<<< อลวน "คน" กับ "ผี" >>> ตอนที่ 15 ตายทั้งกลม Part 1 [03-Aug-18]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: <<< อลวน "คน" กับ "ผี" >>> ตอนที่ 15 ตายทั้งกลม Part 1 [03-Aug-18]  (อ่าน 22349 ครั้ง)

ออฟไลน์ ตำไทยใส่พริกสิบเม็ด

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 58
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-8
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ

ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะ ครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรัก ชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้าม แจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะ ปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของ แต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้าม จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิด เดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม

6.การ พูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอม ให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้าม ลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อ ขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ด นิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยาย ที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง

16.นิยาย เรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วน หรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมด ออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้าม แจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)

18.ใคร จะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฏข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฏข้อ 17

เวปไซต์ แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่าง ประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม


++++++++++

สารบัญ
ตอนที่ 1 เมื่อผมเห็นผี
ตอนที่ 2 พาผีเข้าบ้าน
ตอนที่ 3 หนีไม่พ้น
ตอนที่ 4 เจ้ากรรมนายเวร 1
ตอนที่ 5 เจ้ากรรมนายเวร 2
ตอนที่ 6 หมาดำ
ตอนที่ 7 ภาษาใจ
ตอนที่ 8 บ้านร้างเก้าศพ 1
ตอนที่ 9 บ้านร้างเก้าศพ 2
ตอนที่ 10 เจาะเวลาหาคำสัญญา
ตอนที่ 11 ทรพี
ตอนที่ 12 เปรต
ตอนพิเศษ พัตเตอร์ Part1
ตอนพิเศษ พัตเตอร์ Part 2
ตอนที่ 13 ผีกับหมี
ตอนที่ 14 น้ำมันพราย
ตอนที่ 15 ตายทั้งกลม
.......................
Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 03-08-2018 21:24:37 โดย ตำไทยใส่พริกสิบเม็ด »

ออฟไลน์ ตำไทยใส่พริกสิบเม็ด

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 58
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-8
อลวน "คน" กับ "ผี"




ตอนที่ 1 เมื่อผมเห็นผี





     คุณเชื่อเรื่องผีไหม? แต่ที่แน่ ๆ ผมคนหนึ่งแหละที่ไม่เคยคิดที่จะเชื่อเรื่องอะไรพวกนี้เลย เรื่องผีหรือเรื่องสิ่งเร้นลับอะไรนั่นสำหรับผมแล้วมันเป็นสิ่งที่มนุษย์อุปทานกันไปเองทั้งนั้น หรือจะให้เรียกง่าย ๆ ก็คืองมงายนั่นแหละ สำหรับผมมันไม่มีอยู่จริงหรอก แต่กับแม่ของผมละก็ท่านเชื่อเรื่องพวกนี้มาก มากถึงมากที่สุด เรื่องผี เรื่องสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เรื่องเร้นลับเหล่านั้นแสนจะมีอิทธิพลต่อการใช้ชีวิตของคุณนายนกยูงเป็นอย่างมาก



     โดยเฉพาะเรื่องโชคลาง หากมีที่ไหนที่คนเขาล่ำลือกันว่ามีหมอดู หมอผี หรือร่างทรงที่ว่าเด็ดจริงแม่นจริง ไกลแค่ไหนแม่ผมก็ต้องหอบสังขารไปหาให้จงได้ และวันนี้ก็เช่นกัน



     “พ่อหมอเจ้าขา ช่วยดูดวงให้ลูกอิฉันทีเจ้าค่ะ จะมีเนื้อคู่กับเขาหรือเปล่า อายุยี่สิบหกเข้าไปแล้วยังหาแฟนไม่ได้เลย” คุณนายนกยูงเจ้ากี้เจ้าการถามเรื่องผมกับชายสูงวัยไว้นวดเครายาวเฟิ้มใส่ชุดสีขาวโพลน ผู้ที่ใครต่อใครเรียกเขาว่าอาจารย์ทอง ผู้วิเศษที่ชาวบ้านในละแวกนี้ให้การนับถือเป็นอย่างมาก แถมคุณนายนกยูงยังเอาเรื่องผมไปพูดแบบผิด ๆ ให้ผมเสียหายอีกต่างหาก ผมไม่ได้หาแฟนไม่ได้สักหน่อย ต้องบอกว่าผมยังไม่เจอคนที่ถูกใจถึงจะถูก เพราะตัวเลือกสำหรับหนุ่มหล่อและสมบูรณ์แบบอย่างผมมันมีเยอะมากต่างหากล่ะ



     อาจารย์ทองคนนี้นั้นเพื่อนของคุณนายนกยูงเธอแนะนำมา บอกว่าแม่นจริงราวกับตาเห็น ศักดิ์สิทธิ์มากใครเดือดร้อนอะไรมาอาจารย์ทองผู้นี้ก็ช่วยเหลือได้ทุกอย่าง ได้ยินเพียงเท่านั้นคุณนายนกยูงถึงกับรีบบึ่งรถตรงจากกรุงเทพฯมาถึงสระบุรีเพื่อจะมาพบอาจารย์ทองผู้วิเศษให้ได้ แล้ววันนี้พ่อผมก็ดันไปออกรอบตีกอล์ฟกับเพื่อน ๆ เลยเป็นผมที่ต้องจำใจเป็นคนขับรถพาคุณนายนกยูงมาที่นี่แทน ทั้ง ๆ ที่ผมไม่เคยคิดที่จะมาในสถานที่แบบนี้เลยสักนิด เพราะผมไม่เคยมีความเชื่อแบบนี้ใครจะบอกว่าผมลบหลู่ก็ตามแต่ หมอผีหนวดเฟิ้ม ด้านหลังเป็นปะรำพิธี มีหัวกะโหลก มีหุ่นปูนปั้นเป็นรูปต่าง ๆ และดอกไม้ธูปเทียน สิ่งเหล่านี้ผมเคยเห็นแต่ในหนัง เพิ่งได้มาเห็นของจริงก็วันนี้แหละ ทีมงานที่นี่เขาก็เซ็ตฉากกันเก่งดีนะ ดูสมจริงทีเดียว



     บางคนที่มาก่อนหน้านี้ถึงกับชักดิ้นชักงออย่างกับคนเป็นลมบ้าหมู อาจารย์ทองแค่บ่นอะไรไม่รู้งึมงำ ๆ ก่อนจะพ่นลมปากใส่คน ๆ นั้นแล้วก็เขาหายจากอาการชักดิ้นชักงอเป็นปลิดทิ้งกลับมาเป็นปกติอย่างง่ายดาย ทรงนี้แค่ดูด้วยตาเปล่าผมก็รู้แล้วว่าเป็นการแอคติ้งแหกตากันทั้งเพ ก็คงจะร่วมกันทำเป็นขบวนการนั่นแหละ จนมาถึงคิวของคุณนายนกยูง เธอก็ถามนู่นนี่นั่นตามที่เธออยากรู้ ถึงส่วนใหญ่อาจารย์ทองผู้วิเศษจะสามารถตอบได้ตรงตามความเป็นจริง แต่เรื่องที่คุณนายนกยูงถามส่วนใหญ่นั้นแต่ละเรื่องก็จะเป็นเรื่องที่แสนจะเบสิคที่คาดเดาได้ไม่ยากทั้งนั้น หลังจากนั้นคุณนายนกยูงเธอก็ถามอะไรต่อมิอะไรเรื่อยเปื่อย ถึงเรื่องดวงชะตาและวิธีแก้เคล็ดอะไรเหล่านั้นผมเองก็ไม่ค่อยได้ใส่ใจ แต่ก็ไม่อยากจะขัดเธอ เพราะการทานอำนาจมืดของคุณนายนกยูงนั้นยากยิ่งกว่าหยุดสงครามโลกเสียอีก แต่เธอดันถามลามมาเรื่องของผมเสียได้



     “ไม่เอาแม่ผมไม่ดู แม่ก็รู้ว่าผมไม่ชอบ” ผมย่นคิ้วค้านคุณนายนกยูงอย่างอิดออด



     “เอ๊ะ ตาชล มาถึงนี่แล้วก็ให้พ่อหมอท่านดูให้หน่อยจะเป็นอะไรไป เขยิบเข้ามานี่เดี๋ยวนี้” นั่นไงคุณนายนกยูงเธอเริ่มใช้อำนาจมืดกับผมแล้ว เธอหันมาทำตาดุและพูดน้ำเสียงตำหนิใส่ผม ผมถอนหายใจอย่างหน่ายใจและแอบเหลือบตามองด้านบนตอนที่เธอหันหน้ากลับไป แต่ก็ต้องเขยิบเข้าไปหาพ่อหมอนั่นตามที่เธอสั่งอย่างเลี่ยงไม่ได้อยู่ดี



     “อืม หน้าหวานปากแดงอย่างกับผู้หญิง ชื่ออะไรล่ะเอ็ง” พ่อหมอผู้วิเศษเชยคางผมแล้วจับผมหันหน้าไปมาพร้อมมองหน้าผมอย่างพินิจพิเคราะห์ ผมพยายามซ่อนสีหน้าเบื่อหน่ายเพราะเกรงว่าคุณนายนกยูงเธอจะไม่พอใจเอา



     “ชื่อสายชลเจ้าค่ะพ่อหมอ สายชล วงศ์วารี” คุณนายนกยูงจัดแจงบอกชื่อพร้อมนามสกุลของผมให้อย่างเสร็จสรรพไปก่อนที่ผมจะทันได้อ้าปากพูด และหลังจากนั้นเธอก็แทบจะตอบคำถามทุกอย่างที่พ่อหมอคนนั้นถามแทนผมเกือบจะทั้งหมด ทั้งวันเดือนปีเกิด รวมไปถึงเรื่องต่าง ๆ ที่เป็นข้อมูลส่วนตัวของผม



     “อืม เนื้อคู่เอ็งน่ะมี และกำลังจะเจอในเร็ววันนี้แหละ” ตาลุงพ่อหมอบอกกับผม หลังจากที่นั่งหลับตาทำหน้าครุ่นคิดและทำมือขยุกขยิกเพื่ออะไรก็ไม่รู้อยู่ครู่ใหญ่  ซึ่งคำตอบนั้นก็เบสิคมาก หมอดูและหมอเดาก็ตอบแบบนี้กันทั้งโลก



     “แต่จะเจอกันในสถานการณ์ที่ไม่คาดคิด” ตาลุงพ่อหมอหลับตาทำหน้ายุ่งอีกแล้ว ก่อนจะพูดประโยคสุดท้ายที่ผมและคุณนายนกยูงจะต้องอึ้ง

     “และเนื้อคู่ของเอ็ง...เป็นผู้ชาย”



     อ้าวเฮ้ย!!! ไปกันใหญ่แล้วเว้ย!



     “พอเลยลุง ผมทนดูลุงกับพวกเล่นละครมานานพอแล้ว หยุดเพ้อเจ้อสักที” ผมลุกขึ้นตวาดกร้าว เมื่อความอดทนของผมมาถึงขีดสูงสุด อยู่ดี ๆ ก็มาหาว่าผมจะได้เนื้อคู่เป็นผู้ชาย ผมนี่แมนทั้งแท่งนะเว้ย



     “นี่เอ็งกล้าลบหลู่ข้าเหรอ” ตาลุงพ่อหมอชี้หน้าผมอย่างไม่พอใจ สองตาที่ถลึงจนแทบจะถลนบ่งบอกชัดเจนว่าตาลุงนั่นกำลังโกรธผมมาก



     “เออ ผมลบหลู่ ก็เพราะสิ่งบ้า ๆ ที่ลุงกำลังทำมันไม่มีอยู่จริงไงล่ะ ลุงมันก็แค่นักต้มตุ๋น หลอกเอาเงินชาวบ้านไปวัน ๆ”



     “ได้ ในเมื่อเอ็งอยากลองดีกับข้า” ตาลุงพ่อหมอกัดฟันกรอด เขามองหน้าผมอย่างเอาเรื่องมาก ๆ แต่แล้วอย่างไรคิดว่าผมกลัวอย่างนั้นหรือ ถ้าเก่งจริงก็แสดงอภินิหารมาจัดการผมเลย ถ้าทำได้แล้วผมจะยอมเชื่อว่าไม่ใช่นักต้มตุ๋น และจะยอมก้มกราบงาม ๆ เลย



     คุณนายนกยูงดุผม แล้วบอกให้ผมรีบขอขมาตาลุงนั่นเสีย แต่ตอนนี้ผมไม่สนอะไรแล้ว เป็นอย่างไรก็เป็นกันละคราวนี้ ตาลุงพ่อหมอเปิดฝาหม้อดินที่วางอยู่ข้างตัวแก ก่อนจะขยุ้มผงสีดำ ๆ อะไรสักอย่างที่อยู่ในนั้นมาเต็มกำมือ และทำปากขมุบขมิบคล้ายกับว่ากำลังสวดคาถาจอมปลอม ก่อนจะลุกขึ้นยืนประจันหน้ากับผม...



     “นับจากนี้อีกสามวัน เอ็งจะต้องอยู่กับสิ่งที่เอ็งลบหลู่ไปชั่วชีวิต” ตาลุงพ่อหมอว่าจบก็ปาผงในมือใส่หน้าผมเต็ม ๆ



     “โอ้ย!” ผมร้องเพราะแสบตา ไอ้ผงบ้านั่นมันเข้าตาผมเต็ม ๆ เลย ตาลุงนี่ชักจะเล่นอะไรไม่รู้เรื่องแล้ว แสบตาเป็นบ้าเลย เดี๋ยวพ่อโทรเรียกตำรวจมาจับข้อหาต้มตุ๋นหลอกลวงประชาชนเสียนี่!





☎ ☎ ☎ ☎ ☎ ☎ ☎





     กว่าจะง้อคุณนายนกยูงเรื่องที่ผมไปก่อเรื่องไว้ที่ตำหนักพ่อหมอลวงโลกเมื่อสามวันก่อนได้ก็เล่นเอาเหนื่อยเหมือนกัน จริตการงอนของคุณนายเธอนี่ยิ่งกว่าสาวแรกรุ่นเสียอีก ไม่พูดไม่จากับผมทำค้อนทำเมินใส่ผมอยู่เป็นวัน ๆ แต่สุดท้ายก็แพ้ลูกอ้อนลูกตื้อของผมอยู่ดีนั่นแหละ และนี่ก็ผ่านมาสามวันแล้วชีวิตผมก็ยังปกติสุขดี ไม่เห็นว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นกับผมอย่างที่ตาลุงนั่นพูดสักนิด ก็ผมบอกแล้วว่านั่นมันนักต้มตุ๋น



     วันนี้ผมพาคุณนายนกยูงมาเฝ้าไข้ป้านกแก้วพี่สาวของเธอที่ป่วยหนักจนต้องนอนโรงพยาบาล คุณนายนกยูงเธออาสาที่จะนอนเฝ้าไข้พี่สาว โดยมีผมที่ยังอยู่เป็นเพื่อนเผื่อว่าจะช่วยหยิบจับอะไรได้บ้าง ผมตั้งใจไว้ว่าดึก ๆ ค่อยกลับบ้านเพราะอยู่ค้างที่นี่ด้วยไม่ได้พรุ่งนี้ผมยังมีงานที่ต้องเคลียร์อยู่



     “แม่ครับ ผมจะลงไปซื้อกาแฟข้างล่าง แม่อยากได้อะไรไหม” ผมถามคุณนายนกยูงที่นั่งเฝ้าไข้ป้านกแก้วอยู่ไม่ห่างเตียง ตอนนี้ร่างกายผมมันเริ่มกระหายคาเฟอีนเมื่อรู้สึกว่าตาเริ่มจะปรือเพราะเปลือกตามันดูท่าจะหนักขึ้นเรื่อย ๆ



     “ไม่ล่ะลูก ชลจะกลับบ้านเลยก็ได้นะ ดึกแล้ว เดี๋ยวจะขับรถกลับลำบาก” ผมเหลือบตามองนาฬิกาติดผนังตามคำที่คุณนายนกยูงว่า เข็มนาฬิกาบอกเวลาว่าสามทุ่มกว่าแล้วแต่ก็ยังไม่ได้ดึกเกินไปที่จะทำให้ผมตื่นไปทำงานไม่ไหว เพราะฉะนั้นผมอยู่เป็นเพื่อนคุณนายนกยูงอีกสักพักดีกว่า



     “เอ่อ เดี๋ยวอีกสักพักผมค่อยกลับดีกว่าครับแม่ เผื่อแม่จะมีอะไรให้ผมช่วยอีก”





☎ ☎ ☎ ☎ ☎ ☎ ☎





     เอ นี่ก็จะสี่ทุ่มแล้วคนไข้เขายังไม่เข้านอนกันอีกหรือ ตั้งแต่ผมออกจากห้องของป้านกแก้วมาก็เจอกับบรรดาเหล่าคนไข้เดินขวักไขว่ไปมาเต็มทางเดินเลย และทุกคนดูหน้าตาหมองคล้ำแปลก ๆ แต่ก็คงจะเป็นเพราะไม่สบายกันอยู่นั่นแหละ แต่เท่าที่สังเกตดูเหมือนว่าทุกคนจะเดินกันแบบเลื่อนลอยไร้จุดหมายอย่างไรก็ไม่รู้ บางคนแอบเหลือบตามามองผมด้วยแววตาที่ชวนขนหัวลุกอย่างบอกไม่ถูก ผมรู้แต่ว่าบรรยากาศตรงนี้มันไม่น่าอยู่เอาเสียเลย ผมรีบเดินจ้ำอ้าวหมายจะพ้นจากที่ตรงนี้และเหล่าคนไข้ท่าทางประหลาดไปขึ้นลิฟท์ให้เร็วที่สุด แต่แล้วก็....



     โอ๊ะโอ.... ขาว หมวย สวย น่ารัก สเปคไอ้ชล



     “กำลังจะไปไหนเหรอครับ” ผมเดินเข้าไปทักสาวงามในชุดคนไข้ ที่ผมพบเธอกำลังเดินอยู่คนเดียวตรงระหว่างทางเดินก่อนจะถึงลิฟท์ เธอคนนี้ทำเอาผมลืมความรู้สึกน่ากลัวก่อนหน้านี้ไปเลย



     “อ๋อ ดาวกำลังจะกลับห้องน่ะค่ะ” เธอหันมายิ้มให้ผม ถึงแม้ในแววตาเธอจะดูเศร้าแต่เธอก็ยังดูสวยมาก นี่ขนาดหน้าสดงดเมคอัพนะ ใบหน้าของเธอยังสวยหวานจนหัวใจไอ้ชลแทบจะละลายลงตรงนี้



     “เอ่อ ถ้าอย่างนั้น ผมขอเดินไปเป็นเพื่อนนะครับ” คุณดาวเธอไม่ได้ว่าและไม่ได้ตอบอะไร เพราะฉะนั้นผมขอเข้าข้างตัวเองถือว่าเธออนุญาตให้ผมเดินไปกับเธอก็แล้วกันนะ



     “เอ่อ ไม่ทราบว่าคุณดาวไม่สบายเป็นอะไรเหรอครับ ทำไมถึงได้มานอนโรงพยาบาล” ไม่รู้ว่าจะเป็นการละลาบละล้วงเกินไปหรือเปล่า แต่ผมก็ได้เผลอถามอาการป่วยของเธอออกไปแล้ว ก็ตอนนั้นมันนึกเรื่องจะชวนคุยไม่ออกนี่นา



     หลังจากที่ผมถาม คุณดาวเธอดูซึมไปเลย มีแววจะแห้วแล้วไหมล่ะไอ้ชลเอ๋ย



     “เอ่อ ถ้าไม่สะดวกจะตอบก็ไม่เป็นไรนะครับ”



     “แฟนดาวเขาทิ้งดาวไปน่ะค่ะ ดาวเสียใจมากก็เลยฆ่าตัวตาย” ผมอึ้งไปไม่น้อยกับคำตอบของเธอ ไอ้ผู้ชายคนนั้นจิตใจมันทำด้วยอะไรกัน ทำไมกล้าทิ้งสาวที่สวยน่ารักขนาดนี้ได้ลงคอ นี่มันโง่หรือมันโง่มากกันแน่ คุณดาวเองก็เหมือนกันสวยออกขนาดนี้เธอคงหาแฟนใหม่ได้สบาย ๆ ไม่น่าคิดสั้นเลย แต่ก็ยังโชคดีนะที่เธอไม่ได้เป็นอะไรไป



     “ถึงห้องดาวพอดีเลย ดาวขอตัวก่อนนะคะ ว่าง ๆ ก็แวะมาคุยกับดาวได้นะ ดาวคงต้องอยู่ที่นี่อีกนาน” คุณดาวเธอหันมายิ้มหวานให้กับผม รอยยิ้มของเธอช่างมีพลังการทำลายล้างสูงจริง ๆ ทำหัวใจผมแทบจะละลายแล้วละลายอีก ทำไมเธอถึงได้น่ารักอย่างนี้นะ ไม่เป็นไรนะ ไม่ว่าใครจะทำให้คุณเจ็บช้ำมาผมจะรักษาแผลใจให้คุณเอง ผมยังมองเธอตาหวานเยิ้มตามหลังเธอไปจนตัวเธอเดินทะลุผ่านประตูเข้าไปราวกับว่าตรงนั้นไม่ได้มีอะไรขวางกั้นอยู่...



     เฮ้ย! เดี๋ยว!



     “เชี่ย...........”



     ผมยืมกระพริบตาปริบ ๆ อย่างไม่อยากเชื่อสายตาตัวเองกับสิ่งที่เพิ่งเกิดขึ้นไปเมื่อครู่ ผมมั่นใจว่าเมื่อครู่นี้ผมไม่ได้ตาฝาดแน่ ๆ เธอไม่ได้เปิดประตูแต่เธอเดินทะลุมันเข้าไปเลยต่างหาก บ้าน่า! ไม่จริงหรอก ไม่ใช่หรอกน่า อะไรอย่างไรผมก็ยังจับต้นปลายไม่ถูก สิ่งเดียวที่สมองผมพอจะสั่งการได้ในตอนนี้คือ วิ่ง! วิ่ง! วิ่ง! และวิ่งให้เร็วที่สุดเท่านั้น ก่อนที่ยัยดาวจะกลับออกมาอีก...



     ผมใส่เกียร์หมาวิ่งหนีมาอย่างไม่เหลียวหลัง นี่อย่าบอกนะว่าผมโดนเข้าให้แล้ว เมื่อครู่นี้มันใช่จริง ๆ ใช่ไหม...



     โชคดีที่ตอนที่ผมวิ่งมาถึงประตูลิฟท์ก็มันเปิดที่ชั้นนั้นพอดี ผมเลยไม่ต้องยืนรอลิฟท์อยู่บริเวณใกล้ห้องยัยน้องดาวนาน ๆ ตอนนี้หัวใจผมยังเต้นรัวเป็นจังหวะสามช่าอยู่เลย ตั้งแต่เกิดมายังไม่เคยเจออะไรที่ระทึกขวัญอย่างนี้มาก่อน สิ่งที่ผมไม่เคยเชื่อมาทั้งชีวิตว่ามันมีอยู่จริง แต่ถ้ามันไม่มีอยู่จริงแล้วเมื่อครู่นี้ที่ผมเห็น....





☎ ☎ ☎ ☎ ☎ ☎ ☎





     ในใจตอนนี้ผมไม่อยากกินแล้วกาแฟอยากจะหนีกลับบ้านให้รู้แล้วรู้รอดแล้วค่อยโทรบอกคุณนายนกยูงทีหลัง แต่ผมดันไม่ได้เอากุญแจรถกับโทรศัพท์มือถือติดตัวลงมาจากห้องป้านกแก้วด้วยน่ะสิ เอาอย่างไรกันดีล่ะคราวนี้ ถ้าจะกลับขึ้นไปก็ต้องผ่านห้องยัยดาวอีก ถึงจะยังพิสูจน์ไม่ได้ว่ายัยนั่นเป็นตัวอะไรกันแน่ แต่ตอนนี้ผมก็ยังไม่อยากรู้ ไม่อยากพิสูจน์ ไม่อยากเจอ ไม่อยากเห็น ไม่ต้องการรับรู้ทุกสิ่งที่เกี่ยวข้องกับยัยนั่นเลยทั้งนั้น



     ผมเดินวนไปวนมาช่างใจอยู่นานก็ยังคิดไม่ตกเสียทีว่าควรจะเอาอย่างไรต่อดี ก่อนจะตัดสินใจเดินไปซื้อเครื่องดื่มชูกำลังจากร้านสะดวกซื้อมากินย้อมใจก่อนที่จะตัดสินใจขึ้นลิฟท์ไปอย่างหวาดหวั่น ผมคิดเอาไว้ว่าตอนที่เดินผ่านห้องยัยดาวผมจะกลั้นใจหลับตาและวิ่งผ่านไปให้เร็วที่สุด เพราะทางที่จะไม่ต้องผ่านห้องยัยดาวละก็ผมต้องเดินอ้อมไปขึ้นบันไดหนีไฟอีกทาง ซึ่งห้องป้านกแก้วอยู่ชั้นแปด มีหวังผมคงขาลากเป็นแน่ถ้าใช้บันได



     ติ๊ง...



     ผมถึงกับผวาเมื่อได้ยินเสียงลิฟท์ ก่อนที่ประตูลิฟท์จะเปิดออกที่ชั้นสอง และมีชายหนุ่มร่างสูงเดินเข้ามา ผมเบาใจไปได้เปราะหนึ่ง อย่างน้อยก็ไม่ใช่ยัยดาวที่มาดักรอผมอยู่หน้าลิฟท์ และก็ยังมีคนเข้ามาอยู่ในลิฟท์ด้วยก็พอจะช่วยให้ผมอุ่นใจขึ้นได้บ้าง ถ้าขึ้นลิฟท์ไปคนเดียวในสถานการณ์นี้มันจะคงวิเวกวังเวงน่าดู



     “ชั้นไหนครับ” ผมถามตามมารยาทของคนที่อยู่ใกล้ปุ่มกดมากกว่า



     “....” ไม่มีเสียงตอบรับจากคู่สนทนา



     “ชั้นไหนครับ” ผมถามย้ำอีกครั้ง



     “.....” ก็ยังคงไม่มีเสียงตอบรับจากคู่สนทนาอยู่ดี



     “คุณจะไปชั้นไหน ผมจะได้กดให้ถูก”



     ผมหันไปพูดกับชายร่างสูงผู้สวมเสื้อแจ็คเก็ตสีแดงที่ยืนอยู่ข้างผม พลางอดนึกไม่ได้ว่าอากาศร้อนออกปานนี้เขายังจะทนใส่เสื้อผ้าหนา ๆ ได้ ถามว่าจะไปชั้นไหนก็ไม่ตอบจะกดลิฟท์เองก็ไม่กด เขาไม่พูดไม่จาทำหน้าเลิ่กลั่กหันมองซ้ายขวาเหมือนกับกำลังมองหาว่าผมกำลังพูดกับใคร ทำอย่างกับว่าในนี้มันมีคนอยู่หลายคนอย่างนั้นแหละ ทั้งที่มีกันอยู่แค่นี้ หรือว่านอกจากผมแล้วเขายังมองเห็นคนอื่นอยู่ในนี้ที่ผมมองไม่เห็นด้วย เฮ้ย อย่านะ ยังหลอนอยู่นะเว้ย



     “คุณพูดกับผมเหรอ” เขาทำหน้างงและชี้นิ้วเข้าหาตัวเองประมาณว่าถามเพื่อความแน่ใจ



     “ก็ใช่น่ะสิ ก็ในนี้มีแค่ผมกับคุณ แล้วจะให้ผมพูดกับใคร สรุปคุณจะไปชั้นไหน” ผมว่าพลางหันซ้ายแลขวาอย่างหวาดระแวงในบรรยากาศที่เริ่มวังเวง ผมเริ่มจะรู้สึกใจคอไม่ดีแล้วสิ หรือเขาจะเห็นคนอื่นในนี้นอกจากผมจริง ๆ



     “เอ่อ ไปชั้นเดียวกับคุณครับ” เขาตอบผมตะกุกตะกัก แต่คำตอบของเขาก็แอบทำให้ผมใจชื้นขึ้นมาก อย่างน้อยก็มีเพื่อนเดินผ่านหน้าห้องยัยดาวล่ะนะ และไม่แน่ว่านายแจ็คเก็ตแดงที่หน้าตาหล่อคมเข้มสูงล่ำขนาดนี้ ยัยดาวอาจจะชอบนายคนนี้แล้วไม่มายุ่งกับผมอีกเลยก็ได้ ก็ยอมรับนะว่าความคิดผมแอบเลว



     ติ๊ง



     และแล้วช่วงเวลาที่ระลึกใจที่สุดก็มาถึง เมื่อตัวเลขที่ด้านบนของประตูลิฟท์บอกว่าตอนนี้พวกเรามาถึงชั้นแปดแล้ว และประตูลิฟท์ก็ค่อย ๆ เลื่อนเปิดออก ทำให้ผมได้พบว่ามีผู้หญิงคนหนึ่งมายืนรออยู่หน้าลิฟท์ก่อนแล้ว เรื่องนี้คงจะไม่พีคเท่าไหร่ถ้าหากว่าผู้หญิงคนนั้นไม่ใช่....



     อีดาว!!!!!!



     “เขามองเห็นพวกเรา” เสียงพูดของยัยดาวดังกึกก้อง ทำเอากลุ่มคนไข้ท่าทางแปลก ๆ ที่กำลังเดินไปมาอย่างเลื่อนลอยอยู่แถวนั้นหยุดการเคลื่อนไหวและหันเหความสนใจพุ่งตรงมาที่ผมเป็นตาเดียว ท่าจะไม่ค่อยดีแล้วสิ



     “ไปเร็วคุณ!” ผมคว้าแขนนายแจ็คเก็ตแดง แล้วกลั้นใจวิ่งฝ่ายัยดาวและกลุ่มคนไข้ที่น่ากลัวออกมาอย่างไม่คิดชีวิต ถึงจะกลัวมากแต่ผมก็ยังมีสติพอที่จะไม่ทิ้งนายแจ็คเก็ตแดงไว้กับสิ่งที่น่ากลัวแบบนั้นคนเดียว นายนั่นอาจจะไม่ได้จิตแข็งแบบผมและมีโอกาสที่จะช็อกตายได้ง่าย ๆ



     ที่ร้ายไปกว่านั้นเมื่อผมเหลียวหลังกลับไปมองก็พบว่ายัยดาวและกลุ่มคนไข้ประหลาดพวกนั้นวิ่งไล่กวดหลังผมกับนายแจ็คเก็ตแดงมาด้วยความเร็วสูง อย่างกับซอมบี้ที่หิวโหยกำลังล่าเหยื่ออย่างไรอย่างนั้น และที่ร้ายที่สุดคือกลุ่มคนไข้ประหลาดเหล่านั้นเพิ่มปริมาณขึ้นเรื่อย ๆ และพุ่งตรงมาดักผมจากทุกทิศทางจนผมหมดหนทางที่จะหนีเพราะถูกพวกนั้นล้อมไว้หมดแล้ว ผมถอยหลังจนติดกำแพงแล้วหลับตาปี๋เพราะไม่กล้าที่จะมองสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นหลังจากนี้อีกแล้ว



     “อย่ายุ่งกับเขา”



     ผมค่อย ๆ ลืมตาขึ้นอย่างหวั่น ๆ เมื่อได้ยินเสียงของผู้ชายคนนั้น.. สิ่งที่ผมเห็นคือนายแจ็คเก็ตแดงยืนคร่อมตัวผมอยู่เขาใช้แขนทั้งสองข้างยันกับกำแพงกั้นตัวผมและเอาตัวของเขามาบังผมไว้ เหมือนกับว่าเขากำลังปกป้องผมไม่ให้กลุ่มคนไข้ประหลาดเข้ามาถึงตัวผมได้ และตอนนี้กลุ่มคนไข้ประหลาดนำทัพโดยยัยดาวก็กำลังรุมทึ้งร่างนายแจ็คเก็ตแดงพยายามที่จะเข้ามาให้ถึงตัวผมให้ได้ ภาพตรงหน้าผมตอนนี้มันนับว่าเป็นอะไรที่น่ากลัวและระทึกใจมากที่สุดเท่าที่ผมเคยเจอมาทั้งชีวิตเลยก็ว่าได้



     แต่เพียงชั่วอึดใจต่อมาแสงสีขาวนวลก็สว่างจ้าปกคลุมไปทั่วทั้งบริเวณนั้น เพียงชั่วพริบตาทุกอย่างก็กลับเข้าสู่สภาวะปกติ กลุ่มคนไข้ที่น่ากลัวหายวับไปต่อหน้าต่อตาผม ทุกอย่างเป็นปกติราวกับว่าที่ตรงนี้ไม่เคยมีเรื่องที่น่ากลัวเกิดขึ้น



      แม้แต่นายแจ็คเก็ตแดงที่พยายามจะช่วยผมก็หายไปด้วย....



     “อ้าว ชลมาเยี่ยมป้าเหรอลูก นี่ลุงไปอัญเชิญองค์พระมาเป็นสิริมงคล ป้าเขาจะได้หายไว ๆ” เสียงทุ้มที่ฟังดูคุ้นหูผมมากนั้น...



     ชายสูงวัยรูปร่างท้วมท่าทางใจดีคนนั้น ผมรู้จักเขาเป็นอย่างดี เขาคือลุงชัยสามีของป้านกแก้ว สองมือของลุงชัยถือองค์พระพุทธรูปขนาดเล็กมาด้วย หรือว่านี่... จะเป็นสาเหตุที่ทำให้กลุ่มคนไข้ประหลาดและนายแจ็คเก็ตแดงคนนั้นหายไป



     นายแจ็คเก็ตแดง....





☎ ☎ ☎ ☎ ☎ ☎ ☎



     สรุปแล้วเมื่อคืนผมก็ไม่ได้กลับบ้าน ไม่กล้าแม้แต่จะเปิดประตูย่างเท้าออกมาจากห้องของป้านกแก้วเลยด้วยซ้ำ แต่ผมก็ไม่ได้เล่าอะไรให้คุณนายนกยูงและลุงกับป้าฟัง บอกแค่เพียงว่าอยากอยู่เป็นเพื่อนแม่ แต่ความเป็นจริงคือผมไม่กล้าที่จะออกห่างจากรัศมีขององค์พระต่างหาก ผมยอมรับว่ายังผวาไม่หาย สรุปแล้วสิ่งที่เกิดขึ้นกับผมเมื่อคืนมันคืออะไรกันแน่ สิ่งนี้หรือเปล่าที่คนทั่วไปนิยมเรียกกันว่าผี แล้วนายแจ็คเก็ตแดงคนนั้นก็เป็นพวกเดียวกับกลุ่มคนไข้ประหลาดนั่นด้วยอย่างนั้นหรือ แต่เขาพยายามที่จะปกป้องผมนะ...



     เรื่องนั้นทำให้ผมคิดไม่ตกจนนอนไม่หลับทั้งคืน เหลือบมองนาฬิกาแล้วพบว่าตอนนี้ปาเข้าไปหกโมงเช้าแล้ว สว่างขนาดนี้แล้วคงน่าจะไม่มีอะไรแล้วล่ะมั้ง ผมออกจากห้องป้านกแก้วมาอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ แต่ก็โล่งใจไปได้เมื่อพบกับเหล่าคุณพยาบาลและคนไข้ที่ท่าทางดูปกติไม่ได้ดูน่ากลัวเหมือนที่ผมเจอเมื่อคืน เฮ้อ เรื่องน่ากลัวมันจบแล้วสินะ



     ผมมาล้างหน้าล้างตา ในขณะที่ผมกำลังมองภาพตัวเองในกระจกก็พลางฉุกคิดทบทวนถึงสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคืนขึ้นมา มันจะเป็นไปได้ไหมว่าเมื่อคืนผมจะแค่ตาฟาดหรือเพ้อเจ้อไปเองเท่านั้น แต่มันน่ากลัวมากเลยนะ กลุ่มคนไข้ประหลาดพวกนั้นถ้านายแจ็คเก็ตแดงคนนั้นไม่เอาตัวมาบังผมไว้ละก็ ผมไม่กล้าคิดเลยว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับผมบ้าง...



     “คุณไม่ต้องกลัวพวกเขาหรอก พวกเขาน่าสงสารนะ แค่คุณอุทิศส่วนกุศลให้พวกเขาบ้าง พวกเขาก็ไม่มารบกวนคุณแล้ว” เสียงนั่นดังขึ้นพร้อมกับภาพสะท้อนของนายแจ็คเก็ตแดงคนเมื่อคืนในกระจกที่ปรากฏตัวอยู่ด้านหลังผมอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย



     “เชี่ย!!!”



     ทันทีที่ร่างของนายแจ็คเก็ตแดงปรากฏ สองขาของผมมันก็พร้อมออกวิ่งโดยอัตโนมัติอย่างที่ไม่ต้องรอสมองสั่งการ แต่ยังไม่ทันที่จะได้วิ่งออกจากห้องน้ำได้ผมก็ต้องหยุดชะงักลงเสียก่อน เมื่อนายแจ็คเก็ตปรากฏตัวขวางหน้าผมเอาไว้



     “ไม่ต้องกลัวผม ผมไม่ใช่ผี”



     “ไม่ใช่ผีบ้าอะไรหายตัวไปมาได้ อย่ามาหลอกผมอีกเลยเดี๋ยวผมจะทำบุญไปให้” เออ ผีก็ผีวะ ยอมรับก็ได้ว่าผีมีจริง



     นายแจ็คเก็ตแดงค่อย ๆ ย่างเท้าเข้ามาหาผมทีละก้าวอย่างเชื่องช้า จนเขาเข้าใกล้ตัวผมมากขึ้นเรื่อย ๆ ผมเองต้องเป็นฝ่ายก้าวเท้าถอยหนี ผมถูกเขาไล่ต้อนมาเรื่อย ๆ จนผมรู้สึกได้ว่าแผ่นหลังของผมมันแนบติดกับผนังจนไม่สามารถจะถอยหนีไปได้อีกแล้ว วินาทีนั้นหัวใจผมแทบจะหยุดเต้น ไม่เคยคิดเลยว่าในชีวิตนี้จะได้เจอผี แถมได้เจอในระยะประชิดขนาดนี้



     เขาใช้สองแขนของเขายันกับกำแพง และเอาตัวมาคร่อมตัวผมไว้เพื่อพันธนาการไม่ให้ผมหนีไปไหนได้ หัวใจผมสั่นระรัว ไม่สิผมสั่นไปทั้งตัวเลยต่างหาก ยอมรับอย่างไม่อายเลยว่ากลัวจนน้ำตาไหล ใครไม่มาตกอยู่ในสถานการณ์นี้คงไม่เข้าใจหรอก



     “อย่ามาหลอกผมเลย ผมกลัวแล้ว...”



     “ผมยังไม่ตาย คุณเป็นคนเดียวที่มองเห็นผม และคุณเป็นคนเดียวเท่านั้นที่จะช่วยให้ผมกลับเข้าร่างได้”







TBC
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 08-02-2019 10:33:20 โดย ตำไทยใส่พริกสิบเม็ด »

ออฟไลน์ bun

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2374
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +260/-5
อย่าบอกนะว่านายเสื้อแดงนี่เป็นเนื้อคู่ของชล

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3433
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

ออฟไลน์ donut4top

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 396
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-0
โถ พ่อแจ็กเก็ตแดงที่ผ่านมาคงทุกข์น่าดู

ออฟไลน์ donut4top

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 396
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-0
โถ พ่อแจ็กเก็ตแดงที่ผ่านมาคงจะทุกข์น่าดู

ออฟไลน์ ตำไทยใส่พริกสิบเม็ด

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 58
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-8

ออฟไลน์ Readyaoi

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 212
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-1

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8

ออฟไลน์ GuoJeng

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1268
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +44/-1
เป็นไงเห็นผีเลยสิ 555 สนุกๆ รออ่านตอนต่อไป

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ ตำไทยใส่พริกสิบเม็ด

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 58
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-8
ตอนที่ 2 พาผีเข้าบ้าน





     ที่นี่ที่ไหนกัน แล้วผมมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง นั่นคือความรู้สึกแรกของผมเมื่อลืมตาขึ้นมาแล้วพบตัวเองกำลังนอนอยู่บนเตียงเล็ก  ๆ ที่ไหนสักแห่ง ผมกระพริบตาปริบ ๆ มองหลอดไฟเพดานที่ไม่คุ้นตาพลางครุ่นคิดทบทวนและปะติดปะต่อถึงทุกเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับผม สายน้ำเกลือที่แขนผมและคุณคนสวยในชุดพยาบาลที่กำลังเดินตรวจตราอยู่รอบๆเตียงพอจะเป็นสิ่งที่บอกผมได้ว่าตอนนี้ผมกำลังนอนอยู่ในบนเตียงคนไข้ในห้องพักของโรงพยาบาล ว่าแต่ผมมาอยู่ที่นี่ได้ยังไงกัน เพราะในห้วงความทรงจำของผมก่อนที่จะสิ้นสติไปนั้น...



     “ผมยังไม่ตาย คุณเป็นคนเดียวที่มองเห็นผม คุณเป็นคนเดียวเท่านั้นที่จะช่วยให้ผมกลับเข้าร่างได้”



     เสียงของนายแจ็คเก็ตแดงยังคงดังก้องอยู่ในโสตประสาทของผม นึกภาพแล้วก็ยังสยองไม่หาย แม้นายนั่นจะเป็นผู้ชายที่หน้าตาจัดว่าดีมาก ดีจนผมแอบอิจฉาด้วยซ้ำ แต่จะหล่อยังไงก็ผีนั่นแหละ เจอผีครั้งแรกก็ได้มาเจอแบบประชิดตัวขนาดนี้ นี่ปีนี้ผมชงหรือเปล่านะ สงสัยต้องไปทำบุญใหญ่สะเดาะเคราะห์กันสักหน่อยแล้ว



     แต่เดี๋ยว... แล้วตอนนี้ผมมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง



     หรือว่าจริงๆแล้ว....



     เรื่องทั้งหมดผมแค่ฝันไป



     ใช่แล้ว ผมฝันไปนี่เอง ทั้งนายแจ็คเก็ตแดงหรือแม้แต่กลุ่มคนไข้ประหลาดนั่นเป็นแค่ความฝันเท่านั้น แน่นอนอยู่แล้วก็ผีมันมีอยู่จริงทีไหนกันเล่า ช่วงนี้ผมคงจะพักผ่อนน้อยบวกกับเรื่องตาลุงนักต้มตุ๋นคนนั้นที่ทำให้ผมเก็บมาฝันเลอะเทอะไปเรื่อย แต่ก็นับว่าเป็นฝันที่น่ากลัวใช้ได้เลยนะ ขนาดตื่นมาแล้วก็ยังรู้สึกผวาไม่หายเลย แต่ยังไงก็ต้องขอบคุณสวรรค์ที่ให้ผมตื่นขึ้นมาสักที  ก่อนที่จะฝันอะไรฟุ้งซ่านไปมากกว่านี้



     คุณพยาบาลคนสวยเธอคงจะเห็นว่าผมตื่นแล้ว เธอหันมายิ้มหวานให้ผมอย่างละมุนละไม แหม พยาบาลสวยงานดีขนาดนี้เห็นแล้วไอ้ชลอยากจะป่วยนาน ๆ ขึ้นมาทันที ถ้าหากว่าผมไม่ได้ยังอยู่ในอาการมึน ๆ เบลอ ๆ เพราะเพิ่งตื่นจากการหลับใหลผมคงได้พูดคุยทำความรู้จักหรือไม่ก็แลกไลน์กับเธอไปแล้ว



     เธอหันหลังให้ผมแล้วเดินดุ่มตรงไปที่ประตูอย่างช้า ๆ อ้าวจะไปแล้วหรือ อยู่ให้ผมมองหน้าสวย ๆ ให้ชื่นใจนาน ๆ หน่อยก็ไม่ได้ เธอค่อย ๆ เดินห่างจากผมไปเรื่อย ๆ ทำให้ผมมีโอกาสได้มองเธอจากด้านหลังเต็ม ๆ ตัวแบบชัดแจ้งเต็มสองตา อื้อหือ แม่เจ้าประคุณเอ๋ย อกเป็นอก เอวเป็นเอว สะโพกกลมกลึง นอกจากจะมีใบหน้าที่สวยงามชวนฝันแล้ว เธอยังมีเรือนร่างที่เซ็กซี่เย้ายวนใจเหลือเกินจนผมอดไม่ได้ที่จะต้องกลืนน้ำลายเมื่อได้เห็น



     และเมื่อผมมองสำรวจเรือนร่างของเธอตั้งแต่หัวจรดเท้ายังมีบางสิ่งที่ทำให้ผมต้องตะลึงในตัวเธอยิ่งกว่าอก เอว สะโพกอันแสนเย้ายวน จนผมถึงกับต้องตาเบิกโพลงลุกวาว ก็เพราะว่าเธอไม่มีขาและตอนนี้เธอกำลังลอยอยู่ ก่อนที่ร่างของเธอก็ค่อย ๆ เลือนลางและหายไป

     เฮ้ย!!!!!

     นี่มัน ผะ ผะ ผะ ผ...



      “จุ๊ๆ อย่างส่งเสียงดังถ้าคุณทำให้เขารู้ตัวว่าคุณเห็นเขาระวังจะเกิดเรื่องน่ากลัวแบบเมื่อคืน”



      เสียงกระซิบเบา ๆ จากใครคนหนึ่งที่ข้างหูทำให้ผมที่กำลังจะแหกปากตะโกนลั่นต้องหยุดชะงักลง น้ำเสียงที่แสนจะคุ้นหู... ราวกับว่าเพิ่งได้ยินเมื่อไม่นานมานี้ จังหวะการพูดที่เหมือนเคยได้ยินจากที่ไหนสักแห่ง... ที่น่าจะไม่ใกล้ไม่ไกล และเมื่อหันมองไปยังต้นเสียงผมก็ได้พบกับบุคคลในห้วงความทรงจำสุดท้ายของผมก่อนที่จะหมดสติไป คนที่ผมคิดว่าเขาเป็นเพียงแค่ความฝัน ใบหน้าของเขาที่อยู่ตรงหน้าผมในตอนนี้เป็นสิ่งที่ย้ำชัดว่าสิ่งที่ผมพบเจอมาทั้งหมดมันไม่ใช่ความฝันอย่างที่ผมอยากให้เป็น ผู้ชายรูปร่างกำยำในชุดแจ็คเก็ตสีแดงปรากฏอยู่ข้างเตียงและโน้มตัวลงมากระซิบที่ข้างหูผม นายนั่นยิ้มร่าในขณะที่ผมสติกำลังจะเตลิดไปไกลจนแทบจะฉี่ราดอยู่แล้ว เชี่ย!!!!



     “ถ้าไม่อยากให้ผมแลบลิ้นปลิ้นตาหรือทำหน้าเละๆแบบในหนังผีให้คุณเคยดูล่ะก็ ตั้งสติแล้วมาคุยกันดี ๆ”



     เพราะคำขู่นั้นทำให้ผมไม่กล้าที่จะแหกปากร้อง มาแบบสภาพดี ๆ ก็น่ากลัวจะแย่อยู่แล้ว ถ้าขืนมาแบบสยอง ๆ หน้าเละ ๆ  แบบในหนังละก็ผมอาจจะช็อคตายได้ง่าย ๆ แล้วลองคิด ๆ ดูแล้วต่อให้หนียังไงนายนี่มันก็ผีนี่นะยังไงก็แว้บไปแว้บมาดักหน้าดักหลังผมได้ทุกทางอยู่แล้ว อย่างไรเสียก็คงไม่มีประโยชน์ที่จะหนี เพราะฉะนั้นผมจึงทำได้เพียงรวบรวมความกล้าและตัดสินใจเจรจากับนายนั่นให้รู้เรื่อง เขาจะได้เลิกตามหลอกหลอนผมแล้วไปให้พ้น ๆ เสียที





☎ ☎ ☎ ☎ ☎ ☎ ☎





     “นี่คุณคุยกับผมก็มองหน้าผมด้วยสิ” ตอนนี้ผมกับเขาอยู่ในท่านั่งขัดสมาธิอยู่บนเตียงคนไข้คนละมุมของเตียง ผมอยู่หัวเตียงส่วนนายผีแจ็คเก็ตแดงอยู่ปลายเตียง เอ่อ ถึงจะตกลงที่จะเจรจาด้วยแล้ว แต่การจะให้มองหน้าผีตรง ๆ นั้นมันก็ไม่โอเคอยู่ดีนั่นแหละ ผมเลยได้แต่นั่งก้มหน้าก้มตามองนิ้วชี้ตัวเองทั้งสองข้างที่เขี่ยกันเล่นไปมาอย่างไม่รู้จะทำอะไรไปพลาง ๆ



     “คุณจะกลัวอะไรผมนักหนา ผมบอกแล้วไงว่าผมไม่ใช่ผี” เอ่อ เห็นชัด ๆ กันอยู่ว่านายนั่นเป็นผีแต่ยังจะกล้าบอกว่าตัวเองไม่ใช่ผี แบบนี้ใช่ไหมที่เขาเรียกว่าผีหลอก



     “เลือกเอาจะเงยหน้ามาคุยกับผมดีๆ หรือจะให้ผมถอดหัวไปวางบนตักคุณ” ถอดหัว! เฮ้ยไม่เอานะ



     “เฮ้ย อย่านะ เออ ๆ เงยหน้าก็ได้” เออ ยอมมองนายผีแจ็คเก็ตแดงในสภาพดี ๆ ดีกว่าปล่อยให้นายนั่นแสดงมายากลถอดหัวเป็นผีหัวขาดให้ผมดู ผมค่อย ๆ เงยหน้าขึ้นมาโดยที่ในใจยังรู้สึกหวั่น ๆ นายผีแจ็คเก็ตแดงแอบขำผมด้วย อย่าคิดว่าไม่เห็นนะ



     “แล้วร่างของนายอยู่ไหน ฉันจะได้รีบพานายไปเข้าร่างให้มันจบๆ”



     “นั่นแหละปัญหา เพราะผมไม่รู้ว่าร่างของผมอยู่ที่ไหน”



     “ถ้าอย่างนั้นบอกชื่อกับนามสกุลของนายมา เผื่อฉันจะติดต่อญาตินายได้ พวกเขาอาจจะรู้ว่าร่างของนายอยู่ที่ไหน”



     “ชื่อของผมอย่างนั้นเหรอ.... อืม....” นายผีแจ็คเก็ตแดงทำท่ากอดอกหน้าครุ่นคิด พลางเหลือบสายตามองบนเพดาน ราวกับคนที่กำลังใช้ความคิดอย่างหนักอยู่ครู่ใหญ่ เอ่อ มันตอบยากจนต้องใช้ความคิดอะไรขนาดนั้นเลยหรือก็แค่ชื่อตัวเอง ทำหน้าอย่างกับกำลังทำข้อสอบโอเน็ต



     “นั่นน่ะสิ ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าผมชื่ออะไร” นี่คือคำตอบหลังจากที่นายนั่นนั่งหน้าเครียดอยู่นาน



     “กวนตีนเหรอ” ผมเผลอสบถคำหยาบออกมาชนิดที่ลืมกลัวผีโดยไม่ตั้งใจ คนอะไร เอ้ย ไม่ใช่สิ ผีอะไรมันจะไม่รู้แม้กระทั่งชื่อของตัวเอง



     “เฮ้ย เปล่านะ ก็ผมไม่รู้จริง ๆ นี่ ตั้งแต่วิญญาณออกจากร่างมาผมก็จำอะไรไม่ได้เลย” นายผีแจ็คเก็ตแดงทำหน้าตาเหมือนอ้อนขอความเห็นใจ และทำน้ำเสียงน่าสงสารอย่างกับเด็กที่พ่อไม่ยอมซื้อของเล่นให้ แต่ประธานโทษคำแก้ตัวของนายนั่นฟังไม่ขึ้นเลยสักนิด นอกจากจะโดนผีหลอกแล้วผมยังโดนผีอำอีกด้วยสินะ



     “ถ้านายจำอะไรไม่ได้ แล้วนายจะรู้ได้ยังไงว่าตัวนายยังไม่ตาย ป่านนี้ร่างของนายอาจจะถูกเผาหรือฝังไปแล้วก็ได้”



     “ผมรู้เพราะท่านผู้รับวิญญาณบอกผม...” เมื่อพูดถึงเรื่องนี้สีหน้าของนายนั่นดูซีเรียสขึ้นมาทันที



     “ผู้รับวิญญาณ ยมทูตน่ะเหรอ” พอพูดถึงท่านแล้วผมก็ขนลุกเหมือนกันนะ



     “ใช่ ผมได้เจอท่านแล้ว ท่านบอกผมว่ามันยังไม่ถึงเวลาที่ผมจะต้องไปกับท่าน แต่เป็นเพราะลิขิตของโชคชะตาและคำสัญญาจากอดีตชาติ ทำให้มีเหตุให้วิญญาณของผมต้องหลุดออกจากร่างเพื่อรอคอยใครสักคนที่ผูกพันกันมาตั้งแต่อดีตชาติมาพาผมกลับเข้าร่าง ท่านบอกผมว่าคน ๆ เดียวที่จะสามารถพาผมกลับเข้าร่างได้คือคนแรกที่สามารถมองเห็นผม และนั่นก็คือคุณ ผมขอร้องนะช่วยผมด้วย ผมอยากกลับมามีชีวิตอีกครั้ง...”



     พล็อตเรื่องมันฟังดูเหมือนลิเกนะ แต่นายผีแจ็คเก็ตแดงดูอินไปเรื่องที่เขาเล่ามาก สีหน้าของนายนั่นดูจริงจัง น้ำที่คลอตรงขอบตาล่างของเขา(ว่าแต่ผีมีน้ำตาด้วยหรือ)กับแววตาที่เขามองมาที่มาที่ผม  มันก็ทำให้ผมอดที่จะเห็นใจเขาไม่ได้ ผมรับรู้ได้ถึงความรู้สึกของเขา ถ้าเกิดว่าผมไม่ได้โดนผีอำก็นับว่านายผีแจ็คเก็ตแดงน่าสงสารมากทีเดียว ใครบ้างที่จะไม่อยากมีชีวิต มีตัวตน มีลมหายใจ ถ้าผมจะไม่ช่วยเขาเลยมันก็ดูจะใจจืดใจดำเกินไปหน่อย เพราะหากที่นายนั่นเล่าเป็นเรื่องจริงเท่ากับว่าผมปล่อยให้คน ๆ หนึ่งต้องตายไปโดยที่ผมไม่ช่วยอะไรเลยทั้ง ๆ ที่ผมมีโอกาสที่จะช่วยได้ ถ้าผมเป็นเขาผมก็คงต้องการความช่วยเหลือมากเช่นกัน



     “อืม ฉันจะช่วย”



     “จริงนะ! สัญญาแล้วนะ!”



     “เออ” นายผีแจ็คเก็ตแดงยิ้มร่าตาลุกวาวเมื่อผมตอบรับคำขอร้อง เขากระโดดโลดเต้นไปมาราวกับเด็กน้อยได้ของเล่น มันช่างขัดแย้งกับรูปร่างกำยำสูงใหญ่และหน้าตาคมเข้มของเขาเสียจริงๆ นายผีเด็กโข่งเอ๊ย แล้วไอ้ตัวที่นั่งหน้าเศร้า เก๊กมาดเคร่งขรึมเมื่อครู่นี้หายไปไหนเสียแล้ว



     “ขอบคุณนะ คุณน่ารักที่สุดเลย” เฮ้ย!



     ความรู้สึกเมื่อครู่นี้ มันก็แค่ลมอุ่น ๆ เบา ๆ ที่พัดมากระทบแก้มของผมก็เท่านั้น แต่ความจริงและสิ่งที่ผมเห็นมันไม่ได้เป็นแค่ลมธรรมดา แต่เป็นนายผีแจ็คเก็ตแดงแว้บมายืนอยู่ข้าง ๆ ผม แล้วเขาก็โน้มตัวลงเอาปลายจมูกและริมฝีปากของเขามาแตะที่แก้มซ้ายของผมและทำท่าเหมือนสูดลมหายใจเข้าไปแบบเต็มปอด



     ผมถูกผีหอมแก้ม...



     ผมถูกผีแต๊ะอั๋ง...



     และที่สำคัญ...



     มันเป็นผีผู้ชาย!!!!



     ไอ้ผีชั่ว!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!



     แก้มนิ่มๆของผมมีไว้สำหรับสาว ๆ เท่านั้นนะเว้ย ต่อให้เป็นผีแต่ถ้าไม่ใช่สาว ๆ ก็ไม่มีสิทธิ์ ไอ้คน เอ้ย ไอ้ผีตัวก่อเหตุเหมือนจะรู้ชะตากรรมนายผีแจ็คเก็ตแดงแว้บหายไปก่อนที่ผมจะทันได้อ้าปากพ่นคำที่ไม่น่าจะสุภาพนักใส่เพื่อระบายความขุ่นเคือง นี่ผมคิดถูกหรือคิดผิดกันนะที่ยอมช่วยนายนั่น ฮึ่ม ฝากไว้ก่อนเถอะ!





☎ ☎ ☎ ☎ ☎ ☎ ☎





     สรุปแล้วสาเหตุที่ผมได้ไปฟื้นอยู่ในห้องพักโรงพยาบาลนั้น คุณนายนกยูงเธอเล่าให้ฟังว่ามีคนไปเจอผมนอนสลบอยู่ในห้องน้ำ คุณหมอบอกว่าร่างกายของผมอ่อนเพลียมากน่าจะเป็นเพราะพักผ่อนน้อยแล้วก็มีไข้ด้วย เลยให้นอนให้น้ำเกลือก่อน และไม่ใช่ว่าเป็นเพราะผมกลัวนายผีบ้านั่นจนเป็นลมไปหรอกนะ คนอย่างไอ้ชลคนแมนไม่เคยกลัวอะไรทั้งนั้น ตอนนั้นที่วิ่งหนีเพราะตกใจเฉย ๆ หรอก ตอนแรกคุณหมอก็อยากจะผมนอนที่โรงพยาบาลเพื่อดูอาการสักคืน แต่ขนาดกลางวันแสก ๆ คุณพยาบาลคนสวยยังจัดหนักจัดเต็มกับผมได้ ถ้าขืนอยู่ค้างคืนไม่รู้ผมว่าจะได้เจออะไรอีกบ้าง ไหนจะยัยดาวกับพรรคพวกอีก ก็ไม่ได้กลัวแต่ก็ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องเจอ ทุกคนเข้าใจผมใช่ไหม ผมเลยรบเร้าคุณหมอขอกลับบ้านให้ได้ภายในเย็นวันนี้เลย



     “คุณจะกลับแล้วเหรอ” ผมสะดุ้งเฮือกใจหายวูบ เมื่อนายผีแจ็คเก็ตแดงโผล่นั่งตรงเบาะข้างคนขับแบบไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย ดีนะผมยังไม่ได้สตาร์จรถไม่อย่างนั้นคงได้มีเผลอเหยียบคันเร่งไปชนรถใครเขาเข้าเป็นแน่



     “นี่นายผี ถ้านายยังไม่เลิกโผล่มาแบบไม่ให้สุ้มให้เสียงแบบนี้ล่ะก็ ฉันจะไม่ช่วยนายแล้วปล่อยให้วิญญาณเร่ร่อนแบบนี้ไปตลอดแล้วนะ” ถึงจะยังรู้สึกแปลก ๆ ที่ต้องมานั่งคุยกับผี แต่ผมก็คงทำอะไรไม่ได้แล้ว นอกจากทำใจให้ชิน



     “โห ขอโทษ ก็ไม่รู้นี่ว่าชลยังไม่เลิกกลัวผม” นายผีแจ็กเก็คแดงทำหน้าจ๋อยและน้ำเสียงอู้อี้เชิงตัดพ้อ เอ่อ ไอ้ท่าทางแบบนั้นถ้าเป็นเด็ก ๆ ทำมันก็คงจะน่ารักอยู่หรอกนะ แต่พอเป็นไอ้ผีตัวโย่งนี่ทำแล้วมันดูน่าถีบตกรถเสียมากกว่า



     “แล้วก็เปลี่ยนความคิดด้วยนะ เพราะฉันไม่ได้กลัวนาย แล้วก็ไม่เคยกลัวด้วย”



     “เหรอ แล้วในห้องน้ำใครกันนะ ที่บอกผมว่ากลัวแล้ว ๆ อย่ามาหลอกกันเลย อุ่ย!” ผมรู้ว่านายนั่นมันยังมีอะไรที่จะพูดต่อ แต่มันต้องหยุดไปเสียก่อนเพราะผมหันไปทำตาขวางใส่ ยังยืนยันคำเดิมว่าผมไม่ได้กลัว อันนั้นมันเป็นแค่การแสดงเพื่อเอาตัวรอดในชั่วโมงคับขันเท่านั้น แต่แท้ที่จริงแล้วผมไม่ได้กลัวเลยสักนิด



     นายผีแจ็คเก็ตแดงยกมือทั้งสองขึ้นปิดปากอย่างทันควันพร้อมกับกระตาปริบราวกับว่าตัวเองใสซื่อ ก่อนลดมือลงแล้วยิ้มแหย ๆ และหัวเราะแหะ ๆ กลบเกลื่อน ฮึ่ม เย็นไว้นะชล เย็นไว้





☎ ☎ ☎ ☎ ☎ ☎ ☎





     นี่ไม่รู้ว่าคิดถูกหรือคิดผิดที่เอานายนั่นมาด้วย ก็ดันเผลอไปรับปากแล้วว่าจะช่วยให้นายผีแจ็คเก็ตแดงผู้ที่ไม่ยอมรับว่าตัวเองเป็นผีกลับเข้าร่างให้ได้ ครั้นจะทิ้งไว้ที่โรงพยาบาลนายนั่นก็ไม่ยอม แถมยังขู่ผมอีกว่าถ้าผมไม่พามาด้วยจะโชว์ถอดหัวให้ผมดูเป็นขวัญตา เออ ย้ำอีกทีต่อให้นายนั่นถอดหัวโชว์ผมจริง ๆ ผมก็ไม่กลัวหรอกนะ แต่ที่ยอมพามาด้วยก็เพราะสงสารเฉย ๆ หรอก แต่ดู ๆ แล้วนายนี่มีแววจะเป็นตัวภาระแน่ ๆ ตั้งแต่นั่งมาในรถนี่ยังพูดจ้อไม่หยุด แม้ผมจะพูดไปตรง ๆ แล้วว่ารำคาญ แต่ก็ดูว่านายผีบ้านั่นจะไม่สะทกสะท้านเลยสักนิด ยังหาเรื่องนั่นนี่มาชวนผมคุยได้แบบไม่ลดละ อย่างกับว่าไม่เคยได้พูดกับใครเลยมานานนับปี ดีนะรถผมติดฟิล์มทึบไม่อย่างนั้นรถคันอื่นคงได้หาว่าผมเป็นบ้าพูดคนเดียวแน่ ๆ





     นี่ดีนะคุณนายนกยูงเธอยังอยู่เฝ้าป้านกแก้วต่อโดยมีพ่อผมเอาเสื้อผ้าไปให้เปลี่ยนที่โรงพยาบาลแล้วอยู่เป็นเพื่อนคุณนายนกยูงที่นั่นต่อเลย ไม่อย่างนั้นคงได้ตอบคำถามกันยาวกับการที่อยู่ดี ๆ ผมก็มานั่งคุกเข่าจุดธูปพนมมืออยู่หน้าศาลพระภูมิที่บ้านที่ร้อยวันพันปีผมแทบจะไม่เคยมาสนใจเลย ก็เป็นเพราะไอ้ตัวที่ยืนกระฟัดกระเฟียดงอแงเหมือนเด็กน้อยอยู่หน้าบ้าน ผมอยากจะรู้มากว่าไอ้ผีผู้ชายตัวโตที่ใส่แจ็คเก็ตแดงตัวนั้นมันหยุดการเจริญของอายุสมองไว้ที่ห้าขวบใช่ไหม ก็นายผีเด็กโข่งนั่นบอกว่าเข้าบ้านไม่ได้เพราะเขาไม่ให้เข้า เอาเป็นว่าผมก็พอจะคาดเดาได้ว่าเขาที่นายนั่นว่าหมายถึงเขาไหน ก็เลยมาจุดธูปบอกกล่าวท่านสักหน่อย



     เอ่อ ท่านครับนอกจากผมจะอนุญาตให้นายผีแจ็คเก็ตแดงนั่นเข้าบ้านแล้ว ผมก็ต้องขอขอบพระคุณท่านเป็นอย่างสูงที่ช่วยดูแลคุ้มครองบ้านผม แล้วก็ ผมรักท่านนะครับ และถ้าท่านรักผมได้โปรดเมตตาพยายามอย่าให้ผมเห็นนะครับ สาธุ



     “เห็นไหมลุง ผมบอกแล้วผมกับชลเราสนิทกัน” ผมผงะไปทันทีเมื่อภาพตรงหน้าปรากฏขึ้นอย่างไม่ทันตั้งตัว



     ลำพังนายผีแจ๊คเก็ตแดงมาคนเดียวแว้บไปแว้บมาผมก็ยังทำใจไม่ค่อยจะได้อยู่แล้ว แล้วนี่มันยังพา เอ่อ ชายสูงวัยผมสีขาวท่าทางใจดีนุ่งขาวห่มขาวมาด้วย (เอ่อ รู้กันนะว่าท่านคือใคร) ผมได้แต่ทำตาปริบ ๆ และเหงื่อผมแตกผลั่ก ก้อนสะอึกก้อนโตได้ถูกกลืนลงคอ อารมณ์ตอนนี้อธิบายไม่ถูก ใจหนึ่งก็อยากจะวิ่งนะแต่ขาเจ้ากรรมของผมมันดันไม่สนับสนุน เรียกได้ว่าชาไปทั้งร่างแล้วตอนนี้ ผมเลยทำได้เพียงแค่ยกมือไหว้ท่านอย่างเกรงใจ



     “เออ อย่าให้เห็นล่ะว่าเอ็งสร้างความเดือดร้อนให้คนในบ้าน ไม่อย่างนั้นข้าถีบเอ็งออกไปแน่”



      ดูนายผีแจ็คเก็ตแดงมันท่าทีราวกับสนิทสนมกับท่านผู้นั้นเสียเหลือเกิน ได้ข่าวผมเพิ่งพานายนั่นมา(ซึ่งนั่นน่าจะเป็นการตัดสินใจที่ผิดพลาดที่สุดในชีวิตผม) ช่วยแคร์คนที่นั่งเหวอรับประทานจนไม่พูดอะไรไม่ออกอยู่ตรงนี้ด้วย



     “เออ นี่ พ่อหนุ่มฝากบอกแม่ด้วยอย่าเอาหัวหมูมาถวายลุงบ่อย เดี๋ยวไขมันในเส้นเลือดลุงจะขึ้นเอา ลุงอยากจะกินอาหารคลีนบ้าง” นั่นคือคำบอกกล่าวสุดท้ายที่ท่านผู้นั้นบอกกับผมก่อนร่างของท่านจะค่อย ๆ เลือนหายไป



     “.................”



     “ชล ชล เป็นอะไรหรือเปล่า” นายผีแจ็คเก็ตแดงย่อตัวลงและเอามือมาโบกไปมาตรงหน้าผมที่กำลังอยู่ในอาการตาตั้งค้าง เพราะยังทำใจไม่ค่อยได้กับสิ่งเพิ่งพบเจอ สิ่งที่ผมรับรู้เพียงอย่างเดียวในเวลานี้ก็คือสิ่งที่อยากจะทำที่สุดใน นั่นก็คือ....



     ป้าบ!



     “โอ๊ย!”



      รู้สึกตัวอีกทีฝ่ามือของผมก็ฟาดลงตรงกลางกบาลไอ้คน เอ๊ย ไม่ใช่สิ ไอ้ผีตรงหน้า ตามที่สมองสั่งการ

     “เป็นพวกชอบใช้ความรุนแรงเหรอ!” นายผีแจ็คเก็ตแดงทำเอามือกุมหัวตรงร่องรอยที่เพิ่งถูกผมกระทำเมื่อครู่ นายนั่นทำหน้ายู่ประท้วงผมอย่างกับเด็กโดนคุณครูตี มันช่างดูไม่เข้ากับสาระร่างของเขาเอาเสียเลย แต่ภาพตรงหน้าก็ทำเอาผมอดที่จะขำไม่ได้ ถือว่าได้ระบายความตกใจผ่านการลั่นกบาลไอ้ตัววุ่นวายซึ่งได้ผลดีทีเดียว



     แต่เดี๋ยว.....



     ทำไมเมื่อครู่นี้ผมถึงสัมผัสตัวนายนั่นได้ล่ะ



     เมื่อตั้งสติและคิดได้ดังนั้นผมลองพยายามเอามือคว้าร่างกายของนายนั่นที่อยู่ตรงหน้า แต่สิ่งที่เกิดขึ้นคือมือของผมผ่านทะลุร่างของเขาไปราวกับว่าเป็นเพียงแค่ลมหรืออากาศที่ล่องลอย ผมลองทำอย่างนั้นอยู่ซ้ำ ๆ แต่ผลที่ได้ก็เหมือนเดิม ผมสัมผัสตัวเขาไม่ได้ แต่เมื่อครู่นี้ผมตีหัวเขาโดนเต็ม ๆ เลยนะ ทำไมถึงเป็นอย่างนี้



     “ชลทำอะไรของชลน่ะ” นายผีแจ็คเก็ตแดงมองผมอย่างช่างสงสัย 



    ♫“อย่าเห็นฉันเป็นสนามอารมณ์หลอกชิดหลอกเชยหลอกชื่นหลอกชม”♫ เอ่อ นักร้องเสียงเพี้ยนจากรายการนักร้องซ่อนแอบที่ไหนมาร้องเพลงแถวนี้นะ



     ผมละความสนใจจากเรื่องที่ยังคิดไม่ตกเพราะเสียงร้องเพลงอันสุดเพี้ยนบันลือโลกที่ได้ยินแล้วชวนปวดประสาทนั่น



     ♫*“หลอกฉันจน ตรมใจตาย”♫* ข้างบ้านร้องคาราโอเกะกันหรือยังไง เสียงดังรบกวนไม่เกรงใจกันบ้างเลย



     ♫“ฉันกลัวเหลือเกินกลัวรักจะต้องร้องไห้”♫ แต่เดี๋ยวนะพอฟังดี ๆ แล้วเสียงมันอยู่ในบ้านผมนี่นา



     ♫“กลัวรักจะต้องหมองไหม้ กลัวรักจะกลายชอกช้ำ”♫ ชัดเลยเสียงนั่นอยู่ในบ้านผมแน่ ๆ ผมตั้งใจฟังหาทิศทางที่มาของเสียงนั้น ใครแอบเข้ามาร้องเพลงในบ้านผมกันนะ



     ผมหันมองไปยังจุดที่คิดว่าน่าจะเป็นที่มาของเสียง ตรงนั้นก็คือต้นกล้วยที่พ่อของผมเอามาลงปลูกไว้ที่บ้านที่เมื่อเดือนก่อน ต้นกล้วยที่พ่อของผมเองก็ไม่รู้ว่ามันคือกล้วยอะไร แต่ตอนนี้ผมว่าผมรู้แล้วว่ามันคือกล้วยอะไร....



     ผู้หญิงผมยาว สวมชุดไทย สไบสีเขียว กำลังเดินเริงร่าวนรอบต้นกล้วยต้นนั้นราวกับว่ากำลังเล่นมิวสิควีดีโอประกอบเพลงที่เธอกำลังร้องเอง และก็เป็นจังหวะเดียวกันกับที่เธอหันมองมาทางผมพอดี



     “Hi” เธอสวยมาก เธอยิ้มแย้มและโบกมือทักทายผม แต่นั่นไม่ใช่ประเด็น....



     ประเด็นคือเธอใช่ ๆ ไหม คุณกำลังคิดเหมือนผมใช่ไหม เอ่อ....... เอาเป็นว่า......





     ผมขอตัวเป็นลมดีกว่า...









     TBC
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 08-02-2019 10:34:34 โดย ตำไทยใส่พริกสิบเม็ด »

ออฟไลน์ minmin96

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 435
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-1
เขียนได้สนุก น่าติดตาม
อ่านตอนแรก ยังแอบหลอนตอนเจอน้องดาว
แล้วนี่ชลได้วิญญาณตามติดมาฟรีๆ...ดีใจด้วยนะชล~

ออฟไลน์ Nus@nT@R@

  • Life is Investment
  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5589
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +456/-11

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3433
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

ออฟไลน์ rockiidixon666

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 760
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-3
ติดตามๆค่ะ ผีแจคเกตแดงน่ารักจัง

ออฟไลน์ mimirose

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 13
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
รออ่านอยู่นะคะ

ออฟไลน์ ตำไทยใส่พริกสิบเม็ด

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 58
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-8
ตอนที่ 3 หนีไม่พ้น






     ผมรู้สึกตัวขึ้นมาอีกครั้ง แต่การรู้สึกตัวครั้งนี้ของผมมาพร้อมกับการภาวนาต่อพระเจ้าว่าขอให้เรื่องไม่คาดฝันที่ผมได้พบเจอมาทั้งหมดมันเป็นเพียงแค่ผมฝันไป ขอให้เมื่อตอนที่เปลือกตาของผมเปิดขึ้นมาแล้วผมได้มองเห็นแค่เพียงสิ่งที่มนุษย์ธรรมดาทั่ว ๆ ไปควรจะได้เห็นเท่านั้น

     แต่ทว่าเหมือนความโชคดีมันไม่ค่อยจะเข้าข้างผมสักเท่าไหร่ เพราะภาพแรกที่ผมได้เห็นเมื่อลืมตาขึ้นมาก็ถึงกับทำเอาผมสะดุ้ง เพราะมันย้ำชัดว่าเหตุการณ์ที่ผ่านมาทั้งหมดมันไม่ใช่ความฝันดั่งที่ผมภาวนา นายผีแจ็คเก็ตแดงกำลังนั่งขัดสมาธิบนพื้นสนามหญ้าบ้านผม นายนั่นมองมาที่ผมตาละห้อย พร้อมด้วยแม่สาวสไบเขียวคนนั้นเธอก็กำลังนั่งพับเพียบอยู่ข้างนายผีแจ็คเก็ตแดงในบริบทที่สุดแสนจะออเซาะอิงแอบแนบซบนายผีแจ็คเก็ตแดงคนเท่นั่น แม่ผีสาวตนนั้นทำให้ผมรู้ว่านางไม้ก็มีอารมณ์หลงใหลผู้ชายหล่อเป็นเหมือนกันนะ


     “ชลฟื้นแล้ว” นายผีแจ็คเก็ตแดงยิ้มให้ผม ผมหันมองไปรอบตัวพบว่าตอนนี้ตัวผมกำลังนั่งพิงกำแพงรั้วบ้านตัวเอง และตอนนี้ฟ้าก็เริ่มจะมืดแล้วด้วย นี่ผมสลบไปนานไปแค่ไหนกันนะ

     “เสียมารยาทที่สุดเลย พี่นีออกจะสวยขนาดนี้ ดันมาเป็นลมใส่ได้ จริงไหมจ๊ะพ่อหนุ่มน้อย” พี่นี ชื่อเต็ม ๆ ของเธอคงเป็นตานีสินะ เธอค้อนให้ผมพลางออเซาะนายผีแจ็คเก็ตแดงท่าทางของเธอราวกับคุณป้าที่กำลังถูกอกถูกใจหนุ่มน้อยกระเตาะ


     แต่ผมว่าเรื่องนี้มันชักจะไปกันใหญ่แล้ว นี่ผมกำลังทำอะไรอยู่ ผมจะต้องพบเจอกับเรื่องอะไรแบบนี้ในทุก ๆ ที่ไปตลอดเลยอย่างนั้นหรือ ถ้าจะให้ผมพูดตามตรงแล้วสิ่งที่ผมคิดว่าผมควรจะทำมากที่สุดในเวลานี้มันคือการจบเรื่องนี้ให้เร็วที่สุดต่างหาก เริ่มแบบไหนมันก็ต้องจบแบบนั้น จะปล่อยให้ชีวิตตัวเองเข้าไปพัวพันกับเรื่องเร้นลับทำไม ผมต้องไปจบเรื่องราวทั้งหมดนี้ที่ต้นเหตุ คนที่ทำให้ผมเป็นแบบนี้เขาจะต้องรู้วิธีที่จะหยุดมัน เมื่อคิดได้ดังนั้นผมรีบดันตัวเองลุกขึ้นทันทีและเดินดุ่มตรงไปที่รถของผมที่ยังจอดอยู่หน้าบ้าน ยังไงเสียวันนี้ทุกอย่างต้องจบ


     “จะไปไหน ชล” ผมไม่ใส่ใจเสียงทักท้วงของนายผีแจ็คเก็ตแดงที่ตะโกนถามไล่หลังผมมา ผมกดรีโมทปลดล็อครถ แต่ยังไม่ทันที่ผมจะเดินไปถึงตัวรถ ร่างสูงของนายผีแจ็คเก็ตแดงก็มาปรากฏตัวอยู่ตรงหน้าขวางทางผมไว้เสียก่อน

     “ผมรู้นะว่าชลคิดจะทำอะไร ชลสัญญากับผมแล้วนะว่าชลจะช่วยผม”

     “ขอโทษด้วยนะนายผีแต่ฉันคงจะช่วยอะไรนายไม่ได้แล้ว” ผมเดินผ่านทะลุร่างของเขาและเปิดประตูขึ้นรถไปอย่างไม่แยแส

     ขอโทษนะนายผี  ไม่ใช่ว่าผมจะไม่รู้สึกผิดที่ตัดสินใจทำแบบนี้ แต่ทุกคนมันก็ต้องมีด้านที่เห็นแก่ตัวกันทั้งนั้น ทุกคนย่อมรักตัวเอง ถ้าผมจะต้องให้ผมทนพบเห็นอะไรแบบนี้ไปตลอดผมคงจะต้องเป็นโรคประสาทเข้าสักวันเป็นแน่ ผมจะต้องไปจบเรื่องนี้ที่ต้นเหตุวันนี้และเดี๋ยวนี้ แม้ว่าร่างของนายผีแจ็คเก็ตปรากฏตัวขึ้นมาขวางทางผมไว้อีกครั้ง ถึงแม้จะลำบากใจแต่ผมก็ตัดสินใจที่จะกลั้นใจเหยียบคันเร่งเคลื่อนรถผ่านร่างของนายนั่นไป ขอโทษนะ ขอโทษจริง ๆ ในหัวผมตอนนี้แทบจะมีแต่คำขอโทษปรากฏอยู่เป็นล้านคำ ถึงแม้จะสงสารนายนั่นไม่น้อยแต่อย่างไรเสียความสงบสุขของชีวิตผมมันก็ต้องมาก่อน



☎ ☎ ☎ ☎ ☎ ☎ ☎



     แม้ว่าจะค่ำมืดสักแค่ไหนแต่ผมก็ดั้นด้นมาถึงที่นี่จนได้ ขับรถจากกรุงเทพฯมาถึงสระบุรีด้วยระยะทางกว่าร้อยกิโลเมตรแต่สิ่งที่ผมได้พบกลับไม่เป็นอย่างที่ผมหวังเอาไว้ ตำหนักอาจารย์ทองปิดเงียบสนิท แม้แต่หลอดไฟดวงเล็ก ๆ สักดวงก็ไม่ถูกเปิดเอาไว้ สิ่งของใด ๆ ที่เคยถูกวางประดับไว้ตรงพื้นที่หน้าบ้าน ในตอนนี้กลับกลายเป็นว่าเหลือแต่เพียงพื้นที่โล่ง ๆ เท่านั้น ในเวลานี้ที่นี่มันเงียบสงัด เงียบจนเหมือนกับว่าไม่มีผู้ใดพักอาศัยอยู่


     “ขอโทษนะครับคุณป้าอาจารย์ทองไม่อยู่เหรอครับ” ผมกล่าวถามกับคุณป้าที่เดินผ่านมาทางนั้นพอดี

     “อ้าว พ่อหนุ่มไม่รู้เหรอ อาจารย์ทองแกย้ายไปแล้วเพิ่งไปเมื่อวานนี้เอง ไม่มีใครรู้ว่าแกจะย้ายไปอยู่ที่ไหน แต่เห็นแกบ่นมาตั้งนานแล้วว่าอยากจะเลิกทำหน้าที่ตรงนี้แล้วมุ่งสู่ทางธรรม”

     คำตอบของคุณป้าทำเอาสองขาของผมแทบจะหมดเรี่ยวแรงที่จะยืนอยู่ ความรู้สึกของผมในตอนนี้คงจะไม่ต่างจากคนที่กำลังใจสลาย คนที่ทำให้ผมต้องพบเห็นในสิ่งที่ผมไม่อยากเห็น เขาหายไปไหนก็ไม่มีใครรู้ หนทางทุกด้านของผมแทบจะมืดสนิทผมไม่รู้เลยว่าจะต้องไปตามหาเขาที่ไหน แล้วอย่างนี้ใครจะทำให้ผมเลิกมองเห็นสิ่งเหล่านั้นได้ ผมหมดหวังแล้วใช่ไหม เท่ากับว่าการขับรถมาไกลของผมมันสูญเปล่าอย่างนั้นหรือ...




     ผมกลับเข้ามาในรถอย่างสิ้นหวังอารมณ์ของผมในตอนนี้เรียกได้ว่าหมดอาลัยตายอยาก นายผีแจ็คเก็ตแดงนั่งสีหน้าเรียบเฉยอยู่ตรงเบาะข้างคนขับอยู่ก่อนแล้ว นายนั่นคงจะมารอเยาะเย้ยผมสินะ เอาเลยอยากจะพูดจาถ่างถางอะไรก็เอาตามที่สบายใจได้เลย

     “ผมบอกชลแล้วไงว่ามันเป็นลิขิตของโชคชะตา ชลหนีมันไม่พ้นหรอก” น้ำเสียงของเขาดูอ่อนโยนฟังดูไม่มีอารมณ์ของการเย้ยหยันแฝงมาในน้ำเสียงแต่อย่างใด ผมคงจะอคติมากไปเอง

     “แล้วนายจะให้ฉันทำยังไง ฉันอยากเป็นคนธรรมดา ฉันไม่อยากเห็นอะไรแบบนี้ ฉันกลัวนายเข้าใจไหม!” ผมตวาดขึ้นเสียงดังใส่นายนั่นอย่างควบคุมอารมณ์ไม่อยู่ ความกลัว ความเครียด ความกดดัน มันสุมเข้ามาในหัวผมพร้อม ๆ กันอย่างหนักหนาจนมันกลั่นออกมาเป็นน้ำตาที่ไหลพรากอย่างที่ผมก็ห้ามมันไม่ได้

     “แค่คุณเปิดใจ คุณก็อยู่ร่วมกับพวกเขาได้ ดูอย่างคุณป้าคนเมื่อกี้นี้สิคุณยังไม่เห็นกลัวเลย” คุณป้าคนเมื่อครู่นี้?


     ประโยคหลังสุดที่นายผีแจ็คเก็ตแดงว่าทำเอาผมขนลุกวาบไปทั้งตัว ผมรีบเหลือบตามองไปที่กระจกหลังทันที จนได้พบว่า... ทั้ง ๆ ที่ทางตรงนี้เป็นทางตรงไม่มีทางเลี้ยวหรือทางแยกไปไหน แถวนี้ก็มีแค่ตำหนักของอาจารย์ทองเป็นบ้านคนที่ตั้งอยู่เพียงแค่หลังเดียวโดด ๆ เท่านั้น แล้วคุณป้าคนเมื่อครู่นี้หายไปไหน เราเพิ่งแยกกันไม่กี่นาทีเท่านั้นไม่มีทางเป็นไปได้ที่คุณป้าคนนั้นจะเดินออกไปไกลจนผมไม่สามารถมองเห็นตัวเธอได้ภายในเวลาที่รวดเร็วเช่นนี้ เว้นเสียแต่ว่าเธอจะไม่ใช่มนุษย์...

     แสดงความคุณป้าคนนั้นก็เป็น.....

     “ฟังผมนะชล ชลไม่ต้องกลัวอะไรทั้งนั้นเพราะผมจะปกป้องชลเอง...” น้ำเสียงสุขุมของนายผีแจ็คเก็ตแดงเอ่ยขึ้นในวินาทีที่ผมกำลังตะลึงงันกับสิ่งที่เพิ่งเกิดขึ้น


☎ ☎ ☎ ☎ ☎ ☎ ☎



     ผมขับรถกลับกรุงเทพฯกับบรรยากาศในรถที่เงียบสนิท ไม่มีบทสนทนาใด ๆ ระหว่างผมกับนายผีแจ็คเก็ตแดง นายนั่นคงพอที่จะรับรู้ถึงอารมณ์และความรู้สึกของผมในเวลานี้ได้ เขาเลยเลือกที่จะไม่กวนใจผม


     “ชล ถ้าเห็นอะไรอยู่ข้างหน้าขับชนไปได้เลยนะ ห้ามเบรคหรือหักหลบเด็ดขาด” นั่นคือบทสนาแรกที่นายนั่นพูดกับผม นายนั่นพูดขึ้นด้วยท่าทางที่ดูร้อนรน

     “นายหมายความยังไง” ยังไม่ทันที่ผมจะได้ทำความเข้าใจกับสิ่งที่นายผีแจ็คเก็ตแดงพูด ผมก็เริ่มจะรู้สึกได้ว่าตอนนี้ผมไม่สามารถที่จะบังคับรถได้อีกต่อไป รถเริ่มเคลื่อนที่ไปเองด้วยความเร็วที่เพิ่มขึ้นจนน่าตกใจดูเหมือนว่ามันจะเคลื่อนที่ไปเร็วเกินกว่าที่กฎหมายกำหนดเสียแล้ว พวงอาลัยของรถก็ไม่ยอมหมุนไปตามทิศทางที่ผมพยายามจะบังคับ และไม่ว่าผมจะพยายามเหยียบเบรคสักกี่ครั้งก็ไม่สามารถที่จะหยุดยั้งการเคลื่อนที่ของรถเอาไว้ได้เลย


     “ฝีมือนายใช่ไหม” ผมหันไปตวาดวิญญาณที่นั่งอยู่ข้างผม นายนั่นกำลังจะเล่นบ้าอะไรของเขากันนะ เล่นแบบนี้ผมไม่สนุกด้วยหรอกนะ


     ในเสี้ยววินาทีนั้น อยู่ ๆ ก็ปรากฏร่างของผู้หญิงชุดขาววิ่งออกมาตัดหน้ารถของผมอย่างกะทันหัน อย่างที่ผมไม่มีโอกาสที่จะตั้งตัว


     โครม!


     รถที่ผมไม่สามารถบังคับได้พุ่งชนร่างของผู้หญิงคนนั้นเข้าอย่างจัง เสียงรถกระแทกกับร่างของเธอดังโครมใหญ่ ร่างของเธอปลิวกระเด็นไปไกล เป็นจังหวะเดียวกับที่ผมเริ่มจะสามารถกลับมาบังคับรถได้ ผมเหยียบเบรคอย่างสุดแรงเท้าจนได้ยินเสียงล้อรถเสียดสีกับพื้นถนนดังกึกก้อง จากการที่หยุดรถอย่างกะทันหัน ผมหันไปมองหน้าเอาเรื่องตัวก่อเหตุที่ยังคงนั่งอยู่ข้างผมด้วยท่าทางที่ดูราวกับว่าจะไม่รู้สึกรู้สาอะไรกับเรื่องร้ายแรงที่ตัวเองเพิ่งก่อ


     ผมรีบเปิดประตูลงไปดูคนเจ็บทันที ปากนายนั่นบอกว่าจะปกป้องผมแต่กลับนำพาเรื่องเดือดร้อนมาให้ผมเสียแล้ว หัวใจผมเต้นรัวไม่เป็นจังหวะความคิดฟุ้งซ่านนับร้อยประดังเข้ามาในหัวผมเต็มไปหมด ถ้าผู้หญิงคนนั้นเป็นอะไรไปผมจะทำยังไง ผมไม่อยากถูกตราหน้าว่าเป็นฆาตกร ผมไม่อยากติดคุก ผมพยายามที่จะระงับสติอารมณ์ข่มความฟุ้งซ่านเอาไว้ก่อนที่สติของผมจะเตลิดไปไกลกว่านี้ อย่างไรเสียตอนนี้ก็ต้องช่วยคนเจ็บก่อน
 

     ร่างของผู้หญิงคนนั้นเธอกระเด็นห่างออกไปจากตัวรถพอสมควร ผู้หญิงชุดขาวนอนแน่นิ่งอยู่กลางถนน ภาพที่เห็นทำเอาผมบ่อน้ำตาแตกเพราะความกลัวจนแทบจะคุมสติไม่อยู่ ผมได้แต่ภาวนาให้ขออย่าให้เธอเป็นอันตรายอะไรมาก ถึงแม้ความแรงและความเร็วในการชนมันจะไม่สอดคล้องกับสิ่งที่ภาวนาก็ตาม ผมเดินตัวสั่นตรงเข้าไปหมายจะดูอาการคนเจ็บ ถึงอย่างไรผมก็ไม่คิดที่จะหนีหรือปัดความรับผิดชอบถึงแม้ว่าผมจะไม่ได้ตั้งใจให้เรื่องนี้เกิดขึ้นก็ตาม

     “ชล อย่าเข้าไป” เสียงเรียกจากด้านหลังนั้นทำให้ผมหยุดชะงักลง
     
     “นายทำบ้าอะไรของนาย รู้ไหมถ้าผู้หญิงคนนั้นเป็นอะไรไปชีวิตฉันจะเป็นยังไงบ้าง” แค่ได้ยินเสียงของนายนั่นความโกรธเคืองในใจของผมมันก็ยิ่งปะทุถึงขีดสุด ผมหันกลับมาอาละวาดใส่นายผีแจ็คเก็ตแดงผู้ก่อเหตุ ที่ตอนนี้นายนั่นมาปรากฎตัวอยู่ตรงหน้าผมแล้วทันที


     กรอบ กรอบ


     เอ๊ะ เสียงนั่น?


     เสียงปริศนาที่ดังจากด้านหลังผมดึงความสนใจของผมจากนายผีแจ็คเก็ตแดงไปได้ไม่น้อย เสียงมันคือเสียงอะไรกันมันดังมาจากด้านหลังผมหรือว่าเสียงนั่นจะมาจากผู้หญิงคนนั้น... ผมไม่อาจจะเก็บความสงสัยเอาไว้ได้บวกความเป็นห่วงหญิงสาวที่เพิ่งถูกรถของผมชนเข้า ผมรีบหันไปมองยังต้นเสียงนั้นทันที....

     ภาพที่เห็นผมแทบจะไม่เชื่อสายตาตัวเอง ผู้หญิงชุดขาวที่เคยนอนแน่นิ่งอยู่กลางถนนเมื่อครู่ ตอนนี้เธอกำลังค่อย ๆ ดันตัวเองลุกขึ้นจากพื้นอย่างช้า ๆ และในทุกครั้งที่เคลื่อนไหวร่างกายไม่ว่าส่วนใดก็จะต้องมีเสียงกระดูกลั่นดังกรอบ ๆ นั่นคงจะที่มาของเสียงปริศนาเมื่อสักครู่


     เธอยืนหันหลังให้ผม เส้นผมของเธอยาวจนเกือบถึงพื้น ผมขนลุกเกรียวไม่ทั่วร่าง มีหลายสิ่งที่ถูกจินตนาการขึ้นในหัวแต่ไม่สามารถที่กลั่นออกมาเป็นคำพูดได้จนต้องกลืนกลับเข้าไปเป็นก้อนสะอึก เหงื่อของผมเปียกชุ่มไปทั้งตัว และผมแทบจะหยุดหายใจเมื่อเธอคนนั้นค่อย ๆ หันหน้ามาทางผม พร้อมกับเสียงกระดูกคอของเธอที่ดังลั่น เสียงนั่นมันช่างน่าสยดสยองและทรมานแก้วหูคนที่ได้ยินเสียเหลือเกิน ในขณะที่ร่างกายของเธอยังอยู่ในตำแหน่งเดิมไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ แต่ส่วนหัวของเธอนั้นกลับบิดหมุนร้อยแปดสิบองศาหันและมองมาทางผม

     ผมยอมรับเลยว่าในช่วงเวลานั้นน่าจะเป็นช่วงเวลาที่ผมหัวใจเต้นแรงที่สุดในชีวิตแล้วก็ว่าได้ ทำไมโชคชะตาเล่นตลกกับชีวิตไอ้ชลแบบนี้  ตั้งใจจะมาหาวิธีให้เลิกพบเห็นสิ่งเหล่านี้แท้ ๆ แต่กลับต้องมาพบมาเห็นในรูปแบบที่ชวนให้ขวัญผวายิ่งกว่าเดิม ผู้หญิงคนนั้นใบหน้าของเธอซีดเผือก ลูกตาซ้ายของเธอจากเดิมที่มันก็ดูปกติดี แต่บัดนี้มันกำลังค่อย ๆ ถลนหลุดออกมาจากเบ้าตา เลือดสีแดงสดไหลเอ่อล้นออกจากศรีษะของเธอจนเปียกโซกไปทั้งตัวเธอ จากชุดที่เคยเป็นสีขาวตอนนี้กลับถูกย้อมด้วยสีแดงฉานจากเลือดสด ๆ ภาพที่เห็นทำเอาผมแทบจะขนหัวลุก


     “กรี๊ด!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!”


     เสียงกรีดร้องที่โหยหวนของเธอ ดังสนั่นหวั่นไหว มันช่างทรมานโสตประสาทการรับเสียงเสียเหลือเกิน จนผมต้องอุดหู ตอนที่กรีดร้องปากล่างของเธออ้ากว้างฉีกลงมาจนถึงพื้น สาบานได้เลยว่านี่คือภาพที่น่าสะพรึงกลัวที่สุดในชีวิตที่ผมเคยได้พบเจอมาแล้ว เรียกได้ว่ายัยดาวกับคุณพยาบาลคนสวยเทียบไม่ติดเลยก็ว่าได้ เพียงชั่วอึดใจร่างของผู้หญิงคนนั้นก็หายวับไปต่อหน้าต่อผม


     ความเครียดและความกลัวที่สั่งสมกันมานานทำให้ร่างกายผมเกิดอาการพะอืดพะอมจนต้องรีบไปวิ่งปลดปล่อยระบายด้วยการอาเจียนเอามันมาให้หมดที่ข้างทาง หลังจากที่ร่างกายของผมเริ่มรู้สึกโอเคขึ้นผมเพิ่งจะได้มีโอกาสมองสำรวจไปรอบ ๆบริเวณตรงนั้น นี่ผมเกือบไปแล้วสินะ โผล่มาระยะประชิดแบบนั้นถ้าผมเกิดหักหลบขึ้นมาละก็รถของผมอาจจะเสียหลักพุ่งชนต้นไม้ข้างทางก็เป็นได้ ถ้าเป็นอย่างนั้นพรุ่งนี้ผมคงจะได้ตกเป็นข่าวสะเทือนขวัญพาดหัวบนหน้าหนึ่งหนังสือพิมพ์ไปแล้ว เฮ้อ อย่างนั้นความว่านายนั่นปกป้องผมจริง ๆ


     “ถ้าไม่มีมีผมมาด้วยป่านนี้ชลคงกลายเป็นผีเฝ้าถนนแทนผู้หญิงคนนั้นไปแล้ว ผมบอกแล้วไงว่าผมจะปกป้องชล” 


     ก็เท่ากับว่าตอนนี้ผมเป็นหนี้ชีวิตนายผีแจ็คเก็ตแดงนั่นเข้าให้แล้วสินะ




☎ ☎ ☎ ☎ ☎ ☎ ☎





     “นี่นายผี นายยังไม่หายโกรธฉันอีกเหรอ” ชีวิตนี้ไม่เคยคิดไม่เคยฝันว่าจะต้องมาง้อผีอย่างนี้ ก็ไอ้นายผีแจ็คเก็ตแดงตัวดีนี่น่ะสิ ตอนอยู่ในรถก็นั่งมาด้วยกันพูดคุยกันอยู่ดี ๆ แต่พอกลับถึงบ้านเท่านั้นแหละอาการนายนั่นก็ออกทันที

     นายผีแจ็คเก็ตขึ้นไปนั่งขัดสมาธิบนเตียงของผมอย่างถือวิสาสะ ตัวผมเองก็ไม่รู้คิดยังไงถึงอนุญาตให้นายนั่นเข้าห้องนอนผมได้ง่าย ๆ แบบนี้ และดูนายนั่นมันทำนั่งกอดอกทำหน้างอนตุ๊บป่องกลับเข้าสู่โหมดสมองเด็กห้าขวบแล้วสินะ สรุปแล้วคือผมต้องง้อน่ะสิ

     “ชลจะมาสนใจผมทำไม ในเมื่อไม่อยากจะเห็นผมแล้วไม่ใช่เหรอ” น้ำเสียงน้อยเนื้อต่ำใจกับท่าทีแบบนั้นนี่เด็กอนุบาลยังดูออกว่ามารยาล้วน ๆ เห็นแล้วอยากจะลั่นกบาลนายนั่นอีกสักที ติดตรงผมดันเป็นฝ่ายผิดจริง ๆ นี่สิ เลยต้องมานั่งง้อนายนั่นอยู่อย่างนี้นี่ไง

     จริตการงอนของนายนั่นนี่ผู้หญิงยังอาย พอผมไปนั่งข้าง ๆ ฝั่งซ้ายมือนายนั่นก็มองค้อนผมก่อนเบือนหน้าหนีไปทางอีก พอผมย้ายไปนั่งอีกฝั่งก็ยังคงทำเช่นเดิม เฮ้อ

     “นี่ฉันก็ขอโทษนายแล้วนี่ไง เป็นความผิดครั้งแรกนะ ยกโทษให้ฉันเถอะนะ นายอยากให้ฉันทำอะไรฉันยอมนายทุกอย่างเลย”

     “ยอมทุกอย่างจริงเหรอ” เอ่อ เมื่อครู่นี้ผมเผลอพูดอะไรออกไป นายผีแจ็คเก็ตแดงมองผมด้วยแววตาที่สุดแสนเจ้าเล่ห์และยิ้มมุมปากที่ดูมีเลศนัยทันทีที่ผมเผลอหลุดปากพูดอะไรไม่เข้าท่าออกไป

     “อะ อืม” เออ เอาวะ ลูกผู้ชายพูดแล้วต้องไม่คืนคำ คนอย่างไอ้ชลคนแมนมีสัจจะอยู่แล้ว


     ฟอด


     “เฮ้ย!” นายผีแจ็คเก็ตแดงจู่โจมเข้าหอมแก้มขวาผมอย่างไม่ทันตั้งตัว มันหอมแก้มผมอีก!

     ถึงความรู้สึกที่สัมผัสกับแก้มมันจะเป็นเพียงแค่ลมอุ่น ๆ ที่พัดผ่านแต่ในความเป็นจริงมันก็เห็นอยู่ตำตาว่ามีสะสารเพศผู้ขนาดมหึมากำลังประทุษร้ายแก้มนิ่มๆของผมอยู่ รับไม่ได้โว้ย! แก้มของผมนี้มีไว้สำหรับสาวสวยเท่านั้น!

     “นี่! นาย”

     “หยุดนะถ้าชลด่าผมละก็แสดงว่าชลผิดคำพูดที่บอกว่าจะยอมผมทุกอย่าง” นั่นไง นายนั่นเบรคผมไว้ได้ทันก่อนที่สิงสาราสัตว์มากมายจะพรั่งพรู่ออกมาทางลมปากของผม โดนเข้าให้แล้วไหมเล่า ไอ้ชลเอ๋ย ดันไปเผลอหลุดปากพูดพล่อย ๆ จนเข้าตัวให้จนได้

     ผมเอามือถูแก้มข้างที่โดนขโมยหอมไปพร้อมเบ้ปากมองนายนั่นเคือง ๆ ถ้าด่าเป็นคำพูดไม่ได้ก็ขอด่านายนั่นผ่านทางสายตานี่ก็แล้วกัน

     “เวลาชลเขินจนหน้าแดงนี่ก็น่ารักดีนะ” นายผีแจ็คเก็ตแดงยิ้มหวานได้น่าหมั่นไส้มาก ผู้ชายประเภทไหนอยู่ดี ๆ จะมาบอกว่าผู้ชายด้วยกันน่ารักได้อย่างหน้าตาเฉย แต่เดี๋ยว! ตอนนี้ผมหน้าแดงอยู่หรือ

     “ปะ เปล่า มะ ไม่ได้เขินโว้ย ฉะ ฉันหน้าแดงเพราะโมโหต่างหาก” ผมตอบอย่างตะกุกตะกักเพราะตกใจเฉย ๆ หรอก คนอย่างไอ้ชลคนแมนเนี่ยนะจะมาเขินเพราะโดนผู้ชายหอมแก้ม ไม่มีทางเสียหรอก!!

     “นี่ชลผมขอหอมอีกทีได้ไหมครับ” อ้าวเฮ้ย ดูมันขอกันง่าย ๆ อย่างนี้เลยหรือ นายนั่นช่างกล้าพูดอะไรอย่างนั่นออกมาได้อย่างหน้าซื่อตาใส

     “พอเลย นายเป็นบ้าอะไรของนาย นายผี มาหอมแก้มฉันอยู่ได้”

     “โห ชลไม่เข้าใจผมหรอก ผมอยู่ในสภาพนี้มานานหลายเดือนแล้วนะ ผมเหงามากนะรู้ไหม พอเจอคนที่มองเห็นผมพูดคุยกับผมได้ทั้งที ผมก็อยากจะกอดชล อยากจะหอมชล อยากะจับชลมาฟัดให้หนำใจไปเลย ” เอ่อ นายผีแจ็คเก็ตแดงตีหน้าจ๋อยเล่าเรื่องดราม่า ไอ้ช่วงแรก ๆ มันก็ฟังดูน่าสงสารอยู่หรอกนะ แต่ฟังไปฟังมาแล้วผมว่าผมอยากจะจับนายนั่นมาฟาดด้วยไม้คมแฝกเสียมากกว่า ถึงขั้นคิดที่จะจับผมฟัดที่เกินไปแล้วนะ

     “แล้วทำไมไม่คุยกับพวกผี ๆ ในโลกพยาบาลล่ะ”

     “โห ชลก็เห็นว่าพวกนั้นน่ากลัวแค่ไหน ใครจะไปกล้าคุยด้วย” เออ มันก็จริงอย่างที่นายนั่นว่า ภาพกลุ่มคนไข้ประหลาดที่วิ่งไล่ผมอย่างกับซอมบี้ยังติดตาผมไม่หาย


     “แล้วอีกอย่างนะชล เลิกเรียกผมว่านายผีสักทีได้ไหม ผมโคตรไม่ชอบชื่อนี้เลย” นายผีแจ็คเก็ตแดงว่าพลางมองผมตาปริบ ๆ

     “อ้าว ก็นายจำชื่อตัวไม่ได้ จะให้ฉันเรียกนายว่าอะไรล่ะ”


     “ถ้าอย่างนั้นชลก็ตั้งชื่อให้ผมสิ ชลเจอผมคนแรกแถมยังเป็นคนเดียวที่จะพาผมกลับเข้าร่างได้ด้วย เพราะฉะนั้นผมจะถือว่าชลเป็นแม่ทูนหัวของผม ชลตั้งชื่ออะไรผมก็ชอบหมดนั่นแหละ อย่าเรียกนายผีก็พอ”


     เอ่อ เดี๋ยวนะ ให้ตั้งใจชื่อให้นี่พอเข้าใจ แต่ที่ไม่เข้าใจคือ.... แม่ทูนหัว เฮ้ย! ข้าเป็นผู้ชายนะเว้ย!!!!




     ....................







     TBC
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 30-12-2017 00:31:45 โดย ตำไทยใส่พริกสิบเม็ด »

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3433
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

ออฟไลน์ Readyaoi

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 212
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-1

ออฟไลน์ ตำไทยใส่พริกสิบเม็ด

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 58
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-8

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ YounIn

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1524
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-8
สนุกอ่ะ มีความฮาเล็กน้อย และความสยองเป็นส่วนใหญ่

ผงที่ปาใส่หน้าเข้าตา เถ้ากระดูกคนตาย?

ต่อๆๆๆ รออ่านนะ

ออฟไลน์ natsikijang

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 540
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-4
สนุกดีอ่ะค่ะ ติตตามๆ

ออฟไลน์ ตำไทยใส่พริกสิบเม็ด

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 58
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-8
ตอนที่ 4 เจ้ากรรมนายเวร 1


     “ถ้าอย่างนั้นชลก็ตั้งชื่อให้ผมสิ ชลเจอผมคนแรกแถมยังเป็นคนเดียวจะพาผมกลับเข้าร่างได้ด้วย เพราะงั้นผมถือว่าชลเป็นแม่ทูนหัวของผม ชลตั้งชื่ออะไรผมก็ชอบหมดแหละ อย่าเรียกนายผีก็พอ”

     เอ่อ เดี๋ยวนะ ให้ตั้งชื่อนี่พอเข้าใจ แต่ที่ไม่เข้าใจคือ.... แม่ทูนหัว เฮ้ย! ข้าเป็นผู้ชายนะเว้ย!!!!

     “แม่ทูนหัวบ้านแกสิ ฉันเป็นผู้ชายนะโว้ย” ผมตวาดแหวคัดค้านนายนั่นขึ้นมาทันที เรื่องนี้ไอ้ชลคนแมนจะไม่ยอมเว้ย

     “เอาน่าๆ เรื่องนั้นช่างมันเถอะ ตั้งชื่อให้ผมก่อนนะ นะ” นายผีแจ็คเก็ตแดงเขย่าตัวรบเร้าอย่างกับเด็กน้อยที่กำลังรบเร้าให้พ่อพาไปเที่ยว แลดูนายนั่นจะไม่ได้ใส่ใจกับเรื่องที่ผมกำลังหัวร้อนอยู่เลย

     ผมสายหัวระอา จะมาหัวร้อนกับนายนี่ก็คงจะหัวเสียไปเปล่าๆ แลดูเขาจะไม่ได้ใส่ใจเรื่องทุกข์ร้อนอะไรด้วยเลย ไอ้ผีสมองเด็กห้าขวบเอ๊ย


     จะให้ตั้งชื่อให้อย่างนั้นเหรอ ได้.... เอ จะให้ชื่ออะไรดีนะ ผมใช้ความคิดพลางกรอกตาไปรอบ ๆ อย่างคิดไม่ตก การจะตั้งชื่อให้ใครสักคนนี่ก็มันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายนะ หรือต้องไปเปิดตำราตั้งชื่อลูกกันเลยหว่า เฮ้ย ทำอย่างนั้นไม่ได้สิ นายนั่นยิ่งหาว่าผมเป็นแม่... เอ่อ พ่อทูนหัว(แบบนี้สบายใจกว่า)อยู่ ขืนทำอย่างนั้นนายนั่นคงยิ่งได้มาฝากตัวเป็นลูกผมแน่ ๆ


     “มานะ” ผมเอ่ยชื่อมานะขึ้นมาหลังจากใช้ความคิดอยู่ครู่ใหญ่ ชื่อนี้นี่ครีเอทสุดแล้ว แปลกใหม่ไม่ซ้ำใคร นายนั่นคงชอบ


     “ไม่เอาอ่ะ” นั่น ไหนบอกว่าตั้งชื่ออะไรให้ก็ชอบหมดไงวะ


     “มานี”


     “ชื่ออย่างกับผู้หญิง ไม่เอา” เรื่องมากจริงวุ้ย


     “ปิติ”


     “.....” นายนั่นไม่ได้พูดอะไรแต่ใช้การส่ายหัวแทนคำตอบ จะเอายังไงแน่ฟระ


     “ชูใจ” ชื่อนี้ชื่อสุดท้ายแล้วนะคิดไม่ออกแล้วนะเว้ย

     “สาบานไหมว่าชื่อพวกนี้ชลคิดเอง ถึงจะความจำเสื่อมแต่ผมก็พอจะคุ้นๆชื่อพวกนี้นะ ผมให้โอกาสชลคิดอีกชื่อหนึ่งถ้ายังไม่ถูกใจผมละก็ หึหึ” นายผีแจ็คเก็ตเองเอียงคอหรี่ตามองผมทำเหมือนกำลังรู้ทันอะไรบางอย่างพลางแสยะยิ้มออกแนวข่มขู่(คิดว่ากลัวเหรอ) ผมก็ต้องคิดเองดิวะ ชื่อพวกนี้นี่กลั่นออกมาจากสมองอย่างสร้างสรรค์ของผมทั้งนั้นแหละ ไม่ได้เอามาจากแบบเรียนภาษาไทยที่ไหนเลย! บอกเลยว่าไม่ได้กลัวหรอกนะ แต่จะรีบๆคิดชื่อให้ใหม่ เพราะสงสารผีไม่มีชื่อเฉยๆหรอก


     “งั้นเอาชื่อนี้แล้วกัน นะโม

     “เห..” นายผีแจ็คเก็ตแดงตาแป๋วดูท่าทางสนอกสนใจกับชื่อที่ผมเพิ่งหลุดปากออกไปน้อย

     “ชื่อนี้นี่ดีนะ เป็นคำขึ้นต้นบทสวดมนต์ จะได้เป็นศิริมงคลไง” ผมพยายามนึกเหตุผลขึ้นมาสนับสนุนชื่อนี้ นายนั่นมองผมตาแป๋วแลดูตั้งอกตั้งใจฟัง


     “งั้นเอาอันนี้แหละ”


     นายนั่นยิ้มร่าดูพอใจกับชื่อใหม่ไม่น้อย ถ้ายังไม่ถูกใจให้คิดชื่อใหม่ตอนนี้ก็คิดไม่ทันหรอกนะ ตอนนี้ก็มีชื่อแล้วนะนายผีแจ็คเก็ตแดง เอ๊ย ไม่ใช่สิ ต่อไปนี้ต้องเรียกนายนั่นว่านายนะโม ยินดีด้วย อ่อ อีกอย่างอย่าไปบอกใครนะ ว่าชื่อนั้นผมก็อปมาจากชื่อลูกชายเพื่อนที่เพิ่งคลอดมาเดือนที่แล้ว เอาน่าชื่อเพราะออกจะเพราะคนที่ชื่อซ้ำ ๆ กันมีออกจะเยอะแยะไป


☎ ☎ ☎ ☎ ☎ ☎ ☎


     หนึ่งสัปดาห์แล้วเต็มๆที่ชีวิตของผมต้องเปลี่ยนไป จากที่เคยใช้ชีวิตปกติกลับต้องมาเห็นในสิ่งที่คนทั่วไปเขาไม่ค่อยอยากจะเห็นกันนัก เป็นหนึ่งสัปดาห์ที่ผมต้องใช้สติอย่างสูงในการดำเนินชีวิตและอยู่ร่วมกับสิ่งเหล่านั้น ถึงตอนนี้ก็ยังไม่ค่อยชินแต่ก็คงต้องพยายามทำตัวให้ชินทำได้ แต่เวลาขับรถผ่านสามแยกทีไรเห็นกลุ่มคนนั่งกินเครื่องเซ่นก็อดหลอนไม่ได้ ยังโชคดีที่หลังจากที่เจอตอนกลับจากบ้านพ่อหมอวันนั้นผมยังไม่เจอแบบน่ากลัวขนาดนั้นอีกเลย ตอนนี้ผมก็พยายามข่มใจและใช้วิธีที่โบราณเขาว่าว่าเห็นหรือได้ยินอะไรที่แปลกๆก็อย่าไปทัก ผมก็เลยเลือกที่จะทำเป็นมองไม่เห็นพวกเขาเดี๋ยวพวกเขาก็ผ่านไปเอง


☎ ☎ ☎ ☎ ☎ ☎ ☎


     “เฮ้ย หวัดดีเจ็ดสี” ทันทีดันประตูกระจกและก้าวเข้าไปในตัวอาคาร ผมกล่าวทักทายเพื่อนสาวคนสนิทที่กำลังนั่งง่วนอยู่หน้าจอโน้ตบุ๊คที่โซฟารับรองลูกค้า

     “นี่ถ้าวันนี้ไม่ได้นัดนางแบบไว้ฉันคงไม่มีบุญได้เห็นแกเข้าร้านแต่เช้าแบบวันนี้นะเนี่ย” นั่นแหละคำทักทายที่เป็นปกติของยัยนั่นที่ต้องมีผสมคำจิกกัดมาด้วยเสมอ

     เจสซี่หรือชื่อไทยๆที่เรียกกันในกลุ่มเพื่อนสนิทว่าเจ็ดสี เจสซี่กับผมรู้จักกันมาตั้งแต่สมัยมัธยม เป็นแค่เพื่อนจริงๆ และสนิทมาก เจสซี่เป็นผู้หญิงที่รูปร่างหน้าตาสวยมาก ใครที่ชอบแนวสาวลูกครึ่งคงหลงเสน่ห์ใบหน้าที่สวยชวนฝันของยัยนั่นได้ไม่ยาก และติดก็ตรงยัยนั่นเป็นผู้หญิงที่ปากร้ายมากแถมยังมีนิสัยห้าวๆลุยๆอย่างกับผู้ชายที่ช่างขัดแย้งกับหน้าตาสวยๆเหลือเกิน นี่อาจจะเป็นเหตุผลที่ทำยัยนั่นยังโสดจนถึงทุกวันนี้ แต่ที่แน่ๆก็เพราะเหตุผลนี้แหละที่ทำให้ผมไม่เคยคิดกับยัยนั่นเกินเพื่อน
ตอนนี้ผมกับเจสซี่เราเป็นหุ้นส่วนทางธุรกิจกัน เราร่วมกันเปิดร้านเวดดิ้งสตูดิโอ ก็ไม่ได้เป็นร้านใหญ่โตอะไรแต่ตอนนี้กิจการก็กำลังไปได้ดี


     “อ้าว พี่ชลมาพอดีเลย” เสียงเรียกจากเด็กหนุ่มที่ผมคุ้นเคยเป็นอย่างดี

     “อ่ะนี่แซนวิสทูน่าที่พี่ชลชอบ ผมเตรียมไว้ให้” เขาว่าพลางว่าจานสีขาวที่มีแซนวิสวางอยู่สองชิ้นที่เขาเพิ่งเอามันออกมาจากในครัวลงตรงหน้าผม

     “นี่ไอ้เตอร์ นี่ฉันพี่แกแท้ๆ ไม่เคยเห็นแกจะดูแลฉันอย่างนี้บ้างเลย” เจสซี่ว่าด้วยน้ำเสียงหมั่นไส้พลางมองแรงใส่น้องชาย
เจสซี่กับพัตเตอร์เป็นพี่น้องกัน สองคนนั้นเป็นลูกเสี้ยว แต่พัตเตอร์ดูจะได้เค้าโครงหน้าจากฝั่งพ่อที่เป็นไทยแท้มาเยอะหน้าตาเลยดูมีความเป็นไทยมากกว่าพี่สาวแต่ก็ยังพอดูออกว่ามีเชื้อฝรั่งอยู่บ้าง และคงเป็นเพราะได้เชื้อฝรั่งจากฝั่งแม่มาด้วยนี่แหละพัตเตอร์เลยตัวสูงมากสูงเกินผมไปแล้วสูงพอๆกับนายนะโมเลยแหละทั้งๆที่เด็กนั่นอายุน้อยกว่าผมตั้งหกปี พัตเตอร์มาช่วยงานที่ร้านอยู่บ่อยครั้ง ยิ่งช่วงนี้ปิดเทอมเด็กนั่นแทบจะมาขลุกตัวอยู่ที่ร้านทุกวัน ทั้งๆที่ก็ไม่ได้มีค่าจ้างอะไรมากมายมีแค่ค่าขนมเล็กๆน้อยๆเป็นสินน้ำใจเป็นครั้งคราว ไม่รู้ทำไมถึงอยากมานัก เวลาว่างๆไม่อยากไปหาสาวบ้างหรือไงวะ



     แต่มีมาพัตเตอร์มันก็ดีอย่างตรงที่สองที่น้องนั่นขัดกันแทบจะทุกเรื่อง พัตเตอร์มันก็ชอบกวนประสาทพี่สาวเป็นงานอดิเรก  เวลาผมจะแกล้งหรือต่อปากต่อคำอะไรกับยัยเจ็ดสีก็เจ้าเด็กนี่แหละคอยเป็นลูกคู่ฝ่ายสนับสนุนผม

     “โห รุ่นเจ๊โลกแตกยังรอดชีวิตไม่ต้องให้ใครมาดูแลหรอก” ผมล่ะอดจะขำไม่ได้กับไอ้พี่น้องคู่นี้ กัดกันแทบทุกวันไม่รู้อยู่กันมาจนโตป่านนี้ได้ยังไง

     “พี่ชลกินเยอะๆนะ พี่ชลอ่ะไม่ชอบกินข้าวเช้าเดี๋ยวโรคกระเพราะจะถามหาเอา ผมเป็นห่วงนะ” พัตเตอร์ว่าพลางทิ้งตัวลงนั่งข้างผม โซฟาตั้งกว้างจะมาติดผมอะไรขนาดนั้นวะ พัตเตอร์ทำมันอย่างกับว่าผมเป็นลูกมันอย่างไรอย่างนั้น เป็นอย่างนี้ตลอด ดูมันจะเอาใจใส่ผมจนเกินหน้าตาพี่สาวตัวเองด้วยซ้ำ ซึ่งก็คงไม่แปลกอะไรที่พี่สาวมันจะหมั่นไส้ผมจนคอยจิกกัดผมตลอดแบบที่เป็นอยู่ในทุกวันนี้

     “เออ รู้แล้วน่า แกนี่ชักจะเหมือนพ่อฉันเข้าไปทุกทีแล้วนะ” ผมตอบรับหน่ายๆ และผลักหัวพัตเตอร์เบาๆแก้เก้อ โดนเด็กมาสอนนั่นนี่แทบทุกวันใช่ว่าจะไม่อายนะเว้ย ส่วนไอ้เด็กนั่นก็ท่าจะบ้าโดนผมผลักแล้วยังน้อยยิ้มใหญ่อยู่ได้


     “เดี๋ยวผมไปชงกาแฟมาให้พี่ชลดีกว่า.... เฮ้ย!!!” พัตเตอร์เพียงแค่ลุกขึ้นยืนยังไม่ทันจะได้ก้าวเท้าเดินไปเลยด้วยซ้ำ เด็กนั่นส่งเสียงอุทานออกมาเสียงดังราวกับตกใจอะไรบางอย่าง ทำเอาผมกับเจสซี่ถึงกับสะดุ้งไปด้วยและหันไปมองที่เด็กนั่นพร้อมกัน


     “แกเป็นอะไรของแกไอ้เตอร์”

     “ปะ เปล่าเจ๊ ไม่มีอะไร ผมไปชงกาแฟให้พี่ชลก่อนนะ” พัตเตอร์พูดเสร็จก็เดินดุ่มตรงเข้าไปในครัว
ปากบอกว่าไม่มีอะไร แต่อาการหน้าซีดกับน้ำเสียงตะกุกตะกักนี่มันช่างสวนทางกับคำพูด เจสซี่หันมามองหน้าผมด้วยท่าทางที่ยังดูงุนงงกับท่าทางแปลกๆของน้องชาย แน่นอนว่าเจสซี่คงจะไม่เห็น ว่าแต่พัตเตอร์ล่ะ พัตเตอร์เห็นเหมือนที่ผมเห็นตอนนี้หรือเปล่า


     ในจังหวะที่พัตเตอร์กำลังลุกไป ร่างของนายนะโมที่หน้าตาดูบอกบุญไม่รับปรากฎตัวขึ้นตรงหน้าเด็กนั่นก่อนที่เขาจะแสดงอาการตกใจแบบนั้นออกมา หรือว่าพัตเตอร์จะเห็น...


☎ ☎ ☎ ☎ ☎ ☎ ☎


     “ผู้หญิงสวยๆคนนั้นอ่ะแฟนเหรอ” ครั้นจะให้คุยกับนายนะโมตรงนั้นยัยเจ็ดสีคงได้หาว่าผมเป็นบ้าพูดคนเดียวเป็นแน่ ผมเลยแยกตัวออกมาเข้าห้องน้ำก็ตั้งใจจะให้นายนะโมตามมาเพื่อคุยกันให้รู้เรื่องนั่นแหลพ แล้วเป็นอย่างที่ผมตั้งใจไว้เงาในกระจกสะท้อนร่างนายนะโมปรากฏตัวอยู่ด้านหลังผม ท่าทางนายนั่นดูไม่ค่อยสบอารมณ์นัก ไม่รู้ว่าไปทะเลาะกับใครมา ยัยพี่นีเหรอ? ไม่น่าใช่หรอกมั๊ง

     “เจสซี่น่ะเหรอ นั่นเพื่อนฉันเว้ย”

     “จริงเหรอ” นายนะโมหรี่ตามองราวกับกำลังตรวจจับพิรุธอะไรบางอย่าง ผมก็ดันบ้าจี้เผลอไปทำตัวล่อกแล่กกับสายตานายนั่นเสียได้

     “แล้วไอ้เด็กคนนั้นล่ะ แฟนหรือเปล่า” เด็กคนนั้น? เด็กคนไหนวะ วันนี้ตั้งแต่เช้านอกจากพ่อกับคุณนายนกยูงที่ผมเจอที่บ้าน มนุษย์ที่ผมได้เจอวันนี้ก็มีแค่เจสซี่กับพัตเตอร์นี่หว่า อย่าบอกนะว่านายนั่นมันหมายถึงพัตเตอร์!

     “นายจะบ้าเหรอพัตเตอร์มันผู้ชายนะ ฉันจะไปเอามันทำเมียได้ยังไงเหล่า”

     “เท่าที่ผมดูจากสายตาที่มันมองชลแล้ว ผมว่ามันอยากจะได้ชลเป็นเมียมากกว่านะ” นายนะโมแสยะยิ้มมุมปาก กอดอกวางมาดราวกับรู้ทันและอ่านใจพัตเตอร์ได้ ก่อนจะพูดประโยคที่ชวนขนลุกนั่นออกมา เลอะเทอะกันไปใหญ่แล้วเว้ย พัตเตอร์นั่นผมเห็นมันมาตั้งแต่เล็กแต่น้อย การที่เด็กนั่นมันทำดีเป็นพิเศษกับรุ่นพี่ผู้ชายที่สนิทกันมันก็เรื่องปกติหรือเปล่าวะ
     
     “อย่ามาเพ้อเจ้อน่า ว่าแต่นายนั่นแหละที่นี่ได้ยังไงฉันสั่งแล้วไม่ใช่ว่าไม่ให้ตามมา กลับบ้านไปเลยนะ” ผมรีบชิงเปลี่ยนเรื่องก่อนที่นายนะโมจะมโนไปมากกว่านี้ แค่ได้ยินเรื่องที่ผมท้วงขึ้นนายนั่นถึงกับสะดุ้งจนลืมเก๊กวางมาดแบบเมื่อครู่นี้

     “โธ่ ก็อยู่บ้านมันน่าเบื่อนี่นา แถมพี่นีชอบร้องเพลงเสียงหลงทุกวันผมหนวกหูนะแย่ กว่าผมจะแอบเจ้าที่ที่นี่เข้ามาหาชลในนี้ได้ มันเหนื่อยนะรู้ไหม อย่าไล่ผมกลับนะ นะนะ นะครับ” นี่นายนั่นถึงขั้นแอบเจ้าที่เข้ามาเลยเหรอเนี่ย! เรื่องเสียงร้องเพลงของยัยพี่นีนี่ก็พอเข้าใจอยู่หรอกนะว่ามันทรมานโสตประสาทจริงๆ แค่ไม่ต้องมาทำน้ำเสียงออดอ้อนแบบนั้นเลย ไม่ต้องหน้าน่าสงสาร ไม่ต้องมาทำสายเว้าวอน ไม่หลงกลง่ายๆหรอกเฟ้ย


     “เออเออ จะอยู่ก็อยู่ อย่าสร้างความวุ่นวายก็แล้วกัน” ปัดโธ่เอ๊ย ทำไมผมต้องใจอ่อนกับท่าทางแบบนั้นของนายนั่นทุกที


     “ชล...”


     “ว่าไง” น้ำเสียงกระซิบเบาๆที่นายนั่นเรียกชื่อผมทำไมมันฟังดูกระเส่าพิลึก แววตาไร้เดียงสาเหมือนเด็กห้าขวบที่อ้อนขออยู่ต่อเมื่อครู่มันหายไปไหนแล้ว ตอนนี้มันถูกแทนที่ด้วยแววตาที่จะดูแสนจะเจ้าเล่ห์ รอยยิ้มมุมปากแสยะขึ้นอย่างมีเลศนัยน์ ท่าทางของเขาตอนนี้เหมือนเสือจากัวร์ที่กำลังจะขย่ำกวางน้อย ก็ได้แต่ภาวนาอยู่ในใจว่ากวางน้อยตัวนั้นคงผมไม่ใช่หรอกนะ


     นายนั่นสาวเท้าตรงดิ่งเข้ามาทางผม ผมที่ตั้งตัวไม่ทันเผลอก้าวถอยหลังหนีตามจังหวะฝีเท้าที่นายก้าวเข้ามา ทำไมสถานการณ์นี้มันคุ้นจังวะ แล้วก็ไม่ผิดคาดผมถูกต้อนมาจนจนมุมติดกำแพงอีกจนได้ นายนะโมยืนประกบอยู่ตรงหน้าเขาใช้ข้อศอกเท้ากับกำแพงตรงเหนือหัวผมแล้วก็โน้มตัวเข้ามา จริงๆแล้วร่างกายนายนั่นก็เป็นเหมือนอากาศผมเดินผ่านตัวเขาไปเลยก็ยังได้นี่นา แต่ทำไมขามันก้าวไม่ออก...

     ไม่รู้ว่าทำไมผมต้องหลบสายตานายนั่นไม่รู้ว่าทำไมถึงไม่กล้าสบตา... ทำไมต้องใจเต้นแรงขนาดนี้... ทำไมผมควบคุมตัวเองไม่ได้เลยวะ


     ความรู้สึกลมอุ่นๆพัดผ่านที่แก้มเบาๆมันเกิดขึ้นอีกแล้ว แล้วคราวนี้ความรู้สึกนั้นมันอยู่นานกว่าครั้งก่อนๆเสียด้วย เพราะตัวผู้ก่อเหตุยังค้างอยู่ตรงนั้นไม่ขยับไปไหนอยู่ครู่ใหญ่ ทำไมนายนั่นชอบมาทำแบบนี้กับผมนักนะ ผมลูกมีพ่อมีแม้นะเว้ย ไม่ใช่อยากหอมแก้มเมื่อไหร่ก็ทำได้... และที่สำคัญผมก็เป็นผู้ชายนะ.....


     “รู้ตัวบ้างไหมเวลาชลเขินจนแก้มแดงแบบนี้น่ารักเป็นบ้าเลย แม่ทูนหัวของผม” คำพูดที่นายนั่นกระซิบที่ข้างหูผม มันเป็นแค่เสียงเบาๆแต่อานุภาพการทำลายล้างสูงเป็นบ้า นี่ผมกำลังเขินเหรอ... ไม่มั๊ง

     ด่ามันสิชล โวยวายสิชล มันแต๊ะอั๋งเราอีกแล้วนะเว้ย ทำไมไม่ด่ามันล่ะ ไอ้ตัวก่อเหตุมาทิ้งระเบิดไว้ก็หายตัวหนีไปแล้ว ปล่อยทิ้งให้ผมยืนจับร่องรอยที่เพิ่งถูกกระทำบนแก้มซ้ายอยู่คนเดียวโดยที่ไม่สามารถให้คำตอบตัวเองได้ว่ามันกำลังเกิดอะไรขึ้นกับความรู้สึกผมกันแน่


จะเจอกันในสถานการณ์ที่ไม่คาดคิด เนื้อคู่ของเอ็ง...เป็นผู้ชาย


     เอ่อ เดี๋ยวนะ ใครเอาเทปบันทึกเสียงตาลุงพ่อหมอมาเปิดแถวนี้ ทำไมเสียงมันดังก้องกังวาลในโสตประสาทผมขนาดนี้ ถ้าตาลุงนั่นทำให้ผมเห็นสิ่งเหล่านั้นได้จริง อย่างนั้นก็หมายความว่า คำทำนายนั้น...... เฮ้ย!!!


☎ ☎ ☎ ☎ ☎ ☎ ☎


     กว่าผมจะหยุดคิดฟุ้งซ่านกับคำทำนายบ้าๆนั่นและตั้งสติกลับมาทำงานได้เล่นเอาเหนื่อยเหมือนกัน ไหนจะเรื่องที่นายนะโมพูดอีก เวลาผมหันไปมองพัตเตอร์ทีไรก็พบว่าเจ้าเด็กนั่นมองผมตาเยิ้มอยู่แทบทุกครั้ง พัตเตอร์ยิ้มหวานให้ผม ผมได้แต่ยิ้มแห้งๆแก้เก้อไป  ซึ่งปกติเจ้าเด็กนั่นมันก็เป็นแบบนี้ตลอด แต่ที่ผ่านมาผมไม่ได้คิดอะไร เพราะนายบ้านั่นนั่นแหละมาพูดเพ้อเจ้อทำให้ผมคิดฟุ้งซ่าย แล้วหลังจากนี้ผมจะเข้าหน้าน้องมันติดไหมล่ะเนี่ย



     นอกจากจะเป็นหุ้นส่วนร้านแล้วผมยังควบตำแหน่งตากล้องมือหนึ่งประจำร้านด้วย ก็บอกแล้วไงกิจการผมไม่ได้ใหญ่อะไรทำก็ต้องทำกันเอง ขนาดเจ๊วาว่าสาวสองรุ่นใหญ่ดีไซด์เนอร์ประจำร้านเรายังได้พ่วงตำแหน่งช่างแต่งหน้าไปด้วยเลย แต่ฝีมือการถ่ายรูปของผมก็โชว์ได้แบบไม่กลัวขายหน้าเหมือนกันนะ ศึกษาทางด้านนี้มาเหมือนกัน


     ในห้องที่ผมเซ็ตไว้เป็นสตูดิโอถ่ายภาพ วันนี้ผมนัดน้องฟางนางแบบคนสวยมาเป็นนางแบบในการถ่ายแฟชั่นโปรโมทชุดเจ้าสาวคอลเลคชั่นใหม่ของร้านเรา ปกติที่เข้ามาห้องนี้เจอกับน้องนางแบบสวยๆผมจะรู้สึกกระชุ่มกระชวยเป็นพิเศษ แต่ในวันนี้มันไม่ใช่ ในห้องๆนี้ทั้งที่ผมคุ้นเคยกับมันเป็นอย่างดี แต่ทำไมวันนี้มันไม่เหมือนทุกวัน ผมกลับรู้สึกว่าห้องนี้มันไม่น่าเข้ามาเอาเสียเลย ผมทำงานไปทั้งรู้สึกกระอักกระอ่วนบอกไม่ถูก ทั้งๆที่ในห้องนี้ก็มีคนอยู่ตั้งหลายคน ไหนจะพัตเตอร์ ไหนจะลูกน้องผมอีกสองคน  รวมทั้งน้องนางแบบกับเจ๊วาว่าอีก แต่ทำไมผมกลับรู้สึกว่าบรรยากาศในห้องมันวังเวงเสียเหลือเกิน แอร์ก็อุณหภูมิปกติแต่ทำไมมันถึงรู้สึกเย็นยะเยือกอย่างนี้ หรือที่จริงแล้วความรู้สึกนั้นมันไม่ได้เป็นเพราะห้องนี้ เพราะนึกๆดูแล้วความรู้สึกนี้มันเริ่มมาตั้งแต่เธอคนนั้นอย่างกายเข้ามาในห้องนี้ต่างหาก


     น้องฟางที่กำลังจัดท่าทางไปตามที่ผมกำกับ เธอก็ดูร่างเริงสดใสดี แต่เมื่อเพ่งมองที่ตัวเธอดีๆแล้ว ผมกลับสัมผัสได้ถึงความหม่นหมองบางอย่างที่ปกคลุมอยู่รอบตัวเธอ หรือนั่นอาจจะเป็นสาเหตุของความรู้สึกแปลกๆที่เกิดขึ้นกับผมในตอนนี้ ผมหลับตาลงแล้วสูดลมหายใจเข้าอย่างเต็มปอดเพื่อตั้งสติต่อสู้กับความรู้สึกกระอักกระอ่วนนั้น แต่ถ้าผมย้อนเวลากลับไปได้ผมจะไม่มีวันแบบนั้นเด็ดขาด ถ้าผมรู้ว่าสิ่งที่จะต้องลืมตาขึ้นมาพบเจอนั้นมันคืออะไร


     สิ่งที่เห็นทำเอาถึงกับผงะ ภาพเด็กทารกหกคนทั้งชายและหญิงในสภาพตัวเขียวบวมมีเลือดไหลอกจากปากและจมูกกำลังเกาะและไต่อยู่เต็มตัวของน้องฟาง ก่อนที่ทุกอย่างจะมืดสนิทลง ผมไม่เห็นใครอยู่ในห้องนี้อีกแล้วที่นี่เหลือเพียงแค่ผมกับน้องฟางและเด็กทารกพวกนั้นในบรรยากาศรอบข้างที่มืดสนิทจนมองไม่เห็นอะไร


     “แม่ฆ่าพวกหนูได้ พวกหนูก็ฆ่าแม่ได้เหมือนกัน!” ใบหน้าของเด็กพวกนั้นเต็มไปด้วยความโกรธแค้น เด็กผู้ชายที่เกาะอยู่บนหัวน้องฟางเงยหน้ามามองผม และตะโกนประโยคเมื่อสักครู่นี้ออกมา แววตาและน้ำเสียงของเขาช่างน่ากลัวเหลือเกิน


     “ชล ตั้งสติ” เสียงเรียกจากนายนะโมที่ลอยมาในความมืด ดึงสติผมให้กลับมาอยู่กับเนื้อกับตัว
เพียงชั่วพริบตาทุกอย่างกลับเข้าสู่สถาวนะปกติ แต่ผมช็อคตาค้างตั้งทั้งที่ผมคิดว่าผมจะทำใจยอมรับเรื่องพวกนี้ได้แล้ว แต่ไม่เลยเด็กพวกนั้นทำเอาผมผวาจนประครองร่างกายไว้ไม่อยู่ โชคดีที่พัตเตอร์วิ่งมาประครองร่างผมไว้ได้ทันก่อนที่ผมจะล้มไปก้นกระแทกพื้น


     “พี่ชลพี่ไม่ต้องกลัวนะ ผมรู้ว่าพี่เห็นอะไร พวกเขาทำอะไรพี่ไม่ได้หรอก” พัตเตอร์กระซิบอะไรบางอย่างที่ข้างหูผมแต่ตอนสติผมยังมีไม่มากพอที่จะทำความเข้าใจกับอะไรทั้งนั้น ผมทำได้แค่เพียงกำมือพัตเตอร์ไว้แน่นอย่างต้องการที่พึ่ง

     “พี่ชลเป็นอะไรหรือเปล่าคะ” ทุกคนในห้องตอนนี้พุ่งความสนใจมาทางผม รวมทั้งน้องฟางที่เธอรีบวิ่งเข้ามาดูผม ยิ่งเธอเข้ามาใกล้มากเท่าไหร่ มันยิ่งตอกย้ำภาพที่ผมให้ชัดเจนยิ่งขึ้นว่า.....



ตอนนี้ไม่สามารถมองเห็นส่วนหัวของน้องฟางได้แล้ว........


และนั่นคือความทรงจำสุดท้ายของผมก่อนที่ทุกอย่างจะมืดดับไป


☎ ☎ ☎ ☎ ☎ ☎ ☎


     “พัตเตอร์...” ผมเรียกชื่อของบุคคลแรกที่ผมเห็นหน้าเมื่อรู้สึกตัวขึ้นมาเสียงอ่อยแบบคนเพิ่งตื่นนอน ผมที่ยังอยู่ในอาการมึนงงจับต้นชนปลายไม่ถูก เห็นแค่เพียงหน้าของพัตเตอร์ที่ลอยอยู่ตรงหน้าผม พินิจมองกวาดสายตาไปรอบตัวถึงได้รู้ตอนนี้ผมกำลังนอนหนุนอยู่บนตักของเจ้าเด็กนั่นในห้องที่เจสซี่เตรียมไว้สำหรับเป็นห้องพักในวันไหนที่อยู่เคลียร์งานถึงดึก ผมใช้เวลาทบทวนไต่ตรองอยู่ครู่ใหญ่ถึงจะตระหนักขึ้นได้ว่าที่ผมหมดสติไปเพราะอะไร

     “พัตเตอร์ ฟางอยู่ไหน” ผมรีบดันตัวเองขึ้นลุก และถามหาความจากพัตเตอร์อย่างร้อนใจ

     “ก็พี่ชลหมดสติไป พี่เจสก็เลยให้พี่ฟางเขากลับไปแล้ว”

     ฟางกลับไปแล้ว... สิ่งเดียวที่ผมนึกขึ้นได้ตอนนั้นคือต้องรีบไปหาน้องฟางให้เร็วที่สุด น้องฟางกำลังตกอยู่ในอันตรายผมต้องรีบไปหยุดยั้งเด็กพวกนั้น ถ้าผมไปทันอาจจะเกิดเรื่องน่าเศร้าใจขึ้นได้


     ผมพุ่งตรงออกไปแต่ยังไม่ทันจะถึงประตูห้อง นายนะโมปรากฏตัวขวางทางผมเอาไว้เสียก่อน

     “ผมรู้นะว่าชลคิดจะทำอะไร นั่นคือเวรกรรมที่เขาก่อ ไม่ใช่เรื่องที่ชลจะต้องเข้าไปยุ่ง”

     “นายจะให้ฉันปล่อยเด็กพวกนั้นเอาชีวิตฟางไป โดยที่ฉันไม่ช่วยอะไรเลยอย่างนั้นเหรอ ฉันทำไม่ได้หรอก” เพราะความร้อนใจทำให้ผมลืมว่าในห้องนี้มีพัตเตอร์อยู่ด้วยจนเผลอพูดคุยโต้ตอบกับนายนะโมไป


     “ทำตามที่พี่เสื้อแดงพูดเถอะพี่ชล พี่ช่วยพี่ฟางไม่ได้หรอก” พัตเตอร์...


     ผมหันกลับไปมองพัตเตอร์อย่างประหลาดใจ พัตเตอร์รู้ว่าผมกำลังคุยกันคนเสื้อแดง แสดงว่าเด็กนั่นก็ต้อง....




     “พัตเตอร์นายเห็นนะโมด้วยเหรอ...”


TBC
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 23-12-2017 12:15:20 โดย ตำไทยใส่พริกสิบเม็ด »

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
แล้วจะหาร่างนะโมเจอได้ยังไง

ออฟไลน์ TIKA_n

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1391
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +308/-4
ติดตามค่ะติดตาม หาเรื่องแนวนี้อ่านยากมากกกก
เขียนตอนชลเจอแต่ละผีได้ดีเลยค่ะ หลอนจริง  ๆ น่ากลัว
รอติดตามตอนต่อไปนะคะ มาต่อบ่อย ๆ น้า
ขอบคุณคนเขียนค่า  :กอด1:

ออฟไลน์ fc_fic

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2590
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-7

ออฟไลน์ ตำไทยใส่พริกสิบเม็ด

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 58
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-8

ออฟไลน์ ตำไทยใส่พริกสิบเม็ด

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 58
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-8
ตอนที่ 5 เจ้ากรรมนายเวร 2



     “พัตเตอร์ นายเห็นนะโมด้วยหรอ”

     “ก็ถ้านะโมที่พี่ชลพูดถึงคือผู้ชายเสื้อแดงที่ยืนตรงประตู ใช่ผมเห็น” พัตเตอร์ตอบผมมาอย่างไม่ได้ดูทุกข์ร้อนอะไร ทั้งๆที่สิ่งที่เด็กนั่นกำลังมองเห็นอยู่นั่นคือวิญญาณนะ

     “แล้วนายรู้ใช่ไหมว่านะโมเป็น.....” ผมพูดเสียงก็อ่อยและเบาลงเรื่อยๆเพราะไม่มีความมั่นใจมากพอที่จะพูดสิ่งที่มะโนเป็นออกมา เพราะผมไม่รู้ว่าตอนนี้พัตเตอร์กำลังคิดอะไรอยู่กันแน่ หรือบางทีเด็กนั่นอาจจะแค่นึกว่าผมกำลังเสียสติจนพูดคนเดียวเป็นตุเป็นตะเลยเล่นตามน้ำไปกับผมแล้วบังเอิญเดาสีเสื้อนายนะโมถูกเท่านั้นก็เป็นได้

     ผมเหลือบตามองไปทางนายนะโมหมายจะขอความเห็น แต่ดูท่าแล้วนายนั่นคงจะให้ความเห็นอะไรผมไม่ได้มากสักเท่าไหร่ ผมเห็นเขายืนกอดอกมองตรงไปที่พัตเตอร์ราวกับว่าพร้อมจะมีเรื่อง ไม่รู้ว่าทำไมนายนั่นถึงได้ไม่ชอบพัตเตอร์ขนาดนั้น

     “รู้สิ แล้วผมก็รู้ด้วยว่าที่พี่ช็อคจนหมดสติไป เป็นเพราะพวกเด็กที่มากับพี่ฟางใช่ไหม” ผมถึงกับสะอึกเมื่อสิ่งที่พัตเตอร์พูดออกมามันตรงกับสิ่งที่ผมได้เห็นจริงๆ ก็คงพอจะเป็นสิ่งที่ยืนยันได้ว่าพัตเตอร์ก็สิ่งเหล่านั้นเหมือนกับผม

     “แล้วทำไมนายถึง....”

     “พี่อย่าเพิ่งถามเรื่องผมเลย แต่ตอนนี้ผมขอเตือนพี่เลยนะว่าอย่าเข้าไปยุ่งเรื่องนั้นไม่อย่างนั้นพี่เองนั่นแหละที่จะเดือดร้อน ผมห่วงพี่มากนะพี่ชล”

     “แล้วถ้าชลเข้าไปยุ่ง แล้วชลช่วยเขาไม่ได้ชลก็จะเป็นทุกข์เปล่าๆ รู้ไหมว่าผมเป็นห่วงชลมากกว่าใคร” สามพยางค์หลังนายนะโมเน้นเสียงชัดถ้อยชัดคำว่าปกติ

     ท่าทางและสายตาที่นายนะโมมองพัตเตอร์ และท่าทีของผมเด็กนั่นมองกลับมา ผมพอจะเดาว่าหนึ่งคนกับหนึ่งวิญญาณนั้นคงไม่ค่อยจะถูกชะตากันสักเท่าไหร่ ทั้งที่เพิ่งเจอกันครั้งแรกแท้ๆ แล้วจะมีเรื่องอะไรให้บาดหมางกัน แต่เรื่องนั้นช่างก่อนเพราะตอนนี้ผมไม่มีเวลาจะมาเคลียร์ปัญหาให้กับพวกนั้น เพราะตอนนี้ผมมีที่เรื่องสำคัญกว่าให้เครียดมากพอแล้ว


     “ทำไมพวกนายเย็นชากันแบบนี้ นั่นชีวิตคนทั้งคนนะ ยังไงฉันก็จะช่วยฟาง ใครก็ห้ามฉันไม่ได้” ผมพูดเสียงดังด้วยอารมณ์ที่ไม่พอใจอย่างมาก ย้ำชัดเจตนาเดิมที่จะต้องช่วยน้องฟางให้ได้ ผมมองพวกเขาด้วยความรู้สึกที่เต็มไปด้วยความผิดหวัง ทำไมพวกนั้นถึงได้เย็นชาขนาดที่จะนิ่งเฉยกับความเป็นความตายของคนคนหนึ่งได้


☎ ☎ ☎ ☎ ☎ ☎ ☎


     ผมขับรถพุ่งตรงที่หาน้องฟางที่ห้องพักหลังจากได้ที่อยู่จากเจ๊วาว่า เพราะผมพยายามติดต่อเธอทางโทรศัพท์เท่าไหร่ก็ไม่สามารถติดต่อได้เลย  นายนะโมและพัตเตอร์สองคนนั้นถึงแม้จะค้านผมชนิดที่หัวชนฝาแต่ยังติดตามผมมาด้วย



     “เข้าไม่ได้!” หญิงชราในชุดนุ่งขาวห่มขาวปรากฏกายขวางทางพวกเราไว้ตรงประตูทางเข้าแมนชั่น หญิงชราท่านนั้นปรากฏกายมาพร้อมกับแสงสีขาวที่แผ่รัศมีปกคุมไปทั่วบริเวณ แสงนั้นอาจไม่ได้ส่งผลประกบอะไรกับผมและพัตเตอร์ แต่กับนายนะโมร่างของนายนั่นกระเด็นออกไปไกลตามรัศมีของแสงนั้น ดูท่านายนั่นคงจะเจ็บไม่น้อยเขาพยุงตัวลุกขึ้นอย่างช้าๆด้วยหน้าตาที่ดูไม่เข้าค่อยสู้ดีนัก

     “นายนะโม นายเป็นยังไงบ้าง”

     “ร้อน ผมทั้งแสบทั้งร้อนไปทั้งตัวเลยชล” เขาตอบผมเสียงสั่นเครือ นายนะโมกอดตัวเองราวกับต้องการจะประทังความเจ็บปวดของร่างกายอย่างน่าเวทนา

     “ท่านครับ ให้เขาเข้าไปเถอะนะครับ เขามากับพวกผม เขาไม่ทำร้ายใครหรอกครับ”

     “ยังไงก็ไม่ได้ เอ็งไม่ใช่เจ้าของที่นี่ เอ็งไม่มีสิทธิอนุญาตให้วิญญาณที่ไหนเข้าไปทั้งนั้น” หญิงชราท่านนั้นประกาศเสียงกร้าว หน้าตาท่านดูดุดันและดูเข้มงวดมาก

     “ถ้าอย่านั้นพี่ก็รออยู่ด้านนอกนี่แหละ เดี๋ยวผมจะขึ้นไปกับพี่ชลเอง แล้วผมจะดูแลพี่ชลเป็นอย่างดี” พัตเตอร์พูดกับนายนะโมพร้อมกับยกแขนอ้อมมาโอบบ่าผม นายนะโมที่ยังตัวสั่นจากความเจ็บปวดมองกลับมาอย่างไม่ค่อยพอใจนัก

     “ผมไม่ให้เขาเข้าไปก็ได้ แต่ท่านช่วยทำให้เขาหายทรมานได้ไหมครับ ผมขอร้อง” ผมขอร้องหญิงชราท่านนั้น

     “ได้ ถ้ามันไม่เข้ามาใกล้พื้นที่ของข้าอีก มันก็จะดีขึ้นเอง”


     ถึงไม่อยากทิ้งนายนะโมไว้ตรงนี้ แต่ก็ไม่มีทางเลือกอื่นที่ดีกว่านี้เพราะตอนนี้มีเรื่องของน้องฟางที่สำคัญกว่าที่ผมต้องจัดการ ผมหันกลับไปมองนายนะโมอย่างอดห่วงไม่ได้ นายนั่นมองตามผมกับพัตเตอร์ตาละห้อย อย่างน้อยตอนนี้ภาษากายของนายนั่นที่บ่งบอกถึงความเจ็บปวดเมื่อครู่ก็เริ่มดูดีขึ้นแล้วผมก็ยังพอเบาใจไปได้บ้าง


☎ ☎ ☎ ☎ ☎ ☎ ☎


     “ผมมาหาฟางครับ ห้อง510” ผมบอกกล่าวกับพนักงานที่เคาท์เตอร์ พร้อมบอกชื่อผมและชื่อร้าน เธอยกหูโทรศัพท์ต่อสายถึงห้องน้องฟาง พูดคุยกันครู่หนึ่ง เธอจึงอนุญาตให้ผมกับพัตเตอร์ขึ้นไปได้



     ผมกับพัตเตอร์ขึ้นลิฟท์ที่ดูจากสภาพแล้วคงมีระยะการใช้งานมาแล้วเนิ่นนาน ไม่รู้เพราะสภาพลิฟท์ที่ดูเก่าแก่หรือเปล่ามันเลยทำให้ผมจินตนาไปเองว่าบรรยากาศด้านในนี้มันช่างวิเวกวังเวงชอบกล เพียงแค่ประตูลิฟท์ปิดลงผมก็ขนลุกเกรียวไปทั้งร่างขึ้นมาทันใด 


     ในขณะที่ลิฟท์ขึ้นไปอย่างช้าๆผมได้แต่ภาวนาว่าอย่าลิฟท์ตัวนี้สิ้นสุดสภาพการใช้งานในขณะที่ผมกำลังใช้งานอยู่มันเลย
แต่ดูเหมือนการภาวนาของผมมันจะไม่ค่อยส่งผลอะไรเท่าไหร่ เมื่อลิฟท์ตัวนั้นจู่ๆมันก็หยุดแน่นิ่งลงในระหว่างทาง ไฟในลิฟท์เริ่มติดๆดับๆ บรรยากาศด้านในที่จากเดิมมีแอร์ก็เหมือนไม่มีกลับเย็นยะเยือกขึ้นมาเสียดื้อๆ ผมจับแขนพัตเตอร์ไว้แน่น ครั้นจะบอกไม่กลัวในเวลานี้ก็คงโกหก ไม่ใช่แค่เรื่องสิ่งเร้นลับแต่ยังมีเรื่องอันตรายหากลิฟท์นี้เกิดอุบัติเหตุให้ผมต้องกังวลอีก แม้พัตเตอร์จะคอยพูดกับผมตลอดว่าไม่ต้องกลัว มันก็ไม่ได้ทำให้ผมเบาใจขึ้นเลย


     “กลับไปซะ วันนี้เป็นที่แม่ดวงตกที่สุด ยังไงแม่ก็ต้องตาย พี่ช่วยแม่ไม่ได้หรอก” เสียงพูดแกมตะคอกจากเด็กน้อยปริศนาลอยมาอย่างไร้ทิศทาง

     ผมกวาดตามองไปรอบๆพื้นที่สี่เหลี่ยมแคบๆในนี้มีเพียงแค่กับพัตเตอร์แล้วก็ไม่พบสิ่งอื่นใดอีกเลย จากที่อยู่ชิดกันมากอยู่แล้วผมยิ่งขยับให้เข้าไปชิดพัตเตอร์มากขึ้นไปอีกถึงมันจะไม่ค่อยได้ช่วยให้อุ่นใจขึ้นสักเท่าไหร่ก็ตาม

     “น้องปล่อยเขาไปเถอะนะ สงสารเขาเถอะ ถือว่าให้อภัยเขาสักครั้ง” ผมกลั้นใจพูดออกมาอย่างตะกุกตะกัก

     “ทำไมกูต้องสงสารมัน ตอนมันฆ่ากูกับน้องๆ มันไม่เห็นสงสารพวกกู” เสียงของเด็กคนนั่นตะคอกกลับมาชนิดที่แค่ฟังน้ำเสียงก็สัมผัสได้ถึงความโกรธแค้นที่มีมากเกินจะบรรยายได้


     ร่างของเด็กทารกผู้ชายตัวบวมเขียวปรากฎขึ้นตรงหน้าผมกับพัตเตอร์ ร่างอันแบเบาะขยายใหญ่ขึ้นอย่างรวดเร็วจนร่างของเด็กคนนั้นสูงใหญ่เกินผมกับพัตเตอร์เสียอีก พัตเตอร์ใช้แขนตัวเองยกขึ้นขวางกั้นตัวผมจากคนนั้น จากแววตาที่เขามองมาที่ผมกับพัตเตอร์ก็พอจะคาดเดาได้ว่าเขาไม่พอใจพวกผมเป็นอย่างมาก


     “มึงรู้ไหม พวกกูต้องทุกข์ทรมานแค่ไหน บุญกุศลสักนิดมันยังไม่เคยอุทิศให้พวกกูปล่อย มึงยังจะให้พวกกูอภัยมันอีกเหรอ พวกกูเฝ้ารอให้ถึงวันนี้มานานวันที่มันดวงตกที่สุดในชีวิตเพื่อรอชำระแค้น” ในขณะที่เด็กคนนั้นพูดไปดวงตาของเขาก็โปนใหญ่ขึ้นจนเกือบเท่าไข่ไก่ เส้นเลือดในตาขาวของเขาขึ้นลายเด่นชัดและกลายเป็นสีแดงฉ่ำ ในแววตาที่เต็มไปด้วยแรงอาฆาตของเขามันน่ากลัวเหลือเกิน น่ากลัวจนผมไม่กล้าแม้แต่ที่จะเหลือบมอง

     “พี่ขอร้องนะ ให้โอกาสเขาเถอะ ถือเสียว่าให้เขามีโอกาสได้สำนึกผิดกับสิ่งที่ทำ ถ้าน้องต้องการบุญพี่จะบอกให้บวชเพื่ออุทิศบุญกุศลให้พวกน้อง” ผมตัดสินใจต่อรองขอชีวิตน้องฟางกับเด็กคนนั้น เด็กคนนั้นดูมีท่าที่สนใจกับข้อเสนอของผมอยู่บ้าง

     “มึงคิดว่าคนอย่างมันจะสำนึกได้จริงเหรอ ถ้ามันสำนึกได้มันคงไม่ทำกับพวกกูซ้ำแล้วซ้ำเล่า”
สิ้นเสียงบอกเล่าของเด็กคนนั้น ตัวของผมเหมือนถูกดูดดึงไปที่ไหนสักแห่ง


☎ ☎ ☎ ☎ ☎ ☎ ☎


     บรรยากาศรอบตัวผมตอนนี้ไม่ใช่พื้นที่สี่เหลี่ยมแคบๆในลิฟท์แบบเมื่อครู่ ไม่มีพัตเตอร์ ไม่มีเด็กคนนั้น ผมเห็นแค่เพียงเด็กสาวคนนั้น เด็กสาวในวัยมัธยมต้น เธอดูรักสนุกกับใช้ร่างกายสร้างความสุขและปรนเปรอชายที่สนใจ จนในที่สุดเธอตั้งท้อง และเธอก็เลือกที่จะไม่เก็บเด็กในท้องนั้นไว้ การทำลายหนึ่งชีวิตในตัวเธอมันช่างดูง่ายดาย จนเธอไร้ซึ่งความเข็ดหลาบกับความผิดพลาดครั้ง เธอยังปล่อยให้เหตุการณ์นั้นมันเกิดขึ้นซ้ำๆอย่างไม่เกรงกลัวต่อบาปกรรม คนแบบไหนกันที่จะปล่อยให้ตัวเองท้องโดยไร้การป้องกันตั้งหลายครั้งและทำลายทุกชีวิตได้อย่างเลือดเย็นขนาดนั้น ในเวลาไม่ถึงสิบปีเธอทำลายไปถึงหกชีวิต ผมเห็นทุกช่วงเวลาที่เธอทำลายชีวิตพวกเขาโดยเจตนาอย่างง่ายดาย และเธอคนนั้นคือน้องฟางไม่วันนี้…


☎ ☎ ☎ ☎ ☎ ☎ ☎


     “เห็นหรือยังล่ะ คนแบบนี้น่ะเหรอที่มันจะมีสำนึก” ผมกลับมาในพื้นที่สี่เหลี่ยมแคบๆในสภาพเหนื่อยหอบ ผมหอบหายใจรัวไม่เป็นจังหวะอย่างโหยหาอากาศหายใจเป็นที่สุด เด็กคนนั้นยกยิ้มเหยียดหลังจากที่เขาทำให้ผมได้เห็นภาพเหล่านั้น

     “พี่ชลเป็นอะไรหรือเปล่า” พัตเตอร์โอบประคองร่างผมไว้ ผมยกมือให้เป็นเชิงว่าผมยังไหว

     “แต่ถ้ามึงคิดว่ามึงจะทำให้มันสำนึกได้ กูจะโอกาสมึงแค่ครั้งเดียว ถ้ามึงทำให้มันสำนึกและยอมบวชให้พวกกูได้ กูจะไว้ชีวิตมัน แต่ถึงมันจะไม่ตายพวกกูก็จะตามจองเวรมันไปตลอดชีวิต ให้ชีวิตมันไม่มีวันพบกับความสุข แต่ถ้ามึงโดนมันไล่ออกมากูจะถือว่ามึงทำไม่สำเร็จทันที” หลังจากพูดจบร่างของเด็กคนนั้นก็จางหายไปต่อหน้าต่อตาผม ก่อนที่ลิฟท์จะกลับมาใช้งานได้ตามปกติ


☎ ☎ ☎ ☎ ☎ ☎ ☎


     “พัตเตอร์ ทำไมนายนะโมเข้ามาไม่ได้ แต่เด็กพวกนั้นถึงเข้ามาได้ล่ะ” ผมถามสิ่งที่ยังข้องใจกับพัตเตอร์

     “ก็เพราะว่าเด็กพวกนั้นคือเวรกรรมของพี่ฟางไง ขึ้นชื่อว่าเวรกรรม ไม่ว่าอะไรก็ขวางไม่ได้ทั้งนั้นแหละพี่ชล” เวรกรรมที่มันช่างน่ากลัวจริงๆ ทางที่ดีเราอย่าทำบาปกันเลยจะดีที่สุด



     ถึงเด็กคนนั้นบอกว่าไม่ว่ายังไงก็จะตามจองเวรน้องฟาง แต่อย่างน้อยถ้าเธอยังมีชีวิตอยู่เพื่อทำความดีชดใช้ความผิด สักวันเด็กพวกนั้นอาจจะให้อภัยเธอก็ได้ น้องฟางเปิดประตูต้อนรับผมกับพัตเตอร์ ใบหน้าของเธอในยามที่ไร้เครื่องสำอางปกปิดแสดงความหม่นหมองอย่างเห็นได้ชัด ผมแทบอยากจะกลับออกไปทันทีที่ก้าวเท้าไปในห้องของน้องฟาง ก็เมื่อมองไปรอบห้องของผมก็เห็นแต่เด็กตัวบวมเขียวเกาะอยู่ตามผนังทั่วทุกห้องทุกสายตาอาฆาตแค้นจับจ้องมาที่น้องฟางอย่างชวนให้ขนหัวลุก

     “ฟาง พี่จะพูดแบบไม่อ้อมค้อมนะ ฟางเคยทำแท้งมาใช่ไหม” ผมยิงตรงเข้าประเด็น เพราะโอกาสของผมในการช่วยชีวิตน้องฟางมีไม่มากนัก น้องฟางเธอชะงักไปช่วยขณะทันทีหลังจากสิ้นคำถามของผม

     “พี่ชลพูดเรื่องอะไรอ่ะคะ ฟางจะไปเคยทำแท้งได้ยังไง” ถึงแม้เธอจะปฏิเสธ แต่ผมสัมผัสได้ถึงสายตาที่ล่อกแล่กและน้ำเสียงที่ตะกุกตะกักในการตอบคำถามของเธอ

     “พี่ไม่รู้ว่าฟางจะเชื่อสิ่งที่พี่พูดหรือเปล่านะ แต่พี่เห็นวิญญาณเด็กที่เขาตามอาฆาตฟาง เขาอยากให้ฟางสำนึกผิดแล้วบวชให้เขาเพื่อแลกกับชีวิตของตัวฟางเอง”

     “เอ่อ ฟางว่าพี่ชลอาจจะทำงานหนักไปจนฝันเป็นตุเป็นตะไปแล้วมั๊งคะ พักผ่อนบ้างนะคะพี่ชล” แม้สีหน้าและน้ำเสียงของผมจะดูจริงจังแค่ไหน แต่น้องฟางเธอตอบกลับผมพลางหัวเราะ และมองมาที่ผมราวกับว่าผมเป็นตัวตลกอย่างไรอย่างนั้น


     “ครั้งแรกตอนม.3 ครั้งที่สองตอนม.5 ครั้งที่สามตอนม.6 ครั้งที่สี่ตอนปีสอง ครั้งที่ห้าเมื่อปีที่แล้ว ครั้งล่าสุดเมื่อสามเดือนที่แล้ว” พูดผมทุกอย่างที่เด็กคนนั้นทำให้ผมเห็นและให้ผมรับรู้ หมายว่าจะให้น้องฟางเธอยอมเชื่อสิ่งที่ผมพูดและยอมสำนึกผิดได้
หลังจากที่ได้ยินคำบอกเล่าของผมน้องเธอถึงกับสะอึกและหน้าซีดเผือกไปทันที เธอนิ่งไปครู่ใหญ่

     “ฟางไม่รู้หรอกนะคะว่าพี่ชลไปเอาเรื่องพวกนี้มาจากไหน แต่ฟางว่ามันก็เป็นเรื่องส่วนตัวของฟางนะคะ อย่าหาว่าฟางไล่เลยนะคะ แต่พี่ชลกับพัตเตอร์กลับไปเถอะค่ะ พวกคุณก้าวก่ายเรื่องส่วนตัวของฟางมากเกินไปแล้ว”
น้องฟางเธอดูไม่ค่อยพอใจนัก


     หลังจากพูดจบน้องฟางเธอเดินตรงเข้าดึงกระชากแขนผมหมายจะลากตัวผมออกไปจากห้องของเธอ ผมพยายามจะยื้อเพราะถ้าผมออกจากห้องนี้ไปเมื่อไหร่นั่นหมายความผมช่วยชีวิตน้องฟางไม่สำเร็จ พัตเตอร์เข้ามาแย่งตัวผมจากน้องฟาง และทำเหมือนมองตรวจสภาพแขนผมตรงที่ถูกน้องฟางทั้งบีบและกระชากเมื่อครู่

     “กลับกันเถอะครับพี่ชล ในเมื่อพี่ฟางเขาไม่ต้องการความช่วยเหลือ ก็ปล่อยเขาไป”

     “ดีค่ะ กลับไปเลย แล้วฟางก็หวังว่าพี่ชลเรื่องงานกับเรื่องส่วนตัวของฟางออกนะคะ”


     ผมมองหน้าพัตเตอร์อย่างขอความเห็นใจ แต่พัตเตอร์ตอนนี้ดูจะเป็นเวอร์ชั่นที่ใจแข็งกว่าทุกครั้ง เด็กนั่นอาศัยความตัวโตและแรงเยอะกว่าผมพาตัวผมออกไปกับเขาจนได้ ผมมองน้องฟางอย่างอาลัยอาวรณ์ ผมพยายามเรียกร้องให้เธอฟังผมอีกครั้งแต่ดูเธอไม่ได้ใยดีนัก ประตูค่อยๆปิดลงพร้อมกับขาผมที่อ่อนแรงจนทรุดลงไปนั่งพื้นอย่างสิ้นหวัง


     “มันไม่ใช่ความผิดของพี่ชลนะ โชคชะตากำหนดไว้แล้ว ใครก็ฝืนไม่ได้หรอก” พัตเตอร์จับบ่าของผมทั้งสองข้างจากด้านหลัง ผมเข้าใจสิ่งที่พัตเตอร์พูด แต่นั่นชีวิตคนทั้งคนนะผมอยากช่วยเธอให้ได้มากกว่านี้ น้ำตาของผมหลั่งรินออกมาอย่างห้ามไม่ได้ แม้จะเรียกเท่าไหร่น้องฟางเธอก็ไม่ยอมเปิดประตูให้ผมอีกเลย


     “มึงทำไม่สำเร็จ” เด็กคนนั้นปรากฏตัวขึ้นอีกครั้งพร้อมกับรอยยิ้มและใบหน้าแห่งความสะใจ ก่อนที่เขาจะหัวเราะออกมาเสียงดังกึกก้อง เสียงนั้นมันช่างน่ากลัวจับใจ หลังจากสิ้นเสียงนั้นผมมีความรู้สึกว่าร่างกายของผมถูกดูดดึงไปอีกครั้ง


☎ ☎ ☎ ☎ ☎ ☎ ☎


     ที่นี่ไหนที่กันเมื่อครู่นี้ผมยังอยู่หน้าห้องน้องฟางอยู่เลย ผมกวาดสายตามองรอบตัวถึงได้พบว่าตอนนี้ผมกลับมาอยู่ตรงหน้าแมนชั่น ผมมาอยู่ตรงนี้ได้ยังไง….

     “ชล” ผมหันไปตามเสียงเรียกที่ดังมาจากนอกเขตรั้ว

     “นะโม” นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ผมเหลือบมองนาฬิกาข้อมือพบว่าตอนนี้เป็นเวลาหกโมงตรง แต่เท่าที่จำได้ครั้งสุดท้ายที่ผมมองนาฬิกาตอนที่อยู่ในห้องน้องฟางมันหกโมงยี่สิบนาทีแล้วนี่
ผมงงไปหมดแล้ว สรุปมันเกิดอะไร เวลามันย้อนกลับอย่างนั้นเหรอ


     แต่ถ้าหากตอนนี้เวลามันย้อนกลับจริงผมอาจจะยังขึ้นไปช่วยน้องฟางทันก็ได้


     “พอเถอะพี่ชลมันจบแล้ว” พัตเตอร์ฉุดรั้งร่างของผมที่กำลังจะวิ่งกลับเข้าไปในแมนชั่นอีกครั้ง




     เพล้ง



     “กรี๊ด!!!!!”


     เสียงกระจกแตกดังขึ้นก่อนจะตามติดมาด้วยเสียงกรีดร้องด้วยความหวาดกลัวเสียงดังสนั่นจากด้านบน ผมเงยหน้ามองขึ้นไปตามเสียงนั้นทันที ผู้หญิงคนนั้นร่างของเธอกำลังร่วงหล่นลงมาจากชั้นห้า


ตุบ


     ทุกอย่างมันเกิดขึ้นไวมาก เพียงชั่วพริบตาร่างของเธอผู้นั้นก็ตกลงมากระแทกกับพื้นอย่างแรง น้องฟาง… ผมแทบช็อคกับภาพที่เห็นต่อหน้าต่อตา เลือดสีแดงสดของเธอเจิ่งนอกไปทั่วทั้งบริเวณ สองแขนสองขาดิ้นทุรนทุรายตะเกียกตะกายอย่างทรมาน เธอกระอักเลือดออกมาอย่างไม่ขาดสายทั้งปากและจมูก ดวงตาของเธอเหลือกและเบิกโพลง ก่อนที่ร่างของเธอจะกะตุกอยู่สามถึงสี่ครั้งและค่อยๆแน่นิ่งไปอย่างช้าๆ  ผมสติแตกจนทำอะไรไม่ถูกเลยในขณะนั้นผมไม่สามารถแม้แต่จะส่งเสียงร้องหรือเคลื่อนไหวส่วนใดร่างกายได้เลย แม้แต่เปลือกตาผมยังไม่สามารถใช้มันปิดบังไม่ให้มองเห็นภาพอันน่าสยดสยองนั้นได้เลย

     “พอแล้วพี่ชลอย่ามอง” การมองเห็นทุกอย่างของผมมืดสนิทลงด้วยมือของพัตเตอร์ที่ปิดกั้นไว้ ก่อนที่เด็กนั่นจะพาผมออกไปจากตรงนั้น


☎ ☎ ☎ ☎ ☎ ☎ ☎

         กว่าจะกลับถึงบ้านฟ้าก็มืดลงแล้วเพราะผมต้องไปตอบคำถามกับตำรวจมากมายในฐานะผู้พบศพคนแรกผมกับพัตเตอร์ตอบเฉพาะช่วงที่เห็นน้องฟางตกลงมา เพราะสิ่งที่น่าพิศวงก็คือกล้องวงจรปิดในแมนชั่นไม่ปรากฏว่าผมกับพัตเตอร์เคยเข้าไปในนั้น แต่เราสองคนมั่นใจว่าได้เข้าไปด้านในมาแล้วจริงๆเพราะจากภาพข่าวทุกอย่างในแมนชั่นแม้กระทั่งในห้องของน้องฟางเหมือนกับที่ผมและพัตเตอร์ได้เข้าไปเห็นทุกอย่าง


     พัตเตอร์ดูจะมีสติกับการพบเจอสิ่งเหล่านั้นมากกว่าผม เด็กนั่นบอกผมว่าเขาสัมผัสเรื่องพวกนี้ได้มาตั้งแต่เด็ก เลยมีภูมิกันกับเรื่องพวกนี้มากกว่าผมที่เพิ่งมาเป็นแบบนี้ ผมไปส่งพัตเตอร์ที่บ้านเด็กนั่นยังรบเร้าจะขอตามมาถึงบ้านผมเพราะไม่อยากให้ขับรถคนเดียวในเวลานี้ เข้าใจนะว่าเป็นห่วงแต่ถ้าพัตเตอร์อยู่เป็นเพื่อนผมจนถึงบ้าน เด็กนั่นก็ต้องนั่งแท็กซี่กลับบ้านเอง ลำบากเปล่าๆ อย่างน้อยก็ยังมีนายนะโมอยู่ด้วยน่า


☎ ☎ ☎ ☎ ☎ ☎ ☎


     ผมปิดประตูห้องนอนแล้วถอนใจเฮือกใจก่อนจะหลับตาลงและพยายามตั้งสติข่มจิตข่มใจกับทุกเรื่องเกิดขึ้น ถึงแม้ทุกคนจะพยายามบอกผมแล้วว่าผมไม่สามารถฝืนชะตากรรมของใครได้ แต่ผมยังดันทุรังที่จะทำ และเมื่อทำไม่สำเร็จทุกความรู้สึกที่มันแย่ๆก็ถาโถมประดังเข้าในหัวสมองและหัวใจของผม ถึงแม้พยายามจะทำความเข้าใจแต่มันก็ช่างยากเย็นเหลือเกิน ผมหลับตาอยู่อย่างนั้นไปพักใหญ่ๆ



     ผมลืมตาขึ้นมาพบกับนายนะโมที่ยืนอยู่ตรงหน้า ผมรับรู้ได้ถึงแววตาแห่งความห่วงใยที่เขามองส่งมาที่ผม นาทีนั้นผมคงจะลืมไปว่าร่างกายของนายนะโมเป็นเหมือนอากาศที่ผมไม่สามารถจับต้องได้ ผมถึงได้โผเข้าไปกอดนายนั่น และในชั่วโมงนั้นผมคงไม่มีสติมากพอที่จะฉุกคิดขึ้นมาได้ว่าผมกำลังสัมผัสร่างกายและกอดนายนั่นได้อยู่ ผมกอดเขาได้จริงๆนะ ผมรู้สึกได้ว่าผมกำลังกอดสิ่งที่มีตัวตนไม่ใช่เป็นเพียงแค่อากาศ

     “ฉันช่วยอะไรเขาไม่ได้เลยนะโม” ทุกความรู้สึกที่อัดอั้นมันถูกกลั่นออกมาเป็นน้ำตา ผมซบหน้าลงบนบ่าของนะโม ก่อนจะปลดปล่อยตัวเองให้ร้องไห้ฟูมฟายออกมาอย่างไม่อาย อย่างน้อยก็ให้ความรู้สึกแย่ๆทุกอย่างที่มันถาโถมได้มีการระบายออกไปบ้างก็คงดี

     “อย่าโทษตัวเองเลยนะครับคนดีของผม ผมรู้ว่าชลทำดีที่สุดแล้ว” น้ำเสียงที่อ่อนโยนที่กระซิบแผ่วเบาที่ข้างหูผมนั้นมันทำให้ผมรู้สึกอบอุ่นและอุ่นใจอย่างบอกไม่ถูก นายนะโมโอบกอดตอบผมแล้วกระชับให้แน่นขึ้น ผมเองก็ไม่รู้ทำไมครั้งนี้เราถึงสัมผัสตัวกันได้นานกว่าครั้งก่อนๆ สิ่งเดียวที่ผมรับรู้ได้ในตอนนั้นคือ ผมรู้แค่เพียงผมรู้สึกดีมากในตอนที่อยู่ภายใต้อ้อมกอดนั้น


☎ ☎ ☎ ☎ ☎ ☎ ☎


     “พักผ่อนนะครับ วันนี้ชลเหนื่อยมามากแล้ว” นายนะโนใช้ข้อศอกยันกับที่นอนยกตัวให้สูงขึ้น อยู่ข้างกายผมที่ซุกตัวอยู่ผ้านวมพื้นหนา ผมชอบแววตาของเขาที่มองมาที่ผมตอนนี้จัง มันทั้งอบอุ่นและอ่อนโยนจนแทบไม่เหลือภาพนายนะโมสมองเด็กห้าขวบที่ผมเคยเห็นอยู่เป็นประจำ
ผมพยายามที่จะสัมผัสตัวของนะโมอีกครั้ง แต่กลับกลายเป็นว่าตอนนี้ผมสัมผัสตัวเขาไม่ได้แล้ว


     “ทำไมเมื่อกี้เราถึง….”

     “เพราะผมเป็นของชลไง” …..ผมควรจะต้องรู้สึกยังไงกับคำตอบนั้นดี น้ำเสียงนุ่มๆกับคำตอบที่ชวนให้คิดไปไกล ตัวผมเองยังไม่รู้เลยว่าผมควรจะต้องรู้สึกแบบไหน รู้แต่เพียงว่าคำตอบนั้นมันทำให้ผมถึงกับต้องหลบสายตานายนั่น ไม่กล้าเลยที่จะมองแววตาและรอยยิ้มแบบนั้น

     “หน้าแดงอีกแล้วนะอย่าทำตัวน่ารักไปกว่านี้จะได้ไหม” ปัดโธ่เอ๊ย คนยิ่งทำตัวไม่ถูกอยู่ อย่ามาจี้จุดซ้ำตรงที่เดิมได้ไหมเล่า ผมพลิกตัวหนีและดึงหน้าห่มขึ้นมาคลุมหัวแล้วทำเป็นหลับไปเสีย ก่อนที่นายนั่นจะเล่นมุขพูดอะไรเลี่ยนๆออกมาอีก ผมได้ยินเสียงเขาหัวเราะในลำคอดูมีความสุขเหลือเกินนะที่แกล้งผมได้ คนบ้าอะไรมาหยอดคำหวานกับผู้ชายได้อย่างหน้าตาเฉย


☎ ☎ ☎ ☎ ☎ ☎ ☎


     “พี่ชล...”


     “พี่ชล… ฮึกฮึก”


     ผมรู้สึกตัวตื่นขึ้นมากลางดึก เพราะเสียงเรียกพลางเสียงร้องไห้จากผู้หญิงปริศนาคนนั้น น้ำเสียงของเธอช่างเย็นยะเยือกพูดยานคางลากชื่อผมลากเสียงยาวชนิดที่ชวนให้ขนหัวลุกและหลอนจับขั้วหัวใจไปพร้อมกัน เสียงนั้นค่อนข้างคุ้นหูแต่ก็นึกไม่ออกว่าเป็นเสียงของใครแต่ที่แน่ๆไม่ใช่เสียงคุณนายนกยูงแน่นอน แต่ทั้งบ้านนี้ก็มีผู้หญิงอยู่คนเดียวนี่นา ถ้าไม่ใช่คุณนายนกยูงจะเป็นใคร ยัยพี่นีไม่เข้ามาวุ่นวายในตัวบ้านอยู่แล้ว

     ผมรอให้ตาชินกับความมืดก่อนจะเริ่มมองกวาดไปรอบๆห้อง จนในที่สุดผมถึงกับต้องสะดุ้งเฮือก และดันตัวเองลุกขึ้นเขยิบหนีไปชิดหัวเตียงโดยอัตโนมัติ เมื่อสายตาของผมไปสะดุดเข้าไปกับแขกที่ไม่ได้รับเชิญเข้า หญิงสาวที่กำลังนั่งซุกหน้ากับหัวเข่าตัวเอง

     ร่างกายของเธอซีดเผือกไปทั้งตัวตามเนื้อตัวเธอมีร่องรอยการกัดและข่วนอย่างแรงอยู่เต็มไปหมด ผมขยี้ตาแล้วมองตรงไปที่เธออีกครั้งเพื่อยืนยันกับตัวเองว่าผมไม่ได้ตาฝาด


น้องฟาง….


      “พี่ชลช่วยฟางด้วย มันทรมานเหลือเกิน” เธอพูดยานคางเสียงสั่นเครือและร้องไห้ไปด้วย ผมแทบขนหัวลุกเมื่อเธอหันหน้าเหลือบตามองมาทางผม
เพราะแทนที่จะเป็นน้ำตาที่ไหลรินที่ตาของเธอกลับกลายเป็นเลือดสีแดงสดที่ไหลออกมาแทนน้ำตาไหลอาบไปทั่วทั้งใบหน้า

     เมื่อครู่ที่ผมบอกว่าเธอกำลังนั่งซุกหน้ากับหัวเข่า แต่แท้ที่จริงแล้วผมเพิ่งจะรู้ว่ากระดูกตรงส่วนคอและส่วนหัวของเธอไม่ได้เชื่อมต่อกัน ไม่ว่าเธอจะพยายามเงยหน้าขึ้นมาสักกี่ครั้งตรงส่วนคอขอเธอก็จะหักงอจนส่วนหัวห้อยไปด้านข้างทุกครั้ง จนเกิดเป็นภาพที่ชวนสยดสยองอย่างที่ผมได้เห็นอยู่ตอนนี้


     “กรี๊ด!!!” ยังไม่ทันที่ผมจะได้สื่อสารอะไรกับเธอ มือเล็กที่ยื่นมาจากความมืดออกมาขยุ้มกำที่เส้นของเธอแล้วกระชากร่างของเธออย่างรุนแรง จนตัวเธอหายเข้าไปในความมืดเพียงชั่วพริบตา


☎ ☎ ☎ ☎ ☎ ☎ ☎


     ผมสะดุ้งตื่นขึ้นมาในสภาวะที่หัวใจเต้นแรงเพราะภาพนั้นยังติดตา ไฟในห้องนอนยังเปิดอยู่เพราะเท่าที่จำได้ก่อนจำหลับไปผมก็ไม่ได้ปิดไฟ เหลือบตามองไปด้านซ้ายมือ นายนะโมยังข้างผมในท่าเดิมแม้เวลาจะผ่านไปหลายชั่วโมงแล้ว เหงื่อของแตกพลั่กเปียกโซกไปทั้งตัวเลอะทั้งหมอนและที่นอน นี่ผมฝันไปเหรอเนี่ย แต่มันช่างเป็นฝันที่น่ากลัวและเหมือนจริงเหลือเกิน



     สองสัปดาห์ผ่านไปแล้วหลังจากเกิดเรื่องน้องฟาง สภาพจิตใจของผมโอเคขึ้น แพทย์ตรวจพบสารเสพติดในร่างกายเธอ คุณตำรวจเลยสันนิษฐานว่าเธออาจจะเห็นภาพหลอนจนเป็นเหตุให้พลัดตกลงมา ผมเองก็ไม่รู้หรอกว่าวันนั้นน้องฟางได้เห็นหรือได้พบเจอกับอะไรบ้าง หรือไม่มันก็อาจจะเป็นเพียงอุบัติเหตุก็ได้ แต่อย่างน้อยเรื่องของน้องฟางก็ทำให้ผมได้ตระหนักและเกรงกลัวที่จะทำบาป เพราะผมรู้แล้วเวรกรรมมันน่ากลัวขนาดไหน เมื่อเวลานั้นมาถึงเจ้ากรรมนายเวรพร้อมที่จะสนองกรรมนั้นให้เราอย่างสาสม ทุกวันนี้ผมทำได้เพียงทำบุญและอุทิศส่วนกุศลให้เธอและเด็กพวกนั้นในบางครั้งคราวที่มีโอกาส ได้แต่หวังว่าในสักวันหนึ่งวิญญาณของเธอจะได้หลุดพ้นบ่วงกรรม



TBC
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 20-07-2017 05:29:22 โดย ตำไทยใส่พริกสิบเม็ด »

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3433
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
 o13 สนุกมาก อ่านตอนตีสองกว่าๆ มันก็จะมีบรรยากาศหลอนๆหน่อย บวกกับเสียงฝนพร่ำในตอนนี้ด้วย  :ling3:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด