สึกสนใจหรือชอบก็โมเมว่าเป็นความรักและคบกัน พอรู้ถึงข้อเสียต่างก็เลิกกันด้วยเหตุผลที่ว่าเข้ากันไม่ได้ทั้งที่ไม่เคยลองปรับตัวหรือเข้าหากันอย่างจริงจังด้วยซ้ำ...”
“แถมพอเลิกกันก็เอาแต่บอกว่าอีกฝ่ายไม่ดีอย่างงั้นไม่ดีอย่างนู้นโดยไม่ดูตัวเองเลย...นั่นคือคำว่าแฟนที่นายพูดถึงเหรอคุณเจ้าของห้าง”เซ็นนั่งเท้าค้างยกยิ้มมองไปยังตินที่ขมวดคิ้วกับคำถามนั้น
“หมายความว่ายังไง”
“อธิบายง่ายๆก็อย่าเอาพวกเราไปรวมกับมนุษย์ที่มีอารมณ์และความรู้สึกที่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลาแบบนั้น นายบอกว่าเป็นแฟนกับจินสินะ?”
“จิน?...เขาชื่อแพนนี่”ตินดูจะขมวดคิ้วหนักเข้าไปใหญ่
“จินที่ว่าย่อมาจากคุคุโนจินน่ะ...จำที่ไดจิกับมิกะเรียกผมได้ใช่ไหมล่ะ คนที่ประเทศญี่ปุ่นส่วนมากจะเรียกผมด้วยชื่อนั้นด้วยความที่คุคุโนจินมันยาวไปเซ็นเลยย่อเหลือแค่จิน”ผมอธิบายให้ตินฟัง
“อืม...ฉันเป็นแฟนกับแพนแล้วทำไม”ตินหันไปถามเซ็นต่อ
“ที่เรียกว่าแฟนนี่คือสนใจหรือชอบกันล่ะ”
“เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับนาย”
“อืม...ก็ไม่เกี่ยวหรอกแค่อยากบอกไว้ว่าถ้าเพียงแค่สนใจหรือชอบก็อย่าคิดเอาเองว่ามันเพียงพอที่จะเป็นแฟน...เทพอย่างพวกเราไม่มีหรอกที่เรียกว่าคบหาดูใจหรือแฟนน่ะ เนอะจิน”พูดจบเซ็นก็หันมาขอความเห็นผม
“อืม...ไม่มีหรอกคำบ่งชี้ถึงจุดเริ่มต้นของความสัมพันธ์ ถ้าเทพ2องค์มีความรู้สึกเหนือคำว่าชอบหรือก็คือมีความรู้สึกรัก ทั้งคู่ก็จะเป็นคนรักกันทันที ไม่มีหรอกการทดลองคบหรือเป็นแฟนเพราะเมื่อรักไปแล้วก็จะไม่มีการเปลี่ยนความรู้สึกเหมือนมนุษย์”ผมพูดต่อด้วยรอยยิ้มบางๆ
“แปลว่าถ้าเป็นเทพก็ไม่มีการแย่งคนรักกันสินะ”
“อืม...อย่าถามอะไรอยากๆสิ...พวกเราก็ไม่รู้หรอก ที่รู้มีแค่คำว่ารักเป็นสิ่งที่มีค่ามากและสามารถพูดได้กับคนเพียงคนเดียวเท่านั้น”เซ็นยกมือขึ้นเกาหัวเล็กน้อยเมื่อเจอคำถามของติน
“แล้วถ้าบอกรักไปแล้วเทพองค์นั้นไม่รักตอบล่ะ”ตินยังคงถามต่อ
“...จิน ตอบสิ”อยู่ๆเซ็นก็สะกิดผมที่ยกแก้วชาเขียวขึ้นมาดื่ม
“ฮะ?...ทำไมโยนเล่า”
“ก็ฉันไม่รู้นี่...เรื่องรักๆนี่ก็ได้ยินตั้งแต่จำความได้แล้ว”
“ผมก็เหมือนกันแหละน่า...เอางี้นะติน พวกเราก็ไม่รู้เรื่องยากๆแบบนั้นหรอก...แต่ที่แน่ๆคือคำว่ารักมันมีความหมายและสำคัญมาก ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะบอกออกไปเหมือนอย่างมนุษย์”
“แล้วที่อธิบายมาทั้งหมดนี่ต้องการสื่ออะไร”ตินมองหาเซ็นอย่างต้องการคำตอบ
“ถ้าแค่ชอบหรือสนใจจินแล้วบอกว่าเป็นแฟนก็เลิกซะเถอะ...ถึงชีวิตมนุษย์จะสั้นแต่เทพอย่างเราก็ไม่มีเวลามาแสดงละครเป็นแฟนใครหรอกนะ หน้าตาอย่างนายคงไม่อยากที่จะหาคนคบนี่...ลองหาสักคนแล้วเลิกสนใจจินได้แล้ว”
“เพราะเลิกสนไม่ได้ถึงได้เป็นแบบนี้ไง”ตินบอกเสียงเบา
“ติน...”
“มันไม่ใช่แค่ความสนใจหรือชอบ...ฉันรักแพน”คำสารภาพรักของตินดังขึ้นพร้อมกับดวงตาสีฟ้าสดที่มองมา
“ติน...”ทำไมต้องพูดมันออกมาด้วย
คำว่ารักนั่นน่ะ
แบบนี้ผมจะแกล้งทำเป็นไม่รู้ต่อไปได้ยังไงกัน
“หึ...คำพูดของมนุษย์มันเชื่อไม่ได้หรอก...ใช่ไหมจิน”
“...อืม”ผมก้มหน้าลงก่อนจะตอบออกไปเสียงเบา
ใช่...เชื่อไม่ได้
ทั้งที่บอกตัวเองมาตลอดแต่ภายในใจลึกๆมันกลับบอกว่าคำพูดของตินเป็นความจริงที่สามารถเชื่อได้
“จิน?...เป็นอะไร...นี่จิน”ใบหน้าผมถูกเซ็นบังคับให้เงยขึ้นไปสบกับดวงตาสีทองสว่างนั่น เพียงแค่อีกฝ่ายเห็นหน้าและสบตาผมเขาก็เบิกตากว้างขึ้นอย่างรวดเร็ว
“เซ็น...”
“นี่มันเรื่องบ้าอะไรจิน?!”เซ็นถามเสียงแข็งพลางจ้องมาที่ผมเขม็ง นั่นทำให้ผมมั่นใจว่าเซ็นรู้แล้วถึงความรู้สึกที่ซ่อนอยู่ภายในใจนี้
ความรู้สึกที่อยากลบมันออกไปให้มากที่สุด
ไม่อยากยอมรับมันเลย
แต่ว่า...
“เซ็น...ผม...”
“นี่แกทำอะไรจิน!”เซ็นปล่อยผมแล้วลุกขึ้นไปคว้าคอเสื้อตินดึงเข้าหาตัวจนใบหน้าของทั้งคู่เข้าใกล้กันมากขึ้น
“พูดเรื่องอะไร”
“ฉันไม่สนว่าจินจะช่วยมนุษย์ที่ใกล้ตายหรือเรื่องที่มนุษย์คนนั้นสามารถมองเห็นเทพได้ ไม่สนแม้กระทั่งการที่จินจะปรากฏตัวในร่างมนุษย์ด้วยสาเหตุอะไร ที่ฉันสนคือแกทำอะไรจินเขาถึงได้...”
“เซ็นพอเถอะ”ผมรีบดึงเซ็นไว้ก่อนที่คำต้องห้ามนั่นจะหลุดออกมา
“แต่ว่า...”
“นี่มันเรื่องอะไรกัน”ตินดูเหมือนจะเป็นฝ่ายที่งงที่สุดเพราะไม่รู้เรื่องอะไรเลย
“เรื่องอะไรงั้นเหรอ ฉันต่างหากที่อยากจะถามแกว่านี่มันเรื่องอะไรกัน จินที่ออกเดินทางมาไม่ถึงปีกลับมา...หลงรักมนุษย์อย่างแก”
“เซ็น!!”ผมเรียกอีกฝ่ายเสียงดังลั่น
ทำไมถึงพูดมันออกไปกัน
“...แพน...รักฉัน...จริงเหรอแพน?”ตินดูจะสับสนกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นมาพอสมควร
“ไม่...ยังไม่ได้รัก ยังไม่ได้รักสักหน่อยแค่ชอบเท่านั้นเอง”ผมหันไปบอกเซ็นเสียงดัง
“แค่ชอบ? แน่ใจเหรอที่พูดออกมาน่ะ...คงเข้าใจใช่ไหมว่าชอบกับรักแม้จะใกล้เคียงกันแต่ความหมายของมันต่างกันมากขนาดไหนน่ะ”
“ผมรู้...”เพราะรู้ถึงได้พยายามให้มันหยุดอยู่แค่คำว่าชอบไง
“นี่มันเรื่องอะไร...ใครสักคนอธิบายมาสักทีสิ”ตินที่อยู่อีกฝั่งถามขึ้นด้วยน้ำเสียงที่คล้ายคลึงกับคำสั่ง
“อยากรู้เหรอ”
“เซ็น!”อย่านะ
คิดจะบอกตินเรื่องนั้นงั้นเหรอ
“อยากสิ”ตินพยักหน้า
“ฉันไม่คิดจะปิดหมอนี่เพื่อนายหรอกนะจิน...ให้รู้ไปเลยถึงข้อห้ามของพวกเราน่ะ”
“ข้อห้ามอะไร”ตินถามพร้อมกับคิ้วที่ขมวดเข้าหากันเน่น
“เซ็น...ไม่นะ...”ผมไม่อยากให้ตินรู้
ขอแค่เรื่องนี้
“ถ้าเทพอย่างพวกเราตกหลุมรักมนุษย์ เทพองค์นั้นจะหายไป”
“...”คำพูดของเซ็นทำเอาดวงตาสีฟ้าสดของตินเบิกกว้างขึ้น ผมเองก็ได้แต่เม้มปากแน่นที่ไม่สามารถหยุดเซ็นไม่ให้บอกเรื่องนี้ออกไปได้
อย่างที่เซ็นว่า...
ข้อห้ามเพียงข้อเดียวของพวกเราคือห้ามหลงรักมนุษย์
เทพที่หลงรักมนุษย์จะหายไป
“ถ้าไม่อยากให้จินหายไปเพราะความรู้สึกเล่นๆนั่นก็เข้าใจนะว่าควรจะทำยังไงต่อไป”เซ็นบอกกับตินต่ออีก
“จริงเหรอแพน”
“ติน...”
“จริงเหรอที่ถ้ารักมนุษย์แล้วจะหายไปน่ะ!”น้ำเสียงที่ถามคำถามนั่นดูวิงวอนมากจนผมต้องพยักหน้าส่งไปให้พร้อมกับน้ำตาลที่ค่อยๆไหลลงมาตัวผมรู้มานานแล้วว่าตินไม่ใช่แค่ชอบแต่รักผม
และผมเองก็อาจจะรู้สึกไม่ต่างกัน
ทุกๆวันที่ได้อยู่ด้วยกัน
ได้ทะเลาะและกวนโมโห
ทุกช่วงเวลามันทำให้ผมมีความสุขอย่างที่ไม่เคย
ใช่...เพราะมีความสุขมากผมถึงปล่อยให้ความรู้สึกตัวเองเกินเลยมาจนถึงตอนนี้...
ชอบ
ผมพยายามหยุดความรู้สึกตัวเองให้อยู่ที่คำนี้
ไม่ให้มันเลื่อนขั้นเป็นอีกคำที่เหนือกว่า
ผมยังอยากอยู่กับติน
ยังไม่อยากหายไป
“จิน...มนุษย์กับเทพ...ไม่ใช่สิ่งที่สามารถรักกันได้”เซ็นนั่งลงก่อนจะสัมผัสที่ไหล่ผมเบาๆ
“อืม...ผมรู้...ผมไม่ได้รัก...”ไม่ได้รัก
“แน่ใจว่าสามารถหยุดมันได้”
“...เซ็น”ที่ว่าหยุดหมายถึงความรู้สึกนี้น่ะเหรอ
ถ้าเป็นเมื่อก่อนผมอาจมั่นใจว่าสามารถหยุดมันได้
แต่ตอนนี้ผมไม่มั่นใจเลยสักนิด
คำว่ารักที่ตินพูดยังวนเวียนอยู่ภายในหัวอยู่เลย
“ฉันไม่อยากให้นายหายไป”
“อืม...”ผมก็ไม่อยากหายไป
“สัญญากับฉันว่านายจะไม่หายไป”
“เซ็น...”ดวงตาสีเขียวอ่อนของผมเงยขึ้นไปสบกับดวงตาสีทองสว่างตรงหน้าด้วยความรู้สึกสับสนไปหมด
สัญญานั่นผมอยากทำตาม
แต่ว่า...
“เฮ้อ...เอาเถอะ เรื่องพวกนายก็ให้พวกนายจัดการเอาเองละกัน ฉันมานี่เพื่อมาเจอนายแต่ดีแล้วที่ได้มา ถ้าฉันไม่มานายก็จะปิดหมอนี่ต่อไปงั้นสิ”
“ก็มัน...”ไม่อยากให้ตินรู้นี่
ถ้าตินรู้ทุกอย่างมันจะเปลี่ยนไป
มันจะไม่มีอะไรที่เหมือนเดิมอีกต่อไป
“ฉันต้องไปแล้ว...ขอโทษที่ใช้พลังดึงขานายลงมานะ”เซ็นพูดพลางขยี้เส้นผมสีเขียวเข้มของผมแรงๆ ถ้าเป็นปกติผมคงปัดป้องแต่ในตอนนี้ในหัวผมมันเต็มไปด้วยเรื่องของติน
“อืม...”
“ไปล่ะ”พูดจบร่างของมนุษย์ก็หายไปอย่างรวดเร็ว เซ็นในร่างเทพมองมายังผมอย่างห่วงๆก่อนจะจากไปพร้อมรอยยิ้มให้กำลังใจ
บรรยากาศเงียบที่มีเพียงพวกเรามันอึดอัดจนน้ำตาลที่ไหลอยู่ไม่อาจหยุดลงได้ ทั้งที่ผมไม่ใช่พวกขี้แยแท้ๆทำไมถึงร้องไห้ได้ขนาดนี้นะ
เพียงแค่คิดถึงตินน้ำตาลมันก็ไหลลงมา
“แพน...”
“อึก...อืม”ผมขานรับเสียงเรียกโดยที่ยังก้มหน้าอยู่
“อย่าร้องไห้...ทั้งหมดเป็นความผิดฉันเอง”ตินขยับตัวมานั่งฝั่งเดียวกับผมก่อนจะใช้มือค่อยๆเงยหน้าผมขึ้นอย่างอ่อนโยน
“ตินไม่ผิด...ไม่ผิดสักนิด”
“ทำไมไม่บอกเรื่องนี้กับฉัน”ตินถามพลางเกลี่ยน้ำตาลที่ไหลอาบแก้มให้
“...ผมไม่อยากให้ติน...เปลี่ยนไป”ทั้งความรู้สึกห่วง
ทั้งความรู้สึกหวง
หรือแม้แต่ความรู้สึกรัก
ผมรู้สึกดีที่ตินมอบความรู้สึกเหล่านี้ให้
“แพน...”
“ผมรู้ว่าความรู้สึกที่ตินมีให้มันมากกว่าชอบ...ตินเองก็รู้ใช่ไหมถึงความรู้สึกของผม...”ผมเงยหน้าสบตากับดวงตาสีฟ้าตรงหน้าอย่างสื่อความรู้สึก
ผมไม่คิดว่าตินจะไม่รู้หรอกนะ
ความรู้สึกของผมน่ะ
“แพน”ฝ่ามือที่เกลี่ยน้ำตาให้เปลี่ยนมาดึงร่างผมให้เข้าไปแนบชิดแผ่นอกนั่นพร้อมกับกระชับอ้อมกอดแน่น
“ติน”
“ฉันรักนาย....รักที่สุด...ความรู้สึกนี้มันไม่ใช่แค่อารมณ์ชั่ววูบแต่เป็นความรู้สึกของฉันจริงๆ”
“อืม...ผมรู้”อ้อมกอดอุ่นๆนี่ทำให้ผมต้องซุกตัวเข้าหามากขึ้น
“แต่ฉันไม่อยากให้นายหายไป”เสียงของตินกระซิบเสียงเบาโดยที่กระชับอ้อมกอดให้พวกเราแนบสนิทกันมากขึ้นราวกับเขากำลังกลัวว่าผมจะหายไป
“ผมก็ไม่อยากหายไป...”อยากอยู่กับติน
อยากอยู่ไปนานๆ
ถ้ายอมรับความรู้สึกนี้ก็เท่ากับผมจะหายไป
“อย่ารักฉัน...เข้าใจนะแพน”
“ติน...”
“เข้าใจไหมแพน”ตินถามย้ำ
“อืม...”จะไม่รัก
ต่อให้อยากรักแทบขาดใจก็จะไม่รัก
ถ้าการที่รักจะทำให้ไม่สามารถอยู่กับตินได้ผมก็จะไม่รัก
ต่อให้มันจะทรมานขนาดไหนก็ตาม
.................................................................
มาต่อแล้วค่าาา
ตอนนี้มาแบบมาม่าเล็กๆ แต่พวกแนวนี้ไม่ค่อยเก่งแต่เรื่องนี้เราวางไว้แล้วว่าก่อนจบต้องมีฉากประมาณนี้
นักอ่านทุกท่านก็อย่าเครียดไปนะคะ 555 ถือเป็นหนึ่งในอรรถรสเวลาอ่านละกันค่า
ค่อยๆสนุกไปกับเนื้อเรื่องต่อจากนี้ไปถึงตอนจบด้วยนะ
อีกไม่กี่ตอนเรื่องนี้ก็จะจบลงแล้ว และแน่นอนว่าเรายังแต่งไม่จบ //หัวเราะทั้งน้ำตา
ขอบคุณทุกๆคอมเม้นท์และทุกๆกำลังที่มีให้แม้ว่าเราจะติดภารกิจทำให้มาอัพได้ช้ามากก็ตาม
ไว้เจอกันใหม่ตอนหน้าค่ะ
บ๊ายบาย

nicedog
♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