► มหา'ลัยเดอะซีรีส์ ll ตอนที่ 20 เหลียงพีซ #นิเทศเทใจ (24.09.17) END
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ► มหา'ลัยเดอะซีรีส์ ll ตอนที่ 20 เหลียงพีซ #นิเทศเทใจ (24.09.17) END  (อ่าน 62601 ครั้ง)

ออฟไลน์ kail

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 130
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
ป๋าไนท์คือชอบมาก ตะวันจ้าวคือน่ารักใสๆ อยากให้เรื่องยาวกว่านี้จุง >< จะเปลี่ยนพาร์ทแล้วหรอ

ออฟไลน์ JokerGirl

  • ∀Σ❤∀ΔΣ Forever^^
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2921
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +128/-3
หลงสุดอะไรสุด ชอบแกล้งคนที่ชอบนี่นิสัยเด็กชัดๆ พอๆกับตอนอยู่กับตะวัน ทะเลาะกันเป็นเด็ก :laugh:

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
 #วิศวะหวั่นไหว #นิเทศเทใจ  :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:

น่ารัก ดีงามต่อใจจริงๆ

ตะวัน จ้าว  :กอด1: :กอด1: :กอด1:

ป๋า ไนท์  :กอด1: :กอด1: :กอด1:
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ saccarrum

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 142
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
ชอบป๋ามากกกกก เป็นคบดิบๆง่ายๆดี ชอบอ่ะ อยากอ่านป๋าไนท์อีกเยอะๆ ฮืออออออ :ling1: :ling1:

ออฟไลน์ J029

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 225
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-1
น่ารักทั้งสองคู่เลย

ออฟไลน์ ❣☾月亮☽❣

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6773
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-6
อ้าว แล้วเค้าไปได้กันตอนไหนอะคะ แหมมีเรียกเมีย

ออฟไลน์ ANNEW

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 26
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-0
    • Twitter
[5]




ผมมีเพื่อนสนิทอยู่คนนึง

เพื่อนสนิทคิดไม่ซื่อน่ะนะ

เราเรียนด้วยกันมาตั้งแต่เด็ก ทำรายงานกลุ่มก็ชอบจับมาอยู่กลุ่มเดียวกัน ไปไหนทำอะไรเราก็ทำด้วยกัน ขนาดเข้าเรียนมหาวิทยาลัยยังตามมาเรียนด้วยกัน เพียงแค่เข้าคนละคณะเท่านั้นเอง

"กินอะไรวะมึง?"

ทำทีเป็นชะโงกหน้ามองชามที่วางอยู่ตรงหน้ามัน พายเป็นพวกชอบกินอะไรที่เป็นเส้นๆ รอบนี้คงไม่แคล้วอะไรจำพวกนั้นนั่นแหละ

"เส้นใหญ่'โฟ กินมั้ย?"

ทำเสียงตื่นเต้นถามพร้อมเลื่อนชามมาให้ผมด้วย เพิ่งเลิกเรียนคาบเช้ามากำลังหิวได้ที่ พอมีคนเสนอมาก็ไม่มีปฏิเสธ ผมจัดการส่งเส้นเย็นตาโฟเข้าปาก แต่ไม่ใช่เส้นจากในจานนะครับ จากในมือมันนี่แหละ พอมันยื่นช้อนจะเอาเข้าปากผมก็ปาดหน้าเค้ก จับมือมันส่งเข้าปากตัวเองแทนซะเลย

เส้นเนียน เอ้ย นุ่มดี

"ไอ้ทัพ! นิสัยเสีย!"

พายทำตาถลนใส่พร้อมทุบอั่กๆ เข้าให้ที่กลางหลัง เป็นแบบนี้ประจำ เวลาไม่พอใจก็มาลงไม้ลงมือใส่อยู่เรื่อย แต่ผมก็ทำตัวเองด้วยนั่นแหละครับ ดังนั้นก็นับว่าเท่าเทียมกันดี?

"อย่างกไปหน่อยเลยหน่า กินไปก็ไม่สูงขึ้นหรอก ให้กูกินแหละดีแล้ว" ผมยีหัวจนเส้นผมเล็กๆ กระจายเสียไม่เป็นทรง "วันนี้เดี๋ยวไปรับ"

"เฮ้ย ไม่เป็นไร กลับเองได้"

"ไม่ต้องอะ เดี๋ยวไปหลงที่ไหน มึงยิ่งเอ๋อๆ อยู่"

หัวเราะตอนเห็นมันทำหน้ามุ่ยใส่ ตั้งท่าจะแย่งกินอีกคำก็โดนเข่มนมองแล้วยกชามหนี ขี้งกจังเว้ย นี่ว่าที่แฟนในอนาคตเลยนะ ไม่รู้หรือไงไอ้น้องพาย

 






"สรุปมึงคิดยังไงกับพาย?"

หลังหาข้าวเที่ยงลงท้องเสร็จก็ได้เวลาแยกย้ายกันไปเรียนรอบบ่ายต่อ ตัวตึกของคณะนิเทศกับคณะอักษรอยู่ห่างกันค่อนข้างไกลผมเลยต้องกะเวลาออกมาก่อนสัก 15 นาที ส่วนไอ้พายก็ชิลเลยครับเพราะโรงอาหารโรงนั่นติดกับคณะมันมากกว่า เห็นว่าจะนั่งเล่นเกมอีกสักหน่อยค่อยเดินไปเรียน ส่วนผมก็ต้องรีบจ้ำมานั่งลิ้นห้อยเป็นหมาหอบแดดตากแอร์ในห้องเรียนต่อ

ผมทำทีเป็นขมวดคิ้วให้จ้าวที่นั่งท้าวคาง พิงผนังห้องอย่างสบายใจ ไอ้นี่มันชอบไปนั่งกินข้าวที่ศาลารับลมหรือไม่ก็โรงอาหารของคณะครับเลยไม่ต้องมาวิ่งแข่งกับเวลาแบบผม

"เพื่อนกันไง มึงก็ถามแปลกๆ"

จ้าวเป็นพวกรักเพื่อน เพราะรู้มันถึงได้ถาม แต่ผมไม่เคยบอกมันไปตรงๆ หรอก ไอ้นี่มันชอบแกล้งหน้านิ่ง ดีหน่อยที่เวลามีพายอยู่ด้วยมันไม่เคยพูดให้ไอ้ตัวเล็กรู้สึกอึดอัดใจเลย

หรืออาจจะเพราะพายมันซื่อจนไม่รู้ตัวก็ไม่รู้

"เพื่อนกันไม่ทำแบบนี้นะทัพ ให้ตอบใหม่"

โทรศัพท์มือถือยี่ห้อดังรูปผลไม้โดนกัดถูกยื่นมาตรงหน้า บนจอฉายภาพเฟสบุ๊คของผมที่ถูกแท๊กรูปภาพมาจากเพจชื่อดังที่มีคนกดไลค์เป็นหมื่น เพจนี้ชอบแท๊กรูปเข้าเฟสบุ๊คผม ส่วนตัวไม่ใช่พวกติดโซเชี่ยลเท่าไหร่เลยไม่ค่อยสนใจ ขนาดคำขอเป็นเพื่อนที่ครอยู่จำนวนมากยังไม่เข้าไปกดรับเลย ผมมองอยู่สักพักก็ยักไหล่ แค่รูปคู่ผมกับพายมีอะไรน่าตื่นเต้นกัน

"ก็เพื่อนกัน"

"ก็แล้วแต่ละกัน" จ้าวว่าหลังจากเอามือถือคืนไปแล้วไล่หน้าจอเลื่อนดูรูปอื่น "หลอกใครก็หลอกได้ แต่หลอกตัวเองไม่ได้หรอกนะทัพ"

จุกเลยครับ รู้สึกเหมือนถูกด่าด้วยคำพูดเรียบง่าย จ้าวกับผมสนิทกันที่สุดในคณะนี้แล้ว เรารู้จักกันตั้งแต่ตอนรับน้องยาวมาจนตอนนี้ แถมมันยังเป็นพวกความคิดโตกว่าวัย เวลาพูดเตือนอะไรทีผมเลยรู้สึกเหมือนโดนเด็กที่โดนพี่ชายดุ ทั้งที่อายุจ้าวเป็นน้องผมแท้ๆ

"อะไรน้องจ้าว พูดมากเดี๋ยวโดนจูบปิดปาก"

"หึ เก็บไว้จูบพายเถอะ ในรูปก็แทบจะกินเขาเข้าไปอยู่แล้ว"

ว่าแล้วมันก็ชูมือถือมาจ่อหน้าผมอีกทีรอบครับ จากตอนแรกที่เป็นรูปผมกับพายดื่มน้ำจากแก้วเดียวกันในวันงานกีฬาสีของมหาลัย ตอนนั้นโดนคนตัวเล็กบ่นครับเลยหยิกแก้มมันไปหลายที เปลี่ยนมาเป็นรูปผมนอนซบไหล่พายที่ห้องสมุดแล้วเงยหน้าหัวเราะให้หมอนจำเป็นที่ทำหน้าบูดอยู่ เชื่อไหมครับว่าผมไม่เคยรู้ตัวเลยที่โดนแอบถ่ายรูปแล้วเอาไปโพสลงโซเชี่ยลจนกระทั่งมีคนแท๊กมาหรือมาเล่าให้ฟัง ตัวพายเองก็ไม่รู้ครับ รายนั้นมีเฟสบุ๊คเอาไว้ตามหนังสือออกใหม่เท่านั้น

อยากรู้เหมือนกันว่าคนถ่ายรูปพวกนั้นเป็นใคร จะได้ขอไฟล์รูปแบบไม่มีลายน้ำมาเก็บไว้ในโทรศัพท์มือถือ

"ชอบเขาแต่ไม่บอกเขาไป ระวังจะโดนแมวคาบปลาย่างไปกิน"

ไอ้นี่ก็ชงจังเลย จ้าวกับพายเป็นคู่ซี้กันตั้งแต่วันแรกที่ผมแนะนำให้ทั้งสองคนรู้จักกัน หลังๆ มานี่พายก็ถามหาจ้าวมากกว่าผมแล้วครับ เวลาจะแวะมาคณะนิเทศทีก็ไม่ใช่เพราะผมแล้ว แต่เป็นเพราะอยากมาเจอจ้าว จนทำให้ผมรู้สึกไม่พอใจในบางครั้ง

"คิดว่าบอกง่ายมากหรือไง กูไม่ใช่พี่ตะวันของมึงนะครับที่จะเดินดุ่มๆ เข้ามาขอจีบ"

"แต่เพราะเขาทำเลยรู้ว่าคิดเหมือนกัน หรือไม่จริง?"

เออ ก็จริงอย่างที่จ้าวมันพูด

"...เออหน่า เรื่องแบบนี้มันต้องค่อยๆ เป็น ค่อยๆ ไปสิวะน้องจ้าว"

"รอแก่จนขนร่วงหมดตัวก็ไม่คงไม่กล้า เรื่องคนอื่นล่ะเสือกจัง เรื่องตัวเองเอาไม่รอด"

ด่ากูขนาดนี้ไม่เอามีดมาแทงกูเลยล่ะครับไอ้ห่าจ้าว!

ขบเขี้ยวเคี้ยวฟันมองหน้าเพื่อนสนิทอีกคน ไม่ยักกะเห็นว่ามันจะเดือดเนื้อร้อนใจตรงไหน มีแต่ผมคนเดียวนี่แหละ แต่ยังไม่ทันได้ต่อปากต่อคำอะไรต่อ โทรศัพท์ในกระเป๋าก็สั่น โปรแกรมแชทที่ไม่ค่อยได้ดังนักดึงความสนใจของผมจากการโต้เถียง



PIE PIE : วันนี้ต้องนับสต๊อก ถ้าจะมาก็มาดึกหน่อยนะ



MR.THAP : มีของอย่าลืมเก็บไว้ให้ด้วย



PIE PIE : เห็นแก่กิน



PIE PIE : ส่งสติ๊กเกอร์ให้คุณ



พายส่งสติ๊กเกอร์หมีบราวน์กินแฮมเบอร์เกอร์มาให้ผมผิดท้าย เห็นแล้วก็ขำ คนตัวเล็กคนนั้นชอบหมีบราวน์มากเลยครับ มีครบทุกเซ็ตทั้งที่ซื้อมาแล้วก็ใช้ไม่หมด พอบ่นเข้าหน่อยก็บอกว่าซื้อมาเพื่อส่งให้ผมโดยเฉพาะอีก แล้วใครจะไปทำอะไรได้อีกล่ะทีนี้

"แค่ได้ข้อความก็ทำหน้าตอแหลแล้ว ยังจะบอกว่าเพื่อนกัน"

"ตั้งใจเรียนไปเถอะมึงน่ะ"

ผมผลักหัวจ้าวไปอีกที ตอบข้อความกับพายอีกหน่อย แล้วจึงตั้งใจเรียนวิชามหาโหดต่อไปแม้ไม่นานหลังจากนั้นผมจะสลบสไลกับโต๊ะเรียนก็ตาม

 






ร้านสะดวกซื้อ 24 ชั่วโมง

สถานที่ที่ผมมาบ่อยรองจากหอและตึกเรียน ต้องขอบคุณมหาวิทยาลัยที่นอกจากจะกว้างขวาง มีหอพักราคาถูกให้กับนักเรียนจนกระทั่งจบ ยังมีร้านสะดวกซื้อตั้งอยู่บริเวณใจกลางระหว่างตึกเรียนบางคณะด้วย ส่วนที่ที่ผมมาบ่อยก็เป็นสาขาที่ตั้งอยู่ระหว่างคณะแพทย์และคณะสถาปัตย์ เหตุผลที่มาหลักๆ ก็เพราะหาอะไรกิน ส่วนอีกเหตุผลคือคนที่ปกติต้องมายืนต้อนรับลูกค้า แต่วันนี้ดันโดนเวรเช็กสต๊อกหลังร้านนั่นแหละครับ

"สะดวกซื้อ 24 ชั่วโมง สวัสดีครับ"

คำทักทายที่ได้ยินจนชินหูของรุ่นพี่ร่วมสถาบันทำให้ผมต้องโค้งทักทายเขาเล็กน้อยก่อนจะเดินเตร่อยู่ในตัวร้าน ใครๆ ในนี้ก็รู้จักผมกันทั้งนั้นครับ เพราะมารับพายแทบทุกครั้งที่มีโอกาส

"พี่สาน ผมนับสต๊อกเสร็จแล้วครับ"

รอไม่นานเสียงที่คุ้นเคยก็แว่วมาให้ได้ยิน ผมเลยได้โอกาสแสดงตัวบ้าง แต่ไม่ได้เร่งอะไรหรอกครับ เขามีหน้าที่ของเขา ผมก็มีหน้าที่รอให้ไอ้ตัวเล็กทำงานเสร็จก็รอไป

"เดี๋ยวพายมาแทนที่พี่แป๊บนะ ขอไปเข้าห้องน้ำก่อน"

"ได้เลยครับพี่ เดี๋ยวผมดูแลให้อย่างดี"

พูดด้วยน้ำเสียงมุ่งมั่นจนคนแก่กว่าหลุดหัวเราะ พายเป็นพวกชอบทำงานบริการ เห็นมันเทียวไปสมัครงานที่ร้านอาหารบ่อย จนสุดท้ายก็มาตายที่นี่

"ไงจ้ะน้องพาย วันนี้มีอะไรมานำเสนอมั้ย?"

เห็นร้านว่างๆ ก็เดินเข้าไปชันศอกกับเคาท์เตอร์แล้วทำเสียงเหมือนจิ๊กโก๋เวลากวนสาวใส่ แถมด้วยการยักคิ้วเบาๆ อีกหนึ่งที

"ยังจะมีอะไรเสนอได้เท่าหน้ามึงอีกเหรอครับพี่ทัพ"

แอบเห็นมันเบะปากด้วย กวนตีนจริง

"จุ๊ๆ พูดจาไม่ไพเราะเสนาะหู" ผมทำเสียงจุ๊ๆ แล้วส่ายนิ้วไปมา "เดี๋ยวจะฟ้องหัวหน้าให้ไล่ออก จะได้ตกงานไปเลย"

"กวนตีนละครับไอ้พี่ทัพ ไปยืนที่อื่นไป๊... สะดวกซื้อ 24 ชั่วโมง สวัสดีครับ"

พายเลิกสนใจผมแล้วหันไปทักทายลูกค้าใหม่ที่มาในชุดกราวด์สีขาว น่าจะเป็นคณะแพทย์แหละครับ เพราะที่นี่ใกล้กับคณะแพทย์อยู่เหมือนกัน ดูท่าทางจะสนิทกับไอ้ตัวเล็กด้วย แต่ก็ไม่แปลกครับ เจ้านั้นเขาสนิทกับคนง่าย เจอใครก็ยิ้มใส่เขาไปทั่ว ผิดกับผมที่จะเล่นหูเล่นตาได้ก็กับคนที่สนิทในระดับหนึ่งแล้ว

แต่เดี๋ยว... ต่อให้จะเข้ากับคนง่ายแค่ไหนก็ไม่ควรปล่อยให้คนอื่นมาแตะเนื้อต้องตัวมากเกินความจำเป็นหรือเปล่า?

แล้วคนที่ยืนส่งยิ้มให้สาวๆ เขาจับแก้มจับหัวตรงแคชเชียร์นั่นมันอะไรกัน

ใครมาเห็นตอนนี้คงตกใจว่าผู้ชายคนนี้เป็นอะไรถึงได้มายืนทำหน้านิ่งคิ้วขมวดตรงโซนขายขนมปังสำเร็จรูป ผมขมวดคิ้วมองภาพนั้นด้วยความไม่พอใจนัก ขนมปังที่ถืออยู่ในมือคงเละหากผมมีสติไม่มากพอที่จะห้ามตัวเองและสำนึกตัวถึงสถานะของตัวเอง

เพราะรู้ดีว่าไม่มีสิทธิ์ที่จะรู้สึก

เพราะรู้ดีว่าไม่มีสิทธิ์เดินเข้าไปห้าม

เพราะรู้ดีว่าพวกเรา... เป็นเพื่อนกัน

แต่ไม่พอใจว่ะแม่ง









"เป็นอะไรทัพ ทำไมทำหน้าบูดงั้น แค่ไม่มีของกินมึงงอแงแบบนี้เลยเหรอ"

กูไม่ได้เห็นแก่กินแบบนั้น!

"ไม่ใช่สักหน่อย มึงบ้าละ"

ดันหัวมันไปทีจนเจ้าของหัวกลมๆ เรียกหาแม่ที่บ้าน ใครมันจะไปพูดลีะว่าไม่พอใจเพราะเห็นเพื่อนตัวเองโดนคนแตะเนื้อตัองตัวแบบนั้น

หลังจากแก๊งค์แพทย์สาวกลุ่มนั้นออกไปแล้วก็ยังมีนักศึกษาจากคณะอื่นเข้ามาในร้านอีก และแต่ละคนก็ดูจะสนิทสนมกับพายเสียเหลือเกิน ทั้งหยอกล้อ ทั้งคุยเล่น ดูสนุกเสียจนคนที่ยืนมองอย่างผมรู้สึกเหมือนเป็นส่วนเกิน เลือกเดินออกมานั่งรอตรงที่สูบบุหรี่แทนจนมันหมดกะ

"แล้วมึงเป็นอะไรล่ะ หน้าบูดไปหมดแล้ว ไม่ใช่พี่ทัพคนหล่อแล้วนะมึง"

"นั่นฉายากูเหรอ? สมกับความดีของหน้าตาแต่เสร่อชิบหาย" ผมพยายามเลี่ยงคำถามของพายด้วยการกวนตีนมันอีกครั้ง

"จริงๆ ก็เสร่อตามหน้า"

"ไอ้พาย" เขกหัวคนกวนตีนไปอีกที "ทะลึ่งละ นี่ใครรู้ไว้ด้วย"

"แล้วใคร?"

ว่าที่แฟนมึงในอนาคตไง

อยากจะตอบไปแต่ก็กลัวโดนด่าว่าเสร่ออีก "พี่ทัพ คิ้วท์บอย ไปไหนใครก็รู้"

"คิ้วท์ตาย หน้าอย่างกับปลาทู"

แปลกดีที่เมื่อครู่ยังหงุดหงิด แต่ตอนนี้กลับอารมณ์ดีที่ได้ต่อปากต่อคำกับคนข้างๆ ผมล็อกคอพายให้เข้ามาใกล้แล้วยีหัวจนยุ่งไม่เป็นทรงด้วยความหมั่นเขี้ยว มันโวยวายครับ แต่ผมไม่สนใจหรอก ผมอยากทำอะไรมันก็ได้เพราะผมอยากจะทำ ไม่เห็นยากเลยใช่มั้ยครับตรรกะของผม

เห็นหน้ามุ่ยๆ ในวงแขนตัวเองแล้วก็เผลอยิ้มอีก พายมันเป็นคนน่ารักครับ ทั้งหน้าตาทั้งนิสัย ตอนมันทำหน้ามุ่ยๆ อย่างนี้ก็น่ารัก มันก็ซื่อเหลือเกินที่ไม่รู้ว่ายิ่งงอแงก็ยิ่งโดนแกล้ง ผมเลยชอบแกล้งอยู่บ่อยๆ และไม่ใช่ผมด้วยสิ คนอื่นๆ ก็ดันคิดเหมือนกัน ผมเลยคิดอยู่บ่อยครั้งว่าอยากจะขยับความสัมพันธ์ให้มันยิ่งใกล้ชิดกันมากขึ้นสักที

“พาย กู... มีอะไรจะบอกว่ะ”

“หือ? อะไรมึงอะ อยู่ดีๆ ก็เปลี่ยนเรื่อง แล้วจะบอกอะไร?”

ทำหน้ามุ่ยแต่ก็รอรับฟัง นี่แหละครับอีกนิสัยของพายที่ทำให้ผมอยู่ด้วยแล้วสบายใจเอามากๆ

มาก... จนผมกลัวว่าสิ่งที่ตัวเองพูดไปจะทำให้ความสัมพันธ์ของเราไม่อาจกลับมาเป็นเหมือนเดิมได้

“...กูว่าจะลงคัดตัวนักแสดงด้วยว่ะ มึงว่าไง”

“นักแสดงเหรอ? งานประจำปีของมหา’ลัยใช่มั้ย?”

“ก็งานนั้นแหละ ไอ้จ้าวมันไม่ลงเพราะอยากไปทำเบื้องหลังที่มันชอบ แต่กูอยากลองพิสูจน์ตัวเองบ้างว่ะ”

จากที่ตั้งใจจะพูดเรื่องความสัมพันธ์ของเรา ผมเลือกที่จะเปลี่ยนไปเป็นเรื่องคัดนักแสดงของคณะแทน ความจริงผมคิดไว้แล้วว่าจะลงแน่ๆ เพราะยังไงก็มีโอกาสได้ลองทำในสิ่งที่อยากทำสักที ไม่อยากให้พลาดโอกาส แต่ก็ถือว่าเป็นการบอกกล่าวพายไปด้วยในตัว

“ก็เอาสิ ทัพแสดงได้อยู่แล้ว อย่าทำให้โอกาสที่เข้ามามันเสียเปล่าดิ”

เจอคำพูดพร้อมรอยยิ้มกว้างๆ เขาไป คุณคิดว่าผมจะยังอยากเสี่ยงให้มันหายไปจากข้างตัวหรือเปล่าล่ะ?

ผมขอยืดเวลาการทำใจออกไปอีกสักนิดแล้วกัน อีกนิดเดียว ผมขอเวลาและความกล้าก่อน แล้วไอ้ทัพคนนี้จะพุ่งใส่น้องพาย เพื่อนสนิทคิดไม่ซื่อคนนี้แน่นอน

อยากติดแฮชแท๊กที่ไอ้พายคิดมาใส่กลางหน้าผากชิบหาย คนอะไรวะแม่ง ทำ #นิเทศเทใจ ใส่จนไม่รู้จะว่ายังไงแล้ว!

 





THANTHAP THAP

เพราะเป็นสิ่งที่ไม่เคยบอก เพราะยังคงกลัวในคำตอบ ー สิ่งที่ไม่เคยบอก Moderndog #นิเทศเทใจ



JAONAI SIRIVEJPIPAT

ฟังเพลงสมกับนิสัย "ป๊อด"

 แล้วนั่นมันแท๊กที่กูคิดนะ ขอหรือยัง



THANTHAP THAP

มึงว่าใคร กูแค่แชร์เพราะเพลงมันดี

เออ ยืมหน่อยน่ะ



JAONAI SIRIVEJPIPAT

ขี้ป๊อดแล้วยังร้อนตัว



THANTHAP THAP

ไอ้น้องจ้าว!



TAWANNCHAI BHUMIVITAYA

น้องจ้าวแฟนพี่ตะวัน ไม่แกล้งเพื่อนครับ มาอ่านหนังสือต่อเร็ว ปล. #ไม่ป๊อดนะน้องทัพ



THANTHAP THAP

.....คอยดูแล้วกัน!






----------------------------------------------------------------





     Talk: สวัสดีค่ะ เอาคู่ใหม่มาเสิร์ฟล่ะ เป็นคู่ที่เกี่ยวพันกับอีกสองคู่ที่ผ่านมาเนอะ วนเวียนอยู่แถวๆ นี้ตลอดแหละค่ะช่วงนี้ เดี๋ยวค่อยเปลี่ยนคณะใหม่แล้วเราจะติดแท๊กไว้ว่าเป็นคณะไหนนะคะ

เม้าท์นิยายเรื่องนี้หน่อย มันเริ่มจากความคิดว่า อยากย้อนกลับไปวัยมหาลัยจังเลยเนอะ บวกกับการอยากลองแต่งแนวบุคคลที่หนึ่งด้วย เลยได้ผลจากการมโนมาเป็นนิยายรายคู่แบบนี้ค่ะ ในส่วนของเนื้อหาหลักๆ บอกเลยว่า "ไม่มี" เราตั้งใจเองค่ะว่าอยากแต่งออกมาเป็นมุมมองของแต่ละคน และปล่อยปลายเปิดเนื้อหาไว้เพื่อให้ไปจิ้นกันต่อเอง อยากให้เนื้อเรื่องเป็นแบบไหนก่อนหน้านี้คู่นั้นจีบกันยังไง หรือเนื้อหานี่นั่นก็สามารถจินตนาการได้เลยค่ะ :mew1:

แม้เรื่องนี้จะมาแบบแต่ละคู่สั้นๆ แต่อนาคตจะมีนิยายเนื้อหามหาลัยออกมาอีกแน่นอนค่ะ เพราะคิดได้แล้ว #แตยังไม่งอกนะขอเคลียร์สองเรื่องตอนนี้ก่อนค่ะ

ปล. เหลือสต๊อกมหาลัยอีกหนึ่งตอนเอง ขอไปปั่นก่อนค่ะ
ปล2 ฝนดาวตกกำลังจะมา อัพไม่ถี่เท่ามหาลัย แต่เราไม่ทิ้งแน่นอนค่ะ

ขอบคุณทุกความฟิน คำแนะนำ คำติชม ทุกความเห็นทำให้เราพัฒนาตัวเองได้เรื่อยๆ ขอบคุณจริงๆ นะคะ

แ้ลวเจอกันนะพวกยู :katai2-1:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 05-06-2017 19:31:54 โดย ANNEW »

ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4991
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7

ออฟไลน์ PandP

  • Déjame vivir esa fantasía.
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1170
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +137/-0
    • http://www.facebook.com/iAMpingPINGping
แต่ละคู่แต่ละคนก็มีเอกลักษณ์ของตัวเอง ทำให้ดูน่าสนใจน่าติดตามมากๆเลยค่ะ

รอตอนต่อไปนะคะ

ออฟไลน์ Minoru88

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 185
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
 ถถถ พี่ทัพ เรื่องน้องจ้าว นี้แนะนำดีจัง
เรื่องตัวเองทำไมป๊อด 5555

ชอบทุกคู่เลย ทุกคู่มีคาแรกเตอร์ชวนฟินหมดเลย

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ ❣☾月亮☽❣

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6773
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-6
ปากดีไม่ขี้ป๊อดนะ

ออฟไลน์ maneethewa

  • มณีเทวา
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 184
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +87/-1
    • Maneethewa - มณีเทวา
พี่ตะวันนี่แย่งซีนสุดๆ หวานน้ำตาลขึ้นมาเลย 55555
น่ารักทุกคู่ เอร๊ยยยย เอาอีกกกกก
ขอบคุณนะคะ
 :-[ :-[

ออฟไลน์ Toon_TK

  • เ ด็ ก อ้ ว น
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 741
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-1
น่ารักทุกคู่เลย

ออฟไลน์ cchompoo

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1402
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +29/-4

ออฟไลน์ NOPKAN

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 172
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-1
มาตามอ่านด้วยคน~~~

ปล. ซีรีส์ ต้องใช้ ส์ นะคะ ^_^

ออฟไลน์ ANNEW

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 26
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-0
    • Twitter
[6]





ผมมีเพื่อนสนิทอยู่คนนึง

สนิทกันจนผมคิดถึงวันที่เราแยกจากกันไม่ออก

"พาย เย็นนี้คัดตัว คงไปช้าหน่อย รอที่ร้านเดี๋ยวไปรับแล้วกลับพร้อมกัน"

"ไม่เป็นไร น่าจะช้าเหมือนกัน วันนี้ต้องเช็คสต๊อกหลังร้านด้วย"

พวกเราสนิทชนิดไปไหนไปกัน เรียนก็เรียนด้วยกันมาตั้งแต่ประถม เข้ามัธยมก็ตามกันมา ขึ้นมหาวิทยาลัยแม้จะคนละคณะแต่ก็โคจรมาเจอกันจนได้ แถมยังได้เป็นรูมเมทกันอีก ตัวติดกันเป็นปาท่องโก๋จนแยกกันได้นานไม่เคยเกินหนึ่งวัน

"เออ รอที่ร้านนั่นแหละ เดี๋ยวไปเอาของกินฟรีด้วย"

"แย่ว่ะ ของซื้อของขายร้านกูนะ"

ผมตีหน้ายุ่งใส่มัน แต่ไอ้ทัพมันไม่สนใจหรอกครับ ชอบแกล้งผมจะตาย นี่มันยังหัวเราะแล้วยีหัวผมจนยุ่งไปหมด อุตส่าห์ลูบให้ผมมันเรียบตั้งนาน!

นั่นแหละครับชีวิตประจำวันยามเช้าก่อนแยกย้ายไปคณะใครคณะมัน ทัพเรียนนิเทศ ส่วนผมเรียนอักษร ตึกคณะของพวกเราอยู่ห่างกันค่อนข้างไกล แต่ก็ยังมีที่นัดเจอประจำครับ ตั้งอยู่ระหว่างตึกเรียนของเราทั้งสองคนพอดีเลย

 





"สะดวกซื้อ 24 ชั่วโมง สวัสดีครับ"

ร้านสะดวกซื้อ 24 ชั่วโมง

สถานที่ที่เหล่านักศึกษามักจะแวะเวียนมาบ่อยๆ ไม่ว่าจะเช้า สาย บ่าย เย็น หรือแม้กระทั่งดึกดื่นค่ำคืนก็ไม่เคยเงียบเหงา เรียกว่าแต่ละคนแวะเวียนมาที่นี่พอๆ กับตึกคณะตัวเองเลยก็ว่าได้ และผมทำงานอยู่ที่นี่ครับ

ผมละสายตาจากการจัดสินค้าบนชั้นวางไปมองลูกค้ากลุ่มใหม่ที่เดินเข้ามาในตัวร้าน พี่ๆ คณะแพทย์ที่อยู่ห่างจากร้านสะดวกซื้อไปสองช่วงตึกนี่เอง ผมโค้งให้พวกเขาเล็กน้อยเมื่อสายตาประสานกัน เป็นมารยาทที่ดีของคนทำงานบริการล่ะครับ

"พาย มาเฝ้าแคชเชียร์แทนพี่หน่อย เดี๋ยวพี่เข้าไปเช็คสต็อกก่อน"

"รับทราบครับผม"

เพราะตอนนี้เป็นกะช่วงหัวค่ำแล้ว และคาบเกี่ยวกับช่วงเวลาที่ต้องเช็คสต๊อกสินค้าเพื่อจะได้สั่งของมาตุนเอาไว้ขายในวันต่อๆ ไป ผมเลยมักจะได้เฝ้าเครื่องแคชเชียร์แทนรุ่นพี่เสมอ

"ทั้งหมด 213 บาท พี่ไม่รับชอคโกแลตแท่งไปด้วยเหรอครับ โปรซื้อสองแถมหนึ่งด้วยนะ มากันสามคนพอดี คุ้มสุดๆ"

"โหย ฮาร์ดเซลล์ใส่พี่ตลอดเลยนะพาย ไหนคะ อันไหนที่จัดโปร รวมมาด้วยเลยก็ได้"

ผมยิ้มกว้างพร้อมหยิบชอคโกแลตที่จัดโปรโมชั่นมาคิดเงินรวมและใส่ถุง ไม่ลืมขอบคุณพี่เขาไปด้วยแล้วก็ได้โดนหยิกแก้มเช่นปกติไปอีกสองสามที พี่ๆ คณะแพทย์น่ารักครับ ชอบแวะมาเวลานี้บ่อยๆ เพราะทำการทดลองกันเวลานี้ เจอหน้ากันจนกลายเป็นสนิทสนมพอจะคุยเล่นกันได้แล้ว

"แล้วนี่แฟนเรายังไม่มาเหรอ?"

"หืม? แฟน? ผมยังไม่มีแฟนนะครับ"

"คนนั้นไง ที่สูงๆ ผมสีอ่อนๆ ใส่ต่างหูหลายๆ รู เด็กนิเทศ"

พอได้ยินรูปร่างลักษณะก็ถึงบางอ้อเลยครับ ผมหัวเราะรวนให้พวกพี่ๆ แล้วโบกมือไปมาแทนการปฏิเสธ

"ไม่ใช่แฟนครับ ทัพกับผมเป็นรูมเมทกัน แล้วเราก็สนิทกันตั้งแต่เรียนประถมแล้ว"

เห็นพี่ๆ ทำหน้าไม่เชื่อผมก็ยืนยันหนักแน่นอีกรอบพร้อมกระพริบตาถี่ๆ เหมือนเวลาอ้อนให้พวกเขาซื้อขนมจัดโปรโมชั่น จนคนมองใจอ่อนยอมเชื่อคำพูดผมแล้วรับถุงสินค้าเดินคุยกันออกไปจากตัวร้าน

เป็นแบบนี้ประจำครับ ใครๆ ก็มักจะเข้าใจผิดว่าผมกับทัพเป็นแฟนกัน รู้สึกเขินนิดหน่อยครับ ก็เราสนิทกันมากเลยนะ พอให้มาคิดว่าเราจะขยิบความสัมพันธ์มันก็จักจี้หัวใจอยู่เหมือนกัน แต่คงไม่หรอกครับ มันไม่ได้คิดอะไรเหมือนที่ชอบทำให้ผมคิดหรอก

คิดแล้วก็หน่วงนิดหน่อยแหะไม่เอาล่ะ ทำงานดีกว่า

กะของผมเลิกตอนสี่ทุ่ม พอมีรุ่นพี่อีกคนเข้ามาเปลี่ยนกะผมก็สามารถคว้ากระเป๋าร่อนออกจากร้านไปโดยไม่มีใครว่า วันนี้ได้ขนมปังที่จะหมดอายุมาด้วยครับ ขนมปังเนยนมของโปรดทัพ กับเฉาก๊วย ผมว่าจะให้มันแทนค่าจ้างที่อุตส่าห์จะเดินมารับผมกลับหอ

บอกลาพี่ๆ เสร็จผมก็มายืนแกร่วรอเพื่อนที่หน้าร้าน พอยืนนานแล้วเมื่อยก็นั่งมันแถวๆ นั้นที่มีเกาอี้หินอ่อนสำหรับนั่งสูบบุหรี่วางอยู่ แต่รอแล้วรอเล่าเพื่อนที่บอกว่าจะมาก็ยังไม่มาเสียที จนผ่านไปกว่าครึ่งชั่วโมงนั่นแหละครับถึงได้เห็นไอ้คนผมทองวิ่งหน้าตั้ง เสื้อหลุดรุ่ยออกนอกกางเกงมาแต่ไกล

"โอย... โทษ... โทษทีมึง"

"ไม่เป็นไร เช็ดหน้าเช็ดตาก่อน... เหี้ย! เช็ดเสื้อกูทำไม!"

ผมด่ามันครับ ก็ใครใช้ให้เอาหน้ามาเช็ดกับบ่าล่ะเฮ้ย!

"แล้วมึงมีทิชชู่มั้ย?"

"ไม่มี"

"เออ มึงบอกให้เช็ดหน้าแต่ไม่มีทิชชู่ละกูจะเช็ดไงถ้าไม่ใช่เสื้อมึง"

"ก็เอาเสื้อตัวเองเช็ดไปดิวะ สกปรกไอ้ทัพ!"

มันหัวเราะเสียงดังแล้วขยี้หัวที่เรียบจนถึงเมื่อครู่ให้มันฟูฟ่องทั้งที่อุตส่าห์เรียบมานาน ผมทำเสียงฮึดฮัด ไม่ชอบให้คนมาเล่นหัวเท่าไหร่เพราะเป็นพวกผมจัดทรงยาก แต่ทัพไม่เคยสนหรอกครับ เอะอะยีหัว เอะอะเอาหัวผมไปลองทำผมทรงใหม่ เห็นผมเป็นอะไรก็ไม่รู้

เถียงกันอยู่อีกพักนึง ทัพก็ขโมยถุงไปถือแทน ไอ้คนหน้าเถื่อนทำตาวาวตอนเห็นว่าในถุงนั่นเป็นของชอบ รีบล้วงขึ้นมากินจนผมต้องช่วยเปิดฝาขวดน้ำเปล่าของตัวเองส่งให้

"แล้วคัดนักแสดงเป็นไง? มึงได้เป็นต้นไม้อ่ะดิ"

คณะนิเทศเขาก็มีกิจกรรมสร้างสรรค์เยอะดีนะครับ เดี๋ยวแสดงหนัง เดี๋ยวทำกิจกรรมนอกมหาวิทยาลัย ของคณะผมนี่สิ มีแต่งานวิชาการตามความจริงจังของอาจารย์ที่ปรึกษาอะไรพวกนั้น

"ตลก หล่ออย่างกูแน่นอนอยู่แล้วว่าบทเด่น"

"พระเอก?"

"พระธุดงค์ตามป่า" ผมถลึงตามองทัน มีบทนั้นจริงดิ? "กูหลอก พระรองก็พอ ไม่ต้องมาทำหน้าเอ๋อขนาดนั้น"

เอ้า! ใครมันจะไปรู้ล่ะครับ ผมไม่ได้ไปคัดตัวกับมันนี่จริงไหม?

"เอาดีๆ"

"พาย... มึงแม่งทะลึ่งว่ะ มาองมาเอาอะไร กูยังบริสุทธิ์นะเว้ย!"

ไม่คุยกับแม่งละ

ผมเบ้ปาก พยายามไม่ให้ทัพรู้ว่าผมแอบยิ้มกับถ้อยคำทะลึ่งตึงตังของมัน พร้อมปาขวดน้ำใส่มัน ทัพหัวเราะใหญ่ เป็นคนแบบนี้แหละครับเพื่อนผม กวนตีนไม่มีใครเกิน ผมไม่ขอสู้ด้วยครับ ไม่อยากให้คนมองว่าเป็นประเภทเดียวกัน เชื้อเกรียนจะติดเอา

"…กูได้บทพระรอง แม่งมีฉากเลิฟซีนด้วย ให้มึงทายได้เล่นกับใคร"

เห็นท่าระริกระรี้ของเพื่อนสนิทแบบนี้แล้วเดาได้ไม่ยากหรอกครับ จะมีสักกี่คนกันที่ทำให้มันเป็นแบบนี้ได้

"พี่แตงโม ที่เป็นอดีตดาวคณะมึง?"

"ถูก! พี่เขาได้บทนางเอกเว้ย เล่นกับรุ่นพี่ปีเดียวกัน แต่มีคนบอกว่าพวกเขากิ๊กกันจริงๆ มันจะจริงเปล่าวะพาย กูชอบพี่เขามากเลยนะเว้ย คนอะไร สวย นิสัยดี รวยอีก โคตรครบ"

ครับ ไอ้ทัพคนนี้มันชื่นชมจนลามไปเป็นชื่อชอบพี่แตงโม ที่เป็นอดีตดาวคณะปีสามตั้งแต่เข้ามาแล้ว เพ้อตลอดว่าพี่เขาเป็นนางฟ้า เป็นอนาคตแม่ของลูกอะไรของมันก็ไม่รู้ พอพี่เขาทักเข้าหน่อยก็ทำตาเยิ้มตัวลอย เห็นกี่ครั้งก็หมั่นไส้ครับ อยากเอาเท้ายันเบาๆ ให้กระเด็นไปสักสิบเมตร

"ก็ดีแล้วป่ะ แล้วมึงต้องซ้อมเลยหรือเปล่า ไม่ต้องมารับก็ได้นะแบบนั้น เหนื่อยตาย"

"แหม ห่วงผัวเหรอจ้ะน้องพาย น่ารักจริงๆ นะมีง"

ขี้อ่อยสัส คิดแล้วผมฟาดหลังมือจนมันร้องโอดโอย นอกจากยีหัวไอ้นี่ชอบหยิกแก้มครับ แล้วมืออย่างหนัก แก้มผมแดงหมด ดีหน่อยที่มันมืด ไม่งั้นโดนล้อตายแน่

"ซ้อมอาทิตย์หน้าว่ะ แต่ไม่ต้องห่วง มารับมึงได้ตลอดเพราะมึงต้องช่วยซ้อมบทให้กู"

"ห๊ะ? กูเรียนอักษรไง"

"เออ มึงยืนเป็นต้นไม้ให้กูท่องบทใส่ก็ได้ ไม่ก็อ่านบทแบบที่เคยทำแต่ก่อนอะ ไม่ยากหรอก กูนี่ต้องแสดง ยากกว่าเยอะ"

ตอนเรียนชั้นม.ปลายทัพมันก็เป็นตัวนำแสดงบ่อยๆ ครับ และผมที่มีหน้าที่จัดฉากก็เป็นคนช่วยต่อบทกับมันเสมอ แต่ไม่คิดว่าจะต้องมาทำตอนมหาลัยด้วยนี่สิ แต่พอเห็นหน้าอ้อนตีนของทัพก็ต้องยอมพยักหน้าครับ ยังไงเราก็เพื่อนกัน จะช่วยกันสักหน่อยก็ไม่เห็นแปลกเลยจริงไหม





 

หลังตกลงแล้วว่าจะช่วยทัพเรื่องซ้อมบท กิจวัตรประจำวันของผมก็เปลี่ยนไปนิดหน่อย โดยเพิ่มมาในช่วงหลังกลับจากงานพิเศษนั่นแหละครับ

ตกใจจริงๆ ที่รอบนี้มันไม่โกหก ทัพได้เล่นเป็นพระรองนิสัยดีที่ตกหลุมรักนางเอกมาตลอดแต่ทำได้แค่มองอยู่ห่างๆ เพราะนางเอกรักเพื่อนสนิทของตัวเองอยู่ ก็พระเอกนั่นแหละครับ บทที่ได้ทำให้ผมแปลกใจนิดหน่อยนะ เพราะทัพเป็นคนห่ามๆ ไง พอให้มันมาเล่นบทละมุนแล้วรู้สึกแปลกๆ

"รู้ไหมว่าผมไม่เคยเจอใครเหมือนคุณเลย..."

"คึ..."

"พาย! มึงทำกูหลุดบทอีกแล้วนะ"

คือหลุดหัวเราะทุกครั้งที่มันทำเสียงหล่อแล้วเก๊กหน้านิ่งๆ น่ะครับ เลยโดนโบกด้วยสมุดบทไปหลายรอบ

"ขอโทษๆ เอาใหม่อีกรอบนะมึง"

ผมพยายามกลั้นหัวเราะขณะขอโทษขอโพยมัน ก็ให้ทำยังไงได้ล่ะวะ มันตลกนี่หน่า ไม่เคยเห็นเพื่อนตัวเองในมุมแบบนี้ เพราะปกติมันจะรับบทตัวประกอบพูดน้อยครับ

"มึงนี่แม่ง... แล้วกูจะบิ้วท์อารมณ์ใหม่ยังไง"

"งั้นเปลี่ยนฉากก่อนก็ได้ ไม่เอาดิวะพี่ทัพ หน้าบูดเป็นตูดไก่แล้ว"

ผมทำปากจู๋แกล้งก่อนจะเอานิ้วจิ้มแก้มมันแล้วยกขึ้นให้ดูเหมือนคนยิ้ม แต่ทำไมทำแล้วไม่น่ารักดันเหมือนหมาแยกเขี้ยวเสียอย่างนั้น พอหัวเราะอีกก็โดนตีหน้ายักษ์ใส่หนักกว่าเดิม แล้วมันก็ทำในสิ่งที่ผมคิดไม่ถึงครับ ทัพมองหน้านิ่งก่อนจะเดินตรงเข้ามาจนแขนผมงอเข้าหาตัว ตามันจ้องผมนิ่งเลยครับ รู้สึกได้ว่ามันไม่พอใจจริงๆ

"ทัพ เฮ้ย อย่าเดินมาใกล้งี้ดิ"

ยังอีก ยังไม่หยุดอีก ผมก็รีบปล่อยมือเดินถอยหลังสิครับ ทัพมันเป็นอะไรน่ะ

ชิบหายแล้ว เวลามันโกรธจริงน่ากลัวมากเลยครับ ไม่พูดไม่จาเอาแต่มองหน้ากดดันอย่างเดียว ผมไม่ค่อยชอบเท่าไหร่ เลยตั้งใจจะเบี่ยงตัวออกเมื่อหลังชนผนัง ทำไงดี มันเอามือมากั้นไม่ให้ผมออกแล้วครับ ตัวมึงก็โตเนี่ย!

"ทัพ มึงเป็นอะไร..."

"มึงซน รู้มั้ยว่าซนต้องโดนอะไร"

เสียงเข้มด้วยครับ มันจ้องตาผมแบบไม่กระพริบเลย ตอนนี้เข้าใจแล้วล่ะว่าเวลาหนูโดนงูจ้องมันเป็นยังไง

"ทัพ กูขอโทษ จะตั้งใจซ้อมแล้ว ไม่เล่นแล้วครับ"

ใช้ไม้แข็งไม่ได้ก็ใช้ไม่อ่อนยอมแพ้สิครับเขาถึงจะเรียกว่ารู้จักเอาตัวรอดเป็นยอดดี ผมใช้วิธีที่ทำกับพวกพี่ๆ ตอนขายตรงโปรโมชั่นในร้านสะดวกซื้อด้วยการทำคิ้วตก กระพริบตาปริบๆ ใส่ไปด้วย

มองการกระทำของผมอยู่อีกพักใหญ่ ใบหน้าที่ประดับด้วยคิ้วเข้มๆ ตาคมๆ จมูกโด่งๆ และปากเป็นกระจับของมันก็เขยิบเข้ามาใกล้ผมเรื่อยๆ นี่มันสถานการณ์บ้าอะไรกันเนี่ย แล้วใจผมจะเต้นอะไรหนักหนา

"...พาย"

"คะ... ครับ"

เสียงกระเส่าไปแล้วไอ้ทัพ เล่นอะไรของมัน ผมเลยเผลอพูดจาสุภาพอย่างที่ไม่ค่อยทำถ้าไม่ใช่เวลาอ้อนหรือเวลารู้ตัวว่าทำผิดแล้วอีกฝ่ายโกรธออกไป เรามองตากัน ยืนใกล้กันกว่าที่เคยจนผมกลัวว่ามันจะได้ยินเสียงก้อนเนื้อในอกซ้ายที่เต้นรัว ผมไม่ค่อยชอบเข้าไปใกล้ๆ มันในสถานการณ์แบบนี้เพราะผมมักจะทำอะไรไม่ถูก

"มึงทำหน้าแดงทำไม แล้วจะพูดสุภาพเพื่อ ในบทมันต้องผลักกูออกสิ"

พูดเสียงนิ่งจนจบแล้วมันก็ผละออกไปขำครับ ขำในขณะที่ผมยืนหน้าเหวออยู่เนี่ย บท? สรุปเมื่อกี้คือโดนแกล้งสินะ? โดนแกล้งใช่มั้ย? อืม... สงสัยจะใช่

"ไอ้ทัพ! ไอ้หน้าปลาทู! เล่นบ้าอะไรของมึงเนี่ย"

"กิ๊วๆ น้องพายทำหน้าแดงที พี่ทัพงี้ใจสั่นไปหมด"

สั่นกับเตี่ยมึงคนเดียวเถอะ!

"ไม่เอาแล้ว วันนี้ซ้อมคนเดียวไปเลยมึงน่ะ!"

ผมโวยวายแล้ววางบทแรงๆ ลงบนโต๊ะไอ้คนที่ยังหัวร่องอหายอย่างไม่มีทีท่าว่าจะหยุด สนุกมากนัก นิสัยขี้แกล้งของมันนี่ชักจะแย่ขึ้นทุกวัน วันนี้ให้มันซ้อมคนเดียวซะให้เข็ด

"ครั้งหน้ามีบทจูบนะจ้ะ พี่ให้เวลาน้องทำใจ พร้อมเมื่อไหร่ถลามาซบอกพี่เลยนะน้องพาย"

ยังจะกวนตีน ผมเลยหันไปมองหน้ามันแล้วยกนิ้วกลางให้เน้นๆ ทั้งสองข้าง แต่มีหรือจะกระเทือนหนังหน้าชายทัพ จากที่ขำไม่หยุดมันขำหนักกว่าเดิมจนผมกลัวว่าคนห้องข้างล่างจะขึ้นมาด่าในอีกไม่กี่วินาที

มึงนั่นแหละจะถลา ถลาหน้าไปซบส้นตีนกูนี่!





 

"อ่านอะไรอยู่เหรอพาย?"

ผมเงยหน้ามองก็เห็นจ้าว เพื่อนในคณะของไอ้ทัพส่งยิ้มมาให้พร้อมข้าวมันไก่จานใหญ่ในมือ วันนี้ผมไม่มีเข้ากะครับแล้วคาบเรียกก็มีแค่ช่วงเช้า เลยมาฝากท้องที่ตึกคณะนิเทศ แม้จะไกลกว่าตึกเรียนของผมอยู่มาก แต่อาหารใต้ตึกเขาอร่อยจริงๆ ครับ ก๋วยเตี๋ยวแคระที่ผมเพิ่งจัดการหมดไปนี่อร่อยจนผมตั้งใจว่าต้องฝากทัพมาซื้ออีกให้ได้

"บทหนังที่ทัพแสดงด้วย เสียดายพายไม่ได้เล่น เราจะเชียร์เต็มที่เลย"

"หึ ไม่ล่ะ เราชอบดูมากกว่าแสดง รอบนี้ทำแค่ช่วยจัดฉากหลังน่ะ บทนี่เราก็เพิ่งได้เห็นนี่แหละ ละครรักสามเส้าใช่มั้ย?"

"อือ รักสามเส้าของสาวสวยอะไรพวกนั้น"

จ้าวพยักหน้าหงึกหงักรับคำก่อนจะขอไปดูบ้าง จะว่าไปเด็กนิเทศนี่มีแต่คนหน้าตาดีจริงๆ นะครับ มาเจอจ้าวถึงได้รู้ วงหน้ารูปไข่ ตาโต จมูกโด่ง เครื่องหน้าเป๊ะมาก คนละแบบกับทัพเลยครับ อาจเพราะเห็นหน้าทัพทุกวันด้วยล่ะมั้ง ที่คนบอกว่าหล่อๆ เลยรู้สึกว่าเหรอแทน

ผมไม่เคยชมทัพหรอกครับ เดี๋ยวได้ใจล่ะแย่เอา

"อยากให้พายได้มาเห็นมากเลยว่าตอนคัดบททัพตลกขนาดไหน ไม่แปลกที่จะได้บทนั้นไป"

หืม? ตลกเหรอครับ แต่จากที่ดูมันแสดงมาบทนี้ไม่ตลกเลยนะ บทตลกน่าจะเป็นบทสาวประเภทสองเพื่อนนางเอกมากกว่า ผมเห็นผ่านตาอยู่ช่วงแรกๆ ของเรื่อง

"พระรองมีบทตลกด้วยเหรอ? เราเห็นทัพมันซ้อมฉากละมุนๆ ไม่เคยเห็นมันเล่นบทตลกเลย"

"...? บทพระรองเหรอ?"

"อือ ก็ทัพมันได้บทพระรองนี่ เห็นมันบอกเราอยู่ ที่เรามานั่งๆ อ่านก็เพราะช่วยมันต่อบทนั่นแหละ"

จ้าวทำหน้างง ผมก็ทำหน้างง งงกันอยู่ได้พักหนึ่งจ้าวก็เปิดบทดูผ่านอีกรอบแล้วเงยหน้ามายิ้มตาหยีใส่ผม เป็นคนที่ยิ้มแล้วโลกจ้าเชียวครับ สว่างจ้าจนต้องหยีตา

"อืมๆ พระรองแหละ อาจจะได้เป็นพระเอกด้วยถ้าทำได้ดี"

"ขนาดนั้นเลยเหรอ?"

เด็กนิเทศยักคิ้วใส่ผมแล้วคืนบทให้เพราะเจ้าตัวจะได้หันไปสนใจข้าวมันไก่ที่อยู่ตรงหน้าได้อย่างสะดวกแทน ส่วนผมก็ไม่อยากกวนคนทานข้าว เลยเปิดบทอ่านไปเรื่อยครับ อืม... บทพระรองมันไม่ตลกจริงๆ นะ หรือมันไปตลกท้ายเรื่องกัน?

“คุยอะไรกัน?”

คนที่ลงมาทีหลังขมวดคิ้วมองผมที่มองพายที่ อะไรจะสงสัยขนาดนั้น ไม่แปลกเลยที่พายจะชอบอ่าทัพว่าขี้เสือก ก็ดูมันสิครับ นิสัยได้ขนาดนี้ก็สมควรแล้วไหมล่ะ

“เรื่องบท” พายเป็นคนชิงตอบก่อน “แต่ไม่ต้องห่วงนะ กูว่าบทพระรองก็เหมาะกับพวกขอบฟังเพลงโมเดิร์นด็อกดี”

“ไอ้น้องพาย ไปหาแฟนมึงเลย ตรงนู้นอ่ะ ไปๆ”

“หึ รอดูอยู่นะ บอกไว้แค่นี้แหละ เราไปก่อนนะพาย เจอกันครับ”

“อื้อ เจอกันนะพาย”

พายนี่น่ารักจริงๆ นะครับ ยังมายิ้มตาหยีโบกมือให้แล้ววิ่งไปหาพี่ตะวันที่เดินมาแต่ไกล พูดถึงคู่นี้แล้วน่ารักไม่หยอก พี่ตะวันเอาใจใส่ดีมาก แถมยังหวานออกสื่อแบบไม่เกรงใจใครตลอด แต่ก็อย่างว่าล่ะครับ เป็นผมก็คงทำเหมือนกัน

“มองอยู่นั่น ชอบมันมากหรือไงไอ้พายน่ะ”

มือใหญ่ๆ ยีลงบนหัวผมเน้นๆ ไอ้นี่ชอบมายุ่งกับหัวจัง! ผมปัดมือมันทำเสียงฮึมๆ ขู่ในลำคอ แต่ไอ้ทัพก็แค่หัวเราะครับ ไอ้นี่มันบ้าจริงๆ เลย เอะอะก็มาหัวเราะ มายีหัว แต่ผมน่าจะบ้ากว่าแน่ๆ ที่ชอบเวลามันทำแบบนี้

รู้สึกพิเศษยังไงก็ไม่รู้





 

"วันนี้ซ้อมหน้ายี่สิบสองนะ"

"โอเค จัดมาเลยคุณชาย"

ผมยังคงซ้อมบทเป็นเพื่อนทัพเหมือนเคยครับ เหลืออีกแค่อาทิตย์เดียวก็จะแสดงจริงแล้ว ช่วงนี้เลยต้องฟิตกันหน่อย

จะว่าไปผมเพิ่งมาสังเกตเอาช่วงหลังๆ นี่เองครับว่าบทพระรองของไอ้ทัพมันแปลกๆ ดูไม่เหมือนพระรองตามที่ผมเคยเห็นในหนังเกาหลีเท่าไหร่ เพราะปกติจะเจอแต่พระรองนิสัยดี ละมุน เป็นคนดีถูกมั้ยครับ แต่บทของทัพเป็นพระรองนิสัยดี ละมุนก็จริง แต่มืองี้เป็นปลาหมึกเลยครับ เอะอะกอด เอะอะดึงจมูก เอะอะหยิกแก้ม แถมบทยังเปลี่ยนบ่อยจนกลายเป็นบทด้นสดแล้ว นี่ถ้ามาทำในชีวิตจริงผมว่าโดนนางเอกแจ้งจับข้อหาลวนลามทางเพศได้เลยล่ะ

แต่ทัพคงชอบ เพราะจะได้แตะตัวพี่แตงโมบ่อยๆ คิดแล้วก็อยากเบ้ปากใส่มันอีกรอบ หมั่นไส้จริงๆ ครับ

"3 2 1 แอคชั่น!"

ผมให้สัญญาณทัพตามแบบที่เคยเห็นในทีวี มันกระแอมเล็กน้อยครับก่อนจะตีมาดขรึม แอบเห็นว่ามันหน้าแดงหูแดงนิดหน่อยครับ เพราะครั้งนี้พูดมันต้องบอกรักนางเอก แม้จะรู้แน่แล้วว่าตัวเองไม่มีหวังจะตีคะแนนให้เทียบเท่าเพื่อตัวเองก็ตาม

"ผมมีเรื่องอยากจะบอกกับคุณ..."

ทัพทำหน้าเศร้า ค่อยๆ เดินเข้ามาหาผมช้าๆ ก่อนจะจับมือที่ว่างอยู่ของผมขึ้นมาแล้วมองด้วยสายตาเจ็บปวด เหมือนที่เขียนไว้ในสคริปเลยครับ

"เรื่องที่อยากจะบอก ทุกการกระทำที่ผ่านมา ที่ผมคอยอยู่ข้างคุณเสมอ วนเวียนมาหา และทำทุกอย่างที่พิเศษ นั่นเป็นเพราะ..."

ฉากตรงนี้มันต้องร้องไห้แบบน้ำตาไหลข้างเดียว ส่วนนางเอกจะร้องไห้ยังไงไม่ได้เขียนไว้ครับ เป็นซีนที่ต้องใช้อารมณ์มากจริงๆ

ทัพทำสีหน้าเจ็บปวดพร้อมยกมือผมขึ้นมา ผมคิดว่ามันจะจับไว้แล้วมองหน้านางเอก แต่มันดันยกแล้วกดจูบที่หลังมือ ตกใจมาก ผมอ้าปากจะด่าพร้อมกระตุกมือหนีแต่ทัพไม่ยอมปล่อย มันกำแน่นกว่าเดิมแล้วมองหน้าผมนิ่งๆ มึงจะเข้าถึงบทมากไปแล้ว

และผมคงจะอินตามมันไปด้วย เพราะอกด้านซ้ายของผมมันดันเต้นไม่เป็นส่ำ เช่นที่มันเกิดขึ้นบ่อยครั้งเวลาที่อยู่กับคนกวนตีนตรงหน้านี่

"...ผมรักคุณ"

วูบเลย หน้าผมเนี่ยวูบเลย จากที่จะอ้าปากด่าได้แต่ทำหน้าพะงาบๆ แทน แล้วสายตานี่จะร้อนแรงไปไหน ในบทมันให้ทำหน้าเว้าวอนไม่ใช่ให้ทำหน้าเหมือนจะตีหัวแล้วลากนางเอกเข้าป่าแบบนี้นะ

"แล้วคุณล่ะ..."

ใจผมกระตุกเพราะดันไปรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังโดนถาม มันเป็นอาการเดียวกับทุกครั้งที่เราซ้อมเข้าฉากถึงเนื้อถึงตัว หน้าเริ่มเห่อร้อนเหมือนจะเป็นไข้ และผมว่าต้องใช่แล้วล่ะ ผมต้องไม่สบายแน่ๆ ถึงจะแปลกที่มันมักจะเป็นเฉพาะช่วงเวลาแบบนี้ก็เถอะ

ผมมองสบตาคนที่ยังไม่ถอนสายตาออกจากใบหน้าผม รู้ว่าทัพเลื่อนสายตามองไปทั่วใบหน้า ก่อนจะปล่อยมือแล้วเขยิบร่างกายเข้ามาใกล้กันมากขึ้น ใกล้... จนผมสัมผัสถึงลมหายใจของคนตัวสูงกว่าที่รดเบาๆ อยู่ตรงหน้า

แย่มากเลย แย่มาก แย่จริงๆ

สถานการณ์ตอนนี้แย่สุดๆ

แย่กว่าคือทำไมผมที่โดนมันประกบปากลงมาถึงไม่มีทีท่าว่าอยากต่อต้าน แถมยังหลับตารอรับจูบแบบเด็กๆ จากทัพอีก

จูบจากเพื่อนสนิท... ที่เป็นผู้ชายด้วยกัน

"...กูบอกแล้วว่าจะมีบทจูบ"

"...ก็รู้แล้ว แต่แบบ..."

"......มึง"

เงียบกันอยู่นานจนคนที่ลักจูบผมเป็นฝ่ายเอ่ยก่อน แต่ไม่รู้สิ ผมไม่อยากได้ยิน ไม่อยากรับรู้ กลัวว่าสิ่งที่มันพูดจะเป็นว่ามันขอโทษ อารมณ์พาไป เข้าใจผิดอะไรแบบนั้น

"...ซ้อมเสร็จแล้วใช่ป่ะ คือกูนึกได้ว่าต้องเข้ากะแทนพี่ท็อปว่ะ"

ความจริงไม่มีหรอกครับ แต่ถ้ายังอยู่ในสถานการณ์แบบนี้ต่อไปต้องไม่ดีแน่ สู้ออกไปทำหัวให้เย็นแล้วค่อยกลับมาทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นแบบนั้นคงจะสบายใจกว่า

"มึงไม่เคยเข้ากะแทน พี่ๆ เขาไม่ให้ทำ อย่ามาโกหก"

ข้อเสียของการมีเพื่อนสนิทคือเราจะเล่าทุกอย่างให้มันฟัง แล้วมันจะจับไต๋ได้เวลาเราจะโกหกครับ

"ก็... วันนี้มันดันมีไง"

"โกหก"

"เปล่า..." แต่เสียงละห้อยแล้วครับผม

"...แต่กูก็โกหกมึง"

หูผึ่งทันทีที่ได้ยินมันพูดแบบนั้น จากที่เขินๆ อยากหนีหน้าเลยกลายเป็นต่อมความอยากรู้พุ่งสูงแทน ผมเลิกคิ้วมองมันที่ตอนนี้ก็ยังคงสบตากับผมอยู่ นั่นหน้าแดงหรือเปล่า หรือแสงตกกระทบจากสีผ้าม่าน

"เรื่อง...?"

“บทละคร...”

“ก็เรื่องอะไรล่ะ?”

"กูไม่ได้เล่นบทพระรอง กูเล่นบทเพื่อนนางเอก"

อะไรนะ?

เหมือนสมองจูนเนื้อหาไม่ติดไปครู่หนึ่ง ผมกระพริบตาปริบๆ พยายามเรียบเรียงคำพูดที่ได้ยินในหัว ไม่ได้เล่นยทพระรอง เล่นบทเพื่อนนางเอก เพื่อนนางเอกมีคนเดียวคือพี่สาวเสียงแมนเพราะยังไม่ได้ผ้ากล่องเสียงคนนั้น

เคยเป็นไหมครับเวลาที่เราคิดอะไรขึ้นมาได้แล้วในหัวมันจะเรียงออกมาเป็นภาพ ผมกำลังเป็นแบบนั้นเลย ภาพวันที่คุยกับจ้าวผุดขึ้นมา ทำไมจ้าวถึงบอกว่าตอนคัดนักแสงทักตลกมาก แถมยังทำหน้างงตอนผมบอกว่าทัพได้บทพระรอง ที่แท้คนที่ไม่รู้อะไรเลยมันก็ผมนี่แหละ

โดนหลอกมาเป็นเดือนๆ เลยไอ้พาย

"มึง... มึงไม่ได้เล่นบทพระรองเหรอ?"

"ก็เปล่า..."

กวนตีนแล้วไง แล้วที่ให้ผมช่วยซ้อมบทให้เป็นเดือนๆ นั่นมันอะไรกันวะ!?

"แล้วบทนั่น... มึงให้กูซ้อม... มึงลวนลามกูเป็นเดือนๆ เพื่อ!?"

"ก็มีโอกาส เลยอยากลองทำอะไรที่อยากทำ"

ชกหน้ามันสักทีน่าจะดีเหมือนกัน ผมกำมือแน่น ทำหน้าบึ้งมองคนตัวโตที่ยกมือเกาท้ายทอยตัวเองเหมือนอับจนคำพูด ผมไม่ชอบการโกหกเท่าไหร่ อีกนิดนะ ถ้ามันกวนด้วยการพูดจากำกวมอีกนิดคงได้มีการฟาดปากระหว่างเด็กอักษรกับเด็กนิเทศแน่ เพื่อนก็เพื่อนเถอะ

"กูอยากซ้อมบทรัก พอใจยัง"

ไม่พอใจ ผมหรี่ตามองทัพเพื่อให้รู้ว่าขีดความอดทนของผมเริ่มจะหมดลงเรื่อยๆ แล้ว

"เออ กูซ้อมบทบอกรักกับมึงเพราะกูอยากบอกรักมึงแต่กูมันป๊อด ที่ไม่บอกบทแสดงจริงๆ เพราะไม่อยากให้มึงมาเห็นภาพกูแสดงตุ๊ดแตกแล้วหมดศรัทธา แล้วเมื่อกี้กูจูบเพราะมึงแม่งทำแก้มแดงมองกูแบบนั้นเอง พอใจยัง สัส"

ด่าปิดท้ายอีก มันน่านัก

ตอนแรกก็ว่าจะไม่พอใจ แต่เห็นมันหน้าแดงหูแดงขนาดนั้นแล้วก็อดใจร้ายไม่ลง และต้องยอมรับแบบง่ายๆ เลยว่าพอมันสารภาพออกมาหมดแล้ว ความอึดอัดที่มวลอยู่ในอกผมมันหายไปเยอะมาก ไม่ได้หายโกรธเรื่องที่โดนหลอกนะครับ ยังกรุ่นๆ แต่มันมีอารมณ์อื่นที่แทรกเข้ามาแทนที่ก่อน

เขินว่ะครับ

"แล้วไง?"

"แล้วไงอะไร?"

"จะเปลี่ยนสถานะมั้ย?"

"เห็นหน้ากูเป็นเฟสบุ๊คเหรอทัพ คิดอยากเปลี่ยนสถานะก็เปลี่ยนงี้"

"กวนตีนนะมึง"

"...เออ"

"เอออะไร"

"ก็เออไง เรื่องโกหกล่ะฉลาด พอเรื่องนี้มาโง่เลยนะ โอ้ย! ตบอีกแล้ว นิสัยแย่!"

"โทษๆ ไม่ตบแล้ว มาจูบแทนมา"

แล้วผมก็โดนจูบข้างขมับ ระยะความสูงที่พอดีปากมัน

แย่แล้วครับ ผมหยุดยิ้มไม่ได้เลย ทั้งรู้สึกดีใจ ทั้งเขิน อารมณ์ทั้งหลายแหล่มันตีกันในอกไปหมด

เป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่ประถม ใครจะไปรู้ว่าจะมาสปาร์คกันตอนอยู่มหาวิทยาลัย แถมไม่รู้ด้วยว่าความรู้สึกมันเกิดขึ้นเมื่อไหร่ อาจจะค่อยๆ สะสม หรืออาจจะเพราะความผูกพันของเราทั้งคู่ที่มีมากขึ้นก็ไม่อาจรู้ได้ แต่ในเมื่อมันเป็นความรู้สึกดีๆ ก็ให้มันดีๆ ต่อไปก่อนแล้วกัน

เพราะผมชอบอะไรที่มันละมุน ฟุ้งๆ แบบนี้เหมือนกันแหละ

 

PIE PATIPAT คบหาดูใจกับ THANTHAP THAP



JAONAI SIRIVEJPIPAT

เลิกฟังเพลงโมเดิร์นด็อกแล้วดิมึง  ยินดีด้วย เพื่อนสนิทคิด(ไม่)ซื่อ :)



THANTHAP THAP

กูบอกแล้วว่ารอดู คนหล่ออย่างกูยังไงพายก็ใจอ่อน ขอบใจมากเว้ยจ้าว



PIE PATIPAT

ขี้โม้อ่ะทัพ ฉวยโอกาสด้วย นิสัยแย่จริงๆ



THANTHAP THAP

พายอย่ามาแกล้งทัพถึงในนี้ดิ เนอะ ไม่แกล้งเนอะ



PIE PATIPAT

:)



TAWANNCHAI BHUMIVITAYA
พี่ว่าต้องเปลี่ยนจาก #นิเทศเทใจ เป็น #นิเทศกลัวเมีย แล้วล่ะที่นี้ ยินดีด้วยครับ



PIE PATIPAT, JAONAI SIRIVEJPIPAT, GOODNIGHT NIGHT, PA KAWIN และอีก 324 คนได้กดไลค์







--------------------------------------------------------------------------------------------




TALK: สวัสดีค่ะ เอาตอนต่อมาลงเรียบร้อยค่ะ

คู่เพื่อนสนิทคิดไม่ซื่อนี่มันสนุกมากๆ เลยนะคะ สำหรับคนเชียร์ก็สนุกไปด้วย (นี่คือหนึ่งคนในนั้นที่ชอบเชียร์แบบอ้อมๆ เวลาที่รู้ว่าเพื่อนตัวเองใจตรงกันค่ะ) ถ้้าหากทุกคนสนุกไปด้วยเราจะดีใจมากเลยค่ะ

เนื่องจากมีคอนเม้นแนะนำมาว่าเขียนคำว่าซีรี่ย์ผิดมาตลอด ตั้งแต่นี้จะขอใช้ให้ถูกต้องเป็น มหา'ลัยเดอะซีรีส์ นะคะ ขอบคุณสำหรับคำแนะนำมากๆ เลยค่ะ

ช่วงนี้อาจจะมาต่อช้าไปบ้าง เพราะงานหลักค่อนข้างยุ่งค่ะ จะพยายามทำสต๊อกไว้ในช่วงที้หายไปเอาไว้ และจะพยายามไม่หายนานนะคะ

ไว้เจอกันใหม่ค่ะ

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 05-06-2017 19:32:11 โดย ANNEW »

ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4991
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7

ออฟไลน์ cchompoo

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1402
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +29/-4

ออฟไลน์ เมียงู

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 59
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
น่ารักมากเลย  :-[

ออฟไลน์ ❣☾月亮☽❣

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6773
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-6
 :mc4:   เย้. ในที่สุด
อ้าวแปปๆกลัวเมียเลย

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6

ออฟไลน์ kail

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 130
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
#นิเทศกลัวเมีย 555555 น่ารักกกกกก

ออฟไลน์ ANNEW

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 26
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-0
    • Twitter
[7]






ผมโดนหักหลัง

จากคนสองคนที่หนึ่งในนั้นคือเพื่อนสนิท และอีกหนึ่งคือคนรักที่ผมไว้ใจ

"...ทำแบบนี้ได้ยังไง?"

มองพวกเขาทั้งคู่ด้วยสายตาว่างเปล่า รับรู้ได้ว่าเสียงของตัวเองมันอ่อนระโหยโรยแรงเหมือนขั้วใบไม้ที่กำลังจะหลุดร่วงลงบนพื้น

"กูถาม ว่าพวกมึงทำแบบนี้กันได้ยังไง?"

เห็นทั้งคู่มองหน้ากันทว่าไม่กล้าเงยมาสบตาแล้วก็ได้แต่แค่นยิ้ม น่าประทับใจมาก มิตรภาพที่เกิดขึ้นเป็นระยะเวลานานนับหลายปีที่ถูกทำลายลงด้วยความเห็นแก่ตัวของคนเพียงสองคน

"กัตน์มันถาม พวกมึงก็ตอบดิวะ!"

ไอ้ยาที่ยืนเงียบอยู่ข้างผมมานานตวาดพร้อมยกขาถีบตู้วางของที่ตั้งอยู่ไม่ไกลจากขามันนักอย่างแรงจนตู้เล็กๆ นั่นล้มลง อยากจะบอกมันเหลือเกินว่าอย่าทำลายข้าวของ หรือถ้าจะทำก็ไปทำของคนที่นั่งอยู่ตรงนู้น ไม่ใช่ตู้ใส่ของที่กูเอามาจากบ้าน

"กันต์... นิ่มขอโทษ"

"เก็บคำนั้นไว้ขอโทษพ่อแม่ตัวเองเถอะ"

สวนกลับไปอย่างไม่ไว้หน้าพร้อมตวัดสายตามองชายหญิงทั้งคู่ที่รวมหัวกันทำร้ายความรู้สึกของตัวเองอย่างไม่เกรงอกเกรงใจ

เมื่อชั่วโมงที่ผ่านมากลุ่มของผมตั้งใจจะไปหาอะไรกินหลังออกจากช็อปวิศวะซึ่งเป็นคณะที่พวกเราทั้งหมดเรียน แต่เพราะสองคนตรงหน้าบอกว่ามีธุระด่วนเลยต้องขอตัวไปก่อนก็ยอมตามใจ น่าเสียดายที่ร้านอาหารซึ่งเป็นเป้าหมายของวันหยุดเสียก่อน พวกเราเลยเฮละโรกันซื้อของสดมาตั้งใจจะเอามาทำกินกันเองที่ห้อง ไม่คิดเลยว่าจะเจอทั้งคู่กำลังพลอดรักกันในห้องของเรา บนเตียงของเรา ที่เราเคยใช้แสดงความรักกันมาหลายต่อหลายครั้ง

หึ แทนที่จะได้กินสุกี้ดันมาเจอเพื่อนกับแฟนตัวเองกินกันเอง ชีวิตต้องเจอเรื่องเซอร์ไพรส์ขนาดนี้เลยเหรอ

"กันต์ กูกับนิ่มไม่ได้คิดอะไรกันนะเว้ย มันก็แค่... ชั่วครั้งชั่วคราว"

"ถ้ากูชั่วครั้งชั่วคราวกับเมียมึงบ้างจะโอเคมั้ยล่ะว่าน?"

ไม่ใช่ผมหรอกที่พูด แต่เป็นไอ้พงศ์ที่ยืนเงียบอยู่นานต่างหาก อาจจะเพราะมันช็อกที่เห็นสถานการณ์หรือไม่ก็เพราะมันไม่รู้ว่าควรจะแทรกบทให้ตัวเองตรงไหนดี

"ไม่ตอบ สงสัยความเหี้ยจะติดคอ"

และนี่ก็ไม่ใช่ผมอีก แต่เป็นไอ้สานที่ปกติมักจะช่วยไอ้ยากับพงศ์ตบมุกเสมอเป็นคนต่อ ต้องขอบคุณพวกมันทั้งสามคนที่ยังมีปากมีเสียงแทนบ้าง ไม่อย่างนั้นทั้งห้องคงมีเพียงแค่ผมยืนเงียบมองภาพตรงหน้าโดยไม่รู้จะทำยังไงดี

คนหนึ่งคือเพื่อนที่คบกันมาหลายปี ส่วนอีกคนคือคนรักที่คบมาไม่นานเท่าแต่ผูกพันไม่แพ้กัน

ไม่อยากจะรู้เลยว่าครั้งคราวที่มันพูดถึงนับจำนวนรอบได้เท่าไหร่

รู้สึกเหมือนตัวเองมีเขา ความโง่ที่พอกพูดยิ่งทับถมกันจนไม่รู้จะด่าตัวเองว่าอะไรบนโลกใบนี้ดี ยอมรับว่าโกรธ โกรธมากจนพูดไม่ออก แต่ก็ไม่ขาดสติจนจะเข้าไปใช้กำลัง เพราะถ้าพุ่งเข้าไปเมื่อไหร่ อีกสามคนก็คงไม่ห้ามและมันอาจจะทำให้เกิดข่าวหน้าหนึ่งทำนองว่าเด็กวิศวะตีกันเกิดขึ้นได้

ไม่อยากให้ห้องมีคราบเลือดด้วย เดี๋ยวคืนห้องแล้วไม่ได้มัดจำคืนจะแย่เอา

"เก็บของแล้วไสหัวออกไปจากห้องภายในห้านาที ไม่งั้นอย่าหาว่าไม่เตือน"

"กันต์... ฟังนิ่มก่อน"

"ไม่มีอะไรต้องฟัง ถ้าไม่ออกไปภายในห้านาที รูปพวกมึงหราลงหน้าบอร์ดคณะแน่"

ไม่ต้องรอให้ส่งสัญญาณอะไร ยาก็คว้าโทรศัพท์มือถือขึ้นมาเก็บภาพไว้อย่างรวดเร็ว ส่วนจำเลยที่นั่งนิ่งจนถึงเมื่อครู่ก็รีบคว้าเอาเสื้อผ้ามาใส่พลางกร่นด่าคนที่กดชัตเตอร์ไปด้วย ผมก็ไม่ทิ้งเวลาให้เสียเปล่า อะไรที่เคยเป็นของอีกคนผมใช้มือ ของตัวเองกวาดลงมาลงพื้นพร้อมโยนกระเป๋าของอีกฝ่ายทิ้งไปด้วยกัน รอให้เก็บเสร็จก็พยักเพยิกใบหน้าไปทางประตูคล้ายจะบอกว่าถึงเวลาแล้ว

"กันต์ นิ่มรักกันต์นะ"

"....."

"มันแค่ชั่วครั้งชั่วคราวจริงๆ"

"....."

"รอให้กันต์ใจเย็นก่อนก็ได---"

ไม่รอให้จบประโยคเท้าก็เผลอยันเข้าไปเต็มๆ ผนังห้องข้างกับที่หญิงสาวที่ผมเคยให้ความทะนุถนอมมาก่อน แย่ล่ะ เผลอโมโหจนออกแรงเสียแล้ว สงสัยงานนี้ก่อนคืนห้องต้องเอาสีมาทากลบจริงๆ เสียแล้ว

"เก็บไว้บอกผู้ชายคนอื่นเหอะ ออกไป"

นาทีนี้ต่อให้โดนหาว่าพูดจาทำร้ายจิตใจหรือข่มขู่ผู้หญิงผมก็ไม่สนใจแล้ว ความรู้สึกที่เสียไปมันมีมากกว่า เมื่อเห็นว่าครั้งนี้ผมเอาจริง ว่านก็รีบดึงแขนนิ่มพร้อมสะพายกระเป๋าของเจ้าหล่อนไปด้วย ก่อนที่จะเกิดเรื่องที่หนักหนายิ่งกว่านี้ขึ้น

"....ลงขวดมั้ย? กูเลี้ยงเอง"

สานเอ่ยขึ้นหลังจากแผ่นหลังของคนทั้งคู่หายลงบันไดไปแล้ว อีกสองคนที่เหลือมองหน้ากันก่อนมองมาทางผมราวกับจะบอกว่าให้ผมเป็นคนตัดสินใจในเรื่องนี้แทน

"กินที่ห้องไม่ง่ายกว่าเหรอวะ?"

"มึงว่ามันควรกินในห้องตอนนี้มั้ยล่ะ ถามไม่ดูเวร่ำเวลาเลยไอ้ห่า"

ได้ยินคำพูดพงศ์ก็อดไม่ได้ที่จะสอดส่ายสายตามองห้องที่เมื่อครู่เกิดเรื่องไม่เคยคาดคิดมาก่อนอีกครั้ง ผมอาศัยอยู่ห้องนี้มานาน เพราะราคาถูกและใกล้ตึกคณะ แน่นอนล่ะว่าเรื่องที่เกิดขึ้นมันแย่มาก แต่ไม่มากพอที่จะทิ้งชีวิตที่เคยมีไปเสียหน่อย อาจจะต้องมาโล๊ะเสื้อผ้าที่เหลืออกจากตู้ อะไรที่เป็นของคู่กันก็ทิ้งให้หมด ส่วนเตียงก็คงต้องหาผ้าปูใหม่ ไม่งั้นคงรู้สึกแย่จนนอนไม่ได้

"...ร้านเหล้าหลังมอดีกว่า"

 





ร้านเหล้าหลังมหาวิทยาลัยถือเป็นร้านศักดิ์สิทธิ์สำหรับเหล่านักศึกษา จึงไม่แปลกเลยว่าแม้จะเป็นคืนวันปกติก็ยังมีคนคุ้นหน้าคุ้นตานั่งกันอยู่เต็ม พวกผมเลือกโต๊ะตัวที่อยู่ริมซ้ายสุดของร้านเพราะที่นั่งประจำดันมีคนจองเอาไว้ก่อนแล้ว

หูก็ฟังเสียงไอ้ยาสั่งของกินและเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่มันสั่งประจำมาอย่างรวดเร็ว ใจหนึ่งก็รีบอยากให้ของที่สั่งมาจะได้รีบกรอกลงคอแล้วเมาๆ ไป แต่อีกใจก็ไม่รู้สึกอยากอะไร เพียงแค่มานั่งฟังเพลงกับเพื่อนเฉยๆ เท่านั้น

รอเพียงไม่นานของที่สั่งไว้ก็มาเสิร์ฟจนเต็มโต๊ะ คนมีหน้าที่ชงเหล้าก็ชงไป ส่วนผมที่ไม่มีอะไรลงท้องตั้งแต่ตอนเที่ยงก็นั่งเล็มอาหารเล็กๆ น้อยๆ มือก็รับแก้วเหล้าผสมโซดาจากเพื่อน แต่ยังไม่ทันจะได้กระดกเข้าปาก เสียงที่ทำให้อารมณ์ซึ่งเกือบจะดีขึ้นยิ่งแย่ลงกลับดังเข้าหูเสียก่อน

"สภาพแบบนี้แสดงว่าข่าววงในคงไม่ผิดซะล่ะมั้ง?"

"...จะมาหาเรื่องหรือไงไอ้หมาภพ"

"พูดจาไม่เพราะ เรียนหมอให้เรียกหมอ ไม่ใช่หมา"

"แต่หมอปากหมา ก็นับว่าเป็นหมาล่ะวะ"

สวนกลับไปก็ได้รับเสียงหัวเราะกลับมา แถมคนที่มาใหม่ยังทิ้งตัวนั่งบนเก้าอี้ตัวว่างข้างๆ ผมอีกด้วย ไม่ทราบว่าใครเชิญ ไอ้คนไม่มีมารยาท

"ไงภพ วันนี้ก็มาสิงอยู่นี่อีกแล้ว น.ศ.แพทย์ต้องยุ่งมากกว่านี้ไม่ใช่หรือไงวะ?"

ตรงข้ามกับผมที่ทำหน้างอง้ำด้วยความไม่พอใจ เพื่อนในกลุ่มกลับยินดีต้อนรับผู้มาใหม่ด้วยไมตรีจิต ทั้งเหล้าทั้งอาหารประเคนให้มันพร้อม ไม่รู้ไปถูกอถูกใจกันตอนไหน ทั้งที่เจอหน้ากันทีไรผมกับไอ้ภพจะต่อล้อต่อเถียงกันตลอดแท้ๆ ผมนะที่เป็นฝ่ายต่อล้อต่อเถียง ส่วนอีกคนเพียงแต่นั่งยิ้มเหมือนมีความสุขแล้วตอกกับมาบ้างเป็นจังหวะ

“ก็มาผ่อนคลาย... แล้วบังเอิญได้ยินอะไรมานิดหน่อยเลยแวะมาคุยดู อยากพิสูจน์ข่าวล่ามาเร็ว”

พูดพลางเหล่มองหน้าผม ท่าทางที่ผมเกลียดหนักหนาจนพาลไม่ถูกชะตามันตั้งแต่แรกเจอที่งานรับน้องของมหาวิทยาลัย วัยที่เพิ่งก้าวผ่านระดับขั้นของความเป็นเด็กขึ้นมาเป็นเด็กที่โตกว่าเดิมเล็กน้อย

จำได้ว่าผมตื่นเต้นมากจากที่ได้ฟังรุ่นพี่ที่รู้จักกันเล่าไว้ งานรับน้องถือเป็นกิจกรรมที่ทำให้เรารู้จักคนมากหน้าหลายตา แถมยังอาจเป็นที่ถูกใจของรุ่นพี่หากความประทับใจแรกมากพอ ตอนนั้นยังเด็ก การได้รับความสนใจเป็นสิ่งที่ใครต่อใครก็คาดหวังและผมก็เป็นหนึ่งคนในนั้น

ผมเจอกับไอ้ภพตอนที่เข้าไปในซุ้มของคณะแพทยศาสตร์ มันนั่งอยู่แถวข้างกันกับผม เป็นทีมที่ถูกวนมาให้เจอกันพอดี และพี่ๆ ก็ให้แนะนำตัวกัน แน่ล่ะว่าผมหันไปหามัน พูดคุยกันเล็กน้อยตามมารยาท จนถึงช่วงที่ต้องรวมกลุ่มทำกิจกรรม

ตอนนั้นเกมปิดตาจับงูถูกเลือกมาเล่น คนถูกเลือกจะถูกปิดตา คนที่เหลือก็วิ่งไปวิ่งมาจนกว่าจะถูกสั่งให้หยุด พวกรุ่นพี่ก็จะตะโกนบอกทาง คงเดาได้ไม่ยากว่าไอ้ภพเป็นคนถูกผิดตา และผมนี่แหละที่เป็นเป้าหมายให้มันมาจับแล้วต้องบอกให้ถูกว่าคนที่มันจับคือใคร ตอนแรกก็สนุกดีหรอกครับ ทุกคนรวมถึงผมหัวเราะด้วยความสนุกสนานและพยายามไม่ขำเมื่อภพยื่นมือมาแตะๆ ที่แขนผม จนกระทั่งความชิบหายมาเยือน เมื่อรุ่นพี่บอกให้มันนั่งแล้วจับอะไรก็ตามที่อยู่ตรงหน้า เดาได้ไม่ยากอีกใช่ไหม นั่งต่ำเสียขนาดนั้น พอยื่นมือมาจับก็โดนเข้าเต็มๆ กล่องข้าวน้อยกลอยใจที่พ่อให้ผมมาเต็มที่

ที่สำคัญมือแม่งหนักด้วย

ผมจุกจนร้องออกมา ส่วนมันก็ชักมือกลับในขณะที่คนอื่นยังหัวเราะด้วยความขบขัน แถมไอ้ภพยังมีแก่ใจจะทายชื่อผมออกมาให้ถูกแซวอีกว่าจับกันบ่อยล่ะสิถึงได้รู้อยากจะเถียงหลับไปว่ากูร้องดังขนาดนั้นแม่งไม่รู้ก็หูหนวกแล้ว แต่เพราะความหน่วงผมเลยได้แต่นั่งงอตัวมองหน้าคนที่ถอดผ้าผูกตาออกแล้วมองผมด้วยใบหน้าติดสนุกไม่น้อย แล้วรู้ไหมครับว่าหลังจากนั้นมันทำลายความประทับใจแรกของผมด้วยคำว่าอะไร

มันบอกว่า…

“ไม่คิดว่าจะเล็กขนาดนี้”

“ไอ้สัสภพ!”

หลังจากนั้นผมก็ไม่เคยญาติดีกับมันอีกเลย

คิดแล้วก็อดไม่ได้ ผมวางแก้วด้วยความเบาระดับก้นแก้วแทบร้าวเพื่อแสดงให้รู้ว่าผมประทับใจมากที่ได้มาเจอมันในวันนี้ ส่วนไอ้ภพที่โดนพวกเพื่อนๆ ผมรินเหล้าให้ก็ยกซดอย่างไม่ไว้ใจ แถมยังหยุดเลิกคิ้วมองผมเหมือนจะให้ตอบคำถามเรื่องข่าวล่ามาไวของมันอีก

“เพิ่งรู้ว่านอกจากจะเป็นหมาแล้วยังขี้เสือก”

“พูดจาไม่เพราะอีกแล้ว เขาเรียกว่าสนใจใคร่รู้ความเป็นไปในตัวบุคคล”

"ไม่ตั้งชื่อให้ยาวสองบรรทัดไปเลยล่ะ”

พวกไอ้ยาหัวเราะลั่นกับคำโต้ตอบแล้วยกแก้วชนกันเองสามคน พวกมันสนุกครับแต่ผมเนี่ยอยากจะยกโต๊ะให้ล้มทับให้หมด สนุกบนความทุกข์ของคนอื่นชัดๆ

เห็นผมไม่ตอบคำถาม เด็กคณะแพทย์เพียงคนเดียวในกลุ่มก็หันไปให้ความสนใจกับเพื่อนผมแทน ยกแก้วชนเอาๆ เหมือนที่ถืออยู่เป็นน้ำเปล่า ไอ้นี่มันคอแข็ง ขนาดว่าพวกผมที่จัดว่าคอทองแดงยังสู้มันไม่ได้ ส่วนผมก็ยกดื่มพร้อมพูดคุยกับเพื่อนๆ พ่วงต่อปากต่อคำกับไอ้ภพเป็นพักๆ สลับกับฟังเพลงร็อกอกหักที่มักจะเปิดเป็นประจำในร้านเหล้าไปด้วย ปกติผมเป็นพวกไม่ค่อยฟังเพลงอะไรจริงจัง แต่มาวันนี้กลับรู้สึกได้ว่าตัวเองเข้าใจความหมายแถมร้องต่อได้ทุกเพลง คงเป็นความสามารถพิเศษของคนที่ตกอยู่ในห้วงอารมณ์แบบผมล่ะมั้ง

"สานมันเลี้ยงทั้งที่ ทำไมมึงจัดน้อยกว่าปกติ?"

ผมเหลือบมองคนที่เจ๋อมาคุยด้วยอีกครั้งทั้งที่กำลังทำตัวเหมือนพระเอกในเอ็มวีเพลงอกหักแท้ๆ จะปล่อยให้อยู่ในโลกส่วนตัวเลยไม่ได้หรือไง

ส่งสายตาไปให้มันหนึ่งที่ว่า เสือก

"โอ้ย ให้มันเล่นเอ็มวีของมันไปเหอะภพ นี่ยังดีนะที่มันไม่เมาอาละวาด ไม่งั้นรับมือไม่ถูกยิ่งกว่านี้อีก"

"ถ้ามึงอยากระบาย มึงจะระบายก็ได้ เพื่อนก็พร้อมรับฟัง"

"เออ ให้มันนั่งเงียบๆ ไปก็ได้ไอ้ภพ"

"ถ้ามึงทำตัวเองเงียบๆ แบบนี้ มึงจะเก็บกด แล้วมึงจะซึมเศร้า พอเก็บมากๆ ผลสุดท้ายมึงก็จะคิดแต่เรื่องแย่ๆ วนไปมาไม่มีหยุด มีเพื่อนทั้งทีทำไมไม่ระบาย"

"กูไปดูดบุหรี่ละ รำคาญหมาเห่า"

ผมยันตัวลุกจากโต๊ะเพราะไม่อยากได้ยินคำพูดไม่เข้าหูของไอ้ภพต่อ คนอย่างมันไม่เข้าใจหรอกว่าความรู้สึกและอารมณ์ตอนนี้เป็นยังไง ใช้แต่คำพูดคำจาเข้าข้างตัวเอง ปกติถ้าเจอแบบนี่เข้าไปก็คงจะต่อปากต่อคำต่อ แต่วันนี้อารมณ์ไม่ได้ดีเหมือนหน้าตา เจอกวนตีนมากๆ ก็อาจจะพลั้งมือเอาเลือดมาล้างหน้าตัวเองได้

ไม่ได้ยินเสียงเพื่อนร้องห้าม พวกมันคงรู้ว่าเวลาแบบนี้ปล่อยให้อยู่คนเดียวกับความคิดตัวเองเป็นสิ่งที่ผมต้องการที่สุด อยากอยู่คนเดียว อยากจะเดินเล่นรับลมเย็นตอนกลางคืนทำเอ็มวีเงียบๆ ปิดกั้นตัวเองออกจากผู้คนรอบข้างให้หมด พอคิดได้อย่างนั้นขาทั้งสองก็พาร่างตัวเองให้มาเดินเลียบสะพานข้ามฝั่งที่อยู่เยื้องจากหลังร้านเหล้ามาอีกเล็กน้อยแทนมุมสูบบุหรี่ประจำที่อยู่ข้างตัวร้าน

"ต่อไฟหน่อย"

โว๊ะ! แม่งตามมาอีกละ

มองบุหรี่ที่ถูกยื่นมาชนกับแท่งที่อยู่ในปากแล้วได้แต่ทำเสียงจิ๊จ๊ะขัดใจอยู่ในลำคอ ไม่เข้าใจหรือไงวะว่าที่หนีออกมาเพราะรำคาญมันด้วยนั่นแหละ พูดมาก

"หมาสูบบุหรี่ได้ด้วย?"

"ห่วงก็บอกว่าห่วง มาทำปากไม่ตรงกับใจ"

"ขนลุกสัส!"

ไอ้ภพหัวเราะ ผมมองมันแล้วก็คิดเหมือนตอนเจอกันครั้งแรก คนข้างๆ ผมไม่มีอะไรที่เหมาะกับการเป็นหมอเลยนอกจากสีผิวกับแว่นกรอบสี่เหลี่ยมที่ประดับบนใบหน้า แถมยังมาขลุกอยู่กับเด็กวิศวะบ่อยๆ อีก เพราะเพื่อนมันเรียนคณะนี้กันหมด แต่ไอ้ภพอยากเรียนหมอตามกิจการทางบ้านหรือยังไงนี่แหละจากที่ได้ยินมา

"สรุปเลิก?"

"รู้แล้วถามทำห่าอะไร"

"ยืนยันอาการแล้วจะได้ดูว่าต้องรักษายังไง เรื่องพวกนี้เป็นขั้นตอนพื้นฐานของหมอ"

"ถามกูยังว่าอยากเป็นคนไข้มึงหรือเปล่า"

หัวเราะ หัวเราะเข้าไป ขอให้ควันอัดปอดมึงตายไปเลย

เมื่อเบื่อจะต่อปากต่อคำ และข่าววงในที่มันได้ยินมาก็มาจากเพื่อนๆ มันที่อยู่ร่วมหอแน่นอนอยู่แล้ว เสียงดังโหวกเหวกขนาดนั้นก็ไม่แปลกหรอก ผมถอนหายใจแหงนหน้ามองท้องฟ้ายามค่ำคืนที่ไม่มีดาวแม้เพียงดวงเดียวแต่มีควันสีเทาลอยคลุ้งทั่วบริเวณแทน รู้ว่าการสูบบุหรี่ไม่ใช่เรื่องดี แต่พอเวลาที่บ่ามันหนัก การทำหัวให้โล่งก็ช่วยได้ไม่น้อย

พลันภาพช่วงเวลาแห่งความสุขที่เคยมีกับคนรักเก่าและความสนิทสนมของพวกเราทั้งสามคนก็ผุดขึ้นมาในหัว ความสัมพันธ์ของนิ่มกับผมเริ่มขึ้นใกล้เคียงกับเวลาที่มิตรภาพของผมกับว่านผูกมัดกันแน่นขึ้น เพราะกลุ่มเรามีกันอยู่หกคน ชายห้าหญิงหนึ่ง ไปไหนไปกัน ช่วยเหลือกันและกัน ใกล้ชิดกันมากเท่าที่เพื่อนจะเป็นได้ สานความรู้สึกกันทีละเล็กละน้อย จึงไม่แปลกที่จะมีใครสักคู่ผูกพันกันเกินความเป็นเพื่อน

แต่มันก็พังทลายไปพร้อมกับความเชื่อใจของผมเอง

ถามถึงเรื่องที่เกิดขึ้นว่าโกรธไหม โกรธมาก แต่ไม่ได้โกรธเพราะการกระทำของสองคนนั้นเพียงอย่างเดียว ผมโกรธที่ความสัมพันธ์ฉันท์เพื่อนมันถูกเหวี่ยงลงพื้นแล้วเหยียบซ้ำอย่างไม่มีดีเสียมากกว่า

“...กูเริ่มสนิทกับว่านตอนปีสอง เพราะลงเล่นกีฬาทีมเดียวกัน นิสัยมันโอเคนะเข้ากับพวกไอ้พงศ์ได้ ตอนรู้ว่าคบกับนิ่มมันยังแซวแถมอวยพรให้มีความสุขอีก แล้วอะไรคือการที่มันทำแบบนี้วะ” อาจเพราะความมืดและอาการมึนเล็กน้อยจากฤทธิ์แอลกอฮอล์ ผมจึงเริ่มระบายเรื่องที่อยู่ในใจออกมา “กับนิ่มก็อีก เป็นคนขอกูคบแท้ๆ ก็เอาใจใส่ดีทุกอย่าง อยากไปไหนก็ไป อยากมาอยู่ด้วยก็อยู่ หรือเพราะมันมากไปวะ ส่วนกูก็โง่เป็นควาย ขนาดไปแอบสปาร์คกันตอนไหนกูยังไม่เอะใจเลย”

“.....”

“ถ้าไม่รักกันแล้วก็เลิกไปดิวะ ไม่ใช่มาทำแบบนี้!”

ตะโกนเสียงดังจนได้ยินหมาเห่าตอบมาจากซอยใกล้ๆ บุหรี่ในมือถูกทิ้งลงพื้นพร้อมใช้รองเท้าไนกี้คู่ละหลายพันกระทืบจนมันบี้แบน คนที่ยืนข้างๆ ไม่แม้แต่จะเอ่ยห้าม ไอ้ภพสูดลมหายใจเข้าเฮือกใหญ่แล้วเป่าควันสีเทาจางออกมาช้าๆ

ความเงียบโรยตัวอยู่รอบด้านอีกครั้งกระทั่งบุหรี่ของอีกฝ่ายหมดลง ไฟด้านหลังร้านถูกดับลงแล้วเหลือเพียงแสงจางๆ จากด้านในเลยทำให้บริเวณโดยรอบมืดสนิทจนมองอะไรแทบไม่เห็น เจ้าของส่วนสูงกว่าผมกว่าช่วงหัวย่อตัวลงนั่งข้างๆ แขนของเราแตะกันก่อนที่มันยื่นมือมายีหัวกบาลซะจนเสียทรง ไอ้นี่เอาใหญ่ เห็นมืดเข้าหน่อยมาลามปาม เห็นแบบนี้ผมก็แก่เดือนกว่านะเว้ย

“เสียใจอยู่ป่ะ?”

“...เป็นมึงจะเสียใจป่ะล่ะ?”

“ไม่ จะหาเมียใหม่มาเย้ย แล่นไปบอกเมียมันด้วยว่าโดนสวมเขาให้โดนตบสักทีสองที”

โอ้โห มึงเป็นว่าที่หมอที่ดีมีศีลธรรมมาก

“คนมักมากสองคนหายไปจากชีวิต ก็คิดซะว่าคนแย่ๆ ผ่านไป คนดีๆ จะได้เข้ามา”

“หึ พูดเหมือนง่าย”

“...ก็ง่ายอยู่ อยู่ที่ว่าจะมองเห็นหรือมองไม่เห็น”

“มองไม่เห็นเว้ย มืดจะตายห่าอยู่ละ ขนาดมองหน้ามึงยังเป็นแค่สีดำป้านๆ เลย”

เพราะสายตาเริ่มชินกับความมืดขึ้นมาบ้างแล้วเลยทำให้ทิ้งสายตาบนใบหน้ามันได้เร็วขึ้น แต่เห็นเพียงแค่สีดำป้านๆ เท่านั้นจริงๆ

“ไม่เห็นจะรู้ได้ไงว่าป้าน นี่มันออร่าความดีของกูชัดๆ”

“มึงไปเล่นที่เสาตรงนู้นนะ”

ไอ้ภพหัวเราะในลำคอแล้วยีหัวผมอีกครั้ง เดี๋ยวนะ มึงชักจะลามปามมากเกินไปแล้ว ผมชกมันเข้าให้ที่กลางลำตัวแต่ไอ้ภพกลับไม่สะดุ้งสะเทือนสักนิด ผมย้ำอีกครั้งนะครับว่าไอ้นี่มันไม่ควรเรียนหมอ มันควรมาเรียนวิศวะแบบพวกผมมากกว่า ทั้งความถึกทน คอทองแดง แถมปากเสียๆ นั่นให้ด้วย คือสงสารคนไข้ในอนาคต ปากแบบนี้ไม่น่าจะรักษาอย่างเดียวน่าจะไล่คนไข้ไปด้วยในตัว

“กูพูดจริง ถ้ามึงมองเห็น มึงจะรู้ว่ามีคนรออยู่”

ไอ้ภพยังย้ำคำเดิม แถมไม่ละมือออกจากหัวผมลามมาจับปอยข้างแก้มด้วย จะจับอะไรหนักหนา ถ้าไปส่องไฟแล้วสีที่ย้อมหลุดจะมาเก็บค่าเสียหายจากมันแล้วไปทำใหม่ทั้งหัวเลยคอยดู

“เอาง่ายๆ ที่พูดมาทั้งหมดคือจะบอกว่ารอกูอยู่ว่างั้น?”

เย้ามันกลับ เหมือนว่าไอ้ภพจะชะงักไปครู่หนึ่ง หึ เป็นไงล่ะเล่นมากนัก โดนเอากลับถึงกับไปไม่เป็น ผมชักอยากจะให้ไฟสว่างกว่านี้สักหน่อยแล้ว อยากจะยักคิ้วกวนๆ ให้มันเหมือนเวลาที่เถียงกันแล้วผมเป็นต่อ

“...ก็แล้วถ้าใช่?”

“เสื้อกราวด์หมออุ่นเท่าเสื้อช็อปวิศวะก่อนแล้วค่อยมาคุย”

“เสื้อกราวด์ไม่อุ่นแต่กูละมุนนะมึง”

“ละมุดก็พอมึงน่ะ”

ผมเกาแขนด้วยความรู้สึกคันจากแรงกัดของยุงที่บินวนไปมา ความจริงมันก็กัดมาสักพักแล้วล่ะ แต่เพราะยังสนุกกับการต่อปากต่อคำของไอ้ภพอยู่เลยไม่ลุกไปไหน แปลกดีปกติเกลียดขี้หน้าแทบเป็นแทบตาย แต่พอเวลานี้ได้ต่อปากต่อคำกับมันแล้วจากที่เคยรู้สึกแย่ๆ ก็เหมือนจะคลายไปได้เยอะ และด้วยรู้ว่ามันมองไม่เห็นแน่ๆ ผมเลยสามารถยิ้มบางๆ ออกมาได้ มอบความดีความชอบให้สักครั้งหนึ่งคงไม่เสียหายอะไร

“ไปเหอะ ยุงแม่งกัดจนตัวกูเป็นตุ่มแล้วเนี่ย”

ผมหยัดตัวขึ้นเต็มความสูง แต่ไอ้คนข้างๆ กลับไม่ลุกตามมาด้วย แถมยังจับข้อมือไว้แน่นแล้วนั่งเฉยอยู่อย่างนั้นจนต้องจิ๊ปากแล้วเอาเข่าชนไหล่มันแรงๆ

"ปล่อยแล้วรีบๆ ลุกให้ไว"

"อย่ากระแทกแรง เดี๋ยวอะไรเล็กๆ มาโดนหน้ากู"

"ไอ้ภพ!"

"ดึงหน่อย"

ย้อนความหลังแล้วยังมาสั่งอีก คิดว่าตัวเองเป็นเด็กห้าขวบเหรอ?

"มีขาก็ลุกเอง ไอ้หมาภพ ลุก!"

ตะคอกไปอีกทีมันก็ยังอิดออดนั่งอยู่อย่างนั้น ความที่ตัวใหญ่กว่าแถมหนักกว่าทำให้ผมสะบัดแขนทิ้งไม่ได้ กลายเป็นต้องดึงมันขึ้นขึ้นมาอย่างทุลักทุเล ไอ้ภพก็ยังจะกวนตีนด้วยการทิ้งน้ำหนักตัวใส่มาด้วย เลยเจอเตะอัดเอวไปหนึ่งที มันก็ยังหัวเราะอยู่อย่างนั้น แม่งประสาท!





 

[ต่อด้านล่างค่ะ]
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 05-06-2017 19:32:29 โดย ANNEW »

ออฟไลน์ ANNEW

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 26
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-0
    • Twitter
คณะมึงอยู่นู่น มาลอยหน้าลอยตาอยู่นี่ทำไมทุกวี่ทุกวัน"

"ใจสั่งมา"

"ฮู้ย~ หนึ่งดอก"

ดอกหน้าวัวพวกมึงสิ

ขมวดคิ้วทำหน้าไม่พอใจแต่มีหรือไอ้พวกที่นั่งทำหน้ากะลิ้มกะเหลี่ยจะกลัว นอกจากจะไม่หยุดแล้ว ยังมาทำหน้าบานชี้ไม้ชี้มือไปทางคนนอกคณะที่ช่วงนี้แวะเวียนมานั่งร่วมกลุ่มบ่อยเหลือเกิน ไม่มาเปล่า มันเอาทั้งตำราเรียน ทั้งของกินมากองเต็มโต๊ะหินอ่อนประจำของพวกผมไปหมด รู้สึกเหมือนโดนยึดที่โดยละม่อม แถมยังหน้าหนาไล่แล้วไม่ไปอีกด้วย

"มีคนดามใจโคตรไวเลยนะครับพี่กันต์ ไหนๆ ใช้คาถาอะไรมาขอบ้าง"

"กูก็ว่าไอ้ภพมากวนตีนไอ้กันต์ทำไมบ่อยๆ ที่แท้มึงรอโอกาสเสียบนี่เอง ร้ายว่ะเพื่อน กูซูฮกมึงเป็นลูกพี่เลย"

"เออ เดี๋ยวกูสอนวิธีให้"

แทนที่จะปฏิเสธยังจะไปเออออห่อหมกกับพวกไอ้ยาอีก ผมเลยจัดการบรรจงวางไนกี้รุ่นใหม่ลงบนรองเท้าหนังราคาแพงของมันแล้วกดแรงลงไปเน้นๆ จนได้ยินเสียงด่าจากเจ้าของนั่นแหละถึงได้สบายใจและยกเท้าออก

"เฮ้ย! เหยียบตีนหมาว่ะ"

"เฮ้ย! โดนควายเหยียบตีนว่ะ"

"ไอ้ภพ มึงจะเอาใช่มั้ย?"

"ใครเริ่มก่อนไอ้กันต์ เขินเพื่อนแล้วมาลงที่ผัว มันใช่เรื่อง?"

"ผัวกับง้าวมึงสิ! รีบกลับตึกคณะมึงไปเลยไป"

"แต่พวกมึงเหมือนผัวเมียตีกันจริงๆ นะ"

ผมตวัดสายตามองหน้าไอ้ยาที่กำลังเอามือท้าวคางมองผมสลับกับเด็กแพทย์แต่ดันสถาปนาตัวมายึดโต๊ะในคณะวิศวะไปเป็นของตัวเอง นี่มันใช้อะไรคิดถึงได้พูดประโยคนั้นออกมากัน ผมกับไอ้ภพเนี่ยนะ? ถ้าบอกว่ากำลังกัดกันเป็นหมายังจะน่าเชื่อกว่าอีก

"เออ ไอ้ภพ มึงตอบพวกกูมาตามตรง ที่มานั่งเนียนๆ กับพวกกูบ่อยๆ เพราะจะจีบไอ้กันต์ใช่มั้ย? ริจะเอาเสื้อกราวด์มาคลุมเสื้อช็อป ทำใจไว้แล้วยังครับว่าที่คุณหมอ"

ตามมาด้วยไอ้พงศ์ที่ตีสีหน้าจริงจังอีกหนึ่งคำรบ แต่อย่าได้คิดว่ามันจริงจังตามหน้าตาเชียว ที่ทำนี่มันเสแสร้งทั้งนั้น

"กูว่าเผลอๆ ไอ้ภพมันตามจีบตั้งแต่นู้น วันแรกที่เจอกัน พอได้จับหนอนน้อยของไอ้กันต์เข้าไป บะจะเฮ้ย! ประทับใจไซส์ถนัดมือ แต่ไอ้กันต์เสือกโง่ไม่รู้ตัวจนบัดนี้"

"เออว่ะ มีส่วน"

แล้วพวกมันสามคนก็ส่งเสียงแสดงความเห็นกันไม่หยุด มีการแท๊กมงแท๊กมือกันอีกต่างหาก ไม่คิดจะหันมามองหน้าผมหรือแม้แต่คู่กรณีที่ยกหนังสือกายภาพอะไรสักอย่างที่หน้าปกเป็นรูปกล้ามเนื้อมาบังหน้าแล้วหัวเราะตัวสั่นอยู่ด้านหลัง ไอ้พวกความคิดบรรเจิดไม่เคยบังเกิดเวลาสอบ ที่แบบนี้ล่ะเดาสุ่มกันนัก ขี้มโนสุดๆ

"...เพราะมึงเลย มึง ทำให้พวกมันเข้าใจผิด"

"กูก็เห็นพวกมันเข้าใจถูกอยู่นะ"

"ห๊ะ"

เผลอส่งเสียงแปลกๆ ออกไปตอนได้ยินประโยคนั้นของไอ้ภพ ส่วนเจ้าของคำพูดเพียงกระแอมแล้วไหวไหล่ทำเหมือนเมื่อครู่ไม่มีอะไรเกิดขึ้นแล้วดันแว่นตาให้เข้าที่ก่อนก้มหน้าก้มตาอ่านหนังสือสลับกับส่งขนมเข้าปากตัวเองต่อ ส่วนผมเหรอ ก็กำลังงง สับสนกับคำพูดที่ได้ยิน ช่วงนี้เหมือนอีกคนจะชอบพูดจาทำนองชวนให้คิดไปว่ามันกำลังทีเล่นทีจริงใส่ตัวเองอยู่หรือเปล่า

ที่แปลกกว่าก็คือตัวผมเอง พอได้ยินประโยคพวกนั้นดันรู้สึกแปลกๆ เหมือนมันวูบแล้วเปลี่ยนมาสั่นอยู่ในอก อธิบายความรู้สึกไม่ถูก

"เอ่อ... กันต์คะ..."

แต่ก่อนจะได้ไขข้อข้องใจในสิ่งที่เกิดขึ้นกับตัวเอง เสียงเบาๆ อันคุ้นเคยก็ดึงความสนใจผมไปอีกครั้ง เสียงจากอีกสี่คนที่นั่งอยู่ด้วยกันเงียบลงทันที สายตาทุกคู่ไม่เว้นไอ้ภพที่นั่งอยู่ข้างๆ พากันจ้องข้ามหลังผมไป ไม่ต้องเดาให้ยากหรอก เพราะนั่นคือเสียงนิ่ม อดีตคนรักหลังจากที่แยกกันได้กว่าสัปดาห์แล้ว ไม่ค่อยอยากจะหันไปเท่าไหร่ แต่ไอ้ตัวข้างๆ มันดันสะกิดยิกๆ แล้วมองตาผมคล้ายจะบังคับ เลยได้แต่ถอนหายใจแล้วหันไปสบตากับคนด้านหลังบ้าง

อืม ตัวกลั่นอารมณ์โกรธมาด้วยกันทั้งคู่เลย

"...มีอะไรอีก?"

"นิ่มกับว่านมาขอโทษกันต์"

"เออ รับแล้ว จะไปไหนก็ไป"

ไม่อยากเห็นหน้า ไม่ใช่ว่ายังรักอยู่จนรู้สึกเจ็บเหมือนในหนังหรอก หากใครเคยเจอเรื่องแบบผมน่าจะเข้าใจ ความรู้สึกรักพวกนั้นมันหมดไปตั้งแต่ตอนที่รู้ว่าให้ความเชื่อใจกับคนผิดแล้ว แต่ผมกลัวว่าตัวเองจะตอกหน้าเธอไปแรงๆ เสียมากกว่า ยังไงก็ปากผู้ชาย และยิ่งเวลาไม่พอใจ คำพูดคำจามันยิ่งต้องเพิ่มดีกรีความห่ามมากขึ้นอยู่แล้ว ไม่อยากจะโดนหาว่ารังแกผู้หญิง หลังจากนี้ยังต้องเรียนด้วยกันอีกพักใหญ่ ขี้เกียจมานั่งตอบคำถามเรื่องการกระทำของตัวเองทีหลัง

"กันต์ อย่าไล่นิ่มแบบนี้สิ นิ่มรู้ว่าตัวเองทำผิด แต่ยังไงเราก็เป็นเพื่อนกันได้นะ ว่านก็เหมือนกัน..."

ฝ่ายหญิงเสสายตามองผู้ชายข้างตัวที่ยืนเงียบมาตลอด ผมเพียงเลื่อนมองเล็กน้อยแล้วหลบไปด้านข้างแทน ยิ่งเห็นหน้ายิ่งอารมณ์เสียว่ะแม่ง

"กันต์กูขอโทษจริงๆ กูไม่ควรทำเรื่องแบบนี้..."

"ก็บอกว่ารับแล้ว จะไปไหนก็ไป"

"ไอ้กันต์ กูพูดจริงนะเว้ย"

"กันต์ก็บอกว่ารับแล้วก็น่าจะจบหรือไม่ใช่? รีบๆ ไปเหอะ เอาจริงๆ พวกกูก็ไม่อยากเห็นหน้าว่ะ รังเกียจการกระทำ"

อยากจะจูบขอบคุณคนตัวเล็กประจำกลุ่มที่ตอกกลับไปพร้อมทำหน้าเหม็นเบื่อสุดๆ ใส่ ไอ้ยาเป็นคนแบบนี้แหละครับ บทจะเล่นก็เล่น บทจะจริงจังมันก็ไม่ไว้หน้าเหมือนกัน หากผมโมโหเท่าไหร่ มันก็จะแรงยิ่งกว่าผมเกือบสิบเท่า นี่แหละคือเหตุผลที่ไม่ค่อยมีใครกล้าแหยมกับมันมานัก

"แล้วก็นะ ไอ้กันต์มันก็ได้แฟนใหม่แล้ว ถือว่าเลิกกันจังหวะโคตรดีจะได้ไปเจอคนดีๆ ที่คู่ควร ไม่งั้นเขาโง้งยาวชนกันสองข้างนี่แย่เลยนะเว้ย"

...เดี๋ยว มึงพูดอะไรนะไอ้ยา กูว่าไม่ใช่

ผมหันควับไปมองไอ้คนที่เจื้อยแจ้วอะไรมากมายออกมาทั้งที่ไม่ใช่เรื่องจริงเลยแม้แต่น้อย แล้วไอ้คนข้างๆ นี่อะไร ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ทำตาหวานใส่ให้รู้สึกแปลกๆ อีก จะเล่นใหญ่กันไปถึงไหนไม่ทราบ

"กันต์มีแฟนใหม่แล้วจริงเหรอ..."

"มะ..."

"มีแล้ว กูเอง"

ห๊ะ? อะไรนะสัญญาณไม่ค่อยดี

ไอ้ภพไม่รอให้นิ่มได้ถามอะไรต่อ มันสอดมือตัวเองเข้ามาใต้มือผม แทรกนิ้วยาวเรียวเข้ามากุมไว้ กลายเป็นสอดประสานกันแล้วยกขึ้นมาโชว์คนตรงหน้า สามคนนี้เคยเจอกันมาก่อนแต่ไม่ค่อยได้คุยกันนานเพราะส่วนมากจะเป็นพวกผมที่ไม่เถียงกัน ไอ้ภพก็จะไปตบมุกยิงมุกกับพวกไอ้ยาแทน แถมไอ้สานก็สนิทกับเพื่อนของเด็กแพทย์ผ่าเหล่าคนนี้ด้วย

"ต้องขอบคุณนะที่ทำเรื่องพวกนั้น ไม่งั้นกันต์ไม่ยอมตกลงทั้งที จีบมาตั้งแต่ไม่มีเขาจนโง้งฟาดหน้าแล้วดูสิ"

ยังตอแหลด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม แถมคำพูดคำจากก็น่าโดนฟาดปากด้วยอีก ได้ยินเสียงสะอื้นเบาๆ จากนิ่มแต่ผมกลับไม่คิดจะหันไปมองเพราะมัวแต่พยายามดึงมือที่ถูกกุมของตัวเองอยู่ จนว่านอ้อมแอ้มขอตัวพานิ่มเดินออกไปจากกลุ่มผมก็ยังแงะมือตัวเองออกมาไม่ได้ แรงควายจังวะ!

กว่าจะดึงออกมาได้ก็โน้น สองคนนั้นหายลับตาไปแล้ว ผมสะบัดมือตัวเองแรงๆ และด่ามันด้วยความไม่พอใจ

"เล่นอะไรของมึง คนเขาเข้าใจผิดหมดไอ้ภพ!"

"แล้วอยากกลับไป?"

"มันไม่ใช่เรื่องนั้นเลยเว้ย!"

"เออน่ะ ก็พูดไปแล้ว มึงก็เป็นเมียหลอกๆ ของกูต่อไปนั่นแหละ"

"เพื่อ!?"

"อุตส่าห์ให้เป็นหลอกๆ ไม่เอา งั้นเป็นเมียจริงๆ เลยก็ได้"

สรุปผมพูดไม่รู้เรื่อง หรือสมองมันเกินขีดความเป็นคนไปแล้วก็ไม่รู้ แล้วดูมัน พูดเสร็จก็หันกลับไปอ่านหนังสือต่อไม่สนใจผม มึงควรจะกลับไปขยันที่คณะ ไม่ใช่มาขยันหลังทำคนเข้าใจผิดไปแล้วไม่ใช่หรือไง

"เออ กูว่ามึงก็ยอมๆ มันไปเหอะกันต์ ไอ้ภพมันก็รอมึงมาตั้งนานแล้วนะ เนี่ยได้มันไปเท่ากับได้ทั้งผัวทั้งหมอ สบายเลยนะมึง โอ้ย!"

ผมส่งมะเหงกลงกลางกบาลไอ้พงศ์ที่ดันเจ๋อออกความเห็นทันที อีกสองคนที่เหลือหัวเราะใหญ่ ไอ้พวกนี้มันต้องประสาทกันไปหมดแล้วแน่ๆ

"เคมีก็เข้ากันดี กูแอบเชียร์ตั้งแต่มึงยังคบกับนิ่มอ่ะที่จริง ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว คบกันไปเหอะกูอนุญาต"

"กูด้วย ฝากเพื่อนกูด้วยนะไอ้หมอภพ มันเป็นคนดีแค่ปากหมาไปหน่อย ต้องการการดูแลมากๆ แล้วมึงจะได้เห็นความมีเสน่ห์ของมัน"

"ได้ หลังจากนี้กูดูแลให้"

ตกลงกันเองเสร็จสรรพแถมยังจับมือกันกลางโต๊ะหินอ่อนด้วยสีหน้าท่าทางเหมือนทหารที่กำลังจะออกรบ มือไม้ผมเริ่มสั่น คิ้วและกล้ามเนื้อบนใบหน้ากระตุก สุดท้ายผมก็ได้แต่ขบเขี้ยวเคี้ยวฟันตะโกนด่าไอ้พวกที่อยู่ตรงหน้าด้วยประโยคเดียวที่ผมคิดออกในตอนนี้

“ไอ้สัสภพ!"

"เออ รักเหมือนกัน รักสัสๆ เลย”

ไอ้คนกวนตีน!





--------------------------------------------------------------------------------------------





TALK: สวัสดีค่ะ คิดถึงถึนไหมเอ่ย? ;D

เอาคู่ใหม่ที่อยากจะแต่งเป็นเรื่องนาวเหลือเกินมาให้อ่านกันค่ะ ชอบทั้งชื่อ ทั้งคาร์แรคเตอร์ เลยจัดเต็มมาเชียว หวังว่าทุกคนจะชอบเหมือนกันนะคะ

ช่วงนี้เรากำลังปั่นฝนดาวตกอยู่ เลยอาจจะหายๆ ไปบ้าง ถ้าคิดถึงก็ไปคุยกันได้ที่เพจหรือทวิตเตอร์ก่อนก็ได้นะ

ขอบคุณสำหรับกำลังใจและคำติชมที่ทำให้เราเขียนนิยายด้วยความสนุกเสมอ

แล้วเจอกันใหม่ค่ะ!

ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4991
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7

ออฟไลน์ ่jum

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3704
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-4

ออฟไลน์ maneethewa

  • มณีเทวา
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 184
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +87/-1
    • Maneethewa - มณีเทวา
มึนมาก แต่น่ารักกกกก 55555
 :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ maemix

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4403
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +299/-3
กันต์ใจอ่อนเร็วๆนะ

ออฟไลน์ JokerGirl

  • ∀Σ❤∀ΔΣ Forever^^
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2921
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +128/-3
คู่กัดจะเป็นคู่รักยังไง สนุกดี

ออฟไลน์ Destiny

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 108
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
เสื้อกาวน์ สะกดงี้ มาจาก Gown เห็นนิยายแพทย์หลายเรื่องสะกดผิด ทั้งๆที่เป็นศัพท์พื้นฐานของวิชาชีพนี้
ระวังๆ หน่อยนะคะ ^^

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด