❤❤ มาดามใจ ❤❤ {Chapter12 ไม่ต้องมีคำบรรยาย} 18/02/2561 UP!! หน้า3
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ❤❤ มาดามใจ ❤❤ {Chapter12 ไม่ต้องมีคำบรรยาย} 18/02/2561 UP!! หน้า3  (อ่าน 15954 ครั้ง)

ออฟไลน์ ♠DekDoy♠

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4514
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +421/-8
ชลลลลลลล หนูไม่ละลายมั่งเหรอลูกเราแค่คนอ่านยังเขินละลายเลย

ออฟไลน์ Al2iskiren

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1789
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-3
น้องชลไม่เขิน แต่เราเขินแทนแล้ว  :-[

ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4992
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7

ออฟไลน์ ฟองดูว์

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 93
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +66/-3
Chapter6

ความลับ
(ตะวัน)











...เพนกวิน...






คงเป็นนิยามของเขาที่ผมพอจะนึกได้ ตัวเขาไม่ผอม แต่มีน้ำมีนวล คิดถึงเวลาได้ฟัดพุงคงจะนุ่มนิ่มน่าดู ไหนจะตาโตๆนั่นอีกล่ะ คงเป็นลักษณะเด่นของเขาอีกอย่าง เวลาเดินหรือวิ่งก็ดุ๊กดิ๊กเหมือนกับเจ้าเพนกวินที่อยู่ขั้วโลกเหนือ


และสิ่งที่ทำให้สะดุดตาไม่น้อยกว่าตาโตๆของเขาคงจะเป็นปากเล็กอวบอิ่มที่เวลางอนก็ชอบยื่นออกมา อยากจะเอื้อมมือไปจับหรือเอาปากไปชน ก็เกรงว่าจะโดนหมัดซัดเข้าที่ใบหน้าหล่อๆของตัวเอง ส่วนแก้มป่องๆสองข้างก็มีสีชมพูที่เหมือนลูกพีชจนอยากจะลองชิมดูว่าอร่อยเหมือนกันหรือเปล่า


แต่ที่พูดก็ทำไม่ได้ทั้งที่อยากทำแค่ไหนก็คงเป็นเพราะผมแอบหลบอยู่ในมุมของตัวเองเงียบๆ ถ้าไม่มีไอ้เพื่อนสองตัวคงจะเงียบสงบและมีความฟินมากกว่านี้ แต่ช่างเถอะเพื่อนมันก็คงขี้เสือกอยากรู้อยากเห็นเรื่องของผมเป็นธรรมดา


ทั้งหมดทั้งมวลที่คนอื่นเห็นรวมกันบนตัวของเขา อาจจะเรียกว่าน่ารักแต่สำหรับผมแล้ว คำนิยามไหนก็ไม่เหมาะสมเท่าคำว่า




...เพนกวิน...




ไม่รู้ว่าชอบเขาตอนไหน ไม่รู้เหมือนกันว่าเมื่อไหร่ รู้ตัวอีกทีก็เอาแต่มองหา จะใกล้จะไกลก็ทำได้แต่มอง มองจนเพื่อนสองตัวมันด่าว่านับวันคอยิ่งจะยาวเท่ายีราฟอยู่แล้วหรือเผลอๆอาจจะยาวกว่านั้นด้วยซ้ำ





ยีราฟเหรอ?





ยีราฟคู่กับเพนกวินได้ป่ะวะ?





ได้ไม่ได้ก็คงต้องลองพิสูจน์ แต่เหมือนเป็นเวรเป็นกรรมเรื่องความรัก พอจะเดินเข้าไปสารภาพก็เจอช็อตเด็ดเข้า







แม่งเขามีแฟนแล้วว่ะ







วันนั้นก็เดินคอตกหูตก ถ้ามีหางก็คงจะตกจนลากครูดไปกับพื้นแล้ว นึกๆก็คงจะแสบหางน่าดู







อกหัก...







อกหักตั้งแต่ยังไม่ทำอะไรเลยด้วยซ้ำ นี่ผมโง่หรือโง่ที่เอาแต่นั่งมองเขาไม่ไปจีบตั้งแต่เนิ่นๆ


แต่ก็นั่นแหละ ถึงผมจะโง่มหาโง่แค่ไหน ก็ทำได้เพียงแค่ยอมรับความจริงว่าตัวเองคงไม่ได้มีโอกาสฟัดพุงนุ่มนิ่มหรือเอาปากชนปากยื่นๆของเพนกวินแล้ว






ไม่เป็นไรวะ ค่อยจินตนาการเอาเองก็ได้





หลังจากวันนั้นก็เฮิร์ตเป็นพระเอกเอ็มวีไปหลายวัน กะว่าจะเดินตากฝนให้เปียกฉ่ำแต่ช่วงนั้นก็เสือกเป็นหน้าร้อนอีก แล้วไอที่เปียกๆก็มีแต่เหงื่อ ทั้งเหม็นทั้งเหนอะก็เลยยอมแพ้กลับบ้านไปอาบน้ำให้ตัวหอมสะอาดเหมือนเดิม


จำได้ว่าครั้งนั้นไอเพื่อนสองตัวก็เอาแต่กรอกหูว่าผมโง่ โง่ โง่และก็โง่แถมช่วงนั้นเป็นห่าอะไรกันนักหนาไม่รู้ซื้อแต่แห้วมาฝาก ผมนี่ก็นั่งแดกไปดิ






เออยอมรับว่าผมมันโง่ โง่แล้วเสือกแห้วอีก






ใครจะไปรู้วะครับว่าเขาจะชอบผู้ชาย ก็เห็นเขาไม่เห็นมีอาการอะไรแบบนั้นเลย เห็นวันๆอยู่แต่กับเพื่อนผู้หญิงและเพื่อนผู้ชายแถมเพนกวินยังตัวสูงที่สุดในกลุ่มอีก


สูงประมาณไหนคงบอกเป็นเซนไม่ได้แต่เอาจากประมาณคร่าวๆของผมเองก็น่าจะจมูกของผมอยู่ตรงหน้าผากของเขาพอดีนั่นล่ะ


ผมรู้ว่าตัวเองพลาดและโง่เอง แต่ใครมันจะอยากเดินเข้าไปแล้วเสี่ยงโดนต่อยหน้าแหกออกมาล่ะวะ


พอรู้ว่าเขามีแฟนและสำเหนียกตัวเองแล้วว่าอกหักแน่ๆก็เลยได้แต่ทำตัวเจี๋ยมเจี้ยมอยู่ในมุมมืดของตัวเองซึ่งมีเพื่อนทั้งสองเป็นตัวประกอบฉาก


คิดว่าจะเลิกมองเลิกสนใจแต่ที่ไหนได้ผมก็ยังไปแอบมองเขาเหมือนอย่างที่ทำทุกวัน มองเขากินข้าว มองเขายิ้ม มองปากยื่นๆนั่น มองตาโตๆ มองแม่งไปทั้งตัวจนผมเองยังกลัวตัวเองเลยว่าจะเป็นโรคจิตเข้าสักวัน


จากที่มองเขาบ่อยๆก็รู้ว่าแฟนเขาเป็นเด็กต่างสถาบัน มารับมาส่งกันเช้าเย็นขนาดนั้นจนผมอดเบ้หน้ากรอกตามองบนมองล่างไม่ได้





แหม! บ้านรวยน้ำมันนักหรือไงก็ไม่รู้





หน้าตาแฟนของเพนกวินก็ประมาณปลาชะโด ไม่รู้คนอื่นจะมองหล่อเท่หรือหน้าตาดีหรือจะอะไรก็แล้วแต่ แต่นิยามที่ผมให้ก็คือปลาชะโดไม่เปลี่ยนแปลง



ไม่อยากจะบอกว่าตัวเองหน้าตาดีแค่ไหน บรรยายให้ฟังก็คงไม่มีใครเชื่อ งั้นเอาตำแหน่งมายืนยันให้ก็ได้



ผมเป็นเดือนคณะของนิติศาสตร์แถมตอนประกวดเดือนมหาลัยยังได้รางวัลป๊อบปูล่าโหวตอีกต่างหาก ดอกมงดอกไม้นี่เต็มไม้เต็มมือไปหมด ไม่รู้ใครซื้อให้นักหนาแต่ก็คงขอบคุณพวกเขาที่ส่งให้ผมมาได้จนถึงทุกวันนี้



ไม่ต้องคอยเป็นเดือนมหาลัยที่เอาแต่รักษาภาพพจน์ห่าเหวอะไรก็ไม่รู้ กิจกรรมก็เยอะแยะไปหมด เดินไปไหนก็มีแต่คนขอถ่ายรูปอย่างกับเป็นหนึ่งในเจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ของโลก






และวันนั้นเองที่ผมได้พบกับเพนกวินสุดที่รัก






ผมยังจำฝังใจอยู่ทุกครั้งที่นึกถึง การพบเจอเขาเป็นเรื่องที่โคตรบังเอิญ คนอื่นอาจจะบอกแบบนั้น แต่ผมจะเรียกมันว่าพรหมลิขิต







พรหมลิขิตแห่งรัก.....ข้างเดียว







วันนั้นผมจำได้ว่าเป็นวันฝนตก ฝนตกหนักมากเหมือนชาตินี้จะไม่มีโอกาสตกอีกแล้ว หลังจากการประกวดความหล่อความสวยจบลง ผมก็แบกดอกไม้ที่น่าจะเหมามาทั้งสวนออกมาจากหลังเวทีเพื่อรอเพื่อนสองตัวไปเอารถมารับ


ทุกวันนี้ผมยังคิดอยู่เลยว่าเพื่อนผมมันโง่เหมือนหน้าตาหรือโง่โดยสันดาน แทนที่อีกคนจะรอแล้วช่วยผมถือของแต่มันเสือกไปด้วยกันทั้งสองคน ทำให้ผมยืนอยู่คนเดียวโดยที่มีดอกไม้กองท่วมหัว


ผมยืนรอแล้วรอเล่าก็ยังไม่เห็นรถของตัวเองที่เพื่อนอาสาไปเอาให้โผล่มาสักที รอนานเข้าจากที่แดดเปรี้ยงๆฝนก็เริ่มตกเหมือนฟ้าจะถล่มและตอนนั้นเอง เพนกวินก็หนีน้ำวิ่งดุ๊กดิ๊กมายืนข้างๆผม


ไม่รู้ว่าอะไรที่ทำให้ใจสั่นแต่ตอนนั้นก็เผลอเอาแต่มองหน้าเขาจนเจ้าตัวหันมาฉีกยิ้มให้


ยิ้มที่ทำให้สติเตลิดเปิดเปิงไปไหนก็ไม่รู้ รู้อีกทีตัวเองก็โยนดอกไม้ทิ้งแล้วรีบวิ่งหนีออกมาเพราะกลัวหัวใจตัวเองจะวายตายซะก่อน



นี่มันบ้าไปแล้ว



และวันนั้นผมก็พึ่งได้รู้กับตัวเองว่ารักแรกพบมันเป็นยังไง








ผมจมอยู่กับความอกหักมาจนขึ้นปีสอง อยากจะเอาใจไปให้คนอื่นแต่เพนกวินก็ยึดไว้ซะเหนียวแน่นจนผมได้แต่ยอมจำนนกับความรักอันแสนขมขื่นและชื่นมื่นของเพื่อนสองตัว





“มึงจะยอมแพ้เหรอวะ?”


“เป็นแฟนกันแล้วเลิกกันไม่ได้หรือไง?”






คำพูดนั้นเกิดขึ้นในตอนเย็นที่ผมนั่งเป็นพระเอกเอ็มวีนั่งมองหน้าต่างบ้านตัวเองอีกครั้งเพราะไปเจอเพนกวินกับปลาชะโดจู๋จี๋กันกลางห้าง ตอกย้ำความอกหักของผมอย่างรุนแรงที่สุด


วาจาเหล่านั้นที่เพื่อนได้เอื้อนเอ่ยออกมาทำให้ผมเริ่มฮึกเหิม ลองหาช่องทางที่จะเข้าถึงตัวเพนกวินมากที่สุดและสุดท้ายสวรรค์ก็ยังคงเมตตาผมส่งเนมเพื่อนสนิทอีกคนของเขามาให้ผมรู้จัก


เราเจอกันตอนไปค่ายอะไรสักอย่างนี่แหละครับแล้วก็ได้ทำความรู้จักกัน เนมมาค่ายนั้นคนเดียวเพราะเพื่อนอีกสองคนไม่ว่างเพราะช่วงนั้นปิดเทอมด้วยแหละ ใครๆก็ไม่อยากไปไหนนอกจากนอนอืดอยู่บนเตียง


ผมพยายามเข้าไปตีซี้และสุดท้ายก็สำเร็จแลกช่องทางติดต่อของกันและกันเท่าที่มี


กลับจากค่ายก็ไม่รอช้าแอดเพื่อนในเฟสบุ๊คเนมในวันต่อมาแล้วทักทายถามไถ่ให้ปกติที่สุด


ค้นหารายชื่อเพื่อนของเขาจนเจอกับรายชื่อที่ต้องการก็แอดไปโดยทันที แต่ก็ต้องนั่งหงอยไปหนึ่งอาทิตย์เพราะเขาไม่ยอมรับเป็นเพื่อนสักที ผมก็ได้แต่เข้าไปส่องนู่นส่องนี่ของเขาไปเรื่อย


และฝันของผมก็เป็นจริงเมื่อแจ้งเตือนในเฟสบุ๊คเด้งขึ้น บ่งบอกว่าเขารับผมเป็นเพื่อนแล้ว ผมเห็นแล้วน้ำตาก็ปริ่ม อยากจะป่าวประกาศให้ทั่วหมู่บ้านแต่ก็ยังเกรงใจข่มความดีใจไว้คนเดียว แล้วอีกวันก็ค่อยเอาไปบอกเพื่อนทั้งสองตัว


ผมยังคงคุยกับเนมและเริ่มเนียนๆถามไถ่ถึงเพื่อนคนอื่น พอเริ่มสนิทกันเนมก็เล่าเรื่องชลให้ฟังบ้าง ผมก็ได้แค่รับฟังเงียบๆและจำใจความให้ได้มากที่สุด


ผมทำใจสารภาพกับเนมว่าผมชอบเพื่อนของเขา เนมดูไม่ตกใจแถมบอกว่ารู้ด้วยซ้ำว่าผมชอบชลแถมยังบอกว่าเห็นผมแอบมองเพื่อนเขาบ่อยๆ ผมนี่ก็ตกใจคิดว่าตัวเองก็แอบเนียนที่สุดแล้วนะ ทำไมโดนจับได้ก็ไม่รู้


จากนั้นเขาก็คอยบอกคอยเล่าเรื่องของชลให้ผมฟังทุกวัน


เนมเล่าให้ฟังว่าพักหลังๆมานี้ชลเอาแต่นั่งซึมไม่ร่าเริงเหมือนเดิม วันดีคืนดีก็นั่งร้องไห้คนเดียวเงียบๆโดยไม่มีเสียงสะอื้น กับแฟนก็ไม่ค่อยเห็นไปไหนมาไหนด้วยกันเหมือนแต่ก่อน





เหมือนมันใกล้ถึงเวลาที่ความรักจะจบลง...





ผมรู้สึกสงสารชลจับใจ เพนกวินของผมดูผอมลงกว่าที่เคยเห็นเมื่อก่อน แอบนั่งมองเขาไกลๆก็อยากจะเดินเข้าไปแล้วโอบร่างนุ่มนิ่มนั้นไว้ในอ้อมกอด ผมได้เพียงแค่คิดเพราะเขายังคงมีเจ้าของหัวใจ


วันนั้นเป็นวันเกิดของชล ผมเตรียมของขวัญวันเกิดให้เขาตั้งแต่ต้นเดือนทั้งที่วันเกิดชลอยู่กลางเดือน ผมไม่รู้ว่าของขวัญของผมจะถูกใจเขามากแค่ไหนแต่ผมรู้อย่างเดียวว่าผมตั้งใจทำมันสุดฝีมือแล้วจริงๆ




ผ้าเช็ดหน้าสีฟ้าน้ำทะเลพร้อมกับชื่อของเขาที่ปักลงบนผ้าผืนบาง




แล้วความซวยก็มาเยือนผมโดยไม่รู้ตัว เมื่อถึงวันเกิดชลผมกลับไม่สบายขึ้นมาดื้อๆ ไปมหาลัยก็ไม่รอด สุดท้ายก็เลยตัดใจค่อยเอาไปให้วันที่หายป่วย







Chonlathee เปลี่ยนสถานะจาก “In a relationship” เป็น “โสด”

Tawanและอีก20อีกคนถูกใจสิ่งนี้







โห! เปิดเฟสบุ๊คมาไข้ก็แทบหายเป็นปลิดทิ้ง น้ำตาแห่งความปลื้มปริ่มไหลลงมาเงียบๆ ผมจรดนิ้วกดถูกใจโดยไม่ต้องคิด


อยากจะวิ่งไปแก้บนกับศาลหน้าหมู่บ้านที่เคยบนไว้มันซะตอนนี้ ไม่คิดว่าวันนี้จะมาถึง วันที่ผมจะเลิกกินแห้วแล้ว


ผมเปิดแชททักชลเป็นครั้งแรกตั้งแต่เขารับเป็นเพื่อน ทั้งตื่นเต้นทั้งดีใจ พิมพ์ๆลบๆเป็นรอบที่พัน สุดท้ายก็กดส่งไปด้วยข้อความธรรมดาๆ







Tawan : สุขสันต์วันเกิดนะชล มีความสุขมากๆนะครับ
Chonlatee : ขอบคุณนะตะวัน
Tawan : ครับ พรุ่งนี้เราเอาของขวัญไปให้นะ
Chonlatee : เฮ้ย! ไม่เป็นไร เราเกรงใจ
Tawan : รับไปเถอะครับ เราอุตสาห์ทำให้
Chonlatee : ก็ได้ครับ ขอบคุณมากๆนะ
Tawan : ครับ








คืนนั้นก็ได้แต่นอนยิ้มทั้งคืน กอดโทรศัพท์ไว้แน่นเหมือนกลัวว่าสิ่งที่เห็นจะเป็นความฝัน


ตื่นเช้ามาสิ่งแรกที่ทำคือนั่งอ่านบทสนทนาระหว่างเขาอีกรอบ นั่งยิ้มอมขี้ฟันม้วนตัวเขินอยู่บนเตียงเป็นชั่วโมงกว่าจะได้ไปมหาลัย


ผมแทบจะปิดซอยเลี้ยงฉลองแต่เพื่อนทั้งสองห้ามปรามไว้ได้ทัน สิ่งที่ทำได้ตอนนั้นคือเลี้ยงบาบีคิวไอ้เพื่อนทั้งสองตัวคนละไม้


จากวันนั้นจนถึงวันนี้ก็อาศัยความรู้จักกับเนมค่อยๆตีซี้เข้ากลุ่มของชลสุดท้ายก็ได้เป็นเพื่อนกันและกินข้าวด้วยกันทุกๆตอนเที่ยง


ได้พูดคุย สบตาและได้รับรอยยิ้มหวานๆจากชลก็แทบจะไปกราบศาลหน้าหมู่บ้านอีกครั้ง   


แต่หลายๆครั้งผมก็แอบเห็นชลนั่งเหม่อ แววตาเขาดูเศร้าจนผมอดไม่ได้ต้องชวนเขาคุยให้หลุดจากอาการเหม่อที่ผมพอจะเดาได้ว่าเกิดจากอะไร


ผมมีโอกาสได้ดูแลเขาตอนไม่สบาย ได้มีโอกาสให้เขานั่งซ้อนท้ายจักรยานและมีโอกาสที่ได้ยินชื่อของผมที่เปล่งออกมาจากริมฝีปากอวบอิ่มของเขา




“ตะวัน”


“หือ?”


“ไปซื้อน้ำกัน เพื่อนกลับมาแล้ว”


“อ่า...ครับ”




ไม่รู้ว่าตัวเองนั่งเหม่อไปนานแค่ไหน รู้ตัวอีกทีเพื่อนที่เดินไปซื้อข้าวกันก็กลับมานั่งพร้อมกับมองผมด้วยสายตาที่เอ่อ...ประหลาด







ผมไม่รู้ว่าต่อจากนี้จะเป็นยังไง แต่ผมคนนี้จะขอดามใจเพนกวินตัวนี้เอาไว้เอง....





#######################




ในที่สุดพระเอกก็ได้เล่าเรื่องสักที

ไม่รู้ทุกคนจะคิดภาพชลเป็นยังไงแต่ตะวันก็ยังยืนยันว่าชลที่ตะวันเห็นคือแพนกวิ้นที่เดินดุ๊กดิ๊กอยู่ขั้วโลกเหนือ



ขอบคุณทุกคนที่ติดตามนะค้าา

:pig4:


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 27-05-2017 20:29:41 โดย ฟองดูว์ »

ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4992
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7

ออฟไลน์ ♠DekDoy♠

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4514
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +421/-8
ลุ้นให้ตะวันดามใจชลได้เร็ว ๆ

ออฟไลน์ kenghan

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1440
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-2
พระเอกนี่หลงตัวเองน้า

ออฟไลน์ yehatt

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 11
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0

ออฟไลน์ A-J.seiya*

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3335
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +306/-8
ดีมาก ดามใจกันไปปปป

ออฟไลน์ Al2iskiren

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1789
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-3
ยิ่งได้อ่านมุมของตะวัน ยิ่งรู้สึกว่าฮีโคตรน่ารักเลย :-[

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ maekkun

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 223
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0

ออฟไลน์ ฟองดูว์

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 93
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +66/-3



Chapter7

หนึ่งคำที่ล้นใจ








ฤดูฝนผ่านไปแล้ว วันนี้ท้องฟ้าปลอดโปร่งและสดใสกว่าทุกๆวัน สายลมพัดผ่านกระทบใบหน้าและผิวกายที่โผล่พ้นออกจากเสื้อนักศึกษาสีขาวสะอาดตา เสียงใบไม้และใบหญ้าตกกระทบกันจนพาให้คนฟังเคลิบเคลิ้มเหมือนดังเสียงเพียงที่คอยขับกล่อม


ไม่มีเสียงผู้คนดังวุ่นวายและรบกวนโสตประสาท มีเพียงเสียงนกและเสียงลมพัด มันสงบจนไม่อยากออกไปจากที่แห่งนี้ ที่ที่ผมใช้เป็นที่พักผ่อนหย่อนใจในเวลาที่ไม่สบายใจ


จำไม่ได้ว่าค้นพบที่แห่งนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่หรือตอนไหน รู้แค่ว่าที่แห่งนี้มันทำให้ผมมีความสุขและสงบสุขที่สุดเท่าที่เคยพบมานอกจากบ้านที่เชียงใหม่


มีต้นไม้ใหญ่คอยเป็นร่มเงาให้ผมไม่ต้องเผชิญกับแสงแดดที่สาดส่องลงมาจากดวงตะวัน มีพื้นหญ้าสีเขียวอ่อนๆเป็นที่รองรับน้ำหนักให้ผมได้พักพิง


“ไม่สบายใจอะไรอีกล่ะ?”


เสียงทุ้มหูดังขึ้นพร้อมกับคนพูดนั่งลงข้างๆผม เราสองคนไม่ได้มองหน้ากัน ทำเพียงแค่ทอดสายตาออกไปไกลแสนไกลโดยไม่มีจุดหมายที่แน่นอน


“เรื่องงานน่ะ”


“ทำไมล่ะ?”


“งานไม่ดีเท่าที่ควรทั้งที่ตั้งใจกับมันมากแต่ก็ไม่ดีสักที”


“เอาน่า อย่าคิดมาก ค่อยๆคิด ค่อยๆแก้เดี๋ยวงานมันก็ดีอย่างที่ตั้งใจนั่นแหละ”


“เฮ้อ เราน่าจะเลือกเรียนคณะเกษตรตั้งแต่แรก ปลูกผักก็น่าสนุกดี”


“โหย  มันไม่สนุกหรอกเอาจริง ดูอย่างกูสิออกแดดแค่ปีเดียวก็ตัวดำเป็นเมี่ยงแล้ว กลับบ้านไปคนที่บ้านก็แทบไล่ออกจากบ้าน”


ผมหัวเราะกับคนพูด ถึงจะฟังดูหยาบคายแต่เขาก็เป็นคนดีและคนตลกคนหนึ่ง แทนไทเพื่อนคณะเกษตรที่ผมรู้จักและได้พูดคุยเสมอในยามที่แวะมานั่งใต้ต้นไม้แห่งนี้ มองดูแปลกผักและนักศึกษาคณะเกษตรช่วยกันปลูกผักก็เพลินตาไปอีกแบบ


“ได้ข่าวว่าดำตั้งแต่เกิดไม่ใช่เหรอ?”


“รู้ได้ยังไงว่ากูดำตั้งแต่เกิด กูขาวออร่าจนพ่อต้องใส่แว่นตากันแดดเวลาคุยกับกูเลยล่ะ”


“ขี้โม้”


“เออ”


ผมยิ้มขำกับมุกตลกของคนข้างๆ มีเขานี่แหละที่พูดคำหยาบกับผมเป็นคนแรก ตอนแรกก็ไม่ค่อยชอบแต่เจอกันบ่อยๆก็เข้าใจวิถีคนห่ามอย่างเขา


แทนไทเป็นลูกเจ้าของสวนยางพาราทางใต้แต่เจ้าตัวดันชอบปลูกผักมากกว่า เห็นบอกว่าถ้าเรียนจบจะไปขยายสวนที่บ้านเกิดให้มีสวนผักอีกสักสิบไร่


“แล้วแครอทที่ปลูกขึ้นหรือยัง?”


“อีกสักสองวันคงเก็บได้”


“อืม”


“เดี๋ยวเอาไปให้ที่คณะแล้วกันหรือจะมาเอาที่นี่?”


“มาที่นี่ดีกว่า เราอยากเก็บแครอทเองบ้าง เห็นแทนเก็บแล้วดูสนุกดี”


“มึงนี่เห็นอะไรก็เป็นเรื่องสนุกหมดหรือไงวะ เหนื่อยนะโว้ยบอกไว้ก่อน”


“อยู่ที่เชียงใหม่เราก็ไปช่วยพ่อเก็บสตรอว์เบอรีในสวนออกบ่อยๆ ไม่เหนื่อยหรอก”


ว่าเสร็จก็ฉีกยิ้มให้อีกคนที่เบ้หน้าใส่กับรอยยิ้มของผม ยังคงคอนเซ็ปคนห่ามไว้ได้ดี


“ยิ้มอย่างกับหมาได้กระดูก ตามใจมึงละกันแล้วอย่ามาบ่นทีหลัง กูไม่เห็นใจมึงหรอกนะ”


“ช่างสิ”


“กูสงสัยมานานละ มึงบอกว่าไม่ชอบกินผัก แล้วทำไมชอบมาขโมยแครอทจากกูจังวะ”


“ถึงเราไม่ได้ชอบผักแต่ไม่ได้หมายความว่าเราจะไม่ชอบแครอทสักหน่อย”


“กูล่ะปวดหัวกับคำพูดมึงจริงๆ”


“เราก็ปวดหัวกับคำพูดห่ามๆของแทนเหมือนกันนั่นแหละ”


ผมโดนผลักหัวแรงๆหนึ่งทีจนหน้าเกือบลงไปจูบกับผืนหญ้าสีเขียวอ่อน ยังดีที่ทรงตัวได้ทันไม่งั้นไอ้คนที่ทำผมนี่แหละจะไม่ได้ตายดี


“กลับไปหาเพื่อนมึงได้ละ รำคาญไอ้ตัวเล็กนั่นจะมาบ่นกูอีก”


นึกถึงเนมเพื่อนตัวเล็กที่เป็นไม้เบื่อไม้เมากับแทนไทก็นึกตลก เนมไม่ค่อยชอบให้ใครมาพูดคำหยาบด้วย พอเจอกับแทนไทที่แทบพ่นสัตว์ทั้งโลกออกมาก็แทบจะจับกินหัว ไอ้คนพูดพอเห็นอย่างนั้นก็สนุกเขาล่ะ เจอกันทีก็ด่ากันไฟแลบจนพวกผมหยุดขำกันไม่ได้




อีกคนพูดหยาบ ส่วนอีกคนก็พูดจาไพเราะเสนาะหูซะเหลือเกิน




“คิดๆดูแทนกับเนมก็ดูเหมาะกันดีน้า”


“มึงอย่ามาพูดอะไรที่ทำให้กูหดหู่แบบนี้ แค่ได้ยินชื่อหน้าเพื่อนมึงก็ลอยมาหลอกหลอนกูแล้ว”


“ฮ่าๆๆ เนมเป็นคนนะไม่ใช่ผี”


“ถ้าให้กูเลือกระหว่างผีกับเพื่อนมึง กูขอเลือกผีดีกว่า คนห่าอะไรด่ากูได้ตลอด ถ้าแดกหัวกูได้คงแดกไปแล้วมั้งนั่น”


“แทนก็ไม่ต่างกันหรอก”


“เออ กูเห็นหน้ามันแล้วอดไม่ได้ ตัวก็เตี้ยเท่าหมากระเป๋า เห่าก็เก่งที่หนึ่งเลยเพื่อนมึงน่ะ”


“นี่! เดี๋ยวก็ไปฟ้องเนมซะหรอก”


“เหอะ คิดว่ากูกลัวซะเมื่อไหร่ ก็แค่หมากระเป๋าตัวเล็กๆ”


“ปากนะปาก ไม่พูดคำหยาบสักวันผักมันจะไม่โตหรือไง?”


“เออ กูก็เป็นแบบนี้ตั้งนานแล้ว มีแต่พวกมึงนั่นแหละพูดเหี้ยอะไรก็ไม่รู้ อย่างกับพวกคุณหนูหลุดออกมาจากวัง”


“จริงเลยๆ ไปดีกว่าเดี๋ยวอีกสองวันจะมาเก็บแครอท”


“เออ ไสหัวไปสักที”


ขนาดคำบอกลาสักคำยังไม่มี มีแต่คำพูดห่ามๆกับการโบกมือไล่ที่ผมเห็นจนชินตา ถ้าวันไหนแทนไทพูดดีๆด้วย วันนั้นคงเป็นวันสิ้นโลกแล้วจริงๆ











กลับมาถึงคณะก็เจอเนมเพื่อนรักนั่งรออยู่ใต้คณะคนเดียว มองหาเพื่อนผู้หญิงคนเดียวในกลุ่มก็ไม่เจอ สงสัยไปซื้อของกินหรือไม่ก็ไปเข้าห้องน้ำล่ะมั้ง


“ไปหาคนปลูกผักอีกแล้วเหรอ?”


“อือ แทนไทฝากความคิดถึงมาให้เนมด้วยนะ”


“พูดอะไรน่าขนลุก” ไม่ว่าเปล่า ลูบแขนและเบ้หน้าประกอบจนผมอดไม่ได้ที่จะขำกับท่าทางของเพื่อนตัวเอง


“ฮ่าๆๆ ล่อเล่น”


“เดี๋ยวเถอะ ทีหลังอย่าพูดอะไรแบบนี้อีกนะ นึกหน้าคนปลูกผักแล้วพาลจะนอนไม่หลับ หลอนประสาทชะมัด”


“แล้วนี่วาไปไหน?”


“ขึ้นไปรอบนห้องแล้วน่ะ เห็นบอกว่ามีเรื่องคุยกับจีจี้”


“อือ”


“ขึ้นห้องเถอะ อีกห้านาทีก็จะเรียนแล้ว”












หลังจากเรียนเสร็จ ผมมีนัดกับตะวันที่โรงยิมเพราะผมบอกเขาให้สอนเล่นบาสเก็ตบอล กีฬาที่ตะวันอวดนักอวดหนาว่าเก่งที่สุดในมหาวิทยาลัย


ตอนฟังก็ได้แต่เบ้หน้า นินทาในใจเงียบๆคนเดียว คนบ้าอะไรหลงตัวเองชะมัด


“วันนี้ชลไม่ได้กลับด้วยนะ เดี๋ยวชลต้องไปหาตะวันก่อน”


“หืม? ไปหาตะวันทำไมอ่ะ?”


“ไปเล่นบาส”


“ชลเนี่ยนะเล่นบาส!?” เพื่อนทั้งสองพูดออกมาพร้อมกันจนผมมต้องเลิกคิ้วมอง


“ใช่น่ะสิ ตกใจอะไรกันเล่า”


“ร้อยวันพันปีไม่เคยเห็นสนใจ แล้วนี่คิดยังไงจะไปเล่นบาส?” เนมเป็นฝ่ายพูดออกมาก่อน


“ก็...ไม่รู้อ่ะ อยากเล่นก็คืออยากเล่น คิดอะไรมากเล่า”


“จริงดิ อยากเล่นบาสจริงๆเหรอชล ไม่ใช่ว่าอยากไปเล่นตะวันหรอกนะ”


“เดี๋ยวๆ อะไรคือเล่นตะวัน พูดจาเลอะเทอะ”


เพื่อทั้งสองมองหน้ากันก่อนจะตอบออกมาพร้อมๆกัน


“ก็ไม่รู้สินะ”


ผมได้แต่เบ้หน้าก่อนจะเดินนำเพื่อนไปที่รถของเนมที่จอดอยู่


“ไปกันได้แล้ว ไปส่งชลที่โรงยิมด้วย”


“ครับๆ คุณชลธี”










ภายในโรงยิมมีผู้คนไม่มากมายนัก นักศึกษาบางกลุ่มนั่งอยู่บน อัฒจันทร์เพื่อมาดูนักบาสในสนามที่กำลังส่งลูกบาสกันไปมาอย่างสนุกสนาน หนึ่งในนั้นก็มีคนที่นัดผมมาด้วย นั่นก็คือตะวัน


ผมก้าวขึ้นไปนั่งบนเก้าตรงอัฒจันทร์ก่อนจะเห็นตะวันโบกไม้โบกมือทักทาย พร้อมยิ้มแฉ่งโชว์ลักยิ้มที่ข้างแก้มซ้าย พาให้สาวๆที่มองอยู่ต้องส่งเสียงกรี๊ดให้นักบาสหนุ่มสุดหล่อ


ตะวันทำหน้าเหรอหรา ก่อนจะยกมือขึ้นเกาจมูกตัวเองอย่างเขินอาย ผมส่งยิ้มให้เขาและโบกมือทักทายกลับก่อนที่ตะวันจะกลับไปแย่งลูกในสนามต่อ


ท่าทางคล่องแคล่วในสนามนั้นทำให้ผมอดที่จะชื่นชมเขาในใจไม่ได้ คำที่เขาคุยโวโออวดกับผมก็คงไม่ต่างจากสิ่งที่ผมเห็นเท่าไหร่ ไหนจะท่าชู้ตบาสจนตัวลอยหรือการหลบหลีกผู้ต่อสู้ฝั่งตรงข้ามก็ทำให้ผมดูการแข่งขันอย่างเพลิดเพลินจนไม่กล้าละสายตาแม้แต่วินาทีเดียวด้วยซ้ำ


ดูได้ไม่นานเกมในสนามก็จบลง มองจากตรงนี้ก็เห็นเหงื่อของทุกคนเปียกโชกไปทั่วแผ่นหลัง ส่วนตะวันรายนั้นแข่งจบก็โบกมือให้ผมก่อนจะหันไปพูดกับเพื่อนๆในทีมบาส ไม่นานเสียงโห่แซวกลางสนามก็ดังขึ้นพร้อมกับทุกสายตาหันมามองทางผมเป็นตาเดียว


ผมไม่รู้ว่าพวกเขาคุยอะไรกันแต่เห็นตะวันเดินเกาจมูกเข้ามาหาผมพร้อมหน้าแดงระเรื่อ คงเพราะพึ่งเล่นกีฬาเสร็จ


“อ่ะน้ำ”


“ขอบคุณครับ”


ตะวันรับน้ำที่ผมยื่นให้ก่อนจะหย่อนตัวนั่งลงข้างๆกัน


“เหนื่อยเปล่า จะสอนเราไหวไหมเนี่ย?”


“ไหวดิ แค่นี้สบายมาก”


“ขี้โม้”


“จริงๆ ไม่เชื่อเดี๋ยวจะวิ่งรอบสนามให้ดูสักสิบรอบเป็นไง”


“เอาดิ”


“เฮ้ยๆ นี่จะไม่ห้ามกันหน่อยหรือไง คนอะไรใจร้ายใจดำ”


“ทำงอนเป็นเด็กไปได้ แล้วเมื่อกี้พวกในสนามเขาแซวตะวันเรื่องอะไรอ่ะ เห็นมองมาที่เรากันหมดเลย”


“ไม่มีอะไรหรอก พวกมันไร้พูดไร้สาระปกตินั่นแหละ อย่าสนใจเลย”


“โกหกเราเปล่าเนี่ย”


“พูดจริงดิครับ นายตะวันไม่เคยโกหกใครอยู่แล้ว โดยเฉพาะหัวใจตัวเอง”


จู่ๆไม่รู้ทำไมหน้ามันร้อนวูบวาบขึ้นมา ไม่รู้เพราะคำพูดหรือสายตาของตะวันกันแน่ที่ทำให้ผมอยากจะเบือนหน้าหนีสายตาที่มันวาววับทั้งเจ้าเล่ห์ในเวลาเดียวกัน แต่สิ่งที่คิดกับสิ่งที่ทำอยู่กลับต่างกัน ในเมื่อผมเอาแต่นั่งมองเข้าไปในตาของตะวัน อยากค้นให้ลึกไปถึงความรู้สึกและความหมายที่เขาต้องการจะสื่อสารกับผม


“น้ำเย็นเนอะ สดชื่นจัง”


และตะวันก็ทำให้ผมละสายตาจากเขามามองขวดน้ำที่เหลือเพียงก้นขวด


“อื้อ พึ่งออกจากตู้แช่เย็นก็ต้องเย็นอยู่แล้วดิ”


“วันหลังเอามาให้อีกบ่อยๆได้หรือเปล่า?”


“ถึงเราไม่เอามาให้ก็คงจะมีแฟนคลับตะวันเอามาให้อยู่แล้ว”


“แต่มันไม่สดชื่นเหมือนน้ำที่ชลเอามาให้นี่นา”


“น้ำที่ไหนมันก็เหมือนๆกันหมดนั่นแหละ”


“น้ำเหมือนกันก็จริงแต่คนให้มันไม่เหมือนกันนะครับ”


“ยังไง?”


“ก็คนให้เป็นชลแค่นั้นแหละ”


“อะไรของตะวันเนี่ย?”


“ก็...ไม่มีอะไรหรอกแค่นึกถึง”


“นึกถึง?”


“นึกถึงชลตลอดเวลาเลย” ไม่รอให้ผมงงนานไปกว่านี้ตะวันก็ฉีกยิ้มกว้างแล้วยกมือขึ้นมาขยี้หัวผมเบาๆก่อนจะชวนลงสนามเพื่อสอนบาสเก็ตบอลให้ผมต่อ “ไปเถอะเดี๋ยวจะมืดค่ำไปกว่านี้ ส่วนที่บอกว่านึกถึงน่ะ นึกถึงจริงๆนะ”


เขาว่าย้ำอีกครั้ง ก่อนจะเดินนำหน้าผมเพื่อลงไปในสนาม ผมก็ได้แต่เดินตามและมองตามแผ่นหลังกว้างด้วยความไม่เข้าใจ...




####################


อะไรคือนึกถึง? จงถอดรหัส ฮ่าๆๆ

มีคนเพิ่มมาอีกแล้วซึ่งจะเป็นคนที่หยาบคายที่สุดในเรื่องเพราะมันห่ามยิ่งกว่ามะละกอซะอีก

ขอบคุณที่ติดตามนะค้า
 :pig4:







ออฟไลน์ buathongfin

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1251
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +27/-3
แทนไทคนเถื่อน เร้าใจเนมสิ  :hao6:

ออฟไลน์ Al2iskiren

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1789
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-3
อยากเห็นแทนไทกัดกะเนมท่าจะสนุก  o18
ส่วนตะสัน ยังน่ารักเหมือนเดิม

ออฟไลน์ yehatt

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 11
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0


แทนไทมันคนเถื่อน 555555555
 :m20:

ออฟไลน์ maekkun

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 223
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0

ออฟไลน์ maemix

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4414
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +299/-3
ตะวันก็บอกตรงๆไปเลย ชลจะได้ไม่ถอดรหัส
อีกคู่แทนไทเนม

ออฟไลน์ boonpa

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2359
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +132/-9
 :hao3: มีให้ลุ้นตลอดคู่นี้ แถมคู่ใหม่ให้เราลุ้นอีก

ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4992
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7
 :L2: :L2: :L2: :L2: :L2:
ถ้าจะถอดแบบง่ายๆเลยก็ นึกถึง = คิดถึง
แต่ถ้ามากกว่านี้ก็คงต้องรอ

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ ฟองดูว์

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 93
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +66/-3



Chapter8

รู้ยัง










ครบกำหนดการเก็บแครอทในแปลงของแทนไทแล้ว ผมนัดเขาไว้ช่วงห้าโมงเย็น อากาศในตอนนั้นคงจะไม่ร้อนมากนัก เจ้าตัวก็ตอบรับอย่างเห็นด้วยไม่วายพ่นสัตว์เลื้อยคลานมอบให้เป็นของขวัญอีก ไม่เข้าใจเขาเลยจริงๆ


“ตะวัน”


“หืม?”


“เดี๋ยวห้าโมงเราต้องไปเก็บแครอทนะ วันนี้คงได้เล่นบาสแค่ชั่วโมงเดียว”


“แครอทเหรอ?”


“อื้อ นัดเพื่อนที่เกษตรไว้แล้ว”


“น่าสนใจนะ งั้นเราไปด้วย”


“แล้วตะวันไม่มีซ้อมเหรอ?”


“มีสิแต่อยากไปเก็บแครอทมากกว่ากลับมาค่อยไปซ้อมก็ได้ พวกนั้นไม่ว่าอะไรหรอก”


“เอาสิ”


“งั้นเดี๋ยวเราไปจักรยานกันดีกว่าเนอะ”


“ครับ”





ผมกับตะวันเดินเข้าไปในโรงยิม ผ่านมาสองวันแล้วที่ผมมาฝึกบาสกับตะวันที่นี่ วันแรกกลับห้องไปก็ปวดเมื่อยเนื้อตัวไปหมด วันที่สองก็ยิ่งหนักเข้าไปใหญ่ ตะวันบอกว่านานๆไปจะหายเอง คงเพราะผมไม่ค่อยออกกำลังกายด้วยล่ะมั้ง มันถึงเมื่อยเนื้อเมื่อยตัวง่ายขนาดนี้




วันนี้โรงยิมมีคนไม่มาก มีเพื่อนนักบาสของตะวันอยู่สองคนชื่อว่า กิตกับปุนณ์ สองคนนั้นเมื่อเห็นผมเดินเข้ามากับตะวันก็รีบโบกมือทักทายทันที


“มานานแล้วเหรอ?” ตะวันถามเพื่อนเมื่อเดินมาถึงที่เพื่อนนั่งอยู่


“พึ่งมา หวัดดีชล” กิตเป็นคนตอบก่อนจะชะโงกห้ามาทักทายผมที่ยืนอยู่หลังตะวัน


“หวัดดีๆ” ผมทักทายกิตกับปุนณ์กลับ


“เออเดี๋ยวห้าโมงกูขอยืมจักรยานมึงหน่อย” ตะวันหันไปคุยกับปุนณ์เจ้าของจักรยานคันสวยที่ผมเคยนั่งแล้วหนึ่งครั้ง


“อาห้ะ จอดอยู่ที่เดิมนั่นแหละ”


“ขอบใจมาก”





ผมกับตะวันซ้อมบาสกันจนถึงห้าโมงเย็นจากนั้นจึงขอตัวออกมาก่อน ของผมไม่มีปัญหาอะไรอยู่แล้วเพราะเหมือนมาเล่นกีฬาออกกำลังกายมากกว่า ส่วนตะวันก็ขอรุ่นพี่ออกมา ตอนแรกคิดว่าจะไม่ได้แต่เจ้าตัวก็ออดอ้อนจนรุ่นพี่ยอม ไม่ใช่ว่าใจอ่อนหรืออะไรแต่เหตุผลที่พี่เขาให้คือทุเรศลูกตา






แต่ผมก็ว่าน่ารักดีออก.....มั้ง






“ตะวัน เราขอขับนะ” เมื่อมาถึงตรงที่จักรยานจอดอยู่ ผมก็เอ่ยขึ้นขัดตะวันก่อนที่เขาจะได้ขึ้นคร่อมจักรยาน


“ขับเจ้านี่น่ะเหรอ?” เขาชี้ไปที่จักรยานที่นอนนิ่งอยู่ข้างๆ


“อื้อ”


“ขับไหว?”


“ไม่รู้ ลองดู ไม่พาล้มหรอกน่า” ผมว่า แต่ตะวันก็ยังถ้าทางไม่เชื่อผม ถึงผมจะตัวเล็กกว่าเขาแต่ใช่ว่าจะไม่มีแรงซะหน่อย ยังไงก็ผู้ชายเหมือนๆกัน สูงกว่านิดเดียวทำมาข่ม โธ่


“เอาจริงดิ?”


“กลัวหรอ ไม่เชื่อใจเราเหรอ?”


ผมช้อนตามองคนตรงหน้า ทำหน้าตาเหมือนแมวไม่ได้กินอาหาร ตะวันทำหน้าเลิ่กลัก เกาหัวตัวเองเหมือนทำอะไรไม่ถูก


“เฮ้ยๆ ไม่ใช่อย่างนั้นแต่แบบ---”


“ช่างเถอะ ตะวันไม่เชื่อใจเรา เราไม่ขับก็ได้” ผมว่าด้วยน้ำเสียงหงอยๆ เดินคอตกทำท่าไปนั่งเบาะหลัง เหลือบมองตะวันก็เห็นทำหน้าตาตลกมองตามการกระทำผมอยู่


“ชล” ตะวันเรียกเสียงอ่อนเสียงหวาน


“....” แต่ผมก็ยังเงียบ นั่งสำรวจจักรยานไปเรื่อยเปื่อย


“ชลครับ”


“....” จะว่าไปมีจักรยานใช้ขับที่มหาลัยก็ดีเหมือนกันนะ เดี๋ยวต้องไปปรึกษาเนมกับวาซะแล้ว


“ก็ได้ๆ”


“ก็แค่เนี้ย” ผมไม่รอให้ตะวันพูดอะไรอีก รีบพาตัวเองมาขึ้นเบาะคนขับอย่างรวดเร็วก่อนอีกคนจะคิดได้ “ขึ้นเร็ว”


“ร้ายนักนะ”


ผมหันมาส่งยิ้มให้ตะวัน ก่อนจะเร่งให้เขาขึ้นซ้อนท้ายสักที ตะวันส่ายหน้าให้ผมยิ้มๆก่อนจะทำตามอย่างว่าง่าย






ทำตัวแบบนี้ค่อยน่ารักหน่อย






ออกตัวไปได้อย่างทุลักทุเล ไม่ใช่ว่าผมขับไม่ไหวหรือตะวันหนักเกินไป ข้อนี้ตอนแรกอาจจะใช่แต่นานไปผมเริ่มรู้สาเหตุที่แท้จริงแล้วว่าทำไมรถมันถึงส่ายไปส่ายมาแบบนี้


“ตะวันอยู่นิ่งๆ เดี๋ยวก็พาล้มหรอก”


“ไม่เป็นไรเราเชื่อใจชล”





....เกลียดตะวัน....





“อย่าแกล้ง” พอโดนว่าก็หยุดขยับตัว รถจึงหยุดส่ายไปส่ายมา


“ไม่ได้ทำอะไรสักหน่อย”


“ถ้าทำอีกจะปล่อยไว้กลางทาง”


“จะทิ้งเราไว้กลางทางหรอ ทำไมใจร้ายอ่ะ หมดรักกันแล้วจะทิ้งกันง่ายๆอย่างนี้เลยใช่ไหม ใช่ซี้”


“เพ้อเจ้อ”


“ทำ...ถูกแล้ว ที่เธอเลือกเขาแล้วทิ้งฉันไว้ตรงกลางทาง~~”


“ถ้าไม่เงียบจะทิ้งจริงๆแล้วนะ” ผมว่าเสียงดุ


“ก็ได้ครับ” ตะวันตอบรับเสียงหงอย






“เฮ้ย!! กอดทำไมเนี่ย!?”


เงียบได้ไม่นานก็รู้สึกถึงแรงกอดจากข้างหลังพร้อมกับใบหน้าที่ซบลงกับแผ่นหลังของผม


“@@*#WWJ” เขาพูดอะไรสักอย่างแต่ผมก็ฟังไม่รู้เรื่อง


“พูดอะไรไม่ได้ยิน”


“กลัวตก”


“แล้วซบทำไม?”


“หาที่ปิดปากจะได้เงียบๆ”


“ก็แค่หยุดพูด”


“หยุดไม่ได้ ทำแบบนี้แหละ”


“เอาแต่ใจชะมัด”


“อือ”


คนว่าแล้วยังจะตอบอีก ตะวันโคตรมึนเลย




“แน่นไปแล้ว”


“กำลังดีเลย”


“ตะวัน”


“ก็ได้ๆ”


สุดท้ายก็ยอมคลายแขนออกให้ผมนิดเดียว ก็แค่นิดเดียวเท่านั้นแหละ โธ่เอ๊ยตะวันแค่นั้นก็ไม่ต้องคลายก็ได้







ถึงจะรู้สึกแปลกๆแต่ก็อุ่นดี







บรรยากาศนะ







ไม่ใช่อ้อมกอดซะหน่อย








ในที่สุดก็มาถึงที่นัดหมายสักที ผมจอดจักรยานลงตรงร่มไม้ใหญ่แต่ทำไมคนข้างหลังถึงไม่ยอมปล่อยเอวให้ผมเป็นอิสระสักทีล่ะ


“ปล่อยได้แล้ว ถึงแล้ว”


ไม่ต้องรอให้พูดซ้ำสอง ตะวันก็คลายแขนออกจากเอวผมก่อนจะลุกขึ้นมายืนมองผมเอารถจักรยานไปจอดใต้ร่มไม้



“ไหนเพื่อนชลอ่ะ?”


“นั่นไง ที่กำลังวิ่งจับผีเสื้ออยู่อ่ะ”


“เขาปกติใช่ไหม?”


“ก็คงจะปกติล่ะมั้ง”


“อ่อ...”


ผมยิ้มขำตะวันที่กำลังมองตามแทนไทวิ่งจับผีเสื้อคนเดียวท่ามกลางพืชผักนานาชนิด


“แทน!!”


ผมตะโกนเรียกแทนไท เจ้าของชื่อหันมาก่อนจะทำหน้าหงุดหงิดใส่ ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเจ้าตัวไม่พอใจที่ผมทำให้ผีเสื้อที่เขากำลังวิ่งจับบินหนีไป


“มาทำเหี้ยไรตอนนี้ กูกำลังทำอะไรอยู่มึงเห็นไหมเนี่ย”


เจ้าตัวว่าอย่างหงุดหงิดก่อนจะเดินตรงเข้ามาหาผมกับตะวันที่ยืนอยู่ใต้ร่มไม้


“เห็น แล้วจะไปจับมันทำไม?”


“เสือก” คำตอบสั้นๆฉบับแทนไท


“โอเคๆเสือกก็เสือก จะพาไปเก็บแครอทได้ยัง?”


“รีบนักไม่มาตั้งแต่เมื่อวานวะ แล้วนั่นใคร ผัวมึงเหรอ?”


ผมเบิกตากว้าง อ้าปากค้างกับคำพูดของแทนไทก่อนจะหันไปหาตะวันที่กำลัง....






กระตุกยิ้มมุมปาก






ไอ้พวกบ้า!!







“ไม่ใช่ นี่ตะวันเป็นเพื่อนกัน” ผมแนะนำก่อนกระทุ้งศอกใส่สีข้างของคนที่เอาแต่ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่


“หวัดดี เราตะวัน”


“กูแทนไทเรียกสั้นๆว่าแทน ไม่ต้องพูดจาคุณหนูกับกูก็ได้ กูมันคนหยาบ ฟังคำพูดแบบนั้นแล้วระคายหู แค่ให้ไอ้เตี้ยหมาตื่นมันพูดกูก็ทนฟังจนประสาทจะเสียอยู่แล้ว”


“อืม”


ผมชักสีหน้าใส่คนทั้งสอง ที่จับมือผูกพันธมิตรกันอย่างรวดเร็ว


“ไปเก็บแครอทได้แล้ว จับมือกันอยู่นั่น”


“หวงผัวก็พูดตรงๆ”


“ไม่ใช่!!!”


ถลึงตาใส่แทนไทก่อนจะหันไปตีแขนตะวันที่เอาแต่หัวเราะกันอย่างเดียว





ไม่ช่วยแล้วยังจะมาหัวเราะคนอื่นอีก





นิสัยไม่ดี




กว่าจะได้มาเก็บแครอทกันก็ปาไปห้าโมงครึ่งแล้วและที่ดูจะทำให้งาช้าลงกว่าเดิมก็คงเป็นไอ้บ้าทั้งสองคนที่คุยถูกคอกันนักหนา นู่น ชวนกันไปจับผีเสื้ออีกแล้ว





คิดถูกคิดผิดเนี่ยที่พาให้มารู้จักกัน





“ชลๆดูดิ เราจับได้ น่ารักไหม?”


“ไม่!!”


“อ่าว ทำไมอ่ะ?”


“ปล่อยมันเลยนะ ไม่กลัวบาปหรือไงแล้วแทนก็อีกคน”


“เสือก ด่าผัวมึงไปเถอะไม่ต้องมายุ่งกับกู” คนที่กำลังเล่นแมลงเต่าทองพูดขึ้นมา


“แทนไท!!!”


ผมว่าเสียงดังหางตาแอบเห็นตะวันยกนิ้วโป้งให้แทนไทอีก ส่วนคนนั้นก็ค้อมหัวรับไปสิ




....เกลียด....




“งอนแล้วๆ”


“....”


“โอ๋ๆ มาเดี๋ยวเราช่วยเก็บ”


“เสร็จแล้ว!!” ผมกระแทกเสียงใส่แต่อย่าคิว่ดาอีกคนจะสำนึก ทำหน้าบานยิ้มปากจะฉีกถึงท้ายทอยอยู่แล้ว


“อย่างอนดิ เช็ดหน้าให้ก็ได้ ดินเปื้อนเต็มหมดแล้ว”


“ไม่ต้องมายุ่งเลย ไปเล่นกับแทนนู่นไป”


ตะวันไม่ฟัง เขาหยิบผ้าเช็ดหน้าผืนเล็กออกมาจากกระเป๋ากางเกง ก่อนจะใช้มันซับหน้าให้ผมเบาๆ ตั้งแต่หน้าผาก ไล่ลงมาที่ปลายจมูกและแก้มทั้งสองข้างก่อนจะหยุดอยู่ที่ริมฝีปาก





เราสองคนต่างจ้องตากันและกัน ในดวงตาของตะวันมันมีความรู้สึกที่ผมไม่เข้าใจหรือ....





...อาจจะเข้าใจมาตั้งแต่แรก...





ผมมองแววตาคู่นั้น แววตาที่สะท้อนใบหน้าของผม ผมจ้องลึกเข้าไปอยากจะรู้ว่าสิ่งที่เข้าใจมันถูกหรือเปล่า...








และเหมือนเราจะลืมว่าอยู่ที่ไหน และยังมีใครอยู่อีกคน....








“เอ้าๆ จ้องตากันเข้าไปจ้องแบบนั้นมันไม่ท้องหรอกโว้ย นู่นไปเอากันนู่น ห้องเก็บของว่างอยู่อาจจะรกสักหน่อยแต่ไม่ลำบากหรอกใช่ไหมวะตะวัน”





ผมกับตะวันผละออกจากกัน ก่อนผมจะมองตะวันที่ยกยิ้มมุมปากเหมือนตัวร้ายในละคร






“หึ ไม่ลำบากหรอกถ้าชลตกลง”









“ไอ้พวกบ้า!!!!”



#####################


ตอนนี้ก็ยังคงเรื่อยเปื่อยไร้สาระไปวันๆและโคตรจะสั้นอีกด้วย


ขอบคุณที่ติดตามนะค้าาาา//กราบรัวๆร้อยที
 :pig4:





CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ kenghan

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1440
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-2
เมื่อไหร่ตะวันจะบอกรักชล

ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4992
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7

ออฟไลน์ yehatt

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 11
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0

ออฟไลน์ TIKA_n

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1391
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +308/-4
เรื่องน่ารักมากเลยค่ะ ตอนต้นคิดว่าเรื่องจะดราม่ามากซะอีก
พอตะวันมานี่ มีแต่ความฟิน ละมุนละไม ตะวันใจดี ชลก็น่ารัก
เรื่อย ๆ ค่อย ๆ เป็น ค่อย ๆ ไป แบบนี้ดีค่ะ เราชอบนะ
เป็นกำลังใจให้คนเขียนค่า ขอบคุณมากนะคะ  :mew1:

ออฟไลน์ ♥lvl♀‘O’Deal2♥

  • หานิยายถูกใจยากจัง!
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2665
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +176/-4
ขำเพราะแทนไท

ออฟไลน์ poppycake

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2670
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-4
ตะวันตัวร้ายยยยยยย
นางหงิมๆนะตอนแรกอ่ะ แต่ตอนนี้คิดว่าไม่ละ 5555
ปล. แพนกวินอยู่ขั้วโลกใต้นะจ๊ะ //วิ่งงงงงง//

ออฟไลน์ ฟองดูว์

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 93
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +66/-3





Chapter9

เฉียด







ถนนในเมืองหลวงในช่วงสายของวันที่มีเรียนรถติดหนักมากจนผมแทบยกมือกุมขมับ อีกสิบห้านาทีก็ได้เวลาเข้าเรียนในคาบแรก


ทางเข้ามหาลัยดูเหมือนไกลแสนไกลแต่ที่จริงห่างไปเพียงไม่ถึงสามร้อยเมตรก็จะถึง ผมตัดสินใจขอพี่แท็กซี่ลงข้างทางพร้อมกับยื่นเงินให้เสร็จสรรพ ไม่ปล่อยให้เวลาล่วงเลยไปมากกว่านี้ก็ย่ำเท้าเร็วๆเพื่อจะเข้าเรียนให้ทันคาบแรก


เดินผ่านร้านค้ามากมายเสียงโหวกเหวกโวยวายของพวกแม่ค้าไม่ได้ทำให้ผมสนใจ เป้าหมายเดียวที่มีคือทางเข้ามหาลัยที่อีกไม่กี่เมตรก็จะถึง





ปรี๊นนนนนน





เสียงบีบแตรดังลั่นถนนพร้อมกับแสงไฟที่ถูกเปิดให้สูงขึ้นกระทบกับใบหน้า รถมอเตอร์ไซต์ที่วิ่งบนฟุตบาทมุ่งหน้ามาทางผมโดยไม่มีท่าทีจะเบรคหรือหลบผมเลยสักนิด


“หลบไปๆๆ รถเบรกเสีย!!” เสียงคนขับร้องตะโกนพร้อมกับปัดมือเป็นพัลวันให้หลบจากทาง ในขณะที่กำลังจะก้าวหลบสายตากลับเหลือบไปเห็นเด็กน้อยร่างอวบยืนอยู่ตรงจุดๆเดียวกับผม


มองดูรถที่กำลังขับตรงมาทางนี้สลับกับเด็กน้อยที่ยืนกินขนมอย่างเอร็ดอร่อย ระยะสายตาที่มองเห็นถ้าผมหลบเด็กคนนี้ต้องโดนชนแน่ๆและอีกไม่กี่เมตรรถมอเตอร์ไซต์คันนี้จะมาถึงตัว


ผมไม่รอช้ารีบกระชากเด็กเอาไว้ในอ้อมกอด รถมอเตอร์เข้าใกล้มาทุกทีหลบตอนนี้คงไม่ทันแล้ว ผมกอดเด็กในอ้อมกอดแน่น หลับตารอรับความเจ็บปวด


แต่จู่ๆก็ถูกใครสักคนกระชากตัวอย่างแรง เสียงกรีดร้องของผู้คนดังระงม ผมรู้สึกถึงแรงโอบกอดที่กระชับตัวผมไว้แน่น กลิ่นที่คุ้นเคย มันอบอุ่นและรู้สึกปลอดภัยอย่างบอกไม่ถูก




“..ตะวัน..”


“ชลเป็นอะไรหรือเปล่า!?” ตะวันถามด้วยเสียงร้อนรน


“....” ผมทำเพียงมองหน้าเขา มองสายตาที่จับจ้องมาด้วยคามเป็นห่วงเป็นใย


นานแล้วที่ผมไม่ได้รับสายตาแบบนี้จากใครสักคน ตั้งแต่เลิกกับพี่นนท์ ผมก็ไม่เคยได้รับอ้อมกอดที่อบอุ่นและความรู้สึกที่ปลอดภัย มีความสุขที่มีคนคอยปกป้อง


“เจ็บตรงไหนไหมชล!?” ผมส่งยิ้มให้เขาก่อนจะส่ายหน้าและก้มมองเด็กน้อยตัวอวบในอ้อมกอด


“เราไม่เป็นอะไร ขอบใจมากนะตะวัน”


“ดีแล้วๆ” ตะวันลูบหัวผมเหมือนคนที่อายุมากกว่าชอบทำกับเด็กเพราะความเอ็นดู ถ้าเป็นเวลาอื่นผมคงโวยวายใส่แต่ตอนนี้ผมคิดว่ามันก็รู้สึกดีเหมือนกัน


แม่ของเด็กน้อยตัวอวบวิ่งปรี่เข้ามาหาลูกชายด้วยความดีใจ กอดและหอมแก้มลูกด้วยความรัก สำรวจเนื้อตัวให้ถี่ถ้วนว่าไม่มีรอยขีดข่วนใดๆจึงโผเข้ากอดลูกชายอีกครั้ง


“ขอบคุณมากนะคะ ขอบคุณจริงๆ” แม่ของเด็กน้อยกล่าวกับผมด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ


“ไม่เป็นไรครับ”


“ขอบคุณพี่เขาก่อนสิลูก”


“ขอบคุณคับ” เด็กน้อยร่างอวบยกมือป้อมๆขึ้นไหว้ ผมมองด้วยความเอ็นดูและอดจะยื่นมือไปบีบแก้มนุ่มนิ่มนั่นไม่ได้


“ครับผม”


ผมส่งยิ้มให้ก่อนที่แม่และน้องจะบอกลา ผมยกมือโบกลาน้องที่โดนคุณแม่อุ้มพาไปยังรถเก๋งสีขาว มือป้อมๆนั้นโบกกลับมาทำผมหุบยิ้มไม่ลง


“ชล” คนที่เงียบอยู่นานเรียกชื่อผมขึ้นมา ผมจึงต้องผินใบหน้าไปหาเจ้าของเสียงเรียกที่มองตรงมาทางผมอยู่ก่อนแล้ว


“หือ?”


“ทีหลังอย่าทำให้เป็นห่วงอีกนะ”


“...”


“เราไม่อยากเห็นชลเป็นอะไร”


“ตะวัน...”


“อ...เอ่อช่างเถอะ” เจ้าตัวยกมือขึ้นเกาจมูก ใบหูและใบหน้าแดงเถือกจนอดจะยิ้มล้อไม่ได้


ล้วงโทรศัพท์เพื่อดูเวลา เมื่อเห็นแล้วก็ได้แต่ถอนหายใจ วันนี้คงต้องขาดอีกคาบไปโดยปริยาย ส่งข้อความไปหาเนมกับวาแล้วเก็บโทรศัพท์ลงในกระเป๋า


มองคนที่ตอนนี้เลิกเขินแล้วไปซื้อข้าวเหนียวหมูปิ้งก็อดจะส่ายหน้าแล้วยกยิ้มไม่ได้




ตะวันชักจะทำให้ผมยิ้มบ่อยไปแล้วนะ












จักรยานคันใหม่ที่ตะวันพึ่งถอยมาสดๆร้อนๆถูกประเดิมโดยผมที่ได้นั่งซ้อนท้ายเป็นคนแรก ตอนเห็นก็แอบตกใจนิดหน่อยแต่ลึกๆก็รู้ดีว่าทำไมจักรยานคันใหม่ถึงโผล่มาหลังจากวันที่ผมบอกว่าชอบนั่งมันมากกว่ารถคันหรู


“ยังไม่มีคนเคยนั่งรถคันนี้จริงๆเหรอตะวัน” ผมเอ่ยถามตะวันอย่างหยอกล้อ รู้ดีว่าคำตอบคือไม่มี แต่ใจลึกๆก็อย่างจะฟังอีกครั้งเหมือนคนบ้าที่ชอบฟังอะไรซ้ำๆเดิมๆที่ทำให้รู้สึกดี


“ไม่มีจริงๆ ชลถามเรามาห้ารอบแล้วนะ”




เห็นไหมว่ารู้สึกดีจริงๆด้วย รู้สึกดีจนหุบยิ้มไม่ลงเลยดูสิ




“ก็แค่...อยากรู้เฉยๆเผื่อตะวันโป๊ะแตกไง”


“ไม่มีหรอก เราซื้อมาให้ชลซ้อนคนเดียว ใครจะกล้านั่ง” คนขับบอกเหตุผลโดยที่ไม่รู้เลยว่าทำให้หัวใครอีกคนสั่นไหวแค่ไหน


“ทำไมถึงต้องเป็นเราคนเดียวล่ะ?” ผมแกล้งถาม ทั้งๆที่ใจรู้ดีกว่าใคร อาจจะรู้มากกว่าตะวันด้วยซ้ำ


“ก็...เอ่อก็คนอื่นเขาไม่ชอบนั่งจักรยานไง” คนโดนจับได้พูดเฉไฉไปเรื่อย


มือที่ผมเคยจับเบาะคนขับไว้เมื่อได้ซ้อนท้ายจักรยานตะวันครั้งแรก ครั้งนี้มันเปลี่ยนไป มือของผมเกาะกุมข้างเอวเข้าไว้แน่น เกาะไว้เป็นที่ยึดเหนี่ยวทั้งตัวและหัวใจดวงน้อยๆที่เริ่มวูบไหวกับผู้ชายที่ชื่อตะวัน


“อ๋อ คนอื่นนี่หมายถึงสาวๆของตะวันน่ะเหรอ สงสัยคงจะชอบรถหรูๆมากกว่าล่ะมั้ง”


“ไม่มีๆ ไม่มีใครเลยจริงๆนะ”


ตะวันตอบปฏิเสธจนผมอดจะหัวเราะให้กับท่าทางลนลานจนจักรยานสะบัดไปมาเหมือนจะล้มให้ได้ โชคดีที่คนขับประคองให้ทรงตัวได้เหมือนเดิม ไม่งั้นได้ล้มหน้าคะมำกองกันอยู่บนถนนให้อายเล่นเป็นแน่


“เชื่อได้เหรอ หล่อขนาดนี้เนี่ย”


“เชื่อได้สิ ถึงเราจะหล่อมากแค่ไหนแต่ในใจดวงนี้ก็มีคนที่ชอบแค่คนเดียวนะครับ”


เสียงตะวันหวานมาก มากจนผมอดที่จะเขินไม่ได้ ทั้งๆที่ไม่รู้ว่าคนๆนั้นหมายถึงตัวเองหรือเปล่า แต่คนมันเขินไปแล้วจะให้ทำยังไงเล่า!


ดีที่ตะวันนั่งหันหลังให้ เขาจึงไม่ได้เห็นใบหน้าแดงก่ำกับรอยยิ้มที่ฉีกกว้างแทบจะถึงท้ายทอย


“ใครเหรอ คนที่ชอบน่ะ?” ถามไปแล้ว ถึงในใจจะเชื่อไปแล้วว่าตะวันชอบใคร ปักใจเชื่อไปแล้วกว่าครึ่งแต่ในใจก็อดลุ้นไม่ได้ ถ้าใช่คงจะดี แต่ถ้าไม่ใช่นี่สิจะรู้สึกยังไง


“โอ๊ะ! ถึงแล้ว” เกลียดตะวันและการหลีกเลี่ยงการตอบคำถามได้น่าหมั่นไส้


ศาลาที่อยู่หลังตึกคณะนิติศาสตร์คือสถานที่ที่เขาพาผมมาเพื่อจะนั่งกินข้าวเหนียวหมูปิ้งหลังจากถามผมและได้ความว่ายังไม่กินเอาไรลงท้องมาตั้งแต่เช้า


“ยังไม่ตอบคำถามเลย”


“ชลมากินเร็วหมูจะเย็นหมดแล้ว เดี๋ยวไม่อร่อยนะ”


สุดท้ายผมก็ต้องเป็นฝ่ายยอมแพ้ลงจากจักรยานแล้วเดินไปกินหมูปิ้งตามคำเรียกร้องของคนปากแข็ง


“อร่อยไหม?”


“อื้อ”


“ถ้าอร่อยก็มากินด้วยกันทุกวันสิ”


“ไม่เอาหรอก กินทุกวันเป็นมะเร็งตาย”


“เออเนอะ แหะๆ เราลืมอ่ะ”


“ถ้ากินอย่างอื่นก็คงจะดีกว่า กินทุกวันได้ปลอดภัยด้วย”


“กินทุกวัน?”


“อื้อ ก็ตะวันชวนเรานี่ วันหลังกินพวกข้าวต้มดีไหม เราเห็นร้านอยู่หน้ามหาลัยนี่เอง”


“อ่า...ครับ”


ต่างคนต่างก็ระบายความเขินอายไปกับหมูปิ้งไม้ละสิบบาท เขินแบบแปลกๆ ทั้งเขินทั้งอิ่ม ถ้าเป็นแบบนี้ทุกวันก็คงจะดี


“ต้องไปแล้ว” ผมบอกตะวันที่พึ่งดื่มน้ำและปิดฝาขวดน้ำเสร็จ


“เดี๋ยวเราไปส่ง”


“อื้ม”


จักรยานสีเขียวอ่อนเคลื่อนตัวไปด้วยความเร็วคงที่แต่ที่ไม่คงที่คงเป็นใจทั้งสองดวงที่เริ่มจะเต้นแรงขึ้นไปทุกที










หน้าตึกคณะของผมมีนักศึกษาเดินผ่านบ้างประปรายเพราะช่วงเวลานี้หลายๆคนยังคงนั่งเรียนในห้องกันอย่างเคร่งเครียด


“ขอบคุณนะตะวัน”


“ครับ ตอนเที่ยงเจอกันนะ” ตะวันบอกแต่ผมยังคงยืนนิ่งอยู่ที่เดิม ยังคงมีสิ่งที่อยากบอกเขาอยู่


“ตะวัน” ผมเรียกและมองตาเขาด้วยความรู้สึกบางอย่าง


“หืม?” ตะวันทำหน้างง ที่ยังคงเห็นผมยืนอยู่ที่เดิม


“วันหลัง...จะไม่ทำให้ต้องเป็นห่วงอีกแล้ว” พูดเสร็จก็รีบหันหลังอย่างรวดเร็วตั้งใจว่าจะรีบวิ่งขึ้นตึกแต่กลับโดนฉุดรั้งข้อมือไว้ ผมยังคงยืนหันหลังให้ตะวันในขณะที่ข้อมือก็โดนกอบกุมไว้ด้วยความทะนุถนอม


“ชล” ตะวันเรียกชื่อผมเพียงแผ่วเบาแต่มันกลับดังก้องไปทั่วหัวใจดวงน้อยที่สั่นไหวด้วยความรู้สึกบางอย่าง


“อือ”


“ที่ถามว่าชอบใครอยู่ เราบอกผ่านการกระทำของตัวเองมาตลอดแต่มันคงยังไม่ชัดเจน”


“...”


“เราอยากจะพูดให้เขาได้ยินสักครั้ง”


“...”





ยอมรับว่าลุ้นและรู้กลัวกับคำตอบ กลัวว่าจะไม่ใช่อยากที่ใจคิด









“เราชอบชล”





####################




ยอมรับว่าตอนแรกนอยด์มากที่ยิ่งเขียนคนอ่านยิ่งน้อย แต่วันนี้พอได้มานั่งอ่านคอมเม้นก็มีกำลังใจเขียนต่อ ขอบคุณทุกคนทุกคอมเม้นที่เป็นกำลังใจให้กันนะคะ //ปาใจใส่รัวๆ


ตอนนี้ไม่มีอะไรมาก ก็อย่างที่เห็นเลยค่ะ ฮิๆๆ
 :mew1: :mew1:
:pig4:


ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4992
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7
บอกชอบแล้ววววววว นึกว่าจะบ่ายเบี่ยงชวนกินหมูปิ้งอีก :mc4: :mc4: :mc4: :mc4: :mc4:

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ poppycake

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2670
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-4
รุกเร็วๆๆๆ หลังจากแห้วไปรอบหนึ่ง
ตะวันเปิดเกมส์เร็วเลยจร้าาาา 55555555

ออฟไลน์ โอ

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 141
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-1
น่ารักทั้งคู่เลย :mew1:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด