❥ ริน รัก ล้น ใจ [ตอนที่ 10 P.4] 11/5/2019

Boy's love > นิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบ

❥ ริน รัก ล้น ใจ [ตอนที่ 10 P.4] 11/5/2019

(1/21) > >>

JAMNIN:
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฏข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฏข้อ 17



เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------







นรินทร์เป็นครูโรงเรียนประถมเล็กๆ ในเชียงใหม่
วันหนึ่งข้างบ้านของเขามีคนย้ายมาใหม่
เพื่อนบ้านชาวฮ่องกงคนนี้ทำให้ชีวิตเรียบง่ายของครูรินเปลี่ยนไปอย่างไม่คาดฝัน
ใครจะนึกล่ะว่า ตัวเองจะต้องเข้าไปพัวพันกับ...มาเฟีย!



*บุคคลและสถานที่ในเรื่องเป็นเพียงจินตนาการของผู้เขียน*



นรินทร์อาศัยอยู่ในบ้านไม้เล็กๆ ในเขตโรงเรียน

บ้านข้างๆ ที่อยู่ใกล้กับบ้านของเขามีคนย้ายมาอยู่ใหม่

เป็นชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ ย้อมผมบลอนด์ ตาดุๆ และไม่มีใครรู้ที่มาที่ไป

คนที่ตอนแรกแสนจะเย็นชา แต่ไปๆ มาๆ กลับไม่ใช่เสียอย่างนั้น

ถึงอย่างไรก็ตาม ตัวตนที่แท้จริงของเขานั้น...ก็ยิ่งใหญ่และน่าหวาดหวั่นอยู่ดี



#รินรักล้นใจ



twitter : @jamlinin






 :o8: :o8: :o8: :o8: :o8: :o8: :o8: :o8: :o8: :o8:

(18/7/2017) แก้ไขชื่อเรื่อง จาก เพื่อ ให้ รัก ริน  เป็น ริน รัก ล้น ใจ




สารบัญ

บทนำ+ตอนที่ 1 ครูริน
ตอนที่ 2 เพื่อนบ้านคนใหม่
ตอนที่ 3 เพื่อนบ้านที่น่าสงสัย
ตอนที่ 4 ความช่วยเหลือ
ตอนที่ 5 ยามเย็น
ตอนที่ 6 รอยยิ้ม





JAMNIN:
บทนำ

นัยน์ตาคู่สวยมีแววสับสนและหวาดหวั่นเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่างรถ


ภาพบ้านเมืองที่ไม่คุ้นเคยทำให้ภายในใจอันหนาวเหน็บยิ่งเคว้งคว้างเป็นทวีคูณ


แผ่นดินฮ่องกง...


ประเทศที่เพิ่งเคยมาเหยียบเป็นครั้งแรก ไม่ใช่ในฐานะนักท่องเที่ยว แต่อยู่ในสถานะที่จำต้องยอมรับอย่างไม่เต็มใจ 


นรินทร์ไม่เคยคิดฝันเลยว่าคนธรรมดาอย่างเขาจะต้องมาพัวพันกับเรื่องแบบนี้




...ถ้าเกิดวันนั้นเขาไม่เข้าไปทำความรู้จักตั้งแต่ทีแรก







...ไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับ อัลวิน จาง











1


ครูริน


อากาศหลังฝนตกใหม่ๆ เย็นสบาย กลิ่นดินลอยฟุ้งให้ความรู้สึกสดชื่น ต้นไม้ใบหญ้ามีหยดน้ำเกาะพราว เสียงกบร้องประสานดังไปทั่ว แต่ไม่สามารถมองเห็นแหล่งกำเนิดเสียงได้ซักตัว ด้วยกลมกลืนไปกับธรรมชาติโดยรอบ


ขาเรียวภายใต้กางเกงยีนส์สีซีดก้าวเท้าไปตามทางที่ปกคลุมด้วยเศษใบไม้แห้งทับถมกัน เมื่อเหยียบย่ำจึงเป็นเสียงกรอบแกรบปนเปกับเสียงน้ำบนพื้นแฉะๆ


นรินทร์ หรือครูรินที่เด็กๆ และชาวบ้านแถวนี้เรียกกันกำลังเดินเลียบทางข้างตึกเรียนไม้สองชั้นทาสีฟ้าสดใส เพื่อตรงไปยังบ้านพักครูด้านหลังซึ่งเป็นที่พักของเขา


บนหลังแบกเป้ใบใหญ่ สองมือหิ้วถุงใส่ของหลายอย่าง คุณครูหนุ่มเพิ่งกลับมาจากการไปเยี่ยมบ้านในวันหยุดราชการยาวสี่วัน จะว่าไปก็เพิ่งได้กลับบ้านในรอบสามเดือน มารดาเลยให้ของกินกลับมาเยอะแยะไปหมด


ใช้เวลาไม่นานนรินทร์ก็มาถึงบ้านไม้ค่อนข้างเก่า ก็เป็นบ้านพักครูในเขตรั้วโรงเรียนนี่นะ แต่ถึงจะขนาดเล็กและเวลาเดินมีเสียงเอี๊ยดอ๊าดอยู่บ้างก็ยังสะอาดสะอ้านและใช้อยู่อาศัยได้


ไม่ทันจะขึ้นบ้าน ร่างโปร่งบางของนรินทร์ก็ชะงักกึก เนื่องจากสายตาเหลือบไปเห็นอะไรบางอย่างผลุบๆ โผล่ๆ อยู่หลังโอ่งน้ำที่ตั้งอยู่ใต้ถุนบ้าน


ถ้าดูไม่ผิด เป็นเหมือน...หัวสีดำของใครซักคน


แทนที่จะตื่นตกใจเพราะร่างที่แอบอยู่หลังโอ่งอาจจะเป็นขโมยซักคนซึ่งใช้โอกาสเจ้าของบ้านไม่อยู่เข้ามาขโมยของ แต่สำหรับคนที่อาศัยอยู่มาปีกว่านั้นรู้ดีว่าคือใคร ริมฝีบางบางจึงขยับเป็นรอยยิ้ม แล้วดวงตาก็เป็นประกายขบขัน   


"ไม่ต้องแอบเลย" เสียงนุ่มทุ้มส่งออกไปพร้อมกับหัวเราะหึๆ


หัวเล็กๆ นั่นหดหายไปจนมองไม่เห็น ช้าไปแล้ว ถ้าคิดจะแอบให้เนียนตั้งแต่แรกก็ไม่ควรลุกลี้ลุกลนจนทำให้เขาเห็นเต็มสองตา


พอเห็นว่าคนโดนจับได้ยังไม่ออกมาแต่โดยดีนรินทร์จึงแกล้งขมวดคิ้ว ตีหน้าโหด "ออกมาซะดีๆ!" ทำเสียงเข้มข่มขู่ "ครูจะนับแค่ถึงสาม หนึ่ง สอง..."


ไม่ต้องให้นับถึงสาม ร่างเล็กป้อมก็ถลาออกมาจากที่กำบัง เพียงแต่ไม่ใช่หลังโอ่งน้ำ แต่เป็นหลังเก้าอี้หวายตัวใหญ่ที่อยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลกัน


"เนม" นรินทร์เลิกคิ้ว เรียกชื่อเด็กชายตัวตุ้ยนุ้ยที่ทำหน้าเจี๋ยมเจี้ยม ถ้าเทียบกับเด็กคนอื่น เนมเป็นเด็กนิสัยดีและเรียบร้อยที่สุด คงจะกลัวครูเลยรีบออกมาโดยไม่รู้ว่าเป้าหมายของเขาไม่ใช่ตัวเอง


คุณครูหนุ่มขำอยู่ในใจ แต่ยังไม่คลายมาดดุ เปิดโปงเป้าหมายตัวจริง "โม เห็นแล้วว่าแอบอยู่ตรงนั้น หลบไปก็ไม่พ้นหรอก!" ย่างสามขุมเข้าไป ก่อนถึงโอ่งแค่นิดเดียวใบหน้าเล็กๆ น่ารักของเด็กผู้หญิงคนหนึ่งก็โผล่ออกมา ยิ้มแหะๆ จนเห็นฟันหลอ


"ครูรินเก่งจัง!"


