ไร่สายลม ตอนพิเศษ วาเลนไทน์ โยxทัพ 15/3/2561
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ไร่สายลม ตอนพิเศษ วาเลนไทน์ โยxทัพ 15/3/2561  (อ่าน 85077 ครั้ง)

ออฟไลน์ Letter123

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 267
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +186/-2
ไหนๆพี่ทัพเค้าก็อกหักพอดี เราว่าจับเค้าให้ได้กับพี่โยเลยดีไหม :laugh:
อิๆๆๆ

ออฟไลน์ Letter123

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 267
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +186/-2
หากจะถามใจลมตอนนี้ บอกเลยว่ากูป๊อด แม้จะเคยคุยกันแต่ก็เพียงคุยกันครั้งเดียวผ่านโทรศัพท์แต่น้ำเสียงที่เป็นการเป็นงานและดูท่าจะเป็นคนจริงจังเสียด้วยสิ แถมเท่าที่คุยเขาเป็นคนที่โดนสอบสวนซะมากกว่า ดูท่าจะรักวามากเลยทีเดียว หลังจากที่บอกข่าววาก็หนีไปทำงานด้วยอารมณ์ดีมาก แม้ว่าโยจะมาในอีกสามวันข้างหน้า ร่างเล็กก็เหมือนจะตื่นเต้นมากมายเลยทีเดียว แต่เขาก็เข้าใจวาดี แม้ว่าจะหวาดหวั่นไปหน่อยกับการเจอกับครอบครัวของคนที่จะจริงจังด้วย ผมก็ตื่นเต้นเหมือนกันนะเว้ย แม่งชีวิตไม่เคยได้คิดจริงจังกับใครแต่ก็มาพลาดท่าซะก่อนล่ะ
   “พี่ลมทำไมดูเครียดจังครับ”
   “อ้อไม่มีอะไร งานเสร็จแล้วเหรอ” วันนี้วาบอกว่าจะแวะเข้าไปจัดการบัญชี แล้วค่อยเข้าไร่ ผมเลยเข้ามาทำงานที่ไร่องุ่นก่อน
   “ครับ เหนื่อยไหมพี่ลม” ให้ตายเหอะแค่คำถามผมก็หายเหนื่อยแล้ว
   “ไม่หรอกทำทุกวัน จะเข้าไร่ส้มใช่ป่ะ เดี๋ยวพี่พาไป” ผมวางกระสอบปุ๋ยลงปัดมือลวกๆ
   “ครับ น้ำครับ” ผมยิ้มกว้างเมื่อวาส่งน้ำเย็นๆให้
   “ไอ้สินกูว่าองุ่นคราวนี้มันต้องหวานฉ่ำแน่เลยวะ” เสียงแซวแว่วมาพร้อมไอ้สมุนแฝดที่เดินกอดคอกันตรงมาทางเขา
   “ทำไมวะละออง”
   “ก็นายเรามีความรักเว้ยมึงได้กลิ่นความรักไหมเว้ย อบอวนทั่วไร่เลยมึง” ผมว่าไอ้ละอองมันต้องไปอ่านนิยายมากไปแน่ๆ
   “จริงด้วยวะ กูว่ามันต้องหวานมากแน่ๆ” ไอ้นี่ก็ลูกคู่จริงๆเว้ย
   “งานที่กูสั่งนะเสร็จยัง ถึงได้เดินอู้แบบนี้ห๊ะ” ตอนนี้วาไม่เขินกับการแซวของไอ้ปากมอมสองตัวนี้แล้วแต่แก้มเนียนก็ยังขึ้นสีระเรื่อ
   “โหยยยนายยย แค่ใส่ปุ่ยไร่กระหล่ำไร่หนึ่ง แค่นี้จิ๊บๆ” เหมือนมันจะเข้าใจผิดอะไรไปนัด
   “ไร่หนึ่งนะ กูหมายถึงทั้งไร่นะ” ทันทีที่พูดจบไอ้สองตัวนั่นก็มือไม้อ่อน ว่าแล้วไง คิดเหรอว่างานที่ให้มันจะสบายขนาดนั้น
   “โอ๊ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย”
   “ไปทำงานต่อได้แล้วพวกมึง ไม่ต้องโหยหวน ป่ะวา”
   “นายสองมาตรฐาน”
   “ใช่ๆ” ผมปล่อยให้มันประท้วงไป เดินหนีออกมาพร้อมกับวาที่มองหน้าผม
   “มีอะไรรึเปล่าหืม”
   “พี่ลมแกล้งอะไรละออง”
   “ไม่ได้แกล้งน่า ขึ้นสิ” ผมขึ้นคล่อมจักรยานโดยที่วากระโดดขึ้นซ้อน เพื่อไปดูสวนส้มที่ตอนนี้ดอกเริ่มผลิบาน วาเป็นคนคุมส่วนนี้เองและผมก็ไว้ใจเมื่อสิ่งที่วาทำมันช่วยให้ผลผลิตงอกงามได้ดีขึ้น ผมกับวาแยกย้ายทำหน้าที่ วาเดินเข้าไปคุยกับคนงานก่อนที่จะเข้าไปดูต้นส้มที่ล่ะต้น ส่วนผมก็ไปใช่แรงงานช่วยพวกคนงานไร่ดายหญ้ารอบๆต้นส้มจนกระทั่งวามาเรียกว่าถึงเวลาที่ต้องกลับแล้ว
   “เดี๋ยววากลับก่อนเลยนะ พี่จะเลยไปดูสวนสตรอเบอร์รี่ เดี๋ยวพี่จะกลับไปพร้อมกับพวกคนงานที่นั่นเลย”
   “ครับ พี่ลมอยากกินอะไรไหม”
   “ไม่ล่ะเดี๋ยวพี่เอาสตรอเบอร์รี่กลับไปด้วย วาจะได้ไม่ต้องทำเพิ่มหลายอย่าง” ในบ้านผมจะมีคนงานเก็บแล้วส่งไปให้ที่บ้านอยู่แล้ว
   “ได้ครับ” วาปั่นจักรยานกลับผมก็ติดรถคนงานไปยังไร่สตรอเบอร์รี่ที่เป็นผลผลิตที่ขายได้ตอนนี้กับผักต่างๆเพราะทั้งองุ่นและส้มต่างพักต้น ไม่งั้นต้นองุ่นต้นส้มเราจะโทรมจนให้ผลผลิตที่ไม่ดี ลงไปควบคุมการใส่ปุ๋ย เดินวุ่นวายทั่วทั้งไร่จนกระทั้งพระอาทิตย์คล้อยตกเขาถึงได้กระโดดขึ้นรถพร้อมกับคนงานเพื่อกลับบ้าน งานที่ไร่เหมือนมีอะไรให้ทำตลอดเวลาเป็นงานที่ไม่จบไม่สิ้นมีงาน มีปัญหาให้แก้ตลอด แต่พอได้เห็นผลผลิตออกมาก็ทำให้เราหายเหนื่อย
   “พี่ลมขึ้นไปอาบน้ำก่อนนะครับ” ทันทีที่ผมเดินเข้าบ้านวาก็ชะโงกหน้าออกมาจากครัว ผมเห็นเจ้าลูกหมูกำลังเล่นกันกับอาคนใหม่ ไอ้ไม้ดูท่าจะอยู่โรงงาน
   “งั้นพี่ขึ้นไปก่อนนะ” ผมขึ้นห้องไปอาบน้ำเสร็จก็ลงมาเห็นทุกคนอยู่บนโต๊ะกินข้าวเรียบร้อยแล้ว
   “พี่ลมพรุ่งนี้วาจะเข้าไปจองโรงแรมให้พี่โยนะ”
   “จองทำไมให้เปลือง ให้มาพักด้วยกันที่บ้านนี่ก็ได้นะยังไงก็คนกันเอง ห้องรับแขกเราก็ว่างอยู่” วายิ้มกว้างพร้อมกับบอกขอบคุณ
   “อาโยจะมาเหรอครับ” น้ำที่นั่งฟังถามขึ้น วาเลยหันไปตอบ ส่วนทัพก็ไม่ได้พูดอะไร เพราะเขาก็ไปเที่ยวคงกลับมาก็แค่ตอนเย็น ไม่ได้มีผลกระทบอะไรต่อเขาอยู่แล้ว
   “งั้นเดี๋ยววาจะทำความสะอาดห้องล่ะกันครับ”
   “ได้สิ”
   “น้ำจะไปรับอาโย”
   “อืมคงไม่ได้นะครับ เห็นว่าจะมาตอนบ่าย น้ำเรียนอยู่ไปไม่ได้เดี๋ยวกลับบ้านค่อยมาเจอกันนะครับ” เพียงวาอธิบายเจ้าลูกหมูก็เชื่อฟัง อย่าให้เป็นเขานะ ต้องได้เถียงกันซักคำสองคำก่อนที่จะยอม
   “น้ำจะได้เจออาโยแล้ว” เจ้าลูกหมูร้องดีใจแต่ทำไมเขาไม่ดีใจด้วยวะ
   “พี่ลม กลัวรึไง” ไอ้ทัพที่นั่งอยู่ข้างๆเอียงตัวมากระซิบ
   “ใคร ใครกลัว”
   “โธ่ ก็พี่ลมไง ไม่อยากเจอพี่ชายวาใช่ไหมล่ะ” ไอ้เด็กนี่นิ จริงๆก็สนิทสนมกับมันพอควรล่ะนะมันถึงได้กล้าพูดเล่นกับผม
   “เออ แม่งกูก็หวั่นๆเหมือนกัน”
   “น่าๆพี่ลม อย่างพี่ต้องกลัวอะไรอีก สู้สิ” มันยุยงส่งเสริมกูดีจริงๆ เอาวะเป็นไงเป็นกัน

   Part Yotin
   ใครจะไปคิดว่าน้องชายสุดที่รักจะจัดการแก้ปัญหาให้เขาโดยการหนีไปตายเอาดาบหน้าที่ประเทศบ้านเกิดที่จากมาหลายปี  จริงๆเขาก็จัดการได้แต่ถ้าจัดการก็จะเป็นการไม่ไว้หน้าญาติผู้ใหญ่แถมยังเกรงใจบิดามารดาตนเองอีก เหอะ ถ้าพวกญาติๆที่ก่อความวุ่นวายปวดหัวพวกนั้นควรดีใจที่ยังมีพ่อและแม่เขาอยู่ไม่งั้นเขาก็เล่นจัดการแบบไม่ต้องไว้หน้าใครทั้งนั้น ต่อให้เป็นญาติตัวเองก็เหอะ
   “มัม ผมจะไปหาน้อง”
   “จะไปแล้วเหรอลูก เพราะแม่ไม่ดีเองทำให้น้องต้องหนีไปไกลแบบนั้น พาน้องกลับมานะลูก” เขากรอกตาขึ้นมองฟ้า เท่าที่ฟังลูกชายคนเล็กของแม่คงไม่อยากลับมาซะแล้วมั้ง
   “ผมอยากให้มัมทำใจไว้ ผมว่ายังไงไอ้ซนนั่นคงไม่กลับมาแน่ๆ”
   “เอ๋ ทำไม”
   “ผมว่าน้องคงมีทีที่น้องสามารถพักพิงได้แล้วล่ะครับ” รอยยิ้มร้ายปรากฏขึ้นเมื่อนึกถึงใครบางคนที่น้องชายสุดที่รักบอกเล่าให้ฟังเขาอยากจะเห็นคนที่ทำให้วาถึงกับเปิดใจให้
   “โอ้ ตายจริง จริงเหรอจ๊ะ โยกลับมาเล่าให้มัมฟังบ้างนะคะ” ผมพยักหน้ารับคำ มัมสบายใจขึ้น
   ผมเก็บกระเป๋า ปัญหาก็เพราะเรื่องสมบัติบ้าบอของตาที่บรรดาญาติหิวกระหายต่างพากันวุ่นวายกับเขาผู้เก็บเอกสารต่างๆของคุณตา หนักสุดก็บีบเรื่องแต่งงานแถมยังใช่เรื่องที่วาไม่ใช่คนในครอบครัวมาบีบบังคับเพราะวาก็เป็นหนึ่งในคนที่ได้รับผลประโยชน์เช่นเดียวกัน จนวาหนีไปก่อนที่เขาจะเก็บซากศพญาติที่ตอนนี้โดนเขาตอกตะปูติดฝาโลงไม่กล้าทำอะไรแล้ว เหอะ นี่ยังเห็นแก่หน้ามัมและแด๊ดนะเขาเอาให้ไม่ฟื้นแน่ๆ แต่ก็คงไม่ได้ทำอะไรให้วุ่นวายใจอีกเขาก็ตัดสินใจแพ็คกระเป๋าไปหาน้องชายที่ประเทศไทย และเขาก็จะได้เจอกับ ไอ้ ไม่สิมันไม่สุภาพสินะ นายลมอะไรนั่นซักที
   ทันทีที่เท่าแตะสนามบิน อากาศที่ดูเหมือนจะร้อนไปนิดสำหรับเขา ก่อนหน้านี้ที่เขาลงเปลี่ยนเครื่องที่กรุงเทพได้ติดต่อโทรบอกวาไว้เรียบร้อยแล้ว จะให้ไปถึงแล้วโทรนะเหรอมันไม่ใชเรื่องเลยซักนิดแบบนั้นเสียเวลาเขาเป็นคนที่ทำอะไรมีแบบแผนจะให้มาฉุกละหุกนี่ รับไม่ได้อย่างแรง ทันทีที่เดินออกจากประตูขาเข้า
   “พี่โย!!!” เสียงคุ้นหูเรียกเสียงดัง เขาหันไปเห็นคนที่ยืนโบกไม้โบกมือยิ้มร่า ท่าทางมีความสุขดีสินะ ร่างสูงลากกระเป๋ารีบเดินเข้าไปหา
   “คิดถึงจัง”
   “แล้วใครใช้ให้หนีมา” อย่าคิว่าจะมีคำพูดชวนหวานหูออกจากปากผม เจ้าวาทำหน้าเหม็นเบือ
   “สวัสดีครับ คุณโย” คนที่ยืนประกอบฉากข้างๆวาพูดขึ้นเรียกความสนใจจากเขา ดวงตาคมกวาดสายตามองตั้งแต่หัวจรดเท้าอย่างที่ไม่กลัวว่าจะเสียมารยาท ส่วนสูงไม่ได้ต่างจากเขามากมาย ผิดแต่ออกจะหนากว่าเขาไปหน่อย ดวงตาคมที่เหมือนผ่านปัญหามามากมายก็คงเหมือนที่วาเล่าให้ฟัง
   “ไม่ต้องเรียกคุณหรอก ท่าทางเราจะอายุไม่ห่างกันเท่าไหร่ ในที่สุดก็ได้เจอกันซักที”รอยยิ้มการค้าถูกใช้ออกมา โดยไม่สนใจน้องชายที่กรอกตาไปมา
   “งั้นไปกันดีกว่าเดี๋ยวจะถึงที่ไร่มืดซะก่อน”
   “ป่ะพี่โย” วากระโดดมากอดแขนลากเขาเดินตามลมไป ถึงยังไงน้องชายเขาก็ยังดูเหมือนเด็กตลอดเขาขึ้นนั่งที่เบาะหลังพลางสังเกตทั้งสองคน
   “วาจะแวะซื้ออะไรอีกไหม”
   “ไม่แล้วพี่ลม วาวานพี่ไม้ชื้อเข้าไปให้แล้ว”
   “เออจริงสิพรุ่งนี้จะมีพ่อค้าคนกลางเข้ามาดิลด้วยพี่ฝากวาด้วยนะ”
   “ได้ครับ พรุ่งนี้พี่ลมต้องอย่าลืมว่าต้องไปงานที่โรงเรียนน้ำนะครับ” เออ คุยกันซะให้พอ
   “น้ำ เด็กที่เรียกพี่ว่าลุง” อายุผมไม่ได้มากเลยนะ ยังไม่พอที่จะเป็นลุงใคร
   “ใช่ครับพี่โย น้องดีใจที่จะได้เจอพี่มากเลยนะ” เหอะๆ ได้แต่หัวเราะในใจ รถวิ่งยาวจนกระทั้งถึงไร่ จนกระทั่งถึงจอดที่หน้าบ้านเขาเปิดประตูลงก่อนที่จะเดินตามหลังเจ้าบ้านเข้าไป
   “พี่วา อาโยล่ะอาโยล่ะ” เสียงโวยวายดังลั่นตั้งแต่เขายังไม่ก้าวเข้าประตู
   “นิ่งๆไอ้ตัวแสบ ทำไงก่อน” ลมยืนจับหัวทุยที่เขาพึ่งเห็น เด็กอะไรมันน่าบีบจังวะ
   “สวัสดีครับอาโย”
   “สวัสดีครับ ลูกหมู” เขานั่งลงเพื่อให้เสมอกับเจ้าตัวป้อม
   “น้ำไม่เป็นลูกหมูแล้วนา” ยิ่งทำหน้าพองลมยิ่งทำให้เขาอยากบีบแก้ม แล้วก็ทำตามที่คิดเขายกมือบีบแก้มนุ่มทันที เป็นอย่างที่วาว่าไว้ ถ้าได้เจอเขาจะต้องชอบ เด็กนี่มันน่ารักจริงๆ
   “เลิกแกล้งหลานเลยพี่โย ไปดูห้องกับวาก่อน”
   “ได้ นำไปสิเจ้าของบ้าน” แซวให้วาหน้าแดงเล่น วาส่งค้อนให้ผมก่อนที่จะเดินนำขึ้นชั้นสอง สวนทางกับใครบางคนที่เดินลงมา
   “พี่โยนี่พี่ทัพเพื่อนพี่ไม้ครับ พอดีขึ้นมาเที่ยว”
   “อ่าสวัสดีครับ ผมทัพครับ” โยมองคนมือไหว้เขา แม้จะดูประหม่าเพราะสายตาของเขาที่มองอยู่
   “ผมโย” แนะนำสั้นๆก่อนที่ทัพจะขอตัวลงไปข้างล่าง ผมมองตามหลังไปนิ่งๆจนวาต้องเรียกผมอีกรอบ เอากระเป๋าเก็บไว้เขาก็ลงไปที่โต๊ะอาหาร ที่ตอนนี้อยู่กันครบทุกคน นั่งลงตรงกลางระหว่างวาและทัพ เพียงอยู่ด้วยไม่นานเขาก็สัมผัสถึงความอบอุ่น และวาก็เหมือนเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวนี้
   เคร้ง
   “ขอโทษครับ” คนข้างๆขอโทษทันทีที่ช้อนชนกัน ก่อนที่จะเปลี่ยนไปตักกับข้าวจานอื่น ทานไปได้ซักพักผมก็พูดขึ้น
   “อ้อ ว่าแต่ลม ทำไมน้องชายฉันถึงได้บาดเจ็บจนเข้าโรงพยาบาล” พูดจบทุกคนย้กเว้นน้ำและทัพต่างสะดุ้งโยง
   ก็นะที่มานี่ไม่ใช่เพราะอยากเจอน้องชายอย่างเดียวหรอกนะ
*****************************************************
สั้นไหม ไม่เท่าไหร่หรอกเนาะ
พี่โยคนจริง2017
ขอบคุณทุกเม้นนะคะ เป็นกำลังใจสุดๆ
ตัวละครน่าจะครบล่ะ ฮ่าๆๆๆๆ
ตอนต่อไปอาจจะมาช้าหน่อยนะคะ
รักคนอ่าน คนเม้นต์นะคะ

ออฟไลน์ sompong

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 355
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
 :L2:  ตายแล้วจะเป็นยังไงต่อนะ.    มาต่อเร็วๆๆฟนะ. อารมค้างนะคับ. 555. ล้อเล่น. ชอบๆๆเป็นกำลังใจให้นะ

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
ลม จะตอบยังไงดี
ตอบความจริงไปว่าทางไร่กำลังเกิดเรื่องลอบฆ่า
เกิดพี่โยกลัวชึ้นมา พาวากลับไป ลมก็แย่สิ

ทำไม ทัพถึงดูประหม่าๆพี่โยล่ะ   :hao3:
       :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ twinmonkey0311

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5480
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +110/-9
คาดว่าพี่ทัพจะมีคนมาดามใจแล้วล่ะ :katai2-1:

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6

ออฟไลน์ ka[ze]na

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3767
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +192/-6

ออฟไลน์ Letter123

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 267
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +186/-2
ความเงียบเข้าครอบงำทันทีที่พี่โยพูดจบ ผมหันไปมองพี่ลมที่ทำหน้าเครียด พี่โยรู้ได้ยังไงถึงจะรู้ว่าพี่ชายตัวเองนั้นเป็นหมาจิ้งจอกที่สวมหนังแกะไว้ ไอ้ท่าทางผู้ดีอะไรนั่นมันเป็นเพียงฉากหน้าเท่านั้นล่ะครับ แต่พี่โยก็เป็นคนดีถ้าไม่มีใครไปล้ำเส้นของพี่โย
   “มันแค่อุบัติเหตุนะครับพี่โย”
   “ใช่เหรอวา” คำถามสวนกลับทำเอาผมต้องเงียบลง  แรงสัมผัสจากมือแกร่งที่เอื้อมมากุมมือเขาไว้ ผมบีบมือใหญ่กลับเบาๆ

   “เป็นความผิดของฉันเอง ตอนนั้นที่ไร่มีปัญหาเลยโดนลอบกัด” ลมตอบด้วยความจริง ลมรู้ดีคนๆนี้โกหกไม่ได้
   “งั้นเหรอ แล้วปัญหานี้นายจัดการเสร็จแล้วเหรอ” ตอนนี้คงไม่ต้องกินข้าวกันแล้ว เมื่อโยวาช้อน มือใหญ่ประสานอยู่ตรงหน้าดวงตาคมหรี่ลงพร้อมกับฉายแววไม่พอใจ อาการคุกคามทำให้ทุกบนโต๊ะเงียบ
   “เอาเถอะฉันรู้คำตอบแล้ว กินข้าวต่อสิ ฝีมือน้องนี่อร่อยไม่เปลี่ยนเลย” จู่โยก็เปลี่ยนเรื่องแล้วเริ่มต้นกินข้าวต่อ ทำให้ทั้งโต๊ะงงงวย
   “อ่าวอิ่มกันแล้วเหรอ”  ลมอยากจะร้องบอกว่ามันเพราะใครกันล่ะที่ทำให้มันมีบรรยากาศแบบนี้
   “นิสัยเสียจริงๆเลยน้า” เสียงบ่นเบาๆที่ได้ยินกันทั้งโต๊ะ จนโยหันควับไปมองคนที่ตักข้าวเข้าปากแบบไม่รู้สึกอะไรหลังจากพูดออกไป
   “ว่ายังไงนะครับน้องทัพ”
   “เปล่าแค่บ่นลอยๆ”  ผมได้แต่หวั่นๆเมื่อโยยังมองทัพที่ไม่สนใจทั้งยังหันไปคุยกับไอ้ไม้ การกินข้าวเย็นนี้ทำไมเหมือนกินข้าวท่ามกลางสงคราม โยเหมือนจะปล่อยผ่าน เป็นคนที่ตามความคิดไม่ได้ ทัพกับไม้อาสาล้างจาน วาพาลูกขึ้นไปนอน ผมกับโยมานั่งเงียบอยู่ที่โซฟา
   “เอาล่ะ บอกสถานการณ์มาได้แล้ว” ไม่มีปี่ไม่มีขลุยโยก็เปิดประเด็น
   “ตอนนี้เหลือแค่จับตัวการให้ได้แค่นั้นเป็นหน้าที่ของตำรวจแล้ว”
   “แล้วไอ้คนที่ตัดสายเบรกล่ะ” คนคนนี้รู้เรื่องแค่ไหนกันเนี้ยไหนว่าอยู่คนละประเทศวะ
   “รู้ตัวแล้ว”
   “แล้วนายจะเลี้ยงงูไว้แว้งกัดอีกรึไง” โยนั่งพิงโซฟาด้วยท่าทีที่สบายๆมือประสานอยู่บนตักแต่ทำไมถึงมีความกดดันแผ่ออกมาจนรู้สึกได้ ให้ตายเหอะทำสองพี่น้องนี้ถึงนิสัยไม่เหมือนกันนะ อีกคนอยบู่ด้วยแล้วสบายใจ แต่อีกคนกลับเหมือนนักธุรกิจที่ผ่านสนามมาอย่างโชกโชน
   “ไม่ได้คิดอย่างนั้น”
   “อ่า คนไทยเขาใช้อะไรนะ เอ็นดูเขาเอ็นเราขาด”
   “นาย....ตกลงที่มาไทยเพื่ออะไร”
   “ก็มาหาน้องชาย มาดูว่าที่นี่มีอะไรดี เจ้าวาถึงได้ออกปากว่าอยากอยู่ที่นี่” ผมรู้สึกดีใจที่วาอยากอยู่ที่นี่
   “ฉันก็อยากให้วาอยู่ที่นี่ตลอดไป”
   “ทุกอย่างไม่ได้ขึ้นอยู่กับนายและวาสองคนแค่นั้น” ผมเข้าใจความหมายของโยดี
   “ฉันมั่นใจว่าทุกอย่างจะไปด้วยดี” โยหรี่ตาลง ก่อนที่จะหัวเราะเบาๆในลำคอ
   “แล้วถ้าฉันไม่เห็นด้วยล่ะ”
   “แล้วคุณจะไปวุ่นวายอะไรกับครอบครัวเขาล่ะ พี่ลมเสร็จแล้วนะ ป่ะไอ้ไม้ขึ้นไปนอนกัน”  ไอ้ทัพเดินมาแขวะเสร็จก็กอดคอไอ้ไม้ขึ้นไปนอน ปล่อยระเบิดทิ้งไว้แล้วหนีนะมึง
   “เด็กนั่น” รอยยิ้มตรงหน้าทำให้ผมสยองแทนไอ้คนที่ไม่รู้เรื่อง
   “ยังไม่ขึ้นไปนอนกันเหรอครับ” วาเดินลงมานั่งลงข้างๆโย
   “งั้นน้องก็ไปนอนกับพี่ ราตรีสวัสดิ์นะลม” ยังไม่ทันที่จะแย้งอะไรโยก็ลากวาขึ้นไปนอนที่ห้องรับแขก เขาได้แต่ถอนหายใจแรง นี่ตกลงมาป่วนชัดๆ ไม่ได้มาหาน้องอะไรหรอก คืนนี้เขาต้องนอนคนเดียวเหรอ เมื่อไหร่พี่ว่าที่เมียจะกลับวะ 

   วาตื่นขึ้นแต่เช้ามืดด้วยความเคยชิน เขามองดูพี่ชายที่ยังนอนหลับสนิท เป็นคนที่กินอิ่มนอนหลับได้สบายจริงๆเลยนะ เขาไม่รู้เลยว่าพี่โยรู้เรื่องราวแค่ไหนแต่เขาเห็นแววตาสนุกของพี่โยที่ตั้งใจมาป่วนพี่ลมแน่ๆ ค่อยๆย่องลงจากเตียงเพื่อลงไปเตรียมอาหารเช้า วันนี้วันเสาร์ทุกคนคงไม่ได้ออกไปไหน
   “อ่าวพี่ลมทำไมลงมาเร็วจังครับ” เขาต้องแปลกใจเมื่อคนที่หลังๆจะลงมาช้ากลับนั่งดูข่าวอยู่ที่โซฟา
   “ไม่มีคนให้กอดนอนไม่หลับ” ทำไมชอบพูดให้เขาทำอะไรไม่ถูกอยู่เรื่อยเลย
   “กอดหมอนไปสิ แล้วกินกาแฟรึยังครับ”
   “รอวา” ครับหยอดตลอด  ได้แต่ส่ายหัวแล้วเดินไปชงกาแฟใส่กาใหญ่ ก่อนที่จะรินใส่ถ้วยส่งให้พี่ลมที่เลิกดูข่าวแล้วเข้ามาในครัว
   “พี่ลมไม่ดูข่าวต่อแล้วเหรอครับ” ผมถามขณะที่เตรียมกับข้าว
   “อยากอยู่กับวา”  ให้ตายเถอะเขาเกือบหันนิ้วตัวเอง
   “พี่ลมก็อยู่ด้วยกันตลอด”
   “พี่คิดว่าพี่คงจะไม่ได้อยู่ใกล้วาจนกว่าพี่ชายเราจะกลับ” คำตอบทำให้ผมถึงกลับหลุดขำ พี่โยเป็นพวกแกล้งหน้าตายพี่ลมคงโดนหนักป่วนหนักแน่
   “พี่ลมทำใจเลยนะครับพี่โยนะวาว่ามาเพื่อป่วนแน่ๆครับ” พี่ลมทำหน้าเซ็ง
   “นินทาอะไรพี่หือไอ้แสบ” คนที่กำลังพูดถึงยืนทำหน้าง่วงหน้าครัว
   “อ่าวตื่นแล้วเหรอครับพี่โย”
   “ไม่มั้ง พี่ขอกาแฟหน่อยสิ” ทำไมพี่ชายเขากวนจังน้า ได้แต่ส่ายหัวให้กับความกวนก่อนที่จะรินกาแฟส่งไปให้
   “พี่อยากกินเฟรชโทสต์ฝีมือวา”
   “ครับได้ครับพี่ชาย ออกไปรอข้างนอกกันดีกว่าไหมครับ” ผู้ชายตัวโตสองคนอยู่ในนี้มันทำให้ครัวดูแคบลงทันทีจนต้องไล่ออกไป
   “ลมออกมาคุยอะไรกันหน่อยสิ” และทั้งสองคนก็ชวนกันออกไปคุย ผมก็อยากรู้นะว่าคุยอะไรกัน แต่ก็ทำกับข้าวไปเสร็จเขาก็ตอ้งขึ้นไปปลุกน้ำเพื่อลงมาออกกำลังกาย ซึ่งตอนนี้น้ำไม่อิดออดหลังจากปลุกเสร็จน้ำก็เตรียมตัวเองและออกไปวิ่ง
   “พ่อลมไม่ไปกับน้ำเหรอ” น้ำที่แต่งตัวลงมาวิ่งไปหาพี่ลม
   “ไม่ครับ วันนี้วิ่งไปคนเดียวนะลูกหมูพ่อจะคุยกับอาโย หกรอบนะ”
   “ครับผม” น้ำรับคำก่อนที่จะออกไปวิ่ง
   “อรุณสวัสดิ์น้องวา”
   “สวัสดิ์ดีครับพี่ทัพ ท่าทางดูง่วงๆนะครับ” ผมทักพี่ทัพเมื่อหน้าตาหล่อๆนั่นดูอิดโรยเหมือนคนยังไม่ได้นอน
   “ไม่ง่วงได้ไง ไอ้ไม้แม่งนอนดิ้นชิบหายแถมยังละเมอบ้าบออะไรของมันทั้งคืน” มองดูใต้ขอบตาที่คล้ำไปทำให้ผมอดรู้สึกสงสาร
   “เดี๋ยวผมไปเอากาแฟให้นะครับ”
   “ไม่ต้องๆเดี๋ยวพี่ทำเอง วาไปทำอย่างอื่นเถอะ” พี่ทัพว่าก่อนที่จะเดินเข้าครัว ผมเลยขึ้นไปอาบน้ำส่วนผู้ชายตัวโตสองคนนั่นปล่อยให้คุยกันหน้าเครียด
   ทัพไทย  Part
   จริงๆไม่ใช่เพราะไอ้ไม้หรอกที่ทำให้เขานอนไม่หลับ เพียงเพราะสายที่โทรเข้าเมื่อคืนทำเอาเขาปั่นป่วนจนนอนไม่หลับ ถือแก้วกาแฟออกไปนั่งข้างนอกมองดูน้ำที่วิ่งออกกำลังกาย
   “สู้เขาลูกน้ำ” ผมร้องบอกเมื่อน้ำวิ่งผ่าน มันจะโทรมาทำไมวะ ทั้งๆที่มันแม่งเป็นคนเลิกกับเขาเองแท้ๆ เหี้ยเอ๊ยกูอุตส่าห์ทำใจได้ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะหายดี เมื่อคืนก็เล่นเอาเขานอนไม่หลับ
   “ทำไมถึงลาออกล่ะทัพ” พี่เจนถามด้วยความตกใจเมื่อผมเดินเข้าฝ่ายบุคคลแล้วยืนซองขาว
   “ผมจะไม่รับเงินเดือนเดือนนี้นะพี่เจน ชดเชยกลับที่ผมลาออกกะทันหัน” ผมไม่บอกเหตุผล
   “มีอะไรรึเปล่าทัพ”
   “ไม่มีอะไรพี่เจน ผมลาล่ะครับ”ยกมือไหว้พี่เจนก่อนที่จะเดินออกจากห้องไม่ฟังเสียงร้องเรียกของพี่เจนไล่หลังมา รีบเดินออกจากบริษัทข้าวของบนโต๊ะทำงานผมก็ไม่คิดที่จะไปเก็บในเมื่อมันไม่มีอะไรให้น่าเสียดาย เขาไม่อยากอยู่ที่นั้นแม้ซักวินาทีเดียว ก่อนที่จะแวะร้านมือถือเพื่อซื้อซิมใหม่เปลี่ยนเบอร์ทันที ก่อนที่จะคิดถึงไอ้ไม้โทรหามันก่อนที่จะจองตั๋วแบกกระเป๋าขึ้นมาหามัน สงสัยว่ามันจะได้เบอร์จากพี่เจนที่เขาโทรไปบอกเรื่องงานเพราะพี่แกเมลมาหาแม้จะไม่ได้เมมเบอร์ไว้แต่เขาก็ยังจำมันขึ้นใจ กี่ปีนะ สองปีที่คบกันมา ที่ไว้ใจที่ทุ่มเทให้ทุกอย่างทั้งทุ่มใจให้ทั้งใจวาดแผนที่จะอยู่ด้วยกัน นึกถึงวันที่เขานัดเพื่อฉลองครบรอบวันที่เขาไม่อยากจำมันได้
   “ทัพเราเลิกกันเถอะ”
   “ทำไมวะ มึงพูดบ้าอะไรของมึง” วันที่ตกลงคบกันกลับกลายเป็นวันที่บอกเลิก เหอะ ใครแม่งจะรับได้วะ
   “เราเจอคนที่เรารักแล้ว”    แล้วกูนี่หมารึไงวะสองปีที่คบกันมานี่มันไม่ได้รักกูเลยรึยังไง
   “แล้วที่ผ่านมา”
   “เราขอโทษเราแค่เหงา และทัพก็เป็นคนดี” เขาแเค่นยิ้ม หึ คนดี คนดีแล้วกูได้อะไรวะ อยากจะกระชากตัวมาถามเพียงแต่เขาก็นั่งนิ่ง
   “ถามคำถามเดียว มึงนอกใจกูอย่างเดียวหรือทั้งนอกกายและนอกใจ” มันเงียบเป็นคำตอบ รู้สึกตัวเองแม่งมีเขางอกออกมา สองปีที่คบกันผมให้เกียรติเมื่อคิดว่ามันไม่พร้อมก็รอแค่อยู่ด้วยกันก็ดีแล้ว
   “ทัพเราขอโทษ”
   “เท่าไหร่......นานเท่าไหร่แล้ว” แต่ละคำที่พูดเขาต้องเค้นออกมา มือที่กำแน่นอยู่บนตัก
   “ขอโทษ อึกเราขอโทษ” ผมทนฟังไม่ไหวแล้ว
   ครืด
   “ทัพเดี๋ยวสิ..” เสียงเรียกไม่ได้ทำให้เขาต้องหันกลับไปในตอนนั้นคิดอย่างเดียวว่าเขาไม่อยากอยู่ตรงนี้ กลับมาที่คอนโดได้ยังไงก็ยังไม่รู้กับตัวเอง เก็บข้าวของทั้งหมดที่มีในห้องที่เคยใช้ร่วมกัน ออกไปพักโรงแรมไม่รับสายที่กระหน่ำโทรจนต้องปิดโทรศัพท์ทิ้งไป  นั่งเหม่อจนกาแฟที่ถือเย็นหมด
   “เฮ้อ” เขาถอนหายใจแรงเมื่อคิดถึงเรื่องที่ทำให้เขาต้องหนีมานี่
   “ถอนหายใจแรงขนาดนั้นเพิ่มคาร์บอนให้โลกเหรอ” น้ำเสียงยียวนทำให้ผมต้องคิ้วขมวด
   “คุณยุ่งไรด้วยเนี้ย” ผมไม่ชอบคนแบบนี้เลยให้ตายเหอะ อ่านอะไรไม่ออกซักอย่าง
   “ก็เปล่าเห็นนั่งนิ่งนึกว่าหลับ” คุยกับคนแบบนี้เหนื่อยซะมัด หนีดีกว่านะ ผมลุกขึ้นเพื่อที่จะกลับเข้าบ้าน แต่คนที่ยังอยู่ในชุดนอนกลับก้าวมาขวางไว้
   “อะไรของคุณ”
   “ทำไมชอบทำหน้าแบกโลก”โว๊ะ ยุ่งอะไรกับผมวะเลือกที่จะไม่ตอบก่อนที่จะเบี่ยงตัวชนไหล่อีกฝ่ายเข้าบ้านไป
   “ไอ้ทัพวันนี้มึงจะไปไหนไหมวะกูว่าง” ไอ้ไม้ถามเมื่อผมเข้าห้องมา
   “ไม่รู้วะ กูแม่งไม่ได้แพลนไว้ซักอย่างแล้ววันนี้มึงจะทำไรวะ” ล้มตัวลงนอนก่อนที่จะถามมัน
   “ว่าจะเข้าไร่วะ”
   “งั้นกูไปกับมึงล่ะกันวะ”
   “มึงไหวเหรอวะ เหมือนคนไม่ได้นอน”
   “ก็ไม่ได้นอนแม่งมันโทรมาวะ”
   เพี๊ยะ
   “เชี่ยยยยยยยยย  หน้าผากกู” ไอ้เวรมันฟาดหน้าผากผมโคตรแรงแม่งแดงแน่ๆ
   “แล้วทำไมมึงไม่คุยกับเขาวะ” มันนั่งลงข้างๆผม
   “คุยทำไมวะแค่นี้กูก็เหมือนควายแล้วสัส กูไม่เป็นไร” เห็นสายตาเป็นห่วงของมัน รู้สึกว่าคิดถูกที่ขึ้นมาหามัน
   “เออ ให้มันได้อย่างที่พูด ถ้าจะไปกับกูก็ได้ เดี๋ยวกูลงไปข้างล่างนะ” ผมพยักหน้าให้มัน มันลงไปข้างล่าง ผมนอนนิ่งไปก่อนที่จะลุกไปแต่งตัวแล้วลงไป เพือกินข้าวเช้าเอาจริงๆผมชักจะติดรสมือของวาแล้วสิ
   “พี่โยจะไปเที่ยวไหนไหมครับ” วาถามพี่ชาย
   “วาไปไหนพี่ก็จะไปกับวานั่นล่ะ”
   “อ่า ผมจะเข้าไร่นะพี่โย”
   “งั้นพี่ก็จะไปไร่กับวา” โว้ยยย เขาไม่เคยเห็นใครกวนแบบหน้าตายแบบนี้เลยให้ตายเหอะ เห็นหน้าพี่ลมแล้วสงสารชะมัด
   “ไอ้ไม้เปลี่ยนโปรแกรมวะ มึงพากูไปเที่ยวทีดิ๊” ผมกระซิบกับไอ้ไม้
   “มึงคิดอะไรว่ะ” แหมไอ้นี่รู้ทัน
   “กูสงสารพี่มึงวะ”
   “โอเค” ผมสองคนแอบตีมือกันใต้โต๊ะ ส่งเสริมคนอื่นเข้าบ้างเผือว่าผมจะได้เจอความรักดีๆเหมือนพี่ลม
   จนกระทั่งทุกคนมายืนที่หน้าบ้านผมกับไอ้ไม้แอบไปเตรียมของโยนไว้ที่รถเรียบร้อย ตอนนี้พี่ลมกับวากำลังตกลงว่าจะไปไหนกัน
   “งั้นพี่ไปกับวาล่ะกันนะน้อง” น้ำเสียงกวนๆชวนคิ้วกระตุกจริงๆ
   “ครับพี่โย” ผมกับไม้พยักหน้าไอ้ไม้ติดเครื่องรอให้ผมทำหน้าที่
   “ผมวาคุณมากับพวกผมดีกว่านะ” ก่อนที่อีกฝ่ายจะทันตั้งตัวผมแทบจะล็อกคอกอ่นที่จะผลักขึ้นรถปิดประตูผมรีบเปิดประตูกระโดดขึ้นรถแล้วไอ้ไม้ก็ออกรถ
   “เล่นอะไรเป็นเด็กๆนะพวกคุณ” น้ำเสียงสบายๆจากเบาะหลัง
   “ก็นะใครกันล่ะที่มาป่วน” ผมตอบกลับไป
   “แล้วนี่จะไปไหนกัน”อีกฝ่ายยังถามต่อเหมือนไม่ได้เดือนเนื้อร้อนใจอะไรที่โดนลากมา
   “ผมจะพาพี่ไปตั้งเต้นท์ที่อุทยานนะพี่” ไอ้ไม้ตอบ
   “นี่กะไม่ให้พี่ไปป่วนสองคนนั่นเลยสินะ” ไอ้น้ำเสียงรู้ทันนี่ทำเอาผมกับไอ้ไม้สบตากัน
   “อ้อแล้วเสื้อผ้าพี่ล่ะ คงเก็บมาให้ด้วยแล้วสินะ ทำงานเป็นทีมจังเลยน้า” เราสองคนหมดคำพูดเมื่ออีกฝ่ายรู้ทันหมดแล้วก็คงไม่มีอะไรต้องแล้ว ผมมองอีกฝ่ายผ่านกระจกมองหลังเห็นท่าทางสบายๆ ไม่ได้ทุกร้อนอะไรนักคงไม่ได้โกรธอะไรพวกเขา
   “มองแบบนั้นสายตาเสียพอดีหันมามองพี่ตรงๆก็ได้นะ” โว้ยยยยยยยยย เกลียดเว้ย ผมหันหน้าหนีไปมองวิวข้างทางดี คิดถูกคิดผิดเนี้ยที่ลงทุนช่วยพี่ลม ตอนนี้ผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่าไม้จะพาไปตั้งเต้นท์ที่ไหน เพราะตอนนี้ก็ขับออกจากตัวจังหวัดไปเรื่อยๆ
   ครืดๆ
   เสียงโทรศัพท์ที่วางไว้คอนโซลรถสั่นรัวไม้เหลือบมองนิดหนึ่งเมื่อเห็นว่าผมไม่สนใจมันก็ไม่ได้ถามอะไร สั่นได้ซักพักก็หยุดลงแล้วก็เริ่มต้นใหม่อีกครั้ง
   “มึงรับเหอะวะ”
   “กูยังไม่อยากคุย” ไอ้ไม้ทำหน้าคิดหนักก็ในเมือผมไม่พร้อมที่จะคุยจริงๆ ดังอยู่หลายครั้ง มีความอดทนจังวะ เหมือนว่าจะมีคนหมดความอดทนก่อนเมื่อมือใหญ่เอื้อมมาจากเบาะหลังคว้าเอาโทรศัพท์ของเขาไปกดรับทันทีโดยที่เขาจะพูดอะไรก็ไม่ได้เพราะไม่อยากให้ปลายสายได้ยินเสียง
   “สวัสดีครับ ......................อ้อ พอดีทัพไม่อยากรับครับผมเลยรับแทน...................ผมเป็นไรกับทัพเหรอ” ผมสบตากับดวงคาดมที่ตวัดมามองเขาก่อนที่จะยกยิ้มที่ผมมองยังไงๆก็เห็นว่าคนๆนี้กำลังสนุกอยู่ซัดๆ
   “ก็แล้วแต่คุณจะคิดล่ะกันนะครับว่าผมเป็นอะไรกับทัพ............ผมบอกไปแล้วว่าทัพไม่อยากคุยนี่ผมพูดไม่ชัดเจนเหรอ...............ใจเย็นๆสิครับขึ้นเสียงแบบนี้มารยาทของคุณแย่จังเลยนะครับ..............คุยกับคุณแล้วผมปวดหูจังแค่นี้นะครับ”แล้วพี่ท่านก็กดวางสาย โดยที่ผมและไอ้ไม้ได้แต่อึ้ง
   “คุยกับคนแบบนี้น่ารำคาญนะ คราวหน้าพี่รับให้ก็ได้นะ”
   “ไม่เป็นไร ผมขอโทรศัพท์คืนด้วย” เหมือนลมผ่านหูเมื่อพี่โยทำหน้านิ่งแล้วเก็บโทรศัพท์เขาใส่กระเป๋ากางเกงตัวเองหน้าตาเฉย
   “คุณ!!!!!”
   “ใจเย็นไอ้ทัพ”สายตาของไอ้ไม้ทำให้เขาไม่พูดอะไรต่อได้แต่กลั้นไว้
   “เออ กูนอนแม่ง” นอนประชดแม่งในเมื่อทำอะไรไม่ได้นอนล่ะกัน   เขาปรับเบาะก่อนที่จะปิดตาลงเห็นทีการมาพักใจของเขาต้องปวดหัวหนักแน่ๆ
***************************************************************
จริงๆบอกว่าจะอู้ไม่ปั่นซักสองสามวัน  :ling2: :ling2:
แต่ทำไมถึงไหลลื่นได้มาตอนหนึ่ง
ฮ่าๆๆๆๆ ยิ่งเขียนยิ่งมันส์   :katai4: :katai4:
ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่าน
ขอบคุณทุกคอมเม้นต์นะคะ
เป็นกำลังใจที่ดีมากเลยค่ะ
เอาล่ะ จะอู้จริงๆล่ะนะคะ 555555555  :ling1:


ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
พี่โย ป่วนจริงๆ

แฟนทัพไทย อะไรของเขา ขอเลิกเองชัดๆ
มาวุ่นวายโทรหาทำไม ก็ได้เลิกกับทัพอย่างที่ชอบนี่
เลยเจอพี่โยจอมป่วนรับซะเอง
เหมือนมีแวนะ พี่โย ทัพ  :กอด1: :กอด1: :กอด1:
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ ka[ze]na

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3767
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +192/-6
ชอบป๋าโย~~~~~

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ k2blove

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1868
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-3
แบบนี้เขาเรียกป่วนของจริง ไม่ใช่เล่นๆ นะเนีย  o13

ออฟไลน์ sompong

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 355
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
คุณโยชอบทัพใช้ไหม.  ตอบๆๆๆ

ออฟไลน์ twinmonkey0311

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5480
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +110/-9

ออฟไลน์ ipookza

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 86
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-1
โยทัพ คู่นี้เคมีเข้ากัน

ออฟไลน์ Letter123

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 267
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +186/-2
คิดว่าจะเพียงแค่พักสายตาเท่านั้นแต่เขาก็ดันหลับไปจริงๆเพราะเมื่อคืนไม่ได้นอนทำให้เขาเผลอหลับไปจริง รู้ตัวอีกทีรถก็จอดสนิทและเขาก็อยู่คนเดียวบนรถมีเพียงกระจกรถที่เลื่อนลงไว้ ได้แต่ตื่นขึ้นมางงๆ เมื่อไม่เห็นว่าไม่มีใครอยู่ด้วยแถมยังเริ่มมืดแล้ว
   “นึกว่าจะต้องทำ CPR ซะก่อนถึงจะตื่น”
   “มันใช่เหรอ แล้วนี่ตั้งเต็นท์ที่ไหน” พยายามที่จะไม่ต่อล้อต่อเถียงด้วย
   “เดินไปทางโน้นเดี๋ยวก็ถึง ใกล้ริมน้ำโน่นนะ” ผมพยักหน้าแทนคำขอบคุณก่อนที่จะลงมาบิดขี้เกียจก่อนที่คิดว่าจะเดินไปหาไอ้ไม้เลยเพราะมิอยากอยู่ใกล้อีกคนนัก
   “อ่าวๆตื่นขึ้นแล้วก็อู้เลยเหรอ” ยังไม่ทันทีจะก้าวเท้าหนีเสียงกวนประสาทก็ขัดขึ้นซะก่อน เขาไม่ตอบโต้เพียงแต่เข้าไปช่วยขนของ
   “นี่ไม่คิดจะพูดอะไรหน่อยเหรอ” โว๊ะ วุ่นวายกับเขาจริงๆเว้ย ผมถอนหายใจแรงก่อนที่จะเดินเข้าไปช่วยถือกระเป๋าถ้าเดาไม่ผิดไอ้ไม้น่าจะอยู่กางเต็นท์ แล้วทำไมเขาถึงโดนก่อกวนแบบนี้ด้วย เขารีบแบกเอาของแล้วเดินไปหาไอ้ไม้
   “มึงไมปลุกกูวะ” ผมวางข้าวของก่อนที่จะตรงเข้าไปต่อว่าเพื่อนสนิททันที ไอ้ไม้ทำหน้าเหรอหรา
   “อ่าวก็พี่โยไล่ให้กูมาแล้วจะปลุกมึงเองนี่หว่า” ไอ้เพื่อนเชี่ยยยยยยยยย จะด่ามันยังไงดี แต่ก่อนที่เขาจะได้ด่าอะไรมันตัวต้นเหตุก็เดินมาถึงจุดตั้งเต็นท์
   “ที่นี่มันที่ไหนเหรอไม้” ผมขยับตัวหนีปล่อยให้สองคนนั่นเขาคุยไป
   “อุทยานพึ่งเปิดนะพี่โย ช่วงนี้ไม่ค่อยมีใครมาตั้งเต็นท์เหรอ มันพึ่งช่วงต้นหนาวถ้าตื่นเช้าๆพี่จะได้เห็นหมอกด้วยล่ะ” ฟังไอ้ไม้บรรยายพรุ่งนี้ผมคงต้องตื่นขึ้นแต่เช้ามืดแล้วล่ะยังดีที่แบกเอากล้องมาด้วยเผือได้รูปสวยๆกลับไปบ้าง จนกระทั่งกางเต็นท์เสร็จ
   “พี่นอนเต็นท์คนเดียวได้เลยนะพี่ ส่วนเต็นท์ใหญ่ผมกับไอ้ทัพจะนอนด้วยกันเอง”
   “พี่ติดหมอนข้าง.............” แล้วพี่มันก็เว้นช่วงไปนานจนผมหงุดหงิดอดถามขึ้นไม่ได้
   “แล้ว????”
   “ให้น้องทัพมาเป็นหมอนข้างให้พี่ทีสิ” ผมได้แต่อ้าปากค้างแล้วหุบแต่ก็ยังหาเสียงพูดไม่เจอ อะไรของพี่มันวะ
   “เรื่องสิ นอนคนเดียวไปเลยไป แล้วผมก็ขอโทรศัพท์คืนด้วย” ผมยืนมือไปตรงหน้า
   “ว้า พี่คงคืนให้ไม่ได้เพราะพี่ไม่มีหมอนข้างพี่จะหงุดหงิดและนอนไม่หลับเพราะงั้นขอยืดไว้ก่อนล่ะกัน” มันเกี่ยวอะไรกันวะ ได้แต่ถอนหายใจเข้าลึกๆ หายใจออกยาวๆ นึกภาพน้องวาไว้ ไม่โมโห ไม่เต้นตาม
   “เออเรื่องของมึง” ไอ้คำสุภาพนั้นเขาเก็บใส่ไหฝังกลบไม่คิดที่จะใช้กับคนคนนี้หรอก ว่าจบก็โยนกระเป๋าเข้าเต็นท์ก่อนที่จะมุดหายเข้าไป ทำให้เขาไม่เห็นรอยยิ้มสนุกๆของอีกฝ่ายที่ยั่วโมโหเขาได้
   
   “พี่ก็อย่ายั่วโมโหมันนักสิ” ไม้อดไม่ได้ที่จะห้ามปรามคนที่ตาพราวระยับด้วยความสนุก
   “ก็ทำให้หมอนั่นมีชีวิตชีวาดีไม่ใช่เหรอ” น้ำเสียงราบเรียบแต่แฝงความหมายทำให้ไม้ชะงัก ก็จริงอย่างที่พี่โยว่าแต่พี่แกก็แกล้งมันบ่อยจนมันไม่มีเวลาคิดถึงเรื่องอื่น
   “แต่พี่ก็ต้องเข้าใจด้วยนะว่าไอ้ทัพมันไม่ได้คิดถึงจุดนั้น ผมไม่อยากให้มันอารมณ์เสียทั้งๆที่มาเที่ยวหรอกนะ” ไม้เตือนแค่นั้นก่อนที่จะมุดเข้าเต็นท์เพื่อไปให้ไอ้ทัพบ่นเขา
   แววตาคมฉายแววขบขันเมื่อถูกน้องชายลมเตือน เอาจริงๆเขาก็แค่สนุกที่ได้แหย่อีกฝ่ายแก้เบือไปงั้น แต่ไม่คิดว่ามันจะโมโหจริงจังสงสัยเขาต้องเพลาๆลงหน่อย จะให้โกรธจริงจังก็เห็นทำหน้าเบื่อโลกขนาดนั้นเลยคิดจะแหย่เล่น แต่สายโทรเข้าที่เขาถือวิสาสะรับก็เดาได้ไม่ยากเลยว่า อีกฝ่ายเจอปัญหาอะไรมา ไม่ได้แปลกใจที่เห็นว่าคบกับผู้ชายที่โน้นก็มีเยอะแยะ เขาเพียงแต่แปลกใจเมื่อคนในสายมาแว๊ดๆใส่เขาจนหูเขาแทบหนวก คบกับคนน่ารำคาญแบบนี้ได้ยังไง
   ซักพักสองคนนั่นก็ออกมาจากเต็นท์โดยที่คนที่โดนผมป่วนไปเริ่มตีสีหน้าเมินเฉยไม่แม้กระทั่งปรายตามามอง ว้า อย่างนี้ยิ่งแกล้งสนุกนะสิ  ผมนั่งลงบนเก้าอี้ผ้าใบเล็กๆที่เตรียมมามองคนที่คุยกับเพื่อน ยอมรับว่าหน้าตาดูดีจริงๆ คงระดับดาราได้เลยล่ะนะ ถึงแม้จะดูสูงแต่ก็ยังเตี้ยกว่าเขาที่เป็นลูกครึ่งทั้งยังหุ่นที่ดูหนาของผมอีก  ผมสังเกตเห็นว่าอีกคนดูเหมือนจะรู้ตัวว่าผมจ้องอยู่ใบหน้าหล่อเหลาดูหงุดหงิด อยากจะโวยแต่ก็ไม่อยากคุยกับเขา 
   “เอ่อ ไอ้ทัพมึงไปเอาน้ำมาเพิ่มไป อยู่ที่หลังรถวะ” มองคนที่พยักหน้ารับคำเพื่อนตัวเองก่อนที่จะรีบเดินไปที่รถ เขาที่กำลังจะลุกขึ้นตามไปกับโดนไม้ห้ามไว้
   “ขัดพี่จังนะ”
   “นั่นเพื่อนผมนะ” เออ ห่วงกันจังนะ ไม้ส่ายหัวก่อนที่จะจุดเตาปิ้งบาร์บีคิว แล้วใช้ให้ผมแกะกล่องพลาสติกที่มีหมูหมักอยู่ กลิ่นหอมแบบนี้น่าจะเป็นฝีมือเจ้าแสบ
   “ให้พี่ย่างเลยไหม” เอาเถอะในเมื่อกันท่าเขาขนาดนี้จะไปแกล้งก็คงไม่สนุก ไม้พยักหน้าผมลงมือย่างพอดีกับที่อีกคนที่ถือน้ำกลับมา
   “พี่ขอจานหน่อยสิ” ไม่มีเสียงตอบรับมีเพียงเสียงถอนหายใจแรงก่อนที่ทัพจะเดินไปหยิบเอาจานมาส่งให้เขา
   “ถือไว้ก่อนนะ” แอบขำคนที่ระแวงว่าเขาจะแกล้งอะไรเลยยืนถือจานซะห่างเขาเป็นโยชน์
   “เสร็จรึยังเนี้ย” น้ำเสียงหงุดหงิดทำให้เขาแอบขำ
   “ใกล้แล้วล่ะ แล้วทำไมไปยืนซะไกลขนาดนั้น”
   “ก็คุณ..”
   “ไม่แกล้งแล้วน่า ทำตัวเหมือนเด็กนะเรา”
   “ไอ้...”
   “ทำไมเป็นคนไม่สุภาพอย่างนี้ล่ะครับ เหมือนกับคนที่โทรมาหานายเลยนะ” เหมือนเขาจะหลุดปากเกินไปหน่อยเมื่อได้ยินเขาเอ่ยถึงอีกคนที่โทรเข้ามาทัพก็วางจานจนแทบจะเหมือนว่าเขวี้ยงมันลงแล้วเดินดุ่มๆหนีไปทั้งๆที่มันก็มืดแล้ว ปากเขาไวเกินไปนะ
   “เฮ้ยๆ ไอ้ทัพจะไปไหนวะ กลับมาเว้ย พี่ไปพูดอะไรกับมัน” น้ำเสียงเหี้ยมเมื่อไม้เรียกทัพแล้วเพือนไม่หันกลับมา
   “พี่ผิดเองล่ะ ปากไวไปหน่อย เดี๋ยวพี่ไปตามกลับมาเอง”
   “ตามกลับนะพี่ไม่ใช่ไปฆ่ากันหมกป่าแถวนั้น” ผมยิ้มกว้างก่อนที่จะหยิบไฟฉายแล้วเดินไปทางที่ทัพเดินไป
   เขาปากไวไปเพราะอยากแกล้งเลยลืมนึกไปว่าอีกฝ่ายน่าจะมีแผลเจ็บหนักและเขาดันไปซ้ำแผลนั้น เล่นแรงเกินไปหน่อย
   “ไอ้คนไม่มีมารยาท เชี่ย จะพูดทำเหี้ยอะไรวะ”
   จ๋อม
   เสียงบ่นพร้อมกับเสียงหินกระทบน้ำแว่วๆมา เขาปิดไฟฉายก่อนที่จะค่อยๆเดินเข้าไปเงียบๆโดยอาศัยแสงจันทร์รางๆนำทาง มองเห็นเงาลางๆที่นั่งลงกับพื้นโยนหินลงที่แม่น้ำพร้อมกับก่นด่าผม แหม แต่ละคำสรรเสริญจนเขาคงจะอายุยืน
   “เหี้ย กูไม่น่าช่วยไอ้พี่ลมเลยสัส ทำไมต้องมาเจอคนอย่างมันด้วยวะ”
   “คนอย่างผมมันทำไมเหรอครับ” ผมถามขณะเดินเข้าไปชิด
   “คนอย่างคุณมันน่าอยู่ใกล้เลยซักนิด ทั้งกวนประสาท ทั้งนิสัยเสีย ผมไปทำอะไรให้คุณรึไงกัน” น้ำเสียงโมโหพร้อมกับอาการหัวเสียทำให้เขารู้สึกผิดนิดหนึ่ง
   “ขอโทษไม่ได้ตั้งใจที่จะพูดแบบนั้นไป” ผมขยับเข้าไปใกล้จนมองเห็นเสี้ยวหน้าคมแววตาฉายแววเจ็บปวดทำให้เขารู้สึกผิดเพิ่มขึ้นอีกนิดหนึ่ง
   “เลิกยุ่งวุ่นวายกับผมซะทีแล้วก็ถือว่าเราไม่ได้รู้จักกันดีกว่านะ”
   “ขอโทษที่พูดไม่ทันคิด นายควรลืมหมอนั่นไปได้แล้วนะ”
   “คุณ!! คุณไม่รู้คุณก็ไม่ต้องพูด สิ่งที่ผมต้องการจะลืมทำไมคุณถึงขุดมาพูดอยู่เรื่อย” เสียงสั่นนั่นทำให้ผมรู้แล้วว่าคนตรงหน้านั้นอดทนไม่ไหวแล้ว
   “พี่ขอโทษ” ผมได้แต่ขอโทษเสียงอ่อนเมื่ออีกคนเริ่มน้ำตาคลอ เขาผิดเองที่ไปสะกิดใจอีกฝ่าย
   “ผมเกลียดคุณ” พูดจบทัพก็เดินชนไหล่จนผมเซ ได้แต่มองแผ่นหลังคนที่โมโหเขาจนบอกว่าเกลียด
   “โดนเกลียดจริงๆแล้วสิ” ผมบ่นกับตัวเองรู้สึกเฟลๆอยู่นะที่โดนเกลียดในเมื่อเขาไม่ได้ตั้งใจจะให้ทัพโมโหเขาเลยซักนิด อาจเป็นเพราะเขาแกล้งหนักไปจริง แย่แหะ ถึงจะชอบแกล้งคนอื่นที่อยากสนิทด้วยแต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาอยากโดนเกลียดนะ จะทำยังไงให้อีกคนหายโกรธดีล่ะเนี้ย

   ในขณะที่การไปเที่ยวของสามหนุ่มดูเหมือนจะกร่อยลงไปเรื่อย ในไร่สายลมกลับเต็มไปด้วยความสุข ก็ในเมื่อไม่มีก้างชิ้นโตอย่างพี่ชายว่าที่เมียอยู่แล้ว ลมมองไปทางไหนก็เจอแต่ความสบายตาสบายใจ
   “อารมณ์ดีจังนะครับพี่ลม”
   “ก็ไม่มีก้างพี่จะได้อยู่กับวาตลอดไง”
   “ลืมลูกไปแล้วเหรอครับ”
   “ก็ลูกไม่เคยเป็นก้างแต่เป็นโซ่ทองคล้องใจเราต่างหาก” ถามว่าอายไหมที่พูดต้องบอกว่าด้านได้อายอด
   “พี่ลม!!!” เสียงร้องไม่เต็มเสียงทำให้เขาขำเมื่อวาหน้าแดงก่ำ
   “รึไม่จริงล่ะวา ป่ะไปกินข้าวที่ท้ายไร่ดีกว่าวันนี้ไม่มีงานอะไรแล้วนิ”
   “งั้นพี่ลมก็ไปตามน้ำเลยครับ เดี๋ยววาจะไปทำปิ่นโต”
   ฟอด
   “ครับที่รัก”
   “พี่ลม!!” แอบหอมแก้มเนียนแลกกับเสียงหวานร้องทั้งๆที่หน้าแดงก่ำก็คุ้มก่อนที่เขาจะเดินเข้าไร่ไปตามลูกที่ไปเล่นกับไอ้ละออง
   “ลูกหมู มาหาพ่อมา เดี๋ยวไปเที่ยวท้ายไร่กัน”
   “คร๊าบบบบบบบบ” น้ำทิ้งส้อมพรวนดินสำหรับเด็กทันทีแล้ววิ่งมาหาผม
   “ไปเก็บของก่อนนะเจ้าลูกหมู เช็ดมือให้สะอาดด้วย” ผมต้องเตือนน้ำเมื่อบางครั้งน้ำจะรีบจนโยนของตัวเองทิ้งเรียราดเพราะรู้ว่ามีคนเก็บให้ ซึ่งมันไม่นิสัยที่ดีเลย น้ำยอมกลับไปเก็บส้อมพรวนดินดีๆ ล้างมือแล้วเดินมาหาผม ผมชอบให้น้ำมาเล่นในไร่ ช่วยงานคนงานทำโน่นทำนี่เพราะมันเป็นสิ่งที่ผมทำเลยอยากให้ลูกรู้ว่ามันทำยังไง เหนื่อยแค่ไหน เพราะสุดท้ายไร่นี้ก็ต้องเป็นของเจ้าน้ำ
   “อุ้ม น้ำเหนื่อย”  ผมได้แต่ขำเมื่อน้ำชูแขนขึ้น
   “ฮ่าๆๆได้ๆ อึบ หนักนะเรานะ” ผมเย้าลูกเล่น น้ำทำแก้มป่อง ที่ตอนนี้แดงระเรื่อเพราะตากแดด ผมยกมือขึ้นเช็ดเหงื่อตามไรผมและแก้มป่อง
   “ป่ะเดี๋ยวไปอาบน้ำแต่งตัวกัน พี่วาของเรารอแล้ว” ลูกหมูพยักหน้ารัวๆ ผมอุ้มน้ำเข้าบ้านก่อนที่จะปล่อยตัวลงให้ไปอาบน้ำ ส่วนผมก็เดินเข้าไปในครัว
   “อ่าวน้ำล่ะครับ”
   “พี่ไล่ให้ไปอาบน้ำแล้วล่ะ เปื้อนเกินไป มาพี่ช่วย” ผมแย่งปิ่นโตใหญ่ไปถือ แล้วบอกให้วาไปตามลูกหมูเดี๋ยวเขาจะเตรียมของเอง เตรียมเสื่อ และเสื้อผ้าของพวกเขาขึ้นท้ายรถแล้ว รอซักพักสองคนที่เขารักก็ลงมา
   “ป่ะเดี๋ยวตอนเย็นๆค่อยกลับกัน”
   “ครับ” นั่งประจำที่เรียบร้อยผมก็ขับรถไปที่ท้ายไร่
   “พ่อลมๆ น้ำอยากเล่นน้ำ”
   “ได้ครับเดี๋ยวพ่อพาลงนะ” พอผมอนุญาตน้ำก็ดีใจยกใหญ่ หันไปอ้อนพี่วา ผมมองขำๆ ขับมาไม่นานผมก็มาจอดรถใต้ต้นไม้ใหญ่ที่เดิม พอรถจอดสองคนนั่นก็รีบลงจากรถ วาเหมือนจะย้อนไปเป็นเด็กที่ดีใจเมื่อจะได้เล่นน้ำ จนเขาได้แต่ส่ายหน้าไปมาขนของตามเด็กน้อยสองคน เหมือนวาจะได้สติรีบจูงมือน้ำเดินกลับมาหา
   “ขอโทษวาลืมไป”
   “ไม่เป็นไร พาลูกไปเล่นเถอะเดี๋ยวพี่จะเตรียมให้” วาส่ายหน้าแล้วยืนมือมารับเสื่อแล้วจูงมือน้ำไปที่ลานหินก่อนที่จะช่วยกันปูเสือ ผมวางข้าวของมองสองคนที่ส่งสายตาอ้อน แล้วผมจะสู้ได้ยังไงล่ะ
   “อยากเล่นก็ไปเล่นครับ” ทั้งน้ำและวาต่างยิ้มร่า วาถอดเสื้อคลุมออกเหลือเพียงเสื้อยืดข้างในและกางเกงขาสั้น เจ้าลูกหมูก็ถอดเสื้อเหลือแต่กางเกงขาสั้นก่อนที่จะลงไปเล่นน้ำด้วยกัน
   “เย็นจัง พี่วาจับน้ำด้วย ฮ่าๆๆๆ” แม้จะเล่นกันที่น้ำตื้นๆแต่น้ำก็ยังกลัว วาพยุงน้ำให้ลอยตัว
   “เล่นกันดีๆอย่าลงไปลึกนักนะ” ผมนั่งลงบนเสือหยิบเอาโทรศัพท์มากดถ่ายรูปไว้หลายรูป ก่อนที่จะวางลงมองดูทั้งสองคนเล่นน้ำ
   “พ่อลมๆ มาเล่นกัน”
   “ได้เลย” ผมลุกขึ้นถอดเสื้อยืดพ้นหัว ก่อนที่จะเดินไปตรงที่น้ำลึกแล้วกระโดดลงไป
   ตู้ม ซ่า
   พรวด
   “ฮ่าๆๆ พ่อลมเท่จัง” พอผมโผล่พ้นน้ำ เจ้าลูกหมูก็ตบมือพร้อมกับชม ผมว่ายเข้าไปหาทั้งสองคนก่อนที่จะหันหลังให้น้ำเกาะ ซึ่งเจ้าลูกหมูรู้ดีรีบเกาะหลังผม
   “มาเล่นตรงนี้เถอะวา น้ำเกาะพ่อแน่นๆนะ”
   “ครับ” ผมว่ายไปตรงน้ำลึก น้ำร้องด้วยความสนุกสนานเมื่อวาว่ายตามลงมา
   “พ่อลมหนีเร็ว พี่วามาแล้ว เร็วๆๆ” จะคึกเกินไปแล้วลูก
   “เดี๋ยวใจเย็นๆลูก พ่อหายใจไม่ออก” วาเห็นว่าน้ำดิ้นหนักเลยรีบว่ายมารั้งตัวน้ำออก ทำให้ผมได้หายใจทั่วท้อง
   “พ่อเกือบตายนะลูกหมู”
   “น้ำขอโทษครับ” น้ำทำหน้าละห้อยเมื่อตัวเองเล่นสนุกเกินไป เมื่อก่อนเขาเล่นกับพ่อสองคนพอมีพี่วาเขาเลยสนุกเกินไป  ลมลูบหัวก่อนที่จะหันหลังให้น้ำเกาะอีกรอบหนึ่ง เล่นไล่จับในน้ำกันวนไปวนมาจนเรี่ยวแรงเริ่มหาย ลมเห็นปากทั้งสองคนเริ่มซีดคล้ำเลยไล่ให้ขึ้นจากน้ำ
   “วาเช็ดตัวให้ลูกก่อนนะ” เขายืนผ้าขนหนูผืนใหญ่ให้ วารีบเอาไปเช็ดตัวให้น้ำที่สั่นเทาด้วยความหนาว  วารีบถอดเสื้อผ้าก่อนที่จะพันตัวน้ำเป็นดักแด้ ผมเอาผ้าขนหนูอีกผืนคลุมที่หัวของวาก่อนที่จะซับน้ำให้ด้วยความเบามือ
   “พี่ลม”
   “นิ่งๆเดี๋ยวพี่เช็ดให้”
   “แต่ว่า”
   “ให้พี่ทำให้เถอะ” ผมค่อยๆเช็ดจนผมมาดดี พึ่งสังเกตว่าผมวายาวขึ้นมากเลยทีเดียว
   “ไปเปลี่ยนเสื้อเถอะ” ผมพยายามที่จะไม่ก้มมองเสื้อยืดที่แนบตามลำตัว เลยได้แต่ไล่ให้ไปเปลี่ยน เขาค่อยไปเปลี่ยนตามหลัง เดินกลับมาวาก็เตรียมกับข้าวไว้เรียบร้อย ผมนั่งลงข้างๆ วายืนช้อนมาให้ทันที เริ่มกิน น้ำคอยอ้อนผมอ้อนวาให้ตักโน้นตักนี่ป้อน กินเสร็จก็นั่งคุยกันเพราะเริ่มเย็นผมไม่ยอมให้เล่นน้ำ
   “เดี๋ยวไปกับพี่หน่อยนะ มาลูกหมูพ่ออุ้ม”
   “ไปไหนครับ”
   “เดี๋ยวก็รู้ครับ” ผมไม่ตอบเพียงแต่กุมมือนุ่มจูงเดินขึ้นเรียบลำน้ำจนถึงสะพานเล็กๆ ที่เขาทำขึ้น ข้ามสะพานมาจะเจอทางเดินหินเล็กๆขึ้นเนินไปท่ามกลางแมกไม้ร่มรื่น เดินไปเรื่อยๆ จนกระทั่งเห็นโกศสีขาวใหญ่ที่เขาสร้างไว้เพื่อเก็บเถ้าพ่อและแม่ หน้าโกศมีดอกไม้ที่ดูเหี่ยว คงเป็นของไอ้ไม้ ผมปล่อยน้ำลง
   “คุณปู่คุณย่า สวัสดีครับ”  น้ำก้มลงกราบที่โกศ ผมนั่งลงข้างๆก่อนที่จะฉุดดึงให้วาที่ยังงงให้นั่งลงข้างๆ
   “ทำไม”
   “ไหว้พ่อแม่พี่ก่อนสิ” วารีบยกมือไหว้ ผมพนมมือ มองรูปบิดาและมารดา
   “พ่อครับแม่ครับ ผมพาคนที่ผมจะใช้ชีวิตหลังจากนี้ไปด้วยกัน พ่อแม่อาจจะผิดหวังอีกครั้ง คนที่ผมรักเป็นผู้ชายครับ” ผมหันไปสบตากลมโตที่เบิกกว้าง ก่อนที่จะหันกลับไป
   “คนคนนี้เข้ามาในชีวิตผม ช่วยทำให้ชีวิตของผมเต็มไปด้วยความอบอุ่น เป็นคนที่ผมอยากใช้ชีวิตด้วย เป็นคนที่อยากให้ผมตื่นมาเจอทุกเช้า คนนี้ชื่อวานะครับ เจ้าลูกหมูติดแจเลยล่ะ วาเป็นคนที่ดีมาก และตอนนี้ผมบอกได้เต็มปากเลยว่า วาเป็นคนที่ผมรัก” ผมหันไปบอกวา ผมมั่นใจแล้วและผมก็อยากจะใช้ชีวิตกับคนคนนี้ แววตากลมโตฉ่ำวาว แก้มเนียนแดงระเรื่อ
   “พี่ลม” วาเรียกผมเสียงแผ่ว
   “พี่จริงจังนะวา พี่รักวานะ”  ลมกุมมือขาวที่เริ่มคล้ำเพราะตากแดด เขาอาจะเห็นแก่ตัว แต่ว่าเขาอยากให้วาอยู่ที่นี่กับเขา อยู่เป็นครอบครัวเดียวกัน ผมเช็ดหยุดน้ำตาที่คลอแก้มเนียน
   
   วาสบตาคนที่พาเขาขึ้นมาไหว้พ่อแม่โดยไม่บอกเขาซักคำ แถมยังพูดตกลงเป็นตุเป็นตะ พูดเองเออเองไปซะหมด ความจริงใจที่เขาได้รับ ความรักที่อีกฝ่ายไม่คิดจะปิดบัง การให้เกียรติที่มอบให้เขาเสมอ คนที่กุมมือเขาไม่ได้ให้อะไรมากมาย แต่ให้ความ “สม่ำเสมอ” เขาควรที่จะตกลงได้รึยัง ก้าวไปข้างหน้าพร้อมกับจับมืออีกฝ่ายรึยัง ตอนนี้วามีคำตอบให้ตัวเอง คำตอบที่มาจาก “หัวใจ”
****************************************************
กลับมาแล้วววววววว  หลังจากที่อู้ ก็โดนลากไปสอบใบขับขี่อย่างงงๆ
55555
 กลับมาปั่นรัวๆ  :katai4: :katai4: :katai4:
คิดถึงกันไหม อ่านแล้วเป็นไงบอกเราด้วยน้า
รักคนอ่าน คิดถึงคนเม้นต์ค่ะ

ออฟไลน์ lune

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 688
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +54/-2

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11

ออฟไลน์ sompong

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 355
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
คือดี. จริงๆๆมันเป็นชีวิตที่เราอยากได้อยากให้เป็นนะ. เราเกิดมาเพื่อใครสักคน. แล้อยากใช้ชีวิต กับใครสักคน ที่สำคัญกับเรา. แล้ว เราก็สำคัญกับเขา.   ชอบ.  รักตัวล่ะครในเรื่อง.  รักคนเขียนด้วยนะ

ออฟไลน์ k2blove

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1868
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-3
จะเอาแบบพี่ลมบ้าง มีอีกไหม ไม่ต้องรวยระดับพ่อเลี้ยงก็ได้
 :hao7:
ส่วนพี่โยสู้ๆ นะ ดูแลน้องทัพให้ดีด้วยละกัน อย่าแกล้งมากนักสงสาร

ออฟไลน์ twinmonkey0311

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5480
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +110/-9

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ seaz

  • รักอยู่ไหน...ใจเรียกหา
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5383
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +381/-9
พี่ลมเปิดตัวแล้วสินะ แบบเป็นทางการ น้องวาไปไม่เป็นเลยสิเนี่ย

ออฟไลน์ Letter123

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 267
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +186/-2
ผมมองคนที่กุมมือผมแน่น โดยมีน้ำนั่งทำตาแหววยิ้มกว้างเมื่อพี่ลมพูดจบ ผมพูดอะไรไม่ออกมองมือที่ถูกมือใหญ่กุมไว้
   “พี่ลม วา...วา” ผมได้แต่พูดชื่อตัวเองซ้ำๆ ไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรตอบไป มองมือใหญ่ที่ยกขึ้นลูบแก้มที่ผมไม่รู้ว่าตัวเองร้องไห้
   “พี่ไม่อยากให้วาบอกรัก พี่อยากถามวาว่า วาจะเป็นครอบครัวเดียวกันกับพี่ไหม อยู่ด้วยกันกับพี่ คอยเป็นกำลังใจให้พี่ คอยดูแลลูก อยู่ที่ไร่ตลอดไป วายินดีไหม” เสียงทุ้มต่ำยังคงถามพร้อมกับมือหนาที่แนบแก้ม ผมค่อยๆเงยหน้ามองพร้อมกับยกยิ้มกว้าง
   “วา..... วาตกลงครับพี่ลม” ทันทีที่ผมบอกตกลงพี่ลมยิ้มกว้างก่อนที่จะดึงตัวผมเข้าไปกอด
   “เย้ๆๆๆๆ พี่วาจะอยู่กับน้ำตลอดไป น้ำกอดด้วยยยยย” น้ำตะโกนดีใจก่อนที่จะพุ่งเข้ามาแทรกกลาง พี่ลมแกล้งถอนหายใจแรงก่อนที่รวบเอาน้ำเข้ามากอด
   “ขอบคุณนะวา ขอบคุณมาก”
   “วาต่างหากที่ต้องเป็นคนขอบคุณ” ผมเงยหน้าขึ้นไปสบตากับนัยน์ตาคมที่สะท้อนเงาตัวเอง ที่มีความมั่นคงเป็นที่พักพิงให้กับเขา รอยยิ้มกว้างทำให้เขาเรียกความกล้าก่อนที่จะหยัดกายขึ้น
   ฟอด
   “วา!!!” พี่ลมร้องลั่นเมื่อผมหอมแก้ม ผมได้แต่ยิ้มขำเพราะไม่เคยเห็นพี่ลมฟอร์มหลุดขนาดนี้
   “น้ำปิดตา” ผมได้แต่งงว่าพี่ลมสั่งให้น้ำปิดตาทำไม ซึ่งเจ้าลูกหมูก็ทำตาม 
   “อือ” เสียงร้องตกใจถูกปิดจากริมฝีปากหนาที่ก้มลงแนบชิด และเขาต้องตกใจอีกครั้งเมื่อริมฝีปากถูกขบเม้มไม่เบา ทันทีที่เขาเผลออ้าปากด้วยความตกใจเปิดทางให้อีกคนแทรกเข้ามา เขาหดลิ้นหนีด้วยความตกใจแต่ก็ต้องคล้อยตามอีกคนที่พยายามไล่ต้อนหยอกเย้า มันแตกต่างจากที่เคยทั้งเรียกร้อง ทั้งเร่งเร้า เอาแต่ใจจนทำให้เขาได้แต่เกาะแขนอีกคนไว้
   “อือ..อืม..”
   “พ่อลม น้ำเปิดตาได้ยังครับ” เสียงที่แทรกขึ้นทำให้ผมได้สติ ยกมือขึ้นทุบไหล่ของคนที่ยังตักตวงเอาเปรียบเขา
   “แฮ่กๆ” เขารีบฮุบอากาศเข้าปอดเมื่อพี่ลมปล่อยเขาเป็นอิสระ มือหนาลูบหลังเขาขึ้นลง
   “พี่วาเป็นอะไรอ่ะครับ หน้าแดงจัง” ผมขบริมฝีปากแน่นก่อนที่จะก้มลงไปกอดเจ้าลูกหมูหนีสายตาคมที่เร่าร้อนจนเขาไม่กล้าแม้แต่จะสบตา
   “พี่ไม่ได้เป็นอะไรครับ” ผมบอกกับน้ำเสียงแผ่ว
   “ใช่พี่วาของน้ำไม่เป็นไรพี่วาก็แค่เขิน” น้ำเสียงหยอกเย้าทำให้เขาเขินยิ่งกว่าเดิมอีก
   “พี่ลม!!”
   “หึๆ เรากลับกันดีกว่านะ เดี๋ยวจะได้ทานข้าวเย็นกัน” ผมได้แต่พยักหน้าตามที่พี่ลมพูด ก้มกราบโกศคุณพ่อคุณแม่ พี่ลมบอกจะพากลับมาหาทุกอาทิตย์ ขับรถกลับมาถึงบ้าน พี่ลมพาลูกขึ้นไปอาบน้ำส่วนเขาก็เข้าไปทำกับข้าวรอสองพ่อลูก กินข้าวเสร็จผมก็พาน้ำเข้านอนก่อนที่จะหนีเข้าไปอาบน้ำ
   “อ่าวเสร็จแล้วเหรอ” ผมชะงักเมื่อออกมาจากห้องน้ำก็เห็นพี่ลมนั่งอยู่บนเตียงในมือมีผ้าขนหนู มือใหญ่กวักให้เขาเข้าไปหา ก่อนที่พี่ลมจะดึงแขนให้เขานั่งลงที่เตียง ก่อนที่จะช่วยซับผมให้บรรยากาศที่อบอวนไปด้วยความอบอุ่นทำให้ผมอดไม่ได้ที่จะยิ้มกว้าง
   “ยิ้มอะไรกันหือ”  พี่ลมถามด้วยน้ำเสียงแปลกใจ ผมหันไปยิ้มกว้าง
   “ดีใจครับ”
   “ดีใจอะไรกัน” พี่ลมขมวดคิ้วงงๆ
   “ดีใจ......ที่พี่ลมรักวา”
   “วา..อย่ามายั่วพี่นะ” ผมลอบขำเมื่ออีกคนทำหน้าเซ็ง แถมยังเอาผ้าขนหนูมาปิดหน้าเขาอีก เขินแล้วมาปิดหน้าคนอื่นเขาเนี้ยนะ
   “พี่ลมเขินล่ะสิ คิก”
   “รู้แล้วก็เลิกแซวพี่ได้แล้วหันไปเลยนะ พี่จะเช็ดผมให้” ผมได้แต่หัวเราะเบาๆหันหลังให้พี่ลมเช็ดผม  เมื่อแห้งดีแล้วพี่ลมก็เอาผ้าไปตากก่อนที่ล้มตัวนอนแล้วรั้งตัวผมไปกอดเหมือนทุกคืน
   “ฝันดีนะวา”
   “ฝันดีครับพี่ลม”
   ก่อนที่ริมฝีปากหนาจะแนบลงที่หน้าผากแล้วมือหนาก็กดหน้าผมแนบอก ตอนที่คนตัวโตเขินนี่น่ารักจริงๆนะ
   อีกฝั่งหวานแววอบอวนไปด้วยความรัก แต่อีกฝั่งไม้อยากรื้อเต็นท์เก็บข้าวของยัดสองคนที่นั่งแผ่รังสีไม่น่าเข้าใกล้ ไอ้ทัพหลังจากที่เดินกลับมาก็ทำหน้าเหมือนอยากฆ่าคน ส่วนพี่โยก็เดินทำหน้าเฉยๆกลับมาแต่สายตากลับจับจ้องอยู่ที่ไอ้ทัพ  ไอ้ไม้อยากจะบ้าตาย
   “งั้นก็รีบนอนล่ะกันนะครับ พรุ่งนี้จะได้ตื่นขึ้นมาดูทะเลหมอกกัน” ไม้รีบหาทางออกเมื่อมีแต่เขาคุยอยู่คนเดียว ถามไอ้ทัพก็เพียงตอบเออออ ถามพี่โยก็ไม่ยอมตอบได้แต่หาทางออกให้สองคนนั่นแยกย้ายเข้านอน ซึ่งทั้งสองคนไม่ตอบเพียงแต่หมุนกายเข้าเต็นท์ใครเต็นท์มัน ไอ้ไม้อยากตะโกนระบาย เขาเลยมุดเข้าเต็นท์ ไอ้ทัพมันนอนกายหน้าผากหน้าเคร่งอีกนิดมันคงจะเอาตีนกายแล้วล่ะมั้งนั่น
   “มึงไหวไหม”
   “กูอยากกลับวะ” ผมถอนหายใจแรงแล้วล้มตัวนอนลงข้างๆมัน
   “เออเดี๋ยวพรุ่งนี้กูพากลับเลยล่ะกัน  ว่าแต่ตกลงมึงมาอยู่นี่กี่วันวะ”
   “ทีแรกว่าจะอาทิตย์หนึ่งแต่ กูคิดว่าจะหางานทำที่นี่วะ”
   “มึงจะย้ายมาอยู่นี่เหรอ”
   “เออ” ผมได้แต่เงียบ สายงานมันก็น่าจะทำงานกับเขาได้อีกอย่างให้มันทำงานอยู่ด้วยผมก็มีเพื่อนที่ไว้ใจได้
   “มึงทำงานกับกูสิ”
   “ได้เหรอวะ”
   “เออ แต่ค่าจ้างอาจจะไม่ได้เท่าที่กรุงเทพนะ”
   “กูทำ เดี๋ยวกูกลับไปเคลียปัญหาที่โน่นก่อนแล้วจะย้ายมาที่นี่ถาวร” แม้จะไม่เข้าใจว่ามันจะเคลียอะไร แต่เขาก็เต็มใจช่วยมันอยู่แล้ว
   “นอนเถอะจะได้ตื่นทัน” ไม้บอกก่อนที่จะพลิกกายหันหลังแล้วนอนหลับไป กับคนที่คิดว่านอนแล้วกลับนอนไม่หลับ เขายอมรับว่าโกรธคนที่นอนอีกเต็นท์มาก แต่พออีกคนขอโทษ ในใจเขาก็ยอมลงให้แล้วเพียงแต่มันก็ยังขุดขึ้นมาอีก เขาอยากจะฟาดหน้าอีกคน เฮ่อ เขาอยากจะจบเรื่องราวเหมือนกันเพียงแต่โทรศัพท์
   หือ!!
   โทรศัพท์!!!!!!
   เขาลืมทวงโทรศัพท์จากหมอนั่น ทัพลุกขึ้นนั่งทันทีเมื่อนึกขึ้นได้เขาไม่น่าลืมเลยให้ตายเถอะ เขาหันไปยังอีกเต็นท์ เห็นเงาที่เคลื่อนไหวคงยังไม่นอน เอาวะคุยอีกครั้งก็พอ เขารูดซิบออกไปข้างนอก สูดหายใจเข้าลึกๆก่อนที่จะเดินไปยืนหน้าเต็นท์
   “คุณนอนหรือยัง”
   ซิบหน้าเต็นท์ถูกรูดลงพร้อมกับคนที่เขาตั้งใจไว้ว่าจะไม่คุยด้วยโผล่หน้าออกมา
   “มีอะไรรึเปล่า”
   “ผมมาขอโทรศัพท์คืน” ผมยืนมืออกกไปตรงหน้าคนที่โผล่เพียงหน้าออกมาจากเต็นท์
   “อ้อ ขอโทษด้วย ผมก็ลืมไป” สรรพนามที่เปลี่ยนกลับทำให้ผมแปลกใจนิดหน่อยแต่ก็เอาเถอะขอแค่ได้โทรศัพท์คืนก็พอ ผลุบหายไปซักพักก่อนที่จะออกมาพร้อมกับโทรศัพท์มือถือของเขา
   “ผมขอโทษที่พูดไม่คิด ไม่ได้อยากให้คุณไม่สบายใจ” เขาที่รับเอาโทรศัพท์แต่กลับโดนมือใหญ่จับมือผมไว้ก่อนพร้อมกับคำพูดขอโทษอย่างจริงใจ
   “ผมไม่ได้โกรธแล้ว อีกอย่างคุณปล่อยมือผมได้แล้วนะ”
   “โอ๊ะ ผมก็จับเพลินไป นุ่มดีนะครับ” พูดดีได้ไม่เกินสามประโยค ก็เอาอีกแล้ว คนกวนประสาทยอมปล่อยมือผมแต่ก็ยังไม่เข้าไปนอน จ้องหน้าเขาอยู่นั่นล่ะ
   “มีอะไรรึเปล่า”
   “ไปเดินเล่นกันหน่อยไหม” ไม่ตอบคำถามแต่ดันชวนเขาไปเดินเล่น อารมณ์ไหน ผมเงียบแทนคำตอบ ซึ่งทำให้อีกคนถอนหายใจแรง
   “ไม่เป็นไร ผมแค่ยังไม่ง่วงเลยชวนคุณไปด้วย งั้นราตรีสวัสดิ์ครับ” ผมรู้หรอกว่าแกล้งตีเศร้า
   “ไปดิ จะไปรึเปล่าล่ะ” ผมบอกแล้วกลับไปหยิบเอาเสื้อแขนยาวในเต็นท์ เอาจริงๆก็หายโกรธแล้วล่ะ จะให้โกรธนานแม่งก็ไม่แมนไปป่ะวะ   อีกอย่างมันก็ขอโทษแล้ว (ถึงจะกวนตีนหน่อยก็เถอะ) เดินออกมาที่ริมแม่น้ำ
   ผมนั่งลงกับพื้นฟังเสียงน้ำเสียงธรรมชาติ ไม่ได้สนใจคนที่เดินตามหลังมาแล้วทรุดนั่งข้างๆ แล้วก็เงียบ
   “อกหักสินะ” ยังคงไม่เลิกถามจี้ใจดำเขาซักที ผมเลยเลือกที่จะเงียบ
   “คนแบบนั้นคุณเลิกไปก็ดีแล้ว คุณดีกว่าคนแบบนั้นเยอะ” แม้จะไม่ตอบแต่ในหัวผมกลับคิดตามคำพูดของมัน
   “ผมไม่ได้เสียใจ เพียงแต่มันเสียความรู้สึกจนไม่อยากพูดถึงมันอีก” เป็นครั้งแรกที่ผมพูดเรื่องนี้กับคนอื่นแม้กระทั่งไอ้ไม้เขายังไม่ได้บอกอะไรมันมาก
   “ผมว่าคุณควรเอาคืนเขานะ”
   “ฮ่าๆ ผมก็คิดอยู่นะ แต่เอาจริงๆก็ไม่กล้าทำอยู่ดี เพราะผมเคยรักเขาเลยเป็นฝ่ายที่จะจากมาเอง”
   “ถ้าเป็นผมนะ ผมไม่ปล่อยไว้หรอก” ผมหลุดขำกับแววตาที่เอาจริงเอาจังจนเขาคิดว่าคนรักของไอ้พี่โยถ้าคิดจะเลิกกับมันนี่ซวยแน่ๆ
   “คุณคงไม่รู้หรอก สองปีเลยนะ ที่ผมโง่แบบนี้ตอนที่รู้ความจริงรู้สึกตัวเองเหมือนมีเขางอกออกมา” ผมพูดยังไม่ทันจบ ไอ้พี่โยก็ยกมือโบกไปมาตรงหัวผม พอเห็นว่าผมทำหน้างงไอ้พี่โยก็ยกยิ้มก่อนที่จะเฉลย
   “ก็ไม่เห็นมีอะไรงอกมานิ ผมว่าที่คุณออกมาคุณก็หายโง่แล้วล่ะ”
   “โว๊ะคุณนี่กวนจริงๆ ไม่สมกับเป็นพี่น้องวาเลยซักนิด” ผมที่เหมือนจะสนิทใจกับคนกวนประสาทเลยเริ่มที่จะกวนกลับบ้าง
   “ก็วาไม่ใช่ผมจะไม่เหมือนกันก็ไม่แปลก  น้ำค้างเริ่มแรงแล้วกลับกันเถอะเดี๋ยวไม่สบาย”
   “ผมไม่อ่อนแอขนาดนั้นนะ” ถึงจะพูดแบบนั้น ผมก็ลุกขึ้นเดินกลับไปพร้อมกับไอ้พี่โย
   “ราตรีสวัสดิ์นะ” ไม่รู้ว่าจะพูดตอบว่ายังไง เลยพยักหน้ารับแล้วมุดตัวเข้าเต็นท์   แล้วหลับลงอย่างสบายใจ
   “เฮ้ ไอ้ทัพตื่นเว้ย เดี๋ยวไม่ทันถ่ายรูปนะเว้ย” เสียงโวยวายรบกวนความสงบของไอ้ไม้ทำให้ผมต้องงัวเงียแคะขี้ตาลุกขึ้น คว้าเอากล้องกับผ้าเช็ดตัวออกจากเต็นท์ เห็นไอ้ไม้กำลังจะไปปลุกพี่โย ล้างหน้าล้างตา แล้วผมก็เดินไปที่ริมน้ำ อากาศเย็นทำให้เขาอยากกลับไปหยิบเอาเสื้อแขนยาวที่เต็นท์ แต่ถ้ากลับมาอีกเขาคงพลาดที่จ่ะถ่ายช็อตสวยๆ ทนๆเอาหน่อยล่ะกัน ผมตั้งขากล้องก่อนที่จะรอเวลาแสงขึ้น
   “จริงจังไปนะมึง” ไอ้ไม้ที่พึ่งเดินมาพูดแขวะเมื่อผมตั้งกล้องเพื่อถ่ายรูปจริงจัง
   “ก็ได้มาทั้งทีกูก็อยากได้รูปสวยๆดิวะ”
   “ไม่หนาวเหรอวะ” มันถามเพราะผมใส่แค่เสื้อยืดมา
   “ถามไม่คิดนะมึง ดูแขนกู” ผมยกแขนให้มันดูที่ตอนนี้ขนลุกเพราะความหนาว
   “แล้วก็ไม่ไปเอาเสื้อมาใส่นะมึง”
   “เดี๋ยวพลาดวะ” ผมหันไปบอกมันแล้วกลับมาจดจ่อกับกล้อง ถึงแม้ผมจะเรียนจบบริหารมา แต่การถ่ายรูปก็เป็นหนึ่งในงานอดิเรกที่ผมชอบ ตั้งค่าแล้วก็รอแสงแรก
   พรึบ
   หือ!!
   เสื้อกันหนาวอุ่นๆถูกโยนมาคลุมหัวจนผมต้องรีบดึงออกก็เห็นตัวต้นเหตุยืนทำหน้าหล่อๆจนน่าหมั่นไส้
   “หนาวนะ” จะตีความหมายได้ว่าที่โยนมานี่ โยนมาให้ผมใส่เหรอ  ผมควรจะขอบคุณใช่ไหม
   “ขอบคุณ” ผมบอกเสียงเบา แล้วค่อยสวมทำให้เขารู้สึกอุ่นขึ้น
   “พูดเบาจังเลยน้า”
   “อยู่เงียบๆไปเลยคุณ” เผลอหันไปค้อนคนที่ทำดีได้ไม่ถึงสามวิก็กลับมากวนประสาท เขากลับมาสนใจกล้อง นิ้วกดรัวชัตเตอร์เมื่อแสงแรกโผล่พ้นขอบฟ้า แสงแดดอุ่นทอแสงผ่านม่านหมอกสีเหลืองทองกระทบน้ำภาพที่เห็นสวยจนแทบลืมหายใจ ผมเงยหน้าเก็บภาพตรงหน้าไว้ในความทรงจำ แสงใหม่ วันใหม่ และชีวิตที่จะเริ่มต้นใหม่ ผมพร้อมแล้วที่จะก้าวต่อไป 
   “สีหน้าดูดีขึ้นแล้วนิ สนใจเอาคืนไหม”
   “คุณนี่ นิสัยเสียจริงๆ” บ่นอุบให้กับคนที่ยังยุยงให้เขาเอาคืน แต่ทำไมคนข้างๆถึงได้มองเขาออกตลอดเลยวะ อ่านใจได้รึไง
   “ขอบคุณที่ชมนะ ได้ยินคำนี้บ่อยๆ” ได้แต่กรอกตาใครเขาชมมันกันวะ
   “กลับกันเลยไหม จะได้ถึงบ้านสายๆพอดี” คนที่ยืนเป็นตัวประกอบหันมาถามสองคนที่สนิทกันไม่เหมือนคนที่จะฆ่ากันเมื่อวานนี้เลย
   “ก็ดีว่ะ กูว่าจะกลับกรุงเทพ” พอผมบอกว่าจะกลับ ไอ้ไม้มันทำตาโต
   “แล้วกูจะรีบกลับมายืนใบสมัครที่บริษัทมึง” ผมขำเมื่อมันยังเป็นห่วงผมอยู่
   “เดี๋ยวกูเตรียมต้อนรับมึงเลย” มันเดินมากอดคอ ผมหัวเราะ เป็นการหัวเราะที่แท้จริงของผมหลังจากเกิดเรื่อง ผมพร้อมแล้วล่ะ  พวกเราช่วยกันเก็บเต็นท์ก่อนที่จะขับรถกลับบ้าน
   ครืดๆ
   เสียงโทรศัพท์ที่พึ่งมีสัญญาณสั่นทำให้ผมหยิบขึ้นมาดู เบอร์ที่คุ้นตาทำให้ผมลังเลที่จะกดรับ ไอ้ไม้ชำเลืองมองผม
   “ให้ผมรับให้ไหมคุณ”
   “คุณจะป่วนเขานะสิ” ผมสวนกลับทันที เพราะแววตาระยิบระยับนั่นทอประกายสนุก
   “ก็ถือว่าเอาคืนให้คุณไง” น้ำเสียงติดจะเย้าแหย่ ทำให้ผมอยากจะปาโทรศัพท์ใส่หน้า ไม้ได้แต่แปลกใจที่เห็นสองคนนี้คุยกันได้โดยไม่โมโหใส่กัน 
   “เอาไปสิ” ผมโยนโทรศัพท์ไปให้คนข้างหลัง ก่อนที่จะปรับเบาะเพื่อที่จะเอนหลัง โทรศัพท์สั่นอีกครั้งเพียงแต่ครั้งนี้มีคนรับ
   “สวัสดีครับ”
   “ผมเหรอ.....คุณก็เคยคุยด้วยแล้วนิครับ......จะคุยกับทัพ” พอได้ยินชื่อผมเลยหันไปมอง ไอ้พี่โยกำลังยิ้มสนุกสนาน แถมยังยักคิ้วให้เขาอีก จนเขาได้แต่ส่ายหน้า
   “ทัพคุณจะคุยกับเขาไหม” ไอ้น้ำเสียงทุ้มหูนี่มันอะไรกันวะ
   “ผมจะกลับไปคุยกับเขาเองที่กรุงเทพ” ผมตอบกลับไป
   “คุณได้ยินแล้วใช่ไหม..........อยู่ไหน.......ผมกับทัพก็มาพักผ่อนสิครับ ผมเห็นทัพเขาเคลียดผมเลยพาไม้มาพักผ่อนกันสองต่อสอง .............คุณนี่กินนกหวีดเป็นอาหารเหรอ บายครับ” ผมหลุดขำทันทีที่ไอ้พี่โยว่าปลายสายว่ากินนกหวีดเป็นอาหาร ฮ่าๆๆ เขารู้ฤทธิ์คนนั้นดี เวลาที่โดนขัดใจ
   “ขำได้อีกนะคุณ ผมนี่หูแทบแหก”
   “สมควรคุณไปปั่นเขาเองนิ” ผมรับโทรศัพท์ที่พี่โยส่งคืน
   “คุณก็ไปคบกับเขาได้นะ”
   “ก็ตอนนั้นผมไม่ได้ตาสว่างแบบนี้นิ”
   “หึๆ” เสียงหัวเราะยียวนนั่นไม่ได้ทำให้เขาประสาทเสียแต่มันทำให้เขาสบายใจขึ้นจากการคุยกับพี่โย เห็นทีคงจะได้มองอีกคนใหม่ซะแล้ว
*************************************
ปั่นหน้าแหก ฮ่าๆๆๆ  :katai4:
พี่โยคนป่วน พี่ลมปั่นพี่ลมแล้วเขินอ่า
อ่านคอมเม้นต์ทุกคนแล้วยิ้มกว้างเลยล่ะคะ
ขอบคุณมากนะคะ
รักคนอ่าน รักคนเม้นต์
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านนะคะ  :mew1: :mew1:

ออฟไลน์ k2blove

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1868
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-3
นึกว่าจะมีตบกันเลือดตกยางออก แต่ก็ไม่แล้ว อิอิอิ
 :really2:

ออฟไลน์ sompong

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 355
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
พอรู้ว่าต้องเสียทัพไปจริงๆ
แฟนเก่าทัพ เลยโทรหาทัพกระหน่ำเลย

น่าสนใจ เรื่องเอาคืน
พี่โย พร้อมช่วยเต็มที่ แค่คุยด้วยก็หวีดวี้ดและ
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ Letter123

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 267
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +186/-2
บ่ายคล้อยรถคันใหญ่ก็แล่นมาจอดหน้าบ้าน ทัพรีบเปิดประตูรถลง แม้จะไม่นานแต่การนั่งรถนานๆก็ทำให้เขาปวดเมื่อยได้เหมือนกัน ร่างสูงเดินไปขนของหลังรถที่รู้สึกกว่าจะเยอะจากของฝากที่แวะซื้อระหว่างทางกลับ ก็ไอ้คนกวนประสาทเล่นบอกให้ไอ้ไม้แวะทุกร้านที่ผ่าน ไม่งั้นเขาคงกลับมาถึงเร็วกว่านี้ พี่โยลงจากรถแล้วมาช่วยผมขนของฝาก
   “คุณจะกลับพรุ่งนี้เลยเหรอ” จู่ๆก็ถามขึ้นมาผมหันไปมอง ก่อนที่จะพยักหน้า
   “ผมอยากกลับไปจัดการให้เรียบร้อย” ร่างสูงพยักหน้ารับแล้วยกยิ้ม   
   “ให้ผมไปด้วยไหมล่ะคุณ” ไอ้น้ำเสียงสนุกสนานนั่นทำให้ผมส่ายหัว
   “คุณจะไปป่วนล่ะสิไม่ว่า”
   “ก็นะ ผมอยู่ที่นี่คงจะทำอะไรสนุกๆไม่ได้แล้วล่ะ” ผมมองไปตามสายตาที่ร่างสูงมองไป ก็เข้าใจว่าทำไมพี่โยถึงบอกว่าทำอะไรสนุกๆไม่ได้ ก็ภาพที่เห็นมันบ่งบอกถึงความสัมพันธ็ที่รุดหน้าของพี่ลมกับน้องวา  พี่ลมที่นอนหนุนตักวาที่กำลังสอนการบ้านวา แล้วไอ้การหยอกเย้าแบบคู่รักทำให้ผมอดรู้สึกอิจฉาไม่ได้จริงๆ
   “หวานจนมดขึ้นหมดแล้วมั้งนะ” และตัวทำลายบรรยากาศก็โผลงขึ้น วาสะดุ้งหันมาทำตาโตตกใจ ในขณะที่พี่ลมนั้นมองบนถอนหายใจแรง
   “กลับมาเร็วจังครับ” วาถามขึ้นทั้งๆหน้าแดงระเรื่อ
   “กลับช้าพี่จะเห็นเหรอว่าเราโดนเอาเปรียบเหรอ ว่าแต่ลม ขอคุยด้วยหน่อยสิ” พี่โยที่ทีแรกพูดเล่นกับน้อง แต่พอหันไปเรียกพี่ลมกลับทำหน้าจริงจังซะจนเขาเดาไม่ออกว่าเอาจริงหรือจะแกล้งพี่ลม  พี่ลมยอมเดินออกไปด้วยกัน ผมเลยได้หอบข้าวของไปเก็บในครัว วาว่าจะช่วยแต่ผมบอกให้วาดูแลลูกไป เก็บของเสร็จผมก็ขึ้นไปอาบน้ำเตรียมพักผ่อน กดจองตั๋วเครื่องบินสำหรับพรุ่งนี้ แล้วผมค่อยล้มตัวนอน เก็บของนะเหรอ จริงๆไมต้องก็ได้ในเมื่อเขาแค่ไปจัดการทุกอย่างให้เรียบร้อยเอาจริงๆ เขาต้องเตรียมตัวไปเก็บของซะมากกว่า  กลิ้งไปกลิ้งมาบนเตียง หลังจากที่พี่โยป่วนไปก็ไม่มีการโทรเข้าอีกเลย นั่นทำให้ผมสบายใจ เอาจริงๆผมก็คิดไม่ออกว่าจะพยายามติดต่อผมทำไม ทั้งๆที่เป็นคนบอกเลิกผมไปเอง  เอาเหอะ ไปเจอหน้ากันเดี๋ยวก็รู้เองล่ะ อืออออ  บิดขี้เกียจแก้ปวดเนื้อปวดตัว
   ก๊อก ก๊อก
   ใครมาเคาะประตูเขากัน ไม่อยากลุกขึ้นไปเปิดเลยเหอะ ผมนอนห้อยหัวลงจากเตียง เขาขี้เกียจจนเกินจะทนไหว 
   “เข้ามาเลยครับ”
   แกร็ก
   “หึ ท่านอนอะไรนั่น” เสียงทุ้มทำให้เขารีบพลิกตัวนอนคว่ำเงยหน้ามองคนยืนพิงกรอบประตูใบหน้าคมมีรอยขบขัน
   “คุณมาทำไม” ผมลุกขึ้นนั่งบนเตียงดีๆ
   “วาให้ขึ้นมาตามไปกินข้าว”
   “อ้อ ไปสิ” รีบกระโดนลงจากเตียงพี่โยเดินตามลงมา บรรยากาศวันนี้เหมือนจะดูชื่นมื่น ไม่ได้ดูมาคุเหมือนวันแรกที่คนประสาทมาป่วน
   “อาโย อ้ำๆ” ผมแอบขำเมื่อเจ้าลูกน้ำจิ้มผักในจานตัวเองที่วาตักไปวาง จ่อปากพี่โย
   “วาเจ้าลูกหมูไม่ยอมกินผัก”    
   “น้ำ”
   “หึ อาโยขี้ฟ้อง” ฮ่าๆๆ ลูกน้ำสะบัดหน้าหนีอาโยที่หันไปฟ้องวา บ่งบอกอาการงอน ยิ่งเห็นว่าหลานงอน พี่โยก็ยิ่งแหย่ให้เจ้าลูกน้ำทำแก้มพอง บนโต๊ะอาหารเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะและรอยยิ้ม
   “พี่ขึ้นไปนอนล่ะนะ”
   “พรุ่งนี้พี่จะไปส่งนะทัพไอ้ไม้ต้องเข้าโรงงาน โทษฐานที่มันแอบหนีเที่ยว” ผมพยักหน้า ปล่อยให้พี่ลม ไอ้ไม้และพี่โยนั่งคุยกันต่อ

   “ป่ะไปกันเถอะเดี๋ยวสาย” พี่ลมเรียกผมที่พายเพียงกระเป๋าเป้ใบเล็ก ก็ในเมื่อจะย้ายมาอยู่แล้วจะขนลงไปอีกทำไม รีบวิ่งขึ้นรถแล้วพี่โยก็บึ่งไปส่งผมที่สนามบิน เช็คอินเข้าเกตยังดีที่เขาเอารถไปจอดที่สนามบินตอนถึงเขาจะได้ขับรถกลับไปพักที่คอนโดแล้วรุ่งขึ้นเขาจะได้ไปเจอจัดการให้จบๆซะที ว่าแต่ต้องนัดเจอก่อนสินะ ผมเดินขึ้นเครื่องทรุดนั่งที่นั่ง รัดเข็มขัดก่อนที่จะหลับตารอเวลาเครื่องขึ้น
   “คุณนี่นั่งเป็นหลับตลอดเลยนะ”   
   เดี๋ยวนะ!!!
   เสียงกวนประสาทคุ้นหูนี่มัน
   พรึบ
   “อะ...........ไอ้พี่โย”
   “ไม่สุภาพเลยนะครับ” ผมค้นหาคำพูดไม่เจอ ขึ้นมาได้ยังไงวะ เดี๋ยวๆนี่ไม่ใช่ประเด็น มันมาทำไมวะ
   “ขะ...ขึ้นมาได้ไงวะ” ผมขยับถอยห่างจนชิดพนักพิงอีกด้าน ส่วนไอ้คนที่นั่งทำหน้ายียวนกลับเอนตัวมาด้านเขาแถมยังยืนหน้ามาใกล้เขาอีก
   “ก็จองตั๋วเครื่องบินแล้วจ่างเงินแล้วก็เดินขึ้นมานั่งไงล่ะ”
   “เลิกกวนซักทีได้ไหม”
   “ก็ได้ๆ คุณนี่เสียงดังรบกวนคนอื่นเขา” อยากจะต่อยที่เขาเสียงดังก็เพราะใครกันเล่า!!
   “อธิบายมา” ผมกลับมานั่งดีๆ ยกมือนวดขมับปวดหัว ผมปวดหัวจริงๆ แต่ก่อนที่ผมจะได้ฟังเครื่องบินก็ขึ้นซะก่อน แถมอีกคนยังยกนิ้วชี้ขึ้นจรดริมฝีปากได้รูปเชิงบอกให้ผมเงียบ ได้แต่ยอมนิ่ง
   “เอาล่ะคุณคงพร้อมที่จะบอกผมแล้วล่ะนะ” ผมหันไปสบตาด้วยตรงๆ อีกฝ่ายก็ติดรอยยิ้มขี้เล่นตลอด จนทำให้ผมอยากจะยกมือชกหน้าอีกฝ่าย
   “ก็ไม้เป็นห่วงคุณ ผมก็เลยอาสามาดูแลคุณไง” ผมเชื่อ
   เชื่อ!!! เชื่อมันก็หมาแล้วครับ 
   “ผมเชื่อ...กับผีนะสิ คุณตามมาป่วนผมชัดๆ”
   “ผมเป็นห่วงคุณ” ผมแทบจะปรับอารมณ์ตามไม่ทันเมื่ออีกคนเปลี่ยนเป็นจริงจัง เลยสะบัดหน้าหนีพิงเบาะหลับหนีไปเลย ปล่อยให้อีกคนพูดน้ำไหลไฟดับไปคนเดียวเลยไป๊  นั่งเครื่องไม่นานผมก็กลับมายังชีวิตที่วุ่นวายโดยมีอีกคนที่เกาะตามติดเป็นปลิงอยู่เนี้ย แถมยังบอกว่าจะไปพักกับผมอีก
   “เออก็ได้ ไปที่รถก่อนล่ะกัน” ผมพาไปที่รถ ก่อนที่จะพาไปที่คอนโดของผมที่ซื้อมาตั้งแต่เรียนจบใหม่ๆ ส่วนอันที่อยู่ด้วยกันอันนั้นเป็นการซื้อร่วมกันเขาเลยถือว่าทิ้งให้เป็นสิ่งสุดท้ายล่ะกัน
   “เข้าไปอาบน้ำก่อนเลยคุณ ผมจะจัดห้องก่อน” ผมไล่คนที่ยังเดินตามตูดไปเข้าห้องน้ำ ถึงจะบอกว่าจะไปจัดห้องแต่ผมกลับหยิบโทรศัพท์มาโทรหาคนที่จะเคลียปัญหาด้วย
   “(ทัพ??)”
   “อืม ฉันเอง พรุ่งนี้ว่างคุยกันไหม”
   “(ทัพ..ฉัน...)”
   “พรุ่งนี้ 11 โมง เจอกันที่ร้านประจำ แค่นี้นะ”
   “ดะ....เดี๋ยวทัพ” ผมรีบตัดสายไปก่อนที่คนในห้องน้ำจะออกมา ไม่อยากให้เข้าไปป่วนด้วยหรอกนะ แอบไปคงจะดีกว่า ผมจัดที่นอนซึ่งแม่งเป็นห้องเดียวไงประเด็น ผมเลยคิดว่าจะไปนอนที่โซฟา ไอ้นอนเตียงเดียวกันนะผมไม่ได้ซีเรียสอะไรถ้าคนนั้นเป็นเพื่อนสนิท แต่นี่เราแค่รู้จักผิวเผิน คงจะให้นอนด้วยไม่ได้หรอก จะให้แขกพักข้างนอกก็กระไรอยู่
   แกร๊ก
   “คุณพักห้องนี้เลยละกัน ผมโทรสั่งอาหารให้แล้วถ้าขึ้นมาคุณก็กินไปก่อนเลยนะ” ผมบอกก่อนที่จะเดินไปอาบน้ำบ้าง
   “แล้วพรุ่งนี้คุณจะไปเจอเขากี่โมงกัน”
   “บ่ายๆโน้นล่ะ” โกหกเสร็จก็รีบเดินเข้าห้องน้ำ ไว้ใจได้ที่ไหน จนผมอาบน้ำแต่งตัวออกมา ก็เห็นพี่โยนั่งรอที่โต๊ะหน้าทีวี พร้อมกับอาหารที่ผมสั่งไว้
   “อ่าวพอดีกันเลย พึ่งขึ้นมาส่งมากินก่อนสิ” ผมเดินไปนั่งตรงข้ามก่อนที่จะนั่งกินข้าวกันเงียบๆเคล้าเสียงทีวีที่เปิดทิ้งไว้ให้มันไม่เงียบเกินไป
   “พรุ่งนี้จะทำยังไงถ้าเจอหน้า”
   “ก็ไม่ทำยังไง คุยกันให้จบๆ ผมต้องไปคุยที่บริษัทอีก” พี่เจนยังติดต่อกันอยู่ แถมที่กลับมานี่ก็เพราะงานที่ยังติดขัดกันอยู่  ทานเสร็จก็แยกย้ายไปทำธุระส่วนตัวเหมือนจะอยู่กันด้วยความสงบสุขจนกระทั่งมาถึงตอนที่จะนอนกันนี่ล่ะ
   “ทำไมคุณต้องไปนอนข้างนอก ไม่นอนด้วยกันล่ะเตียงออกจะใหญ่”
   “ผมไม่สะดวกใจ คุณนอนเถอะ ผมง่วงแล้ว”
   “คุณก็แค่กลัว  กลัวผมใช่ไหมล่ะ” เดี๋ยวนะใครกลัววะ กลัวอะไรมันวะ   
   “ตกลงนี่จะได้นอนกันไหมเนี้ย”
   “งั้นก็ไปนอนด้วยกันสิ” น้ำเสียงสบายๆแต่ก็แฝงไปด้วยความยียวน นอนก็นอน ไม่งั้นกูคงจะไม่ได้นอนกันพอดี ผมเดินดุ่มๆเข้าห้องนอน กระโดดขึ้นเตียงดึงผ้าห่มคลุมแล้วหลับ ไม่สนใจไอ้คนยียวนกวนประสาท หลับหนีแม่ง
   
   ฟ้ายังไม่สางผมก็ค่อยๆลุกขึ้นจากเตียงมองคนที่ยังหลับสนิทก่อนที่จะเข้าห้องน้ำแต่งตัวแล้วค่อยหยิบของย่องออกจากห้องไป  ผมเดินเข้าบริษัทตอนเวลาทำการ ซึ่งก็โทรหาพี่เจนตอนออกมาแล้ว ผมเดินเข้าห้องประชุมพี่เจนก็นั่งรออยู่แล้ว 
   “สวัสดีครับพี่เจน” พี่เจนยกมือรับไหวพร้อมกับเชิญผมนั่งลงข้างๆ ก่อนที่จะกางแฟ้มงานที่มีปัญหา นี่ผมบอกหรือยังว่าผมทำงานฝ่ายวางแผนงานตลาด ตอนที่ผมจะลาออกผมจัดการงานทุกอย่างให้เรียบร้อยก่อนที่จะออกแต่แผนงานที่เจ้านายขอแก้ดันเป็นแผนงานเก่าผมเลยต้องมาแก้ให้ใหม่ หลังจากที่แก้งานเสร็จแล้วพี่เจนก็เดินมาส่งผมที่หน้าห้อง
   “ผมไปล่ะนะพี่เจน มีอะไรให้ผมช่วยก็โทรหาผมได้นะครับ” ผมบอกอย่างมีน้ำใจ พี่เจนก็ช่วยผมไว้บ่อยครั้ง
   “ขอบใจมากนะจ๊ะ  ว่าแต่เราจะไปทำงานที่ไหนล่ะ”
   “ผมจะไปทำที่เหนือครับ นี่ก็จะมาเคลียของเพื่อนขนขึ้นไปที่โน้นล่ะครับ” ผมบอกยิ้มๆ
   “ดีใจด้วยนะ ไว้พี่มีงานพี่จะขอให้เราช่วยโชคดีนะทัพ” พี่เจนตบบ่า ผมยิ้มก่อนที่จะยกมือไหว้
   “ขอบคุณครับพี่เจน” คุยเสร็จก็ใกล้ได้เวลานัดผมเลยรีบขับรถไปที่ร้านอาหารร้านประจำ เอาง่ายๆก็ร้านที่ผมโดนบอกเลิกนั่นล่ะนะ เอาจริงๆมันก็ยังเจ็บจิ๊ดเหมือนโดนเข็มทิ่ม แต่ผมก็ดีขึ้นมาก  เดินเข้าไปในร้านก่อนที่จะแจ้งว่าจองที่ไว้แล้ว เดินเข้าไปผมถึงกับแปลกใจ เมื่อมีใครบางคนมารออยู่แล้ว ปกติมันมาก่อนเขาซะที่ไหนล่ะ
   ครืด
   “มานานรึยังล่ะ” ถามทันทีที่นั่งลง มองใบหน้าน่ารักที่ผมเคยคิดว่าเป็นคนแสนดี แต่ดันแทงข้างหลังได้เจ็บปวดที่สุด
   “ไม่นาน ทัพ...ทัพเป็นไงบ้าง”  แววตากลมโตที่ผมมอง มันสื่อถึงความรู้สึกผิด
   “ก็ดีนะ ว่าแต่มีอะไรรึเปล่าตอง” 
   “เราอยากขอโทษ และ...อยากขอโอกาสจากทัพ” คิ้วกระตุกเลยทีเดียว เดี๋ยวนะ ทุกคนช่วยกรอให้ผมฟังอีกทีดิ๊
   ขอคืนดี !!!
   มารดาเมิงเถอะครับ ไม่อยากหยาบเลยให้ตายเหอะ
   “เดี๋ยวนะตอง โอกาสอะไร”  ถามด้วยน้ำเสียงปกติ แต่ในใจนี่อยากจะล้มโต๊ะ
   “โอกาสที่เราจะกลับมาคืนดีกันไง” รอยยิ้มหวานๆที่เคยชอบแต่ตอนนี้มันเหมือนเคลือบยาพิษในรอยยิ้มนั้น
   “นี่ตองยังคิดว่ามีโอกาสอยู่เหรอ แล้ว(ไอ้)คนรักตองล่ะ” ผมถามด้วยน้ำเสียงแปลกใจ ตองทำตาโตก่อนที่จะน้ำตาร่วงกราว อาจจะแปลกใจแต่ผมก็ไม่ได้ใจอ่อนหรอก ไอ้ที่ร่วงๆนะโกหกชัดๆ คบมาตั้งสองปีทำไมจะไม่รู้นิสัยของตอง แต่ก่อนผมแค่มองข้ามๆไป ตอนนี้นะเหรอ เหอะ
   “อึก.....รึว่าทัพมีคนใหม่แล้ว........อึกคนที่รับโทรศัพท์เราใช่ไหม” เสียงร้องไห้สะอึกสะอื้นทำให้หลายคนเริ่มมองมาที่ผม อ่า เล่นแผนนี้เลยเหรอ พูดแบบนี้ทำตัวหน้าสงสารแบบนี้พวกขาเผือกก็ต้องว่าผมเป็นฝ่ายผิดนะสิ แต่ก่อนที่ผมจะตอบอะไร ก็มีมือใหญ่วางลงที่บ่าพร้อมกับลมหายใจอุ่นรดหัว
   “ทำไมไม่รอกันก่อนล่ะครับทัพ” รู้สึกขนลุกไปทั้งตัวกับไอ้น้ำเสียงอบอุ่นเกินจริง ผมหันไปหน้าเหวอๆ ผิดกับใบหน้าหล่อเหลาที่มีรอยยิ้มน้อยๆประดับอยู่
   ไอ้พี่โย!!
   มันมาได้ไงวะ
   “แอบมานอกใจพี่รึไงครับ” เชี่ยแล้ว ความบรรลัยมาแล้ว ผมต้องเตรียมถังดับเพลิงซะแล้วสิ
*************************************************************
ลงเต็มแล้วจ้าาาา  :katai4: :katai4:
ไฟจะไหม้ร้านอาหารไหม
พี่โยจัดเต็มแน่ๆ
ขอบคุณทุกคนที่เข้ามานะคะ
รักทุกคน อ่านแล้วเป็นไงบอกเราด้วยน้า

ออฟไลน์ ipookza

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 86
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-1
ชอบๆๆ คู่นี้งานดีจริง

ออฟไลน์ sompong

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 355
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
 คุณโยร้ายกาจมากๆๆ

ออฟไลน์ k2blove

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1868
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-3
 o13 ยกนิ้วให้เลยพี่โย

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6
 :L2: :L1: :pig4:

รักพี่โยอะ ขอกลับบ้านสักที่

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด