“ซี๊ด” คนเจ็บสูดเสียงคราง เมื่อสำลีก้อนกลมทิ่มมาที่รอยแตกน้อยๆ ที่มุมปาก ด้วยน้ำหนักมือที่ไม่เบานักของว่าที่คุณหมอ ดนตร์เหลือบตามองเจ้าของมือขาว ก้านนิ้วยาวสวยสมกับสาขาที่เรียนมา ใบหน้าขาวจัดนิ่งเฉยราวกับหุ่นปั้นจนไม่อาจเดาได้ว่าเจ้าตัวยินดีที่จะทำแผลให้เขาตอนเกือบสองทุ่มหรือเปล่า
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่จันทร์ทิวาถูกรบกวนหลังเวลาเรียน ครั้งแรกตอนหนีมาจากร้านเหล้าหลังจากที่ล้มที่สนามบาส และนี่เป็นอีกครั้งที่ดนตร์ต้องพึ่งพาจันทร์ทิวา โดยที่ยังไม่ได้ตอบแทนน้ำใจเลยสักครั้ง พอจะอ้าปากขอบคุณสำลีชุบแอลกอฮอล์ก้อนที่สองก็วางแหมะบนหัวเสียอีก
“โอ๊ย แสบ!”
“ป๊อด”
ว่าที่คุณหมอพูดลอยๆ ด้วยใบหน้าเฉยชาตามเคย เขาเองก็อยากจะตอบโต้แต่มันทั้งเจ็บทั้งแสบจนไม่อาจทำอย่างอื่นได้นอกจากร้องโอดครวญเบาๆ ระหว่างที่จันทร์ทิวาทำแผลให้ ซึ่งมันเจ็บกว่าตอนถูกโยษิตาทำร้ายเสียอีก
ย้อนกลับไปเมื่อราวชั่วโมงที่แล้ว โยษิตาทำร้ายเขาเหมือนคนสติแตก ทั้งด่าทอต่อว่า ทำร้ายเขาด้วยทุกท่าเท่าที่จะทำได้ ตอนนั้นเธอน่ากลัวยิ่งกว่าตัวร้ายในละครหลังข่าว ดวงตาที่เบิกกว้างแทบจะถลนออกนอกเบ้า เล็บคมครูดไปกับผิวหนังของเขาหลายจุดจนเลือดซิบ ไหนจะแรงตบมหาศาลที่หนักพอๆ กับกำปั้นของเด็กผู้ชาย นี่ไม่นับรวมเส้นผมของเขาที่หลุดไปหลายกระจุกตอนที่เธอออกแรงดึง เป็นการวิวาทที่พ่ายแพ้อย่างย่อยยับ
ไม่เพียงแต่เขาที่เท่านั้นที่ถูกโยษิตาทำร้าย ชนวีร์ก็ด้วยอีกคน รายนั้นโดนข่วนไปหลายแผลเหมือนกัน เลือดไหลซิบ ผิวเริ่มบวมแดง เช่นเดียวกับเขา กว่าที่จันทร์ทิวาจะทำแผลให้เขากับชนวีร์เสร็จก็ต้องทนฟังเสียงครางไปนานหลายนาที
“อ่ะ เรียบร้อย”
ว่าที่คุณหมอแปะพลาสเตอร์คาดทับสำลีลงบนรอยแผลบนศีรษะให้ มันยังแสบไม่หาย นี่เขายังไม่เห็นว่าผมบริเวณนั้นแหว่งไปเยอะหรือเปล่า ฟังดูเหมือนเป็นเรื่องตลก...แต่มันเป็นตลกร้ายที่เขาภาวนาขออย่าให้มันเกิดขึ้นอีก
“ขอบคุณครับ”
“จะบอกได้หรือยังว่าพวกนายไปฟัดกับหมาตัวไหนมา”
ดนตร์กะพริบตาปริบๆ ถึงจะไม่ได้ตอบโต้โยษิตาไปแม้แต่ปลายก้อย ทว่าเขาก็ไม่กล้าพูดว่าแผลพวกนี้ได้รับมาจากเธอ เขาหลุบตามองพื้นห้องแทนการให้คำตอบ และหลบสายตาเย็นชาแต่คาดคั้นของจันทร์ทิวาด้วย
“หมาตัวเมียไม่ใกล้ไม่ไกล อยู่แถวๆ นี้แหละ แต่อีกไม่นานมันก็จะกลายเป็นหมาหัวเน่าแล้ว” ชนวีร์บอก ก่อนจะลุกขึ้นจากเก้าอี้สีขาว พลางยื่นมือไปสะกิดหัวไหล่เล็กให้ลุกขึ้นตาม “ขอบใจนายมากนะทิว อีกสองวันไปที่บ้านฉันนะ มีปาร์ตี้ฉลองหนังได้รางวัลกับฉลองต้อนรับคนกลับมาโสด”
“หนังนายได้รางวัลเหรอ” ดวงตาเรียบเฉยของจันทร์ทิวา ดูเหมือนจะมีแววแปลกใจขึ้นมาเล็กน้อย แต่เพียงแค่กะพริบตาก็กลับมาเป็นปกติ รอให้ชนวีร์พยักหน้ารับแล้วค่อยถามต่อ “แล้วต้อนรับคนกลับมาโสดนี่คืออะไร”
หนุ่มตัวอ้วนยักไหล่ ไม่ตอบคำถามแต่ทิ้งทวนไว้ให้ได้คิดแทน “ถ้านายไป นายจะได้คำตอบ เผลอๆ อาจจะได้ ‘ใคร’ กลับมาด้วยก็ได้นะ”
ชนวีร์มาส่งถึงที่หน้าห้อง ดวงตากลมทอแสงอบอุ่น มือหนายกขยี้ที่เส้นผมเบาๆ เลี่ยงในจุดที่เป็นแผล พอมองหน้าใกล้ๆ แล้วถึงได้เห็นว่าที่ข้างแก้มด้านซ้ายก็มีรอยเล็บของโยษิตาอยู่ด้วย รุ่นพี่ตัวอ้วนยิ้มให้เขา มันทั้งเอ็นดูระคนขอโทษ อันที่จริงแล้วชนวีร์ไม่จำเป็นต้องขอโทษเขาเลย เพราะหากจะย้อนหาคนผิด มันก็เป็นเขาเอง ถ้าเขาเพียงแต่จะยับยั้งชั่งใจไม่เอาตัวเข้าไปพัวพันกับกรณ์ เรื่องบ้าๆ พวกนี้ก็คงไม่เกิดขึ้น จากนี้ไปเขาควรจะกลับมาอยู่ในที่ของตัวเอง พาตัวออกห่างกรณ์ให้ได้มากที่สุด ทุกอย่างจะได้จบลงเสียที
“ขอบคุณมากนะครับพี่ แล้วเจอกัน” เขาเป็นฝ่ายเอ่ยลา แต่แทนที่จะรับรู้ ชนวีร์กลับดึงร่างเขาเข้าไปกอด วงแขนอวบใหญ่รัดรอบลำตัว ไม่ได้แน่นหนาจนหายใจไม่ออกแต่ก็อุ่นเหมือนได้กอดกับตุ๊กตา
“ขอโทษนะลูกเจี๊ยบ พี่ช่วยอะไรนายไม่ได้เลย ปล่อยให้นายถูกกรณ์เอาเปรียบไม่พอ ยังถูกนังบ้านั่นทำร้ายอีก”
เสียงของชนวีร์สั่นเครือ ดนตร์ส่ายหน้ากับอกหนาๆ นั่นเบาๆ เขาไม่เคยคิดโกรธใครนอกจากตัวเอง “ผมไม่เป็นไรครับ”
“พี่ขอโทษ” ชนวีร์พูดประโยคเดิมอีกครั้ง ก่อนจะปล่อยเขาออกจากอ้อมแขน แก้มใหญ่กลมแดงพอๆ กับที่ปลายจมูก
ดนตร์อมยิ้ม “พี่ไปนอนเถอะครับ เดี๋ยวไปเรียนสายนะ”
รุ่นพี่ตัวอ้วนพยักหน้า ใช้หลังมือถูจมูกแรงๆ ก่อนจะหมุนตัวแล้วเดินเร็วๆ ไปตามทางเดิน เขารอจนไม่ได้ยินเสียงเครื่องยนต์แล้วจึงค่อยกลับเข้าไปในห้องของตัวเอง ทักทายมิ่งขวัญที่กำลังจะเตรียมตัวเข้านอนเล็กน้อย ดีที่อีกฝ่ายเปิดไฟไว้แค่อ่านหนังสือเลยไม่ทันได้เห็นร่องรอยแห่งการวิวาทตามเนื้อตัวของเขา
เขาใช้บาดแผลมาเป็นข้ออ้างในการไม่อาบน้ำ แล้วเข้านอนเลย ทันทีที่โคมไฟดับลง เขาก็นึกย้อนไปเมื่อชั่วโมงก่อน ระหว่างทางก่อนที่จะมาหาจันทร์ทิวา ชนวีร์ขอคำตอบเรื่องโยษิตากับอคิราห์ เขาเงียบอยู่นานเพราะตั้งใจจะไม่บอกเรื่องนี้กับใคร ทว่าชนวีร์กลับบอกทุกอย่างแถมข้อมูลยังแน่นยิ่งกว่าเขาเสียอีก
‘แม่นั่นน่ะรู้จักกับซันมา 6 เดือนแล้ว ครอบครัวของทั้งคู่ต้องการให้แต่งงานกัน แถมพ่อแม่ของซันยังมีทั้งอำนาจและบารมี ไอ้กรณ์ที่เป็นแค่ลูกเศรษฐีบ้านนอกเลยโดนสวมเขา’
เขาได้แต่อ้าปากค้าง ไม่กล้าถามหรือค้านอะไร นอกจากรับรู้ไว้เท่านั้น ชนวีร์รบเร้าอีกครั้ง คราวนี้เขาถึงยอมเล่าถึงเหตุการณ์หน้าลิฟต์ในวันที่ทำดอกลิลลี่ตก
‘นายมันโง่ชะมัด นี่ถ้าบอกไอ้กรณ์มันเสียตั้งแต่วันนั้นก็ไม่ต้องโดนตบแบบนี้หรอก’
‘ถ้าผมบอกตอนนั้น ยาหยีคงตามไปตบผมถึงห้องเรียน’ เขาพูดติดตลก
ดนตร์ปิดตาลง บอกให้ตัวเองหยุดความคิดแต่เพียงเท่านี้ มันป่วยการที่จะหวนคิดถึงอะไรอีก เขาตัดสินใจแล้ว...ความรักกับผู้ชายมันมีแต่จะเสียใจ เขาควรเลือกทางที่ถูกต้อง
มือเลื่อนลงไปที่กระเป๋ากางเกง มันไม่ได้ราบเรียบแต่มีรอยนูนขึ้นมาเล็กน้อย ในนั้นมีแผ่นกระดาษที่ได้มาจากพี่กายเมื่อวันก่อน ในนั้นมีข้อความสั้นๆ ที่เขียนด้วยลายมือน่ารักๆ บอกว่า ‘ฉันชอบพี่นะคะ ต้องตา’
แต่ก่อนที่เปลือกตาจะปิดลง กลิ่นหอมคล้ายเค้กก็โชยเข้ามาในปอด เจ้า banana chocolate cake ยังคงอยู่ที่ในกล่องเป็นอย่างดีโดยที่ยังไม่ได้แตะต้อง เขาวางมันไว้บนโต๊ะที่ใช้ทำการบ้านติดกับเตียงที่กำลังนอนอยู่ ดนตร์พลิกตัวกลับ ใช้สายตาพร่าเลือนเพราะขาดแว่นเพ่งมอง อีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้เขาตัดสินใจไม่บอกเรื่องโยษิตากับกรณ์เพราะคนที่ซื้อ banana chocolate cake ให้เขาเป็นคนที่ช่วยเหลือเขาไว้ แต่การที่กรณ์รู้เรื่องนี้จากชนวีร์มันเป็นเรื่องเหนือความคาดหมายจริงๆ
ดนตร์ปิดตาลงอีกครั้ง โดยมีกลิ่นหอมของเค้กและความร้าวระบมจากบาดแผลช่วยเร่งให้หลับง่ายกว่าเดิม...
ร้านกาแฟคึกคักตั้งแต่ช่วงเย็น ยิ่งเข้าช่วงฤดูหนาว ผู้คนต่างต้องการหาความอบอุ่นให้ร่างกายมากกว่าปกติ กาแฟร้อนๆ เค้กสักก้อนและร้านอุ่นๆ จึงเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด ดนตร์รีบเข้าไปเปลี่ยนชุด วันนี้เขาไปเรียนแต่เช้า โดยเลี่ยงการถูกสอบสวนจากเพื่อนรักด้วยการใส่แมส ทำทีเป็นป้องกันฝุ่นละอองในอากาศ ดีที่แผลจากการถูกกระชากผมไม่ได้ใหญ่มาก แค่คืนเดียวก็ดีขึ้นแล้ว แถมผมก็ไม่ได้แหว่งไปเยอะ แทบจะมองไม่เห็นถึงความผิดปกติด้วยซ้ำ ส่วนแผลในส่วนอื่นๆ เสื้อผ้าป้องกันลมหนาวก็ช่วยอำพรางได้อีกชั้น
ดนตร์เดินไปมา ทั้งรับออร์เดอร์ นำกาแฟและเค้กมาเสิร์ฟ รวมทั้งคิดเงิน การใส่แมสทำงานไม่ได้สร้างความแปลกประหลาด แต่หลายคนก็ถามไถ่เพราะคิดว่าเขาป่วย ดังนั้นคำตอบเดิมที่ใช้กับลลิตาและเมธัสจึงถูกนำมาใช้ ตลอดเวลาที่ทำงาน เขารู้สึกถึงสายตาที่จับจ้อง และเขารู้ว่ามันมาจากที่ไหน หลายครั้งที่หันไปเจอ สายตาคู่นั้นก็จะทำทีเป็นเสมองไปทางอื่น ดนตร์อมยิ้มรู้สึกได้ย้อนกลับไปในวัยมัธยมอีกครั้ง
จวบจนกระทั่งแขกในร้านเริ่มลดลง งานของเขาก็ซาลงไปด้วย เขาถึงได้มีเวลาพัก แต่ระหว่างนั้นสายตาคู่เดิมก็ยังมองมาเนืองๆ ดนตร์ส่งเงินให้กับพี่กายเช็ดมือกับผ้ากันเปื้อนก่อนจะตรงไปยังโต๊ะตัวที่เจ้าของสายตานั้นนั่งอยู่ ทันทีที่เห็นเขาในระยะประชิด เจ้าตัวก็เบิกตาโพลง พวงแก้มใสระเรื่อจนแดงจัด ใบหน้าน่ารักก้มงุด มือไม้อยู่ไม่เป็นสุข ยกจับปอยผมทัดหูซ้ำแล้วซ้ำเล่าอยู่อย่างนั้น
“กาแฟเย็นหมดแล้ว เอาอีกแก้วไหม พี่เลี้ยงเอง”
เจ้าของดวงตากลมโต เงยหน้าขึ้น หน้าตื่นๆ ของเธอน่ารักดีเหมือนกัน “พะ...พี่เพลง”
เด็กสาวคนนี้ชื่อต้องตาเป็นเจ้าของโน้ตสั้นๆ ที่พี่กายนำมาให้เมื่อวันก่อน เขาเห็นเธอตั้งแต่วันแรกๆ ที่เข้ามาทำงาน เธอจะมีที่นั่งประจำและสั่งแต่เมนูเดิมๆ แค่ลาเต้หวานๆ หนึ่งแก้วกับเค้กวนิลา กินหมดก็กลับไปโดยไม่เคยนัดแนะหรือมากับใคร เครื่องแบบนักเรียนมัธยมปลายทำให้เธอดูเด็กและไร้เดียงสา ผมสั้นแค่คอยิ่งทำให้เขารู้สึกเหมือนตัวเองเป็นตาแก่ ทั้งที่ความจริงอายุห่างกันแค่ 1- 2 ปี
ดนตร์เลื่อนเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามกับเธอ แล้วแทรกตัวลงไปนั่ง มองใบหน้าที่แดงราวกับมะเขือเทศสุกด้วยความเอ็นดู หลายปีแล้วที่เขาไม่ได้มีแฟน นับตั้งแต่เลิกกับแฟนคนล่าสุดเมื่อหลายปีก่อนด้วยเหตุผลงี่เง่าที่เธอบอกว่าเขาดีเกินไป จากนั้นเขาก็เลยหยุดความรักไว้แค่นั้น จนกระทั่งได้พบกับใครบางคนที่ทำให้เขากลับมาหวั่นไหวอีกครั้ง น่าแปลกที่คราวนี้มันดันเกิดกับเพศเดียวกัน ดนตร์หยุดความคิดไว้เพียงแค่นั้น เพราะเขาตั้งใจแล้วว่าจะเก็บความรักนั้นไว้ให้ลึกสุดใจแล้วกลับมาเป็นผู้ชายธรรมดาคนหนึ่งที่มีคนรักเป็นผู้หญิง
ต้องตาน่ารักแบบเด็กสาววัยรุ่นทั่วไป อาจจะไม่ได้ฉูดฉาดอย่างโยษิตา หรือดึงดูดสายตาเท่าลลิตา แต่ก็สดใสและเป็นธรรมชาติ เส้นผมของเธอเป็นสีน้ำตาล สั้นแค่คอ ดวงตากลมโต ใบหน้าเนียนใสไร้การตกแต่งจากเครื่องสำอาง ริมฝีปากเธอสีสดแต่ค่อนข้างแห้งคงเพราะเจ้าตัวชอบเม้มปาก อย่างตอนนี้ก็ยังทำอยู่ เขาหัวเราะเบาๆ ด้วยความเอ็นดู
“เอาเป็นนมสตรอเบอร์รี่ดีกว่าเนอะ มืดแล้วกินกาแฟสองแก้วเดี๋ยวนอนไม่กลับกันพอดี” เขาถามอีกครั้ง เจ้าตัวมองกลับมาด้วยดวงตาไหวระริก แต่ก็ยอมพยักหน้ารับ ใบหน้าแดงซ่านลามไปถึงใบหู...น่ารักดี
นมสตรอเบอร์รี่ที่สั่งไปถูกพี่กายมาเสิร์ฟด้วยตัวเอง พี่ชายยักคิ้วให้ก่อนจะกลับไปยืนหล่อหน้าเคาน์เตอร์คิดเงินตามเดิม เขามองต้องตากินนมอุ่นๆ กลิ่นหอมๆ อย่างที่เด็กสาวชอบ ต้องตามีอาการเขินอายอย่างเห็นได้ชัด แก้มของเธอแดงตลอดเวลา มือจับปอยผมทัดหลังใบหูบ้าง ถูกับกระโปรงนักเรียนบ้าง
ดนตร์ระบายยิ้ม นานแค่ไหนแล้วที่ไม่ได้มองผู้หญิงแบบนี้ เขาเกือบลืมไปแล้วว่าความรู้สึกแบบที่ผู้ชายมีต่อผู้หญิงเป็นอย่างไร ต้องขอบคุณพี่กายที่ทำให้เขากลับมาเป็นผู้ชายเต็มตัวอีกครั้ง
“พี่เพลงเอ่อ...ป่วยเหรอคะ” เสียงใสเอ่ยถาม เขามองพวงแก้มซับสีเลือดของเด็กสาว ก่อนจะพยักหน้ารับ ดวงตากลมโตมีแววคล้ายจะเป็นห่วง แต่ก็ไม่ได้ถามอะไรอีก ซึ่งเขาก็พอใจที่มันเป็นเช่นนั้น
กระทั่งนมเกือบหมดแก้วต้องตาก็สะดุ้งน้อยๆ คล้ายกับเพิ่งนึกอะไรได้ จากนั้นเจ้าตัวก็ดึงบางอย่างออกมาจากกระเป๋าเป้ แล้วรีบส่งให้เขาด้วยอาการลนลาน
มันเป็นการ์ดสีชมพูมีกลิ่นหอมลวดลายน่ารักที่มองดูก็รู้ว่าเป็นฝีมือของเจ้าตัว เขาเปิดมันออก ภายในมีรูปของเขาที่กำลังยิ้มกว้างให้กับลูกค้าสักคน ด้านล่างมีข้อความที่เขียนด้วยลายมือว่า ‘รอยยิ้มของพี่เพลงที่น่าหลงใหล’
“รอยยิ้มของพี่เพลง...หึ ปัญญาอ่อนชะมัด”
ดนตร์หันขวับ มองหาต้นตอของน้ำเสียงถากถางนั่น แล้วก็ต้องผงะเมื่อพบกับร่างใหญ่หนา แค่เสื้อผ้าที่สวมใส่และกลิ่นคล้ายเมนทอลเขาก็รู้ทันทีว่าเป็นใคร...กรณ์
เจ้าของร่างสูงเกินหกฟุตยืดกายขึ้น สอดมือล้วงลงในกระเป๋ากางเกง วางท่าสบายพอๆ กับกวนโทสะ มุมปากยกยิ้มแบบที่เห็นแล้วชวนให้หงุดหงิด
“เธอรู้หรือเปล่าว่าส่วนอื่นๆ ของเพลงมันน่าหลงใหลกว่าอีก ทั้งใบหู” ปลายนิ้วยาวแต่แข็งเกลี่ยไล้ที่ปลายติ่งหู เนื่องจากอยู่สูงกว่า กรณ์ยืนค้ำเก้าอี้ที่ดนตร์นั่งอยู่ เด็กหนุ่มตัวแข็งทื่อขณะที่เด็กสาวฝั่งตรงข้ามมีสีหน้าเหมือนเห็นผี “เธอรู้หรือเปล่าที่ปลายติ่งหูของเพลงมีขี้แมลงเล็กๆ ด้วยนะ เซ็กซี่อย่าบอกใครเชียวล่ะ” กรณ์หยุดพูดชั่วประเดี๋ยว แต่นิ้วมือยังเคลื่อนไหวไม่หยุด มันเลื่อนไปถึงช่วงคอขอผ่านรอยทับของสาบเสื้อ “หน้าอกก็สวยนะ น่าจะสวยกว่าของเธอด้วย เอวคอด คงสัก 27-28 ล่ะมั้ง ขาสวยยิ่งกว่าผู้หญิง แต่ที่ฉันชอบที่สุดก็คือ...” เขาหยุดพูดอีกครั้ง ก่อนจะใช้จมูกสูดเอากลิ่นหอมจากผิวกายที่หลังคอขาว “กลิ่นน้ำนมบนผิวของเขา”
ตึง!
เก้าอี้ตัวที่ดนตร์เคยนั่งล้มลงด้วยปลายเท้าของกรณ์ ชายหนุ่มโน้มตัวไปด้านหน้าบังคับให้อีกคนต้องอยู่ในท่าเดียวกัน ทิ้งระยะห่างจากเด็กสาวไม่กินหนึ่งไม้บรรทัด “เธออยากจะได้เมียฉันอย่างนั้นเหรอ”
“....เมีย”
“ใช่ จะเชื่อหรือไม่ก็ตามใจ แต่ลีลาเพลงน่ะ เด็ดดวงอย่างบอกใครเลยล่ะ โดยเฉพาะตอนที่ฉัน..”
“พ๊อ!” ต้องตายกมือขึ้นปิดหู ใบหน้าของเด็กสาวแดงจัด ร่างเล็กผุดลุกขึ้นรวดเร็วจนเก้าอี้ล้มลงก่อนคว้ากระเป๋ามากอดแนบอก ดวงตาจ้องมองผู้ชายสองคนและหนึ่งในนั้นคือคนเธอที่ตกหลุมรักทันทีในแรกเห็น เด็กสาวเม้มปากแน่น พี่เพลงของเธอเป็นเมียคนอื่นไปเสียแล้ว! แม้จะเสียดายแค่ไหนแต่มันยากจะทำใจยอมรับได้ เธอทิ้งสายตาที่ทั้งเสียใจและผิดหวังไปที่ดนตร์ก่อนจะสะบัดหน้าพรืดวิ่งหนีไป
“ต้องตา! เดี๋ยวก่อน!”
ดนตร์ร้องเรียก แต่ไม่ทันเสียแล้ว ต้องตาหายลับไปจากสายตาในเวลาไม่ถึงครึ่งนาที ความหวังที่จะกลับไปใช้ชีวิตเหมือนผู้ชายปกติทั่วไปหมดลงในเวลาไม่กี่นาที ต้องตาอุตส่าห์สนใจผู้ชายธรรมดาอย่างเขา แต่กรณ์กลับทำลายความภูมิใจเล็กๆ ของเขาลงอย่างรวดเร็ว ดนตร์จับแขนใหญ่ออกจากหัวไหล่แล้วพลิกตัวออกอ้อมแขน จ้องเขม็งไปยังตัวการที่ทำให้ทุกอย่างล้มไม่เป็นท่า
“เป็นบ้าอะไร!”
“ฉันต่างหากที่ต้องถามนายว่าทำบ้าอะไร” กรณ์ถามกลับ “นายคิดเหรอว่าจะกลับไปเป็นเหมือนเดิมได้อีก”
“ผมจะเป็นยังไงมันก็เรื่องของผม พี่ไม่เกี่ยว!”
กรณ์แสยะยิ้ม ฉวยต้นแขนเขาเอาไว้ แต่เขาสะบัดหนีแล้วถอยห่างไปหลายก้าวจนสะโพกติดกับโต๊ะที่ลูกค้ากำลังนั่งอยู่ ถึงตอนนี้ถึงได้สำเหนียกว่าพวกเขาไม่ได้อยู่ในที่รโหฐาน แต่อยู่ในร้านกาแฟที่มีลูกค้าแน่นร้าน พอหันมองรอบๆ ยิ่งอยากจะเอาหน้าแทรกแผ่นดินหนี ทุกสายตาจับจ้องมาที่เขากับกรณ์ หน้าของเขาร้อนผ่าว อายระคนโกรธ รีบหันหลังเดินกลับเข้าไปในร้าน แต่อีกฝ่ายก็ยังตามราวีไม่เลิกรา
“คิดจะหนีไปถึงเมื่อไร เพลง! หยุดเดิน พี่บอกให้หยุดเดินไง! โธ่เอ๊ย ทำไมดื้อนักวะ!”
ดนตร์เร่งฝีเท้าจนแทบจะเป็นวิ่ง ทว่าช่วงขาที่สั้นเกินไป มันทำให้เขาไม่อาจหนีคนที่ตัวสูงเกินหกฟุตได้ แค่ชั่วอึดใจกรณ์ก็สามารถมายืนขวางหน้าได้สำเร็จ แผ่นอกกว้างสะท้อนขึ้นลงเร็วๆ เขาได้ยินเสียงลมหายใจหนักๆ ที่เจ้าตัวปล่อยออกมา เสี้ยววินาทีที่เงยหน้าขึ้น เขาเห็นแผลที่น่าจะหายแล้วบนหน้าผาก แต่มันกลับเป็นสีชมพูสดราวกับเพิ่งเกิดขึ้นได้ไม่นาน แถมมันยังขยายขนาดมากกว่าเดิมเสียอีก ทว่าขณะที่กำลังกังวลกับบาดแผลของอีกคน ทั้งตัวของเขาก็ลอยหวือขึ้นอากาศ กว่าจะรู้หน้าท้องของเขาก็พาดอยู่บนหัวไหล่หนาเสียแล้ว ด้วยท่าชวนอาเจียน
โลกทั้งใบกลับตาลปัตร กรณ์พาดร่างของเขาไว้บนหัวไหล่ รวบขาด้วยมือสองข้าง ที่เขามองเห็นคือแผ่นหลังและพื้น
“ปล่อยนะ! ปล่อยผมลง!”
เขาพยายามทุบตีแผ่นหลังกว้างและหนา แต่มันไม่เป็นผล ซ้ำกรณ์ยังแกล้งลงส้นเท้าหนักๆ จนเขาทั้งเจ็บและจุกไปหมด ที่สุดเรี่ยวแรงก็ถดถอย เขายอมให้อีกฝ่ายอุ้มพาดบ่าไปทั้งอย่างนั้น โดยเปลี่ยนจากพยายามดิ้นรนมาเป็นพยายามกลั้นอาเจียนแทน
กรณ์ยัดร่างเล็กเข้าไปในรถญี่ปุ่นคันใหญ่ที่บิดายอมให้ใช้แทนเฟอร์รารี่ที่ส่งเข้าซ่อมอย่างไม่มีกำหนด เขาไม่สนใจสายตาอยากรู้อยากเห็นของคนในร้านหรือเสียงร้องเรียกจากเพื่อนร่วมงานของดนตร์ เขากำลังโมโหหึง ไอ้เด็กบ้านี่ริจะกลับไปมีแฟนเป็นผู้หญิง ทั้งที่เป็นเมียของเขา
อาการปวดตุบๆ ที่หน้าผากไม่ได้ทำให้กำลังลดลง เขาแค่เหนื่อยเพราะไม่ได้ออกกำลังกายมาพักใหญ่หลังจากที่นอนพักฟื้นอยู่หลายวัน เขาอ้อนวอนขอคุณหมอยอมให้เขากลับบ้านตามกำหนด เพราะแผลที่โยษิตาสร้างให้ใหม่ทำให้คุณหมอจะไม่ยอมให้เขากลับบ้าน แต่เขายืนยันหนักแน่นว่านอกจากรอยแผลที่กว้างและยาวกว่าเดิมส่วนอื่นๆ ของร่างกายแข็งแรงดีแล้วคุณหมอถึงได้ยอม จากนั้นก็รีบตามหาดนตร์แต่เขากลับต้องผิดหวังเพราะไม่เจอเจ้าตัวที่มหาวิทยาลัยถามจากลลิตาหรือเมธัสก็ไม่ได้ความอะไร สองคนนั่นทำเหมือนป้อมปราการไร้คำพูด ไม่เพียงแต่ไม่พูดกับเขาแต่ยังทำเป็นเมินใส่อีกด้วย ดังนั้นเขาเลยต้องไปขอความช่วยเหลือจากชนวีร์โดยต้องทนให้ไอ้เจ้าอ้วนด่าเขาร่วมชั่วโมงถึงจะยอมบอกว่าดนตร์ทำงานอยู่ที่นี่ ซึ่งมันอยู่ใต้จมูกเขานิดเดียวเท่านั้น คำพูดสุดท้ายของชนวีร์ยังติดอยู่ในหู
‘ถ้าแกยอมให้อีผีบ้านั่นทำร้ายเพลงอีก รับรองว่าเพลงจะได้ผัวใหม่แน่นอน’
เขารู้ว่านั่นไม่ใช่แค่คำขู่ ชนวีร์พูดจริงและทำจริงแน่ๆ เขาไม่ได้รับปากหรือสัญญาอะไร เพราะแค่คำพูดมันเชื่อถืออะไรไม่ได้ เขาขอแค่เวลาเท่านั้น
แต่ชนวีร์ไม่รู้หรอกว่าสิ่งที่ขู่เอาไว้มันเกือบจะเป็นจริงอยู่แล้ว เพียงแต่เจ้าตัวดีไม่ได้จะมีผัวใหม่ แต่กลับจะมีเมียต่างหาก เขาจำดวงตาที่ดนตร์ใช้มองยัยเด็กนั่นได้ติดตา แก้วตาใสเป็นประกายระยิบระยับราวกับเห็นของเล่นถูกใจ ปากคงจะกว้างจนเกือบถึงรูหู ถึงจะมีแมสปิดไว้ก็ตาม เขาโกรธจนได้ยินเสียงลมในหูตัวเอง เพิ่งรู้ว่าลมเพชรหึงมันเป็นเช่นไร ดนตร์ต่อว่าเขาว่าเป็นบ้า โดยไม่รู้หรอกว่าเขาบ้าได้มากกว่านั้นอีก
รถทะยานไปเบื้องหน้าด้วยความเร็วพอๆ กับอยู่ในสนามแข่ง เขาเหลือบมองตุ๊กตาหน้ารถอีกครั้ง แมสปิดหน้าหลุดไปแล้ว คงจากตอนที่เขาอุ้มเจ้าตัวพาดบ่า เสี้ยววินาทีที่กำลังจะเบือนหน้ากลับเขาเห็นรอยเขียวช้ำที่มุมปาก
…ฝีมือโยษิตา...
ดนตร์ยังคงนั่งเงียบ แต่มีเสียงลมหายใจฟืดฟาดบอกถึงอารมณ์ที่ไม่ปกตินัก เจ้าตัวกระถดตัวไปจนติดกับประตู มือเกาะสายเข็มขัดนิรภัยแน่น ภายในรถคุกรุ่นด้วยความโกรธที่ต่างฝ่ายต่างปล่อยออกมา กรณ์เหยียบคันเร่งเพิ่มความเร็วจนมันเกือบสุด เขาหักพวงมาลัยหลบรถคันอื่นด้วยความชำนาญและน่าเสียวไส้ อุบัติเหตุครั้งก่อนไม่ได้ทำให้เขารู้สึกกลัวตายขึ้นมาสักนิด
“อยากตายมากหรือไง! ถ้าอยากตายก็ปล่อยผมลงก่อนแล้วเชิญไปตายให้สมใจ!”
“คนอย่างฉันจะตายแค่บนอกนายเท่านั้น!”
“ไอ้พี่กรณ์!!”
ความเร็วของรถไม่ได้ลดน้อยลง ดนตร์เผลอหวีดร้องในจังหวะที่สารถีตีนผีเข้าโค้งแล้วแซงรถคันหน้า ปาดซ้ายแซงขวา มีเสียงบีบแตรตามหลังมาเป็นระยะ
“จอดรถเลยผมจะลง ผมไม่อยากตาย!”
“ไม่! นายจะต้องไปกับฉัน จะนรกหรือสวรรค์ก็ต้องไป”
“ไอ้!”
“ถ้านายยังเรียกฉันว่าไอ้อีก ฉันจะเอาของฉันให้นายอม!”
ไม่มีเสียงก่นด่าอีก มีแต่เสียงลมหายใจหนักๆ ออกมาแทน ในรถกลับมาเงียบอีกครั้งแต่บรรยากาศกลับมาคุยิ่งกว่าเดิม...
*****************************