ทำมาเป็นชมนะยัยตัวเปี๊ยก 


นรินทร์ส่ายหัว วางของในมือลงกับพื้น แล้วปัดหยากไย่ออกจากผมม้าเต่อๆ ของเด็กหญิงตัวเล็ก นี่ไปเล่นซนที่ไหนมาก่อนเนี่ย มอมแมมจริงๆ


แต่เดี๋ยวนะ...


คุณครูหนุ่มนิ่งคิด ถ้าเกิดเด็กสองคนอยู่ที่นี่ล่ะก็ จะต้องมีอีก...


หมับ!!


ไม่เหนือไปจากการคาดการ น้ำหนักบางอย่างก็โถมมาที่เอวจนคนที่ยังไม่ได้ตั้งตัวเซไปสองก้าว 


"แปะครูรินได้แล้ว!!" ร้องตะโกนเสียงดัง สองมือกอดเอวคุณครูแน่น ...แบบนี้เรียกว่าแปะตรงไหนไอ้หนู


นรินทร์แกะตัวเด็กผอมแห้งออกจากตัว มองหน้าเด็กผู้ชายที่สูงสุดในกลุ่มแล้วก็ได้แต่คิดว่าคนนำรายการซ่อนแอบคุณครูคงไม่พ้นเด็กแสบที่ชื่อจันคนนี้


"ครูรินต้องเป็นคนหาอีกตา" เด็กหญิงว่า ตาเป็นประกาย


"หือ?"


"ก็ซ่อนแอบไง"


คำตอบจากปากเล็กๆ ทำเอาคนเป็นครูรีบปฏิเสธ "พอเลย! ครูไม่เล่น"


"ขี้โกง! แพ้แล้วไม่รับ!" จันโวยวายทันทีเมื่อคุณครูคิดจะเบี้ยว


"น้อยๆ หน่อย ครูเล่นตั้งแต่ตอนแรกซะที่ไหน" 


"อ้าว! ก็ครูเป็นคนหาไม่ใช่เหรอ" เจ้าเด็กจันทำเป็นตีมึน ก่อนจะร้องโอ้ยออกมาเพราะโดนนรินทร์บีบจมูกด้วยความหมั่นไส้


"ครูเพิ่งกลับมาก็เห็นพวกเธอทำอะไรลับๆ ล่อๆ ก็ต้องหาสิ"


"ข้ออ้างทั้งน้านนน!!" จันร้อง แล้วทำทีเป็นกอดอกเชิดหน้าด้วยท่าทีเหนือกว่า "งั้นก็เริ่มเล่นตอนนี้สิ ผมยอมให้เล่นด้วยก็ได้"


ตบหัวมันซักทีดีไหม เด็กอะไรกวนชะมัด


"ไม่เอา ครูตัวใหญ่ แอบไปก็ไม่มิด" เขาอ้างส่งๆ ไป


"ครูรินตัวเล็กจะตาย พ่อหนูยังตัวใหญ่กว่าตั้งเยอะ" เด็กหญิงแย้ง


อยากจะสั่งสอนไปว่าอย่างเขาถึงแม้จะผอมไปหน่อยแต่ส่วนสูงก็มาตรฐานชายไทย ใช้คำว่าตัวเล็กไม่ได้หรอกนะ แต่ก็ขี้เกียจพูดให้เจ้าเด็กพวกนี้เถียงต่อ


"ซื้อขนมมาฝาก จะกินไหม" ในสถานการณ์นี้เปลี่ยนเรื่องเป็นทางออกที่ดีที่สุด


"กินนน!!!" เจ้าเนมตัวอ้วนชูมือคนแรก


"เอาไปแบ่งกัน ครูไปเก็บของก่อนล่ะ" ยื่นถุงขนมให้ แต่มือเล็กป้อมยังไม่ทันคว้าก็ยกถุงให้สูงขึ้นเสียก่อน "ทำไงก่อน"


"ขอบคุณค้าบบบ!!" เด็กสามคนพนมมือไหว้อย่างรู้งาน ถุงขนมเลยตกเป็นของเจ้าพวกนี้ไปโดยปริยาย


พอความสนใจไปอยู่ที่ขนม นรินทร์จึงได้โอกาสปลีกตัวขึ้นมาบนบ้าน วางถุงข้าวของต่างๆ ไว้ที่เก้าอี้ไม้เพื่อรอเก็บเข้าที่เข้าทางทีหลัง ก่อนเดินไปเปิดหน้าต่างให้อากาศถ่ายเท อากาศเย็นๆ อย่างนี้ไม่จำเป็นต้องเปิดพัดลม มือเรียวรูดซิบกระเป๋าเป้เอาเสื้อผ้าที่ยังไม่ได้ซักออกมา จะว่าไปฝนก็หยุดตกแล้ว แต่แดดยังไม่ออกซักที 


ในขณะที่กำลังคิดว่าจะซักผ้าดีหรือไม่ เสียงแหลมๆ ก็ตะโกนถาม


"ครูริน ลังกระดาษหายไปไหนแล้ว ไม่มีที่แอบ!"


"นี่เล่นซ่อนแอบกันต่อแล้วเหรอ กินขนมหมดแล้วหรือไง ห้ามกินไปเล่นไปนะ!" เขาเตือน ชะโงกหน้าออกไปดูทางหน้าต่าง จากมุมนี้มองไม่เห็นเด็กๆ จึงไม่รู้ว่าฝ่าฝืนคำที่เคยสอนไปหรือเปล่า 


"ขนมน่ะมันต้องเก็บไว้กินหลายๆ วัน!" เสียงของจันว่า


"คิดอย่างนั้นได้ก็ดี" 


"แล้วลังกระดาษ!?" ไม่วายถามอีกรอบ


"เอาไปให้ป้าจิ๊บชั่งกิโลขายแล้ว" นรินทร์ตอบ


"บู่ววว!!" ไม่ต้องเห็นหน้าก็รู้ว่าเจ้าพวกนั้นต้องทำปากพองลมด้วยความไม่พอใจอยู่แน่


"ตรงบ้านครูก็รู้กันทุกซอกทุกมุมแล้วไม่ใช่เหรอ ที่ซ่อนที่อื่นสิ" เขาแนะนำ จากนั้นไม่นานเสียงพูดคุยและเสียงฝีเท้าก็ค่อยๆ ห่างออกไป










ตอนจะเข้ามหาวิทยาลัยนรินทร์ตั้งใจไว้ว่าอยากเรียนคณะอักษรศาสตร์ แต่ผลประกาศออกมาเขากลับติดอันดับสามที่เลือกไป นั่นก็คือคณะศึกษาศาสตร์ เอกภาษาอังกฤษ พอได้สัมผัสกับสายวิชาชีพนี้...นรินทร์คิดว่าเขาพอใจกับมัน จนสุดท้ายก็ตกหลุมรักอาชีพครูเข้าจริงๆ เมื่อได้ไปทำค่ายอาสาให้กับเด็กชาวเขาในถิ่นทุรกันดาร


นรินทร์ไม่ใช่พ่อพระ แต่จะมีใครบ้างที่ไม่รู้สึกอิ่มอกอิ่มใจกับรอยยิ้มและความสุขบนใบหน้าเด็กๆ เมื่อเราไปแบ่งปันน้ำใจให้


สิ่งที่ได้รับกลับมาคือคำขอบคุณ


...แต่ทุกคนที่เคยไปสัมผัสล้วนรับรู้ได้ว่าเราได้อะไรที่มีค่ามากกว่านั้นกลับคืนมา


นรินทร์ชอบสอนหนังสือ และดีใจทุกครั้งที่เด็กๆ เอาความรู้ที่เขาให้ไปใช้ได้จริงในชีวิตประจำวัน


พอเรียนจบ นรินทร์ก็ได้เป็นครูที่โรงเรียนประถมเล็กๆ ในอำเภอสันกำแพง จังหวัดเชียงใหม่แห่งนี้ แถวนี้ห่างออกมาจากตัวเมือง พื้นที่โดยรอบยังพัฒนาไม่เยอะ แต่ดีกว่าค่ายซึ่งเขาติดใจจนอาสาไปอีกสองสามครั้งอยู่มาก น้ำ ไฟ สัญญาณโทรศัพท์เขาถึง เดินทางด้วยรถยนต์ได้ไม่ติดขัด


ย่างเข้าปีที่สองที่สอนอยู่ที่นี่ อย่าให้โม้เลยว่าเขาเป็นที่รักของเด็กทุกคน เด็กๆ น่ะติดครูรินยิ่งกว่าอะไรดี


โดยเฉพาะเด็กสามคนที่มีบ้านอยู่ใกล้บ้านพักครูของเขา


เด็กหญิงตัวเล็กสุด ชื่อโม อายุหกขวบ นิสัยซุกซนไม่สมกับเป็นเด็กผู้หญิงเท่าไหร่เพราะคลุกคลีอยู่กับเด็กผู้ชายเป็นส่วนมาก ถึงจะตัวกะเปี๊ยกอย่างนี้แต่ไม่ยอมให้ใครรังแกได้ทั้งนั้น พร้อมสู้ขาดใจถ้ามีคนแกล้ง แต่ก็มีมุมขี้แงอยู่พอสมควร นรินทร์เคยนั่งปลอบให้เจ้าตัวหยุดร้องไห้เป็นชั่วโมงหลังจากไปซัดกับเพื่อนที่มีปัญหากันมา


เด็กชายตัวจ้ำม่ำ...เนม อายุเจ็ดขวบ ตัวขาวแก้มป่องเป็นซาลาเปาจนเคยคิดว่าจะต้องจำกัดขนม แต่พอเห็นตาใสๆ และรอยยิ้มตอนให้ขนมไปแล้วก็ใจอ่อนทุกที เป็นเด็กที่ชักจูงได้ง่าย ชอบเล่นอะไรตามเพื่อนๆ ถึงไหนถึงกัน โดยพื้นเพมีนิสัยเรียบร้อย ไม่ดื้อ เชื่อฟังคำสั่งของเขาเป็นอย่างดี   


พี่ใหญ่สุด จัน อายุแปดขวบ เจ้าเด็กตัวดื้อที่เป็นจอมวายร้ายอย่างแท้จริง ชอบเล่นอะไรแผลงๆ เป็นหัวโจกของแก๊ง แหย่คนนู้นคนนี้ไปเรื่อยโดยเฉพาะโมน้องเล็ก เดิมทีแสบกว่านี้เยอะ แต่โดนครูรินขัดเกลานิสัยด้วยคำสั่งสอนและไม้เรียวมาหลายครั้งหลายหนจนลดความอวดกล้าลงได้โข


ตอนแรกนรินทร์หัวปั่นกับเด็กสามคนนี้มาก ไปๆ มาๆ จึงค่อยคุ้นชิน เพราะเจอกันทุกวัน อีกทั้งวันเสาร์อาทิตย์ก็ยังชอบมาขลุกอยู่บ้านเขา ไม่ยอมกลับบ้านกลับช่อง


ถือเป็นเรื่องที่ดี เวลามีเจ้าพวกนี้อยู่ด้วยทำให้...ไม่เหงา


บ้านเกิดนรินทร์อยู่ลำพูน แม้เป็นจังหวัดติดกับเชียงใหม่ก็ไม่ค่อยได้กลับไปหาพ่อแม่บ่อยนัก ส่วนใหญ่ติดต่อกันทางโทรศัพท์ซะมากกว่า



ครูรินในวันหยุดไม่ต่างไปจากเด็กมหาลัย ด้วยมีใบหน้าเกลี้ยงเกลาที่ดูเด็กกว่าอายุจริง นัยน์ตาสีดำที่แผงแววอารมณ์ดี และจะแปรเปลี่ยนเป็นดุอยู่เสมอเมื่อมีเด็กดื้อ จมูกโด่งรั้น ปากบาง เขาค่อนข้างเป็นที่นิยมตอนเป็นนักศึกษา มีสาวๆ มาขายขนมจีบให้เสมอ แต่ส่วนใหญ่ก็ถูกปฏิเสธด้วยรอยยิ้มสุภาพ เคยมีแฟนมาแล้วสองคน แต่หลังจากจบปีสามก็โสดสนิทมาจนถึงทุกวันนี้


ชายหนุ่มอายุยี่สิบสี่อยู่ในชุดเสื้อยืดกับกางเกงขาสั้นที่เพิ่งเปลี่ยนให้ใส่สบายก้าวเท้าลงมาจากบ้าน ถือตะกร้าผ้าเพื่อจะนำมาซัก ในตอนที่กำลังสวมรองเท้าเขาก็พบกับ...กลุ่มก้อนบางอย่าง


กลุ่มก้อนซึ่งเป็นเด็กสามคนกำลังสุมหัวกันเหมือนปรึกษาความลับระดับชาติ นรินทร์เลยไม่รีรอที่จะเข้าไปแอบฟัง


"ตัวใหญ่ มีกล้ามด้วย"


"น่ากลัวจัง" เนมว่า


"ผมสีเหลืองๆ อย่างกะซูเปอร์ไซย่า ปล่อยพลังคลื่นเต่า!" โมทำท่าปล่อยพลังเลียนแบบการ์ตูนต่อสู้ชื่อดังทั้งที่ตัวเองเป็นผู้หญิงแท้ๆ


"ไม่เห็นเหมือนเลย ฉันว่าเหมือนมาเฟียมากกว่า" จันตีหน้าขรึมให้ดูจริงจัง


"คุยไรกัน?"


นรินทร์โพลงถามออกไป จนเด็กๆ สะดุ้ง กลุ่มก้อนสลาย


"โถ่ ตกใจหมด" เป็นจันที่ตอบครูรินคนแรก "มีคนมาอยู่บ้านป้าชุ่ม"


สงสัยว่าเด็กพวกนี้คงเล่นซ่อนแอบกันไปถึงบ้านป้าชุ่ม บ้านแถวนี้ตั้งอยู่ห่างกันไม่เหมือนตึกในเมือง บ้านป้าชุ่มที่จันว่าอยู่ใกล้กับบ้านพักของเขามากที่สุด แต่ป้าชุ่มซึ่งอยู่คนเดียวมาตลอดย้ายออกไปทำงานในตัวเมือง บ้านหลังนั้นจึงไม่น่ามีคนอาศัยอยู่


"ใคร?"


"ไม่รู้ครับ เนมไม่เคยเห็นหน้าเลย"


"เขาดูแปลกมากอ่ะครู" จันบอก


เด็กๆ แย่งกันบรรยายลักษณะคนที่พวกเขาเพิ่งไปเห็นมา จากที่ฟังนรินทร์คิดว่าผู้ชายคนนั้นคงเพิ่งย้ายมาอยู่ใหม่ แต่น้ำเสียงของเจ้าพวกนี้ฟังดูทั้งตื่นเต้นทั้งสงสัยเหมือนคนคนนั้นแตกต่างออกไปจากชาวบ้านธรรมดา สุดท้ายครูรินจึงตกลงกับเด็กๆ ว่าจะไปดูคนที่มาอยู่บ้านป้าชุ่มด้วยกัน









สี่ชีวิตหยุดอยู่ห่างจากบ้านป้าชุ่มไม่ไกล


เด็กทั้งสามคนโผล่หัวจากพุ่มไม้ซึ่งเป็นที่ซ่อนตัวเพื่อสังเกตการณ์ ทำอย่างกับสายสืบ นรินทร์ทำหน้าระอา ทั้งที่ควรไปทักทายเพื่อนบ้านคนใหม่ให้เหมือนคนปกติทั่วไป เห็นแก่ความระแวดระวังเกินเหตุของเด็กๆ เขาจึงไม่อยากห้ามอะไร


เพื่อนบ้านคนใหม่นอนอยู่บนเปลซึ่งผูกอยู่กับเสาบ้าน ใช้แขนรองศีรษะเอาไว้ ผมของเขาเป็นสีบลอนด์ซีดจนเกือบขาว ร่างสูงใหญ่นั้นพลิกตัวหันมาทำให้นรินทร์เห็นว่าคนคนนั้นหน้าตาดีสุดๆ


"ผมของเขาเป็นสีขาวมากกว่า" เจ้าเด็กเนมออกความเห็น


"ผมหงอกเต็มหัวเลย แก่แล้วเหรอ" โมสงสัย


"โง่หรือเปล่า หน้ายังหนุ่มอยู่เลย" จันไม่พลาดที่จะว่าน้อง


"เป็นฝรั่งเหรอ แม่เนมบอกว่าฝรั่งมีผมสีอ่อน"


"ไม่ใช่ฝรั่งหรอก หน้าอย่างนี้คนเอเชีย" นรินทร์ว่า สงสารเพื่อนบ้านคนใหม่จริงๆ ที่โดนเด็กวิจารณ์กันใหญ่


เนมทำหน้างง "เอเชีย คืออะไรครับ" 


"เอเชียเป็นชื่อทวีปน่ะ"


"อ๋อออ!"


พอจันลากเสียงยาว คนอื่นๆ ก็พยักหน้ารับรู้ตาม ครูรินยกนิ้วโป้งเป็นเชิงบอกว่าเยี่ยม ก่อนหันไปมองผู้ชายคนนั้นต่อ โดยไม่รู้ว่าเนมแอบเขยิบเข้าไปกระซิบกระซาบกับจัน


"ทวีปคืออะไรอ่ะ"


พี่ใหญ่ส่ายหัว "ไม่รู้เหมือนกัน"


"อ้าว!?" โมหน้าเหวอกับคำตอบจัน


เจ้าเด็กจันทำปากจิ๊จ๊ะ "เดี๋ยวโตขึ้นก็รู้เองน่า" แล้วสายตาก็เหลือบไปเห็นสิ่งมีชีวิตตัวยาวที่มีเป็นร้อยขาเคลื่อนไหวอยู่ที่ปลายเท้า เด็กชายหน้าซีด ไม่คิดไม่ฝันว่าจะเจอสัตว์ชนิดเดียวที่กลัวในระยะประชิด น้ำเสียงแปดหลอดจึงแผดกล้า "ตะ...ตะขาบ ว้ากกก!!!"


ตะโกนลั่นไปทั่วยังไม่พอ ร่างผอมๆ ยังผลักทุกสิ่งที่ขวางหน้าก่อนจะวิ่งเผ่นแน่บออกไป บังเอิญว่าคนที่ขวางอยู่เป็นนรินทร์พอดี คุณครูหนุ่มจึงเซออกมานอกพุ่มไม้ พร้อมๆ กับเด็กอีกสองคนที่ตกใจกระโดดโหยงออกมาเหมือนกัน


เสียงดังๆ นี้เองทำให้เพื่อนบ้านคนใหม่หันขวับมาทางนี้


ต้องโทษสายตาที่ดีไปของนรินทร์ เขาเห็นแววตาไม่ไว้ใจจ้องเขม็งมาอย่างชัดเจน จนทำอะไรไม่ได้นอกจากยิ้มแห้งๆ ส่งไปให้ ซึ่งยังไงก็ดูมีพิรุธ



...เป็นการพบหน้ากันครั้งแรกที่ประหลาดสิ้นดี










TBC



---------------------------------------------

สวัสดีค่ะทุกๆ คน


แนะนำตัวกันก่อน ชื่อ ขนุน นะคะ นามปากกา JAMNIN เรียกเราว่าแจมนินก็ได้

ขอฝากเรื่องนี้ไว้ในอ้อมอกอ้อมใจทุกคนด้วยนะคะ // โค้ง


ปล. ใครใจดีเห็นคำผิดช่วยเตือนด้วยนะคะ เพราะนี่ชอบพิมพ์ตกๆ หล่นๆ ไม่ก็สะกดผิดประจำ เหะๆ  :hao5:
 

sirin_chadada:
น่าอ่าน
คุณครูน่ารัก พวกเด็ก ๆ ก็น่ารัก

cchompoo:
 :mc4: :mc4:

JAMNIN:
2

เพื่อนบ้านคนใหม่


แสงอาทิตย์อ่อนๆ ยามเช้าลอดผ่านหน้าต่างเข้ามาทำให้ห้องพักครูเล็กๆ แห่งนี้ดูมีชีวิตชีวา โมบายสีสันสดใสที่ห้อยอยู่หน้าประตูส่ายไปมาตามกระแสลมส่งเสียงกรุ๊งกริ๊งรื่นหู


กระเป๋าใส่เอกสารสีน้ำตาลถูกวางบนโต๊ะไม้โดยคุณครูหนุ่ม เสียงนุ่มทุ้มฮัมเพลงที่กำลังฮิตในช่วงนี้เป็นทำนองด้วยใบหน้าสดชื่น ไม่มีร่องรอยความง่วงอยู่ซักนิดโดยไม่ต้องพึ่งกาแฟแม้จะยังเป็นเวลาเช้าอยู่มาก


ด้วยความที่บ้านอยู่ภายในเขตรั้วโรงเรียนและตื่นเช้าจนเป็นนิสัย นรินทร์จะเป็นคนแรกที่มาถึงโรงเรียน เขาเลยไปขอปั๊มกุญแจมาจากภารโรงอีกหนึ่งชุดและอาสาเป็นคนเปิดห้องแทน


กุญแจพวงโตที่ใช้ไขห้องเรียนทุกห้องในตึกนอนนิ่งอยู่ข้างกระเป๋าบ่งบอกว่าเขาจัดการภารกิจยามเช้านี้เสร็จเรียบร้อยไปหนึ่งอย่าง


นรินทร์จัดการเติมน้ำให้กับพลูด่างในขวดน้ำเหลือใช้ที่แกะสลักเป็นกระถางแบบง่ายๆ โดยฝีมือนักเรียนซึ่งติดอยู่ตามหน้าต่างห้องด้วยใบหน้าอมยิ้มน้อยๆ


เสร็จแล้วครูหนุ่มก็กลับมานั่งยังโต๊ะประจำ แกะถุงน้ำเต้าหู้ใส่เครื่องเยอะแบบพิเศษ เน้นวุ้นเยอะๆ เทใส่ถ้วย หยิบปาท่องโก๋สีเหลืองนวลน่ากินเข้าปากเคี้ยวหงับๆ


จัดการน้ำเต้าหู้ไปได้ครึ่งถ้วย เสียงทักทายก็ดังมาจากหน้าประตู


"สวัสดียามเช้าจ้า"


เจ้าของเสียงชัดถ้อยชัดคำเป็นหญิงสาวร่างอวบในชุดเสื้อเชิ้ตสีเขียวอ่อน กระโปรงสีน้ำเงินเข้มสุภาพ เกล้าผมเป็นหางม้าด้านหลังแบบที่นรินทร์เห็นจนชินตา


"วันนี้มาเช้านะพี่เมย์" ริมฝีปากของนรินทร์วาดเป็นรอยยิ้มทักทาย


ใบหน้าเอิบอิ่มของคุณครูเมธินีไม่ได้เคลือบด้วยเครื่องสำอางหนา เพียงแค่ทาแป้งฝุ่นบางๆ กับลิปมันให้ริมฝีปากแวววาวเล็กน้อย แค่นั้นใบหน้าก็ผ่องใสดูดี เธอก้าวเข้ามาแล้วก็วางกระเป๋าบนโต๊ะข้างๆ นรินทร์


"หยุดยาวไปสี่วันเติมพลังจนเต็ม วันนี้เลยตื่นเช้ามาดูแสงแรกของวันซักหน่อย" ครูเมย์ว่าเสียงกลั้วหัวเราะ


"วันหยุดเอาแต่นอนล่ะสิ" นรินทร์แซว


แม้ว่านับตามอายุแล้ว เมธินีจะแก้กว่านรินทร์สองปีกว่า แต่คุณครูทั้งคู่ก็คุยเล่นเหมือนเป็นเพื่อนกันตามปกติ 


"นอน ดูซีรีย์ ทำงานบ้านก็หมดเวลาแล้ว สี่วันเหมือนจะนานแต่ก็แป๊บเดียวเอง" เธอบ่นน้อยๆ


นรินทร์พยักหน้า กลืนปาท่องโก๋ "ผมเห็นด้วย งานบ้านดูดเวลามากๆ"


"ผู้ชายแท้ๆ อยู่บ้านคนเดียวไม่ต้องทำมากหรอก"


"บ้านผมสะอาดนะครับพี่"


"แหนะ มีสาวที่ไหนมาจัดการให้หรือเปล่า" ครูเมย์ลองแหย่


"สาวๆ ที่มาบ้านผมมีแต่เจ้าโมคนเดียวแหละ" นรินทร์หัวเราะ


ว่าไปนั่น เด็กหญิงโมมีหรือจะมาทำความสะอาดบ้านให้เขา มีแต่จะทำให้เละกว่าเดิมสิไม่ว่า


"อ้อ น้องโม ปอหนึ่ง เป็นสาวจริงด้วย" เมธินียังรับมุก ก่อนถามต่อ "กลับไปเยี่ยมบ้านมา เป็นยังไงบ้าง"


"คุณพ่อคุณแม่สบายดี ให้ของกินกลับมาเยอะมาก เอาไว้ถ้าผมกินไม่หมดจะเอามาให้พี่ช่วยกิน"


"เดี๋ยวเหอะ เห็นพี่เป็นที่กำจัดของเหลือหรือไง"


"ล้อเล่นครับ" ครูรินยังคงหัวเราะอารมณ์ดี หยิบถุงของฝากที่หยิบติดมือออกจากบ้านส่งให้ ปากก็พูด "ถุงนี้ขนม แล้วก็นี่ แก้วเซรามิก ซื้อมาฝาก เห็นบ่นว่านักเรียนทำแก้วกาแฟแตกไปเมื่ออาทิตย์ก่อน"


"ขอบคุณมากค่ะครูรินรูปหล่อ" เมธินียิ้มแย้มทำเป็นชมขณะรับของฝากจากนรินทร์ "อุ้ย! ลายสวยจัง ถูกใจจริงๆ"


"ผมว่า พี่อย่าให้เด็กต่ำกว่าปอสี่ชงกาแฟให้อีกเลย แก้วจะได้ไม่แตกอีก"


"แหม ไม่ผิดกฎหมายแรงงานซักหน่อย" ครูเมย์ว่าขำๆ


"ตำรวจไม่จับหรอกครับ แต่ผู้ปกครองจะมาเฉ่งเอาสิ ถ้านักเรียนโดนแก้วบาดใครจะรับผิดชอบ ไหนจะน้ำร้อนลวกอีกล่ะ ต้องดูแลความปลอดภัยด้วย" คนอายุน้อยกว่าเทศน์


ถ้าเป็นที่อื่นผู้น้อยเคารพผู้ใหญ่ มีหรือจะพูดจาสั่งสอนได้ แต่เรื่องนี้ใช้ไม่ได้กับโรงเรียนเล็กๆ แห่งนี้ที่มีครูอยู่ไม่กี่คน โดยเฉพาะนรินทร์กับเมธินีที่สนิทกันมาก มีอะไรก็พูดกันตรงๆ ไม่มีใครถือสาเอาความ


"ก็ได้ๆ เอาซะพี่รู้สึกผิดเลย ต่อไปไม่ทำอีกแล้ว" ครูเมย์สัญญาแต่โดยดี


"พี่ทานข้าวเช้ามายัง" นรินทร์ถาม ยกน้ำเต้าหู้ขึ้นดื่ม


"เรียบร้อยแล้วจ้ะ บอกแล้วว่าวันนี้ตื่นเช้าจริง" เมธินีจัดแจงสมุดบนโต๊ะให้เป็นระเบียบ ก่อนจะเพิ่งนึกบางอย่างออก "เอ้อ! ได้ข่าวมาว่าบ้านป้าชุ่มมีคนมาอยู่ใหม่เหรอ"


นรินทร์เลิกคิ้ว เมธินีรู้ข่าวไวเสียจริง ขนาดเขาถ้าเด็กๆ ไม่ตามไปดูก็คงยังไม่รู้เรื่องรู้ราวว่าบ้านข้างๆ มีคนมาอยู่ "ได้ข่าวมาจากไหนล่ะ"


"เจอแม่น้องเนมที่ร้านข้าวต้มเมื่อเช้า เขาเล่าให้ฟัง"


"อ้อ" 


"รินเจอหรือยัง" ครูเมย์ถาม


"เจอแล้ว มาอยู่คนเดียวมั้ง" ครูรินตอบ ไม่อยากจะบอกว่าเจอกันครั้งแรกก็ไปทำลับๆ ล่อๆ ที่หน้าบ้านเขาเลย


"ผู้หญิงผู้ชาย" ครูเมย์ถามรายละเอียด


"ผู้ชาย เป็นคนต่างชาติด้วย"


เมธินีตาโต ท่าทางดูสนอกสนใจขึ้นมาทันที "จริงอะ หล่อมั้ย อายุเท่าไหร่ "


นรินทร์กระแอม ผู้หญิงนี่ดูจะสนใจข้อมูลว่าหล่อหรือไม่ก่อนเสมอ


"ผมหล่อกว่า" นรินทร์ยักคิ้ว ยิงมุกอย่างไม่มีคำว่าอาย


เมธินีแกล้งทำหน้าเอือมระอาส่งมาให้


ครูรินขำกิ๊ก ก่อนจะยอมบอกดีๆ "หน้าตาดีสุดๆ นึกว่าดารา น่าจะเป็นคนจีนมั้งถ้าให้ผมทาย ส่วนอายุเดายาก น่าจะประมาณผมนี่แหละ" ครูรินเล่า ก่อนจะหน้าตึงขึ้นมานิดหน่อย พูดอุบอิบ "แต่ถึงจะดูดีแค่ไหน ให้เลือกได้ก็ไม่อยากไปสุงสิงด้วยซักเท่าไหร่"


"อ้าว ซะงั้น" เมธินีสังเกตเห็นท่าทีนรินทร์ก็รู้แกว "พูดอย่างนี้แสดงว่าไปคุยกับเขามาแล้วล่ะสิ เจออะไรมาล่ะ"


คุณครูหนุ่มพยักหน้า ใบหน้ายังคงบูดบึ้ง


นึกไปถึงเหตุการณ์เมื่อเย็นวาน...









หลังจากนรินทร์ส่งยิ้มแห้งๆ และตะโกนขอโทษเพื่อนบ้านคนใหม่ที่โดนรบกวนการนอนกลางวัน เขาก็ต้อนเนมกับโมกลับบ้าน ส่วนเจ้าตัวต้นเรื่องไม่รู้วิ่งโร่หายไปไหนแล้ว


ตกเย็น เด็กๆ ก็กลับบ้านกลับช่องไปกันหมด ทิ้งให้ครูรินอยู่คนเดียว คิดไปคิดมานรินทร์จึงลุกขึ้นมาเข้าครัว รื้อวัตถุดิบในตู้เย็นออกมาเตรียมพร้อม ก่อนเอากระทะตั้งไฟแล้วใส่หัวกะทิลงไป


ความประทับใจแรกเป็นสิ่งสำคัญเสมอ


แต่ความประทับใจแรกของเพื่อนบ้านคนใหม่ที่มีต่อเขาคงเข้าขั้นติดลบ ต้องกู้หน้าเสียหน่อย ถึงจะไม่รู้ว่าชายคนนั้นจะอาศัยอยู่บ้านป้าชุ่มนานหรือเปล่า แต่ยังไงก็อยู่บ้านใกล้เรือนเคียง ผูกมิตรไว้ก่อนไม่มีอะไรเสียหาย


ทำกับข้าวไปให้นี่แหละ


วิธีผูกมิตรประสาชาวบ้าน


พอเห็นว่ากะทิเคี่ยวจนแตกมันเรียบร้อย นรินทร์ก็ใส่น้ำพริกแกงเผ็ดเป็นขั้นตอนที่สอง


อย่าคิดว่าผู้ชายทำกับข้าวไม่เป็น ผู้ชายที่แยกตัวมาอยู่คนเดียวตั้งแต่อยู่มหาวิทยาลัยอย่างเขาบอกเลยว่าทำอาหารได้เก่งกว่าผู้หญิงบางคนเสียอีก เป็นเพราะว่าติดรสชาติอาหารฝีมือแม่มาก กินอาหารที่อื่นก็ไม่ถูกปาก ครูรินเลยแก้ปัญหาด้วยการกลับบ้านไปทีก็เอาตัวเองไปเป็นลูกมือแม่ในครัว ขอให้แม่ถ่ายทอดเคล็ดลับวิชาให้เอาไว้ทำกินเองยาม (หาอาหารถูกปาก) ยาก


ไปๆ มาๆ เขาก็ทำกับข้าวได้คล่องแคล่ว ทำไว้กินเองได้ ทำให้เด็กนักเรียนกินก็ดี แถมยังประหยัดกว่าออกไปหาซื้อข้างนอก


ไม่นานแกงเผ็ดไก่ใส่มะเขือเปราะก็เป็นอันเสร็จสมบูรณ์ ส่งกลิ่นหอมฉุย ครูรินจัดแจงแบ่งใส่กล่องทัพเพอร์แวร์ อีกส่วนใส่ชามเอาไว้กินเอง


ไม่กี่นาทีต่อมานรินทร์ก็มายืนอยู่หน้าบ้านที่เพิ่งมาเมื่อตอนบ่าย ภายในบ้านมืดสนิท ไม่มีแสงไฟเล็ดลอดออกมา


นรินทร์ขมวดคิ้ว ตามองกล่องบรรจุแกงในมือ ไหนๆ อุตส่าห์ทำกับข้าวมาแล้วก็อยากให้เพื่อนบ้านลองชิมดู เก็บเอาไว้เขาก็กินไม่หมด จริงๆ จะแช่เย็นเอาไว้เป็นมื้อเช้าก็ได้ แต่กินอะไรซ้ำๆ มันเบื่อนี่หว่า


หรือแกงมื้อนี้จะเป็นหมันซะแล้ว


เสียงจิ้งหรีดเรไรเริ่มขับขาน ท้องฟ้าเริ่มมืดลงเรื่อยๆ เพราะเป็นเวลาพระอาทิตย์ตกดิน


เขายังไม่ตัดสินว่าไม่มีคนอยู่บ้านเสียทีเดียว ครูรินเดินเข้าไปใกล้ตัวบ้านมากกว่าเดิม ด้อมๆ มองๆ สังเกตการณ์... 


"คุณทำอะไร"


นรินทร์สะดุ้งโหยง เมื่อสมองกำลังคิดว่าจะลองเคาะประตูดู จู่ๆ น้ำเสียงเย็นเยียบก็ดังขึ้น เขารีบหันขวับไปมองด้านหลัง


คนที่เขาต้องการมาผูกมิตรด้วยยืนอยู่ตรงนั้น


เงาร่างสูงใหญ่มองเห็นหน้าได้เลือนๆ ด้วยมีอุปสรรคเป็นความมืดยามหัวค่ำก้าวเข้ามา เดินเลยผ่านนรินทร์ไป ก่อนจะ...


แป๊ะ!


เสียงกดสวิทช์ไฟดังขึ้น ทันใดไฟหน้าบ้านก็สว่างพรึบ


คุณครูหนุ่มจึงได้โอกาสเห็นเพื่อนบ้านคนใหม่ในระยะใกล้อย่างชัดๆ นรินทร์รีบกวาดตามอง สังเกตอีกฝ่ายอย่างรวดเร็ว


ผู้ชายคนนี้หน้าตาดีอย่างร้ายกาจ นัยน์ตาสีเข้มคมกริบ คิ้วเข้มพาดเฉียงทำให้เค้าหน้าดูคมเข้ม จมูกโด่งเป็นสัน ผมสีบลอนด์อ่อนตัดเป็นทรงสุภาพ ปล่อยไว้ยุ่งๆ ไม่ได้เซ็ทเป็นทรง ทว่าก็ไม่ได้ลดทอนความดูดีมหาศาลของเขา รูปร่างสูงใหญ่ สูงกว่านรินทร์เป็นสิบเซ็นได้ ไม่รู้จะสูงไปไหน ขนาดอยู่ในชุดเสื้อยืดธรรมดายังมีมาดอย่างกับนายแบบ


ตอนบ่ายคนคนนี้นอนอยู่บนเปลเลยเห็นรูปร่างหน้าตาไม่ชัดเท่านี้ อีกทั้งยังอยู่ไกล พอมาเห็นตรงหน้าแบบนี้จึงทำให้ครูรินรู้สึกตะลึง


ไม่คิดว่าในที่ค่อนข้างชนบทแบบนี้จะมีคนที่หล่อขนาดนี้มาปรากฏตัวอยู่ได้


"คุณมีอะไรหรือเปล่า" เห็นเขายืนนิ่งไม่พูดไม่จา คนตรงหน้าก็ถามขึ้นอีกรอบ


ฮะ!?


นรินทร์คืนสติกลับมา


เมื่อกี้...ชายคนนี้พูดเป็นภาษาอังกฤษ


จะว่าไปประโยคแรกที่ทำเอาเขาตกอกตกใจก็ภาษาอังกฤษนี่หว่า


หมอนี่ไม่ใช่คนไทย?


ครูรินคิด ต้องไม่ใช่คนไทยแน่ ไม่งั้นคงพูดเป็นภาษาไทยไปแล้ว


ว่าแต่...


คนต่างชาติมาทำอะไรที่บ้านป้าชุ่มวะ?


หัวคิดหาคำตอบที่สงสัยขณะยืนเป็นบื้อใบ้ เรียกให้ตาคมๆ มองนิ่งมาที่เขา ตาคู่นั้นเหมือนมีอำนาจบางอย่างที่ทำให้นรินทร์ลนลานขึ้นมาทันที


"อะ...เอ่อ" แม้ในใจจะยังสงสัยอย่างหนัก แต่ปากก็ต้องพูดอะไรซักอย่างก่อน ภาษาอังกฤษผุดขึ้นในหัวอย่างเร็วจี๋ ไม่ได้ผ่านการไตร่ตรองจากสมองเขาก็หลุดออกไปว่า "เอ้อ ออกไปข้างนอกมาหรือครับ ผมนึกว่าจะไม่เจอคุณซะแล้ว"


ยังดีที่แกรมมาถูก...


ถุย! ไม่ใช่สิ


ถามอะไรโง่ๆ นะไอ้ริน!


เห็นชัดๆ ว่าหมอนี่เพิ่งเดินกลับมา ก็ต้องออกไปข้างนอกอยู่แล้วสิ จะให้วาร์ปออกมาจากข้างในบ้านหรือไง!


แต่เรื่องนี้จะด่าตัวเองไม่มีสมองก็ไม่ได้ เขายังงงงวยไม่หาย จึงคิดไม่ออกว่าจะพูดอะไรดี อีกอย่าง เขากับชายคนนี้ก็ยังไม่รู้จักกัน ถ้าเปลี่ยนเป็นเจอชาวบ้านที่คุ้นหน้าคุ้นตา เขาคงถามว่าไปไหนมาเป็นประโยคคลาสสิกที่ใช้กันอย่างแพร่หลายแทน


คิ้วเข้มของคนตรงหน้าเริ่มขยับมาชิดกันจนหน้าดุกว่าเดิม


เงียบ ไม่ตอบอะไรกลับ


หลังจากสำนึกได้ว่าตัวเองเด๋อด๋าไปแค่ไหน นรินทร์ก็เพิ่งนึกขึ้นได้ว่า แท้จริงควรจะแนะนำตัวเองก่อนเป็นอันดับแรก


คนจบเอกภาษาอังกฤษมาเลยได้งัดเอาวิชาความรู้ที่ร่ำเรียนออกมาปัดฝุ่น


"คุณคงแปลกใจ ขอโทษครับที่พูดอะไรแปลกๆ" เขาแก้ตัวไปก่อน แล้วค่อยวนเข้าเรื่อง "ผมชื่อนรินทร์ เรียกว่ารินก็ได้ ผมเป็นครู สอนอยู่ที่โรงเรียนประถมตรงนั้นเอง แล้วบ้านผมก็อยู่ติดกับคุณ บ้านผมอยู่ตรงนู้น" ชี้มือไปที่บ้านตัวเองประกอบคำพูด ปั้นหน้าให้ดูมีมาด ฉีกยิ้มส่งไปให้อย่างเป็นมิตร "พอดีเห็นว่าคุณมาอยู่ใหม่เลยมาทักทายน่ะครับ"


เงียบ...


พอฟังเขาอธิบายจบ อีกฝ่ายมีสีหน้าเรียบนิ่งอย่างกับหุ่นขี้ผึ้ง ไม่พูดอะไรออกมาซักอย่าง


ครูรินอึกอัก ต้องเป็นฝ่ายทำลายความเงียบ "แล้วเอ่อ...คุณ ไม่ทราบว่าคุณชื่อ..."


"อัลวิน" น้ำเสียงทุ้มต่ำบอกสั้นๆ


แค่นี้!?


ไม่คิดจะแนะนำตัวเพิ่มเติมเลยหรือ ทีเขายังพูดซะยาว


"ยินดีที่ได้รู้จักครับคุณอัลวิน" นรินทร์ว่าไปตามไดอะล็อก ยิ้มแย้มเหมือนยินดีเสียเต็มประดา


เงียบ...


แล้วจะยังไงต่อ คุณอัลวินเล่นไม่ต่อคำแบบนี้ ทั้งยังมีท่าทีเฉยชาเหมือนไม่อยากจะเสวนากับเขาอีกต่างหาก


นรินทร์พยายามคิดหาสาเหตุ


อ้อ หรือจะไม่พอใจ... 


"ผมต้องขอโทษคุณด้วยกับเหตุการณ์เมื่อบ่าย ที่ผมกับเด็กๆ มาเสียงดังรบกวน" เขาขอโทษขอโพย ก่อนชี้แจงเหตุผล "พวกเด็กๆ แกอยู่ละแวกนี้ เวลาเล่นก็เล่นไปทั่ว เดิมบ้านนี้ไม่มีคนอยู่ เด็กๆ ก็มาเล่นแถบนี้ประจำ ไม่รู้ว่าคุณเพิ่งเข้ามาอยู่ ไม่ได้ตั้งใจเสียงดังทำให้คุณตื่น"


ก็ยังคงเงียบ...


นรินทร์เริ่มรู้สึกประหม่า เก้ๆ กังๆ


หรือที่เขามายืนพล่ามอยู่นี่จะเป็นการรบกวนอีกฝ่ายอีกรอบ บางทีคุณอัลวินเพิ่งย้ายมาอาจจะอยากพักผ่อนเงียบๆ 


"ผมทำแกงเผ็ดไก่มาให้" ครูรินเลยรีบเข้าประเด็นที่ทำให้เขามายืนอยู่ตรงนี้ "คุณมาอยู่ไทยนานหรือยังครับ เคยกินหรือยัง"


ไม่ตอบ...


"อ่า งั้นก็ลองทานดูแล้วกันนะครับ" เขายื่นกล่องทัพเพอร์แวร์ให้


ไม่อยากคุยก็ไม่เป็นไร รีบๆ รับไปซักที เขาจะได้ไสหัวกลับบ้าน


อัลวินปรายตามองกล่องในมือนรินทร์ นิ่งอยู่ชั่วครู่ ก่อนริมฝีปากหยักจะอ้าปากพูด "ขอโทษด้วย ผมไม่รับอะไรจากคนแปลกหน้า"


นรินทร์ชะงักกึก


ในที่สุดเขาก็ได้รับการโต้ตอบ แต่ใจความในประโยคนี่สิ โคตรจะไร้เยื่อใย


"อะ...เอ่อ" เขาพูดต่อไม่ออก


แปลกหน้าตรงไหนวะ บ้านอยู่ติดกัน แนะนำตัวไปแล้วด้วยนะโว้ย! 


"คุณเป็นครูใช่ไหม" คาดไม่ถึงว่าอัลวินจะยิงคำถามมาต่อ แต่อีกฝ่ายไม่เว้นช่องให้เขาตอบ ว่าต่อทันที "เด็กๆ พวกนั้นอยู่ในการดูแลของคุณใช่ไหม คุณดูแลยังไงถึงปล่อยให้ไปทำความเดือดร้อนให้คนอื่น"


นรินทร์ถึงกับยิ้มค้าง ตั้งรับไม่ทัน ไม่คิดว่าคนตรงหน้าจะพูดออกมาแบบนี้


"คุณควรควบคุมเด็กให้ดีกว่านี้ อย่าให้ไปส่งเสียงดังรบกวนใครได้อีก"


ครูรินพะงาบปาก แต่ก็ไม่มีคำพูดใดๆ เล็ดลอดออกมา


ให้ตาย! พูดเหมือนเด็กของเขาไปทำเสียงโหวกเหวกโวยวายไม่หยุด ก็แค่เผลอร้องเสียงดังไปแป๊บเดียว หมอนี่ถึงกับเอามาพูดอย่างนี้เลยเราะ!


"แล้วก็...พื้นที่บริเวณนี้เป็นอาณาเขตบ้านของผม ผมไม่ชอบให้ใครเข้ามารุกล้ำ ช่วยบอกเด็กพวกนั้นให้ไปเล่นที่อื่นด้วย"


นรินทร์หน้าตึงไปหมด


ยัง ยังไม่หมดเพียงเท่านั้น...


ร่างสูงใหญ่กอดอก กล่าวต่อเสียงเยียบเย็น "อีกอย่าง คุณเองก็เหมือนกัน ทีหลังอย่าไปทำลับๆ ล่อๆ หน้าบ้านคนอื่น นอกจากจะเสียมารยาทแล้ว หากไม่ใช่บ้านคนรู้จัก คุณจะโดนเข้าใจผิดไปว่าเป็นโจรเป็นขโมยได้"   


นรินทร์ถึงกับต้องระงับสีหน้าไม่ให้แสดงความไม่พอใจออกไป ทั้งๆ ที่ข้างในใจเดือดปุดๆ


หมอนี่ไม่ไว้หน้าคนที่เพิ่งรู้จักบ้างเลยหรือ ทั้งยังเป็นคนบ้านข้างๆ ติดกันที่อาจต้องไปมาหาสู่กันในอนาคต ไม่คิดจะผูกมิตรแล้วยังจะตัดมิตรกันตั้งแต่วันแรกที่เจอ


ใจเย็นไว้ เย็นไว้ไอ้ริน


อัลวินเป็นชาวต่างชาติ อาจเคยชินกับการพูดตรงๆ


อย่าไปถือสามาก


แล้วยังขนาดตัวที่แตกต่างกันขนาดนี้ ถ้าออกอาการฮึดฮัดใส่ แล้วอีกฝ่ายไม่พอใจ ซัดเขาขึ้นมาก็มีแต่เละกับเละ อย่าไปทำให้เป็นเรื่องเลย


"ผมต้องขอโทษด้วย" นรินทร์กัดฟันพูด


"อื้ม" อัลวินรับคำเป็นเสียงในลำคอ นัยน์ตาสีเข้มมองหน้าเขาอย่างเฉยเมย ว่าเรียบๆ "คุณมีอะไรอีกไหม"


นี่เป็นคำไล่กลายๆ ใช่ไหม


"...ผมทำกับข้าวมาให้ คุณจะไม่ลองกินจริงหรือ"


ครูรินตัดสินใจทำตัวญาติดีด้วยอีกหน่อย เผื่อว่าอัลวินจะได้เห็นความตั้งใจจริงในการพยายามผูกมิตรของเขา แม้ว่าสถานการณ์ตอนนี้จะแทบเป็นไปไม่ได้เลยก็เถอะ


"ขอบคุณสำหรับน้ำใจ แต่ผมรับไว้ไม่ได้ คุณเอากลับไปเถอะ"


หมอนี่พูดเหมือนจะถนอมน้ำใจเขามากขึ้น แต่ดูๆ แล้วเหมือนจะเป็นการตัดบทเสียมากกว่า


"อ่า...โอเค" นรินทร์ยอมแพ้


เอากลับก็เอากลับวะ


ถึงจะโดนพูดหักหน้า เขาก็ยังอยากมีมารยาทจนถึงนาทีสุดท้าย จะกล่าวสวัสดียามค่ำตามธรรมเนียมที่ศึกษามา แต่ไม่ทันจะหลุดคำว่ากู๊ด ไอ้คนต่างชาติหัวทองก็หันหลังกลับ เดินขึ้นบ้านไปเสียแล้ว


ไม่อยู่ฟังจนจบ ไม่มีแม้แต่จะกล่าวลาซักนิด


ทิ้งให้คนบ้านข้างๆ อย่างนรินทร์เกาหัว อารมณ์บูด ท่ามกลางเสียงจิ้งหรีดเรไรและลมเย็นๆ ที่พัดมายามกลางคืน










"เรื่องมันก็เป็นอย่างนี้อะพี่"


"โห ดูท่าอัลวินอะไรนั่นคงไม่อยากทำความรู้จักกับรินจริงๆ นั่นแหละ" เมธินีออกความเห็นเมื่อนรินทร์เล่าจบ


ครูรินพยักหน้า ก่อนจะคิ้วขมวด ว่าเสียงเครียด "ผมอยากรู้จริงๆ ว่าเขาเป็นใคร"


"ก็รู้แล้วหนิว่าชื่ออัลวิน"


"ไม่ใช่แบบนั้นสิพี่" นรินทร์แย้ง 


เมธินีเอียงคอ ถามกลับ "แล้วยังไง"


"เขาเป็นคนต่างชาติ พูดภาษาไทยก็ไม่ได้ แต่ย้ายมาอยู่คนเดียวในบ้านเก่าๆ เล็กๆ ในที่ห่างหัวเมืองแบบนี้ มันแปลกๆ" นรินทร์ว่า ใบหน้าเต็มไปด้วยความสงสัย


ครูเมย์ส่ายหัวยิ้มๆ กับท่าทางจริงจังเสียเหลือเกินของคนอายุน้อยกว่า


"เป็นนักท่องเที่ยวหรือเปล่า บางทีอาจจะอยากอยู่แบบสโลไลฟ์" เธอว่า


"นักท่องเที่ยว แต่ไม่เป็นมิตรกับคนท้องถิ่นเอาซะเลยเนี่ยนะ" คนช่างวิเคราะห์โต้กลับทันใด


"เอ ก็จริงอยู่" เมธินีลากเสียง "แล้วทำไมไม่ถามเขาว่ามาที่นี่ทำไม"


"ตลกเหรอพี่ แค่นี้เขาก็จะกินหัวผมอยู่แล้ว" นรินทร์ว่า คิดไปถึงเพื่อนบ้านคนใหม่แล้วก็ทำหน้าแหยง แล้วกล่าวเสริม "ตัวก็ใหญ่ หน้าก็ดุ คำพูดคำจาก็เย็นชาเสียจริง ใครจะไปกล้าถาม"


"คราวหน้ายังมี บ้านอยู่ติดกัน ถ้าเขายังไม่ย้ายไปไหนในเร็วๆ นี้ เดี๋ยวก็คงมีโอกาสได้คุยกันอีก" เมธินีกล่าว


ครูรินได้แต่หัวเราะเหอะๆ

 





















 
TBC

กลับมาต่อแล้วววว ขอโทษนะคะที่หายไปนาน (มาก)

ครูรินเป็นคนใจเย็นค่ะ ฝึกมาเยอะจากเด็กๆ อีกทั้งโดยพื้นเพเป็นคนไม่สู้คน ไม่ชอบถือสาเอาความอะไรกับใครมาก ไม่งั้นคงไม่ทำตัวเป็นคนไทยน้ำใจงาม สยามเมืองยิ้มอย่างนี้ ฮ่า






นำร่อง

[0] ดัชนีข้อความ

[#] หน้าถัดไป

ไปที่เวอร์ชันเต็ม