♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ส่งท้าย♣+แจ้งข่าว}13/01/61 P.16 จบ
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ส่งท้าย♣+แจ้งข่าว}13/01/61 P.16 จบ  (อ่าน 151120 ครั้ง)

ออฟไลน์ Al2iskiren

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1775
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-3
อย่าหายไปไหนนะแพน :hao5: :hao5:

ออฟไลน์ Snowermyhae

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4014
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-7
เมื่อไหร่จะคบกันเนี่ย  :hao7:

ออฟไลน์ gayraygirl

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3013
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +206/-3

ออฟไลน์ nicedog

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 588
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +366/-0
สัมผัส{❤}ครั้งที่19



ก็รู้อยู่แล้วว่าการที่บอกจะทำให้ทุกอย่างเปลี่ยนไป


แต่ไม่คิดว่าจะเปลี่ยนไปขนาดนี้


แม้พวกเราจะอยู่ด้วยกันตลอดเหมือนเดิมแต่บรรยากาศกลับไม่เหมือนเดิมสักนิด มันไม่มีความอบอุ่น ไม่มีความสนุก ไม่มีแม้แต่เสียงทะเลาะหรือถ้อยคำกวนๆ


ความสุขที่มีมันเริ่มหายไป


“ตินข้าวเช้าล่ะ”ผมถามด้วยเสียงเริงร่าเพื่อหวังว่าอีกฝ่ายจะกวนกลับมาอย่างเคย


“ฉันกินแล้ว”


“...ติน”ผมหยุดนิ่งมองตินที่ส่งยิ้มบางๆมาให้


รอยยิ้มนั้นมันแฝงไปด้วยความรู้สึกฝืนๆจนสัมผัสได้อย่างชัดเจน


“ฉันไม่ได้โกหก”ตินพูดต่ออีก


“อืม...ผมรู้”แต่ก็อดไม่ได้ที่จะเศร้าเพราะเป็นอีกวันที่ไม่มีการกวนหรือถกเถียงกันด้วยเรื่องไร้สาระ


“เดี๋ยวนี้กินน้อยนะ...เป็นอะไรรึเปล่า”ความห่วงใยนั่นทำให้ผมได้แต่ส่ายหัวไปมาพร้อมรอยยิ้ม


“เปล่า...ผมไปทำงานด้วยนะ”


“อืม ไปกัน”พูดจบตินก็เดินนำออกไปนอกห้องที่มีกายและจิมรออยู่เหมือนอย่างเคย


ผมรู้ว่าตินกำลังพยายาม...


เขาพยายามไม่ทำให้ความรู้สึกที่ผมมีต่อเขาพัฒนาไปมากกว่านี้


ทั้งที่ผมควรขอบคุณแต่กลับรู้สึกอยากร้องไห้แทน


ฝ่ามือที่มักขยี้เส้นผมสีเขียวเข้มของผมไปมาจนฟูฟ่องตอนนี้มันไม่มีแล้ว


หลังจากวันที่เขารู้ความจริงเขาก็ไม่สัมผัสผมอีกเลย


พวกเรานั่งรถไปยังห้างสรรพสินค้าที่ตินเป็นเจ้าของเงียบๆ ความเงียบที่มีดูจะสร้างบรรยากาศแปลกให้เกิดขึ้นทั้งกายและจิมเองก็เหมือนจะสัมผัสได้แต่ก็ไม่เอ่ยถามอะไรออกมา


ผมหันไปมองตินที่เหม่อมองออกไปนอกกระจกด้วยความรู้สึกหน่วงๆ


อยากสัมผัส


ผมอยากสัมผัสตินจนแทบทนไม่ไหว


ขอสักหน่อยจะเป็นไรไหมนะ


เหมือนร่างกายจะตอบสนองไวกว่าความคิด ผมเอื้อมมือไปจับมือตินที่วางอยู่ก่อนจะบีบเบาๆให้อีกฝ่ายรู้สึก ตินที่ถูกจับมือก็หันมามองผมเล็กน้อยก่อนจะหันกลับไปตามเดิม


มือที่คิดว่าตินคงจะขยับออกแต่ในความจริงตินกลับกุมมือผมแน่นกว่าเดิม


หัวใจที่สงบนิ่งเริ่มเต้นเร็วขึ้นพร้อมกับรอยยิ้มบางๆของผมที่ปรากฏขึ้น


แค่เพียงได้สัมผัสก็รู้สึกราวกับถูกเติมเต็มจนอยากร้องไห้ออกมา


“จิม...ดูแลแพนด้วย”ตินสั่งหลังจากที่เรามาถึงห้างขนาดใหญ่ยักษ์แล้ว


“ติน...ผมขอไปอยู่ที่ห้องด้วยได้ไหม”ขอแค่ได้อยู่ข้างๆก็ยังดี


“...วันนี้ฉันมีประชุมไม่ได้อยู่ห้อง”ตินตอบกลับมา


“เหรอ...เข้าใจแล้ว”


“ฉันประชุมเสร็จช่วงเที่ยง...”


“ติน...”หมายความว่าอะไร


“เดี๋ยวมารับไปหาอะไรกิน”


“อืม”ผมพยักหน้าพร้อมส่งรอยยิ้มกว้างไปให้


แค่รอให้ประชุมเสร็จก็จะได้เจอแล้ว


ผมและตินแยกกันไปคนละทาง ตินขึ้นไปประชุมที่ชั้นบนส่วนผมก็เดินเล่นอยู่ชั้นล่างโดยที่มีจิมเดินตามมาติดๆ ชั้นอาหารที่น่าจะดึงดูดความสนใจผมได้กลับไม่ทำให้ความรู้สึกอยากอาหารเพิ่มขึ้นเลยสักนิด


“คุณแพน”


“...”ผมหันกลับไปมองจิมที่เรียก


“เอ่อ...ผมก็ไม่อยากละลาบละล้วงนะครับ แต่ว่ามีปัญหาอะไรกับคุณตินรึเปล่าครับ”จิมถามต่อด้วยสีหน้ากังวล


ว่าแล้วเชียวว่าพวกเขาต้องรู้


“จะว่ามีก็มีอยู่หรอก”


“ถ้ายังไงให้พวกเราช่วย...”


“ขอบคุณนะจิมแต่เรื่องนี้คงช่วยไม่ได้หรอก”คนที่จะแก้ปัญหานี้ได้คงมีแค่ผมและตินเท่านั้น


“เหรอครับ...แปลว่าเป็นปัญหาใหญ่สินะครับ”


“อืม...ใหญ่มากเลยล่ะ”


“งั้นผมไม่สอดดีกว่า”


“อย่าเรียกว่าสอดเลย...จิมเป็นห่วงผมกับตินนี่นา นี่จิม”ผมหยุดเนแล้วหันหน้าไปหาจิม


“ครับ”


“ถ้าเกิดวันหนึ่งผมไม่อยู่...ช่วยดูแลตินให้ดีๆด้วยนะ”


“คุณแพน...พูดอะไรน่ะครับ...คุณตินไม่มีทางยอมให้คุณแพนไปไหนแน่ๆ ก็คุณตินน่ะ...รักคุณแพนขนาดนั้นนี่”จิมรีบพูดสวนกลับมาด้วยใบหน้าตื่นๆ


“ผมรู้ว่าตินรักผมมาก”รู้ดีเลยล่ะ


“งั้นทำไมถึงพูดแบบนั้น...”


“เรื่องในอนาคตเราไม่สามารถรู้ได้หรอกว่าจะเกิดอะไรขึ้น”ไม่มีทางรู้ได้เลย


“คุณแพน”


“อย่างที่ว่าแหละ...ฝากตินด้วย”


“ได้ครับ”ถึงจะไม่ค่อยเต็มใจแต่จิมก็พยักหน้ายอมรับ


“ดีมาก...ว่าแต่วันนี้ไม่ไปทำงานเหรอ”น่าแปลกที่ครั้งนี้จิมมาเดินตามผมแบบนี้


“คุณตินให้ผมติดตามคุณแพนไม่ให้อยู่คนเดียวครับ”


“อ้อ...จะว่าไปเรื่องของศัตรูตินไปถึงไหนแล้ว”รู้สึกช่วงนี้ดูไม่มีอะไรเกินไปจนสังหรณ์ใจแปลกๆ


ถ้าไม่มีอะไรก็ขึ้นก็ดีอยู่หรอก


“ถ้าเรื่องนั้นตอนนี้เราได้หลักฐานการทำผิดของฝ่ายนั้นมาเยอะเลยครับ...คิดว่าภายในไม่กี่วันนี้จะสามารถส่งดำเนินคดีได้”จิมอธิบาย


“ทำผิดไว้เยอะงั้นสิ”


“ใช่ครับ...ทั้งให้เงินใต้โต๊ะ โกงภาษี เปิดบ่อนผิดกฎหมายแถมยังมีการค้ายาอีก”


“ครบถ้วนทุกอย่างเลยแฮะ”เรียกว่าเป็นตัวอย่างของพวกคนไม่ดี


เล่นทำผิดซะขนาดนี้ยังสามารถอยู่ได้นี่แปลว่ามีเส้นไม่ก็ปิดปากพวกนั้นได้อยู่หมัด


“ครับ...เพราะเป็นพวกที่ชอบเล่นลอบกัดคุณตินเลยกังวลว่าพวกมันจะมาทำร้ายคุณแพน”


“เลยให้จิมคอยดูแลสินะ”ผมสรุปพร้อมรอยยิ้ม


ท่าทีที่แข็งกร้าวนั่นไม่ได้ทำให้ความรู้สึกที่มีลดน้อยลงเลยติน


ขืนเป็นแบบนี้ได้แย่สุดๆแน่


“ใช่ครับ”


“อืมๆ...โอ๊ะ...นั่นอะไร”ผมชี้ไปยังด้านนอกบริเวณทางเข้าห้างที่ตอนนี้มีผู้คนและร้านค้าตั้งอยู่เต็มไปหมด


“ถนนคนเดินครับ...มีแค่ทุกวันศุกร์แบบนี้”


“ไปเดินได้ไหม”ผมถามต่อ


“แน่นอนครับ”


“งั้นไปกันเลย”พูดจบผมก็เดินนำออกไปข้างนอกห้าง


ทั้งผู้คนที่เดินเบียดเสียดทั้งที่เป็นช่วงสายและร้านค้ามากมายที่ส่งเสียงเรียกลูกค้าทำให้ผมนึกถึงตลาดนัดที่เคยไปมาก่อนนี้เลย แม้ว่าพื้นที่และผู้คนจะน้อยกว่ามากแต่ความแออัดนี่เหมือนกันมากเลย


“คนเยอะแบบนี้ระวังหลงนะครับ”จิมเอ่ยเตือน


“ได้ๆ...เอางี้ถ้าเราคราดกันก็มาเจอกันหน้าประตูนี้นะ”ผมบอกพลางชี้ไปยังประตูกระจกใสบานใหญ่ซึ่งเป็นประตูทางเข้าห้าง


“ได้ครับ...แต่อย่างหลงกันเป็นดีที่สุด”


“นั่นสิ”


“เดี๋ยวครับคุณแพน”


“ฮืม?”ผมหันไปมองจิมอย่างสงสัย


“ไม่รู้ว่าคุณแพนจะรู้ไหมแต่อาทิตย์หน้าวันที่19เป็นวันเกิดของคุณตินครับ”


“...วันเกิด...ของติน”หมายถึงวันที่มนุษย์คนนั้นลืมตาดูโลกและถือเป็นวันสำคัญเพราะต้องมีการจัดฉลองทุกปีนั่นน่ะนะ ผมเคยเห็นการจัดงานวันเกิดมาหลายยุคหลายสมัยอย่างวันเกิดของไดจิกับมิกะเองก็มีการจัดงานเหมือนกัน


ภายในงานจะมีแขกมากมายมีเยี่ยมพร้อมคำอวยพรหลังจากนั้นก็จะร่วมวงนั่งกินข้าวและขนมกัน


“ครับ...ปกติจะมีแค่คุณชายกับคุณหญิงและคุณคินส่งของขวัญมาให้เท่านั้น มีตอนเด็กๆที่คุณหญิงจัดงานให้แต่เพราะมีแขกมากมายมาร่วมคุณตินเลยทำหน้าตึงตลอดงาน...เรื่องนี้คุณคินเล่าให้ฟังน่ะครับ”


“คิก...”ผมถึงกับหลุดหัวเราะเมื่อนึกภาพเด็กทำหน้าตึงในงานวันเกิดตัวเอง


สมแล้วที่เป็นติน


“หลังจากนั้นมาเลยไม่มีการจัดงานอีกแต่ครั้งนี้คิดว่าคุณแพนน่าจะช่วยให้คุณตินมีความสุขในวันเกิดจริงๆได้สักทีนะครับ”


“ผมเองก็ไม่รู้จะทำได้ไหม”จะอยู่ถึงวันนั้นรึเปล่ายังไม่รู้เลย


แม้จะพยายามไม่สนใจความรู้สึกนี่และความจริงภายในส่วนลึกของหัวใจมันกลับเรียกร้องอยู่เสมอ ผมไม่คิดว่าตัวเองจะสามารถโกหกหัวใจได้นานนักหรอก


ถึงแบบนั้นแต่ผมก็อยากจะทำอะไรให้ตินบ้าง


“คุณแพนทำได้อยู่แล้ว”


“งั้นคงต้องรีบคิดแล้วสิว่าจะทำอะไรดี”


“ถ้ามีอะไรให้ช่วยบอกได้เลยนะครับ อย่างพวกแอบไปซื้อของหรือชวนคุณตินออกไปข้างนอกแบบนี้”จิมบอกด้วยรอยยิ้ม


“ได้เลย...ตอนนี้ผมขอไปเดินเล่นก่อนดีกว่าเผื่อจะติดอะไรออก”พูดจบผมก็เดินตรงเข้าไปยังฝูงคนมากมายที่เดินเบียดกันทั้งๆที่อยู่ในช่วงที่ห้างพึ่งเปิดเท่านั้น


ด้วยความที่มีคนแน่นเกินไปเลยทำให้ผมไม่สามารถเดินไปตามทางที่ต้องการได้แต่ไหลไปตามกลุ่มคนเรื่อยๆเท่านั้น พอหันกลับไปมองก็เห็นจิมยินกระโดดโบกมือมาให้พร้อมกับปากอ่านได้ว่าเจอกันหน้าประตู


นั่นทำให้ผมพยักหน้าส่งไปให้


ตัวผมล่ะอยากจะกลับร่างเทพแล้วลอยดูของอย่างสบายใจซะจริงๆถ้าไม่ติดว่าแถวนี้มีคนอยู่เยอะแยะละก็นะ ถ้าผมหายไปคนที่ตามอยู่ด้านหลังคงได้กรีดร้องเป็นแน่


กึก


สัมผัสของวัตถุบางอย่างที่มาจี้บริเวณหลังทำให้ผมอยากหันกลับมองแต่ยังไม่ทันได้ขยับตัวก็มีเสียงทุ้มที่เหมือนจะเคยได้ยินที่ไหนสักแห่งดังขึ้นมาซะก่อน...


“ถ้าไม่อยากโดนยิงก็ทำตามที่บอกซะ”


“คุณเป็นใคร”ผมถามกลับไป


“ไม่จำเป็นต้องรู้...แค่ตามมาก็พอ”เสียงทุ้มเหี้ยมกระซิบต่อ


“พอดีแฟนผมเขาบอกห้ามตามคนแปลกหน้าไปน่ะ”ผมพยายามพูดกวนอีกฝ่าย กวนขนาดนี้หวังว่าจะยอมบอกนะว่ามีธุระอะไร


“หึ...หมายถึงไอ้คณาธิปน่ะเหรอ”


“คุณรู้จักติน...”


“ไม่รู้ก็แปลกล่ะ...ฉันเป็นคนยิงหัวใจมันเองแท้ๆไม่เข้าใจเลยว่าทำไมมันถึงยังรอดมาได้แถมยังมีแฟนเป็นผู้ชายแบบแกซะด้วย”คำพูดของคนด้านหลังทำให้ผมขมวดคิ้วก่อนจะเบิกตากว้างเมื่อนึกออกว่าคนคนนี้เป็นใคร


คนที่ยิงหัวใจตินผมจำหน้าได้ จะว่าไปเสียงก็เหมือนแบบนี้เลย...ก็ว่าอยู่ว่าทำไมถึงเสียงคุ้นๆ


แปลว่าคนคนนี้เป็นคนของคุณสมพงศ์ซึ่งเป็นศัตรูของตินสินะ


เขาจะจับผมไปทำไมกัน


“คุณจะจับผมไปทำไม”ตอนนี้ผมไม่อยากเสียเวลามานั่งวิเคราะห์เลยถามออกไปตามตรง


“ไม่บอกก็น่าจะรู้นะ...จากที่แอบตามพวกแกดูจะรักกันมากนี่ ถ้าแกถูกจับไปหมอนั่นคงร้อนรนมากจนน่าขำแน่ แค่คิดก็อยากหัวเราะแล้ว”


เขาว่ากันว่าคนที่เหมือนๆกันมักจะรวมตัวกัน


รู้สึกว่าจะจริงแฮะ


ชายคนนี้นิสัยเหมือนเจ้านายเปี๊ยบ


ไหนๆเรื่องก็เป็นแบบนี้ผมก็ควรจะช่วยให้ตินมีหลักฐานที่แน่นหนาในการเอาผิดคนพวกนี้ดีกว่า ไม่แน่ว่าหลักฐานที่ได้อาจจะยังไม่พอถ้ามาเห็นผมโดนจับจะๆน่าจะมีผลบ้างสิน่า


“งั้นก็จับผมไปเลย”


“ไม่ต้องบอกฉันก็ทำอยู่แล้ว...ตามมา!”พูดจบชายคนนั้นก็ดึงแขนผมให้ออกไปจากฝูงคนก่อนจะเหวี่ยงขึ้นรถตู้ที่ติดฟิล์มสีดำสนิท ภายในรถตู้มีคนที่ผมคุ้นหน้าอยู่หลายคนเพราะส่วนมากก็เป็นคนเดียวกับที่พยายามฆ่าตินในวันแรกที่ผมเจอเขา


ทันทีที่หัวหน้าขึ้นมารถตู้ก็ขับออกไปอย่างรวดเร็ว ผมที่ถูกจับเอาแขนไพ่หลังก็ยอมอยู่นิ่งๆให้พวกเขามัดเชือกจนแน่นโดยที่สายตามองออกไปยังนอกกระจก...


เอาล่ะ...ผมอยู่กลางดงศัตรูแล้วแต่ที่สำคัญคือจะทำให้ตินรู้ได้ยังไง


ให้ตายสิ


ลืมคิดถึงเรื่องสำคัญซะสนิท


ถ้าอย่างน้อยมีต้นไม้ละก็...


“มันนิ่งเกินไปหน่อยไหมหัวหน้า”ลูกน้องคนหนึ่งที่นั่งจ้องผมอยู่เอ่ยถามหัวหน้าที่อยู่ไม่ไกล


“ช่างมันสิ ยังไงก็ไม่มีทางหนีไปไหนได้อยู่แล้ว”


ผมละอยากแก้จริงๆว่าผมน่ะสามารถหนีออกไปได้ตลอดแหละเพียงแต่ตอนนี้ผมต้องการหลักฐานมัดตัวพวกนี้อย่างดิ้นไม่หลุดซะก่อน


ระหว่างที่คิดแผนรถตู้ก็จอดลงหลังจากที่วิ่งมานานพอสมควร จากที่รู้สึกเหมือนรถจะขับวนไปวนมาราวกับไม่อยากให้ใครตามมาได้ ไม่นานประตูรถก็เปิดออกออกพร้อมกับร่างของผมที่ถูกดึงลงจากรถแล้วเหวี่ยงอย่างแรงจนกระแทกกับพื้นดินด้านล่าง แสงของดวงอาทิตย์ที่ใกล้จะลับขอบฟ้าแสดงให้เห็นว่าที่นี่ใช้เวลาเดินทางหลายชั่วโมงกว่าจะถึง


“โอ้ย...”ผมส่งเสียงร้องออกมาเล็กน้อยก่อนจะมองไปยังรอบๆที่เป็นเหมือนกระท่อมหลังเล็กที่อยู่ติดชายป่า ด้านหลังนั่นเป็นภูเขาลูกใหญ่พอสมควร


“โอ๊ะ...เจ็บเหรอครับคุณหนู...พวกเราต้องขออภัยที่หยาบคายนะครับ ฮะฮะฮะ”ชายคนที่โยนผมลงมาบอกด้วยน้ำเสียงเสแสร้งก่อนจะระเบิดหัวเราะออกมา


“อย่ารุนแรงสิ...มันยิ่งดูบอบบางอยู่”ชายที่เป็นหัวหน้าสั่ง


“ครับๆ...ไหนก็มีคนมาให้เล่นทั้งที ขอมัดติดกับต้นไม้ให้โดนยุงหามได้ไหมหัวหน้า”ลูกน้องคนเดิมหันไปถามหัวหน้าด้วยน้ำเสียงติดตลก


“เอาสิ...ตามใจแกเถอะ”


“เยี่ยมเลยหัวหน้า...มานี่เลย”


แขนของผมถูกบีบอย่างแรงจนต้องเม้มปากแน่นเพื่อไม่ให้ร้องออกไป ชายตรงหน้าพาผมมามัดไว้กับต้นไม้ใหญ่ใกล้ชายป่าโดยที่ด้านหน้าผมมีกระท่อมสำหรับพักอาศัยหลังเล็กๆอยู่


“รู้ไหมว่ายุ่งที่นี่กัดเจ็บมากเลยนะ...แถมไม่แน่กลางดึกอาจมีสัตว์ป่าหรืองูมาออกล่าเหยื่อก็ได้นะ ฮะฮะฮะ”เขาพยายามขู่ด้วยใบหน้าเหี้ยมแต่ไม่ไม่นานก็หยุดหัวเราะออกมาอีก


“ขอบคุณนะ”ผมพึมพำพร้อมรอยยิ้ม


เล่นมามัดเทพแห่งพฤกษาติดกับต้นไม้ ช่างไม่รู้อะไรเลยจริงๆ


“ฮะ?...นี่แกประชดฉันรึไง”ดูเหมือนเขาจะได้ยินคำขอบคุณนั้นเลยกระชากเสื้อผมขึ้นอย่างแรงทั้งๆที่ถูกมัดอยู่


“เปล่า...”แค่พูดความจริงเอง


ผั๊วะ!


“โอ้ย!”ผมถึงกับหลุดร้องออกมาเมื่อถูกชกที่หน้าเข้าเต็มแรง


“เห็นหน้าแกแล้วมันหงุดหงิดจริง...อย่าคิดว่าถูกจับมาแล้วจะได้กินข้าวกินน้ำนะ จงอยู่อย่างทรมานซะเถอะ”พูดจบเขาก็เดินกลับไปยังกระท่อมตามเดิม


ผมอยากบอกเหลือเกินว่าผมถ้าจะทรมานผมให้เอาของกินมาตั้งไว้ตรงหน้ายังทรมานกว่าการไม่ได้กินเลย


“เจ็บจัง...”แก้มผม


แบบนี้เดี๋ยวได้ช้ำแน่เลย


จะรักษาก็กลัวว่าพวกนั้นจะสงสัยอีก


เฮ้อ...ปล่อยไว้แบบนี้ละกัน


“ขอยืมพลังของทุกคนหน่อยนะ”ผมเอ่ยขอพลางมองไปยังต้นไม้รอบๆ


‘ท่านเทพล่ะ’


‘จริงด้วยๆ...แต่ทำไมถึงโดนมัดล่ะ’


‘ให้พวกเราช่วยจัดการมนุษย์พวกนั้นไหม’


“ขอบคุณนะแต่ไม่ต้องหรอก พอดีมาหาหลักฐานนิดหน่อยน่ะ”ผมตอบเหล่าต้นไม้กลับไป


‘หลักฐานเหรอ?’


“ใช่...เพราะงั้นขอยืมพลังหน่อยนะ”


‘แน่นอน!’เสียงตอบรับของเหล่าต้นไม้ทำให้ผมยิ้มกว้างออกมา


เอาล่ะนะ


ดวงตาสีเขียวอ่อนค่อยๆหลับลงพร้อมกับตั้งสมาธิ ไม่นานแสงสีเขียวที่มนุษย์ปกติไม่สามารถมองเห็นก็ปรากฏขึ้น...สิ่งที่ผมกำลังทำคือการประสานเป็นหนึ่งเดียวกับต้นไม้


ไม่ใช่แค่กับต้นที่พิงอยู่แต่เป็นทุกต้นที่อยู่ในอาณาเขตของพลัง


ตัวผมไม่สามารถใช้พลังนี้ได้ถ้าไม่สัมผัสโดยตรงกับต้นไม้แต่ถ้ามีส่วนใดส่วนหนึ่งที่สัมผัสผมก็สามารถใช้พลังได้ พลังที่ผมใช้ตอนนี้เป็นสิ่งที่ค่อนข้างยากถ้าเป็นเวทมนต์คงต้องเรียกว่าเวทย์ขั้นสูง


เมื่อผมเป็นหนึ่งเดียวกับต้นไม้ผมก็สามารถมองเห็นทุกอย่างที่ต้นไม้เห็น


ไม่ว่าจะเป็นต้นไหนก็ตาม


อาณาเขตของพลังนี้อยู่ค่อนข้างกว้างจึงเสียพลังไปเยอะ...โชคดีที่ต้นไม้ในภูเขาด้านหลังให้ยืมพลังเลยสามารถใช้ในอาณาเขตที่กว้างถึงบริเวณที่ต้องการได้


บริเวณที่ผมต้องการคือสถานที่ที่ตินอยู่


“คุณตินครับ...ใจเย็นๆก่อน”เสียงแรกที่ได้ยินคือเสียงของกายที่บอกเจ้านายตัวเองพร้อมกับหันไปมองหน้าจิมที่อยู่ข้างๆ


“...แพน”น้ำเสียงที่ตินเรียกผมราวกับคนที่กำลังจะขาดใจ


ดูจากสถานการณ์ตรงหน้าจิมคงไปบอกเรื่องที่ผมหาไปกับตินจนทุกคนต้องมายืนอยู่ตรงถนนคนเดินซึ่งเป็นสถานที่เกิดเหตุแบบนี้ ทั้งที่ก่อนหน้ามีคนเดินแน่นไปหมดแต่ตอนนี้กลับมีเพียงที่ว่างๆอันปราศจากมนุษย์นอกจากพวกตินที่ยืนอยู่


“ผมไม่น่าให้คุณแพนไปเดินถนนคนเดินเลย”จิมพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงสำนึกผิด


มันไม่ใช่ความผิดจิมหรอกนะ ถ้าผมอยากเดินต่อให้จิมห้ามผมก็ไม่คิดจะฟังอยู่ดี


“ไม่ใช่ความผิดนาย....แต่ที่บอกว่ามีคนจับไปแน่ใจใช่ไหม”ตินถามเสียงเครียด


นั่นแปลว่าจิมเห็นตอนผมถูกพาขึ้นรถตู้สินะ


“ครับ...ผมเห็นคุณแพนถูกพาขึ้นรถตู้ไปแต่กว่าจะไปถึงรถนั่นก็ออกไปแล้ว ถึงจะรีบไปหารถตามไปแต่ก็คลาดไปกลางทาง”จิมอธิบายให้ตินฟัง


ก็ว่าอยู่ว่าทำไมรถตู้นั่นถึงได้ขับวนไปวนมา เพื่อจะสะลัดจิมให้หลุดนี่เอง


“คนที่จะทำแบบนี้มีแค่คนเดียว”ตินบอกเสียงเข้ม


“ใช่ครับ...ดูท่าเราจะรอนานกว่านี้ไม่ได้แล้ว ให้พวกเราไปจัดการเถอะครับ”กายพูดเสมอ


“นั่นสิ...”


ครืดดด  ครืดดด


เสียงโทรศัพท์ที่สั่นทำให้ตินหยิบขึ้นมารุบก่อนที่ดวงตาสีฟ้าสดจะหรี่ลงเล็กน้อยเมื่อปลายสายพูดอะไรบางอย่าง ไม่ใช่แค่สายตาที่เปลี่ยนไปแต่ท่าทางเองก็เปลี่ยนไปเช่นกัน


“แพนอยู่ไหน!”คำพูดแรกที่ทักทายปลายสายก็บอกได้เป็นอย่างดีว่าตินกำลังอยู่ในอารมณ์แบบไหน


ตินกำลังโกรธ


แถมไม่ใช่โกรธธรรมดาเหมือนตอนที่ถูกผมกวนด้วย


เป็นการโกรธที่ผมไม่เคยเห็นมาก่อนด้วย


“ฉันถามว่าแพนอยู่ไหน!”เป็นอีกครั้งที่ตินย้ำคำถามเดิมๆ ปลายสายคงไม่ยอมบอกสินะ


“ถ้าแพนเป็นอะไรฉันจะไม่ให้อภัยแก!!”ตินตะคอกใส่ด้วยความโกรธเกรี้ยวก่อนจะกำโทรศัพท์ในมือแน่นจนผมกลัวว่ามันจะแตกเป็นเสี่ยงๆ


“คุณติน...ที่โทรมาหรือว่า...”


“บ้าเอ้ย...ไอ้หมอนั่นมันจับแพนไป!”ตินตะโกนด้วยน้ำเสียงโมโห ดวงตาสีฟ้าสดนั้นสั่นระริกด้วยความกังวลรวมถึงคิ้วที่ขมวดเข้าหากันแน่น ถ้าผมอยู่ตรงนั้นคงจะเอื้อมมือไปลูบคิ้วนั่นให้คลายตัวแล้ว


การที่ทำได้แค่มองมันรู้สึกไม่ดีจริงๆนั่นแหละ


ผมเองก็อยากจะบอกกับตินอยู่หรอกนะว่าสบายดี แต่ต่อให้ตะโกนยังไงตินก็คงไม่ได้ยินอยู่ดี


ถ้าอย่างน้อยตินสัมผัสกับต้นไม้ละก็ผมคงสามารถบอกเขาได้ถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมดนี่


เป็นสถานการณ์ที่แย่จริงๆแฮะ


“คุณติน...แล้วหมอนั่นบอกอะไรครับ”


“ถ้าอยากได้แพนคืนก็ให้ถอนหุ้นออกจากห้างนี้ซะ”


“...หมายความว่าที่หมอนั่นต้องการคือห้างนี้สินะครับ...กว้านซื้อหุ้นของห้างที่คุณตินขายแล้วขึ้นเป็นประธานแทน แบบนี้หมอนั่นก็จะหมดคู่แข่งทางกานค้าโดยสมบูรณ์”กายพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเครียดๆ


“แบบนั้นไม่ได้นะครับคุณติน...ขืนทำตามก็ใช่ว่าจะรับประกันความปลอดภัยของคุณแพนด้วย”กายพูดเสริม


โอ้ย...ผมเองก็อยากมีส่วนร่วมเหมือนกันนะ


“บ้าเอ้ย”ตินทำหน้าเครียดพร้อมเดินมาทางผม ไม่สิ เดินมาทางต้นไม้ก่อนจะใช้กำปั้นทุบเข้าเต็มแรง


ถ้าแตะต้นไม้แบบนี้...


เสร็จผมล่ะติน



(มีต่อค่า)

ออฟไลน์ nicedog

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 588
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +366/-0
(ต่อนะคะ)


‘อย่าชกสิ ต้นไม้มันเจ็บนะติน’ผมสื่อสารกับตินผ่านต้นไม้ที่ตินแตะอยู่


“แพน?!”ดวงตาสีฟ้าสดเบิกกว้างด้วยความตกใจก่อนจะมองไปด้านหลังต้นไม้


‘ใจเย็นๆ...ตอนนี้ผมกำลังใช้ต้นไม้ในการสื่อสารกับคุณอยู่ อย่าทำให้คนอื่นสงสัยสิ’ผมค่อยๆบอกเพราะกายและจิมเริ่มขมวดคิ้วมองมาทางตินที่เดินวนรอบต้นไม้แล้ว


“แพน...”


‘พูดในใจแทนติน’ผมรีบบอก ขืนให้ตะโกนแบบนั้นกายและจิมได้สงสัยแน่


‘อืม...ไม่เป็นไรใช่ไหม’น้ำเสียงของตินดูเป็นห่วงมาจนผมถึงกับอมยิ้ม


‘ไม่เป็นไร’แค่ถูกจับมัดกับต้นไม้กับถูกชกและถูกอดข้าวอดน้ำเอง


ผมต่อประโยคที่เหลือในใจ


‘เกิดอะไรขึ้น...นายน่าจะกลับร่างเทพแล้วหนีมาได้นี่’ตินถามถึงสิ่งที่คาใจที่สุดออกมาทันที


สมแล้วที่เป็นติน เขารู้ว่าเมื่อผมกลับร่างเทพต่อให้ถูกมัดอยู่ผมก็สามารถหนีไปได้


‘ผมอยากช่วยคุณหาหลักฐาน ถ้าผมถูกจับมาก็คงจะใช้เป็นหลักฐานได้แน่ๆ’


‘เสี่ยงไปแล้ว! จะทำอะไรช่วยบอกกันหน่อยเถอะแพน รู้ไหมว่าฉันรู้สึกยังไงตอนที่จิมวิ่งเข้ามาบอกว่านายถูกจับไปน่ะ!’ตินตะโกนในใจด้วยน้ำเสียงหงุดหงิดแต่แฝงไปด้วยความกังวล


‘ติน...ขอโทษนะ ผมแค่อยากทำอะไรให้คุณบ้างเท่านั้น’


‘นายไม่จำเป็นต้องทำอะไร...ฉันเคยบอกแล้วไงว่าแค่อยู่เฉยๆ ทำตัวกวนๆอยู่ข้างฉันก็พอแล้วน่ะ’


‘ก็ผมอยากช่วยนี่นา...อีกอย่างไม่รู้ว่าผมจะสามารถอยู่ข้างๆได้อีกนานแค่ไหนด้วย’



‘อย่าพูดแบบนั้นแพน’


‘โทษที...ลืมเรื่องนั้นไปก่อนละกัน...ผมนำทางคุณมายังที่ที่ผมอยู่ได้นะ’ผมรีบเปลี่ยนเรื่องก่อนที่จะเข้าโหมดเศร้า


‘แน่ใจนะ’


‘อืม’ผมมั่นใจว่าไม่หลงแน่นอน


‘ฉันจะไปหาเดี๋ยวนี้’ตินพูดเสียงเข้ม


‘ไม่ต้องรีบขนาดนั้นก็ได้ติน เตรียมตัวให้พร้อมก่อน...อย่าให้อารมณ์สิติน’ผมเอ่ยเตือน ตอนนี้ตินกำลังใช้อารมณ์ในการแก้ปัญหานี้ ถ้าเขามาช่วยเลยโดยที่ไม่มีการวางแผนทุกอย่างมันจะเหมือนกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น ดีไม่ดีหลักฐานที่ได้อาจไม่พอด้วยซ้ำ


‘แค่เรื่องนายเท่านั้นที่ฉันไม่สามารถคุมอารมณ์ตัวเองได้จริงๆ’


‘ติน...นี่ผมยอมถูกจับเพื่อที่ตินจะได้จัดการกับพวกเขาให้หมดทีเดียวนะ ถ้าครั้งนี้จัดการไม่ได้ครั้งต่อไปผมก็จะยอมให้โดนจับมาอีก...’


‘อย่าพูดบ้าๆน่ะแพน!’ตินถึงกับทนไม่ไหวตะโกนขัดสิ่งที่ผมกำลังพูด


‘พูดจริงต่างหาก...ผมไม่สนหรอกนะว่าจะโดนจับหรือโดนยิง ผมบอกแล้วไงว่าผมไม่ตายเพราะของแบบนั้นหรอก...อีกอย่างผมเคยบอกแล้วว่าจะเป็นเกราะให้คุณเอง เพราะงั้นถ้าไม่อยากให้ผมทำแบบนั้นก็ใช้หัวหน่อยติน คุณน่ะมีวิธีจัดการอยู่แล้ว’ต้องกระตุ้นสักหน่อยไม่งั้นตินคงดึงดันแต่จะมาช่วยผมอย่างเดียว


‘จะทรมานกันใช่ไหมแพน’น้ำเสียงของตินเหมือนคนกำลังคิดหนักเลย


‘ถือเป็นการเอาคืนที่ตินทรมานผมก่อนละกัน’ผมพูดติดตลก


‘ฉันไปทำตอนไหนกัน’


‘คุณทรมานผมมาตั้งแต่ที่รู้ความจริงนั่นแล้ว คุณเปลี่ยนไปเพื่อผม...แต่รู้ไหมการเปลี่ยนแปลงนั่นมันทำให้ผมทรมาน’ทั้งที่อยากอยู่อย่างมีความสุขเหมือนเดิมแท้ๆ


เพราะแบบนี้ถึงไม่อยากบอกไง


‘แพน...ฉัน...’


‘เรื่องนี้เอาไว้ที่หลังเถอะ...ถ้าไม่มีแผนผมก็จะไม่บอกว่าตัวเองถูกจับไว้ไหน’


‘เดี๋ยวนี้กล้าขู่?’


‘แน่นอน’กล้าอยู่แล้ว


‘เข้าใจแล้ว...ฉันจะติดต่อนายได้ยังไง’


‘ต้นไม้...ไม่จำเป็นต้องต้นนี้ จะต้นไหนก็ได้เพียงแค่คุณแตะผมก็จะสามารถคุยกับคุณได้’


‘สมแล้วกับที่เป็นเทพแห่งพฤกษา’


‘ไหนบอกว่าผมเป็นเทพแห่งการกินไง’ผมกวนกลับ


‘หึ...ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นรีบบอกฉันทันที เข้าใจนะ’


‘แหม...จะให้ผมบอกยังไงล่ะคุณจะพกต้นไม้ไปไว้ทุกทีรึไง’มันคงน่าขำพิลึกที่เจ้าของห้างสรรพสินค้ายักษ์ใหญ่ที่มีใบหน้านิ่งกลับถือกระถางต้นไม้เล็กๆไปทุกที่


‘...งั้นทุกครั้งที่ฉันแตะต้นไม้นายต้องรายงานสถานการณ์มา เข้าใจนะ’ตินเงียบไปสักพักก่อนจะพูดต่อ


‘แบบนั้นก็ได้...แต่ช่วยรีบหน่อยก็ดีนะ’


‘หมายความว่าไง...เกิดอะไรขึ้น’


‘ผมไม่คิดว่าตัวเองจะอยู่ห่างจากคุณได้นานขนาดนั้น’


‘แพน...’


‘ผมเคยบอกแล้วนี่ว่าถ้าผมอยู่ห่างจากคุณยิ่งมากก็จะยิ่งอ่อนแอลงเท่านั้น...ตอนนี้ยังไม่เป็นไรเพราะมีพวกต้นไม้ให้พลังแต่ถ้าสมมุติผมถูกย้ายไปยังสถานที่ที่ไม่มีต้นไม้นอกจากจะติดต่อคุณไม่ได้แล้วผมยังอาจไม่สามารถคงอยู่ในร่างมนุษย์ได้ไม่นาน’ผมอธิบายทุกอย่างให้ตินฟัง


‘เข้าใจแล้ว...แผนทุกอย่างจะเสร็จในคืนนี้ และพรุ่งนี้ฉันจะไปช่วยนาย’


‘ไม่ต้องรีบขนาดนั้นก็ได้’


‘ฉันเป็นห่วงนายนะ แพน’


‘ผมก็ห่วงคุณไม่ต่างกันหรอกติน อ้อ...อย่าลืมกินข้าวเย็นนะผมว่าคุณคงยังไม่ได้กินมื้อกลางวันแน่ๆ’


‘รู้ใจจริงๆ’


‘แน่นอน...ก็ผมเป็นแฟนตินนี่’แม้จะเป็นแฟนหลอกๆก็ตาม


‘หึ...รอฉันนะ’


‘ครับผม’


หลังจากนั้นตินก็เดินกลับไปสั่งกายและจิมให้ทำบางอย่างก่อนที่ทั้งหมดจะกลับไปยังคอนโดสุดหรูซึ่งเป็นที่พัก ผมเองก็ตามพวกเขาได้แค่บางสถานที่เท่านั้นอย่างห้องตินก็มองได้แค่จากระเบียงที่มีต้นไม้ปลูกในกระถางเตี้ยๆอยู่


ตินเองก็เหมือนจะรู้เลยเปิดม่านให้สามารถมองเห็นทั้งห้องนอนและห้องรับแขกได้ ช่วงก่อนนอนตินได้เดินออกมาอธิบายแผนการให้ฟังและผมเองก็อธิบายไปว่าตัวเองถูกจับอยู่ไหน


แม้จะไม่ได้อยู่ใกล้กันแต่ก็ยังสามารถเห็นตินนอนได้ ถึงจะไม่แน่ใจว่าอีกฝ่ายจะหลับจริงรึเปล่าก็ตามทีเถอะ


ดวงตาสีเขียวอ่อนของผมค่อยๆลืมและเงยขึ้นเพื่อมองขึ้นไปยังท้องฟ้ายามราตรีอันเต็มไปด้วยหมู่ดาวนับพันส่องประกายอย่างงดงาม ถ้าอยู่ในเมืองคงไม่ได้เห็นวิวแบบนี้แน่น


ต้องขอบคุณที่จับมาไว้ป่าเขาแบบนี้ซะแล้วสิ


ไฟของกระท่อมที่ถูกดับคงแปลว่าทุกคนเข้านอนกันหมดแล้ว บรรยากาศมืดๆออกแนววังเวงมีเพียงเสียงของต้นไม้และสายลมที่ดังอย่างแผ่วเบา ความมืดที่เห็นทำให้ผมยกยิ้มขึ้นเมื่อคิดอะไรขึ้นมาได้


ในเมื่อถูกทำขนาดนี้ก็ขอเอาคืนหน่อยละกัน


“ช่วยผมหน่อยนะทุกคน”ผมพึมพำก่อนที่จะแนบมือลงบนรากต้นไม้ที่อยู่ด้านล่างพอดีกับบริเวณที่ถูกมัด นอกจากผมจะมีพลังในการรักษาแล้วยังมีพลังในการเสริมกำลังซึ่งสามารถช่วยให้แข็งแกร่งขึ้นหรือทำให้พืชเติบโตได้อย่างรวดเร็ว


รากของต้นไม้ที่ผมสัมผัสค่อยผุดขึ้นมาจากดินแล้วขยับเคลื่อนไหวไปมาในอากาศบริเวณที่เป็นหน้าต่างของกระท่อม ไม่ใช่เพียงแค่รากไม้รากเดียวที่ผมควบคุมแต่ยังมีอีก5ต้นทำให้ตอนนี้รอบๆกระท่อมเต็มไปด้วยรากไม้ที่สั่นไหวไปมาราวกับกำลังดูหนังสยอง


ด้วยความที่ผมกลัวว่าคนในกระท่อมจะไม่เห็นเลยจัดการส่งเสียงเสียดสีกันของรากไม้ไปให้แทนคำขอบคุณ...


“ว๊ากกก~”


“อ๊ากกก~”


เสียงร้องโวยวายภายในกระท่อมดังขึ้นท่ามกลางเสียงหัวเราะของผม


เล่นด้วยผิดคนซะแล้วมนุษย์


ผมจะไม่ทำร้ายร่างกายโดยตรงหรอกเพราะความเจ็บปวดไม่ได้ทำให้ผมรู้สึกดีเท่ากับการได้แหย่มนุษย์พวกนี้เล่น


ตลอดคืนผมยังคงใช้ลากไม้ขยับไปมาโดยบังคับให้รากหนึ่งไปขัดประตูไว้ทำให้พวกเขาไม่สามารถหนีออกมาได้ กว่าผมจะหยุดแกล้งก็ตอนที่เสียงโวยวายนั่นเงียบไป...ไม่แน่ว่าอาจชินหรือสลบก็เป็นได้


เอาเถอะ ขอแกล้งแค่นี้ก็พอล่ะ


ปัง!


“ประตูเปิดได้แล้วนี่!”เสียงของชายคนหนึ่งดังขึ้นพร้อมกับเสียงประตูที่ถูกเปิดออก


“ว่าไงนะ ก็เมื่อคืนมายังเปิดไม่ได้อยู่เลย”อีกเสียงสวนกลับ


อืม...ที่เปิดไม่ได้เพราะผมไม่ยอมให้หนีไง


“เฮ้ย...แกน่ะ เมื่อคืนเห็นอะไรไหม”ชายที่ชกหน้าผมเมื่อวานเดินเข้ามาใกล้พร้อมกับยกเท้ายันต้นไม้ที่ผมถูกมัดไว้ แววตาที่ผมมองดูหาเรื่องผิดจากเสียงร้องเมื่อคืนเลยนะ


“เห็น?...หมายถึงอะไรเหรอ”ผมตีหน้าซื่อพลางเอียงคอกระพริบตาปริบๆราวกับไม่รู้เห็นอะไรทั้งสิ้น


“นี่แกอย่างบอกนะว่าเสียงดังขนาดนั้นยังหลับลงอีกน่ะ”


“เสียงเหรอ?...เมื่อคืนก็เงียบดีนี่นา”ผมยังคงเล่นละครต่อไป


“...”คำพูดผมดูจะทำให้เขาหน้าซีดอย่างรวดเร็ว


ผั๊วะ!


“อย่ามาโกหกนะแก!”


“แค่ก!...”ผมร้องออกมาเมื่อถูกอีกฝ่ายชกหน้าอย่างแรงแต่คนละข้างกับที่โดนเมื่อวาน


“จะบอกว่ามีแค่พวกเราที่เห็นรึไง”


“เขาว่ากันว่าคนที่ทำในสิ่งไม่ดีจะถูกเทพเจ้าลงโทษนะ”ผมบอกพลางส่งยิ้มบางๆไปให้


ผั๊วะ!


“คิดว่ากูจะเชื่อนิทานหลอกเด็กนั่นรึไง!”เขาตะคอกเสียงดักพร้อมกับหมัดที่ชกหน้าผมอีกรอบ


“งั้นสิ่งที่คุณเจอ...ก็เป็นเรื่องหลอกเด็กงั้นสิ”ผมเงยหน้าขึ้นไปถามพร้อมยกยิ้มขึ้น


“อึก...แกจะมากไปแล้วนะ”


ผั๊วะ!


ไม่รู้ว่าผมโดนชกไปกี่ครั้ง ความเจ็บปวดที่มีเริ่มกลายเป็นชาจนไม่รู้สึกถึงความเจ็บ ระหว่างที่ถูกชกผมก็แอบรักษาตัวเองไปพลางๆแต่เพราะรักษามากไม่ได้เลยต้องมาทนหน้าชาอยู่แบบนี้


แย่จังแฮะ


แล้วเมื่อไหร่ตินจะมาเนี่ย


“อย่างแกน่ะมันก็เป็นได้แค่ตัวประกัน...ไม่รู้ตัวละสิว่าตัวเองถูกทิ้งแล้วน่ะ”


“...พูดอะไร”ใครถูกทิ้ง


“หึ...น่าสงสารซะจริง ปากก็พูดว่าเป็นแฟนแต่พอบอกว่าให้ขายหุ้นแลกกับแกมันกลับไม่ยอม คิดดูละกันว่าตัวเองไร้ค่าขนาดไหน”เขาบอกเสร็จก็ยกเท้าขึ้นแตะเข้าที่ท้องผมจนจุกไปหมด


“อึก...”ชักจะทนไม่ไหวแล้วนะ


“น่าสมเพชชะมัด...ว่าไปแกคงลีลาเด็ดหน้าดูสินะหมอนั่นถึงได้เอามาไว้ข้างตัวแบบนี้ ไหนๆก็ถูกทิ้งแล้วกูขอลองสักหน่อยคงไม่ว่าใช่ไหม”


“จะทำอะไรน่ะ!”ผมร้องเสียงดังลั่นเมื่ออีกฝ่ายดึงเสื้อผมจนขาดแล้วก้มลงมาขบเม้มตามลำคอขาว


ไม่นะ


ขยะแขยง


ติน!


“...ใช้ได้นี่ ผิวสวยชะมัด รู้งี้น่าจะลองตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว”


“อึก...ปล่อยนะ...”ผมจะไม่ทนแล้ว


รีบๆมาสักทีสิ


ติน!!!


ผั๊วะ!


โคร่ม!


เสียงหมัดดังขึ้นพร้อมกับร่างของชายตรงหน้าผมที่ลอยไปหมอบอยู่ข้างๆ พอลืมตามองก็พบกับดวงตาสีฟ้าสดที่สั่นระริกด้วยความโกรธ เส้นผมสีดำที่ปกติจะถูกเซตตอนนี้กลับปล่อยเหมือนตื่นพึ่งตื่นราวกับเขารีบมานี่โดยไม่มีเวลาแม้แต่จะแต่งตัว


ชายที่ปรากฏตรงหน้าทำให้ผมยิ้มกว้างออกมา


เพียงแค่เห็นหน้าหัวใจก็เต้นเร็วขึ้นราวกับแสดงความยินดีที่ได้เจอกัน


ในเมื่อหัวใจมันบอกขนาดนี้ผมคงไม่สามารถโกหกความรู้สึกตัวเองต่อไปได้แล้วสินะ


ไม่อาจหยุดความรู้สึกนี้ให้อยู่ที่คำว่าชอบได้อีกแล้ว


รัก


รัก


รัก


ผมรักเขา


“ติน!!”


ขอโทษนะติน...ผมรักษาสัญญาที่ให้ไว้ไม่ได้จริงๆ

.................................................................................

สวัสดีค่า

มาต่อแล้วกับตอนนี้ที่ค่อนข้างใช้เวลาแต่งนานพอสมควร

ไหนๆก็มาถึงช่วงสุดท้ายของเรื่องเราเลยของมีการเปลี่ยนอารมณ์เล็ก อาจไม่ถึงกับเรียกว่าดราม่าแค่หน่วงเล็กๆละกันเนอะ

และมีคนทายถูกด้วยว่าวางพล๊อตจบไว้ยังไง

แต่จะให้เฉลยเลยคงไม่ดี

คอยลุ้นกันดีกว่าเนอะ

ขอบคุณทุกๆคอมเม้นท์และทุกๆกำลังจากนักอ่านทุกท่านด้วยนะคะ

เพราะมีกำลังใจเราเลยสามารถแต่งมาได้ถึงจุดนี้

ไว้เจอกันใหม่ในตอนหน้าค่า

บ๊ายบาย

nicedog

♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪

ออฟไลน์ double9JH

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1809
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-7
โอย.. ตินมาช้าจริง

แพนช้ำหมดแล้วววว :hao5:

ออฟไลน์ panpang

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 497
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-1

ออฟไลน์ FeaRes

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 738
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-2
ยอมรับว่ารักเต็มๆขนาดนี้แพนจะไม่เป็นอะไรใช่ไหม
 :hao5:

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
อ้าวเฮ้ย อย่าบอกว่าหลังจากนี้แพนก็จะหายไปเลย เศร้า

ออฟไลน์ swoooaa

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 72
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
ขอให้ที่แพนต้องหายไป นี่คือหายจากการเป็นเทพแล้วกลายเป็นมนุษย์แทนทีเถอะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3433
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

ออฟไลน์ didididia

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 365
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-1
 แล้วแบบนี้แพนจะหายไปรึเปล่า??? :katai1: :serius2:

ออฟไลน์ fc_fic

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2590
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-7

ออฟไลน์ Al2iskiren

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1775
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-3
อย่าหายไปไหนนะแพน :hao5:

ออฟไลน์ КίmY

  • BJYX♥
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1714
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-3
ม่ายยยย  :katai1: แพนจะได้กับมาหาตินใช่ไหม  :hao5:

ออฟไลน์ poppycake

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2670
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-4
ไม่นะ แพนนนนนนนนนนนนน

ออฟไลน์ hoshinokoe

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1042
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +31/-0
ม่ายน้าาาาาา. จะจบแบบเศร้าเหรอเนี่ยย
ที่เดาๆไว้จะเปนจริงหราา

ออฟไลน์ Snowermyhae

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4014
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-7
แพนเป็นหัวใจของตินไปขนาดนี้แล้วจะแยกกันได้ยังไง  :hao5:


ออฟไลน์ lizzii

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6283
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-2
เกือบไม่ทันนะติน

ออฟไลน์ เป็ดอนุบาล

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1404
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-2
      แพนยอมรับแบบนี้แล้วอะไรจะเกิดขึ้นละค่ะแพนหายไปแต่สวรรค์หรือเทพองค์อื่นๆคงจะให้แพนกลับมาแต่กลับมาในแบบมนุษย์หรือป่าวแบบตอบแทนความดีหรือหน้าที่ๆแพนทำมาอะไรทำนองนี้หรือเปล่าค่ะรออ่านค่ะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ nicedog

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 588
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +366/-0
สัมผัส{❤}ครั้งที่20



ภาพของแพนที่ถูกผู้ชายไซร้ซอกคอในสภาพที่เปลือยท่อนบนแถมยังถูกมัดไว้กับต้นไม้ทำเอาผมถึงกับเลือดขึ้นหน้าจัดการชกหมอนั่นจนล้มลงไปกองอยู่กับพื้น


“ติน!!”เสียงนุ่มออกหวานของแพนดังขึ้นพร้อมรอยยิ้มกว้าง


“แพน...เป็นไง...แผลพวกนี้มัน”ผมพึ่งสังเกตว่าใบหน้าขาวๆตอนนี้เต็มไปด้วยบาดแผล บริเวณปากเอกก็มีเลือดไหลออกมา


“คิก...ไม่เป็นไรๆ”


“ไม่ต้องมาขำเลยนะ”ผมรีบบ่น


แผลเต็มหน้าขนาดนี้ยังมีหน้ามาหัวเราะราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้นอีก


“ก็ไม่เป็นไรจริงๆ...โอ้ย...”ยังไม่ทันพูดจบแพนก็ร้องพร้อมกับนิ่วหน้าเพราะถูกผมใช้นิ้วจิ้มแผลตรงมุมปากนั่น


“นี่คือคนที่บอกไม่เป็นเหรอ...ฉันจะแก้มัดให้”พูดจบก็รับเตรียมลุกไปหาอะไรมาตัดเชือก


“ไม่ต้องหรอก...ผมแก้ได้ตั้งนานแล้ว”คำพูดของอีกฝ่ายทำเอาผมที่เตรียมบ่นว่าจะแก้ได้ยังไงถึงกับชะงักเมื่อเห็นแพนลุกขึ้นยืนโดยที่เชือกก่อนหน้านี้ถูกโยนไปไว้ข้างๆด้วยท่าทางสบายๆ


“ทำได้ยังไง”


“อย่าลืมสิว่าผมเป็นใคร...แล้วแผนเป็นไงบ้าง”แพนถามกลับ


“ไปได้สวย ตอนนี้คงจับกุมได้ทุกคนแล้ว เสียดายแค่ตัวหัวหน้าใหญ่ไม่อยู่ที่นี่ไม่งั้นทุกอย่างคงปิดฉากได้สักที”


แผนการที่ว่าคือการที่ผมพร้อมด้วยตำรวจคนรู้จักทำการเข้าจับกุมอย่างเงียบๆโดยมีแพนช่วยบอกว่าพวกมันอยู่ที่ไหน ครั้งนี้ถือว่าโชคดีมากที่แพนไม่ใช่มนุษย์ไม่งั้นเรื่องคงไม่จบด้วยดีแบบนี้


“ผมน่าจะล่อให้คนคนนั้นมาเนอะ”


“เลิกทำเรื่องเสี่ยงๆสักที แพน”ผมหันกลับไปคว้าตัวแพนเข้ามากอดไว้แนบอก


พึ่งผ่านเหตุการณ์แย่ๆมาก็ยังจะเอาตัวเองเข้าไปเสี่ยงอีกงั้นเหรอ


ไม่รู้รึไงว่าผมแทบเป็นบ้าตอนที่จิมวิ่งมาบอกว่าแพนหายไป ตอนแรกนึกว่าที่หายไปเป็นเพราะข้อห้ามที่ห้ามหลงรักมนุษย์แต่พอจิมบอกว่าถูกจับตัวไปใจผมมันก็ว้าวุ่นไปหมด


ผมไม่อยากให้แพนต้องมาเสี่ยงอีก


ถ้าแพนเป็นอะไรไปผมจะทำยังไง


ผมจะมีชีวิตต่อไปได้ยังไงกัน


รักมากจนไม่รู้จะบอกมันออกมายังไง


ทั้งรักทั้งหวงและทั้งห่วง


ไม่อยากให้ใครได้แตะต้องด้วยซ้ำ


“ติน...”


“อยากให้ฉันบ้าตายรึไง”


“ขอโทษนะ...ขอบคุณที่มาช่วย”


“ถ้านานกว่านี้นายจะทำยังไง จะยอมให้หมอนั่นปล้ำรึไง”ผมรีบถามต่อพลางกดจูบลงบริเวณคอขาวๆที่ถูกคนอื่นสัมผัสก่อนหน้านี้

 
“อ๊ะ...ผมไม่ยอมหรอกน่า ถ้าตินมาช้ากว่านี้อีกนิดผมก็คงไม่ยอมมากไปกว่านี้แล้ว...ขยะแขยง”แพนตอบ


“งั้นที่ฉันทำแบบนี้...ขยะแขยงรึเปล่า”ผมถามพลางกดจูบหนักขึ้น


“อ๊ะ...ไม่...กับติน...รู้สึกดี”


“อึก...”ผมรีบหยุดสัมผัสแล้วดันร่างของแพนให้ยืนตรงๆอย่างรวดเร็ว


คำพูดตรงๆนั่นทำให้ผมมีอารมณ์ขึ้นมาดื้อๆ


อยากจะบ้าตาย


“ติน?...เป็นอะไร”แพนถามด้วยน้ำเสียงไม่เข้าใจราวกับไม่รู้เลยว่าตัวเองทำอะไรลงไป


“เปล่า...กลับกันเถอะ”ผมบอกก่อนจะถอดเสื้อตัวเองไปสวมให้แพน


“แต่คนคนนั้นล่ะ”


“เดี๋ยวให้ตำรวจจัดการ”คนที่ว่าคงไม่พ้นผู้ชายที่สลบเหมือนอยู่บนพื้นนั่นหรอก


“อืม”


แพนเดินตามผมผ่านหน้ากระท่วมที่มีตำรวจหลายนายกำลังตรวจสอบที่เกิดเหตุอยู่ไปจนถึงรถยนต์สีดำสนิทที่ติดฟิล์มสีดำคันเดิม ทั้งกายและจิมที่เห็นผมต่างก็พากันวิ่งตรงมาหาเพียงแต่คนแรกที่พวกเขาทักไม่ใช่เจ้านายอย่างผม...


“คุณแพน...เป็นไงบ้างครับ”กายที่ถึงก่อนถามทันที


“แล้วแผลนั่น...เกิดอะไรขึ้นครับ”จิมที่มาทีหลังก็ถามต่อด้วยน้ำเสียงกังวล


“เอ่อ...ก็ไม่เป็นไรมากหรอกครับ...แผลนี่แค่โดนชกนิดหน่อย”ผมมองแผลนิดหน่อยของแพนด้วยใบหน้าตึงๆ


แถมยังโดนชกอีก...ความจริงผมน่าจะกระทืบหมอนั่นอีกสักทีก็ดีหรอก


“เหตุการณ์เป็นไง”ผมถามทั้งคู่


“ครับ...ตอนนี้จับได้ทุกคนแล้วครับ คิดว่าถ้าพวกมันยอมพูดเราก็จะมีหลักฐานที่จะทำให้หมอนั่นดิ้นไม่หลุดครับ”กายรายงาน


“งั้นเหรอ...มีอีกคนอยู่แถวต้นไม้ข้างกระท่อม”


“เข้าใจแล้วครับ...เดี๋ยวผมไปบอกเจ้าหน้าที่ให้”บอกเสร็จกายก็วิ่งกลับไป


“เข้าไปนั่งพักก่อนเถอะครับ...ผมจะเปิดแอร์ให้”จิมที่ยืนอยู่วิ่งไปเปิดรถพร้อมกับแอร์


“ขึ้นรถแพน”ผมบอกหลังจากปิดประตูแล้ว


“อืม...ขอบคุณ”


จากนั้นผมก็นั่งรอกายกับจิมจัดการที่เหลือเงียบๆโดยที่สายตายังคงมองไปด้านนอกเพื่อดูสถานการณ์ ส่วนแพนก็ไม่รู้หรอกว่าทำอะไรอยู่...ผมไม่กล้าที่จะหันไป


ถ้าถูกดวงตาสีอ่อนนั่นจ้องมาผมคงข่มอารมณ์และความรู้สึกของตัวเองไม่ได้


ตุบ


สัมผัสของอะไรบางอย่างที่กระทบไหล่ทำให้ผมหันไปมอง...ภาพของแพนที่หลับตาพริ้มนอนพิงไหล่ผมหลับอยู่ในระยะประชิด
ความเหนื่อยล้าของแพนคงจะมากพอดู ไม่บ่อยนักที่เขาจะหลับแบบนี้


“แพน...”เรียกเสร็จผมก็ขยับหน้าเข้าไปใกล้ๆ รอยแผลที่เริ่มเขียวไม่ได้ทำให้ความงดงามนั้นลดน้อยลงสักนิด ยิ่งการที่เขาทำทุกอย่างนี้เพื่อผมก็ยิ่งทำให้ผมหลงรักมากขึ้นไปอีก


จะมีสักกี่คนที่กล้าบอกว่าจะเป็นเกราะให้


จะมีสักกี่คนที่กล้าเสี่ยงชีวิตเพื่อคนอื่น


จะมีสักกี่คนที่กล้ารอคอยด้วยความคาดหวังโดยที่ไม่รู้ว่าความช่วยเหลือจะมาเมื่อไหร่


กับมนุษย์ผมไม่หวังที่จะเจอคนแบบนั้นยิ่งกับเทพผมยิ่งไม่กล้าหวัง


แต่แพนกลับทำมันทุกอย่าง


ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ที่เอาแต่นึกถึงและโหยหา


ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ที่ไม่อยากแยกจากกัน


ที่รู้ๆคือความรู้สึกในตอนนี้มันชัดเจนจนไม่มีแม้แต่ความสบสันหรือลังเล


การที่แพนถูกจับตัวไปยิ่งทำให้ผมรู้ตัวเองมากขึ้นว่าเป็นคนโมโหร้ายขนาดไหน ขนาดกายกับจิมยังต้องคอยบอกให้ผมใจเย็นอยู่ตลอด


แค่รู้ว่าถูกจับไปก็ว้าวุ่น


แต่พอรู้ว่าปลอดภัยกลับยิ่งอยากไปหาและพากลับมาซะเดี๋ยวนั้น


นี่เป็นครั้งแรกในชีวิตที่รู้สึกกลัว


กลัวว่าแพนจะเป็นอันตราย


กลัวว่าจะหายไปในที่ที่ไม่สามารถตามไปได้


“ทั้งที่อยู่ใกล้ขนาดนี้ก็ยังทำให้ฉันคิดมากได้นะ”ผมหันไปบ่นคนที่หลับสนิทเสียงเบา ใบหน้ายามหลับใหลเรียกรอยยิ้มบางๆของผมให้ปรากฏขึ้นก่อนจะรู้ตัวก็เผลอกดจูบลงบนริมฝีปากสีชมพูนั่นแล้ว


ไม่กี่นาทีต่อมาทั้งกายและจิมก็ขึ้นมาบนรถพร้อมกับรายงานว่าทุกอย่างเรียบร้อยดีเหลือเพียงให้ทางตำรวจสอบปากคำเท่านั้น
รถยนต์สีดำสนิทแล่นกลับมายังคอนโดหรูใจกลางเมืองพร้อมกับผมที่อุ้มร่างของแพนขึ้นไปยังห้องด้วยตัวเอง ตอนแรกกายบอกว่าจะอุ้มไปให้แต่ผมเป็นคนยืนกรานที่จะอุ้มเอง


พอวางร่างไร้สติลงบนเตียงแล้วก็ให้กายมาตรวจร่างกายคร่าวๆอีกรอบ เมื่อไม่พบอะไรนอกจากแผลฟกช้ำผมก็ให้ทั้งคู่กลับไปพักที่ห้องส่วนผมก็เดินเข้าไปนอนแช่น้ำเพื่อคลายความตึงเครียดตลอดหลายชั่วโมงตั้งแต่ที่แพนถูกจับไป


แช่น้ำได้สักพักใหญ่ผมก็เดินไปหยิบชุดนอนมาสวมแล้วออกจากห้องเดินตรงไปยังเตียง ร่างที่น่าจะนอนอยู่กลับลุกขึ้นมานั่ง ดวงตาสีแปลกกระพริบสองสามครั้งก่อนจะหันซ้ายขวาราวกับหาบางอย่างและพอเห็นผมแพนก็ส่งยิ้มกว้างมาให้


“ติน”น้ำเสียงที่เรียกชื่อเป็นเสียงที่ผมไม่เคยรู้สึกเบื่อเลย


อยากได้ยินอยู่เรื่อยๆ ชื่อของผมที่ออกมาจากปากแพน


“นอนต่อเถอะ...พึ่งนอนมาไม่กี่ชั่วโมงเอง”ผมนั่งลงบนเตียงแล้วมองอีกฝ่ายอย่างสำรวจ แผลฟกช้ำบนใบหน้าหายไปเกือบหมดทั้งที่ตอนอุ้มมายังมีเยอะกว่านี้มาก แปลว่ารักษาเองสินะ


“อืม...แต่ก่อนนอนขอบอกอะไรตินหน่อยได้ไหม”


“ว่ามาสิ”


“ขอโทษที่ทำให้เป็นห่วง...และขอบคุณที่มาช่วยนะ”นอกจากคำพูดนั้นแล้วแพนยังเอื้อมมือมาลูบใบหน้าผมเบาๆอีก


นานขนาดไหนแล้วนะที่ไม่ได้รับสัมผัสแบบนี้


ผมเลี่ยงไม่อยากสัมผัสเพราะด้วยเหตุผลสองอย่าง...


อย่างแรกเพราะทุกครั้งที่สัมผัสหรือถูกสัมผัสผมมักจะรู้สึกแปลกๆ เรียกง่ายๆก็มีอารมณ์ล่ะนะ


อย่างที่สองคือเพื่อให้แพนตัดความรู้สึกที่มีต่อผมออกไป


ทั้งผมและแพนพวกเราต่างรู้ดีว่าความสัมพันธ์และความรู้สึกของเรามันเหมือนกันคือเกินคำว่าชอบไปแล้ว และแพนกำลังพยายามหยุดมันอยู่ที่คำว่าชอบ


ผมไม่รู้ว่าใครที่คิดข้อห้ามบ้าๆนี่ขึ้นมา


ห้ามมนุษย์กับเทพรักกัน


น่าขำ


ความรู้สึกมันเป็นของผมและแพนเพราะงั้นมันไม่ควรจะมีใครมาวางหรือบังคับไม่ให้เรารักกัน


แต่ถ้าคำว่ารักทำให้แพนหายไปอย่างที่เทพเซ็นก่อนหน้านี้บอกผมก็ไม่ต้องการ


ผมอยากจะอยู่กับแพน ผมยอมรับว่าก่อนหน้านี้รู้สึกดีที่อีกฝ่ายบอกว่าจะต้องอยู่ด้วยกันไปจนหมดอายุไขเพราะนั่นแปลว่าจนกว่าผมจะตายก็ยังมีแพนอยู่เคียงข้าง ไม่เหมือนอย่างตอนนี้ที่ไม่รู้ว่าแพนจะหายไปตอนไหนหรือเมื่อไหร่


“ต้องไปช่วยอยู่แล้ว...นอนเถอะ”ผมตอบแพนพร้อมรอยยิ้มบางๆ


“นี่ติน”


“อะไร”


“...ลูบหัวผมหน่อยได้ไหม”คำขอเบาๆและร่างกายที่ขยับเข้ามาใกล้ รวมทั้งดวงตาสีเขียวอ่อนที่สั่นระริกอย่างร้องขอทำให้ผมไม่อาจปฏิเสธได้


“อืม”ผมวางมือบนเส้นผมสีเขียวเข้มแล้วขยับเบาๆสองสามครั้งก่อนจะละออก


“ขอบคุณ...นอนกันเถอะ”พูดจบก็ส่งยิ้มมาให้ แพนล้มตัวลงนอนโดยยกผ้านวมขึ้นคลุมทั้งตัวไม่เว้นแม้แต่ส่วนหัว


“เดี๋ยวก็หายใจไม่ออกหรอก”


“หายใจได้น่า”แพนตอบเสียงอู้อี้กลับมา


“ตามใจละกัน”ผมเอื้อมมือไปปิดไฟแล้วล้มตัวนอนข้างๆแพน


การอยู่ใกล้แต่ไม่อาจทำในสิ่งที่ต้องการได้นี่ช่างทรมาน


แต่ไม่เป็นไรเพราะผมรู้ว่าตัวเองไม่ใช่คนเดียวที่ทรมาน


วันต่อมาผมตื่นค่อนข้างสายปกติค่อนข้างมากเนื่องจากวันนี้เป็นวันหยุดสุดสัปดาห์ ทันทีที่ตื่นดวงตาสีฟ้าสดของผมก็ต้องหันไปมองข้างกายทว่าแพนที่ควรอยู่กลับไม่อยู่อย่างที่คิด


“แพน”ผมเรียกเสียงดังพร้อมกับลุกไปเปิดประตูบริเวณระเบียงด้านนอกที่อีกฝ่ายชอบไปยืนรับแสงแดดและแรงลมอยู่บ่อยๆแต่ก็ไม่พบคนที่ตามหา นั่นยิ่งทำให้ผมร้อนรนเปิดประตูออกไปยังห้องรับแขกที่ไม่มีแม้เสียงของโทรทัศน์ที่แพนมักจะเปิดไว้เพื่อไม่ให้ห้องเงียบ


“แพน...”อย่าบอกนะว่า...


“ติน...มีอะไรเหรอ”เสียงที่ยินทำให้ผมรีบหันมองก่อนจะเจอที่เดินออกมาจากห้องครัวด้วยใบหน้างงๆ


“ฉันบอกแล้วไงว่าถ้าจะไปไหนให้บอกกันก่อน”หัวใจผมเกือบจะหยุดเต้นอยู่แล้ว


นึกว่าอีกฝ่ายจะหายไป


“ผมบอกแล้วนะ...แค่ตอนบอกตินหลับอยู่เท่านั้นเอง”


“บอกตอนหลับมันไม่เรียกว่าบอกหรอกนะ”


“ก็ผมปลุกแล้วตินตื่นที่ไหนกัน เอาแต่กรนเสียงดัง”


“ฉันไม่ได้กรนสักหน่อย”เรื่องนี้ผมมั่นใจสุดว่าตัวเองไม่นอนกรนแน่นอน


“ก็ผมได้ยินนี่”


“โกหก”


“ผมจะโกหกทำไม”


“จะแกล้งฉันน่ะสิ”


“อุ๊บ...คิก...”อยู่ๆประโยคโต้ตอบก็จบลงและแทนที่ด้วยเสียงหัวเราะของแพน


“หัวเราะอะไร”ไม่เห็นมีอะไรน่าหัวเราะสักนิด


“นานแล้วนะที่เราไม่ได้กวนหรือทะเลาะกันแบบนี้”คำพูดขึ้นแพนทำให้ผมชะงัก จริงอย่างที่ว่าผมไม่ได้โต้ตอบกับแพนแบบนี้มานานแล้ว


ถ้าผมกวนไปแพนก็จะกวนกลับและนั่นจะยิ่งทำให้ความรู้สึกของเราเป็นหนึ่งเดียวกันเรื่อยๆ


ผมเลยหลีกเลี่ยงที่จะทำอย่างนั้น


“...นั่นสิ...ทำอะไรอยู่”


“ทำซุปน่ะ”


“ช่วงกลางวันฉันจะไม่อยู่ห้อง”ผมบอกแพน


“ไปไหนเหรอ”


“ไปจัดการธุระนิดหน่อย”ธุระที่จะไปทำเป็นธุระสำคัญมากนั่นก็คือไปจัดการกับคู่แข่งทางการค้าให้หลาบจำว่าไม่ควรมาเล่นกับคนสำคัญของผม


“ใช่เรื่องของคุณสมพงศ์ไหม”


“เดาเก่งนี่”


“ผมรู้ว่าตินไม่ปล่อยให้ปัญหานี้ค้างคานานหรอก...กินอะไรก่อนค่อยไปนะ อีกไม่เกิน10นาทีซุปก็เสร็จแล้ว”


“ได้...กลางวันจะกินอะไรฉันจะสั่งขึ้นมาให้”ช่วงกลางวันที่ผมไม่อยู่ไม่อยากให้แพนออกไปไหน


“ไม่เป็นไร...ผมสั่งเองได้”


“แน่ใจนะว่าไม่กดเบอร์ผิด?”ผมไม่ค่อยมั่นใจเลยแฮะ


“ไม่ผิดหรอกน่า...ไปนั่งรอเลย เดี๋ยวยกซุปไปให้”แพนพูดจบก็เดินกลับเข้าไปในห้องครัวผมเลยไปนั่งรออยู่ที่โซฟากำมะหยี่ในห้องรับแขกแทน


ผ่านไปสักพักแพนก็เดินออกมาพร้อมกับถ้วยซุป2ถ้วยแล้วนั่งลงข้างๆผม ดวงตาสีเขียวอ่อนที่หันมาสบราวกับจะบอกว่ากินสิ


“ฉันกินหมด2ถ้วยไม่ไหวหรอกนะ”ผมรู้ว่าอีกถ้วยไม่ใช่ของผมหรอกแค่รู้สึกอยากกวนอีกฝ่ายเล่นเท่านั้น


“ผมก็ไม่ได้ให้กินทั้ง2ถ้วยสักหน่อย ถ้วยนี้ของผมต่างหาก”พูดจบแพนส่งถ้วยซุปอันหนึ่งมาให้โดยที่อีกถ้วยก็ถือไว้เหมือนเดิม


“ขอบคุณ”ผมรับมาแล้วเริ่มชิมซุปออกสีเขียวใสๆภายใน รสชาติของมันผมพอจะเดาได้แม้ยังไม่ชิมด้วยซ้ำ อาจเพราะกินค่อนข้างบ่อยเลยรู้ว่ายังไงรสชาติก็ต้องเป็นแบบนี้


น่าแปลกที่กินออกบ่อยแต่กลับไม่รู้สึกเบื่อ



(มีต่อค่ะ)

ออฟไลน์ nicedog

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 588
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +366/-0
(ต่อนะคะ)


“นี่ติน...ที่จะออกไปน่ะ นานไหม”แพนหันมาถามระหว่างตักน้ำซุปเข้าปาก


“ไม่แน่ใจเหมือนกันแต่จะรีบจัดการให้เสร็จเร็วที่สุด”


“อืม...”


“มีอะไรรึเปล่า”ผมถามกลับเพราะเหมือนอีกฝ่ายกำลังคิดอะไรอยู่สักอย่าง


“เปล่าๆ...แค่ถามดูเฉยๆ”นอกจากจะพูดแล้วยังส่ายหัวไปมาอีก


ดูแปลกๆแฮะ


“แน่ใจนะ”


“แน่ใจสิ...ผมจะอยู่แต่ในห้องไม่ออกไปไหนแน่นอน”คำพูดนั่นทำให้ผมต้องหรี่ตาลง ยิ่งพูดย้ำแบบนั้นก็ยิ่งน่าสงสัย


เหมือนเด็กที่กำลังโกหกพ่อแล้วแล้วจะแอบออกเที่ยวเลย


แบบนี้คงต้อง...


“จิม นายอยู่กับแพน”เมื่อกินซุปและอาบน้ำแต่งตัวเสร็จก็ได้เวลาออกไปข้างนอก แต่ด้วยความที่รู้สึกสังหรณ์ใจแปลกเลยให้มีคนเฝ้าสักคนดีกว่า


“แต่การที่คุณตินจะไปกันแค่สองคนมันก็...”


“งั้นเดี๋ยวผมเรียกลูกน้องมานะครับ”กายรีบพูดแทรกพลางส่งสายตาให้จิมมองไปในห้อง พอผมหันไปมองก็พบกับแพนที่ยืนเอามือไพร่หลังพร้อมส่งยิ้มกว้างมาให้อยู่


“อะไร?”


“ผมแค่มาส่งตินน่ะ...รีบไปไม่ต้องรีบกลับ เอ้ย รีบไปรีบกลับนะติน”คำพูดที่ได้ยินไม่รู้ตั้งใจพูดหรือพูดผิดจริงๆกันแน่


“จิม”ผมหันไปมองหน้าจิม


“ครับคุณติน”


“เฝ้าดีๆนะ...ฉันรู้สึกเหมือนแพนคิดจะทำอะไร”ผมเดินไปกระซิบให้จินฟัง


“...คุณตินคิดมากไปมั้งครับ”


“ถ้าเป็นงั้นก็ดี...กายลูกน้องมารึยัง”พูดกับจิมเสร็จก็หันไปพูดกับกายที่พึ่งวางโทรศัพท์ลง


“ไม่เกิน5นาทีครับ...เราลงไปรอที่รถกันเลยก็ได้ครับ”


“แบบนั้นก็ได้...แพน”


“อะไรเหรอติน?”


“ห้ามทำอะไรเสี่ยงๆอีกไม่งั้นฉันจะจับนายล่ามโซขังไว้ในห้อง”พูดจบผมก็เดินไปยังลิฟต์ที่มีกายรออยู่


ถึงจะย้ำไปแบบนั้นแต่ผมไม่มีความมั่นใจเลยว่าแพนจะทำตาม


นั่งรออยู่ในรถไม่นานลูกน้องของกายก็มาถึงพวกเราเลยขับรถออกไปพร้อมๆกัน ด้วยความที่เป็นช่วงบ่ายของวันอาทิตย์การจราจรเลยติดขัดมากกว่าปกติหลายเท่า


“คุณตินกังวลเรื่องที่เราจะไปหาหมอนั่นเหรอครับ”ระหว่างขับรถกายก็ถามขึ้น หมอที่ว่าก็คือคุณสมพงศ์นั่นเอง


“ไม่ใช่หรอก...ถ้าเป็นเรื่องเรามีหลักฐานแน่นหนาพอแล้ว”เมื่อช่วงสายหลังจากที่ผมตื่นได้ไม่นานกายก็ส่งไลน์มาบอกว่าพวกที่จับแพนมาตอนนี้สารภาพออกมาทุกอย่างแล้ว แน่นอนว่ารวมถึงชื่อผู้อยู่เบื้องหลังด้วย


ไม่มีทางที่จะดิ้นหลุดจากหลักฐานขนาดนี้แน่ และนอกจากจะดิ้นไม่หลุดผมยังใช้อำนาจที่มีเพิ่มข้อหาในอีกหลายๆอย่าง แต่ถึงจะพูดว่าใช้อำนาจแต่ก็เป็นข้อกล่าวหาที่เป็นความจริงทั้งนั้น


“ถ้าไม่ได้กังวลเรื่องนี้แล้วคุณตินกังวลเรื่องอะไรอยู่ล่ะครับ”


“แพนวันนี้ทำท่าทางแปลกๆ”


“...อะไรที่ทำให้คิดแบบนั้นครับ”


“หลายๆอย่าง”การที่อยู่ด้วยกันเรียกว่าเกือบ24ชั่วโมงทำให้ผมรู้ว่าพฤติกรรมอะไรที่เป็นปกติหรือกำลังทำตัวน่าสงสัย อย่างพฤติกรรมวันนี้เข้าข่ายน่าสงสัย


“ผมว่าคุณตินอย่าคิดมากเรื่องนี้เลยครับ”


“แปลว่ารู้อะไรสินะ”ผมถามดัก


“...เปล่าครับ”


“ตอบช้าไปหน่อยนะกาย”ผมว่าเรื่องนี้กายต้องรู้อะไรแน่ๆ และอาจไม่ใช่แค่กายแต่มีจิมด้วย


“ขอโทษครับ”


“แพนคิดจะทำอะไร”ผมไม่สนคำขอโทษ ที่ผมต้องการคือรู้ที่มาของพฤติกรรมแปลกๆนั่น


“เรื่องนี้ผมบอกไม่ได้...”


“แปลว่ารู้จริงๆสินะ”ไม่รู้ว่าแพนเอาเวลาไหนไปตีสนิททั้งกายและจิมแต่ดูเหมือนทั้งคู่จะเออออตามได้ง่ายๆ ขนาดผมที่เป็นทั้งเพื่อนสนิทและหัวหน้ายังไม่สามารถเปิดปากได้


“...ผมบอกได้แค่ว่าคุณแพนไม่คิดจะทำอะไรเสี่ยงๆหรอกครับ”กายพยายามอธิบาย


“อะไรที่ว่าไม่เสี่ยงล่ะ”ผมถามต่อ


“คุณติน...อย่าถามแบบนี้เลยครับ ขืนผมบอกไม่ใช่แค่จะโดนคุณแพนโกรธแต่จิมเองก็คงจะโกรธด้วย”


“ว่าแล้วเชียว”คิดอยู่แล้วว่าจิมเองก็มีเอี่ยว


นี่รวมหัวกับปิดผมนี่นา


“อย่าทำหน้าแบบนั้นสิครับ”


“ไอ้เรื่องที่บอกไม่ได้นี่จะมีวันที่ฉันรู้ไหม”


“มีแน่นอนครับ เดี๋ยวก็รู้แล้วครับ”


“...”ผมยังเชื่อใจลูกน้องตัวเองได้อยู่ใช่ไหม


“ถึงแล้วครับ...มาจัดการธุระเราให้เสร็จก่อนดีกว่าครับ”กายบอกพลางจอดรถที่หน้าห้างสรรพสินค้าที่ใหญ่เทียบเท่าของผม ด้วยผลการประเมินความพึ่งพอใจก็อยู่ในเกณฑ์ดีเยี่ยมทุกอย่าง เพียงแต่ก็ยังคงเป็นที่สองรองจากห้างผมอยู่ดี


ผมพากายและลูกน้องที่ตามมาอีก5คนเดินขึ้นไปยังชั้นบนสุดด้วยใบหน้านิ่งๆ เหล่ายามหรือพนักงานต่างก็หลีกทางให้ด้วยท่าทางหวาดๆ เพราะแบบนั้นผมเลยมายืนอยู่หน้าโต๊ะของเจ้าของห้างอย่างคุณสมพงศ์ได้ในเวลาอันรวดเร็ว


“มีธุระอะไร”ฝ่ายที่ถูกมาเยือนยังคงรักษามาดผู้อยู่เหนือกว่า


“พอดีจะมาบอกข่าวว่าพวกลูกน้องนายสารภาพทุกอย่างแล้ว”ผมบอกเสียงนิ่ง


“...ว่าไงนะ?”


“อย่างที่ได้ยินแหละคุณสมพงศ์ ไม่ใช่หลักฐานจากคำสารภาพแต่ยังมีหลักฐานการโกง ยัดเงินใต้โต๊ะ เปิดบ่อนพนันหลังห้างปิดรวมทั้งการค้ายาด้วย”ผมค่อยๆพูดไล่ไปทีละอย่าง


“เฮอะ...คิดว่าหลักฐานพวกนั้นจะใช้ได้รึไง พวกหลักฐานแวดล้อมมันใช้ไม่ได้หรอกนะ”อีกฝ่ายยังคงไม่ยอมแพ้


“พอดีว่าไม่ได้มีแค่หลักฐานแวดล้อมน่ะ”ผมยกยิ้มขึ้นด้วยแววตาเหี้ยมๆ


“แกพูดบ้าอะไร”


“หลักฐานที่ส่งให้ทางตำรวจมีทั้งพยานบุคคล คนที่มีส่วนเกี่ยงข้องโดยตรงและพวกลูกค้าอีก ไม่ใช่แค่พยานบุคคลแต่ยังมีรูปถ่ายรวมทั้งคลิปเสียงตอนที่นายโทรมาหาฉันเมื่อวันก่อนด้วย”บทสนทนาที่พูดว่าจับตัวแพนไปและคำขู่ฆ่าถ้าผมไม่ยอมทำตาม ทุกอย่างผมอัดไว้หมดแล้ว


“แก...แบบนี้มันรอบกัด...”


“ใครกันแน่ที่รอบกัด ฉันคิดจะปล่อยแกไปตั้งไม่รู้กี่ครั้ง ทั้งตอนที่ฉันถูกยิงที่หัวใจหรือแม้แต่ตอนที่แกส่งคนมาฆ่าฉัน เรื่องพวกนั้นฉันยังยอมให้อภัยได้แต่สิ่งที่แกทำให้แพนต้องเจ็บตัวรวมทั้งดึงเขามาจนเจอกับอันตรายเป็นสิ่งที่ฉันจะไม่ให้อภัย!”


“...แก...”


“ถ้ากล้ามายุ่งกับคนสำคัญของฉันก็น่าจะเตรียมตัวไว้นะ พอดีฉันมันพวกขี้หวงโดยเฉพาะกับคนสำคัญ ครั้งนี้ถือเป็นการเตือน...ถ้าแกกล้าแตะเขาอีกครั้งต่อไปคงได้บอกลาภพนี้แล้วล่ะคุณสมพงศ์!”พูดจบผมก็หันหลังเดินจากมาทันที


หลักฐานที่มีมากพอที่จะให้หมอนั่นติดคุกตลอดชีวิต แต่ถ้ามันประกันตัวออกมาแล้วมาแตะแพนอีกครั้งนี้คงต้องใช้วิธีรุนแรงอย่างที่บอกไป


อยากทำอะไรก็ทำไป ขอแค่อย่ามายุ่งกับแพนของผมก็พอ


“นึกว่าผมจะได้เห็นคุณยิงหัวหมอนั่นซะอีก”กายพูดติดตลกระหว่างขับรถกลับ


“ก็อยากยิงอยู่หรอก...คนแบบนั้นให้ไปอยู่อย่างทรมานในคุกดีกว่า”ความตายมันดูจะง่ายไปหน่อยสำหรับคนที่ทำผิดมากขนาดนั้น


“เห็นด้วยเลยครับ...คุณตินจะแวะไหนก่อนกลับไหมครับ”กายถาม


“ไม่ล่ะ”ตอนนี้ผมอยากกลับไปดูว่าแพนกำลังคิดจะทำอะไร


“ข้างหน้านี่มีร้านเค้กเจ้าดังอยู่นะครับ...เห็นครั้งก่อนจิมบอกว่าคุณแพนอยากกิน”


“ถ้าคิดจะถ่วงเวลาก็คิดผิดแล้วกาย...รีบขับกลับคอนโดเลย”ที่ถ่วงเวลาแบบนี้แปลว่าต้องกำลังทำอะไรอยู่และยังทำไม่เสร็จด้วย
ต้องรีบกลับไป


จะได้รู้สักทีว่าปิดบังอะไรกันไว้


“ผมเปล่าถ่วงเวลา...”


“กาย”


“เข้าใจแล้วครับ”เมื่อถูกผมเรียกด้วยเสียงเข้มๆกายก็จำต้องหยุดพูดแล้วขับรถต่อไป


เมื่อรถยนต์สีดำจอดสนิทผมก็ลงจากรถตรงไปขึ้นลิฟต์โดยไม่รอกายที่ยังไม่ดับเครื่องยนต์ ห้องแรกบนชั้น30ถูกเปิดเข้าไปโดยที่ไม่มีการเคาะประตูพร้อมกับผมที่ก้าวยาวไปยังห้องรับแขกแล้วหันซ้ายขวาเพื่อหาสิ่งผิดปกติ


ภาพแรกที่เห็นคือจิมลุกขึ้นยืนมองมายังประตูที่ถูกเปิดอย่างไร้มารยาทแต่พอเห็นว่าเป็นผมก็มีท่าทีผ่อนคลายลง ส่วนแพนก็กำลังนั่งกินเลย์ห่อสีเหลืองระหว่างที่สายตาจับจ้องไปยังโทรทัศน์ตรงหน้า...พอเห็นจิมลุกขึ้นก็หันมามองก่อนจะเบิกตากว้างขึ้นเล็กน้อยเมื่อเห็นผมเดินเข้ามา


“ติน?”


“คุณติน?”เสียงของแพนและจิมดังขึ้นเมื่อเห็นผมเดินไปรอบๆห้องราวกับคนทำของตก


“ทำอะไร”ผมถามพลางจ้องไปยังดวงตาสีเขียวอ่อนเขม็ง


“...ก็กินเลย์แล้วรู้รายการตลกไง”แพนบอกพร้อมกับหยิบเลย์ในซองเข้ามาแล้วเคี้ยวให้ดู ใบน้าซื่อๆนั่นผมสามารถเชื่อได้ไหม
ถ้าสิ่งที่กายบอกเป็นความจริงแปลว่าสองคนนี้ต้องกำลังทำอะไรบางอย่างแต่จากที่มองก็ไม่เห็นมีอะไรผิดปกติ


หรือผมถูกกายแกล้ง


ไม่...เรื่องนี้ไม่มีทางเป็นไปได้


“มีอะไรรึเปล่าครับคุณติน”จิมเดินเข้ามาถาม


“ระหว่างที่ฉันไม่อยู่แพนทำอะไรบ้าง”ผมเปิดประเด็นถามทันที


“อ๊ะ...ถามอะไรน่ะติน ละเมิดความเป็นส่วนตัวผมจะฟ้องคุณนะ”แพนที่ฟังรู้ก็เริ่มมีท่าทีร้อนตัวจนผมต้องหันไปมองจิมให้รีบบอกมา


“คุณแพน...หลังคุณตินไปก็สั่งพิซซ่ามากิน2ถาดเป็นมื้อเที่ยงก่อนจะไปแช่น้ำเล่นในห้องน้ำประมาณ1ชั่วโมง จากนั้นก็ออกไปรับลมที่ระเบียงแล้วก็มาดูโทรทัศน์พร้อมกินเลย์อย่างที่คุณตินเห็นนี่แหละครับ”คำพูดของจิมมาความน่าเชื่อถือเพราะทุกอย่างที่ว่ามาเป็นสิ่งที่แพนชอบทำทั้งนั้น


เวลาว่างๆในวันหยุดแพนมักจะหมดเวลาไปกับการแช่น้ำกับมองเหม่อไปนอกระเบียง ไม่ก็ทำซุปและดูโทรทัศน์


ถ้าผมเชื่อจิมแปลว่าสิ่งที่กายพูดโกหกงั้นสิ


หรือว่าผมทุกทั้ง3คนปั่นหัวอยู่กันแน่นะ


“ขมวดคิ้วอะไรน่ะติน...ไม่เครียดสิ ไม่เครียด”แพนวางห่อเลย์ไว้บนโต๊ะก่อนจะเดินมาหาผม ฝ่ามือที่ลูบระหว่างคิ้วที่ขมวดเข้าหากันแน่นไปมาทำให้ผมรู้สึกเหมือนเมื่อก่อนที่อีกฝ่ายมักทำเสมอ


“ไม่ได้โกหกฉันใช่ไหม”ผมถามย้ำแพน


“...”แพนไม่ตอบแต่ส่งยิ้มมาให้แทน


“แพน”


“มื้อเย็นกินอะไรดีติน นี่จะ6โมงแล้วด้วย”แพนเปลี่ยนเรื่องพลางเดินกลับไปนั่งบนโซฟายาวพร้อมกับเลย์ห่อเดิมที่ถูกเอาเข้าปาก


“ฉันไม่หิว”ผมตอบไปตามจริง


“อืม...ผมก็คิดว่าคุณจะตอบแบบนั้นแหละเลยบอกให้จิมโทรสั่งโออิชิมาแล้ว”


“ฮะ?”สั่งมาแล้วอีก


“วางอยู่ในห้องครัวน่ะ จะกินเลยไหมผมจะได้ไปเอามาให้”แพนถามต่อ


“...ขอไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อน”รู้สึกเหมือนกำลังโดนปั่นหัวเลย


มื้อเย็นอย่างอาหารญี่ปุ่นได้หมดลงก่อนที่แพนจะขอไปอาบน้ำก่อนซึ่งผมก็ไม่ได้ขัดอะไร สำหรับจิมพอผมเปลี่ยนชุดเสร็จก็ไม่อยู่ในห้องแล้ว


“จะอาบต่อเลยไหมติน”แพนถามหลังจากที่เดินออกมาจากห้องน้ำด้วยเส้นผมเปียกปอน


“อืม...อย่าพึ่งนอนฉันมีเรื่องจะคุยด้วย”


“ได้...ผมก็มีเรื่องอยากคุยกับตินเหมือนกัน”


“เรื่องอะไร”ผมหันกลับไปถาม


“อาบน้ำเสร็จค่อยว่ากัน”พูดจบแพนก็เดินไปนั่งเช็ดผมบนเตียงผมเลยได้แต่ต้องเดินเข้าไปอาบน้ำทั้งที่มีหลายอย่างที่สงสัยอยู่
เรื่องที่จะพูด


เรื่องอะไรกัน


ระหว่างอาบน้ำผมก็คิดอยู่ตลอดแต่คำตอบก็เหมืนเดิมคือไม่รู้ ปกติแพนไม่ใช่คนที่จะบอกว่ามีเรื่องคุยถ้าเขาจะคุยต่อให้ผมอาบน้ำอยู่เขาก็จะพูดไม่หยุดไม่มาขอกันแบบนี้หรอก


วันนี้มันชักจะแปลกเกินไปแล้ว


ผมเดินออกมาจากห้องน้ำพลางมองไปยังแพนที่นั่งพิงหัวเตียงอยู่โดยที่มีกำลังใช้ผ้าขนหนูเช็ดผมยาวสีเขียวเข้มนั้นให้แห้ง


“มีเรื่องอะไร”ผมนั่งลงบนเตียงแล้วถามสิ่งที่คาใจทันที


“เอาของตินก่อนไหม...ตินมีเรื่องจะพูดกับผมนี่”แพนถามกลับ


“ไม่เป็นไร...เอาเรื่องนายแหละ”เรื่องที่ผมสงสัยไว้ค่อยถามหลังจากนี้ก็ยังไม่สาย


“ก็ได้...ตินจำเรื่องที่เซ็นพูดได้ใช่ไหม”อยู่น้ำเสียงที่พูดก็เริ่มเปลี่ยนไป


“หมายถึงเรื่องไหนล่ะ”


“เรื่องที่ถ้าเทพรักกับมนุษย์แล้วจะหายไปน่ะ”


“จำได้สิ”ถึงจะพยายามลืมก็ลืมไม่ลงด้วย


“ตินเคยให้ผมสัญญาว่าห้ามรักติน จำได้ไหม”ระหว่างที่พูดดวงตาสีเขียวอ่อนก็เงยขึ้นมาสบด้วยรอยยิ้มเศร้าๆ


“จำได้...แล้วทำไม?”


“ผมอยากขอโทษ...ขอโทษที่ผิดสัญญานะ”


“...พูดอะไรแพน”ที่ว่าผิดสัญญาคืออะไร


“ความรู้สึกที่ผมมีให้ตินมันห้ามไม่ได้จริงๆ...ผมไม่สามารถหยุดมันไว้ที่คำว่าชอบได้...”


“แพน...”


“ผมในตอนนี้ยอมรับความรู้สึกของตัวเองแล้ว พอยอมรับมันก็รู้สึกโล่งมากเลยแต่ก็สัมผัสได้ว่าตัวเองคงอยู่ได้อีกไม่นาน”แพนบอกพร้อมกับยกมือข้างนึงขึ้นมาสัมผัสใบหน้าผม


“อย่ามาพูดบ้าๆนะแพน...จะบอกว่าจะหายไปงั้นเหรอ”ผมไม่ยอมหรอกนะ


“...ผมไม่รู้ว่าจะหายไปจริงไหมแต่ว่าร่างกายมันเริ่มแปลกๆ”


“แปลกยังไง”


“ปกติถึงแค่รับแสงก็เหมือนได้รับพลังงานแต่ช่วงนี้ผมกลับต้องนอนถึงจะได้รับพลังงานมา แถมความหิวยังลดลงอีก...ติน”แพนเรียกก่อนที่จะขยับตัวมานั่งบนตักผม ใบหน้าของพวกเราอยู่ใกล้กันจนสามารถสัมผัสได้ถึงลมหายใจของกันและกัน


“แพน...ฉัน...”


“ผมอยากบอกว่ามันไม่ใช่ความผิดของติน ต่อให้ตินจะรักหรือไม่รักผมทุกอย่างก็ไม่เปลี่ยน เรื่องนี้เกิดขึ้นเพราะตัวผมเองที่ไม่สามารถห้ามใจตัวเองได้ ผมไม่รู้ว่าตัวเองจะหายไปเมื่อไหร่เลยอยากจะบอกให้ตินได้รู้ไว้”


“ฉันไม่อยากฟัง”ถ้าการฟังนั่นมันจะเป็นครั้งสุดท้ายที่ได้เจอกันผมก็ไม่อยากฟังมันไปตลอดชีวิตนั่นแหละ


“ผมอยากพูดนี่...”


“แพน...ถ้านายพูดแล้วหายไปฉันยอมที่จะไม่ฟังมัน ฉันไม่อยากให้นายหายไป...แต่ละวันที่เราอยู่ด้วยกันนายเข้ามาเติมเต็มช่องว่างในหัวใจแต่ถ้านายหายไปใครจะมาเติมเต็มช่องว่างนั้นให้ฉันล่ะ”


“ติน...”


“ฉันขอเห็นแก่ตัวแพน...ฉันเสียนายไปไม่ได้ ขอร้องล่ะ...อย่าไปไหนเลย”ถ้าไม่มีแพนแล้วผมจะมีชีวิตอยู่ไปได้ยังไง


“อึก...อย่าพูดด้วยน้ำเสียงแบบนั้นสิ...ผมเองก็ไม่ได้อยากหายไปหรอกนะ ผมยังอยากอยู่กวนคุณ อยากทะเลาะกับคุณอยากทำอะไรอีกหลายๆอย่าง...”


“งั้นก็อย่าไปสิ!”ผมตะโกนขึ้นเสียงดัง


อย่าไป!


“...ผมรู้ว่าตัวเองกำลังจะหายไป...และคิดว่าอีกไม่กี่ชั่วโมงนี้ด้วย”


“...”สิ่งที่ได้ยินทำเอาผมไม่สามารถเอ่ยอะไรออกไปได้


ความจุกที่อยู่ภายในอกนี่มันคืออะไร


ความทรมานที่เห็นน้ำตาที่ไหลลงมาจากดวงตาสีเขียวอ่อนตรงหน้ามันคืออะไร


“ติน...ขอกอดได้ไหม”ไม่ต้องรอให้แพนพูดจบผมก็คว้าตัวอีกฝ่ายมากอดไว้แน่น ความเปียกชื้นบริเวณไหล่คงเป็นน้ำตาของแพนที่ไหลลงมาพร้อมเสียงสะอื้น


“ฉันจะทำอะไรเพื่อนายไม่ได้เลยเหรอ”ตั้งแต่เจอกันก็เป็นฝ่ายรับมาตลอด


ไม่เคยเป็นฝ่ายให้บ้างเลย


ผมได้รับมาทั้งชีวิตและความรู้สึก


แต่สิ่งที่ผมตอบแทนแพนกลับเป็นการทำให้เขาหายไป


“ตินทำเพื่อผมมาเยอะแล้ว”


“ฉันไม่ได้ทำ...”ไม่ได้ทำสักอย่าง


“ตินทำให้ผมมีช่วงเวลาที่เต็มไปด้วยความสุข มันเป็นความสุขที่ไม่เคยได้สัมผัสมาตลอด300ปีที่ผ่านมา...ถ้าผมจะต้องหายไปก็อยากให้ตินรู้ว่าชีวิตผมมันคุ้มค่าแล้วจริงๆ”


“แพน...”


“อ๊ะ...เที่ยงคืนแล้วเหรอเนี่ย”อยู่ๆแพนก็เปลี่ยนเรื่องแล้วขยับตัวไปเปิดลิ้นชักข้างโคมไฟ ถุงพลาสติกที่ภายในมีเม็ดกลมๆคล้ายเมล็ดอะไรสักอย่างใส่ไว้ภายใน


“อะไร”


“นี่จะเป็นสิ่งสุดท้ายที่ผมทำให้”


“พูดอะไรน่ะแพน”อย่าพูดเหมือนกำลังจะหายไป


ผมไม่ยอมรับหรอกนะ


อยู่ๆก็มาปรากฏตัว


มาทำให้หัวใจหวั่นไหว


และอยู่ๆก็จะจากไป


ใครมันจะยอมกัน


“คอยดูนะ”ทันทีที่พูดจบไฟที่เปิดอยู่ก็ถูกดับลงพร้อมๆกับแสงสีเขียวจากร่างของแพนที่สว่างขึ้น ไม่เพียงแค่ร่างแพนแต่เมล็ดที่อยู่ในถุงต่างก็เปล่งแสงก่อนที่เมล็ดเหล่านั้นจะค่อยๆมีใบใบโผล่ขึ้นมา ทั้งที่อยู่ในความมืดแต่กลับมองเห็นการเติบโตของเมล็ดพรรณได้อย่างชัดเจนเพราะแสงสีเขียวที่โอบอุ้มทุกเมล็ดอย่างอ่อนโยน


ภาพที่เห็นราวกับเวทย์มนต์ของผู้วิเศษสักคน มันช่างตราตรึงจนไม่อยากแม้แต่กระพริบตา...เมล็ดพรรณมากมายที่ค่อยๆโตขึ้นต่างเกี่ยวพันกันจนเกิดเป็นรูปหัวใจและตัวอักษร6ตัว...


HBD TIN


“แพน...”ยังไม่ทันได้เอ่ยอะไรริมฝีปากผมก็ถูกอีกฝ่ายแนบชิดลงมา สัมผัสอันนุ่มนวลทำเอาผมเผลอจูบตอบกลับไปโดยไม่รู้ตัว
สิ่งที่รู้คือมันเป็นจูบที่ดีที่สุดตั้งแต่ที่เกิดมา


ผมไม่ชอบให้ใครแตะตัว ยิ่งการจูบทักทายผมยิ่งไม่ชอบ


แต่กลับแพนมันแตกต่าง


ผมยอมให้แพนสัมผัสไม่ว่าจะใบหน้า เส้นผม หน้าผาก อกหรือแม้แต่สิ่งที่อยู่ภายในอย่างหัวใจ


ยอมทุกอย่าง


“ติน...สุขสันต์วันเกิดนะ ผมรักติน...รักมากๆเลย”คำพูดหลังถอนจูบออกทำให้เรื่องราวทุกอย่างประติดประต่อกันหมด เรื่องที่กายพูดคือเรื่องนี้เองสินะ


เมล็ดพรรณพวกนั้นคงให้จิมไปหาซื้อมาแน่


“แพน...ขอบคุณ...ขอบคุณจริงๆ”


“ผมก็ขอบคุณเหมือนกัน...อ๊ะ...”อยู่ๆร่างกายที่เปล่งแสงสีเขียวอยู่ก็ค่อยๆเรือนรางไป


“ไม่นะแพน”ผมคิดจะดึงอีกฝ่ายมากอดไว้แต่แพนกลับส่ายหน้าไปมาพร้อมรอยยิ้ม


“ถ้าผมจะหายไป ขอให้ผมเห็นหน้าตินจนถึงวินาทีสุดท้ายเถอะ”


“แพน...แพน...”ไม่นะ


อย่าหายไป


อย่าจากผมไป


ยิ่งแสงสีเขียวเรือนรางมาขึ้นหัวใจผมก็ยิ่งถูกบีบราวกับจะแตกสลายออกเป็นเสี่ยงๆ


“...ผมรักติน...ลาก่อนนะ”สิ้นคำพูดและรอยยิ้มสุดท้ายแสงสีเขียวก็สว่างจ้าจนผมต้องหลับตาลงพร้อมกับน้ำตาที่ไหลอาบแก้ม
นี่ผมต้องเสียเขาไปจริงๆงั้นเหรอ


ถ้าพระเจ้ามีจริง


ผมขอร้องล่ะ


อย่าได้พรากเอาสิ่งที่สำคัญที่สุดของผมไปเลย


จะให้แลกด้วยอะไรก็ยอม


อย่าให้เขาหายไป


“แพน!”
.........................................................................
สวัสดีค่ะ

มาอัพต่อแล้ว ซึ่งตอนนี้อาจทำให้หลายคนค้าง

นี่คงเป็นฉากที่โศกที่สุดตั้งแต่แต่งนิยายมาแล้วค่ะ

เราไม่ค่อยเก่งในการแต่งฉากเศร้าปนหน่วงแบบนี้เลยใช้เวลากว่าฉากปกติ

ไม่รู้จะสื่อออกมาได้ดีรึเปล่า

หวังว่าทุกคนจะอินไปกับการอ่านนะคะ

เนื้อเรื่องเข้ามาสู่ช่วงสุดท้ายและอีกไม่กี่ตอนก็จะจบลงแล้วค่ะ

รู้สึกใจหายนิดๆเหมือนกัน

ขอบคุณทุกคนสำหรับคอมเม้นท์และกำลังใจที่มีให้เสมอมานะ

ไว้เจอกันใหม่ตอนหน้าค่ะ

บ๊ายบาย

nicedog

♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪

ออฟไลน์ mxb

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 31
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
มาแล้วว มาพร้อมกับความเศร้ามากมายย แง
หวังว่าพระเจ้าจะฟังคำขอร้องของติน ขอให้ตินรออย่างมีความหวังนะ
  :hao5:

ออฟไลน์ hoihak

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 156
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-1
แงงงงงงงง แพนนนนน โอ๊ยยย สงสารทั้งสองเลยยย ฮื่ออออออ ค้างงงงงงง

ออฟไลน์ panpang

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 497
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-1

ออฟไลน์ farfarneenee

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 365
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-1
งืออออออ อย่าเอาแพนไปนะะะะ  :ling1: :ling1:

ออฟไลน์ Jaokhaclub

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 19
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
ตอนก่อนจบที่ติน ตอนนี้จบที่แพน
ไรทททททททท์ ขออีกตอนนนนน ฮึกๆ :sad4:

ออฟไลน์ double9JH

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1809
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-7
 :hao5: แงงงงงง

เศร้าเลยยยยย :mew2:

ออฟไลน์ wutwit

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 259
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-2
ขอให้แพนเปลี่ยนจากเทพกลายมาเป็นมนุษย์ปกตินะ ...

ออฟไลน์ Readyaoi

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 212
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-1
ค้างมากมายย  แงง

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด