◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| *แจ้งข่าวหนังสือ* || 5-3-63 หน้า 54 ||
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| *แจ้งข่าวหนังสือ* || 5-3-63 หน้า 54 ||  (อ่าน 301731 ครั้ง)

ออฟไลน์ lemonpreaw

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 882
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-1
คุณลุงอยู่ไหน กลับมาได้แล้ว พี่ปูนก็เหมือนกัน

ออฟไลน์ ka[ze]na

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3767
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +192/-6

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26

ออฟไลน์ Piima

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 660
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1

ออฟไลน์ TachibanaRain

  • มาโกโตะเทนชิ
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2418
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +76/-3
คิดถึงเรื่องนี้ นักเขียนมาต่อเร็วๆน้า

ออฟไลน์ Grey Twilight

  • Moderator
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 392
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +171/-17
ผมอ่านเรื่องคุณเมลโล่ว์ทีไร ผมขมวดคิ้วทุกทีเลยนะครับ ไม่รู้สิ มันเหมือนมีอะไร 'ขาดหาย' ไปอยู่น่ะ และสิ่งนี้น่าจะอยู่กับ 'พระเอก' ในแต่ละเรื่องเสียด้วย ผมว่าผมไม่ได้รู้สึกไปเอง แต่หลายๆเรื่อง คุณเมลโล่ว์ทำตัวนางได้ดีมากเลยนะครับ แต่ทำตัวพระได้แปลกมากและดูเหมือนเข้าข้างตัวพระมากเกินไป และมันทำให้สมดุลเรื่องพังน่ะนะในสายตาผม และผมถามจริง รัตติกาล จันทร์ นี่ไม่ดาร์คเหรอครับเนี่ย?

นิยายที่ 'อ่านสนุก' กับนิยายที่ 'ผ่านเกณฑ์ที่ดี' ในทางวรรณกรรม มันต่างกันอยู่นะครับ สำหรับผม มีแค่เรื่อง 'ขอโทษครับ มีรักมาส่ง' ที่ผมว่าผ่านทุกประเด็นเลยนะ ที่น่าสนใจคือ มันเป็นเรื่องแรกๆที่คุณเมล์โล่วเขียนเสียด้วย ผมไม่รู้จะให้คำแนะนำยังไง แต่ผมคิดว่า 'ความรู้สึก' กับ 'ทัศนคติ' เชิงมองโลกของคุณเมลโล่ว์ในตอนนั้นที่เขียนนิยาย น่าจะเป็นอะไรที่ผมว่าเหมาะกับการถ่ายทอดวรรณกรรมออกมามากกว่านะครับ

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8896
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80

ออฟไลน์ Marchyn

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 37
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
ชอบนิยายเรื่องนี้เลยครับ โป้ยนี่ นิสัยเหมือนผมเลยนะ 555 รักเลย

ออฟไลน์ mkianit

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 301
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-3
หายไปเลยยยติดถึงแล้ว

ออฟไลน์ sripaerrr

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 219
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-1
ทำไมโป้ยไม่สอนลุงคะะะะะะะะะ คนร้ายกาจกับถนซื่อบื้อเป็นกันได้อย่างแปลกๆงงๆ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Piima

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 660
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
กลับมาเถอะค่ะ

คิดถึงมากกก

ออฟไลน์ konnarak

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2183
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +182/-0
หลอกให้อยาก และก็จากไป T_T

ออฟไลน์ lemonpreaw

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 882
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-1
รอพี่ปูนกับคุณลุงอยุ่น้าา

ออฟไลน์ Mengjie_JJ

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 221
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-2

ออฟไลน์ BitterCucumber

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 136
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
หว่ายยยย คนอะไรนอนว่าวหลังคนที่ตัวเองชอบ โรคจิตแบบพี่ปูนเลยอ่า ว้ายย กลัวมากๆค่ะ

ออฟไลน์ thepopper

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 371
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +40/-1
หายไปเลยยกับกาลเวลาาาา
 :monkeysad:

ออฟไลน์ xkoxko

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 26
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
สนกมากกกกกก อย่าหายน้า กลับมาต่ิอนะๆๆๆ :katai5:

ออฟไลน์ ppnplg

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 42
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
รอลุงกับพี่ปูนนะคะ ให้กำลังใจคนแต่งอยู่นะคะ

ออฟไลน์ L@DYMELLOW

  • กำลังงงๆ เพราะหาทางลงจาก “คาน” ไม่เจอ
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 356
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +826/-4
    • facebook
ตอนที่ 13 _ห้ามแหย่เสือหลับ_




ในฐานะสามีที่ดีผมไม่อาจทิ้งขว้างเมียที่กำลังป่วย แต่ในฐานะลูกและน้องที่ดีผมก็ไม่ควรปล่อยให้สองสาวแก่อยู่บ้านลำพัง นับเป็นช่วงเวลาขบคิดที่น่าปวดหัวยิ่งนัก ทางนี้ก็ต้องการ ทางนั้นก็อยากได้ การเป็นหนุ่มเนื้อทองหอมหวนนี่มันช่างลำบากใจจริงๆ

“มาทางนี้ๆ พ่อหนุ่ม”

นั่นไง ไม่ว่าจะไปที่ไหนก็มีแต่คนเรียกร้อง เหอะ เหอะ!

“มาจ่ายเงินที่ป้านี่ นั่นมันร้านขายผัก!”

“..........”

ผมถึงกับชะงักมือที่กำลังยื่นเงิน แอบเหล่มองป้าตรงหน้าอย่างขุ่นเคืองเล็กน้อย ป้าฮะ! ถ้าผมไม่ได้ซื้อของร้านป้า แล้วป้าจะยื่นมือมารับเงินทำไมล่ะฮะ! แม้จะแอบปะหลับปะเหลือกใส่ป้าร้านขายผัก แต่ลูกผู้ชายนั้นผิดพลาดได้แต่ขายหน้าไม่ได้!

“รับเงินสิฮะป้า จัดผักทำสลัดให้ผมหน่อย”  ว่าแล้วก็หยิบเงินเพิ่มและก้าวเท้าไปร้านผลไม้ติดกันทันที  “เท่าไหร่ครับป้า โอ๊ะ! ผมเพิ่งเห็นว่ามะม่วงป้าซ๊วยสวย เพิ่มโลหนึ่งนะครับ”

ป้าร้านผลไม้หรี่ตามองผมเล็กน้อยแต่ก็ยอมยื่นมือมารับเงินโดยไม่ตีแผ่ความน่าอายของผมออกมา แต่ที่จริงแล้วผมต้องขอบอกว่าเป็นความผิดของพวกป้าๆ ต่างหาก อยู่กันคนละร้านแล้วจะมานั่งเก็งหวยด้วยกันทำไม ผมเดินมาไม่รู้อิโหน่อิเหน่ก็คิดว่าร่วมด้วยช่วยกันขายน่ะสิ

แรกเริ่มเดิมทีผมคิดจะซื้อผลไม้กับอาหารสองสามอย่างไปให้คนป่วย แต่ตอนนี้ได้ผักสลัดมาด้วยเลยต้องเปลี่ยนแผน แถมยังได้มะม่วงมาอีก! ผมล่ะอยากจะถามเหลือเกินว่าพี่ฮะ ร้านข้าวเหนียวมูลอร่อยๆ อยู่ตรงไหน?

แต่นั่นค่อยหาที่หลังก็ได้ครับ

เรามาแนะนำตลาดกันก่อน ที่นี่คือตลาดสดขนาดไม่เล็กไม่ใหญ่ใกล้บ้านพี่ปูน เรื่องความสะอาดผมขอยกให้ติดอันดับตลาดน่าเที่ยว ทุกอย่างครบครัน ไปมาสะดวกสบาย ใกล้ป้ายรถเมล์ ด้านข้างมีวินตุ๊กๆ ให้บริการ ถัดไปคือวินมอเตอร์ไซค์ท้ายทอยสะอาด ที่จอดรถก็กว้างขวางปลอดภัย แม่ค้ายิ้มแย้มแจ่มใส แต่ถ้ารายไหนหน้าตึงคงมีปัญหาทางบ้านลูกค้าโปรดเข้าใจ ร้านนำเสนอคือ ‘ร้านตำกระเด้ง’ มันช่างกระเด้งกระดอนสมชื่อร้านจริงๆ อร่อยมั้ยไม่รู้ แต่ดูจากคิวที่ยาวเหยียดแล้วผมคงต้องขอมาเป็นลูกค้าประจำอีกคน

ป็อกๆๆ

ลีลาควงสากนั้นไม่เท่าไหร่ แต่จังหวะตอนหน้าอกหน้าใจกระดอนนี่มันกร๊าวในอกเหลือเกิน เท่าที่เดินวนจนทั่ว คนขายท่านนี้คือแม่ค้าที่อายุน้อยที่สุด ยากจนที่สุดเพราะแม้แต่เสื้อผ้ายังขาดแคลน กางเกงขานสั้นขาดวิ่นจนเห็นเนื้อขาวๆ เสื้อก็เป็นแค่ผ้าแถบพอปิดหน้าอกน่าสงสารเหลือเกิน

“ตำไทยไข่เค็ม น้ำตกหมู หมูตกครกครับ”

“เอาเผ็ดมั้ยจ๊ะพี่”  แม่ค้าผู้ยากไร้ถามกลับทันที กระพริบตาวิ้งๆ ให้ผมก็ยิ้มค้างแล้ว ยังจะมาจือปากใส่ให้ใจระทวยอีก

“เอาไม่เผ็ดมากจ้า” 

ได้ยินดังนั้นก็เริ่มบรรเลงท่าตำที่เรียกเสียงสูดหายใจของหนุ่มๆ หน้าร้าน เนี่ยสิที่เรียกว่าจุดขาย! นี่ถ้าไม่ติดว่าซื้อผักแก้อายไปแล้วล่ะก็พ่อจะซื้อตำป่าเพิ่มอีกสักถุง! ฮึ้ย~ แม่เจ้าประคุณเอ๊ย! ไว้ผมจะต้องชวนไอ้โป้ยมาอุดหนุนบ้าง ของอย่างนี้มันต้องช่วยเหลือกัน แม่ค้าจะได้มีเงินซื้อเสื้อผ้าดีๆ ใส่

.
.
.

หลังจากเสร็จสมอารมณ์หมายผมก็มุ่งหน้าสู่บ้านของภรรยาในชีวิตจริง หอบอาหารมากมายขึ้นลิฟต์ เต็มไปด้วยอาหารที่มีคุณประโยชน์เหมาะแก่คนเพิ่งส่างไข้โดยแท้ ส้มตำ ข้าวเหนียว ผักสลัดสดๆ ยังดีที่มีผลไม้มากู้หน้าได้บ้าง เป็นแอปเปิ้ลกับข้าวเหนียวมะม่วง แหม~ ช่างเข้ากันได้ดีจริงๆ

เมื่อเปิดเข้าไปภายในห้องนั้นเงียบกริบราวกับไร้ซึ่งสิ่งมีชีวิตใดใด ผมเดินไปจัดเก็บของที่ซื้อมาในครัวก่อนจะเดินขึ้นชั้นบนเพื่อไปพบกับภรรยาผู้อ่อนเปลี้ยเพลียแรงด้วยไข้หวัด ทันทีที่ประตูแง้มเปิดลมเย็นจัดก็วูบใส่หน้าจนสะท้านไปหมด ผมขมวดคิ้วฉับเดินเข้าไปในห้องที่คนนอนเปลี่ยนสภาพให้มันกลายเป็นห้องเย็น แต่แทนที่จะได้เห็นเจ้าของห้องนอนหลับเป็นตาย กลับได้ยินเสียงต๊อกแต๊กดังระรัวมาจากบนที่นอนแทน

“แป๊บนะๆ พี่ขอทำงานอีกนิดนึง”

ขนาดเห็นผมยืนกอดอกจังก้าตีหน้าบึ้งใส่ก็ไม่สนใจสักนิด ยังก้มหน้าก้มตามองหน้าจอโน้ตบุ๊กเขม็ง นิ้วก็พรมลงบนแป้นถี่รัว ผมขยับเดินไปยืนตรงหน้าตีสีหน้าให้ขึงขังกว่าเดิม แต่พี่ปูนก็แค่เงยหน้ายิ้มหล่อให้แล้วก็ไร้ซึ่งความสนใจผมเหมือนเดิม อย่างนี้มันน่าอยู่ดูแลมั้ยเนี่ย! จากที่คิดว่าจะหาทางโน้มน้าวสองสาวที่บ้านอย่างไรดี แต่เห็นแบบนี้แล้วผมก็หมั่นไส้ตะหงิดอยากจะวิ่งกลับบ้านซะเดี๋ยวนี้เลย

“หายดีแล้วใช่ป่ะ”

“อืม”  คนบนเตียงตอบสั้นๆ แม้แต่หน้าก็ไม่ยอมเงยขึ้นมามอง 

“แข็งแรงแล้วใช่มั้ย”

“อืม”

“โอเค! ถ้าไงก็อย่าทำงานจนลืมกินข้าวล่ะ”  ผมไม่เสียเวลายืนมองคนตรงหน้าอีกต่อไป ปากพูดสั่งความพลางเดินไปเก็บเสื้อผ้าตัวเองที่ถอดทิ้งไว้กับของใช้ในห้องน้ำ  “ผมซื้อข้าวเย็นมาให้นะอยู่ข้างล่าง พี่กินส้มตำได้รึเปล่า? ถ้าไม่ได้ก็หาสั่งเอาเองแล้วกันนะ แล้วก็มีแอปเปิ้ลกับข้าวเหนียวมะม่วงด้วย อ้อ! มีผักกับน้ำสลัดอยู่ในตู้เย็นด้วย”

ผมหมุนแปรงสีฟันในมือไปมาขณะมองหาของส่วนตัวที่อาจจะหยิบตกหล่นไป และในจังหวะที่คิดว่าเสียงพิมพ์ต๊อกแต๊กเงียบไป เมื่อหันมองก็แทบหลุดเรียกตัวเงินตัวทองออกมาตัวใหญ่ เมื่อเห็นพี่ปูนยืนตีหน้านิ่งอยู่ข้างหลังในระยะประชิด

“ตกใจหมด!”

“หมายความว่าไง”  มันปัดคำอุทธรณ์ของผมทิ้งอย่างไม่ใยดี แล้วยิงคำถามกลับด้วยเสียงเข้ม

“อะไรที่หมายความว่าไง?”  เจออย่างนี้ผมก็งงสิวะครับ เมื่อกี้พี่แกยังนั่งทำงานสบายอกสบายใจอยู่แป๊บๆ ก็มาตีหน้าขรึมใส่ผมแล้ว ไบโพล่าจริงๆ เมียผม

“ที่พูดเมื่อกี้”

“อ๋อ~ ข้าวเย็นอยู่ข้างล่าง”

“แล้ว?”

“แล้วผมจะได้กลับบ้านไง”  นี่มันเกมส์ทายปัญหาต่อคำรึไงกัน พูดจบผมก็ทำหน้าเพลียใส่พี่ปูนไปหนึ่งดอก

“ทำไม!”  ไอ้พี่ปูนก้าวเท้าใกล้เข้ามา สีหน้าบ่งเบิกชัดเจนว่าไม่เห็นด้วยอย่างที่สุด

“ก็พี่หายดีแล้วนี่”  ไม่มีการประชดประชันในน้ำเสียงแต่อย่างใด เพราะถ้าพี่ปูนหายดีแล้วผมจะได้กลับบ้านไปรับใช้แม่กับพี่บ้าง จากมาก็สามวันเข้าไปแล้ว ไม่รู้ว่าต้นไม้ในสวนจะมีใครไปรดน้ำบ้างหรือเปล่า ห้องครัวจะเละเทะขนาดไหน แล้วยังมีเสื้อผ้าที่ป่านนี้คงท่วมสูงเป็นกองพะเนินรอให้ผมไปซักอยู่อีก

อาชีพหลักคือพระเอก งานอดิเรกคือขี้ข้า ช่างเป็นสโลแกนที่ชวนน้ำตาตกจริงๆ

“โอย~”  แล้วจู่ๆ เสียงครวญครางก็ดังขึ้นจากปากคนตรงหน้า ร่างสูงซวนเซเล็กน้อยก้าวถอยหลังตึกตึกไปล้มลงบนที่นอน แล้วตามมาด้วยเสียงไออย่างบ้าคลั่ง  “แค่กๆๆ - อ้อก! - แค่กๆๆ”

ถ้าจะทำขนาดนี้ ไม่ขย้อนลูกกระเดือกออกมาซะเลยล่ะ!

“อย่าเสแสร้งน่าพี่ปูน”  ใจอยากจะด่าด้วยคำอีกคำแต่ดีที่ยั้งปากไว้อยู่  “เลิกเล่นแล้วลงไปกินข้าวซะ จะได้กินยาด้วย”

“โอย~ พี่ปวดหัว”

ผมทำยืนนิ่งไม่สนใจ รอดูว่าไอ้คนเจ้ามารยาจะแสดงต่อไปได้ถึงไหน

“ปวดตัวไปหมด แค่กๆๆ หนาว~ พี่ต้องไข้ขึ้นอีกแน่เลย”

ผมกอดอกนิ่งมองดูการแสดงบนที่นอนต่อไปเงียบๆ แต่ยิ่งผมทำเป็นไม่สนใจมากเท่าไหร่ นักแสดงก็ยิ่งเพิ่มระดับความทุรนทุรายมากขึ้นเท่านั้น มองภาพตรงหน้าแล้วก็ให้ทอดถอนใจออกมา ทำไมถึงได้ทำลายภาพลักษณ์ตัวเองแบบนี้นะ คนที่จริงจัง มาดเฉียบ หล่อเท่ เก่งฉลาด ตอนนี้มันไปอยู่ที่ไหนแล้ว

“ลุง~ “

ความอดทนอันน้อยนิดสิ้นสุดลง ผมจำต้องเดินเข้าไปดูใจคนใกล้ตายใกล้ๆ พอเห็นผมเดินมาหยุดตรงหน้าก็ยิ่งดีดดิ้นกลิ้งไปมายกใหญ่ ได้ข่าวว่าอายุจะสามสิบเข้าไปแล้วนะ ถ้าไม่เกรงใจหน้าตา ก็เกรงใจอายุตัวเองบ้างเถอะ!

“พอได้แล้วน่า”  ผมเอื้อมหยิบโน้ตบุ๊กที่วางทิ้งส่งๆ เอาไว้ขึ้นมาเก็บให้เป็นที่ก่อนที่มันจะถูกทับจนพัง

“ใครว่าพี่แกล้ง”  ว่าแล้วก็ดึงมือผมให้ไปแตะซอกคอ ไอร้อนผะผ่าวบริเวณฝ่ามือที่แตะต้อง แม้จะไม่ได้ร้อนเป็นไฟเหมือนเมื่อคืน แต่ก็ยังนับได้ว่าตัวรุมๆ ของแท้แน่นอน  “เห็นมั้ย พี่ยังตัวร้อนอยู่เลย”

“ก็แล้วทำไมไม่นอนพัก”

“เสร็จงานแล้ว ไม่ทำแล้ว”  ดวงตาคมกระพริบมองผม เว้าวอนเหมือนลูกหมาถูกทิ้งไว้ในกล่องข้างทาง  “อย่าเพิ่งกลับบ้านไม่ได้เหรอ?”

“ผมยังมีแม่กับพี่สาวให้ต้องดูแลนะ”

“แต่ตอนนี้พี่ไม่สบายนี่”

อย่านะไอ้ลุง!! อย่าหลุดยิ้มออกมา เอ็งยังมีคนที่บ้านให้กลับไปดูใจนะ อย่ามาตกหลุมกับไอ้หนุ่มน่าหล่อคนนี้ ถึงจะไม่สบายยังไงแต่ก็ใกล้จะหายดีแล้ว คิดถึงต้นไม้ที่บ้านเอาไว้สิวะ มันจะแห้งตายอยู่แล้ว!

“เนี่ย~ พี่ยังรู้สึกเวียนหัวอยู่เลย”

ไม่ๆๆ อย่าไปยอมแพ้กับสีหน้าอิดโรยของเมีย

“ถ้าไม่ด่วนจริงๆ พี่ไม่ฝืนขึ้นมาทำงานหรอก”

อย่าไปฟังนะพัทลุง! ฮึบเข้าไว้ฮึบๆ

“อยู่กับพี่อีกคืนนะ...”

“ก็ได้”

บัดซบตัวเองจริงๆ!   

อยากจะขยี้หัวตัวเองให้ผมร่วงเหลือเกิน ทำไมผมต้องยอมไอ้บ้านี่อีกแล้วนะ เป็นเมียก็เข้าใจอยู่หรอก แต่ไม่เคยมีแฟนคนไหนมีอิทธิพลกับผมขนาดนี้เลยจริงๆ ให้ตาย แล้วถ้าวันนี้เกิดคุณดาหลาขึ้นเวรจะทำยังไงดี ถ้าทิ้งให้ป้าอยู่บ้านคนเดียวอีก นางยักษ์นั่นต้องแหกอกผมทีหลังแน่ ทำไงดีวะไอ้ลุง? นั่นก็พี่ นี่ก็เมีย สับสนโว้ย! อยากโทรไปปรึกษาพี่อ้อยพี่ฉอดอะ

หลังจากฉีกยิ้มหวานพี่ปูนก็ล้มตัวลงนอนอย่างว่าง่าย เอาเท้าตะกุยผ้าห่มขึ้นมาห่มเองเสร็จสรรพ กระพริบตามองผมซะเชื่อมหวาน ผมแอบกร่นด่าคนเจ้ามารยาในใจทั้งที่หัวใจก็เต้นตุบๆ อุ่นๆ ในอกพิลึก เทียบกับแม่ค้าตำกระเด้งคนนั้นแล้ว แม้พี่ปูนจะไม่ต้องยืนกระเด้งนมใส่แต่ผมก็หวั่นไหวกับมันมากกว่า แน่แล้วมึงไอ้ลุง! นี่เอ็งก้าวเท้าเข้ามาในเส้นทางรักสีรุ้งนี่เต็มตัวแล้วสินะ

“พี่อยากกินอะไรล่ะ”

“กินส้มตำได้”  พี่ปูนตอบอย่างว่าง่าย ผมพยักหน้ายอมรับอย่างง่ายๆ เหมือนกัน ซื้อมาตั้งสามถุง ขืนมันไม่กินผมมิเสียเงินเปล่าเหรอ

“เดี๋ยวผมลงไปเตรียมให้ เสร็จแล้วจะขึ้นมาเรียกนะ”

ก่อนลงผมก็ต้องเดินเก็บของในมือคืนที่อีกครั้ง จากนั้นจึงเดินลงบันไดมาอย่างคนมีเป้าหมาย สิ่งแรกที่จะต้องทำนั่นคือหยิบมือถือแล้วโทรหาคุณดาหลาเพื่อกำหนดชะตาชีวิตตัวเองเสียก่อน ระหว่างรอสายผมก็หยิบผักในตู้เย็นออกมารอการชำแหละ ผักกาดแก้วหัวใหญ่สีเขียวอ่อนๆ ดูกรุบกรอบ ผักกาดคอสสีเขียวสดน่ากิน ตามด้วยมะเขือเทศลูกเล็ก แครอทสีส้มสดใสเหมือนเคลือบแวกซ์ ที่จริงซื้อสำเร็จนั้นจะได้ของหลากหลายและถูกกว่านี้ แถมไม่ต้องเสียเวลาล้างด้วย

“ว่าไงคะคุณลุง”  ไม่นานนักเสียงปลายสายก็ดังขึ้น ผมรีบปล่อยกะละมังใบย่อมในมือที่กำลังเตรียมล้างผักลงอ่าง  “วันนี้จะได้ฤกษ์กลับบ้านหรือยัง? แม่กับคุณป้าให้อภัยแล้วนะคะ”

“แหะๆ”  ผมส่งเสียงหัวเราะแห้งๆ นำไปก่อน คุณดาหลาเล่นดักคอกันอย่างนี้ แล้วผมจะไปต่อยังไงเล่า  “ทำงานอยู่รึเปล่า? เหนื่อยมั้ย? กินอะไรหรือยังครับคุณ”

“แม่เดินจนปวดขาไปหมดแล้ว อยากกินแกงส้มมะรุมจัง พรุ่งนี้แม่ออฟล่ะไปกินสุกี้กันเถอะคุณลุง แล้วก็ช้อปปิ้งกันต่อ แม่เพิ่งได้เงินตกเบิกมาด้วยนะกระเป๋าร้อนฉ่าอยากใช้เงินจะแย่”

ฟังแล้วก็ให้นัยน์ตาร้อนฉ่าบ้าง เป็นข้าราชการที่ไม่มีหนี้สินนี่มันดีเหลือเกินวุ้ย  “ถ้าคุณดาหลาจะยอมซื้อเสื้อให้ลูกสักตัวสองตัว ลุงก็จะไปเป็นพนักงานหิ้วของให้ก็ได้”

“เสื้อผ้าคุณลุงไม่แพง แม่ให้สามตัวก็ยังได้ แต่ถ้าเป็นของคุณป้านี่แม่คงต้องคิดหนัก”

ผมหัวเราะตอบแม่เสียงแห้งกว่าเดิมอีก แค่คิดถึงราคาเสื้อผ้าของป้าแต่ละชุดผมก็ตัวสั่นเป็นแมวโดนน้ำเย็นแล้ว ยี่ห้อดังๆ แพงๆ ทั้งนั้น แต่ผมก็เข้าใจนะ เพราะหน้าที่การงานต้องดูดีอยู่เสมอแถมต้องติดต่องานกับพวกมีเงินมีฐานะ อยู่บริษัทดัง เงินเดือนก็สูง ผมน่ะค่อนแคะป้าในใจตลอดแหละว่า เวลาออกนอกบ้านเหมือนคุณนาย อยู่บ้านเมื่อไหร่เป็นยายเพิ้ง   

“ว่าแต่วันนี้คุณดาหลากลับบ้านรึเปล่า”  ผมวกกลับมาเรื่องที่ตั้งใจไว้ เรียบๆ เคียงๆ ถามด้วยน้ำเสียงปกติ

“ไม่กลับค่ะ แม่เหนื่อยมากขี้เกียจขับรถ”

ซวยล่ะ! หัวสมองผมกำลังคิดหาหนทางจะบอกกับคนปลายสายยังไงดี คุณดาหลาก็พูดต่อคล้ายเพิ่งนึกขึ้นได้  “คุณป้าไปสัมมนาที่ต่างจังหวัดนะคุณลุง ไม่อยู่สองวัน ฝากแม่บอกคุณลุงว่าลูกบิดประตูเสียซื้อมาเปลี่ยนให้ด้วย ตามนั้นนะจ๊ะ”

“ว้า~ งั้นลุงไม่กลับบ้านแล้วกันเนอะ”  ผมรีบตีเสียงเบื่อหน่ายออกไปทันที

“หื๊ม~ คงไม่ใช่ว่าพูดนั่นถามนี่เพื่อหวังผลอย่างนี้หรอกนะ”

“บ้าแล้วคุณดาหลา ฮะฮะฮะ” 

“นั่นสินะ ฮิฮิฮิ คุณลุงตั้งใจจะกลับบ้านวันนี้อยู่แล้วใช่มั้ย”  เสียงคุณพยาบาลคนสวยยังฟังดูหยอกเย้าร่าเริง แต่มวลหนาแน่นของเสียงนั้นเข้มขึ้นอีกครึ่งระดับ ถ้าไม่ได้นอนให้ตบตูดเกาหลังมาตั้งแต่แรกเกิดไม่มีทางแยกแยะเสียงที่เปลี่ยนแปลงแบบนี้ได้หรอก เพราะอย่างนั้นทุกคนถึงได้พูดเป็นเสียงเดียวกันหมดว่าแม่ผมนั้นโกรธใครไม่เป็น

“...ไม่ใช่ครับ”  ผมสารภาพเสียงอ่อย  “ลุงจะบอกแม่ว่าขอค้างข้างนอกอีกคืน”

“เรื่องงานอีกแล้วเหรอ?”

“เปล่าครับ คือว่า...แม่จำพี่ปูนได้รึเปล่า ที่ไปกับลุงวันนั้นน่ะ”

“จำได้ คุณปูนที่เป็นเจ้านายใช่มั้ย ซื้อของมาให้กินตั้งเยอะแยะแม่ยังไม่ได้ตอบแทนเลย”  คุณดาหลานึกได้ไม่ยากเย็น อันที่จริงไม่ว่าใครเจอพี่ปูนก็คงลืมได้ยากจริงๆ แถมคราวนั้นก็ไปแบบสายเปย์อีก  “น้องที่วอร์ดถามใหญ่ว่าเป็นใคร หล่อด้วย ใจป้ำด้วย เอาแต่ถามว่าจะมาอีกเมื่อไหร่จะได้แลกเวรรอ คิกๆ”

แม้แต่คุณพยาบาลก็ยังไม่วายโดนเสน่ห์ของขลังพี่ปูนเล่นงาน ผมได้แต่ยิ้มแห้งๆ ใส่มือถือตัวเอง ไม่รู้ว่าจะโต้ตอบบอกอะไร เงียบฟังคุณดาหลาแกเล่าต่ออีกสองสามประโยค ล้วนแล้วแต่เป็นการสรรเสริญความหล่อของเจ้านายหนุ่มกันปากต่อปาก จนพอใจแล้วถึงได้วกกลับมาที่ประเด็นการพูดคุยอีกครั้ง

“แล้วมันเกี่ยวกับคุณปูนตรงไหนคะ?”

“คือว่า...พี่ปูนป่วยอะแม่ แล้วพี่เขาก็ตัวคนเดียว ไม่มีคนดูแล ลุงก็เลยช่วยอยู่เป็นเพื่อน”

“..........” 

หลังจากการอธิบายแบบรวบรัดตัดความ เสียงจากปลายสายเงียบไปทันที ผมนิ่งรอฟังคำโต้ตอบจากอีกฝ่ายแต่ก็ยังเงียบหายเหมือนสายโดนตัดไปแล้ว

“แม่?”

“...จ้า”  คุณดาหลาลากเสียงยาวด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลเช่นเคย  “แม่เข้าใจแล้ว คุณปูนป่วยเป็นอะไรหรือจ๊ะ?”

“เป็นไข้ ไม่สบายปกติมั้ง? เมื่อคืนผมเช็ดตัวให้ทั้งคืน แต่กินยาไปก็เหมือนดีขึ้นนะ ไข้ลดลงแต่ยังไม่หายสนิทอะ”

“..........”

“แม่ว่าต้องพาไปโรง’บาลมั้ย? แต่พี่ปูนดื้อไม่ยอมไปด้วยเนี่ยสิ”

“..........”

“แม่ว่าไงดี?”

“หืม? อ๋อ~ ถ้ากินยาแล้วมันดีขึ้นก็ไม่ต้องพามาหรอก เดี๋ยวก็หาย”  คุณดาหลาพูดเสียงรัว เสียงเข้มขึ้นอีก 0.03 เปอร์เซ็นต์  “แต่แม่ว่าคุณปูนอายุมากแล้วคงจะดูแลตัวเองเก่ง คุณลุงอยู่จะยิ่งทำให้วุ่นวายรึเปล่า? ไม่ใช่ว่าไปรบกวนคนป่วยหรอกนะ”

“โธ่แม่~ พี่ปูนต่างหากที่เป็นคนรบเร้าอยากจะให้ผมอยู่”  ผมไม่รีรอที่จะพูดแก้หน้าให้ตัวเอง คุณดาหลานี่ช่างไม่รู้อะไรเสียเลย

“...เหรอจ๊ะ”

“พรุ่งนี้ค่อยนัดกันว่ากี่โมงเนอะ ลุงวางสายก่อนนะคุณดาหลา” 

“คุณลุง...พรุ่งนี้แม่ไปรับลุงที่ออฟฟิศเอง โอเคมั้ย?”

“เอางั้นก็ได้ บ๊ายบายฮะคนสวย”

ผมวางโทรศัพท์ลงกับเคาท์เตอร์ครัวด้วยความโล่งอก พร้อมกับถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยอ่อน ไม่คิดเลยว่าตัวเองจะต้องย้อนกลับมาในช่วงวัยเรียนกางเกงดำที่ต้องคอยปกปิดแม่เวลาจะไปไหนกับหญิง แต่จะเรียกว่าไม่พัฒนาเลยก็คงไม่ใช่ เพราะผมเปลี่ยนจากหญิงตัวเล็กมาเป็นชายตัวโต... น่าปลื้มใจมั้ยล่ะ!

กลับมาสู่การตระเตรียมอาหารเย็นอันแสนง่ายดายกันต่อ ผมจัดการหั่นผักทุกอย่างใส่อ่างล้าง เปิดน้ำให้ชะล้างไปเรื่อยๆ แล้วก็หันมาแกะถุงส้มตำลงจาน ตามด้วยการปลอกมะม่วงสุกหอมน่ากินแล้วนำไปใส่ตู้เย็นไว้ก่อน แล้วหมุนตัวกลับไปล้างผักอีกสองหรือสามน้ำจึงวางพักสะเด็ดน้ำให้แห้ง ขั้นตอนหลังจากนั้นไม่มีอะไรยากอีกแล้ว เพียงแค่เทน้ำสลัดสำเร็จรูปที่ซื้อมาลงไป ง่ายดายสุดๆ

.
.
.

ประตูห้องค่อยๆ แง้มเปิด ผมส่องเข้าไปภายในตามรอยแยกเล็กๆ เมื่อเห็นว่าคนบนเตียงยังคงนอนนิ่งอยู่ที่เดิมจึงเปิดกว้างเพื่อเดินเข้าไป พี่ปูนนอนห่มผ้าด้วยท่วงท่าเดิมก่อนผมจะลงไป ดวงตาคู่คมคล้ายจะปิดลงเพื่อการผ่อนคลายเท่านั้น เพราะเมื่อผมนั่งลงในที่ว่างบนเตียงตาคู่นั้นก็ลืมขึ้นมองผมทันที ไร้ความง่วงงุน มีแต่ความสดใสจนคนมองอย่างผมแสบตา

“ลงไปกินข้าวกัน”

“อืม -- อ๊ะ!!”  คนนอนรับคำอย่างว่าง่าย แต่วินาทีต่อมากลับส่งเสียงร้องสั้นๆ คล้ายเพิ่งนึกบางเรื่องออก

“อะไร?”

“ตั้งแต่กลับมายังไม่จูบพี่เลย!”  สีหน้าตอนพูดออกมานั้น จริงจังเสียจนผมต้องพ่นลมหายใจออกมา

“มาๆๆ ยื่นปากมา”  พี่ปูนหัวเราะเบาๆ กับสีหน้าสุดเซ็งของผม แต่ก็ยังคว้าคอผมลงไปจูบอย่างหน้าตาเฉย

ผมขยับตัวเล็กน้อยเพื่อหาท่วงท่าที่จะไม่ทำให้เมื่อยขบทีหลัง ขณะที่ริมฝีปากก็บดคลึงกันเพียงผิวเผินคล้ายการอุ่นเครื่อง ผมไม่ต้องเปลืองอารมณ์คิดเลยว่าจะหยอกเอินอีกฝ่ายอย่างไร เพราะพี่ปูนนั้นไม่เว้นช่วงให้ผมเริ่มต้นความเป็นผู้นำเลย ริมฝีปากบางที่ออกจะคล้ำสักเล็กน้อยนั้นตะโบมจุบไปทั่วใบหน้าผมราวกับตายอดตายอยาก ผมมีหน้าที่แค่เอียงหน้ารับ เอียงคอเปิดให้เท่านั้น

 ต่อเมื่อพอใจ พี่ปูนจึงล็อกหน้าผมไว้ด้วยสองมือใหญ่เพื่อมอบจูบที่ลึกล้ำกว่าเดิม เรียวลิ้นอุ่นชื้นแทรกซอนกลิ่นมิ้นต์หอมสดชื่นเข้ามาในโพรงปาก การที่ได้ลิ้มรสความสะอาดทำให้ผมอดกระดากอายไม่ได้กับรสชาติหมูตกครกที่แอบจกกินไปก่อนหน้า ผมอยากจะผละหน้าออกมาเพื่อถามว่ารสชาตินั้นพอทานได้มั้ย? แต่พี่ปูนกลับไม่ปล่อยให้ริมฝีปากผมเอื้อนเอ่ยคำใดเลยนอกจากเสียงครางเบาๆ ในลำคอ

เราสูดหายใจพร้อมกันราวกับนัดหมายเพื่อโกยอากาศ จากนั้นเสียงระคายหูก็ดังขึ้นอีกครั้งเมื่อริมฝีปากสัมผัสดูดดื่มกันอีกหน ผมไม่ได้รู้สึกโหยหาอยากจะจูบพี่ปูนเป็นพิเศษ แต่ไม่รู้ทำไมพอได้จูบกันแล้วมันถึงได้ห้ามตัวเองได้ยากเหลือเกิน ถ้าไม่ใช่เพราะว่าผมกลายเป็นเกย์อย่างสมบูรณ์แล้ว ก็ต้องเพราะพี่ปูนเก่งเกินไปนั่นแหละ ทำให้หัวผมเบลอไปหมด ได้แต่ไขว่คว้ายึดตัวพี่ปูนเอาไว้แน่น

“อืม~”  เสียงคนใต้ร่างผมครางอย่างสุขสม ผมมองนัยน์ตาเชื่อมหวานเมื่อผละออกจากกัน ดวงตาคมระยิบระยับอย่างพออกพอใจ ตามประสาพ่อบ้านที่ดีล่ะครับ เห็นเมียมีความสุข ผมก็อดยิ้มออกมาบ้างไม่ได้

“อีกนะ”  พี่ปูนอ้อนเสียงอ่อย ไม่ใช่เรื่องที่เกินคาดเดาเท่าไหร่ ก็เล่นจูบกันซะขนาดนี้ อย่าว่าแต่เป้าพี่ปูนนูนขึ้นมาเลย หนอนน้อยของผมก็มีปฏิกิริยาเช่นเดียวกัน

“ไปกินข้าวก่อน”  ผมพยายามหลบตาหลีกเลี่ยง ทั้งที่ความจริงก็เริ่มคล้อยตามนิดๆ

“น่านะ”

“ไม่เอา!” 

“นิดนึง”

“ไม่...”  เสียงปฏิเสธเบาลงเรื่อยๆ ไร้ความหนักแน่นอย่างที่ควรเป็น ไอ้พี่ปูนมันคงเริ่มจับทางได้จึงรวบตัวผมพลิกมากอดแน่น เกี่ยวขากอดก่ายให้แตงกวากับสะโพกได้เซย์ฮัลโหลกัน มาถึงขั้นนี้แล้วผมก็พยายามขัดขืนให้พอเป็นพิธี คล้ายจะไม่ต้องการแต่ก็ยอมตามใจ แสร้งทำเสียงจิ๊จ๊ะอีกเล็กน้อยแบบไว้ตัว

“จิ๊! อะๆ ก็ได้”  ไม่รู้เสแสร้งสำเร็จมั้ย แต่พี่ปูนมันก็ยิ้มขำผมอยู่ข้างๆ หู  “แต่ผมทำให้เองตกลงมั้ย! อยู่นิ่งๆ ห้ามหยิบจับอะไรทั้งสิ้น”

“รับทราบ”  พี่ปูนรับขำเสียงเจือหัวเราะ ก่อนจะพลิกตัวนอนหงายเหยียดขายาวอย่างเชื่อฟังเรียกความหมั่นไส้ให้ผุดขึ้นมา ยิ่งเห็นใบหน้าหล่อๆ ผงกหัวเร่งยิกๆ ก็ยิ่งทำให้อารมณ์วาบหวิวมอดลงเสียดื้อๆ ใจอยากจะหยิบหมอนมากดหน้าให้สาแก่ใจ แต่เห็นแตงกวากลายพันธุ์ที่เป้ากางเกงตรงหน้าก็ตัดใจทำไม่ลง

ผมมองพี่ปูนอย่างชั่งใจ สายตาเร่งเร้าของพี่แกเริ่มแปลเปลี่ยนเป็นร้องขอเมื่อเห็นว่าผมเริ่มลังเลใจ แต่เมื่อผมเริ่มกระเถิบเข้าไปใกล้ เริ่มเอื้อมมือไปลูบเบาๆ ที่เป้านูนเด่น สายตาคู่เดิมก็เปลี่ยนมาทอประกายความตื่นเต้นในทันที

แตงกวาเริ่มเปลี่ยนขนาดในทุกครั้งที่ผมลูบคลำมันผ่านเนื้อผ้าบางๆ สองชั้น แม้จะมีกางเกงในกักกันไว้ได้บ้างแต่ดูจากที่มันปูดโป่งจนน่ากลัวจะระเบิดนั้น ผมคงประวิงเวลาหยอกล้อแค่เพียงภายนอกไม่ได้นาน จากความกระสับกระส่ายที่เห็น อีกไม่ช้าพี่ปูนจะต้องหมดความอดทนแน่ แต่เพราะรับปากผมเอาไว้แล้วถึงยังยอมกัดฟันอดทนอยู่

หรือนี่จะเป็นโอกาสอันดีที่ผมจะได้ประกาศศักดา


V
v
v
[มีต่อจ้ะ]

ออฟไลน์ L@DYMELLOW

  • กำลังงงๆ เพราะหาทางลงจาก “คาน” ไม่เจอ
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 356
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +826/-4
    • facebook
[ต่อจ้า]



ปกติแล้วพี่ปูนตัวใหญ่อย่างกับควายไบซัน ไม่นับว่าตลอดเวลาที่จู๋จี๋กันผมต้องตกเป็นรอง ซ้ำยังไม่ยอมให้ผมยุ่งวุ่นวายกับก้นมันอีกต่างหาก ใช่แล้ว! นี่คงเป็นช่วงจังหวะที่ฟ้ามอบให้กับผม ที่จะทำให้พี่ปูนรู้ซึ้งว่าใครกันแน่ที่อยู่บน ใครกันที่ต้องร้องไห้กระซิกอยู่ข้างล่าง นับจากคืนที่ได้เสียกันแบบจำไม่ได้นั้นก็นับว่าผ่านมาพอสมควรแล้ว ตลอดมาก็แค่ผลัดกันจับให้แตงกับหนอนได้สนิทสนมกันแค่นั้น แต่ถ้าชีวิตคู่ทำได้เพียงเท่านี้มันก็เหมือนกับเวลากินไข่ดาวแต่ไม่ได้เจาะไข่แดงน่ะสิ!

ผมอุตส่าห์เดินเข้ามาในหนทางสายนี้แล้ว ถ้าไปไม่สุดทางผมจะเป็นชายเหนือชายได้ยังไง

“พี่ปูน...”  ว่าแล้วผมก็ปรับเปลี่ยนสีหน้าโดยซ่อนรอยยิ้มชั่วร้ายเอาไว้ แม้จะดูเลวไปหน่อยที่คิดรังแกคนป่วย แต่ถ้าไม่เริ่มตอนนี้ก็เหลือแต่ลักหลับอย่างเดียวแล้วล่ะ!

พี่ปูนขมวดคิ้วมองฝ่ามืออีกข้างของผมที่ยกขึ้นลูบไล้หน้าอกกว้างไปมา สองตามองสบผมอย่างไม่เข้าใจ  “ทำอะไร?”

“พี่เคยได้ยินรึเปล่า”  ผมว่าพลางนึกถึงคำพูดจากหนังเอวีที่เคยดู  “เขาว่าถ้าคนป่วยได้เหงื่อออกซะบ้างจะหายเร็วล่ะ”

แล้วนางเอกเอวีเรื่องนั้นทำยังไงหลังจากพูดประโยคนี้น่ะเหรอ? แม่เจ้าประคุณก็ทำหน้ายั่วยวนโดยการหลิ่วตาพลางกัดริมฝีปากอย่างยั่วเย้า

“เจ็บตาเหรอลุง?”

แล้วก็แลบลิ้นเลียริมฝีปากอย่างเร่าร้อน พร้อมกับปลดกระดุมเสื้อตัวเองไปด้วย

“หิวน้ำเหรอ? ร้อนใช่มั้ย?”  มีความขำในน้ำเสียง แต่ผมก็หาใส่ใจไม่

เอ...จากนั้นก็กระโดดขึ้นคร่อม โยกตัวไปมาพลางถอดเสื้ออีกฝ่ายสินะ

“หึหึหึ”

ผมทำเป็นไม่สนใจเสียงหัวเราะแปลกๆ เพราะพยายามนึกถึงเรื่องในหัว แล้วไงต่อวะ?  อ้อ! แล้วก็เอื้อมมือไปควักแตงจากทางด้านหลังออกมาจากกางเกงแล้วก็ปั้นให้ขึ้นรูป 

“อะ! อื้ม~”  พี่ปูนส่งเสียงครางยาวออกมา ดวงตาคมหลับพริ้มปล่อยให้ผมปรนเปรอแตงร้านด้วยความสุข  “อะไรน่ะ...อา...บริการพิเศษรึไง”

“เอ่อ ก็...พี่จะได้หายเร็วๆ ไง”  พูดไปพลางมือก็ขยันนวดไปด้วย ชั่วอึดใจเจ้าแตงกวาน้อยๆ ก็เติบโตเป็นแตงร้านผลใหญ่ยาวที่แข็งแรงขึ้นเรื่อยๆ ผมลอบกลืนน้ำลายกับความมโหฬารทางด้านหลัง แต่คนมันเคยเผชิญหน้ากันมาแล้วความกลัวก็ย่อมลดลงบ้าง

“อา...ลุง อืม...เร็วอีก”  เสียงทุ้มต่ำครางไม่หยุดปาก ใบหน้าแดงระเรื่อบิดส่ายไปมาด้วยความซ่านเสียวที่ผมมอบให้ ...หึหึหึ นานแล้วที่ผมไม่ได้รู้สึกเหนือกว่าแบบนี้ ตั้งแต่คบพี่ปูนมา ชีวิตผมถูกกดลงที่นอนก่อนตลอด วันนี้แหละ! ฮะฮะฮะ!!

ปุริมเอ๋ย! ข้าจะยัดเยียดความเป็นผัวให้กับเอ็ง

ภารกิจเริ่มโดยการปัดถุงหม้อข้าวหม้อแกงลิงออกไปให้พ้นทางเสียก่อน จากนั้นก็ลากปลายนิ้วลงไปตามหลืบร่อง ยิ่งเห็นพี่ปูนครางซี๊ดแอ่นตัวขึ้นผมยิ่งได้ใจถูนิ้วไปมา ขนอ่อนโดยรอบสร้างความจั๊กจี้ให้เล็กน้อยแต่โดยรวมแล้วนับว่าน่าสนุกไม่เบากับการกรุยพงขนเล่น

“อย่า...อา...”  พี่ปูนส่งเสียงห้ามทั้งที่ยังครางอย่างเสียวซ่าน แต่มีหรือที่ผมจะยอมหยุดง่ายๆ ในเมื่อหลุมสมบัติอยู่ตรงหน้า ผมคงต้องขอเข้าไปดูหน่อยล่ะว่ามีทองอยู่หรือเปล่า!

ปลายนิ้วแหวกพงขนอ่อนเหมือนแหวกกอหญ้า ผมยิ้มกริ่มให้กับคนใต้ร่างที่เบิกตามองผมด้วยความตกใจ นิ้วชี้ค้นพบเป้าหมายเหมือนงูที่เจอเหยื่อ ผมมองพี่ปูนที่กำลังขบกรามแน่น อีกไม่กี่วินาทีต่อจากนี้พี่ปูนจะได้ลิ้มรสความเป็นเมียอีกครั้ง ฮะฮะฮะ!

ถ้าตัดภาพเป็นสโลว์โมชั่น ผมกำลังยิ้มเย้ยยุทธจักร พร้อมกับกดปลายนิ้วลงบนปากถ้ำ แต่จู่ๆ โลกกลับตาลปัตรหมุนพลิกอย่างไม่ทันตั้งตัว คนที่เคยทำตาโตมองผมจากทางด้านล่างก็กลับมายิ้มเหี้ยมมองผมจากทางด้านบน ขาที่เคยคร่อมเขาอยู่ ก็ดันกลายมาเป็นอ้ากว้างให้เขาคร่อมอย่างง่ายดาย ผมได้แต่เบิกตาค้าง อ้าปากพะงาบๆ อมลม

ฉิบหายแล้ว!!

“อยากจะทำอะไรพี่เหรอพัทลุง?”  ไอ้พี่ปูนเหยียดยิ้มมองผมด้วยสายตาวาววับ สถานการณ์ไม่ปลอดภัยอย่างร้ายแรง ผมจึงพยายามดิ้นหนีอย่างสุดความสามารถ  “ไม่ดิ้นสิ เริ่มแล้วต้องต่อให้จบรู้รึเปล่า”

แต่ที่ผมอยาก ‘ต่อ’ มันไม่ใช่แบบนี้!

“พี่ก็ยอมผมสักทีสิ” 

“พี่ก็ยอมลุงตลอดนะ”  เห็นเมียตัวเองทำท่าเอียงคอย้อนคำหน้าซื่อตาใส หัวสมองผมถึงกับเดือดปุดๆ   

“ถ้าพี่ยอมแล้วผมจะมาอยู่สภาพนี้เรอะ!”  ผมได้แต่ขบเขี้ยวเคี้ยวฟันพูดออกไป แต่ใบหน้าคนฟังก็ยังระบายยิ้มยียวนได้อย่างต่อเนื่อง  “ยอมลุงซะอย่าขัดขืน! นี่คือการปล้ำ!!”


พรืด!


นอกจากจะไม่ตื่นกลัวแล้ว ไอ้พี่ปูนมันยังพ่นหัวเราะใส่หน้าจนน้ำลายกระเด็นตกเป็นดวง ไร้ซึ่งความเคารพยำเกรงเหลือจะกล่าว...สีหน้าลุงจริงจังไม่พอรึไงกัน อย่างน้อยก็มองที่แววตาอันแสนจะแน่วแน่สองข้างนี้ก็ได้ มันลุกโชนด้วยไฟร้อนแรงขนาดเผาไก่สดจนกลายเป็นไก่ย่างได้เลยนะ ก็แค่มีอะไรกันเท่านั้นเองไม่ใช่ครั้งแรกสักหน่อย ไม่รู้จะหวงตัวหวงถ้ำไว้ทำไม หนอนน้อยน่ารักของลุงคงไม่ทำให้เจ็บปวดอะไรมากมายนักหรอก... เอาเลยซี่!! ขำมันเข้าไป ขอให้ลิ้นไก่จุกคอตายไปเลย

“อย่าทำหน้าตูมสิลุง”

“ก็พี่หัวเราะผมอะ!”  ผมสะบัดหน้าหนีรอยยิ้มเจิดจ้า เจ็บใจจนในอกมันกรุ่นไปหมด ทำไมกับผู้ชายมันถึงได้มีอะไรกันยากเย็นขนาดนี้นะ

“พี่ขอโทษนะ”  ปากว่างั้น แต่น้ำเสียงกับสีหน้าไม่ได้ไปในทางเดียวกันเลย พี่ปูนอมยิ้มจนแก้มแทบปริ พลางก้มลงหอมแก้มเอาใจผมอีกหลายฟอด  “แค่ไม่คิดว่าจู่ๆ ลุงจะรุกพี่”

“ก็ผมเป็นผู้ชาย และพี่เป็นเมียผมนะ”

“อืม...”  หาใช่คำตอบรับ แต่เป็นเสียงการใช้ความคิดชนิดหนักมาก พี่ปูนหลับตาปี๋ เม้มริมฝีปากแน่นอย่างกับกลัวว่าจะหลุดปากอะไรออกมา ผมมองคนทำหัวผงกไปผงกมาอยู่หลายอึดใจ ขณะที่คิดว่าเริ่มทนไม่ไหว พี่ปูนก็พลันบรรลุเหมือนอิกคิวซังที่ทำหัวปิ๊งเหมือนคิดอะไรออก

แต่ทำไมจู่ๆ ผมถึงขนลุกซู่ไปทั่วตัวก็ไม่รู้...

“พี่ไม่อยากจะบอกให้ลุงกลัวหรอกนะ”  พี่ปูนทำสีหน้าลำบากใจเต็มที่  “แต่วิธีทำเซ็กส์กับผู้ชายน่ะ ไม่เหมือนเวลาทำกับผู้หญิงหรอกนะ”

ม...ไม่เหมือนกันยังไงฟะ!! ผมร่ำร้องอยู่ในใจ แต่ไม่กล้าแย้งออกไปเสียงดัง เพราะครั้งนั้นที่ทำกับพี่ปูนไป ผมจำไม่ได้เลยสักนิด

“กับผู้ชายน่ะ ต้องรู้ก่อนว่าจุดไหนบ้างที่กระตุ้นแล้วจะเกิดอารมณ์”  พี่ปูนเอ่ยเสียงยั่วยวน นัยน์ตาดำขลับจับจ้องผมคล้ายกำลังสะกดจิต ผมมองตอบความลึกลับนั้นจนกระทั่งมันเลื่อนหายเข้ามาใกล้ และแปรเปลี่ยนเป็นริมฝีปากชุ่มร้อน ปลายลิ้นฉกกระหวัดรัดพันจนเสียวพล่านไปทั่วท้องน้อย

“ตรงหน้าอกน่ารักๆ เนี่ย ก็ต้องปรนเปรอมันก่อน”  เสียงกระซิบแหบพร่าเลื่อนไกลออกไป ผมสั่นระริกอย่างห้ามไม่อยู่เมื่อความอุ่นนุ่มที่เพิ่งลิ้มรสนั้นเปลี่ยนมาครอบครองยอดอกแบนราบ

“ไม่เอาแล้วพี่ปูน...”  ผมพยายามกลั้นเสียงครางเพื่อเอ่ยห้าม ทั้งที่ร่างกายนั้นเสียววาบจนต้องแอ่นหน้าอกขึ้นประเคนให้อย่างควบคุมตัวเองไม่อยู่

ผมอยากจะดิ้นหนี อยากจะพลิกตัวกลับมาเป็นฝ่ายได้เปรียบ แต่ชั้นเชิงในศึกครั้งนี้ผมเทียบไม่ได้เลย

“แล้วก็ตรงนี้...”  พูดไปพลางงับนมผมไปพลาง มือก็ล้วงไปปลดกระดุมกางเกงผมออกอย่างง่ายดาย ดึงๆ ร่นๆ โดยมีผมกระดกก้นลอยให้อย่างเต็มใจ รวดเร็วปานสายฟ้าแลบ หนอนน้อยน่ารักก็ดีดผึงออกมาสูดอากาศชุ่มปอด พี่ปูนไม่รอช้าที่จะคว้าหัวหนอนไปบดคลึงด้วยนิ้วโป้ง ชักพาเป็นจังหวะชาวร๊อคจนน้องหนอนน้ำตาซึมเบาๆ

“อื้อ~ ปุริม...”  เสียงครางหวิวเรียกชื่อเมียดังระงม ในปฐพีนี้จะมีผัวที่ไหนอนาถเท่าผมบ้าง

“ลุงอยากรู้มั้ยว่าตรงไหนที่จะทำให้รู้สึกดีที่สุด”  เสียงพี่ปูนนับว่ากระเส่ามาเมื่อยืดตัวขึ้นมาเพื่อจูบผมอีกครั้ง สีหน้านั้นเต็มไปด้วยความหื่นกระหายที่พยายามสะกดเอาไว้ แววตาคล้ายจะแผดเผาใบหน้าผมให้เป็นจุล  ผมไม่รู้ว่าควรจะพยักหน้าหรือส่ายหน้าปฏิเสธดี แต่มันสำคัญตรงไหนในเมื่อพี่ปูนไม่ได้อยากจะถามเพื่อเอาคำตอบเสียหน่อย

ร่างกายผมสั่นด้วยความกลัวในทันทีที่ถุงหม้อข้าวหม้อแกงลิงของตัวเองถูกลูบไล้ พี่ปูนเดาะมันด้วยนิ้วเหมือนลูกฟุตบอลหากว่านุ่มนวลกว่ามาก หยอกล้อมันไม่กี่ทีก็โกยมันให้พ้นทาง สูตรวงเวียนชีวิตนี้มันช่างน่ากลัวเหลือเกิน เมื่อตะกี้ผมยังเพิ่งหยอกล้อกับพี่ปูนแบบเดียวกันนี้อยู่เลย ใครจะไปคิดว่าตอนนี้จะกลายเป็นผมที่ต้องมาจ้องหน้าไอ้พี่ปูนด้วยความตกใจปนหวาดกลัวแทน

คราวนี้ผมรู้แล้วว่าตัวเองควรจะต้องส่ายหน้าปฏิเสธให้คอเคล็ดกันไปข้าง!

“อันดับแรกลุงต้องรู้ก่อนสิว่าจุดไหนที่จะทำให้รู้สึกดี”

“ไม่เอาๆ”  เสียงร้องดังก้อง แต่พี่ปูนไม่สนใจ ยังคงมองผมด้วยแววตากระหายอยาก กดปลายนิ้วลงบนปากหลุมช้าๆ ไม่ได้ทำการทลายด่านเข้าไปเพียงแต่หยอกล้อถูไถความยับย่นเท่านั้น

“ถ้าไม่เรียนรู้ด้วยตัวเองก่อน ลุงก็ทำพี่เจ็บน่ะสิ”

ผมเริ่มจะเข้าใจแล้วว่าทำไมเวลานางเอกโดนปล้ำถึงได้มือไม้อ่อนไร้เรี่ยวแรงนัก ความกลัวคือสาเหตุหลัก แต่นอกนั้นมันคือบทบาทการแสดง แต่สำหรับผมนั้น ความกลัวมีมากเทียบเท่ากับความเสียว ผมท้าให้รื้อละครทุกช่องมาดูเลย คงไม่มีนางเอกเรื่องไหนถูกดูดนมจนแดง แถมยังแบะขาอ้าแตงให้ขยี้อย่างนี้หรอก ผมกำลังจะถูกปล้ำ แถมสถานภาพยังเทียบเคียงนางเอกไม่ได้แม้แต่น้อย

“ไม่เอานะปุริม ลุงไม่เล่นแล้ว”  เสียงผมสั่นจนใกล้จะน้ำปริ่มขอบตาอยู่รอมร่อ หวนนึกไปถึงข้อต่อรองที่เคยใช้ได้ผลเมื่อไม่กี่วันก่อน  “พอเหอะนะ เดี๋ยวลุงอมให้...นะ”

“พูดเรื่องที่แน่นอนอยู่แล้วทำไม”

ไอ้หะ-เรี่ย!!

อย่างนี้สินะที่ใครเขาว่ากันไว้ ว่าอะไรที่เคยให้ไปก็ยากจะเอากลับคืน ทำครั้งที่หนึ่งได้ ครั้งที่สองก็กลายเป็นเรื่องธรรมดา

“ไม่เอา!! อย่ามาตอแหลนะปุริม ตอนทำกับผู้หญิงไม่เห็นจะต้องมาทำอะไรแบบนี้เลย”  ผมเริ่มดิ้นอย่างจริงจังเพิ่มอีก 0.5% เพราะติดที่หนอนรักถูกจับเป็นตัวประกัน เห็นลูกรักกำลังร้องไห้น้ำตานอง คนเป็นพ่ออย่างผมก็ทรมานใจเหลือจะเอ่ย ทำได้เพียงกร่นด่าไอ้โจรชั่วด้วยเสียงคราง  “อ๊ะ! อ่ะ เอี้ย~”

“ลุงเคยทำกับผู้ชายมาก่อนเหรอ?”

“ไม่เคยโว้ย! อ๊า~”

“แต่พี่เคยนี่ แล้วลุงมารู้ดีเถียงพี่ได้ยังไง”

อยากตะกรุยหน้าคนด้วยปลายเท้าจังโว้ย!!

“ผมไม่เชื่อพี่หรอก อ๊าก!! จะบีบทำไมวะ”  ผมตัวงอเป็นกุ้งทันที มันเป็นความรู้สึกจุกปนหน่วงระคนความเสียวเล็กๆ แต่ทำให้สูญค่าพลังลงไปมากโข ผมเลยกลายเป็นคนสิ้นไร้เรี่ยวแรงนอนแผ่เป็นตุ๊กตายาง

“ถ้าไม่เชื่อนะ พี่จะให้ดูตัวอย่าง”  ว่าแล้วไอ้โจรใจบาปก็ปล่อยมือจากสิ่งละอันพันละน้อยของผม เอี้ยวตัวไปหยิบโน้ตบุ๊กที่ผมวางเอาไว้ที่ตู้ข้างเตียง ได้มาแล้วก็ยังจะเอาหน้าท้องผมทำเป็นฐานวาง เลื่อนๆ กดๆ อยู่สักพักก็เอากลับไปวางที่เดิม เพียงแต่คราวนี้หน้าจอถูกเปิดออกพร้อมกับภาพและเสียงที่กำลังเล่นอยู่

“ซี๊ดดด อา!”

พี่ปูนอมยิ้มชั่วร้ายมองผมด้วยแววตาระยิบระยับน่าขนลุก จากนั้นก็ซุกหน้าลงกับซอกคอผมเพื่อปลุกเร้าอารมณ์อีกครั้ง แต่สายตาผมกับถูกตรึงอยู่ที่คลิปวีดิโอที่กำลังเล่นอยู่ตรงหน้า สาบานเลยว่าดวงตาแทบจะถลนออกมานอกเบ้า ภายในหน้าจอนั้นปรากฏภาพหนังทุนต่ำที่ของชายกับชาย รูปร่างเต็มไปด้วยมัดกล้ามประหนึ่งหมีสองตัว หมีตัวที่หนึ่งกำลังอัดป้าบๆ อย่างเมามัน พากันส่งเสียงครางกระเส่าห้าวต่ำ

“อื้อ~ อืม~”  นอกจอผมก็ถูกไซ้จนแสบผิว ยอดอกก็เริ่มเจ็บแปล๊บทั้งสองข้าง แต่ผมก็ยังไร้สุ้มเสียงห้ามปราม

สิ่งที่ขาดไม่ได้เลยในชีวิตชายโสดคือคลิปโป๊ ไม่อยากจะอวดอ้างหรอกนะว่าผมมีคลังเก็บเอาไว้แก้เบื่อมากมายกี่ร้อยพันคลิป แต่ภาพเคลื่อนไหวตรงหน้านี้คือครั้งแรกที่ผมได้เห็นจะๆ ตา มันดูแข็งแร่ง รุนแรงและดิบเถื่อน เสียงร้องครางก็ไม่ได้น่าฟังเลยแม้แต่น้อย แต่...

เชี่ย!!

ภาพตรงหน้ามาถึงจุดที่หมีตัวที่หนึ่งเสร็จสมอารมณ์หมาย กำลังแช่นิ่งฟินได้ไม่เท่าไหร่ ไอ้หมีตัวที่สองก็พลิกตัวเพื่อขึ้นมาคร่อมบนแทน จากนั้นมันก็ทำการป้ายบางอย่างจากตรงก้นตัวเองมาสู่ก้นหมีตัวที่หนึ่ง เชี่ยๆ!!! แล้วมันก็ทำการจ้วงนิ้วลงไป ไอ้หมีตัวที่หนึ่งก็ฉีกขาทำหน้าเสียวไปสิ -- ไม่ๆ นี่มันไม่ใช่เรื่องจริง!

“พี่ปูน... ไม่เอานะ” 

“ถ้ายังไม่เชื่อจะลองโทรถามเพื่อนดูก็ได้นะ” 

ผมมีเพื่อนเป็นเกย์ซะที่ไหนกัน!

เมื่อเห็นผมปิดปากเงียบ พี่ปูนก็เริ่มทำเสียงอ้อนอีกครั้ง  “แค่นิ้วเอง พี่ยังไม่เอาของพี่ใส่เข้าไปหรอก”

“จริงนะ”

“สัญญาเลย”

“ถ้าผิดคำพูด ลุงจะตบปุริมให้หัวสั่นเลย”  ผมเอ่ยสำทับด้วยน้ำเสียงเข่นเขี้ยว พี่ปูนไม่พูดอะไรต่อนอกจากก้มหน้าลงดูดปากผมดังจ๊วบ ร่างหนาเอี้ยวตัวอีกครั้ง คราวนี้เป้าหมายอยู่ที่ลิ้นชักของตู้ข้างเตียงฝั่งเดิม

ผมที่ไม่อยากจะมองเห็นอะไรอีกก็ถึงคราวหลับตาลงอย่างตรอมตรม เพียงแค่เสียงที่ผ่านเข้าหูกับรสสัมผัสก็เกินพอแล้ว น้ำหนักที่ทับร่างอยู่หายไป แต่จากท่อนล่างที่ถูกจัดท่าทาง ถูกลูบไล้ไม่เว้นว่าง ทำให้รู้ว่าพี่ปูนไม่ได้หายไปไหนเลย ตามมาด้วยเสียงเป๊าะเบาๆ และไม่กี่วิต่อมาผมก็รู้ทันทีว่ามันเป็นเสียงเปิดฝาของอะไร

ผมเลื่อนสองมือปิดหน้าตัวเองแน่นยามที่เนื้อเจลเย็นๆ ตะต้องที่หน้าหลุม ขนแขนลุกพรึ่บเหมือนโดนไฟฟ้าสถิต ปลายนิ้วอุ่นๆ นวดเนื้อเจลลื่นๆ วนถูไปมาให้รอยหยักจีบรอบปากหลุมนั้นอ่อนนุ่มลง ผมพยายามกลั้นเสียงครางหวิวที่เกือบจะหลุดออกมาจากริมฝีปาก

ความหนักทาบทับลงมาบนตัวผมอีกครั้ง เสียงลมหายใจของพี่ปูนแรงถี่ขึ้นจากอารมณ์ที่พุ่งสูง โดยมีประจักษ์พยานเป็นของร้อนที่พาดแนบหน้าท้องผมอยู่ในตอนนี้ แตงร้านของพี่ปูนร้อนผ่าวแถมยังแข็งเป็นหิน

“จับให้พี่หน่อย”  มือข้างหนึ่งถูกบังคับเลื่อนลงไปทำหน้าที่ ผมก็ไม่ลีลาท่ามากอะไร เมื่อผมกุมแตงออกแรงบีบเบาๆ ปลายนิ้วทางตอนใต้ก็จ้วงเข้าไปในหลุมเชื่องช้า

“อื้อ!”  ผมสะดุ้งเล็กน้อย เมื่อข้อนิ้วไถลเข้าไปลึกล้ำขึ้น จะว่าเจ็บก็ไม่ใช่ แต่จะบอกว่าไม่เจ็บเลยก็ฟังดูโกหกไป เอาเป็นว่ามันแปลกจนบรรยายไม่ถูก ในก้นผมไม่เคยลื่นเหนอะหนะแบบนี้ ไม่เคยมีของอะไรที่ไม่ใช่ขี้ผ่านเข้าออกมาก่อน

“เจ็บมั้ย?”  ผมส่ายหน้าให้กับเสียงกระซิบถามข้างหู  “ผ่อนคลายนะ ลุงรัดนิ้วพี่เสียแน่นเลย”

“ผมทำไม่ได้” 

“จูบพี่นะ...”  พี่ปูนจับมือผมออกจากใบหน้าให้เปลี่ยนมาโน้มตัวเองคอแทน ก่อนจะแนบริมฝีปากอุ่นร้อนลงมาบดจูบ มือข้างที่ว่างก็เลื่อนลงไปเล่นกับหนอนน้อยที่เกือบจะอ่อนปวกเปียกของผม

เสียงร้องครางยังไม่ทันหลุดออกจากปากก็ถูกสูบหายไปด้วยเรียวลิ้นแสนช่ำชอง ระลอกแล้วระลอกเล่า ยามที่นิ้วแข็งแรงโจนจ้วงเข้าสู่ภายในมันไม่ได้รู้สึกแย่เพียงอย่างเดียวอีกต่อไป ความรู้สึกบางอย่างร่วมปะทุเบ่งบาน ร่างผมสั่นสะท้านอย่างห้ามไม่อยู่ ผมกลัว...แต่มันเป็นความกลัวที่ถูกความกระสันครอบทับอีกที

“ตรงนี้...”  พี่ปูนอมยิ้มบางตรงมุมปาก กระซิบพูดกับผมขณะที่กำลังถูนิ้วกับจุดหนึ่งในช่องทางที่ทำให้ผมหลุดเสียงครางออกมา  “รู้สึกดีรึเปล่า? หืม...ว่าไงครับ”

“พี่ปูน...อ๊ะๆ...พี่ปูน...”  ในหัวหมุนติ้ว ร่างกายไร้การควบคุม หลักยึดเดียวที่อยู่ในสำนึกคือการกอดก่ายพี่ปูนเอาไว้

“ตรงนี้คือบริเวณต่อมลูกหมาก เป็นจุด G-Spot ของผู้ชาย”  พี่ปูนบรรยายด้วยน้ำเสียงกระเหี้ยนกระหือรือมาก  “ถ้านวดกระตุ้นไปเรื่อยๆ ลุงก็จะถึงจุด อา...พี่ชอบสีหน้าของลุงตอนนี้ชะมัด”

ผมไม่รู้หรอกว่าตัวเองทำสีหน้าแบบไหนอยู่ รู้เพียงแต่ว่าใบหน้านั้นร้อนฉ่าเหมือนเลือดพร้อมใจกันไปกองอยู่ตรงนั้น ผมไม่กล้าก้มมองพื้นที่เกิดเหตุที่สร้างความเสียวอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน เลยจงใจจดจ่ออยู่กับริมฝีปากนิ่ม ไล่งับลิ้นที่อยู่ในปากแทน

“รู้สึกดีมั้ย?”

ผมว่าแค่เสียงร้องครางอย่างห้ามปากตัวเองไม่ได้ก็น่าจะเป็นคำตอบที่ดีแล้วนะ แต่ก็ยังจะถามย้ำให้อายซ้ำอายซ้อนทำไมวะ!

“พี่ใส่เพิ่มอีกนิ้วนะ”

“อื้ม~ อือ~ อือ...”

“ชอบรึเปล่า?”

“อึ๊! อ๊า~ อ๊ะ...อ๊ะ...”

“เสียวมั้ย?”


พอกันที!!


“เสียวโว้ย! พอใจรึยัง เสียวจนฉี่จะแตกอยู่แล้วเนี่ย! เพิ่มเจลอีกหน่อยมันแสบ!”  ไม่ต้องพูดอะไรกันมาก ผมดึงมือพี่ปูนออกมา คว้าหลอดเจลมาบีบใส่นิ้วจนล้นแล้วพยายามส่งมันกลับเข้าที่เดิม หมดแล้วความอายที่อุตส่าห์ประคองมาตั้งนาน  “ปุริม...เร็วๆ สิ ลุงอยากเสร็จแล้ว”

เมื่อได้สติ เจ้าของก็พาสองนิ้วทะยานเข้าสู่หลุมด้วยความราบรื่น หากคราวนี้มันลื่นและชุ่มฉ่ำยิ่งกว่าเดิม เมื่อสมใจ ก็ถึงคราวที่ผมจะปรนเปรอพี่ปูนบ้าง ผมเอื้อมมือสั่นระริกไปคว้าแตงร้านท่อนโต มันอุ่นร้อนและแข็งขืน ช่วยขยับชักพาไปตามแรงอารมณ์ที่ทวีสูงขึ้นเรื่อยๆ

แต่คนอ่อนแอก็ย่อมแพ้ไปก่อน

น้ำสีขาวขุ่นพุ่งเลอะเต็มหน้าท้อง ผมนอนแผ่หลาสั่นสะท้านทั้งที่ร่างยังกระตุกหงึกหงักเพราะการเสร็จสม ทุกจังหวะนั้นรับรู้ได้ถึงการบีบรัดนิ้วมือภายในอย่างหนักหน่วง เสียงหอบหายใจถี่กระชั้นดังต่อเนื่อง

“เซ็กซี่จัง...”  ผมปรือตาขึ้นรับจูบเบาๆ ของพี่ปูน กลั้นหายใจเล็กน้อยยามที่อีกฝ่ายถอนนิ้วออกไป มองพี่ปูนผละร่างออก ขยับตัวเปลี่ยนท่า  “คราวนี้ก็ถึงตาลุงให้รางวัลพี่บ้างล่ะ”

แตงร้านหัวโตชี้หน้าผมอย่างโกรธขึง ร้องห่มร้องไห้น้ำไหลย้อยออกมาจากลูกตาเดียว ผมจ้องมองโดยไร้คำพูด... นี่หรือคือการเป็นผัวของผู้ชายด้วยกัน ผมว่ามันชักจะไม่ใช่แล้ว... ไอ้ที่ผมเป็นอยู่เนี่ยมันไม่ได้ต่างจากการเป็นเมียเลยสักนิด ทำไมล่ะ? มันผิดพลาดตรงไหน?

ผมครุ่นคิดจนหัวหมุนด้วยความไม่เข้าใจ แต่ก็ยอมโกยแตงเข้าปากไปตามท้องเรื่อง




-------------------------------------------------------------------------------------------------


คล้ายๆ จะมาตามกลิ่นธูป...

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ klaew

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1258
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-2
เย้ๆ จุดพลุฉลองการกลับมา

ออฟไลน์ Ginny Jinny

  • ความเป็นจริงมันวุ่นวาย ก็ขอให้ใจมันสบายๆในความฝัน
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2115
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-4

ออฟไลน์ somakimi

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 154
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
 :z3: :z3: :z3: นึกว่าเลิกเขียนไปแล้ว ดีใจมากๆ หือออออ ลุงจะรู้ตัวแล้วรึยังนะรู้ตัวรึเป่ากี๊ดดดดๆๆๆ  :katai1: :katai1: :katai1:

ออฟไลน์ ammchun

  • Don't Worry,Be Happy
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1394
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +54/-4

ออฟไลน์ TongRung

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 99
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
เย๊.... กลับมาแล้ว แม่รู้แล้ว คุณแม่ผู้เก่งกาจ ลุงก็รู้ตัวซักทีจิว่าตัวเองสถานะอะไร อิอิ

ออฟไลน์ คนคิ้วท์คิ้วท์

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 339
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-1
หายไปนานมากกก คิดถึงเน้อ พี่ปูนยังคงความกาม

ออฟไลน์ ชอบวาย

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 2
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
คิดถึงลุงมาก ขอบคุณที่กลับมาอัพนะคะ

ออฟไลน์ river

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2398
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +231/-3
ลุง รู้ตัวทีเหอะ
พี่ปูนรอแอ้มอยู่เต็มๆนะ

ออฟไลน์ no.fourth

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 889
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-1

ออฟไลน์ pimBNY

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 87
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-3

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด