ความเงียบเข้าครอบงำทันทีที่พี่โยพูดจบ ผมหันไปมองพี่ลมที่ทำหน้าเครียด พี่โยรู้ได้ยังไงถึงจะรู้ว่าพี่ชายตัวเองนั้นเป็นหมาจิ้งจอกที่สวมหนังแกะไว้ ไอ้ท่าทางผู้ดีอะไรนั่นมันเป็นเพียงฉากหน้าเท่านั้นล่ะครับ แต่พี่โยก็เป็นคนดีถ้าไม่มีใครไปล้ำเส้นของพี่โย
“มันแค่อุบัติเหตุนะครับพี่โย”
“ใช่เหรอวา” คำถามสวนกลับทำเอาผมต้องเงียบลง แรงสัมผัสจากมือแกร่งที่เอื้อมมากุมมือเขาไว้ ผมบีบมือใหญ่กลับเบาๆ
“เป็นความผิดของฉันเอง ตอนนั้นที่ไร่มีปัญหาเลยโดนลอบกัด” ลมตอบด้วยความจริง ลมรู้ดีคนๆนี้โกหกไม่ได้
“งั้นเหรอ แล้วปัญหานี้นายจัดการเสร็จแล้วเหรอ” ตอนนี้คงไม่ต้องกินข้าวกันแล้ว เมื่อโยวาช้อน มือใหญ่ประสานอยู่ตรงหน้าดวงตาคมหรี่ลงพร้อมกับฉายแววไม่พอใจ อาการคุกคามทำให้ทุกบนโต๊ะเงียบ
“เอาเถอะฉันรู้คำตอบแล้ว กินข้าวต่อสิ ฝีมือน้องนี่อร่อยไม่เปลี่ยนเลย” จู่โยก็เปลี่ยนเรื่องแล้วเริ่มต้นกินข้าวต่อ ทำให้ทั้งโต๊ะงงงวย
“อ่าวอิ่มกันแล้วเหรอ” ลมอยากจะร้องบอกว่ามันเพราะใครกันล่ะที่ทำให้มันมีบรรยากาศแบบนี้
“นิสัยเสียจริงๆเลยน้า” เสียงบ่นเบาๆที่ได้ยินกันทั้งโต๊ะ จนโยหันควับไปมองคนที่ตักข้าวเข้าปากแบบไม่รู้สึกอะไรหลังจากพูดออกไป
“ว่ายังไงนะครับน้องทัพ”
“เปล่าแค่บ่นลอยๆ” ผมได้แต่หวั่นๆเมื่อโยยังมองทัพที่ไม่สนใจทั้งยังหันไปคุยกับไอ้ไม้ การกินข้าวเย็นนี้ทำไมเหมือนกินข้าวท่ามกลางสงคราม โยเหมือนจะปล่อยผ่าน เป็นคนที่ตามความคิดไม่ได้ ทัพกับไม้อาสาล้างจาน วาพาลูกขึ้นไปนอน ผมกับโยมานั่งเงียบอยู่ที่โซฟา
“เอาล่ะ บอกสถานการณ์มาได้แล้ว” ไม่มีปี่ไม่มีขลุยโยก็เปิดประเด็น
“ตอนนี้เหลือแค่จับตัวการให้ได้แค่นั้นเป็นหน้าที่ของตำรวจแล้ว”
“แล้วไอ้คนที่ตัดสายเบรกล่ะ” คนคนนี้รู้เรื่องแค่ไหนกันเนี้ยไหนว่าอยู่คนละประเทศวะ
“รู้ตัวแล้ว”
“แล้วนายจะเลี้ยงงูไว้แว้งกัดอีกรึไง” โยนั่งพิงโซฟาด้วยท่าทีที่สบายๆมือประสานอยู่บนตักแต่ทำไมถึงมีความกดดันแผ่ออกมาจนรู้สึกได้ ให้ตายเหอะทำสองพี่น้องนี้ถึงนิสัยไม่เหมือนกันนะ อีกคนอยบู่ด้วยแล้วสบายใจ แต่อีกคนกลับเหมือนนักธุรกิจที่ผ่านสนามมาอย่างโชกโชน
“ไม่ได้คิดอย่างนั้น”
“อ่า คนไทยเขาใช้อะไรนะ เอ็นดูเขาเอ็นเราขาด”
“นาย....ตกลงที่มาไทยเพื่ออะไร”
“ก็มาหาน้องชาย มาดูว่าที่นี่มีอะไรดี เจ้าวาถึงได้ออกปากว่าอยากอยู่ที่นี่” ผมรู้สึกดีใจที่วาอยากอยู่ที่นี่
“ฉันก็อยากให้วาอยู่ที่นี่ตลอดไป”
“ทุกอย่างไม่ได้ขึ้นอยู่กับนายและวาสองคนแค่นั้น” ผมเข้าใจความหมายของโยดี
“ฉันมั่นใจว่าทุกอย่างจะไปด้วยดี” โยหรี่ตาลง ก่อนที่จะหัวเราะเบาๆในลำคอ
“แล้วถ้าฉันไม่เห็นด้วยล่ะ”
“แล้วคุณจะไปวุ่นวายอะไรกับครอบครัวเขาล่ะ พี่ลมเสร็จแล้วนะ ป่ะไอ้ไม้ขึ้นไปนอนกัน” ไอ้ทัพเดินมาแขวะเสร็จก็กอดคอไอ้ไม้ขึ้นไปนอน ปล่อยระเบิดทิ้งไว้แล้วหนีนะมึง
“เด็กนั่น” รอยยิ้มตรงหน้าทำให้ผมสยองแทนไอ้คนที่ไม่รู้เรื่อง
“ยังไม่ขึ้นไปนอนกันเหรอครับ” วาเดินลงมานั่งลงข้างๆโย
“งั้นน้องก็ไปนอนกับพี่ ราตรีสวัสดิ์นะลม” ยังไม่ทันที่จะแย้งอะไรโยก็ลากวาขึ้นไปนอนที่ห้องรับแขก เขาได้แต่ถอนหายใจแรง นี่ตกลงมาป่วนชัดๆ ไม่ได้มาหาน้องอะไรหรอก คืนนี้เขาต้องนอนคนเดียวเหรอ เมื่อไหร่พี่ว่าที่เมียจะกลับวะ
วาตื่นขึ้นแต่เช้ามืดด้วยความเคยชิน เขามองดูพี่ชายที่ยังนอนหลับสนิท เป็นคนที่กินอิ่มนอนหลับได้สบายจริงๆเลยนะ เขาไม่รู้เลยว่าพี่โยรู้เรื่องราวแค่ไหนแต่เขาเห็นแววตาสนุกของพี่โยที่ตั้งใจมาป่วนพี่ลมแน่ๆ ค่อยๆย่องลงจากเตียงเพื่อลงไปเตรียมอาหารเช้า วันนี้วันเสาร์ทุกคนคงไม่ได้ออกไปไหน
“อ่าวพี่ลมทำไมลงมาเร็วจังครับ” เขาต้องแปลกใจเมื่อคนที่หลังๆจะลงมาช้ากลับนั่งดูข่าวอยู่ที่โซฟา
“ไม่มีคนให้กอดนอนไม่หลับ” ทำไมชอบพูดให้เขาทำอะไรไม่ถูกอยู่เรื่อยเลย
“กอดหมอนไปสิ แล้วกินกาแฟรึยังครับ”
“รอวา” ครับหยอดตลอด ได้แต่ส่ายหัวแล้วเดินไปชงกาแฟใส่กาใหญ่ ก่อนที่จะรินใส่ถ้วยส่งให้พี่ลมที่เลิกดูข่าวแล้วเข้ามาในครัว
“พี่ลมไม่ดูข่าวต่อแล้วเหรอครับ” ผมถามขณะที่เตรียมกับข้าว
“อยากอยู่กับวา” ให้ตายเถอะเขาเกือบหันนิ้วตัวเอง
“พี่ลมก็อยู่ด้วยกันตลอด”
“พี่คิดว่าพี่คงจะไม่ได้อยู่ใกล้วาจนกว่าพี่ชายเราจะกลับ” คำตอบทำให้ผมถึงกลับหลุดขำ พี่โยเป็นพวกแกล้งหน้าตายพี่ลมคงโดนหนักป่วนหนักแน่
“พี่ลมทำใจเลยนะครับพี่โยนะวาว่ามาเพื่อป่วนแน่ๆครับ” พี่ลมทำหน้าเซ็ง
“นินทาอะไรพี่หือไอ้แสบ” คนที่กำลังพูดถึงยืนทำหน้าง่วงหน้าครัว
“อ่าวตื่นแล้วเหรอครับพี่โย”
“ไม่มั้ง พี่ขอกาแฟหน่อยสิ” ทำไมพี่ชายเขากวนจังน้า ได้แต่ส่ายหัวให้กับความกวนก่อนที่จะรินกาแฟส่งไปให้
“พี่อยากกินเฟรชโทสต์ฝีมือวา”
“ครับได้ครับพี่ชาย ออกไปรอข้างนอกกันดีกว่าไหมครับ” ผู้ชายตัวโตสองคนอยู่ในนี้มันทำให้ครัวดูแคบลงทันทีจนต้องไล่ออกไป
“ลมออกมาคุยอะไรกันหน่อยสิ” และทั้งสองคนก็ชวนกันออกไปคุย ผมก็อยากรู้นะว่าคุยอะไรกัน แต่ก็ทำกับข้าวไปเสร็จเขาก็ตอ้งขึ้นไปปลุกน้ำเพื่อลงมาออกกำลังกาย ซึ่งตอนนี้น้ำไม่อิดออดหลังจากปลุกเสร็จน้ำก็เตรียมตัวเองและออกไปวิ่ง
“พ่อลมไม่ไปกับน้ำเหรอ” น้ำที่แต่งตัวลงมาวิ่งไปหาพี่ลม
“ไม่ครับ วันนี้วิ่งไปคนเดียวนะลูกหมูพ่อจะคุยกับอาโย หกรอบนะ”
“ครับผม” น้ำรับคำก่อนที่จะออกไปวิ่ง
“อรุณสวัสดิ์น้องวา”
“สวัสดิ์ดีครับพี่ทัพ ท่าทางดูง่วงๆนะครับ” ผมทักพี่ทัพเมื่อหน้าตาหล่อๆนั่นดูอิดโรยเหมือนคนยังไม่ได้นอน
“ไม่ง่วงได้ไง ไอ้ไม้แม่งนอนดิ้นชิบหายแถมยังละเมอบ้าบออะไรของมันทั้งคืน” มองดูใต้ขอบตาที่คล้ำไปทำให้ผมอดรู้สึกสงสาร
“เดี๋ยวผมไปเอากาแฟให้นะครับ”
“ไม่ต้องๆเดี๋ยวพี่ทำเอง วาไปทำอย่างอื่นเถอะ” พี่ทัพว่าก่อนที่จะเดินเข้าครัว ผมเลยขึ้นไปอาบน้ำส่วนผู้ชายตัวโตสองคนนั่นปล่อยให้คุยกันหน้าเครียด
ทัพไทย Part
จริงๆไม่ใช่เพราะไอ้ไม้หรอกที่ทำให้เขานอนไม่หลับ เพียงเพราะสายที่โทรเข้าเมื่อคืนทำเอาเขาปั่นป่วนจนนอนไม่หลับ ถือแก้วกาแฟออกไปนั่งข้างนอกมองดูน้ำที่วิ่งออกกำลังกาย
“สู้เขาลูกน้ำ” ผมร้องบอกเมื่อน้ำวิ่งผ่าน มันจะโทรมาทำไมวะ ทั้งๆที่มันแม่งเป็นคนเลิกกับเขาเองแท้ๆ เหี้ยเอ๊ยกูอุตส่าห์ทำใจได้ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะหายดี เมื่อคืนก็เล่นเอาเขานอนไม่หลับ
“ทำไมถึงลาออกล่ะทัพ” พี่เจนถามด้วยความตกใจเมื่อผมเดินเข้าฝ่ายบุคคลแล้วยืนซองขาว
“ผมจะไม่รับเงินเดือนเดือนนี้นะพี่เจน ชดเชยกลับที่ผมลาออกกะทันหัน” ผมไม่บอกเหตุผล
“มีอะไรรึเปล่าทัพ”
“ไม่มีอะไรพี่เจน ผมลาล่ะครับ”ยกมือไหว้พี่เจนก่อนที่จะเดินออกจากห้องไม่ฟังเสียงร้องเรียกของพี่เจนไล่หลังมา รีบเดินออกจากบริษัทข้าวของบนโต๊ะทำงานผมก็ไม่คิดที่จะไปเก็บในเมื่อมันไม่มีอะไรให้น่าเสียดาย เขาไม่อยากอยู่ที่นั้นแม้ซักวินาทีเดียว ก่อนที่จะแวะร้านมือถือเพื่อซื้อซิมใหม่เปลี่ยนเบอร์ทันที ก่อนที่จะคิดถึงไอ้ไม้โทรหามันก่อนที่จะจองตั๋วแบกกระเป๋าขึ้นมาหามัน สงสัยว่ามันจะได้เบอร์จากพี่เจนที่เขาโทรไปบอกเรื่องงานเพราะพี่แกเมลมาหาแม้จะไม่ได้เมมเบอร์ไว้แต่เขาก็ยังจำมันขึ้นใจ กี่ปีนะ สองปีที่คบกันมา ที่ไว้ใจที่ทุ่มเทให้ทุกอย่างทั้งทุ่มใจให้ทั้งใจวาดแผนที่จะอยู่ด้วยกัน นึกถึงวันที่เขานัดเพื่อฉลองครบรอบวันที่เขาไม่อยากจำมันได้
“ทัพเราเลิกกันเถอะ”
“ทำไมวะ มึงพูดบ้าอะไรของมึง” วันที่ตกลงคบกันกลับกลายเป็นวันที่บอกเลิก เหอะ ใครแม่งจะรับได้วะ
“เราเจอคนที่เรารักแล้ว” แล้วกูนี่หมารึไงวะสองปีที่คบกันมานี่มันไม่ได้รักกูเลยรึยังไง
“แล้วที่ผ่านมา”
“เราขอโทษเราแค่เหงา และทัพก็เป็นคนดี” เขาแเค่นยิ้ม หึ คนดี คนดีแล้วกูได้อะไรวะ อยากจะกระชากตัวมาถามเพียงแต่เขาก็นั่งนิ่ง
“ถามคำถามเดียว มึงนอกใจกูอย่างเดียวหรือทั้งนอกกายและนอกใจ” มันเงียบเป็นคำตอบ รู้สึกตัวเองแม่งมีเขางอกออกมา สองปีที่คบกันผมให้เกียรติเมื่อคิดว่ามันไม่พร้อมก็รอแค่อยู่ด้วยกันก็ดีแล้ว
“ทัพเราขอโทษ”
“เท่าไหร่......นานเท่าไหร่แล้ว” แต่ละคำที่พูดเขาต้องเค้นออกมา มือที่กำแน่นอยู่บนตัก
“ขอโทษ อึกเราขอโทษ” ผมทนฟังไม่ไหวแล้ว
ครืด
“ทัพเดี๋ยวสิ..” เสียงเรียกไม่ได้ทำให้เขาต้องหันกลับไปในตอนนั้นคิดอย่างเดียวว่าเขาไม่อยากอยู่ตรงนี้ กลับมาที่คอนโดได้ยังไงก็ยังไม่รู้กับตัวเอง เก็บข้าวของทั้งหมดที่มีในห้องที่เคยใช้ร่วมกัน ออกไปพักโรงแรมไม่รับสายที่กระหน่ำโทรจนต้องปิดโทรศัพท์ทิ้งไป นั่งเหม่อจนกาแฟที่ถือเย็นหมด
“เฮ้อ” เขาถอนหายใจแรงเมื่อคิดถึงเรื่องที่ทำให้เขาต้องหนีมานี่
“ถอนหายใจแรงขนาดนั้นเพิ่มคาร์บอนให้โลกเหรอ” น้ำเสียงยียวนทำให้ผมต้องคิ้วขมวด
“คุณยุ่งไรด้วยเนี้ย” ผมไม่ชอบคนแบบนี้เลยให้ตายเหอะ อ่านอะไรไม่ออกซักอย่าง
“ก็เปล่าเห็นนั่งนิ่งนึกว่าหลับ” คุยกับคนแบบนี้เหนื่อยซะมัด หนีดีกว่านะ ผมลุกขึ้นเพื่อที่จะกลับเข้าบ้าน แต่คนที่ยังอยู่ในชุดนอนกลับก้าวมาขวางไว้
“อะไรของคุณ”
“ทำไมชอบทำหน้าแบกโลก”โว๊ะ ยุ่งอะไรกับผมวะเลือกที่จะไม่ตอบก่อนที่จะเบี่ยงตัวชนไหล่อีกฝ่ายเข้าบ้านไป
“ไอ้ทัพวันนี้มึงจะไปไหนไหมวะกูว่าง” ไอ้ไม้ถามเมื่อผมเข้าห้องมา
“ไม่รู้วะ กูแม่งไม่ได้แพลนไว้ซักอย่างแล้ววันนี้มึงจะทำไรวะ” ล้มตัวลงนอนก่อนที่จะถามมัน
“ว่าจะเข้าไร่วะ”
“งั้นกูไปกับมึงล่ะกันวะ”
“มึงไหวเหรอวะ เหมือนคนไม่ได้นอน”
“ก็ไม่ได้นอนแม่งมันโทรมาวะ”
เพี๊ยะ
“เชี่ยยยยยยยยย หน้าผากกู” ไอ้เวรมันฟาดหน้าผากผมโคตรแรงแม่งแดงแน่ๆ
“แล้วทำไมมึงไม่คุยกับเขาวะ” มันนั่งลงข้างๆผม
“คุยทำไมวะแค่นี้กูก็เหมือนควายแล้วสัส กูไม่เป็นไร” เห็นสายตาเป็นห่วงของมัน รู้สึกว่าคิดถูกที่ขึ้นมาหามัน
“เออ ให้มันได้อย่างที่พูด ถ้าจะไปกับกูก็ได้ เดี๋ยวกูลงไปข้างล่างนะ” ผมพยักหน้าให้มัน มันลงไปข้างล่าง ผมนอนนิ่งไปก่อนที่จะลุกไปแต่งตัวแล้วลงไป เพือกินข้าวเช้าเอาจริงๆผมชักจะติดรสมือของวาแล้วสิ
“พี่โยจะไปเที่ยวไหนไหมครับ” วาถามพี่ชาย
“วาไปไหนพี่ก็จะไปกับวานั่นล่ะ”
“อ่า ผมจะเข้าไร่นะพี่โย”
“งั้นพี่ก็จะไปไร่กับวา” โว้ยยย เขาไม่เคยเห็นใครกวนแบบหน้าตายแบบนี้เลยให้ตายเหอะ เห็นหน้าพี่ลมแล้วสงสารชะมัด
“ไอ้ไม้เปลี่ยนโปรแกรมวะ มึงพากูไปเที่ยวทีดิ๊” ผมกระซิบกับไอ้ไม้
“มึงคิดอะไรว่ะ” แหมไอ้นี่รู้ทัน
“กูสงสารพี่มึงวะ”
“โอเค” ผมสองคนแอบตีมือกันใต้โต๊ะ ส่งเสริมคนอื่นเข้าบ้างเผือว่าผมจะได้เจอความรักดีๆเหมือนพี่ลม
จนกระทั่งทุกคนมายืนที่หน้าบ้านผมกับไอ้ไม้แอบไปเตรียมของโยนไว้ที่รถเรียบร้อย ตอนนี้พี่ลมกับวากำลังตกลงว่าจะไปไหนกัน
“งั้นพี่ไปกับวาล่ะกันนะน้อง” น้ำเสียงกวนๆชวนคิ้วกระตุกจริงๆ
“ครับพี่โย” ผมกับไม้พยักหน้าไอ้ไม้ติดเครื่องรอให้ผมทำหน้าที่
“ผมวาคุณมากับพวกผมดีกว่านะ” ก่อนที่อีกฝ่ายจะทันตั้งตัวผมแทบจะล็อกคอกอ่นที่จะผลักขึ้นรถปิดประตูผมรีบเปิดประตูกระโดดขึ้นรถแล้วไอ้ไม้ก็ออกรถ
“เล่นอะไรเป็นเด็กๆนะพวกคุณ” น้ำเสียงสบายๆจากเบาะหลัง
“ก็นะใครกันล่ะที่มาป่วน” ผมตอบกลับไป
“แล้วนี่จะไปไหนกัน”อีกฝ่ายยังถามต่อเหมือนไม่ได้เดือนเนื้อร้อนใจอะไรที่โดนลากมา
“ผมจะพาพี่ไปตั้งเต้นท์ที่อุทยานนะพี่” ไอ้ไม้ตอบ
“นี่กะไม่ให้พี่ไปป่วนสองคนนั่นเลยสินะ” ไอ้น้ำเสียงรู้ทันนี่ทำเอาผมกับไอ้ไม้สบตากัน
“อ้อแล้วเสื้อผ้าพี่ล่ะ คงเก็บมาให้ด้วยแล้วสินะ ทำงานเป็นทีมจังเลยน้า” เราสองคนหมดคำพูดเมื่ออีกฝ่ายรู้ทันหมดแล้วก็คงไม่มีอะไรต้องแล้ว ผมมองอีกฝ่ายผ่านกระจกมองหลังเห็นท่าทางสบายๆ ไม่ได้ทุกร้อนอะไรนักคงไม่ได้โกรธอะไรพวกเขา
“มองแบบนั้นสายตาเสียพอดีหันมามองพี่ตรงๆก็ได้นะ” โว้ยยยยยยยยย เกลียดเว้ย ผมหันหน้าหนีไปมองวิวข้างทางดี คิดถูกคิดผิดเนี้ยที่ลงทุนช่วยพี่ลม ตอนนี้ผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่าไม้จะพาไปตั้งเต้นท์ที่ไหน เพราะตอนนี้ก็ขับออกจากตัวจังหวัดไปเรื่อยๆ
ครืดๆ
เสียงโทรศัพท์ที่วางไว้คอนโซลรถสั่นรัวไม้เหลือบมองนิดหนึ่งเมื่อเห็นว่าผมไม่สนใจมันก็ไม่ได้ถามอะไร สั่นได้ซักพักก็หยุดลงแล้วก็เริ่มต้นใหม่อีกครั้ง
“มึงรับเหอะวะ”
“กูยังไม่อยากคุย” ไอ้ไม้ทำหน้าคิดหนักก็ในเมือผมไม่พร้อมที่จะคุยจริงๆ ดังอยู่หลายครั้ง มีความอดทนจังวะ เหมือนว่าจะมีคนหมดความอดทนก่อนเมื่อมือใหญ่เอื้อมมาจากเบาะหลังคว้าเอาโทรศัพท์ของเขาไปกดรับทันทีโดยที่เขาจะพูดอะไรก็ไม่ได้เพราะไม่อยากให้ปลายสายได้ยินเสียง
“สวัสดีครับ ......................อ้อ พอดีทัพไม่อยากรับครับผมเลยรับแทน...................ผมเป็นไรกับทัพเหรอ” ผมสบตากับดวงคาดมที่ตวัดมามองเขาก่อนที่จะยกยิ้มที่ผมมองยังไงๆก็เห็นว่าคนๆนี้กำลังสนุกอยู่ซัดๆ
“ก็แล้วแต่คุณจะคิดล่ะกันนะครับว่าผมเป็นอะไรกับทัพ............ผมบอกไปแล้วว่าทัพไม่อยากคุยนี่ผมพูดไม่ชัดเจนเหรอ...............ใจเย็นๆสิครับขึ้นเสียงแบบนี้มารยาทของคุณแย่จังเลยนะครับ..............คุยกับคุณแล้วผมปวดหูจังแค่นี้นะครับ”แล้วพี่ท่านก็กดวางสาย โดยที่ผมและไอ้ไม้ได้แต่อึ้ง
“คุยกับคนแบบนี้น่ารำคาญนะ คราวหน้าพี่รับให้ก็ได้นะ”
“ไม่เป็นไร ผมขอโทรศัพท์คืนด้วย” เหมือนลมผ่านหูเมื่อพี่โยทำหน้านิ่งแล้วเก็บโทรศัพท์เขาใส่กระเป๋ากางเกงตัวเองหน้าตาเฉย
“คุณ!!!!!”
“ใจเย็นไอ้ทัพ”สายตาของไอ้ไม้ทำให้เขาไม่พูดอะไรต่อได้แต่กลั้นไว้
“เออ กูนอนแม่ง” นอนประชดแม่งในเมื่อทำอะไรไม่ได้นอนล่ะกัน เขาปรับเบาะก่อนที่จะปิดตาลงเห็นทีการมาพักใจของเขาต้องปวดหัวหนักแน่ๆ
***************************************************************
จริงๆบอกว่าจะอู้ไม่ปั่นซักสองสามวัน
แต่ทำไมถึงไหลลื่นได้มาตอนหนึ่ง
ฮ่าๆๆๆๆ ยิ่งเขียนยิ่งมันส์
ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่าน
ขอบคุณทุกคอมเม้นต์นะคะ
เป็นกำลังใจที่ดีมากเลยค่ะ
เอาล่ะ จะอู้จริงๆล่ะนะคะ 555555555