ผมรู้ประวัติของลุงจากโป้ยมาพอสมควร และมันก็ทำให้อดสงสัยไม่ได้ว่า ทำไม? ทำไมผู้หญิงพวกนั้นถึงได้ทิ้งคนหายากแบบนี้ไปได้อย่างง่ายดาย ลุงไม่ใช่พวกหล่อพร้อมสมบูรณ์แบบ หน้าตาที่ไม่ถึงกับหล่อ แต่ก็ไม่ได้ขี้เหร่อะไร ผมว่ามันเป็นส่วนผสมที่ออกมาอย่างลงตัวทางกายภาพและจิตใจ มองเผินๆ เหมือนไม่น่าสนใจ แต่เมื่อไหร่ที่ลุงยิ้มนั้น...ดูน่ารัก แบบที่นั่งมองได้ทั้งวันเชียวล่ะ
และลุงก็เป็นคนยิ้มง่าย พอๆ กับที่กวนตีนเก่งนั่นแหละ
มักจะมีคนบอกว่านิสัยส่วนตัวนั้นมาจากตัวตนของคนๆ นั้นกำหนด แต่ผมเชื่อว่าครอบครัวก็มีส่วนมากเหมือนกัน ครอบครัวของลุงนั้นไม่ได้ร่ำรวยมีเงิน แต่การเลี้ยงดูที่ดีนั้นมันสื่อออกมาได้ผ่านทางทัศนคติที่ดี การนอบน้อมต่อผู้สูงวัย และการคุยพูดกับบุพการี
ลุงถูกเลี้ยงมาได้อย่างดี
ถ้าผมคือตัวตนของสิ่งที่อยู่ลึกล้ำในความมืด ลุงก็คงเป็นสว่างที่สาดแสงคลอเคลียก้อนเมฆบนฟ้า ทั้งที่แสบตาแต่ก็น่ามอง ทั้งที่ร่างกายรู้สึกอบอุ่นแต่ก็กลัวตัวตนจะหายไป แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าพัทลุงคือคนที่ผมต้องการ
แค่ใครสักคนที่จะยืนอยู่เมื่อผมหันไป ใครสักคนที่จูบได้อย่างสบายใจ ใครสักคนที่จะกอดได้อย่างมีความสุข ลุงคือใครคนนั้นที่ผมค้นพบ แต่ถ้าในอนาคตมันเกิดเปลี่ยนแปลงไป ถ้าผมจะไม่เป็นที่ต้องการ ถ้าผมไม่อยู่ในสายตา ไม่ใช่ความสบายใจ ไม่ใช่ความสุขที่ลุงค้นหา ถ้าเกิด...ถ้าเกิดต้องผิดหวังอีกครั้ง...
.
.
.
“ทำแบบนี้หมายความว่ายังไง!”
เสียงเพี๊ยะยังก้องอยู่ในหู ผิวแก้มก็เจ็บยิบๆ จากแรงปะทะกับฝ่ามือ เจน่าไม่ออมแรงสักนิด แต่จะไปโทษเธอก็ไม่ได้ เป็นผมที่ยั่วอารมณ์แม่นางแบบคนนี้ก่อนเอง
“ที่ฉันไม่รับสาย ไม่รับการติดต่อก็น่าจะรู้ได้นะว่าระหว่างเราควรจบแค่นี้” ผมปรายสายตามองผู้หญิงตรงหน้าที่กล้าบุกเข้ามาที่บริษัท ทั้งที่ความสัมพันธ์ที่เกิดขึ้นมีแค่เรื่องบนเตียงเท่านั้น
“โอ้! นายป่วยหรือเปล่า?” น้ำเสียงแม้จะฟังดูแปลกใจ แต่ผมรู้ว่าหล่อนกำลังเสียดสีผมอยู่ “ฉันไม่ใช่บรรดาเด็กขายของนายนะ ฉันไม่ยอมให้ใครสะบัดฉันทิ้งง่ายๆ แบบนี้หรอก”
ในบรรดาคู่นอนทั้งหมด เจน่าคือคนที่จัดการยากที่สุด นอกจากเธอจะเป็นนางแบบดังและมีสัดส่วนที่น่าฟัดมากที่สุดแล้ว ก็ไม่มีสิ่งไหนที่น่าดึงดูดอีกเลย เจน่าเหมือนผมมากเกินไปนั่นแหละที่ยากที่สุด
“ไม่เอาน่า...” ร่างผอมสูงเดินก้าวเท้าเข้ามาจนแนบชิด กลิ่นน้ำหอมอบอวลเมื่อยามวงแขนพาดกอด “เราไปคุยรายระเอียดกันที่อื่นดีกว่า”
ผมตัดสินใจทำตามนั้น เมื่อเดินออกมาจากห้องสิ่งที่เลวร้ายที่สุดคือการต้องเจอลุง ผมไม่รู้ว่าเด็กคนนั้นจะคิดแบบไหนกับภาพที่เห็น จนท้ายที่สุดลุงก็ไม่เหลือบสายตามองผมเลย แต่ก็ดีแล้ว เพราะผมเองก็ไม่อยากให้เจน่ารู้ถึงความหวั่นไหวยามที่ต้องสบตากับลุง
เหมือนทุกครั้งที่นัดพบกัน ผมเป็นฝ่ายไปเปิดห้องที่โรงแรมก่อนที่จะส่งข้อความบอกเจน่าให้ตามขึ้นไป เจน่ายิ้มยั่วยวนเมื่อผมเปิดประตูรับเหมือนทุกที เธอเดินเข้ามาด้วยมาดนางแบบดัง ตรงเข้ามากอดพร้อมกับมองจูบให้เช่นเคย ผมแทบจะมองเห็นไฟราคะในสายตาของผู้หญิงคนนี้ลุกโชติช่วง ถ้าเป็นก่อนหน้านี้ผมคงจะเหวี่ยงร่างลงเตียง และบรรเลงเพลงอารมณ์ให้สุดเหวี่ยง
แต่ความรู้สึกของผมมันไม่เหมือนเดิม
ผมเบี่ยงหน้าหลบพร้อมกับถอยหลังออกจากวงแขน และนั่นทำให้ความมาดมั่นของเจน่าถูกทำลาย
“เอาจริงๆ ใช่มั้ย?” ผมเงียบ และมันทำให้อีกฝ่ายยิ่งไม่พอใจ “อย่ามาตลกน่าปูน เรามีอะไรกันมากี่ปีแล้ว จะให้มาเลิกเอาตอนนี้น่ะเหรอ”
“ใช่” ผมตอบสั้นๆ แต่หนักแน่นจนคนฟังตาวาว
“รู้นี่ว่าการจะหาเซ็กส์เฟรนด์ที่เข้ากันได้น่ะมันยาก ฉันออกจะชอบที่ระหว่างเรามีแค่เรื่องใต้สะดือ”
“พอเท่านี้เถอะเจน่า ฉันไม่อยากคงความสัมพันธ์นี้ไว้อีกแล้ว”
“Oh my! ไม่ใช่ว่านายรักฉันแล้วหรอกนะ”
“ให้ฝนตกลงมาเป็นเพชรก่อนเถอะ!” ผมขัดความคิดน่ากลัวนั้นด้วยความรวดเร็ว ใบหน้าสวยของเจน่ายิ่งสับสนหนักขึ้น ผมเลยตัดสินใจตอบออกไปตามตรง “ฉันมีคนที่อยากจริงจังด้วย”
“oh Jesus! You kidding me?”
“ไม่! เพราะงั้นหวังว่าเธอจะเข้าใจ”
“come on! เราสนุกกันจะตาย แค่บางคืนเท่าเองจะคิดมากทำไม คนของนายไม่รู้หรอกน่า”
“ไม่มีทาง”
“...นายคงไม่อยากให้ฉันสืบหรอกนะว่าผู้หญิงหรือผู้ชายคนนั้นเป็นใคร”
“...........”
“จริงจังงั้นเหรอ? อย่ามาตลกน่า...นายคงไม่อยากให้คนๆ นั้นรู้หรอกใช่มั้ย เรื่องเลวร้ายของคนโรคจิตอย่างนายน่ะ ฉันรู้ความโสมมของนายนะอย่าลืมสิ อยากให้ฉันบอกเหรอ?”
“...........”
“อาจจะโดนบอกเลิกเลยนะ บางทีอาจจะเกลียดเลยก็ได้ ไม่เอาน่าปูน เราแค่สนุกกันลับหลังเหมือนเดิม”
“...........”
นางแบบคนดังยกยิ้มท้าทาย ร่างระหงเคลื่อนตัวเข้าหาผมอีกครั้ง สองมือโอบรอบคอ เย้ายวนชนิดที่ผมเชื่อว่าผู้ชายครึ่งประเทศคงยินดีพร้อมตกเป็นทาส
“นายนี่มันดื้อจริงๆ เอางี้นะ มาทำกันสักครั้งส่งท้ายสิ” เจน่าเลื่อนใบหน้ากระซิบเสียงเบาใกล้หู “ฉันอยากจะรู้เหมือนกันว่าความจริงจังของนายมันมีค่าแค่ไหน”
แค่ให้มันจบๆ ไป!
ผมกับเธอเป็นคู่นอนกันมานาน สรรหาความสนุกในเซ็กส์ด้วยกันมาหลายรูปแบบ ไม่ใช่การซื้อขายแบบที่ผมสามารถปาเช็คใส่ หรือยื่นเงินเพื่อให้จบเรื่องได้ ฐานะเราเท่าเทียมกัน เป็นสัตว์กินเนื้อที่ไม่ยอมถูกไล่ล่า... ผมกัดฟันยินยอมรับฝ่ามือที่ลูบไล้ไปตามเนื้อตัว การเล้าโลมปลุกความรู้สึกได้บ้าง แต่มันไม่สุดเหมือนทุกครั้งที่ผ่านมา สมองกับหัวใจรู้ดีที่สุดว่าผมไม่สบายใจกับเซ็กส์ครั้งนี้
และอย่างน้อยมันก็ทำให้ร่างกายเข้าใจตรงกันได้
พอทุกอย่างมันไม่เหมือนเดิม เจน่าก็เป็นฝ่ายหยุด เธอลุกออกจากแก่นกายที่ไร้เรี่ยวแรง สางผมยาวสลวยสองสามครั้งก่อนจะยกยิ้มมองผมอย่างเดาอารมณ์ไม่ออก แต่ถ้าวัดจากแรงฝ่ามือที่ฟาดกระทบแก้มผมอีกครั้งแล้วนั้น เธอคงหงุดหงิดไม่น้อย
“นายทำฉันเสียเวลา” เธอพูดพลางลุกขึ้นแต่งตัว “คิดว่าฉันจะต้องเสียเวลาหาคนใหม่อีกแค่ไหนกัน อย่าให้รู้นะว่าคนนั้นของนายเป็นใคร ฉันจะแกล้งซะให้ร้องไห้เลย”
“ไม่เอาน่า พอที” น้ำเสียงผมเริ่มเข้มขึ้นบ้าง ผมลุงขึ้นนั่งจ้องมองอีกฝ่ายอย่างดูเชิง เจน่าโต้ตอบกลับมาด้วยสายตาไม่ต่างกัน และไม่กี่วินาทีต่อมาเธอก็เป็นฝ่ายยกมือยอมแพ้เสียเอง
“ให้ตาย~ ฉันเสียดายจริงๆ ฉันชอบไอ้หนูของนายนะ” เธอยิ้มให้ผม
“ขอบใจ”
“หึ ถึงจะเป็นอย่างนั้นฉันก็ไม่เชื่อหรอกนายจะรักใครได้ โถ...คนเลวที่ร้อนแรงของฉัน” เมื่อเสร็จเรียบร้อย เจน่าเดินมาจูบแก้มผมเป็นการสั่งลา “ถ้าอยากสนุกกันอีกก็โทรมา”
“ไม่ต้องรอหรอก”
“Only time will tell.” นางแบบคนดังยกยิ้มอีกครั้ง แล้วเดินออกไปโดยไร้ซึ่งเยื่อใยใดใด
สิ้นเสียงประตูปิด ผมล้มตัวลงนอนทั้งเนื้อตัวเปลือยเปล่า ปิดดวงตาอ่อนล้าเพื่อตระหนักอย่างจริงจังว่าชีวิตของตัวเองได้เปลี่ยนแปลงไปแล้ว...
.
.
.
ผมตื่นขึ้นมาอีกครั้งก็เป็นช่วงเย็นของอีกวันแล้ว
เมื่อวานผมดื่มเหล้าหนักมากในรอบหลายปี ส่วนหนึ่งเพราะเครียดที่จะต้องมาเจอกับลุง แม้จะเจอสถานการณ์แบบนี้มาค่อนข้างมาก ทำให้ผมคิดเตรียมคำตอบมากมาย แต่ก็ยังนึกไม่ออกว่าลุงจะโวยวายผมยังไง จะถึงขั้นตบตีหรือด่ากราดชนิดที่ผมต้องนิ่วหน้ารึเปล่า
แต่ถ้าเป็นลุงผมยอมทุกอย่าง
ผมรีบมาออฟฟิศหวังว่าลุงจะยังอยู่และก็เป็นตามนั้น ผมรวบรวมความมั่นใจที่จะเดินตรงเข้าไป โป้ยเป็นฝ่ายเห็นผมก่อนและพูดทักคนที่กำลังก้มหน้าเก็บของไม่สนใจการมาถึงของใคร ถึงผมจะไม่ชอบพวกโวยวายเท่าไหร่ แต่ให้ลุงเป็นแบบนั้นก็ยังดีกว่าที่ผมเจอ ลุงปกติมากถึงมากที่สุด เหมือนคนไม่มีความสัมพันธ์ต่อกันให้ต้องคิดมาก ไม่ต้องใส่ใจว่าจะไปกับใครหรือหายไปไหนทั้งคืน
ผมเกลียดที่ต้องคิดว่ามีแค่ตัวเองเท่านั้นที่คิดเกินเลย
ยิ่งต้องกลายเป็นบุคคลที่สามเมื่อมองเพื่อนสนิทหยอกล้อกันหัวใจผมก็อึดอัดไปหมด พื้นดินใต้เท้าเริ่มสั่นคลอนราวกับจะพังทลายเสียให้ได้ ยิ่งถูกเมินเฉย ยิ่งอีกฝ่ายทำตัวปกติมากเท่าไหร่ ผมยิ่งอยากรู้ว่าตัวตนของผมในหัวใจของลุงนั้นเล็กน้อยสักเพียงไร
หลังสารภาพความจริง
ผมกลัว...กลัวว่าทุกอย่างมันจะต้องเปลี่ยนไป กลัวใจที่ยึดติดลุงเข้าแล้วนั้นจะรับการถูกตัดขาดไม่ไหว ผมรู้...ผมเคยเจอมาก่อน ต่อให้ร่ำร้องปฏิเสธแค่ไหน ต่อให้กอดแน่นเท่าไหร่ ถ้าไร้ซึ่งตัวตนในจิตใจอีกฝ่ายความปรารถนาก็ไร้ผล คนพวกนั้นไม่เคยให้โอกาสผม และผมก็เรียนรู้ที่จะไม่ให้โอกาสนั้นกับใคร แต่ตอนนี้ผมเหมือนย้อนกลับไปเป็นเด็กชายปูนปั้น ดื้อดึง งี่เง่า ต่อให้มองว่าไร้เหตุผลหรือเอาแต่ใจอย่างไรก็ได้ ถ้ามันจะทำให้ผมมีพัทลุงอยู่ในโลกใบเล็กๆ นี้ด้วยกันเหมือนเดิม
“เริ่มกันใหม่นะพี่ปูน” ผมมองคนตรงหน้าเต็มตาเป็นครั้งแรก ไม่ว่าอย่างไรพัทลุงก็คือแสงสว่างเจิดจ้าสำหรับผมจริงๆ ผมสามารถเข้าข้างตัวเองได้รึเปล่านะ? ลุงเองก็ชอบผมเหมือนกันใช่มั้ย? มันไม่ใช่แค่เรื่องเข้าใจผิด หรือเรื่องที่ผมยอมไหลไปตามน้ำอีกแล้วใช่หรือไม่?
ถึงจะยังเล็กน้อย อาจจะยังเป็นแค่เงาเจือจาง แต่ตัวตนของผมก็อยู่ในหัวใจลุงแล้วสินะ
ผมเดินตามลุงออกไปหยุดยืนตรงมุมบันได แอบมองสองเพื่อนซี้หยอกล้อกันเช่นเคย ช่างสนิทสนมและรักกันเหลือเกิน... เกินกว่าที่คนมองอยู่ตรงนี้จะทนไหว แล้วจู่ๆ ผมก็นึกถึงคำพูดของกรขึ้นมา ...ถ้าสองคนนี้รักกัน... เพียงแค่คิดผมก็เจ็บไปทั้งใจแล้ว ดังนั้นมันจะต้องไม่มีวันเกิดขึ้น!
ลุงเป็นของผมผมเริ่มคิดวิธีมากมายที่จะแยกเด็กสองคนนั้นออกจากกัน คนแรกที่นึกถึงคือพ่อดาราขายได้ที่แอบรักได้อย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย และถ้ากรไม่อยากรู้จักคำว่า ‘สายเกินไป’ มันควรจะต้องลงมือทำอะไรบ้างได้แล้ว
ไม่อย่างนั้น...
ผมจะจัดการด้วยวิธีของตัวเอง _____________________________________________________________________________TBC.
ยาวมากก
ไม่เคยเขียนพระเอกสายดาก เอิ่ม สายดาร์กมาก่อน ไม่รู้ว่าอึมครึมพอมั้ย สื่อออกมาได้ดีหรือเปล่า
เช่นเคยค่ะ... แนะนำ ติชมกันได้ เพื่อที่คนเขียนจะได้นำกลับไปปรับปรุงแก้ไขให้ดีขึ้นค่ะ
