- LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 32 P.14 ✽update 2.11.2018✽
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 32 P.14 ✽update 2.11.2018✽  (อ่าน 127710 ครั้ง)

ออฟไลน์ idee

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 79
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-2
18.15

ผมนั่งเหนื่อยๆกองอยู่บนเก้าอี้หลังจากปริ้นงานและเอาให้พี่ฝ้ายรีวิวเสร็จ
ข้อมูลที่จะเอาไปคุยกับคุณตะวันเตรียมพร้อมเรียบร้อยแล้วครับ ตอนนี้เหลือแค่รอเวลาเท่านั้น
ในระหว่างนี้ขอเดินไปกินโค้กแป๊บ นี่กระป๋องแรกของช่วงสองอาทิตย์นะครับ

ผมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูไลน์ไปพลางๆ
พอกดเข้าไปก็เห็นไอ้น้ำทักมาตั้งแต่ช่วงเที่ยงๆ

Nahm_Tect : เย็นนี้มึงว่างป่ะ
Nahm_Tect : แดกข้าวมะ กูไปแถวออฟฟิสมึง

ว่างก็เห้ละครัชคุณน้ำ กูเพิ่งมีเวลาหายใจเมื่อกี้เอง
 
Wynn_Tect : ไม่ว่างว่ะ มีประชุมตอนเย็น น่าจะดึก ไว้วันหลังนะ

“วินน ไปกันเหอะะะ” พี่ฝ้ายเดินมาเรียกผมที่แพนทรี่เสียงแจ๋วๆ ทำให้ผมต้องรีบขานรับ

“ครับบบ ไปแล้วครับบ”
แล้วก็ได้แต่วิ่งกลับไปหอบข้าวของ สะพายกระเป๋าเตรียมไปพรีเซนต์งานนอกเวลาและสถานที่กับคุณชายตะวัน

_ _ _ _

19.10

ผมกับพี่ฝ้ายนั่งทำตาปริบๆรออยู่ในห้องที่คุณเลขาคนสวยจัดไว้ให้เพราะคุณตะวันยังติดประชุมอยู่
อื้อหือ ทุ่มกว่าแล้วนะ ผู้บริหารนี่ไม่มีเวลาเลิกงานเหรอครับ
ผมนั่งอ่านเอกสารในมือทวนไปเรื่อยๆ ในขณะที่พี่ฝ้ายนั่งฮัมเพลงไปแชทไปอย่างอารมณ์ดี
เจ๊ครับ สนใจลูกนกลูกกาอย่างไอ้วินหน่อยเถอะครับ

ไม่นานนักร่างสูงที่ผมคอยอยู่ก็เดินเข้ามาแบบรีบๆ
“สวัสดีครับ ขอโทษที รอนานไหมครับ คุณฝ้าย วิน”

พี่ฝ้ายกับผมรีบลุกขึ้นยืนแล้วสวัสดี “ไม่นานค่า นี่ยังไม่ถึงเวลานัดพวกเราเลย”

“ก็กลัวว่าจะรอกันนานครับ ประชุมที่แล้วควรจะเสร็จตอนทุ่มนึง ถ้ายังไงผมขอเวลาสักสามนาทีนะครับ เดี๋ยวเรามาคุยกัน”

“ตามสบายค่ะคุณตะวัน”
วันนี้คุณตะวันดูเหนื่อยกว่าที่เคย ผมที่เคยเซทมาเป็นอย่างดีมีเค้ายุ่งนิดๆ ร่างโปร่งอยู่ในเสื้อเชิ้ตสีขาวเรียบกริบแบบไม่มีเสื้อสูท ผูกเนคไทสีน้ำตาลเข้มกับกางเกงสแลคสีดำสนิทเดินออกไปไวๆ

อีกไม่นานนักหน้าหล่อๆ ของลูกชายเจ้าของตึกก็โผล่มาพร้อมกับถือกระเป๋าเอกสารหนังสีดำ และเสื้อสูทที่พาดอยู่บนแขน
เห? เอามาทำไมอ่ะ

“วันนี้ขอประชุมข้างนอกก็แล้วกันนะครับ พอดีจริงๆตอนนี้ออฟฟิสผมปิดแล้วล่ะ เดี๋ยวพวกคนดูแลต้องกลับกันดึก” เขาพูดเร็วปรื๋อ พยักเพยิดไปทางด้านนอก “ยังไงเราทานข้าวไปคุยกันไปได้ไหมครับ”

“ได้ค่ะ ข้อมูลวันนี้ที่เอามาคุยกันเป็นข้อมูลเบื้องต้น อยากจะเสนอพวกคอนเซปต์กับผังหลักๆ เดี๋ยวยังไงคุณตะวันเอาไปอ่านก่อนแล้วค่อยแอพฟรูฟก็ได้ค่ะ”

ผมกับพี่ฝ้ายก็เดินตามต้อยๆ ลงจากตึก แล้วก็เดินไปยังห้างหรูที่อยู่ติดกันกับออฟฟิสแบบมาทางเดินเชื่อม สะดวกกว่านี้ไม่มีแล้วครับ ฝั่งนึงก็รถไฟฟ้า อีกฝั่งนึงก็ห้างดัง ที่ดินโลเคชั่นแบบนี้ตารางวาละกี่แสนกันนะ


คุณชายเดินนำพวกผมฉับๆตรงเข้าไปยังร้านอาหารที่ชีวิตนี้ผมได้แต่เดินผ่าน


“คุณฝ้ายกับวินสั่งได้เลยนะครับ ร้านนี้อร่อยจริงๆ”

ผมนั่งจ้องเลขราคาในเมนูด้วยสายตาเลื่อนลอย นี่ราคาพาสต้าหรือโต๊ะจีนอ่ะครับ ทำไมเลขดูละลานตา
ด้วยความไม่รู้จะสั่งอะไร อ้ำๆอึ้งๆสั่งสลัดตามพี่ฝ้ายไปละกัน บวกด้วยครับ บวกด้วย!
คุณตะวันเลิกคิ้วนิดหน่อยแล้วถามว่าจะอิ่มเหรอครับ ได้แต่ยิ้มแห้งๆตอบว่าสบายมากครับ ทั้งเนื้อทั้งตัวเนี่ย พอจ่ายแค่สลัดล่ะครับบอกเลย

หลังจากได้น้ำแร่จากแหล่งธรรมชาติมากินแก้กระหาย ก็ได้เวลาโซโล่โปรเจ็กต์ให้ลูกค้าฟังละครับ

ผมเปิดคอมนั่งอธิบายที่มาที่ไป ข้อจำกัดของพื้นที่ แผนผังคร่าวๆ ให้คุณตะวันฟัง คนตรงข้ามนั่งฟังตาปริบๆพลางจดโน้ตสั้นๆลงใน Handout ที่ผมเตรียมไว้ให้ ก่อนจะได้พูดเรื่องพื้นที่ขายอาหารก็มาวางตรงหน้าพอดี

สลัดผักใบเขียวกับแซลม่อนรมควันชิ้นโตสองอ่างถูกวางลงที่หน้าผมกับพี่ฝ้าย ส่วนสเต็กขาแกะกับมิ้นท์เจลลี่ของคนฝั่งตรงข้ามนั่นดูระยิบระยับเหลือเกินครับในสายตาผม ไม่เอานะ อย่ามาท้องร้องตอนนี้

“อ้ะ เชิญเลยนะครับ ไม่ต้องเกรงใจ” คุณตะวันพูด “ผมต้องขอเสียมารยาทหน่อย ขอฟังไปทานไปนะครับ นี่มื้อแรกของวันเลย”

“โห นี่จะเกือบสองทุ่มแล้วนะคะ” พี่ฝ้ายทัก

“พอดีเสาร์นี้ผมต้องไปเซี่ยงไฮ้กับเกาหลีน่ะครับ ประชุมยาวสองอาทิตย์ทุกอย่างเลยมาอัดเอาช่วงนี้”

“เหนื่อยหน่อยนะคะ คุณตะวันเชิญเลยค่ะ เดี๋ยวให้วินสรุปตรงนี้ให้ฟัง กับเรื่องแบรนด์ดิ้งนิดหน่อยแล้วไม่กวนละค่ะ”
อีกฝ่ายพยักหน้าแล้วผมก็เริ่มอธิบายต่อ

ตัวเลขพื้นที่ขายกับราคานั้นผ่านตาคุณตะวันมาบ้างแล้วในห้องไลน์และอีเมลล์ที่ผมอัพเดทไป แต่คนตัวสูงดูจะสนใจข้อมูลของแบรนด์ดิ้งมากเป็นพิเศษ

“ดีครับ ผมว่าภาพลักษณ์แบบนี้ดูเข้ากับโครงการของเรา” เขาว่า “ถ้ายังไงรบกวนส่งข้อมูลอันนี้แยกให้ผมอีกทีได้ไหมครับ”

“ได้ครับ”

“ทางคุณตะวันมีข้อสงสัยอะไรอีกหรือเปล่าครับ” ผมถามขึ้น สลัดของพี่ฝ้ายร้องลงไปมากแล้ว แถมตอนนี้แกเหล่มองนาฬิกาแล้ว อย่าเพิ่งทิ้งโผมมม

“อืมม ตอนนี้ยังไม่มีครับ ผังนี้โอเค แต่จำนวนพื้นที่ขายกับราคานี่ผมคงต้องขอเอาไปศึกษาก่อน” อีกฝ่ายตอบแล้วพลิกดูเอกสารพลางๆ “วินกับคุณฝ้ายทานเถอะครับ” ผมรีบก้มหน้าลงไปหาจานสลัดแล้วกินให้เร็วที่สุดเท่าที่มารยาทจะอำนวย จะได้ขอตัวออกไปพร้อมพี่ฝ้าย

ทำไมมันยากจังวะ ผมคิดในขณะพยายามจิ้มส้อมลงบนมะเขือเทศที่กลิ้งหนี

“ฮ่ะฮ่ะ ไม่ต้องรีบขนาดนั้นก็ได้ครับวิน มีธุระหรือเปล่าครับ” คนนั่งตรงข้ามถามขึ้นขำๆ

“อ้ะ เปล่าครับ คือ..”

“แหะๆ คนมีธุระน่ะฝ้ายเองค่ะ” เจ้านายสุดสวยผมพูดขึ้น

“อ้าว ผมขอโทษทีครับ คุณฝ้าย ผมไม่ทราบเลย”   

“ไม่เป็นไรค่า”

“จริงๆ ตรงนี้ไม่มีอะไรแล้วนะครับ ถ้าคุณฝ้ายจะไปก่อนก็ได้” คุณตะวันมองดูเอกสารทุกอย่างเร็วๆ

“เอางั้นนะคะ ถ้ามีอะไรสงสัยก็ถามวินได้เลยนะคะ มือเซียนค่ะคนนี้”
พี่ครับ!อย่าาาาา!! เอาผมไปด้วยยยเส่ะะะ

“งั้นฝ้ายต้องขอตัวก่อนจริงๆ อันนี้..” พี่ฝ้ายหยิบกระเป๋าสตางค์ขึ้นมา

“อ็ะ ไม่ต้องครับ ผมชวนออกมา มื้อนี้ผมต้องจ่ายสิครับ” คุณตะวันพูดดักคอ

“แต่ว่า.. ทีมฝ้ายมีกันตั้งสองคนนะคะ” พี่ฝ้ายแย้ง

“ไว้คราวหน้าก็ได้ครับ มื้อนี้ไม่ให้เลี้ยงผมโกรธนะ” ส่งยิ้มพิฆาตไปแถมให้เจ้านายผมด้วย อื้อหือ โดนดาเมจไปสิ

“อ้าา ค่ะ งั้นขอบคุณค่ะสำหรับมื้อนี้ คราวหน้าฝ้ายไม่ยอมแล้วนะคะ” พี่ฝ้ายขยับตัวลุกขึ้นแล้วร่ำลาไปด้วยความเร็วแสง


เจ๊ครับ น้องเจ๊ล่ะครับ...
ผมนั่งเขี่ยผักที่อยู่ในจาน หมดเรื่องงานก็ไม่รู้จะคุยอะไรแล้วครับ

“อิ่มเหรอเราน่ะ” คนตรงหน้าเอ่ยขึ้น

“เอ่ออ ก็อิ่มนะครับ” ผมตอบแก้เขิน อีกฝ่ายอมยิ้ม

“แต่พี่ยังไม่อิ่ม.. ว่าจะสั่งอีกจานแต่คงทานไม่หมด ช่วยหน่อยได้มั้ยล่ะ?”

“หา?”

“นั่นแหละ ขอโทษนะครับ ขอสั่งอาหารเพิ่มหน่อย” ว่าแล้วก็หันไปสั่งพาสต้าอะไรสักอย่างชื่อยากๆกับพนักงาน แล้วก็มานั่งตีมาดขรึมอ่านเอกสาร ขีดๆเขียนๆ ต่อไป


หือ?
ผมนั่งตาโตจ้องปากกาหมึกซึมเนื้อด้านสีส้มอิฐในมือคนตรงข้าม..
เดี๋ยวก่อนนนนนนนน

“เอ่อ…” ผมปากคอสั่น
“คุณตะวันครับ… เอ่อ พี่ตะวัน… ปากกาอันนั้น..” เปลี่ยนสรรพนามกลางคันเพราะเจ้าของชื่อเงยหน้ามามอง

“อ๋อ.. อันนี้ Lamy Terracotta ปี 1980 น่ะครับ” พูดแล้วก็ชูขึ้นมาให้ดู
 

คุณพระ…..
เคยเห็นแต่ในอีเบย์ ไม่นึกว่าจะได้มาเห็นของจริง แม่งเอ้ยยยย

“ชอบล่ะสิ เอาไปดูมั้ย”
ม่ายยยย คุณตะวันครับ อย่าเอามันมาใกล้ผมมมมมม
มันงดงามเกินไปปปปปป ม่ายยยยยยยยย

คนอย่างไอ้วินเคยปฏิเสธเรื่องอะไรแบบนี้ได้ด้วยเหรอครับ...
จบท้ายที่ผมเอามือถือมาถ่ายรูปเก็บไว้ทุกมุมก่อนจะส่งคืนอย่างอาลัยอาวรณ์พร้อมเสียงหัวเราะขำๆของคุณชายตะวัน

ไม่นานนักพาสต้าชื่อประหลาดของคนตรงหน้าก็ถูกวางลงตรงกลาง

“อ่ะ วินแบ่งไปทานก่อนเลย”

“ไม่เป็นไรครับ พี่..ตะวันทานก่อน หิวไม่ใช่เหรอครับ ไม่ได้ทานมาทั้งวันเลย”
คนตรงหน้ายิ้มบางๆ ก่อนจะม้วนเส้นพาสต้าไปสองรอบ แล้วเลื่อนจานมาให้ผม

“เห”

“พี่อิ่มแล้วอ่ะ สงสัยเมื่อกี้หน้ามืดสั่งมา ฝากวินจัดการหน่อยแล้วกัน”

“มุกแล้วครับ” ผมแย้ง

“ไม่ต้องวิเคราะห์ไปซะทุกเรื่องก็ได้น่า” อีกฝ่ายตัดบทแล้วชวนคุยเรื่องอื่นแทน


จริงๆแล้วพออยู่นอกออฟฟิส คุณตะวันอะไรนี่ก็แทบไม่เหลือมาดคุณชายบริษัทใหญ่โตเลยนะ คนตรงหน้าชวนผมคุยเรื่องเจ้าเซโร่หมาไซบีเรียนที่บ้านแก บอกว่ามันสุดจะซนและติงต๊องซะเหลือเกิน ทำยังไงก็สอนให้เชื่อฟังไม่ได้ซักที เออ เศรษฐีก็มีเรื่องแบบนี้เนอะ ผมนั่งหัวเราะกับวีรกรรมป่วนๆที่พี่แกเล่าให้ฟังจนปวดท้องไปหมด

ไม่นานนักอาหารตรงหน้าของผมก็หมดลง

“เฮ่ออ อิ่มจริงๆแล้วครับ” ผมบอก “ขอบคุณพี่ตะวันครับ”

“ฮ่าๆ ดีแล้วๆ แล้วนี่วินกลับยังไง”

“รถไฟฟ้าครับ สบายมาก คอนโดอยู่ใกล้ๆนี่เอง” ผมรีบบอก คืนนี้คงกลับบ้านไม่ทันแล้ว

“พี่ไปส่งมั้ย?”

“โอ้ย ไม่เป็นไรครับ รถไฟฟ้าสะดวกกว่าจริงๆ” ผมรีบปฏิเสธ

“อ่ะ เอางั้นก็ได้” ว่าพลางจัดการหยิบบัตรเครดิตเงาวับออกมาจ่ายเงิน

หลังจากออกมายืนหน้าร้าน ผมก็ขอตัวกลับ ส่วนคุณตะวันก็เดินกลับไปที่ตึก AA ที่แกจอดรถทิ้งไว้

กำลังจะออกเดิน สายตาก็พลันไปเจอเข้ากับร่างคุ้นตา


อ้าว? ไอ้น้ำ?

_ _ _ _


แฮ่ มาเสิร์ฟตอนที่ 10 แล้วค่า
ขอโทษที่เลทไปหน่อยนะคะ แก้ตัวด้วยการเขียนซะยาวเลย ทดแทนกันได้มั้ยน้า
ขอบคุณทุกคนที่คลิกเข้ามาอ่านกันค่ะ ขอบคุณทุกๆคอมเมนต์เลย ขอกอดรวบๆสักสามสี่ที

คนไหนคิดถึงคุณตะวันบ้างน้าา มีบทแล้วนะเออ 5555
ส่วนเด็กหวานดูอารมณ์ขึ้นลงยังกะคนวัยทอง นี่เด็กปีหนึ่งจริงๆเหรอคะ
จริงๆแล้ววินเป็นคนคิดมากนะคะ แต่ฮีไม่ค่อยคิดเรื่องส่วนตัวเท่าไหร่ ถ้าเรื่องงานล่ะถึงไหนถึงกัน


รักทุกคนค่ะ
จุ๊บุ <3

 :pig4: :pig4: :pig4:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 30-09-2017 12:38:52 โดย idee »

ออฟไลน์ warin

  • รถไฟขบวนนั้น ได้แล่นผ่านไปแล้ว
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1938
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +60/-1
    • -

ออฟไลน์ winndy

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1135
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +89/-3
พี่ตะวันก็ชอบ แต่เชียร์หวาน

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3333
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6
 :L2: :pig4:

ขอบคุณสำหรับตอนใหม่คุณคนเขียน
ติดตาม
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 16-07-2017 16:26:51 โดย Billie »

ออฟไลน์ ก้มหน้าก้มตา

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 138
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-0
ทำไมแอบเชียร์คุณตะวันนาาาา :mew4: :hao7:

ออฟไลน์ saccarrum

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 142
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
จบได้ค้างมาก  :ling1: :ling1:
ฮืออออ ต้องรอไปอีกนานแค่ไหน ค้างงงงง ฮ่าๆๆ
เป็นกำลังใจให้นะคะ สนุกกกกกก เสพติดตี๋วิน

ออฟไลน์ maemix

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4414
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +299/-3

ออฟไลน์ idee

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 79
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-2
ความเสี่ยงที่ 11

ไอ้น้ำหรี่ตามองแล้วร้องทักมาแต่ไกล

“แน่ะ ไอ้ตี๋ เมื่อกี้ใครอ้ะ”

“ลูกค้า แล้วนี่มึงมายังไงเนี่ย”

“กูมาถ่ายรูปดีเทลชอปที่เขียนไป” ว่าแล้วก็ชูกระเป๋ากล้องให้ดู “บอกแล้วไงว่าจะมาแถวออฟฟิสมึง”

“อ๋ออ..” ผมร้อง จะว่าไปจริงๆที่นี่ก็ห่างจากที่ทำงานผมแค่สองสถานีเอง

“แต่เดี๋ยวก่อน ของมึงอ่ะยังไม่จบ ลูกค้าอะไรนั่งร้านโคตรหรู”

“พ่องสิครัชเพื่อน ลูกค้าจริงๆ นี่งานเต็มมือกูเลยเนี่ย” 

“แล้วต้องมาอะไรกันเวลานี้ นี่สามทุ่มกว่าละสัด เวลางานมีไม่คุย นี่ไม่ต้องกลับบ้านหรือไง” มันพ่นเป็นชุด

“เดี๋ยวๆ พ่อกูมั้ง”

“ไปเลยเร็วๆ” มันจับผมหมุนตัวแล้วเอามือดันหลังผมให้ออกเดิน

งงไปสิครับ

“หะ ไปไหน”

“แดกข้าวสิ กูหิว”

“แต่กูเพิ่งกินมา นี่กูจะกลับคอนโดแล้วว”

“ก็ไปแดกเกาเหลาหน้าคอนโดมึงไง”

เดี๋ยวๆ ช่วยให้เกียรติของในพุงกูบ้าง พาสต้าแพงเชี่ยๆเลยนะเห้ย

_ _ _ _

21.40

ผมนั่งเท้าคางเปิดดูรูปในกล้องไปเรื่อยๆ ในขณะที่เจ้าของ Canon D70 ในมือกำลังก้มหน้าก้มตากินเกาเหลาหมูกรอบ
ดูไปก็ได้แต่ถอนหายใจ ดีเทลดีไซน์นี่ยากจัง นี่ให้กลับไปทำคงตายแหงๆ

“นี่มึงถ่ายรูปกี่โมงเนี่ย ทำไมเลิกเอาป่านนี้” ผมถาม

“ก็หลังเลิกงานอ่ะ กูเลิกทุ่มครึ่ง กว่าจะมานี่ กว่าจะถ่าย ก็เสร็จตอนสามทุ่มพอดี”

“แหม แล้วเสือกมาชวนกูแดกข้าวเย็น ต้องหิ้วท้องรอมึงมั้ง”

“ก็กะว่าถ้ามึงว่างกูจะออกมาก่อนไง” มันตอบเรียบๆ “แต่เห็นมึงยุ่ง กูก็เลยไม่ได้รีบ ใครจะรู้วะว่ามีเดทกับหนุ่ม”

“เดทพ่องงงงงงงงง”

“ฮ่าๆๆๆ แซวหน่อยเป็นอะไรล่ะ” มันขำ

“เออๆ ลูกค้าที่กูคุยมาวันนี้ แม่งมีลามี่เทราคอตต้าด้วยอ้ะ”

“เหยด ด้ามละสามหมื่นอ่ะนะ”

“เออ ของแท้ด้วย กูจับมาละ”

“อื้อหือ รวยสัด”

“เออ รวยเชี่ยๆ ลูกชายเจ้าของบริษัท AA” พูดแล้วก็ดูดน้ำเก๊กฮวยในแก้วไปด้วย ฮ่าห์ สดชื่น

“เชรดดดด งั้นมีซักร้อยด้ามก็ไม่แปลกป่ะวะ” มันเงยหน้าขึ้นมาถาม “มีเงินก็ซื้อได้ดิ่”

“นี่กูไม่ได้ชื่นชมที่มาหรือเจ้าของปากกา กูชื่นชมตัวปากกาต่างหาก นี่ แท่งนี้ในฝันกูเลย ดูดิ่มึ๊งงง” ผมชูรูปที่ถ่ายให้ดูในโทรศัพท์
ไอ้น้ำหยิบไปแล้วพยักหน้าหงึกๆ ก่อนจะส่งคืนแล้วแล้วก้มลงไปกินต่อ

“เดี๋ยวมึงก็ซื้อได้ ทำงานไถนาไปดิ่” มันถอนหายใจแล้วบอกสั้นๆ

โคตรแปลก

ผมขมวดคิ้ว ปกติแม่งต้องตื่นเต้นกว่านี้ดิ่ นี่ปากกาในตำนานเลยนะ มันยังจะเห็นตือฮวนในชามสำคัญกว่าอีกเหรอวะ
แล้วนี่ก็ยังไม่ยอมกิน เขี่ยอยู่ได้ อยากให้หมูกรอบมันแตกหน่ออกมาหรือยังไง

เนี่ย! แล้วก็ถอนหายใจอีกละ

“เป็นอะไร” ผมถามขึ้นหลังจากมองมันอ้าปากหุบปากอยู่เป็นครั้งที่สาม “มีอะไรก็ว่ามา”

“แสนรู้จริงๆ มึงนี่” มันพ่นลมหายใจยาว ผมเลยยกเท้าเหยียบตีนมันอยู่ใต้โต๊ะแทนคำด่า แต่นอกจากมันจะไม่ร้องโอดโอยแล้วยังทำเป็นไม่สนใจอีกต่างหาก เครียดจริงนี่หว่า ผมเลยต้องเปิดโหมดจริงจังบ้าง

“พูดได้แล้วครับเชี่ยน้ำ ต้องให้กูง้างปากมึงมั้ย เวลากูเป็นเงินเป็นทอง”

มันถอนหายใจใส่ชามเกาเหลา “พลอยบอกว่า พลอยคุยกับคนนึงอยู่ว่ะ”

“แล้ว?” ผมเลิกคิ้ว

“เป็นงั้นได้ไงวะ” น้ำถอนหายใจอีกรอบ

“ไหนมึงบอกไม่ได้คิดไรกับน้องแล้วไง” เห็นมะ ตอแหลกับเพื่อนชัดๆ

“ก็...ใช่...“ มันพูด “แต่พอได้ยินว่าเขาจะมีคนใหม่ก็ก็โหวงๆ”

“อยากกลับไปคบ?” ผมถาม

มันมองหน้าผมแล้วส่ายหน้าเบาๆ “กูไม่ได้คิดกับเขาแบบคนรักแล้ว แต่ทำไมกูยังรู้สึกแบบนี้วะ”

“มึงเสียดายไง” ผมตอบชัดเจน

“...” น้ำมองหน้าผมตาปริบๆ

“อ้าว จากคนกลายเป็นควายแล้วเพื่อนกู” ผมหัวเราะ

“เวลามึงบอกคนอื่นๆ ว่าไม่มีแฟน แต่ทุกครั้งที่มึงหันกลับไป น้องพลอยก็อยู่ตรงนั้นตลอดไม่ได้ไปไหน มึงเลยอุ่นใจ คิดไปเองว่ามันเหมือนเดิม”

“แล้ว..”

“ก็เขาจะเดินต่อแล้วไง มึงต้องรู้ว่าโลกนี้ไม่มีอะไรเป็นของใครจริงๆ ถ้ามึงคิดว่าตัดความสัมพันธ์แล้วแล้วมันจะ เหมือนเดิม ล่ะก็ มึงเพ้อละ”

“เฮ่ออ..” มันทำหน้าพูดไม่ออกบอกไม่ถูก

“ยิ่งถ้ามึงยังเก็บความทรงจำของเมื่อวานมาเป็นปัจจุบันด้วยน่ะนะ หนัก กูหวังว่าความโหวงของมึงจะเป็นแค่ช่วงสั้นๆ” ผมพูด

“งั้นกูควรยินดีกับเขาใช่ป่ะ”

ผมพยักหน้าตอบ มันไม่ได้ว่าอะไรต่อ พลางก้มลงไปดื่มน้ำเงียบๆ

นานๆ จะเห็นมันซึมเป็นผ้าขี้ริ้วข้างทางแบบนี้นะครับ ไม่สมกับเป็นไอ้น้ำเลย
ผมได้โอกาสเอามะเหงกเคาะหัวมันไปหนึ่งทีแล้วพูดเสียงดัง
“เฮ่อออ...​นี่ไอ้เสือกลุ่มกูมันหายไปไหนวะเนี่ยย โคตรกากเลย”

“กูจะอ่อนไหวบ้างไม่ได้ไง?” มันกุมหัวป้อยๆ ”คนหล่อก็มีหัวใจนะครัช”

“อย่าดราม่า เดี๋ยวแม่งก็ผ่านไป”

“ขอบใจว่ะ”

ผมยิ้ม “ไม่ต้องขอบใจ กูคิดตัง”

“ห่า”

“เลี้ยงหนังกูละกัน อาทิตย์หน้ากูว่าง” ผมรีบสรุป 

อาทิตย์หน้าได้ดูหนังฟรี เย้

พอไอ้น้ำกินข้าวเสร็จก็ได้เวลาแยกย้ายกัน ผมกลับขึ้นคอนโด ส่วนไอ้น้ำก็เดินลอยๆขึ้นบีทีเอสไป สงสัยจะหนักจริง
ฟื้นตัวเร็วๆ ละกันนะเพื่อนยาก

_ _ _ _

22.20

มีบทสนทนาแปลกๆลอยเข้าหูผมในระหว่างเดินเข้าคอนโด
ผมก็เห็นพี่ยามกับผู้หญิงสองสามคนยืนมุงอะไรอยู่ที่สวนหย่อมเล็กๆ

“ทำไงดีอ่ะพี่”


“ไม่กล้าจับว่ะ”

“น่ากลัวอ้ะ”

“ไม่รอดแล้วแหละ”


“เอ่อ... มีอะไรกันหรือเปล่าครับ” ในที่สุดผมก็ตัดสินใจหยุดแล้วเดินเข้าไปถามกลางวง ความเสือกมันห้ามไม่ได้จริงๆครับเนี่ย

“คือ.. นี่น่ะค่ะ” ผู้หญิงคนหนึ่งชี้มือไปที่พื้น

เมื่อมองตามไป สิ่งที่ผมเห็นคือก้อนกลมๆที่ขดตัวอยู่ใต้พุ่มไม้ริมทางเดิน ผมอยากจะบอกว่ามันเป็นลูกแมวสีดำ แต่ตอนนี้ขนที่ควรจะปุกปุยน่ารักกลับหายไปเป็นหย่อมๆ แทนที่ด้วยเนื้อสีแดงก่ำไปทั้งแถบ เจ้าจิ๋วนี่กำลังนอนหายใจรวยรินอยู่ข้างทาง

“เฮ้ย!” ผมตกใจ

“พี่ไม่รู้จะทำยังไงดี” พี่ยามพูด “จะจับก็ไม่กล้า”

“อ่าาาา เอางี้ละกัน คุณครับ ไปหากล่องอะไรก็ได้ให้ผมหน่อย ขอเซเว่นใต้ตึกก็ได้ เดี๋ยวผมเอาไปหาหมอเอง พี่ยามครับ ผมขอผ้าขนหนูที่พาดบ่าพี่หน่อย ผมจะเอามาจับแมว เดี๋ยวผมซื้อคืนให้” ผมพูดเร็วจี๋

“ค.. ค่ะ” เธอพยักหน้าแล้ววิ่งเข้าไปในอาคาร

“ได้ๆ เอาไปเลย” พูดพลางยื่นผ้าขนหนูสีมอมๆใส่มือผมทันที

ไม่นานนักผู้หญิงคนเดิมก็ได้กล่องลูกฟูกขนาดไม่ใหญ่นักมาให้ ผมค่อยๆเอาผ้าห่อมือแล้วพยายามอุ้มลูกแมวตัวเล็กขึ้นมาอย่างเบามือที่สุด แต่แค่ผมแตะโดนมันก็ส่งเสียงครางด้วยความเจ็บ ผิวหนังสีชมพูของมันบวมแดงและมีเลือดไหลซิบๆ โอ้ย ไปโดนอะไรมาล่ะเนี่ย

“พี่ยามครับ เรียกแท๊กซี่ให้ผมหน่อย” ผมกัดฟันหยิบเจ้าตัวเล็กขึ้นมาแล้ววางลงในกล่อง  “ขอโทษ เจ็บนิดเดียว นิดเดียวนะ เดี๋ยวพาไปหาหมอแล้ว อดทนหน่อย”

_ _ _ _

23.20

ผมพาเจ้าตัวเล็กนี่มาที่คลินิกแถวคอนโด โชคดีที่ที่นี่เปิดรับเคสอุบัติเหตุตลอด 24 ชั่วโมง หลังจากยื่นลังกระดาษให้พยาบาลที่เคานเตอร์ พอเห็นสภาพก็รีบโทรเรียกคุณหมอแล้วนำแมวเข้าไปในห้องตรวจทันที นี่ก็เข้าไปนานแล้ว
เฮ้ออ ไอ้วินทำได้เท่านี้ล่ะนะ.. 

“น้ำร้อน?”

“ใช่ค่ะ มันโดนน้ำร้อนราดมา แผลเบิร์นไปถึงกล้ามเนื้อเลย” คุณหมอสาวหน้าตาน่ารักพูดกับผมที่นั่งรออยู่ด้านหน้าเกือบหนึ่งชั่วโมง 

“ด้านซ้ายนี่โดนหนักหน่อย ต้องตัดใบหูข้างซ้าย ตรงขาหน้าด้านซ้ายต้องขูดเนื้อตายออกแล้วลุ้นกันอีกทีว่าจะต้องตัดทิ้งรึเปล่า”

ผมนิ่งไป ใครมันใจร้ายได้ขนาดนี้วะ แมวตัวกระจิ๊ดริดยังจะเอาน้ำร้อนไปราด

“มันจะรอดมั้ยครับ” ผมกลั้นใจถาม

“พูดยากค่ะ ต้องผ่านสามสี่วันนี้ให้ได้ก่อน แมวยังเล็กอยู่ น่าจะราวสามเดือนเท่านั้นเอง โดนน้ำร้อนไปราวๆ 40%ของร่างกาย แผลลึกด้วยค่ะ”

“หมอช่วยหน่อยละกันครับ เดี๋ยวผมรับเป็นเจ้าของเอง” ผมตัดสินใจ ไหนๆก็ช่วยให้ถึงที่สุด

“เคสแมวจรหมอไม่กล้าคิดแพงหรอกค่ะ แต่ช่วงแรกๆ ค่ายาอาจจะแพงหน่อย ต้องให้ยาฆ่าเชื้อกับแก้อักเสบตลอด” คุณหมออธิบาย “แต่ตัวนี้โชคดีนะคะ ได้คุณพามารักษา ไม่งั้นคงแย่แล้ว”

“เห็นแล้วทิ้งไม่ลงน่ะครับ ยังไงก็ฝากด้วยนะครับคุณหมอ ทำให้เต็มที่เลย” ผมบอก

“เอ้อ ตอนนี้แมวอยู่ไหนแล้วครับ ผมไปดูได้มั้ย”

“พยาบาลน่าจะพันแผลเสร็จแล้ว เชิญทางนี้เลยค่ะ”

ผมเดินตามคุณหมอไปด้านหลัง กรงสแตนเลสสำหรับพักฟื้นสัตว์ป่วยถูกติดอยู่กับผนังฝั่งหนึ่งจนเต็ม ด้านล่างๆเป็นกรงขนาดใหญ่ มีลาบราดอร์สีครีมกำลังนอนทำหน้าหงอยอยู่ฟากหนึ่ง ส่วนตรงกลางมีบีเกิ้ลกำลังถูกให้น้ำเกลือ

“นั่นเลยค่ะ จ๋อยอยู่” คุณหมอชี้มือไปที่กรงขวาสุดแถวกลาง ด้านในมีแมวโดนพันผ้าสีขาวไว้เต็มตัวเป็นมัมมี่กำลังนอนนิ่งๆ ผมรีบสาวเท้าเข้าไปใกล้

“ไงล่ะเรา ถึงมือหมอแล้วนะ” ผมพูดเบาๆ ผ่านลูกกรงสเตนเลส เจ้าตัวเล็กมองผมด้วยตาสีอำพันแป๋วแหว๋ว เมื่อดูใกล้ๆก็มีแค่บริเวณหูขวา หน้า เท้าหน้าด้านขวากับเท้าหลังเท่านั้นที่ไม่มีผ้าก๊อซ นอกนั้นก็โดนพันซะแน่น โดยเฉพาะบริเวณที่ควรจะเป็นหูซ้ายที่ตอนนี้เรียบเปล้เพราะโดนตัดใบหูออกไป ผมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายรูปไว้สองสามรูป กะว่าจะเอาไว้ให้พี่ยามที่คอนโดดูซะหน่อย

ผมเดินกระเป๋าเบาออกจากคลีนิครักษาสัตว์ในเวลาเฉียดเที่ยงคืน ค่ารักษาเจ้าแมวนี่ก็เจ็บอยู่เหมือนกันนะครับ ยังดีที่ร้านนี้รับบัตรเครดิต หวังว่ามันจะอาการดีขึ้นในเร็ววัน ไม่งั้นผมคงต้องขายไตเอามารักษาแมวแน่ๆ

_ _ _ _
 
00.23

หลังจากอาบน้ำเสร็จ มองโทรศัพท์ปราดเดียวก็ต้องหยิบขึ้นมาเพราะมีข้อความแจ้งเตือนเยอะไปหมด
นี่ผมไม่ได้แตะโทรศัพท์ตั้งแต่ช่วงทุ่มกว่าๆเลยนี่เนอะ

เอ้า เริ่มเคลียร์! จะได้นอนซักที

แค่กดอ่านแชทแรกก็สะพรึงละครับ...

Mamawannachat : ไม่กลับบ้านก็บอกสิยะ
                         /รูปโต๊ะกับข้าวเต็มสตรีม

 
อุ่ย หม่อมแม่ครับ วินขอโทษ ลืมบอกไปเลยว่าวันนี้จะนอนคอนโด รีบพิมพ์ตอบไปว่าลูกผิดไปแล้ว ส่งรูปแมวไปเรียกคะแนนสงสารด้วยเลยเอ้า แต่ก็เพิ่งคิดได้ว่าม๊าน่าจะนอนไปแล้วเช่นกัน โอ้ย ข้าน้อยสมควรตายย

ดูกรุ๊ปงานบ้างละกัน

อันนี้ผู้ออกแบบแจ้งสเปกกระจกมาใหม่ โว้ะ แล้วอินทีเรียทำไมไม่แย้งเลยล่ะ บอกไปเซ่ว่าของสั่งผลิตไปแล้ว ไม่ทันแล้วเพ่
อีกอย่างนี่คิดยังไงใช้กระจกสีเขียวอี๋กับตึกที่ตึกแคลดดิ้งสีเทา โบราณเป็นบ้าเลย
กระทบหมดเลยนะ ทั้งราคา เวลา และภาพลักษณ์ อันนี้ต้องเคลียร์วันพรุ่งนี้ ปวดหัวแน่ๆครับพูดเลย

อ่ะ กรุ๊ปงานคุณชายตะวัน

Tawan R. : คุณฝ้ายกับวินครับ ผมรีวิวแบบเสร็จแล้ว มีคอมเมนต์ตามนี้ครับ
               /แนบรูป
               ผมจะไปต่างประเทศตั้งแต่วันศุกร์ แต่ติดต่อได้ตลอดนะครับ
P Fye คนสวย : ได้ค่า เดินทางปลอดภัยนะคะ


ฮืออ คอมเมนต์เร็วเป็นบ้าเลย ให้ผมได้พักบ้างเถอะครับพี่คุณชายตะวัน
ทำอะไรไม่ได้นอกจากพิมพ์กลับไป

Wyn_Tect : รับทราบครับ เดินทางปลอดภัยครับ


กลุ่มสุมหัวทำชั่วก็มีเรื่องไ่ม่เป็นเรื่องตามเคย
ผมเลื่อนๆ อ่านข้ามๆเพื่อเคลียร์แจ้งเตือน

สายรหัส 043 ของผมกำลังนัดแนะกันเรื่องเลี้ยงสาย ผมแค่ตอบไปว่าเอาที่น้องๆสะดวก ตัวผมมันกะเกณฑ์อะไรไม่ค่อยได้อยู่แล้วนี่ งานจะเข้าเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ เฮ่อออ

มีน้องปีหนึ่งแอดผมเข้ามาสองสามคน เดาว่าน่าจะเป็นแฟนคลับพี่พีทสุดหล่อ ผมก็ได้แต่ตอบคำถามคำไปเรื่อย แบบเขาถามสามผมตอบคำนึง อะไรแบบนี้แหละครับ เด็กเดี๋ยวนี้ก็กล้าคุยกับรุ่นพี่ปีโตๆเนอะครับ สมัยผมนี่กลัวกันจะตาย

มีข้อความหนึ่งที่ค้างมาตั้งแต่ช่วงสองทุ่ม

นายหวาน : /รูปแมสโมเดล
                พี่ว่าไง อยากได้คอมเมนต์อ่ะ นี่ Study model


ผมกดดูรูป มันเป็นโมเดลที่ตัดง่ายๆ ด้วยกระดาษชานอ้อยและโฟมอัดแผ่นบาง รูปทรงเลียนแบบตึก Church of light ของสถาปนิกไอดอลของเจ้าตัว ทาดาโอะ อันโดะนี่แหละ ผมขยับแว่นสายตาแล้วซูมดูดีเทล

Wyn_Tect : ก็ดีนิ่ โปรเจ็กต์อาจารย์เก่งเหรอ? ที่ให้ตัดโมตึกดังๆอ่ะนะ

ผมว่าไม่เกินสิบวินาที ข้อความของผมก็ขึ้น read แล้วก็มีคำตอบมา

นายหวาน : ทำไมวันนี้ตอบดึกจัง
นายหวาน : ปกติเห็นตอบตอนสามสี่ทุ่ม

Wyn_Tect :  เพิ่งกลับ

นายหวาน : ไปทำอะไรมาอ่ะ

Wyn_Tect : จะถามเรื่องกูหรือปรึกษาเรื่องงาน

นายหวาน : เรื่องงานก็ได้ครับ
นายหวาน : แต่ก็อยากรู้เรื่องพี่ด้วย

Wyn_Tect : เพื่อนเล่นมั้งมึง
Wyn_Tect : โมเดลมึงก็ดูโอเค แต่มึงต้องกรีดชานอ้อยให้เป็นรอยเหมือนคอนกรีตด้วย เก็บรายละเอียดหน่อย วัดระยะให้ดีๆ จุดสำคัญของงานทาดาโอะมันอยู่ตรงนั้น ไม่ใช่แค่แมสกับรูปทรงอย่างเดียว อีกอย่าง งานทาดาโอะมีหยากไย่ด้วยเหรอวะ กาวงี้ยืดเชียว ไม่เนี้ยบเลย

นายหวาน : โห.. ว่าซะเสียเลย

Wyn_Tect : กูไม่ได้บอกว่าแย่ป่ะ แล้วนี่มึงถามเองนะ

นายหวาน : /สติ้กเกอร์หมีบราวน์ตะเบ๊ะ
นายหวาน : เรื่องงานเดี๋ยวไปแก้ แต่อยากรู้ว่าพี่ไปไหนมาครับ กลับดึกจัง


ความเสือกนี้ท่านได้แต่ใดมาครับคุณหวาน
ผมถอนหายใจใส่ไอโฟนแล้วพิมพ์ตอบมันไป

Wyn_Tect : พาแมวไปหาหมอมา

นายหวาน : ?

Wyn_Tect : ไม่ใช่แมวกูหรอก มันไปโดนคนที่ไหนไม่รู้สาดน้ำร้อนใส่มา กูเลยเอาไปรักษา

นายหวาน : อ่าว เป็นอะไรมากมั้ยครับ

Wyn_Tect : /ส่งรูปแมวมัมมี่
                 ต้องตัดใบหูไปข้างหนึ่ง ให้ยาฆ่าเชื้อ ขูดเนื้อตายทิ้งจนกว่าจะหาย

นายหวาน : เห้ย น่าสงสาร ผมช่วยค่ารักษามั้ย

Wyn_Tect : เก็บเงินไว้แดกข้าวเถอะครับมึงน่ะ

นายหวาน : แค่ค่าอาหารแมวก็ได้

Wyn_Tect : กูจะนอนละ ไปนอนไป


ผมกดปิดหน้าจอโทรศัพท์ ไอ้เด็กนี่เรื่องเยอะไม่เคยเปลี่ยน มีเรื่องไลน์มาถามได้ทุกวัน
ใช้อะไรทำโมเดลดี วิชาเลือกจะลงของใคร สตูดิโออาจารย์คนไหนดี โวะ พี่รหัสมันไปไหนวะ

อ้าว เออ แฟนเก่ากูนิ่….

ผมถอดแว่นแล้วบีบหว่างคิ้วเบาๆ ก่อนจะปิดไฟ

ช่างมันเหอะครับ นอนดีกว่า

Rrrr….

ใครวะ โทรมาขัดจังหวะวาร์ปจริงๆ นี่มันกี่โมงกี่ยามแล้ว
กูนอนไปยังไม่ถึงห้านาทีเลย ถ้าเรื่องไม่สำคัญนะมึง ผมคว้ามือถือขึ้นมาแนบหูทั้งๆที่ยังหลับตา

“ครับ”

(ที่ไหนอ่ะ)

“หา…”

(พี่ไปฝากแมวไว้คลีนิคไหนครับ)

“ไอ้หวานนนน….” ผมลากเสียงยาว “อะไรของมึงเนี่ย…”

(โห ดีใจอ้ะ จำเสียงผมได้เหรอ)

ผมพ่นลมหายใจใส่โทรศัพท์แรงๆ แล้วเอาหน้าซุกหมอน “โอ้ยยยยย”

(พี่วิน บอกหน่อยสิครับ ขี้เกียจพิมพ์แล้วอ่ะ)

“นี่มึงโทรมาแค่นี้ใช่มั้ย”

(เรื่องอื่นก็มี แต่เอาเรื่องนี้ก่อนก็ได้ครับ)

“โอ้ยยยย” ผมขยี้หัวตัวเองแรงๆ

(บอกผมมาเหอะ ไม่งั้นผมจะโทรจนพี่นอนไม่ได้เลยคอยดู)

“เฮ่อออ  คนอย่างมึงเนี่ยนะ.. คลีนิครักษาสัตว์ตรงสุขุมวิทซอย 3”

(แค่นั้นแหละ นึกว่าจะได้ตามถึงบ้านละ ฝันดีนะครับ)

เสียใจ กูอยู่คอนโด ไม่ใช่บ้าน
ผมกดตัดสายแล้วโยนมือถือกลับไปไว้ที่หัวเตียง เสียเวลากูมากครับไอ้เด็กบ้า

_ _ _ _

11.20

วันหยุดซักทีครับบบบบบบบบ
วันเสาร์แบบนี้ผมล่ะอยากจะได้นอนอืดตื่นเที่ยงจริงๆ
ผมเดินเอื่อยๆอยู่ริมถนน คิดไปพลางดูดน้ำมะเขือเทศกล่องในมือไปด้วย อืม รสชาติมันก็ไม่แย่เนาะ
นี่ผมงดน้ำอัดลมติดกันเป็นวันที่สามแล้วนะเออ…   

บ่ายนี้ผมตั้งใจว่าจะไปวิ่งที่สวนแถวคอนโดก่อนกลับบ้านไปหาหม่อมแม่ซักหน่อย ซื้อรองเท้ากับกางเกงวิ่งไว้แต่ใช้ไปได้แค่สองเดือนหลังจบ หลังจากทำงานปุ๊บรองเท้าวิ่งก็จอดนิ่งอยู่ในตู้ปั๊บเลยครับ ไม่ได้แตะอีกเลย เห็ดจะขึ้นละครับ

คงเป็นเพราะแต้มบุญที่ก่อนหน้านี้ทำงานดึกมาเกือบสองอาทิตย์ ทำให้ช่วงอาทิตย์ที่เหลือนี้ชิวกว่าที่เคย
เลิกงานได้ตรงเวลาหกโมงเป๊ะ นอกจากจะมีเวลาขับรถกลับบ้านได้สบายๆแล้วยังมีเวลาแอบแวะไปคลีนิครักษาสัตว์ ดูอาการไอ้ตัวยุ่งที่ตอนนี้ถึงจะอาการดีขึ้นแต่ก็ยังต้องทำแผลอยู่ทุกวัน ล้างแผลทีนี่แหกปากคลีนิคแทบแตก แถมไม่รู้เป็นอะไรไม่ชอบหน้าผู้ช่วยคุณหมอเอามากๆ เดือดร้อนต้องให้ผมไปช่วยจับตลอด
 
ภารกิจแรกของวันเสาร์ก็เลยเป็นการมาจับแมวตอนสิบเอ็ดโมงครึ่งไงครับ

“สวัสดีครับพี่ แมวเป็นไงบ้างครับ” ผมทักทายที่หน้าเคานเตอร์แล้วถามถึงอาการแมวในความรับผิดชอบ(ด้านเงิน) ของตัวเอง

“กำลังล้างแผลพอดีเลยค่ะ น้องวิน เชิญค่ะๆ” ผู้ช่วยคุณหมอยิ้มกว้างเมื่อเห็นผม ซี้กันแล้วครับเพราะผมแวะมาทุกเย็น

“แหม เริ่มกันไม่รอเลยนะครับ เดี๋ยวจิ๋วได้ร้องลั่นคลีนิคแน่ๆ” ผมหยอก

“อ้าว ก็พะ...” พี่ผู้ช่วยที่เดินนำผมยังพูดไม่ทันจบก็ถูกขัดขึ้นด้วยเสียงครางขู่ต่ำๆ ที่ผมเดาว่าน่าจะเป็นของเจ้าจิ๋วนี่แหละ

“นั่นไง พูดไม่ทันขาดคำ” ผมบอก พลันได้ยินกับเสียงปลอบใจแมวเบาๆ
เอ๊ะ วันนี้คุณหมอคนสวยไม่อยู่เหรอ ทำไมเป็นเสียงผู้ชายวะ.. คิดแล้วก็ผลักประตูเข้าไป

“จิ๋ว! ร้องเสียงดังทำไม” ผมพูดนำไปก่อน

“เอ้า..มาแล้วเหรอครับ”

เดี๋ยวๆ

ไอ้คนที่ถือผ้าจับแมวให้คุณหมออยู่แล้วเงยหน้าขึ้นฉีกยิ้มร้องทักผมที่อยู่ตรงนั้นน่ะ
ไม่ใช่หมอป่ะวะ..
ไม่ใช่ผู้ช่วยที่นี่ป่ะวะ..
เด็กสถาปัตย์ปีหนึ่งป่ะวะ…

ไอ้หวานไม่ใช่รึไงนั่นน่ะ…

“พี่กำลังจะบอกว่าเพื่อนน้องวินมาแล้วน่ะค่ะ” พี่ผู้ช่วยบอกขณะผมยืนงงอยุ่

“มายังไงเนี่ย” ผมถาม

“ขับรถมาไงครับ”

“ไม่ใช่สิ หมายถึงมึงมาได้ยังไง มาทำไม แล้วมาทำอะไรในนี้”

“พี่วินจะถามตอนนี้จริงดิ่ มาช่วยกันจับแมวก่อนสิครับ”
 
_ _ _ _

ตอนที่ 11 มาแล้วค่า
หายไปพักใหญ่ กลับมาแล้วนะคะ
คิดถึงเราม้ายย คนเขียนล่ะคิดถึงคนอ่าน 555

หวังว่าจะยังไม่ลืมกันนะคะ
เรื่องอาจจะดูเฉื่อยๆ ไปหน่อย อยากให้ค่อยๆรู้จักโลกของคนธรรมดาๆ แบบตี๋วินนี่แหละค่ะ

สำหรับเรื่องของน้ำกับน้องพลอย คงเป็นความสัมพันธ์มึนๆ ที่ไม่รู้จะเอายังไงดี
อยากมีคนไว้ให้อุ่นใจ แนวๆหมาหวงก้างหน่อยๆอะไรประมาณนี้

ขอบคุณทุกคนที่คลิกเข้ามาอ่านกันค่ะ
พบกันตอนหน้าค่าาาาา
จุ๊บุ
 :pig4: :pig4: :pig4:


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 10-02-2018 20:24:51 โดย idee »

ออฟไลน์ warin

  • รถไฟขบวนนั้น ได้แล่นผ่านไปแล้ว
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1938
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +60/-1
    • -
คิดถึงจ้า   ขอบคุณค่ะ

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3333
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ แฟนตาเซีย

  • หืมม...?
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 557
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-1

ออฟไลน์ iaum

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 133
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-1
น้องหวานโคตรรุกเลย พี่วินตั้งตัวไม่ทันแล้ว55

ออฟไลน์ BAKA

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3025
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +66/-10
แหมมมมม น้องหวานนนนน

แหมมมมมมมมมมม

ออฟไลน์ idee

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 79
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-2
ความเสี่ยงที่ 12

ผมล้างมืออยู่ที่เคานเตอร์หลังคุณหมอล้างแผลให้แมวจิ๋วเสร็จ

ให้ตายสิ เห็นแผลทุกวันยังรู้สึกสยองไม่ได้ รอยที่โดนน้ำร้อนส่วนขาหน้ากับช่วงไหล่นั่นลึกไปถึงกล้ามเนื้อ ต้องอาศัยวิธีขูดเนื้อตายออก ใส่ยา แล้วรอให้ร่างกายสร้างเนื้อขึ้นมาเองจนแผลปิดสนิท อัดยาฆ่าเชื้อกันไป นี่ไม่นับแผลใบหูด้านซ้ายที่โดนตัดออกไปจนหมด ไม่แปลกหรอกถ้าแมวมันจะดิ้นจะร้องขนาดนั้น

ส่วนตอนนี้เหรอครับ โน่น ตัวโวยวายนอนครางครืดๆอ้อนอยู่บนตักของไอ้เด็กหวานที่ไม่รู้ไปสนิทกันเมื่อไหร่ที่มุมห้องโน่น พี่ผู้ช่วยบอกว่าไอ้หมอนี่โผล่มาตอนสิบโมงกว่า บอกว่าเป็นเพื่อนผมมาดูเคสแมวมัมมี่ มาด้อมๆมองๆริมกรงแล้วก็อาสาช่วยจับตอนคุณหมอจะล้างแผลให้ แหม่ คุณหมอนะคุณหมอ นัดกันไว้ซะดิบดีว่าวันนี้จะล้างแผลตอนเที่ยงๆ เจอไอ้เด็กนี่ปั๊บก็ลืมผมซะงั้น   

“โอ๋ ไม่เจ็บแล้วเนอะ” เจ้าตัวพูดเสียงเบาๆขณะนั่งลูบหลังแมวตัวจ้อยไปด้วย

ผมปรายตาไปมองคนตัวสูงที่ตอนนี้กำลังโอ๋แมวด้วยความหมั่นไส้ เด็กหวานอยู่ในเสื้อเชิ้ตสีขาวกับกางเกงยีนส์สีซีดและรองเท้าผ้าใบยี่ห้อดัง แค่จะมาคลีนิครักษาสัตว์จำเป็นต้องเซ็ทผมมั้ย ดูกูนี่ เสื้อยืดย้วยๆหมายเลขสิบแปดกับกางเกงบอลขาสั้น บวกด้วยแว่นตากรอบหนาเพราะวันนี้ขี้เกียจใส่คอนแทคเลนส์และทรงผมส่งตรงจากที่นอน นี่ถ้าไม่ได้ใส่รองเท้าวิ่งมาด้วยก็เด็กส่งแก๊สชัดๆ

“ไหน หมดแรงเลยสิ ร้องซะลั่นเชียว” ผมเดินเข้าไปใกล้ก่อนจะย่อตัวลงด้านหน้าเก้าอี้ที่หวานนั่งอยู่ มองก้อนขนกลมๆที่ขดอยู่บนตักคนตัวสูง

“น่ารักเนอะครับ” หวานบอก

“อือ เงียบๆแบบนี้ค่อยน่ารักขึ้นมาหน่อย จิ๋วเอ้ย” ผมว่าขึ้นก่อนจะเอานิ้วเขี่ยใบหูข้างขวาที่เหลืออยู่เบาๆ “จะหลับแล้วเนี่ย” ตัวแสบกระดิกหางอย่างรำคาญใจ

“ให้ไปนอนพักในกรงดีกว่า” ผมแนะนำ หวานพยักหน้าแล้วอุ้มลูกแมวที่กำลังส่งเสียงประท้วงขึ้นมาใส่มือผมอย่างเบามือ ตัวเล็กดิ้นนิดๆ แล้วร้องเมี้ยวขึ้นดังๆทั้งๆที่ตายังหลับอยู่

“ไอ้นี่… ขี้บ่นจัง” ผมว่าในขณะยืดตัวขึ้นแล้วเดินเอาแมวไปใส่กรง โดยมีเด็กหวานตามมาติดๆ


“หายเร็วๆล่ะจิ๋ว” ผมบอกขณะปิดประตูกรง “เดี๋ยววันจันทร์มาหานะ”

“พรุ่งนี้พี่ไม่มาเหรอครับ” หวานถามขึ้นอย่างเร็ว

“อืม” ผมตอบเบาๆ อีกฝ่ายพยักหน้าพร้อมเสียง อือ เบาๆในคอ



“แผลที่หูก็ไม่น่าเป็นอะไรค่ะ ก็ห่วงแต่ที่ขาขวาหน้ากับไหล่ คงต้องเอาเนื้อตายออกเรื่อยๆ” คุณหมอพูด “แต่ไม่ซึม กินเยอะอีกต่างหาก อึดอยู่ค่ะเจ้าตัวนี้”

“ค่อยยังชั่วครับ วันก่อนท่าทางแย่เชียว” ผมนึกไปถึงคืนวันพฤหัสที่ผ่านมา เจ้าตัวแสบนอนแหม่บอยู่กับพื้นกรง เรียกก็ไม่ตอบ ตาก็ลอยๆคุณหมอบอกให้ทำใจ นึกว่าจะไม่รอดซะแล้ว

“แล้วคุณวินตั้งชื่อรึยังคะเนี่ย”
ผมส่ายหน้าดิก “ยังเลยครับ เรียกแต่จิ๋ว” พูดจบคนข้างตัวก็ขำพรืดออกมา ผมตวัดสายตาไปมอง “ขำอะไรล่ะ!”

“เปล่าครับ” เด็กหวานส่ายหน้ารัวๆ

“ถ้างั้นลงชื่อนี้ไปก่อนก็ได้ค่ะ น่ารักดีนะ แมวจิ๋ว” คุณหมอตอบแล้วเขียนลงใบประวัติอย่างอารมณ์ดี

“เอางั้นแหละครับ ฝากด้วยละกันครับคุณหมอ พรุ่งนี้ผมคงไม่ได้เข้ามา”

“แต่เดี๋ยวผมมาครับ” คนข้างตัวผมรีบแทรกขึ้น

“หือ?” ผมหันควับ

“เดี๋ยวพรุ่งนี้ก็ต้องล้างแผลใช่มั้ยครับหมอ” พูดแล้วก็พยักหน้าให้หมอหนึ่งที “เดี๋ยวผมมาช่วยจับเอง” แถมด้วยยิ้มกว้างให้ไปอีกหนึ่งดอก อื้อหือ มึงใช้ท่าไม้ตายเลยเหรอ

แล้วคุณหมอก็พ่ายแพ้ “ได้สิคะ ยินดีๆ” ตอบมันเฉยเลย


ได้ยินแบบนั้นมันก็หันก็หันมายักคิ้วใส่ผม
เออ อยากมาก็เรื่องของมึงเลย


_ _ _ _


“พี่ไปไหนต่ออ่ะครับ” มันหันหน้ามาถามผมหลังจากเราออกมายืนหน้าคลีนิก

“กูจะขึ้นรถไฟฟ้าไปวิ่งที่สวนตรงนู้น” ผมชี้มือ   
มันก้มลงดูนาฬิกาแล้วขมวดคิ้ว “นี่มันบ่ายโมงกว่าแล้วนะครับ อยากเป็นมะเร็งผิวหนังเหรอ”

“ในสวนต้นไม้เยอะจะตาย วันนี้แดดไม่แรงด้วย”   

“งั้นไปด้วยสิครับ” มันพูด ทำท่าจะออกเดิน 

“เดี๋ยวๆๆ” ผมขัด “ว่างมากเหรอ งานไม่มีทำรึไง”

“เกือบเสร็จแล้ว นี่ทำมาตลอดสองวันเลยนะ นอนตีสี่มาสองคืนแล้ว” มันทำหน้าเหนื่อย “โมอยู่หลังรถ เอามาให้พี่ตรวจด้วยเนี่ย”

“เรื่องอะไรต้องตรวจให้วะ น้องรหัสกูก็ไม่ใช่”

“พี่ฟ้าบอกว่าให้ส่งมาให้พี่คอมเมนต์ พี่ฟ้าชอบงานป้าซาฮ่า ฮาดิด ไม่อินงานทาดาโอะ”


อ้าวเฮ่ย ทำไมโยนมาแบบนี้ล่ะครับอดีตแฟน

 
“อะไรวะเนี่ยยย”

“น่าพี่ เดี๋ยวไปส่งบ้านเป็นการตอบแทน”

“ไม่ต้อง”

“บ้านพี่ไกลจากตรงนี้จะตาย เดี๋ยวไปส่ง”

“กูขับรถไปเอง”

“โม้ละ ไม่เห็นมีรถใครเลย” มันชี้ไปที่ลานจอดรถข้างตึก รถที่จอดโดยไม่มีแผง “เจ้าหน้าที่” กั้นอยู่ก็มีแต่  BMW มันปลาบคันเดิมคันเดียวของเจ้าตัวนี่แหละครับ


แหม ช่างสังเกตนักนะ


“ไม่ได้จอดตรงนี้ จอดไว้คอนโดน่ะ”

“อ่อออ” หวานพยักหน้า “อยู่แถวนี้สินะครับ”

“อือ ตรงรถไฟฟ้าน่ะ” ผมชี้มือ “คอนโด N ตรงนั้นน่ะ”

“อ้อออ” มันหันมามองหน้าแล้วทำตาวิบวับ



“ดีเลย! งั้นผมไปนั่งรอพี่วิ่ง” ทำหน้าจริงจัง “ผมเอาคอมมาด้วยอยู่ในรถ เดี๋ยวนั่งทำเพลทพรีเซนต์เลยที่ร้านกาแฟ พี่จะได้ตรวจงานเลยทีเดียว”

ผมทำหน้างงใส่คนตัวสูงที่พูดเร็วปรื๋อ
“หะ..”

“ปะครับ ขึ้นรถ เดี๋ยวพาไปส่งที่สวน” หวานกดรีโมทปลดล็อคประตู

“อะไรของมึงเนี่ยยยย”

“ก็นี่ไงครับ เดี๋ยวผมไปส่งที่สวน พี่ไปวิ่ง ผมนั่งทำงาน พอพี่วิ่งเสร็จก็มาตรวจงานผม พอจบแล้วผมก็ไปส่งพี่ที่คอนโด โห โคตรลงตัว” มันสรุปง่ายๆ แล้วเปิดประตู
 
“ขึ้นไปสิครับ เดี๋ยวแดดร้อนนะ” พูดจบก็ดันหลังผมให้ขึ้นรถ ปิดประตูให้อีกต่างหาก นี่มันเป็นรุ่นน้องหรือพ่อกูวะ บังคับกันจัง


เออ ได้นั่งบีเอ็มไปวิ่งว่ะ ไม่ต้องเปลืองตังค์ขึ้นรถไฟฟ้าเอง
ดีเหมือนกันล่ะมั้ง


_ _ _ _


14.56


หอบแฮ่กสิครับ


สรุปสถิติที่ทำได้วันนี้ คือ 5.3 กิโลเมตรในหนึ่งชั่วโมง เคยฟิตกว่านี้นะไม่อยากจะคุย แต่หลังจากร้างลาไปนาน ได้แค่นี้โดยไม่เป็นลมก็ถือว่าบุญโขแล้วล่ะครับ เหนื่อยเป็นหมาหอบแดด เหงื่อไหลเป็นน้ำ ครึ่งกิโลสุดท้ายนี่ขาสั่นหงึกๆ


ผมวิ่งเหยาะๆ ไปที่ทางออกสวน เอามือเสยผมเปียกๆ ไปด้วย

 
“โห ดูไม่จืดเลย” ไอ้เด็กปีหนึ่งที่ควรจะนั่งปั่นเพลทอยู่ที่ร้านกาแฟข้างๆ กลับมายืนยิ้มเผล่อยู่ที่หน้าสวนซะนี่ “นี่มารออุ้มเลยนะ นึกว่าจะเป็นลม” มันยิ้มตาหยี

“เป็นลมพ่องงงงง!!” ผมหอบไปด่าไป “แล้วมาทำไมตรงนี้เนี่ย! ไหนงาน! เสร็จยัง จะให้ดูมั้ย”

“รอให้หายเหนื่อยก่อนมั้ยครับ” ว่าแล้วก็บิดฝาขวดน้ำแล้วยื่นให้
ผมเบ้หน้า “มีสินบน กลัวกูไม่ดูงานให้รึไง”

“โธ่ ไม่ใช่สักหน่อย” คนตัวสูงแกล้งทำหน้าหงอย เชอะ เพราะกูรู้ทันล่ะสิ

“เหอะ” ผมคว้าขวดน้ำจากมือมันมาดึมอึ้กๆ “ให้ไว จะให้ดูงานก็เอามา” 


มันฉีกยิ้มแก้มจะถึงหู
ไอ้พวกทำอะไรหวังผลเอ้ยยย


_ _ _ _

15.46


“แล้วอันนี้อะไร จะเขียนทำไมยืดยาว” ผมเอานิ้วจิ้มหน้าจอ “ทำไดอะแกรมอธิบาย circulation เอาดิ่” 

“อ้าว แล้วชั้นสองจะทำไงอ่ะ” หวานทำหน้างง

“อธิบายเป็นภาพ isometric ไง แล้วเขียนลูกศรเอา”

“เอออ จริงด้วยยยย”


ตอนนี้พวกเรามานั่งแช่แอร์อยู่ที่ร้านกาแฟใต้คอนโดผมครับ หลังจากกินน้ำพักจนหายเหนื่อยแล้วไอ้เด็กปีหนึ่งก็สารภาพว่างานยังไม่เสร็จ ขอต่อเวลาอีกครึ่งชั่วโมง (แล้วมึงจะเดินไปที่สวนทำแมวอะไรวะ) พร้อมเสนอว่าให้ขึ้นรถมันกลับคอนโดไปอาบน้ำให้สบายตัวก่อนแล้วค่อยมานั่งตรวจงานในร้านกาแฟใต้คอนโดนี่แทน
ผมที่กำลังคันตัวยุบยิบเจอข้อเสนอน่าสนใจแบบปฏิเสธไม่ลงเลยต้องตอบรับไปครับ เพราะสภาพผมนี่เรียกว่ายับเยินได้ที่ ได้อาบน้ำสระผมแล้วค่อยดีขึ้นหน่อย


ผมเลื่อนดูเพลทพรีเซนต์ในไฟล์ illustrator


“เนี่ย แล้วอันนี้มันเป็น narrative architecture จริงๆควรจะต้องทำ sequence chart เวลาเดินเข้าไปในตึกด้วย เติมเข้าไปตรงนี้ สัก 9 scenes” ผมขีดๆ ใส่กระดาษให้อีกฝ่ายดู

“โห..” มันมองหน้าผมอึ้งๆ

“อะไร มีเวลาตั้งเยอะ ทำไปดิ่ งานสตูส่งตั้งวันอังคาร”

“นี่พี่วินพูดมาเนี่ย เพลทผมจากสี่จะกลายเป็นสิบแล้วนะ”


ผมเบ้หน้าใส่ 


“ทำครับทำ” คนตรงข้ามรีบรับปากแล้วจดลงสมุด “แล้วโมเดลล่ะครับ” หวานชี้ไปข้างๆ
ผมหยิบโมเดลสีขาวขึ้นมาส่องซ้ายส่องขวา เออ เนี้ยบขึ้นเยอะเลย ทำดีๆ ก็เป็นนี่หว่า ตัดเข้ามุม 45 องศาซะด้วย น่อวว

“แก้ตามที่บอกแล้วนิ่ ก็โอเคแล้ว ไม่มีไร ให้ผ่าน” พูดจบก็วางโมเดลลงบนโต๊ะแล้วคว้าเอาอเมริกาโน่เย็นขึ้นมาดื่มต่อ

“เฮ่ออ นึกว่าจะต้องตัดใหม่อีกรอบซะแล้ว” มันถอนหายใจเบาๆ

“เห้ย นี่ตัดใหม่เลยเหรอ” ผมตกใจ

“อื้อ ไม่อยากแก้อ่ะ ตัดใหม่เร็วกว่า”

“เสียเวลามั้ยยย แทนที่จะเอาเวลาไปทำเพลทก่อน แล้วค่อยกลับมาแก้โม”

“ไม่อ่ะ มันคาใจ พอพี่คอมเมนต์เสร็จวันก่อนก็ตัดใหม่เลย” หวานหยิบแลปท็อปกลับไปวางไว้ที่หน้าตัวเองแล้วเริ่มคีย์ต็อกแต๊ก

“มึงก็เกินไป” ผมบอก “กูก็พูดไปตามที่คิดอ่ะ มึงไม่ต้องเชื่อทุกอย่างก็ได้ป่ะวะ”
ไอ้เด็กนี่จัดลำดับงานไม่เป็นรึไงวะ ควรทำทุกอย่างให้เสร็จก่อนสิ นี่ดีนะขนาดไม่ใหญ่มาก แต่ก็น่าจะใช้เวลาอยู่

มันยิ้มๆกับคำบ่นของผมแล้วทำงานต่อ ไอ้เด็กนี่ รู้ร้อนรู้หนาวอะไรบ้างสิฟะ



Rrr…

ผมกำลังจะอ้าปากว่ามันต่ออีกนิด แต่เสียงโทรศัพท์ก็แทรกขึ้นซะก่อน
ผมหยิบออกมากดรับสาย

“ว่าไงฟ้า” ผมทักหลังจากดูชื่อจากหน้าจอ

(วิน คุยได้มั้ยยย)

“ได้ๆ ว่างๆ” ผมตอบแล้วนั่งพิงลงไปกับพนักเก้าอี้ คนตรงหน้าเหลือบตาขึ้นมามองนิดหนึ่งแล้วก้มลงไปใหม่

(วินมีคอนแทคซัพพลายเออร์กระจก shop window สูงเกินสามเมตรมั้ยอ่ะ)

ผมคิด “สามเมตรเหรอ มีนะ แต่วินไม่แน่ใจว่าเบสผลิตอยู่ไทยรึเปล่า คุ้นๆว่าน่าจะอิมพอร์ตกระจก แต่เอามาประกอบในไทย”

(โหย นี่งานเร่งด้วยอ่ะ)

“เดี๋ยววินส่งให้สองเจ้าละกัน จำได้ว่าประมูลแข่งกันอยู่ ฟ้าลองติดต่อดู”   

(จ้า ขอบใจมาก แล้วนี่ทำอะไรเสาร์อาทิตย์)

“ฮ่าๆ อยู่แถวนี้แหละ จะไปไหนล่ะ”

(ได้ว่างก็ดีแล้ว นี่ฟ้ายังทำงานอยู่เลย)

“สู้ๆ เก่งเกินก็งี้แหละ วันไหนว่างมากินข้าวกัน” ผมบอก

(เอาสิๆ เดี๋ยวฟ้าบอกวันว่าง ต้องพ้นช่วงนี้ไปก่อนล่ะ เดือดมาก อย่าลืมส่งคอนแทคให้เราหน่อยน้า ขอบใจมาก ต้องไปล่ะ บายย) ฟ้าบอกลาเสียงใส

“บายๆ”   


ผมกดตัดสายแล้วค้นอีเมลล์หารายชื่อผู้ผลิตอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะกดส่งไปให้ฟ้าในไลน์


“นี่พี่ฟ้า 012 เหรอครับ” หวานถามขึ้นมาทั้งที่ตายังจ้องคอมพิวเตอร์อยู่ ผมพยักหน้าหงึกๆตอบไปพลางดูดกาแฟในแก้วไปด้วย “พี่ฟ้าสนิทกับพี่วินจังนะครับ” 

“ฮ่าๆ ต้องสนิทดิ่” ผมบอก

มันเลิกคิ้ว “เป็นแฟน?”

“อือ..เคยเป็น” ผมตอบเรียบๆ พลางขยับหลอดในแก้วกาแฟ หวานหยุดพิมพ์กึกแล้วเงยหน้ามองผมตาโต

“ฮ่าๆ ทำหน้าตลกว่ะ มึงจะตกใจอะไรขนาดนั้น” ผมพูดขำๆ

“ตกใจดิ่ ผมแซวเล่นไปอย่างงั้นแหละ ใครจะนึกว่าเป็นเรื่องจริงล่ะ” มันตอบหน้าอึ้งๆ “แต่เคยเป็น… งั้นตอนนี้..”

“โสด แต่เสียใจด้วย ฟ้าเขาไม่ชอบคบเด็ก เพลทถึงไหนละ” ผมเปลี่ยนเรื่อง

“ว้าา เขาว่ากินเด็กแล้วเป็นอมตะนะ” หวานทำหน้าเสียดาย

“เอามาให้ดูเลยเร็วๆ” ผมเร่ง เด็กหวานเลยรีบเลื่อนคอมพิวเตอร์กับเมาส์มาให้


ผมนั่งเท้าคางตรวจสไลด์พรีเซนต์
“อืมมม อันนี้โอเคแล้วแหละ แต่อันนี้เอาไปแต่งช้อปหน่อย สีมันโดดไป” ผมชี้ไดอะแกรม

“ได้ครับ ปรับ white balance เอาละกัน”
ผมพยักหน้าตอบ “นอกนั้นไม่มีอะไรละแหละ”

“โอเคคค” หวานตอบเสียงดีใจ “เดี๋ยวผมทำเสร็จส่งให้พี่ดูนะ”

“อื้อ” ผมเลื่อนคอมกลับไปให้

“โปรเจ็กต์นี้ A ลอยมาแหงๆ” หวานพูดยิ้มๆ

“ลองไม่ได้ดูดิ่ กูนี่แหละจะตามไปเตะ”

“ฮ่าๆ เก็ทเอแน่ๆครับ สัญญา” มันกดเซฟงานแล้วพับหน้าจอลง

“ขอบคุณมากนะครับ” เด็กหวานยิ้มตาหยี

“เออ ไม่เป็นไร จริงๆ งานมึงก็ดีอยู่แล้วแหละ กูแค่เพิ่มเติมอะไรนิดๆหน่อยๆ แค่นั้นเอง”
ไม่อยากชมมาก เดี๋ยวแม่งเหลิง

“ยังไงพี่ก็ช่วยผมนี่”

“ฟ้าฝากมานี่หว่า” ผมบ่น   

“แล้วถ้าพี่ฟ้าไม่ฝาก”

“มึงก็ไลน์มาถามงานกูอยู่ดีน่ะแหละ!” ผมโวย
ไอ้เด็กตัวดีหัวเราะเสียงดังอย่างอารมณ์ดี “พอละ มึงกลับไปทำงานต่อ เดี๋ยวกูก็จะกลับบ้านละ”
ผมลุกขึ้นรวบแก้วพลาสติกบนโต๊ะ ก่อนจะหมุนตัวเดินไปทิ้งลงถังขยะข้างๆ

“คร้าบ คร้าบ” หวานพูดแล้วก็เก็บคอมพิวเตอร์ลงกระเป๋าสะพาย

ผมมองคนตัวสูงที่กำลังยืนนิ่งชั่งใจกับกองกระดาษกับโมเดลบนโต๊ะอยู่พักหนึ่ง คงกำลังคิดว่าจะหอบไปยังไงดีโมเดลถึงจะไม่พังและกระดาษไม่ยับ(ไปมากกว่านี้) ผมก็เดินมาคว้าเอาโมเดลลูกรักผลผลิตจากการอดนอนของมันมาถือไว้ให้

“ไปดิ่” ผมพูดหน้าเรียบ

.
..

“ถือให้”


มันยิ้มกว้าง
ทำไม
การที่ผมมีน้ำใจกับรุ่นน้องมันน่าแปลกนักรึไงเล่า

_ _ _ _


21.40 


“กูไม่ไปปปปปปป” ผมพูดเสียงยานใส่โทรศัพท์ตอบอาร์ต เสียงล้งเล้งจากลำโพงบอกได้ว่าอีกฝั่งกำลังปาร์ตี้อยู่อย่างเมามัน นี่พวกมันไม่เหนื่อยกันเหรอครับทำงานเนี่ย ผมล่ะอยากจะฝังตัวเองลงที่นอน นี่ก็นอนกลิ้งกลุกๆ อยู่หน้าทีวีกับเตี่ยกับม๊า

(ทำไมมึงอนามัยจังว้าาาาา หรือเพราะกูไม่ใช่ลูกเจ้าของบริษัท AA เลยไม่ได้สิทธิ์ดินเนอร์ ฮ่าๆๆๆ)

ห่า...ไอ้น้ำปากสว่างสินะ

“สัสอาร์ต” พูดจบนี่ม๊าหันหน้าขึ้นมามองควับ ขอโทษครับ ไอ้อาร์ตมันกวนตีนลูกม๊าก่อนอ่ะ

(แหมๆ เดี๋ยวนี้ไม่มาเจอเพื่อนเจอฝูง พวกกูมันไม่สำคัญแล้วสินะ ฮึก) มันทำเสียงงอน   

“ไม่ต้องอ้อร้อ กูไม่ไป จะอยู่บ้าน” ประกาศกร้าว

(โด่ว) แว่วเสียงไอ้เฟิร์สว่า ตี๋ๆ ถ้ามึงจะออกมาพวกกูไปรับบบบ

“ถุยเถอะครับ เดินให้ตรงมั้ย” ผมถอนหายใจ “พวกมึงเถอะ กินกันเพลาๆหน่อย ออกแม่มศุกร์เสาร์อาทิตย์ ตับน่ะแข็งเป็นหินแล้วแสด”

(เอ้อ แล้วไอ้น้ำอยู่กับมึงป่ะ) อาร์ตถามขึ้นอย่างไม่สนใจคำบ่นก่อนหน้า

“หือ ไม่นะ กูอยู่บ้านเนี่ย”

(อ้าว เดาผิดว่ะ แล้วทำไมกลับบ้านวันนี้เนี่ย นึกว่าคืนนี้จะไปนอนคอนโดมึงซะหน่อย อดเลอ)

“ห่า”

(เออๆ ไม่ไปก็ไม่ไป มึงก็กลับบ้าน ไอ้น้ำก็หายหัว กูโทรไปแม่งไม่รับ ไลน์ไปก็ไม่อ่าน หายไปไหนของแม่งก็ไม่รู้ วันหยุดแบบนี้ไม่น่าพลาดนะจริงๆแล้ว)


ไอ้หน้าหล่อประจำกลุ่มคงหลบไปทำใจเรื่องอดีตแฟนมีคนใหม่อยู่ละมั้ง ผมคิด


“มันคงยุ่งๆอยู่มั้ง เห็นว่าโปรเจ็กต์เร่ง” ผมตอบปัดๆ “มึงก็อย่าแดกเยอะ กูไม่ได้อยู่คอนโดให้มึงทิ้งตัวนะ ให้ไอ้พีทมันไปส่งบ้าน ไม่งั้นก็นอนบ้านแม่งแหละ”   

(ครับพ่อครับ ไปละ ติดตามในกรุ๊ปละกันนะครับ) แล้วมันก็ตัดสายไป

ไอ้พวกนี้เที่ยวได้แม่งทุกอาทิตย์จริงๆ.. ผมนอนบิดขี้เกียจ


“เหล้าก็อย่ากินเยอะ” เตี่ยพูดขึ้นลอยๆ

“นานๆจะกินทีน่า แพ้เหมือนเตี่ยนั่นแหละ” นี่ดีหน่อยนะครับผมแค่ตัวแดงๆ คันๆ แต่เตี่ยเนี่ย ทั้งผื่นทั้งลมพิษ แพ้แอลกอฮอลล์เต็มรูปแบบ ผมเลยไม่ได้แตะของมึนเมาเลยจนกระทั่ง.. นั่นแหละครับ เข้ามาเรียนสถาปัตย์เนี่ย
เพื่อนแนะนำความจังไรทั้งน้านน

“แล้วนี่อาร์ตชวนไปเที่ยวเหรอ ไม่ไปกับเพื่อนล่ะ” ม๊าถามขึ้น

“อ้าว นี่ลูกอยู่ติดบ้านนะไม่ดีเหรอม๊า กลางอาทิตย์ยังบ่นอยู่เลยว่าให้ผมกลับบ้าน” ผมลุกขึ้นมานั่งงง

“ออกไปแล้วกลับมานอนบ้านสิ” 

“ไม่อ่ะม๊า วินขี้เกียจ เพิ่งเจอกันมาเอง นี่อยู่คอนโดแม่งก็มากันบ๊อยบ่อย อยากให้มันช่วยหารค่าไฟด้วยเลยเนี่ย” ผมพูดปัด “อยู่บ้านเป็นตัวเกะกะเตี่ยกะม๊าดีกว่าาา” ผมพูดอ้อน

“โว้ เกะกะตั้งกะเด็กแล้ว เบื่อหน้า!” ม๊าแกล้งบ่นเสียงดัง ทำเอาเตี่ยกับผมหัวเราะเสียงดัง

“เออ พรุ่งนี้ตอนบ่ายๆเตี่ยกับม๊าจะไปดูละครเวทีนะ อาแปะใหญ่จองบัตรไว้” ม๊าทำท่านึกขึ้นได้

“อ่าว” ผมร้อง

“ลื้อก็เฝ้าบ้านไป” เตี่ยสรุปหน้าที่ให้

“โธ่ วินอุตส่าห์กลับบ้าน”

“อยู่บ้าน ทำอย่างอื่นนอกจากงานซะบ้างเถอะลื้อน่ะ” 


ผมพยักหน้าหงึกๆแล้วเลื้อยลงไปนอนกับพื้น "ก็ด้ายยย"
บ้านผมเป็นแบบนี้แหละครับ โลกส่วนตัวสูงทั้งบ้าน เจอกันแป๊บๆพอให้หายคิดถึงเท่านั้นแหละ


นี่กลับบ้านมาใช่จะมีกิจกรรมอะไรร่วมกันนอกจากกินข้าว ตอนนี้อยู่ด้วยกันทั้งบ้านก็จริง แต่ผมกำลังผมนอนพังพาบแล้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดเล่นๆ อ่านโน่นอ่านนี่ไปเรื่อย ปล่อยเตี่ยนั่งอ่านหนังสือบนโซฟาตัวใหญ่ ส่วนม๊าก็นั่งดูละครหลังข่าวไป ใครอยากทำอะไรทำครับ เอาที่สบายใจ อยากไปไหนก็เชิญ กลับดึกได้ไม่มีเคอร์ฟิว แค่อย่าให้มีเรื่องถึงตำรวจก็พอ
อิสระเกินครับ พูดเลย


เออจะว่าไป ไอ้น้ำมันไปอิสระอยู่ไหนวะ

ถ้าอาร์ตมันโทรไปไม่รับ ถึงผมโทรไปแม่งก็คงไม่รับเหมือนกัน
เอาวิธีนี้แล้วกัน
ผมกดไลน์ทักไป

Wynn_tect : มึงอยู่ไหน ไปแดกกับพวกแม่งป้ะ

ไม่ถึงสองนาที หน้าจอผมก็โชว์ข้อความใหม่
อ้าว มันก็ตอบไลน์นี่?

Nahm_Tect : ไม่ได้ไป
Nahm_Tect : กูพาแนนมาดูหนัง ร้องอยากดูมานานละ


มิน่าเลยไม่ได้รับโทรศัพท์

อ้ะ แต่แนนที่ว่าเนี่่ย ไม่ใช่เด็กในสต็อกมันหรอกนะครับ น้องสาวแท้ๆของไอ้น้ำนี่แหละ ตอนนี้อยู่ปีสองแต่คนละมหาลัย ใสกิ๊ง น่ารัก ตากลม คิ้วเข้มเหมือนพี่มันในเวอร์ชั่นขาวกว่าหน่อย ไอ้เต้น้องผมเคยเห็นรูปในเฟสแล้วขอจีบ โดนไอ้น้ำไล่เตะรอบโรงอาหาร ไม่รู้จะหวงไปไหน นี่ผมเองยังเคยเจอแค่สี่ห้าครั้งเอง

Wynn_tect : อ๋ออ

Wynn_tect : แหม คุณพี่ชายที่แสนดี

Nahm_Tect : มึงจะออกไปเหรอ เดี๋ยวกูไปรับ

Wynn_tect : เห้ย เปล่าๆ ถามเฉยๆ กูอยู่บ้านเนี่ย
ผมรีบพิมพ์ตอบไป


Nahm_Tect : เอ้า 

Nahm_Tect : นึกว่าอยากก๊ง


Wynn_tect : ไม่ก๊งว้อย! ถามไปงั้นแหละ กูไปละ

Nahm_Tect : 555555


ผมอ่านแล้วก็โล่งใจ เออ มึงยังหัวเราะได้ก็ดีละ
ไม่ได้อกหักนี่นะ แค่สถานะชัดเจนขึ้น แต่ยังไงก็คงต้องใช้เวลาปรับตัว


ผมเลื่อนดูรูปในไลน์กลุ่มสุมหัวฯ สมาชิกก็หน้าเดิมๆ พีท อาร์ต บอย นัท เทพ เฟิร์ส พวกแม่งนี่จัดหนักกันแต่หัววันอีกละ
ว่าแต่ใครใจป้ำสั่งแบล็กเลเบลวะ ทีตอนสมัยเรียนกินกันแต่หงษ์ทอง ชิ รวยกันแล้วสินะ มีเงินหน่อยไม่ได้


ระหว่างกำลังไล่ดูเฟสคนอื่นสนุกๆ notification จากไลน์ก็ขึ้นแจ้งเตือนบนหน้าจอให้ต้องกดเข้าไปอ่าน

Tawan R. :     /แนบรูป
                   อยู่ที่เซี่ยงไฮ้แล้วเจอ Community Mall ครับ บรรยากาศแบบนี้ผมว่าโอเคเลย
ใช้เป็นแนวทางการออกแบบโครงการได้ไหมครับ ฝากให้ทางแบรนด์ดิ้งดูด้วย


Wynn_tect : ได้ครับ

Tawan R. : กวนวันเสาร์หน่อยนะครับวิน

Wynn_tect : สบายมากคร้าบ พี่ตะวันต่างหาก เซี่ยงไฮ้เป็นไงบ้างครับ

Tawan R. : อยู่แต่ในตึกครับ ไม่ได้ไปไหนเลย นี่เพิ่งได้ออกมาเดินรอบๆโรงแรม เห็นตึกนี้สวยดีเลยถ่ายมา

Wynn_tect : โหย ที่นั่นจะห้าทุ่มแล้วนะครับ
ว่าจะบอกให้เที่ยวเผื่อ แต่สงสัยจะไม่มีเวลา

Tawan R. : ฮ่าๆ งี้แหละ พี่ชินแล้ว

Wynn_tect : ถ้างานจะเยอะขนาดนั้น พี่รีบพักเถอะ

Tawan R. : โอเคๆ พี่ฝากโปรเจ็กต์ด้วยละกัน



ผมจิ้มโทรศัพท์บอกลาลูกค้ารายใหญ่ แล้วก็มาส่องเฟสบุคต่อ
โว้ มีแต่คนออกไปเที่ยวแฮะ สงสัยเป็นเพราะอาทิตย์นี้มันปลายเดือน เงินเดือนออกกันล่ะสิ


“แน่ะ คุยกะใครอ่ะ” ม๊าถาม อ่าว นี่ไม่ได้ดูละครอยู่หรอกเหรอ

“ลูกค้าอ่ะม๊า”

“หยา ลูกค้าอะไรคุยดึกดื่น ไม่รู้เวล่ำเวลาเลย”

“เขาส่งรูปมาเป็นเรฟเฉยๆ คุยนู่นนี่อีกนิดหน่อย” ผมลุกขึ้นนั่งขัดสมาธิ

“นี่ลูกค้า VIP สุดๆๆๆ เลยนะม๊า เลยต้องดูแลหน่อย”

“อย่างลูกจะไปดูแลใคร ตอนมีแฟนยังไม่ค่อยเห็นเทคแคร์เลย” ม๊าสวนขึ้นทันควัน


“เกี่ยวอะไรด้วยเล่าา” ผมทำหน้าบุ่ย


“แล้วหนูฟ้าเป็นไงบ้างล่ะ นี่เขามีแฟนใหม่ยัง” จู่ๆเตี่ยก็ถามขึ้นทั้งๆที่ตายังมองอยู่ที่หนังสือบนตัก

“วันนี้ก็เพิ่งคุยกัน ว่าแต่วินจะไปรู้ได้ไงว่าเขามีแฟนใหม่ยัง”

“ไหนว่าคุยกัน ไม่รู้เลยรึไงเล่า”

“เหอะ” ผมส่งเสียงในคอ “ก็คุยกันแต่เรื่องงาน ไม่ได้ถามเรื่องส่วนตัวนี่นา”   

“โถ ลูกโดนหญิงทิ้ง” ม๊าพูดลอยๆ

“เฮ่ยยย ไม่ใช่ดิ่ม๊า นี่่ตกลงว่าเลิกกันไงงงง วินไม่ได้โดนทิ้งง” ผมร้องเสียงหลง

“ก็มีแฟนซะทีสิ” ท่านแม่ชี้ทางสว่าง

“หาาา” 

“ตกใจทำไม ม๊าก็อยากให้ลูกมีคนดูแลไง ยิ่งบ้างานอยู่ เดี๋ยวอายุสั้น” นี่ม๊าแช่งผมรึเปล่าครับ


ผมนวดขมับตัวเองหนึ่งที “ไม่เห็นเกี่ยวเลย นี่วินก็ดูแลตัวเองอยู่นะ อีกอย่าง..ผู้ชายก็ต้องดูแลผู้หญิงสิม๊า”

“เกี่ยวกับผู้ชายผู้หญิงที่ไหน มันต้องดูแลกันและกันต่างหากล่ะ ไอ้ลูกหมาเอ้ย” เตี่ยแทรกขึ้น



จู่ๆ ก็พูดคำคมนะเตี่ยเนี่ย



“ครับครับ พรุ่งนี้จะรีบหาลูกสะใภ้ไว้ดูแล เตี่ยกับม๊าไม่ต้องเป็นห่วงเลยยยยย” ผมรับคำแล้วลากเสียงยาวยืดดดดด ทำเอาทั้งสองคนส่ายหน้าด้วยความเอือมลูกชายตัวเอง



อะไรล่ะครับ
ไม่เชื่อผมรึไง?


_ _ _ _

 :กอด1: :กอด1: :กอด1:

ขอบคุณที่คลิกเข้ามาอ่านกันค่ะ

เย้ พาตี๋วินกลับมาแล้วค่ะ
/เอาหัวซบคนอ่าน

คิดถึงบรรยากาศวงเหล้ากันมั้ยคะ พักนี้ไม่ได้พานายวินไปเจอเดอะแก๊งค์เลย
หวานก็ต้องส่งงาน คุณตะวันก็ไปประชุมต่างประเทศ นายน้ำก็หลบไปรักษาแผลใจ ส่วนอาร์ตกับพีทนี่ก็ยังตั้งมั่นกับการออกเที่ยวกลางคืน

นายวินก็ทำงานหนักราวกับไถนา
คนเขียนก็งานท่วมเหมือนกัน หาเวลาปั่นได้ยากเหลือเกิน

จะรีบมาต่อนะคะ
เลิ้บบบ
 :bye2:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 09-10-2017 22:07:38 โดย idee »

ออฟไลน์ BAKA

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3025
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +66/-10
ที่แน่ๆก็น้องหวานเนอะ รอดูแลอยู่เนี่ย

มึใครให้มากกว่านี้ไหมคะ? 5555

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3333
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6
 :L2: :L1: :pig4:

เราจะวิเคราะห์กันต่อไป

ออฟไลน์ saccarrum

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 142
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
คนอ่านก็ยุ่งๆค่ะ ฮ่าๆๆ
เลยต้องมาย้อนอ่านตี๋วิน คิดถึงงงงง

ออฟไลน์ winndy

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1135
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +89/-3
ชอบหวาน อยากกินเด็ก

ออฟไลน์ idee

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 79
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-2
ความเสี่ยงที่ 13

18.20


“พวกมึงมานี่ได้ไงเนี่ย…”

ผมพูดงงๆ เมื่อเห็นไอ้น้องเต้กับเอกยืนยิ้มแป้นแล้นอยู่หน้าออฟฟิสผม

จริงๆแล้วมันก็มีเหตุผลอยู่นะ เพราะวันนี้เป็นวันนัดเลี้ยงสายรหัสรวมดาว 043
แต่ที่ไม่เข้าใจคือพวกมันจะมาทำอะไรที่นี่ตอนนี้ เวลานัดมันสองทุ่มครึ่งไม่ใช่เรอะ!

“มารับเฮีย!!” พวกมันพูดพร้อมกัน

“พวกมึงนี่นะ……” ผมถอนหายใจ “ทำไม กลัวว่ากูจะเป็นเด็กอนุบาลหมีน้อยหลงทางไปร้านเลี้ยงสายรหัสไม่ถูกรึไง แล้วนี่ไอ้เอก มึงเกี่ยวอะไรด้วยเนี่ย เลี้ยงสายกูไม่ใช่เรอะ” ผมแกล้งทำหน้าดุ

“แหะ ไปด้วยดิ่ น้าาาาาา” มันพูดแล้วทำสายตาละห้อย ผมเลยหลุดหัวเราะออกมา

“เออๆ ไปสิ กูไม่ได้ว่าอะไร” 

“พี่เอารถมาใช่ป่ะ” เต้ถามขึ้น สายตาเป็นประกาย

นั่นงะ พวกมึงถึงได้ถ่อมาหาถึงนี่ “อยากให้กูเป็นคนขับรถสินะ…”

“โธ่ววว เฮียรู้ทันตลอดเลย” เต้บ่นอุบอิบ “ว่าจะมาขอไฟล์แมททรีเรียลทรีดีเฮียด้วยอ่ะ ตอนเฮียทำทีสิส”

โห่ อย่างนาน ผมขอนึกแป๊บ..
“เหอะ ไม่มีละอ่ะ ตอนเรนเดอร์ก็ให้พวกไอ้น้ำ ไอ้พีทเรนเดอร์ให้ กูแค่ปั้นโมเดลเฉยๆ” ผมตอบ “พวกแมททีเรียลนี่น่าจะของไอ้พีทมัน”

“อ้าววววววว”

“เอาไว้กูจะขอไอ้พีทให้”

น้องเอกทำหน้านึกได้ “เออ จะมาอ้อนให้เฮียติวด้วยอ่ะ EnTech ไม่ไหวล้าววววว”

“เอาชีทไปดิ่ อยู่ที่ไอ้หยองมั้ง” ผมพูดถึงน้องรหัสปีห้า

ไอ้เต้ส่ายหน้าดิก “เอามาแล้วพี่ อ่านจนจะต้มกิน นอกจากไม่เข้าใจแล้วยังจำห่าอะไรไม่ได้เลย”

“อ้าว ไอ้พวกนี้ สมองไปกองกับขี้หูหมด”

“นะ นะ มาติวให้หน่อย พี่เอวิชานี้นิ่” น้องเต้ถลาเข้ามาเกาะแขน

“ดูก่อน” ผมเล่นตัว

น้องเอกเอื้อมมาเกาะแขนอีกข้าง “ฮือออ ไม่งั้นพวกผมตายแน่ นี่จะไฟนอลแล้ว มัวแต่กิจกรรมอ้ะ”

“โวะ บอกว่าเดี๋ยวว่ากัน มึงจะไปมะเลี้ยงสายเนี่ย มึงไม่ไปกูไปนะ” ผมโวยวาย แกล้งสะบัดพวกมันออก

“ไปครับๆ มาๆ เฮียผมถือคอมให้ รถเฮียอยู่ไหนครับนำไปเลย” น้องเอกรีบหยิบกระเป๋าไปจากมือ

“เออๆ เอาไปเลย” ผมยัดม้วนกระดาษให้น้องเต้ที่อยู่อีกทาง

กูจะเดินตัวปลิวอย่างสบายล่ะ พวกมึงสองคนจงเป็นลิ่วล้อซะ ผมหัวเราะหึหึ
ก่อนจะฉุกคิดขึ้นมาในใจ เอ๊ะ แต่คนขับรถให้พวกมันนั่งนี่กูไม่ใช่เรอะ…
ใครเป็นลิ่วล้อกันแน่วะ

_ _ _ _


20.15


“วินนนนนน” เสียงแจ๋วๆ ร้องขึ้นเสียงดังเมื่อผมโผล่หน้าเข้าไป

“เฮ้ยยย เจ้มุก เป็นไงบ้างพี่” ผมร้องทัก สาวสวยตรงหน้านี่พี่รหัสปีติดกันของผมเอง จริงๆตอนนี้เจ้แกทำงานอยู่ภูเก็ต ช่วงนี้ขึ้นมาทำธุระที่กรุงเทพ เลยได้ฤกษ์เลี้ยงสายพอดี


“สบายดีย่ะ แล้วนี่เป็นยังไง เฟสบุคไม่เห็นอัพเลย ชั้นไม่รู้จะส่องความเป็นไปของแกได้ที่ไหน” ผมนั่งลงตรงวงเดียวกันกับพี่มุก เต้กับเอกก็นั่งลงตามน้ำไป

“ฮ่าๆ ไม่ค่อยมีเวลาครับ แต่ผมส่องตลอดนะ” ผมหัวเราะกลบเกลื่อน “เฮ้ย ขอบใจหยอง” ผมรับแก้วจากน้องรหัสแล้วถาม
“ทีสิสมึงเป็นไง”

“อย่าพูดถึงเลยพี่ มือชั้นนี้แล้ว”

น้องเต้ตั้งใจชงมุก “คือสบายมาก ผ่านฉิว”

“ก็เหี้ยละครับ! หัวข้อยังไม่ผ่านเลย!” ทั้งโต๊ะหัวเราะครืน

“ในเลขห้าของทุกคนมีน้ำตากูซ่อนอยู่” น้องหยองรำพึงกับตัวเองขณะชนแก้ว


“เอ้าๆ เมื่อคนครบกันแล้ว ก็แนะนำตัวหน่อยยย ไล่มาตั้งแต่ปีหนึ่งเลยคร้าบบบ เชิญๆ” เต้เคาะแก้วน้ำแล้วพูดเสียงดัง

เริ่มด้วยตรงกลางโต๊ะที่เป็นเด็กผู้หญิงหน้าตาน่ารัก ออกจะหมวยๆหน่อยในชุดนักศึกษาลุกขึ้นแล้วพูดเสียงใส
“สวัสดีค่ะพี่ๆ หนูชื่อนิว รุ่น 81 ค่าา ฝากตัวด้วยนะค้า” พูดจบก็มีเสียงปรบมือและผิวปากวิ้ว นานน๊านจะมีผู้หญิงหลงมาสายนี้นะครับเนี่ย บอกได้เลยว่าเทคแคร์กันขาดใจ ไล่มาเป็นน้องกันปีสอง ปีสามที่คือไอ้น้องเต้ ปีสี่ซิ่วไปเลยว่าง ไอ้น้องหยองปีห้า ผม พี่มุก พี่โจ แล้วก็ไล่ขึ้นไปยังพี่ปีโตๆ

จริงๆแล้วตอนนี้รุ่นของคณะผมรันไปถึง 81 แล้วล่ะครับ 043 ก็ควรจะมีทั้งหมด 81 คนตามความเป็นจริง
แต่สมาชิกบางปีก็ซิ่วออกไปบ้าง ไม่มีบ้าง ส่วนรุ่นคุณลุงคุณตาก็มารวมรุ่นเอาตอนงานเลี้ยงคืนสู่เหย้า home coming ที่คณะ วันนี้รวมกันมาได้เกือบๆ 20 คนที่ร้านหมูกะทะแบบนี้ได้ก็หรูละครับ

นั่งกินหมูกระทะแกล้มเบียร์กันไป เอ๊ะ หรือควรจะเรียกว่าเบียร์แกล้มหมูกระทะดีวะ..

“เห้ย มึงจะโดดตรวจไม่ได้ จารย์เก่งเอาตายเลยห่า” ผมที่กำลังปิ้งหมูอยู่โวยวาย

ไอ้น้องหยองทำหน้าเซ็ง “โอ้ยย ให้ทำไงอ้ะพี่ ยังเขียนอะไรไม่ได้ซักตัว Hypothesis อะไรนี่ก็ยังไม่ผ่าน ยังไม่ต้องถึง Methodology หรอกกก”

“ถึงมึงยังคิดไม่ออกก็ต้องไปคุยกับจารย์” ผมยืนยัน “ไปทั้งหัวว่างๆ ก็ได้ แต่มึงต้องไป”

“โอ้ยยยยยยยยย” มันร้องโอดโอยแล้วหันไปกระดกเบียร์

“นี่วงนี้จะคุยแต่เรื่องงานเหรอวะ โด่วว” พี่โจ รุ่นพี่ผมสองปีที่นั่งอยู่เตาเดียวกันทักขึ้น พี่มุกรีบพยักหน้าหงึกๆคงอยากให้เปลี่ยนเรื่องเต็มที ส่วนไอ้เต้กับเอกก็เอาแต่กินอย่างตั้งใจ ไม่ได้ฟังความทรมานที่พี่มันบ่นเล้ย

“ก็ไอ้นี่แม่งจะโดดตรวจทีสิส” ผมชี้

“ฮ่าๆๆ โดดไปดิ่ อย่าไปกลัว” พี่โจหัวเราะขำ “ก็ถ้ามึงอยากจบหกปีก็เอา” พี่โจพูดเสียงเย็น ทำเอาไอ้หยองขนลุกวาบ ผมเลยได้ทีหันไปยักคิ้วใส่มันหนึ่งทีแล้วยกแก้วน้ำขึ้นดื่ม


อ้ะๆ ผมไม่ได้กินเบียร์หรือสิ่งมึนเมานะ น้ำเปล่านี่แหละ
ไม่อยากตัวแดงในร้านหมูกะทะครับ ก็คนมันเยอะนี่นา…


“แล้วนี่กับน้องฟ้าเป็นไง” พี่มุกหันหน้ามาถามผมตอนกำลังคีบหมูเข้าปาก

...

เดดแอร์ไปประมาณสามวินาที
เต้กับเอกพยายามบุ้ยใบ้ให้เจ้ใหญ่ ทำปากมุบมิบว่า เห้ย อย่าถามพี่ เขา-เลิก-กัน-แล้ว

กูไม่เห็นเลยมั้งครับน้องรหัส

“เลิกกันแล้วพี่” ผมตอบเรียบๆ ทำเอาไอ้เต้สะดุ้ง

“หา” พี่มุกทำตาโด “นานยัง ทำไมพี่ไม่รู้เรื่องเลยวะ”

“อะไร กูยังรู้เลย” พี่โจแทรกขึ้น “ก็ดังอยู่นะ คู่รักไอดอลอ่ะ ไอ้วินกับน้องฟ้า”

“ไอดอลอะไรพี่” ผมเคี้ยวหยับๆ “เอก มึงไปเอาปลาหมึกมาดิ้ กูลุกยากอ่ะ” ผมหันไปสั่งรุ่นน้อง มันอิดออดนิดหน่อยแล้วยอมทำตามคำสั่งโดยดี

“เอ้า ก็แบบว่าน้องตี๋วินแก๊งค์จตุรเทพ เรียนก็เก่ง กิจกรรมก็ดี เหล้าไม่กินบุหรี่ไม่สูบ กับน้องฟ้าหน้าหมวย ขาว น่ารัก เรียบร้อย ท็อปชั้นปีไง” พี่โจพูดอธิบายแล้วดื่มเบียร์ในแก้ว พี่มุกกับน้องเต้พยักหน้าเห็นด้วย

“ฮ่าๆ ขนาดนั้นเลยเหรอครับ” ผมขำ

“เห้ยจริง พี่เป็นคู่โคตรเพอร์เฟค เหมือนร่างแยกกันอ่ะ” หยองรีบพูด “ตอนรู้ว่าเลิกนี่โคตรงง”

“แต่เลิกกันกูก็ยังเป็นเพื่อนกันนะ คุยกันปกติ” ผมตอบสั้นๆก่อนเอาหมูเข้าปากอีกชิ้น

พี่มุกมองแล้วขยับปากถาม “แล้วนี่มีแฟนใหม่ยัง”

“เหอะ” ผมส่ายหน้า ทำเสียงในคอตอบไปเพราะปากยังเคี้ยวอยู่

“อะไรว้าา น้องพี่ไม่ดีตรงไหน” พี่มุกแกล้งโวย “หล่อก็หล่อ หน้าที่การงานก็ดี เสียอย่างเดียว เล็ก ไปหน่อย” พูดแล้วก็ทำมือประกอบ ไอ้หยองกับพี่โจขำก๊าก

“เจ๊มุก!!” ผมร้อง นี่จะพ่นหมูออกจากปาก

“เอ้า ไม่ใช่เหรอ มันต้องเป็นไปตาม proportion ความสูงไง!” คนสวยประจำสายรหัสบอกกลั้วหัวเราะ 

“เฮ้ยๆๆๆ อะไรเล็ก พี่ผมไม่เล็กนะครับ” เต้รีบพูด

“เขาเรียกมาตรฐานชายไทย! ไหน เฮียเอาออกมาโชว์เลย!” ไอ้เอกมาตบมุกได้ทันเวลาพร้อมตะกร้าผักบุ้งและปลาหมึกสดในมือ

ผมเอื้อมมือไปโบกหัวมันสองตัวในครั้งเดียว

“โอ้ย! ผมพูดถึงความยาวนิ้วก้อย” พวกมันแถ

“เชื่อตายห่า! โดนไปน่ะดีแล้ว ข้อหาสมรู้ร่วมคิดและชักจูงทำให้คนอื่นเข้าใจผิด”

“ไมลงที่ผมสองคนอ้ะ ต้องว่าเจ้มุกสิ” เอกโวย

“เพราะมึงเป็นน้องกูไงแสด จะให้กูตีเจ้รึไง”

เด็กปีสามสองคนมองหน้ากัน

“เอ้าาาาาาา” พวกมันโวยวาย


_ _ _ _


22.43


ผมมองนาฬิกาก่อนจะเผลอหาวออกมา มีรุ่นพี่กับน้องทยอยกลับไปบ้างแล้ว แต่หน้าเตาที่ผมอยู่นี่ยังครบเลยครับ ทั้งพี่โจ เจ้มุก หยอง เต้ เอก และผม เพิ่มด้วยพี่คิวกับพี่เป้รุ่นไกลๆ ที่ขยับเข้ามาคุยมาก๊งด้วย ตอนนี้ไม่มีใครกินหมูกะทะกันแล้ว ดวดกันแต่เบียร์ล้วนเลยเนี่ย เห็นว่าพรุ่งนี้วันเสาร์สินะ!


“แล้วพี่เป้เมื่อไหร่จะหลานให้พวกมุกเล่นอ่ะ รอนานละนะ” พี่มุกพูดแซวพี่ปีโตที่เพิ่งแต่งงานไปปีที่แล้ว

“ดูสภาพสังคม การเมือง เศรษฐกิจและอื่นๆ ตอนนี้ของบ้านเราก่อนครับไอ้น้องมุก แล้วบอกพรี่ให้ชื่นใจซิว่าควรจะมีลูกมั้ย” พี่เป้ทำหน้าเซ็ง

“เห้ย แต่ตามหลักประชากรศาสตร์แล้ว คนชนชั้นกลางควรมีลูกให้มากๆ เพราะตอนนี้สังคมเรากำลังเต็มไปด้วยเด็กที่เกิดจากพ่อแม่ที่ไม่พร้อมนะ” ผมพูดขึ้น “เฮียกับซ้อถือว่าพร้อมและสามารถเลี้ยงลูกให้เปนเด็กมีคุณภาพได้ มีไปเหอะ”

“แหม แดกทฤษฏีเข้าไปเหรอมึงน่ะ” พี่โจ้พูดกัดแล้วกระดกเบียร์เข้าปาก

“เอ้า เรื่องจริง”

“แล้วเมื่อไหร่คนพร้อมๆ อย่างเฮียวินจะมีบ้างล่ะครับ” เอกถามขึ้น

ไอ้เต้เอาศอกสะกิดผม “น่าน เข้าตัวเลย” มันพูด

“โนคอมเมนต์ครับ ฮ่าๆ” ผมทำตลกกลบเกลื่อนก่อนจะโดนพี่คิวปาเศษน้ำแข็งใส่แขน

“ไอ้ตี๋นี่ร้ายยย มีความลับกับสายรหัสเป็นบาปหนัก!”

“ไม่บอกไม่ว่า แต่อย่าให้กูรู้เอง เจ็บหนักแน่ จะเล่นยันลูกบวชเลยคอยดู” พี่โจสมทบ

ผมหัวเราะใส่เสียงดัง “ฮ่าๆๆ ถ้ามีจะตั้งโต๊ะแถลงข่าวเลยครับ”

“ว่าแต่ไอ้น้องเต้ดีกว่า เปนอย่างไรครับ ไอ้หยอง ไอ้เอก รายงานดิ้” พี่เป้เปลี่ยนเป้าหมาย

เต้ถึงกับสะดุ้งที่โดนโยนขรี้ใส่ นี่ไอ้หยองเริ่มเมาละด้วย เอกถึงจะไม่ออกอาการแต่ก็กินไปไม่ใช่น้อย น่าจะมีเรื่องหลุดออกมาแน่ๆ

“อืมมม เห็นแม่งก็ม่อแต่น้องปีหนึ่ง” หยองทำท่านึก

“ช่ายช่าย เวลาประชุมเชียร์แม่งขออยู่หน้าตลอดเลยพี่ น้องอะไรนะ น้องจอย จ๊อยส์ น้อยส์อะไรสักอย่างที่มึงเพ้ออยู่อ่ะ” เอกเอามือสะกิดเพื่อนตัวเอง คนบ้าอะไรจะชื่อน้อยส์วะ ผมคิด

“เห้ยย ไม่ได้เพ้อ ก็ปกติิ ที่มึงยังไปเดินอ่อยหญิงบัญชีเลย” เต้โวยวาย

“เฮ้ย ไม่จริง ไม่มี ไม่เคยเลย พวกเฮียอย่าไปเชื่อมันนน” เอกพูดเสียงหลง


อะไรจะตั้งหน้าตั้งตาปฎิเสธขนาดนั้นวะเนี่ย ยิ่งน่าสงสัยเข้าไปใหญ่เลย
ท่าทางกว่าจะเค้นคำตอบมันได้ก็คงอีกนาน ผมเลยหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดดูเล่นๆ


หน้าเฟสบุคของผมมีรูปที่โดนแท็กเข้ามาจากน้องกันปีสองที่เป็นคนถ่ายรูปรวมสายเอาไว้ก่อนกลับ
มีคนกดไลค์กดคอมเมนต์กันเข้ามาเยอะแยะ ส่วนใหญ่ถ้าเป็นปีหนึ่งก็น่าจะเป็นแฟนคลับพี่ว้ากอย่างเต้กับเอกแหละครับ เห็นเข้ามากรี๊ดกร๊าดกันใหญ่ มีพวกรุ่นอื่นๆเข้ามาทักทายเยอะเหมือนกัน


ผมกดแชร์ไปที่หน้าวอลล์ตัวเองแล้วเปลี่ยนไปยังแอพพลิเคชั่นที่คุ้นเคย

มีแชทไลน์ค้างไว้ตั้งแต่เกือบสองทุ่ม และพอดีมีเรื่องต้องเชคนิดหน่อย
ผมกดอ่านๆ ข้อความไปเรื่อย อันไหนต้องตอบก็พิมพ์กลับไปสั้นๆ อันไหนไม่ต้องตอบก็กดอ่านเฉยๆ


นายหวาน : วันนี้จิ๋วแหกปากเสียงดังเหมือนเดิมครับ หมอบอกว่าเนื้อตายตรงไหล่ไม่มีแล้ว แต่ที่ขาหน้ายังต้องขูดออกอยู่ น่าจะอีกอาทิตย์ถึงจะโอเค

นายหวาน : /แนบรูป

นายหวาน : /แนบรูป



แชทล็อกเว้นช่วงไปราวสองชั่วโมง ข้อความสุดท้ายเข้ามาตอนสี่ทุ่มนิดๆ


นายหวาน : หายยาว…. เมื่อไหร่พี่จะกลับอ่ะ


ไอ้เรื่องที่ต้องเชคน่ะ เรื่องไอ้แมวตัวจิ๋วนี่แหละครับ


ย้อนไปเมื่อวันอาทิตย์ เพราะผมต้องกลับบ้านเลยจะไม่ได้ไปคลินิกสัตวแพทย์ดูเจ้าจิ๋ว เด็กหวานเลยอาสาไปจับแมวแทนให้

ตอนบ่ายแก่ๆ ขณะกำลังให้อาหารปลาคาร์ฟในบ่อหน้าบ้านผมก็ได้รับไลน์รายงานความคืบหน้าการรักษาอย่าละเอียดพร้อมรูปประกอบจากนายหวาน ทิ้งท้ายไว้ว่าวันอังคารส่งงานสตูดิโอ วันจันทร์ต้องปั่นงานคงไม่ได้ไปดูแมวให้

ผมก็ขอบอกขอบใจแล้วไล่ไปทำงานตามระเบียบล่ะครับ เย็นวันจันทร์มันส่งงานมาให้ดู ขอความเห็นอะไรไปตามเรื่อง ส่งงานจบก็นึกว่าจะหายไปนอนยาวๆ แต่พอเย็นวันอังคารก็มาเจอที่หน้าคลินิกแบบงงๆพร้อมคำตอบของมันว่า “มาเยี่ยมจิ๋วไงครับ”

ไอ้เด็กนี่ท่าทางจะรักแมวจริงๆ


“เออนี่” พอนึกได้ว่าตกลงจะเลี้ยงสายรหัสกันปลายอาทิตย์ ผมเลยออกปากถาม “วันศุกร์ที่จะถึงนี่ว่างมั้ย”

“ทำไม ชวนไปเดทเหรอครับ” หวานที่กำลังลูบหลังแมวบนตักผมหันหน้าขึ้นมาถามอย่างไว

“บ้าเรอะ” ผมว่า “วันศุกร์กูมีเลี้ยงสาย ถ้าว่างฝากมาดูเจ้านี่หน่อยสิ” ผมชี้ไปที่แมวบนตัก จิ๋วมองตามนิ้วตาแป๋ว ก่อนจะยกเท้าเล็กๆ ขึ้นเกาะปลายนิ้วผม ทำท่าจะงับเล่น

“แน่ะ จะกัดเหรอ” หวานหัวเราะน้อยๆ แล้วเอามือกอบแมวไปวางบนตักตัวเอง “ได้สิครับ.. แต่ต้องมีของแลกเปลี่ยนนะ”

“พี่ต้องเป็นคอนซัลท์งานสตูผม”

ผมย่นจมูก “นี่กูไม่ได้เป็นอยู่รึไง เอะอะก็ส่งมาให้ดูตลอดไม่ใช่เรอะ”

มันหัวเราะเสียงดังก่อนจะรับปากเรื่องแมว


นี่จึงเป็นที่มาของการรายงานอาการแมววันนี้ไงครับ


“เฮีย ทำไรอ้ะ” เอกเรียกผมให้หยุดจากการย้อนความ “ลอยไปไหนแล้ว แชทกะใครอ้ะ”

“ยุ่งน่า เรื่องของมึงดีกว่า จบยัง” ผมถามกลับ

“โห่ยยยยยย อะไรก๊านนนนนน” มันร้องโวยวาย
ผมหัวเราะก่อนจะก้มลงไปพิมพ์แชทตอบเร็วๆ


Wyn_Tect : เดี๋ยวจะกลับแล้วน่า

นายหวาน : ถึงบ้านแล้วบอกด้วยนะครับ

Wyn_Tect : เรื่องเยอะ



ไอ้เด็กนี่มันอยู่หน้ามือถือตลอดเลยรึไงนะ ตอบเร็วชิบเผง
เสร็จสรรพผมก็เก็บโทรศัพท์เข้ากระเป๋ากางเกง หันมาคุยในวงต่อ


_ _ _ _


“เอ้าๆ ได้เวลาแยกย้าย เมียกูตามแล้วเนี่ย” พี่เป้พูด “วันนี้ขอชิ่งหล่อๆ ไม่ส่งใครนะ ต้องรีบกลับว่ะ”

“เอ้า ใครไปกะกูบ้าง ผ่านรถไฟฟ้า” พี่คิวถามขึ้น เจ้มุกรีบยกมือ

“เดี๋ยวผมกะไอ้เอกเอาพี่หยองไปส่งเอง แท๊กซี่ง่ายกว่าครับ” เต้รีบบอก
ผมมองเลยไปที่ไอ้น้องหยองที่กำลังคอพับคออ่อนอยู่ “พวกมึงไหวนะ” ผมย้ำ พวกมันพยักหน้าหงึกๆ

“อ่ะ จ่ายตัง พวกมึงสามคนเอามาคนละร้อยเดียวพอ นอกนั้นพวกกูหาร” พี่คิวที่เป็นคนนับเงินพูดขึ้น


ผมควักเงินออกจากกระเป๋าสตางค์ นี่แหละครับ เก็บไอ้พวกที่เรียนอยู่แค่เป็นพิธีเท่านั้นแหละ รุ่นพี่มีเงินเดือนก็ต้องเลี้ยงน้องตามระเบียบ คนไม่ต้องออกเลยคือน้องใหม่ปีหนึ่งเท่านั้นแหละ


“ขอบคุณทุกคนมากๆ ดีใจที่ได้เจอ” เฮียใหญ่อย่างพี่เป้บอก แล้วทุกคนก็แยกย้ายกันกลับบ้าน
ผมส่งหยอง เต้และเอกขึ้นแท๊กซี่ โบกมือบ๊ายบายพี่มุกกับพี่คิว ก่อนจะขึ้นรถและขับกลับคอนโด


ง่วงจังเลยแฮะ


_ _ _ _


00.14


ผมที่อาบน้ำแล้วกำลังคลานขึ้นเตียงนุ่มๆ พรุ่งนี้จะนอนให้ละลายไปกับเตียงเลยคอยดู
โชคดีที่อาทิตย์นี้งานไม่ค่อยเดือด กลับได้ตรงเวลาชิวๆ โปรเจ็กใหม่ก็ยังไม่เข้า สบายใจ


ผมเอื้อมมือไปปิดไฟ แล้วหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาเปิดเคลียร์อีเมลล์และแจ้งเตือนอื่นๆ

อาร์ตไลน์มาชวนไปดูหนังกันวันพรุ่งนี้เย็นๆ บอกว่าพีทกับน้ำจะมาด้วย เออ ก็ดี ไม่ได้เจอพวกมันมานานแล้วเหมือนกัน
ผมเลยตอบตกลงไป


ไอ้เด็กหวานตอบกลับข้อความที่สั้นๆ ที่ผมส่งบอกมันตอนเพิ่งกลับถึงคอนโด
 

นายหวาน : กลับดึกจังครับ

Wyn_Tect : เลี้ยงสายนะครับ ไม่ใช่ฉันเพล จะได้เสร็จตอนเที่ยงๆ

นายหวาน : พรุ่งนี้พี่จะแวะไปคลีนิคมั้ยอ่ะครับ

Wyn_Tect : แวะสิ สักเที่ยงๆจะเข้าไป

นายหวาน : โอเค เจอกันที่คลีนิคนะครับ

Wyn_Tect : จริงๆ มึงไม่ต้องไปทุกวันก็ได้นะ

นายหวาน : อ้าว ทำไมอ่ะ

Wyn_Tect : ก็จะไปทำไมเล่า เสียเวลามั้ย จับจิ๋วคนเดียวก็พอ

นายหวาน : คิดถึง



ผมอ่านซ้ำ คำเมื่อกี้ทำเอาตาสว่างหายง่วง


นายหวาน : แมว

นายหวาน : ให้ผมไปเหอะน่า



อ่อ คิดถึงแมว

แล้วจะเว้นวรรคทำอาม่ามึงเรอะไอ้เด็กนี่!!! ตกใจหมด!
ผมลอบถอนหายใจแล้วพิมพ์กลับไป


Wyn_Tect : เออ แล้วแต่มึงละกัน


ผมวางโทรศัพท์ลงที่หัวเตียงแล้วดึงผ้าห่มขึ้นคลุมตัว
พยายามหายใจเข้าหายใจออกให้เป็นปกติ


หัวใจมันเต้นแรงเกินไปน่ะสิครับ
มาตกใจก่อนจะนอนแบบนี้ไม่ดีเลยให้ตาย


_ _ _ _

(มีต่อ)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 09-10-2017 22:08:24 โดย idee »

ออฟไลน์ idee

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 79
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-2
12.36


“จิ๋วว”
ผมนั่งขัดสมาธิกับพื้นแล้วเขย่าลูกบอลกรุ๊งกริ๊งเรียกความสนใจจากลูกแมวตัวเล็กที่เพิ่งทำแผลเสร็จ เจ้าตัวเล็กหลบอยู่หลังกระเป๋าที่ผมวางกองไว้บนพื้น

“นี่ จิ๋วๆๆ”

นอกจากมันจะไม่วิ่งมาหาแล้ว ยังเอาแต่เอียงคอมองตามไอ้เด็กหวานที่เดินไปเดินมาอีกต่างหาก
ผมถอนหายใจพรืด ลืมหน้ากูไปแล้วเหรอไอ้แมวจ้อย!

“ช่วงนี้จิ๋วชอบเล่นไอ้นี่ครับ” หวานเดินลงมานั่งข้างผม ในมือมีแกนกระดาษทิชชู่สีน้ำตาลที่เพิ่งหยิบออกมาจากกระเป๋า ไอ้ตัวเล็กวิ่งเข้ามาเกาะกางเกงยีนส์มันแทบจะทันที มันหัวเราะน้อยๆ ก่อนจะค่อยๆอุ้มแมวที่ตอนนี้ไม่ค่อยเป็นมัมมี่แล้วออกจากขาแล้วส่งให้ผมอุ้ม

“ไปติดไอ้เด็กแบบนี้ได้ยังไงฮึ” ผมยกตัวมันขึ้นจ้องหน้าแล้วแกล้งถาม ทำเอาคนโดนพาดพิงร้องอ้าวเสียดัง

“ไหงงั้นล่ะครับ”

“ไม่รู้แหละ พาลเว้ย”

มันหัวเราะพลางยื่นแกนกระดาษกลมๆ ให้แมวในมือผมดู จิ๋วมองตามแล้วจ้องของเล่นตาแป๋ว
คนข้างตัวปล่อยแกนทิชชู่ให้กลิ้งกับพื้น ไอ้ตัวแสบเริ่มดิ้นขลุกขลักเพราะความอยากเล่น ผมเลยปล่อยแมวจิ๋วลงกับพื้นให้วิ่งไล่ได้ตามใจ “เออ น่าจะชอบจริง”

“เมื่อวานวิ่งอยู่ตั้งเกือบสิบนาทีแน่ะครับ” หวานบอกยิ้มๆ “พอเหนื่อยก็กลับมานอนซุกขา ขี้อ้อนชะมัด”

“เอ้า” ผมว่าขึ้นเมื่อเห็นมันลื่นเอาตัวถูพรืดไปกับพื้นแล้วร้องเมี้ยวเสียงดัง “เจ็บมั้ยน่ะ” เตรียมขยับตัวจะลุกขึ้นไปดู แต่ก็เห็นแมวจิ๋วพลิกตัวขึ้นมาแบบไม่ยี่หระ แล้วพุ่งใส่แกนกระดาษต่อ อ้าว ไ่ม่เป็นไรนี่หว่า ค่อยโล่งใจหน่อย

“แหม ห่วงเป็นลูกเลยนะครับ” หวานแซว

ผมหน้าตึงๆ “ก็เดี๋ยวแผลมันฉีก...แล้วก็จะไม่หายซักที เปลืองค่ารักษากูอีก…” ผมพูดอุบอิบ

“ครับครับ เชื่อครับ”

แต่หน้ามึงไม่ได้เชื่อเลยครับสัส
 
“กวนตีน..”

พูดจบผมก็นั่งมองลูกแมวตัวจิ๋วที่มีหูข้างเดียวปลุกปล้ำกับแกนกระดาษทิชชู่อย่างสนุก
เจ้าจิ๋วพยายามกระโดดตะปบแต่แกนทิชชู่ก็กลิ้งหนีมันอยู่เรื่อย จนตอนนี้มันส่งเสียงต่ำอย่างๆไม่พอใจ ผมกับหวานหัวเราะขำเมื่อเห็นจิ๋วเริ่มหงุดหงิดและเปลี่ยนมานอนแทะขอบกระดาษแทน คนข้างๆ ยิ้มกว้างแล้วหยิบเอาโทรศัพท์ออกมาถ่ายวีดีโอไว้
เห็นแบบนั้นผมก็เลยหยิบไอโฟนตัวเองออกมาถ่ายรูปบ้าง

“จิ๋ว!” ผมลองเรียกเสียงดัง เจ้าตัวยุ่งหันมามองโทรศัพท์ สายตาแป๋วๆจ้องที่เลนส์กล้องอย่างสนใจ ทิ้งแกนทิชชู่ที่กำลังกัดอยู่เฉย

เออ แมวก็บ้ากล้องเว้ย

ผมคิดในขณะจิ๋วค่อยๆ ย่องมาหาจนถึงตัวผมที่นั่งอยู่ มันยกเท้าเล็กๆยกขึ้นแตะที่โทรศัพท์ ทำสายตาอยากรู้อยากเห็น

“แน้ แบบนี้ก็บังกล้องน่ะสิ” ผมยกมือถือขึ้นแล้วพูดใส่ “กูถ่ายไม่ได้นะจิ๋วว”
มันเอียงคอร้องเหมียวเบาๆ เหมือนจะเป็นการตอบรับ แต่ยังจ้องไอโฟนในมือผมไม่วางตา “มองนี่ๆ” ผมชี้ที่เลนส์

“คุยกันรู้เรื่องแล้วเหรอครับ” หวานหัวเราะคิกคัก มือยังถือโทรศัพท์ถ่ายวีดีโออยู่

“มึงนี่..” ผมมองตาเขียว แต่มันก็ไม่สะทกสะท้านใดๆ ส่งยิ้มกลับมาให้แทน

พอดีกับที่แมวจิ๋วปีนขึ้นมาบนตักผม “ว่าไงล่ะ เพิ่งจำได้รึไง หายไปวันเดียวทำลืมนะ” พูดจบผมเลยช้อนตัวมันขึ้นมาวางไว้บนตักแล้วปรับกล้องเป็นโหมดเซลฟี่

“ไหนๆ มองกล้องๆ แมวที่ไหนเนี่ย หน้าตาคุ้นจังเลย” ผมพูดพลางลูบหัวมันไปด้วย ไอ้ตัวเล็กบนตักผมชะโงกหน้าดูที่จอใหญ่ ผมเลยปรับมุมกล้องนิดหน่อยแล้วก็ถ่ายรูปเซลฟี่ตัวเองกับแมวไว้สองสามรูป

คนข้างๆเห็นเข้าก็เลยเก็บโทรศัพท์ตัวเองเข้ากระเป๋าแล้วขยับตัวมาชิดผม “ถ่ายด้วยสิครับ” ว่าแล้วก็เอาหน้าหล่อๆของมันเข้ามาในเฟรม มันเอื้อมมือมาช่วยจับแมวบนตักให้ผมได้ถ่ายรูปสะดวกๆ ผมนับถอยหลังแล้วกดชัตเตอร์ไปสี่ห้าครั้งเผื่อพลาด

ไหนดูรูปซิ..

ตรงกลางของภาพมีหน้าเบ้อเร่อของแมวหูแหว่งที่พันด้วยผ้าพันแผลกำลังทำตาแป๋วแหว๋วมองกล้อง เลยออกไปหน่อยเป็นผมที่นั่งยิ้มตาเป็นขีด มือข้างหนึ่งยื่นออกมาเพื่อถือโทรศัพท์ ส่วนด้านขวามีหวานนั่งยิ้มโชว์หล่อกับคิ้วเข้มๆและไฝใต้ตาด้านขวาของมัน

เออ ตลกดี

_ _ _ _


จิ๋วเดินเหยียบๆ อยู่บนตักของผมแล้วขดลงนั่งตัวกลมป๊อก

“ท่าทางจะเหนื่อยแล้วล่ะครับเนี่ย ดูหน้าสิ” หวานก้มลงมามอง เอามือลูบหัวแมวเบาๆ

“อือ” ผมพยักหน้าเห็นด้วย “นี่ อย่าเพิ่งหลับนะ” ผมเขย่าขาให้ไอ้ตัวเล็กตื่น แหม หน้าเคลิ้มเชียว
ผมมองนาฬิกา "ไปนอนในกรงดีกว่า” ผมอุ้มแมวตัวจ้อยไปเรียกพี่ผู้ช่วยคุณหมอให้เอาจิ๋วใส่กรง
เสร็จสรรพพวกผมก็ร่ำลาพนักงานคลีนิกที่หน้าเคาน์เตอร์ก็เป็นอันจบ

พีทส่งไลน์มาเร่งผมยิกๆ ระหว่างที่ผมยืนปัดขนแมวออกจากกางเกงอยู่หน้าคลีนิค

“แล้วเสร็จจากนี่พี่จะไปไหน” หวานถามขึ้นขณะเปิดประตูออกจากคลีนิค

“มีนัดดูหนังอ่ะ” ผมตอบ

“ไปด้วยดิ่”   

ผมเลิกคิ้วแทนคำถาม

“ก็เพิ่งจะส่งงานไป เหนื๊อยเหนื่อย อยากพักดูหนังบ้าง” หวานทำท่าโอเวอร์ “พี่นัดกับใครไว้อ่ะ”

“พวกที่คณะแหละ รุ่นกู ไม่รู้มึงจำได้มั้ย อาร์ต พีท น้ำ” ผมบอกเรียบๆ

“ไปป่ะล่ะ” ผมถามไปตามน้ำ

รุ่นพี่เยอะขนาดนี้ มันจะอยากไปได้ยะ...

“ไปสิครับ”

คิดยังไม่ทันจบประโยค มันก็พูดขัดขึ้นก็ขยับกระเป๋าเป้ในมือ เดินนำไปยังลานจอดรถทันที

เออ
ผมกระพริบตาปริบๆ
ก็ลืมไปว่ามันเป็นเด็กใสกิ๊งไม่คิดอะไรมาก
กะอีแค่รุ่นพี่ไม่กี่คน มันจะไปแคร์อะร๊ายยย

_ _ _ _

12.50

“นี่” มันพูดขึ้นขณะขับรถ ผมละสายตาจากอีเมลล์ที่กำลังอ่านในโทรศัพท์ขึ้นมอง หวานยังคงมองตรงไปที่ถนนพร้อมบังคับพวงมาลัยในมือ

“ขอรูปเมื่อกี้หน่อยสิครับ” หวานทวง “ที่เซลฟี่กันเมื่อกี้”

“เอาดิ่” ผมก้มหน้าเปิดรูปเตรียมจะส่งให้มันในไลน์


อืมมม..
รูปนี้เหรออ อืมมม..

มันก็น่าจะเป็นรูปเซลฟี่ธรรมดาใช่มั้ยครับ มีผม มีแมว มีไอ้หวาน จบ

แต่ด้วยมุมกล้องบ้าๆบอๆแบบนี้ มันทำให้ชวนเข้าใจผิดชะมัด
เพราะมือหนึ่งของผมมันอยู่ที่หลังคอจิ๋ว ส่วนมือข้างหนึ่งของหวานก็จับอยู่ที่ตัวแมว
แต่มันโดนหัวกลมๆของจิ๋วบังเอาไว้หมดเลยน่ะสิ เห็นแต่แขน
อีแบบนี้มันเหมือนกำลังกุมมือกันอยู่มากกว่า…
 
ผมเหลือบตามองคนขับที่กำลังฮัมเพลงงึมงำในคือ แล้วกูจะมานั่งคิดมากทำไมวะกะอีแค่รูปถ่าย
ผมส่ายหัวก่อนจะกดส่งรูปให้หวานผ่านไลน์

_ _ _ _


13.10

“อ๊ะ มาแล้ว” พีทที่กำลังยืนชะเง้อคออยู่พูดขึ้น “แล้วนั่นใครวะ”

“หน้าคุ้นๆ” อาร์ตบอกขึ้น
 
“ไง” ผมที่เพิ่งเดินมาถึงร้านกาแฟทักเพื่อนๆ วันเสาร์บ่ายแบบนี้ห้างคนเยอะเหมือนกันนะ “ไอ้น้ำล่ะ?” ผมมองซ้ายมองขวา
พีทยืนตัวสูงเด่อยู่ที่โซนซื้อตั๋ว ถัดไปเป็นอาร์ตที่กำลังนั่งกระดิกเท้าอยู่บนโซฟา

“ไปเข้าห้องน้ำ แล้ว..” พีทเลิกคิ้วเป็นคำถาม

“อ้อ นี่หวาน ปีหนึ่ง ส่วนนี่ไอ้พีท กับไอ้อาร์ต เพื่อนกูเอง” ผมยืนกอดอกบอกสั้นๆ

“สวัสดีครับพี่ๆ” หวานยกมือขึ้นไหว้.. หือ... ผมปรายตามอง
ทีกับกูแม่งไม่เห็นจะเคยไหว้เลย

“หวัดดี” อาร์ตยกมือขึ้นทักแบบงงๆ

“เห้ยย!!!” พีทอุทานขึ้นเสียงดัง “ไอ้เด็กป๊อบในวงเหล้านี่หว่า ไปไงมาไงเนี่ย”

“วงเหล้าไหนวะ กูไม่เห็นรู้เรื่องเลอ” อาร์ตทำหน้างง

“ก็มึงเมาเป็นหมาไปตั้งกะเที่ยงคืน จำได้ก็แปลกละ” ผมว่า “มีธุระกันนิดหน่อย เสร็จแล้วก็เลยพามาด้วย” ผมบอกปัดๆ แล้วนั่งลงเบียดอาร์ต ขี้เกียจอธิบายยืดยาว

“เออ เอาดิ่” พีทพูด

“แล้วพวกมึงซื้อตั๋วรึยัง” ได้การส่ายหน้าจากอาร์ตเป็นคำตอบ “งั้นเดี๋ยวกูกดจองให้เลย” ผมว่าพลางหยิบมือถือออกมากดซื้อตั๋ว

“แล้วไหงมากับไอ้ตี๋ได้วะ” อาร์ตเงยหน้าขึ้นถามคนที่เด็กสุดในวง

ผมหันขวับขึ้นมามอง พูดดีๆนะเห้ย..
หวานมองตาผมแว้บหนึ่งแล้วหันไปตอบอาร์ต

“อ่าาา.. ก็...พี่วินชวนมาอ่ะครับ” มันยกมือขึ้นเกาแก้มแก้เขิน

อืม ตอบดีมาก...

เดี๋ยว!

ไอ้เด็กบ้าาาาาาาาา ผมทำตาโต
ตอบอย่างงี้ก็ได้เหรอ ไอ้คนร้องแง้วๆ อยากตามมานั่นมันมึง!
และที่สำคัญ

มึงจะเขินทำไม!!!!

“หือออออ มึงอะนะชวนคนอื่นมาดูหนัง ไหนว่าชอบดูหนังคนเดียวววว” อาร์ตพูดอย่างจับผิด

ผมรีบก้มหน้าลงจดจ่อกับหน้าจอโทรศัพท์มือถือในมือ “ก็…อ่า…”

“นั่นดิ่ ปกติพวกกูชวนมึงยังไม่ค่อยจะออกมาเลย” พีทเสริม


สัสอย่ารุมกู
แล้วไอ้เด็กแสบจะมาอมยิ้มหาพระแสงอะไร


“อ้าว ไอ้ตี๋มาแล้วเรอะ” เสียงของคนมาใหม่ขัดขึ้น

เย้ ไอ้น้ำมาแล้ว! ผมอุทานในใจ
มาช่วยกูออกจากสถานการณ์นี้ที กูไม่รู้จะตอบพวกแม่งสองคนนี้ยังไง

“กูซื้อตั๋วเสร็จแล้ว! จ่ายกูมาคนละร้อยแปดสิบ! เอ่อ.. แล้วตอนนี้กูก็.. หิว! หิวมากด้วย! กูไปซื้อป๊อปคอร์นกับไส้กรอกดีกว่า พวกมึงเอาอะไรมั้ย ป๊อปคอร์นถังใหญ่ละกันเนอะ” ผมพูดเร็วปรื๋อแล้วรีบเดินออกมา

“เดี๋ยวผมไปช่วย”


มึงจะตามกูมาทำม๊ายยยยยยยยย!!!

_ _ _ _

ตอนที่ 13 มาแล้วค่า

ขอบคุณที่ยังติดตามกันนะคะ
/ซบคนอ่านทุกคน

 :pig4: :pig4: :pig4:

ห่างหายไปพักนึง กลับมาแล้วนะฮือออ
หวานใส่เกียร์รุกสุดติ่ง หลงเด็กกันไปหมดแล้วรึยังคะ แหะๆ

พบกันตอนหน้าค่ะ
 :-[
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 20-08-2017 07:36:57 โดย idee »

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Zetnezz

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 225
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0

ออฟไลน์ warin

  • รถไฟขบวนนั้น ได้แล่นผ่านไปแล้ว
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1938
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +60/-1
    • -

ออฟไลน์ winndy

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1135
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +89/-3
ชอบหวาน-วิน มากค่ะ เขียนดี อ่านเพลิน

ออฟไลน์ insomniac

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1483
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +111/-3
สนุกมากๆ เลยครับ
ไม่รู้พลาดเรื่องนี้ไปได้ไง เพิ่งได้มาอ่าน
เด็กก็งานดี ผู้ใหญ่ก็เร้าใจ

ออฟไลน์ saccarrum

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 142
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
ฮือออ เหมือนอ่านเท่าไหร่ก็ไม่พอ  :ling1:
อยากอ่านตอนหน้าละ นายหวานกำลังรุกเข้าไปในกลุ่มเพื่อนวินเลย
ชอบค่ะ  :L2:

ออฟไลน์ Apinnoolek

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 39
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
พี่วินน่ารัก อุ๊อิ :)

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3333
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6

ออฟไลน์ songte

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1425
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
หวานวินก็น่ารักดี แต่พี่ตะวันวินก็งานดีเหมือนกันนะ โอ๊ยเลือกไม่ถูก

ออฟไลน์ monoo

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1960
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +101/-4

ออฟไลน์ idee

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 79
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-2
ความเสี่ยงที่ 14

14.47

“ไม่ดิ่ กูว่าภาคก่อนทำดีกว่านี้เยอะเลย” พีทว่าขึ้น

“แต่บทเรื่องนี้มันดีกว่านะ” อาร์ตเถียง “อันก่อนหน้านี้ตัดรายละเอียดออกไปหมดเลย”

“เห้ย แต่ถ้าเอามาเล่าในเรื่อง คนไม่ได้อ่านหนังสือมางงตายห่า” พีทยืนยัน

“จริงๆ แล้วมันเล่าเรื่องเรียงตามหนังสือเลยนะเรื่องที่แล้วอ่ะ ถ้าเป็นแฟนบอยน่าจะพีคอยู่” ผมบอก

“เห่ย คุยกันเรื่องที่เพิ่งดูสิวะ เรื่องก่อนกูยังไม่ได้ดูเลย” น้ำโวยขึ้นมาบ้าง

“กูว่าคราวนี้ผู้กำกับเมายาไปหน่อยว่ะ” ผมว่า “จริงๆถ้าโฟกัสแค่เรื่องครอบครัวพระเอกจะดีมาก ผูกปมมาซะเยอะ แต่อธิบายไม่หมด มันเลยจับฉ่ายไปหน่อย” เพื่อนผมพยักหน้าเห็นด้วย

“แต่กูชอบฉากริมแม่น้ำอ้ะ” น้ำแสดงความเห็น “แสงสวย”

“เห็นมั้ย” อาร์ตตบเข่า ทำหน้าดีใจเมื่อมีคนเข้าข้าง

น้ำหันขวับ “แต่กูก็ยังไม่ชอบบทเหมือนกันว่ะ”

“บทมันก็ต้องมีช่องว่างบ้างป่าววะ แหม่” อาร์ตพูดอุบอิบแล้วยกแก้วน้ำขึ้นดื่มแก้เขิน
 

ทุกครั้งหลังหนังจบ มักจะเป็นแบบนี้แหละครับ มานั่งคุยกันเถียงกัน วิจารณ์หนังกันอยู่ในร้านกาแฟแบบนี้
เห็นตรงกันบ้างไม่ตรงกันบ้าง สนุกดีนะครับ
แต่สงสัยเด็กหวานจะไม่อิน นั่งฟังเงียบๆละเลียดลาเต้ของมันอยู่นิ่งๆ ไม่มีส่วนร่วมการสนทนาแบบนี้สักกะนิด


Rrr….

“อ๊ะ ของกูเอง” น้ำพูดขึ้นพร้อมรับโทรศัพท์
มันพูดสองสามคำก่อนจะลุกขึ้นแล้วเดินไปคุยนอกร้าน


“แหม่ ต้องหลบไปคุย แม่งมีความลับอีกละ” พีทแซว

“ปล่อยมันไปเห๊อะ” ผมพูด

“แน่ะ มึงรู้อะไรมาจ๊ะตี๋” อาร์ตเอาศอกสะกิดผม “บอกกูมาให้ไวเลย”

“มึงกับไอ้น้ำมีความลับกับพวกกูเรอะ” พีทว่า

ผมสะดุ้ง “เห้ย กูจะรู้อะไร” ตอบแบบตามองไปที่แก้วกาแฟตัวเอง 

“ไม่เนียนเลยมึง”

“นั่นดิ่ นี่ไอ้หวาน พี่มึงรู้อะไรมาเนี่ย” อาร์ตหันหน้าไปถามคนนั่งเงียบมานาน

“เอ่อ ไม่รู้สิครับ” หวานตอบเสียงนิ่ง “ต้องลองถามพี่วินดูน่ะแหละ ว่ามีเรื่องอะไรบอกพวกพี่ไม่ได้รึเปล่า”


อย่าโยนให้กู ไอ้เด็กนี่!


“ไม่มีไรจริงๆ ไม่เชื่อมึงลองถามไอ้น้ำแม่งเองเลย มาโน่นแล้ว” ผมชี้มือไปยังไอ้น้ำที่เดินเข้ามาแล้วทำหน้างง

“มีไร”

“คุยกะใครวะ?” พีทถามขึ้นโต้งๆ

“น้องแนน คุณเธอจะให้กูไปรับที่มหาลัยว่ะ สงสัยต้องกลับบ้านไปเอารถก่อน” มันพูดเซ็งๆ

“อ่อออ” ร้องอ๋อขึ้นมาพร้อมกัน “อ้าว งี้มึงก็ต้องรีบกลับอ่ะสิ” พีทว่า

“คงงั้น เดี๋ยวกูโทรถามพ่อก่อนว่ารถอยู่มั้ย ไม่งั้นต้องแท๊กซี่ไปรับ”

“เออๆ…. มึงจะไปก็…..ห้ะ เดี๋ยวๆ น้องแนนอ่ะนะ” พีทถามย้ำแล้วทำตาเป็นประกาย


ผมแอบถอนหายใจที่เปลี่ยนประเด็นกันได้ซักที พอดีกับที่หันไปสบตากับเด็กที่ทำหน้างงอยู่ข้างตัว “น้องสาวไอ้น้ำน่ะ ชื่อน้องแนน” ผมบอกสั้นๆ หวานพยักหน้าเข้าใจ จะว่าไปทำไมมันเงียบจังวะตั้งแต่ดูหนังจบ


“เห้ยยย พอดีเลย กูว๊างว่างอ่ะ เดี๋ยวกูขับรถให้ ไปรับน้องแนนแลวก็ไปส่งมึงที่บ้าน งะ พอดีเพ๊ะ” พีทตบโต๊ะ ทำเอาน้ำมองแบบไม่ไว้ใจเตรียมอ้าปากปฏิเสธ สงสัยโรคหวงน้องกำเริบ  “พวกกูไม่ได้มีเจตนาแอบแฝงจริงจริ๊ง” พีทย้ำ 

“เห้ย กูก็ว่างพอดีเลย ตี๋ มึงด้วยใช่ป่ะ!” อาร์ตรีบแทรกขึ้น “ไปส่งไอ้น้ำกับพวกกูดีกว่า”

“อ่า..” ผมมองหน้าเด็กปีหนึ่งในโต๊ะ ก็ผมนั่งรถมันมานี่ครับ 

“ไม่เป็นไรพี่ ไปกับเพื่อนเหอะ ผมว่าจะไปเดินดูหนังสือต่อพอดี คงอีกสักพักกว่าจะกลับ” หวานชิงพูดขึ้นก่อน

“เออๆ ก็ได้” ผมพยักหน้าตอบตกลง

“แสดดด ปกติหาว่าบ้านกูไกลอย่างนั้นอย่างนี้ พอมีน้องกูเข้ามาเอี่ยวนี่พวกมึงรีบกันเลยนะ” น้ำโวยวาย

“เอ้า นี่ความมีน้ำใจล้วน มึงอ่ะคิดมาก ว่าแต่กินกันเสร็จรึยัง ปะ รีบไปกัน เดี๋ยวน้องมึงรอนาน” พีทรีบพูดแล้วพยักหน้าให้คนที่เหลือ “ปะ ปะ” มันเร่ง

“มึงก็รีบเกิ๊น” ผมว่าขึ้น เหลือบตาไปทางหวานที่กาแฟในแก้วยังเหลืออีกเกินครึ่ง ไอ้เชี่ยพีทนี่ก็เร่งจัง รอมันกินหมดก่อนค่อยไปก็ได้ป่ะ ยังกะว่าไปเร็วแล้วน้ำมันจะยอมให้มันจีบน้องสาวงั้นแหละ


“พวกพี่ไปเลยก็ได้ครับ” หวานพูดพลางยกแก้วลาเต้ของตัวเองขึ้นดื่มแล้ววางลงนิ่งๆ “ผมขอนั่งต่ออีกหน่อย”

ทิ้งมันไปแบบนี้จะดีเหรอวะ? “เอ่อ..”

“ไปเถอะครับ ไม่ต้องห่วงหรอก” มันพูดยิ้มๆ

“อ่ะ ไปครับคุณเพื่อน ไปรับน้องกันครับพี่เขย” อาร์ตลุกขึ้นยืนแล้วพูดแซว เลยโดนน้ำเตะเอาที่หน้าแข้ง


ผมลุกขึ้นตาม เจ้าเด็กคิ้วเข้มก็หันมายิ้มแล้วโบกมือให้

เออๆ ไปก็ไป!

_ _ _ _


15.42


ไกลชิบหาย

ก็รู้แหละครับว่าบ้านไอ้น้ำมันไกล ใช่ว่าจะไม่เคยมา
แถมวันนี้ต้องนั่งรถรอบเบ้อเร่อ ไปรับน้องแนนที่มหาวิทยาลัย แล้วค่อยวนมาส่งสองพี่น้องที่บ้าน
นี่กูต้องนั่งจนเป็นแผลกดทับเลยมั้ย

ผมนั่งกดโทรศัพท์ในมือเพื่อตอบไลน์ของคุณตะวันที่ส่งรูปตึกหน้าตาทรงประหลาดที่โซลมาให้ผมดู
อ่อ นี่แหละครับตึกของป้าซาฮ่า ฮาดิดที่ฟ้าชอบนักชอบหนา คือสวยมันก็สวยแหละครับ เดี๋ยวผนังเอียงเดี๋ยวมีอุโมงค์ แต่เดินแล้วจะหลงตายเอา ไม่ค่อยถูกจริตกับคนชอบตึกนิ่งๆของทาดาโอะแบบผมเท่าไหร่

ผมชะโงกหน้าไปดูถนน นี่กูแชทตั้งนาน ยังไม่ถึงไหนเลยเหรอวะเนี่ย

ผมนั่งหน้ามึนๆ อยู่ที่เบาะหลังรถกับไอ้น้ำ สัปหงกไปหลายรอบ โงนเงนไปมาจนไอ้น้ำรำคาญเลยจับหัวผมหนุนหมอนเน่าของไอ้พีทแล้วผลักให้ลงไปนอนดีๆ เพราะพื้นที่ข้างหลังแคบไปหน่อยหัวผมเลยเกยกับตักมันนิดๆ แต่มันก็ดูไม่ได้จะใส่ใจเท่าไหร่
โอเค ขอบใจมาก
กูจะนอนอย่างสงบละนะ

หนึ่ง..
สอง…

คร่อกกก...

“เออ มึงไปสนิทกันตั้งแต่เมื่อไหร่วะตี๋” เสียงอาร์ตลอยมาจากด้านหน้ารถ
ไอ้ห่า กูยังไม่ทันจะหลับเลย

ผมขมวดคิ้วแล้วลืมตาขึ้นข้างหนึ่งเมื่อได้ยินชื่อตัวเอง “หือ”

“ไอ้น้องหวานไง” อาร์ตทวน

“หา”

“เออนั่นแหละ มึงไปสนิทกันได้ไง” 

โอ้ย จะมาคุยอะไรตอนกูจะนอน
“ก็ไม่มีอะไร มันเป็นน้องรหัสฟ้าไง” ผมหลับตาลงเหมือนเดิม

“แล้วตามมาดูหนังพร้อมกันอ่ะนะ” น้ำถามขึ้นแล้วเอามือตีแก้มผมเบาๆ “เห้ย อย่าเพิ่งหลับดิ่ ตอบๆ” 

“โอ้ยย ฟ้าฝากให้ช่วยรีวิวโปรเจ็กไอ้หวาน งานจารย์เก่ง ไอ้ที่ให้ตัดโมกับทำอนาไลซ์ตึกดังๆอ่ะ มันได้ทำงานพ่อกู ตึกทาดาโอะ” ผมขยับหนีอย่างรำคาญ แหม จะให้เล่าทั้งหมดก็ยาว ขอตัดรายละเอียดออกบ้างละกัน

ให้พวกมันรู้แค่นี้แหละดีแล้ว

“อ่อออ” พวกมันสามคนอืออาแสดงความเข้าใจกับสิ่งที่ผมบอก

“แค่นั้นแหละ พอยัง จะนอนละ” ผมว่าแล้วซุกหน้าลงกับหมอน

“เออๆ นอนไป เดี๋ยวถึงมหาลัยน้องกูแล้วจะปลุก” น้ำว่าอย่างนั้น
มันเอามือตบหัวผมเบาๆสองสามทีก่อนจะปล่อยให้ผมหลับไป

_ _ _ _

16.30

หาววววว....

พวกผมตัดสินใจจอดรถแล้วเดินไปรับน้องแนนถึงในคณะ เพราะไอ้อาร์ตร้องแง้วๆ อยากจะลงไปเดินส่องน้องๆในชุดนักศึกษา
มันว่าเผื่อจะมีโชคได้ไลน์มาสักคน

หราาาาา!

ทานโทษนะครับ คุณมึงเอาที่ไหนมามั่นใจว่าจะได้แดก บทเรียนห้าปีที่ผ่านมานี่ไม่ได้เรียนรู้เลยเรอะ ว่าถ้าเดินอยู่ข้างๆไอ้น้ำกับไอ้พีทแล้ว กูกับมึงก็ได้เป็นแต่ฉากหลังเบลอๆ เท่านั้นแหละ

ว่าแต่คณะดนตรีที่นี่ใหญ่จริงๆ ผมมองซ้ายมองขวาแล้วหยิบมือถือออกมาถ่ายรูป
ตึกก็สวย ที่ไหนออกแบบนะ

ตึกสูงห้าชั้นดูหนักแน่นสีเทาสูงตระหง่านตัดกับสนามหญ้าสีเขียว บันไดขนาดใหญ่หน้าคณะมีนักศึกษานั่งกันประปราย บางคนเอาโน้ตมานั่งกางพร้อมฝึกซ้อมเครื่องดนตรีคู่มือไปด้วย บ้างก็ฟลุต ไวโอลิน กีต้าร์ เสียงเพลงท่อนสั้นๆ ดังกังวานไปทั่วบริเวณสนามรูปครึ่งวงกลม 

บรรยากาศดีเป็นบ้า

ผมก้าวยาวๆ ขึ้นบันไดไป ที่โถงหน้าคณะมีนักศึกษานั่งกันอยู่หนาตา พอโผล่เข้าไปปุ๊บ บางกลุ่มก็หันควับก็มองมาที่พวกผมแบบงงๆ ว่าไอ้พวกนี้มันเป็นใคร มาทำอะไรที่นี่
โธ่น้องครับ พี่จบมายังไม่ถึงปี หน้าเนียนเป็นปีสี่ไม่ได้เชียวเหรอ

“พี่น้ำ! อ้ะ พี่ๆ สวัสดีค่า” สาวสวยในชุดนักศึกษายิ้มร่าลุกขึ้นทักทายทันทีที่เห็นพวกผม

อื้อหือ สวยวาบมาเลย นี่แหละครับน้องแนน น้องสาวสุดหวงของไอ้น้ำ นั่งอยู่เป็นกลุ่มก้อนนี่ออร่าจับอยู่คนเดียวเหมือนพี่มันเลย บ้านนี้นี่หน้าตาดีจริงๆ

“สวัสดีครับน้องแนน สวัสดีครับทุกคน พี่มากวนรึเปล่าเนี่ย” พีทโปรยยิ้มอปป้าของมันซะเรี่ยราด เผื่อแผ่ความหล่อของมันไปยังน้องๆคนอื่นๆ ที่นั่งในกลุ่มน้องแนน ทำเอาสาวๆมองกันเคลิ้มเชียว บางคนมีการสะกิดน้องแนนแล้วกระซิบกระซาบ นี่น้องเม้าท์พวกพี่กันระยะเผาขนเลยเหรอครับ

“เห็นน้ำว่าต้องมารับน้องแนนแล้วกลับบ้าน พวกพี่เลยขับรถมาด้วย กลับกันเลยมั้ยครับ” อาร์ตพูดด้วยเสียงสาม.. เรนจ์เสียงที่มันคิดเอาเองว่าหล่อสุด

“เสร็จแล้วค่ะ….” น้องแนนกระพริบตา มองกลับไปกลับมาระหว่างพี่ชายตัวเองกับพวกผม พวงแก้มซับสีเลือดขึ้นนิดๆ
“เอ่ออ.. คือว่า…”

ยืนยิ้มหวานกันอยู่สองหน่อ พวกผมกลั้นหายใจรอฟัง อย่าบอกว่าหลงเสน่ห์ไอ้สองตัวนี้นะ

“พวกพี่ชื่ออะไรนะคะ...”

ชิ้ง….

อาร์ตกับพีทอ้าปากพะงาบๆ

“ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆ” ผมกับน้ำฟังแล้วหัวเราะกันตัวงอ สาวๆที่นั่งอยู่แอบยิ้มขำกันทั้งโต๊ะ

“โอ้ยพี่น้ำ! อย่าขำสิ” เจ้าตัวลุกขึ้นมาตีแขนพี่ชายตัวเองที่กำลังหัวเราะแบบหยุดไม่อยู่ “แนนขอโทษษษ ก็เคยเจอพวกพี่ไม่กี่ครั้งเอง คนนี้อ่ะพี่วิน แต่คนไหนพี่พีทกับพี่อาร์ตนะคะ สับสนอ้ะ” น้องสาวคนสวยรีบมายืนข้างพี่ชายตัวเองแล้วพูดเร็วปรื๋อ

“ฮ่าๆๆๆ โคตรฮา ไอ้นี่ไอ้พีท ส่วนไอ้นี่เชี่ยอาร์ต ฮ่าๆ” น้ำชี้บอกทั้งๆที่ยังหัวเราะไม่หยุด

“ไม่ยุติธรรมเลยน้องแนน ทำไมจำไอ้วินได้ล่ะครับ” พีทร้อง

“โอ้ย ปวดท้องไปหมดแล้ว” ผมพูดแล้วยกมือปาดน้ำตาป้อยๆ เชี่ยยยยย ออกตัวแรง เป็นไงล่ะมึงงงงงงง

“ก็ตอนโน้น พี่วินเคยมาส่งที่มหาลัยกับพี่น้ำอ่ะค่ะ” ไอ้อาร์ตหันขวับมามอง ผมยักคิ้วกลับไป

“วันนั้นเพิ่งส่งงานเสร็จ พวกมึงบอกว่าจะนอน” น้ำบอกสั้นๆ “กูก็เลยไปกับไอ้ตี๋สองคน”

“โหย พวกกูเลยพลาดงี้” พวกมันบ่นปอดแปด หมดกันที่เก๊กมาทั้งหมด
นี่คุยกันด้วยความตลกแต่แรกก็จบป่ะ.. อย่าไปเลยทางหล่อขี้เก๊กเนี่ย มันไม่ใช่เลยอ่ะนาย..


“แล้วนี่เสร็จยัง ไปเลยมั้ย เดี๋ยวมืด” น้ำพูดกับน้องสาว น้องแนนบอกลาเพื่อนๆ นิดหน่อย ส่วนไอ้พีทก็โดนขอไลน์ตามระเบียบ ไอ้อาร์ตก็ใจว้างแถมไอดีไลน์ของตัวเองให้ไปด้วย
ของสมนาคุณมั้งมึง ถามเขารึยังว่าอยากได้มั้ย

_ _ _ _

17.24

มีสาวๆ อยู่ในรถมันชุ่มชื่นหัวใจอย่างนี้เอง

นั่งรถมาตาแป๋วไม่มีง่วงกันเลยครับทั้งแก๊งค์เนี่ย นั่งฟังเสียงเจื้อยแจ้วของน้องแนนที่ชวนคุยไปเรื่อย
ติดแต่ว่าไอ้ตัวพี่ชายนี่แหละครับ ขัดได้ขัดดีซะเหลือเกิน

“แหม ก็เพื่อนพี่น้ำเยอะอ่ะ ใครจะไปจำหมด ไม่ได้เจอบ่อยๆ ด้วย เห็นแต่ในเฟสบุคเท่านั้นแหละ” สาวน้อยคนเดียวในรถพูดขึ้นงอนๆ “ขอโทษนะคะ พี่อาร์ตพี่พีท” หันกลับมาส่งยิ้มหวานเป็นการไถ่โทษด้วย

“พี่ชายแนนอ่ะแหละ กีดกันพวกพี่” ไอ้อาร์ตว่า ผมกับพีทที่นั่งเรียงกันอยู่สามคนด้านหลังนั่งพยักหน้าเห็นด้วย ไอ้น้ำยังคงลอยหน้าลอยตาขับรถต่อไป


ดูสิครับ นี่ขนาดรถมันยังแย่งไปขับ ไม่ยอมให้ไอ้พีทผู้เป็นเจ้าของนั่งหน้าคู่กับน้องสาวมัน ต้องระเห็จมานั่งเบียดกันเบาะหลังเนี่ย


“แต่ตอนนี้จำชื่อได้แล้วนะคะ ไม่พลาดละ”

“โหย จำชื่ออย่างเดียวเดี๋ยวก็ลืม แอดเฟสบุคไว้ได้มั้ยอ่ะครับ” อาร์ตพูดหยอด

“อ้ะ ดะ” น้องแนนกำลังจะอ้าปากตอบ

“คุยผ่านเฟสกูก็ได้” น้ำพูดเสียงเรียบแล้วปรายตามองคนนั่งข้างตัวเอง

“เอ้าา แค่แอดเฟสไง” พีทโวย เอ้า ไอ้นี่ หยิบไอโฟนมาเตรียมพร้อมเลยเรอะ

“หวงอะไรแนนนักหนาเนี่ยพี่น้ำ” เอ้า น้องมันทำทำแก้มป่องแล้วครับ

“ใครจะไปหวง หน้าพื้นบ้านขนาดนี้” น้ำว่าขึ้น อื้อหือ นี่ถ้าน้องแม่งหน้าตาดาษดื่น กูก็เต้าหู้คินุดีๆนี่เองไอ้ห่า 

“ที่ทำไปนี่ไม่ได้หวงน้องเลยยยยยยย” ผมลากเสียงยาว


“ไม่ได้หวงน้อง…” มันพูดเสียงเบาพลางหักพวงมาลัยเลี้ยวเข้าหมู่บ้าน
“หวงเพื่อน”


เหรออออออออ

_ _ _ _


23.35


ไอ้ชิบผายยยย กว่าจะถึงคอนโด
ผมเดินลากเท้าออกจากลิฟต์
มหาลัยน้องแนน บ้านไอ้น้ำ แวะคุย รถติด บ้านไอ้อาร์ต แวะคุย รถติดดดด คอนโดผม นี่ไอ้พีทจะถึงบ้านกี่โมงวะ
เหนื่อยเป็นบ้า

ผมล้มตัวลงกับเตียง ขอนอนก่อนแล้วค่อยอาบน้ำนะ ไม่ไหวแล้วววว

Rrrr…

เอ้า เอาเข้าไป วันนี้จะนอนสบายๆ ไม่ได้เลยใ่ช่มั้ยยยย

“ฮัลโหล”

(พี่ถึงคอนโดหรือยัง ไลน์ไปไม่ตอบเลย)

“อือ เพิ่งถึงเนี่ย เหนื่อยจะตาย”

(อื้อ)
“แล้วนี่มีอะไร ถ้าตรวจงานเอาไว้พรุ่งนี้นะ เดี๋ยวดูให้” ผมซุกหน้าลงที่นอนแล้วหาวใส่โทรศัพท์แถมไปอีกที

(ออกมาได้ป่ะ)

“หา”

(ไปกินข้าวเป็นเพื่อนหน่อยสิครับ หิวอ่ะ)

“กูเพิ่งมาถึงนะ จะนอน”

(ผมรออยู่ล็อบบี้คอนโดนะ)

“เห้ย…” แล้วแม่งก็ตัดสายไปเฉย ปล่อยให้กูอุทานกับไอโฟน

บ้า มันจะมาคอนโดผมตอนนี้ทำไม
ว่าแต่มันอยู่ข้างล่างจริงเหรอวะ

_ _ _ _

00.15

เชี่ย
เรื่องจริง..

ผมเอามือขยี้หัวตัวเองจนผมกระเจิงไม่เป็นทรง ไอ้เด็กหวานมานั่งกระดิกตีลฟังเพลงอยู่ที่โซฟาล็อบบี้คอนโดผมจริงๆว่ะครับ
หลังวางสายไปผมกะจะนอนต่อ ในระหว่างที่ถอดคอนแทคเลนส์และเปลี่ยนจากกางเกงยีนส์ไปเป็นกางเกงขาสั้นเพื่อความสบายตัว ก็เอะใจว่าไอ้เด็กเพี้ยนนี่มันอาจจะมาจริง เลยแวะลงมาดูซักหน่อย 
ก็แค่เผื่อไว้ก่อนอ่ะครับ

นี่ถ้ากูคิดว่ามึงล้อเล่นแล้วไม่ลงมามึงไม่ต้องนั่งรอทั้งคืนเลยรึไง

ผมเดินลากรองเท้าแตะดังแปะๆไปตามพื้น พอใกล้จะถึงตัวหวานก็เงยหน้ามามองแล้วยิ้มกว้าง
“มาแล้วเหรอครับ” มันขยับตัวลุกขึ้น

เออสิวะ ผมทำหน้ายุ่งให้มันแทนคำตอบ

“ไปกันเถอะครับ” มันรั้งข้อมือผมให้ออกเดิน “เดินไปละกันเนอะ”

“อะไรของมึงเนี่ยย”
ก็ต้องก้าวไปตามแรงดึงของมันอ่ะครับ ไม่มีแรงจะคัดค้านอะไรแล้วเนี่ย

_ _ _ _

00.32

ร้านเกาเหลาหมูกรอบเจ้าประจำเป็นเป้าหมายของไอ้หวาน

“อยากกินเจ้านี้มานานแล้วอ่ะ”

“มึงก็มาแถวนี้บ่อย ต้องเป็นวันนี้เลยเหรอวะ” ผมขยับแว่นถาม

“ก็ตั้งใจว่าจะกินวันนี้” มันพูดก่อนจะหันไปสั่งอาหาร “เกาเหลาที่นึงครับ ข้าวเปล่าหนึ่ง พี่เอาอะไร”

“เกาเหลาหมูกรอบล้วนครับ ข้าวไม่เอา” จะว่าไปก็ไม่ได้กินข้าวเย็นนะ ทุกคนอยากกลับไปนอน บอบช้ำจากการนั่งรถรอบเมือง

พอของที่สั่งมา ไอ้คนตรงหน้าก็ยื่นตะเกียบกับช้อนส่งให้ผม นั่งก้มหน้ากินไปเงียบๆ ไม่เห็นจะชวนคุยเหมือนปกติ
แปลก..

“ทำไมวันนี้มึงเงียบจัง ตั้งแต่บ่ายละ”

“...”

ผมจ้อง…
ยัง ยังไม่เงยหน้ามาตอบกูอีก

“ไอ้หวาน..” ผมพูดเสียงเรียบ

“ก็เปล่านี่ครับ..”

คุยกับกระเพาะหมูในชามเหรอมึงอ่ะ

“ตอแหลรุ่นพี่เป็นบาป..” 

“เห้ย เปล่า” หวานรีบเงยหน้าขึ้นปฏิเสธ
“ก็เห็นพี่คุยกับเพื่อนอ่ะ ผมดูหนังไม่ได้ลึกซึ้งอะไรขนาดนั้น เรื่องที่แล้วของผู้กำกับคนนี้ก็ไม่ได้ดู ไม่รู้จะแทรกตรงไหน ไปไม่เป็นเลย” พูดยืดยาวมาแล้วปิดด้วยการถอนหายใจหนึ่งเฮือก

“ฮ่าๆ มึงไม่เข้าใจไม่เห็นแปลก พวกกูมันเป็นกีค”

มันทำหน้างง

“กีค G-E-E-K ไง พวกอินกับอะไรมากๆ อย่างพวกกูก็หนัง สถาปัตย์ ปากกาลามี่” ผมอธิบาย “เวลาคุยกันก็เลยยืดยาว ดูเป็นภาษาต่างดาวของคนนอกวง”

มันกะพริบตาปริบๆ วางช้อนในมือ ก่อนจะจ้องหน้าผม “แล้วคนนอกอยากเป็นคนในจะทำยังไงละครับ” 

ผมนึก

“อืมมม มึงก็…หาสิ่งที่สนใจ สิ่งที่มึงชอบ แล้วมึงก็จะอยากศึกษา ค้นคว้าหาข้อมูลจนเป็นคนวงในได้เองแหละ” ผมตอบแล้วมองหน้ามันให้กำลังใจ

“เจอแล้ว กำลังศึกษาอยู่ แต่ไม่รู้จะเป็นคนวงในได้มั้ย”

“เป็นได้ดิ่ ถ้ามึงมี Passion” ผมพยักหน้า เอื้อมมือไปตบไหล่มันแปะๆ “พยายามเข้าน่า” 

“อยู่แล้วล่ะครับ” แถมด้วยยิ้มหล่อๆอันเป็นเอกลักษณ์ของมันให้ผมมาอีกหนึ่งดอก
โอ้ย...
ท่าไม้ตายแบบนี้กูขอซื้อได้มั้ยอ่ะ อยากเอาไปใช้บ้าง คนโดนเข้าไปเหมือนโดนป้ายยา มีร้อยให้ล้านอ่ะพูดเลย นี่ว่าชินแล้วยังต้องหลบตาลงมากินหมูกรอบในชามต่อเลยครับเนี่ย บ้าจริง

พอจะเรียกจ่ายเงิน เด็กหวานมันก็แย่งผมจ่ายซะงั้น

“ก็ผมไปลากพี่ออกมากิน ก็ต้องเลี้ยงพี่สิครับ” มันยืนยัน

“โอ้ย กูทำงานมีเงินเดือนแล้วเนี่ย ต้องให้เด็กปีหนึ่งมาเลี้ยงมันใช่เรื่องเรอะ”

“พี่กินน้อยจะตาย ให้เลี้ยงตลอดเลยก็ยังได้”

“ไม่เอา” ผมว่า “ไอ้เด็กดื้อ เอาไปดีๆ” ผมพยายามทำเลียงดุ วางแบงก์ลงบนโต๊ะแล้วเลื่อนไปตรงหน้ามัน   

“มื้อนี้ผมเลี้ยง เอาไว้มื้อแพงกว่านี้ค่อยเลี้ยงผมละกัน” มันหยิบมาคืน “นะครับ”

เออ กูยอม
ผมคงโดนป้ายยาด้วยยิ้มบ้าๆของมันอีกรอบแล้วล่ะ

_ _ _ _


2.45


“อืออ..”

ผมพลิกตัวลุกขึ้นนั่งงงๆ บนเตียง
นานๆทีจะลุกขึ้นมากลางดึกแบบนี้ สงสัยมื้อดึกกินน้ำเยอะไปหน่อยแฮะ
ผมหาววอดก่อนจะลุกขึ้นไปทำธุระ

ผมเงยหน้าขึ้นดูนาฬิกาแล้วก็ทิ้งตัวลงเตียง เพิ่งหลับไปได้สองชั่วโมงกว่าๆ เดี๋ยวจะนอนต่อเอาให้พรุ่งนี้คืนเที่ยงเลยคอยดู แล้วบ่ายๆ ค่อยไปคลีนิคดูจิ๋วและเคลียร์ค่าใช้จ่ายประจำอาทิตย์ เอ๊ะ เด็กหวานบอกว่าจะมารึเปล่านะ? จำไม่ได้แฮะ..

เมื่อคืนหลังเถียงกันเรื่องจ่ายค่าอาหารเสร็จ หวานก็เดินกลับมาส่งที่ล็อบบี้คอนโดเมื่อตอนห้าทุ่มกว่าๆ ก่อนมันจะขับรถกลับบ้านไป
พอผมอาบน้ำแต่งตัวเตรียมนอน มันก็ไลน์มาว่าถึงบ้านแล้วพอดี ผมตอบกลับไปนิดหน่อยแล้วก็เข้านอนไป

เออ
ผมขมวดคิ้ว
นี่มันตั้งใจมากินเกาเหลาเจ้านี้ขนาดนั้นเลยเหรอวะ 
     
แสงแสดงการแจ้งเตือนจากไอโฟนสว่างขึ้นในห้องมืดๆ
ผมพลิกตัวหันกลับมาหยิบโทรศัพท์ที่ชาร์ตแบตไว้ที่โต๊ะข้างเตียง

ไอ้น้ำไลน์มา ตอนนี้เนี่ยนะ?

ผมปลดล็อกแล้วกดเข้าไปอ่าน มีข้อความก่อนหน้านั้นอยู่สองสามบรรทัด

Nahm_Tect : ตี๋
Nahm_Tect : เป็นไงบ้าง
Nahm_Tect : มึงหลับแล้วแหงเลย


เป็นไงบ้างนี่คืออะไรวะ ก็เพิ่งเจอกันป่ะ ผมเกาหัว กำลังหาประโยคที่จะพิมพ์กลับไป
จู่ๆ ก็มีข้อความถูกส่งมาใหม่อีกหนึ่งข้อความ

Nahm_Tect : ทำไมต้องเป็นคนนี้วะ

หา?
ผมอ่านแล้วต้องขมวดคิ้ว มันพูดเรื่องอะไรวะเนี่ย

อีกทางคงเห็นว่าไลน์ถูกอ่าน

Nahm_Tect : เชี่ย นี่มึงยังไม่นอนเหรอ

Wyn_Tect : อือ ลุกมาพอดี
Wyn_Tect : แล้วทำไมมึงยังไม่นอน

Nahm_Tect : กูนอนไม่หลับ

Nahm_Tect : กูถามอะไรหน่อยดิ่
Nahm_Tect : มึง


Nahm_Tect : มึงเคยหึง หรือหวงกูบ้างมั้ยวะ

_ _ _ _

ตอนที่ 14 มาแว้วค้าบบบ
 :mc4:

น้องหวานรุกเยอะละเกิน พรี่ล่ะกลัวใจ
ว่าแต่น้ำยิงมาแบบนี้ ตี๋วินจะตอบยังไงดีล่ะคะ..

เห็นว่าตี๋วินทำตัวชิวแบบนี้ แต่ฮียังบ้างานอยู่นะคะ แค่ช่วงนี้มันยังไม่เดือดเท่านั้นเอง 555

ขอบคุณที่คลิกเข้ามาอ่านกันนะคะ
เลิฟฟฟ

พบกันตอนหน้าค่ะ
 :pig4: :pig4: :pig4:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 22-11-2017 17:44:46 โดย idee »

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด