ซีรีส์ [H.E.A.R.T.] ❤ หัวใจ...รัก [END]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ซีรีส์ [H.E.A.R.T.] ❤ หัวใจ...รัก [END]  (อ่าน 205628 ครั้ง)

ออฟไลน์ Dee^daY

  • ไม่เคย ทำให้ใครเดือดร้อน
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4061
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +330/-6
เพิ่มความร้ายเข้ามาอีก ..

ออฟไลน์ Sameejaejung

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 394
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +457/-17
[H.E.A.R.T.] E.Erotic หัวใจร้อนรัก


Part 8# Thara ยัยงูพิษ!


   “ผมว่าเป็นฝาแฝด”


   “แต่ผมว่าสองบุคลิก”


   พฤกษ์และเพลิง สองแฝดของบ้านพูดขึ้นเมื่อได้ฟังเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อวานจากผม ซึ่งผมเล่าทุกอย่างทั้งหมดแบบไม่คิดปิดบัง โดยเฉพาะความรู้สึกของผมที่สองจิตสองใจเลือกใครไม่ได้ ผมชอบทั้งเมฆทั้งหมอกและจะไม่ยอมเสียใครไปทั้งนั้น


   “เฮ้ออออออ ขนาดพวกแกความคิดเห็นยังแตกแยกหรอเนี่ย” ผมถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ ลองถ้าเป็นแบบนี้ผมก็คงต้องกลุ้มใจต่อไปเรื่อยๆ จนกว่าจะได้รู้ความจริงสินะ


   ตอนนี้ผมนั่งเอามือข้างหนึ่งกุมศีรษะอยู่ที่ข้างเตียงในห้องนอน โดยมีพฤกษ์และเพลิงลากเก้าอี้มานั่งอยู่ตรงข้าม บรรยากาศเหมือนกับวันแรกที่ผมเล่าเรื่องของหมอกกับเมฆให้ฟังอย่างไม่มีผิดเพี้ยน


   อันที่จริงผมยังไม่คิดจะกลับบ้านวันนี้หรอก เพราะอยากอยู่ดูแลหมอกมากกว่า แต่หมอกมีนัดฉลองสอบเสร็จกับเพื่อนที่เอก จะไม่ไปก็ไม่ได้เพราะเพื่อนทุกคนก็ไปกันหมด แถมผมยังรู้สึกว่าหมอกกลับมาแข็งแรงจนแทบจะเป็นปกติแล้ว งานฉลองก็แค่กินหมูกระทะไม่มีแอลกอฮอล์ ผมเลยอนุญาตให้ไปแต่มีข้อแม้ว่าผมจะไปรับไปส่ง


   “เอาจริงๆ มันก็มีความเป็นไปได้ทั้งสองอย่างนั่นแหละครับ ก็คำพูดของเมฆฟังดูกำกวมซะขนาดนั้น” พฤกษ์พูดขึ้น ผมกับเพลิงจึงพยักหน้าเห็นด้วย


“เออ มันก็เป็นได้ทั้งคู่จริงๆ แต่ที่กูคิดว่าเป็นสองบุคลิกมากกว่า ก็เพราะหมอกกับเมฆแม่งไม่เคยโผล่มาพร้อมกันเลยนี่แหละ โดยเฉพาะไอ้คนหลังนี่ทำตัวลึกลับฉิบหาย” เพลิงพูดด้วยท่าทางหัวเสีย นี่ขนาดเป็นแค่คนฟังนะ ถ้าเป็นคนเจอด้วยตัวเองเหมือนผมคงจะพ่นไฟจนบ้านไหม้แน่ๆ


“ที่มึงพูดมันก็ทำให้คิดว่าเป็นสองบุคลิกจริงๆ นั่นแหละ แต่กูรู้สึกสงสัยเรื่องที่เมฆพูดถึงพ่อแม่ แล้วก็เรื่องที่บอกว่ารู้จักหมอกเป็นอย่างดี แต่หมอกไม่เคยรับรู้ว่ามีตัวเองอยู่บนโลก มันเลยทำให้กูคิดว่าหมอกกับเมฆมีเปอร์เซ็นต์เป็นฝาแฝดกันมากกว่า”


“ทำไมล่ะพฤกษ์?” ผมอยากรู้เร็วๆ จนอดที่จะถามออกไปไม่ได้


“คือต้องบอกก่อนนะครับว่าบางทีเมฆอาจจะจงใจพูดให้สับสนจนเอนเอียงมาทางนี้ก็ได้ แถมผมเป็นคนที่คิดอะไรค่อนข้างซับซ้อนซะด้วยเลยอาจจะติดกับ เพราะงั้นผมเลยคิดว่าบางทีหมอกกับเมฆอาจจะถูกจับแยกกันตั้งแต่เกิดด้วยเหตุผลอะไรบางอย่าง ซึ่งอาจเกี่ยวกับสุขภาพของหมอกก็ได้ แต่ผมยังประติดประต่อไม่ได้เพราะมีข้อมูลแค่นี้”


“นั่นสินะ ข้อมูลที่ได้มามันก็ชวนงงจริงๆ นั่นแหละ แถมอาการของหมอกที่ได้ฟังมามันก็ดูแปลกๆ ด้วย อีตาหมอบ้านั่นก็พูดเฉไฉไปเรื่อยไม่ยอมบอกอะไรเป็นเรื่องเป็นราว พอโทรไปหามากๆ เข้าก็ดันปิดเครื่องใส่อีก มันน่าบุกไปหาถึงโรงพยาบาลจริงๆ เลย” พูดแล้วก็เจ็บใจ ถ้าไม่อยากรับสายแล้วจะให้เบอร์ผมมาทำไมก็ไม่รู้ไอ้หมอเจ้าเล่ห์!


“ผมว่าพี่ไม่ต้องเสียเวลาบุกไปหาไอ้หมอนั่นหรอก เชื่อเหอะถึงไปกราบกรานอ้อนวอนมันก็ไม่ยอมบอกความจริงอยู่ดี ผมคิดว่าพี่น่าจะลองสืบจากคนใกล้ตัวของหมอกดู อย่างครอบครัวหรือพวกเพื่อนสนิทไรงี้” เพลิงเสนอความคิด ซึ่งผมคิดว่ามันก็ดูเข้าท่าอยู่เหมือนกัน


   “เดี๋ยวพี่จะลองสืบจากกลุ่มเพื่อนของหมอกก็แล้วกัน ส่วนครอบครัวคงต้องเอาไว้ทีหลัง เพราะหมอกไม่เคยพูดเรื่องครอบครัวกับพี่เลย จะว่าไปวันที่มากินข้าวบ้านเรานั่นแหละที่หมอกพูดถึงครอบครัวเป็นครั้งแรก แต่นั่นก็เพราะถูกพี่ภูถาม แล้วหมอกก็ไม่ได้ลงรายละเอียดอะไรมากมายด้วย”


   “เหมือนไม่อยากพูดถึง!” / “เหมือนไม่อยากพูดถึง!”


   พฤกษ์กับเพลิงพูดขึ้นพร้อมกัน จากนั้นก็หันหน้าไปมองกันก่อนจะหันกลับมาหาผม


   “ชัวร์เลย ครอบครัวของหมอกต้องมีอะไรแปลกๆ แน่ๆ ถึงเลี่ยงที่จะพูดถึงซะขนาดนั้น แต่พี่อย่าไปถามกับหมอกตรงๆ ล่ะเดี๋ยวจะถูกสงสัย ไปตีซี้หลอกถามจากเพื่อนหมอกดีกว่า ยิ่งถ้ามีคนที่จบ.ต้นหรือม.ปลายมาด้วยกันก็ยิ่งดี” พอเพลิงพูดแบบนี้พฤกษ์ก็พยักหน้าเห็นด้วย


   “อย่างวันนี้หมอกมีนัดไปกินเลี้ยงกับเพื่อนใช่มั้ยครับ ตอนไปรับพี่ธารจะเดินไปหาที่โต๊ะเลยก็ได้ ถ้าหากโดนถามว่าเป็นใครแล้วกลัวหมอกเสียหาย พี่ธารก็โกหกไปว่าเป็นญาติ เพราะคงไม่มีใครมานั่งซักประวัติว่าเป็นญาติฝั่งไหนของหมอกหรอก”


   “อืม...นั่นสินะ พี่จะลองดูก็ได้พฤกษ์” คำแนะนำของทั้งสองแฝดที่พูดมามันก็น่าลองเหมือนกัน ถึงผมจะไม่ค่อยมั่นใจก็เถอะว่าจะเข้ากับเพื่อนหมอกได้มั้ย เพราะช่วงวัยเล่นห่างซะเกือบ 10 ปี แต่ผมจะพยายามเต็มที่ เพราะตอนนี้ผมคิดวิธีอื่นไม่ออกแล้วจริงๆ


   จากนั้นประมาณ 4 ทุ่มนิดๆ หมอกก็โทรมาหาผมว่า งานเลี้ยงเริ่มซาเพื่อนบางคนได้ทยอยกันกลับบ้านแล้ว ผมเลยบอกลาสองแฝดแล้วก็คนอื่นๆ ในบ้าน จากนั้นก็ขับรถไปรับหมอกยังร้านหมูกระทะหลังมหา’ลัยที่เคยไปส่ง


ระหว่างทางผมก็พยายามคิดไปด้วยว่าจะทำทีเดินไปตามหมอกที่โต๊ะยังไง กะให้ดูเป็นธรรมชาติไม่ให้ดูจงใจเกินไปว่ามีจุดประสงค์ไปตีซี้เพื่อนของหมอก แต่พอไปถึงผมกลับไม่ต้องเสียเวลาทำแบบนั้น เพราะผมเห็นทั้งหมอกและเพื่อนผู้หญิงกับผู้ชายจำนวน 10 กว่าคนกำลังยืนจับกลุ่มกันที่หน้าร้าน


แปลก มายืนทำอะไรกันตรงนี้?


แต่ถึงจะสงสัยผมก็ไม่ต้องเดินลงจากรถไปถามให้เสียเวลา เพราะหมอกได้เดินมาเคาะกระจกรถผม (อันที่จริงต้องบอกว่าถูกเพื่อนดันให้มาซะมากกว่า) ผมเลยต้องกดกระจกลงอย่างช่วยไม่ได้


“ว่าไงหมอก?”


“คือ...คุณธารลงจากรถมาสักแป๊บได้มั้ยครับ พวกเพื่อนผมมันอยากเจอคุณ” หมอกพูดอย่างกลัวๆ กล้าๆ ด้วยท่าทางเกรงใจ


“อยากเจอฉัน? ทำไมหรอ?” ผมชี้มือเข้าหาตัวเองอย่างงงๆ


“คือ...พอถูกถามว่าใครมารับมาส่ง ผมมีพิรุธเลยถูกจับได้ว่าเป็นแฟนน่ะครับ” มิน่าล่ะถึงได้ออกมายืนออกันหน้าร้านแบบนี้


“ฉันไม่มีปัญหาหรอกนะถ้าจะลงไป แต่นายจะไม่เป็นไรหรอ ไม่กลัวถูกล้อที่มีแฟนเป็นผู้ชายรึไง” จริงอยู่ที่เดี๋ยวนี้ความรักมันเปิดกว้างแล้ว คู่รักเพศเดียวกันสามารถควงกันได้โดยไม่ต้องหลบๆ ซ่อนๆ แต่คนที่รังเกียจและยังเหยียดอยู่ก็ใช่ว่าจะไม่มี


“ผมไม่แคร์เรื่องนั้นหรอกครับ คำพูดของคนอื่นจะไปสำคัญเท่ากับความรู้สึกของคุณได้ยังไง” ผมรู้สึกตื้นตันจนอดที่จะยิ้มออกมาไม่ได้กับคำพูดนั้น แต่หมอกคงจะรู้สึกเขินที่พูดอะไรจริงจัง เลยหัวเราะเบาๆ กลบเกลื่อนเพื่อเปลี่ยนบรรยากาศ


   “ว่าไปนั่น ความจริงเพื่อนผู้ชายในเอกที่คบกันก็มีครับ ถึงพวกนั้นจะกลับไปแล้วก็เถอะ แต่ยังไงก็ไม่มีใครล้อเรื่องของเราสองคนแน่นอน”


   “อืม...ถ้างั้นฉันจะลงไปทักทายเพื่อนของนายหน่อยก็ได้” พูดจบผมก็ดับเครื่องยนต์แล้วเปิดประตูรถลงไปข้างล่าง หมอกจึงจูงมือผมพาเดินไปหาพวกเพื่อนๆ


   “พวกมึง นี่คุณธารแฟนกูเอง” หมอกแนะนำผมให้เพื่อนรู้จักอย่างเสียงดังฟังชัด แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ยังเห็นว่าหมอกมีอาการเขินอาย แม้จะพยายามข่มมันเอาไว้แค่ไหนก็ตาม


   “ยินดีที่ได้รู้จักนะ เรียกฉันว่าพี่ธารก็ได้” ผมยิ้มหวานให้ทุกคนอย่างเป็นมิตร ไม่ได้รู้สึกขัดเขินสักนิดที่ถูกสายตา 10 กว่าคู่จดจ้องอย่างตกตะลึง ก็นะ...เรื่องแบบนี้ผมชินแล้ว


   “เหยดดดดด แฟนมึงโคตรสวยเลยว่ะหมอก ถามจริงพี่ธารเป็นผู้ชายจริงเปล่าวะ” เพื่อนผู้ชายคนหนึ่งสะกิดที่ไหล่หมอก ทั้งที่ดวงตายังคงจ้องผมไม่วางตา ดูจากท่าทางแล้วคงจะเกรียนและสนิทกับหมอกพอสมควร


   “กูจะโกหกมึงทำไมล่ะไอ้น็อต แล้วเมื่อไหร่จะเลิกจ้องคุณธารสักที นี่แฟนกู กูหวง” หมอกพูดจบก็เอามือปิดตาเพื่อนที่ชื่อน็อต คำพูดและการกระทำของหมอกทำเอาผมอดที่จะเขินไม่ได้ แต่ก็รู้สึกแปลกใจเหมือนกันที่เห็นหมอกพูดแบบนี้ ถ้าเป็นเมฆยังพอจะเข้าเค้ามากกว่า แต่ดูจากแววตาคนที่ยืนอยู่นี่คือหมอกไม่ใช่เมฆอย่างแน่นอน


   “โหย แค่นี้ทำหวง ไอ้คนเห่อแฟนเอ๊ย” น็อตเบ้ปากมองบนใส่ แต่ก็ดูออกว่าเป็นมุขตลกเพื่อนที่อยู่รอบๆ เลยพากันหัวเราะ จะมีก็แค่ผู้หญิงคนหนึ่งที่ยืนริมสุดเท่านั้นที่ทำหน้าบึ้ง แถมยังจ้องมาทางนี้ราวกับว่ากำลังไม่พอใจอะไรสักอย่าง แต่ว่าก็แค่แป๊บเดียว เพราะหลังจากนั้นหมอกก็แนะนำทุกคนให้ผมรู้จักเธอก็ยิ้มแย้มตามปกติ ผมเลยพยายามคิดว่าผมคงคิดมากไปเอง


   “ตอนนี้พวกมึงก็ได้เจอคุณธารแล้ว ถ้างั้นกูกลับแล้วนะ”


   “อ้าวเฮ้ย แค่นี้เองหรอวะ พวกกูยังไม่ได้คุยกับพี่ธารเลยนะเว่ย” คนที่พูดนี้ชื่อเก่ง ท่าทางจะเฮ้วและเกรียนไม่ต่างจากน็อต


   “นั่นสิ มึงจะรีบกลับไปไหน นี่พึ่ง 4 ทุ่มครึ่งเองนะไอ้หมอก” น้องผู้หญิงหนึ่งในสองคนที่ยืนอยู่ตรงนี้พูดขึ้น เห็นน้ำเสียงและท่าทางห้าวๆ แบบนี้ แต่ก็มีชื่อที่หวานเจี๊ยบตรงข้ามกับรูปลักษณ์โดยสิ้นเชิง เพราะน้องเขามีชื่อว่าน้ำตาล


อ้อ แต่น้องคนนี้เป็นคนละคนกับที่ผมเห็นว่าจ้องมองมาอย่างไม่พอใจนะ เพราะน้องคนนั้นน่ะชื่อเมเปิ้ล (ก็ไม่รู้ว่าตอนเกิดชื่อเปิ้ลเฉยๆ แต่พอโตขึ้นอยากเพิ่มความเก๋ความชิคให้กับชื่อ เลยเติม ‘เม’ เข้าไปข้างหน้าจนชื่อเมเปิ้ลรึเปล่าล่ะนะ) ถึงจะแต่งตัวเรียบร้อยใสๆ และทักทายผมอย่างยิ้มแย้ม แต่ผมกลับคิดว่านั่นเป็นการแอ๊บไม่ใช่ตัวตนที่แท้จริง ซึ่งก็ไม่รู้ว่าผมจะคิดไปเองอีกรึเปล่า


“ถ้าอยากคุยกับพี่งั้นพรุ่งนี้ไปร้องคาราโอเกะกันมั้ยล่ะ เดี๋ยวพี่เป็นเจ้ามือเอง” ผมยื่นข้อเสนอ แน่นอนล่ะว่าผมไม่ได้เลี้ยงฟรีๆ เพราะมีจุดประสงค์ที่จะหลอกถามข้อมูล แต่น้องๆ แต่ละคนไม่รู้เลยร้องว้าวตาโตพร้อมกับพยักหน้ากันรัวๆ


“ไปครับ!” / “ไปค่า!”


   “ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวพี่ให้หมอกโทรไปนัดเวลาอีกทีนะ ส่วนวันนี้พี่ขอตัวกลับก่อน” พูดจบผมก็โบกมือลา ทุกคนเลยยกมือไหว้ ก่อนที่ผมจะเดินนำหมอกไปยังรถที่จอดอยู่ไม่ไกลจากตรงนี้


   “ขอโทษนะครับคุณธาร พรุ่งนี้วันหยุดแท้ๆ แทนที่คุณจะได้พักผ่อน แต่ต้องออกไปร้องคาราโอเกะแล้วก็เลี้ยงเพื่อนผมซะได้” หมอกพูดขึ้นอย่างเกรงใจเมื่อเราสองคนขึ้นมาบนรถเรียบร้อยแล้ว


   “ฉันเป็นคนเสนอตัวเลี้ยงเองนายจะขอโทษทำไม”


“ก็ผมเกรงใจนี่ครับ อีกอย่างผมกลัวคุณจะเบื่อด้วย ไอ้พวกนั้นมันติงต๊องไร้สาระกันทั้งนั้น” ถึงจะบ่นแบบนั้นแต่หมอกก็ยิ้มออกมาด้วยท่าทางมีความสุข


“ฉันไม่เบื่อหรอก อันที่จริงฉันรู้สึกสนุกด้วยซ้ำไปที่ได้เห็นนายอีกมุมที่ไม่เคยเห็น นึกว่านายจะเอาแต่นิ่งเงียบไม่พูดไม่จา นายดูร่าเริงกว่าที่ฉันคิดไว้อีกนะ”


“ตอนแรกที่เข้ามาเรียนผมก็เงียบๆ อย่างที่คุณธารคิดนั่นแหละครับ แต่พอได้สนิทกับไอ้พวกนั้น ผมเลยติดนิสัยของพวกมันมา”


“ดีแล้วแหละ ฉันดีใจนะที่เห็นนายร่าเริง นายมีเพื่อนที่ดีนะหมอก” ผมพูดจบก็ยื่นมือไปวางที่ศีรษะของหมอกแล้วลูบเบาๆ โดยที่สายตายังคงจดจ้องอยู่ที่ถนนตรงหน้า ขนาดพึ่งเจอกันได้แค่แป๊บเดียว แต่ผมก็รู้สึกว่าเพื่อนของหมอกเป็นเด็กดีและน่าคบหากันทุกคนจริงๆ


แต่ที่ผมคิดอย่างนั้นก็เพราะลืมใครคนหนึ่งไป...


   ผมไม่รู้เลยว่าน้องผู้หญิงที่ผมพยายามคิดไปเองว่าเข้าใจเธอผิด ตอนนี้กำลังกำหมัดแน่นและจ้องมาทางรถของผมที่ขับออกมาไกลลิบด้วยความชิงชัง สายตานั้นไม่เหลือเค้าความใสและน่ารัก เหลือแต่โฉมหน้าจริงที่ยิ่งกว่างูพิษ ซึ่งกำลังคิดแผนร้ายทำลายความสัมพันธ์ของผมกับหมอก


“ถ้ากูไม่ได้ก็อย่าฝันเลยว่าใครจะได้ ยิ่งเป็นผู้ชายกูยิ่งแพ้ไม่ได้เข้าไปใหญ่” เสียงนั้นแม้จะเต็มไปด้วยความแค้นและเจ็บใจ แต่ก็ดังแค่ในลำคอไม่มีใครสักคนได้ยิน ก่อนที่เสียงนั้นจะกลืนหายไปพร้อมกับสายลมที่ผ่านพัดมา...


.....................................................................

.........................................

................


“สวัสดีครับ / ค่ะ พี่ธาร” กลุ่มเพื่อนของหมอกยกมือไหว้ผมเมื่อเดินเข้ามาในห้องคาราโอเกะที่จองเอาไว้ จากนั้นก็หันไปยกมือทักทายหมอกที่เดินเข้ามาพร้อมกันกับผม


   “มาถึงกันนานรึยัง ขอโทษที่ช้านะ พอดีเส้นที่พี่มากำลังสร้างรถไฟฟ้ารถเลยติดสุดๆ น่ะ” ขนาดผมเผื่อเวลาเอาไว้พอสมควรแล้วนะ แต่รถกลับติดนรกกว่าที่คิดไว้ซะอีก


   “ไม่นานค่า พวกหนูก็พึ่งมากันครบเมื่อกี้เอง” น้ำตาลสาวห้าวเป็นคนตอบ


   “หืม? นี่มากันครบแล้วหรอ พี่ก็นึกว่าจะมากันเยอะกว่านี้ซะอีก”


ที่ผมพูดแบบนี้ก็เพราะสมาชิกที่อยู่ในห้องถ้าไม่รวมหมอกกับผมก็มีแค่ 5 คนเอง จะมีน้ำตาล เมเปิ้ล น็อต เก่ง แล้วก็เต๋า ซึ่ง 4 คนแรกผมจำได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะน้องที่ชื่อเมเปิ้ลนี่ผมจำได้ขึ้นใจ ส่วนน้องที่ชื่อเต๋าผมจำได้ว่าเมื่อวานก็อยู่ด้วยแต่ไม่ได้คุยกัน เพราะท่าทางน้องเป็นคนเงียบขรึมยิ่งกว่าหมอกซะอีก


   “ความจริงเพื่อนคนอื่นก็อยากมานะพี่ธาร แต่ไอ้ตาลมันไม่ให้มา มันบอกว่ากลัวพี่ธารล้มละลาย” น็อตพูดขึ้นแล้วหัวเราะขำๆ


   “ก็แล้วมันจริงมั้ยล่ะ แต่ละคนแดกล้างผลาญอย่างกับห่าลง มากันแค่กลุ่มเราก็พอแล้วเว่ย” คำพูดของน้ำตาลถึงแม้จะหยาบเกินผู้หญิงไปหน่อยจนผมตกใจ แต่ผมก็สัมผัสได้ถึงความหวังดีและความจริงใจที่มีให้ผม


   “ขอบใจมากนะน้ำตาลที่เป็นห่วงพี่ แต่คราวหน้าให้เพื่อนคนอื่นมาด้วยก็ได้ พี่คิดว่าคงไม่โดนถล่มจนล้มละลายขนาดนั้นหรอกมั้ง” ผมพูดยิ้มๆ ทุกคนในห้องเลยหัวเราะออกมาเบาๆ


จนกระทั่ง...


   “พี่ธารนี่สปอร์ตจังเลยนะคะ เวลาไปเที่ยวบาร์โฮสต์คงจะเปย์หนุ่มๆ หนักน่าดูเลยนะคะเนี่ย คิกคิก” ประโยคนั้นทำให้ทุกคนที่อยู่ในห้องถึงกับเงียบกริบ มีเพียงเมเปิ้ลเจ้าของเสียงที่หัวเราะคิกๆ คักๆ อยู่คนเดียว


   “อ้าว ทำไมถึงเงียบกันหมดล่ะ ไม่ขำกับมุขของเราหรอ เราว่าตลกจะตาย” เมเปิ้ลเอียงคอถามอย่างบ้องแบ๊ว


“ตลกกับผีน่ะสิอีเปิ้ล!” ประโยคนี้ผมไม่ได้เป็นคนพูด แต่คนพูดคือน้ำตาล ซึ่งราวกับว่าเอาความในใจของผมไปพูดยังไงยังงั้น


“เราชื่อเมเปิ้ล เรียกให้ครบด้วยสิน้ำตาล”


“ย่ะ! เมเปิ้ลก็เมเปิ้ล! กูแก้ชื่อให้มึงแล้วมึงก็เอามุขตลกที่ขำไม่ออกของมึงกลับไปด้วย เล่นอะไรไม่รู้เรื่อง หนูขอโทษแทนมันด้วยนะคะพี่ธาร” ประโยคสุดท้ายน้ำตาลหันมาพูดกับผม ผมจึงยิ้มให้บางๆ อย่างไม่ถือสา ทั้งที่ในใจกำลังเดือดปุดๆ อย่างไม่สบอารมณ์


ลองถ้าเมเปิ้ลพูดแบบนี้ก็แสดงว่า สิ่งที่ผมเห็นเมื่อวานมันเกิดขึ้นจริงไม่ใช่เป็นการคิดไปเอง ส่วนสาเหตุก็คงเป็นได้แค่อย่างเดียวคือเมเปิ้ลแอบชอบหมอก เลยหาทางปั่นให้ผมดูไม่ดีเพื่อที่ตัวเองจะได้มีโอกาสเสียบแทน แต่ก็ยังดีที่หมอกไม่ได้มีปฏิกิริยาอะไรกับคำพูดนั้น


“เอ่อ...ถ้าไงพวกเรามาร้องเพลงกันดีกว่า ใครอยากร้องเป็นคนแรกยกมือขึ้นเลย” เก่งเป็นคนพูดขึ้นเมื่อเห็นทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบ ซึ่งก็ช่วยแก้สถานการณ์ได้เป็นอย่างดี เพราะเพียงไม่นานทุกคนก็กลับมาสนุกสนานเฮฮากันอีกครั้ง


“ใครอยากกินอะไรสั่งได้เลยนะไม่ต้องเกรงใจ” แต่ถึงผมจะพูดแบบนี้ทุกคนก็ยังเกรงใจผมอยู่ดี ผมจึงเป็นคนออกปากสั่งอาหารแทน เมื่อสั่งไปแล้วจนอาหารถูกวางเรียงกันอยู่ตรงหน้า ทุกคนที่ถึงแม้จะเกรงใจแต่ก็ต้องช่วยกันกินเรื่อยๆ อยู่ดี


เธอทำให้ฉันรู้สึกเหมือนตอน 14 ตอนที่ฉันมีแฟนคนแรก ลึกๆ ข้างในมันหวั่นมันไหวแปลกๆ เธอรู้ไหมฉันเหมือน 14 อีกครั้ง ~~~


ตอนนี้เก่งกำลังยืนร้องเพลงโดยพยายามทำท่าทางและดัดเสียงให้คล้ายเจ้าของเพลงอย่าง ‘เสก โลโซ’ เล่นเอาทุกคนถึงกับต้องปรบมือให้เพราะถูกใจในความเป๊ะ นี่ถ้าจับแปลงโฉมพร้อมให้ใส่ชุดคอสเพลย์ คงเหมือนพี่เสกแกมาร้องเพลงเองจริงๆ


“จะว่าไป ในนี้มีใครบ้างอะที่มีแฟนตอนอายุ 14” น็อตถามขึ้นพลางไล่มองใบหน้าแต่ละคน ซึ่งก็ได้รับการส่ายหน้าปฏิเสธเป็นคำตอบ


“โหย ไรเนี่ย อย่าบอกนะว่ามีแฟนก่อน 14 กันทุกคนเลย” พอคิดเองเออเองแบบนี้ น็อตก็ถูกน้ำตาลเหวี่ยงใส่ทันที


“บ้านมึงสิ! ก่อน 14 กูยังเป่ากบโดดยางอยู่เลยไอ้น็อต!” คำตอบนั้นทำเอาทุกคนหัวเราะออกมาตามๆ กัน


“แล้วมึงมีแฟนคนแรกตอนไหนล่ะ” น็อตยังคงถามต่อ


“มึงจะถามให้มันได้อะไรขึ้นมา ผ่านโว้ยผ่าน แฟนเฟินห่าเหวอะไรไร้สาระ”


“แหม ไร้สาระหรือว่าไม่มีคนเอากันแน่มึง ฮ่าๆๆๆ” น็อตหัวเราะอย่างสะใจ น้ำตาลจึงถลึงตาใส่อย่างเคียดแค้นราวกับจะฆ่าให้ตาย แต่น็อตก็ยักไหล่อย่างไม่แคร์แล้วหันไปหาเมเปิ้ล


“แล้วเมเปิ้ลล่ะมีแฟนคนแรกตอนไหน”


“เราไม่เคยมีแฟนหรอกน็อต คุณพ่อคุณแม่เราค่อนข้างหวง แล้วเราก็เป็นคนรักนวลสงวนตัวด้วย” เมเปิ้ลก้มหน้าน้อยๆ อย่างเอียงอาย แต่ก็แอบช้อนตาขึ้นมามองหมอก เล่นเอาผมอยากเอามือควักลูกตาที่ใส่บิ๊กอายเบอร์ 18 ให้แหกออกมาจริงๆ


   “อื้อหือ กุลสตรีที่ชายไทยต้องการอยู่ตรงนี้เอง” น็อตยกนิ้วหัวแม่มือให้ แต่ผมอยากยกนิ้วกลางให้แทนมากกว่า


เฮอะ! อยากอ้วกใส่เป็นบ้า ถ้าเรียกยัยนี่ว่าหมูตัวเมียยังเข้าท่ากว่าเยอะ! (กุน = หมู / สตรี = ผู้หญิง)


   “มาที่ฝั่งผู้ชายบ้างดีกว่าว่ามีแฟนคนแรกตอนอายุเท่าไหร่ เริ่มจากมึงเลยไอ้เต๋า” น็อตหันหน้าไปถามเต๋าที่นั่งเงียบๆ อยู่ริมสุดของโซฟา เกือบลืมไปแล้วนะเนี่ยว่าน้องคนนี้ก็มาด้วย


   “กูไม่เคยมีแฟน”


   “เหยดดดดด นี่มึงพูดจริงพูดเล่น?” น็อตทำหน้าแปลกใจ


   “ถ้าไม่เชื่อก็ถามไอ้หมอกดูสิ มันเรียนที่เดียวกับกูมาตั้งแต่ม.ต้น” ประโยคนั้นทำให้ผมรีบหันขวับไปมองเต๋าทันที แต่นั่นไม่ใช่เป็นเพราะสนใจเรื่องการมีหรือไม่มีแฟนของเต๋า เป็นเพราะเต๋าบอกว่าเรียนที่เดียวกันกับหมอกมาตั้งแต่ม.ต้นต่างหาก


   ผมเจอเป้าหมายที่จะตีซี้เพื่อหลอกถามเรื่องของหมอกและเมฆแล้ว!


   “กูยืนยันเลยว่าไอ้เต๋ามันไม่เคยมีแฟนจริงๆ วันๆ มันเอาแต่เตะบอลเคยสนใจใครที่ไหน” หมอกหันไปยืนยันเรื่องของเต๋ากับน็อต ผมจึงสบโอกาสเริ่มคุยกับเต๋าเพื่อตีซี้


   “งั้นพี่ขอถามเต๋าหน่อยสิว่า หมอกเคยมีแฟนก่อนจะได้มาเจอพี่รึเปล่า เห็นหล่อๆ แบบนี้แต่บอกไม่เคยมีแฟนพี่เลยไม่ค่อยเชื่อเท่าไหร่น่ะ” ผมแสร้งหรี่ตาทำเป็นไม่ค่อยไว้ใจ


   “โธ่ คุณธารก็...ไอ้เต๋ามึงตอบดีๆ อย่าแกล้งกูนะเว่ย” หมอกโอดครวญกับผม ก่อนจะหันหน้าไปอ้อนวอนเต๋าที่นั่งข้างๆ


   “สบายใจได้ครับพี่ธาร ไอ้หมอกมันไม่เคยมีแฟนหรอก พี่เป็นแฟนคนแรกของมันจริงๆ” นี่ถ้าเต๋าช่วยอำเพื่อแกล้งหมอกด้วยคนคงจะฮากันลั่นห้องแน่ๆ


   “แล้วพี่ธารล่ะคะ ก่อนมีหมอกเป็นแฟนเคยได้ผู้ชาย...เอ๊ย! มีแฟนเป็นผู้ชายมากี่คนแล้วคะ” เสียงแอ๊บๆ ที่แสร้งตอแหลทำเป็นพูดผิดคงไม่ต้องบอกนะว่าใคร แน่นอนว่าต้องเป็นยัยเมเปิ้ลชัวร์อยู่แล้ว!


   “เฮ้ยมึง พี่ธารไม่ใช่เพื่อนพวกเราสักหน่อย ถามแบบนี้มันเสียมารยาทนะเว่ย” เป็นอีกครั้งที่น้ำตาลช่วยออกหน้าแทนผม ผมรู้สึกว่าน้ำตาลดูจะไม่ค่อยชอบเมเปิ้ลเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว อาจเพราะเป็นผู้หญิงเหมือนกันเลยมองออกก็ได้ว่าธาตุแท้ของเมเปิ้ลเป็นคนยังไง


   “เราก็แค่ถามคำถามธรรมดาเองนะน้ำตาล ไม่เห็นรู้สึกเลยว่ามันจะเสียมารยาทตรงไหน” เมเปิ้ลกระพริบตากลมโตอย่างใสซื่อ น้ำตาลที่คงคนไม่ไหวกับความแอ๊บนั่นเลยง้างปากจะด่า แต่ผมก็ชิงพูดขึ้นมาก่อนเพราะไม่อยากให้เกิดเรื่องวิวาท พวกผู้ชายที่ดูไม่ออกเดี๋ยวจะเข้าข้างยัยเมเปิ้ลกันซะหมด


   “พี่ไม่เคยมีแฟนมาก่อนหรอกนะน้องเมเปิ้ล” ที่ผมพูดไม่ได้เป็นการโกหกแต่อย่างใด ผมไม่เคยมีแฟนอย่างที่พูดจริงๆ ที่ผ่านก็เป็นแค่คู่นอนเท่านั้นเอง


   คำพูดของผมทำให้ยัยเมเปิ้ลถึงกับหน้าเสียเพราะคงจะผิดแผน แต่ก็สามารถกลับมายิ้มหวานและแก้เกมได้อย่างรวดเร็ว


   “ว้าว ถ้างั้นเมเปิ้ลก็ต้องแสดงความยินดีกับหมอกสินะคะ ที่อุตส่าห์รักษาความบริสุทธิ์จนได้มาเจอคนที่คู่ควรเพราะบริสุทธิ์เหมือนกัน” คำพูดนั้นทำให้ผมรู้สึกราวกับถูกตบหน้ากลางสี่แยก เอาจริงๆ ผมคิดว่าถ้าถูกตบตรงนั้นยังดีกว่าการนั่งอยู่ตรงนี้ซะอีก


ผมไม่เคยรู้สึกแย่และคิดว่าตัวเองทำผิดที่เคยฟรีเซ็กส์จนกระทั่งวันนี้...


ตอนนี้ผมไม่กล้าหันไปมองหมอกด้วยซ้ำว่ากำลังทำหน้าแบบไหนอยู่...


   “อ้าว ทำไมหน้าซีดล่ะคะพี่ธาร หมอกก็ด้วยนั่งเงียบเชียว เป็นอะไรกันคะเนี่ยเมเปิ้ลงงไปหมดแล้ว” ยัยเมเปิ้ลเอียงคอ 45 องศาอย่างบ้องแบ๊ว แต่กลับยิ้มน้อยๆ ที่มุมปากอย่างผู้ชนะ


   อยากลุกไปตบยัยงูพิษนี่เป็นบ้า!


   แต่ถึงจะคิดอย่างนั้นผมก็ได้แค่ขบกรามแน่นเพียงอย่างเดียว ก็ผมเป็นผู้ชายนี่นะจะให้ลุกไปตบผู้หญิงได้ยังไง แค่นี้ภาพลักษณ์ของผมก็ย่อยยับจนไม่เหลือชิ้นดีอยู่แล้ว ไม่อย่างนั้นหมอกคงไม่นั่งก้มหน้านิ่งๆ จนผมรู้สึกใจคอไม่ดีแบบนี้หรอก


   ไม่ได้การ ผมต้องทำอะไรสักอย่างให้ยัยหมูตัวเมียหุบปากได้แล้ว!


   ซึ่งขณะที่กำลังคิดอยู่นั่นเองผมก็เหลือบไปเห็นบิลค่าอาหารที่วางอยู่บนโต๊ะ ผมจึงยิ้มที่มุมปากเมื่อเกิดความคิดดีๆ เลยหยิบกระเป๋าตังของตัวเองออกมา จากนั้นก็หยิบแบงค์พันกับเหรียญบาทออกมาจากกระเป๋า


การกระทำของผมทำเอาทุกคนที่อยู่ในห้องถึงกับทำหน้างง โดยเฉพาะเก่งที่พึ่งร้องเพลงเสร็จและยังยืนอยู่อย่างเก้ๆ กังๆ


   “ยื่นมือออกมาหน่อยสิเมเปิ้ล” ผมยิ้มหวาน เล่นเอายัยเมเปิ้ลงงหนักกว่าเดิม แต่ก็ยอมยื่นมือออกมาตามคำขอของผมอย่างโดยดี ผมเลยวางเหรียญบาทลงบนนั้นแล้ววางแบงค์พันลงที่มือของผม


   “ทุกคน ตอบพี่หน่อยว่าเหรียญในมือของเมเปิ้ลมีค่าเท่าไหร่”


   “1 บาทครับ / ค่ะ” ทุกคนตอบคำถามอย่างพร้อมเพรียง


   “แล้วในมือพี่ล่ะ?”


   “1 พันครับ / ค่ะ” ผมยิ้มกับคำตอบที่ได้รับ ก่อนที่จะขยำแบงค์พันในมือจนมันขดเป็นก้อนกลมๆ แต่หลังจากนั้นก็คลี่กลับคืนให้กลายเป็นแผ่นเหมือนเดิม


   “พอพี่ทำแบบนี้ แบงค์พันในมือของพี่มีค่าลดลงไปรึเปล่า”


   “ไม่ครับ / ค่ะ” จนถึงตอนนี้ทุกคนคงจะเข้าใจกันหมดแล้วล่ะว่าผมต้องการจะสื่ออะไร


   “ของบางอย่างหรือคนบางคน ไม่ว่าจะเคยผ่านอะไรมามันก็ยังคงมีค่าเสมอ แต่สำหรับของบางอย่างหรือคนบางคน ถึงแม้จะไม่เคยผ่านอะไรมาเลยแต่มันก็ยังราคาถูกอยู่ดี ที่พี่พูดแบบนี้น้องเมเปิ้ลคงจะเข้าใจสินะ” ผมยิ้มที่มุมปาก ส่วนยัยเมเปิ้ลก็กัดฟันกรอดด้วยความเจ็บใจ เพราะคงคิดไม่ถึงว่าจะถูกผมตอกกลับจนหน้าหงายได้ขนาดนี้


ยกนี้ผมต่างหากที่เป็นฝ่ายชนะไม่ใช่ยัยงูพิษ!


   2BC


ฮัลโหลวววว สวัสดีค่าาาาาา Erotic ตอนที่ 8 ก็จบลงไปแล้วน้า ตอนที่กำลังอ่านทุกคนคงจะลุ้นและเจ็บใจแทนคุณธารมากๆเลยใช่มั้ยล่ะ  :hao3: ที่ต้องมาไฝว้กับนีน้อยเมเปิ้ลจอมแอ๊บแบ๊วแบบนี้ แต่ในที่สุดมันก็ผ่านไปได้ด้วยดี เพราะคุณธารสามารถตอกกลับไปได้สวยๆ เหมือนใบหน้าเลยค่า  :katai2-1:
ส่วนตอนหน้าก็มาลุ้นกันนะคะว่านีน้อยจะยอมแพ้แล้วร้องไห้วิ่งกลับบ้าน  :o12: หรือว่าจะไฝว้ต่อจนพี่ธารต่างหากที่ต้องเป็นฝ่ายเสียน้ำตา หรือว่าจะมีอะไรที่พีคยิ่งกว่านี้เกิดขึ้น!? ถ้ายังไงก็รอกันอีกแค่ 2 วันนะคะ รับรองว่าช่วงค่ำๆหรือดึกๆเจอกันตอนที่ 9 แน่นอน บ๊ายบายยยย  :bye2:
แล้วมาเอาใจช่วยพี่ธารคนสวยกันด้วยน้า ถ้าชื่นชอบก็คอมเมนท์เป็นกำลังใจให้เค้าด้วยเน่อ หรือจะเข้ามาเม้ามอยที่แฟนเพจก็ได้นะคะ รักทุกคนเลยน้า จุ๊บบบบบ  :จุ๊บๆ:
(16 พ.ย. 60)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 18-11-2017 20:48:39 โดย *|=สามีแจจุง=|* »

ออฟไลน์ ❣☾月亮☽❣

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6773
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-6
อั้ยยะแซบบบบบบบบ

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
วินเนอร์ แมชนี้ธารชนะขาดลอยจ้า

ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1
โห...พี่ธาร #แม่ก้อคือแม่   :hao3: :hao3: :hao3:

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
เมเปิ้ลอย่าเพิ่งรีบหายตัวนะ ให้หลานธารฟัดอีกสักตอนเถอะ รมณ์เสียยยยยยยย  :o211:

ออฟไลน์ Dee^daY

  • ไม่เคย ทำให้ใครเดือดร้อน
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4061
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +330/-6
ยกที่ 1 หมดเวลา ..

รอดูต่อ ยกที่ 2 ..

ออฟไลน์ titansyui

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2386
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-0

ออฟไลน์ Y-Darkness

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 189
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-0
เมเปิ้ลอย่าเพิ่งรีบหายตัวนะ ให้หลานธารฟัดอีกสักตอนเถอะ รมณ์เสียยยยยยยย  :o211:

+1  o13

ออฟไลน์ Micky_MN

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 198
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-3

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ วายซ่า

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2224
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +205/-6
ราชินีก็คือราชินีสินะ 

ออฟไลน์ Sameejaejung

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 394
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +457/-17
[H.E.A.R.T.] E.Erotic หัวใจร้อนรัก


Part 9# Thara การกระทำที่ผิดพลาด


“แหม พี่ธารก็เข้าใจเปรียบเทียบนะคะ แต่เมเปิ้ลคิดว่ามันก็ไม่ถูกซะทีเดียว...” ยัยเมเปิ้ลพูดขึ้นหลังจากที่หน้าเสียไปพักใหญ่ ตอนแรกผมก็คิดว่าตัวเองได้ชนะน็อคไปเรียบร้อย แต่ผมก็คิดผิดเพราะยัยงูพิษนี่มันร้ายและฉลาดกว่าที่คิดไว้ซะอีก!


“คนกับเงินมันไม่เหมือนกันนะคะพี่ธาร พอเอามาเทียบกันแบบนี้เมเปิ้ลรู้สึกว่ามันตะหงิดๆ ยังไงไม่รู้ เงินเป็นสิ่งแลกเปลี่ยนที่เอาไว้ใช้จ่าย เพราะงั้นถึงจะผ่านอะไรมาก็ถูกแล้วที่มันยังมีค่าเหมือนเดิม แต่สำหรับคนนั้นไม่ใช่ คนเป็นสิ่งมีชีวิต เพราะงั้นถ้ามันแปดเปื้อนหรือว่าสกปรกไปแล้ว ไม่ว่าจะทำยังไงมันก็ไม่สะอาดขึ้นมาได้หรอกค่ะพี่ธาร อย่าพยายามเอาคำพูดสวยหรูมาปลอบใจตัวเองหน่อยเลย”
   

คำพูดและหน้าตาเย้ยหยันของยัยเมเปิ้ลทำให้ผมถึงกับกำหมัดแน่น ยิ่งบวกกับรอยยิ้มที่มุมปากด้วยใบหน้าแอ๊บแบ๊วนั่นมันก็ทำให้ผมยิ่งโมโห
 ตั้งแต่เกิดมาผมยังไม่เคยโกรธใครจนอยากจะฆ่าให้ตายเท่ากับวันนี้เลย
   

แต่ที่โกรธมากกว่าก็คือตัวเองที่ไม่รู้จะตอกกลับยัยงูพิษไปว่ายังไงนี่แหละ!
   

“พอเถอะเมเปิ้ล” เสียงอันเรียบเฉยของหมอกดังขึ้นหลังจากที่นิ่งเงียบไปนาน ตอนนี้หมอกกำลังก้มหน้าลงต่ำจนผมมองไม่ออกว่ากำลังทำสีหน้าแบบไหนอยู่


   “ทำไมล่ะหมอก ทนฟังความจริงไม่ได้งั้นหรอ”


   “ผมบอกให้พอไงเมเปิ้ล” ถึงแม้หมอกจะพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงราบเรียบเช่นเดิม แต่ผมก็รู้สึกได้ว่าบรรยากาศกำลังแปลกไป ส่วนยัยเมเปิ้ลที่ไม่ได้รู้เรื่องเลยยังลอยหน้าลอยตาพูดต่อไปอย่างไม่หยุดปาก


   “เราหวังดีกับหมอกหรอกนะเราถึงได้พูด ผู้ชายดีๆ อย่างหมอกน่าจะได้คบกับผู้หญิงที่เหมาะสมและคู่ควรมากกว่า ไม่ใช่ผู้ชายที่เคยผ่านผู้ชายมาก่อน แถมยังไม่แน่ว่าอาจจะเคยผ่านผู้ชายมามากกว่าทหารทั้งกองทัพ...”


   “ก็บอกว่าให้หุบปากไม่ได้ยินรึไงเมเปิ้ล!” เสียงตะคอกของหมอกทำให้ยัยเมเปิ้ลที่ยังพล่ามไม่จบถึงกับสะดุ้ง ส่วนคนอื่นที่อยู่ในห้องก็ตกอยู่ในอาการไม่ต่างกันรวมทั้งผมก็ด้วย


   โกหกใช่มั้ย เมื่อกี้หมอกเป็นคนพูดแบบนั้นจริงๆ หรอเนี่ย?


   “เอ่อ...คือ...หมอก...” ผมยื่นมือออกไปจะวางลงบนไหล่ แต่หมอกก็ลุกขึ้นแล้วก้าวขายาวๆ ไปตรงหน้ายัยเมเปิ้ล ที่ตอนนี้ยังตัวแข็งค้างและตาเบิกกว้างด้วยความอึ้งไม่หายอยู่เลย


   ตอนนี้หมอกกำลังยืนก้มหน้ามองยัยเมเปิ้ลที่อยู่ต่ำกว่า ผมมองเห็นเพียงแค่เสี้ยวหน้าเลยไม่รู้ว่าตอนนี้หมอกกำลังทำสีหน้าแบบไหน


   “ผมจะบอกอะไรให้นะว่า ต่อให้คุณธารเคยผ่านผู้ชายมาทั้งโลกผมก็ไม่แคร์” คำพูดนั้นทำให้ผมรู้สึกตื้นตันจนอดที่จะยิ้มบางๆ และน้ำตาคลอไม่ได้


ผิดกับยัยเมเปิ้ล เพราะยัยนั่นถึงกับร้องไห้ออกมา เพราะประโยคถัดไปของหมอกที่พูดขึ้นว่า...


“แต่สำหรับบางคน ต่อให้เหลือแค่คนเดียวในโลกผมก็ไม่เอา...โดยเฉพาะคนอย่างคุณ” หมอกพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบเช่นเดิม แต่คำพูดนั้นขนาดคนฟังอย่างผมยังถึงกับหน้าชา แล้วนับประสาอะไรกับยัยเมเปิ้ลที่โดนต่อหน้าอย่างเต็มๆ ถ้าผมเป็นยัยนั่นผมก็คงจะร้องไห้ออกมาแบบนี้แน่นอน


   แต่ที่หน้าแปลกนั่นก็คือ หมอกไม่น่าฟิวส์ขาดจนโมโหได้ถึงขนาดนี้ ปกติผมเคยเห็นหมอกขึ้นเสียงหรือพูดจาแรงๆ ใส่คนอื่นแบบนี้ที่ไหน ถ้าเป็นเมฆยังพอจะเข้าใจได้มากกว่า...


เอ๊ะ! หรือว่านี่อาจเป็นเมฆที่เป็นอีกบุคลิกหนึ่งของหมอก?


   ผมว่าใช่! มันต้องใช่อย่างที่ผมคิดแน่ๆ!


   “ทุกคน พี่ขอโทษนะแต่ตอนนี้ช่วยกลับกันไปก่อนจะได้มั้ย” ผมรีบหันไปพูดกับทุกคนในห้องเพราะกลัวจะรู้ถึงความลับนี้ เรื่องที่หมอกมีสองบุคลิกจะแพร่งพรายให้คนอื่นรู้ไม่ได้เด็ดขาด!


   “ค่ะพี่ธาร เดี๋ยวหนูจะลากอีตัวปัญหาออกไปให้ด้วยนะคะ...มากับกูเลยอีเปิ้ล!” น้ำตาลพูดกับผมก่อนจะหันไปหาเมเปิ้ลแล้วลากออกไปจากห้อง ส่วนน้องผู้ชายคนอื่นก็รีบเก็บของแล้วตามสองสาวออกไป จนตอนนี้ในห้องเหลือเพียงแค่ผมกับหมอกสองคนเท่านั้น ไม่สิ...ผมต้องเรียกคนที่อยู่ตรงหน้าว่าเมฆถึงจะถูกต้องมากกว่า


   “เมฆ...” ผมเดินเข้าไปใกล้ๆ แล้วแตะมือลงที่ไหล่กว้าง แต่เจ้าของร่างกลับหันขวับมาหาผมด้วยสายตาวาวโรจน์


   “เมื่อกี้คุณเรียกผมว่ายังไงนะ” น้ำเสียงเย็นเยียบที่ได้ยินทำให้ผมรู้สึกกลัว แต่ที่น่ากลัวยิ่งกว่าก็คือสายตาของคนตรงหน้าที่จ้องมองมา
   “คะ...คือ...” ผมอึกอักเพราะเริ่มไม่มั่นใจแล้วว่าคนตรงหน้าผมเป็นใครกันแน่ แต่ที่แน่ๆ การที่ผมเรียกชื่อเมฆออกไปเป็นการกระทำที่ผิดพลาดอย่างร้ายแรงแน่นอน


   “ที่ผมถามคุณไม่ได้ยินรึไง...ตอบผมมาเดี๋ยวนี้ว่าเมื่อกี้คุณเรียกผมว่าเมฆใช่มั้ย! ใช่มั้ยคุณธาร!” หมอกตะคอกใส่ผมเสียงดังแถมยังใช้สองมือบีบที่ไหล่ของผมแน่นอีกต่างหาก ความเกรี้ยวกราดที่เห็นทำเอาผมรู้สึกกลัวและตกใจจนลืมความเจ็บที่ไหล่ไปเลย


   “ชะ...ชะ...ใช่ เมื่อกี้ฉันเรียกนายว่าเมฆ”


   “ในเวลาแบบนี้คุณยังกล้าเรียกชื่อผู้ชายคนอื่นออกมาอีกงั้นหรอ!” คำตอบของผมทำให้หมอกโกรธมากกว่าเดิมจนออกแรงบีบที่ไหล่แรงขึ้น ผมไม่เคยคิดเลยว่าคนนิ่งๆ เวลาโมโหจะน่ากลัวได้ถึงขนาดนี้


   “นายฟังฉันก่อนนะหมอก เรื่องนี้ฉันอธิบายได้ คือฉัน...”


   “ผมไม่ฟังอะไรทั้งนั้น! ผมได้ยินเต็มสองหูคุณยังจะแก้ตัวอีกหรอคุณธาร!” สีหน้าตอนนี้ของหมอกน่ากลัวมาก แต่เพียงไม่กี่วินาทีต่อมาสีหน้าก็แปรเปลี่ยนไปเป็นเจ็บปวด แล้วถ้าผมมองไม่ผิด ผมยังเห็นว่าตอนนี้มีน้ำตารื้นขึ้นมาจากดวงตาของหมอกอีกด้วย


   “คุณรู้มั้ยว่านี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ผมได้ยินชื่อผู้ชายคนนั้นออกมาจากปากของคุณ”


“วะ...ว่าไงนะ?” ผมแทบไม่อยากเชื่อหูตัวเอง เพราะผมพยายามปิดบังเรื่องของเมฆมาโดยตลอดแท้ๆ แต่ทำไมหมอกถึงได้ยินชื่อเมฆออกมาจากปากของผมได้


 “คุณคงจะกำลังแปลกใจอยู่สินะ ตอนนั้นคุณไม่รู้ตัวหรอกเพราะคุณกำลังหลับอยู่ คุณละเมอเรียกชื่อมันหลายครั้งจนผมรู้สึกสงสัย แต่ผมก็ไม่ได้เอะใจเลยสักนิดว่ากำลังถูกคุณสวมเขา ผมคิดเพียงแค่ว่าคุณคงจะฝันอะไรไปเรื่อยเปื่อย ผมมันคงโง่มากเลยสินะคุณธาร...” ประโยคสุดท้ายหมอกพูดด้วยเสียงสั่นเครือ สายตาของหมอกที่มองมาแสดงออกได้เป็นอย่างดีว่ากำลังเจ็บปวดมากแค่ไหน


“ฉันไม่เคยคิดว่านายโง่เลยนะหมอก ฉันรู้สึกชอบนายจริงๆ ส่วนเรื่องเมฆ...”


“อย่าพูดชื่อของมันให้ผมได้ยินอีกผมไม่อยากฟัง!” ผมสะดุ้งตกใจ เมื่อถูกหมอกขึ้นเสียงใส่ด้วยความเกรี้ยวกราดขึ้นมาอีกครั้ง


“คุณรู้มั้ยว่าผมไม่เคยรังเกียจจริงๆ ที่คุณเคยมีอะไรกับผู้ชายคนอื่นมาก่อน ผมไม่เคยสนใจและรับได้ทุกอย่างไม่ว่าคุณจะเคยผ่านอะไรมา แต่เรื่องที่ผมรับไม่ได้เลยก็คือการที่ถูกคุณนอกใจ แล้วผมก็ไม่คิดว่าจะมีใครรับเรื่องแบบนี้ได้แน่นอน เพราะงั้น...เราเลิกกันเถอะคุณธาร” สิ้นเสียงนั้นก็ราวกับว่าหัวใจของผมได้หยุดเต้นลง ผมได้แต่ยืนตัวแข็งค้างโดยมีน้ำตาไหลลงมาอย่างไม่ขาดสาย


 นี่มันไม่จริงใช่มั้ย?


ใครก็ได้ช่วยบอกผมทีว่านี่มันคือความฝัน


แค่ฝันร้ายเท่านั้นพอตื่นขึ้นมาทุกอย่างก็จะกลับไปเป็นเหมือนเดิม


ได้โปรด...


“เราสองคนอย่าเจอกันอีกเลยคุณธาร” หมอกพูดจบก็หันหลังแล้วเดินจากไป ผมรู้ตัวเลยว่ายิ่งระยะห่างมากเท่าไหร่ มันก็ยิ่งทำให้หมอกค่อยๆ ลบผมออกไปจากใจมากเท่านั้น แต่เท้าเจ้ากรรมมันดันไร้เรี่ยวแรงจนผมขยับเคลื่อนไหวไม่ได้


จนกระทั่ง...


“อา!” จู่ๆ หมอกก็กุมศีรษะเอาไว้แล้วทรุดตัวลงไปที่พื้น นั่นแหละผมจึงได้มีแรงแล้วรีบวิ่งเข้าไปหาหมอกอย่างร้อนรน


“หมอก! นายเป็นอะไร!” ผมถามด้วยความเป็นห่วงแล้วจะประคองหมอกให้ลุกขึ้น แต่หมอกก็ปัดมือผมทิ้งแล้วพยายามประคองตัวลุกขึ้นเอง


“ไม่ต้องมายุ่งกับผม!”


“แต่เรื่องนี้ฉันไม่ยุ่งไม่ได้!”


“อย่าทำให้ผมรู้สึกเกลียดคุณไปมากกว่านี้ได้มั้ยคุณธาร!” ประโยคนั้นทำให้ผมถึงกับตัวแข็งค้าง คำว่าเกลียดจากหมอกมีอิทธิพลกับร่างกายและหัวใจของผมมากมายจริงๆ เพราะงั้นผมจึงได้ยืนอยู่นิ่งๆ แบบนั้น จนกระทั่งผ่านไปสักพักอาการปวดศีรษะของหมอกก็จางหาย สีหน้าและอาการของหมอกดีขึ้นจนสามารถลุกขึ้นยืนได้ด้วยตัวเอง


“นายโอเครึยังหมอก ถ้ายังจะให้ฉันพานายไปโรงพยาบาล...”


“ไม่ใช่เรื่องของคุณ” หมอกพูดตัดบทแล้วรีบก้าวเท้าเดินออกจากห้องไปทันที ผมที่เห็นอย่างนี้เลยรีบวิ่งตามออกไป แต่ก็ถูกพนักงานของร้านเข้ามาขวางเอาไว้เพราะว่าผมยังไม่ได้จ่ายค่าห้องและค่าอาหาร ซึ่งกว่าจะออกมาได้หมอกก็หายตัวไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว


มันจบแล้วสินะ...


ความรักของผมกับหมอกมันได้จบลงไปแล้ว...


ผมปล่อยให้หมอกจากไปโดยที่ไม่สามารถฉุดรั้งเอาไว้ได้เลย...


“จะให้จบแบบนี้จริงๆ หรอ?” ผมถามตัวเองในใจ แต่รู้สึกจะถามดังไปหน่อยจนเสียงมันดังออกมาข้างนอก ยังดีที่ตรงนี้ไม่มีใคร ไม่งั้นผมคงถูกหาว่าบ้าแน่ๆ คนสติดีที่ไหนจะมายืนร้องไห้แถมยังพูดคนเดียวได้แบบนี้


ผมพยายามข่มความเศร้าเอาไว้แล้วปาดน้ำตาออกไปช้าๆ ตอนนี้ไม่ใช่เวลามาร้องไห้คร่ำครวญ ผมควรจะตามหาหมอกเพื่อง้อและปรับความเข้าใจกัน ถึงแม้ผมจะไม่มั่นใจก็เถอะว่าหมอกจะยอมให้อภัยผมมั้ย แต่ถ้าหากพิสูจน์ได้ว่าหมอกมี 2 บุคลิกก็แสดงว่าผมไม่ได้นอกใจ เพราะงั้นผมต้องไปเค้นถามจากคนที่น่าจะรู้เรื่องซึ่งก็ไม่ใช่ใครที่ไหน...หมอเจ!


   ผมรีบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดเบอร์ไอ้หมอเจ้าเล่ห์แล้วโทรหา แต่ไม่ว่าจะโทรไปเท่าไหร่ไอ้หมอบ้านั่นก็ไม่ยอมรับสาย ซึ่งก็เป็นมาตลอดตั้งแต่วันที่ให้นามบัตรผมมาแล้ว ถ้าจะไม่รับตั้งแต่แรกแล้วจะให้เบอร์ผมมาเพื่อ!


   แต่ก็เอาเถอะ ไม่รับสายแล้วไง ผมบุกไปหาถึงโรงพยาบาลซะก็สิ้นเรื่อง!


   พอคิดได้แบบนั้น ผมก็รีบเดินไปขึ้นรถเพื่อขับไปยังโรงพยาบาลที่หมอเจทำงานอยู่ทันที โดยที่ผมก็ไม่ลืมมองไปรอบๆ เพื่อหาหมอก เพราะคิดว่ายังคงไปไหนได้ไม่ไกล แต่ผมกลับพบใครคนหนึ่งกำลังยืนรอรถเมล์ที่ป้ายอยู่


“ให้พี่ไปส่งมั้ยเต๋า” ผมเปิดกระจกลงหลังจากที่จอดรถตรงหน้าเต๋า เพื่อนสนิทของหมอกที่เห็นว่าเรียนด้วยกันมาตั้งแต่ม.ต้น


   “เอ่อ...ไม่เป็นไรครับพี่ธาร ผมเกรงใจ”


   “ขึ้นมาเถอะ พี่มีเรื่องของหมอกอยากจะถามเต๋าพอดี” ผมคิดว่าจะใช้จังหวะนี้ถามเรื่องในอดีตของหมอกดู ซึ่งพอผมพูดแบบนี้เต๋าก็ลังเลอยู่แป๊บหนึ่ง แต่ก็ตัดสินใจเปิดประตูขึ้นมานั่งยังเบาะหน้าข้างๆ ผม


   “ขอบคุณนะครับที่อุตส่าห์จะไปส่งผม ว่าแต่ไอ้หมอกล่ะครับ ไม่ได้มาด้วยกันหรอ” ผมรู้สึกหน่วงขึ้นมาทันทีกับคำถามของเต๋า แต่ผมก็พยายามปั้นสีหน้าแล้วยิ้มออกมาบางๆ ราวกับว่าไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้น


   “พอดีพี่จะไปทำธุระต่อน่ะเลยแยกกลับกับหมอก”


   “อ้าว แล้วอย่างนี้พี่ธารจะไปทำธุระทันหรอครับถ้าต้องไปส่งผม”


   “มันก็ไม่ใช่ธุระที่เร่งด่วนเท่าไหร่หรอก พี่มีเรื่องเร่งด่วนอยากจะถามเต๋ามากกว่า ตั้งแต่ที่รู้จักกับหมอกมา หมอกเคยมีอาการโมโหเกรี้ยวกราดอย่างวันนี้มั้ย หรือว่าเคยมีพฤติกรรมที่แปลกไปเหมือนไม่ใช่คนเดิมรึเปล่า” พอผมถามแบบนี้เต๋าก็นิ่งเงียบไปพักหนึ่ง ซึ่งก็คิดอยู่เป็นนาทีกว่าจะเอ่ยปากตอบคำถามของผม


   “อาการโมโหแบบนี้ไอ้หมอกไม่เคยเป็นหรอกครับ แต่ผมรู้สึกว่ามันเป็นคนเก็บกดยังไงไม่รู้ พี่ธารเคยสงสัยใช่มั้ยล่ะครับว่าทำไมไอ้หมอกหน้าตาก็ดีแต่ไม่เคยมีแฟน คือจริงๆ คนชอบมันเยอะนะ แต่ไม่อยากเข้าหาเพราะที่บ้านมันต่างหาก” ถ้าอย่างนั้นก็แสดงว่า ความคิดของพฤกษ์กับเพลิงถูกต้องจริงๆ ด้วย


   “ที่บ้านของหมอกมันทำไมหรอเต๋า”


   “ถามแบบนี้แสดงว่าพี่ธารยังไม่เคยเจอพ่อกับแม่ไอ้หมอกสินะครับ”


   “อืม หมอกแทบไม่เคยเล่าเรื่องที่บ้านให้พี่ฟังเลย บอกแค่ว่าพ่อกับแม่รับราชการ”


   “ก็ไม่แปลกหรอกครับที่มันไม่เล่าให้ฟัง คือพ่อแม่ของมันเข้มงวดมาก ทุกอย่างในชีวิตต้องเดินตามกรอบที่ถูกวางเอาไว้ คือผมก็พยายามเข้าใจนะว่ามันเป็นลูกคนเดียวเลยถูกคาดหวังมาก แต่รุ่นเกรดตกไปศูนย์จุดกว่าๆ ไม่ถึง 1 เลยด้วยซ้ำยังถูกด่ายับเหมือนสอบตกนี่ก็เกินไป”


พอได้ยินแบบนี้ผมก็มั่นใจแล้วแหละว่าหมอกต้องมีสองบุคลิกแน่นอน ส่วนสาเหตุน่าจะเป็นเพราะความเครียดและเก็บกดจากที่บ้านที่เข้มงวดมากเกินไป จนถึงจุดที่ทนไม่ไหวสมองจึงได้สร้างเมฆขึ้นมาล่ะมั้ง ซึ่งมันก็สอดคล้องกับอาการหมดสติของหมอกที่เกิดขึ้นบ่อยๆ พอดี


หลังจากนั้นผมก็คุยกับเต๋าเรื่องของหมอกต่ออีกนิดหน่อย ซึ่งก็ทำให้ผมยิ่งมั่นใจเรื่องที่หมอกมี 2 บุคลิกมากขึ้น เพราะงั้นหลังจากไปส่งเต๋าที่บ้านผมก็พยายามโทรหาหมอก เพื่อที่จะพูดคุยและปรับความเข้าใจว่าผมไม่ได้นอกใจอย่างที่คิด หมอกกับเมฆเป็นคนเดียวกัน ดังนั้นถ้าหากผมจะชอบทั้งคู่มันก็ไม่ผิดไม่ใช่รึไง แต่หมอกกลับไม่รับสายแถมยังปิดเครื่องใส่ผมอีกต่างหาก


“เฮ้อออออออ” ผมถอนหายใจออกมาด้วยความกลัดกลุ้ม พอหมอกได้โมโหก็เกรี้ยวกราดและอารมณ์ร้ายจนไม่ฟังใครเลย แต่ถึงอย่างนั้นผมก็เข้าใจความรู้สึกของหมอกนะ ถูกคนที่รักหักหลังทั้งที่เราปกป้องแทบตาย ถ้าหากกลับกันเป็นผมที่โดนแบบนั้น ผมคงวีนแตกและหัวร้อนมากกว่าหมอกไม่รู้กี่เท่าแน่ๆ


พอติดต่อหมอกไม่ได้ ผมเลยแวะไปดูที่หอว่าหมอกกลับมารึยัง แต่หมอกก็ยังไม่กลับเพราะภายในยังคงอยู่สภาพเดิมก่อนที่เราสองคนจะออกมา ดังนั้นผมจึงได้มุ่งหน้าไปยังสถานที่แรกที่ผมตั้งใจจะไป นั่นก็คือโรงพยาบาลที่หมอเจทำงานอยู่


“สวัสดีครับ ผมธาราเป็นเพื่อนหมอจิณณวัตร ไม่ทราบว่าผมจะไปพบตามนัดได้ที่ห้องไหน พอดีว่าหมอปิดเครื่องไว้ผมเลยติดต่อไม่ได้น่ะครับ” ผมตรงเข้าไปที่เคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์ของโรงพยาบาล โดยพูดโกหกให้แนบเนียนด้วยสีหน้ายิ้มแย้มเป็นธรรมชาติ แถมยังสร้างความเชื่อถือด้วยการหันหน้าจอโทรศัพท์ที่กำลังโทรออกเบอร์ของหมอเจให้ดูอีกด้วย


“คุณหมอจิณณวัตรตอนนี้อยู่ที่ห้องพักแพทย์ค่ะ แต่รู้สึกว่าตอนนี้คุณหมอกำลังมีแขกนะคะ”


“อ๋อ นั่นคนรู้จักผมเอง หมอนัดผมกับเขาพร้อมกันแต่เราแยกกันมาน่ะ” ผมพูดโกหกอีกครั้ง ถึงจะรู้ว่าเข้าพบตอนนี้มันไร้มารยาท แต่ยังไงผมก็ต้องคุยกับหมอเจวันนี้ให้ได้


“ถ้าอย่างนั้นก็เดินตรงไปแล้วเลี้ยวซ้ายที่สองนะคะ ห้องจะอยู่ทางขวามือค่ะ” พยาบาลสาวผายมือบอกทางให้ผมอย่างง่ายดาย คงเพราะเชื่อถือจากการพูดจาและลักษณะท่าทางที่ไม่มีพิษมีภัยของผมล่ะมั้ง


“ขอบคุณมากครับ” ผมยิ้มรับแล้วโค้งน้อยๆ จากนั้นก็เดินไปตามทางที่พยาบาลสาวบอก จนกระทั่งถึงห้องที่ติดป้ายเอาไว้ว่าห้องพักแพทย์


ก๊อก ก๊อก ก๊อก


“ใครครับ” เสียงของหมอเจถามขึ้นเมื่อผมผมเคาะประตูห้อง แต่ผมไม่ยอมตอบหมอเจเลยออกมาเปิดประตูด้วยความสงสัย ซึ่งพอเห็นหน้าผมเท่านั้นแหละใบหน้าหล่อๆ ก็แสดงอาการตกใจอย่างปิดไม่มิด


“ผมธารเอง ตอนนี้หมอกำลังคุยกับใครอยู่รึเปล่า” ผมลอบมองเข้าไปในห้อง แต่ก็ปรากฏว่าไม่เห็นมีใครอยู่เลย บางทีแขกของหมอเจที่พยาบาลสาวบอกอาจจะกลับไปแล้วล่ะมั้ง


“เอ่อ...เปล่า ผมอยู่คนเดียว” หมอเจพูดอย่างตะกุกตะกัก คงคิดไม่ถึงล่ะสิว่าผมจะบุกมาหาถึงได้ตกใจขนาดนี้


“ก็ดีเพราะผมมีธุระที่สำคัญมากจะคุยกับหมอ” ผมพูดจบก็เบี่ยงตัวเข้าไปในห้อง โดยที่หมอเจยังไม่ได้เอ่ยปากอนุญาตเลยแม้แต่น้อย


“ผมยังไม่ได้เชิญธารเลยนะ” หมอเจพูดขึ้น แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่ได้แสดงท่าทีต้องการไล่ผมออกไป แถมยังปิดประตูและล็อกห้องอย่างเรียบร้อยอีกต่างหาก


“ไม่เป็นไรผมเชิญตัวเองแล้ว แล้วหมอก็ไม่ต้องหาเรื่องบ่ายเบี่ยงด้วย ยังไงวันนี้ผมก็ต้องคุยกับหมอให้ได้” ผมยิ้มที่มุมปาก จากนั้นก็เดินไปนั่งยังโซฟาที่อยู่ใกล้ๆ หมอเจที่เห็นอย่างนั้นเลยถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ ก่อนจะเดินมานั่งยังโซฟาอีกตัวที่อยู่ตรงหน้าผมอย่างช่วยไม่ได้


“เอาล่ะ ธารมีเรื่องอะไรจะคุยก็ว่ามา”


“ผมรู้แล้วว่าหมอกกับเมฆคือคนเดียวกัน หมอกมีสองบุคลิกใช่มั้ยหมอเจ” คำถามของผมไม่ได้ทำให้หมอเจแสดงอาการตกใจมากขึ้นแต่อย่างใด มิหนำซ้ำท่าทางของหมอเจยังกลับมาผ่อนคลาย สายตามีแววเจ้าเล่ห์อีกครั้งทั้งที่ใบหน้ากำลังเปื้อนยิ้มอย่างอ่อนโยน


   “ดูท่าทางธารจะมั่นใจมากเลยสินะเรื่องที่หมอกมีสองบุคลิก”


   “ใช่ ผมมั่นใจมาก แต่ตอนนี้ผมติดต่อหมอกไม่ได้ คือหมอกโกรธมากคิดว่าผมนอกใจเลยขอเลิกกับผม”


   “ธารเลยอยากให้ผมช่วยตามหมอกมา เพราะอยากอธิบายเรื่องเมฆให้กระจ่างสินะ” ฉลาดและเข้าใจอะไรง่ายๆ แบบนี้สมแล้วที่เป็นหมอ


   “ใช่ หมอพอจะช่วยผมได้มั้ย” หมอเจไม่ตอบอะไร แต่สายตากลับมองเลยไปยังด้านหลังของผม ด้วยความสงสัยผมเลยว่าจะหันหลังกลับไปมอง แต่หมอเจก็ลุกขึ้นยืนแล้วเดินไปยังประตูห้องซะก่อน ผมเลยตกใจคิดว่าหมอเจจะชิ่งเลยรีบวิ่งเข้าไปหา


   “หมอจะไปไหน! มาคุยกับผมให้รู้เรื่องก่อนนะ!”


   “ธารคุยกับคนที่อยู่ข้างหลังเถอะ เขาน่าจะตอบธารได้ดีกว่าผม” เท่านั้นแหละผมก็รีบหันหลังกลับไปทันที ก่อนจะพบว่าตอนนี้ หมอก...ไม่สิ น่าจะเป็นเมฆ กำลังยืนกอดอกพิงประตูห้องน้ำอยู่ มิน่าล่ะตอนนั้นสีหน้าของหมอเจจึงดูตกใจผิดปกติเมื่อเห็นผมมา แต่ผมกลับไม่ได้เอะใจทั้งที่พยาบาลสาวก็บอกแล้วว่าหมอเจกำลังมีแขก


   “คุยกันไปแล้วกัน ผมไปตรวจคนไข้เสร็จแล้วจะกลับมา เดี๋ยวจะห้อยป้ายห้ามเข้าเอาไว้ด้วย” หมอเจพูดจบก็ออกจากห้องไป ส่งผลให้ตอนนี้ภายในห้องเหลือเพียงแค่ผมกับเมฆแค่สองคนเท่านั้น


   “ถ้าอยู่ตั้งแต่แรกก็ไม่เห็นต้องหลบเลยนี่นา” ผมพูดยิ้มๆ แต่สีหน้าของเมฆกลับเรียบเฉย ในแววตามีความเคร่งเครียดและจริงจังอยู่ในนั้น


   “ธาร เราสองคนมีเรื่องต้องคุยกัน” เมฆพูดจบก็เดินมานั่งยังโซฟาตัวที่หมอเจเคยนั่ง ผมสังเกตว่าเสื้อผ้าของเมฆที่กำลังใส่อยู่ ต่างจากของหมอกที่ใส่วันนี้อย่างสิ้นเชิง


   “นายมีเรื่องอะไรจะพูดกับฉัน แล้วทำไมต้องทำหน้าแบบนั้นด้วย ฉันรู้สึกใจคอไม่ดีเลยนะเมฆ” ผมพูดขึ้นหลังจากที่กลับไปนั่งยังโซฟาตัวเดิม ตอนนี้ผมรู้สึกสังหรณ์ใจอะไรบางอย่าง แต่ผมก็พยายามปั้นยิ้มและหลอกตัวเองว่าคงไม่มีอะไร ผมแค่คิดมากไปเท่านั้น


   “คุณอยากรู้ใช่มั้ยว่าผมกับหมอกเราเป็นอะไรกัน”


   “ใช่ ฉันอยากรู้”


   “ถ้างั้นผมจะบอกให้ก็ได้ ผมกับหมอกเราเป็นฝาแฝดกัน แต่ถูกแยกกันตั้งแต่เกิดหมอกเลยไม่รู้ว่ามีผมเป็นน้อง”


   “วะ...ว่าไงนะ!” สิ่งที่ได้ยินทำเอาผมอุทานขึ้นมาด้วยความตกใจ


นี่ผมฟังผิดไปใช่มั้ย ถ้าหมอกกับเมฆไม่ใช่คนเดียวกัน งั้นผมก็นอกใจหมอกจริงๆ น่ะสิ!


   “ทำหน้าแบบนี้ นี่คุณจะคิดว่าหมอกมีสองบุคลิกจริงๆ น่ะหรอ”


   “กะ...ก็ใช่น่ะสิ! นายกับหมอกไม่เคยปรากฏตัวพร้อมกันเลยนี่นา ไหนจะเรื่องปมที่บ้านอีก ฉันเลยคิดว่านายจะเก็บกดจนสร้างอีกบุคลิกขึ้นมา ข้อมูลทุกอย่างมันชี้ไปที่สองบุคลิกชัดๆ!”


   “เพ้อเจ้อ” คำพูดและสีหน้าที่ราวกับว่าความคิดของผมไร้สาระเสียเต็มประดานั้นทำให้ผมชักยั้วะ


   “นายจะมาว่าฉันแบบนี้ไม่ได้นะ! ก็นายทำตัวลึกลับแถมยังไม่เคยบอกอะไรฉันเลยนี่นา!”


   “นั่นก็เป็นเพราะว่าผมไม่อยากเกี่ยวข้องกับใคร ผมไม่เคยมีตัวตนที่ประเทศนี้อยู่แล้ว ทำไมผมต้องสร้างความผูกพันกับใครในเมื่อสุดท้ายผมก็ต้องกลับไปอยู่ดี” คำพูดของเมฆทำให้ผมชะงักจนแทบหยุดหายใจ อารมณ์หัวร้อนของผมเมื่อกี้เปลี่ยนเป็นรู้สึกเหมือนถูกบีบที่หัวใจทันที


   “หมายความว่ายังไง” ผมพยายามเค้นเสียงพูดออกไปให้เหมือนปกติมากที่สุด แม้ว่ามันจะยากแค่ไหนก็ตาม


   “พรุ่งนี้ผมต้องกลับอเมริกา ความจริงผมต้องกลับตั้งนานแล้วล่ะเพราะสัญญากับป้าเอาไว้ แต่ผมก็พยายามยื้อเวลาออกไปเรื่อยๆ ตั้งแต่ที่เจอคุณ คุณทำให้ตารางชีวิตของผมวุ่นวายไปหมด แต่คุณรู้ไหมเวลาที่ผมอยู่กับคุณผมมีความสุขมากจริงๆ ผมอยากเป็นคนที่ได้ครอบครองคุณเอาไว้ แต่ผมทำเรื่องที่เห็นแก่ตัวแบบนั้นไม่ได้ ถึงผมจะไม่อยู่แล้วแต่คุณรู้เอาไว้นะว่าผมรักคุณจริงๆ” เมฆมองตรงเข้ามาในดวงตาของผม สายตานั้นแสดงออกอย่างชัดเจนว่ารักผมมากแค่ไหน ทุกคำพูดของเมฆทำให้ผมรู้สึกตื้นตันและสุขล้นในหัวใจ แต่ในขณะเดียวกันผมก็รู้สึกรวดร้าวและเจ็บปวดเหลือเกิน


   “นายจะทิ้งฉันอีกคนหรอเมฆ” ตอนนี้ผมแทบมองไม่เห็นใบหน้าของเมฆอีกแล้ว เพราะน้ำตาได้รื้นขึ้นมาจนเต็มขอบตาของผมไปหมด ก่อนที่มันจะล้นทะลักออกมาเมื่อได้ยินเมฆพูดขึ้นว่า...


   “ผมขอโทษ แต่เราเลิกกันเถอะนะธาร” สิ้นเสียงนั้นก็ราวกับว่าหัวใจของผมได้หยุดเต้นลง วันนี้ความรู้สึกนี้ได้มาเยือนผมเป็นครั้งที่สอง ผมถูกหมอกกับเมฆบอกเลิกในวันเดียวกัน ตอนนี้หัวใจของผมได้พังทลายลงไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว


   “ลาก่อนนะธาร หวังว่าเราคงจะไม่ได้เจอกันอีก” เมฆพูดจบก็ลุกขึ้นยืนแล้วเดินออกจากห้องไปทันที ไม่มีแม้แต่อ้อมกอดหรือจูบลาเป็นครั้งสุดท้าย ภายในห้องเหลือเพียงแค่ผมที่นั่งร้องไห้ราวกับจะขาดใจ ชีวิตของผมมันได้ตายลงไปแล้วตั้งแต่วินาทีนี้


   นี่สินะบทลงโทษของคนสองใจ...


สุดท้ายแล้วผมก็ไม่เหลือใครเลยแม้แต่คนเดียว...


   2BC


สวัสดีค่ะทุกคน (ปาดน้ำตาที่ไหลลงมาเป็นสายน้ำ)  :o12: Erotic ตอนที่ 9 สุดท้ายก็ไม่เหลือใครได้จบลงไปเรียบร้อยแล้วนะคะ ดราม่าทั้งตอนเลยตอนนี้ ครึ่งแรกหมอก็บอกเลิกคุณธาร ครึ่งหลังคุณธารยังมาถูกเมฆบอกเลิกซ้ำอีก ฮืออออออ นี่มันอัลไลกันนนนนน  :monkeysad:
ตอนนี้ก็ไม่รู้ว่าระหว่างธาร หมอก และเมฆ ใครจะน่าสงสารที่สุด หลังจากนี้ไปเรื่องราวจะดำเนินไปแบบไหน ใครคือพระเอกของเรื่องกันแน่ หรือท้ายที่สุดแล้วธารจะไม่ได้กับเลยใครสักคน  :m15: คนสองใจสมควรที่จะมีความสุขกับใครสักคนหรือไม่ ยังไงก็มาลุ้นตอนต่อไปกันนะคะ บ๊ายบายยยยย  :bye2:
ปล.ตอนนี้ทีมสองบุคลิกเป็นยังไงกันบ้าง เมฆเฉลยว่าเป็นฝาแฝดกับหมอกแล้วน้า เพราะงั้นสลายตัวกันได้แล้ว  o3
(21 พ.ย. 60)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 22-11-2017 21:44:38 โดย *|=สามีแจจุง=|* »

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
เมเปิ้ล ที่ยกตัวเองเอาดีเข้าตัว เอาชั่วใส่ธาร  :fire:
ว่าผู้ชายดีๆ อย่างหมอก
น่าจะได้คบกับผู้หญิงที่เหมาะสมและคู่ควรมากกว่าแบบตัวเองล่ะสิ
แล้วหมอก ก็ตอกหน้าเมเปิ้ลได้เยี่ยมมาก
“แต่สำหรับบางคน ต่อให้เหลือแค่คนเดียวในโลกผมก็ไม่เอา...โดยเฉพาะคนอย่างคุณ”

หมอก จะรู้ตัวเมื่อไรกันนะ
ว่าเมฆ เป็นอีกบุคลิกหนึ่งของหมอก แต่หมอกไม่เคยรู้ตัว
เพราะพอเมฆ ออกมา หมอกจะเหมือนหลับไปไม่มีสติ
หมอกไม่สังเกต ไม่สงสัยเลยหรือ ว่าธารทำไมเรียกตัวเองว่าเมฆ  :hao3:
ที่แน่ๆหมอกถึงกับบอกเลิกธาร  :z3: :z3: :z3:
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:


ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
ผิดคาดที่คนจัดการชะนีเป็นหมอก ผิดคาดที่หมอกโมโหจนมีพฤติกรรมเหมือนเมฆ นึกว่าจะหมดสติแล้วฟื้นมาเป็นเมฆ สรุปแล้วจะมีคน 2 บุคคลิก หรือจะเป็นฝาแฝดนะอยากรู้จริง ๆ  :confuse:
แต่ถ้าไม่ได้เป็นฝาแฝดล่ะ แต่มีพ่อหรือแม่ที่เป็นฝาแฝด แล้วมีสิทธิ์ที่ลูกออกมาจะเป็นเหมือนกันไหม อันนี้ก็น่าสงสัย  :o11:

ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1
เอ่อ..ออออ สะใจที่นังชะนีโดนเล่นงานอยู่ดีๆ เกมส์พลิกซะงั้น อิหมอกใจร้าย  :serius2: :serius2: :serius2:

ออฟไลน์ Natsuki-ChaN

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 219
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
โอ้ยยยหมอกกก บทจะใจร้อนก็ไม่ฟังไรเลย หมอกเหมือนคนเก็บกดอ่ะ พอหลุดที ไปไกลเลย
ธารช็อเลย ค้างสุดๆ จะร้องไห้ตามพี่ธาร  :o12:
มาเลยได้ไหม ไม่ไหวแล้วววว
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 19-11-2017 12:49:10 โดย Natsuki-ChaN »

ออฟไลน์ ❣☾月亮☽❣

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6773
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-6
อ้าว พลิกเลยจ้ะ  งานนี้เมฆุต้องออกโรงนะ

ออฟไลน์ Dee^daY

  • ไม่เคย ทำให้ใครเดือดร้อน
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4061
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +330/-6

ออฟไลน์ kobyp_lu

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 193
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
แปลกมาก  หมอกมีปวดหัวด้วยอ่ะ  สองบุคลิกแน่ ๆ คนเดียวกันชัวร์  เวลาโกรธคล้ายเมฆ หมอกเมฆคนเดียวกันอ่ะ เป็นไบโพลาร์ป่ะเนี่ย

ออฟไลน์ Micky_MN

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 198
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-3
หวีดหมอกแบบนี้แบดมากกกกก :impress2:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Y-Darkness

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 189
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-0

ออฟไลน์ mystery Y

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7677
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +585/-12

ออฟไลน์ Al2iskiren

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1775
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-3
ถึงเมฆมันจะบอกว่าเป็นแฝด แต่ก็รู้สึกว่าพร้อมใจกันบอกเลิกเกินไป งือออออ แอบสงสารคุณธารอยู่นะเนี่ยโดนเททั้งคู่เลย :hao5:

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
ไม่ได้คนพี่ก็ต้องได้คนน้องล่ะวะธาร สู้ๆ555

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
อ้าวๆ.........หวยออกแล้ว  o22 o22 o22

ธาร จะทำไงต่อล่ะ  :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ:
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1
Strong ไว้คุณธาร เททั้งพี่ทั้งน้องเลย ไม่ปลื้ม หาใหม่ให้ไฉไลกว่าเดิม  :m16: :m16: :m16:

ออฟไลน์ titansyui

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2386
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-0

ออฟไลน์ mystery Y

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7677
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +585/-12

ออฟไลน์ kobyp_lu

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 193
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
ไม่อยากจะเชื่อ  omggg  เกิดขึ้นพร้อมกันได้ไง 555

ออฟไลน์ ❣☾月亮☽❣

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6773
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-6
คบเด็กสร้างบ้านเขาก้อว่ามักจะไปไม่รอด ตงจะจริงนะ เล่นไม่ฟังดันเลย บทจะตัดก้อตัเขาดง่ายแบบไร้เยื่อใย
แบบนี้น่าสงสัยหมอเจที่สุด

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด