ตอนที่ 19
พวกเราเดินทางมาถึงดอยผ้าห่มปกในเวลาเจ็ดโมงเช้า ที่พักที่นี่เป็นแบบกางเต็นท์ซึ่งจากจุดที่รถจอดก็ยังต้องต้องเดินขึ้นไปยังจุดกางเต็นท์ที่จะเป็นที่พักสำหรับเราคืนนี้อีก กว่าจะถึงก็กินเวลาไปไม่น้อย
เมื่อถึงยังจุดกางเต็นท์ทุกคนก็ตกลงจับคู่นอนกันอีกครั้งเพราะเต็นท์หนึ่งสามารถนอนได้แค่สองคน
การถกเถียงเรื่องที่นอนนั้นก็กินเวลาไปอีกสักพักใหญ่จนได้ข้อสรุปว่า ผมนอนกับกาย พี่โชนอนกับพี่ณัฐ พี่คิวนอนกับพี่อัคร และฟ้านอนกับน้ำตาล
ทุกคนช่วยกันกางเต็นท์อย่างสนุกสนาน จะว่าไปเวลานี้ผมก็มีความสุขไม่น้อยที่ได้มาเที่ยวกับเพื่อนแบบนี้ แถมยังมาอยู่ที่อากาศดีๆ อย่างนี้ด้วยแล้วมันทำให้ผมลืมเรื่องที่หนักอกหนักใจไปชั่วขณะ
ผมลืมตัวเผลอหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาถ่ายภาพบรรยากาศรอบๆ
“ไอ้อาร์ทไหนมึงบอกว่าโทรศัพท์มึงเสียไง” น้ำตาลเดินมาจากด้านหลังของผม
“อะ..เออ ก็อยู่ดีๆ มันก็เปิดติดเองนี่หว่า” ผมทำตีมึนอย่างไม่รู้ไม่ชี้
“มึงมันขี้โกหก”
“เฮ้ย กูไม่ได้โกหกสักหน่อยทำไมมึงว่ากูแบบนี้ละ กูเสียใจนะ” ผมแกล้งทำหน้าตาน่าสงสาร
“หึ” น้ำตาลทำแค่นั้นแล้วเดินกลับไปช่วยคนอื่นกางเต็นท์ต่อ
ผมก็ยังคงใช้โทรศัพท์มือถือเก็บภาพบรรยากาศและวิวต่างๆ ต่อไปโดยไม่สนใจใคร นี่ผมเป็นคนเชียงใหม่แท้ๆ แต่กลับไม่เคยได้มาที่นี่ ผมไม่รู้เลยว่ามีดอยที่สวยงามขนาดนี้อยู่ในจังหวัดบ้านเกิดผม
“ไอ้อาร์ทอย่าอู้ มาช่วยกูกางเต็นท์เลยสัด” ไอ้กายตะโกนโววายใส่ผม
“เอ้อ รู้แล้วน่า โวยวายจริงๆ เลยมึง”
ผมเดินตรงกลับไปที่เต็นท์เพื่อช่วยกายและจัดวางอุปกรณ์ต่างๆ ข้างในเต็นท์
“นี่มึงมีปัญหาอะไรกับพี่โชหรือเปล่าวะ” อยู่ๆ ไอ้กายก็โพร่งถามขึ้นมา
“ไม่มี” ผมตอบไป
“กูเพื่อนมึงนะเว้ย ถ้ามีอะไรก็บอกกูได้”
“กูไม่มีอะไรจริงๆ”
“เออไม่มีก็ไม่มีแต่ถ้ามึงอยากเล่าเมื่อไหร่ก็เล่าแล้วกัน กูพร้อมรับฟังมึงเสมอ”
“นี่มึงรู้อะไรมา” ผมอดที่จะถามออกไปไม่ได้
“กูก็ไม่รู้อะไรเท่าไหร่หรอก กูรอฟังจากปากมึงเองดีกว่า”
“กูก็รอฟังจากปากมึงอยู่เหมือนกันนะ” ผมได้ทีย้อนไอ้กายกลับไป
“เรื่อง?”
“มึงกับพี่ณัฐ” ผมเอียงหน้าตอบมัน
“หึ มึงยังต้องถามกูอีกเหรอวะ”
“กูก็อยากได้ยินจากปากมึงเหมือนกันนั่นแหละ”
ไอ้กายยิ้มให้ผมแล้วส่ายหัว “งั้นกูรอพูดพร้อมมึงแล้วกัน”
“หึหึ” ผมได้แค่ส่งเสียงออกไปอย่างนั้น
“บางทีมึงทำอะไรตามหัวใจบ้างก็ได้นะ” กายพูดขึ้นมาลอยๆ
“มึงว่าไงนะ”
“กูบอกว่า ให้มึงทำตามหัวใจมึงบ้างก็ได้”
“แต่ถ้าทำตามหัวใจแล้วมันผิด กูก็ต้องห้ามใจหรือเปล่าวะ”
“มึงเอาอะไรมาตัดสินว่ามันผิดหรือไม่ผิด กูจะบอกให้นะเรื่องหัวใจมันไม่มีผิดไม่มีถูกหรอกเว้ย หัวใจมันบังคับกันไม่ได้”
“มึงต้องการจะบอกให้กูทำตามหัวใจโดยไม่สนใจความรู้สึกคนอื่นนี่นะ กูทำไม่ได้วะ”
“เห้อ งั้นมึงก็ลองตัดสินใจดูแล้วกัน แต่ยังไงกูก็อยู่ข้างมึงเว้ยเพื่อน” ไอ้กายถอนหายใจก่อนจะยกแขนขึ้นมาโอบไหล่ผมเป็นการปลอบใจ
“ขอบใจมึงวะ” ผมยกมือขึ้นมาจับมือมันไว้ให้รู้ถึงความหวังดีของมัน
แกรก!
เสียงซิบเปิดออกจากทางด้านนอก ผมสองคนหันไปมองก็พบว่าคนที่เปิดซิบออกคือพี่ณัฐ ทำให้ผมและกายผละออกจากกัน ดูเหมือนว่าพี่ณัฐจะชะงักไปเล็กน้อยก่อนจะพูดออกมาด้วยเสียงปกติ
“จัดของเสร็จกันยัง พวกนั้นให้มาตามไปกินข้าวน่ะ”
ไอ้กายรีบพุ่งตัวเข้าไปดึงแขนพี่ณัฐก่อนที่พี่ณัฐจะหันหน้าออกไป “เดี๋ยวก่อน”
“อะไร” พี่ณัฐพูดเสียงเรียบ
“มันไม่มีอะไรนะ เมื่อกี้แค่ปลอบไอ้อาร์ทมันเฉยๆ” กายวางหน้าไม่ถูก
“ก็ไม่ได้ว่าอะไรนี่” พี่ณัฐบอกกับกาย และหันมาพูดกับผม “ไปมึงไปกินข้าวได้แล้ว”
“ครับ”
เท่านั้นผมก็รีบพุ่งตัวออกจากตรงนั้นไปหากลุ่มเพื่อนๆ และพี่ๆ คนอื่นอย่างไว เพราะรู้สึกว่าบรรยากาศตรงนี้จะอึดอัดเกินไป ให้เขาสองคนเคลียร์กันเองดีกว่า
“อ้าวไอ้กายกับไอ้ณัฐละ”
“เอ่ออ กำลังตามมาแหละพี่”
“มึงมานั่งนี่” พี่คิวกวักมือเรียกผมไปนั่งข้างๆ
ผมมองซ้ายมองขวาก่อนที่จะไปหยุดสายตาที่พี่โช ก่อนที่พี่โชจะพยักหน้าให้ผม นี่ผมกำลังขออนุญาตพี่มันอยู่งั้นหรอ ผมงงตัวเองชะมัดแต่ผมก็เดินไปนั่งลงข้างๆ พี่คิว
ผมนั่งมองไปรอบๆ จนผมไม่รู้ว่าผมรู้สึกไปเองหรือเปล่าว่าตั้งแต่ที่พวกเพื่อนพี่โชและเพื่อนของผมมา น้ำตาลก็เอาแต่ตัวติดอยู่กับฟ้าไม่เห็นได้สนใจพี่โชเหมือนเมื่อวันแรกๆ ที่มาถึง แต่ผมคงคิดมากไป
“กินข้าวเสร็จแล้วจะทำอะไรกันวะ” พี่คิวถามขึ้น
“ไปเดินถ่ายรูปเล่นกันเถอะค่ะ” ท้องฟ้าเสนอขึ้นมา
“โอเคตามนั้นครับน้องฟ้า” พี่คิวทำท่าเจ้าชู้
“แหม ที่กับผู้หญิงนี่น้องอย่างนู้นน้องอย่างนี้ ที่กับผมล่ะ” ผมอดจะค่อนแคะพี่คิวไม่ได้
“ก็มึงไม่สวย” พี่คิวยักคิ้วท้าทาย
ผมเบะปากใส่พี่คิว ก่อนจะหันไปสนใจจานข้าวตรงหน้า
เมื่อกินข้าวเสร็จเรียบร้อยทุกคนก็เตรียมตัวออกไปเดินชมธรรมชาติเพื่อจะได้ถ่ายรูป เดินไปสักพักก็เริ่มแยกกันไปเป็นสองกลุ่ม
ผมไปกับพี่คิวพี่อัครและพวกที่เหลือก็ไปด้วยกันเราตกลงกันว่าจะกลับมาเจอกันที่ที่พักเพื่อกินอาหารเย็นและมีปาร์ตี้เล่นดนตรีกัน
“ไอ้คิวไปหยิบกีต้าร์ในเต็นท์มาสิ” พี่อัครสั่งพี่คิว
“ทำไมต้องเป็นกู”
“ก็มึงไม่เล่นกูเป็นคนเล่นมึงก็ต้องเป็นคนไปหยิบสิวะ”
“ตรรกะห่าอะไรของมึง” พี่คิวโววายแต่ก็ยอมลุกขึ้นไปหยิบแต่โดยดี
“ฮ่าๆ” พี่อัครขำตามหลังเพื่อนสุดเกรียน
พี่คิวเดินกลับมาพร้อมกีต้าร์โปร่งหนึ่งตัว
“ไอ้คิวกูขอกีต้าร์” พี่โชพูดพรางยื่นมือออกเพื่อจะรับกีต้าร์
“อ่าวไอ้โช กูอุตส่าห์หลอกให้มันเดินไปหยิบมึงจะมาแย่งกูเล่นซะงั้น” พี่อัครโวยวาย
“กูขอเพลงเดียว” พี่โชพูดขึ้น
“เอ้อ”
พี่โชหยิบกีต้าร์ขึ้นมาดีด พร้อมกับส่งสายตามาที่ผมอย่างไม่กระพริบก่อนจะร้องออกมา
“ต้องทำอย่างไงเธอจึงจะยอมหายโกรธ
ต้องทำอย่างไงเธอจึงจะยกโทษให้ฉัน
อย่าทรมานโดยการไม่มองหน้ากัน
นึกว่าสงสาร คนรักกัน ฉันขอโทษ”
*i'm sorry - ab normal
ในระหว่างที่พี่โชเล่นเพลงนั้นผมกับไม่กล้าที่จะสบตา เพราะหน้าของผมกำลังร้อนขึ้นมาสะดื้อๆ
“อ่ะคืน กูเล่นแค่นี้แหละ” พี่โชเล่นเสร็จก็ส่งคืนให้พี่อัคร
ผมเห็นทุกคนร้องเพลงกันอย่างสนุกสนานผมจึงถือโอกาสตอนที่ทุกคนสนใจอยู่กับดนตรีและเสียงเพลงลุกออกมาเดินเล่นเพื่อไปหาที่เงียบๆ นั่งคิดอะไรเรื่อยเปื่อยจนได้ยินเสียง
“ทำไมมานั่งคนเดียว”
ผมหันไปมองตามเสียงเมื่อพบว่าเป็นพี่โช ผมไม่ได้ตอบอะไรได้แต่หันหน้ากลับมามองวิวตามเดิม จนรู้สึกได้ว่าพี่โชนั่งลงข้างๆ เห็นอย่างนั้นผมจึงจะลุกเพื่อจะเดินกลับไปที่กลุ่มปาร์ตี้
“เหวอ!!”
ไม่ทันจะลุกขึ้นยืนเต็มความสูงก็ถูกคนที่นั่งอยู่ฉุดข้อมือจนผมลงไปนั่งบนตักของเขา
หน้าของเราสองคนห่างกันแค่คืบจนรู้สึกถึงลมหายใจของกันและกัน ผมและพี่โชเราสบตากันอยู่แบบนั้นก่อนที่ผมจะได้สติและพยายามขืนตัวออกจากพี่โช
“ปล่อย”
“จะไปไหนนั่งตรงนี้แหละ”
“ไม่เอาบอกให้ปล่อยไงจะก....”
ผมพูดยังไม่ทันจบก็ถูกมือที่ว่างอยู่ของพี่โชรั้งท้ายทอยของผมเข้าไปหาจนริมฝีปากของผมและเขาประกบกัน ผมนิ่งอึ้งไปทำอะไรไม่ถูกก่อนที่หางตาผมจะเหลือบไปเห็นว่ามีคนยืนมองอยู่
ผมรีบผละออกจากพี่โชแล้วรีบเดินเข้าไปหาคนที่ผมเห็นว่ายืนมองอยู่แต่เขาก็เหมือนทำท่าจะเดินหนีผมออกไป
“ไอ้ตาล” ผมเรียกน้ำตาลที่หันหลังให้ผมกำลังจะเดินหนีจากตรงนั้น
น้ำตาลก็ยังไม่ยอมหยุดเดิน
"ตาลฟังกูก่อน"
น้ำตาลหยุดเดินเมื่อรู้สึกว่าเราสองคนเดินไกลออกไปจากตรงที่น้ำตาลเห็นภาพเมื่อสักครู่
"ตาลมึงฟังกูก่อน มันไม่มีอะไร"
"...." น้ำตาลมองผมนิ่งๆ
"กูขอโทษ"
"มึงจะขอโทษกูทำไม" น้ำตาลพูดด้วยเสียงเรียบ
"ก็..." ผมพูดไม่ออกซะอย่างนั้น
"กูไม่ได้โกรธที่มึงจูบกับพี่โช แต่กูโกรธที่มึงมีอะไรรู้สึกอะไรแต่มึงกลับไม่บอกกู ทำไมมึงต้องฝืนตัวเองขนาดนี้"
“กะ...กูไม่ได้ฝืนอะไร”
“มึงพอได้แล้วอาร์ท กูไม่ได้เป็นแฟนกับพี่โช”
ผมอ้าปากค้าง “อะ..อะไรนะ”
“กูบอกว่ากูไม่ได้เป็นแฟนกับพี่โช”
“แล้วที่มึง” ผมพูดอะไรไม่ออก
“มึงจำวันที่มึงนัดให้กูไปกินข้าวกับพี่โชได้ไหม”
ผมไม่ได้ตอบอะไรเพียงพยักหน้าไปเท่านั้น
“กูจะเล่าให้มึงฟังนะว่ามันเกิดอะไรขึ้น”
***********************
ณ.ร้านอาหารแห่งหนึ่ง เมื่อรถจอดที่ลานจอดรถหน้าร้านอาหาร
“เข้าไปในร้านกันเถอะตาล” โชกุนหันมาพยักหน้าให้น้ำตาล
“ค่ะ” น้ำตาลตอบรับ
เมื่อเดินมาถึงหน้าร้านก็มีพนักงานบริการมาต้อนรับ
“ได้จองไว้หรือเปล่าครับ”
“จองไว้ครับ ชื่อโชกุน”
“สักครู่นะครับ”
พนักงานเดินหายไปสักครู่ก่อนจะเดินกลับมา
“เชิญทางนี้เลยครับ”
โชกุนและน้ำตาลเดินตามพนักงานบริการเข้าไปยังโต๊ะที่จองไว้ โชกุนเลือกจองโต๊ะที่หลบมุมเงียบๆ เพื่อจะได้คุยกับน้ำตาลได้สะดวก
“ตาลอยากกินอะไรสั่งเลยนะ”
“ค่ะพี่โช”
“ไม่ต้องเกร็งนะ พี่ง่ายๆ สบายๆ”
น้ำตาลส่งยิ้มหวานให้โชกุนก่อนจะพูด “ค่ะ งั้นตาลไม่เกรงใจแล้วนะ”
“ฮ่าๆ ตามสบายเลย” โชกุนหัวเราะกับท่าทีของน้ำตาล
น้ำตาลหันไปสั่งพนักงาน “งั้นเอาข้าวผัดปู 1 แกงส้มแปะซะ 1 ไก่ผัดเม็ดมะม่วงหิมพานต์ 1 แล้วก็.......”
น้ำตาลสั่งไปอีกหลายอย่าง ก่อนจะหันมาถามโชกุน
“พี่โชจะสั่งอะไรเพิ่มไหมคะ”
“พี่ว่าแค่นี้เราก็ไม่น่าจะกินหมดกันแล้วนะ” โชกุนพูดออกไปแบบยิ้มๆ
“หือ พี่โชอ่า” น้ำตาลทำท่าเขินโชกุนก่อนจะหันไปบอกพนักงาน “พอแค่นี้ก่อนค่ะ”
พนักงานโค้งตัวรับและเดินกลับไปยังครัว
“พี่โชคะ”
“หือ?” โชกุนเลิกคิ้วสงสัย
“พี่โชรู้ใช่ไหมว่าน้ำตาลรู้สึกยังไงกับพี่โช”
“พี่ว่าพี่พอจะรู้”
“งั้นตาลขอพูดตรงๆ เลยแล้วกันนะคะ”
“อึ้ม” โชกุนตอบรับ
“ตาลเคยชอบพี่โชค่ะ”
“หือ....เคยชอบ หมายความว่า?”
“ก็หมายความว่าอย่างนั้นแหละคะ ตาลเคยชอบพี่โชแบบอยากได้เป็นแฟนแต่ตอนนี้ตาลรู้สึกกับพี่โชแค่เป็นพี่คนหนึ่งที่ตาลปลื้ม ปลื้มที่พี่หน้าตาหล่อ ปลื้มที่พี่นิสัยน่ารักเวลาอยู่กับพวกตาลเหมือนปลื้มดาราแบบนั้นมั้งคะ”
“พี่ถามได้ไหม”
“คะ?” น้ำตาลเอียงคอถามโชกุน
“ทำไมน้ำตาลถึงเลิกชอบพี่”
“ตาลก็ขอตอบตรงๆ เลยนะคะ ตอนแรกตาลก็ไม่ได้คิดอะไรที่พี่สนิทสนมกับไอ้อาร์ท แต่ตาลก็รู้สึกอยู่หรอกว่ามันแปลกๆ”
“แปลกยังไง”
“ก็รู้สึกว่าเวลาไอ้อาร์ทกับพี่โชอยู่ด้วยกันมันมีอะไรบางอย่างที่บอกว่ามันไม่ใช่แค่พี่น้องที่สนิทกันธรรมดา แล้วยิ่งตาลเห็นกับตาตาลเลยยิ่งมั่นใจ”
“เห็นกับตา?” โชกุนทำหน้าสงสัย
“ก็วันที่ไปร้านเหล้ากันวันนั้นไงคะ”
“งั้นแสดงว่าตอนนั้นตาลเห็นพี่จูบกับอาร์ทที่หน้าห้องน้ำใช่ไหม”
“ค่ะ ตอนนั้นตาลยอมรับเลยนะว่าตาลเสียใจ ตาลคิดว่าทำไมเพื่อนถึงทำกับตาลแบบนั้น”
“พี่ขอโทษ” โชกุนรู้สึกผิดจึงเอ่ยออกไป
“ไม่ต้องขอโทษค่ะพี่โช จากเหตุการณ์วันนั้นตาลก็กลับมานั่งคิดทบทวนกับตัวเอง ตาลก็พบคำตอบว่า พี่โชกับอาร์ทไม่ผิดถ้าทั้งสองคนจะชอบกัน เพราะตาลเป็นคนบังคับให้ไอ้อาร์ทมันเข้าหาพี่โชเองตั้งแต่แรก ก็ไม่ผิดอะไรที่พี่จะชอบมันแล้วมันจะหวั่นไหวกับพี่ เพราะตาลเป็นคนเปิดโอกาสทุกอย่างให้เองต่างหากเพราะความเห็นแก่ตัวของตาลเองทั้งนั้น”
“เรื่องมันเป็นยังไงเล่าให้พี่ฟังหน่อยสิ”
ระหว่างที่คุยกันไปอาหารก็ทยอยมาเสิร์ฟเรื่อยๆ แต่ทั้งสองคนก็ยังไม่มีแตะต้องอาหารตรงหน้า สนใจแต่เรื่องที่พูดกันอยู่เท่านั้น
“คืออย่างนี้พี่โชวันที่มีรับน้องของมหา’ลัยก่อนเปิดเทอม ตาลได้อยู่กลุ่มเดียวกับที่พี่โชดูแล แล้วพี่ดันน่ารักเองนี่ ตาลเลยชอบพี่แล้วมาบังคับให้ไอ้อาร์ทมันไปช่วยจีบพี่ให้ตาล”
“ให้อาร์ทมาจีบพี่ให้เนี่ยนะ” โชกุนเลิกคิ้วทำท่าไม่อยากจะเชื่อ
“นั่นสิตาลคิดบ้าอะไรอยู่ ตอนนั้นตาลคิดแค่ว่าถ้าส่งไอ้อาร์ทไปตีสนิทกับพี่ ตาลก็จะมีโอกาสได้ใกล้ชิดกับพี่ค่อยๆ ซึมซับตัวเข้าไปอยู่ในชีวิตพี่”
“หึ แล้วเป็นยังไงล่ะ”
“ตอนนี้กลายเป็นไอ้อาร์ทคนเดียวเลยที่เข้าไปอยู่ในใจพี่ใช่ไหมล่ะ”
“หึ” โชกุนทำได้แค่หัวเราะออกมาจากลำคอ
“พี่โชชอบเพื่อนตาลจริงๆ ใช่ไหม”
“ตอนแรกพี่ก็ไม่แน่ใจกับความรู้สึกตัวเองเหมือนกัน”
“แล้วตอนนี้ล่ะคะ”
“ชัดเจนเลยแหละ พี่ชอบเพื่อนตาลจริงๆ พี่มีความสุขเวลาได้อยู่ใกล้ๆ รู้สึกอยากแกล้งให้มันโมโหเพราะตอนมันโมโหมันน่ารัก แล้วพี่ก็หงุดหงิดที่เห็นมันไปทำตัวสนิทสนมหรือเล่นถึงเนื้อถึงตัวกับคนอื่น” โชกุนพูดไปพรางยิ้มไปอย่างมีความสุขเมื่อพูดถึงอาร์ท
“แหม พี่โชพอพูดถึงมันนี่ยิ้มไม่หุบเลยนะ เห็นใจตาลที่เคยอยากเป็นแฟนพี่ด้วย” น้ำตาลมองค้อนใส่โชกุนอย่างเล่นๆ
“ฮ่าๆ โทษทีพี่ลืมตัวไปหน่อย”
“ฮ่าๆ ไม่เป็นไรค่า ตาลก็ล้อเล่นแค่รู้ว่าพี่ชอบมันจริงๆ ตาลก็ดีใจแล้ว”
“แล้วตาลไม่โกรธเหรอ”
“ไม่นะคะ ตาลพูดได้เลยตาลไม่เคยคิดจะโกรธมันเลย แต่เสียใจน่ะมันก็มีบ้างแหละค่ะ”
“ตาลนี่รักอาร์ทจริงๆ เนอะ”
“ตาลรู้ว่ามันก็รักตาลไม่ต่างกันหรอกค่ะ จากนี้ไปนี่แหละพี่โชมันจะเป็นงานยากสำหรับพี่แล้ว”
“นั่นสินะ”
“ถึงมันจะชอบพี่ก็เถอะ มันก็จะไม่ยอมทำตามหัวใจมันแน่ๆ เพราะยังไงมันก็ต้องเลือกจะแคร์ความรู้สึกตาลมากกว่าหัวใจมันอยู่แล้ว ตาลรู้จักมันดี”
“นี่ไงพี่ถึงดีใจที่ตอบรับนัดอาร์ทไปวันนั้น เพราะพี่คิดว่าพี่ต้องคุยกับตาล”
“ค่ะ ตาลก็ดีใจเหมือนกันที่มันนัดให้เราได้มาเปิดอกคุยกัน”
“ถึงเวลาที่พี่ต้องขอร้องให้ตาลช่วยพี่แล้วสินะ”
“ได้เลยค่ะพี่โช แต่ตาลบอกไว้ก่อนเลยนะ ถ้าพี่โชทำเพื่อนตาลเสียใจ ตาลไม่เอาพี่โชไว้แน่” น้ำตาลพูดพรางกำหมัดขึ้นมาชูใส่โชกุน
“พี่ไม่เกเรแน่นอน”
“ถ้าพี่รับปาก ตาลก็จะช่วย ตาลขอกลับไปคิดแผนก่อนแล้วกันไว้ค่อยว่ากัน หึหึ จะแกล้งเอาให้มันหงอยสักหน่อยโทษฐานมาแย่งแฟนในอนาคตของตาลไปเป็นของตัวเอง” น้ำตาลทำหน้าชั่วร้าย
“จะดีเหรอตาลพี่กลัวมันจะโกรธ”
“แค่หยอกมันเล่นนิดเดียวเอง”
“งั้นก็อย่าถึงกับให้อาร์ทเกลียดพี่ละ”
“ไม่หรอกน่าพี่โช แค่นิดๆ หน่อยๆ” น้ำตาลยิ้มชั่วร้ายออกมา
“งั้นกินข้าวกันเถอะ เย็นหมดแล้ว” โชกุนชี้นิ้วไปที่อาหาร
“ไม่เกรงใจแล้วนะ หิวจะแย่อยู่แล้ว”
น้ำตาลและโชกุนกินอาหารกันไปคุยกันไปสัพเพเหระ ทำให้ทั้งสองสนิทสนมกันมากขึ้น ตอนนี้กลับกลายเป็นน้ำตาลที่ต้องมาช่วยโชกุนจีบอาร์ท ช่วยทำให้อาร์ทรู้หัวใจตัวเองและทำตาหัวใจตัวเองสักที
************************
“หลังจากกลับจากร้านมากูก็มานอนคิดว่ากูจะแกล้งมึงยังไงดี จนคิดได้ว่ากูจะแกล้งเป็นแฟนกับพี่โชเพื่อให้มึงอึดอัดจนต้องระเบิดความรู้สึกของมึงออกมา แต่ก็ดันมารู้จากพี่โชว่ามึงกับพี่โชมีปัญหากันซะก่อน”
“แล้วพี่โชบอกมึงหรือเปล่าว่ากูมีปัญหาอะไรกัน”
“เอ่อ บะ....บอก”
เมื่ออาร์ทฟังน้ำตาลเล่าจบก็เงียบไปไม่แม้แต่จะแสดงสีหน้าว่ารู้สึกยังไง ใบหน้ายังคนเรียบเฉยจนน้ำตาลเป็นฝ่ายเอ่ยขึ้นมาแทนความเงียบ
"แล้วมึงจะเอายังไงต่อ"
"ไม่รู้" ผมพูดด้วยน้ำเสียงเรียบแต่ข้างในผมมันร้องไห้ที่รู้ว่าเพื่อนเล่นกับความรู้สึกผมขนาดนี้
"นี่มึงโกรธกูใช่ไหม"
"มึงคิดว่ากูสมควรโกรธไหมละ นั่นมันความรู้สึกกูนะ มึงเอาความรู้สึกกูมาเล่นแบบนี้เหรอ" ผมพูดไปด้วยเสียงที่สั่นจนแทบคุมไม่ได้
"กูขอโทษ อาร์ทกูขอโทษ กูแค่คิดว่ากูจะแกล้งมึงให้มึงพูดความรู้สึกตัวเองออกมาแต่กูไม่คิดว่ามันจะไปทำร้ายความรู้สึกของมึงแบบนี้ กูคิดน้อยไปจริงๆ" น้ำตาลพูดด้วยเสียงสั่นเครือ
น้ำตาลสวมกอดเข้าที่เอวผมและแนบหน้าลงกับแผ่นหลัง ผมสัมผัสได้ถึงน้ำที่เปียกด้านหลัง ผมจึงแกะมือน้ำตาลออกแล้วหันหน้ามาน้ำตาล
ตอนนี้น้ำตาลร้องไห้จนน้ำตาอาบแก้ม ภาพนั้นทำให้ผมโกรธมันไม่ลง ผมยื่นมือไปปาดน้ำตาที่แก้มของน้ำตาลอย่างหนักใจ
"อาร์ทกูขอโทษ มึงจะโกรธกูก็ได้นะกูจะตามง้อจนกว่ามึงจะหายโกรธ แต่ขออย่างเดียวมึงอย่าเกลียดกูนะ"
"อื้ม กูไม่เกลียดมึงหรอก กูแค่เสียใจที่มึงเห็นความรู้สึกกูเป็นของเล่นแบบนี้"
"กูขอโทษ"
"มึงก็อย่าเลิกง้อกูแล้วกันแต่ตอนนี้กูโกรธมึงอยู่" ผมว่าอย่างขำๆ ทั้งที่ยังมีน้ำตา
"อื้ม" น้ำตาลตอบรับพยักหน้ารัวยิ้มหวานให้ผม
"แต่มึงอย่าไปโกรธพี่โชเลยนะ ทั้งหมดเป็นความคิดของกูคนเดียวทั้งที่พี่โชเตือนกูแล้วแท้ๆ กูก็ยังบังคับให้พี่โชมาเล่นกับกู"
ผมไม่ได้ตอบอะไรนอกจากฟังเฉยๆ
"มึงชอบพี่โชใช่ไหม"
"มันไม่มีประโยชน์อะไรที่กูจะต้องไปชอบคนแบบนั้น"
"แต่พี่โชเขาชอบมึง"
"ชอบเหรอ ชอบแล้วทำแบบนี้เหรอ"
"กูบอกแล้วว่าพี่โชแค่โดนกูบังคับ"
"ไม่ใช่แค่เรื่องนี้ มันฉวยโอกาส...เออช่างเถอะ" ผมไม่อยากพูดต่อ
"มึงก็ลองให้โอกาสพี่โชได้อธิบายไม่ได้เหรอ"
"อธิบายเพื่ออะไรยังไงกูกับเขาก็ไม่มีอะไรมากไปกว่านี้อยู่ดี"
"มึง กูขอโทษนะ"
"มึงพูดคำว่าขอโทษเยอะไปแล้วไอ้ตาล"
"ก็เผื่อจะทำให้มึงหายโกรธเร็วขึ้น" น้ำตาลยิ้มให้ผมอย่างมีความหวังก่อนจะมีเสียงหนึ่งลอยมา
"ตาลพี่ขอคุยกับอาร์ทหน่อยได้ไหม" เท่านั้นน้ำตาลก็พยักหน้าแล้วเดินกลับไปทางที่พัก
"ผมไม่คุย"
"แค่ฟังกูอย่างเดียวก็ได้"
"....."
"กูขอโทษ"
"พี่จะมาขอโทษผมเรื่องอะไร"
"ทุกเรื่อง ทั้งเรื่องที่กูเอาความรู้สึกของมึงมาเล่น และเรื่องที่กูฉวยโอกาสกับมึง" พี่โชพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง
"หึ"
"เรื่องที่กูทำกับตาลกูไม่อยากโทษตาลคนเดียวเพราะกูก็เลือกจะทำตามตาลโดยไม่ห้ามอย่างจริงจัง"
"...."
"ส่วนเรื่องที่กูฉวยโอกาสกับมึงเพราะกูไม่ควบคุมอารมณ์ของกูเอง"
"พี่ก็รู้ว่าผมเมา"
“มึงยั่วกู”
“เฮ้ย” ผมมองพี่โชตาขวาง
"เพราะเป็นมึงไงกูถึงคุมอารมณ์ไม่ได้"
"..."
"มึงจะให้กูควบคุมอารมณ์กับคนที่กูรักได้ยังไง”
“.....” ผมอึ้งไปกับคำที่ได้ยิน ‘รัก’ พี่โชรักผมงั้นหรอ
พี่โชเดินเข้ามาใกล้และโอบเอวผมเข้าไปกอดทำให้สัมผัสได้ถึงลมหายใจของอีกฝ่าย
“ขอโทษ” พี่โชพูดเบาๆ ข้างหูผม
ผมได้นิ่งไม่ตอบอะไร ตอนนี้ผมสับสนไปหมด
“ขอโทษที่ทำให้มึงเสียใจยกโทษให้กูได้ไหม”
“.......”
“มึงยังไม่ต้องยกโทษให้กูตอนนี้ก็ได้แต่กูขอโอกาสให้กูได้แก้ตัวที่ทำกับมึง”
“ยังไง?”
“มึงอยากให้กูทำอะไรกูยอมทั้งนั้น”
“งั้นพี่ก็ไม่ต้องมายุ่งกับผมอีก”
“แต่ต้องไม่ใช่แบบนี้กูกำลังง้อมึงอยู่แต่มึงจะไม่ให้กูยุ่งกับมึงได้ยังไง”
“.....”
“แล้วอีกอย่าง มึงจะไม่ให้กูยุ่งกับคนที่กูกำลังจีบอยู่ได้ยังไง”
ตอนนี้ผมทำอะไรไม่ถูก บอกตรงๆ ในสมองผมตอนนี้มันโล่งไปหมดในขณะเดียวกันผมก็รู้สึกได้ว่าหน้าผมร้อนจนจะระเบิดออกมา ผมไม่พร้อมจะตอบอะไรตอนนี้จริงๆ
“มึงไม่ต้องตอบอะไรก็ได้แค่อย่าปิดโอกาสที่กูจะง้อและจีบมึงก็พอ”
พี่โชพูดจบก็ก้มลงมาจูบที่ขมับผมอย่างอ่อนโยนก่อนจะผละออก ตอนนี้ผมยัง งงไม่หายกับเรื่องที่เกิดขึ้น ผมควรจะทำอย่างไรต่อไป
“กลับไปที่ปาร์ตี้เถอะ หายออกมานานแล้ว” ไม่พูดเปล่าพี่โชยังลากแขนผมให้เดินตามไปด้วย
“มึงสองคนไปไหนกันมาวะ” พี่คิวถามเมื่อเห็นผมกับพี่โชเดินกลับมาพร้อมกัน
“เสือก” พี่โชตอบกลับไปอย่างทันควัน
“โหไอ้โช เพื่อนก็เป็นห่วงไหมล่ะสาดด”
“หึหึ”
ผมเดินไปนั่งลงข้างๆ ฟ้า ทันทีที่ผมนั่งลง พี่โชก็เดินตามมายื่นแก้วน้ำให้
“อ่ะน้ำ”
“ไม่จะกินเบียร์”
“ไม่ให้กิน”
“มันไม่เกี่ยวกับพี่ พี่ไม่มีสิทธิ์มาสั่งผมพี่อย่าลืม”
สีหน้าของพี่โชสลดลง ตอนนี้ผมถือไพ่เหนือกว่าพี่โชและน้ำตาล คราวนี้ก็ถึงทีที่ผมจะเอาคืนบ้างแล้วสินะอย่าคิดว่าผมจะหายโกรธกันง่ายๆ เล่นกันจนความรู้สึกผมพังไม่เป็นท่าขนาดนั้น
“อาร์ทจ๋ากินบาร์บีคิวสิ” น้ำตาลเดินมาพร้อมกับยื่นบาร์บีคิวให้ผม
“ไม่อยากกิน” ผมตอบกลับไปเสียงเรียบอย่างไม่ใส่ใจแล้วหันไปหาพี่คิว “พี่คิวผมอยากกินเบียร์”
“ได้ครับน้องอาร์ท” พี่คิวพูดประชดผมก่อนจะยื่นมือมาตบหัวผม “แหมไอ้อาร์ทได้ทีใช้กูเลยนะ”
“โด่วว ผมแค่วานพี่นิดหน่อยน่า”
“ไอ้โชไม่ให้มึงกินนี่”
“เกี่ยวอะไรกับเขานี่มันเรื่องของผม” ผมพูดกับพี่คิวแต่สายตามองไปที่พี่โช
ผมหันมาสนใจคุยกับฟ้าที่นั่งอยู่ข้างๆ แทน “ฟ้ากินอะไรยัง”
“กินแล้วอาร์ทล่ะหิวไหม ฟ้ายังไม่เห็นอาร์ทได้กินอะไรเลย”
ผมยกยิ้มก่อนจะตอบ “แค่นั่งข้างฟ้าก็อิ่มแล้ว”
“ก็พูดไป ฮ่าๆ ลองชิมอันนี้สิอร่อยนะ” ฟ้ายื่นบาร์บีคิวให้ผม
“ขอบคุณครับ” ผมยิ้มให้ฟ้า
ฟ้ายิ้มตอบโดยไม่ได้พูดอะไร ผมเหลือบตาไปมองทั้งพี่โชและน้ำตาลที่นั่งอยู่ด้วยกัน ก็เห็นว่าทั้งสองคนมองมาที่ผมและฟ้าอยู่แล้วและทำหน้าหงอยทำให้ผมรู้สึกสะใจขึ้นมา
“อาร์ทเดี๋ยวฟ้าไปเข้าห้องน้ำก่อนนะ” ฟ้าทำท่าลุกขึ้น
“เดี๋ยวเราไปเป็นเพื่อนนะ” ผมพูดพร้อมกับลุกขึ้นตามฟ้าไปโดยไม่สนใจใครที่มองตามหลังมา
ตอนนี้ผมคิดได้อย่างเดียวคือต้องหาวิธีเอาคืนสองคนนั้นให้สมกับที่เล่นกับความรู้สึกของผมขนาดนี้และฟ้าก็คือตัวช่วยของผม
===============
TBC.
Talk.น้องอาร์ทได้รู้ความจริงสักที ได้เคลียร์กันแล้วนะแต่เหมือนจะไม่จบ น้องอาร์ทไม่ยอมยกโทษให้สองคนนั้นง่ายๆ แน่ มารอดูน้องอาร์ทเอาคืนสองคนนั้นกัน จะมายอมกันง่ายๆ ไม่ได้หรอกกกกก