◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| *แจ้งข่าวหนังสือ* || 5-3-63 หน้า 54 ||
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| *แจ้งข่าวหนังสือ* || 5-3-63 หน้า 54 ||  (อ่าน 302391 ครั้ง)

ออฟไลน์ puiiz

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-4

ออฟไลน์ แฟนตาเซีย

  • หืมม...?
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 557
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-1
สมภารร้ายมาก นี่ตกลงว่าเป็นเมียโดยเต็มใจสินะ555 ปอลิง อยากอ่านเรื่องพี่กรรรรรรรรรรร :katai2-1:

ออฟไลน์ วายซ่า

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2224
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +205/-6
สมภารร้ายกาจมาก  ไก่อึนๆ คงหนีออกนอกเล้าไปได้หรอก  แต่ก็ชอบความคิดของลุงตอนบรีฟกะพี่สมภารนะ ดูเป็นผู้ใหญ่สมชื่อดี 555

ออฟไลน์ boobooboo

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 748
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-2

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5358
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19

ออฟไลน์ Red_sister

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 440
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-2
ยาวมากกกกกกกกกก อยากรุ้ว่าพิมไปกี่หน้า แต่ชอบนะคะ เรื่องนี้ทำเราอารมณ์ดี ยิ้มไปทั้งเรื่อง

ออฟไลน์ ชลอจ

  • ช ล อ จ
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 20
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
เพิ่งได้มาอ่านจ้า แงงง สนุกดีค่ะ
เดาไว้แต่แรกๆว่ากรน่าจะชอบโป้ยแต่เรื่องโพสิชั่นนี่โป้ยกรใช่ม่ะ /เดา5555 ถ้าไม่มีพาร์ทคุนปุริมฉันก็จะคงมองพี่หล่อๆ ต่อไปนะคะ พาร์ทนี้ยาวจุใจมากเลยค่ะ พี่มันตัวโกงดีดีนี่เองนะ55555555
ลุงน่ารักมาก อยากได้ไว้เอง แงๆ ติดตามนะคะ เยิ้ฟ,

ออฟไลน์ barbiehateken

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 21
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
 :hao7:
สนุกมากกกกกกกไม่ไหวแล้ววววว
ชอบทุกตัวละครเลยค่ะ โป๊ยลุงนี่ก็แบบบ เหยย เคมีดีนะ 555555
แต่ไงลุงไม่พ้นเอื้อมมือสมภารที่จ้องรอเขมือบอยู่หรอก อิอิ
คู่โป๊ยกรนี่ก็รออ่านเลยค่ะ ต้องดุเด็ดแล้วก็เดือดกว่านี้แน่ๆ
คู่นี้มันมุ้งมิ้งเพราะความใสซื่อของน้องลุงนี่แล๊~~~
มาต่อไวๆเลยนะค๊าาาา
ติดใจรสมือ

#โป๊ยเอฟซี
 :heaven

ออฟไลน์ kingkongkaew

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 92
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
ไม่คิดว่าปูนจะหลงรักน้องมาตั้ง 3 ปี

ปูนเลือกรักคนถูก คนมีปมอย่างปูนต้องการคนอย่างลุงมาช่วยแก้

ออฟไลน์ ่jum

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3704
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-4
เป็นตอนที่ยาวสะใจเลย  :katai2-1:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ puiiz

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-4

ออฟไลน์ konnarak

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2183
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +182/-0

ออฟไลน์ boobooboo

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 748
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-2
รออ่านต่ออยู่น้าาาา

ออฟไลน์ Petit.K

  • Petit parapluie
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 840
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
พี่ปูนนี่ควรโดนน้องลุงจัดหนักๆสักที ตอนแรกคิดว่าจะใสๆ หึหึ
ว่าแล้วว่ากรต้องคิดซัมติงกับโป้ย แล้วโป้ยก็เหมือนจะรู้ตัว?
อยากชูป้ายไฟ ทีมโป้ยลุง 555555 เรือผีสายฮาร์ดคอร์ หนอกล้อกันน่ารักกก

ออฟไลน์ MissMay

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 129
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
สงสารน้องลุงงงง ส่วนคุณปูนถ้าความแตกขึ้นมานี่เรื่องใหญ่แน่นอน

ออฟไลน์ Bradly

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 200
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-1
คิดถึงพี่ปูนล้าววว :o8:

ออฟไลน์ Ryoooo

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3146
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +288/-2
สนุกกกกก พ่อสมภารตัวจริง ท่าทางจะกลัวการจับไก่เหมือนกันน่าาาา
โป๊ยผู้รู้ทู๊กกกกอย่างเชื่อสิ แผนนางทั้งนั้นละ เริ่องนัวเนียเนี่ยยย

ออฟไลน์ 2pmui

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1509
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +66/-6

ออฟไลน์ Merupuri

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 47
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-1
กรี๊ดดดดดด ชอบนิยายเรื่องเน้ ชอบความซื่อของคุณลุงจังเลยอะ  รออ่านนะคะ

ออฟไลน์ PaePT

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 54
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ naplatoo

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 249
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-2
พี่ปูนนี่ควรโดนน้องลุงจัดหนักๆสักที ตอนแรกคิดว่าจะใสๆ หึหึ
ว่าแล้วว่ากรต้องคิดซัมติงกับโป้ย แล้วโป้ยก็เหมือนจะรู้ตัว?
อยากชูป้ายไฟ ทีมโป้ยลุง 555555 เรือผีสายฮาร์ดคอร์ หนอกล้อกันน่ารักกก

ยอมใจความฮาร์ดคอร์  o22 55555

//มารอคนเขีนนค่าาาาา  :z13: :z13:

ออฟไลน์ konnarak

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2183
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +182/-0
มารอ เมือไรจะมาาาาา

ออฟไลน์ mkianit

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 298
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-3
คุณลุงไปไหนนนนนนนนคิดถึงแล้วรีบๆมานะจ่าาา มาปูเสื่อรอทุกวันเยยยิ :ling1:

ออฟไลน์ ซีเนียร์

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 767
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0

ออฟไลน์ LadySaiKim

  • ▫▪□Dezine'Kim□▪▫
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1703
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-0

ออฟไลน์ puiiz

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-4

ออฟไลน์ L@DYMELLOW

  • กำลังงงๆ เพราะหาทางลงจาก “คาน” ไม่เจอ
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 356
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +826/-4
    • facebook
ปุริม__ตอนที่ 9 กาบหอยแครง(ที่รัก)




เสียงเพลงบรรเลงสดจากเปียโนหลังใหญ่ดังคลอเคล้าบรรยากาศยามค่ำคืน ในบาร์หรูเฉพาะสมาชิกบนชั้นสูงสุดของโรงแรมดัง สถานที่ดี บรรยากาศดี ผู้คนอยู่ในแวดวงดีๆ แถมที่นั่งยังถูกจัดวางโดยเน้นความเป็นส่วนตัว แต่ทั้งหมดนี้ก็แลกมาด้วยค่าสมาชิกแบบแพงหูฉี่ แต่ถ้าวัดกับสิ่งที่ได้รับก็ถือว่าไม่ขาดทุนซะทีเดียว อย่างน้อยๆ มันก็พอเป็นแหล่งสังสรรค์เพียงลำพังกับพ่อดาราขายได้รูปหล่อที่อยู่วงการมาเก้าปีโดยไร้ข่าวคาวคนนี้

“วันก่อนกูเจอเจน่าที่แฟชั่นโชว์เครื่องเพชร ถามกูใหญ่เลยว่าแฟนมึงหน้าตาเป็นยังไง”  พันกรยิ้มไปพูดไปอย่างเห็นขัน กรกับเจน่าก็ถือว่าสนิทสนมกันในระดับหนึ่ง ที่ผมกับเจน่ารู้จักกันได้ก็เพราะกรนี่แหละ

“แล้วมึงตอบไปว่าไง”

“กูก็เพิ่งได้ยินเนี่ยแหละว่ามึงมีแฟน”  เพื่อนสนิทคนเดียงขมวดคิ้วฉับ  “แล้วใครวะ? มึงมีเมื่อไหร่ทำไมไม่พามาแนะนำกูบ้าง”

ผมส่ายหัวให้ความบื้อของเพื่อน แต่จะว่าอย่างนั้นก็ไม่ถูกนัก เพราะผมก็ไม่ได้แสดงออกโจ่งแจ้งและแค่เรื่องของไอ้เด็กนั่นที่มันสนใจก็เต็มหัวสมองจนไม่พอจะให้มาสังเกตสังกาใครหรอก แต่ถ้าไม่เปิดใจคุยกันเสียตอนนี้ ผมคงได้แต่นั่งระแวงจนใจไม่เป็นสุขแน่นอน

“มึงจะอยู่อย่างนี้ไปอีกสักกี่ปีล่ะกร”  ผมทำเพียงยิ้มให้กับคำร้องเรียนของเพื่อน แต่เปิดคำถามที่ต้องการด้วยเสียงเจือความสงสัย และดูถ้าว่าอีกฝ่ายจะตามไม่ทันเท่าไหร่ ผมจึงพูดต่อไปตามตรง  “เรื่องโป้ยน่ะ เมื่อไหร่มึงจะออกมาจากรูที่อยู่ซะที อีกกี่ปีวะกร หรือจนกว่าเด็กมันจะแต่งงานมีลูก”

พระรองคนดังยืดตัวขึ้นอย่างอึดอัด ผมเดาว่ามันคงสงสัยอยู่ไม่น้อยที่ยกเรื่องนี้ขึ้นมาพูด เพราะตลอดมาผมไม่เคยมีปัญหาหรือแนะนำให้มันเดินออกมาจากมุมมืด หรือตัดใจไปหาคนอื่นที่พร้อมถวายตัวให้ นี่คือปัญหาชีวิตของมัน ผมไม่เคยยุ่งวุ่นวาย แต่สถานการณ์มันเปลี่ยนไปแล้ว

“มึงอยากจะพูดอะไรกันแน่”

“ก็...กูแค่รู้สึกว่าตัวเองเริ่มมีปัญหา”  ผมยกไหล่พร้อมกับพ่นลมหายใจออกมา ก่อนจะพิงหลังลงกับพนักอาร์มแชร์ มองสีหน้าระแวดระวังตัวของเพื่อนพลางโคลงแก้วในมือจนน้ำสีอำพันหมุนวนเบาๆ

“พัทลุงเป็นของกู แล้วกูก็ไม่พอใจเท่าไหร่ที่คนของมึงมาทำรุ่มร่ามใส่”

“ห๊ะ!!”  พันกรอ้าปากค้าง มันมองหน้าผมอย่างเหลือเชื่อ สีหน้ามันตลกขนน่าขำ  “มึงกับลุง”  กรขมวดคิ้วมุ่นจนน่ากลัวจะผูกติดกัน  “ตั้งแต่เมื่อไหร่วะ?”

“สักพักแล้ว”  ผมตอบ แต่เลือกที่จะขยายความถึงเหตุการณ์ที่เกิด  “ทีนี้มึงเห็นปัญหาแล้วใช่มั้ย?”

“โป้ยกับลุงเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่เด็ก มึงก็รู้นี่”

“ก็เหมือนกับที่มึงรู้ แต่ก็ยังหลุดเพราะทนไม่ได้ไง”  ผมย้อนเพื่อนทันที ถึงแม้นั่นจะเป็นครั้งแรกที่มันทำมาดเสีย แต่ถ้าเป็นคำบ่นตัดพ้อล่ะก็ผมได้ฟังมาจนเบื่อ

“แล้วมึงจะให้กูทำยังไงวะ ถ้ากูกล้าล่ะก็คงเปิดเผยไปตั้งแต่สิบปีก่อนแล้ว ไม่ต้องมาแอบรักโคตรมาราธอนอย่างนี้หรอก”  กรโอดอย่างสิ้นหวัง  “น้องมันเป็นผู้ชายเต็มตัว ผ่านผู้หญิงมามากกว่ากูซะอีก กูรู้ว่าไม่มีหวังไงก็เลยทำได้แค่แอบชอบอยู่อย่างนี้ ถ้าโป้ยมันรู้ว่ากูคิดอะไรกับมันบ้าง ถ้าไม่ต่อยจนหน้าแหกก็คงรังเกียจกูไปเลยแน่ๆ”

ผมยกแก้ววิสกี้ขึ้นจิบ ไอ้สงสารก็ใช่ เห็นใจก็มาก เข้าใจที่พูดมาทุกอย่าง แต่ตอนนี้ผมไม่ใช่แค่คนสังเกตการณ์แบบที่ผ่านมาอีกแล้วเนี่ยสิ

“มึงไม่กล้า แต่กูกล้านะ”

กรขยับตัวมองสบตาผมด้วยแววแข็งกร้าวมากขึ้น ผมยกยิ้มเย็นให้อย่างไม่อาทร นี่สิถึงจะสมกับเป็นเพื่อนกัน อย่างน้อยมันก็พอรู้ว่าผมเลวได้ขนาดไหน

“ถ้ามึงพอใจกับที่เป็นอยู่ กูก็จะตั้งใจปัดหยากไย่ที่มาเกาะแกะคนของกูออกเหมือนกัน”

“อย่าทำกับกูแบบนี้”

“มึงเป็นเพื่อนคนเดียวของกูนะกร ขอแค่บอกว่ามึงจะเริ่มสู้ กูจะช่วยทุกทาง”

“แล้วทำไมมึงถึงไม่บอกลุงเสียเองล่ะ ว่าให้ออกห่างจากโป้ย”

หางคิ้วถึงกับกระตุกกับการชี้นำของเพื่อนทันที แต่ผมก็ยังคงทำสีหน้าเรียบตึงไว้ได้อย่างดี  “กูทำอย่างนั้นไม่ได้”
กรมองผมอย่างวิเคราะห์กับคำตอบสั้นๆ แต่แล้วผมก็ลืมไปว่าเพื่อนตัวเองไม่ได้บื้อเสียทีเดียว ไม่อย่างนั้นมันคงอยู่รอดในวงการมายาไม่ได้หรอก ไอ้พระรองยกยิ้มราวกับเป็นต่อ แต่ถึงอย่างนั้นด้วยใบหน้าที่ใช้เพื่อหารายได้ก็ทำให้มันดูดีเกินกว่าที่ใจจริงๆ รู้สึก

“มึงมีชนักติดหลังใช่มั้ย? ให้กูทายว่าต้องเป็นเจน่า”  แล้วเมื่อผมเลือกที่จะเงียบมันยิ่งเป็นการส่งเสริมคำคาดเดาให้มีน้ำหนักมายิ่งขึ้น  “ไม่อย่างนั้นเจน่าจะรู้ได้ยังไงว่ามึงมีแฟน แล้วเจน่าคงป่วนมึงจนลุงรู้ล่ะสิ กูเดาถูกใช่มั้ย?”

“ใช่”  ไม่มีประโยชน์ที่จะปิดบัง ผมยอมรับเสียงเข้ม แต่ไม่มีวันที่ผมจะโดนไล่ต้อนจนล้มเด็ดขาด  “แต่มึงก็รู้ใช่มั้ยว่ากูทำได้ทุกอย่าง”

ไอ้กรเงียบไปอีกครั้ง รอยยิ้มยกเปลี่ยนกลับเป็นเรียบตึง  “มึงมันใจร้าย”

“แปลได้ว่า มึงยอมที่จะออกมาจากรูแล้วใช่มั้ย?”

“...แต่ถ้าโป้ยเกลียดกู มึงกับกูขาดกันแน่!”  กรลั่นวาจาด้วยน้ำเสียงห่อเหี่ยว ผมพอจะเข้าใจความกังวลของเพื่อนอยู่หรอก ก็โป้ยซื่อบื้อเหมือนลุงเสียที่ไหน หูไวตาไว ซ้ำยังมีผู้หญิงให้ควงไม่ขาด ถ้ามองกันตามเนื้อผ้าล่ะก็ ต่อให้สุดท้ายได้ลงเอยกัน กรก็คงไม่พ้นตกเป็นเบี้ยล่างแน่ๆ

“มึงคิดว่าที่น้องมันลาออกมาจากเอเจนซี่ยักษ์ใหญ่ขนาดนั้น เพื่อมาลงเอยที่บริษัทต๊อกต๋อยของมึงเพื่ออะไร”  ผมทำการเสริมความมั่นใจให้เพื่อนในทันที โบราณว่าตีเหล็กต้องตีตอนร้อน การเป่าหูก็เช่นกัน...

“ก็เพราะกูไปทาบทามน้องมันไว้ไง”

“เงินเดือนก็น้อยกว่า จะสร้างชื่อให้รึก็ไม่ได้ แค่เพราะว่าคนรู้จักชวนเนี่ยนะ ถ้าเป็นกูคงไม่ยอมมาง่ายๆ หรอก”

กรเม้มปากแน่น ดูท่ามันคงไม่เคยมองในมุมนี้ หรือต่อให้เคยคิดแต่มันคงไม่กล้าต่อยอดเข้าข้างตัวเอง  “ไม่เอา มึงอย่าให้ความหวังกู”

“กูแค่พูดในประเด็นที่มันเห็นชัดเจน กูจำได้ว่าโป้ยใช้เวลาหนึ่งเดือนหลังจากมึงทาบทาม”

“ก็น้องมันต้องคิดให้รอบคอบ วิเคราะห์ส่วนดีส่วนเสีย”

“หรือแค่เพราะต้องยื่นใบลาออกล่วงหน้าหนึ่งเดือนตามกฎ ซึ่งถ้าเป็นอย่างนั้น...หมายความว่าพอมึงชวนปุ๊บ มันก็ร่างจดหมายออกปั๊บเลยไม่ใช่รึไง”

ไม่ใช่สักแต่ว่าจะเป่าหูเพื่อนไปผ่านๆ หรอกนะ ความเป็นจริงมันก็เห็นกันชัดเจนอยู่แล้ว Graphic House ไม่มีอะไรเทียบเท่าเอเจนซี่ใหญ่ๆ ได้เลย ถ้าไม่นับพี่เปี๊ยกที่เบื่องานอิสระกับงานในบริษัทใหญ่ๆ โป้ยที่ยังเด็กแถมไร้ชื่อ ยิ่งไม่ควรทิ้งโอกาสก้าวหน้าแบบนั้นมา ไม่ว่าจะมองยังไงมันก็ต้องมีเบื้องลึกเบื้องหลังบ้างล่ะน่า

“กู...กูให้ความหวังตัวเองได้เหรอวะ?”  คนตกอยู่ในห้วงคิดพึมพำออกมาด้วยความไม่มั่นใจ

ผมปล่อยเวลาให้เพื่อนนั่งทบทวนเงียบๆ ยกแก้ววิสกี้ขึ้นดื่มพลางปล่อยใจไปกับเสียงเพลงบรรเลง ผมไม่เร่งร้อนเพื่อน อย่างน้อยก็ยังพอมีเวลาอีกประมาณหนึ่งชั่วโมงก่อนที่ผมจะต้องกลับ แต่นั่นแหละ... ผมคาดเดาอะไรจากพัทลุงไม่ได้หรอก เพราะแค่คิดถึง พ่อเจ้าประคุณก็แสดงตัวขึ้นมาทันที

ผมหยิบโทรศัพท์ที่กำลังสั่นสะเทือนขึ้นมาดูรายชื่อ ผมเห็นกรหันมามองจากทางหางตา แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ยังยิ้มออกมาก่อนกดรับสายอยู่ดี

“พี่อยู่ไหนอะ?”  น้ำเสียงจากปลายสายมีแววหงุดหงิดเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้ทำให้ผมเดือดเนื้อร้อนใจอะไรเลย 

“ไหนบอกให้ผมมาค้าง พอมาถึงผมยังไม่เห็นแม้แต่เงาตูดพี่เลยนะ”

“ก็ไหนลุงว่าจะมาตอนสามทุ่มไง”  ผมยกนาฬิกาขึ้นดูเวลาให้แน่นอนอีกครั้ง  “นี่เพิ่งสองทุ่มเอง”

“ก็แม่นอนหอพักอะ ป้าก็ไปค้างบ้านเพื่อน ผมเก็บบ้านเสร็จก็เลยมาไง”

“แต่ตอนนี้พี่อยู่กับกรที่โรงแรม”

“ห๊ะ!! นี่พี่ถึงกับเล่นเพื่อนตัวเองเลยเหรอ!”

“เดี๋ยวกลับไปโบกตาแตกเลย”  ผมส่ายหัวให้กับความคิดบรรเจิดของเด็กกวนประสาท

“แล้วไปทำไมที่โรงแรม”

“มาดื่มนิดหน่อยแล้วก็คุยธุระอีกนิด”  ผมเหลือบตามองเพื่อน กรนั่งจิบเหล้ามองผมแบบสนใจเต็มที่ ผมกระแอมขึ้นมานิดหน่อย เบี่ยงหน้าให้พ้นสายตาเล็กน้อยแล้วจึงพูดต่อด้วยเสียงที่เบากว่าเดิม  “แล้วพี่ก็ไม่มีเพื่อนนอนที่ไหนแล้วด้วย เชื่อมั้ย? พี่ให้คุยกับกรดีรึเปล่า?”

“อย่าเว่อร์”  ผมขำคิกกับคำต่อว่าอย่างรำคาญ  “แล้วจะให้ผมรอทำไมเนี่ย กลับบ้านได้ป่ะ”

“ไม่เอาสิ ไหนสัญญาว่าจะค้างกับพี่ไง”

“ก็แล้วทำไมตัวเองถึงไม่อยู่นี่ล่ะ อีกนานป่ะ ไว้ค้างวันอื่นได้มะ”

ฟังจากน้ำเสียงเดาว่าป่านนี้คงงอนจนแก้มป่องไปแล้ว ช่างเป็นผัวที่น่าฟัดอะไรขนาดนี้  “พี่จะกลับแล้ว อาบน้ำรอก่อนสิ แป๊บเดียวก็ถึง”

“จิ๊! ถ้าผมหลับก่อนนี่คืออดนะ ปลุกตื่นมีโกรธอะบอกเลย”

“หึๆ ถ่างขารอพี่นะ”  ผมกระเซ้าทันที

“ถ่างตามั้ย! เกลียดภาษาของพี่จริงๆ อยากรู้จักคุณครูเลย”

ผมหัวเราะเบาๆ ยิ่งอีกฝ่ายวางสายไปแบบไม่ร่ำไม่ราแทนที่จะโกรธกลับทำให้แก้มผมปวดไปหมดเพราะรอยยิ้ม ผมเก็บมือถือลงกระเป๋ากางเกง แม้จะยังไม่ได้บทสรุปที่แน่นอนในการหารือ แต่ถ้าผมไม่รีบกลับ ลุงคงได้หนีกลับบ้านก่อนแน่นอน

“มึงดูมีความสุขขึ้นมากจริงๆ”  กรพูดย้ำคำที่เคยทักผมไว้ก่อนหน้านี้  “ตอนแรกกูก็แอบคิดนะ ว่ามึงอาจจะเจอบางสิ่งที่ทำให้รู้ว่าโลกมันไม่ได้มีแต่สีดำกับเทา... ไม่นึกเลยว่าจะกลายเป็นพัทลุง”

ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจากผู้คนทั้งหมดที่ผ่านเข้ามาในชีวิต ทำไมถึงมีเพียงคนเดียวที่ดึงดูดมากขนาดไม่อาจละสายตาได้ แต่พอได้รู้จัก ได้ใช้เวลาร่วมกัน ผมจึงแน่ใจได้ว่าทำไมต้องเป็นพัทลุง ผมเดาว่ากรก็คงจะรู้สึกเหมือนกัน เวลาสิบปีไม่ใช่ระยะเวลาน้อยๆ ใช่ว่ากรไม่เคยพยายามที่จะคบใครแต่มันทำไม่ได้ เพราะกรคงรู้ดีว่าทำไมต้องเป็นโป้ยเท่านั้น...

“แล้วเป็นไงมาไงวะ กูเห็นลุงเขม่นมึงจะเป็นจะตายทำไมถึงมาคบกันได้”

“กูก็แค่รอโอกาสนิดหน่อย”  ผมตอบแบบผ่านๆ แต่จากประสบการณ์ที่คบกันมาไม่ได้ทำให้เพื่อนผมปล่อยผ่านตามไปด้วย นัยน์ตาคมเหล่มองผมคล้ายจะรู้ทัน 

“บอกมาไอ้ปูน มึงปล้ำน้องมันใช่มั้ย!”  มันวางแก้วเหล้ากับโต๊ะเสียงดัง แถมยังยกนิ้วชี้หน้าคาดคั้นเสียงแข็ง  “มึงเพื่อนกู และกูรู้ว่ามึงไม่มีทางใช้วิธีอย่างเดินไปบอกรักน้องมันแน่ๆ”

เอ...น่าจะยังไม่เคยนะ? ผมได้แต่โคลงหัวนึกตาม

“โอกาสอะไรของมึงบอกมาเดี๋ยวนี้ ลุงมันเป็นคนซื่อมึงก็รู้ดี กูเอ็นดูมันและถ้ามึงปล้ำมันกูคงรับไม่ได้”

ผมถอนหายใจออกมาเฮือกยาว  “กูจะรีบกลับนะกร ลุงมันรออยู่”

“ตอบ!”

มันใช่เรื่องที่มันจะต้องมาตีหน้าเข้มใส่ผมหรือยังไง เป็นพ่อลุงรึก็ไม่ใช่ นี่ถ้าไม่ติดว่ามันมีคนรักปักใจอยู่แล้ว ผมคงได้มองมันกลับตาเขียวบ้างล่ะ

“ยังไม่ได้กัน ชัดนะมึง”

“เชี่ย...มึงไม่สบายเหรอปูน”  คราวนี้มันตีหน้ากังวลให้ผมแทนแล้ว  “หรือว่ามึงเห็นใจน้องมัน ยิ่งน่าเหลือเชื่อเข้าไปใหญ่เลย -- มึงเป็นใครน่ะ? เพื่อนกูไปไหนแล้ว”

“อย่าคิดว่ากูไม่กล้าตบหัวดารานะ” 

“แล้วไงล่ะวะ อธิบายให้กูสบายใจหน่อย”

“กูไปเก็บมันได้ที่ผับ เอาไปนอนด้วยกัน ตื่นเช้ามาก็มโนเอาว่ากูปล้ำมันไปแล้ว ทุกวันนี้มันคิดว่าตัวเองคือผัว ส่วนกูเป็นเมีย จบ!”  ผมเล่าสรุปโดยย่อ ข้ามฉากเสแสร้งอันเป็นสาเหตุการเข้าใจผิดไป รวบรัดแต่ได้ใจความ เพียงเท่านี้ไอ้กรก็อ้าปากค้างไปแล้ว  จะไม่ให้มันอึ้งก็ไม่ได้หรอกในเมื่อมันคงคิดไม่ถึงว่าลุงจะจินตนาการเตลิดได้ถึงขนาดนี้ ตัวผอมเป็นก้างอย่างนั้น กล้ามก็ไม่ค่อยจะมี สูงก็เท่าปลายคางผมด้วยซ้ำ

“มันขี้มโนเก่ง มึงก็รู้น่า”  ผมเตือนสติเพื่อนที่ยังคล้ายจะตะลึงไม่หาย กรกระพริบตาปริบๆ แล้วเมื่อสติกลับมาครบสมบูรณ์ มันหันมามองผมด้วยสายตาที่เปลี่ยนไป

“ที่กูตกใจไม่ใช่ความเพ้อเจ้อของลุง แต่เป็นมึงต่างหาก”  กรอมยิ้มจนตาหยี  “มึงเป็นคนมั่นใจในความเป็นผู้นำของตัวเองมากนะ แล้วการที่ยอมให้เด็กบ๊องๆ มายกตำแหน่งเมียให้มันน่าเหลือเชื่อว่ะ คือถ้าเป็นเมื่อก่อนมึงคงไม่ยอมให้ใครคิดว่าเป็นรับ แบบ...กูอธิบายไม่ถูกจริงๆ แต่มึงยอมลงให้ลุงมากอย่างที่ไม่เคยเห็นทำให้ใครเลย”

ก็คนพวกนั้นไม่สำคัญเท่ายังไงล่ะ...

ผมเพียงแค่ส่งยิ้มให้เพื่อน เราดื่มกันจนหมดแก้วแล้วถึงจะแยกย้ายกันกลับ ความรู้สึกทุกอย่างมันอยู่ที่ใจของผมอยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องไปนั่งอธิบายให้ใครฟังจนระเอียดยิบ เพราะไม่ว่าจะบอกอย่างไรอีกฝ่ายก็ไม่มีทางเข้าใจได้ลึกซึ้งแน่ แต่เพราะเป็นแบบนั้นรึเปล่า คนเราถึงได้บัญญัติคำว่า ‘รัก’ เข้ามาครอบคลุมทุกอารมณ์ทุกเหตุผล เพื่อให้ความรู้สึกที่บรรยายออกมาไม่ได้ง่ายๆ ทำให้อีกฝ่ายเข้าใจตรงกันเพียงแค่คำๆ เดียว

แต่จนแล้วจนรอด ผมก็ยังไม่แน่ใจอยู่ดีว่ากับลุงนั้นต้องจำกัดความด้วยคำไหน ‘หลง’ หรือ ‘รัก’ เพราะอย่างนั้นผมเลยไม่รู้ว่าจะต้องสื่อให้ลุงรู้ด้วยคำไหน และสำหรับผมมันก็ยากเหลือเกินสำหรับการเปิดเผยความรู้สึกต่ออีกฝ่ายก่อน ผมยัง ‘กลัว’ ที่จะผิดหวังซ้ำอีกครั้ง...

เพราะฉะนั้น บอกผมก่อนเถอะ

บอกรักผม แล้วผมจะไม่มีวันปล่อยไปอีกเลย

คนขี้ขลาดอย่างผมก็ทำได้แต่แบบนี้แหละ -- โอ! นี่ผมต้องเพิ่มคำนี้ลงพจนานุกรมส่วนตัวอีกคำแล้วสินะ ...ลุงนี่ช่างทำให้ชีวิตของผมมีแต่คำแย่ๆ ซะจริง

.
.
.

ห้องทั้งห้องเงียบกริบเมื่อผมเปิดประตูเข้าไป

เมื่อเดินผ่านโถงหน้าจึงเริ่มได้ยินเสียงโทรทัศน์เบาๆ ดังมาจากมุมพักผ่อน ทำให้สองขาของผมก้าวมั่นไปยังเส้นทางนั้นทันที ในทีวีเครื่องใหญ่กำลังฉายภาพละครสักเรื่องที่ผมไม่เคยดู นางเอกคนดังกำลังร้องไห้เสียอกเสียใจกับอกพระเอก ถ้ามองตามประสาคนไม่ติดตามละครล่ะก็ต้องนับว่าฉากนี้เศร้าระทมได้สมจริง แต่เสียอย่างเดียวที่ดันมาร้องไห้ต่อหน้าคนดูที่หลับปุ๋ยไปแล้ว

ผู้ชมคนเดียวที่มีกำลังหลับสนิท เหยียดตัวสั้นๆ ยาวเต็มโซฟา ใบหน้าซบลงกับหมอนอิงที่ผมแอบเห็นว่ามีน้ำลายซึมออกมาจากปากนิดๆ ที่สำคัญยังใส่เสื้อกล้ามเนื้อบางกับกางเกงขาสั้นกุดอวดแผ่นหลังสวยกับบั้นท้ายหน้าขยำ ไม่เสียแรงที่อุตส่าห์ซื้อเตรียมไว้ให้ใส่นอนหลายชุด ถึงตอนแรกจะอิดออดหาว่าน่าเกลียดก็เถอะ แต่พอได้ลองสักครั้งก็ติดใจกับความนิ่มของเนื้อผ้าและความเบาสบาย

ก็บอกแล้วว่าผมเลือกมาอย่างดี 

ผมเดินอ้อมโต๊ะเตี้ยเข้าไปใกล้ ทรุดนั่งลงกับพื้นใกล้ใบหน้าคนนอน กลิ่นสบู่โชยแตะจมูกเจือจางจากผิวเนื้อมันทำให้อดไม่ได้ที่จะก้มลงสูดดมใกล้ๆ ผิวขาวลื่นมือก็ดึงดูดเหลือเกิน ถ้าไม่จับต้องเสียหน่อยคงจะดูไม่ให้เกียรติสินะ อืม... ผ้านี่เนื้อนิ่มแถมยังบางเบา เวลานอนเสื้อเอยกางเกงเอยถึงได้ถลกขึ้นมาอวดความฉ่ำของเนื้อไก่ สมกับราคาที่จ่ายไปซะจริง

อา...ก้นก็ช่างโดดเด้งดีเหลือเกินเมื่ออยู่ใต้ผ้าเนื้อบางแบบนี้ อืม... ไม่ว่าจะลูบคลำหรือขยำสักแค่ไหนก็ไม่เคยพอเลย แม้จะเพลินมือไม่หยอกแต่ก็ยังมีส่วนที่ทำให้เสียอารมณ์อยู่เหมือนกัน ถ้าลุงไม่ใส่กางเกงในสักหน่อยล่ะก็ ผมคงแทบจะแนบหน้าลงกับความเซ็กซี่นั้นไปแล้ว

“พี่ปูน?”  เสียงงัวเงียดังขัดกิจกรรมโปรดของผม ลุงพยายามปรือตาขึ้นมองผมอย่างสุดความสามารถ ดูงัวเงียไม่น้อย  “กลับมาเมื่อไหรอะ”

“เมื่อกี้เอง”  ผมอมยิ้มให้กับคนตรงหน้าที่ยังลืมตาไม่ขึ้นสักที มันน่าฟัดซะจนผมต้องก้มไปหอมแก้มแรงๆ อย่างหมั่นเขี้ยว

“เหม็นเหล้า”  ในที่สุดคนขี้เซาก็เผยอเปลือกตาข้างหนึ่งได้สำเร็จ  “ไปอาบน้ำเลยนะ”

“แล้วทำไมเราง่วงขนาดนี้”  ผมก้มหน้าจูบเปลือกตาข้างที่ยังลืมไม่ขึ้น ลุงหัวเราเสียงแปลกๆ เล็กน้อยแต่ก็ยิ้มออกมา  “ไปทำอะไรมา?”

“พี่กรเร่งปิดจ๊อบ”  ลุงตอบสั้นๆ พลางใช้แรงที่มีเปิดเปลือกตาอีกข้างให้ได้  “ปลายอาทิตย์ต้องไปถ่ายรูปที่รีสอร์ทอะไรเนี่ยแหละ”

ไม่เห็นไอ้เพื่อนตัวดีพูดอะไรให้ผมฟังเลย  “เหลืออีกเยอะมั้ย?”

“แก้งานไปแก้งานมาอยู่นั่นแหละ ปวดตาไปหมด พอได้แบบใหม่ก็บอกจะเอาแบบเดิม บ้าบอว่ะ”

ปัญหาขึ้นชื่อของพวกบรรดากราฟิกดีไซน์เนอร์เขาล่ะ  “งั้นขึ้นไปนอนกันป่ะ” 

ผมเป็นฝ่ายขยับตัวลุกขึ้นก่อน ยืนคอยให้ร่างปวกเปียกขยับเขยื้อน แต่จนแล้วจนรอดลุงก็ยังคงนอนแบบอยู่ท่าเดิม

“ลุง”

“อื้อ... พี่ขึ้นไปก่อนเหอะ”

ขืนปล่อยทิ้งไว้คงมีนอนต่อแน่ ในเมื่อไม่ยอมลุกขึ้นมาดีๆ ผมก็จะใช้วิธีส่วนตัวพาขึ้นไปเอง ว่าแล้วก็เริ่มพลิกตัวลุงให้ตะแคงเพื่อฉุดให้ลุกขึ้นมานั่งเสียก่อน ไอ้เด็กนี่ก็ยังงัวเงียได้อย่างเสมอต้นเสมอปลาย แต่ก็เป็นการง่ายล่ะนะ เพราะถ้าขืนตัวคงได้หนักเพิ่มกว่าเดิม

“กอดคอพี่”  ก็ได้แค่พูดนั่นแหละ เป็นผมที่จับมือไอ้ไก่ขี้เกียจมาคล้องด้วยตัวเอง แล้วจากนั้นก็ช้อนขายกขึ้นเข้าเอวทันที

“ตกๆๆ!!” 

ตื่นเลยครับ ไก่ตื่นซะแล้ว  “ไม่ตกน่า กอดแน่นๆ”  ผมขยับท่าทางอีกครั้งเพื่อให้อยู่ในท่าที่สะดวกแก่การเดิน

“วางลงเลยพี่ปูน ผมตื่นแล้ว”

“ให้สิทธิเดินเองแล้วแต่ไม่ใช้ นี่สิทธิพี่แล้วอย่ามาสั่ง”  ผมว่าเสียงเข้ม แต่ปากเนี่ยกลั้นยิ้มจนแก้มปวด เมื่อผมทำถ้าโยนตัวมันขึ้นจนลอยไปเล็กน้อย ไก่ขี้ตื่นก็รีบกอดคอผมแน่นซ้ำยังหนีบขาเข้าสะโพกผมไม่มีปล่อย

“หมดกันภาพพจน์ผัว แล้วอย่างนี้ผมจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน”

เสียงโอดครวญดังข้างหูผมอย่างช้ำชอกใจ ยิ่งเพิ่มความหมั่นไส้เป็นเท่าตัว ระหว่างโดนผมเลยทำเป็นโยนมันไปมาเรียกเสียงกร่นด่าตลอดทางเดินขึ้นบันไดเลย

“เมียจ๋า~ ไม่แกล้งผัวเนอะ มันบาป” 

เมื่อไหร่พัทลุงมันจะเบิ่งตามองความเป็นจริงบ้างนะ ทุกอย่างที่ผมทำกับมันน่ะ จะเหลือก็แต่ไถลแตงลงหลุมเท่านั้นเอง ช่างปักใจเชื่อโดยไม่มองการกระทำอะไรเอาซะเลย

หลังจากเข้ามาในห้องได้สำเร็จผมก็กระเตงไก่เดินมาถึงเตียง ลองหยั่งน้ำหนักอีกครั้งโดยการโยนไปมาให้คนที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวร้องด่าผมอีกรอบ แม้จะไม่ได้เบานัก แต่ก็ไม่ได้หนักจนทนไม่ไหวยังโยนลอยได้อย่างไม่เสียจังหวะ... โอเค ท่านี้ผ่าน!

“ปุริม! วางลุงลงเดี๋ยวนี้เลยนะ”

“ครับๆ” 

ผมตั้งใจจะโยนไก่ลงบนเตียง แต่เพราะทั้งแขนและขายังเกี่ยวผมไว้แน่น เลยกลายเป็นว่าสองคนล้มพุ่งลงที่นอนพร้อมกัน ไอ้ตัวเตี้ยถูกทับอย่างไม่ต้องสงสัยแถมยังอยู่ในท่วงท่าที่เหมาะเหม็งซะอีก แล้วผมจะปล่อยทิ้งไปทำไมให้เสียดายเวลาอันมีค่า

เมื่อผมเริ่มก้มหน้าลงไปหา ใบหน้าของลุงก็เงยขึ้นรับได้อย่างพอเหมาะพอดี ครั้นริมฝีปากแตะแต้มกันก็ไม่ต่างจากแม่เหล็กที่ยิ่งจะแนบแน่นมากขึ้นเมื่อถูกดูดเข้าหากัน ทุกรสสัมผัสนั้นเต็มไปด้วยความยินยอมและพร้อมโอนอ่อน ผมเคยกังวลมากหลังจากที่เรื่องทุกอย่างถูกเปิดเผย ผมกลัวว่าลุงจะรังเกียจสัมผัสจากผม แต่ความจริงคือลุงยังคงตอบรับราวกับว่าระหว่างเราไม่เคยมีเรื่องร้ายแรงมาก่อน

ลุงแค่พร้อมจะเดินหน้าต่อตามการตัดสินใจ แต่ผมรู้ดีว่าลุงไม่มีทางลบเรื่องนั้นไปจากใจ ลุงให้โอกาสผม และผมจะไม่มีวันทำให้ลุงผิดหวังอีกครั้งแน่นอน

จะเหลือก็แต่...ไอ้เรื่องใครผัวใครเมียเท่านั้น

“ลุง...”  หลังจากละริมฝีปากออกจากกัน ผมก็กำลังใช้มันทำหน้าที่เลาะเล็มผิวเนื้ออย่างเอร็ดอร่อย และไม่ลืมทิ้งร่องรอยบนต้นคออย่างถือสิทธิ์ ลุงกำลังระทดระทวยได้ที่ยามที่ริมฝีปากเดินทางมาถึงจุดชมวิวแหล่งที่หนึ่ง นับว่าเป็นจุดที่ต้องใช้ความสามารถเล็กน้อยกว่าที่จะได้สัมผัสแก่นแท้ของความน่ามอง

“อื้อ! พี่ปูนเบาๆ”  ลุงสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อผมครอบปากลงไปบนฐานนมสีชมพูคล้ำ ปากก็ดูดดุนไป สองมือก็ลูบไล้เนื้อตัวเพื่อกระตุ้นอีกทาง ผมขยับสะโพกเบียดถูตรงหว่างขาขนหนอนหัวแดงตื่นข้นมาจากการหลับใหล ที่จริงผมน่าจะเปลื้องผ้าตัวเองออกเสียก่อนจะได้ไม่ต้องขัดอารมณ์ขนาดนี้

“หัวเข็ดขัดพี่มันครูดเจ็บอะ ถอดกางเกงก่อน”  ไม่มีคำว่ารีรอเลยสักวินาที ผมรีบผละตัวออกมาจากอ้อมกอดอุ่นๆ ลงจากเตียงมาถอดเสื้อผ้าตัวเองด้วยความรวดเร็ว แล้วกระโดดขึ้นเตียงก่อนจะดึงกางเกงเนื้อบางออกจากลุงให้พ้นทาง และเมื่อเราโถมกายทับกันอีกครั้งทุกอย่างมันก็เร้าร้อนขึ้น

ถ้าไม่กลัวว่าไก่จะตื่นล่ะก็ ผมคงฉีกขาลุงให้กว้างแล้วยัดแตงลงหลุมไปแล้ว จะขยายพันธุ์จนตะวันขึ้นเลยคอยดูสิ แต่ในเมื่อตอนนี้ยังไม่ถึงเวลา ผมจึงต้องยั้งความต้องการที่อัดแน่นข้างในเอาไว้ก่อน กับลุงที่ยังไม่ยอมมองความเป็นจริงผมไม่ควรจะรีบร้อนให้เสียเรื่อง

อย่างน้อยตอนนี้ลุงก็ไม่เขินอายที่จะรวบแตงกับหนอนไว้คู่กัน แล้วนวดทั้งคู่ด้วยสองมือที่สากนิดๆ ขยับข้อมือได้อย่างพลิ้วไหวสมกับที่ผมสอนมากับมือ ทั้งการบีบเบาๆ เคล้าคลึง ยิ่งผ่านการฝึกฝนมากเข้าลุงก็ยิ่งช่ำชอง เพราะฉะนั้นผมจึงปล่อยสวนแตงของผมให้ลุงดูแลอย่างเต็มใจ แล้วมันมาตั้งหน้าตั้งตาหยอกล้อกับเกสรที่โผล่ขึ้นมาอวดสีสวย และสองมือผมก็ไม่ลืมที่จะวกลงไปนวดเนื้อก้นหนั่นแน่นอย่างเพลิดเพลิน

อากาศในห้องนั้นอบอ้าวเนื่องจากเครื่องปรับอากาศที่ยังไม่เปิดทำงาน แต่บนที่นอนนั้นกลับร้อนระอุยิ่งกว่า เหงื่อหยุดแล้วหยุดเล่าตกกระทบไหลรวมเป็นหยาดหยดเดียวกัน ในหัวผมไม่สามารถคิดอะไรออกได้เลยนอกจากความหยาบโลนที่กำลังกระทำอยู่ ในหูผมไม่รับรู้เสียงใดนอกจากเสียงครางของคนใต้ร่าง ดังก้องกังวานปลุกความกำหนัดให้เพิ่มขึ้นอย่างที่ไม่รู้ว่าจะจบลงได้อย่างไร

หลังจากอารมณ์ลุกไหม้มอดดับเหลือเพียงเถ้าถ่าน ลุงก็หลับไปทั้งที่เนื้อตัวยังเหนียวเหนอะ เหมือนหลายๆ ครั้งที่ผมดึงดันเอาแต่ใจเกินพอดี แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ยังเช็ดตัวให้ไก่อ่อนตัวนี้อย่างยินดีเสมอ จากนั้นจึงเป็นตาผมที่จะล้างตัวทำความสะอาดคราบคาวบ้าง ผมใส่กางเกงผ้าขายาวเพียงตัวเดียวเช่นเคย บำรุงผิวหน้าและทาโลชั่นอีกสักเล็กน้อยก็ถึงเวลาที่ผมจะโกยไก่มาอยู่ในอ้อมกอด

ลุงขยับตัวไปมาอย่างอึดอัดแต่เมื่อได้ที่เหมาะสม คนนอนก็ผ่อนลมหายใจยาวเหยียดออกมา เรานอนหันหน้าเข้าหากัน ใกล้ชิดจนลมหายใจร้อนรินรดผิวกาย ผมเลื่อนมือโอบบั้นท้ายเปลือยเปล่าใต้ผ้าห่ม ที่เจ้าตัวยกขาก่ายเกยเอวผมไว้ เสียงหายใจสม่ำเสมอทำให้ความผ่อนคลายเกิดขึ้น และในไม่ช้าผมก็หลับไป

.
.
.

>>>>>
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 13-07-2017 15:25:55 โดย L@DYMELLOW »

ออฟไลน์ L@DYMELLOW

  • กำลังงงๆ เพราะหาทางลงจาก “คาน” ไม่เจอ
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 356
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +826/-4
    • facebook
.
.
.

เจ้าของรีสอร์ทติดต่อมาว่าวันที่ไปนั้นเขาติดธุระเรื่องงานที่ต่างประเทศกระทำหัน ทำให้ผมมีช่องทางในการหว่านล้อมให้ส่งผมไปกับลุงแทน และในเมื่อเป็นเพื่อนที่รู้หัวรู้หางจะขัดลาภกันไปก็ใช่ที่ พ่อดาราจึงปล่อยทางให้ผมแต่ก็ยังกำชับว่าห้ามหิ้วลุงกับบ้านจนกว่างานที่ลุงทำอยู่จะผ่าน

นอกจากเจอหน้ากันในที่ทำงานและโทรคุยกันสั้นๆ บ้าง ผมก็ปฏิบัติตามคำเพื่อนได้อย่างดีเยี่ยม  รู้แค่ว่าลุงเอางานกลับไปทำที่บ้านทุกวัน ถึงจะเห็นมันดูลอยชายแต่เวลาที่มีงานด่วนเข้ามามันสามารถทำเสร็จให้ทันได้แบบไม่มีขอยืดเวลา ผมเดาว่าเมื่อคืนที่ผ่านมาก็คงจะอยู่โต้รุ่งแน่นอน และคงมาหลับเป็นตายเอาในรถแทน เพราะงั้นผมก็เลยตระเตรียมหมอนรองคอนุ่มๆ กับผ้าห่มไว้กันหนาวให้เรียบร้อย รถคันเดิมดูจะนอนไม่สบายผมก็เปลี่ยนเป็นรถโฟร์วีลที่คันใหญ่กว้างขวางกว่าเดิม

ไม่รู้ว่ากรมันบอกไอ้น้องลุงไว้หรือเปล่าว่าเป็นผมที่ต้องไปแทน แต่ดูหน้าตาหลังจากที่รู้แล้วผมเดาว่าคงไม่... มันเดินสะพายกระเป๋ากล้องตามหลังผมมาเงียบๆ หน้าตาอิดโรยแบบที่เป็นเสมอยามต้องเร่งงาน ถึงจะเป็นตาชั้นเดียวแต่ก็โตเอาเรื่องของมันปรือปรอยไม่ถึงครึ่ง ผมต้องเปลี่ยนเป็นเดินจูงมันมาขึ้นรถแทนเพราะกลัวว่าจะล้มหัวฟาดพื้นซะก่อน

“ไม่ได้เอาเสื้อผ้ามาด้วยรึไง”   ผมถามไปอย่างนั้นแหละ ก็เห็นอยู่แล้วว่ามันมาตัวเปล่ากับกระเป๋ากล้องเท่านั้น

“ต้องเอามาด้วยเหรอ เช้าไปเย็นกลับเองนี่”

“เฮ้ยๆ เพชรบูรณ์นะเว่ย ไม่ใช่เพชรบุรี”   ผมจับมันยัดเข้ารถ ก่อนจะเดินอ้อมมาขึ้นด้านคนขับ พอเปิดประตูขึ้นไปนั่งก็เห็นมันมองนั่นนี่ในรถไปทั่ว   “ทำไม?”

“รถใครอ่ะพี่?”

“ของพี่เอง ก็เราเดินทางไกล คันนี้มันนั่งสบายกว่า”

“ของพี่! -- โห...พี่มีรถกี่คันเนี่ย”   ลุงทำปากเป็นรูปตัวโอเหมือนเด็กเวลาเห็นอะไรน่าตื่นใจ   “พี่ผ่อนรถสองคันเลยเหรอ เดือนเท่าไหร่อ่ะ”

“ทำไมต้องผ่อน?”

“อ้าว? ก็...”

“พี่มีเงิน หล่อด้วยและรวยมาก...ซื้อสดทุกคันเข้าใจนะ”   พูดพลางยักคิ้วให้คนมองสักหนึ่งที ไอ้น้องลุงนี่เบ้ปากจนเบี้ยวไปแล้ว   “ถ้าง่วงก็นอน ปรับเบาะไปเลย”

“ได้เหรอ? เดี๋ยวพี่ไม่มีคนนั่งเป็นเพื่อน”   เสียงลุงอ่อยในทันที มันคงรู้สึกเกรงใจล่ะมั้งถ้าตัวเองนอนสบายคนเดียว

“ก็มีลุงไปด้วยแล้วนี่ไง หรือว่าลุงไม่ใช่คน”   ผมเลิกคิ้วถาม ลุงก็แยกเขี้ยวใส่   “แล้วนี่กินข้าวมารึยัง?”

“ผมเพิ่งได้นอนตอนหกโมงเองพี่ เก้าโมงก็ตาลีตาเหลือกมานั่งอยู่ในรถเนี่ย จะเอาเวลาที่ไหนไปกิน”   ไอ้น้องลุงหลิ่วตามองผมอย่างกับว่าผมเป็นพวกช่างถามแบบไร้หัวคิด มันน่าตบบ้องหูสักทีจริงๆ

“มันมีคำตอบสั้นๆว่า ‘ยังครับ’ อยู่นะ”

“ผมต้องการอธิบายถึงที่มาที่ไปหรอกน่า”   เป็นอีกครั้งที่มันแถแบบยั่วโมโหได้สำเร็จ ผมจำต้องปล่อยไอ้เด็กไม่มีเหล่าเต๊งไปอย่างจำใจ ขืนหาความกับมันต่อผมคงได้ถีบแฟนตัวเองลงจากรถแน่

“ไปกินข้าวก่อนมั้ย? เสร็จแล้วลุงจะได้นอนยาว เดี๋ยวระหว่างทางพี่แวะซื้อของจำเป็นสำหรับค้างคืนให้เอง”   ผมลองเสนออย่างใจเย็น ขณะที่ไอ้เด็กกากเกรียนจ้องผมตาปริบๆ มันมองผมนิ่ง กระแสความกดดันอ่อนๆพุ่งใส่จนผมจำต้องหันหน้ากลับไปสบตาลุง

“ทำไมพี่กรถึงให้พี่ไปแทนล่ะ?”

“...มันติดงานน่ะ”

“แต่ผมได้ยินว่าพี่กรเคลียร์คิวไว้แล้วนี่นา”

“หรือลุงไม่อยากไปกับพี่? บอกได้นะ”  ปากก็พูดไปแต่มือนี่สตาร์ทรถแล้ว หันไปมองคนขี้สงสัยก็เห็นว่าอมยิ้มอยู่ไม่ตอบอะไร ผมจึงเข้าใจว่านั่นคือการยอมรับแต่โดยดี 

รถยนต์คันใหญ่เริ่มขับเคลื่อนออกจากที่จอด สักพักลุงก็เริ่มนั่งเหม่อตาลอยๆ ยังไม่ทันจะพ้นกรุงเทพดี ไอ้เด็กข้างๆ ก็หลับสนิทชนิดที่ได้ยินเสียงกรนเบาๆ ดังลอดออกมา แถมยังมีการบ่นงึมงำไม่ได้ศัพท์ดูท่าว่าลุงจะเหนื่อยจัดจริงๆ ยังดีที่เวลาลุงไม่เมาก็จะนอนนิ่งเรียบร้อย เพราะขืนมันนอนดิ้นแบบที่ผมเจอในคืนแรกร่างกายคงได้สะบักสะบอมเป็นแน่

ผมอาศัยจังหวะที่รถติดไฟแดงเอื้อมหยิบผ้าห่มกับหมอนจากเบาะหลังมาให้คนง่วงจัด ยังดีที่ไฟแดงติดยาวนานถึงได้มีเวลาบรรจงยกหัวลุงขึ้นแล้วสอดหมอนรองคอให้อย่างนิ่มนวล ผมยืดตัวอีกครั้งเพื่อเอื้อมปรับเบาะนั่งให้เอนนอนราบก่อนจะห่มผ้าผืนบางคลุมให้จนมิดตัว ลุงหลับนิ่งชนิดที่ผมยังเกรงใจถ้าจะเปิดเพลงฟังแก้เบื่อ นิสัยเสียอย่างหนึ่งของผมคือเป็นพวกนั่งเงียบในรถนานๆ ไม่ได้ เพราะหนังตามันพร้อมจะปิดลงทุกเมื่อจากความเย็น แต่ตอนนี้ถ้าจะให้เปิดเพลงก็กลัวว่าพ่อเจ้าประคุณจะตื่นขึ้นมาแล้วจะทำปากยื่นพ่นคำกวนโมโหเอาให้

ระหว่างทางผมแวะร้านมินิมาร์ทซื้อพวกแปรงสีฟัน ถัดมาก็เป็นร้านขายเสื้อผ้าเพื่อซื้อเสื้อยืดกับกางเกงไว้ให้ใส่นอน แต่ไม่ว่าจะจอดรถหยุดสักกี่ครั้งลุงก็ยังหลับสนิทได้อย่างน่าตกใจ

ทนง่วงมานานจนเข้าเขตจังหวัดสระบุรีไม่เท่าไหร่ คนข้างๆ ที่นอนท่าเดิมมานานก็เริ่มขยุกขยิกตัว ให้เดาว่าไม่ใช่เพราะแดดที่แรงเปรี้ยงจากด้านนอกแน่นอน แต่คงเป็นเพราะเสียงครวญครางจากกระเพาะอาหารต่างหาก มันดังเป็นระรอกให้ผมหลุดขำมาสักพักแล้ว ผมยังคงแสร้งเฉยชากับอาการยุกยิกไปมาของลุง และจากทางหางตาที่คอยเหลือบมองก็เห็นว่าไก่วัดตัวแสบกำลังหยิบๆ จับๆ หมอนกับผ้าห่มด้วยความงุนงง แต่สุดท้ายก็ทิ้งตัวลงนอนท่าเดิมแล้วมองผมตาปริบๆ

“ปุริม~”   เสียงเรียกอู้อี้ดังขึ้นท่ามกลางความเงียบ ผมหันกลับไปมองแว่บหนึ่งแล้วเลือกที่จะหันกลับไปมองถนนตามเดิม ให้ตายสิ! ผมชอบเวลาลุงเรียกผมแบบนี้จริงๆ

“หิวแล้ว...”   คำต่อที่ไม่เหนือความคาดหมายสักเท่าไหร่หลุดตามออกมาติดๆ เสียงนี่ทั้งอ่อยทั้งอ้อน เนี่ยเหรอวะคนที่มโนตัวเองว่าเป็นผัวของผม

“อยากกินอะไรล่ะ?”   ผมถามเสียงเรียบ พยายามทำตัวปกติไม่ให้ออกอาการจนมันรู้ว่าผมพร้อมหักพวงมาลัยเข้าร้านไหนก็ตามที่มันต้องการได้ทุกเมื่อ

“อะไรก็ได้ที่ทำให้อิ่ม”

“ขี้มั้ยล่ะ? กินเข้าไปก็คงอิ่มเหมือนกัน”

“ผมไม่กินอะไรแปลกๆ เหมือนพี่หรอก”   ไอ้ไก่กวนโอ๊ยบิดขี้เกียจเล็กน้อยก่อนปรับเบาะนั่งให้ตั้งตรงตามเดิม   “ปกติพี่กินขี้บ่อยเหรอ?”

วาจาไม่มียอมกั๊กของมันทำเอาผมต้องยื่นมือออกไปผลักหัวมันบ่อยๆ ครั้งนี้ก็ไม่มีละเว้น ลุงแยกเขี้ยวใส่ผมหนึ่งทีแล้วลูบผมตัวเองไปมาอย่างกับว่าไอ้ผมฟูฟ่องของมันจะเข้าที่เข้าทางไปมากกว่าที่เป็น จากนั้นก็เบือนสายตาผ่านกระจกออกไปมองรอบสองข้างทางพลางย่นคิ้วยู่ปากคิดหาของกินไปด้วย

“พี่อยากกินอะไรอ่ะ?”   ลุงหันมาถามผมคล้ายจะสรุปความคิดตัวเองไม่ได้

“อะไรก็ได้”   ผมตามส่งๆ แต่ทำเอาคนฟังแก้มตูม

“อะไรก็ได้ไม่มี”   มันมองผมอย่างกับพูดคำไม่สมควรออกมา   “เอางี้นะ พี่พุ่งเข้าใส่ร้านอะไรก็ได้ที่เจอร้านแรกเลย ไม่ต้องตัดสินใจมาก”   ลุงพูดขึ้นในที่สุดหลังจากทำท่านึกอยู่สักพัก มันหันมาฉีกยิ้มให้ผมด้วยสีหน้ามาดมั่น 

“แล้วถ้าเกิดว่ามันเป็นร้านอาหารป่าล่ะ”   ผมหยั่งเชิง เพราะถ้าขืนเป็นงั้นผมคงจอดแล้วยันมันลงไปกินคนเดียว

“อันนั้นผ่านมั้ย? ผมไม่สันทัดเท่าไหร่”

“จัดไป”

“นับถอยหลังที่ 10, 9, 8...”  ผมมองเด็กไม่รู้จักโตด้วยสีหน้าเปื้อนยิ้ม ลุงมีความขี้เล่นในตัวเองสูงมากเพราะงั้นคนอื่นเลยรู้สึกมีความสุขเวลาอยู่ใกล้ๆ  “2, 1, 0 -- ชิดซ้ายร้านหน้าเลยพี่ปูน!”

สิ้นคำสั่ง ผมก็หักพวกมาลัยชิดซ้ายทันทีที่ได้จังหวะ ผมยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามันเป็นร้านอะไรแต่ก็ถูกความกระตือรือร้นชักนำไปจนกระทั่งตอนนี้ที่รถถูกดับเครื่องยนต์หน้าร้านที่ไม่รู้ว่าจะเรียก ‘ร้าน’ ได้เต็มปากเต็มคำมั้ย จะอธิบายแบบไม่ให้สะเทือนใจคนมองก็คงจะเป็นร้าน เอ่อ...ซุ้มเพิงไม้สี่ต้นที่มุงหลังคาด้วยจาก มีโต๊ะไม้ยาวที่อายุอานามน่าจะไม่ต่ำกว่าร้อยปีวางหม้อชามรามไหและตู้กระจกเล็กๆ สกปรก ข้างกันมีเตาแก๊ซปิกนิคสีแดงมอซอกับกระทะที่ก้นดำเขรอะ มีโต๊ะไม้ไผ่ผุพังกับเก้าอี้พลาสติกบุโรทั่งสามตัว ส่วนเจ้าของร้านคงหนีไม่พ้นป้าคนหนึ่งที่กำลังยืนโบกตะหลิวตะโกนสนทนา(ด่า)วิน มอเตอร์ไซค์ที่อยู่ใกล้กัน

ผมหันไปมองคนข้างๆ ด้วยตาลุกวาว ไอ้ลุงคงไม่เอาจริงใช่มั้ย? มันคงจะไม่มาดมั่นในคำพูดมันหรอกนะ แต่แทนที่จะเข้าใจการสื่อสารผ่านแววตาของผม ไอ้เด็กกวนกลับยักคิ้วท้าทายแล้วเปิดประตูรถลงไปทันที ผมสูดลมหายใจเข้าปอดเรียกความกล้าหาญ ปกติแล้วผมเป็นคนชอบกินอาหารข้างทางแต่ถ้าจะเจอลักษณะแบบนี้ก็คงต้องเรียกกำลังใจกันบ้าง ผมเปิดประตูออกเดินไปสมทบกับลุงที่ยืนด้อมๆ มองของในตู้กระจก

“พี่จะกินอะไร ป้าแกขายอาหารตามสั่งแหละ”   มันหันมามองผมเพื่อขอคำตอบ ในตู้เขลอะๆ นั้นไม่ได้มีอะไรมากมายนักส่วนมากก็เป็นพวกผักเหี่ยวๆ จากอากาศร้อนอบอ้าว   “ผมควรจะสั่งเลยหรือว่ารอป้าแกด่าเสร็จก่อนดีวะพี่”

อย่างที่ลุงว่า เพราะป้าแกยังแผดเสียงใส่มอเตอร์ไซค์วินวัยรุ่นคนหนึ่งอยู่อย่างต่อเนื่อง ชนิดที่ไม่รับรู้สักนิดว่าลูกค้าเข้าร้านมาแล้ว ผมแทบอยากจะฉุดลุงกลับขึ้นรถแล้วบึ่งไปร้านอะไรก็ได้ที่ไม่ใช่ร้านนี้ แต่มันคงต้องแซวผมไปตลอดทางแน่ถึงความป๊อด เพราะงั้นผมจึงยืนรอจนกระทั่งป้าแกเสร็จสิ้นภารกิจแล้วหันกลับมาเพื่อตกใจว่ามีลูกค้าสองคนรอคอยอย่างสงบ

“นี่ก็ยืนฟังกันไม่กระดิกเลย”   ประโยคทักทายลูกค้าของป้าทำเอาผมสองคนแอบขำ มันคงน่าโมโหกว่านี้ถ้าสีหน้าป้าแกจะไม่ดูขัดเขิน   “แต่งตัวกันดีๆ มาร้านอย่างนี้ทำไม?”

ลุงตาโตกับคำพูดถัดมาของป้า มันเม้มปากคล้ายไม่รู้จะโต้ตอบอย่างไรดี   “ผมหิวอ่ะป้า ว่าแต่ผมสั่งเลยได้มั้ย”

“สั่งมาเลย มีทุกอย่างยกเว้นของที่ไม่มี”   ป้าแกตอบอย่างมั่นใจแล้วเคาะตะหลิวโป๊กๆ กับกระทะใบเก่า ผมควรจะโมโหกับวาจาและกิริยาที่ไม่ดีของเจ้าของร้าน แต่ผมกลับอมยิ้มกับคำยอกย้อนที่ทำให้คนข้างๆ ผมอ้าปากค้างแทน

“กะเพราหมูสับไข่ดาวครับป้า”   ลุงสั่งอาหารกันตายออกมาในที่สุดก่อนจะหันมามองผม

“สองครับป้า”   ผมก็สั่งตามมันไปจะได้เร็ว

ป้ารับคำเสร็จสรรพก็ไล่เราไปนั่งที่โต๊ะไม้ไผ่เก่าๆ พลางชี้นิ้วไปยังร้านค้าที่อยู่ไม่ไกลเพื่อให้ไปหาซื้อน้ำเอาเอง ช่างเป็นร้านที่เปิดขายแบบไม่แคร์อะไรเลยจริงๆ เป็นอีกครั้งที่ลุงอาสาเดินไปซื้อให้แบบไม่เกี่ยงงอน ถ้าจะให้นับก็คงตั้งแต่ที่มันตัดสินใจเป็นผัวผมล่ะนะ เพราะหลังจากนั้นเวลาอยู่ด้วยกันผมแทบไม่ต้องหยิบจับอะไรด้วยตัวเองเลย ลุงบริการทำทุกอย่างสมกับที่มันบอกว่าจะดูแลผมอย่างดี จนผมรู้สึกว่าตัวเองติดสบายไปแล้วซะด้วยซ้ำ

ลุงเดินกลับมาพอดีกับที่ป้าเดินเอาข้าวกะเพราสองจานมาวางบนโต๊ะ จานนึงมีไข่ดาวแห้งๆ โปะอยู่หมิ่นเหม่ กับอีกหนึ่งจานมีไข่ดาวไม่สุกวางอยู่กึ่งกลางอย่างสวยงาม ลุงลงนั่งที่เก้าอี้ หมุนฝาน้ำดื่มวางลงตรงหน้าให้ผมพลางจ้องมองไข่ดาว

“พี่ชอบไข่ดาวแบบไหน”

“ไม่สุก”   ผมตอบพร้อมกับยื่นหน้าเข้าไปใกล้เพื่อกระซิบต่อ   “พี่ชอบเดาะไข่แดง”

“เจาะเหอะพี่ ไปลงเรียนภาษาไทยใหม่เถอะนะ”   ลุงเบือนหนาหนีไปอีกทางแต่หูมันแดงก่ำไปหมด ไม่รู้ว่าไปนึกถึงช่วงเวลาไหน ผมยังคงยื่นหน้าอยู่ที่เดิมเพื่อรอเวลามันหันมา ลุงเหล่มองก็ยิ่งเขินหนักจนต้องผลักหน้าผมให้พ้นทาง   “กินข้าวเหอะนะได้โปรด”

อาหารไม่ได้รสชาติแย่นักเมื่อเทียบกับสภาพร้าน แต่ถึงแม้จะเป็นอย่างนั้นลุงก็ปฏิเสธที่จะสั่งอีกจานแม้จะยังไม่อิ่ม ผมจึงตัดสินใจบอกลาร้านอาหารที่คาดว่าจะไม่แวะมาอีกเพื่อไปแวะปั๊มน้ำมันข้างหน้า ผมเติมน้ำมันและปล่อยลุงลงตรงหน้าร้านสะดวกซื้อหลังจากที่มันย้ำถามผมหลายรอบว่ากินขนมบนรถได้หรือไม่ ผมนั่งรอไม่เท่าไหร่ก็เห็นไก่ตัวเดิมเดินกลับมาพร้อมของถุงเบ้อเริ่มและแก้วกาแฟในมือ

“อันนี้ของพี่แบบที่กินประจำ แต่ไม่รู้อร่อยรึเปล่านะ”   มันยื่นแก้วสูงให้ผมถือไว้ ลองชิมไปอึกนึงก็เป็นรสชาติหวานน้อยแบบที่กินปกติแต่ไม่ได้อร่อยเอาซะเลย ผมเลยยื่นหลอดเข้าปากให้ลุงชิม   “เป็นไง?”

“จืด! ไม่เห็นอร่อยเหมือนร้านประจำของพี่เลยอะ”

“ทีหลังก็ถามเขาก่อนซื้อว่าพี่ใช้มือหรือตีนชง”   ผมดูดกาแฟชืดๆ อีกครั้งแล้ววางลงตรงที่วางแก้ว ถึงไม่อร่อยแต่อย่างน้อยมันก็เป็นคาเฟอีนล่ะนะ

“ผมจะได้โดนขาคู่กระแทกปากอ่ะดิ”   มันแยกเขี้ยวให้ผมเสร็จก็หันกลับไปเปิดถุงขนมกินอย่างสบายใจ

หลังจากอิ่มหนำดีแล้วลุงก็อาสาขับแทนจนถึงที่หมายโดยไม่มีการหลงทางให้เสียเวลา ทางเข้ามีป้ายชื่อรีสอร์ทขนาดใหญ่ตั้งอยู่ท่ามกลางทุ่งดอกไม้ สองข้างทางร่มรื่นมีฉากหลังเป็นภูเขาสูงสีเขียว แม้จะไม่ใช่หน้าหนาวแต่ความสวยงามก็ยังมีให้เห็น เมื่อขับเข้าไปได้ไม่เท่าไหร่ก็พบกับอาคารหลังใหญ่ที่ทำจากไม้ทั้งหลัง มีลานจอดรถกว้างขวาง มีร้านขายของขนาดย่อมไว้บริการ

ผมเดินเข้าไปในอาคารโดยมีลุงหิ้วกระเป๋ากล้องกับกระเป๋าเสื้อผ้าใบเล็กของผมตามมาติดๆ พนักงานที่ฟร้อนต์ยกมือสวัสดีด้วยความสุภาพ เท่าที่สำรวจภายนอกนั้นทุกอย่างดูใหม่ชนิดที่รู้ได้ว่าเพิ่งเปิดบริการก่อนหน้านี้ไม่กี่วัน ลานจอดค่อนข้างโล่ง ภายในก็ไม่พลุกพล่าน

“ผมมาจาก Graphic House ครับ คุณกฤษนัดไว้วันนี้”   ผมฉีกยิ้มการค้าให้กับพนักงานสาวที่ยิ้มเอียงอายตอบผมกลับ

   “วันนี้คุณกฤษไม่อยู่ค่ะ แต่ได้สั่งความให้ดูแลคุณอย่างดี”   

   “ขอบคุณครับ งั้นผมขอเปิดห้องหนึ่งคืนครับ”   ผมล้วงกระเป๋าหยิบบัตรสีดำยื่นให้พนักงาน   “ถ้ายังไงแล้วช่วงที่ต้องถ่ายรูปคงต้องรบกวนให้ช่วยพาไปในจุดที่ต้องการนำเสนอทีนะครับ”

   “ไม่มีปัญหาค่ะ”

หลังจากนั้นพนักงานชายคนหนึ่งก็ถูกเรียกมาเพื่อนำเราไปยังห้องพักเดี่ยวส่วนการ์เด้นโซน เดินไม่ไกลจากอาคารอำนวยการเท่าไหร่ก็มาถึงบริเวณที่เรียกว่าคงถูกใจคนรักชอบดอกไม้แน่ เพราะผืนหญ้าสีเขียวที่ถูกตัดแต่งอย่างดีมีแผ่นหินหลากหลายรูปทรงวางทอดเป็นทางเดิน สุมทุมพุ่มไม้มากมายถูกปลูกขึ้นอย่างลงตัว มีมุมหลายมุมที่คงถูกใจคนชอบถ่ายรูปไม่น้อย ดูจากสายตาของคนข้างๆ ผมที่จับกระเป๋ากล้องแน่นด้วยแววตาเหมือนเด็กเห็นของเล่น ผมต้องคอยกระตุ้นแผ่นหลังของลุงเป็นระยะไม่ให้เดินออกนอกเส้นทางจนกระทั่งมาถึงห้องพัก

กระท่อมไม้ชั้นเดียวไม่เล็กไม่ใหญ่ตั้งกระจัดกระจายกันไปทั่วบริเวณ ด้านหน้าแต่ละหลังมีระเบียงขนาดกะทัดรัดเพื่อวางชุดโต๊ะไม้ไว้สำหรับจิบชาชมวิว พนักงานเดินนำเราขึ้นไปเปิดระบบไฟฟ้าและแนะนำการใช้งานเล็กน้อยก่อนจะขอตัวออกไปพร้อมกับเงินค่าทิปที่ผมยื่นให้เป็นทำเนียม

“สวยสุดๆไปเลยเนอะพี่ปูน”   ลุงปรี่เข้าไปหาหน้าต่างที่เปิดอ้ารับลมไว้ทันที กลิ่นอ่อนๆ ของดอกไม้ตลบอบอวลไปทั่วทั้งห้อง ลุงสูดหายใจเฮือกแล้วเฮือกเล่าอย่างกับคนไม่เคยได้ดมดอมความหอมมาก่อน ผมได้แต่ยิ้มกับความไร้เดียงสาในบางทีของชายหนุ่มวัยฉกรรจ์คนนี้ที่หลายครั้งมันแสดงออกมาในมุมของความซื่อที่ดูจะบื้อไปบ้าง แต่ในอีกหลายครั้งเช่นกันที่มันก็ดูน่าเอื้อเอ็นดูเหลือเกิน

ผมเดินตรงเข้าไปซ้อนแผ่นหลังตรงหน้า โอบแขนรอบตัวอีกฝ่ายพร้อมกับเอาคางเกยบนหัวทุยๆ นั้นได้อย่างพอเหมาะพอดี ไม่เสียทีที่ผมดื้อดึงจะมาแทนกรเสียให้ได้ ทั้งรอยยิ้ม ทั้งเสียงหัวเราะ ทุกสิ่งที่ลุงเป็นมันดูช่างคล้อยไปกับบรรยากาศเหลือเกิน เหมือนตอนนี้ตัวผมได้โอบกอดแสงสว่างอยู่ก็ไม่ปาน

 “พี่ปูน? อึ๊!...อื้ม”   แม้ขณะที่ผมทาบริมฝีปากลงไป ลุงก็ยังเผยอกลีบหวานเชื้อเชิญผมเข้าไปลิ้มรสง่ายๆ ไร้แววแข็งขืน มีแต่ความโอนอ่อนผ่อนตามอยู่ในทุกอณูที่ผมแตะต้อง ยินยอมพร้อมใจจนกระทั่งลมหายใจขาดตอน ผมละริมฝีปากออกมาเพื่อมองใบหน้าของผู้ชายที่เพิ่งได้รับจูบจากผู้ชายอีกคน มันทั้งดูน่ารักและยั่วยวนเกินกว่าจะเชื่อได้ว่าทั้งหมดทั้งมวลมาจากความเข้าใจผิด

“จูบอีกนะ...”   และก่อนที่อีกฝ่ายจะทันตั้งตัว ริมฝีปากของผมก็ฉกลงหาความนุ่มอีกครั้ง หากคราวนี้ลึกล้ำและยาวนานกว่าเดิม

เบื้องหน้านอกหน้าต่างคือความงามของธรรมชาติ ในบรรดาดอกไม้หลากหลายพันธุ์ตรงหน้า ผมอยากจะเปรียบความสดใสร่าเริงที่แฝงความมีเสน่ห์ของลุงเป็นดอกไม้สักต้น แต่ลุงก็ไม่ได้ให้ความรู้สึกบอบบางน่าทะนุถนอมเหมือนพวกนั้นสักนิด ถ้าจะให้เปรียบจริงๆ ก็คงจะเหมือนพืช...พืชกินแมลง

“ขำอะไร?”   ลุงเอียงหน้าด้วยความสงสัย ขณะที่ผมละริมฝีปากออกเพื่อกลั้นขำกับความช่างเปรียบเทียบของตัวเอง นั่นสินะทั้งที่ดูแปลกตาแต่กลับไม่ไร้พิษสง ดูน่ารักแต่ก็ประหลาดในคราวเดียวกัน

“เปล่าๆ”   แล้วผมก็ประกบปากแนบลงอีกครั้ง

พืชกินแมลงงั้นหรือ?

ถ้าอย่างนั้นคงเป็นพวก ‘กาบหอยแครง’ ล่ะนะ ทั้งที่มองดูก็รู้ว่ามันไม่ปลอดภัย แต่แมลงโง่ๆ ก็ยังบินไปเกาะ สุดท้ายก็ถูกขังเอาไว้ในปากด้วยซี่แหลมๆ บินหนีไม่ได้ สุดท้ายก็ขาดอากาศตายอยู่ในนั้น

แล้วแมลงตัวนั้นจะเป็นใครไปได้เล่า...ทั้งที่รู้ว่าจะต้องขาดใจ แต่ก็ยอมบินเข้าไปอย่างยินดี
 
 

_________________________________________________________________TBC.

เหมือนเฮียปูนจะเป็นเอามาก เปรียบเมียเป็นพืชกินแมลงได้ยังไง 555

 :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ winndy

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1129
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +89/-3
เฮียปูนเดินหน้าสุดๆ

ออฟไลน์ darling

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1741
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-7

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด