- LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 32 P.14 ✽update 2.11.2018✽
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 32 P.14 ✽update 2.11.2018✽  (อ่าน 128137 ครั้ง)

ออฟไลน์ warin

  • รถไฟขบวนนั้น ได้แล่นผ่านไปแล้ว
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1937
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +60/-1
    • -

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5358
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19

ออฟไลน์ lnudeel

  • I wanna be a CAT!!
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1466
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +31/-5
น้องหวานมาปกป้องพี่วินแล้วคร๊าบบบบ~ :hao7:

ออฟไลน์ saccarrum

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 142
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
ฮื่อออออ ตี๋วินของพี่~~~~~~ เห็นว่าอัพก็ดีใจแล้วอ่ะ แต่รู้สึกว่าอ่านเท่าไหร่ก็ไม่พอ แย่เนอะ ฮ่าๆๆๆ มักมากอ่ะคนเรา เฮ้อออ
ชอบภาษานะคะ ปกติไม่ชอบอ่านที่บรรยายด้วยบุรุษสรรพนามที่ 1 สักเท่าไหร่ แต่ภาษาดีค่ะ อ่านแล้วอิน ชอบบบ
รอตอนต่อไปนะคะ เป็นกำลังใจให้  :L2:
ปล.จริงๆแล้วชอบพวกเต็กเป็นพิเศษด้วย ฮ่าๆๆๆ

ออฟไลน์ janamanza

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 649
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-2
ีอ๊ายยย ถึงตอนนี้จะไม่มีท่านรอง แต่น้อวหวานก็ทำให้ป้ากร๊าวใจมากมายยย
#คถ.ท่านรอง

ออฟไลน์ idee

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 79
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-2
ความเสี่ยงที่ 7

การวางแผนเป็นสิ่งสำคัญครับ รบร้อยครั้งชนะครั้งเดียวก็ดีใจละ (มีสุภาษิตนี้มั้ย.. อ๋อ ไม่มี)
แผนของทีมพวกผมน่ะเหรอ…
 
พี่วินไม่ต้อง...
ผู้หญิงจะไฝว้กันเอง

 
น้องเขาว่างั้นอ่ะครับ
 
ผู้หญิงนี่น่ากลัวจริงๆ…
ขอย้ำครับ….
ผู้หญิงนี่น่ากลัวจริงๆ..
 
ผมที่ยืนแช่อยู่ในน้ำความสูงเท่าหน้าอก ได้แต่มองน้องปีหนึ่งที่เพิ่งแนะนำตัวอย่างใสแบ๊วกำลังห้ำหั่นกันอย่างเอาเป็นเอาตาย ฝั่งอาร์ตเองก็ดูตกใจไม่แพ้กัน เพราะมันวางน้องผู้ชายทั้งหกคนไว้เป็นทีมบุก ซึ่งพอมาเจอทีมเจ็ดนารีของผมพุ่งเข้าชาร์ตกันคนต่อคน ทั้งสาดน้ำอัดหน้า ดึงเสื้อ ดึงแขน ทำเอาไปต่อกันไม่ถูก กลายเป็นว่าไม่มีใครฝ่าวงล้อมเข้ามาได้สักคน
 
“หลบนี่แหละ” หวานหันมาพูดกับผมที่กำลังตื่นตะลึงกับความแข็งแกร่งของเพศแม่ มันพยักหน้าให้ผมไปหลบด้านหลัง
แถมยังแนะนำเพื่อนอีกสองคนให้ผมรู้จัก “นี่โจ นี่โบ๊ท” ผมพยักหน้าทักทาย เออ น่าจะปกป้องกูได้ โจเป็นคนสูงประมาณนึงเลยครับ ถึงจะเตี้ยกว่าไอ้หวานอะไรนี่ก็เหอะ ส่วนโบ๊ทเป็นผู้ชายร่างหมีหน่อยๆ

“ช่วยหน่อยนะ” ผมพูด
 
ทีมตรงข้ามพยายามว่ายน้ำหลบเข้ามา น้องๆผู้หญิงส่งเสียงวี๊ดว้ายแต่ก็ยังบล็อกไว้ได้ตลอด คนที่เข้ามาได้ลึกหน่อยก็โดนดึงเสื้อเอาไว้ให้อยู่กับที่ บางคนโดนดึงแรงหน่อยก็เสียหลักลงน้ำไป คนอื่นๆที่อยู่บนฝั่งนั่งหัวเราะกันใหญ่
 
“เห้ยยยยย อ่อนว่ะะะ” ไอ้เอ็มตะโกนมาจากฝั่ง “บุกเข้าไปไม่ได้เลยเร้อออ” เสียงเชียร์ค่อยๆดังขึ้น

“โห ทีมไอ้ตี๋ผู้หญิงโคตรแกร่ง ฮ่าๆ” พีทพูดแล้วหัวเราะดังๆ
 
ทีมผมถึงจะจำนวนเยอะกว่าแต่ยังไงก็เป็นผู้หญิงอ่ะครับ ได้แต่ป้องกัน แต่บุกเข้าไปไม่ได้ซักที ถ้ายังเป็นแบบนี้อยู่น้องผมหมดแรงก่อนแหงๆ ทำไงดี ทำไงดี ผมว่ายน้ำวนๆ อยู่ด้านหลังสุด

“ออกไปช่วยเพื่อนดิ๊ พี่ว่าจะเอาไม่อยู่ละ ถ้ามีโอกาสบุกเดี่ยวไปเลย อาร์ตแม่งอ่อน เชื่อกู” ผมบอกกับทั้งสามคนที่ยืนเป็นกำแพงด้านหน้า

“โจ มึงไป” หวานรีบพูดสั่งอย่างเร็ว นี่มึงเป็นหัวหน้ากลุ่มเรอะ

“โอเค” โจตอบรับสั้นๆ แล้วว่ายน้ำออกไปอย่างว่าง่าย
 
ไอ้อาร์ตเห็นช่องโหว่ทันทีครับ

“เห้ย น้องผู้หญิงลุยเข้าไปเลยยย ตี๋แม่งไม่มีการ์ดแล้วว” ไอ้อาร์ตตะโกนบอกน้องในทีม น้องผู้หญิงสองคนจากทีมมันว่ายออกมาช่วยเป็นทีมโจมตี ตายห่าาา จะยันไม่อยู่แล้ววว ค่ายกลดอกท้อกูจะแตกพ่ายเรอะ ไม่นะะะ
 
พอได้คนมาช่วยรับมือ น้องผู้ชายทีมอาร์ตที่กำลังพยายามหาช่องโหว่จากสาวทั้งเจ็ดทีมผมเพื่อว่ายน้ำเข้ามาดึงหมวกก็ได้จังหวะบุกง่ายขึ้น เห้ย ในที่สุดก็ต้องมาถึงการปะทะกันระหว่างอัศวินของผมแล้วล่ะครับ สู้เขานะไอ้น้องทั้งคู่ ผมว่ายน้ำหลบอยู่ด้านหลัง เอามือเกาะไหล่พวกมันไว้ทรงตัวคนละข้าง เอาตัวพวกมันบังพลางว่ายน้ำหนีไปด้วย 
 
“เฮ้ยยย” ผมร้องขณะพยายามหนีมือที่เอื้อมข้ามมาจะคว้าหมวกที่อยู่บนหัว ก่อนหวานจะกระโดดปัดมือนั้นออกไป
ผมแอบถอนหายใจเบาๆ “เกือบไปแล้ว”
เสียงโวยวายจากฝั่งอาร์ตดังขึ้นเหมือนๆกัน ผมคิดเอาเองว่าทีมผมอาจจะมีลุ้นก็ได้ล่ะมั้ง
 
แต่อย่าเพิ่งลุ้นชนะครับ เอาตัวเองให้รอดดีกว่า ตอนนี้หลุดเข้ามาตรงนี้อีกสองคนแล้วครับ
โบ๊ทรีบผละตัวออกไปกันไว้ได้หนึ่ง ทำให้ตอนนี้เหลือผมกับหวานอยู่ตรงนี้แค่สองคน ผมจับไหล่มันแน่น
อีกคนก็กำลังว่ายเข้ามาใกล้แล้วครับ เหวออ ตัวเบ้อเร่อเลยยย   
 
“กติกาบอกว่า หมวกหลุดแพ้ใช่มั้ย” จู่ๆหวานก็ถามขึ้น

“ใช่ เฮ้ยย มาทางนี้แล้ววว” ผมจับไหล่มันให้หมุนบังตัวเอาไว้ “ช่วยกูก๊อนนน”
ผมร้องบอกแล้วก้มตัวหลบอยู่ด้านหลัง

“เอาขึ้นไปไว้ที่สูงๆ ซะก็หมดเรื่อง”

ผมหันขวับ “ที่สูงๆ อะไรวะ เฮ้ยยยยยย ทำอะไร๊รรรรรร” ผมร้องเสียงหลง
 
จะไม่ให้ร้องได้ยังไงครับ มันเล่นจับขาผมทั้งสองขาขึ้นไปล็อกไว้กับเอว แล้วออกแรงยกตัวผมขึ้นจากน้ำ ผมที่ทรงตัวไม่อยู่เสียศูนย์จะหงายหลังล้มลงทะเล ใจหายแว้บจนต้องรีบคว้าคอคนที่อยู่ตรงหน้าเอาไว้ ใบหน้าผมแนบเข้ากับเรือนผมสีเข้ม เผลอเอาตัวกอดแผ่นหลังกว้างเข้าไปเต็มๆ
 
“เฮ้ยยยยยยยยยย” ผมไม่รู้แล้วครับ ว่าเสียงผมหรือเสียงแซวจากบริเวณหาดมันดังกว่ากัน แต่ที่รู้ๆ คือตอนนี้ไอ้น้องหวานคนนี้มันจับผมขี่หลังมันเรียบร้อยแล้ว ตกใจแทบตายไอ้เด็กบ้านี่

“ปล่อยกู๊ววววว” ผมโวยออกมา  “นี่มึงต้องทำขนาดนี้เลยเหรอ” ผมถามพลางเอาศอกดันขืนตัวออก
 
พวกที่หาดแซวอะไรไม่ได้ยินเลยครับ หูอื้อไปหมดได้ยินแต่เสียงหัวใจตัวเองเต้น

มันกระชับแขนที่สอดอยู่ใต้ขาผมให้แน่นขึ้นอีก “พี่อยากแพ้มั้ย ถ้าอยากจะปล่อย” มันถามเรียบๆ

“เอ่อ… “ ผมตอบไม่ถูกขณะใช้ความคิด แหงสิ ใครจะอยากนอนแล้วเอาทรายมาเททับใส่ตัวเล่นกันบ้างอะครับ

“แต่กู..” ผมอ้าปากจะเถียง แต่สายตาเหลือบไปเห็นทีมตรงกันข้ามกำลังว่ายดิ่งเข้ามาหาเลยร้องขึ้น “เฮ้ย ตรงนั้น!”

มันเบี่ยงตัวหลบมือที่เอื้อมมาจะคว้าหมวกผม “อยู่เฉยๆ เหอะน่า... จะชนะให้ดู”
 
“แล้วอย่าลืมให้รางวัลด้วยล่ะ” หวานพูดอะไรบางอย่างเบาๆ ที่ผมจับใจความไม่ค่อยออก

พูดจบมันก็เดินดุ่ยลุยน้ำเข้าไปหาฝ่ายตรงข้ามพร้อมกับแบกผมอยู่บนหลัง สมาชิกอีกทีมหลายคนที่จะกระโดดคว้าหมวกผมก็กระโดดไม่ถึง ที่เกือบๆ ผมก็เอามือปัดออกไปบ้าง เบี่ยงตัวหลบบ้าง เออว่ะ อยู่บนนี้ก็ได้เปรียบดีแฮะ
 
ตอนนี้ทีมผมได้ทีช่วยกันกรุยทางกันฝ่ายตรงข้ามให้ไอ้น้องหวานนี่เดินเข้าไปได้โล่งๆ อาร์ตที่เห็นท่าไม่ดีเลยขอขึ้นไปขี่หลังน้องในทีมบ้าง แต่เสียใจครับ ผมว่าทางเราตัวสูงกว่านิดนึง ทางคนอื่นๆก็ยังสาดน้ำขัดขวางกันอยู่อย่างสนุก บนหาดก็ส่งเสียงเชียร์สนุกกันใหญ่ โบ๊ทมนุษย์หมีว่ายน้ำเข้าไปล็อคตัวน้องที่ให้อาร์ตขี่คอเอาไว้
 
เมื่อผมกับหวานเดินถึงตัวอาร์ต ก็ไม่อยากนี่ครับที่จะดึงหมวกออกมาได้พร้อมเสียงเชียร์จากทีม อาร์ตเบี่ยงตัวหลบจนหล่นลงน้ำดังตู้ม มันโผล่หน้าขึ้นมาไอคอกแคก เอามือเช็ดน้ำที่หน้าแรงๆ “ไอ้ตี๋!!! โคตรโกงงง” มันว่าไปเรื่อย

“กูเก่ง!” ผมเถียง “มึงอ่อนเอง หว่ายยย กากก” แลบลิ้นแถมใส่มันด้วย นี่ๆ
ผมยกมือชูหมวกสีน้ำตาลในมือแล้วโบกไปทางเพื่อนตัวเองบนหาด “ชนะแล้วเว้ยยยยย” น้องในทีมดีใจกันใหญ่
 
“พี่ตี๋วินชนะแล้ววว”
“อย่าลืมเลี้ยงหนมนะพี่ นี่ปกป้องพี่สุดชีวิตเลยขอบอก”
“โคตรเหนื่อยยย”
“พี่วิน ไปขุดทรายฝังทีมนู้นกันนน”
“พี่วินนนนนน เลี้ยงข้าวหน่อยยย พวกหนูทุ่มสุดตัวเลยนะ”
 
ผมยิ้มร่า “เออได้! เดี๋ยวพี่เลี้ยงไอติมเลย รถเข็นริมชายหาดอ้ะ” ผมชี้ไม้ชี้มือ

“โห่ววววว” มีเสียงประท้วงเบาๆ

ผมมองค้อนขวับ “จะกินป่ะ”

“กินดิ่พี่!” แน้ ไอ้เด็กพวกนี้นิ่ ผมขำพรืดขณะพลางมองดูเด็กๆเดินไปบนฝั่งที่ทุกคนรออยู่
 
“นี่”
คนตรงหน้าผมพูดขึ้น
“จะกอดผมอีกนานป่ะ..”
 
ชิบหาย…
ลืมไปเลยว่าผมยังขี่หลังมันอยู่!

ผมปล่อยมือที่โอบไหล่มันออกเร็วๆ “ไม่ได้กอดว้อย! ปล่อยดิ่!”

“ปล่อยดีมั้ยน้า หรือจะเดินไปทั้งอย่างนี้ดี” มันพูดลอยหน้าลอยตา ทำท่าจะออกเดิน

“ปล่อยกู” ผมทำเสียงเขียวใส่
ผมเห็นนะว่ามันแอบยิ้ม ไอ้เด็กเลวว
 
“จีบกันป่ะวะน่ะ ลงมาจากหลังน้องมันได้ละม้างงง” ไอ้พีทพูดเสียงดัง

“เอ้าๆ หรือน้องหวานหลงสเน่ห์ไอ้ตี๋เพื่อนพี่เหรอคร้าบบ” เสียงไอ้อาร์ตตะโกนมาจากบนหาด พร้อมกับเสียงแซวฮิ้วว ของพวกแม่ง
 
จู่ๆ ไอ้คนที่แบกอยู่ก็ปล่อยผมลงน้ำดังตู้ม!

“เฮ้ยย” ผมล้มก้นจ้ำเบ้าลงไปนั่งบนทราย น้ำเค็มๆไหลเข้าจมูกเข้าปาก แสบคอไปหมด ผมรีบยันตัวขึ้นผ่านผิวน้ำมาด่า

“แค่ก แค่ก.. เฮ่ย! มึงนึกจะปล่อยก็ปล่อยเหรอวะ!! ไอ้บ้านี่!!!” หูได้ยินเสียงเพื่อนผมขำกันครืนใหญ่
 
ไอ้เด็กนี่มันห่วยจริงๆแหละครับ เดินไปนู่น ไม่ได้หันกลับมามองกูเล้ย ผมสะบัดหมวกที่เปียกน้ำในมือแรงๆก่อนจะเดินตามขึ้นไปบนหาด ไอ้น้องหวานเดินดุ่ยเข้าไปหากลุ่มปีหนึ่งที่กำลังคุยกันอย่างสนุก เอ้า เป็นอะไรของมึงเนี่ย
 
“เอ้าเร๊ววตี๋ ปีสามมาตามไปกินข้าวละ” ปั่นร้องบอก ผมพยักหน้าไปส่งๆ
ช่างแม่ง
 
พีทที่ยืนรออยู่บนหาดยื่นผ้าขนหนูมาให้ “ขอบใจ” ผมรับมาแล้วเช็ดหน้าตัวเอง “เหนื่อยแสดดด” ผมบ่น

“นี่ๆ” น้องทีมผมยืนรอกันหน้าสลอน “พี่วินอย่าลืมสัญญาาาาา” น้องหมีโบ๊ทพูดเตือนแล้วชี้มือจึกๆไปที่รถขายไอศครีม

“ไม่ลืม คำไหนคำนั้นเว้ยย กินข้าวเสร็จเลี้ยงเลย” ผมบอก หางตาเหลือบไปเห็นไอ้หวานนี่ยืนหน้าบอกบุญไม่รับอยู่ คนควรบูดคือกูไม่ใช่มึงป่ะ
 
“ไหนอาร์ต มึงลงไปนอนบนทรายกับน้องมึงเลย ให้พวกกูฝังซะดีๆ” ผมหันขวับไปหามัน

“ว้าาา นี่เที่ยงกว่าแล้วอ่ะ เวลากินข้าวแล้วน้าาา น่าเสียดายจุงเบยยยยย” ไอ้อาร์ตแกล้งทำเสียงเล็กเสียงน้อย น้องผู้ชายในทีมมันก็ทำหน้าอ้อนวอนผมซะเหลือเกิน

“ด้ายยย กินข้าวเสร็จแล้วค่อยมานอนผึ่งพุงกลางทรายก็ย่อมได้ กูไม่มีปัญหา” ผมบอก ไอ้อาร์ตทำหน้าย่นใส่
 
ไอ้เฟิร์สผิวปากดังวิ้ว “เอ้า ขอบคุณมากๆคร้าบบ ถึงพวกรุ่นพี่จะจบกันไปแล้วแต่ก็มาแฮงค์เอ้ากันได้นะครับ”

“มีอะไรสงสัยก็มาถามได้ ยินดีๆ” น้ำว่าขึ้น น้องผู้หญิงแอบส่งเสียงกรี๊ดเบาๆ อะไรวะ ประโยคเดียวเอง กูเล่นน้ำกะมึงออกจะเปลืองตัว ไม่เห็นกรี๊ดกูเลอ

“ยินดีต้อนรับสู่คณะของพวกเราครับ” ปั่นพูด “ตอนนี้ไปกินข้าวกันนน นู่น เขาไปที่ร้านอาหารกันหมดละ กลุ่มสุดท้ายละเราเนี่ย”
 

พวกเพื่อนๆผมเริ่มขยับเดินนำหน้าน้องๆปีหนึ่ง คุยกันบ้างหัวเราะกันบ้างไปตามเรื่อง ไอ้น้องหวานนั่นเดินทำหน้าเซ็งไปกับกลุ่มเพื่อน คิ้วเข้มๆของมันนี่จะผูกกันเป็นโบว์อยู่กลางหน้าผาก แม่งโมโหอะไรวะ หรือตัวผมหนักจนมันปวดหลัง แล้วจะแบกกูทำไมตั้งแต่แรก โว้ะ
 
“ปะ ปะ ไปกินข้าวนะครับคุณเพื่อน” ไอ้อาร์ตเดินเข้ามาประกบ ลากแขนผมไปด้วย

“ไม่ต้องอ้อน กูไม่ใจอ่อน กินข้าวเสร็จมึงเตรียมนอนรอเลย บอกน้องมึงด้วย” ผมหัวเราะหึหึแล้วออกเดินไปที่ร้านอาหารในรีสอร์ท โดยมีไอ้อาร์ตเดินบ่นปอดแปดไปด้วยตลอดทาง คิดว่ากูจะยอมพลาดโอกาสเรอะ ไม่มีทาง
 
สองคนสุดท้ายที่หาดคือเอ็มที่กำลังเก็บของลงกระเป๋า และน้ำที่กำลังอารมณ์ไม่ดี
“เฮ่ย ไปแดกข้าวกันครัช น้ำ มึงจะทำหน้ายุ่งอีกนานมั้ย ไปเว้ยๆ” เอ็มพูดแล้วสะพายกระเป๋าลุกเดินนำหน้าไป

“ทำไมกูคิดไม่ได้วะ” น้ำพูดกับตัวเองแล้วเดินตามไป
 
_ _ _ _
 
ภาคบ่ายผ่านไปแบบที่ไม่ค่อยได้ทำอะไรเท่าไหร่ เพราะกิจกรรมช่วงนี้พวกปีสามเป็นตัวต้นคิด แทนที่จะนั่งตากแดดให้ตัวแห้งแล้วคันยุบยิบ พวกผมเลยกลับมาอาบน้ำแล้วนอนเล่นกันที่บ้านพักรอเวลากิจกรรมช่วงกลางคืน ระหว่างนั้นผมก็เลยหยิบแมคบุคคู่ใจออกมาเชคเมลล์ นอนคว่ำหน้าทำงานไปพลางโดยมีพีทนอนหลับเอาแรงอยู่ข้างๆ และน้ำนั่งเงียบๆอยู่อีกฝั่ง
 
“เชี่ยยย เอางานมาด้วยเรอะ!” อาร์ตที่เพิ่งเปิดประตูเข้ามาเจออุทานขึ้น

“ไม่เชี่ย.. กูก็ทำอยู่” เสียงน้ำพูดขึ้นมาจากมุมห้อง “ตรวจไซท์ผ่านรูปถ่าย” มันชี้หน้าจอ

“โห ต้องแบบนี้แล้วเหรอวะ” ผมละมือจากคอมแล้วขยับตัวไปริมฟูก จ้องแลปท็อปมันแบบอึ้งๆ “ทุ่มเทชิบเผง”

“ช่วยไม่ได้ว่ะ เขาจะเทพื้นกันวันนี้อ่ะ” มันพูดเซ็งๆ “มึงก็ทำงาน” มันหันมาพูดกับผม

“งานกูไม่ได้เร่ง กูตอบเมลล์กับเขียนไอเดียไว้ก่อน เดี๋ยวลืมไง” ผมบอก

“อื้อหือ พวกมึงนี่ขยันจังวะ” อาร์ตเดินไปหยิบโทรศัพท์ที่ชาร์ตทิ้งไว้ “ดูไอ้พีท แม่งยังหลับอยู่เลอ” มันชี้

“มันขับรถมาไง ให้มันนอนเห๊อะ” ผมพูดแล้วหันกลับไปพิมพ์งานต่อ ไอ้พีทนี่น่าจะหลับยาว

“เออ ปีสองเซทอัพสมุดกระจกเสร็จแล้วนะ ไปเขียนกันได้เลย มีของพวกเราด้วย” อาร์ตทำท่านึกได้

ผมหันไปมองนาฬิกา “นี่เพิ่งสี่โมงนิดๆ ไว้ห้าโมงค่อยออกไปเหอะ ไปเขียนสมุดแล้วก็กินข้าวเลย” จะได้ทำงานต่ออีกหน่อยด้วยอ่ะครับไม่ใช่อะไร ทุกคนพยักหน้า
 
อ้อ.. คณะผมมีประเพณีอีกอย่างครับ

“สมุดกระจก” ที่อาร์ตว่าเป็นสมุดเล่มเล็กๆ ขนาดเท่าฝ่ามือ มีชื่อเขียนไว้บนหน้าปก เป็นเหมือนสมุดประจำตัว ที่รอให้ใครต่อใครหยิบไปเขียนถึงเจ้าของเล่ม จะเขียนด่าเขียนชม หรือบอกความในใจอะไรต่ออะไรก็เขียนไปเถอะครับ เพราะมันไม่จำเป็นต้องลงชื่อ ใครอยากเขียนอะไรก็เต็มที่เลย
 
ที่พวกเราเรียกกันว่าเป็นสมุดกระจก ก็เพราะมันสะท้อนสิ่งที่ตัวเราเป็นในสายตาคนรอบข้างน่ะสิครับ
 
เป็นไง..
คมมั้ยล่ะ..

ผมไม่ได้คิดเองหรอกครับ! มันมีมานานแล้วต่างหาก

ช่วงสมัยผมยังเรียนอยู่สมุดกระจกผมป๊อบพอประมาณเลยนะครับ น้องๆพี่ๆ เขียนซะจนเต็มตลอด ทั้งเขียนชมบ้าง แซวบ้าง ขอความช่วยเหลือบ้าง (เช่น พี่พีทหล่อจัง ฝากบอกหน่อยค่ะ) หรือแม้กระทั่งต่อว่าก็มี (เลิกซื้อข้าวตัดหน้าผมซักที / มึงอย่างทำโมเทพมากได้ป่ะ) ผมรู้สึกสนุกและตื่นเต้นทุกครั้งที่ได้เปิดอ่าน อยากรู้ว่าคนคิดยังไงกับผมบ้าง สมุดกระจกปีเก่าๆ ผมก็ยังเก็บไว้อยู่ที่ห้อง เวลาเอามาอ่านเหมือนได้ย้อนเวลากลับไปเจอตัวเองเมื่อหลายปีก่อน อ่านไปผมก็โตขึ้นเยอะเหมือนกันนะ
 
แต่ก่อนจะโตขึ้นแบบไม่มีกิน ขอตอบเมลล์เจ๊ฝ้ายแป๊บนึงนะครับ
 
_ _ _ _
 
งานนี่แปลกนะครับ ทำยังไงก็ไม่จบไม่สิ้นซักที

ผมยกมือขึ้นนวดหัวตาเบาๆ แล้วบิดขี้เกียจ หันซ้ายหันขวาไปเจออาร์ตนอนพังพาบหลับคาโทรศัพท์อยู่บนเตียงอีกฝั่ง คือมันชวนพวกผมให้เล่นไพ่กับมันไม่สำเร็จครับ (ก็ผมกับไอ้น้ำทำงาน พีทก็หลับ...)  มันเลยต้องหาอะไรใส่ปากแทน เดินเข้าเดินออกห้องซะหลายรอบ รอบแรกมาได้ไอศครีม กินหมดก็ออกไปเอาขนมกรุบๆมากินไปเล่นโทรศัพท์ไป จนหมดสภาพแบบนี้อ่ะครับ ผมนั่งพิมพ์ก๊อกแก๊กไปอีกสักพัก จู่ๆไอ้พีทก็ลุกขึ้นงัวเงียถามว่ากี่โมง พอได้ฟังคำตอบเสร็จมันก็กลับลงไปนอนต่อ ผมกับน้ำได้แต่มองหน้าแล้วทำหน้างงใส่กัน นี่มันละเมอรึเปล่าวะ
 
“ปลุกพวกมันได้ละม้าง” น้ำหันมาพูดกับผม “นี่งานยังไม่เสร็จเหรอ” มันทำหน้ายุ่งใส่แล้วลุกเดินเข้ามาหาผม “เยอะอะไรขนาดนั้นวะ”

ผมส่ายหน้า “ทำไม่มีวันเสร็จหรอก เนี่ย ดูดิ่ ไปได้เรื่อยเลยแหละ” ผมชี้หน้าจอ “อันนี้แบบร่างที่สองอ่ะ กูเพิ่งคำนวนพื้นที่ขายเสร็จ”

น้ำนั่งลงข้างๆผมแล้วชะโงกหน้าเข้ามาดู “หืออ แล้วมึงไม่ต้องออกแบบเหรอ นี่มันมีแต่เลย์เอ้าท์ วางผังอย่างเดียวนิ่ ยังเป็นกล่องอยู่เลย”

“ไม่ต้องว่ะ กูแค่คิดงบ คิดจุดคุ้มทุน ฟังก์ชั่นแล้วก็แบบตึกคร่าวๆ ถ้าจะเอาสวยก็นี่ไง งานมึง” ผมยิ้มแล้วชี้หน้ามัน “แต่มึงต้องพ้นการเป็นเทพทางหนีไฟก่อนนะ ฮ่าๆๆ”

มันทำตาขวางแล้วคว้าหมับเข้าที่นิ้วชี้ผม โยกไปมาแรงๆ “โว้ะ จำไว้เลยไอ้ตี๋! เดี๋ยวกูก็เทพแล้ว!”

“เจ็บ!” ผมร้อง ก่อนจะเอามืออีกข้างตีหน้าผากมัน “ปล่อยเลย!”

มันหัวเราะขำๆก่อนจะปล่อยนิ้วผม ห่านน ถ้านิ้วกูซ้นพิมพ์งานไม่ได้นะมึง กูจะให้มึงทำงานแทนให้หมดเลยยย

“ปลุกไอ้พีทไอ้อาร์ตเถอะ นี่ห้าโมงกว่าละ” มันพูด แล้วหันไปดึงขาพีทที่นอนอยู่ ส่วนผมก็พับหน้าจอ เก็บของแล้วเตรียมปลุกเพื่อน
 
“ไปเขียนสมุดให้น้องกันนนนนนน” ผมพูดเสียงยานคางใส่หูอาร์ต
ตอนมันตื่นนแบบเลิ่กลั่กนี่ตลกเป็นบ้า

_ _ _ _
 
17.25
 

อื้อหือ..
พวกผมเดินมายืนอึ้งกับจำนวนสมุดที่ถูกแขวนไว้กับเชือกเหมือนปลาหมึกตากแห้งยาวเป็นพรืด นี่กะจากสายตาคร่าวๆ ก็ห้าร้อยกว่าเล่มแล้วนะครับ!! กว่าจะเขียนให้ทุกคนได้ กูต้องใช้เวลากี่ชั่วโมง! ตอบ!!!
 
มือจะหงิกครับพูดเลย
 
พีท ผม น้ำ และอาร์ตนั่งอยู่บนเก้าอี้เล็กๆ ที่ถูกลากมาวางเรียงกันไว้หน้าราวแขวนแล้วตั้งหน้าตั้งตาเขียนสมุดด้วยสปีดระดับที่ยูเชียน โบลต์ยังต้องอาย (แหงสิ เขาวิ่งเร็ว ไม่ได้แข่งเขียนหนังสือไวโอลิมปิกนี่ครับ) พวกผมตั้งใจอยากเขียนให้เสร็จก่อนเริ่มกิจกรรมภาคกลางคืน แต่ประเด็นก็คือ… ปีนี้น้องปีหนึ่งมีเก้าสิบชีวิต ด้วยประเพณีและศักดิ์ศรีความเป็นพี่ว้าก พวกผมต้องเขียนให้ปีหนึ่งทุกคนครับ จะเขียนกี่บรรทัดมากน้อยยังไงก็ได้ไม่กำหนด แต่ต้องครบทุกคน ส่วนปีอื่นๆ ผมเอาเฉพาะที่สนิทกันละกันนะ เพราะถ้าไม่เขียนให้พวกแม่งก็จะงอนอีก ตั้งหน้าตั้งตาเขียนจนเมื่อยมือไปหมด นี่จริงจังกว่าทำงานอีกนะครับเนี่ย
 
ส่วนใหญ่ผมจะเขียนไปว่า ยินดีต้อนรับครับตามด้วยชื่อน้อง หรือ ขอให้ได้นอน อะไรทำนองนี้ แต่ถ้าคนไหนที่ผมเคยผูกข้อมือแล้วจำได้ ก็จะเขียนแซวไปบ้าง แล้วก็ลงชื่อว่าพี่วิน 043 เป็นอันเสร็จสิ้น หรือบางคนก็ให้ไลน์ไอดีไปด้วยถ้าเป็นน้องในสายรหัส (ไม่ได้อ่อยนะครับ! บอกช่องทางการติดต่อไง!)
 
“อื้อหือ นี่โรงงานอะไรเนี่ย” เสียงน้องเอกร้องทักขึ้น เจ้าตัวมาพร้อมแก๊งค์ว้ากปีสามอีกสองคน น้องปาล์มกับน้องสัน

“สมุดกระจกไง พี่ว้ากต้องเขียนให้ปีหนึ่งทุกคน ลืมเหรอพวกมึง” พีทตอบดุๆ พลางยื่นสมุดที่เพิ่งเขียนเสร็จส่งให้ผม แล้วหยิบสมุดเล่มใหม่ลงมาจากราว ต้องทำเป็นทอดๆ อย่างนี้ล่ะครับ เร็วดี

“จำได้ดิ่พี่ แต่พวกผมมีเวลาไง นี่จบมีตติ้งแล้วก็เอาสมุดไปแขวนต่อที่คณะอีกสองอาทิตย์น่ะ เดี๋ยวค่อยเขียนตอนนู้นก็ได้” ปาล์มตอบ

“โห… ดูพวกกู เขียนกันเป็นลิงเลย” อาร์ตเบ้หน้า แขวนสมุดที่เขียนเสร็จแล้วกลับลงไปในราว “แล้วนี่ปีหนึ่งทำอะไรกันอยู่อ้ะ”

“นู่น เล่นอยู่หาดด้านโน้นนน วิ่งสามขา แชร์บอลนั่นนี่แหละ นี่ผมกับมาเตรียมที่กินข้าวก่อนอ่ะ” เอกพูดแล้วยกมือขึ้นมองนาฬิกา “อีกสักสิบห้านาที อืมม ก็น่าจะหกโมงครึ่ง กินข้าว เสร็จแล้วก็เรียกรวม ให้ดูเบื้องหลังว้าก ชีวิตสตู รูปสมัยพวกเราปีหนึ่ง และก็แยกย้ายตั้งวงละ” มันบอกตาราง พวกผมพยักหน้าหงึกๆ มือก็เขียนสมุดไปด้วย คืนนี้ยังอีกยาวไกลสินะ
 
กำลังเขียนเพลินๆ ก็โดนขัดขึ้นด้วยเสียงไอ้เทพที่อุทานซะดัง

“เชรดดดดด สมุดปีนี้อย่างเยอะ”

“ตายห่าาาาาแล้ววววววววววว” ไอ้บอยร้อง

ผมเงยหน้าขึ้นมองหาต้นเสียงโหหูหาด้านหลัง อ้าว เดอะแก๊งค์ย้ายตูดกันออกมากจากบ้านพักแล้วครับ มากันครบเชียว

“โห กว่าพวกมึงจะฟื้น นี่ครึ่งวันเข้าไปละ” ผมบ่น

“เหยดด นิกูยังไม่ได้เขียนซักเล่มนิ” กล้าทำหน้าเลิ่กลั่ก “ต่ายห้านนนน”

“มานั่งเขียนกันให้ไวเลย” เฟิร์สแทรกขึ้น

“ต้องเสร็จว่ะ เอ้าเริ่ม” มันพูด
 
_ _ _ _
 
18.40
 

มือผมไร้ความรู้สึกไปละครับ

นี่นั่งนับอยู่คร่าวๆ น่าจะเหลืออีกแค่ยี่สิบกว่าเล่มเท่านั้น ทำเวลาจริงๆครับพวกผมเนี่ย ดีที่ตอนนี้ปีหนึ่งยังไม่มา สงสัยว่าจะเล่นเกมกันติดพัน
 
ฮ่วย ไอ้พีทเขียนช้าครับเล่มนี้ ขออู้แป๊บนึงนะ ผมถือโอกาสเงยหน้าขึ้นมาจากตักตัวเองแล้วบิดซ้ายบิดขวา
นี่มันอะไรวะเนี่ยยยย แก๊งค์ปีแก่ของพวกผมนั่งเรียงกันเป็นตับ ต่างคนต่างก้มหน้า เวียนสมุดกันไปทีละเล่มๆ เสร็จแล้วก็ส่งให้คนข้างๆ เป็นภาพที่ตลกดีครับ ผมหยิบโทรศัพท์ตัวเองขึ้นมา.. ขอถ่ายรูปเก็บไว้แป๊บนะ
 
“เอ้าๆ เอาไปๆเสร็จละ” พีทโยนสมุดเล่มใหม่มาบนตักผม
 
ไหนดูซิของใคร

ชื่อตัวเบ้อเร่อที่หน้าปกอ่านได้ว่า “หวาน 012”
 
หน้าบูดๆของมันเมื่อเที่ยงนี่ลอยขึ้นมาเลยครับ..
แม่งจะทำหน้ายุ่งโมโหหาสรรค์วิมานอะไรไม่รู้
จะเขียนอะไรดีวะ…
 
“ไอ้ตี๋ ให้ไว” พีทโบกสมุดเล่มที่มันเพิ่งเขียนเสร็จแล้วโยนลงบนตักผม

“เห้ยย เดี๋ยวดิ่” ผมร้อง “ยังเขียนไม่เสร็จเลยยย”

“อะไร ให้ไวเลย คิดไรเยอะแยะ มีอีกหลายเล่มนะแสด กูอยากไปกินข้าวแล้ว” พูดจบมันก็คว้าเล่มใหม่ขึ้นมาจากราวแขวน
 
ผมรีบก้มหน้าลงไปเขียนให้เสร็จ แล้วส่งต่อให้น้ำที่อยู่ข้างๆ มันรับเอาสมุดไปแล้วพลิกดูชื่อ
“คิดนานจังเลยนะมึง” มันว่าพลางเปิดหาหน้าว่างๆ เพื่อจะเขียน

“ห้ะ” คิดอะไรนานนะ

“เปล๊า” มันขึ้นเสียงสูงแล้วเขียนสมุดไปเงียบๆ ทำเอาผมเลิกคิ้วสูง เออ ตกลงมึงจะสื่อสารกับกูหรือยุงลายแถวนี้ พูดให้คนเข้าใจเป็นมั้ยมึงเนี่ย
 
อาร์ตที่อยู่อีกฟากชะโงกหน้ามามอง
“ตี๋ เขียนเร็วๆ ค้างอยู่ที่มึงเยอะละเนี่ย” มันโวย

“โอ้ยย รีบแล้วครับคุณเพื่อน เอ๊ะ...เดี๋ยวๆ นี่กูยังไม่ได้จับมึงฝังทรายเลยนะ กล้าหือเหรอวะ!” ผมรีบเปลี่ยนเสียง ไอ้อาร์ตมองหน้าผมแล้วทำหน้าเหวออย่างนึกขึ้นได้ แล้วหันหน้ากลับไปหาสมุดที่มันกำลังเขียนอยู่ทันที
 
ให้มันรู้ซะบ้างว่าใครเป็นใคร

ผ่านไปอีกสิบกว่านาที เสียงจ้อกแจ้กของเด็กปีหนึ่งที่เพิ่งเลิกเล่นเกมก็ดังขึ้นละครับ เดินมากันราวๆ สามสิบคนได้ พวกผมสี่หล่อที่มานั่งเขียนก่อนพวกแม่งทำภารกิจเสร็จสิ้นเรียบร้อย และกำลังนั่งกระดิกเท้ากดดันพวกที่ยังเขียนสมุดไม่ได้ถึงครึ่งอยู่
 
“ปีหน้ามั้ย กว่าจะเสร็จ” อาร์ตที่นั่งเท้าคางมองอยู่ที่ม้าหินใกล้ๆถามขึ้น “ปีหนึ่งมาโน่นแล้ว” มันพยักเพยิดไปที่ทางเดิน

“มึงรีบมั้ยล่ะ กูไม่ค่อยรีบ” เอ็มตอบเสียงเอื่อยๆ “ไปแดกข้าวกันก่อนเลยไป๊” มันไล่

“ไม่เอา กูเขิน” อาร์ตบอก “ปีแก่ต้องไปกันเป็นแก๊งค์ดิ่”

“เขินหาพ่องงงงงงง” เอ็มเงยหน้าขึ้นมาโวย

“ห่าเอ็ม เขียนเร็วๆ จะหมดละเนี่ย” เทพพูดทักขึ้น   
 
“อ้ะ กลุ่มสองฟังๆ เวลาปล่อยฟรี ชั่วโมงครึ่ง ใครจะไปกินข้าวในโรงอาหาร เขียนสมุดกระจก หรือใครจะอาบน้ำก่อนก็เอา แล้วมาเจอกันที่ลานนี้ตอนสองทุ่มครึ่ง” น้องปาล์มปีสามที่เดินนำหน้ามาพูดขึ้น ปีหนึ่งขานรับเสียงอ่อนแล้วเดินแตกแถวกันออกไป เออ มันคงจะเหนื่อยกันเนอะ ทำกิจกรรมมาตั้งแต่เช้า ดูหัวเหอนี่กระเจิงจากน้ำจากลมทะเลกันหมด นี่กลุ่มอื่นๆ อีกสามกลุ่มก็ค่อยๆ เดินมากันแล้ว
 
“เย่! พวกแม่งเขียนเสร็จแล้ว ไปแดกข้าวกันครัช!!!” ไอ้อาร์ตลุกขึ้นยืนชี้นัทที่กำลังแขวนสมุดกระจกเล่มสุดท้ายกลับไปที่เดิม

“นี่มึงต้องลุ้นเบอร์นี้” ผมถาม

“ก็กูหิวอ้ะ” มันเอามือลูบท้อง

“อ่ะๆ ปะๆ กินข้าวกัน” พีทตามใจ ลุกขึ้นแล้วเดินนำไปทางโรงอาหาร ทุกคนทยอยกันเคลื่อนตัวอย่างช้าๆ
 
พอดีกับที่ปีหนึ่งกลุ่มสุดท้ายเดินเข้ามาพอดี

ผมลุกขึ้นบิดขี้เกียจแล้วสายตาก็ไปเจอเอากับร่างที่เดินสูงเด่มาแต่ไกล มันคุยเล่นยิ้มไปหัวเราะไปกับน้องหมี.. (เออ ชื่ออะไรนะคนนั้นอ่ะ…) เออ ก็อารมณ์ดีแล้วนี่หว่า ตอนกลางวันมันคงเหนื่อยๆ
 
พอผมคิดในหัวจบปุ๊บ มันก็สบตาผมปั๊บ..
แล้วแม่งก็หุบยิ้มฉับ หันหน้าไปทางอื่นทันที
 
อ้าวไอ้นี่..

มึงจะเอาใช่ป่ะ.. ห่าน นี่กูเป็นพี่มึงนะ นี่ผมผิดอะไรวะ ทำไมมันต้องมาทำเมินด้วยอ้ะ
ผมตีหน้ายุ่ง นี่เริ่มโมโหบ้างแล้วนะ..
 
ผมก้าวเร็วๆตามกลุ่มเพื่อนที่เพิ่งเดินไป
โอ้ย หงุดหงิด
 
“เขียนสมุดจนหมดมุกเลยว่ะ” ผมที่เพิ่งเดินมาทันได้ยินบอยบ่น

“เออจริง กูด้วย หลังๆนี่มีแต่ “ยินดีต้อนรับครับ” แล้วลงชื่อ” เฟิร์สตอบ

“โห่ว มึงไม่ครีเอทเลย” ผมแกล้งบลัฟ “นี่กูคัสตอมทุกเล่มเลยนะ”

“โม้ละ” ไอ้เฟิร์สพูด “ถ้ากูเจอเล่มไหนมึงเขียนซ้ำกันกูจะเอามาปาใส่หน้ามึงนะครัชตี๋” ผมฟังแล้วหัวเราะใส่มัน
 
“แต่ว่า...” น้ำหันควับมาบอกผม “มึงคิดนาน ชักช้าว่ะ”
 
เห้ย บ้าสิ
“กูเขียนเร็วจะตาย” ผมแย้ง

“ไม่จริงอ่ะ” มันทำหน้าเบื่อใส่ผม “มึงคิดนาน.. เล่มของไอ้น้องหวานที่มึงขี่หลังวันนี้อ้ะ กูเห็นนะ”
 
โว๊ะ เรื่องไอ้บ้านี่อีกละ นี่ยังไม่หายอารมณ์เสียเลยนะครับ
“เหอะ ของเด็กนั่นอ่ะนะ มึงคิดไปเองละ” ผมว่าแล้วเดินฉับๆ นำหน้าไป
 
อะไร คิดนานตรงไหน
สมุดของไอ้เด็กนั่นอ่ะนะ มาคิดตอนนี้ไม่น่าเขียนแบบนั้นลงไปเลย
โธ่เว้ย..
 
เลิกทำหน้าตูดได้แล้ว กูไม่ได้ตัวหนักขนาดนั้น
ขอบคุณทั้งวันนี้และวันโน้น
 
วิน 043
STU#76

 

มาคิดตอนนี้..
กลับไปเขียนด่าแม่งได้ป่ะครับ!
 
_ _ _ _

ตอนที่ 7 มาแล้วค่าาา
ขอบคุณที่คลิกเข้ามาอ่านกันนะคะ ดีใจมากๆจริงๆ
*กอดรวบๆ*
 :-[ :-[ :-[

/ตี๋วินนนโอเคมั้ยลูกกกกกกกก
/คนคิดถึงท่านรอง รอหน่อยนะคะ เดี๋ยวท่านรองจะกลับมาด้วยท่าเปิดตัวใหม่ๆ แฮ่~

แล้วพบกันค่า
 :pig4: :pig4: :pig4:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 09-10-2017 17:42:54 โดย idee »

ออฟไลน์ saccarrum

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 142
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
ฮื่ออออ เข้ามาดูทุกวันเลยยยยย :ling1: :ling1:
เหมือนมีซัมติงในบางประโยคของน้ำ เอ๊ะหรือเราคิดไปเอง ฮ่าๆๆ
รอตอนต่อไปนะคะ

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5358
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19

ออฟไลน์ ก้มหน้าก้มตา

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 137
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-0
อ่านทีเดียว จนถึงตอนล่าสุดเลอ
สนุกดีค่ะ

ลุ้นว่าใครจะคู่กับน้องตี๋วินมาก

นีเชียร์ทุกคน จะหวาน จะน้ำ จะคุณประธาน AA(สงสัยมากว่าคนเดียวกับหวานจะเป็นไปได้ไหมค่ะ)

ลุ้นๆๆ

ออฟไลน์ lnudeel

  • I wanna be a CAT!!
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1466
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +31/-5
น้องเขางอนที่ไม่ยอมให้รางวัลอะค่ะพี่วิน~~~ หึๆ :hao7:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ winndy

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1129
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +89/-3
ยกป้ายไฟ หวาน-วิน แต่ก็มีปันใจให้ท่านรองนะค๊ะ

ออฟไลน์ aunszMT

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 132
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-1
น้องหวานงอนอะไรพี่เค้าคะลูก

ออฟไลน์ แฟนตาเซีย

  • หืมม...?
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 557
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-1
มาจากกระทู้แนะนำนิยายยยย สำนวนดีน่าอ่านมากเลยย เราชอบนะเรื่องนี้อ่ะ เชียร์นายหวานเป็นพระเอก ปอลิงหวานโกรธเรื่องวินยังไม่ให้รางวัลรึเปล่า?//เดามั่ว :z2:

ออฟไลน์ idee

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 79
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-2
ความเสี่ยงที่ 8

หลังกินข้าวเสร็จ พวกผมปีแก่ๆก็มานั่งก๊งกันอยู่ที่โต๊ะยาวริมลานกว้างๆ ตรงกลางมีจอโปรเจ็กเตอร์ขนาดใหญ่สีขาวกางอยู่ น้องปีหนึ่งนั่งรวมกันอยู่ด้านหน้า ตามด้วยปีสองอยู่ด้านหลัง ส่วนปีโตอื่นๆ ก็จับจองโต๊ะรอบนอกเอา นั่งบ้างยืนบ้างตามแต่จะพอใจ พวกผมเลือกที่นั่งที่ค่อนมาทางด้านหลังสักหน่อย ลงความเห็นกันว่าปล่อยให้เด็กๆเขาเล่นตลกกันไป พวกเราขอนั่งดูสนุกๆตรงนี้ดีกว่า

ผมนั่งดูดน้ำมะพร้าวเผาอยู่กับพวกแม่งที่กำลังชงเหล้า คอนทราสจริงๆสิให้ตาย

“อ้าว นู่นน้องพลอยนี่หว่า ทำไมกูเพิ่งเห็นวะ นึกว่าไม่มา” พีทชี้ไปยังโต๊ะปีสี่ที่มีคนอยู่ไม่มากนัก มันเอามือเกาหัวแล้วหันมาหาผมที่นั่งอยู่ตรงข้าม อาร์ตกับเฟิร์สที่นั่งอยู่ใกล้ๆ มองตามนิ้วมันไป
“เออ กูก็เพิ่งเห็นตอนนี้เนี่ยแหละ ถามนู่นสิ เพื่อนผู้มีสถานะสับสนกับน้องพลอย” ผมพยักหน้าไปทางไอ้น้ำที่กำลังเติมน้ำแข็งให้ตัวเองอยู่อีกฟากของโต๊ะ
“สถานะสับสนอะไรวะ น้ำมันไม่ได้คบกับพลอยอยู่เหรอ” เฟิร์สทำหน้างง
“ทุกคนก็คิดงั้นแหละ ยกเว้นไอ้น้ำเอง” ผมพูด
“เห้ย อะไรวะ กูตกข่าวแสด เรื่องเป็นไงอ้ะ” 
“ไม่รู้ว่ะ” พีทตอบ “แม่งไม่เล่าอะไรเลย”
“เฮ้ย อะไรอ่ะ พวกมึงต้องรู้ดิ่ สนิทกับแม่งอ้ะ” เฟิร์สโวย “อาร์ต ปกติมึงนี่ตัวเจือกเลย ยอมได้ไงวะ” 
“เอ้า ไอ้นี่ด่ากูเสือกอีก” อาร์ตมองตาขวาง 
“มึงจะลองถามเองก็ได้อ่ะ พวกกูถามจนเบื่อละ” ผมบอกเฟิร์ส พีทพยักหน้าเห็นด้วยหงึกๆ
“กูว่ามันไม่บอกอะไรเหมือนเดิมแหละ เดี๋ยวมึงดู” อาร์ตตัดบท

ใช้เวลาไม่นาน เจ้าของเรื่องก็กลับมานั่งลงที่เก้าอี้ระหว่างผมกับอาร์ต
“เน่ๆ… น้องพลอยมาด้วยแน่ะ” อาร์ตเอาศอกสะกิดให้น้ำหันไปมองที่โต๊ะปีห้า
ไอ้น้ำปรายตาไปมองแล้วก็หันกลับมาสนใจแก้วเหล้าตัวเองต่อ “อือ..”

ผมมองหน้าเฟิร์สที่นั่งอยู่อีกฝั่ง น่ะ เห็นมะ กูบอกละ

“นี่มึงรู้ป่ะเนี่ยว่าเขาจะมา” อาร์ตลองถามต่อ
“รู้ คุยกันละ” น้ำตีหน้าเรียบแล้วยกแก้วขึ้นดื่ม “อื้อหือ ไม่น่าให้เชี่ยบอยชงให้เลย อย่างเข้ม” มันเบ้หน้า
อาร์ตยักคิ้วใส่เฟิร์ส 
“อ้าว แล้วมึงไม่ไปนั่งกับน้องเขาเหรอ” เฟิร์สถามขึ้นเอง
“ไม่อ่ะ ก็ไม่ได้เป็นไรกัน” น้ำตอบนิ่งๆ “กูเลิกกันตั้งนานแล้ว” 
“หาาาาาาา มึงอะนะไม่ได้เป็นไรกัน สเตตัสเฟสบุคยังหวานอยู่เลยนะครัช” เฟิร์สลากเสียงยาว
“ไม่รู้ ไม่คุยเรื่องนี้ละ” น้ำตัดบทเอาดื้อๆ “หยิบเลย์ให้กูถุงดิ่” มันหันมาพูดกับผม

โว้ เหมือนเดิมเด๊ะ คือยืนกรานปฏิเสธอยู่นั่นแหละ ไอ้เฟิร์สยังทำหน้างงอยู่แต่ก็ไม่รู้จะถามอะไรต่อ
ผมเอื้อมแขนหยิบขนมยัดใส่มือน้ำ พอดีกับที่น้องปีสี่เริ่มกิจกรรมพอดี

“ฮาโหลๆ ทุกคนพร้อมมั้ยค้าาาา” น้องหมิวพูดเสียงแหลม “ยินดีต้อนรับสู่ทริปมีตติ้งต้อนรับรุ่น 81 อย่างเป็นทางการค่าาาา” เสียงโหฮิ้วดังไปทั่ว
           
“นี่พี่หมิว อินปีสี่นะ มีใครยังไม่รู้จักชั้นมั้ย ประธานรุ่นน่ะเธอ” น้องหมิวแนะนำตัว “เล่นเกมกันมาทั้งวัน เดี๋ยวเรามานั่งดูรูปเบื้องหลังสนุกๆกันดีกว่า ตอนนี้เราก็ปิดประชุมเชียร์กันแล้ว ไหนๆก็ไหนๆ เชิญพวกพี่ว้ากปีนี้มาข้างหน้าเลยค่าาา” น้องหมิวโบกมือให้สัญญาณไปยังโต๊ะปีสาม น้องปาล์มหัวหน้าว้ากลุกขึ้นมาเป็นคนแรก ตามด้วยคนอื่นๆ ออกมายืนเรียงแถวกันด้านหน้า

อื้อหือ .. กินไปกี่ขวดกันแล้วล่ะนั่นน่ะ เดินเซกันขนาดนั้น

น้องหมิวรับหน้าที่เป็นพิธีกร แนะนำพี่ว้ากปีนี้ทีละคน
“นี่นะคะ อีปาล์ม อยู่เต็ก ถ้ามีอะไรไม่พอใจเรื่องว้าก ด่ามันเลยค่ะ มันเป็นหัวหน้าว้าก” 
“เห้ย มันเป็นหน้าที่” ปาล์มโวย
“ไม่รู้ค่ะ มึงเป็นหัวหน้า มึงต้องรับความเลวทั้งปวงไป ต่อมานะคะ น้องเต้ อยู่เต็กเหมือนกัน เทพดีไซน์ มีอะไรไปถามมันค่ะ เก่งมาก หมั่นไส้ จบนะ ต่อไป! น้องเอกอินทีเรีย คนนี้เจ้ขอ พี่เทวดาของเจ้ค่ะ น่ารักค่ะ จบ ”

เสียงน้องผู้หญิงวี๊ดว้าย เอ๊ะ เป็นพี่เทวดานี่แฟนคลับเยอะจังครับ จะว่าไปนัทกับปั่นปีผมก็มีน้องปลื้มเยอะอยู่นะ

“พอค่ะ! หยุดกรี๊ดน้องเอก! คนนู้นน้องพงศ์ อยู่เต็ก เป็นเด็กขี้เหล้า นิสัยจิกกัดนี่ของจริงนะคะไม่แอคติ้ง ต่อมา ผู้หญิงสองคนในหมู่มาร น้องแป้งกับน้องเฟิร์น นี่น้องเบื่อมั้ยคะมาอยู่กับอีพวกนี้” ถามพร้อมยื่นไมค์ไปให้
“แป้งชินละค่ะ” น้องแป้งตอบหน้าเพลียโดยมีเฟิร์นพยักหน้าอยู่ข้างๆ
“พี่เห็นใจน้องมากค่ะ ต่อมาคนนี้..น้องก้องอยู่เต็ก เห็นเงียบๆฟาดเรียบนะคะ อ่ะล้อเล่นน นี่ประเสริฐกว่านี้ก็พระละค่ะพ่อคู๊ณณ” น้องหมิวพูดเรีกเสียงฮา “คนสุดท้าย น้องแมนเต็ก ถึงจะดูดุ แต่จริงๆแล้ว….. มันก็เป็นคนโหดจริงๆนั่นแหละ อ่ะจบ ทั้งหมดแปดยอดมนุษย์” น้องหมิวพูดสรุปเร็วปรื๋อ

หลังจากนั้นก็เป็นการแฉเบื้องหลังของการเตรียมว้าก ตั้งแต่ตอนประชุมงานช่วงปิดเทอม ซ้อมตีหน้านิ่ง คิดบท ไปจนถึงก่อนลงประชุมเชียร์จริง น้องๆว้ากเกอร์ปีนี้ก็ยืนพากย์กันอยู่อย่างสนุกที่หน้าจอ กดสไลด์ไปเรื่อย จะเผาเพื่อนกันก็ต้องจังหวะนี้แหละครับ

ผมนั่งหัวเราะอยู่กับเพื่อนๆที่โต๊ะ ดูรูปไปก็นั่งคุยถึงเรื่องสมัยที่พวกเราเป็นว้ากเกอร์ไป ชี้ชวนกันขำรูปของปีสามไป

“โห ไม่น่าเชื่อเลยนะครับว่าพวกกูกับมึงจะไร้สาระกันได้ขนาดนี้ นี่น้องจะยังมีความเคารพกันอยู่มั้ย” น้องเต้พูดขึ้นเมื่อสไลด์ของปีสามจบลง “กากจริงๆ” มันพูด
“นี่ๆ แต่ตอนที่พวกผมทำว้าก พวกผมมีไอดอลลลลนะครัชชชช” เสียงน้องพงศ์ดังขึ้น
“โหโหโห ไอดอลนี่ใครอะครับ” เต้ทำเป็นตื่นเต้นชงมุกให้

พงศ์ทำตาเป็นประกาย “พี่ว้ากของพวกผมอีกทีไงครับเต้! วันนี้พวกเขามาด้วยนะ! โน่นครับ นั่งหล่อว์กันอยู่ตรงนั้น!”  ว่าจบมันก็ชี้มือมาที่โต๊ะผม น้องงี้หันตามมามองกันพรึ่บ

“นั่นครับ พี่บัณฑิตสดๆร้อนๆ ยกมือทีละคนหน่อยครับ อ่ะนั่น เริ่มที่มุมโต๊ะด้านขวา พี่บอยมือกลองในตำนาน พี่กล้าใต้หร่อยแรง พี่เอ็มมือโมเดล พี่นัท พี่ปั่นผู้เป็นต้นแบบให้ไอ้เอกปีเรา คนที่เมาแล้วคือพี่เทพ ถัดไป พี่เฟิร์สหัวหน้าว้าก”
ไอ้น้องพงศ์เว้นช่วงแล้วชี้มือมาที่กลุ่มผม “ส่วนนั่นแก๊งค์จตุรเทพสุดหล่อประจำรุ่น 76 พี่ตี๋วิน พี่น้ำ พี่อาร์ต และพี่พีทคร้าบบบบ เอ้ากรี๊ดดด” พวกผมยกมือขึ้นแบบเก้ๆกังๆ ไอ้เด็กพวกนี้ทำอะไรไม่ปรึกษากูเลย เสียงน้องๆ ตั้งแต่ปีหนึ่งถึงปีห้าตะโกนแซวกันใหญ่ โน่นก็แฟนคลับไอ้น้ำ นี่ก็แฟนคลับไอ้พีท โอ้ยย เอากูติดร่างแหพวกมึงไปทำไมเนี่ยยยย

“เอ้าๆ เสียงกรี๊ดเกินหน้าเกินตาคนอื่นมากครับ กรุ๊ปหลังเนี่ย” น้องเต้พูดเบรค
น้องพงศ์ยิ้มมาทางกลุ่มผมแล้วพูดต่อ “ว่าแต่ว่า อยากเห็นพวกพี่เขาสมัยเรียนกันมั้ยครับ” มันยักคิ้วใส่ผมแล้วกดสไลด์ขึ้นจอ เสียงน้องๆวี๊ดว้ายทำให้ผมหันหน้าไปมอง


ไอ้ชิบหายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย
เอารูปอะไรมาโชววววววววว์


ภาพในจอเป็นรูปพวกผมสี่คนตอนปีหนึ่ง กำลังเอ๊าะๆ เพิ่งจะเข้าปีหนึ่งได้ไม่ถึงเทอมเลยครับ
แต่ดันเป็นตอนที่ทำละครรุ่น….
เรื่องบ้านทรายทอง….

บ้าเอ้ยยยย

ไอ้น้ำที่ยืนยิ้มหล่อตรงกลางอยู่ในมาดคุณชายกลาง ครับ แม่งเป็นพระเอก ส่วนพีทที่ยืนเก๊กอยู่ซ้ายสุดเป็นท่านชายต้อม เออ ก็พระรองอ่ะครับ ตัดภาพมายังฝั่งขวาเป็นไอ้อาร์ตที่นั่งยิ้มเผล่อยู่บนรถเข็นในบทชายน้อย (ยังดีที่รูปนี้มันไม่ได้ทำปากเบี้ยว) ส่วนสุดท้ายเป็นผมที่ยืนยิ้มตาหยีอยู่ในชุดเสื้อติดกระดุมคอสีขาวและกางเกงดำ ใช่ครับ ผมได้เล่นเป็นคนขับรถให้ไอ้น้ำ….. และตอนถ่ายรุปผมยืนถือชะลอมให้พจมานอยู่…...

“เชี่ยยยยยยยยยยยยยยยยยยย” ไอ้อาร์ตโวยขึ้นก่อน “รูปตั้งแต่สมัยไหนแล้วพวกมึ๊งงงงงงงงงงงงงงงงงง”
ไอ้น้ำมองรูปอึ้งๆแล้วทำหน้าบอกไม่ถูก ผมยกมือขึ้นนวดหัวตา
“โอ้ยย ภาพลักษณ์กู” ไอ้พีทบ่น “กูมีช่วงเวลาไว้ผมปาดข้างแบบนั้นด้วยเหรอวะ ทำไมไม่มีใครเตือนกูเลย” มันหันมาพูดกับพวกผม
“เอ้าา น่ารักจะตายพี่อาร์ต ตัวพอดีกับรถเข็นเลย นี่ๆ ผมทรงเกรียนๆแบบนี้พี่พีทกับพี่น้ำก็ยังหล่อนะครับน้องๆ ดูดิ่ พี่วินยังใส่แว่นอยู่เลยอ้ะ ใสกิ๊งงงงงง” ไอ้พงศ์รีบพูดใส่ไมค์
“แสดดดดดดดดดด อย่ายุ่งกะกู๊” ผมพูดมองตาขวาง “เปลี่ยนรูปได้แล้ว!”

ไอ้น้องพงศ์กับไอ้น้องเต้ตัวดีหัวเราะเสียงดังแล้วกดเปลี่ยนรูป ที่จริงๆแล้วก็ไม่ได้ดีกว่าเดิมเท่าไหร่ แต่ถ้ามันจะเปลี่ยนเป้าหมายไปหาคนอื่นได้ผมก็โอเค

พวกผมนั่งหัวเราะกันจนเหนื่อยกับรูปตลกๆ ที่น้องๆไปสรรหามาจากไหนก็ไม่รู้ ทั้งรูปจากค่ายอาสาตอนปีสอง ตอนเป็นพี่ว้ากประชุมเชียร์ปีสาม รูปตอนหมดสภาพนอนกองกันช่วงมีตติ้ง (ที่แยกไม่ออกว่าปีไหน เพราะสภาพเหมือนกันทุกปี) ตอนทำทีสิส คัดกลอง กีฬาถาปัด จนกระทั่งน้องหมิวประกาศว่าหมดเวลา ได้เวลาปล่อยฟรีแล้วนั่นแหละครับ ถึงจะได้เวลาก๊งกันจริงจัง (จะว่าไปแล้วก็จริงจังกันมาตลอดนะ..)  ใครอยากกลับไปนอนก็เอา แต่ส่วนใหญ่ก็นี่แหละครับ มุ่งหน้าหาขวดเหล้า กระป๋องเบียร์กันนี่แหละ น้องๆหลายคนแวะเวียนเข้ามาชนแก้วทักทายที่โต๊ะของปีแก่ๆอย่างพวกผม แซวบ้างเล่นบ้างไปตามเรื่อง

ผมยังคงนั่งปักหลักกับน้ำมะพร้าวในวงเหล้า ในขณะที่สมาชิกบางคนในวงก็เปลี่ยนหน้าไป เช่น ไอ้เทพไปปลิ้นอยู่โต๊ะปีสี่ ปั่นหนีไปนอน ไอ้น้ำหายไป และไอ้น้องเต้หลานรหัสกับน้องเอกเพื่อนมันย้ายตัวเองมาสิงโต๊ะผมอย่างสมบูรณ์แทน

หลังจากที่ต้องทนไอ้เต้เซ้าซี้อยากจะให้ผมกินเหล้าด้วยมาเกือบครึ่งชั่วโมง พอได้โอกาสที่มันหันไปชนแก้วกับอาร์ต ผมก็เผ่นแน่บออกมาจากวง โอ้ย ขออยู่สงบๆ บ้างเถอะครับ เฮียอย่างงั้นเฮียอย่างี้อยู่นั่นแหละ

ผมเดินเลี่ยงจากลานกิจกรรมมาที่ริมทะเล ตัดสินใจนั่งลงที่หาดทรายนิ่มๆ พลางเปิดเพลงที่ชอบจากมือถือคลอไปด้วยเบาๆ นั่งกอดเข่าแล้วมองดูพระจันทร์ดวงโตที่ลอยอยู่บนฟ้า ปล่อยให้ลมเย็นๆปะทะหน้า ออกจะหนาวไปสักนิดสำหรับเสื้อยืดตัวบางกับกางเกงขาสั้นที่ผมใส่อยู่ แต่อยู่อย่างนี้ก็ดีเหมือนกันนะ

“มานั่งทำอะไรตรงนี้วะ” เสียงงงๆ ดังขึ้นข้างหลัง พอผมหันมองก็เจอไปเจอไอ้น้ำยืนมองอยู่
“อ้าว”
“ไม่ต้องมาอ้าว มึงมาทำอะไรตรงนี้คนเดียวเนี่ย” มันซัก
“กูก็มานั่งตากลมดูพระจันทร์ไง มึงเหอะหายไปไหนมาตั้งนาน” ผมย้อน

ไอ้น้ำทำท่าอึกอักจนรู้สึกได้ พอผมมองเลยไปอีกนิดก็ทันเห็นหลังไวๆของผู้หญิงคนหนึ่งเดินเข้าไปที่ลานกิจกรรม
“อ่อออออ น้องพลอย?” ถามไปงั้นแหละครับ รู้คำตอบอยู่แล้วล่ะ
“เอาเป็นว่ามึงก็รีบเข้าไปละกัน ตรงนี้มันมืด” ไอ้น้ำทำหน้าปั้นยาก พูดปัดๆ ก่อนจะเดินหันหลังกลับไป

ผมหันหน้ากลับมาทางทะเลแล้วแอบขำกับท่าทางแบบนี้ของมัน เหมือนโดนแม่จับได้ว่าแอบดูดบุหรี่ไม่มีผิด
ซึ่งมันก็ไม่ผิดป่ะถ้ามันจะคบกับน้องพลอย จะปฏิเสธไปทำไม ผมล่ะไม่เข้าใจจริงๆ ยอมรับออกมาเลยน่าจะดีกว่า หรือมันจะคบซ้อนสองซ้อนสามวะ…

เออ ช่างมันเหอะ ถ้ามันเห็นว่าผมควรรู้อะไร มันก็บอกมาเองน่ะแหละ..
ผมเอาคางวางเกยกับเข่า แล้วหลับตาฟังเสียงคลื่นไปเรื่อย

จนมีคนมาสะกิดไหล่ผมนั่นแหละ
“นี่”
นึกว่าจะเห็นน้ำเดินกลับมาอธิบายข้ออ้างของมันกับน้องพลอย แต่กลับเป็นไอ้เด็กปีหนึ่งหน้าคุ้นคนหนึ่งมานั่งจ้องหน้าผมแทน

ไอ้น้องหวาน

“ไม่ได้ทำหน้าตูดเพราะตัวหนักสักหน่อย” มันพูด
“หะ” ผมขมวดคิ้ว นี่บทสนทนาอะไรของมึงเนี่ย
“เอ้า.. ในสมุดไง” ไอ้เด็กนี่มันถอนหายใจใส่ผมมม “หรือแก่แล้วความจำไม่ดี” มันยิ้มล้อๆ
“ปาก!” ผมโบกเข้าไปกลางหน้าผากด้วยความมือไว
“โอ๊ย!” คนข้างหน้าผมร้องแล้วเอามือหนึ่งขึ้นมากุมหัวไว้ สำออยชัดๆ 

แล้วอีกมือของมันนี่อะไร๊... จับมือกูไว้ทำไม๊!
มันมือไวกว่าผมอีกเหรอครับ!!

ผมมองมือที่กุมหลวมๆเอาไว้ที่ข้อมือตัวเอง แล้วส่งสายตาอาฆาตไปให้คนตรงข้าม
แทนที่มันจะปล่อย ดันมาจ้องหน้าผมซะอย่างงั้น “นี่… กินเหล้ามารึเปล่า”
“เป็นเตี่ยกูหรือไง” ผมพูดนิ่งๆ “ปล่อย”
“ตอบก่อนดิ่”
ผมถอนหายใจ “ไม่ได้กินว้อยย”
“ดีมาก” พูดชม(?)ผมเสร็จ มันก็ปล่อยข้อมือผมให้เป็นอิสระ แล้วลุกมานั่งลงข้างๆ หน้าตาเฉย

“ใครอนุญาตให้นั่งตรงนี้เนี่ย” ผมค้อนขวับ
“อย่างกสิครับ นั่งด้วยนิดเดียวเอง”
“ไม่ไปกินเหล้านั่งคุยกับคนอื่นโน่นล่ะ”
“เหล้ากินแล้ว ตอนนี้ก็มานั่งคุยไง”
“อะไรของมึงเนี่ย”

มันแบมือแล้วยื่นมาตรงหน้าผม

“รางวัลล่ะ”

“หือ? รางวัลอะไร”
“เล่นเกมเมื่อเช้า ผมไม่ลืมหรอกนะ”
“เลี้ยงไอติมไปแล้วไง”
“นั่นมันคนอื่น นี่ผมนะ”
“เป็นมึงแล้วยังไง นี่อย่าบอกนะที่มึงทำหน้าเหม็นเบื่อตลอดบ่ายเพราะเรื่องนี้” ผมหันขวับ
“สังเกตด้วยเหรอครับ” มันพูด ก่อนจะทำตาโต “ฮั่นแน่! แอบมองผมเหรอ”
“ห่าสิ!” ผมร้อง ทำไมผมจะต้องไปแอบมองแม่งด้วยล่ะครับ “กูบังเอิญเห็นเฉยๆ”
“ที่หน้าบึ้งน่ะ ไม่ใช่เพราะรางวัลหรอกนะ…” มันบ่นงึมงำ
“นี่มึงงอนกู?” ผมชี้ตัวเอง นี่กูต้องง้อรึไงวะ
“หายละ เลยมาทวงรางวัลไง” มันตอบหน้าตาเฉย
“ไม่มี” ผมบอกเรียบๆ “ของมึงอ่ะไม่มีหรอก”
“ผมเปลืองแรง ลงทุนกว่าคนอื่นตั้งเยอะ”
“เอ้า” ผมร้อง “มึงปล่อยกูลงน้ำ นี่ยังไม่ได้ด่าเลย”
“ก็มัน...” มันเงียบไปแป๊บนึง แล้วทำหน้าแบบถือไพ่เหนือกว่า “จริงๆ แล้ว..ผมอุ้มตั้งสองรอบนะ...ตอนว้าก..”
“เฮ้ย จะพูดขึ้นมาทำไม๊” ผมร้องเสียงหลง
“เอ้า ก็มันจริงนี่”
“เออ อันนั้นกูรู้ ไม่ต้องย้ำก็ได้”
“ก็เดี๋ยวจะลืม”
“กูก็อยากลืมเหมือนกันน่ะแหละ!”
“เอาเป็นว่าติดหนี้ผม” มันรีบสรุป
“เออ..” ผมตอบเสียงอ่อย
“สองรอบ..”  คนตรงหน้าผมต่อประโยคเสร็จก็ยิ้มกว้าง

ถึงมันจะหน้าตาดี แต่ตอนนี้ความกวนตีนนำหน้าความหล่อไปแล้วครับ

“โอ้ย มึงนี่” ผมพูดเสียงดัง “จะเอาอะไรก็ว่ามา”
มันทำท่าคิด “ยังนึกไม่ออกอ่ะ”
“อย่าเล่นตัว”
“ยังนึกไม่ออกจริงๆ เก็บไว้ก่อนได้มะ”
“เรื่องเยอะ” ผมบ่นเบาๆ แล้วเอามือเท้าคาง หันหน้าไปอีกทาง

สงสัยผมจะปล่อยคลื่นพลัง 'กูเหนื่อย อย่าชวนคุย' ออกมามากไปหน่อยเลยทำให้ไอ้เด็กปีหนึ่งที่นั่งข้างๆ ไม่ได้พูดอะไรต่อ ผมนั่งฟังเสียงคลื่น มองทะเลกับพระจันทร์ดวงโตเงียบๆ

จนเพลงในเพลย์ลิสต์มันวนกลับมาที่เดิมน่ะแหละ ผมถึงได้ขยับตัวเตรียมจะลุก

“จะไปแล้วเหรอ” คนข้างๆ หันมามองหน้าผม
“อื้อ” ผมตอบด้วยเสียงในลำคอแล้วพยักหน้า เอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์ที่อยู่ข้างตัว 
“นี่” เสียงเรียกทำให้ผมหันไปเจอหน้าคนที่จ้องอยู่ก่อนแล้ว

“ขอเบอร์หน่อยสิ”

“หะ” ผมขมวดคิ้วแล้วกระพริบตาปริบๆ นี่ผมได้ยินอะไรผิดรึเปล่านะ
“ขอเบอร์หน่อย” มันพูดย้ำด้วยสายตาจริงจัง
“ถ้านึกขึ้นได้ว่าอยากได้อะไรเป็นรางวัล จะได้โทรไปบอกไง” พูดจบก็หยิบมือถือของตัวเองส่งมาให้อีกต่างหาก 
“เรื่องเยอะแบบนี้แม่ไม่ว่าบ้างรึไง” ผมเหล่มองมัน
“แม่อ่ะไม่ว่า แต่แฟนน่าจะบ่น” มันพูดแล้วอมยิ้มมุมปาก “รับไปสิครับ”

ผมว่าที่ปีสองหลงมันเนี่ย คงไม่พ้นเพราะรอยยิ้มแม่งแน่ๆ   
แต่ผมว่าแม่งดูเจ้าเล่ห์ยังไงไม่รู้สิครับ

ผมหยิบไอโฟนจากมือมันมากดเบอร์ให้เร็วๆ แล้วส่งคืน ”เอาไปเลย”
เห็นอีกฝ่ายรับโทรศัพท์ไปโดยดี ผมเลยลุกขึ้นยืดขาแล้วปัดทรายออกจากกางเกงตัวเอง

Rrrr….
หือ?

“นั่นเบอร์ผม” คนตรงหน้าลุกขึ้นยิ้มกว้างแล้วชูหน้าจอโทรศัพท์ให้ผมดู
“ไม่ได้ขอ”
“ก็ผมอยากให้นี่” มันตอบหน้าตาเฉย “กดเมมสิครับ... นี่เอาไปขายได้ตัวละสองร้อยนะ” 
ผมแอบขำแล้วเก็บมือถือลงกระเป๋า “ได้ก็บ้าแล้ว”
“ยิ้มแล้ว” มันมองหน้าผมแล้วพูดเบาๆ “น่ารักกว่าตอนแกล้งโหดเยอะเลย”
“หะ” ได้ยินไม่ถนัด “ว่าอะไรกูนะ..” ผมหรี่ตามอง อะไรโหดๆ เดี๋ยวเหอะมึง เดี๋ยวจะได้รู้ว่าโหดจริงมันเป็นยังไง
“เปล่าครับ” มันอมยิ้ม   

ผมหมุนตัวเดินกลับไปที่ลานกิจกรรม โดยมีเจ้าเด็กปีหนึ่งชื่อประหลาดนี่เดินตามมาด้วย
“พี่จะเข้าที่พักเลยมั้ย” หวานถามขึ้นระหว่างทาง
ผมยกนาฬิกาขึ้นดู นี่เพิ่งจะเที่ยงคืนกว่า “ยังอ่ะ คงไปนั่งที่โต๊ะก่อน”
“ผมไปนั่งด้วยได้มั้ย” 
“หน้าเหมือนพ่อเหรอ? มาขออนุญาตน่ะ” ผมชี้ตัวเอง “อยากไปก็เอาดิ่”
เด็กหวานยิ้มขำไม่ตอบอะไรแล้วเดินตามผมไปเงียบๆ

เออ เงียบสงบแบบนี้ค่อยดีขึ้นมาหน่อย

_ _ _ _

สงบก็ไม่ใช่วงเหล้าสิ.....
หลังพวกแม่งเห็นว่าสมาชิกใหม่ในโต๊ะเป็นไอ้เด็กหวานหน้าหล่อนี่

เป้าหมายการกินเหล้าเอาชิวก็เปลี่ยนไปเป็นทะเลสุราเลยครับ..

“เฮ้ยยย ชนดิ่ นี่น้องหวานสุดป๊อบเลยนะ!”
“เชี่ยหวานนนนน แดกเลยยยยยยย”
“เอาแก้วนี้ไป กูหมั่นไส้ความหล่อของมึง”
“ชนนนนนนน หมดแก้ว หมดแก้ววว!!”

นี่งานเลี้ยงวันเกิดมันเหรอครับ?

ตั้งแต่มานั่งตรงนี้เมื่อเกือบครึ่งชั่วโมงก่อน ไอ้หวานน่าจะโดนเรียกให้กินเหล้าไปมากกว่าสิบแก้วแล้ว
นี่ไม่รวมเหล้าช็อตนะครับ
   
ตอนนี้เป็นเวลาเกือบจะตีหนึ่ง คนในลานกิจกรรมดูบางตาลงไปเยอะแล้ว โต๊ะปีต่างๆจึงถูกยุบมารวมอยู่ด้วยกันเป็นกลุ่มใหญ่ๆ มีสมาชิกเหลืออยู่ราวๆยี่สิบคน จตุรเทพผมอยู่กันครบ ส่วนเพื่อนปีแก่ก็มีนี่แหละครับ บอย นัท เทพ แก๊งค์ขี้เหล้า นอกนั้นก็หน้าเดิมๆ ปาล์ม เต้ เอก พงศ์ ปีสาม น้องหมิวปีสี่กับเพื่อนๆ ปีสองกับปีหนึ่งอีกนิดหน่อย หนึ่งในนั้นก็ไอ้หวานที่นั่งกินเหล้าอยู่ข้างผมนี่แหละครับ

ไอ้เด็กบ้านี่ก็ไม่ออกอาการเมาเลยสักนิดเดียว มีหน้าเล่นมุกต่อกันกับพวกน้องเอก ไอ้อาร์ต แล้วก็พวกปีสองอีกต่างหาก

เอ้า อยากกินก็กินไป ดูซิว่ามึงจะทนได้แค่ไหนกันเชียว

_ _ _ _
 
2.18

โอ้ย ตาจะปิด

แผนมอมเหล้าไอ้น้องหวานของพวกแม่งไม่สำเร็จครับ ผมบอกเลย
มันยังมีสติอยู่อย่างน่ามหัศจรรย์ ในขณะที่พวกปีโตเมาเป็นหมา หิ้วปีกกลับบ้านพักกันไปแล้วหลายคน   
ส่วนคนไม่เมาอย่างผมอ่ะเหรอครับ ก็ต้องทำหน้าที่เก็บศพสิ..

“เชี่ยอาร์ตเดินดีๆ” ผมพูดใส่หูมันขณะหิ้วปีกมันไปบ้านพักคู่กับไอ้พีทที่หน้าแดงก่ำ ส่วนที่เดินตามมาด้านหลังเป็นไอ้เทพเจ้าประจำที่โดนน้ำกับหวานช่วยกันแบกมา เมื่อโยนเพื่อนผู้เมามายลงพื้นห้องนั่งเล่นไปเรียบร้อย (พร้อมถุงพลาสติกเกี่ยวหูเผื่อพวกมันอ้วกด้วย) ก็ได้เวลาแยกย้ายไปนอนกันละครับ นู่น ไอ้พีทเดินเข้าห้องนอนไปแล้ว

“ขอบคุณมาก ไอ้เชี่ยเทพนี่หนักเป็นบ้า” น้ำพูดกับหวานแล้วนวดแขนตัวเองแรงๆ
“ไม่เป็นไรพี่ แค่มึนๆ แต่สบายมาก” มันตอบ
“คอแข็งนี่หว่า กินไปตั้งเยอะ” น้ำว่า
“โห่ นี่ก็จะไม่ไหวแล้วเหมือนกันพี่ แทบจะอาบแทนกินแล้ว” มันพูดติดตลก

ไม่ไหวอะไรของมึง นี่กินไปเป็นลิตร หน้าแค่แดงหน่อยๆ  บ้านแม่งทำโรงเหล้าเหรอครับ?

“งั้นกูไปนอนละ บาย” พูดจบน้ำก็เดินเข้าห้องนอนไป
 
“เฮ่ออ มึนเป็นบ้าเลย” มันถอนหายใจแล้วนั่งลงกับพื้น
“เอ้า เอาไป” ผมยื่นขวดน้ำเปล่าให้ มันหยิบไปจากมือแล้วดื่มเข้าไปหลายอึก
“งั้นผมไปก่อนนะ” หวานหันมาบอกผมแล้วเตรียมจะเดินออกประตู
“เห้ย เดี๋ยวดิ่ นี่พักบ้านหลังไหน” ผมถาม
“ด้านหลัง เบอร์ 12”
“มันมืด มึงจะเดินไปคนเดียวได้ไง” ผมท้วง ”นี่เมารึเปล่าวะ?”
เจ้าตัวส่ายหน้าดิก “เป็นห่วงเหรอครับ” มันมองหน้าผมแล้วยิ้มล้อๆ
“เดี๋ยวมึงตาย คณะเป็นข่าว” ผมบอกหน้านิ่ง “มึงกินไปตั้งเยอะ ไม่ต้องกลับหรอก นอนนี่แหละ ห้องพวกกูว่าง เชี่ยอาร์ตก็นอนตายอยู่ข้างนอกเนี่ย ว่างตั้งสองฟูก”
“จริงเหรอ” มันทำหน้าตาตื่นเต้น “ให้ผมค้างด้วยจริงดิ่”
“นี่มึงไม่เมาแน่ใช่มั้ย” ผมขยับเข้าไปใกล้ พยายามจ้องหน้ามันอย่างจับผิด

มันกระพริบตาปริบๆ ตอบกลับมา
“เอ๊ะ”
จู่ๆมันก็เอามือสองข้างมาจับหน้าผมให้มองตามันอยู่อย่างนั้น

“เห้ย ทำอะไร” ผมตกใจ
อีกฝ่ายจ้องตาผม “จริงๆด้วย..”
“หา..”
“วินตาสีน้ำตาล”
มันพูดเสียงเบลอในขณะที่ก้มลงมาจนปลายจมูกเกือบสัมผัสกัน
 
ใกล้ไปแล้ว..
 
โป๊ก!
เสียงมะเหงกของผมที่กลางหัวมันเองแหละครับ

ใครว่าแม่งไม่เมา
นี่มันโคตรของโคตรเมาแล้ว!!

มันร้องโอ้ย แล้วเอามือลูบหัวตัวเอง
“เรียกกูวินเฉยๆได้รึไง! เมาแล้วก็ไปนอนไป๊!” ผมโวยเบาๆ แล้วรีบเดินไปเปิดประตูห้องนอน
“รอด้วยสิ”
“ไปนอนตรงนู้นเลย” ผมชี้มือไปที่ฟูกว่างๆ ระหว่างน้ำกับพีทที่นอนอยู่แล้ว
มันหันหน้ามามองผม “อยากนอนกับพี่อ่ะ” 

ไอ้นี่เมาแล้วเรี่ยราดชิบหายยย

“ไป.. นอน…ไป....” ผมเอามือยันหัวมันเข้าไปในห้องแล้วพูดเสียงเข้ม อีกฝ่ายทำปากบุ่ยเหมือนเด็กๆ ก่อนจะล้มตัวลงนอนบนฟูกอย่างว่าง่าย
เพียงไม่นานผมก็ได้ยินเสียงหายใจสม่ำเสมอ นายหวานหลับไปแล้วล่ะครับ


เขาว่า คนเมาก็พูดไปเรื่อย ทำไปเรื่อย
แล้วเรื่องอะไรผมจะต้องมาใส่ใจอะไรกับเรื่องเมื่อกี้ใช่มั้ยครับ

_ _ _ _

ตอนที่ 8 มาแล้วฮ่ะะะ

ขอบคุณที่คลิกเข้ามาอ่านกันนะคะ อ่านคอมเมนต์ทุกคนแล้วมีกำลังใจในการเขียนมากๆ
น้อมรับคำติชมทุกท่านค่าา 
/คนเขียนโดดแจกกอดคนละที  <3

ยินดีต้อนรับสู่โลกของการมีตติ้งแบบเต็กๆค่ะ เมากันไปยาวๆเนาะ
ตอนหน้าได้เวลากลับสู่โลกการทำงานของตี๋วินแล้วล่ะค่ะ คิดถึงคุณตะวันกันม้ายย

จะรีบมาต่อนะฮะ
จุ๊บุ
:pig4: :pig4: :pig4:


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 09-10-2017 17:46:58 โดย idee »

ออฟไลน์ saccarrum

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 142
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
ฮื่ออออออ ชอบอะไรที่เป็นเต็ก ชอบตี๋วิน  :ling1:
หวานน่ารักนะ เด็กมันปีนเกลียว
น้ำก็ไม่ชัดเจน ดูก้ำกึ่ง แต่ทำไมเราเชียร์อ่ะ ฮือออ
หวานจ๋าพี่ขอโทษ~~~~

ออฟไลน์ warin

  • รถไฟขบวนนั้น ได้แล่นผ่านไปแล้ว
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1937
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +60/-1
    • -
หวานน่ารักนะเนี่ย

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5358
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19

ออฟไลน์ lnudeel

  • I wanna be a CAT!!
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1466
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +31/-5

ออฟไลน์ ก้มหน้าก้มตา

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 137
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-0
เย้ๆๆๆ ตอนที่ 8 มาแล้ว
คิดถึงตี๋วิน

ออฟไลน์ idee

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 79
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-2
ความเสี่ยงที่ 9

8.50

ผมตื่นมาก็พบว่าไอ้เจ้าเด็กหวานนั่นหายไปแล้ว สงสัยว่าจะกลับบ้านพักไปตั้งแต่เช้า
ผมบิดขี้เกียจสองสามที ก็ลุกขึ้นมาเจอน้ำนั่งเล่นโทรศัพท์อยู่ปลายฟูก ส่วนพีทกำลังแต่งตัวด้วยหน้าตาสดใส
 
“เอ้า ตี๋ ไปอาบน้ำปะ กูกะลังจะปลุกเลย” พีททักขึ้น

“พวกมึงตื่นเช้ากันจังวะ นึกว่าจะตายยาว” ผมหาวไปพูดไป

“เฮ้ย ชั้นนี้แล้ว” น้ำพูดขึ้น

“เหยดด พวกมึงไม่แฮงค์เลยเรอะ” ผมถามอย่างสงสัย

“เหอะ จะเหลือเหรอ” พีทเงยหน้าขึ้นมาจากการติดกระดุมเสื้อ “กูกับไอ้น้ำไปถอนมาแล้ว” มันชูขวดเบียร์เปล่าๆให้ผมดูแล้วยักไหล่ ไอ้น้ำหัวเราะหึหึ
 
ผมเบ้หน้าใส่
ทฤษฎีบ้านไหนของมันก็ไม่รู้ล่ะครับ ถ้าตื่นมาแล้วแฮงค์ต้องอัดเข้าไปอีกน่ะ
 
“ตกลงเมื่อคืนไอ้น้องหวานนอนนี่เรอะ” น้ำทักขึ้น “กูตื่นมาตอนมันเปิดประตูออกไป ซักช่วงเจ็ดโมงกว่าๆ”

“อือ กูเห็นว่ามันดึกแล้ว บ้านพักแม่งไกล ทางก็มืด เลยให้แม่งนอนนี่แหละ” ผมตอบ

“เออ แต่ไอ้เด็กหวานนี่แม่งคอโคตรแข็ง มอมไม่ได้เลย” พีทพูดเสริม
 
ขอกูมองบนหน่อย
เหอะ ใครว่าไม่เมา
นอกจากจะเรี่ยราดแล้วแม่งยังปีนเกลียวอีกต่างหาก
 
“แน้ ไอ้ตี๋ มึงแสดงอาการแบบนั้นหมายความว่าอะไรร” ไอ้พีทขยับเข้ามานั่งข้างผม “น้องแม่งเต๊าะมึงเหรอ”

“พ่อสิครับคุณเพื่อน” ผมสวนกลับไป “มันเมา แต่มันฟอร์ม”

“อ่าวจริงดิ่” น้ำพูดงงๆ “กูก็ยังว่าทำไมกินเก่งจัง ดวลกับกูแก้วต่อแก้วจนกูงี้เดินจะไม่ตรง”

“มันน่าจะเมาพอๆกับมึงอ่ะแหละ คือพอมีสติ รั่วๆบ้างนิดหน่อย” ผมว่าเร็วๆ “เออ มีใครไปเก็บเชี่ยอาร์ตจากข้างนอกรึยัง” ผมเตือนก่อนจะลุกขึ้นเดินไปเข้าห้องน้ำ
 
“เออว่ะ รีบไปดูแล้วถ่ายรูปแบล็กเมล์มันดีกว่า” พีทรีบคว้าโทรศัพท์แล้วเดินออกไปนอกห้อง
 
_ _ _ _
 
10.55
 
“สำหรับวันนี้ พวกพี่ก็ต้องขอบขอบคุณน้องๆมากๆ นะคะที่มาสนุกกันน” น้องหมิวประกาศเสียงแจ๋วๆ

“ถ้าพวกพี่ทำอะไรเกินเลยไปพี่ขอโทษด้วยนะ ความตั้งใจหลักคือพี่อยากให้เป็นความทรงจำดีๆ” น้องปาล์มพูดขึ้นบ้าง

“แล้วก็ขอบคุณปีสองที่ดูแลเรื่องจัดการสถานที่ ปีสามที่แปลนทริปนี้ ปีสี่ที่ดูเรื่องสวัสดิการ ปีห้าที่มาสนุกกันแม้งานจะเดือด แล้วก็พี่ปีโตๆที่มาเจอกันนะค้าาาา” น้องหมิวพูด
 
น้องๆทุกคนต่างปรบมือ หลายคนผิวปากดังวิ้วให้เป็นกำลังใจ ทีมงานทุกคนคงหายเหนื่อยกันแล้วล่ะครับ ดูพวกมันยิ้มสิ ผมยังมีความสุขเลย
 
หลังจากนั้นพวกเราก็ตบท้ายด้วยการร้องเพลงคณะเสียงดังลั่นรีสอร์ท
 
จบแล้วล่ะครับมีตติ้งปีนี้
 
“เอ้อ! สมุดกระจกจะย้ายไปแขวนที่คณะอีกสองอาทิตย์นะครับ ยังไม่ต้องเอากลับไป ยกเว้นของพี่บัณฑิตที่จะแจกคืนตอนเที่ยง ถ้าอยากเขียนของพวกพี่บอย พี่น้ำสุดหล่องี้ ก็ต้องรีบนะจ้ะเธอออ” น้องหมิวประกาศ

“เอ๊ พี่น้ำเนี่ย สาวๆเขียนสมุดได้มั้ยน้าาา ต้องขอใครมั้ยน้าาา” น้องพงศ์แซวสมทบ
 
ไอ้คนถูกพูดถึงก็ยืนหัวโด่ตีหน้านิ่งไม่ได้ปฏิเสธหรือว่าอะไรต่อ พอมองไปที่โต๊ะปีห้าน้องพลอยคนสวยก็ยืนแก้มแดงเพราะโดนเพื่อนๆล้ออยู่ ผมกับไอ้อาร์ตหันมาสบตาแล้วยักคิ้วใส่กัน ถ้ามีคนเปิดซับไตเติ้ลข้างล่าง คงอ่านได้ว่า มึงดูดิ่ แล้วใครมันจะไม่เข้าใจผิด
 
พวกผมนั่งๆยืนๆ อยู่ตรงโต๊ะตัวเมื่อคืน ทำตัวเป็นศาลพระภูมิให้น้องๆเดินเข้ามาทักทายคุยเล่นไปเรื่อยเปื่อย เอาตรงๆ สมองผมจำปีหนึ่งปีนี้ได้ห่วยมากครับ จะจำได้ก็พวกกลุ่มสีชมพูที่เล่นเกมกับผมและอาร์ต แค่ยี่สิบกว่าคนเท่านั้นแหละ
 
หนึ่งในนั้นก็หมอนี่ไง
 
“เมาดิ่ แฮงค์ดิ่” ผมพูดนำไปก่อนเมื่อเห็นนายหวานเดินตรงดิ่งเข้ามาหา ใต้หางตาตกๆนั่นมีรอยคล้ำอยู่บ้าง นอนไม่พอล่ะสิ

“ผมตื่นก่อนพี่อีกนะ” มันทำยิ้มทะเล้น 

ผมเบ้ปาก “แล้วไง ไม่เห็นเกี่ยวเลย”

มันพูดเสียงเบาเหมือนไม่อยากให้ใครได้ยิน “นี่ ถามอะไรหน่อยสิ” ทำหน้าจริงจังแล้วขยับเข้ามาใกล้ผม

“อ อื้อ” ผมเอียงคอเข้าไปรอฟัง ท่าทางดูซีเรียส หรือมันจะไม่สบายวะ 
 
“นอนน้ำลายยืดทุกวันเลยป่ะเนี่ย” มันกระซิบใส่หูผม
 
ไอ้เด็กบ้าาาาาาาาาาาาาา
ผมทุบเข้าที่หลังมันดังพลั่กจนไอ้กล้าใต้กับปั่นที่อยู่ใกล้ๆหันมาทำหน้างงใส่
ไอ้เด็กตัวแสบยืนกุมท้องกลั้นหัวเราะอยู่หน้าผม
 
“อูย มือหนักจัง ล้อเล่นไม่ได้เลยนะเนี่ย” มันแกล้งโอดโอย

“เดี๋ยวจะโดนมากกว่านี้” ผมตั้งท่าจะเขกหัว แต่ไอ้ปีหนึ่งนี่ก็รู้ดีเตรียมยกมือมาปิดหัวมันไว้เฉยเลยครับ
ชิ คิดว่าจะหลบได้ใช่มั้ยย มาาา กูมีพี่บัวขาวเป็นไอดอลนะแสดดดดดด
 
“นี่มึงเล่นไรกันอ่ะ” น้ำที่เพิ่งเดินมาขมวดคิ้วแล้วทักขึ้น ในมือมีถุงพลาสติกใส่สมุดกระจกอยู่เต็ม

“เด็กนี่มันกวนตีนกู” ผมชี้ตัว

“เฮ้ย ไม่ฟ้องดิ่” มันร้องขึ้น

“ฮ่าๆ นี่มึงโดนน้องแกล้งเหรอ โถ ตี๋เอ้ยยย” ไอ้น้ำหัวเราะใส่เฉยเลยครับ “อ่อนแอก็แพ้ไปเนาะ” ประโยคสุดท้ายก็หันไปพยักหน้ากับไอ้เด็กหวานปีหนึ่ง ซึ่งมันก็พยักหน้ากลับรัวๆ ถ้ามึงจะสนับสนุนกันขนาดนี้ มึงไม่รับเป็นพี่น้องร่วมสาบานกันไปเลยวะไอ้พวกบ้าาาา
 
แถมพอไอ้น้ำพูดจบก็มีการเอามือมาตบหัวผมแปะๆ อีกต่างหาก ไอ้เพื่อนเลวววววววว

“พ่อเมิงงงงงงงงงง” ผมปัดมือมันออกแล้วด่าเสียงดัง 
ไอ้น้ำยิ้มแล้วยักไหล่ให้ผม ส่วนไอ้เด็กหวานก็ไม่ได้พูดอะไร สะใจมึงสินะ!!
 
“เอ้าาา ใครกลับรถบัส มาเชคชื่อตรงโต๊ะนี่นะค้าา” น้องหมิวพูดใส่โทรโข่ง “ตัวแทนรถออกมารับข้าวกล่องกับน้ำด้วย” 

“เดี๋ยวผมไปละ ทางโน้นเรียกรวมแล้ว” หวานพูดขึ้น

“เออ” ผมตอบมัน “ไปเลย”

“เออๆ กลับดีๆพวกมึง วันหลังมาแดกเหล้ากัน บายย” น้ำโบกมือให้หวาน

“ไว้เจอกันครับ…. นี่.. อย่าลืมสัญญานะ คำไหนคำนั้น” มันหันมาพูดกับผม

“เออ เออ ไอ้เด็กเรื่องเยอะ” ผมตอบปัดๆ

“สองรอบ” มันพูดแล้วก็หันหลังเดินไป
อยากเขวี้ยงรองเท้าตามมันจังเลยครับ จะเอาอะไรกับกูนักหนาเนี่ยยยยย
 
ไอ้บ้าเอ้ยยยย
 
_ _ _ _
 
11.20
 
หลังจากยืนดูน้องๆขึ้นรถบัสจนรถขับออกไปเรียบร้อย พวกปีแก่ๆอย่างพวกผมก็ได้เวลาแยกย้ายกันจะกลับแล้วครับ
ผมยืนร่ำลาเพื่อนๆ ด้วยสายตาที่เปี่ยมไปด้วยความเวทนา (โดยเฉพาะไอ้เทพกับนัท) ด้วยสภาพพวกแม่งแบบนี้ น่าจะต้องใช้เวลาสักพักกว่าแอลกอฮอลล์จะระเหยออกไปจากเลือดหมด อย่าคิดว่าจะต้องไปไหนต่อกันเลยครับ เดินไปขึ้นรถให้ถูกคันก็พอ นี่ถ้าเจ้านายพวกมึงมาเห็น เขาจะยอมให้มึงเขียนแบบบ้านให้มั้ย
 
โทรศัพท์ที่อยู่ในกระเป๋าผมสั่นครืด เมื่อผมหยิบขึ้นมาก็พบว่ามีเมลล์เข้าจากเจ้านายสุดสวยของผม
พี่ฝ้ายตอบกลับเมลล์ที่ผมส่งไปเมื่อวานมาซะยาวยืด นี่ไม่มีใครหยุดทำงานวันอาทิตย์เลยเหรอครับเนี่ยย
 
ผมยืนพิงรถพิมพ์ตอบอีเมลล์นั้นไปยาวพอๆกัน เกี่ยวกับแผนงานโปรเจ็กต์คุณชายตะวันที่ผมเป็น PM กับอีกสองโปรเจ็กต์ที่ผมเป็นผู้ประสานงานกับผู้ออกแบบอยู่ เอ.. จะว่าไปต้องเมลล์ไปหาน้องแคร์คนงามให้ช่วยปริ้นท์งานเตรียมไว้ประชุมตอนบ่ายวันจันทร์ด้วยสินะ ไหนจะต้องคุยกับพี่บัญชีอีก เอ้า เขียนไปเลยครับยาวๆ
 
เปิดดูทำไมเนี่ยอีเมลล์ อยากตีมือตัวเองจริงๆ
 
ผมติดนิสัยอยู่อย่างนึงครับ คงนับเป็น OCD ได้แล้วล่ะ ผมไม่ชอบให้มีไอคอนขึ้นเตือนบนหน้าจอ อินบ็อกซ์เมลล์ต้องเป็นศูนย์ ไลน์ต้องไม่ค้าง เมจเสจอะไรต้องเปิดดูให้หมด ไม่งั้นเวลามองเห็นแล้วมันรำคาญใจทุกที เหมือนมีอะไรคั่งค้าง รู้สึกทำงานไม่เสร็จตลอด
 
“เอ้า พร้อมยัง” ไอ้พีทถามขึ้นหลังปิดกระโปรงท้ายรถ “เอ้า ไอ้น้ำล่ะ?”
ผมยืนจิ้มโทรศัพท์อยู่ข้างรถเงยหน้าขึ้น เออ หายหัวไปไหนวะ

“กูว่าไปกะน้องพลอยชัวร์” อาร์ตว่าขึ้น

“ห้ะ มึงรู้ได้ไง” ผมงง

“โอ่ย มึงนี่ ไม่งั้นมันจะหายไปไหนล่ะวะ” อาร์ตพูด “มึงนี่อ่อนด้อยจริงๆ”

“มึงว่าน้องเขาคิดเหมือนไอ้น้ำป่ะวะ” พีทถามขึ้น “ที่ว่าเป็นแค่พี่น้องกันอ่ะ”

อาร์ตส่ายหน้าดิก “กูว่าไม่มีทาง น้องแม่งยืนม้วนขนาดนั้นมึงก็เห็น”

“เนอะ กูว่าไอ้เพื่อนห่าของพวกเรานี่แหละทำอะไรไม่ชัดเจน” พีทเสริมขึ้น
 
“อย่ามั่ว… กูไปแจกสมุดกระจกให้พวกแม่งมา” เสียงของน้ำแทรกขึ้น ร่างสูงชูสมุดที่เหลือในมือขึ้น “นี่ของพวกมึง”
 
หันหน้ามองกันเลิ่กลั่กสิทีนี้ ผมตีเบลอเดินไปรับสมุดไว้ในมือแล้วพลิกเร็วๆ
โห คนเขียนเยอะเหมือนกันแฮะ ผมเก็บสมุดใส่ลงในกระเป๋าเป้ที่มีแมคบุคลูกรักอยู่ ไว้เดี๋ยวค่อยไปอ่านที่บ้านทีเดียวละกันครับ ตอนนี้ย้ายตูดขึ้นรถไปจองเบาะหน้าดีกว่า 
 
_ _ _ _
 
11.48
 
 
“มึงว่ามีตติ้งปีนี้เป็นไง” ขณะขับรถพีทก็ถามขึ้นลอยๆ “กูว่าดีนะ ไม่มีแก้ผ้าให้อุจาดตาด้วย”

“ใครว่า ตอนบ่ายพวกปีสามก็เล่นเหอะ” อาร์ตพูดไปกดโทรศัพท์ไป

“เหยดดดดดด” พีทกับน้ำร้องขึ้นพร้อมกัน ส่วนผมได้แต่ทำตาโตแล้วถามขึ้น “นี่มึงไปดูมาเหรอ”

“กูเอะใจตั้งแต่แยกน้องผู้หญิงออกไปละ เลยนั่งดูไกลๆ” อาร์ตทำหน้าสยอง “พวกไอ้น้องหมิวปีสี่เอากล้องไปส่องแล้วเม้ากันใหญ่เลย” 

“กูว่าแม่งต้องมีปล่อยรูปในเฟสบุคชัวร์” พีทพูด

“มันมาแล้ว” อาร์ตชูโทรศัพท์ “และนี่ มีอัลบั้มขายรูปผู้ชายงานดี ติดต่อหลังไมค์”

“เชรดดด… ไหนเอามาดูดิ้” น้ำยื่นหน้าไปมอง

“อื้อหือ แฮชแทกห้าแซ่บปีหนึ่ง น้องแม็กอิน น้องคิวเต็ก น้องบิวเต็ก น้องหวานเต็ก น้องฟิวอิน เหี้ยอะไรเนี่ยยย” ไอ้น้ำโวยวาย

“มีแฮชแทกปีโตเปียกน้ำ แล้วมีชื่อพวกมึงด้วยนะ ฮ่าๆๆ” อาร์ตพูดเสริมแล้วขำ

“เหี้ยยยยยยยย ขนลุกกกกกกก” ไอ้พีทร้อง
 
ไอ้เด็กหวานติดหนึ่งในห้าด้วยเหรอครับ
เออ.. จริงๆแล้ว แต่ถ้าไม่ติดคงจะน่าแปลกใจมากกว่า
คิ้วเข้ม จมูกโด่ง ตาเรียว หางตาตกๆ กับไฝสเน่ห์ใต้ตา
สูงแบบต้องเงยหน้ามอง กล้ามก็มี ผิวก็พอๆกับไอ้พีท ไม่ได้ขาวซีดเป็นไก่ต้มแบบผม
ดูรวมๆแล้ว...มันก็หน้าตา.. เอ่อ… ดีอยู่… ละมั้ง…นะ….
 
แล้วกูจะมานั่งชื่นชมความหล่อมันทำไมวะครับ!
 
“ตอนปีหนึ่งมึงก็เคยโดน” อาร์ตบอก “มึงสองคน ไอ้บอย ทอมเอ้งี้ ไอ้ปั่น มาปีนี้อีก! ทำไมเราสองคนไม่ติดอันดับบ้างวะตี๋~~” มันแกล้งโอดครวญ   

“จริงๆแล้วรูปมึงสองตัวก็เยอะอยู่นะ แทรกอยู่ตามรูปพวกกูไง ฮ่าๆๆ” พีทพูดแซะ ทำเอาไอ้น้ำที่เบาะหลังหัวเราะก๊าก

“เออจริง แว้บๆเหมือนชัตเตอร์อ่ะ” น้ำพูด

“กูจะขี่คอมึงให้หักเลย” อาร์ตเค้นเสียง

“เออ พวกกูก็เป็นได้แค่ส่วนประกอบแหละ” ผมประชดแล้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเล่นบ้าง
 
“เอ๊ะ เอ๊ะ... มึงเปิดโทรศัพท์ทำไม อยากส่องรูปน้องๆเหรอจ้ะตี๋~” อาร์ตพูดล้อ

“ก็เชี่ยละ! กูจะเชคเมลล์ เชคเฟสบ้างไม่ได้เรอะ” ผมโวย “นี่ไง รูปกูโดนแท็ก กับพวกปีหนึ่งแอดเฟสกูมา” ผมยกโทรศัพท์ขึ้นให้พวกมันดู ไอ่เชี่ยอาร์ตนี่คิดได้เชี่ยจริงๆครับให้ตายดิ่

“ไหนๆ มีใครแจ่มบ้าง” พีทถาม ไอ้อาร์ตกับน้ำชะโงกหน้ามาดูจากเบาะหลัง

ผมไล่พูดชื่อเด็กปีหนึ่งที่อยู่ในเฟสบุค “มีน้องจอย น้องนิว คนนี้ไม่คุ้น น้องใหม่ น้องโม นอกนั้นเป็นเดือยล้วนละ พวกมึงคงไม่สนใจ” พวกมันสองคนพยักหน้าหงึกๆ แล้วหันไปเปิดโทรศัพท์ตัวเองเชคเรตติ้งบ้าง
 
แอพไลน์ผมมีเลขสามสีแดงแจ้งเตือนอยู่
พอดูชื่อก็ได้แต่เบ้ปากใส่

นายหวาน add you as a friend.
ไอ้คนตายยากเอ้ย
 
นายหวาน : นี่
นายหวาน : กลับบ้านดีๆนะครับ
นายหวาน : อย่าลืมที่สัญญากับผมนะ
 
คือ
ถ้ามึงจะทวง.. มึงก็ควรบอกกูก่อนนะครัช ว่ามึงอยากได้อะไร.. 
อ่านจบผมก็ไม่ได้พิมพ์อะไรตอบกลับ แค่กดปิดหน้าจอลงไปเท่านั้น
ไม่รู้จะตอบอะไรนี่ครับ
 
“พวกมึงหิวกันป่ะ” พีทที่กำลังขับรถอยู่ถามขึ้น

“กูไม่ แล้วพวกมึงอ่ะอาร์ต? น้ำ?” ผมตอบส่วนของตัวเองแล้วหันหน้ากลับไปมองที่เบาะหลัง พวกมันส่ายหน้าเงียบๆ

“งั้นกูไม่แวะนะ ยิงยาว” พีทสรุป

“นี่กลับถึงกรุงเทพแล้วทำอะไรกันต่ออ่ะ” อาร์ตถามขึ้น “กูอยากไปดูหนังห้องไอ้ตี๋” มันแจ้งความจำนง

“เออๆ เดี๋ยวซื้อของเข้าไปกินมื้อเย็นด้วย” ไอ้พีทรีบบอก

“นี่มึงถามความสะดวกกูซักคำมั้ย” ผมถาม

“กูรู้ว่ามึงโอเค” อาร์ตตอบกลับเร็วๆ

“วันนี้ไม่ได้ กูจะกลับไปนอนบ้าน หม่อมแม่กูงอนละเนี่ย” ผมบอกมัน “เดี๋ยวมึงส่งกูตรง..” ผมกำลังจะบอกที่หมาย

“งั้นไปบ้านตี๋กัน!!” ไอ้พีทแทรกขึ้นเสียงดัง “พวกมึงว่างใช่ป่ะ”

“ว่าง!” น้ำกับอาร์ตตอบขึ้นพร้อมกัน

“เฮ้ยย” ผมร้อง

“วันนี้ม๊ามึงทำอะไรเลี้ยงอ่ะ” อาร์ตถาม “แต่ซื้อเข้าไปด้วยดีกว่า เดี๋ยวไม่พอ”

“เดี๋ยวแวะตรงตลาดเลียบทางด่วนซื้อของกินเข้าไปละกัน” น้ำสรุปให้อย่างใจเย็น
 
“โอ้ย พวกมึงแม่ง!!!”

พูดได้เท่านั้นจริงๆ
 
_ _ _ _
 
18.44
 
รถติดเป็นบ้าเลยครับ
 
นี่มันวันอาทิตย์แห่งชาติชัดๆ ทุกคนมุ่งหน้าเข้าเมืองกันหมด กว่าจะถึงกรุงเทพ กว่าจะแวะเข้าตลาดไปซื้อของกิน อาร์ตก็นั่งนับเวลากระดื๊บจากตลาดถึงบ้านผมได้หนึ่งชั่วโมงครึ่งพอดิบพอดี ผมว่าจะเปลี่ยนมือขับรถซักหน่อย แต่ไอ้พีทที่หาวแล้วหาวอีกก็ยังยืนยันว่าขับไหว พวกที่เหลือก็เลยได้แต่นั่งคุยเป็นเพื่อนไม่ให้มันหลับมาตลอดทางนี่แหละครับ กว่าจะเลี้ยวเข้าหมู่บ้านได้ลุ้นแทบตาย
 
ผมเดินบิดขี้เกียจลงจากรถไปเปิดประตูรั้ว บ้านผมเป็นบ้านเดี่ยวสองชั้นดีไซน์โมเดิร์น (เมื่อยี่สิบห้าปีที่แล้วน่ะครับ..) ขนาดไม่เล็กไม่ใหญ่ มีพื้นที่สวนพอให้ม๊าปลูกต้นไม้และให้เตี่ยเลี้ยงปลาคาร์ฟได้ โลเคชั่นนับว่าอยู่เกือบจะชายขอบกรุงเทพ ใกล้ที่ทำงานเตี่ยที่เป็นโรงงานของกงสีแค่สามสิบนาที แต่ถ้าจะมุ่งหน้าเข้าเมืองละก็ต้องเผื่อเวลาสักชั่วโมงเพื่อไปให้ถึงรถไฟฟ้า 
 
หลังจากที่จอดรถเข้าบ้านและคลานเข่าไปกราบหม่อมแม่เรียบร้อย พวกผมก็ได้เวลามานั่งเขมือบข้าวเย็นกันแล้วครับ หลังจากที่ตอนอยู่ตลาดผมโทรกลับมาที่บ้านเพื่อจะบอกว่าจะมีพวกแม่งมาฝากท้องอีกสามตัว อาม๊าก็รีบลงมือทำกับข้าวเพิ่มเพราะกลัวพวกมันจะไม่อิ่ม บวกกับของที่พวกผมซื้อเข้ามาก็แทบจะเลี้ยงได้ทั้งซอยแล้ว
 
“พีท ไม่เจอนานเลย ซูบไปนะลูก กินเยอะๆ” ม๊าผมตักหมี่ผัดใส่จานของพีท ใช่ครับ ไอ้พวกนี้มันเลื่อนชั้นมาเป็นลูกม๊าลูกเตี่ยเท่าผม ก็เจอกันมาตั้งแต่ปีหนึ่ง ความเกรงใจเหรอ ไม่มีเหลือแล้วครับ

“เจ้าอาร์ต นี่ทำงานเป็นยังไงบ้างล่ะ” พ่อผมถามขึ้น “ไม่เห็นเล่าให้ฟังเหมือนน้ำกับพีทเลย”

“ก็เรื่อยๆครับเตี่ย ชีวิตดีไซน์เนอร์ก็งี้ ไม่ชิคเท่าไอ้วินหรอกครับ” มันรีบกลืนข้าวแล้วพูดตอบ

“ชิคอะไร ไม่เห็นจะได้กลับบ้านกลับช่องเลย” ม๊าผมแหวขึ้น “ไม่รู้ไปแอบมีสาวที่ไหนรึเปล่า ใครรู้มั้ยลูก”

“คุณพระ มึงมีสาวเหรอ” พีทแกล้งทำเป็นตกใจแล้วเอามือทาบอก
มีใครบอกมึงมั้ยว่ามึงเล่นใหญ่มาก
 
“ห้ะ หรือว่าที่มึงบอกกูบ่อยๆว่ามีงานดึกๆ นี่…” อาร์ตรีบตบมุก

“ก็เชี่ยละมึง ม๊าาา ผมทำงานจริงๆ” ผมรีบหันไปพูดประโยคสุดท้ายกับหม่อมแม่ พวกแม่งหัวเราะคิกคัก

“เอ้า ก็นึกว่าจะมีว่าที่สะใภ้” เตี่ยพูดเล่นเสียงเรียบทำเอาผมแทบพ่นข้าวลงจาน ไอ้พวกเพื่อนตัวดีขำก๊าก

“ฮ่าๆๆๆๆ พวกผมช่วยสกรีนเองครับ ถ้ามีเนี่ยไม่ต้องห่วง เตี่ยรู้ก่อนไอ้วินแน่นอน” ไอ้พีทรับปากแข็งขัน

“พวกมึงจะมายุ่งอะไรกับชีวิตกู๊ววววว” ผมโวยวาย

“สอดส่องให้ม๊าหน่อยนะพวกเราน่ะ” จะลุกไปหยิบของหวานมาให้ก็ยังไม่วายกำชับ 
 
“ม๊า!!” แน่ะ ดูท่านแม่สิครับ
หวงลูกชายจังเล้ยยยย
 
“แล้วนี่พรุ่งนี้ทำงานกันรึเปล่า จะค้างนี่กันมั้ย” เตี่ยผมถามขึ้น

“ทำสิครับ แต่ไม่เป็นไรครับเตี่ย กินขนมเสร็จพวกผมก็กลับแล้ว” น้ำพูดขณะช่วยม๊าผมแกะถุงบัวลอยไข่หวาน

“วินมันเข้างานเช้าอ้ะ พวกผมตื่นไม่ไหวแน่” พีทบอกเหตุผล

เตี่ยหัวเราะเบาๆ “โอ้ย เด็กพวกนี้นิ่ เป็นโรคแพ้การตื่นเช้าหมดเลยเว้ย วินก็ด้วย”
 
เอ้า รายการเผาลูกวันนี้ท่าทางจะยังไม่จบง่ายๆแฮะ
 
“ว่างๆ ก็แวะมากินข้าวที่นี่บ่อยๆสิ ม๊าอยู่บ้านคนเดียวแล้วเหงา” ม๊าเปรยขึ้น “เตี่ยแกบางวันก็ทำงานดึก ทิ้งม๊าไว้คนเดียว”

“แน๊ รีบกลับบ้านสิเตี่ย อยู่โรงงานดึกทำไมเนี่ย ขับรถดึกๆก็อันตรายอีก” ผมได้โอกาสว่าบ้าง

“เฮ่ย ขี้บ่นเหมือนม๊ามึงเลย” พ่อผมโวยวาย

“น้อยๆหน่อยเถอะย่ะ!” ม๊าส่งเสียงเบรค
 
ผมละคิดถึงเสียงล้งเล้งแบบนี้จริงๆ
 
หลังจากจัดการกับของหวานเสร็จและส่งม๊ากับเตี่ยไปนั่งดูทีวีที่ห้องนั่งเล่นเรียบร้อย พวกผมก็มาแบ่งหน้าที่กันเก็บกวาด
บ้านผมไม่มีแม่บ้านประจำหรอกครับ จะมีคนเข้ามาทำความสะอาดวันเว้นวันเท่านั้น ตอนนี้พีทกับอาร์ตก็เลยช่วยกันล้างจานอยู่ที่แพนทรี่ น้ำยืนเช็ดจานเช็ดแก้วที่ล้างเสร็จ ในขณะที่ผมมัดปากถุงขยะเตรียมเอาไปทิ้ง แหม่ มีแรงงานให้ใช้ฟรีแบบไม่ต้องเอ่ยปากขอนี่มันดีจริงๆ
 
พวกแม่งนี่เข้าออกบ้านผมมาตั้งแต่ปีสองละครับ ช่วงปีหนึ่งผมไปอยู่หอ เสาร์อาทิตย์ถึงจะกลับบ้าน แต่ด้วยความที่มหาลัยมันก็ไม่ได้ไกลขนาดนั้น บางวันม๊าก็ชอบแอบมาเซอร์ไพรซ์พาไปกินข้าวเย็นบ้าง ทำกับข้าวมาให้บ้าง ด้วยความหน้าหนาอยากมีส่วนร่วมทุกกิจกรรม ไอ้พวกนี้ก็เลยพลอยได้ส่วนแบ่งไปด้วยทุกที ยันผมย้ายกลับมาอยู่บ้านแม่งก็ยังตามมากินข้าวด้วยบ่อยๆ ฝากท้องกันไปยาวๆจนถึงตอนนี้นี่แหละครับ
 
“ขนมที่เหลือนี่กูเก็บในตู้เย็นนะ” น้ำชูถุงพลาสติกสีสดขึ้น

“เหอะ พวกมึงเอากลับไปเหอะ บ้านกูมีอยู่สามคนเอง กินไม่หมดหรอก” ผมรีบพูด

“อ่ะ ได้ๆ งั้นกูแบ่งไปนะ อาร์ต อันนี้มึงแดกมั้ยเนี่ย” น้ำถามพลางหยิบขนมออกจากถุง

“ไหนนนน กูเลือกก่อนน” พีทรีบถลาตัวเข้ามาแทรก

“อันนี้อร่อย กูไม่ให้” อาร์ตพูดแล้วหยิบขนมใส่ถุงในมือตัวเอง
 
พอแบ่งขนมกันเสร็จเรียบร้อยก็ได้เวลาแยกย้าย พวกมันเดินเข้าไปสวัสดีเตี่ยกับม๊าที่ห้องนั่งเล่น
กว่าผมจะส่งพวกมันปิดประตูรั้ว กว่าจะแวะแซวแม่กับเตี่่ย กว่าจะได้ทำนู่นนี่นั่นโน่นแล้วได้เข้ามานั่งพักในห้องนอนก็ปาไปสี่ทุ่มแล้วครับ
 
ผมหยิบมือถือที่ชาร์ตเอาไว้ก่อนทานข้าวเย็นขึ้นมาเชคอีเมลล์ เผื่อว่าจะมีใครติดต่อมาแบบด่วนๆ
ในกรุ๊ปไลน์แก๊งค์พี่ว้ากทั้งสิบเอ็ดคนก็กำลังคึกคักด้วยรูปจากทริปมีตติ้ง ไอ้อาร์ตแอบอัพรูปโต๊ะพร้อมกับข้าวบ้านผมไปอวด เรียกความอิจฉาได้เยอะเชียว
 
First_Tect : โอ้ยยย ไอ้ตี๋ ทำไมไม่เรียกกกกก
 
Thep_int : ชายหนึ่งหมี่เกี๊ยวแบบเหงาๆ เพราะกูยังแฮงค์อยู่เลย
           /รูปเซลฟี่กับชามบะหมี่
 
Nut_Tect : อะไรของมึ๊งงงง
 
Boyy_Tect : ไอ้เชี่ยเทพ ไอ้คนใจบาป กูหิว!!!
 
Wyn_Tect : /อีโมติค่อนมองบน
 
Boyy_Tect : ไอ้ตี๋ มึงด้วย!!!!
 
Klar_Tect : เหยด
 
Pete_Int : /รูปคะน้าหมูกรอบ
               /รูปปลาทับทิมราดพริก
          /รูปบัวลอยไข่หวาน
 
Nahm_Tect : ถือเป็นเรื่องราวดีๆ
 
Boyy_Tect : ทำไมกูที่กำลังจะนอนต้องมาเจออะไรแบบนี้ด้วยวะ ห่าาาาาาาา
 
ผมนั่งหัวเราะกับคำสรรเสริญของเพื่อนๆ แล้วกดดูรูปในอัลบั้มกรุ๊ปดูเล่นไปเรื่อย

อื้อหือ นอกจากจะเมากันเละเทะ ก็ยังมีรูปไว้เป็นหลักฐานด้วยนะครับ นี่รูปตอนเช้าวันเสาร์ที่ไอ้เทพ บอย นัท นอนกองกันอยู่กับพื้นพร้อมกองกระป๋องเบียร์ เหอะ แค่มองรูปนี่กลิ่นก็มาเลอ.. ส่วนนี่ก็รูปตอนเล่นเกมในทะเลกันจนเปียกมะล่อกมะแล่ก ดูไม่จืดจริงๆ แล้วนี่อะไร รูปไอ้พีทกับน้ำตอนเปียกทำไมเยอะจัง หุ่นนี่เหมือนกับฟิตมาเพื่อการนี้ โด่ว รอกูก่อนนะ จะเป็นสตีฟ โรเจอร์ให้ดู

ผมเลื่อนผ่านไปเรื่อยจนเจอกับรูปตัวเองที่กำลังทำหน้าเหวอขี่หลังไอ้ปีหนึ่งตัวสูงอยู่ ผมกำลังเอามือข้างหนึ่งจับหมวกบนหัวของตัวเองไม่ให้ปลิว อีกข้างโอบรอบคอเด็กหวานที่กำลังยิ้มร่าเริงจนเห็นไรฟันสีขาว แขนที่สอดอยู่ใต้ขาผมเกร็งจนกล้ามเนื้อขึ้นเป็นเส้นจนน่าอิจฉา ดูเทียบกันแบบนี้เหมือนมันกำลังแบกหมาตัวใหญ่ๆมากกว่าผู้ชายหนึ่งคน ตัวกูยิ่งดูเล็กเข้าไปใหญ่เลย
 
ห่า
รูปแบบนี้ไม่ต้องถ่ายก็ได้มั้ง

_ _ _ _
 

23.31
 
ผมแต่งตัวอย่างลวกๆแล้วมานั่งเช็ดผมให้แห้งอยู่ปลายเตียง พลางรื้อของออกจากกระเป๋าเป้ อันนี้ต้องลงตะกร้าซักผ้า อันนี้ชุดยังไม่ได้ใส่ แล้วนี่อะไร เสื้อยืดใครวะเนี่ย ผมเอานิ้วคีบออกมา.. ต้องเป็นของไอ้เชี่ยอาร์ตแน่ๆ แม่งเมาแล้วเอาอะไรมายัดใส่กระเป๋ากูเนี่ย โอ้ยย
 
ในระหว่างนั้นสมุดเล่มเล็กก็ตกลงมา
 
พี่วิน <3
043

 
ใครมาเติมหัวใจหลังชื่อผมวะ
 
ผมเอื้อมมือหยิบสมุด พอดีกับที่เหลือบเห็นหน้าจอโทรศัพท์ที่วางอยู่บนเตียงแจ้งเตือนว่ามีไลน์เข้า
ถ้าแจ้งเตือนหน้าจอต้องเป็นไลน์ส่วนตัว ส่วนกลุ่มเพื่อนที่มีกันหลายๆคนผมตั้งไว้ว่าให้ขึ้นเตือนที่ไอคอน
เออ ดูไลน์ก่อนก็ได้วะ
 
ผมเลื่อนมือไปกดอ่าน
 
นายหวาน : ไม่ตอบหน่อยเหรอครับ อ่านนานแล้วนะ
นายหวาน : นั่นแน่ะ อ่านอยู่นี่นา!
 
ไอ้เด็กนี่…
ผมกดพิมพ์กลับไปเร็วๆ
 
Wynn_Tect : รู้ดี
นายหวาน : กว่าจะตอบนานจัง
Wynn_Tect : รีบเหรอ? กูไม่รีบนะ
นายหวาน :  ผมรอได้ พี่ล่ะรอได้รึเปล่า
Wynn_Tect : เชี่ยอะไรของมึงเนี่ย
นายหวาน : ไปล่ะ
 
แล้วบทสนทนางงๆ ก็จบลงแค่นั่นแหละครับ
มันประสาทรึเปล่าวะ
 
ผมเลื่อนอ่านไลน์ในกลุ่มสุมหัวทำชั่วอีกนิดหน่อยแล้วก็หันกลับมาสนใจสมุดกระจกที่วางอยู่บนเตียงต่อ
ผมนอนพังพาบไปกับเตียง มือก็เปิดสมุดอ่านอย่างตั้งใจ
จะว่าไปก็มีคนมาเขียนสมุดผมเยอะเหมือนกันนะเนี่ย
 
คิดถึงคลาสติวฮิสทรี่ก่อนไฟนอลของพี่วินมากกกก
/หนุงหนิง#2
 
หนักเหรอวะพี่ หายหน้าไปเลย สมาคมบอลวันอังคารรออยู่นะ
/กอล์ฟ#4

 
แหม่ ให้กูได้มีเวลานอนมั้ย
 
พี่วินน่ารักก จะแอบแอดไลน์ไปนะคะ
/ปีหนึ่งคนนึง
 
ขอบคุณค่าที่เลี้ยงไอติม
/นิว#1
 
หล่อกว่าเดิมอ่ะ มีแฟนหราาาา
/ไม่บอกหรอกว่าใคร
 
#น้ำวิน


ไอ้ชิบหาย แฮชแท็กเชี่ยอะไรเนี่ยยย
 
เฮียยยย
ติวเอนเทกให้ด้วยยยย
/น้องเต้ของเฮียเอง
 
พี่วินไม่ใส่แว่นแล้วอ้ะ เสียดายจัง
#ชอบหนุ่มแว่น
 
โสดแล้วจีบได้มั้ยคะ ฮะอิ้ววววว
หมิว#4
 
พี่วินคือพี่ที่เป็นลมตอนว้ากป่ะ   
เห็นไม่ชัด แต่รักสุดใจ
/ได้แต่แอบมองอยู่แถวหน้าสุด


ห่า กูว่าแล้ว น้องจำกูได้เพราะแบบนี้แหละ
 
อยากอยู่สายรหัสนี้อ้ะ
จิ๋ว#1
 
แวะมาหาพวกผมบ้างดิ่
เอก#3
 
ตอนเป็นลมก็น่าร้าก
ตอนเล่นเกมยิ่งน่ารักใหญ่เลยยยยยยย
/ปี1
 
ปอนด์#2มาเยือน!
 
พี่วินเข้าคณะบ่อยๆ หน่อย คิดถึงงงงง
/ทีมพี่วิน


ผมนั่งอ่านข้อความต่อไปเรื่อยๆแล้วหัวเราะเบาๆ
ก่อนจะพลิกไปถึงหน้าสุดท้าย
 
ไอ้คนเขียนหน้าถัดไปมันคือใครรรรรรร →
/พี่วินของกูววววว

 
หือ?
ผมรีบไล่สายตาตามลูกศรไปยังกระดาษฝั่งขวามือ
แล้วก็เจอเข้ากับลายมือยุกยิกไม่คุ้นตา
 
ให้เบอร์ไป คงเอาไปไว้ไหนแล้วไม่รู้
เห็นว่าคราวนี้แจกเบอร์ให้เองกับมือหรอกนะ
ปล. ตอนหลับน่ารักดีนะครับ

 
รอยยิ้มเจ้าเล่ห์นั่นโผล่ขึ้นมาในหัวแบบไม่ต้องสืบ
 
ไอ้เด็กหวาน!
 
_ _ _ _


แฮ่ ตอนที่ 9 มาแล้วค่า
ขอบคุณที่คลิกเข้ามาอ่านกันนะคะ หวังว่าจะสนุกไปด้วยกัน

ยินดีต้อนรับทุกคำติชมนะคะ
 :-[

/วินเป็นคนซีเรียสกับงานเกินไปง่ะ จะป่วยก็เพราะแบบนี้
/อาทิตย์นี้วินกลับมานอนที่บ้านนะฮะ ให้เวลาให้ฮีอยู่กับครอบครัวบ้างเนาะ
/โปรเจ็กท่วมแน่วิน กลับไปวันจันทร์น่ะ

ไปปั่นต่อละค่ะ
รัก
 :pig4: :pig4: :pig4:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 09-10-2017 22:05:03 โดย idee »

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ winndy

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1129
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +89/-3

ออฟไลน์ saccarrum

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 142
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
หวานลู๊กกกกกกกกกกก
 :ling1: :ling1:
ตี๋วินของพี่นะ!! ฮ่าๆๆๆ
น่ารัก ชอบค่ะ รออ่านต่อนะคะ  :pig4:

ออฟไลน์ แฟนตาเซีย

  • หืมม...?
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 557
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-1

ออฟไลน์ warin

  • รถไฟขบวนนั้น ได้แล่นผ่านไปแล้ว
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1937
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +60/-1
    • -

ออฟไลน์ BAKA

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3025
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +66/-10
น้องวินของพี่ โดนหยอดขนาดนั้นก็ยังไม่รู้ตัวสินะ ฮาาาา

ตอนนี้ขออนุญาต #ทีมหวานวิน ละกันเนอะ

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5358
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19

ออฟไลน์ ก้มหน้าก้มตา

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 137
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-0
ตี๋วินนึกนึกน้องหวานบ่อยๆ ขนาดนี้ สงสัยน้องหวานจะเป็นพระเอกแล้ววว

ออฟไลน์ พิศตะวัน

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 496
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-3

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6
 :L2: :L1: :pig4:

สนุกดี มะรุมมะตุ้ม คนรักตี๋

ออฟไลน์ idee

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 79
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-2
ความเสี่ยงที่ 10

10.34

ผมนั่งหาววอดๆ อยู่ที่โต๊ะทำงานตัวเอง กาแฟดำแก้วโตที่วางอยู่ข้างๆพร่องลงไปเกือบสามในสี่
แต่ความง่วงผมไม่ได้น้อยลงเลยครับ หรือควรจะเอามาราดหัวแทน นี่อาจจะเป็นวิธีทำให้ตื่นด้วยกาแฟที่ถูกต้องก็ได้

วันนี้ผมตื่นหกโมงครึ่ง กินข้าวตอนเจ็ดโมง ออกจากบ้านตอนเจ็ดโมงครึ่ง และได้ขึ้นรถไฟฟ้าตอนแปดโมงครึ่ง
รวมสิริเวลานอนได้เกือบหกชั่วโมง ซึ่งจริงๆ ก็นับว่าเยอะแล้วเมื่อเทียบกับสมัยเรียน…
ถ้าผมไม่ได้เพิ่งกลับมาจากไอ้ทริปทรหดอดทนจากระยองอ่ะนะ..

บอกตรงๆครับว่าตอนนี้ร่างจะแตก แรมต่ำมากๆ

“นี่สุดหล่อ ผังอัพเดทกับตารางพื้นที่ของโครงการที่สามย่านอยู่ไหนอ่ะ อันที่ส่งให้แก้เมื่อวันอาทิตย์” พี่ฝ้ายยื่นหน้ามาถามแล้วชูเอกสารขึ้น “พี่อยากเพิ่มสถานี EV สำหรับชาร์ตรถใช้ไฟฟ้า กับที่จอดจักรยานเข้าไปด้วยอ่ะ”

“ที่จอดจักรยานมีแล้วฮะ ผมลงไว้ 15 คัน พี่ลองเปิดดูในไฟล์ที่ผมส่งให้พี่ไปตอนสิบโมงกว่าๆ แต่เรื่อง EV นี่ขอหาข้อมูลก่อนนะ ไม่เกินบ่ายสอง” ผมตอบเร็วๆ แล้วจดโน้ตลงโพสอิทสีสดก่อนจะแปะไว้ที่ขอบโต๊ะ

“โอเคๆ” พี่ฝ้ายรับคำแล้วเลื่อนเก้าอี้ไป

“พี่วินๆ บัญชีโทรมาถามว่าโปรเจ็กต์ของคุณตะวันวางบิลได้ยังอ่ะ”

“ได้แล้วนะ แจ้งไปเลยก็ได้” ผมตอบแบบไม่ได้ละสายตาไปจากหน้าจอ

“เอ้อ พี่ฝ้ายครับ รีวิวที่ผมแก้ของคุณตะวันอ้ะยัง คุยตอนบ่ายสองพร้อมกับ EV ได้ป่ะครับ” ผมนึกขึ้นได้ อยากรีบสรุปผังพื้นที่แล้วอ้ะ จะได้หาผู้ออกแบบต่อ

“ได้ๆ รวบคุยกันตอนสี่โมงเย็นเลยละกัน แคร์เข้าด้วยนะ”

หลังจากตอบรับพี่ฝ้ายประโยคนั้นจบ ผมก็ไม่ได้เงยหน้าขึ้นมาจากโต๊ะอีกเลยครับ

_ _ _ _


14.40

ผมตักข้าวเข้าปากแบบไม่ค่อยรู้รส วันนี้กินข้าวเลทอีกละ นี่โรคกระเพาะกูจะหายมั้ย

ส่วนใหญ่ผมจะเลือกใช้เวลาครึ่งเช้าเป็นเวลาทำงานหลัก หลังจากไล่อ่านและตอบอีเมลล์จนอินบ๊อกซ์เป็นเลขศูนย์ ผมก็จะปักหลักทำงานแบบไม่คุยกับใคร พยายามเคลียร์งานส่วนของตัวเองให้เสร็จ แล้วเหลือช่วงบ่ายไว้คุยเพื่อโอนงานต่อประสานงาน เข้าประชุม หรือเก็บฟีดแบ็กต่างๆ แล้วค่อยตอบเมลล์รอบเย็นอีกทีก่อนกลับบ้าน

แค่วันนี้รอบเช้ามันเกินมาถึงบ่ายสองเท่านั้นแหละ

ใครจะไปคิดวะว่าไอ้ซัพพลายเออร์มันจะเล่นตัวขนาดนี้ ขอข้อมูลทีแทบจะต้องคลานเข่าไปเปิดกรวยบายศรี ห่า ไม่ขายมั้งของน่ะ

นี่ถ้าบ่ายสามยังไม่ได้ข้อมูลมึงนะ…
กูจะโทรไปขออีกรอบ!!

ก็แล้วผมจะทำอะไรได้มากไปกว่านี้ล่ะครับ….

ผมผ่านช่วงบ่ายไปด้วยความชิว สองโปรเจ็กที่ผมช่วยประสานงานนั้นอยู่ในช่วงกำลังคัดเลือกผู้ออกแบบ แค่ส่งเอกสารและตามไว้ไม่ให้หลุดแผนก็พอ ส่วนอีกหนึ่งโปรเจ็กต์ของคุณชายตะวันนั่น ถ้าวันนี้พี่ฝ้ายคนสวยไม่ได้ระเบิดผังแบบผมก็น่าจะรอด เหลือแค่นัดเวลากับลูกค้าเพื่อนำเสนอชิวๆ

ผมพิมพ์เอกสารที่เพิ่งส่งมาจากซัพพลายเออร์สดๆร้อนๆแล้วรวบเข้ามือ ก้าวยาวๆ ไปที่ห้องประชุมที่พี่ฝ้ายกับน้องแคร์นั่งรออยู่แล้ว

ผมเริ่มที่การรายงานความคืบหน้าของสองโปรเจ็กต์แรก ตามด้วยการให้พี่ฝ้ายรีวิวแบบโครงการของคุณตะวัน เราถามตอบกันอยู่พักหนึ่ง พอจบผมก็เขียนสรุปคอมเมนต์ที่ได้ด้วยปากกาหมึกซึมด้ามเก่งลงสมุดประจำตัวแบบเร็วๆ เตรียมเอาไปปรับแบบแล้วทำพรีเซนต์ ถัดไปก็เป็นการดูข้อมูลของสถานี EV charger ที่เพิ่งได้มา กว่าจะหารุ่นที่เหมาะสมกับเมืองไทยได้นี่รื้อกันเละครับ เอกสารงี้กระจายไปทั่วโต๊ะกระจกสำหรับแปดคนเลย

“อื้อ พี่ว่าใส่ไปด้วยอ่ะ ระบุไปเลยว่าต้องเป็นรุ่นที่มีคุณสมบัติแบบนี้” พี่ฝ้ายพยักหน้า

“โอเค เดี๋ยวผมเพิ่มใน requirement ให้”

ก๊อก... ก๊อก..

มีเสียงใครบางคนเคาะกระจก เมื่อผมมองไปก็เจอพี่มีนฝ่ายแบรนด์ดิ้งยืนยิ้มให้พลางทำปากขมุบขมิบถามว่าใช้ห้องเสร็จหรือยัง

เอ้า นี่มันห้าโมงสิบนาทีแล้ว
น้องแคร์จองห้องประชุมไว้ชั่วโมงเดียวนี่นา

พี่ฝ้ายบุ้ยใบ้ให้คนมาใหม่เข้ามาได้เลย “วินเก็บอันนี้ก่อน นอกนั้นแคร์ถือไปโต๊ะพี่” พี่ฝ้ายสั่งรวดเร็ว
“โทษทีมีน เราตรวจเพลินไปหน่อย ทีหลังบอกได้เลยนะ”

“ไม่เป็นไรๆ เราจะ Con Call กับลูกค้าในห้องตอนห้าโมงครึ่งน่ะ จริงๆยังมีเวลา” พี่มีน หัวหน้าฝ่ายหน้าหมวยบอกยิ้มๆ นี่แหละครับ บางทีลูกค้าไม่ว่าง เราก็ต้องใช้เทคโนโลยีให้เป็นประโยชน์ Conference Call กันไป อยู่ที่ไหนในโลกก็คุยได้ครับถ้าอยากจะคุย

บริษัทผมมีหลายฝ่ายครับ รวมๆกันแล้วก็เกือบสี่สิบคนได้ ทั้งฝ่ายวิเคราะห์ที่ดินแบบที่ผมทำ ฝ่ายแบรนด์ดิ้งแบบพี่มีนที่เอาไว้สร้างเอกลักษณ์เพื่อเพิ่มมูลค่าให้โครงการ (นึกถึงพวก J Avenue หรือ La villa อะไรแบบนี้น่ะครับ) ฝ่ายหาผู้เช่า Retail ที่ติดต่อหาพวกร้านต่างๆเอามาลงในมอลล์เพื่อเพิ่ม Traffic  จะสตาร์บัค ฟูจิ เกรย์ฮาวน์เราก็มีคอนแทคไว้หมด รวมไปจนถึงฝ่าย Marketing ที่เอาไว้สำรวจตลาด หาข้อมูล insight โครงการนี่บริษัทผมก็มีนะ ทุกฝ่ายนี่ก็ทำงานร่วมกันบ้าง แยกกันบ้างแล้วแต่โปรเจ็กต์ไป

“เอ้อ นี่ โปรเจ็กต์ที่เราเคยบอกอ่ะมีน ของลูกชายบริษัท AA ตระกูลรัชยานนท์อ่ะ อาจจะต้องขอคอมเมนต์จากแบรนด์ดิ้งด้วย” พี่ฝ้ายพูดขึ้น

“อ๋อๆ คุณตะวันป้ะ ที่หล่อๆ ออกงานบ่อยๆ” พี่มีนถาม

“ใช่ๆ โปรเจ็กต์นี้วินดูอยู่ ถ้าวินแก้ตามคอมเมนต์วันนี้เสร็จ เวลาส่งให้พี่ cc ถึงพี่มีนด้วยนะ” พี่ฝ้ายหันมาพูดกับผม
ผมพยักหน้า “ได้ครับ”

“แหม อิจฉาอ่ะ มีน้องหล่อๆ ดูดิ่ ฝ่ายเรามีแต่ผู้หญิงอ่ะ” พี่มีนทำเสียงเซ็ง “มาอยู่กับพรี่เลยมั้ยจ้ะวิน”

“ไม่ได้ๆๆ คนนี้เราหวง เป็นมือเป็นเท้าเราเลยนะ” พี่ฝ้ายรีบเข้ามาเกาะแขนผม “เนาะวินเนาะ”
ผมหัวเราะแหะใส่พี่สาวทั้งสองไป ก่อนจะขอตัวออกมาทำงานต่อ

ผมพลิกหาเบอร์โทรศัพท์แล้วก็ชั่งใจ
ออฟฟิสหรือมือถือ ออฟฟิสหรือมือถือ…
ออฟฟิสละกัน ใจยังไม่กล้าพอ

ผมถือสายรอหลังจากบอกชื่อคนที่อยากคุยและแจ้งชื่อกับสาวเสียงใส

ตรู๊ด…. ตรู๊ด…….

(ว่าไงครับวิน)

“อ้ะ สวัสดีครับคุณตะวัน” ผมพูดตะกุกตะกัก
ไม่ได้เตรียมใจกับความสนิทเบอร์นี้ป่ะวะ “ขอโทษที่โทรมารบกวนตอนเย็นครับ”

(พี่ยังทำงานอยู่เลยครับวิน ไม่กวนๆ… แล้วทำไมโทรเข้าออฟฟิสเนี่ย ไม่อยู่ก็แย่สิ) อีกฝ่ายพูดกลั้วหัวเราะ

“คือ... อ่า..ผมจะโทรมาขอนัดวันเข้าไปพรีเซนต์แบบครับ”

(ได้ครับ ขอพี่เช็คตารางแป๊บนึงนะ)

“ครับ แล้วแต่คุณตะวันสะดวกเลยครับ ขอเวลาสักชั่วโมงก็พอ ถ้าได้ภายในอาทิตย์นี้ก็ดีเลย” ผมเปิดดูตารางตัวเองกับพี่ฝ้ายคู่กันไปด้วย

(อืมม อาทิตย์นี้ค่อนข้างแน่นเลย อีกทีก็นู่นเลยครับ อีกสองอาทิตย์ พอดีพี่ต้องไปต่างประเทศ)

“อ๋าาา…” ผมเผลอส่งเสียงประหลาด นี่ถ้าอีกสองอาทิตย์ งานคงช้าไปอีกจม
แต่มันก็ช่วยไม่ได้

“งั้นมะ…” ไม่เป็นไรครับ อีกสองอาทิตย์ก็ได้

(แต่วันพุธหลังเลิกงานได้อยู่นะ สักทุ่มครึ่ง วินสะดวกมั้ยล่ะ) ฝั่งตรงข้ามพูดแทรกประโยคในหัวผมไปซะก่อน

“เอาอย่างนั้นเหรอครับ” ผมเคาะนิ้วลงกับโต๊ะรัวๆ
อืมมมมม ยังไงก็อยากให้อนุมัติแบบนี้ก่อน.. ไม่งั้นก็ทำต่อไม่ได้น่ะสิ “ได้ครับ รบกวนด้วยนะครับ” ยังไงพี่ฝ้ายกับผมก็ว่างแหละ

(ตกลงครับ งั้นเจอกันที่ไหนดี ถ้ามาแถว AA ละดวกมั้ยครับ)

“ได้ครับคุณตะวัน”

(ทุกทีเลย)

“อะไรนะครับ” ผมทวน

(เรียกคุณตะวันอีกแล้ว รู้สึกแก่ไปเลย ฮ่าๆ) 

“อ่าา มันไม่ชินน่ะครับ” ผมแก้ตัว

(ไว้เจอวันวันพุธครับวิน)

“ครับพี่ตะวัน”

ผมกดตัดสาย โอ้ย พูดเองก็อายปากเอง กูจะไปนับญาติอะไรกับคุณชายนี่วะ


ผมเลื่อนเก้าอี้ไปรายงานสรุปให้พี่ฝ้ายฟัง


“พุธเย็นเหรอ? ก็ได้นะ” พี่ฝ้ายพยักหน้า “แค่พรีเซนต์ผังใหม่กับราคาเนอะ”

“ใช่ครับ ถ้าอนุมัติตัวนี้ก็ส่งต่อฝ่ายออกแบบได้เลย น่าจะเสร็จตอนคุณตะวันกลับมาจากต่างประเทศพอดี”

“โอเคๆ ก็เตรียมเอกสารตามปกติแหละ ถ้าคอมเมนต์แบรนด์ดิ้งมาทันก็เอาไปเสนอด้วย”

“ได้คร้าบบบ” ผมเดินกลับไปนั่งที่โต๊ะตัวเองเพื่อตอบเมลล์รอบเย็นจนเสร็จ


ผมมองนาฬิกาที่หน้าจอ
18.20


เห้ยยยย
ได้กลับบ้านเร็วว่ะะะะ !!!!!

ขอเวลาไอ้วินแว้บหน่อยเถอะครับ

_ _ _ _


“ที่เดียวนะคะ” พนักงานหน้าใสถามย้ำผม

ผมพยักหน้าหงึก “ครับ”

“140 บาทค่ะ”

“ขอบคุณค่ะ” สาวคนนั้นส่งยิ้มกลับมาให้พร้อมตั๋ว “ชมภาพยนต์ให้สนุกนะคะ”


ผมชอบดูหนังคนเดียว
และผมเชื่อว่ากิจกรรมการดูหนังไม่เหมาะกับการดูเป็นหมู่คณะ…
หลายครั้งที่ผมต้องโวยไปยังเก้าอี้ข้างเคียงเพราะมีใครบางคนคุยเสียงดังในโรงหนัง พยายามเล่าเรื่องย้อนความไปยังภาคที่แล้วให้เพื่อนฝูงพี่น้องฟัง อธิบายมุกตลกที่ยากจะเข้าใจ หรือกระทั่งมาชวนผมคุย

โว้ะ ก็จะดูหนังอ้ะ ไม่ได้มาฟังคนคุย แล้วก็ไม่ได้อยากคุยกับใคร!!!!

เพราะฉะนั้น นานน๊านนนทีผมจะมาดูกับเพื่อนกลุ่มเล็กๆสักครั้ง
ส่วนใหญ่ก็จะฉายเดี่ยวแบบนี้แหละครับ
ผมยืนชั่งใจอยู่หน้าเคานเตอร์เครื่องดื่มและป๊อบคอร์น อยากกินโค้ก อยากกินโค้กกกกกอ้ะะะะะะ

ฮืออออ
ผมร้องอยู่ในใจในขณะควักเงินจ่ายค่าน้ำเปล่า ไอ้วิน มึงควรรักษากระเพาะไว้ย่อยข้าวบ้าง
ยังมีเวลาอีกสิบห้านาทีก่อนหนังจะฉาย ผมนั่งลงที่เก้าอี้ตัวยาวแล้วหยิบมือถือในกระเป๋ากางเกงออกมาดู
หน้าจอที่ควรจะว่างๆของผมมีคนส่งข้อความมาเมื่อห้านาทีก่อน

ผมแค่มองดูตัวอักษรนั้นผ่านหน้าจอ
นายหวาน : นี่
นายหวาน : วันนี้ว่างมั้ย

ไม่ว่าง
ก็กำลังจะดูหนังนี่ไง


ผมเห็นการแจ้งเตือนเป็นเลข 2 ที่ไอคอนแอพพลิเคชั่น แสดงว่าก็เป็นฝีมือสองข้อความของไอ้เจ้าหวานนี่แหละที่โชว์อยู่ไม่ใช่ใคร ในระหว่างที่กำลังชั่งใจว่าจะกดเข้าไปอ่านดีมั้ย หน้าจอผมก็สว่างอีกครั้ง

นายหวาน : เห็นแล้วก็ตอบหน่อยสิครับ

ผมทำตาโต.. ตายโหง.. รู้ได้ไงวะ
กูยังไม่ได้เปิดอ่านในไลน์ด้วยซ้ำ มึงเป็นญาติกับชารล์ส เซเวียร์เหรอสัส!

ผมกดเข้าแชทล็อกแล้วพิมพ์สั้นๆ

Wynn_Tect : กำลังจะดูหนัง

มีข้อความตอบกลับมาแทบจะทันที

นายหวาน : รู้แล้ว

อ่านจบแล้วผมก็ขมวดคิ้วมุ่น
รู้แล้ว????

“ยืนต่อแถวซื้อตั๋วอยู่ด้านหลังตั้งนานแล้วน่ะสิ” เสียงทุ้มๆของคนที่ก้มลงมาพูดข้างหูทำเอาผมสะดุ้ง

“เหี้ย!”

“หวานครับ ไม่ใช่เหี้ย” มันพูดยิ้มๆ แล้วถือวิสาสะนั่งลงข้างผม

“เห็นดูหนังคนเดียวกลัวจะเหงา” พูดไปก็ดูดโค้กในมือไปด้วยแบบหน้าตาเฉย

“หา” 

“เอาป๊อบคอร์นมั้ยครับ เดี๋ยวไปซื้อให้ ยังไม่ได้กินข้าวล่ะสิ” 

“เดี๋ยวๆ” ผมเบรก “นี่มาทำอะไร”

“มาโรงหนัง ก็ต้องดูหนังสิ” มันตอบหน้าตาย เออถูก ทำคำถามกูโง่เลยนะมึง

“เห็นพี่กำลังซื้อตั๋วพอดีน่ะ”

“อ๋อ..” ผมพยักหน้าตอบเบาๆ เออ โรงหนังนี่มันก็ใกล้มหาลัย มันจะมาดูก็ไม่แปลกป่ะวะ

“แล้วนี่มาคนเดียว?” ผมถาม

“พี่เห็นคนอื่นมั้ยล่ะ” 

“กวนตีน”

คนข้างตัวทำลอยหน้าลอยตาเหมือนภูมิใจที่โดนด่าแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ

โทรศัพท์ในมือผมสว่างขึ้น บนหน้าจอมีข้อความสั้นๆ
Tawan R. add you as a friend.

ตะวัน…
อ่อ คุณชายตะวัน

ไม่ถึงอึดใจก็มีข้อความเข้ามา

Tawan R. : วินครับ
Tawan R. : รบกวนสร้างกรุ๊ปไว้คุยเรื่องโครงการหน่อยนะ เผื่อว่ามีอะไรให้ดูก่อนจะได้ไม่ต้องรอนัด เอาไว้อัพเดทด้วย ฝากเชิญคุณฝ้ายด้วยครับ

ผมพิมพ์ข้อความกลับไป

Wynn_Tect : ได้ครับ เดี๋ยวผมจัดการให้

ผมใช้เวลาอีกสองสามนาทีสร้างกรุ๊ปใหม่ของโครงการและทำการแอดพี่ฝ้าย น้องแคร์ และเลขาคุณตะวันเข้าไปด้วย เขียนสรุปสถานการณ์สั้นๆและลงนัดหมายของวันพุธให้ทุกคนอ่าน พอเสร็จผมก็กดล็อคหน้าจอให้เรียบร้อย

ผมเงยหน้าขึ้นเจอเอากับเด็กปีหนึ่งข้างตัวกำลังมองอยู่ยิ้มๆ

“ทีของผมอ่านแล้วไม่เห็นรีบตอบแบบนี้เลยอ่ะ” มันพูดแซวๆ

“อันนี้งาน” ผมตอบสั้นๆ

“โหย นี่มันกี่โมงแล้ว” มันร้อง “หมดเวลางานแล้ว”

“งานมันไม่จบง่ายเหมือนโปรเจ็กสตูนะเว้ย” ผมได้ทีสอนมัน “จะเลิกงานแล้วรึเปล่าเขาไม่รู้หรอก ถ้าลูกค้าถามมา เขาต้องการคำตอบเร็วที่สุด”

“ผมก็เหมือนกัน” มันพูดลอยๆ ตามองไปทางอื่น

“นี่หัวมึงล้านป่ะเนี่ย ขี้น้อยใจขนาดนี้ ไหนมาดูดิ้” ผมแกล้งยื่นมือไปตบๆบนหัวไอ้เด็กหวาน แล้วแอบขยี้ผมสีเข้มของมันให้เละเทะ

“โอ้ยย เดี๋ยวไม่หล่อนะ” มันโวยแล้วยกมือขึ้นกันไว้

“อื้อหือ ห่วงหล่อเหรอมึง” ผมพูดเสียงหมั่นไส้ อย่าคิดเลยครับว่าผมจะหยุดเล่นหัวมัน 

“ห่วงสิ” พูดจบปุ๊บก็จับมือผมหมับจนผมสะดุ้ง “หล่อขนาดนี้ยังไม่มีคนสนใจ ขืนไม่หล่อก็หมาพอดี”

มันยกมือผมออกแล้วกุมเอาไว้หลวมๆ

“พอเลยๆ” ผมพูดเสียงเรียบแล้วเหลือบมองมือตาเขียว มันหัวเราะหึหึในคอก่อนจะปล่อยมือผมออก แล้วหันมาจัดทรงผมของตัวเอง

“หล่อยังอ้ะ”

“ก็ได้เท่านั้นแหละ” ผมทำหน้ายู่

“ว้าา ไม่หลงความหล่อผมหน่อยเหรอ”

“มีอะไรให้หลงวะ เดือยเหรอ กูก็มีนะ”

“โธ่พี่ ไม่ใช่สิ” มันหัวเราะเสียงดัง

ผมยกนาฬิกาขึ้นดู

“ได้เวลาละ กูไปดูหนังก่อนนะ” ผมตัดบทแล้วยืดตัวขึ้นเต็มความสูง

“ไปด้วยดิ่.. ก็เรื่องเดียวกัน” มันรีบลุกขึ้นตาม “บอกแล้วไงว่าบังเอิญยืนซื้อตั๋วอยู่ข้างหลัง” พูดจบก็ยักคิ้วให้หนึ่งที แล้วเดินนำไปก่อน ทิ้งผมยืนงงกับมันไปสามวิ ก่อนจะเดินตามมันเข้าไป

ผมนั่งลงบนเก้าอี้
แล้วไอ้ที่นั่งของกูกับมึงที่อยู่ติดกันนี่บังเอิญด้วยมั้ยวะ??

_ _ _ _

ผมมองหน้าจอที่มีรายชื่อนักแสดงและทีมงานเลื่อนขึ้นไปแบบเหม่อๆ 

หนังจบลงไปด้วยความรู้สึกอึนๆ
มันไม่ใช่หนังฟีลกู๊ดที่จบแบบแฮปปี้เอนดิ้ง
แต่มันเป็นหนัง Coming of Age แบบที่เล่าถึงการเติบโตของตัวละคร เล่าเหตุผลในการตัดสินใจเลือกทางเดินให้กับชีวิต ทำให้เราเข้าใจการก้าวข้ามผ่านกำแพงบางอย่างเพื่อออกไปสู่อนาคตข้างหน้า ผมเชื่อว่าทุกคนมีเหตุผลเป็นของตัวเอง ถ้าเราไม่ใช่คนที่อยู่ในสถานการณ์นั้นๆ เราก็ไม่มีสิทธิ์จะไปว่าใครว่าเขาตัดสินใจโง่ๆ
ซีเรียสไปมั้ยครับ ฮ่าๆ

ผมอดไม่ได้ที่จะย้อนกลับไปคิดถึงอดีตและจุดยืนในปัจจุบันของตัวเองบ้าง
อะไรทำให้กูโตมาเป็นคนแบบนี้วะเนี่ย..

จะเรียกว่าผมเป็นพวกบ้าความสมบูรณ์แบบก็คงจะไม่ผิด
ไม่ใช่แค่ต้องทำให้ได้ แต่ผมต้องทำมันให้ได้ดี ผมต้องมั่นใจ

สำหรับผมคงเป็นเพราะความกลัว กลัวที่จะผิดหวัง กลัวไม่เป็นอย่างที่คิดไว้
และกลัวว่ามันจะทำให้ผมหมดความเชื่อมั่นในตัวเอง

เลยเป็นคนบ้าตรรกะอยู่แบบนี้ไงครับ

“ไปกันเถอะ” เสียงทุ้มข้างตัวพูดขึ้นทำลายความเงียบเมื่อไฟสว่างทั้งโรง ผมพยักหน้าแล้วลุกขึ้นยืนเดินตามร่างสูงออกไป

“ชอบมั้ย” คนเดินนำหน้าถามขึ้นขณะมุ่งหน้าไปที่ลิฟต์

“หือ”

“หนังน่ะ” หวานถามย้ำ

“อื้อ ทำให้ย้อนกลับมาคิดถึงตัวเองตอนเด็กๆ ดี” ผมตอบ

“พูดเหมือนตัวเองแก่มากเลย” มันพูดยิ้มๆ

“แก่กว่ามึงเยอะแล้วกัน”

“ห้าปีเอง” หวานตอบกลับมาอย่างเร็ว

ผมเลิกคิ้วขึ้นสูง “ท่องไว้เหรอ”

“จำได้ต่างหากล่ะ” มันตอบหน้าตาเฉย

ผมก้มดูนาฬิกา สี่ทุ่มครึ่งแล้ว “นี่มึงกลับยังไง” 

“ขับรถมา... แล้วพี่ล่ะ”

“รถไฟฟ้า” ผมตอบกลับพลางก้าวเข้าไปในลิฟต์ เตรียมจะกดไปที่ชั้น M 

“ดีเลย” มันคว้ามือผม   

“ผมไปส่งนะ” ว่าแล้วก็กดไปที่ชั้น 7 แบบไม่รีรอ

“เห้ย ไม่ต้อง” ผมรีบพูด “กูกลับเองได้ บ้านกูไกล”

“ก็ดีสิ พี่จะได้ไม่ต้องกลับคนเดียวไง ดึกแล้ว”

“มึงจะลำบากทำไม”

“ผมขับรถ ไม่ได้เดินไปส่ง”

“เสียเวลามึง”

“พรุ่งนี้ไม่มีเรียนเช้า ว่าง”

“แต่ว่า..”

“นะครับ” มันกระชับมือผมแน่นแล้วพาออกจากลิฟต์ ก่อนจะมองหน้าผมด้วยสายตาลูกหมา


แล้วผมก็มานั่งจุ้มปุ๊กเป็นตุ๊กตาหน้ารถ BMW 320d Sport สีดำของมันอยู่นี่แหละ
ไอ้ห่าวินเอ้ย ใครช่วยแก้นิสัยขี้ใจอ่อนของผมทีสิครับ!

_ _ _ _

หลังจากเซทอัพ GPS โดยมีเป้าหมายอยู่ที่บ้านผมเสร็จ คนขับข้างตัวผมก็เปิดวิทยุแล้วผิวปากตามเพลงอย่างอารมณ์ดี

“นี่ พี่ยังทำงานเป็นเต็กอยู่มั้ย” มันถามขึ้น สายตายังคงจับจ้องอยู่ที่ถนน

ผมส่ายหน้าใส่ “เหอะ เป็นนักวิเคราะห์ที่ดินอ่ะ อยู่บริษัทที่ปรึกษา”

“โห.. เท่ห์ไปเลย” มันทำเสียงหูหา
“มันคืออะไรอ่ะ” 

อ่าวไอ้ฟาย แล้วมึงจะทำเสียงตื่นเต้นทำแมวอะไร..
เด็กแม่งก็เป็นเด็กวันยันค่ำล่ะวะ

“กากเอ้ยย ก็พวกที่คำนวนการใช้พื้นที่ วางผัง คิด feasibility จุดคุ้มทุน อะไรพวกนี้ก่อนจะสร้างไง” ผมอธิบาย

“อ๋ออ” มันลากเสียงยาว “สายตัวเลข”
“พี่ไม่ชอบงานดีไซน์เหรอ”

“ชอบ” ผมตอบ “แต่ไม่เคยพอใจกับงานของตัวเองเลย” ผมหัวเราะเบาๆ “แต่งานที่ทำอยู่ทุกวันนี่ก็ไม่ได้เกลียดนะ อย่าเข้าใจผิด มันเป็นทางที่กูถนัดและทำได้ดี”

ผมสูดหายใจลึก “เวลามองงานของเกรทเต็กแล้วรู้สึกว่ายิ่งใหญ่ งานที่มองเผินๆแล้วเรียบๆ ธรรมดาๆ มันมีหลายมิติเกินกว่าที่กูจะสามารถคิดได้ ยิ่งดูก็ยิ่งรู้สึกอยากค้นหา กูเลยชอบซึมซับความงามของสถาปัตย์มากกว่าที่จะสร้างมันขึ้นมาเอง” ผมเข้าโหมดจริงจัง เตรียมกำมือพร้อมที่แลนดิ้งมะเหงกที่หน้าผากถ้ามันขำ

“ผมชอบออกแบบ” มันว่าขึ้น

“ผมอยากให้คนเข้าใจงานผม เข้าใจความคิดของผม” มันหันมาพูดยิ้มๆ “เข้าใจตัวผม”

นอกจากคนข้างๆจะไม่ขำใส่ ยังมีผีดีไซน์เนอร์เข้าสิงมันอีกครับ ทำเอาผมไปไม่เป็นเลย
อื้อหือ ใสกิ๊ง ความโลกสวยของเด็กปีหนึ่งเป็นแบบนี้เอง

“เรียนไปให้เยอะเถอะ อีกหน่อยมึงอาจจะเปลี่ยนความคิดก็ได้” ผมหัวเราะ

“โห ไม่เชื่อหน่อยเหรอ” คนตรงข้ามทำหน้าเสียใจ

“ตั้งใจเรียน ปีหนึ่งอ่ะ ดูงานเยอะๆ แล้วทดลองทำดูมากๆ ว่าแนวไหนเข้ากันกับมึง”

“ผมชอบงานทาดาโอะ” มันตอบ

“แมสว่ะ” ผมแซว มันทำหน้าย่น
“แต่กูก็ชอบนะ” ผมหัวเราะใส่
“คนเหี้ยอะไรโคตรเก่ง ปรัชญายากชิบหาย แต่งานถ่ายทอดออกมาได้หมด” ผมบอก

คนที่มันกับผมพูดถึงคือทาดาโอะ อันโด สถาปนิกตัวพ่อของวงการสถาปัตย์ของญี่ปุ่น ที่นอกจากจะไม่เคยเรียนในโรงเรียนสถาปัตย์แล้ว ยังเคยเป็นคนขับรถบรรทุกกับนักมวยมาก่อนอีกต่างหาก งานนี่อย่างนิ้ง สเปซเทพครับบอกเลย อัจฉริยะอย่างแท้จริง

“ตอนปีห้าอาจารย์จัดทริปไปอยู่ โหย เห็นของจริงแล้วขนลุก กูงี้แทบจะเอาตัวหลอมไปพร้อมกับคอนกรีต”

“ขนาดนั้นเลย” มันพูดขำๆ

“เออ ขนาดนั้นแหละ งานที่มึงเห็นมาแต่ในหนังสือตลอดห้าปีมาอยู่ตรงหน้า แผ่นคอนกรีต ก้อนหิน บันได สัมผัส แสง เสียง รูปถ่ายมันให้ไม่ได้” ผมบอก ไอ้เด็กข้างๆ พยักหน้าสองสามทีแล้วก็ขับรถต่อ

“ต้องเริ่มเก็บตังแล้ว” มันพูด “สนใจไปอีกทีมั้ยครับ” หวานถามขึ้น

“กูต้องไถนาก่อนนะ เงินเดือนจะไม่พอยาไส้เลยเนี่ย อ้ะ.. ตรงนี้เลี้ยวซ้ายเลย” ผมบอกขณะมองดูทาง

ถึงวันนี้จะเป็นวันจันทร์ แต่คงเพราะดึกแล้วรถเลยไม่ค่อยติด จากโรงหนังกลางเมืองถึงหน้าหมู่บ้านผมจึงกินเวลาไปแค่ 30 นาทีเท่านั้น โอ้โห มหัศจรรย์

“อ้ะ จอดตรงนี้เลยก็ได้” 

“หลังนี้อ่ะเหรอ ประตูสีขาวนะ” หวานหยุดรถแล้วหันหน้ามาถาม

“อื้อ” ผมพยักหน้าตอบ มือหนึ่งก็คว้ากระเป๋าอีกมือหนึ่งก็เปิดประตูแล้วขยับตัวออกจากรถ “ขอบใจมากๆ รีบกลับบ้านเหอะ ดึกแล้ว”

“ครับ” ผมปิดประตูรถ

“นี่” มันเปิดกระจกเรียกผมไว้ ทำให้ต้องชะโงกหน้าเข้าไปคุยอีก ลำบากกูมั้ย มีอะไรทำไมไม่พูดให้หมดวะ

“จะรอนะ” พูดแล้วก็ยิ้มมาให้อีกหนึ่งที แล้วกดปิดกระจก
ผมที่เหลืออยู่กับเสียงจิ้งหรีดริมบ้านก็ได้แต่พยักหน้าไปแบบงงๆ ได้แต่เปิดประตูบ้านแล้วเดินเข้าไป
ส่วน BMW 320d เป็นมันวับก็ขับออกไป

ประโยคสุดท้ายมันคืออะไรนะครับ… ประโยคบอกเล่าเหรอ
มึงนี่ปรัชญาเยอะยิ่งกว่างานทาดาโอะอีกมั้ง!!

_ _ _ _
วันพุธ
15.56


หึหึหึหึ…

การยุ่งแบบนรกแตกตอนสมัยเรียนน่ะเหรอ.. จะมาเทียบอะไรกับการยุ่งแบบโลกันตนรกแตกตอนทำงานแบบนี้กันล่ะครับ
จะสามโมงแล้ว ผมยังรวบรวมคอมเมนต์จากฝ่ายแบรนด์ดิ้งไม่เสร็จเลย ต้องทำพรีเซนต์อีก จะปริ้นทันม้ายยยย โอ้ยยยยยย
ขรี้จะแตกครับพูดเลย

“พี่วิน โครงการสามย่านโทรมาขอข้อมูลบิดดิ้งอ่ะ เขาว่าเงื่อนไขมันไม่มี” น้องแคร์ถือโทรศัพท์รอไว้

“หา จริงเหรอ..เขาอ่านครบรึยัง” ผมรีบถลาไปรับโทรศัพท์อย่างเลี่ยงไม่ได้ ก็ไอ้เอกสารที่ว่าน่ะความรับผิดชอบผมเต็มๆ ถ้าพลาดนี้ซวยยันชาติหน้าแน่ๆ แต่พอได้คุยกับคนในสายแล้วก็ได้แต่ถอนใจ อยากเอาเรื่องไปลงเพจลูกค้าผู้น่ารักเหลือเกิน

โหลดเอกสารไปไม่ครบครับ!! โง้ยยยยย คนยิ่งรีบๆอยู่

เอาตามจริงแล้วอยากจะไล่ให้กลับไปอ่าน TOR กับเอกสารที่ประกาศเงื่อนไขประมูลอีกสามสิบรอบ ไอ้ที่ถามมาน่ะมีเขียนไว้แล้วแน่ๆ แต่ไหนๆก็ไหนแล้ว ผมเลยต้องคว้าเอาเอกสารปึกเบ้อเร่อมาเปิดอธิบายไปพร้อมกัน เอาให้ชัดกันไปเลย เผื่อพี่แกอ่านแล้วงง จะได้ไม่ต้องเสียค่าโทรศัพท์มาอีก

อีกพักเดียวพี่มีนฝ่ายแบรนดิ์ดิ้งส่งข้อมูลมาให้ยาวเป็นพรืด ผมเปิดอีเมลล์แล้วลมจะใส่ นี่จะทำยังไงให้ได้ก่อนประชุมวะ

ผมพิมพ์สรุปแบบรัวๆ พร้อมกับหารูปและบรรยากาศอ้างอิงตามที่แนะนำไว้ กะว่าจะฝากเผื่อให้คุณตะวันเลือกรูปแบบ Scheme ที่ชอบ ถ้าเราตีกรอบคอนเซปต์ช่วงนี้ได้ยิ่งเร็วเท่าไหร่ จะทำให้สถาปนิกทำงานได้ง่ายเพราะมีโจทย์ที่ชัด มีภาพสุดท้ายว่าจะให้บรรยากาศโครงการออกมาเป็นอย่างไร ทุกคนจะได้ทำงานไปในทิศทางเดียวกัน
   
“สุดหล่อ ถ้าคอมเมนต์แบรนด์ดิ้งไม่เสร็จก็ไม่เป็นไรนะ เอาติดไปเฉยๆก็พอ มีเวลาก็ดู” พี่ฝ้ายที่เดินกลับมาจากประชุมชะโงกมาดูที่หน้าจอผม “ส่วนอันนี้พี่ดูในห้องประชุมละ โอเค”

“เสร็จครับพี่ เหลือทำกราฟตรงนี้นิดเดียว” ผมชี้ “อันนี้พี่มีนบอกว่ามาจากข้อมูลอินไซต์คอนโดระดับ A+ เมื่อต้นปีอ่ะครับ ผมว่าควรเอาไป”

“อืมม ก็ถ้าเสร็จไม่ทันไม่เป็นไร เอาให้ผังหลักกับ Fease แรกผ่านก่อน Scheme ไว้ทีหลังได้” พี่ฝ้ายบอก

“ครับ”

“เออ แต่วันนี้วินโซโล่เลยนะ พี่ประชุมทั้งวัน เจ็บคอแล้วอ่ะ”

“เห้ยยย ไหงงั้น” ผมร้องเสียงหลง

“เอาน่ะ นี่ข้อมูลก็ของเธอ เตรียมมาเองกับมือ กลัวอะไร ถ้าติดตรงไหนเจ๊ช่วยเอง”

“ฮืออออออ” ผมร้องโวยวายในลำคอ หือไปก็ไร้ประโยชน์ครับผมรู้ดี ใครจะไปเถียงนางพญาได้ ก้มหน้ารับบัญชาไปสิครับ

“แล้วก็.. เจ๊มีนัดดูหนังตอนสามทุ่มที่เมเจอร์รัชโยธินนะ… สองทุ่มกว่าเจ๊ขอบาย”

ผมที่กำลังสั่งปริ้นงานอยู่อยากจะเอาหัวโขกโต๊ะ ไปทำเชี่ยอะไรครับไกลจัง เซนเวิร์ลใกล้ๆทำไมไม่ไปอ้ะ “โง้ยยยยย พี่ฝ๊ายยยยย” ได้แต่ร้องออกมาแบบไม่เป็นภาษา

“มันจะนานแค่ไหนเชียว! รีบคุยรีบกลับไง”

ขอให้มันเป็นแบบนั้นเถอะครับ!!!

(มีต่อ)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 09-10-2017 22:05:45 โดย idee »

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด