_ _ _ _
19.03ผมก้าวเท้าเร็วๆ จากรถไฟฟ้า มุ่งหน้าไปที่ร้านอาหารกึ่งผับเจ้าดังที่นานๆ จะมาสักที ไม่ใช่ว่าร้านไม่ดีอะไรหรอกนะครับ ถึงจะไม่มีแอร์แต่บรรยากาศดี อาหารอร่อย ค็อกเทลก็เด็ด สาวเชียร์เบียร์ก็แจ่ม วงดนตรีสดที่คัดมาก็เล่นสบายหู ดีทุกอย่างแหละครับ
เอาจริงๆ ที่ไม่ค่อยได้มาก็เพราะปกติคนจะแน่นจนแทบหาที่นั่งไม่ได้ต่างหาก แต่วันนี้เพื่อนอาร์ตถึงกับลงทุนโทรมาจองโต๊ะไว้กันพลาดแถมนัดตั้งแต่หัวค่ำแบบนี้ด้วย ท่าทางว่ามันจะมีเรื่องอยากคุยจริงๆ
สิ่งแรกที่ผมเห็นตั้งแต่เดินเข้าร้านคืออาร์ตที่นั่งทำหน้าบูดบึ้งอยู่ที่โต๊ะ
“เชี่ยตี๋ มานั่งเลย” มันทัก
“ไปเจออะไรมาวะ” ผมว่าก่อนจะลากเก้าอี้ออกแล้วนั่งลงตรงข้ามมัน “มาซะเร็วเลย”
“เดี๋ยวค่อยเล่าที่เดียวตอนไอ้น้ำกับไอ้พีทมา” มันตอบ “แต่ก่อนอื่นมึงต้องแดกกับกู”
มันหันไปสั่งกับเด็กเสิร์ฟ “น้องครับ เอา Coronita Bottoms Up แอปเปิ้ลหนึ่ง ลิ้นจี่หนึ่ง”
“เห้ยยย มึงไหวป่ะเนี่ย มีเรื่องอะไรมาวะ ไหนบอกกูซิ” มาถึงก็สั่งเหล้าไม่พูดไม่จา ไปโดนตัวไหนมาอยากรู้จริงๆ
“โวยวายอะไรกันวะ เสียงดัง” พีทที่เพิ่งเดินเข้ามาทักขึ้น ข้างหลังมีไอ้น้ำยืนอยู่ มันมองหน้าผมแบบงงๆ
“พวกมึงนั่งเลย” อาร์ตสั่ง ทำเอาคนมาใหม่ขมวดคิ้วกันหนักกว่าเดิม แต่ก็นั่งลงตามคำบอก
“แม่งเป็นไรเนี่ย” พีทที่นั่งข้างผมกระซิบถามก่อนจะได้รับการส่ายหน้าเป็นคำตอบ “มันว่าถ้ามาช้าจะตัดเพื่อน”
“กูก็อยากรู้เหมือนกันว่ะ”
..
..
หลังจากทักทายกันไปสักพัก คนจัดแจงนัดก็ดูเหมือนจะอารมณ์ดีขึ้นเล็กน้อย (เล็กน้อยจริงๆ) อาร์ตหันตัวไปรับแก้วค็อกเทลที่สั่งไว้จากมือเด็กเสิร์ฟแล้วสั่งเหล้าให้พีทกับน้ำแบบไม่ถามความเห็นคนกิน
มันเลื่อนโถมาวางไว้ด้านหน้าทำเอาผมต้องกลืนน้ำลายเอื๊อก บอกตรงๆ ว่าแค่มองก็จะเมาแล้วครับ
ไอ้เหล้าสีสวยๆ พวกนี้มีกลิ่นผลไม้ก็จริง แต่ไอ้ขวดเบียร์สองขวดที่ปักโด่เด่นั่นเป็นตัวการันตีถึงความแฮงค์ในวันพรุ่งนี้ได้อย่างดี
นึกไม่ออกจริงๆ... เหล้าผสมเบียร์มันจะไม่เละได้ยังไง...
“อย่ามาทำหน้าแบบนั้นไอ้ตี๋ มีแต่คนอ่อนแอเท่านั้นแหละที่จะเมากับของเด็กเล่นแบบนี้” อาร์ตพูดดักคอ
“เหรอวะ” น้ำถามขึ้น ทำเอาอาร์ตหันมามองตาเขียว แต่ตัวคนพูดก็แค่ยักไหล่แบบไม่ใส่ใจ
“เอาเลยครับเพื่อน ตามสบายเลย” พีทพูดขำๆ แล้วเลื่อนโถแก้วเข้าไปใกล้อาร์ตอีก “แค่อย่าอ้วกในรถกูก็พอ”
“เหอะ” อาร์ตทำเสียงในคอก่อนจะเอามือจับแก้ว “นี่มันค็อกเทลถ่ายรูปสวยๆ เมาก็หมาแล้ว”
เหรอวะ..พวกเราที่เหลืออีกสามคนกำลังเถียงกันทางโทรจิตว่าใครจะเป็นคนแบกไอ้ขี้เมานี่กลับห้องดี
เมื่อทุกคนได้เครื่องดื่มมึนเมากันครบ ไอ้อาร์ตก็ดื่มอึ้กๆ ก่อนจะพูดเสียงดัง
“ไอ้เชี่ยพีท เริ่มที่มึงก่อนเลย ทำไมวันนี้มึงโดดคุยงานตอนบ่าย”
“เห้ย กูไปกับมึงไง”
“แต่มึงไม่อยู่จนจบ ไอ้เหี้ย รู้มั้ยกูเจออะไรบ้าง”
“กูมีประชุมต่อตอนบ่ายสามไงเลยต้องชิ่งก่อน” พีทว่าเสียงอ่อย “แล้วตกลงเป็นยังไงวะเนี่ย กูงงแล้วนะ” มันเกาหัว
ผมกระพริบตาปริบๆ งานที่แม่งทำร่วมกัน…
“เดี๋ยวๆ นี่คืองานนั้นเหรอ” ผมถาม
“ใช่ดิ่ งานไอ้คุณชายตะวันห่าอะไรของมึงนั่นแหละ วันนี้นัดส่ง Mood and Tone บอร์ดตอนบ่ายไง” อาร์ตโวยวาย
“เกิดไรขึ้นวะ” น้ำก็งงไปด้วย
“นัดกันบ่ายโมง กูกับไอ้อาร์ตก็ไป ปรากฏว่าเลขาเขาบอกไม่ว่าง ให้รอก่อน” พีทอธิบาย “แต่กูมีอีกประชุมตอนบ่ายสาม พอบ่ายสอง กูก็เลยต้องไปก่อน” มันถอนหายใจ “แต่ก็ไม่น่ามีปัญหาอะไรป่ะวะ มึงก็อธิบายได้เหมือนกันนี่ ทำไมวะ โดนด่าเหรอ”
“มึงรู้มั้ยกว่าจะได้เข้าไปกี่โมง” อาร์ตถาม พวกผมส่ายหน้าดิก
“
ห้า!!! ห้าโมงเลยนะไอ้เหี้ย”
“เฮ้ย... ทำไมนานขนาดนั้นวะ” ไอ้น้ำว่า
“กูก็อยากรู้เหมือนกัน นี่กูลางานหน้าไซต์มาครึ่งวัน พอเข้าไปแนะนำตัวจะส่งงานไอ้คุณอะไรนั่นก็มองกูหัวจรดเท้า ถามว่าคุณปรเมศไม่มาเหรอ กูเลยบอกว่ามึงติดอีกงาน ยังพูดไม่ทันจบแม่งบอกให้กูวางงานไว้บนโต๊ะแล้วกลับไปนัดมาใหม่ ไอ้เหี้ย อะไรวะ”
“หา” คนที่เหลือบนโต๊ะร้องออกมาพร้อมกัน
“มึงจะบอกว่ามึงไม่ได้พรีเซนต์เลยเหรอ” พีททำหน้าเหวอ
“เออสิวะ กูเลยบอกว่าขอเสนอคอนเซปต์คร่าวๆ ก่อน แม่งบอกว่าไม่มีเวลา ให้คุณปรเมศมาเอง แล้วเชิญกูกลับเฉย”
“เชี่ย โคตรแย่” น้ำว่าขึ้นแล้วยกแก้วเหล้าขึ้นจิบ
“นี่มึงเจอใครนะ คุณเอทัสเหรอ” ผมถาม
คุณเอนี่ก็โหดจังวะ ดีนะไม่ค่อยได้ดีลด้วย
“เหอะ กูเจอตัวคุณชายตะวันอะไรนี่เลยน่ะแหละ ท่าเยอะชิบหาย”
“หือ คุณตะวัน ที่คิ้วเข้มๆ นะ สูงๆ” ผมย้ำ
“เออสิวะ ไอ้คุณตะวันนี่แหละ” อาร์ตบอก
“หาา”
คุณตะวันเนี่ยนะ ปกติแกออกจะใจดีไม่ใช่เหรอวะ? คนเดียวกันหรือเปล่าเนี่ย
“มึงแต่งตัวยังไงไปวะ” น้ำถามขึ้นบ้าง “ไม่ใช่ใส่ขาดเข่าเหยียบส้นไปงี้”
“เหี้ยน้ำ”
อาร์ตลุกขึ้นยืน “นี่ ดู ยีนส์สีดำ ไม่ขาดซักกะนิด เสื้อยืดขาวก็จริง แต่กูใส่แจ็คเกตทับ” มันหยิบเสื้อสูทที่พาดเก้าอี้อยู่ขึ้นมาวางแรงๆ บนโต๊ะ
“เหยด นิวอาร์ต” น้ำว่า
“กูเป็นคนเช็คเรื่องการแต่งตัวแม่งเอง ไม่พลาดหรอก” พีทอธิบาย “แต่ทำไมเป็นงี้วะ”
“แต่ไอ้คุณตะวันนี่ก็เกินไปป่ะวะ ผิดเวลานัดแล้วยังเทประชุมอีก” น้ำว่าขึ้นบ้าง
“เหี้ยตี๋ มึงก็ควรจะเตือนพวกกูก่อนป่ะวะ ว่าลูกค้าแม่งแย่อ่ะ” อาร์ตโวย
“เดี๋ยวๆ กูทำงานกับเขามาจะครึ่งปีแล้วมั้ง ไม่เห็นมีปัญหาเลยนะเว้ย ราบรื่นตลอด นัดไม่เคยเบี้ยว บางทีไม่ได้นัดก็ยังโผล่มาอีกต่างหาก วันนี้แกคงยุ่งจริง” ผมแก้ต่างให้
“แม่งเอ๊ย กูกับไอ้พีทก็เตรียมมาซะอย่างดี ชิบหาย” อาร์ตบ่นไม่หยุด
“ปกติไม่เป็นแบบนี้จริงๆ” ผมพูด
“แต่เออ... เขาอาจจะไม่เคยเจอมึงน่ะ” พีทว่า “กูก็ลืมคิดไป คราวหน้ากูพาเข้าไปแนะนำเอง”
“เอาน่า ถือเป็นวันแย่ๆ ของพวกมึง” น้ำพูดปลอบแล้วตบไหล่คนข้างตัว “มันต้องมีกันบ้างทุกคนแหละ”
“เออใช่ จริงๆ วันนี้กูก็เจอลูกค้าห่วยๆ มานะ” ผมพูดพลางปลดกระดุมเสื้อลง ร้อนจังแฮะวันนี้
“ว่ามา ดูซิว่าเรื่องของกูหรือของมึงจะห่วยกว่ากัน” อาร์ตพูดจบก็คว้าหลอดดื่มเหล้าอึ้กๆ ทำเอาพวกผมต่างมองหน้ากันเลิ่กลั่ก
กินขนาดนี้ มึงจะฟังกูรู้เรื่องมั้ยล่ะ
_ _ _ _
00.23ถือเป็นสถิติใหม่..
ของความเมา
ไม่ใช่ผมนะครับ!สรุปแล้วเล่าเรื่องผมไปก็มีแต่พีทกับน้ำเนี่ยที่นั่งพยักหน้าหงึกๆ แสดงความเห็นใจ ส่วนไอ้ตัวขี้โมโหก็นั่งดื่มเอาดื่มเอาจน Coronita Bottoms Up แก้วเบิ้มหมดเกลี้ยง ก่อนจะล้มคว่ำในขณะลุกขึ้นแล้วพูดว่า “เดี๋ยวกูไปเข้าห้องน้ำหน่อย” (ซึ่งกลายเป็น Dying Message ประจำคืนนี้)
ทำเอาพีทต้องรีบไปโกยตัวเปลี้ยๆ ของมันจากพื้นร้าน และไอ้น้ำก็มาดึงเอาโถแก้วของผมออกจากมือไปด้วยความเร็วสูง
เห้ย อะไรกัน จริงๆ ผมก็ยังไม่เมาซักหน่อย แค่มึนๆ และเดินเซนิดหน่อยเท่านั้นเอง วัดจากตอนเดินไปที่รถไอ้พีทเนี่ย
..
“เวรกรรมอะไรของกูที่ต้องมานั่งนี่วะ” ไอ้น้ำบ่นอุบอิบอยู่ที่เบาะหลัง ข้างหนึ่งเป็นผมที่นั่งมองถนนด้านนอกไปเรื่อย โว้ว ไฟจราจรนี่ก็สีสวยเหมือนกันนะครับเนี่ย ส่วนอีกข้างเป็นอาร์ตที่นั่งคอพับและมีถุงพลาสติกคล้องอยู่ที่หู
“มึงอยู่ตรงนั้นน่ะดีแล้ว เผื่ออาร์ตอ้วกมึงจะได้เอาถุงให้ทัน เผื่อไอ้ตี๋เมาแล้วโวยวายด้วย ดูแม่งทั้งคู่อ่ะ”
“ใครเอา เอ้ย ใครเมา มึงพูดให้ดีๆ เลยพีท” ผมยื่นหน้าไปโวยใส่พีทเมื่อถูกพาดพิง “กูไม่เมา”
“ครับมึง ไม่เมาครับ” น้ำแกะมือผมออกจากเก้าอี้คนขับ “นั่งดีๆ ครับคุณมึง” มันผลักตัวผมเบาๆ ให้นั่งพิงเบาะดีๆ
ผมถอนหายใจหนักๆ “พวกมึงอ่ะชอบหาว่ากูเมา” ผมทำหน้ายู่ “ดูดิ่ กูแค่ตัวแดงเฉยๆ” แถมด้วยการชี้ให้ดูต้นคอแดงๆ ของตัวเอง
“แป๊บเดียว เดี๋ยวหายละ” ผมว่า
“เออ นั่งไปดีๆ” น้ำว่า แล้วหันไปดึงตัวอาร์ตที่กำลังไหลลงไปนอนบนเบาะให้ขึ้นมานั่งในระดับปกติ
“พีท มึงขับเร็วๆ เลย ก่อนที่จะมีคนให้แบกเพิ่มอีกคน”
_ _ _ _
11.45
วันเสาร์ว่าแล้วว่ามันจะต้องปวดหัว ให้ตายเหอะครับ ไม่นึกว่าจะแฮงค์ขนาดนี้ ก็ว่าไม่ได้เมาอะไรขนาดนั้น ยังมีสติอาบน้ำด้วยซ้ำตอนมาถึง แต่พอหัวถึงหมอนปั๊บ สวิชต์ก็ดับไปเฉยเลย แล้วตื่นมาซะเกือบเที่ยง ค็อกเทลเด็กน้อยอะไรของไอ้อาร์ตวะเนี่ย หลอกลวงเป็นบ้า
ผมมองไปรอบห้องนอนตัวเองแล้วกระพริบตางงๆ พวกแม่งกลับไปแล้วเรอะ
ไม่มีทาง... วันเสาร์แบบนี้แม่งคงตั้งวงเล่นวินนิ่งกันที่ห้องผมมากกว่า
ไหนล้างหน้าแปรงฟันแล้วออกไปตูซิ
หลังก้าวออกจากห้องนอน สิ่งที่ผมเห็นคืออาร์ตและพีทกำลังนั่งสุมหัวกันทำงานอยู่หน้าคอม โดยมีไอ้น้ำอุ้มจิ๋วเดินไปเดินมาเป็นฉากหลัง
“เหยดดดดดดดด” ต้องอุทานอย่างนี้จริงๆ “พวกมึงเนี่ยนะทำงาน นี่กูฝันอยู่ป่ะวะ”
“อ้าว ตื่นมาก็ปากดีเลยนะครับคุณหนู” อาร์ตเอ่ยปากแซว
“ไอ้เหี้ยอาร์ต” ผมทำเสียงเขียว
“อ้ะๆ กูตื่นก่อน” มันรีบพูด “มึงแหละน็อกยาว”
“ไม่ตื่นสักบ่ายสามเลยวะ” น้ำเดินอุ้มจิ๋วมาส่งให้ “ไอ้นี่แม่งกัดกู” มันโชว์นิ้วชี้ที่มีรอยฟันฟ้องผม
“อ่อน” ผมพูดสั้นๆ พร้อมรับแมวไว้ในมือแล้วมองแผลมัน “ไหนดูดิ๊”
“ก็ตอนเปิดประตูห้องนอน แม่งวิ่งสวนโดดขึ้นเตียงไปหามึงเฉยเลย” มันอธิบาย “พอกูจะไปจับ หันมากัดกูซะงั้น”
“เอ้า” ผมว่า “กากสัด”
ผมปล่อยจิ๋วเดินกับพื้นแล้วลากมือมันไปล้างแผลและติดพลาสเตอร์ยา ดีนะว่าจิ๋วฉีดยาแล้ว
วุ่นวายชิบเผง ลูกกูมั้งมึงเนี่ย
หลังจากบ่นมันเสร็จผมก็มายืนส่องพีทกับอาร์ตทำงานต่อ ท่าทางพวกมันจะแค้นจริง นี่คงตั้งใจทำงานไปฟาดคราวหน้า ลงดีเทลกันซะเกินจำเป็นเชียว
เออ จริงด้วย“นี่พวกมึงนัดคุณตะวันอีกทีรึยัง” ผมถาม
“เหอะ ยังไม่ได้นัดอ่ะ ก็โดนเทตอนห้าโมงกว่าแล้ว” อาร์ตว่า “โมโหด้วย เลยขี้เกียจ ว่าจะนัดวันจันทร์”
“อาฮะ” ผมทำเสียงในคอแล้วเดินไปหยิบแลปท็อป
“งั้นเดี๋ยวกูนัดให้ นี่มีเมลล์ของ CM ต้องส่งให้คุณตะวัน Approve พอดี มึงว่างวันไหน” ผมนั่งลงบนโซฟา
“จันทร์บ่าย” พีทว่า
“เห้ย แต่กูไม่ว่าง” อาร์ตท้วงขึ้น “เร็วไป๊ ลางานไม่ทันโว้ย”
“อ้าวว แต่กูว่างได้แค่นั้นอ่ะ ไม่งั้นก็พุธบ่าย” พีทตอบ “คือ Mood and tone ควรจบได้ภายในอาทิตย์นี้แล้วนะเว้ย”
“อ่ะ เอาเป็นว่าพุธบ่าย” ผมสรุปให้แล้วพิมพ์เร็วๆ
“แหม่ เดี๋ยวนี้ช่วยกันทำมาหากินเนอะ อยากมีส่วนร่วมบ้างเลยว่ะ” น้ำที่เดินลงมาทิ้งตัวลงโซฟาข้างผมพูดขึ้นบ้าง
ผมกดส่งอีเมลล์แล้วพูดล้อๆ “ไปเป็นเทพทางหนีไฟเถอะครับเพื่อน ผมไม่อยากขัดทางท่าน”
“เดี๋ยวเหอะมึง” น้ำว่า
“แซวหน่อยไม่ได้เล้ยยยย” อาร์ตบ่นแทนผม “แล้ววันนี้ไม่มีคิวแว้บไปหาสาวเหรอครับเพื่อน”
“น่อววว” ผมกับพีทแซวขึ้นพร้อมกัน
“เงียบเลยนะครับ ไม่มีบอกเพื่อนบอกฝูง” พีทเสริม
ไอ้น้ำทำหน้าตายเหมือนเดิม คนหน้าเข้มปิดปากเงียบแล้วหันไปเล่นกับแมวที่อยู่บนพื้น
พวกผมที่เหลือพยักหน้าให้กันเหมือนอย่างที่เคย
คนแม่งชอบมีความลับ ยังไงมันก็ไม่บอกหรอกครับ
เมื่อเห็นว่าบทสนทนาของพวกเราสำหรับเรื่องนี้คงตันอยู่แค่นั้น อาร์ตกับพีทเลยหันกลับไปคุยกันเรื่องงานต่อ
หลังจากนั่งส่องเฟสบุคไปเพลินๆสักพัก ผมก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเลื่อนดูหลังจากเห็นการแจ้งเตือนใหม่บนอยู่บนหน้าจอ
“อ่า... นัดได้วันพุธบ่ายนะ” ผมว่าหลังจากกดอ่านจากหน้าจอ
“ห๊ะ?” พีทพูดเสียงสูง “นัดอะไร”
“นัดกับคุณตะวันอ่ะนะ” อาร์ตถาม
“อือ พุธบ่ายที่ AA” ผมว่าแล้วชูโทรศัพท์ให้ดู “แกตอบกูมาทางไลน์น่ะ”
“หา” พีทร้อง
“แกว่าโอเค เดี๋ยวแกให้เลขาตอบเมลล์ในลูปอีกที” ผมอ่าน
“อย่างนี้ก็ได้เหรอวะ” อาร์ตถาม ผมเลยพยักหน้าแทนคำตอบ “เหี้ย นี่ยังไม่ถึงสิบห้านาทีเลยนะไอ้ห่า ทำไมกับมึงเขา Respond เร็วจังวะตี๋ ไม่มีอิดออด” มันว่า
“เขาเกลียดมึงป่ะอาร์ต” น้ำพูดขำๆ
“ก็เชี่ยละ” ผมตอบ “กูบอกแล้วว่าปกติเขาตอบเร็ว ไม่เคยติดต่อไม่ได้เลยนะเว้ย ทำงานสมูธ เมื่อวานมันคงแจ็กพอตจริงๆ” ผมว่า
“ให้มันจริงเหอะ...” พีทพูดเรียบๆ แล้วก้มหน้าลงไปทำงานต่อ
_ _ _ _
10.23
วันอาทิตย์หลังจากเมื่อวานพวกแม่งกลับไปหลังจากกินข้าวเย็น (แมทช์วินนิ่งผมได้ที่สองนะ ทำเป็นเล่นไป) ผมเลยนั่งเคลียร์รายงานการประชุมจนเสร็จตอนเที่ยงคืนกว่า ตื่นเช้ามาผมก็ได้ใช้เวลาวันอาทิตย์ไปอย่างเอื่อยเฉื่อยแบบที่ไม่ได้ทำมานาน
เปิดวันด้วยการเดินเล่นในสวนข้างคอนโด ซึ่งใจจริงก็อยากจะเรียกวิ่งออกกำลังกาย แต่ก็เกรงใจสปีดหอยทากของตัวเอง ได้เข้าห้างซื้อหนังสือ นั่งร้านกาแฟ ตบท้ายด้วยการไปดูหนังคนเดียว เรียกได้ว่าเป็นวันใช้ชีวิตชิคๆ อย่างแท้ทรูของไอ้ตี๋วินจริงๆ
กว่าจะได้กลับมาคอนโดก็สี่ทุ่มกว่าเข้าไปแล้ว
ปกติกลับบ้านมาก็น่าจะได้อาบน้ำกระโดดขึ้นเตียงนอน แต่เดี๋ยวนี้ต้องมานั่งเกาหูเกาหางเอาใจแมวอยู่กับพื้นข้างโซฟา ทิ้งมันไปทั้งวันเดี๋ยวจะงอนไม่ยอมกินข้าวอีก นี่ผมมาถึงจุดที่ต้องนั่งง้อแมวได้ยังไงครับ
Rrrr…..ผมชะโงกหน้าดูโทรศัพท์ ก่อนจะคว้ามารับสายเร็วๆ
“ว่าไงฟ้า โทรมาซะดึกเชียว” ผมว่าพลางเกาคางแมวจิ๋วไปด้วย
(ฮือ... วิน... ฟ้าไม่รู้จะทำยังไงดี... วินช่วยด้วย...) ปลายสายส่งเสียงสะอื้น
“เห้ย!! ฟ้า! ฟ้าเป็นอะไร!!” ผมละล่ำละลักถาม ตั้งแต่คบกันจนเลิก ฟ้าร้องไห้ให้ผมเห็นไม่เกินสามครั้งเองนะครับ
(วิน... น้องแย่แล้ว... ฮือ) ฟ้าพูดเสียงอู้อี้
“ฟ้า ตั้งสติก่อนนะ น้องไหน ใครเป็นอะไร”
(...หวาน...น้องหวานอ่ะวิน น้องหวานแย่แล้ว...) หัวใจผมหล่นวูบ
หวาน... เด็กหวานนั่นน่ะนะ“หา ไอ้หวานเป็นอะไร? ฟ้า? เดี๋ยว นี่ฟ้าอยู่ไหน?”
(ฟ้า...ฟ้าอยู่คณะ...วิน วินต้องช่วยน้องนะ...)“ฟ้าใจเย็นๆ รอเราก่อนนะ เดี๋ยวเราไปหา”
ไอ้เด็กเวร มึงอย่าเป็นอะไรไปก่อนเชียวนะ
กูยังโกรธมึงอยู่นะโว้ย!!_ _ _ _
TBC
พาเด็กมาส่งแล้วค่าาาาา โปรดอย่าขว้างปาสิ่งของใส่คนเขียน
ตอนนี้ยาวม๊ากกก อดทนกันหน่อยนะคะ หวังว่าคงไม่เบื่อกัน
ขอเวลาแวะดราม่าแป๊บเดียวค่ะสัญญา
ขอบคุณมากๆ นะคะที่คลิกเข้ามาอ่านวิเคราะห์การรักกัน
คนเขียนอ่านทุกคอมเมนต์ซ้ำไปซ้ำมาเหมือนคนบ้า ขอบคุณจริงๆ ที่เอ็นดูตี๋วินและเจ้าหวานของเราค่ะ
ติชมกันได้เหมือนเดิมนะคะ ยินดีมากๆค่ะ
แล้วพบกันตอนหน้าค่ะ
รักส์

เม้ามอยกันที่ทวิตภพได้เหมือนเดิมค่ะ
#วิเคราะห์การรักอันนี้บ้านคนเขียน เข้าไประบายอารมณ์กันได้ค่ะ @huentrop
ปล. ใครทายออกมั้ยเอ่ยว่าร้านที่เดอะแก๊งค์ไปกันคือร้านอะไร?
ปลล. สาขาสองโดยคุณพี่ MaBlink ยังเปิดดำเนินการอยู่นะคะ
