♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ส่งท้าย♣+แจ้งข่าว}13/01/61 P.16 จบ
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ส่งท้าย♣+แจ้งข่าว}13/01/61 P.16 จบ  (อ่าน 150928 ครั้ง)

ออฟไลน์ เป็ดอนุบาล

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1405
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-2
ละมุนมากค่ะอยากอ่านจิมกับกายบ้างจังค่ะ

ออฟไลน์ dino94

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 33
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
ไม่ผิดจากที่คิดแต่ไม่หายไปเลยนี่ขำ555555 :katai2-1: :hao6:

ออฟไลน์ didididia

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 371
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-1
ตินคนขี้หึง555555 :m20:
สวีทกันไม่เกรงใจเลย เขินไปหมดแล้วจ้า :-[ :L1:

ออฟไลน์ labelle

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2685
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-0
แพนเป็นคนปกติแล้วจริงด้วย เริ่มเปลี่ยนไปทีละน้อย จนหมดพลัง
แพนน่ารักมากเลยค่ะ เป็นเทพไม่โกหกอะเนาะ เลยไม่เนียน 5555
ตินก็ทำซื่อไปอีก กลัวแพนน้อยใจ แล้วทำหวานกันแต่เช้านะ เขินเลยอะ

เป็นแฟนกันอย่างเป็นทางการแล้วนะ

ออฟไลน์ КίmY

  • BJYX♥
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1715
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-3
โง้ยยยยย พี่ติณคนโหดหายไปไหนแล้วนะ  :hao6:

ออฟไลน์ janehh

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 253
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-1

ออฟไลน์ SaJung13

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1060
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +76/-1
แพนนี่น่ารักจริงๆ ไม่แปลกที่ตินจะหลงรัก

ออฟไลน์ gayraygirl

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3014
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +206/-3
อยากให้แพนเป็นเทพด้วยอ่ะ

ออฟไลน์ nicedog

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 588
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +366/-0
สัมผัส{❤}ครั้งที่22



“ฮืม...เพราะแบบนั้นนายเลยกำลังจะกลายเป็นมนุษย์สินะ”เสียงของเทพแห่งฤดูใบผลิเซ็นเง็นหรือเซ็น เพื่อนสนิทของผมเอ่ยขึ้นพลางยกแก้วชาขึ้นมาจิบ ขาข้างหนึ่งถูกยกขึ้นนั่งไขว่ข้างราวกับเป็นเจ้าของสถานที่ ส่วนตินที่เป็นเจ้าของตัวจริงก็นั่งจิบกาแฟอยู่ข้างผมโดยไม่พูดอะไร


เมื่อช่วงสายที่ผ่านมาทั้งผมและตินเตรียมจะออกไปข้างนอกทว่ากลับมีร่างของเซ็นลอยเข้ามาทางระเบียง สาเหตุที่เซ็นมาก็เพราะเป็นห่วง แน่นอนว่าพอเห็นผมอยู่ในสภาพนี้ก็ต้องมีการอธิบายเรื่องราวที่เกิดขึ้นสักหน่อย


และพอเล่าจบก็เป็นอย่างที่เห็น


“อืม”ผมพยักหน้าตอบอีกฝ่ายกลับไป ที่น่าสนใจคือแม้ผมจะใกล้กลายเป็นมนุษย์ปกติแต่กลับสามารถมองเห็นเซ็นในร่างเทพได้ต่างจากตินที่ไม่สามารถมองเห็นจึงต้องให้เซ็นอยู่ในร่างมนุษย์แทน


“งั้นข้อห้ามที่ว่าก็เป็นจริงสินะ...เพียงแค่ไม่คิดว่าความหมายของคำว่าจะหายไปจะเป็นในรูปแบบนี้”เซ็นพูดโดยที่ดวงตาสีทองสว่างจ้องมายังร่างผมที่อยู่ฝั่งตรงข้าม


“มองมากไปแล้ว”เสียงทุ้มของบุคคลที่นั่งเงียบมาตลอดดังขึ้นพร้อมกับดวงตาสีฟ้าสดที่จ้องเขม็งไปยังเซ็น


“อะไรๆ...ทำเหมือนหวง จะบอกว่าเป็นแฟนอีกรึไง”


“ใช่...แพนเป็นแฟนฉัน”ตินตอบกลับด้วยน้ำเสียงนิ่งๆ


“คิก...ยังพูดอะไรแบบนี้อีก จริงอยู่ที่จินกำลังจะกลายเป็นมนุษย์แต่ไม่ได้หมายความว่าเขาตกลงจะเป็นนายสักหน่อย เนอะจิน”เซ็นพูดจบก็หันมาขอความเห็นผม


“เรื่องนั้นน่ะ...คือผมตกลงแล้วล่ะ”ผมตอบเซ็นไปตามตรง


“...ตกลงอะไร?”เซ็นนิ่งไปสักพักก่อนจะถามกลับมา


“ก็...ตกลงเป็นแฟนตินไง”


“จิน”


“...อะไร”เสียงเรียกดังลั่นนั่นทำเอาผมถึงกับสะดุ้ง


“ก็รู้ว่านายรักมนุษย์นี่...แต่ยอมคบง่ายๆแบบนี้มันไม่ดีนะ”


“ไม่ดีเหรอ...จริงเหรอติน?”ผมหันไปถามคนข้างกายแทน


จะว่าไปการที่ผมรีบตอบตกลงมันก็ดูเหมือนง่ายจริงๆนั่นแหละ แต่ผมก็ไม่เข้าใจว่าจะทำให้ยากไปทำไมในเมื่อยังไงความรู้สึกผมมันก็ไม่เปลี่ยนแปลง


“เชื่อที่หมอนั่นพูดเหรอ”


“ก็...เชื่ออยู่นะ”ยังไงเซ็นก็เป็นเพื่อนสนิทของผม


“ฉันก็ไม่รู้หรอกนะว่ามันจะง่ายหรือยาก...ที่รู้คือยังไงความรู้สึกเราก็เหมือนกันเพราะงั้นการจะเป็นแฟนกันก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร”ตินบอก


“ไม่ๆๆ...ที่ฉันพูดคือก่อนที่นายจะเป็นแฟนกับจินได้เคยบอกชอบรึยัง”เซ็นพูดพร้อมกับชี้นิ้วใส่หน้าติน


“บอกแล้ว”


“...”ผมนั่งพยักหน้าเงียบๆ ตินเคยบอกแล้วจริงๆนั่นแหละ


“แล้วพาไปเดทล่ะ?”


“พาไปแล้ว”


“...”ใช่ๆ พาไปสวนพฤกษาศาสตร์


“งั้นบอกรักล่ะ?”


“ทำไปแล้ว”


“ขอคบล่ะ?”


“ขอแล้ว”ถึงตินจะตอบทุกคำถามแต่สังเกตก็รู้ว่าหน้าตินกำลังตึงขึ้นเรื่อยๆ


ยังไงนิสัยตินก็ไม่ชอบให้ใครมายุ่งเรื่องส่วนตัวอยู่แล้ว ไม่แปลกที่จะไม่อยากบอกอะไรพวกนี้


“อะไรเนี่ย งั้นๆ จูบรึยัง”


“...จูบแล้ว”นิ่งไปสักครู่ตินก็จะตอบกลับไป คำตอบนั่นทำให้คนถามอย่างเซ็นถึงกับเบิกตากว้างแล้วหันควับมามองผมที่หน้าแดงขึ้นเล็กน้อย


“จริงเหรอเนี่ย...ขอคำถามสุดท้าย”เซ็นลุกขึ้นจากโซฟาพร้อมกับชูนิ้วขึ้นมา1นิ้ว


“รีบๆว่ามา”ตินบอกพลางยกแก้วกาแฟขึ้นมาจิบ


“ถ้าจูบแล้ว...งั้นทำกันรึยัง”


กึก


คำถามของเซ็นทำให้มือตินที่ถือแก้วอยู่ถึงกับชะงักแล้วเงยหน้าขึ้นไปหาเซ็นด้วยแววตาที่ผมอ่านไม่ออกผิดกับเซ็นที่เห็นท่าทางของตินแล้วยกยิ้มเจ้าเล่ห์ขึ้น


“หึหึ...ยังสินะ”


“ไม่เกี่ยวกับนาย”ตินตอบเสียงเรียบ


“หึหึ...ทำไม่เป็นก็พูดมา”


“บอกใครทำไม่เป็น?”ตินที่ได้ยินถึงกับหรี่ตาลงอย่างเคืองๆ


“บอกมนุษย์แถวนี้แหละ”


“เอ่อ...ขอโทษที่ต้องแทรกนะ คือที่ว่าทำนี่...คือทำอะไรเหรอ?”ผมค่อยพูดแทรกทั้งคู่ที่ทำท่าเหมือนกำลังจะกัดกันด้วยความเรียบร้อย ถ้ายกมือขออนุญาตได้คงทำไปแล้ว


“ฮะ?...เฮ้ยๆๆ...นี่นายอย่าบอกนะว่าไม่รู้ว่าสิ่งที่พวกฉันคุยอยู่คืออะไรน่ะ”เซ็นหันมาถามผมด้วยน้ำเสียงอึ้งๆ


“ก็ไม่รู้น่ะสิ”ถ้ารู้จะถามทำไม


“โอ้...เทพเจ้า ไม่สิ...ฉันนี่หว่าเทพเจ้าน่ะ...”ดูเหมือนเซ็นจะตกใจมากถึงขนาดพูดผิดพูดถูกแม้แต่ตินเองยังมองมาอย่างไม่เชื่อสายตา


 “...”ผมทำอะไรผิดเนี่ย


แค่ไม่รู้มันผิดขนาดนั้นเลยรึไง


“เอางี้นะจิน...ทำ ที่ว่าคือขั้นกว่าของจูบไง”เซ็นอธิบาย


“ขั้นกว่าของจูบ?”ยิ่งไม่เข้าใจเข้าไปใหญ่


“ยากไปงั้นสิ...งั้นนายรู้ไหมว่ามนุษย์มีลูกกันได้ยังไง?”


“รู้สิ...ลูกเกิดจากมนุษย์2คนที่มีความรักอันลึกซึ้งต่อกัน”ผมตอบออกไปทันที เรื่องนี้ผมรู้


“แล้วความรักอันลึกซึ้งคืออะไรล่ะ?”


“...ไม่ใช่ว่าพอชายหญิงรักกันแล้วจะมีเองเหรอ?”ผมคิดก่อนตอบ แต่ในกรณีผมกับตินยังไงก็มีลูกไม่อยู่แล้ว


“...ฉันลืมไปได้ยังไงเนี่ยว่าวันๆนายก็เอาคลุกอยู่กับต้นไม้ไม่ก็น้ำตก เวลาว่างก็แอบไปกินของเซ่นไหว้ในครัว...จะออกไปดูมนุษย์ทีก็เฉพาะเวลาเทศกาล...ฉันขอโทษนะจินที่ไม่รู้ว่านายจะไม่รู้อะไรเลยแบบนี้”ระหว่างพูดเซ็นก็เข้ามาจับไหล่ผมพร้อมทำหน้าเหมือนกำลังร้องไห้


“ฮะ?...ไม่รู้คืออะไรเล่า”


“ก็วิธีสืบพันธ์ของมนุษย์ไง”คำพูดของเซ็นทำเอาผมเบิกตากว้างขึ้นเมื่อนึกขึ้นได้ว่าเคยรู้เรื่องนี้มาก่อนแต่เพราะไม่สนใจเลยไม่ได้จำ


จะว่าไปเรื่องลูกนั่นก็เป็นหนึ่งในเรื่องการสืบพันธ์ของมนุษย์นี่นา


ทำไมพึ่งมานึกออกกัน


แปลว่าทำที่สองคนนี้พูดกันก็คือ...


“พูดอะไรลามก!!”ผมตะโกนขึ้นด้วยใบหน้าแดงก่ำ


“อุ๊บ...ฮะฮะฮะ พึ่งมารู้เนี่ยนะ ยังดีที่เหมือนจะรู้อยู่บ้างไม่งั้นนายแย่แน่ติน”หัวเราะเสร็จก็หันไปคุยกับตินต่อ


“ก็ไม่ได้แย่ ดีซะอีก”


“อ้อ...แต่แบบนี้คงต้องสอนกันยาวเลยล่ะ”


“แล้วทำไม?”


“เปล่านี่...ยังไงจินก็รักนายไปแล้วฉันจะทำอะไรได้ล่ะ แต่ถ้าดูแลไม่ดีฉันมารับจินไปแน่”ดวงตาสีทองสว่างที่ประสานกับดวงตาสีฟ้านั่นแสดงถึงความเอาจริงในสิ่งที่พูดออกไป


“หึ...ไม่มีวันนั้นหรอก”


“แบบนั้นก็ดี...โอ๊ะ...ป่านนี้แล้วเหรอ ฉันต้องไปละนะจิน...ดูแลตัวเองแล้วก็ถ้าว่างก็ไปหาพวกไดจิกับฉันที่ศาลเจ้าได้นะ”


“เซ็นตอนนี้อยู่ที่ศาลเจ้าคิตากามิเหรอ”ที่ผมถามออกไปเพราะก่อนหน้านี้เซ็นเป็นเทพที่ไม่อยู่กับที่เดินทางไปเรื่อยๆ จะได้เจอกันทีก็ปีละสองสามครั้งเท่านั้น


ไม่อยากเชื่อว่าเซ็นจะยอมอยู่เป็นที่ได้


“อืม...ที่นั่นก็ไม่เลว มิโกะก็งาม สาวๆก็เด็ด”


“เซ็น”


“พูดเล่นน่า...ฉันขอตัวดีกว่า อ้อ ได้ยินมาว่าครั้งแรกเจ็บเจียนตายระวังหน่อยนะ”ประโยคสุดท้ายถูกกระซิบข้างหูเบาๆก่อนที่เซ็นในร่างมนุษย์จะกลับร่างเทพแล้วจากไป


“...”เจ็บเจียนตายงั้นเหรอ


หมายถึงผม...


ฮะ?


“แพน...หมอนั่นพูดอะไร?”ตินถามหลังจากที่เซ็นหายตัวไปสักพัก


“เปล่านี่”ผมส่ายหัวเป็นคำตอบกลับไป


“แน่ใจนะ”


“อืม...ว่าแต่เราจะออกไปไหนกันไม่ใช่เหรอ?”ผมเปลี่ยนเรื่องเพราะจำได้ว่าตินบอกจะพาไปที่ไหนสักแห่ง


ถามไปตั้งหลายรอบแล้วแต่ตินก็บอกแค่รอไปดูเอง


“นั่นสิ...ไปเถอะ...ฉันเรียกกายกับจิมแล้ว”ตินหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาพิมพ์เพียงไม่นานก็เก็บไว้ในกระเป๋าตามเดิม


“อืม”


ผมเดินตามตินออกไปนอกห้อง ทั้งกายและจิมต่างก็มายืนรออยู่แล้ว...พวกเราทักทายกันเล็กน้อยก่อนที่จะลงไปยังลานจอดรถ ไม่นานรถสีดำเงาก็แล่นไปตามถนนที่มีการจราจรค่อนข้างติดขัดเพราะเป็นช่วงบ่ายของวันหยุดสุดสัปดาห์


เส้นทางที่ขับผ่านเหมือนจะคุ้นแต่ก็ไม่คุ้น เรียกว่าจำได้รางๆว่าเคยมาแต่จำไม่ได้ว่าไปไหนกันแน่


“ติน...เราจะไปไหนกัน?”ผมถามเป็นครั้งที่ร้อยได้แล้ว


“รอดู”


“ก็ตอบแบบนี้ตลอด...จิม เราจะไปไหนกันเหรอ?”เมื่อถามตินไม่ได้ผมก็เปลี่ยนเป้าหมายไปถามคนที่คาดว่าน่าจะตอบผมได้มากที่สุด


“เอ่อ...ถ้าคุณตินไม่บอกผมก็บอกไม่ได้หรอกครับ”จิมตอบพร้อมกับส่งยิ้มบางๆมาให้


“...”ผมพิงหลังเข้ากับเบาะรถแรงๆพร้อมกับพองลมในแก้มเพื่อแสดงให้ทุกคนเห็นว่าตอนนี้ผมไม่พอใจอย่างแรง


“หึ...”การกระทำผมนอกจากทุกคนจะไม่เข้าใจแล้วตินยังส่งเสียงหึออกมาอีก แถมไม่ได้มาแค่เสียงแต่นิ้วชี้เองก็จิ้มมายังแก้มผมหลายๆรอบ


“สนุกเนอะ”


“อืม สนุกดี”


“ผมประชด”นี่ไม่รู้หรือแกล้งไม่รู้กันเนี่ย


“หึ...จะถึงแล้ว”


“ไหนๆ”ผมรีบเปลี่ยนเป้าหมายจากตินไปยังกระจกรถด้านข้างแทน ทันทีที่รถเลี้ยวไปยังประตูรั้วสีทองอร่ามดวงตาสีเขียวอ่อนของผมก็เบิกกว้างขึ้น


คฤหาสน์ขนาดยักษ์ที่ถูกล้อมรอบด้วยรั้วสีทองและการรักษาความปลอดภัยชั้นยอดนั้นทำให้ผมรู้ทันทีว่าที่นี่คือที่ไหน สวนสีเขียวสุดกว้างกับทางเดินรถที่ถูกปูด้วยแผ่นหินสีสว่างรวมถึงตัวคฤหาสน์ขนาดใหญ่อันหรูหรานั่นผมเคยมาเยือนเมื่อตอนอยู่กับตินใหม่ๆ


“ติน...ที่นี่มัน...”


“พอจะเดาได้ใช่ไหม...”


“ไม่ต้องเดาก็รู้น่า ทำไมไม่บอกกันก่อนเล่า”ผมหันไปบ่นคนข้างกายที่ยังคงนั่งนิ่งๆราวกับไม่รู้สึกอะไรที่ได้เห็นคฤหาสน์อันใหญ่โตนี่


อ่า...ลืมไปเลยว่าตินเติบโตมาที่นี่ คงเห็นจนชินแล้วละมั้ง


“ถ้าบอกแล้วนายจะ?”


“...”ผมได้แต่เม้มปากแน่เพราะไม่รู้ว่าจะตอบอะไรกลับไป


นั่นสิ ต่อให้บอกผมก็คงไม่ได้เตรียมตัวอะไรอยู่ดี


“เอาเถอะ...ฉันขอโทษที่ไม่ได้บอก”พูดจบตินก็ยกมือลูบหัวผมไปมาเบาๆก่อนจะออกแรงขยี้จนผมต้องหันหลบสัมผัสนั่น


“บอกแล้วไงว่าอย่าขยี้แบบนั้น มันฟูหมดแล้วเห็นไหม”ผมรีบใช้มือจัดผมตัวเองให้เข้าที่อย่างด่วนๆ


“หึ...ลงมาได้แล้ว”ยังไม่ทันได้จัดผมรถยนต์สีดำสนิทก็จอดลงพร้อมกับตินที่เปิดประตูลงไป


“รอผมด้วยสิ”เพื่อไม่ให้หลงผมก็เลยต้องรีบวิ่งตามอีกฝ่ายลงไป


พวกเราเดินเข้ามาภายในตัวคฤหาสน์เงียบๆ ขนาดผมที่มักจะพูดไม่หยุดยังต้องเงียบเมื่อเจอกับบรรยากาศอันหรูหราตรงหน้า พื้นกระเบื้องสีเหลืองนวลเปล่งประกายระยิบระยับสร้างมูลค่าให้บ้านหลังนี้เพิ่มขึ้นอีกเป็นกอง ทุกรั้งที่ก้าวเดิมผมก็อดไม่ได้ที่จะเหลียวหลังไปมองว่าผมเดินแรงไปรึเปล่า


ถ้าเกิดทำเป็นรอยต่อให้เป็นคนใช้สัก10ปีก็คงยังใช้หนี้ไม่หมด


“สวัสดีครับ พ่อ แม่...คินด้วย”เมื่อเดินไปถึงห้องโถงตินก็เอ่ยทักทายกับบุคคลภายใน กายและจิมเองก็เดินเข้าไปแล้วติดแค่ผมที่ใช้ตินเป็นกำแพงแล้วค่อยๆโผล่หน้าออกมาเจอครอบครัวของติน


สำหรับคินผมไม่ค่อยเกร็งหรอกแต่กับพ่อแม่ตินนี่สิ


“...สวัสดีครับ ผมชื่อแพน ยินดีที่ได้รู้จักนะครับ”ผมแนะนำตัวโดยที่ยังใช้ร่างตินบังตัวเองไว้อยู่


“จะหลบทำไม...ออกมาเลย”ตินที่เห็นผมเกาะหลังไม่ปล่อยพยายามดึงผมให้ออกมา


“ไม่ๆๆ...เพราะคุณแหละไม่ยอมบอกว่ามานี่ผมเลยยังไม่ได้เตรียมใจเลย”ถ้าตอนนี้ผมยังมีพลังอยู่ก็คงจะกลับร่างเทพแล้วลอยไปมาแทนที่ต้องมายืนเกร็งแบบนี้


“แค่เจอครับครัวฉันมันจะต้องเตรียมใจอะไร...ออกมา”ตินบ่นด้วยเสียงที่ดังขึ้นเล็กน้อยก่อนจะคว้าแขนผมหมายจะดึงให้หลุดแต่ด้วยความพยายามส่วนตัวผมเลยใช้มืออีกข้างกอดเอวตินไว้แน่น



มีต่อค่ะ

ออฟไลน์ nicedog

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 588
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +366/-0
ต่อนะคะ



พวกเราใช้กำลังยื้อกันอยู่สักพักก่อนที่ผมจะเป็นฝ่ายหมดแรงถูกอีกฝ่ายจับให้มายืนต่อหน้าครอบครัวที่มองมาด้วยแววตาขบขันจนผมต้องหันไปส่งสายตาเคืองๆให้ติน


สภาพผมตอนนี้มันน่าดูนักรึไงโดยเฉพาะหัวที่ถูกขยี้จนฟูเหมือนรังนกเนี่ย


“คนใจร้าย”


“ก็จำไม่ได้ว่าเคยบอกว่าใจดี”ตินย้อยกลับด้วยใบหน้านิ่งๆ


“คุณทำแบบนี้กับแฟนตัวเองได้ยังไง”


“ก็เพราะเป็นแฟนถึงพามาแนะนำอยู่นี่ไง”


“จะพามาก็น่าจะบอกก่อน แล้วนี่อะไรเล่นมาขยี้หัวผมจนฟูไปหมด สภาพแบบนี้มันน่าให้คนอื่นดูไหมเล่า”ผมยังคงหันไปบ่นด้วยน้ำเสียงเคืองๆ


“ก็ไม่เห็นจะต่างจากเดิม”


“ตาตี่ยังไม่พอยังตาถั่วอีก”


“ว่าไงนะ”ตินหันมามองหน้าผมอย่างเอาเรื่อง


“ก็ว่าคุณไงติน”


“แพน”


“ติน”


“อะแฮ่ม...แม่ว่าเราควรจะดีๆกันไว้ดีกว่านะ”เสียงของผู้หญิงเพียงหนึ่งเดียวในห้องรับแขกพูดขึ้นด้วยรอยยิ้ม


ตายล่ะ ลืมไปเลยว่าไม่ได้อยู่คนเดียว


เผลอทะเลาะกันต่อหน้าครอบครัวตินซะได้


“...เพราะคุณนั่นแหละ”ผมอดไม่ได้ที่จะบ่นเพิ่ม


“หึ”ทำหน้าสะใจเสร็จก็เดินไปนั่งที่โซฟาปล่อยให้ผมยืนอยู่ตามลำพัง


“ติน...แล้วผมต้องทำยังไง”ผมรีบเอ่ยถาม


นี่ผมต้องยืนแบบนี้เหรอ


“คิดเองสิ”


“ติน...หยุดกวนสักนาทีจะตายรึไง”ตอนนี้ผมซีเรียสนะ


“หึ...ถ้าไม่อยากยืนก็มานี่”ฝ่ามือที่ตบลงบนโซฟานั่นทำให้ผมรีบเดินเร็วไปนั่งตัวรีบติดตินด้วยความเร็วสูง


งามหน้ามากเลยผม


ทำเรื่องหน้าอายลงไปซะเยอะด้วย


ขอย้อนเวลากลับไปแก้ใหม่ได้ครับครับพระเจ้า


“เป็นคนที่แปลกดีนะ”พ่อของตินพูดพลางมองมายังผมที่ขยับเข้าไปติดตินมากขึ้น


ที่ว่าแปลกนี่คือคำด่าหรือคำชมครับ


“เห็นด้วยเลยค่ะ...แต่ที่แปลกกว่าคือลูกเรา”ฝ่ายภรรยาก็หันไปพูดกับสามี


“นั่นสิ...พึ่งเคยเห็นทำหน้าแบบอื่นนอกจากหน้านิ่งๆแถมยังเถียงกันแบบนั้นอีก”


“เรายังไม่ได้แนะนำตัวเลยเนอะ เรียกฉันว่าแม่ก็ได้นะ...ได้ยินเรื่องของเรามาจากตาคินแล้วล่ะ”


“ผมพูดไม่ผิดเลยใช่ไหมครับ...คนนี้น่ะเป็นคนที่ทำให้พี่เปลี่ยนไป นอกจากจะนิสัยดีแล้วยังร่าเริงเหมาะกับพี่สุดๆ”คินเองก็รีบพูดสมทบ


“ก็เหมาะจริงๆแหละ...หนูแพนอายุเท่าไหร่เอ่ย”คำถามจากมารดาทำเอาผมต้องเงยหน้าขึ้นไปสบตาตินเพื่อหารือ


จะให้บอกตามจริงว่า300ปีก็ไม่ได้อีก


“จะ30แล้วครับ”ตินเป็นฝ่ายตอบแทน


“ฮืม?...หน้าเด็กจังเลยนะ แม่นึกว่าประมาณ25”


“ขอบคุณครับ...คุณแม่เองก็ดูไม่เหมือนผู้หญิงที่จะมีลูกแก่ขนาดนี้นะครับ”ผมจงใจย้ำว่าแก่ให้ตินได้ยินชัดๆ


“แหม...น่ารักจริงเชียว ตอนไปทำธุรกิจก็มีหลายคนบอกอยู่หรอกแต่คนในครอบครัวกลับไม่มีใครพูดเลย...หนูแพนมาเป็นลูกรักแม่มา”คุณแม่พูดพร้อมรอยยิ้มกว้าง ถ้าลองสังเกตจะเห็นว่าใบหน้าออกแดงเล็กน้อยด้วย


“อ้าว แม่ครับ...พึ่งเจอไม่ถึง10นาทีจะให้เป็นลูกรักแล้วเหรอครับ”คินถึงกับประท้วง


“ของแบบนี้ไม่ได้ขึ้นอยู่กับเวลานี่นา”คุณแม่พูดต่อ


“พ่อครับ...ช่วยผมหน่อย ตำแหน่งลูกรักผมกำลังโดนยึดครอง”คินหันไปขอให้พ่อช่วย


“เห็นว่าเธอเป็นลูกเสี้ยวสินะ”ครั้งนี้เป็นฝ่ายคุณพ่อที่ถาม


“ใช่ครับ”


“อยู่ต่างประเทศมาตลอดเลยเหรอ?”


“ครับ”ผมพยักหน้าตอบ


“สถานที่ที่ชอบไปล่ะ”


“ผมชอบพวกต้นไม้กับดอกไม้...เวลาส่วนมากของผมจะอยู่กับการซึมซับบรรยากาศเหล่านั้นและถ้ามีเวลาว่างก็จะไปพวกน้ำตก”ผมบอกออกไปตามความจริง


“เคยไปสวนพฤกษศาสตร์คิวที่กรุงลอนดอนรึเปล่า”


“ไม่เคยไปครับ”


“ที่นั่นเป็นสวนที่มีชื่อเสียงที่สุดแห่งหนึ่งของโลกเพราะนอกจากจะมีพรรณไม้มากมายแล้วยังมีการแบ่งโซนทั้งหมด8โซนโดยแต่ละโซนก็จะมีทั้งสิ่งปลูกสร้างและพรรณไม้ที่แตกต่างกัน  ปัจจุบันสวนคิวเป็นสวนที่มีต้นไม้สะสมจากทั่วโลกมากที่สุด นอกจากจะมีต้นไม้สะสมมีมากกว่า 30,000 ชนิดแล้วยังมีหอพรรณไม้ใหญ่ที่สุดในโลกและมีภาพวาดของต้นไม้มากกว่า 175,000 ภาพ อยากไปไหม?”ดวงตาสีฟ้าของคุณพ่อจ้องมาขณะถามผมที่กำลังทำตาเป็นประกาย


คำตอบงั้นเหรอ


ถึงไม่บอกก็น่าจะรู้นะ


“อยากครับ...อยากสุดๆเลยด้วยครับ”ผมตอบเสียงดังฟังชัด ท่าทางกระตือรือร้นของผมทำให้พ่อของตินยิ้มกว้างขึ้น


“ไว้จะพาไปนะลูกรัก”แล้วคุณพ่อก็ให้ผมเป็นลูกรักอีกคน


“ครับ”


“เฮ้ยๆ...เดี๋ยวสิพ่อ ไหง๋แพนกลายเป็นลูกรักพ่ออีกคนเล่า”คินที่ฟังอยู่ถึงกับลุกขึ้นยืนถามพ่อของตัวเอง


“มีลูกตั้งสองคนแต่คนแรกกลับอยู่แต่บริษัทกับแฟ้มเอกสาร ลูกคนที่สองก็เอาแต่เล่นเกมไม่เคยจะรับคำชวนเวลาพ่อจะพาไปศึกษาธรรมชาติเลยสักนิด...แต่ไม่เป็นไรตอนนี้พ่อมีคนที่จะไปด้วยแล้ว เนอะแพน”คุณพ่ออธิบายก่อนจะส่งยิ้มมาให้ผม


“แน่นอนครับ...ผมอยากไปสวนที่เล่ามาสุดๆเลย”ที่ทำอยู่ไม่ใช่การประจบแต่เป็นการพูดความจริงล้วนๆ


ต่อให้ไม่ใช่เทพอีกต่อไปแล้วผมก็ยังรักและชอบเล่าพืชพรรณและดอกไม้อยู่ดี


“ดี...งั้นฉันไปจองตั๋วเครื่องบิน...”


“ไม่ค่ะคุณ...ฉันจะพาหนูแพนไปชอปปิ้งที่ปารีส”คุณแม่ค้านเสียงแข็ง


“เขาอยากไปสวนคิวกับผมคุณก็ได้ยินนี่”


“ถึงอย่างนั้นก็เถอะ หนูแพนไปปารีสกับแม่ไหม ที่นั่นก็มีสวนพฤกษาศาสตร์เหมือนกันนะ”


“ได้สิครับ”ผมขานรับด้วยรอยยิ้มทันที่ได้ยินว่ามีสวนพฤกษาศาสตร์


“อย่าเอาของมาล่อเด็กสิคุณ”คุณพ่อหันไปบ่นแม่


“ล่อที่ไหนกัน ฉันพูดความจริงต่างหาก...ที่ปารีสเองก็มีสวนเหมือนกัน”


“คุณเหนื่อยง่ายนี่ เดินแค่15นาทีก็ต้องพักแล้ว...ไปสวนทั้งทีเอาแต่พักจะได้อะไรล่ะ แพน...เธอมากับฉันดีกว่า”และแล้วทั้งสองคนก็เริ่มทะเลาะกันด้วยผมเป็นสาเหตุ


“พอทั้งคู่แหละ”เสียงของตินทำให้พ่อและแม่ต่างเงียบลง


“อะไรตาติน?”


“ผมไม่คิดจะให้แพนไปกับใครทั้งนั้นแหละ...เขาเป็นของผม”ตินพูดพลางโอบเอวผมให้ขยับเข้าไปใกล้


“แม่ก็ไม่ได้แย่งลูกนี่ แค่ขอยืมตัวไปสัก2เดือน...”


“แค่2วันผมก็ไม่ให้”


“นี่ลูกเรากลายเป็นเด็กขี้หวงตั้งแต่ตอนไหนเนี่ย”คุณแม่หันไปถามสามีที่อยู่ข้างๆ


“เรื่องนี้ก็ไม่รู้เหมือนกัน...ไม่แน่ว่าอาจขี้หวงตั้งแต่แรกแล้วก็ได้”


“นั่นสิ...ที่ผ่านมาไม่เคยรู้เพราะไม่มีสิ่งที่ทำให้หวงได้จริงๆสินะ”


“คนนี้จริงจังใช่ไหมติน?”คุณพ่อถามพร้อมกับสบตากับติน


“แน่นอนครับ...อีกอย่าง ผมก็ไม่เคยมีคนก่อนหน้านี้ด้วย”


“หึ...ลูกชายฉันคงทำให้เธอปวดหัวน่าดูเลยนะ”คุณพ่อยิ้มก่อนจะหันมาคุยกับผม


“สุดๆเลยครับ...คุณพ่อรู้ไหมว่าตินน่ะดื้อสุดๆเลย”


“ฉันไม่เคยเห็นเขาดื้อเลยนะ”


“จริงนะครับ...ทุกๆวันผมต้องคอยบอกว่าตินกินข้าว ต้องบังคับของบังคับเขาถึงจะยอมกิน”ได้โอกาสผมก็ฟ้องไม่หยุดแม้ว่ามือที่โอบเอวผมจะเริ่มเปลี่ยนมาเป็นบิดเอวแล้วก็ตาม


“อย่าอยู่ในโลกส่วนตัวสิครับ...นี่ผมกลายเป็นหมาหัวเน่าไปแล้วเหรอ?”คินที่นั่งเงียบมาตลอดตะโกนถามขึ้น


“แหม...แม่ก็ล้อเล่นไปงั้นเอง อย่างอนเลยพ่อลูกชาย เดี๋ยวมื้อเย็นแม่จะจัดให้เต็มที่เลยเอาอะไรกันดีล่ะ”คุณแม่หันไปถามคินเป็นคนแรก


“ขอต้มย้ำครับ...แล้วก็อยากกินสตูด้วย”คินตอบ


“สตูทำตอนนี้จะทันไหมนะ...แม่ละลองดูนะ แล้วคุณเอาอะไรดีคะ?”


“ผัดผงกระหรี่กับผัดฉ่าก็ดี”


“ได้ค่ะ...แล้วตินล่ะ?”คุยกับคุณพ่อเสร็จก็หันมาถามตินต่อ


“ผมอะไรก็ได้...แพนจะกินอะไร?”ตินหันมาถามผมบ้าง


“ผมกินได้ทุกอย่างครับ ยังไงฝีมือคุณแม่ก็ต้องอร่อยสุดๆอยู่แล้ว”ผมพูดพร้อมยิ้มกว้าง


“อุ๊ย...พูดแบบนี้แม่จะทำสุดฝีมือเลย”


“พี่ติน...แฟนพี่กำลังจะแย่งตำแหน่งผมแล้ว”คินฟ้องตินด้วยใบหน้าอมยิ้ม


“หึ...ก็แย่งคืนซะสิ”


“พูดเหมือนง่ายเลยเนอะ”


“ก็ไม่ได้ยากอย่างที่คิดหรอก จะว่าไปเรื่องอาริศาเป็นไงบ้าง”ตินเปลี่ยนเรื่องพร้อมกับเงยหน้าขึ้นไปสบตากับน้องชายที่ลุกขึ้นมานั่งยังโซฟาตัวเดียวกัน


“ตอนนี้กำลังจีบอยู่...ดูเหมือนว่าเธอเริ่มสนใจผมหน่อยๆแล้วด้วย”คินตอบด้วยร้อยยิ้มกว้าง


“ก็ดี”


“ดีสุดๆเลยพี่ ผมกะว่าวันหยุดนี้จะพาไปเดทที่สวนสนุกสักหน่อย พี่ว่าเป็นไง?”


“เสียงดัง น่ารำคาญ”ตินตอบแบบไม่ต้องคิด ผมที่ฟังอยู่ถึงกับส่ายหน้าเบาๆ...คินถามผิดคนแล้ว สำหรับตินสถานที่ที่มีคนเยอะๆเป็นสิ่งที่ตินไม่ชอบที่สุด


“มันเป็นที่เดทขึ้นชื่อเลยนะ แล้วตอนพี่พาแพนไปเดท พาไปไหนล่ะ?”คินถามบ้าง


“สวนพฤกษาศาสตร์”


“...ก็ดูเหมาะกับคู่พี่ดีนะ คนนึงไม่ชอบคนเยอะๆอีกคนชอบต้นไม้...เป็นสถานที่ที่ลงตัวดี”


“ไม่ต้องมาพยายามชมคิน”ดูจากคำพูดของคินตินคงรู้แล้วล่ะว่าอีกฝ่ายกำลังพยายามหาคำชมอยู่


“แหม...ก็ไม่ได้พยายามอะไรสักหน่อย...ฮืม?”ระหว่ากำลังพูดคุยกันอยู่โทรศัพท์ของคินก็สั่นทำให้เจ้าของอย่างคินขอตัวออกไปรับ พอกลับเข้ามาก็บอกว่ามีเรื่องต้องรีบทำแต่จะกลับมาให้ทันข้าวเย็น


เพราะเหตุนั้นตินก็พาผมออกมาเดินเล่นระหว่างที่คุณแม่เข้าไปเตรียมอาหารอยู่ในครัว บรรยากาศของสวนอันเต็มไปด้วยต้นไม้ทำให้ผมรู้สึกดีจนยิ้มออกมาตลอดทาง ไม่ใช่แค่ต้นไม้แต่ยังมีสวนดอกไม้ทั้งดอกกุหลายหรือดอกดาวเรืองช่วยให้การเดินชมสวนมีสีสันมากขึ้น


ผมกับตินเดินด้วยกันแค่ช่วงแลกเพราะตอนหลังมีคุณพ่อเข้ามาสมทบ ดูเหมือนว่าคุณพ่อจะเป็นคนที่รักธรรมชาติมากและต้นไม้ทั้งหมดของที่นี่ก็ได้คุณพ่อนี่แหละเลือกมาจากทั้งในและต่างประเทศด้วยตัวเอง


ผ่านมื้อค่ำแสนอร่อยไปอย่างพร้อมหน้าพร้อมตาและเต็มไปด้วยเสียงพูดคุยตลอดหลายชั่วโมงผมก็ทิ้งตัวลงบนเตียงหลังอาบน้ำเสร็จพลางลูบพุงที่ยื่นออกมาเนื่องมาจากกินมากเกินไป เตียงในห้องของตินยังคงกว้างและนุ่มจนผมกลิ้งไปกลิ้งมาด้วยความสนุกสนาน


แกร็ก


“...ทำอะไรน่ะ?”ตินถามเมื่อเปิดประตูห้องน้ำออกมาแล้วเห็นผมกำลังกลิ้งไปมาบนเตียง


“ออกกำลังกายไง...กินมากไปจนแน่นท้องไปหมดแล้ว”ผมพึมพำก่อนจะพลิกตัวนอนหงาย


“คราวหน้าก็อย่ากินเยอะ อย่าลืมสิว่าตอนนี้นายไม่เหมือนเดิมแล้ว”พูดจบตินก็ขึ้นมาอยู่บนเตียงโดยก้มหน้าลงมาหาผม


ดวงตาสีฟ้าสดจ้องประสานกับดวงตาสีเขียวอ่อนของผมเหมือนกับกำลังจะบอกอะไรบางอย่างแต่ยังไม่ทันได้คิดอะไรก็ถูกริมฝีปากของตินประกบลงมา ความร้อนของการสัมผัสมันสร้างอารมณ์บางอย่างให้เกิดขึ้นอย่างไม่รู้ตัว


“อื้ออ~...”ยิ่งถูกริมฝีปากนั่นรุกเร้าผมก็ได้แต่เชิดหน้าขึ้นเพื่อยอมรับสัมผัสนั้นมากกว่าเดิม ฝ่ามือของตินถกเสื้อผมขึ้นพร้อมกับลูบไล้หน้าท้องแนบราบไปมาสักพักก่อนจะเลื่อนสูงขึ้นมายังแผ่นอก


ร่างของตินขยับมาคร่อมผมไว้ทั้งที่ริมฝีปากเรายังแนบสนิท ไม่นานจูบอันยาวนานก็จบลง...ตินให้ผมได้พักหายใจแต่ไม่ยอมปล่อยเวลาให้เสียเปล่า


“อ๊ะ...อื้ออ~...”ลำคอขาวถูกขบเม้มไล่ลงมาจนถึงแผ่นอกที่กระเพื่อขึ้นลงอย่างเป็นจังหวะตามการหายใจที่ตอนนี้กำลังถี่รัว
สัมผัสที่ไม่เคยได้รับมาก่อนทำให้หัวผมขาวโพลนไปหมด ทุกที่ที่ถูกริมฝีปากขบเม้มและพรหมจูบไปทั่วมันรู้สึกดีราวกับกำลังจะขึ้นสวรรค์


“อ๊า...ติน...ทำอะไร...อ๊ะ...”ผมถึงกับครางลั่นเมื่อตินใช้มือข้างหนึ่งลูบไล้ยังส่วนกลางลำตัวที่กำลังตื่นตัวขึ้นอย่างน่าอาย การลูบไล้นั่นทำเอาแทบไม่รับรู้อะไรนอกจากความรู้สึกดีที่มีมากขึ้นเรื่อยๆ


“ออกกำลังไง...จะได้หายแน่น”ตินบอกพลางยกยิ้มเจ้าเล่ห์


“...ไม่...อย่าขยับมือ...อื้ออ”ยิ่งมือนั้นขยับเร็วขึ้นร่างกายผมก็ตอบสนองโดยการบิดเร้าไปมา สัมผัสอันเปียกชื้นของน้ำลายบนแผ่นอกสร้างความปั่นป่วนให้เพิ่มเป็นทวีคูณ


กางเกงที่สวมใส่ไม่รู้ว่าถูกปลดออกไปตั้งแต่ตอนไหน สิ่งที่รู้คือแรงของมือที่ขยับโดยไม่สนใจเสียงครางห้ามนั่นทำเอาผมสั่นไปทั้งร่าง


“อ๊ะ...ติน...ผม...อึก...หยุดมือ...มันแปลกๆ...”ผมร้องห้ามอีกรอบ ความรู้สึกตอนนี้เหมือนมีอะไรกำลังจะปะทุออกมา


ตั้งแต่เกิดมาไม่เคยรู้สึกแบบนี้มาก่อนเลย


ทั้งที่ใจนึงกลัวแต่พออีกฝ่ายเป็นตินผมกลับรู้สึกดี


“ไม่เป็นไร...ปล่อยออกมา...แพน”น้ำเสียงที่กระซิบบอกมันไม่เหมือนยามปกติ เสียงนั่นมันทำให้ผมหลับตาแน่นแล้วปล่อยตามที่ตินบอก


“อื้ออ~...”อารมณ์ทุกอย่างปะทุออกมาพร้อมกับร่างผมที่กระตุกเล็กน้อย


“แพน...เลิกทำหน้ายั่วเดี๋ยวนี้นะ”ดวงตาสีฟ้ามองมายังร่างที่เปลือยเปล่าของผมด้วยแววตาที่เหมือนสัตว์ร้ายกำลังจ้องตระครุบเหยื่อ


“ผมไม่ได้ทำ...อ๊ะ เจ็บ”ยังไม่ทันพูดจบสัมผัสของนิ้วที่ค่อยๆเข้ามายังช่องทางด้านหลังทำเอาดวงตาสีเขียวอ่อนของผมเบิกกวางขึ้นเพราะความเจ็บที่เด่นชัดขึ้นมา


คำพูดของเซ็นผุดเข้ามาในหัวทันที


ครั้งแรกเจ็บเจียนตาย


“ไม่นะ...ไม่เอา”ผมดิ้นแล้วผลักตินออกไปสุดแรง


ไม่อยากเจ็บ


“แพน...เป็นอะไร?”


“อึก...ไม่เอา...มันเจ็บ...อย่าทำเลยนะ”ผมพยายามร้องขอด้วยร่างกายสั่นๆ


“...แพน”


“เจ็บ...ไม่เอานะติน”


“เข้าใจแล้ว...ไม่ทำต่อก็ได้...แต่ขอแค่ข้างนอกคงได้ใช่ไหม?”คำพูดของตินกำลังจะทำให้ผมยิ้มออกถ้าไม่ติดประโยคต่อมาละก็นะ


“หมายถึงอะไร?...อ๊ะ...”เป็นอีกครั้งที่มือขึ้นตินขยับลูบไล้ส่วนกลางลำตัวผมเพียงแต่ครั้งนี้กลับมีอีกสิ่งที่ร้อนกว่ามือมาสัมผัสแนบชิดด้วย


“อ๊ะ...ร้อน...”อย่าบอกนะว่า...


ของตินเหรอ


“อ่า...แพน...”แรงขยับและเสียดสีกันไปมาสร้างความเสียวซ่านให้เพิ่มขึ้น เสียงอันเต็มไปด้วยอารมณ์ของตินทำให้ผมรู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูก


“ติน...อ๊ะ...ติน...”ส่วนร้อนที่สัมผัสกันไปมาเรียกเสียงครางของผมได้ทุกครั้ง


ใบหน้าของตินที่ขมวดคิ้วแน่นดูเหมือนกำลังทรมานผมเลยค่อยๆเอื้อมมือตัวเองขึ้นไปลูบบริเวณนั้นเบาๆแล้วส่งยิ้มบางๆไปให้ ตินที่เห็นก็เม้มปากแน่นก่อนจะเร่งความเร็วของมือให้มากขึ้นไปอีก


“จะยั่วกันเหรอแพน”


“อื้ออ...เปล่านะ...อ๊ะ...จะไม่ไหวแล้ว”


“อืม...พร้อมกันแพน”


“อ๊ะ...ไม่รู้...อื้ออ”ทุกอย่างรบตัวมันขาวโพลนไปหมดเมื่อปลดปล่อยออกมา ไม่เพียงแค่ของตัวเองแต่ยังมีของตินที่เลอะหน้าท้องอยู่อีก


แค่คิดก็อายจนอยากแทรกแผ่นดินหนีแล้ว


“เก่งมาก”น้ำเสียงของตินดูอบอุ่นกว่าทุกครั้ง


“ติน...”ทันทีที่ความร้อนรุ่มนั่นหายไปความง่วงที่มีอยู่ๆก็เพิ่มมากขึ้น ตอนนี้ถ้าหลับตาผมต้องหลับไปอย่างรวดเร็วแน่


“นอนซะแพน”ตินบอกพร้อมกับสัมผัสอุ่นๆที่ประทับลงบนหน้าผาก


และนั่นคือสิ่งสุดท้ายที่จำได้ก่อนสติจะหายไป
.................................................................................

มาต่อแล้วค่าา

ตอนนี้เรากำลังอยู่ในช่วงสุดท้ายของการฝึกงานซึ่งค่อนข้างยุ่งมาทีเดียว

แต่รับรองว่าไม่ทิ้งค่ะ

ตอนหน้าเองก็จะเข้าสู่ตอนจบของเรื่องแล้ว

ต้องขอบคุณทุกคนที่คอยเป็นกำลังใจให้กันมาตลอดนะคะ

หวังว่าตอนนี้จะทำให้ทุกคนฟินกันได้นะ

ไว้เจอกันใหม่ตอนหน้าค่ะ

บ๊ายบาย

nicedog

♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ FeaRes

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 738
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-2
ตินๆนกเพราะเซ็นเลยนะ ไปขู่(?)แพนทำไม 55555

ออฟไลน์ labelle

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2685
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-0
55555 น่ารักดี

ตินขี้หวงมาก แล้วก็ทำเข้มไปงั้นแหละ แต่ใจจริงละลายแล้ว
แพนน่ารักมาก ช่างพูด แล้วดูยังไม่ชินกับการใช้ชีวิต คิดอะไรเลยพูดออกมาหมด

พ่อแม่ตินตลกดี แหย่ลูก อบอุ่นดีค่ะ ไม่กีดกัน และก็เข้าใจ

เอิ่มมม เพราะเซนเลยนะ มาจั่วไว้ทำไมล่ะ

เป็นกำลังใจให้นะคะ ขอให้ฝึกงานผ่านไปด้วยดีค่ะ

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8896
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7538
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
เซ็น วางระเบิดทิ้งไว้ก่อนไป :z3: :z3: :z3:

ออฟไลน์ ่jum

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3709
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-4
รอไปก่อนนะติน สักวันคงได้กิน  :hao7:

ออฟไลน์ lizzii

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6284
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-2
แพนน้อย กลายเป็นลูกรักไปแล้ว อิอิ

ออฟไลน์ poppycake

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2670
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-4
ถ้าตินรู้ว่าพลาด...เพราะท่านเทพเซ็นขู่ไว้ คงมีวางมวยกันแน่ๆ 55555555
แพนน่าร๊ากกกกกกกกก

ออฟไลน์ hoshinokoe

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1042
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +31/-0
ตินน่ารักกก ไม่ฝืนใจกัน อดทนให้อีก แพนต้องค่อยๆปรับตัวน้าา ครอบครัวตินกะน่ารัก

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3437
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

ออฟไลน์ เป็ดอนุบาล

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1405
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-2
      ตินโหมดนี่ก็น่ารักไปอีกแบบนะค่ะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ SaJung13

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1060
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +76/-1
แพนน่ารักจริงๆเลย

ออฟไลน์ janehh

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 253
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-1
ครอบครัวตินน่ารักมากกก
แพนน่ารักที่สุดดด

ออฟไลน์ nicedog

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 588
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +366/-0
สัมผัส{❤}ครั้งสุดท้าย



เมื่อวันหยุดผ่านพ้นไปก็เข้าสู่วันแรกของการทำงานอีกครั้ง หลายอาทิตย์ผ่านไปตั้งแต่กลับมาจากการไปหาครอบครัวตินยังคฤหาสน์หลังยักษ์นั่น ทั้งผมและตินต่างตื่นเช้าและเตรียมตัวที่จะออกไปทำงาน ทั้งเสื้อเชิ้ต เสื้อนอก เนคไท กางเกงขายาวและรองเท้าหนังล้วนเป็นการแต่งกายของตินในทุกๆที่ต้องออกไปทำงาน


การแต่งตัวนั่นแค่เห็นผมก็รู้สึกร้อนแทนแล้ว


อากาศของประเทศใช่ว่าจะหนาว สวมเสื้อแขนยาวขนาดนั้นคงเหมือนกำลังถูกอบอยู่ชัวร์ๆ


ถึงจะบ่นแบบนั้นแต่ตินในชุดเต็มยศแบบนั้นก็ทั้งหล่อและดูดีสุดๆ


“มองอะไร?”ไม่รู้ว่าสิ่งที่ได้ยินเป็นคำทักทายหรือคำกวนยามเช้ากันแน่


“มองคนแก่”และเพราะผมคิดว่ามันเป็นคำกวนเลยต้องขอกวนกลับสักหน่อย


“ฉันก็ไม่ได้อายุมากขนาดเรียกว่าแก่นะ”ตินหันมามองผมด้วยสายตาเคืองๆ


“ก็ชอบทำคิ้วขมวดนี่”


“มันเป็นนิสัย”


“ขืนติดเป็นนิสัยได้เหมือนคนแก่จริงๆแน่...อย่าเครียดนักสิ”ผมบอกพลางเอื้อมมือไปลูบระหว่างคิ้วของตินเหมือนอย่างทุกที


“ถ้าไม่อยากให้เครียดก็ยอมเป็นของฉันอย่างสมบูรณ์สักทีสิ”


“...”คำพูดของตินทำให้ผมยืนเงียบไป


ตั้งแต่เหตุการณ์วันนั้นตินก็เริ่มรุกผมหนักขึ้นแต่ไม่ว่าจะกี่ครั้งผมก็ไม่ยอมทำจนถึงที่สุดสักที จากการกระทำของตินทำให้ผมรู้ว่าการร่วมรักระหว่างชายและชายเป็นยังไง แต่แค่รู้ไม่ได้หมายความว่าผมจะยอม


ความเจ็บของนิ้วที่เข้ามาเมื่อครั้งก่อนยังตรึงอยู่ในความทรงจำ


คำพูดของเซ็นที่ว่าครั้งแรกเจ็บเจียนตายเองก็เหมือนกัน


ผมไม่รู้ว่ามนุษย์จำเป็นต้องมีความสัมพันธ์กันแบบนั้นเหรอ คำว่าแฟนไม่ใช่ว่าคือการได้อยู่ด้วยกันในทุกๆวันอย่างมีความสุขหรอกเหรอ ผมไม่เข้าค่อยเข้าใจเรื่องนี้นักเพราะยังไงผมก็พึ่งเป็นมนุษย์ได้ไม่นาน


แม้ว่าจะเฝ้าดูมนุษย์มาหลายร้อยปีแต่ก็ใช่ว่าจะเข้าใจในตัวมนุษย์


อย่าว่าแต่มนุษย์เลย แค่เข้าใจตัวเองยังยาก


“แพน”


“ฮืม?”ผมเงยหน้าขึ้นไปตามเสียงเรียก


“อย่าทำหน้าแบบนั้น...ฉันขอโทษ”อยู่ๆตินก็พูดขอโทษด้วยใบหน้าสำนึกผิด ฝ่ามืออุ่นๆถูกยกขึ้นลูบใบหน้าผมไปมาราวกับจะใช้แทนคำขอโทษ


“ติน...ขอโทษทำไม”ผมไม่เข้าใจว่าทำไมต้องมาขอโทษในเมื่อตินยังไม่ได้ทำอะไรผิดเลย


“ฉันทำให้นายคิดมาก”


“ผมเปล่า...”


“อย่าโกหกฉันแพน...ฉันรู้ว่าตัวเองทำให้นายต้องคิดมากเพราะคำพูดของฉัน”


“ติน...”


“แต่ถึงฉันจะขอโทษแต่ก็ยังอยากจะบอก...ฉันอยากได้ทั้งร่างกายและหัวใจของนาย”


“...ติน”คำว่าร่างกายทำเอาภาพเห็นการณ์ครั้งก่อนผุดเข้ามาในหัวอีกครั้ง


“ฉันรู้ว่าไม่ควรเร่งรัดเพราะยังไงนายก็ยังไม่ไม่มีประสบการณ์ แต่ฉันคิดว่าตัวเองอาจทนไม่ได้นานกว่านี้”ตินพูดเสียงเครียด


“หมายความว่ายังไง”ทนไม่ได้นานคืออะไร


“ตั้งแต่เกิดมาก็ไม่คิดว่าตัวเองจะเป็นคนแบบนี้...การที่ได้อยู่กับนายในทุกๆวันมันทำให้ฉันมีอารมณ์ ยิ่งทุกครั้งที่ออกไปข้างนอกแล้วมีหลายคนจับจ้องมายังนายยิ่งทำให้ฉันทั้งหึงและหวง...ฉันอยากจะเป็นคนเดียวที่ได้ครอบครองนาย...เข้าใจไหมแพน”คำอธิบายดังขึ้นพร้อมกับดวงตาสีฟ้าสดที่จ้องมาอย่างจริงจัง


“พวกเขามองคุณรึเปล่า”ส่วนมากที่เดินด้วยกันผมก็เห็นแต่สาวๆส่งเสียงกรี๊ดกร๊าดใส่ไม่เห็นว่าจะมีใครสนใจผมเลย


คิดมากไปแล้วมั้งติน


“ไม่ได้มองฉัน...สายตาของพวกผู้ชายมันหยุดอยู่ที่นาย”


“แต่ผมไม่ได้ชอบพวกเขาสักหน่อย”


“ฉันรู้เรื่องนั้นดี เพียงแต่มันก็ยัง...ช่างเถอะ ฉันจะไม่เร่งรัดนายแล้ว”อยู่ตินก็ใช้มือเสยเส้นผมสีดำสนิทที่ปกหน้าอยู่ขึ้นพร้อมกับบอกออกมา


“ติน...”


“อย่าคิดมากกับคำพูดฉันแพน...เรายังมีเวลาอยู่ด้วยกันอีกมาก ฉันผิดที่รีบร้อนเอง”


“อืม”ผมพยักหน้าเบาๆขึ้นลงเป็นการตอบ


พวกเรานั่งรถสีดำเงาที่มีจิมและกายเป็นคนขับ บนถนนในช่วงนี้รถติดอย่างหนักจนเรียกได้ว่าแทบไม่ขยับเลยทีเดียว ระหว่างที่นั่งอยู่ผมก็นึกได้ว่ามีเรื่องอย่างคุยกับตินอยู่อีกอย่าง


“นี่ติน”ผมเรียกคนนั่งกอดอกด้วยใบหน้าตึงๆเนื่องด้วยการจราจรติดขัด


“อะไร?”เจ้าของชื่อหันกลับมาถาม


“เอ่อ...ผมมีเรื่องอยากขอ...จะได้ไหม?”


“ขอ?...ลองว่ามาก่อน”ตินที่ได้ยินก็ขยับตัวให้อยู่ในท่าทางที่สบายมากขึ้นราวกับกำลังจะตั้งใจฟังสิ่งที่ผมกำลังจะบอก


“คือ...จะว่าอะไรไหมถ้าผมอยากทำงาน...”


“ไม่ให้”ยังไม่ทันพูดจบตินก็พูดแทรกอย่างรวดเร็ว


“ทำไมล่ะ”ผขยับเข้าไปใกล้พร้อมถามเหตุผล


“ฉันขอถามว่าทำไมกลับไปเลยแพน”


“ฮะ?”หมายถึงอะไร


“ฉันอยากรู้ว่าทำไมถึงคิดจะขอไปทำงาน”


“ก็ทุกวันนี้ผมเอาแต่เดินวนอยู่ในห้าง ไม่ก็นั่งเล่นในห้องคุณ...ผมเลยคิดว่าตัวเองเอาเปรียบคุณเกินไปรึเปล่า ตินต้องทำงานเครียดทุกวันแต่ผมกลับใช้ชีวิตสบายๆ”แถมยังมีเงินใช้ไม่จำกัดอีก


ผมต่อประโยคต่อมาในใจ


“อย่าคิดแบบนั้นแพน...นายไม่ได้เอาเปรียบอะไร ทุกอย่างมันเป็นสิ่งที่ฉันต้องการทั้งนั้น”ตินค่อยๆอธิบาย


“สิ่งที่ตินต้องการ?”


“ใช่...ในตอนนี้ฉันมีทั้งเงิน มีทั้งอำนาจ มีทุกๆอย่างแม้แต่ทรัพย์สมบัตินี่ต่อให้ใช้ทั้งชีวิตก็ยังไม่หมด ดังนั้นฉันมีสิทธิ์ที่จะให้สิ่งเหล่านั้นกับคนที่อยากจะให้ซึ่งก็คือนาย”


“ติน...”


“เพราะงั้นอย่าคิดว่าเป็นการเอาเปรียบ...ฉันให้เพราะฉันอยากให้ มันก็แค่นั้น”


“ถึงตินจะพูดแบบนั้นแต่ผมก็อยากลองทำงานดู ผมยากรู้ว่าการหาเงินแต่ละบาทมันยากขนาดไหนเพื่อจะได้ใช้มันอย่างรู้คุณค่า”ถ้าเป็นผมเมื่อก่อนคงไม่อยากรู้เรื่องพวกนี้


วงจรชีวิตขิงมนุษย์ผมไม่อยากเข้าไปเกี่ยวข้องด้วยนัก


แต่ในตอนนี้ผมก็เป็นหนึ่งในมนุษย์จึงอยากรู้ในหลายๆอย่างที่ไม่เคยได้รู้


ผมอยากเข้าใจความเหนื่อยยากของติน


อยากเข้าใจว่าทำไมเขาถึงมักขมวดคิ้วแน่นอยู่เสมอ


ถ้าสาเหตุมันมาจากการทำงานผมก็อยากจะช่วยแบ่งเบา


ต่อให้ผมจะไร้ประสบการณ์ก็ตาม


“ถึงจะอ้างเหตุผลฉันก็ไม่ให้อยู่ดี”


“ตินอ่า...ทำไมล่ะ”


“ก็บอกแล้วไงว่าฉันมีเงินเยอะ ช่วยๆใช้น่ะดีแล้ว”


“แต่ว่าผมอยากลองทำงานนี่ อยากช่วยติน”ผมบอกคำสุดท้ายออกไปเบาๆพร้อมกับเงยหน้าขึ้นไปสบดวงตาสีฟ้าสดตรงหน้า


“แพน”


“นะ...ให้ผมได้ลองทำอะไรเพื่อคุณบ้างเถอะ”ชีวิตในตอนนี้เหมือนอยู่ไปวันๆโดยที่ตินมีทั้งเป้าหมายและสิ่งที่จะทำ ไม่เหมือนกับผม


“เฮ้อ...ถ้าฉันไม่ตกลงก็คงจะไม่ยอมรามือง่ายๆสินะ”เสียงถอนหายใจยาวกับมือที่จับหน้าผากไว้นั่นแสดงว่าตินกำลังคิดอย่างหนักว่าจะทำยังไง แต่ดูจากท่าทางตินกำลังใจอ่อน


“อืม...ถ้าไม่ยอมผมก็จะตามตื้อไปเรื่อยๆจนกว่าจะยอมเลย”


“แล้วถ้ายังไม่ยอมอีกล่ะ”


“ถึงตอนนั้นก็จะประท้วงโดยการอดข้าว”ผมพูดสิ่งที่คิดออกไปด้วยใบหน้าจริงจัง


“กี่มื้อดีล่ะ”


“มื้อนึง อ๊ะ ไม่ใช่เป็นมื้อสิผมจะอดเป็นวันเลย”พูดแบบนี้จะดูถูกผมเกินไปหน่อยแล้ว


อดแค่มื้อเดียวมันไม่เรียกว่าประท้วงหรอกนะ


“หึ...อย่างนายอดแค่มื้อเดียวก็ถึงตายแล้ว”ตินพูดพลางยกยิ้มขึ้น


“ไม่จริงสักหน่อย”ผมอดได้เหอะ


“ฉันไม่อยากได้ยินเสียงท้องร้องของนายหรอกนะ”คำพูดของตินทำให้ผมตาลุกวาวด้วยดีใจ


“หมายความว่า...”


“เอาแฟ้มเอกสารจากกายและจิมมาให้ฉันที่ห้อง...คงทำได้นะ”


“แน่นอน”เรื่องแค่นี้ทำได้อยู่แล้ว


“ดี...งั้นก็ตามนี้”


“แต่แบบนั้นมันเรียกทำงานเหรอ”แค่ช่วยเอาแฟ้มเอกสารมาให้เนี่ยนะ


“ทำงานสิ”


“อืม...เข้าใจแล้ว”ถ้าตินพูดอย่างงั้นผมก็ไม่มีอะไรจะพูดแล้ว


เมื่อมาถึงยังห้างสรรพสินค้าหรือสถานที่ทำงานทั้งกายและจิมต่างก็แยกย้ายกันไปทันทีที่มาถึงทำให้มีเพียงผมและตินที่อยู่ในลิฟต์เท่านั้น โดยปกติตินมักจะขึ้นไปทำงานโดยเริ่มจากบันไดเลื่อนที่สูงถึงชั้นที่10ก่อนจะต่อลิฟต์อีกทีแต่วันนี้กลับไม่ใช่อย่างที่เคยเพราะนอกจากจะไม่ขึ้นบันได้เลื่อนแล้วยังใช้ลิฟต์สำหรับลูกค้าอีก


“ติน...เราจะไปไหนเหรอ?”ผมถามหลังจากที่เดินตามหลังอีกฝ่ายออกมาจากลิฟต์ในชั้น3


“ไปซื้อของให้นาย”


“ซื้อให้ผม?...แต่ชั้นนี้ไม่ใช่ชั้นอาหารนี่”ผมบอกพลางเร่งเท้าเดินไปขนาบข้างติน ถ้าจะซื้อของให้ผมสิ่งเดียวที่คิดได้คือของกิน แน่นอนว่าชั้นที่มีอาหารเป็นชั้น7และ8ไม่ใช้ชั้น3ที่เป็นพวกของอิเล็กทรอนิกแบบนี้


“ฉันก็ไม่ได้บอกว่าจะซื้อของกินให้นี่”ตินหันมาบอกเสียงเรียบ


“งั้นจะซื้ออะไรให้เหรอ”จาหที่มองคงไม่ใช่พวกเสื้อผ้าด้วย


“ตามมาเดี๋ยวก็รู้”พูดจบตินก็ก้าวยาวๆเข้าไปยังโซนของโทรศัพท์มือถือหลากหลายยี่ห้อ


สองข้างทางมีร้านค้าเล็กๆตั้งขายพวกโทรศัพท์อยู่เกือบ30ร้านได้ ร้านที่ตินตรงเข้าไปเป็นร้านขนาดใหญ่ที่อยู่เกือบริมสุด...แค่ดูจากภายนอกก็รู้ว่าที่นั่นเป็นศูนย์ใหญ่ของโซนโทรศัพท์แน่เพราะภายในมีตู้กระจกสำหรับจัดวางโทรศัพท์แต่ละยี่ห้อวางเรียงอยู่เต็มร้าน และไม่ใช่แค่โทรศัพท์แต่ยังมีพวกโน้ตบุกหรือคอมพิวเตอร์อีกด้วย


“คุณคนาธิป...สวัสดีครับ”ผู้ที่คาดว่าเป็นเจ้าของร้นวิ่งมาต้อนรับด้วยความนอบน้มทันทีที่เห็นตินเข้าไป


“อืม...ขอดูโทรศัพท์รุ่นใหม่หน่อย”ตินหันไปบอก


“ได้ครับ...สำหรับรุ่นใหม่ของทุกยี่ห้ออยู่ทางนี้เลยครับ”เจ้าของร้านนำทางมายังตู้กระจกที่อยู่ติดหน้าร้าน


“ฉันขอดูสักพัก”


“ครับ...ต้องการอะไรสามารถบอกได้นะครับ”พูดจบเจ้าของร้านก็เดินกลับไป


“ตินๆ”ผมเดินเข้าไปหาพร้อมดึงเสื้อนอกนั่นหลายๆครั้ง


“อะไร”


“ไหนบอกจะซื้อของให้ผมไง ไหง๋มาเลือกโทรศัพท์เล่า”


“ฉันจะซื้อโทรศัพท์ให้นาย”


“พูดจริง?”ผมถึงกับตาโตเมื่อได้ยินคำพูดนั่น ตั้งแต่ที่เกิดมาก็ไม่เคยได้ใช้พวกของแบบนี้เลยสักครั้งเดียว ยังไงตัวผมที่เป็นเทพก็ไม่จำเป็นต้องโทรหาใครอยู่แล้ว ไม่เหมือนอย่างมนุษย์ในปัจจุบันที่แต่ละคนต่างมีโทรศัพท์ติดตัวกันตลอด บางคนเองก็ไม่ได้มีแค่เครื่องเดียวด้วย


“อืม...อยากได้เครื่องไหน”ตินถามพลางมองไปยังโทรศัพท์รุ่นล่าสุดที่อยู่ภายในตู้


“ผมไม่จำเป็นต้องมีก็ได้นะ”ผมบอกอีกฝ่ายกลับไป ถึงตอนนี้ผมจะเป็นมนุษย์แต่ก็ไม่ได้มีใครให้ต้องโทรหาหรือติดต่อ


“ตอนนี้นายเป็นมนุษย์เพราะงั้นนายจำเป็นต้องมีโทรศัพท์ไว้เผื่อเวลาที่มีเหตุฉุกเฉินจะได้สามารถติดต่อฉันได้”ตินอธิบายต่อ


“ถ้าตินพูดแบบนั้น ก็ได้”ผมเองก็สนใจพวกโทรศัพท์อยู่เหมือนกันเห็นว่าแค่เครื่องเดียวก็สามารถทำได้หลายๆอย่าง


น่าสนุกดี


“ชอบสีอะไร”


“สีเขียว...ผมชอบสีของต้นไม้”ผมตอบกลับไปอย่างรวดเร็ว


“สีแปลกแบบนั้นจะมีให้ไหมล่ะ...ปกติโทรศัพท์จะมีแค่ดำ ขาว เงินและทอง บางรุ่นอาจมีสีอื่นเพิ่มแต่ก็ไม่เคยเห็นมีสีเขียว”


“งั้นเหรอ...ของตินใช้สีอะไร”ผมถามกลับ


“สีดำ”


“อืมม~...งั้นผมเอาสีเงินดีกว่า”


“แล้วจะถามฉันทำไม”ตินหันมามองอย่างไม่เข้าใจ


“ก็แค่อยากรู้ ไม่ได้เหรอ?”ผมถามกลับด้วยรอยยิ้ม


“เฮ้อ...สีเงินก็สีเงิน เอาแบบไหนล่ะ”ตินถามต่อ


“ผมไม่ค่อยรู้เรื่องพวกนี้...ตินเลือกให้หน่อยละกัน แล้วแต่ตินเลย”


“ขี้เกียจเลือกก็บอกมา”


“ไม่ใช่สักหน่อย”ผมหันไปค้อนติน


“หึ...รุ่นนี้เป็นไง”ตินบอกพร้อมชี้นิ้วไปยังโทรศัพท์สีเงินจอบางที่มีดีไซน์เรียบๆแต่ดูทันสมัยมาก


“สวยดี...เอาสิ”ผมพยักหน้าเห็นด้วย


จากนั้นตินก็จัดการซื้อโทรศัพท์ที่ว่าให้ผมก่อนจะไปซื้อซิมใส่ยังศูนย์บริการ ผมก็ไม่รู้ว่าตินทำอะไรถึงได้พูดคุยกับพนักงานที่เคาน์เตอร์นานขนาดนั้นแต่ไม่เป็นไรผมสามารถรอได้อยู่แล้ว ที่นี่มีบริการของว่างกับเครื่องดื่มให้ลูกค้าด้วย


พอจัดการทุกอย่างเสร็จตินก็พาผมขึ้นมายังห้องทำงานส่วนตัวและยื่นโทรศัพท์ที่พึ่งซื้อมาให้


“เล่นให้แบตหมดแล้วค่อยชาร์จค้างคืนไว้”ตินส่งโทรศัพท์มาให้แล้วเดินไปนั่งยังตะทำงาน


“เล่นเหรอ?...เล่นยังไงล่ะ?”ผมไม่เคยใช้ก็รู้อยู่นี่


“ฉันเปิดไวไฟไว้ให้แล้ว เข้าไปหาอะไรเล่นในเน็ตก็ได้”


“ผมทำไม่เป็น”


“คู่มืออยู่ในถุง...อ้อ ไปเอาแฟ้มเอกสารจากกายมาให้ด้วย”


“ได้เลยๆ...ผมจะรีบไปเอามาให้นะ”ลืมไปสนิทเลยว่าจะได้ช่วยงานตินแล้ว


รู้สึกตื่นเต้นนิดหน่อยแฮะ


ผมรีบออกจากห้องเพื่อไปเอาเอกสารจากกายทว่ากายที่น่าจะเจอตัวได้ไม่ยากกลับไม่อยู่ในห้องทำงานนี้ทำให้ผมต้องเดินไปถามพนักงานหลายๆคนดูเผื่อจะรู้ว่ากายอยู่ไหน กว่าจะได้แฟ้มเอกสารมาก็ผ่านไปสักพักใหญ่


“กาย...ขอเบอร์ได้ไหม”ผมถามก่อนจะเดินกลับห้อง


“เบอร์ผม?...คุณแพนมีโทรศัพท์แล้วเหรอครับ”กายที่กำลังจะเดินไปอีกทางมองมาด้วยความแปลกใจที่รู้ว่าผมมีโทรศัพท์แล้ว


“อืม ตินพึ่งซื้อให้ นี่ไง”ผมตัดสินใจวางแฟ้มเอกสารไว้บนโต๊ะแล้วค่อยหยิบโทรศัพท์เครื่องใหม่มาให้กายดู


“รุ่นนี้พึ่งวางขายเมื่อวานเองนี่ครับ”


“งั้นเหรอ”ผมไม่รู้แฮะ


“เดี๋ยวผมจะให้เบอร์ทั้งของตัวเองละของจิมนะครับ ถ้ามีอะไรก็โทรมาได้เสมอ”กายบอกพร้อมกับขออนุญาตเมมเบอร์ในโทรศัพท์ผม


“ขอบคุณนะ”


เพราะใช้เวลาไปเอาแฟ้มเอกสารสักพักใหญ่ตินเลยยื่นเอกสารที่พึ่งจัดการเสร็จให้ผมวิ่งไปส่งตามที่ต่างๆเกือบค่อนวัน เรียกว่าเป็นการทำงานที่ต้องใช้พลังงานมากทีเดียว


เวลาที่ว่างผมก็อ่านคู่มือการใช้โทรศัพท์รวมทั้งทดลองเข้าอินเตอร์เน็ต ในเวลาไม่กี่ชั่วโมงผมก็สามารถเข้าใจการทำงานส่วนมากของโทรศัพท์ได้เกือบทั้งหมด เว็บไซด์ที่เข้าไปเราสามารถเลือกตามสิ่งที่สนใจนั่นทำให้ผมตื่นตาตื่นใจกับการเซฟรูปต้นไม้สวยกับเล่นเกมปลูกผักเป็นอย่างมาก


ระหว่างที่เซฟรูปดอกไม้สีขาวอยู่ในหัวก็นึกถึงคำพูดของตินที่ว่าอยากครอบครองร่างกายของผมขึ้นมาได้ ด้วยความอยากรู้ข้อมูลผมเลยลองค้นหาการมีเพศสัมพันธ์ระหว่างผู้ชายด้วยกันขึ้นมาดู


ดวงตาสีเขียวอ่อนของผมหันไปมองคนที่กำลังก้มหน้าอ่านเอกสารอย่างขะมักเขม้น พอเห็นว่าตินไม่ได้มองมาผมเลยกดเข้าไปอ่านในเว็บไซด์นั้น


เนื้อหาที่บอกตั้งแต่วิธีการเตรียมพร้อมด้วยตนเองไปจนถึงความรู้สึกหลังความเจ็บทำเอาใบหน้าผมเห่อแดงขึ้นด้วยความเขินอาย
ขนาดแค่อ่านยังอายขนาดนี้ไม่อยากคิดเลยว่าถ้าทำจริงๆจะขนาดไหน


สิ่งที่ผมสนใจมากที่สุดคือคำที่บอกว่าจะเจ็บแค่ไม่นาน


ผมเองก็ไม่ใช่ว่าไม่อยากทำ ยังไงทุกครั้งที่ทำกับตินแม้ว่าจะไม่ถึงขั้นสุดท้ายมันก็ทำให้ผมรู้สึกดีอย่างไม่อาจปฏิเสธได้ เพียงแต่ผมก็กลัวความเจ็บปวดเหมือนกัน


แต่ถ้าเป็นอย่างที่บอกว่าเจ็บแค่ไม่นานละก็...


ผมอาจจะยอมก็ได้


“หน้าแดงอะไรแพน”เสียงทุ้มของตินที่ดังขึ้นทำเอาโทรศัพท์ที่อยู่ในมือถึงกับตกลงบนโซฟา


“ปะ...เปล่านี่”ผมรีบหันไปตอบ


ก่อนหน้านี้ยังก้มหน้าอ่านเอกสารอยู่เลยทำไมเงยขึ้นมาเร็วนักก็ไม่รู้


“พูดติดขัดนะ”ดวงตาสีฟ้าสดหรี่ลงอย่างจับผิด


“ก็ผมตกใจนี่ อยู่ๆก็เรียก...ผมกำลังมีสมาธิกับการปลูกผักอยู่เลย”ข้ออ้างอะไรที่คิดออกก็ถูกเอ่ยออกไปอย่างรวดเร็วเพื่อไม่ให้ดูน่าสงสัย


“แค่ปลูกผักทำไมต้องหน้าแดง?”


“ก็มันเหนื่อยนี่”


“เหนื่อย?”ตินถึงกับขมวดคิ้วกับคำตอบที่ได้ยิน


“ก็นั่งจ้องนานๆมันเลยเหนื่อยไง”ถ้าถามมากกว่านี้ผมคิดข้อแก้ตัวไม่ออกแล้วนะ


“พักสักหน่อยแพน...อย่าเล่นเยอะเดี๋ยวตาเสีย”แม้จะเป็นคำบ่นแต่ก็แฝงไปด้วยความเป็นห่วงจนผมต้องยิ้มออกมา


“คุณนี่ใจดีจริงนะ”ถึงตินมักจะบอกว่าตัวเองไม่ได้ใจดีแต่ผมกลับไม่เห็นแบบนั้นเลยสักนิด


“บอกแล้วไงว่าฉันไม่ได้ใจดี”ตินตอบกลับมาด้วยใบหน้านิ่งๆ


“ใจดีสิ”คนไม่ใจดีจะคอยเป็นห่วงหรือคอยดูแลขนาดนี้เหรอ


“ตาฝาดแล้ว”


“ผมไม่ได้มองสักหน่อย”


“...”คำพูดผมทำให้ตินเงียบไป คิ้วที่ขมวดเข้าหากันนั่นราวกับกำลังถามถึงสิ่งที่พูดไป


“ผมเคยบอกแล้วนี่ว่าความใจดีของคุณผมสัมผัสมันได้อย่างชัดเจน ไม่ใช่ที่ตาแต่เป็นหัวใจ”ผมรับรู้ถึงมันได้โดยตรงเลยล่ะ ความใจดีของตินน่ะ


“คิดไปเอง”


“แหม ไม่ต้องมาทำเป็นเขินน่า”ผมแหย่ตินด้วยรอยยิ้มยียวน


“ไม่ได้เขิน”ตินทำหน้าเข้มตอบกลับมา


“อ๊ะ อ๊ะ หน้าแดงแล้วๆ”


“ไปปลูกผักต่อเถอะ”


“ไหนบอกว่าให้ผมพักไง”


“เลิกกวน...เดี๋ยวฉันต้องไปประชุมรออยู่สักชั่วโมง”ตินเปลี่ยนเรื่องพร้อมกับปิดแฟ้มเอกสารในมือลง


“ผมออกไปเดินเล่นได้ไหม”จะให้รออยู่ในห้องอย่างเดียวมันน่าเบื่ออยู่


“...ได้แต่ถ้าฉันโทรไปต้องรับสายด้วย เข้าใจนะ”ตินคิดสักพักถึงจะยอมอนุญาตให้ผมไปได้


“ผมก็ไม่หลงหรอกน่า”ชอบทำเหมือนผมเป็นเด็กอยู่เรื่อย คงไม่ลืมหรอกนะว่าอายุผม300ปีเข้าไปแล้วน่ะ


“ไม่ได้กลัวหลงแค่เป็นห่วง”


“คิก...คนขี้ห่วง”ผมถึงกับหลุดขำออกมา ดูจากการกระทำหลายๆอย่างผมก็รู้ว่าตินเป็นห่วงผมมาก ไม่ใช่แค่เป็นห่วงแต่อาจเป็นกังวลกลัวว่าผมจะมีเรื่องอะไรอีก ด้วยตัวผมในตอนนี้ถ้าได้รับบาดเจ็บก็ไม่สามารถรักษาตัวเองได้เร็วเหมือนอย่างเคย


อีกไม่นานคงกลายเป็น...


มนุษย์โดยสมบูรณ์


“ก็ชอบทำให้ห่วงนี่”


“เข้าใจแล้ว ผมจะรับสายแน่นอน...รีบไปประชุมเถอะ”


“ถ้ารับช้าเกิน5วิมื้อเย็นจะไม่พาไปกินบุฟเฟ่”คำพูดสุดท้ายก่อนที่ตินจะออกไปนั้นเรียกดวงตาผมให้ทอประกายแวววับด้วยความตื่นเต้น


นานมากแล้วที่ไม่ได้ไปกินบุฟเฟ่


ในที่สุดผมก็จะได้ไปกินสักที


ผมออกไปเดินเล่นราวชั่วโมงพอตินโทรมาพวกเราก็นัดเจอกันยังร้านอาหารบุฟเฟ่บนชั้น8 ร้านบุฟเฟ่ที่ตินพามาเป็นร้านสเต็กบุฟเฟ่ที่เราสามารถสั่งเนื้อมาย่างเองได้พร้อมทั้งยังมีสลัดและเครื่องเคียงหรือพวกของทานเล่นก็มากมายให้เลือก


ด้วยความที่เป็นบุฟเฟ่ผมเลยจัดการซะคุ้มราคา แต่ด้วยกระเพาะที่มีความอิ่มเลยค่อนข้างกินได้น้อยกว่าปกติอยู่พอสมควร ถึงจะน้อยกว่าปกติแต่ก็ถือว่ามากกว่ามนุษย์อยู่หน่อย ตินเองก็หยุดกินไปตั้งแต่ครึ่งชั่วโมงแรกที่เข้าร้านแล้ว



(มีต่อค่ะ)

ออฟไลน์ nicedog

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 588
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +366/-0
(ต่อนะคะ)



หลังจากนั้นพวกเราก็กลับมายังห้องซึ่งผมเป็นคนขออาบน้ำก่อนแม้ตอนแรกตินจะไม่ยอมด้วยเหตุผลที่ว่าผมชอบอาบนานแต่สุดท้ายตินก็ยอมแพ้ สายน้ำจากฝักบัวไหลลงตั้งแต่ศีรษะไปจนถึงปลายเท้าโดยที่ผมใช้สบู่ลูบไล้ทั่วร่างจนเกิดฟองสีขาวเต็มไปหมด


ภายในหัวกำลังคิดเรื่องของตินอยู่เต็มไปหมด พอรู้ว่ามันไม่ได้เจ็บมากขนาดที่เซ็นว่าผมก็เกิดความลังเลและสับสนว่าจะทำยังไงต่อไปดี ระหว่างที่คิดก็เอื้อมมือที่เต็มไปด้วยฟองไปยังช่องทางด้านหลัง...เพียงแค่นิดเดียวที่แตะต้องความเจ็บก็แล่นเข้ามาทันที


“เจ็บ...”ผมไม่รู้ว่านอกจากความเจ็บมันจะรู้สึกดีได้ยังไง


ผมยังไม่เห็นตรงไหนเลยว่ามันจะรู้สึกดี


แต่ก็...ไม่อยากให้ตินรอนานกว่านี้


ผมเดินออกมาจากห้องน้ำโดยที่กำลังว่าจะเอายังไงกับสิ่งที่คิดอยู่ดี ตินเองก็เดินผ่านผมเข้าไปอาบน้ำต่อ...ก่อนปิดประตูยังมีการยื่นหน้าออกมาบอกให้เช็ดผมให้แห้งก่อนอีก


ทั้งที่ใจดีขนาดนี้ก็ยังไม่รู้ตัวอีกนะติน


เตียงสีน้ำเงินเข้มถูกผมกระโดดขึ้นไปนั่งพร้อมกับดึงผ้าปูขึ้นมาห่อตัวไว้ ส่วนมือก็กำลังใช้ผ้าขนหนูผืนเล็กเช็ดผมสีเขียวเขียวที่เปียกปอนไปมา อากาศภายในห้องค่อนข้างเย็นเพราะเปิดแอร์ไว้


แกร็ก


“วิ่งผ่านน้ำ”ผมหันไปแซวทันทีที่ได้ยินเสียงเปิดประตู ตินใช้เวลาอาบน้ำยังไม่ถึงครึ่งของผมเลยแค่15-20นาทีก็ถือว่านานแล้วสำหรับติน


“ใครจะนอนเล่นจนตัวเปื่อยอย่างนายกัน”ตินสวนกลับพร้อมกับเอาผ้าขนหนูไปตากไว้ยังราวด้านข้าง


“ไม่ได้เปื่อยสักหน่อย ผิวผมนุ่มจะตาย นี่ไง”เพื่อเป็นการพิสูจน์ผมเลยจัดการชูแขนขึ้นไปให้อีกฝ่ายดูว่ายังไม่เปื่อยอย่างที่ถูกว่า


“อย่าอาบนานไปเดี๋ยวจะป่วยเอา อย่าลืมสิว่าตอนนี้นายเป็นมนุษย์นะ”ตินบอกด้วยน้ำเสียงเป็นห่วงก่อนจะนั่งลงบนเตียงเดียวกัน


“เข้าใจแล้วน่า...ผมจะอาบให้เร็วขึ้นละกัน”


“ต่อไปฉันจะให้เวลาไม่เกิน1ชั่วโมง”


“ไม่เอานะ...แค่ชั่วโมงเดียวยังถูสบู่ไม่เสร็จเลย”ผมหันไปค้านคำพูดนั่นอย่างรวดเร็ว


“คนปกติเขาถูเสร็จตั้งแต่10นาทีแรกแล้ว”ตินตอบกลับ


“ก็ผมพึ่งเป็นมนุษย์นี่  ขอเวลาปรับตัวหน่อยสิ”อยู่ๆมาให้ลดเวลาลงตั้งครึ่งไม่ไหวหรอกนะแบบนั้น


“ปรับมาจะปีแล้วมั้ง”


“ยังไม่ถึงเหอะ”ผมรีบประท้วง


“หึ...ฉันรู้สึกเหมือนเราอยู่ด้วยกันมานานมาก”อยู่ๆน้ำเสียงกวนๆก็เปลี่ยนไปทำให้ผมต้องเงยหน้าขึ้นไปมองดวงตาสีฟ้าสดที่จ้องมา


“นั่นสิ...ผมเองก็รู้สึกแบบนั้นเหมือนกัน”ไม่คิดว่ากาลเวลาที่มักจะผ่านไปอย่างรวดเร็วนั้นมันจะเริ่มช้าลงตั้งแต่ที่ได้เจอกับติน


“ง่วงรึยัง?”


“ยัง...จะทำอะไรเหรอ”ผมถามออกไปทั้งๆที่พอรู้คำตอบอยู่แล้ว


“ออกกำลังกายหลังอาหาร”ตินตอบเสียงเจ้าเล่ห์ก่อนจะค่อยๆขยับขึ้นมาคร่อมผมเอาไว้


“จะออกกำลังกายก็ลงไปวิ่งข้างล่างไป...อื้อออ~...”คำพูดกวนๆที่คิดไว้ถูกกลืนหายไปอย่างรวดเร็วเมื่อถูกริมฝีปากของคนด้านบนลงประกบ


เพียงแค่พริบตาจูบอันแผ่วเบาก็แปรเปลี่ยนไปเป็นจูบอันเล่าร้อนและรุนแรงจนแทบจะละลายกลายไปไอไปซะเดี๋ยวนี้เลย ไม่ว่าจะกี่ครั้งผมก็ไม่เคยชินกับความรู้สึกนี้สักที


“อื้ออ...อึก...พอ...”ผมดันตินให้ขยับถอยไปเมื่ออากาศที่มีหมดไป


“อีกนิดสิ”เสียงทุ้มที่กระซิบข้างหูนั่นเต็มไปด้วยอารมณ์ เพียงแค่ได้ยินร่างกายมันก็ร้อนไปหมด


“คุณมันหื่น...อ๊ะ...”


“ไปเอาคำนั้นมาจากไหนฮืม”ตินถามพลางกดจูบลงตามลำคอ ทุกครั้งที่ริมฝีปากนั้นสัมผัสก็จะขบเม้มจนผมเผลอร้องครางออกมาทุกครั้งไป


“ไม่รู้ อื้ออ...หื่น ตินหื่น”ผมพูดออกไปหลายต่อหลายครั้ง


“ก็พูดไม่ผิดละนะ หื่นแค่กับนายเท่านั้นแหละ”


“อ๊ะ...อื้มม~”ผมถึงกับเม้มปากแน่นอย่างข่มอารมณ์ทันทีที่เสื้อผ้าถูกถอดโยนไปด้านข้างแล้วถูกอีกฝ่ายสัมผัสไปทั่วหน้าอก
ฝ่ามือที่ลูบไล้


ริมฝีปากที่พรหมจูบไปทั่ว


หรือแม้แต่ดวงตาสีฟ้าที่มองมา


ทุกอย่างมันทำให้ผมรู้สึกดีจนแทบควบคุมตัวเองไม่ได้


“อย่าเม้มปากแพน...ให้ฉันได้ยินเสียงนาย”


“เลิกพูดลามกสักที...อ๊า!”มือที่ลูบไล้ลงไปยังส่วนล่างอย่างไม่ขออนุญาตนั่นเรียกเสียงครางจากผมที่พยายามเม้มปากได้อย่างไม่ทันตั้งตัว


กางเกงขาสั้นถูกปลดออกไปอยู่ไหนก็ไม่รู้ ที่รู้ตอนนี้มีเพียงสัมผัสของมือที่ขยับด้วยความเร็วที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆพร้อมกับเสียงครางน่าอายที่ดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง


ส่วนร้อนของตินที่ขยับมาแนบชิดยิ่งสร้างอารมณ์ที่มีให้กระเจิงไปไกล ในหัวขาวโพลนไปหมด สิ่งเดียวที่รู้คือความรู้สึกดีจนอดไม่ได้ที่จะเอื้อมมือขึ้นไปกอดคออีกฝ่ายไว้แน่น เพียงไม่นานที่ส่วนนั้นของพวกเราสัมผัสกันผมก็ปลดปล่อยออกมาพร้อมๆกับติน


“แฮ่ก...ติน...”


“แพน...ขออีกรอบได้ไหม”คำขอนั่นดังขึ้นพร้อมกับฝ่ามือที่เริ่มปลุกเร้าอารมณ์ผมอีกรอบ


“อื้ออ...คุณมันหื่นเกินไปแล้ว”ผมบ่นสลับเสียงคราง


“ฉันต้องการนาย”น้ำเสียงนั่นทำเอาในหัวขาวโพลนไปหมด


ตินเหมือนคนที่กำลังรู้สึกไม่พอ


ไม่ว่าจะทำสักกี่ครั้งก็เหมือนจะไม่สามารถเติมเต็มความต้องการได้


เขาต้องการมากกว่านี้


และสิ่งที่เขาต้องการคือตัวผม


“ติน...อึก...ผมยอมแล้ว”ผมคว้าคออีกฝ่ายลงมาพร้อมกระซิบบอกในสิ่งที่คิดอยู่


ในตอนนี้ผมไม่สนแล้ว


จะกลัวก็ช่าง


จะเจ็บก็ไม่เป็นไร


ถ้าตินต้องการผม


ผมก็พร้อมที่จะให้


“แพน...”ตินถึงกับหยุดชะงักเมื่อไดยินสิ่งที่ผมบอกออกไป


“อึ้งอะไรติน...ถ้าช้าเดี๋ยวผมเปลี่ยนใจนะ”แม้จะเป็นช่วงเวลาแบบนี้ผมก็ยังสามารถกวนอีกฝ่ายได้ นับถือตัวเองเลยจริงๆ


“ที่ว่ายอม...หมายถึงอะไร”


“นี่ไม่รู้จริงเหรอติน...แล้วคุณอยากได้อะไรล่ะ”


“แพน...”


“อยากให้ผมเป็นของคุณโดยสมบูรณ์ไม่ใช่เหรอ...ติน”ผมพูดพร้อมกับส่งยิ้มบางๆไปให้ตินที่ทำหน้าเหมือนกำลังประมวลสิ่งที่ได้ยินอยู่


“...แน่ใจใช่ไหม ฉันไม่คิดว่าจะมีสติพอจะหยุดกลางทางหรอกนะ”ตินบอกเสียงนิ่ง ไม่สิ ต้องพูดว่าเสียงที่ได้ยินราวกับคนที่กำลังข่มกลั้นอารมณ์ไม่ให้ปะทุออกมาอยู่


“อืม...ห้ามหยุดนะ”ถ้าเขาหยุดผมก็ไม่มั่นใจว่าครั้งต่อไปจะยังมีความกล้าที่จะยอมเหมือนในตอนนี้รึเปล่า


“ขอบคุณแพน...ฉันจะไม่ทำให้นายเจ็บ”คำพูดนั่นทำให้ผมยิ้มออกแต่ก็ต้องเปลี่ยนเป็นครางอย่างรวดเร็วเมื่อขาถูกจับให้อ้าออกโดยที่ตินค่อยๆยกสะโพกผมขึ้น


“อ๊ะ อื้อออ”ผมเลือกที่จะหลับตาเพื่อจะได้มองไม่เห็นภาพน่าอายตรงหน้าทว่าการหลับตายิ่งทำให้ผมสัมผัสถึงสิ่งที่ค่อยๆเข้ามาภายในได้อย่างชัดเจน


ความเจ็บแล่นเข้ามาในร่างแต่ไม่เหมือนกับครั้งแรก อาจเพราะมีตัวช่วยในการล่อลื่นทำให้ความเจ็บที่มีทุเลาลง...


ถ้าประมาณนี้ยังทนได้


“อ๊า....ติน”เมื่อความเจ็บปวดเริ่มแปรเปลี่ยนร่างกายผมก็สั่นระริก ความรู้สึกดีถาโถมเข้ามาอย่างรุนแรงจนลืมความเจ็บก่อนหน้าไปจนหมดสิ้น


แรงขยับของนิ้วเรียกเสียงครางของผมออกมาได้ทุกครั้ง สองมือผมกำผ้าปูที่นอนแน่นเพื่อหวังว่าจะช่วยระบายความรู้สึกดีนี่ให้ออกไปบ้าง


เพียงแค่ถูกกระทำตรงนั้นผมก็ถึงกับปลดปล่อยออกมาอีกรอบโดยที่ตินไม่ได้สัมผัสส่วนนั้นของผมเลยด้วยซ้ำ


“ท่าจะพร้อมแล้ว...ฉันขอนะแพน”ตินบอกพร้อมกับขยับตัวเข้ามาใกล้ ความรู้สึกของสิ่งที่อยู่ภายในร่างถูกดึงออกและแทนทีด้วยสิ่งที่ใหญ่และร้อนกว่ามาก


“อื้อ...เจ็บ...”ความเจ็บปวดคือสิ่งแรกที่สัมผัสได้ นั่นทำให้ผมถึงกับนิ่วหน้า


ใจหนึ่งก็อยากจะบอกให้ตินหยุดแต่เพราะรู้สึกว่าถ้าทนอีกนิดความเจ็บที่มีก็จะหายไป ผมเลยเลือกที่จะกัดปากตัวเองเพื่อไม่ให้พูดคำว่าหยุดออกไป


“ไม่เป็นไรแพน...เดี๋ยวก็ไม่เจ็บแล้ว...ทนอีกนิดนะ”คำปลอบโยนที่ได้ยินช่วยเป็นกำลังใจให้ผมได้มาก


“อืม...ติน...อึดอัด”ผมบอกออกไปเสียงเบา สิ่งที่เข้ามาในร่างดูจะขยายมากกว่าเดิมซะอีก


“โทษที ก็นายเล่นทำท่าทางแบบนี้ ฉันควบคุมสติตัวเองได้ก็ดีเท่าไหร่แล้ว”


“อย่ามาโทษกันนะ...คุณมันหื่นจริงๆ”ผมบ่นกลับไป


“อ่า...ขอขยับนะ”


“ไม่รู้...อ๊ะ...”ร่างกายถึงกับสะดุ้งเมื่อตินค่อยๆขยับตัวโดยเริ่มจากเนิบๆแล้วค่อยๆเพิ่มแรงเข้าไปจนทั้งร่างของผมสั่นไปหมด


ไม่กี่วินาทีหลังจากการขยับความเจ็บปวดก็ถูกแทนทีด้วยความกระสันจนแทบสิ้นสติ


มันรู้สึกดีจนทำได้เพียงแค่ครางออกมาเท่านั้น


“อื้ออ...อ๊า...ติน...”


“หายเจ็บรึยังแพน?”เสียงของตินดังขึ้นก่อนจะขบเม้มตามแผ่นอกสร้างความเสียวซ่านที่มีให้มากขึ้นกว่าเดิมอีกหลายเท่า


“อ๊ะ...ไม่เจ็บ...”รู้สึกดีสุดๆเลย


“รู้สึกดีไหม?”


“อื้อ...อย่าถาม...”ผมไม่ตอบคำถามน่าอายนั่นแน่


“ถึงไม่ตอบฉันก็เดาได้”


“อย่ามากวน...อื้ออ~”แรงกระแทกที่เพิ่มขึ้นทำให้มือที่กำผ้าปูที่นอนแน่คลายออกแล้วคว้าคอตินมากอดไว้แน่นแทน เสียงหอบหายใจของตินดังขึ้นข้างหูเป็นจังหวะเดียวกับแรงจากสะโพกที่ขยับไม่หยุด


ตินก้มลงมาประกบจูบอย่างดูดดื่มและร้อนแรงอีกครั้งพร้อมกับแรงขยับที่มากกว่าเดิม และไม่นานอารมณ์ทุกอย่างก็ถูกปลดปล่อยออกมาในเวลาไล่เลี่ยกัน


“แฮ่ก...อื้อ...”ทันทีที่กิจกรรมสิ้นสุดผมก็แทบไม่มีแรงแม้แต่จะขยับร่างกาย


“ไหวไหม”ตินที่ขยับไปนั่งข้างๆหันมาถาม


“ไม่ไหว”ตอนนี้ผมไม่ไหวแล้ว


ตอนที่กำลังทำอยู่มันก็รู้สึกดีอยู่หรอกแต่พอเสร็จแล้วรู้สึกเหมือนโดนดูดพลังงานออกไปจากร่างเลย


ถ้าให้ขยับตอนนี้ผมต้องแย่แน่ๆ


“ขอโทษที่รุนแรงไปหน่อย”


“นั่นไม่เรียกว่าหน่อยแล้ว”ผมหันไปบ่น จากการกระทำนั่นอย่าเรียกว่าหน่อยต้องเรียกว่ารุนแรงสุดๆ


“ก็เห็นนายรู้สึกดี”


“ใครบอก”


“ไม่บอกฉันก็รู้น่า...เพราะฉันเองก็รู้สึกดีสุดๆเหมือนกัน”คำตอบนั่นทำให้ผมนิ่งไป


ตินเองก็รู้สึกดีเหมือนอย่างที่ผมรู้สึกงั้นเหรอ


“รู้สึกดี...จริงนะ?”เองถามกลับตรงๆ


“อืม...ดีสุดๆเลยด้วย”


“...ผมก็รู้สึกดีเหมือนกัน”ถึงจะไม่อยากบอกแต่สุดท้ายก็ยอมจนได้


“ฉันรู้...ไว้ครั้งหน้าจะให้รู้สึกดีกว่านี้อีก”


“ฮะ?...ยังจะมีอีกเหรอ”


“คงไม่คิดว่าฉันจะพอแค่ครั้งเดียวหรอกใช่ไหม”น้ำเสียงเจ้าเล่ห์นั่นน่าถีบให้กระเด็นจริงๆเลย


“ไม่ให้แล้ว ผมเหนื่อย”ไม่ใช่แค่เหนื่อยธรรมดาแต่เหนื่อยสุดๆ


“วันนี้ยอมให้ก่อนละกัน เห็นว่าเป็นครั้งแรกหรอกนะ”


“ไม่คิดจะถนอมกันหน่อยรึไง”ผมบ่นอุบอิบ


“ถนอมสิ เดี๋ยวพรุ่งนี้พาไปเลี้ยงของอร่อย”


“พูดแล้วนะ ห้ามกลับคำด้วย”ผมเด้งตัวลุกขึ้นนั่งทันทีที่ได้ยินว่าจะพาไปกินของอร่อย


“หึ ไหนบอกว่าเหนื่อยไง”


“ก็เหนื่อย แต่ก็อยากกินเหมือนกัน”


“เทพแห่งการกินจริงด้วย”


“ต้องให้บอกอีกกี่ครั้งว่าเป็นเทพแห่งพฤกษาน่ะ”ผมรีบแก้ด้วยเสียงดังลั่น


“ตอนนี้นายไม่ใช่เทพแล้วนะ อย่าลืมสิ”ตินบอกพร้อมกับคว้าตัวผมไปกอดไว้หลวมๆ ฝ่ามืออุ่นๆลูบเส้นผมสีเขียวเข้มที่ชื้นเล็กน้อยไปมา


“นั่นสิ...ตอนนี้ผมไม่ใช่เทพแล้ว แต่เป็นมนุษย์”


“เสียใจไหม”อยู่ๆตินก็ถามขึ้น


“ไม่เลยสักนิด”ผมเงยหน้าขึ้นไปสบดวงตาสีฟ้าสดพร้อมคำตอบที่ไม่ต้องเสียเวลาคิดสักนิด


การที่ได้เจอตินทำให้ทุกๆอย่างเริ่มเปลี่ยนไป


มนุษย์คนแรกและคนเดียวที่อยากช่วย


ถ้าย้อนกลับไปในวันนั้น วันที่เห็นตินโดนยิงล้มลงจมกองเลือด ไม่ว่าจะกี่ครั้งผมก็เลือกที่จะช่วยต่อให้รู้ว่าในอนาคตผมจะหมดพลังของความเป็นเทพลงก็ตาม


ผมไม่สนใจหรอกว่าผมจะมีพลังหรือไม่มีพลังเพราะในตอนนี้ที่มีตินอยู่ข้างๆทำให้ทุกๆวันล้;นมีแต่ความสุขอย่างที่ตลอด300ปีที่ผ่านมาไม่เคยได้สัมผัส


ตัวผมไม่เคยคิดว่าจะมีวันที่มีความรู้สึกที่เรียกว่ารัก


และยิ่งไม่เคยคิดด้วยว่ารักนั้นจะเกิดขึ้นกับมนุษย์


แต่ตอนนี้ผมกลับดีใจที่คำรักของผมได้มอบให้กับมนุษย์ที่ชื่อว่าติน


.....................................................จบบริบูรณ์.......................................................

สวัสดีค่ะ

ในที่สุดวันนี้ก็มาถึงจนได้...วันที่เรื่อง ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ ได้จบลง

เป็นความรู้สึกที่บอกไม่ถูกว่าโล่งใจที่สามารถแต่งได้จนจบหรือเศร้าที่ไม่ได้แต่งถึงความน่ารักของแพนและตินอีก

ตลอดระยะเวลาหลายเดือนที่ผ่านมาเรามีความสุขมากๆในการแต่งเรื่องนี้ซึ่งเนื้อหาอาจไม่ได้มีอะไรมากมายนักแต่เราก็พยายามถ่ายถอดออกมาในแบบของตัวเองอย่างดีที่สุด

หวังว่าทุกคนที่ได้อ่านเรื่องนี้จะได้มีความสุขและอมยิ้มไปพร้อมๆกันนะคะ

เราเองก็แต่งนิยายมาได้ไม่นาน พวกสำนวนอาจจะยังไม่ดีนักแต่จะพยายามปรับปรุงให้ดีขึ้นเรื่อยๆนะคะ

ขอบคุณทุกๆคอมเม้นท์และทุกๆกำลังใจที่มีให้ตลอดนะคะ

รู้ว่าเป็นตอนสุดท้ายแต่ไม่รู้ว่าจะเขียนอะไรดี 555

เอาเป็นว่าประมาณต้นปีหน้าจะมีข่าวดีเรื่องการรวมเล่มของเรื่องนี้ค่ะ

ใครสนใจหรืออยากมีแพนและตินไว้ในครอบครองสามารถติดตามข่าวได้ทางเพจเรานะคะ

>>nicedog<<

สำหรับเรื่องต่อไปจะเป็นเรื่องที่หลายคนรอคอย ภาค3 ของ Jurassic ใครชอบอ่านแนวแฟนตาซีสามารถตามไปอ่านได้นะคะ
มารอลุ้นความสัมพันธ์ของไดโนเสาร์กลายพันธ์ุกับมนุษย์กันว่าจะลงเอยกันได้อย่างไร

ไว้เจอกันใหม่ในนิยายเรื่องหน้านะคะ

บ๊ายบาย

nicedog :mew1:

♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪

ออฟไลน์ jamesnaka

  • วิหคเหมันต์
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 152
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-1
 :pig4: :pig4: :pig4:

สนุกมากค่ะ ขอบคุณนักเขียนสำหรับนิยายเรื่องนี้ ขอบคุณจ้า

ออฟไลน์ SaJung13

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1060
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +76/-1
ขอบคุณที่เขียนนิยายดีไ ฟิวกูดแบบนี้มาให้อ่านนะคะ
ใจจด ใจจ่อ อยู่ที่จูราสสิคพาก3เลยเนี้ยยยย

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8896
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80

ออฟไลน์ เป็ดอนุบาล

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1405
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-2
       สำหรับเรื่องของตินและแพนที่จบไปนั้นก็เป็นอีกเรื่องที่อ่านแล้วสนุกหัวเราะไปกับการกินจุของแพนและการตามใจของตินผู้ชายที่ปากเเข็งแต่น่ารักมากที่สุดอิอิ
      ส่วนเรื่องหน้าดีใจมากค่ะที่จะได้อ่าน ภาค3 ของ Jurassic แล้วรออ่านค่ะเป็นกำลังใจให้นะค่ะ :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:

ออฟไลน์ ่jum

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3709
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-4

ออฟไลน์ Al2iskiren

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1789
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-3
ขอบคุณสำหรับนิยายสนุกๆนะคะ
 :pig4:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด