◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| *แจ้งข่าวหนังสือ* || 5-3-63 หน้า 54 ||
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| *แจ้งข่าวหนังสือ* || 5-3-63 หน้า 54 ||  (อ่าน 302358 ครั้ง)

ออฟไลน์ Peung002

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 870
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-0
รักไก่น้อยแสนซื่อ จะคอยตามลุ้นนะคะว่าจะเสร็จสมภารเมื่อไหร่ 555  :hao3:

ออฟไลน์ NongJesZa

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 170
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
เย้ๆๆ มาต่อแล้ว คิดถึงลุง น่ารักตลอดแหละลุง~ กิ้วๆ  :o8:

ออฟไลน์ L@DYMELLOW

  • กำลังงงๆ เพราะหาทางลงจาก “คาน” ไม่เจอ
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 356
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +826/-4
    • facebook
ตอนที่ 12 _ทำไมถึงทำกับฉันได้_




[ปอ.โป้ย] 



ผมชื่อ ‘โป้ย’ ที่เพี้ยนมาจาก ‘โป่ย’ ในภาษาจีนแต้จิ๋วที่แปลว่าแปด อากงแกเรียกส่งๆ ตั้งแต่ผมเพิ่งเกิดเพราะว่าเป็นหลานคนที่แปดที่เกิดจากลูกชายคนที่แปดของแก นับจากนั้นคนทั้งตระกูลก็เลยเรียกกันตามเลยแบบที่ไม่คิดว่าชื่อนั้นจะฟังดูประหลาดแค่ไหน

ชีวิตในครอบครัวก็ไม่จัดว่าเรียบง่ายนักสำหรับการอยู่รวมกันกว่าสิบชีวิตในบ้านหลังใหญ่ บ้านเดี่ยวบนพื้นที่จำกัดแต่ถูกพลิกแพลงสร้างขึ้นเป็นตึก 4 ชั้นพร้อมกับลิฟต์โดยสารขนาดเล็ก หนึ่งชั้นต่อหนึ่งครอบครัวอยู่รวมกันเหนียวแน่นมานาน ลูกเด็กเล็กแดงวิ่งกันกระจองอแงช่างน่ารำคาญดีแท้ แต่ที่เรียกได้ว่าสงครามย่อมๆ ก็คงหนีไม่พ้นวันรวมญาติในเทศกาลต่างๆ ในวันนั้นบรรดาอาแปะกับอาโกวที่ยังมีชีวิตอยู่ก็จะขนครอบครัวมาเคารพอากงที่ยังแข็งแรงดุจต้นไม้ร้อยปี

อากงนั้นเป็นผู้เฒ่าใจดีที่มีชื่อเสียงเลื่องลือมานานในย่านร้านตลาด ใครลำบาก ใครมีปัญหาแกจะยื่นมือเข้าช่วยเท่าที่ทำได้ ส่งผลให้แกกลายเป็นประธานชุมชนมาหลายปีหลายสมัย ผมเดาว่าบุญบารมีที่แกสั่งสมบวกกับการรำไท่เก๊กที่แสนโปรดปรานในทุกเช้านั้น ทำให้อากงสุขภาพแข็งแรงยิ่งกว่าลูกสาวลูกชายแกบางคนเสียอีก และด้วยความที่แกเป็นผู้เฒ่าผู้แสนใจดีชอบเล่นกับเด็ก จึงทำให้ผมที่อาศัยร่วมชั้นกันนั้นทนไม่ไหวจนแทบจะเป็นประสาท

ใครว่าครอบครัวใหญ่ดีก็ช่างเหอะ แต่ผมขยาดการมีลูกก็เพราะอยู่ในครอบครัวใหญ่นี่แหละ!

เล่นกับเด็กก็พอไปไหวอยู่หรอกแต่จะให้มาขลุกอยู่ด้วยเห็นทีคงไม่สามารถ อาม๊าเห็นผมใกล้จะบ้าเลยเห็นควรว่าผมต้องออกไปใช้ชีวิตที่เงียบสงบของตัวเอง และนับจากอายุ 17 เป็นต้นมาชีวิตของผมก็ราบรื่นสงบสุขดีเยี่ยม

แขกประจำห้องพักของผมมีสองคน

หนึ่งคือพัทลุง ผู้ที่เห็นว่าสถานที่ที่ไร้ซึ่งผู้ปกครองคือสวนสวรรค์ นับว่าห้องนี้เปิดซิงเพื่อนผมในหลายๆ เรื่อง เช่น ดูหนังโป๊ครั้งแรก ดื่มเหล้าครั้งแรก ลองบุหรี่ครั้งแรก และเนื่องจากการอำนวยความสะดวกอย่างเต็มที่ของผม มันจึงได้มีเซ็กส์ครั้งแรกกับแฟนคนแรกในห้องนอนแขกที่มีมันเป็นคนแรกที่ได้นอน คิดเอาแล้วกันว่าผมรักเพื่อนคนนี้มากแค่ไหน...

คนที่สอง คือพี่ชายที่ได้รู้จักกันมาตั้งแต่ผมยังเพิ่งเดินเตาะแตะ แม่ของพี่ชายคนนี้ถูกอากงช่วยเหลือไว้ในยามที่ลำบากที่สุดในชีวิต อากงมักชื่นชมความสู้ชีวิตของแม่ลูกคู่นี้ให้ฟังบ่อยๆ มีการเรียนรู้พัฒนาตัวเอง ขยันอดทน ซื่อสัตย์ไว้ใจได้ อากงเคยปากกัดตีนถีบมาก่อน คำว่าเสื่อผืนหมอนใบก็ประสบมาแล้ว ดังนั้นเมื่อเจอคนไม่งอมืองอเท้าแม้เจียนตาย ซ้ำยังเป็นแม่หม้ายลูกเล็ก อากงเลยเอ็นดูสองแม่ลูกคู่นี้มากเป็นพิเศษ ‘นึกถึงสมัยที่อาป๊าหอบอั๊วโล้สำเภากันมา ลำบากแสนเข็ญ เลือดตาแทบกระเด็นกว่าจะลงหลักปักฐานมั่นคง ถ้าอั๊วท้อแท้ยอมแพ้โชคชะตาพวกลื้อจะมีหน้ามายืนจับผิดอั๊วอย่างนี้รึ พวกลื้อมันเกิดมาบนกองเงินกองทอง ไม่เข้าใจหรอกว่าการอดมื้อกินมื้อเป็นยังไง’ นั่นคือสิ่งที่อากงเคยพูดกับทุกคนยามที่ลูกหลานบางคนค่อนข้างจะต่อต้านที่อากงเอ็นดูแม่หม้ายกับลูกติดคนนั้นจนเกินควร

นอกจากจะส่งเสียให้เรียนหนังสือเพิ่มเติมแล้ว ยังสอนวิชาค้าขายไว้ให้ติดตัว แถมเมื่อถึงเวลายังหาสามีให้คอยเกื้อหนุนกัน แม้ไม่ร่ำรวยเงินทองแต่ความพากเพียรจะต่อยอดให้เอง ผมยังเคยแอบได้ยินว่าคุณน้าสั่งสอนลูกชายให้เคารพอากง เติบใหญ่ต้องตอบแทนคุณห้ามเนรคุณเด็ดขาด

สำหรับคุณน้า อากงคงเหมือนผู้ช่วยชีวิต เหมือนผู้ให้ลมหายใจครั้งที่สอง ต่อเมื่อถึงเวลากางปีกโบยบินออกไปก็ยังหมั่นมาเยี่ยมเยียนปรนนิบัติอากงจนถึงทุกวันนี้ และพี่ชายคนนั้นที่คล้ายจะเป็นพี่เลี้ยงและเพื่อนเล่นของผมมาตลอดก็ยังคงความสนิทสนมกัน แม้จะจับพลัดจับผลูได้เป็นดารามีชื่อเสียงก็ยังคงซาบซึ้งในบุญคุณของอากงและเอ็นดูผมไม่เปลี่ยนแปลง

พันกร คือคนดีที่ยึดมั่นในคำสอนสั่งของมารดา ความคิดและความรู้สึกของตัวเองอย่างที่สุด...

เพราะฉะนั้นผมถึงได้ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมคนๆ นี้ถึงได้มีความอดทนและมั่นคงจนน่าสงสารขนาดนี้ ทั้งที่สามารถหาผู้หญิงเพื่อคลายความรุ่มร้อนได้ หรือแม้กระทั่งดาราด้วยกันที่หมั่นขายขนมจีบให้ ตลอดมาจนถึงตอนนี้นอกจากผู้หญิงชั่วคืนที่นานๆ จะมีมาให้รับรู้สักคน พันกรก็คือผู้ชายไร้แฟนที่ชีวิตมีแต่งานกับครอบครัว...และตัวผม

แต่ถึงอย่างนั้น...เขาก็ไม่กล้ายื่นมือมาหาผมอย่างจริงจังสักที

.

.

.


พี่กรก็คือพี่ชายที่สนิทกันมากคนหนึ่ง ฉลาด ใจดี และนอบน้อม อาจจะเพราะด้วยการปลูกฝังทำให้พี่กรไม่เคยขัดใจผมแม้แต่น้อย ไม่ว่าอยากได้ อยากกินอะไร แม้แต่ของส่วนตัวขอเพียงผมชอบก็ยกให้อย่างไม่อิดออดเสียดาย พวกเราตัวติดกันเสมอทั้งกลางวันกลางคืน แม้ต่อมาผมจะมีลุงเป็นเพื่อนซี้แต่พี่กรก็ยังคือที่หนึ่ง ความสัมพันธ์ดำเนินในรูปแบบนั้นมาเนิ่นนาน จนกระทั่งคุณน้าแต่งงานใหม่และพาพี่กรย้ายออกไปเพื่อเริ่มต้นชีวิต

ผมเริ่มรับรู้ว่าความคิดแบบเด็กๆ ที่ว่าจะอยู่ด้วยกันตลอดไปนั้นมันไม่ยั่งยืน

ผมเริ่มโต พี่กรเองก็มีชีวิตของตัวเองโดยไม่ต้องคอยมองหน้าดูความรู้สึกใคร ตำแหน่งที่หนึ่งของพี่กรในใจเริ่มสั่นคลอน แต่ผมก็พยายามรักษามันไว้ด้วยการไปพบปะกันบ่อยๆ อย่างน้อยถึงไม่ได้อยู่ด้วยกันตลอดไป แต่ตำแหน่งพี่ชายที่สนิทที่สุดจะยังรักษาไว้ได้

จนกระทั่งคืนหนึ่งในวัย 17

ผมกับพี่กรก็แทบหมดแรงข้าวต้มเพราะช่วยกันย้ายของเข้าห้องใหม่ หลังจากกินข้าวก็พากันพักผ่อนนั่งดูทีวีด้วยกัน ด้วยความอ่อนล้าผมจึงหลับตาลงเพื่อผ่อนคลาย

‘โป้ย...’

เสียงพี่กรเรียกอยู่ข้างกาย แต่ผมก็ยังปิดตาแสร้งเป็นหลับ พี่กรเรียกอยู่อีกสองสามครั้ง เสียงนั้นใกล้เข้ามามากขึ้นจนผมรู้สึกว่าใบหน้าคงแทบจะชิดกันอยู่แล้ว ผมกะจังหวะให้อีกฝ่ายคลายใจจากนั้นจะร้องตะโกนดังๆ ให้ตกใจจนร้องเสียงหลง ผมลอบกระหยิ่มใจกับแผนการ -- แต่เรื่องราวมันกลับตาลปัตร

ริมฝีปากถูกความนุ่มหยุ่นแตะต้อง ผมพยายามควบคุมตัวเองให้อยู่นิ่งๆ แม้ว่าความตกใจเกือบทำให้ลืมตาขึ้น ในหัวสมองกำลังขับเคลื่อนขบคิดไม่ต่างจากเครื่องจักร ทุกเหตุผล ทุกสาเหตุ ทุกการกระทำที่ผ่านมาหมุนวนอยู่ในระบบความคิด

ซ้ำแล้วซ้ำอีกราวกับจะเน้นย้ำความจริงที่เกิด ผมไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าริมฝีปากของมนุษย์จะนุ่มได้ขนาดนี้ อุ่นแล้วก็ชุ่มชื้น แถมยังทิ้งความรู้สึกโหยหานิดหน่อยยามถูกผละจาก

ยิ่งกว่าคำถามว่าทำไม ผมกลับตกใจว่าทำไมตัวเองถึงยินยอมง่ายๆ ต่างหาก อีกฝ่าคือคนที่เหมือนที่พี่ชาย คือผู้ชายที่อายุมากกว่า แต่ตัวเองกลับไม่คิดที่จะปัดป้อง ไม่คิดที่จะลืมตาขึ้นเปิดเผยความจริงด้วยซ้ำ มันคือความยินยอมที่ปะปนกับความหวาดกลัวเล็กๆ

หลังจากนั้นหลายสิบนาทีผมแสร้งทำเป็นตื่นขึ้น ทุกอย่างกลับสู่สภาพปกติ พี่กรปฏิบัติกับผมเหมือนเดิม มองหน้า พูดคุย หัวเราะ แต่เป็นตัวผมเองที่รู้สึกว่าทุกอย่างนั้นไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป แอบคิดไปบ้างว่าจูบนั้นคือครั้งแรกหรือไม่ ความใจกล้าแบบขี้ขลาดตาขาวนั่นเคยเกิดขึ้นมาแล้วกี่ครั้ง ในขณะที่ผมมองพี่กรเสมือนพี่ชายแท้ๆ พี่กรกำลังมองตัวผมในสถานะใด

นั่นคือครั้งแรกที่คิดถอยห่างออกมา

จากนั้นผมจึงคล้ายสร้างกำแพงบางๆ ขึ้นมาระหว่างเรา โดยอาศัยข้ออ้างของความเปลี่ยนแปลงต่างๆ นานา คล้ายห่างแต่ก็ไม่ห่าง ที่หนึ่งในใจของผมยังคงเป็นพี่กรเพียงแต่มันเจือจางลงเท่านั้น

หลายครั้งที่เกิดเหตุการณ์เช่นเดิม ถ้าไม่แสร้งหลับ ผมก็แกล้งเมา พี่กรจะเรียกผมจนแน่ใจแล้วจึงทำตัวขี้ขลาดแบบเดิม จูบผม หอมแก้มผม บอกรักผม... หากพอตื่นขึ้นทุกอย่างราวกลับไม่มีอะไรเกิดขึ้น นั่นทำให้ผมหัวเสียไม่น้อย แต่ที่น่าโมโหยิ่งกว่าคือผมไม่เข้าใจตัวเองเอาเสียเลย

ความสัมพันธ์เว้าๆ แหว่งๆ นี้ดำเนินมาหลายปี ผมมีแฟน เปลี่ยนไปเปลี่ยนมาหลายต่อหลายคน พี่กรเองก็เป็นดารามีชื่อมากขึ้นเรื่อยๆ ความห่างแค่กำแพงกั้นนั้นแทบจะกลายเป็นคนแปลกหน้า นอกจากการโทรคุยกันแล้วก็มีเพียงบนจอทีวีเท่านั้นที่ผมจะได้เห็นหน้าพี่กร

ความรู้สึกของผมมันผิดแผกไปหมด ไม่ว่าจะคบกับใครก็ไม่ยืดยาวและในที่สุดผมก็ไม่คิดคบกับใคร จะมีก็แต่ความเร่าร้อนชั่วคืนที่ช่วยสยบความพลุ่งพล่าน พี่กรทำให้ผมกลายเป็นแบบนี้ บิดเบือนความรู้สึกผมจนบิดเบี้ยวและก็ปล่อยทิ้งไว้ ซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนมันยากจะคืนรูปเดิม ผมบอกกับตัวเองว่าช่างมัน! โยนทุกอย่างทิ้งไปซะ ไหนๆ ก็ห่างหายกันแล้วก็ตัดขาดไปเลยดีกว่า

‘เอ่อ...พี่เพิ่งเปิดบริษัทน่ะ...แบบว่ารับออกแบบสื่อโฆษณา...คือ...โป้ยอยากมาทำงานกับพี่มั้ย?...พี่รู้ว่าที่นั่นดีกว่า...พี่เองก็คงให้เงินเดือนได้ไม่มากเท่า...แต่ว่า...คือ...พี่ก็อยากให้โป้ยมานะ...แต่--”

‘ตกลงครับ’

‘จริงเหรอ!! ไม่สิ เก็บเอาไปคิดก่อนเถอะ คิดเยอะๆ ก่อน ปฏิเสธพี่ได้นะ’

‘ผมจะไปครับ’

เป็นอีกครั้งที่ผมไม่เข้าใจตัวเอง

ผมเรียนจบมาด้วยคะแนนเกียรตินิยม ผลงานระหว่างเรียนนั้นก็มีเยอะแยะ ทั้งได้รางวัลมาประดับสมุดรวมผลงานก็มากมาย บริษัทที่ทำอยู่ก็เป็นเอเจนซี่ชื่อดังที่รับผมเข้าอย่างง่ายดาย เงินเดือนก็ไม่น้อยเลยถ้าเทียบกับการเป็นเด็กใหม่ในวงการ แต่...นั่นแหละ ผมปฏิเสธทุกอย่างเพื่อไปเริ่มต้นกับบริษัทเล็กๆ ที่มีพนักงาน สี่คนรวมทั้งตัวผม พี่เปี๊ยกนั้นผมพอจะได้ยินชื่อเสียงมาบ้าง แกเป็นจิตกรที่ผันตัวเองจากการรังสรรค์บนผืนผ้าใบมาสู่หน้าจอคอมฯ และก็ทำได้ดีเอามากๆ แต่อาร์ตติสตัวจริงคนนี้กลับเลือกอยู่บริษัทเล็กๆ ที่เหมือนครอบครัว แทนบริษัทใหญ่ๆ ที่พร้อมยื่นข้อเสนอมากมายเพื่อให้ได้แกไป

พี่กรไม่ได้ลืมวิชาค้าขายที่อากงหมั่นสั่งสอนสักนิด ผมเห็นมาด้วยตาตัวเองหลายครั้งว่าผู้ชายคนนี้ครบเครื่องในการหว่านเสน่ห์ของตัวเองเพียงใด ทั้งการพูดจาหว่านล้อม กิริยามารยาท และการเชื้อเชิญอย่างมีชั้นเชิงนั้น ผมไม่แปลกใจเลยว่าทำไมบริษัทเล็กๆ อย่างนี้ถึงมีงานเข้ามาไม่ขาดสาย เป็นงานจากแบรนด์ชั้นนำบ้าง จากพวกไฮโซที่ทำธุรกิจบ้าง แม้กระทั่งพวกแฟนคลับที่เปิดธุรกิจน้อยใหญ่ ตอนนั้นผมคิดว่าพี่กรช่างเก่งกาจเหลือเกิน

ต่อเมื่อเจอพี่ปูนครั้งแรกผมถึงได้สรุปกับตัวเองว่า ช่างสมกับเป็นหุ้นส่วนกันแล้วล่ะ คนหนึ่งก็รู้จักหว่านเสน่ห์ อีกคนก็มีเสน่ห์โดยไม่ต้องหว่าน แถมยังรู้วิธีเข้าหางาน เข้าถึงคน

ไม่นานหลังจากนั้นผมถึงชวนลุงเข้ามาทำงานด้วยกัน เพราะงั้นงานที่หนักจนล้นจึงเบาแรงลง เพื่อนผมคนนี้เป็นคนจินตนาการสูงลิ่ว เกือบถึงขั้นเพ้อเจ้อ การที่ผมเลือกเรียนด้านนี้ก็เพราะตามลุงมาเรียนด้วยนั่นเอง เพียงแต่ว่าผมฉลาดกว่าก็เท่านั้น เพราะถ้าดูจากสมุดรวมผลงานล่ะก็ลุงไม่น้อยหน้าผมแน่นอน

‘กูไม่ชอบพี่ปูนอะ มันต้องเป็นไบโพล่าแน่ๆ เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้ายตลอด...หรือมันก็ไม่ชอบกูเหมือนกันวะ’

จากคำให้การของลุงผมจึงเริ่มสังเกต มีหรือที่คนเรามักจะคอยแอบมองคนที่ไม่ชอบ สายตาที่มองคนที่เกลียดไม่ควรลึกซึ้งมีความนัยอย่างนี้ ทำไมคนเป็นเพื่อนถึงได้ขี้ขลาดเหมือนกันล่ะ คิดว่าไอ้ประกายวิวับจากแววตานั่นจะไม่มีคนสังเกตเห็นหรือ ทั้งกิริยาคำพูดหรือแม้แต่การกระทำไม่คิดหรือว่าจะมีคนจับสังเกตได้น่ะ ถึงลุงมันจะซื่อจนไม่เฉลียว แต่ไม่รู้กันเลยหรือไงว่าผมเป็นคนลาด

ถึงพวกพี่จะแสดงตบตาเก่งสักแค่ไหน แต่ผมก็ไม่ใช่นกเอี้ยงที่เอาแต่เกาะหลังควายไปวันๆ หรอกนะ   

ในเมื่อเสแสร้งแสดงเก่งกันนัก ผมก็จะขอดูหน่อยแล้วกันว่าจะไปได้ถึงแค่ไหน

หลายปีเชียวล่ะ...

จนกระทั่งในคืนหนึ่งที่ผมกับเพื่อนวิ่งหาตัวไอ้ลุงขี้เมากันไปทั่วผับ โทรศัพท์จากพี่ปูนก็ดังขึ้นเพื่อบอกผมว่าเก็บพัทลุงได้ ทำทีหยั่งเชิงผมว่าจะเลือกไปรับลุงกลับ หรือจะปล่อยให้นอนค้างกับตัวเอง เมื่อผมทำทีตกกระไดพลอยโจน พี่ปูนก็ฮุบเหยื่อทันที

‘พี่ปูน...’

‘ว่า’

‘พี่จะไม่ทำอะไรมันใช่มั้ย?’

‘จะให้ทำอะไร เอาเข็มเย็บปากมันน่ะเหรอ’

ก็เป็นห่วงเพื่อนอยู่หรอกนะ แต่ถ้าพี่ปูนจะปล้ำลุงล่ะก็คงหาโอกาสไปนานแล้ว ผมจึงวางใจได้ส่วนหนึ่ง แต่ไม่นานหลังจากนั้นไอ้ลุงก็แจ้งข่าวกับพวกผมว่ามีเมียแล้ว แถมยังได้มาเพราะการเมา ตอนนั้นผมสรุปกับตัวเองได้อย่างรวดเร็วว่าเป็นใคร แต่ไม่ว่าจะมองอย่างไรพี่ปูนก็ไม่มีทางโดนกดโดยไอ้เด็กเตี้ยนี่ได้แน่นอน นอกเสียจากว่านี่คือแผนที่วางไว้ทอดสะพานล่อหลอกคนซื่อให้ข้ามไปก่อนจะทุบท่าข้ามทิ้ง ไม่มีอะไรหลอกล่อลุงได้ดีเท่าการรับผิดชอบของสุภาพบุรุษผู้แสนดีที่มันถูกปลูกฝังมาแต่เล็กแต่น้อย

ผมจึงรู้ว่าแท้จริงแล้วพี่ปูนไม่ได้ขี้ขลาดหรอก เพียงแต่เป็นเสือที่รอเหยื่ออย่างใจเย็นต่างหาก และเมื่อสบโอกาสก็ทำเป้าหมายของตัวเองให้สำเร็จ



...แล้วเป้าหมายของผู้ชายคนนั้นคืออะไร?



พี่กรทำให้ผมหงุดหงิดเอามากๆ ทุกครั้งที่ออกอาการเหมือนหึงหวงผม แต่ก็ทำตัวเป็นผืนน้ำนิ่งสงบในเวลาต่อมาได้อย่างน่าชื่นชม ยิ่งเห็นพี่ปูนก้าวหน้าในเป้าหมายของตัวเองมากเท่าไหร่ ผมก็ยิ่งหงุดหงิดมากขึ้น มากจนทนไม่ไหวอีกแล้ว...

.

.

.



“มึงอะๆ เพื่อนชั่ว!”  ลุงปรี่เข้ามาหาผมพร้อมเสียงง้องแง้งตามสไตล์ กำปั้นไร้เรี่ยวแรงของมันทุบไหล่ผมระบายอารมณ์ไม่หยุด ปากมันก็กร่นด่าผมไปด้วย  “เพราะมึงพูดอย่างนั้นอะ พี่เปี๊ยกเลยเข้าใจผิด คนอื่นก็เลยเข้าใจผิดไปหมดเลย!”

“กูพูดผิดตรงไหน?”  ผมถามกลับสีหน้าระรื่น แกล้งไอ้คุณลุงนี่มันเป็นความบันเทิงสำหรับผมจริงๆ

“ตรงที่มึงบอกว่าคนมีเมียแล้วห้ามเสือกอะ”

“กูเอ่ยชื่อมึงเหรอ?”

“มึงไม่พูดแต่พี่เปี๊ยกบอกว่ามึงมองมาทางกูนี่”  มันยังทำสะบัดสะบิ้งไม่หยุด อารมณ์ลูกคนเล็กมาเต็ม  “ฟังให้กระจ่างเลยว่ากูไม่ได้เป็นเมียใคร!”

“เหรอ...”  แต่อีกไม่นานหรอกมั้ง ผมต่อให้เพื่อนในใจ

“เพราะงั้นห้าม! ห้ามมึงพูดจาให้ร้ายกูเด็ดขาด”  ว่าแล้วมันก็ทำแก้มตูมตามนิสัย

ผมส่ายหัวให้เพื่อนที่ไม่เคยมองโลกแห่งความจริงซะบ้าง  โดนพี่ปูนรุกคืบมาตั้งขนาดนี้ มันยังจะกล้าคิดว่าตัวเองฟันพี่ปูนไปแล้วจริงๆ  รึเนี่ย ความซื่อนี่ถ้ามีมากไปมันก็กลายเป็นโง่ได้ถึงเพียงนี้เชียว

“แล้ววันนี้อย่าลืมกลับบ้านด้วยนะมึง”  ผมพูดพลางหนีบแก้มมันเป็นการเปลี่ยนเรื่อง

“อ๊ะ...อืม”  น้ำเสียงตอบรับแบบอึกอักทำให้ผมพอเดาได้ว่าลุงกำลังชั่งใจอยู่

“ทำไม? หรือจะไม่กลับอีก มึงไม่กลัวป้าฉีกอกให้เหรอ”

“ก็แบบ...แฟนกูไม่สบาย”  มันอ้อมแอ้มสารภาพ

“แล้ว?”

“คือกูเป็นห่วงไง”

“แล้ว?”

“กวนตีนลุงใช่มั้ยวีรภาพ” 

“กูหมายความว่า ‘แล้ว’ มึงจะทำยังไง” 

“ก็ถ้าคุณดาหลาอยู่ กูคงไม่กลับ”

“แล้ว?”

“แต่ถ้าแม่ขึ้นเวร กูคงกลับไปช้าหน่อย...มั้ง”

ในฐานะที่รู้จักกันมาเนิ่นนาน ผมยืดอกพูดได้เต็มปากว่าตลอดมาที่ลุงมีแฟน พี่ปูนคืนคนแรกที่มันใส่ใจขนาดนี้ ด้วยความเป็นสุภาพบุรุษจีนแดงของมันทำให้เข้าใจอะไรผิดๆ มาไม่น้อย มันคิดเสมอว่าควรเว้นพื้นที่ส่วนตัวให้กัน แต่สิ่งที่มันทำคือการละเลยได้อย่างหน้าซื่อตาใส สามวันบ้าง บางคราวก็เป็นอาทิตย์ ไม่โทรหา ไม่ติดต่อ ใครบ้างจะทนอยู่กับมันได้ แล้วไอ้เรื่องตามใจอีกฝ่ายจนเกินพอดีนั่นก็อีกเรื่อง พวกผู้หญิงถึงเอาแต่ใจตัวเองยังไงก็ยังต้องการคนห้ามปรามให้เหมือนตัวเองมีค่าบ้าง แต่เพื่อนผมคนนี้กลับตามใจทุกอย่าง อยากไปเที่ยวที่ไหน - เชิญ! อยากไปกับใคร - ตามสบาย! สุดท้ายก็ต้องมาตีหน้าเศร้าเล่าเรื่องอกหักเสมอมา



บางทีไอ้ลุงอาจจะเหมาะกับการมีผัวก็ได้



“แล้วถ้าเมียมึงไม่ยอมล่ะ”

“อา...นั่นดิ”

ดูเอาแล้วกัน กับอีเรื่องแบบนี้ก็ทำมันเครียดได้ ถ้าเป็นคนก่อนๆ ของมันคงไม่ต้องมานั่งกลุ้มใจแบบนี้แล้ว เพราะผมรู้ดีว่ามันต้องกลับไปอยู่เป็นเพื่อนป้าแน่นอน แค่นี้ก็ทำให้ผมพอรู้ระดับความสำคัญของพี่ปูนได้เลย ถ้าป้ารู้เข้าล่ะก็...หึหึหึ...แค่คิดผมก็สนุกแล้ว

“เอาน่า ถ้าโดนป้าไล่ออกจากบ้านล่ะก็”  ผมยกยิ้ม ตบบ่าลุงเบาๆ พลางคว้ามากอด กระซิบเสียงแผ่วหยอกล้อที่ข้างหู  “ตอนนั้นโป้ยจะรับเลี้ยงลุงเอง”  ตามด้วยกัดแก้มมันตามความเคยชินเป็นการตบท้าย

ลุงมันเป็นเด็กมีแก้มมาแต่ไหนแต่ไร เมื่อก่อนนั้นนิ่มกว่านี้เสียอีก แก้มยุ้ย ใสจนเห็นเส้นเลือด เห็นทีไรก็หมั่นเขี้ยวอยากกัดไปซะทุกที พวกผมสองคนน่ะอยู่กันมานาน เล่นกันถึงเนื้อถึงตัวกันบ่อยเสียจนไม่คิดอะไร แต่นอกจากจำทำให้พี่ปูนของขึ้นได้แล้ว ยังทำให้ใครบางคนสะเทือนได้เหมือนกัน


กำไรจริงๆ


“โป้ย”  พวกผมสองคนหันไปมองต้นเสียงห้วยสั้นที่ได้ยิน พี่กรยืนอยู่ตรงประตู ดูสุขุม เยือกเย็นจนน่าหงุดหงิด  “เข้ามาคุยงานกับพี่หน่อย”

ผมเหยียดยิ้มมองเจ้านายเดินกลับเข้าไปในห้อง ได้จังหวะขนาดนี้แสดงว่ามองอยู่สินะ

“มึงตายแน่โป้ย พี่กรเสียงเข้มมาก”  ลุงอวยพรให้เสียดิบดี

“กูหรือจะตายง่ายๆ”

“ก็มึงไปล้อเลียนพี่เขา”

“กูพูดความจริงต่างหาก”  ผมลุกขึ้นผลักหัวเพื่อนแรงๆ จนมันสรรเสริญไล่หลัง

เมื่อผมเปิดประตูเข้าไปในห้องก็ถูกพี่กรจับจ้องอยู่ก่อนแล้ว สีหน้าของพ่อนักแสดงคนเก่งไม่ได้ใกล้เคียงคำว่าเทพบุตรอย่างที่ลุงมันยกย่องเลย ผมเดินเอื่อยไม่สะทกสะท้านไปลงนั่งบนเก้าอี้ด้านหน้าโต๊ะ ขยับท่วงท่าให้สบายก่อนหยอดยิ้มแบบคนไม่รู้ความส่งให้

“เอ่อ...”  พี่กรกระพริบตาปริบๆ แล้วก็หลบตาผมโดยเสมองไปที่กระดาษบนโต๊ะแทน  “มีโครงการประกวดออกแบบลายเสื้อของแบรนด์ JZ ผู้ชนะสามอันดับแรกจะได้รางวัลด้วยนะ แถมยังอาจจะได้งานต่อเนื่องด้วย”

“แค่งานที่มีก็ยุ่งจะตายแล้ว ผมไม่ว่างหรอก”  ผมไม่ได้พูดเกินจริงเลย ต่อให้เป็นแบรนด์ดังก็เถอะ

“ลองดูก็ไม่เสียหายนี่นา พี่บอกทุกคนเหมือนกัน เผื่อใครอยากเข้าร่วม”  พูดจบก็ยื่นกระดาษรายระเอียดงานให้ผม  “ไขว่คว้าเพื่อชื่อเสียงตัวเองมั่งสิ”

“ผมไม่เห็นจะสนใจ”  ผมบอกปัด  “พี่มีเรื่องแค่นี้เองเหรอ”

“ห๊ะ?...เอ่อ เท่านี้แหละ”

จริงอย่างที่คิด ผมยกยิ้มกับความคิดตัวเอง ก็แค่หาช่องทางแยกผมออกมาจากลุงเท่านั้น

น่าหงุดหงิดจริงๆ...

“เดี๋ยวนี้เราไม่ค่อยได้คุยกันแบบสบายๆ เลยเนอะ”  พี่กรดูจะตกใจเล็กน้อยยามผมเท้าคางยื่นหน้าเข้าไปหา  “วันนี้มีคิวงานรึเปล่าครับคุณนักแสดง”

“ม...ไมมี” 

หลบตาอีกแล้ว หลบไปให้ได้ตลอดเหอะ!

“งั้นวันนี้ผมไปค้างห้องพี่นะ จิบเบียร์เย็นๆ แล้วก็ดูหนังกัน”

“..........”

“ไม่ได้เหรอ?”  ผมกระตุ้นถาม  “หรือว่าซ่อนใครเอาไว้ที่ห้อง?”

“ไม่มีๆ”  ตามคาด -- พี่กรปฏิเสธเสียงหลง ดวงตาเผลอสบกับผมเข้าอย่างจัง  “พี่ไม่มีใครสักหน่อย”

“ก็เห็นว่าอยากมีแฟนแล้ว ผมจะไปรู้ได้ไง”

“..........”

“เอาเป็นว่าตกลงนะ”  ผมยื่นหน้าเข้าไปใกล้กว่าเดิม

“อื้ม”

“เจ๋ง! งั้นผมกลับบ้านพร้อมพี่นะ แวะซื้อของกินเข้าไปด้วย”

“อื้ม”

“ไม่ได้นอนคุยกันนานแล้วเนอะ”  ผมปล่อยยิ้มหวานหยดแบบที่ทำสาวระทวยมาแล้วนักต่อนัก  “ผมตั้งตารอคืนนี้มากเลย ห้ามเบี้ยวนะครับพี่กร”

แม้บนหน้าจะปรากฏรอยยิ้มของน้องชายผู้แสนดี แต่พี่กรกลับดูหวั่นใจอย่างประหลาด แม้แต่จะตอบรับยังไม่เต็มเสียง กังวลงั้นเหรอ? ใช่แล้วล่ะ พี่ควรจะกังวลให้มาก...เพราะพี่ทำผมหงุดหงิดจนทนไม่ไหวแล้ว

.

.

.

.


[มีต่อค่ะ]
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 10-10-2017 03:34:14 โดย L@DYMELLOW »

ออฟไลน์ L@DYMELLOW

  • กำลังงงๆ เพราะหาทางลงจาก “คาน” ไม่เจอ
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 356
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +826/-4
    • facebook
[ต่อค่ะ]

.

.

.

.


นึกว่าจะมีแต่พวกพระเอก-นางเอกเสียอีกที่ถูกกรี๊ดกร๊าดด้วยบรรดาแฟนคลับ

ใครจะไปคิดว่าดาราเบอร์รองก็จะถูกห้อมล้อมด้วยเหมือนกัน เพียงแต่เป็นแม้ค้ารุ่นน้ารุ่นป้าในตลาดเท่านั้น นอกจากผมจะถูกกันให้ห่างออกมาแล้วนั้น ยังต้องยืนรอพ่อดาราถ่ายรูปกับแฟนๆ จนขาแทบแข็ง ลูกเด็กเล็กแดงยันคุณป้าคุณลุงวัยค่อนปลาย พี่กรทั้งอุ้มทั้งโอบ ยิ้มหวานจนเหงือกแทบแห้ง แต่ก็ไม่มีสีหน้ารำคาญใจหลุดออกมาให้เห็นสักนิด ผมว่านี่อาจจะเป็นหนึ่งในหลายสิ่งที่ทำให้พี่กรอยู่ในวงการนี้นานก็ได้ ความสุภาพกับความอ่อนน้อมที่ไม่ใช่การเสแสร้งแกล้งทำ

เราก็มาถึงที่หมายจนได้แม้จะล่าช้าจากช่วงเวลาอาหารเย็นไปบ้าง แต่ภารกิจของดาราผู้แสนดียังไม่หมด หลังจากเข้าจอดรถเรียบร้อย พี่กรก็ยังลงมาชั้นล็อบบี้พร้อมกับถุงผลไม้และของกินมากมายที่ได้มาจากแฟนคลับ แบ่งปันกับพวกลุงยามกและป้าแม่บ้านที่ทำงานกะกลางคืน

สมกับฉายาเทพบุตรเดินดินที่พวกนักข่าวตั้งให้จริงๆ

กว่าจะได้ขึ้นห้อง ท้องผมก็ร้องประท้วงไปตลอดทาง หลังจากล้างหน้าล่างมือเสร็จออกมาห้องน้ำก็เห็นพี่กรกำลังจัดโต๊ะอาหารอยู่แล้ว อาหารที่ซื้อมาจากตลาดเย็นชืดไปหมด ผมจึงไล่พี่กรไปเปลี่ยนเสื้อผ้า ส่วนตัวเองก็ทำหน้าที่อุ่นของกินทุกจานรอไป ไม่นานนักพี่กรก็ออกมาและกระเพาะของผมก็ถูกเยียวยาสักที

“เป็นอย่างนี้ตลอดเลยปะ”  ผมถามขึ้นหลังจากเริ่มกินข้าวไปได้ไม่นาน อันที่จริงแล้วหลังจากพี่กรเป็นดารา เราก็แทบจะไม่ได้ไปไหนมาไหนด้วยกัน แม้จะมีไปกินข้าวกันบ้างแต่ส่วนใหญ่ก็มักจะเจอพวกที่แอบมองอยู่ห่างๆ

“ไม่หรอก คงเพราะตอนนี้ละครที่เล่นไว้ออนแอร์อยู่น่ะ”  พี่กรว่าพลางตักชิ้นหมูทอดลงจานผม  “ถ้าเรื่องหน้าที่เล่นเป็นตัวร้ายลงจอเมื่อไหร่ พี่อาจจะเดินตลาดไม่ได้ก็ได้”

“เดี๋ยวนี้คนดูเขาแยกแยะอะไรกันเป็นหรอกน่า”

“ก็กังวลน่ะ ไม่เคยเล่นร้ายมาก่อน”

“แล้วทำไมถึงรับเล่น”

“ก็เป็นผู้จัดที่ทำงานด้วยกันมาตั้งแต่เข้าวงการใหม่ๆ เขาเสนอบทให้ พอลองอ่านดูก็ชอบ พี่ว่ามันท้าทายดี” 

ผมมองดวงตาเป็นประกายของคนตรงหน้าแล้วก็อดอมยิ้มตามไปด้วยไม่ได้ พี่กรเป็นพวกทุ่มเทกับงานที่ทำ เต็มที่กับหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย แต่ถ้าไม่มีความชอบร่วมด้วยล่ะก็มันคงไม่ส่งผ่านแววตาออกมาอย่างนี้หรอก

“เมื่อก่อนพี่เป็นคนขี้อายแท้ๆ”

“เดี๋ยวนี้ก็เป็นอยู่หรอกน่า”  คนแก้ตัวส่งเสียงอ้อมแอ้ม พลางเลื่อนจานผลไม้มาใกล้ๆ ผมที่ทำท่าว่าจะอิ่มแล้ว  “เวลาต้องให้สัมภาษณ์หรือไปรายการสด พี่ก็ยังรู้สึกเขินตลอดนั่นแหละ”

“แต่พี่ชอบการเล่นละครใช่มั้ย?”

“ก็ชอบนะ ได้เล่นเป็นคนนั้นคนนี้ จะบทเล็กบทใหญ่พี่ก็ไม่เคยเกี่ยงหรอก”  พี่กรพูดด้วยรอยยิ้ม รวบช้อนส้อมในมือลงกับจาน หยิบกระดาษมาเช็ดปากด้วยท่าทางนุ่มนวล  “แต่วงการนี้มันไม่ยั่งยืนหรอก ถ้ายังมีคนส่งบทให้พี่ก็เล่นต่อไป แต่ถ้ามันมาถึงจุดที่ไม่ใช่ของเราอีกแล้วพี่ก็ไม่ซีเรียสอะไร ตอนนี้พี่มีเงินเก็บมากพอสำหรับพ่อแม่และตัวเอง มีเงินส่งแก้วเรียนจนจบมหาวิทยาลัย มีงานรองรับหาเลี้ยงตัวเองได้ก็พอแล้ว”

“ถึงพี่ไม่มีอะไรเลยผมก็เลี้ยงพี่ได้นะ”  ผมพูดด้วยน้ำเสียงทีเล่นทีจริง อมยิ้มยามจิ้มแตงโมชิ้นพอดีคำยื่นให้คนตรงหน้า แต่แทนที่จะรับด้วยปาก พี่กรกลับแย่งส้อมไปถือกินเอาเองซะงั้น  “ผมก็ไม่ได้เป็นแค่กราฟิกดีไซน์ที่ทำงานงกๆ ไปวันๆ หรอกน่า ผมเลี้ยงพี่ได้ยันแก่แบบสบายๆ เลยนะ ไปเที่ยวต่างจังหวัดทุกเดือน เที่ยวต่างประเทศทุกปีก็ไม่มีปัญหา”

“งั้นพี่ก็หมดห่วงแล้วสิ”  พูดแล้วก็หัวเราออกมาเบาๆ และภาพที่เห็นก็ทำให้กล้ามเนื้อใบหน้าผมกระตุกยิ้มตามไปด้วยอีกครั้ง ในหัวนึกภาพอนาคตที่แสนเลือนรางนั้นด้วยความสุข บางทีมันอาจจะดีก็ได้นะ ถึงเวลาก็ทำงานกันไป ว่างเมื่อไหร่ก็ท่องเที่ยวให้ทั่ว ไม่ต้องสนใจใคร ไม่ต้องห่วงอะไร

แต่ก่อนที่จะเป็นอย่างนั้นได้...

“เอาล่ะ เก็บโต๊ะแล้วไปอาบน้ำนอนกันเหอะ!”  ร่างกายไปไวเท่าความคิด ผมลุกขึ้นเริ่มเก็บจานบนโต๊ะในทันทีชนิดที่พี่กรตั้งตัวไม่ทัน  “ไปอาบน้ำสิ เดี๋ยวผมทำเอง”

“งั้นพี่ไปเตรียมที่นอนให้โป้ยก่อน”

“เตรียมทำไม?”

“ก็ห้องนอนแขกไม่ค่อยมีคนใช้ แล้วโป้ยก็มากะทันหันพี่ยังไม่ได้--“ 

หางคิ้วผมกระตุกยึกๆ ด้วยความไม่ชอบใจในทันที น้ำเสียงที่โพล่งออกไปเลยห้วนสั้นแบบสุดๆ  “ผมเป็นแขกสำหรับพี่แล้วสินะ”

“เอ๊ะ? คือ...ไม่ใช่นะ”  พี่กรเริ่มร้อนรนในทันที  “พี่กลัวว่าโป้ยนอนไม่สบาย”

“นอนเตียงเดียวกับพี่ก็สบายเหมือนกัน”

“..........”

“หรือไม่ได้?”

“..........”

“งั้นผมกลับดีกว่า พี่จะได้ไม่ต้องอึดอัด”  น้ำเสียงเสแร้งหลุดออกมาจากปาก ผมทำทีเก็บจานต่อด้วยความเร็วที่มากกว่าเดิม ปั้นสีหน้าให้เรียบตึงแบบคนไม่สบอารมณ์

“พี่ไม่ได้ว่าอะไรสักหน่อย”  แล้วก็เป็นเหมือนเคยๆ ที่พี่กรต้องเป็นฝ่ายอ่อนข้อให้ผมก่อน ริมฝีปากขมุบขมิบคำออกมาเล็กน้อยจนจับความไม่ได้ ก่อนจะพูดต่อ  “งั้นพี่ไปอาบน้ำก่อน เดี๋ยวจะเตรียมเสื้อไว้ให้นะ”

“ครับผม”  ผมยิ้มให้กับชัยชนะเล็กๆ น้อยๆ และปล่อยให้เจ้าของบ้านไปจัดการธุระส่วนตัวตามสบาย

หลังจากเก็บจานล้างทำความสะอาดเรียบร้อย ผมใช้โอกาสนี้เดินสำรวจห้องหลังจากที่ไม่ได้มาเยี่ยมเยียนเนิ่นนาน เฟอร์นิเจอร์ทุกอย่างยังคงเหมือนเมื่อครั้งที่จำได้ ชั้นหนังสือเล็กๆ ก็คล้ายจะแน่นกว่าเดิม นอกจากพวกหนังสือนิยายแล้วยังมีที่เกี่ยวกับการออกแบบอยู่ด้วย แม้แต่หนังสือศิลปะจำพวกทฤษฎีสีเบื้องต้นก็ยังมี

บนชั้นต่างๆ สะอาดเรียบร้อย ไม่มีของวางระเกะระกะ จะมีก็พวกรูปถ่ายเข้ากรอบใหญ่ รูปวาดบ้าง รูปประดิษฐ์บ้างที่จัดวางไว้อยู่มุมหนึ่งที่เห็นง่าย คงเป็นพวกแฟนคลับที่ทำมาให้แล้วตัดใจทิ้งไม่ลง ผมเดินไปดูมุมนั้นอย่างสนใจ ในตู้โชว์ยังมีอีกหลายอย่าง ทั้งนาฬิการาคาแพง สร้อยข้อมือแบรนด์จากต่างประเทศ การ์ดต่างๆ ของจำพวกตุ๊กตาก็ยังมี

ผมอาจจะประเมินความมีชื่อเสียงของพี่กรต่ำไปก็ได้

ใช้เวลาพอสมควรกับการสำรวจห้องแต่จนแล้วจนรอดพี่กรก็ยังไม่ออกมา ผิดจากที่คิดเสียเมื่อไหร่ ป่านนี้คงนอนคลุมโปงแสร้งหลับไปแล้วแน่ๆ ผมอมยิ้มเล็กน้อยพลางเดินเอื่อยเฉื่อยไปหยิบบุหรี่กับไฟแช็กในกระเป๋าพร้อมกับที่เขี่ยพกพา เดินออกไปยังระเบียงเพื่อสูดอากาศอย่างไม่เร่งร้อน

ให้กระวนกระวายตายอยู่ในห้องนั่นแหละ

เสียงสูดควันเข้าปอดพาให้จุไฟสีส้มสว่างวาบขึ้นเล็กน้อย ผมมองเหม่อออกไปยังท้องฟ้าที่ไม่เคยเงียบเหงาจากแสงไฟ ควันสีเทาถูกพ่นออกมาลอยละล่องหายไปในอากาศ ผมปล่อยใจไปกับสายควันจากมวนบุหรี่ เวลาหลายปีที่ผ่านมามันช่างเปล่าประโยชน์จริงๆ ผมใช้ชีวิตไปเรื่อยเปื่อย ไม่ลงหลักปักฐานกับใคร ไม่เคยมองใครอย่างจริงจัง และไม่ว่าจะคิดสักกี่ครั้งมันก็วนกลับไปที่จุดเดิม ถ้าในคืนนั้นผมหลับไปจริงๆ ตอนนี้จะเป็นอย่างไร? ถ้าในคืนนั้นผมแสดงตัวว่ารับรู้แล้วนั้นทุกอย่างจะเปลี่ยนไปไหม?  ทำไมอีกหลายครั้งที่เกิดผมถึงได้ปล่อยเลยตามเลย ผมไม่ได้รังเกียจ ไม่ต่อต้าน แต่ผมก็เลือกที่จะเงียบเอาไว้ เพราะทุกครั้งนั้น...พี่กรก็แสร้งทำว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นเช่นกัน


ทำไมกันนะ?


ถ้าไม่รักผม จะทำเรื่องแบบนั้นทำไม


ถ้ารักผม ทำไมถึงปล่อยเวลาให้มันเนิ่นนานปานนี้


ผมเดาว่าพี่ไม่กล้า ผมเดาว่าพี่กลัวผมรังเกียจ ผมเดาว่าพี่กลัวคุณน้ากับอากงจะรู้ ผมเดา...ผมเดาได้มากมายเต็มไปหมด แต่พี่คงยังเดาไม่ถูกว่าต่อไปนี้ตัวเองจะต้องเจอกับอะไร

พี่ปั่นหัวผมมานานเกินไปแล้ว

นับจากนี้คือเวลาของผมบ้างล่ะ!

ผมดับบุหรี่ลงกับที่เขี่ย เดินกลับเข้าไปเก็บของพร้อมกับหยิบอุปกรณ์แปรงฟันที่ซื้อติดมาเข้าไปในห้อง ผมเปิดประตูเบาๆ ความเย็นภายในกรูเข้าใส่ร่างทันที และไม่ผิดอย่างที่เดาเลยสักนิด เมื่อเจ้าของห้องนอนคลุมโปงมิดชิด เงียบกริบเหมือนหลับสนิทไปแล้ว แต่จะสนใจทำไมล่ะในเมื่อผมรู้ว่าแท้จริงแล้วคนๆ นั้นก็แค่เสแสร้งแกล้งนอนไปเท่านั้น

ผมฉวยชุดนอนที่พี่กรเตรียมไว้ให้พร้อมกับผ้าขนหนูเดินเข้าห้องน้ำไป อาบน้ำอย่างสบายอารมณ์อยู่เกือบสิบนาที เมื่อออกมาอีกครั้ง หางตาก็จับสังเกตได้ว่าก้อนผ้าห่มบนเตียงขยุกขยิกเล็กน้อยก่อนจะแน่นิ่งไปดังเดิม

ผมเดินไปดับไฟก่อนจะปีนขึ้นเตียงนอนขนาดใหญ่

จู่ๆ หัวใจก็เต้นตึกตักจนน่ารำคาญ ยิ่งเยื้องย่างเข้าใกล้มากเท่าไหร่ก็ยิ่งดังเหมือนจะกระเด้งกระดอนออกมา ผมดึงผ้าห่มผืนหนาให้คลี่ออกเพื่อแทรกตัวเข้าไป ไออุ่นจากร่างกายแผ่ซ่านบดบังความเย็นในทันที ร่างอีกฝ่ายเกร็งกระตุกเมื่อผมนอนเบียดซ้อนแผ่นหลังจนแนบสนิท ผมลอบยิ้มพลางสูดกลิ่นหอมจากผมหยักศกสีน้ำตาลเข้มธรรมชาติ ยิ่งบริเวณท้ายทอยนั้นคล้ายจะส่งกลิ่นหอมมากเป็นพิเศษ

เราสูงพอๆ กัน ถ้าให้เข้าข้างตัวเองก็คงจะสูงกว่าไม่มากนัก แต่ผมเพิ่งจะสังเกตได้ตอนนี้เองว่าช่วงไหล่ของพี่กรนั้นบอบบางกว่าผม ทั้งลำคอ ทั้งความหอมนี้...แตกต่างจากผมเหลือเกิน

พี่กรคล้ายจะเกร็งตัวจนแข็งเป็นหินเมื่อผมไล้ฝ่ามือไปยังร่องเอว แต่กระนั้นก็ยังไม่มีทีท่าจะลุกขึ้นมาปัดป้อง

“พี่กร...”

ฝ่ามือเดิมไล้เรื่อยไปยังหน้าขา ว ลูบไล้ผ่านเนื้อผ้าฝ้ายบางๆ อย่างยั่วเย้า

“พี่กร...นอนแล้วเหรอ”  ผมกระซิบถามอย่างขบขัน จงใจขบเม้มใบหูเบาๆ ไปด้วย  “ทำไมนอนเร็วจังเลย หืม?”

ร่างในอ้อมกอดสะดุ้งเล็กน้อย หากยังคงเงียบกริบเหมือนไม่รับรู้อะไร

“ถ้าไม่ตื่น...โดนทำอะไรบ้างก็ไม่รู้นะ”

ผมจูบท้ายทอยหอมๆ อย่างหลงใหล ก่อนจะเริ่มใช้ฝ่ามือซุกซนกับร่างกายคุณดาราอย่างตั้งใจ ปฏิกิริยาตอบสนองนั้นชัดเจนทุกครั้งที่แตะต้อง หากก็ยังนอนนิ่งคล้ายเต็มใจ คล้ายไม่อยากรับรู้

ผมไม่เข้าใจว่าพี่กรต้องการอะไรกันแน่ ถ้าความกลัว ความกังวลบ้าๆ บอๆ พวกนั้น มันมีมากกว่าความต้องการที่พี่รู้สึกกับผม แล้วพี่จะเริ่มทำเรื่องแบบนั้นทำไม หรือคิดว่าสักนิดหน่อยคงได้ สักเล็กน้อยคงจะไม่รู้ พี่ดูถูกผมเกินไปแล้ว

ผมรวบร่างแข็งประหนึ่งศิลานั้นไว้ในอ้อมกอด ขณะที่มือหนึ่งลูบไล้เข้าไปในเสื้อนอน แตะต้องผิวเนื้อตึงแน่น อีกหนึ่งมือก็จู่โจมเข้าจุดสำคัญภายใต้กางเกงทันที พี่กรตัวงอโดยอัตโนมัติ เสียงครางสั้นๆ เปล่งออกมาเบาๆ ก่อนจะถูกเก็บกลั้นไว้ได้ ผมจูบซอกคอหอมคล้ายคนหิวกระหาย พลางหยอกล้อยอดอกเล็กอย่างสนุกสนาน บีบบี้มันอย่างไม่ถนอมแรง สะกิดถูไถ จนกระทั่งมันเต่งตึงสู้นิ้ว

“ผมอยากเห็นจัง”  ผมกระซิบเสียงพร่าข้างใบหู  “หัวนมพี่ต้องน่ารักมากแน่ๆ รู้สึกมั้ย? มันสู้นิ้วผมน่าดูเลย”

มีเพียงเสียงครางเบาๆ ที่เล็ดลอดออกมา แต่เพียงแค่แน่อกคงไม่เพียงพอให้พี่กรหลุดการเสแสร้งออกมาหรอก แกนกายที่แข็งฉ่ำน้ำที่อยู่ในมือผมต่างหากที่เป็นส่วนสำคัญ

“อา...”  เสียงครางผะแผ่วหลุดออกมาจากปากผมบ้าง เมื่อสะโพกที่แนบชิดอยู่นั้น บดเบียดไปมา ขยี้เน้นหนักจนเจ้าลูกชายผมตื่นเต็มตา อีกฝ่ายก็คงพอรับรู้ได้อยู่ถึงได้ฝืนทำตัวนิ่งเป็นน้ำแข็งอีกครั้ง

ผมจำต้องละมือที่กำลังหยอกล้อตุ่มไตน่ารักเพื่อมาช่วยเหลือลูกชายที่กำลังปวดบวมให้บรรเทา ผมอยากจะกระชากกางเกงที่ขวางกั้นนั้นออกไปเหลือเกิน แต่ต้องข่มใจเอาไว้ที่จะเบามือ ผมไม่อยากให้พี่กรตกใจกลัวไปมากกว่านี้ สิ่งที่พอจะดึงสติผมไว้ได้นั้นคือซอกคอชวนมอง ผมจูบซับไปทั่ว ฝืนตัวอีกอีกครั้งที่จะไม่ขบกัดฝากรอยลงไป ขณะที่ปรนปรอให้พี่กร ผมก็เร่งร้อนกับตัวเองไม่ต่างกัน จินตนาการถึงการสอดใส่เข้าไป ถูไถกับความหนั่นแน่นของบั้นท้าย ปาดป้ายหยาดน้ำรักให้ทั่วร่องหลืบ

“ฮึ่ม...อื้อ...”  เสียงครางคละเคล้าราวกับเป็นเสียงเดียวกัน ผมเร่งความเร็วชักพาของในมือทั้งสองไปให้ถึงเป้าหมาย พี่กรแทบจะดิ้นไปมาแต่ก็ยังสะกดกลั้นตัวเองไว้ได้ ผมล่ะนับถือพ่อยอดนักแสดงคนนี้เหลือเกิน

“พี่กร...”  ผมพึมพำข้างหู เรียกชื่ออีกฝ่ายซ้ำไปซ้ำมา จนกระทั่งทุกอย่างแตกซ่าน พี่กรตัวเกร็งกระตุกปล่อยหยาดน้ำออกมาเช่นกัน ร่างบอบบางกว่านั้นสั่นระริกอยู่ภายในอ้อมกอด ผมสูดดมซอกคอ เคลื่อนตัวแนบชิดเพื่อกกกอดซึมซับความซาบซ่านให้ในที่สุด

หลายนาทีต่อมาผมจำต้องลุกขึ้นเพื่อไปล้างมือ และหาผ้าชุบนน้ำมาเช็ดร่องรอยบนตัวพ่อนักแสดง เมื่อเสร็จสิ้นผมจึงได้ฤกษ์เอนตัวนอนอีกครั้งโดยไม่ลืมคว้าร่างอีกฝ่ายมาแนบอก

.

.

.

คล้ายกับเพิ่งจะได้หลับไป

ผมลืมตาขึ้นอีกครั้ง และภาพตรงหน้านั้นก็ทำให้ผมแย้มยิ้มรับวันใหม่เป็นครั้งแรก พี่กรนอนอยู่ตรงหน้า ตาปิดสนิทแน่น ลมหายใจเข้าออกสม่ำเสมอนั้นเป็นของจริง แต่ดูจากความดำคล้ำของขอบตาแล้วคงแทบไม่ได้นอนทั้งคืนแน่ๆ ผมนอนมอง รอคอยให้ดวงตาคู่นั้นเปิดขึ้นเพื่อมองเห็นใบหน้าผมเป็นคนแรก ผมอยากจะรู้นักว่าต่อจากนี้ไปพี่จะแสดงอะไรให้ผมชมอีก จะทำหน้าแบบไหน จะมีท่าทีอย่างไร

รอยยิ้มเหยียดลึกขึ้นทันที เมื่อคนตรงหน้าขยับตัวเล็กน้อย ดวงตากลอกกลิ้งอยู่ภายในหนังตาก่อนที่จะค่อยๆ เปิดออกเพื่อเผยประกายแวววาวจากนัยน์ตาคู่สวย แรกเริ่มคล้ายจะยังง่วงงุนสับสน หากเมื่อใบหน้าผมเข้าไปอยู่ในครรลองสายตาปุ๊บ ใบหน้าขาวก็พลันแดงซ่านเจือความตกใจ

“อรุณสวัสดิ์ครับ”  ผมฉีกยิ้มกว้าง  “เมื่อคืนนอนหลับสบายมั้ย?”

ใบหน้านักแสดงคนเก่งซีดเผือดทันตา

นับแต่นี้คือเวลาของผมแล้ว...พี่จะได้รู้สักที ว่าผมไม่ใช่ลูกไก่ที่สมภารอย่างพี่จะไล่ต้อนยังไงก็ได้! 





TBC.----------------------------------------------------------------------


ในที่สุดก็ถึงเวลานุ้งโป้ยวาดลวดลาย
ยิ่งตอบย้ำเหลือเกินว่านิยายเรื่องนี้มีแต่คนโรคจิต 555 #คนเขียนก็เช่นกัน
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 10-10-2017 03:34:36 โดย L@DYMELLOW »

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26

ออฟไลน์ aorpp

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1274
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +250/-3
ห๊าาา นี่นึกถึงฉากพี่กรจับโป้ยกดมาตลอดเลยนะเนี่ยยย ขอไปจูนสมองแป๊บบบ

ออฟไลน์ catka12

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 578
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-0
  :a5: OMG น้องโป้ยร้ายมากกก...แบ่งความร้ายให้เพื่อนบ้างนะค่ะ....  o13

ออฟไลน์ ป้าแก่

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 26
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
ไม่คิดเลย ว่าโป้ยมันร้ายขนาดนี้


  :z1: :z1: :z1:

ออฟไลน์ aiyuki

  • รักแท้ไม่แบ่งแม้เพศพันธุ์
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2636
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +133/-6
โป้ยมันร้ายยยยยยยยย

ออฟไลน์ Bradly

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 200
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-1
ใครจะรุกใครกันแน่เนี่ย

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ somakimi

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 154
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
นี่ลุงมีเพื่อนร้ายขนาดนี้เลยรึ  :z3:
แต่ต้องยังงี้แหละลุงใสซื่อซะขนาดนั้น
ต้องมีเพื่อนอย่างโป้ยอ่ะ ถูกแล้ว

เคยคิดว่าโป้ย กับพี่ปูนร้ายพอๆกัน แล้วก็.....ใช่เลย   :hao3:
พี่กร รู้ตัวว่าชอบโป้ย มาตลอดแต่ไม่กล้า ซึ่งพี่ปูนก็รู้
ก็ว่าคนฉลาดอย่างโป้ย จะไม่รู้ทันพี่กรรึ
ที่ไหนได้ รู้เพราะพี่กรคิดว่าโป้ยหลับ เลยแอบลักจูบ  :o8: :-[ :impress2:
โป้ยรุกซะทีก็ดี ปล่อยเวลานานไปและ
เอาละ....ถึงตาเสือร้ายโป้ย ขย้ำกวางพี่กรแล้ว  o18  o18  o18
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ TongRung

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 94
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
โป๊ยยยยยยย ร้ายมากมาย  o22 พี่กรไม่รอดแน่   :z1:
ลุงงงงงงง ซื่อเกิ๊น แบ่งจากโป๊ยมาบ้างก็ได้นะจริงจิ๊งงงง

ออฟไลน์ alternative

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +285/-3
โป้ย มันร้าย  :hao7:

คิดแบบเดียวกันเลย ฮ่า ๆ ๆ ๆ

เอาจริง ๆ นี่นึกมาตลอดว่าพี่กรตัวสูงใหญ่เท่าพี่ปูน กลายเป็นพี่กรจิ๋วกว่าซะอย่างนั้น
อย่างนี้โป้ยก็มีเมียอ่ะดิ ว้า อดแซวเลย

ออฟไลน์ namngern

  • Flowers need to bloom
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1848
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +200/-2
เอาเลยโป้ยยย จัดการเลยยยคริ
หนูหวังดีนะพี่กร อยากให้พี่กรสมหวังไง
ป่าวฟินอะไรเลยนะ55555555

ออฟไลน์ เก้าแต้ม

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1290
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +88/-3
โป้ยร้ายกาจมาก แต่ชอบปรบมือรัวๆ

ออฟไลน์ malula

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7208
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +622/-7
ว้าย ถ้านี่เป็นพี่กรไม่รู้จะเอาไปซุกไว้ไหนดี อายยยย

ออฟไลน์ yumenari

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 58
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0


 โอ้ยยย โป้ววว แม่งโครตร้ายอะ

พัทลุง นายคงจะโดนแกล้งมามากสินะ

แต่นั้ยแหลั อ่านไปก็แอบหงุดหงิดพี่กรนิดๆ

แต่ก็หงุดหงิดโผ้งเหมือนกัน ตรงที่โป้วเองก็ปล่อยให้เวลาผ่านไปเหมือนกัน  รักตนเขียนค่

ออฟไลน์ พัดลม

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 535
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-2

ออฟไลน์ Petit.K

  • Petit parapluie
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 840
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
โป้ยร้ายกว่าที่คิดเยอะเลย55555555
นี่คิดว่าตลอดว่าพี่กรจะกดโป้ย ไงดูท่าจะพลิก พี่กรดูมุ้งมิ้งไปเลยอะ โง้ยยยย
ฝากโป้ยสอยเพื่อนลุงด้วย จะได้ทันพี่ปูนบ้าง

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ fc_fic

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2590
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-7

ออฟไลน์ sz4music

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 280
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0

ออฟไลน์ loveview

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1912
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +87/-10
อยากให้พี่กรรุกโป๊ยบ้างงงงงงอ่าาาาา

ออฟไลน์ Ball

  • He exists now only in my memory.
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 870
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +239/-0
สงสารพี่กรล่วงหน้าเลยได้มั้ยคะ 555
โป๊ยทำไมร้ายแบบนี้
แต่เชื่อเถอะ ว่าเดี๋ยวพี่ปูนก็มองแผนนี้ออก
และเราคิดว่าพี่ปูนจะช่วยพี่กรโดยการอยู่เฉยๆ
ไม่ก็ช่วยกระตุ้นให้ทุกอย่างมันเดือดยิ่งขึ้น
เผลอๆได้ทั้งขึ้นทั้งล่อง ฮ่าๆ
ผ่านมากี่ปีแล้วพี่เอ๊ย มันถึงเวลาที่ต้องความคืบหน้าแล้วค่ะ

ขอบคุณสำหรับนิยายนะคะ

ออฟไลน์ ดาวโจร500

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 643
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +27/-3
อร้ายยยยยยย fcโป้ยย ยย เราชอบมาก55 :3123: :กอด1: :-[5555

ขอส่งใจให้นักเขียนมาต่อบ่อยๆ :L2: :L1: อยากบอกให้รู้ว่ามีคนคลั่งใคล้เทออยู่วววว  :z3:

ออฟไลน์ Piima

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 660
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
โอ้ยยย

คู่นี้ก็แซ่บไม่แพ้กันเด้อออ

เค้าลังเลเพราะแก มัวแต่กัดแก้มลุงไง โป้ย

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6

ออฟไลน์ puiiz

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-4

ออฟไลน์ cheezett

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 471
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3
โป้ยมันร้ายมากกกก แบ่งให้ลุงสักนิดเถอะ55555

ออฟไลน์ darling

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1741
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-7
สงสารพี่กรต้องโดนหมาป่าโป้ยเขมือบทั้งตั้วแน่  :o8: :-[

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด