◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| *แจ้งข่าวหนังสือ* || 5-3-63 หน้า 54 ||
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| *แจ้งข่าวหนังสือ* || 5-3-63 หน้า 54 ||  (อ่าน 302399 ครั้ง)

ออฟไลน์ xkoxko

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 26
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0

ออฟไลน์ L@DYMELLOW

  • กำลังงงๆ เพราะหาทางลงจาก “คาน” ไม่เจอ
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 356
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +826/-4
    • facebook
ตอนที่ 16 _ฟ้าหลังฝนของคนมีรัก_ [โป้ย] 




วันนี้
  9.07 [เย็นนี้ไปกินข้าวกันมั้ย?]
10.18 [พี่ทำอะไรอยู่?]
10.20 [อยู่กองถ่ายเหรอ?]
12.31 [กินอะไรรึยัง?]
14.11 [จะไม่ตอบผมหน่อยเหรอ]
16.07 [คงไม่ใช่ว่าหลบหน้าผมอยู่หรอกนะ]



เสียงเคาะนิ้วกับโต๊ะดังเป็นจังหวะต่อเนื่องขณะที่สายตาก็จับจ้องอยู่ที่หน้าจอโทรศัพท์แน่นิ่ง ผมมองข้อความสุดท้ายที่เด้งขึ้นไปรวมกับตัวอักษรก่อนหน้า มันขึ้นไปกองรวมๆ กันเหมือนคำไร้ค่า ไร้ความสำคัญเหมือนกับข้อความของเมื่อวาน...ไร้ความหมายเหมือนเสียงสัญญาณที่ไม่มีอีกฝ่ายตอบรับ

ผมกำลังหงุดหงิด หากความรู้สึกนั้นไม่ได้เกิดจากข้อความทั้งหลายที่ไร้คนอ่าน ในจุดนั้นผมพอเข้าใจได้ ก็พี่กรเป็นพวกไม่กล้าเผชิญหน้านี่นะ ไอ้การไม่รับสายหรือไม่ยอมเปิดอ่านข้อความมันก็เป็นเรื่องที่เดาได้ไม่ยากอยู่แล้ว ก็นับจากวันนั้นที่ผมเริ่มรุก วันต่อมาพี่กรก็หนีหาย ไม่เข้าออฟฟิศซ้ำยังติดต่อไม่ได้ พอสืบข่าวจากช่องทางแฟนคลับก็เห็นว่ามีงานถ่ายแบบงานเดียวในช่วงเช้า ส่วนวันนี้ก็คงถ่ายละครเต็มวันซึ่งทุกครั้งก็เห็นตอบข้อความได้ปกติดี

ถ้าไม่เรียกว่าหลบหน้า จะให้หาคำอธิบายใดมาแทนได้ล่ะ แต่...

“ไปกินข้าวกันก่อนดีมั้ย? แล้วหลังจากนั้นเราค่อยไปดูหนังกัน”

นี่ต่างหากคือต้นตอของความหงุดหงิด!

ผมยอมละสายตาจากมือถือเพื่อหันไปให้ความสนใจความบ้าบอข้างตัวอย่างเต็มที่ อย่าว่าแต่ผมที่นั่งข้างๆ เลย ขนาดพี่เปี๊ยกที่นั่งอยู่อีกฝั่งก็ยังแอบมองมาบ่อยๆ กระทั่งพี่ริชยังแอบมองผ่านบานกระจกห้องตัวเองออกมาตั้งนานสองนาน แม้แต่ป้าจิ๋มยังตกอกตกใจเมื่อเห็น ก็นะ...ใช่ว่าทั้งหมดจะรับการเปลี่ยนแปลงของคู่กัดประจำออฟฟิศไม่ได้หรอก เพราะความสมัครสมานมันก็เกิดมาได้สักพักแล้ว แต่ที่เรียกสายตาของทุกคนอยู่บ่อยๆ นั้น คือการออกตัวแรงของเจ้านายมาดเข้มต่างหาก

“เสร็จแล้วก็ไปดื่มกันต่ออีกนิดหน่อย แล้วดึกๆ พี่จะไปส่งที่บ้านนะ”

นอกจากคำว่า ‘ดึกๆ’ ที่เน้นย้ำแถมเปี่ยมไปด้วยความนัยที่ผมต้องได้ยินแล้ว ยังอุตส่าห์กระซิบกระซาบให้ผมต้องแอบฟังอีกว่า...

“หรือคืนนี้จะไม่กลับพี่ก็ยินดีนะ”

“ค...คือผม...ผมไม่”

“หืม? อะไรนะพี่ได้ยินไม่ค่อยถนัดเลย ลุงบอกว่าไม่เหรอ?”

“พ...พี่ปูนครับ คือผม...ผม...”

ให้ตายเถอะ!! สองวันแล้วที่ผมต้องมาเจออะไรแบบนี้ คนหนึ่งก็รุกแรงแบบไม่แคร์สายตาใคร ในขณะที่อีกฝ่ายก็นั่งตัวสั่นปฏิเสธไม่เคยจะเต็มเสียง

ผมมองเพื่อนด้วยความสงสาร ไอ้คุณลุงมันเคยต้องมาอยู่ในสถานการณ์แบบนี้ที่ไหน ตั้งแต่เด็กจนโตไม่เคยจะต้องมาถูกชวนไปเดตด้วยลักษณะเหมือนโดนข่มขู่มาก่อน ตอนนี้จิตใจเพื่อนผมจะบอบช้ำสักเท่าไร ผมอยากจะตบบ่าบอกกับพี่ปูนเหลือเกินว่ารังแต่จะทำให้ลุงมันกลัวมากขึ้นก็เท่านั้น เมื่อวานมันสบตากับผมประหนึ่งลูกหมารอการช่วยเหลือแต่สุดท้ายก็โดนลากไปจนได้ มาวันนี้ก็ยังถูกรุกหนักไม่ต่างกัน ถ้าเพื่อนอย่างผมไม่ช่วยเหลือบ้างอะไรบ้างก็จะดูแล้งน้ำใจไปหน่อย

“วันนี้พวกเรามีนัดกันแล้วครับพี่”

ทันทีที่ผมสอดปากออกไป สายตาลุงเหมือนเจอกับพระเจ้า มันมองผมด้วยสีหน้าเต็มตื้นซาบซึ้งในบุญคุณเหลือแสน ยิ่งเห็นผมก็ยิ่งอยากจะรู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ระหว่างพี่ปูนกับมัน

“ใช่ครับๆ วันนี้ผมมีนัดกินเหล้ากับเพื่อน ไปกับพี่ไม่ได้หรอก”  ลุงหันไปบอกพี่ปูนด้วยน้ำเสียงมั่นใจขึ้น แม้จะเป็นการพูดที่หลบเลี่ยงสายตาคนฟัง ซ้ำยังตัวสั่นเป็นกระต่ายไปหน่อยก็เถอะ

แต่ตอนนี้ลุงคงหลุดพ้นจากเป้าหมายไปแล้วล่ะ

ผมลอบกลืนน้ำลายก้อนโตลงคอด้วยท่าทีนิ่งสงบ แม้จะหวั่นใจกับสายตามาดร้ายที่อีกฝ่ายส่งมาให้แต่ผมก็เผยยิ้มสู้ด้วยสีหน้าเป็นต่อ ในสงครามการจ้องตาคนที่นิ่งได้กว่าคือผู้ชนะ และผมก็ไม่ค่อยจะแพ้ให้ใครซะด้วย...แต่กับคนบางคนเราก็ไม่ควรไปแหย่เล่นด้วยมากนัก ผมสรุปกับตัวเองตามนั้นแล้วเปลี่ยนมุมมองสายตาไปยังเพื่อนที่นั่งลุ้นอยู่ด้านข้างทันที

“เก็บของสิมึง ไปกินที่ห้องกูนั่นแหละ”  ผมเร่งเพื่อนทั้งน้ำเสียงทั้งภาษากาย ไอ้ลุงก็เหมือนคนมีประสบการณ์ มันรีบเซฟงานปิดคอมฯ เก็บของทั้งหมดด้วยความฉับไวแบบคนที่อยากเอาตัวรอดเต็มที การกระทำของลุงยิ่งส่งผลให้ใบหน้าพี่ปูนเขียวคล้ำยิ่งกว่าเดิม แต่คนมันกำลังง่วนอยู่ไงเลยไม่ได้เงยหน้าขึ้นมองบรรยากาศที่แย่ลง ปากช่างเจรจาของมันถึงได้หลุดพูดเรื่องไม่สมควรออกมา

“เดี๋ยวซื้อของเข้าไปทำกับแกล้มก่อนดีมะ?”

หน้าพี่ปูนเข้มขึ้นจนน่ากลัว

“ถ้าเมามาก กูนอนกับมึงเลยนะ”

ผมว่ามันมีประโยคอีกมากมายที่ใช้คู่กันได้นะ อย่าง ‘นอนค้างกับมึง’ ‘ขอนอนห้องมึง’ ‘กูนอนด้วยคน’ อะไรทำนองนี้ แต่พอคำพูดที่ว่า ‘กูนอนกับมึง’ หลุดออกมา หน้าพี่ปูนก็เปลี่ยนจากเขียวเป็นม่วง จากม่วงเป็นดำ เหมือนภูเขาไฟใกล้ปะทุลาวาออกมา ถ้าคนมันไม่มีปมมาก่อนจะถูกคำง่ายๆ แบบนั้นสะกิดได้อย่างไร นี่ไม่บอกเป็นนัยเลยหรือว่าพี่ปูนคิดเสมอว่าผมจะกลายเป็นมือที่สาม

นี่มัน...น่าสนุกจริง

“มึงก็อย่าดื่มเยอะสิวะ เมามากก็ชอบถีบกูตกเตียงอยู่เรื่อย”  คนฟังสองคนสะดุ้งพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย ผมเก็บปฏิกิริยาแปลกนั่นเอาไว้ในใจก่อนพ่นคำต่อไปเรื่อยๆ ด้วยใบหน้านิ่งเรียบ   “เวลามึงดื่มพอดีๆ แล้วกำลังน่ารัก ว่าง่ายมาก เชื่องด้วย”

“ตีนเหอะ”  ไอ้ลุงเงยหน้าด่าผมทันควันแล้วก้มลงยัดของลงกระเป๋าเป้ต่อ ใบหูมันแดงเรื่องเล็กน้อย ปากเม้มแน่นด้วยความอับอายแต่ก็ไม่ยอมพูดแก้ต่างอะไรออกมา ดังนั้นปฏิกิริยาของพี่ปูนจึงเข้าใกล้คำว่าล้มโต๊ะไปทุกที

“งานเลี้ยงต้นปีน่ะครับพี่ปูน”  ด้วยความเป็นน้องที่ดีมาตลอด จะไม่อธิบายอะไรสักหน่อยผมก็ว่าจะดูไม่ดี  “ใส่หูกระต่ายน่ารักเบอร์ตองเลย”  ผมอมยิ้มมองหน้าคู่สนทนาที่แววตาคล้ายอยากจะหักคอผมทิ้งให้แล้วรู้รอด

“น่าสนใจดีนะ”  พี่ปูนส่งเสียงลอดไรฟันแบบพยายามสะกดอารมณ์เต็มที่

“มากครับพี่ วันนั้นนี่ใครอยากให้ลุงทำอะไรทำได้หมด ผมมีรูปคืนนั้นอื้อเลยนะพี่”  ผมยิ้มจนตาหยีก่อนจะมองสบตาแล้วยักคิ้วให้หนึ่งที  “พี่อยากจะดูบ้างมั้ย?”

“พอเลยไอ้เชี่ยโป้ย!”  เสียงลุงตวาดลั่น หยุดประกายไฟแปล๊บปล๊าบน่ากลัวที่พี่ปูนกำลังส่งมา ไอ้หนุ่มหูกระต่ายน่าอายยืดตัวขึ้นเพื่อเตรียมพร้อมเผ่น ใบหน้าอิ่มเอิบมีสีเลือดฝาดฟุ้งเต็มแก้ม กำลังอายได้ที่เชียวล่ะ

“พอก็พอ”  ผมยักไหล่พลางยัดของอีกเล็กน้อยลงกระเป๋าตัวเองบ้าง จากหางตา ผมเห็นเพื่อนตัวเองเดินเข้าประชิดร่างสูงของเจ้านาย มือกระตุกแขนเสื้อหงึกๆ พลางพูดเบาๆ ที่พอจับใจความได้ว่า ‘พี่อย่าไปบ้าตามมัน ไม่มีอะไรทั้งนั้นแหละ’

ชะหนอย!! แล้วจะได้รู้กันว่าแฟนมันควรบ้าตามคำผมรึเปล่า ไม่ใช่แค่รูปถ่ายนะที่ผมถือครองอยู่ แม้แต่คลิปวีดิโอผมก็มี ถ้าพี่ปูนเห็นแล้วไม่หัวร้อนล่ะก็ให้เอาตีนมาขยี้ตาปลาผมได้เลย

“ไปได้แล้ว”  ผมชักน้ำเสียงใส่ พร้อมกับเดินอ้อมไปจูงมือเพื่อนเดินหนีไปทันที พัทลุงก็ยอมจับมือผมมาตลอดทางจนถึงรถ แต่ใบหน้านั้นหงิกงอจนน่าหมั่นไส้

“เป็นอะไร”

“มึงอย่าไปยั่วโมโหพี่ปูน”  มันชักสีหน้าจริงจังเอ่ยกับผมเมื่อรถยนต์เริ่มเคลื่อนตัวออกจากลานจอด

“ทำไม? ห่วงกูเหรอ”

“เปล่า กูห่วงตัวเอง!”

ผมหลุดหัวเราะพรืดออกมา ผลที่ได้คือการถูกค้อนวงใหญ่จากคนข้างๆ ไอ้ลุงสะบัดหน้าพรืดหันไปอีกทางด้วยใบหูแดงแปร๊ด ผมก็ไม่อยากจะทำให้เพื่อนอายไปมากกว่านี้ เดี๋ยวมันคิดสั้นเปิดประตูกระโดดออกไปแล้วจะยุ่ง แต่นี่แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนเลยว่าเพื่อนผมแพ้ทางพี่ปูนขนาดไหน จะด้วยอะไรก็ไม่ทราบแต่ในขณะที่มันเหมือนจะปึ่งงอนอีกฝ่ายอยู่ มันก็ยังเกรงเขาอยู่ในที

แค่คิดว่ามีบางจุดที่ผมยังปะติดปะต่อเรื่องไม่ได้ ต่อมเผือกก็ร้อนระอุขึ้นมาทันที

ความคิดหนึ่งจุดวาบขึ้นในหัว ผมเหลือบมองเพื่อนรักที่แวบเดียวก่อนจะเปลี่ยนเป้าหมายมุ่งหน้าไปยังตลาดสด ลุงมันดูจะไม่ตะขิดตะขวงใจอะไรเพราะในหัวมันคงนึกถึงเรื่องกับแกล้ม เมื่อหาที่จอดได้ ผมก็เปิดกระเป๋าเงินยื่นเงินให้หนึ่งพัน คนขี้งกอย่างลุงก็ไม่มีเหนียมอายคว้าหมับแบบทันท่วงที แถมเอ่ยถามผมด้วยสีหน้าเป็นมิตรแบบฉับไว

“อยากกินอะไรครับคุณโป้ย”

“แล้วแต่มึง อยากแดกอะไรก็ซื้อมา”

“กูอยากกินล๊อบสเตอร์”

“อันนั้นคงต้องไปอ้อนผัวมึงเอาเองนะ”

“เชี่ย!!”  หลังจากผลักหัวผมด้วยความเขิน? เสร็จแล้วก็เปิดประตูรถลงไปทันที ผมส่ายหัวมองเพื่อนเดินย่ำเท้าตึงๆ เดินหายเข้าไปในตลาด จากนั้นจึงล้วงโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋าเพื่อเลือกหมายเลขผู้ร่วมขบวนการ

ใบหน้าของเสี่ยอ่ำร้านวัสดุก่อสร้างหราขึ้นเต็มหน้าจอ รอไม่นานเท่าไหร่ปลายสายก็ส่งเสียงตอบรับ ผมรีบยกมือถือแนบหูทันทีด้วยรอยยิ้ม

“ไงครับเพื่อนโป้ย”  เสียงอ่ำเกือบจะเรียกได้ว่าร่าเริง

“อารมณ์ดีจากไหนมาวะ เสียงระรื่นเหลือเกิน”

“ป๊าไม่อยู่ ลูกอย่างกูก็ร่าเริงสิวะ” 

“คืนนี้มาแดกเหล้ากัน”  ไม่คิดว่าโอกาสจะเป็นใจขนาดนี้ ผมเลยส่งสารชวนทันที  “พวกมึงอยากจะรู้กันไม่ใช่เหรอว่าแฟนไอ้ลุงเป็นใคร”

“เฮ้ย มันจะพามาเปิดตัวเรอะ!”

“คนนี้มันยังไม่ยอมเปิดง่ายๆ หรอก ขนาดกูมันยังปิดปากเงียบ”

“หึหึ มึงคงจะไม่ทำอย่างที่กูคิดใช่มั้ย?”  อ่ำหัวเราะคิกคัก

“ถ้ามึงรู้ว่ากูคิดอะไร ก็สมกับเป็นเพื่อนชั่วๆ ของกูแล้วล่ะ”  ผมย้อนมันกลับไป เราต่างหัวเราะไว้อาลัยให้กับไก่น้อยที่กำลังจะโดนถลกหนัง

“เดี๋ยวกูโทรหาไอ้เป๋ก่อน ว่าแต่มึงต้องการใช้ประกอบการสารภาพมั้ย?”

“มึงคิดว่าอะไรจะทำให้แฟนที่คอลกันอยู่ตกใจวะ”  ผมยกยิ้ม แค่คิดภาพพี่ปูนโมโหจนขนหัวตั้งก็สาสมใจแล้ว

“ได้เลยเพื่อน”  อ่ำวางสายไปด้วยความคึกคักในขณะที่ผมเองก็ยิ้มออกมาอย่างพอใจ

ต่อเมื่อความเงียบเข้าจู่โจมกะทันหันรอยยิ้มก็พลันจางหายไปช้าๆ ผมเปิดแอพลิเคชั่นสนทนา เลือกรายชื่อแล้วกดเข้าไป ...ทุกข้อความขึ้นกำกับด้านหน้าว่าได้ถูกอ่านแล้ว แถมยังอุตส่าห์มีถ้อยคำน่ารักๆ ส่งกลับมาเสียด้วย

[พี่ไม่ได้หลบหน้าโป้ยนะ]

[สองสามวันนี้ยุ่งมาก]

[เพิ่งว่างเมื่อกี้เอง]

รอยยิ้มจุดขึ้นที่ริมฝีปากอย่างห้ามไม่อยู่ ถึงจะทำให้ผมหงุดหงิดมาสองวันแต่ตอนนี้มันหาได้สำคัญแล้ว แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ยังคงอ่านข้อความทวนอยู่สองสามรอบเพื่อให้แน่ใจว่าแค่ตัวอักษรที่เห็นนี้จะสื่อความรู้สึกอะไรได้บ้าง เป็นการตอบกลับจากใจจริง หรือเป็นเพียงการตอบเพราะถูกกดดัน แต่หลังจากทวนอ่านรอบสุดท้าย ผมก็เลือกที่จะคิดเข้าข้างตัวเอง พี่กรอาจจะใจร้ายกับผมไปบ้าง แต่ไม่มีทางที่จะปฏิเสธการมีอยู่ของผมเด็ดขาด

[ผมเข้าใจ ผมไม่ได้สำคัญมากพอให้พี่สละเวลาขนาดนั้น] 

แต่การเข้าใจก็หมายความว่าจะเสแสร้งน้อยใจไม่ได้นี่ ผมมองข้อความของตัวเองเด้งขึ้นไปบนหน้าจอที่ไม่กี่วินาทีต่อมานั้นได้ถูกอีกฝ่ายอ่านแล้ว ผมเลือกที่จะปิดแอพลิเคชั่นทันทีก่อนที่อีกฝ่ายจะพิมพ์อะไรตอบกลับมา การน้อยใจแล้วยังสาดคำพูดประชดประชันมากมายนั้นคือความน่ารำคาญ ผมแค่อยากให้มันจี้ใจอีกฝ่ายก็เท่านั้นเลยไม่มีความจำเป็นต้องรุกซ้ำหรือโต้ตอบอะไรอีก การถอยออกมาชั่วคราวจะสามารถทำให้เราได้ข้อต่อรองดีๆ ในภายหลัง

เสียงข้อความเข้าดังขึ้นหนึ่งครั้ง และตามมาติดๆ กันอีกสามข้อความ ผมพยายามอดกลั้นความอยากรู้ของตัวเอง ทำทีมองออกไปด้านนอกรถเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจ แต่เมื่อจิตใจมันมุ่งไปที่ใดแล้วมันก็ยากเหลือเกินที่จะเบี่ยงประเด็น จนกระทั่งสองตาเหลือบไปเห็นเพื่อนรักเดินวนไปมาพร้อมกับถุงหิ้วเต็มสองมือ ผมถึงตัดสินใจเก็บโทรศัพท์แล้วตามออกไป

ลุงเหงื่อแตกพลั่กเพราะอากาศที่ร้อนอบอ้าว ยามที่มันเห็นผมเหมือนมันเห็นผู้ช่วยชีวิต ริมฝีปากยิ้มกว้างจนตายิบหยี แล้วเมื่อผมเดินไปหยุดตรงหน้า สองมือของลุงก็ยื่นถุงทั้งหมดให้ผมทันที ผมมองของทั้งหมดแต่ยังไม่ยอมยื่นมือออกไปรับ

“หนัก ช่วยถือหน่อย”  เกือบจะคล้ายเสียงอ้อนวอนที่เปล่งออกมา เพราะงั้นผมถึงยินยอมรับของทั้งหมดมาถืออย่างช่วยไม่ได้  “กูโทรไปถามอ่ำว่ามันอยากกินอะไร มันว่าอยากกินไก่ทอดน้ำปลากับยำทะเล”

“แล้วนี่เหลืออะไร?”  ผมยกมือซ้ายขวาขึ้นพิจารณาของคร่าวๆ เครื่องยำกับไก่สดยังไม่เท่าไหร่ แต่ของทะเลมาแบบจัดหนักมาก ทั้งปู ทั้งหอย ทั้งกุ้ง งบหนึ่งพันบาทไม่มีทางพอแน่ๆ นี่ยังไม่รวมพวกมิกเซอร์ที่จะแวะซื้อขากลับอีก

“ครบแล้ว กูเดินวนๆ เผื่อมีอะไรน่าซื้ออีก”  ไม่ว่าเปล่า สองตามันก็เริ่มสอดส่ายซ้ายขวา สองขาก็เริ่มเดินพร้อมกระตุกผมให้ก้าวไปด้วยกัน  “วันก่อนนะมึง กูไปตลาดแถวดินแดงมา มีร้านส้มตำเด็ดอย่างนี่!” 

ผมมองนิ้วโป้งเพื่อนที่ชูขึ้นหรา ดูจากสีหน้าแล้วไม่ได้พูดถึงรสชาติแน่ แต่เพื่อปูมาเราก็ต้องรับครับ  “รสชาติอร่อยมากจนมึงติดใจ?”

“นมใหญ่ยิ่งกว่าปากครกอีก! ชื่อร้านตำกระเด้ง มึงเอ๊ยกูยืนรอซื้อได้ไม่เมื่อยอ่ะ”  แล้วมันก็ทำท่าเด้งนม หัวเราะชอบใจยกใหญ่  “ไว้วันหลังไปซื้อกันนะมึง อยากชวนพวกมึงไปช่วยอุดหนุน น้องเขาคงฐานะไม่ค่อยดี ใส่เสื้อผ้าน้อยชิ้นเหลือเกิน”

ไอ้ลุงมันบ้าหน้าอก แฟนมันทุกคนที่ผ่านมาหน้าอกหน้าใจกินขาดทุกคน เหมือนหัวมันมีเรดาร์คอยจับสัญญาณคัพซี หูไวตาไวตลอด เคยเมาแล้วไปยิ้มกริ่มให้กับดี้หน้าอกล้นคนหนึ่ง เกือบโดนผัวทอมเขาเขวี้ยงหมัดใส่แล้ว ส่วนอีกหนึ่งปัญหาของกลุ่มก็คือเสี่ยอ่ำ รายนั้นขอให้เอวคอด สะโพกกลม น้ำลายก็ไหลหยดเป็นน้ำตกเอราวัณแล้ว

“แล้วมึงไปทำอะไรที่ตลาดแถวดินแดง”  ผมสกัดสีหน้าสุขีของลุงให้เปลี่ยนเป็นซีดขาวได้ในพริบตา  “บ้านมึงอยู่อารีย์ พญาไท มึงไปซื้อของที่ดินแดงเลยเหรอ”

“ก็ไม่ได้ไกลกันมากปะวะ กูก็อยากเปิดตลาดใหม่ๆ บ้าง”

“เหรอ...ก็นึกว่าบ้านแฟนมึงอยู่แถวนั้น”  อย่างบ้านพี่ปูนอะไรอย่างงี้ ผมอมยิ้มกับคำห้อยท้ายในใจ แต่กลัวพูดออกไปเองก็กลัวเพื่อนจะลงไปแถกับพื้นจนสีข้างถลอก ผมเก็บไว้รอยำทีเดียวพร้อมไอ้อ่ำดีกว่า

“กลับกันดีกว่ามึง กูต้องทำของหลายอย่างเดี๋ยวไม่ทัน”  แล้วก็เป็นไปตามคาด คุณลุงหูแดงเดินตัวปลิวนำไปก่อน ยังไม่วายหันมาเร่งผมเสียงเข้มอีก  “เร็วสิมึง ชักช้าจริง!”

ผมส่ายหัวกับการพาลแบบเด็กๆ ของคนถูกจี้ใจจนไปไม่ถูก ก่อนสองขาจะก้าวยาวๆ ตามไปติดๆ


.

.

.


โดยส่วนตัวแล้วผมทำอาหารกินเองบ้างเมื่อมีเวลา เพราะงั้นข้าวของเครื่องครัวที่ควรมีจึงมีทั้งหมด จะอาหารไทย อาหารฝรั่ง หรือแม้แต่ต้มมาม่า ห้องผมก็พร้อมสำหรับทุกมื้อ อย่างเช่นวันนี้ที่เครื่องดูดควันได้ทำหน้าที่ของมันแบบเต็มประสิทธิภาพเสียที

ผมนั่งเท้าคางบนเก้าอี้หน้าเคาท์เตอร์บาร์ มองเพื่อนผู้มีความชำนาญตามหลักพ่อบ้านเต็มเปี่ยมกำลังยืนท้าทายหน้ากระทะน้ำมันเดือดปุดๆ เพื่อวัดใจกับไก่คลุกน้ำปลาที่กำลังส่งกลิ่นหอมไปทั่ว อีกเตาหนึ่งก็มีหม้อนึ่งควันฉุยที่มีสัตว์ทะเลอวบอ้วนมากมายอยู่ข้างใน เลื่อนไปด้านข้างก็เป็นโหลปั่นกลิ่นฉุนจากพริกกระเทียมเพื่อสำเร็จเป็นน้ำจิ้มซีฟู้ดรสเด็ดจัดจ้านอันเป็นเสียงล่ำลือในหมู่เพื่อนฝูง

ไม่มีเพื่อนคนไหนไม่รู้สึกขอบคุณคุณอาผู้ล่วงลับ ที่เคี่ยวกรำลูกชายคนเดียวจนเป็นพ่อศรีเรือนที่ดีขนาดนี้ แม้จะทำได้แต่อาหารง่ายๆ แถมหน้าตาไม่ค่อยสวยงามก็เถอะ แต่ความอร่อยนั้นต้องยกนิ้วมือแถมนิ้วเท้าให้เลย งานบ้านก็จัดว่าเป็นมือโปร ไม่ฟุ่มเฟือย ไม่อยากได้นั่นนี่แพงๆ ให้หงุดหงิดใจ ...ผมว่าพี่ปูนโคตรจะโชคดีเลยที่ได้พัทลุงไปเป็นแฟน

แต่ความบ้าของมันอาจจะทำให้พี่ปูนเป็นไมเกรนก็ได้

“โป้ยๆ กูถามหน่อยดิ” 

“ว่า?”  ผมตอบรับพลางหยิบชิ้นไก่ที่ทอดเสร็จแล้วบางส่วนขึ้น ควันสีขาวโชยกลิ่นหอมยามฉีกออกเป็นส่วนแล้วส่งเข้าปาก รสชาติเค็มกำลังดีปนความหวานของเนื้อไก่ หนังกรุบกรอบร้อนฉ่ำเพิ่มรสสัมผัสที่ไม่มีทางเพียงพอ

“สมมุติว่ามึงถูกแฟนหลอกมานาน แล้วพอมึงรู้ มึงจะโกรธป่ะ?”

“มันต้องดูว่าเรื่องอะไรสิวะ”  ผมตอบพลางดึงกระดาษทิชชู่มารองวางกระดูก  “โดนนอกใจเหรอ?”

“เปล่า...” 

เพราะลุงมันเอาแต่ยืนหันหลังให้ ผมเลยวิเคราะห์สีหน้ามันไม่ได้ แต่ฟังจากน้ำเสียงแล้วน่าจะเป็นอาการคิดไม่ตกเสียมากกว่า น่าจะมาจากเรื่องวันก่อนโน้นที่มันเค้นถามผมเรื่องพี่ปูน... อา~ ถ้าดูจากพฤติกรรมรุกหนักของพี่ปูนช่วงสองสามวันนี้ก็น่าจะบอกได้ไม่ยากว่าเพื่อนผมหายโง่แล้ว

“เลิกไปเลย”  สิ้นคำยุแยง ลุงหันขวับมามองผม กระพริบตาปริบๆ คล้ายจะขอคำอธิบาย  “ถ้ารับไม่ได้ก็เลิกไปเลย จบ!”

“มันก็ไม่ใช่เรื่องร้ายแรงขนาดนั้น”

“งั้นก็ไม่ต้องเลิก”

“วีรภาพ! มึงนี่ไม่ได้ช่วยเพื่อนเลยนะ”  เมื่อเห็นลุงมันทำท่าจะเขวี้ยงตะหลิวใส่อยู่รอมร่อ ผมเลยจำต้องเลิกกวนตีนเพื่อนชั่วคราว

“ก็มึงไม่ขยายความอะไรให้กูฟังเลย เรื่องราวเป็นไงมาไงก็ไม่รู้ แล้วจะให้กูไปตัดสินอะไรวะ”

“ก็มึงขี้เสือกอ่ะ กูไม่อยากเล่ามาก”  กระแทกเสียงใส่ผมเสร็จก็สะบัดหน้าหันเข้าหากระทะตามเดิม เป็นอันยุติบทสนทนาแบบไร้ที่มาที่ไป

โดนแน่มึงไอ้น้องลุง แล้วจะหาว่าพี่โป้ยใจร้ายไม่ได้นะ

ผมได้แต่เข่นเขี้ยวในใจ กัดไก่ระบายอารมณ์ไปสักพัก เมื่อได้เวลาเสียงกริ่งหน้าประตูก็ดังขึ้น ผมเดินไปเปิดประตูให้สองหนุ่มโสด เป๋สีหน้าโรยแรงเล็กน้อยถ้าเทียบกับไอ้อ่ำที่มีสีหน้าเบิกบานแช่มชื่น แต่พอจมูกขยับฟุดฟิดได้กลิ่นอาหารหอมๆ เป๋ก็พลันสีหน้าดีขึ้น

“กูหิวข้าวมาก ลุงทำอะไรกินวะ” 

ผมหลีกทางให้เพื่อนเข้ามาในห้อง มองเพื่อนสองคนสะบัดรองเท้าระเกะระกะแล้วเดินลอยตามกลิ่นไป กว่าผมจะตามไปสมทบจานไก่บนโต๊ะก็ถูกรุมไปแล้ว

“มีข้าวมะ กูหิวจนตาลายไปหมดแล้วเนี่ย”  เป๋พูดไปเคี้ยวไป สีหน้ามันยังคงอ่อนเพลียอยู่ ทำเอาวิญญาณพ่อบ้านเข้าสิงพัทลุงเลยทีเดียว

“เดี๋ยวกูโทรสั่งร้านข้างล่างให้ มึงอยากกินอะไร”  มันรีบหาน้ำเย็นให้เป๋ ส่งกระดาษเช็ดมือให้ นี่ถ้าห้องผมมีผ้าเย็น ลุงมันคงบริการให้เต็มที่กว่านี้แน่  “สีหน้ามึงไม่โอเคอ่ะเป๋ งานหนักมากเหรอวะ?”

“มันทำโอทีมาสามวันติดแล้ว เพิ่งจะได้เลิกงานตรงเวลากับเขาเนี่ย”  อ่ำเท้าคางมองเพื่อน อาสาตอบคำถามแทนเพราะเป๋มันยังเคี้ยวไก่จนแก้มตุ้ย  “กูต้องขับรถไปรับมันมาจากออฟฟิศ และห้ามเมานะเป๋ เพราะมึงต้องพากูกลับบ้านด้วย”

อ่ำสั่งความเสร็จสรรพ ดูท่าเป๋มันคงมาเพื่อกินอย่างเดียวเท่านั้นแหละ ถ้าวัดจากสภาพร่างกายมันคงไม่ค่อยอยากจะกินเหล้าเท่าไหร่ พ่อบ้านลุงที่เห็นเพื่อนหิวโซก็ทนไม่ได้ รีบสั่งความผมให้โทรสั่งข้าวจากด้านล่างตึกขึ้นมา จากนั้นผมกับอ่ำก็ช่วยกันขนของกินไปที่โต๊ะเตี้ยหน้าทีวี เหล้าโซดาน้ำแข็งเพียบพร้อมในระยะมือเอื้อมถึง เมื่อข้าวมาส่งก็จัดการลากไอ้เป๋มาร่วมเปิดงานได้เลย

ถ้าไม่นับเป๋ที่มาเพื่อกินข้าวแล้วล่ะก็ อ่ำกับลุงนี่ซัดเหล้าเข้าปากไปพอๆ กัน เพียงแต่ว่าอ่ำมันคอแข็งกว่าก็เท่านั้น แค่เห็นหัวลุงเริ่มคลอนไปมา ผมกับอ่ำก็หันมายิ้มกริ่มให้กัน ส่วนไอ้เป๋ที่เห็นนั่งไม่สนใจใครก็ยังอุตส่าห์ร่วมด้วยช่วยชงเหล้าให้ไม่ขาดมือ

อันที่จริงแล้วพัทลุงเป็นพวกเมาสามระดับ ระยะแรกคือจะเริ่มคายความลับ อยากรู้อะไร อยากให้ทำอะไรบอกมาเถอะ ลุงจัดให้ทุกอย่าง ระยะสองคือเริ่มงอแง ระยะนี้มักจะเหวี่ยงง่าย โวยวายไร้สาระ ส่วนระยะสุดท้ายนั้นคือหลับไปเลย แต่ที่อันตรายที่สุดคือช่วงที่มันหลับนั่นแหละ คืนไหนเมา คืนนั้นนอนดิ้นเหมือนเตียงเป็นต้นงิ้ว พวกผมสามคนล้วนโดนถีบตกเตียงกันมาแล้วทั้งนั้น เจ็บมากเจ็บน้อยแล้วแต่ว่ามันฝันอะไร หนักสุดก็คงเป็นไอ้เป๋ กลิ้งหลุนๆ ลงมาแล้วหน้าผากไปโขกกับพื้นกระเบื้อง ปูดเป็นลูกมะนาวกันทีเดียว

พวกผมเป็นมือโปรทางด้านมอมเหล้าเพื่อนอยู่แล้ว ไมมีกะระยะพลาดแน่นอน

ลุงเริ่มตาเยิ้ม ยิ้มหวานไปทั่ว คอเริ่มพลิกไปพลิกมา เห็นว่าได้ระดับแล้ว ไอ้อ่ะก็เริ่มเบาเหล้าลงแต่ไปหนักน้ำอัดลมแทน เป๋ที่เริ่มจะอิ่มก็รีบลุกไปล้างมือให้สะอาดแล้วเดินปรี่กลับมาพร้อมกับหนังยางในมือ อ่ำก็คุ้ยหาอะไรในกระเป๋ามันสักพักก็ควักลิปสติกกับที่ปัดแก้มออกมา

“กูจิ๊กม๊ามา”  ว่าแล้วมันก็ลงมือละเลงหน้าคนเมาแบบจัดเต็ม ลิปสีแดงถูกทาลงบนปากอิ่มเป็นกระจับของลุงทันที ไอ้คนโดนแกล้งก็ไร้สติยื่นหน้าให้แบบเต็มใจ แต่อย่าได้หาความสวยงามอะไร เพราะนอกจากปากจะเลอะไม่เป็นทรงแล้ว แก้มยังถูกปัดเป็นวงสีส้มพีชแบบเน้นๆ

“แฟนแม่งต้องตกใจแน่”  เป๋หัวเราะเบาๆ พลางกระชากผมคนเมามาผูกแกละเบี้ยวๆ ซ้ายขวา จากนั้นก็วุ่นกับการแกะกระดุมเสื้อเชิ้ตออกจนหมดแล้วม้วนขึ้นเพื่อมัดเป็นปมใต้ราวนม โชว์ความขาวกับหน้าท้องไร้กล้ามเนื้อให้ดูน่าสลดขึ้นไปอีก แต่มันไม่ได้หมดแค่นั้น เพราะตามหน้าท้องขาวๆ นั้นมีรอยจูบสีเข้มกระจายอยู่ แม้แต่เอวกับหน้าอกก็ยังมี พวกผมมองหน้ากันแล้วกลืนน้ำลายก้อนโต ‘แฟน’ มันคงหมั่นเขี้ยวเอามากๆ เลยสินะ

ขณะเดียวกันผมก็เริ่มแผนการเรียกร้องความสนใจของพี่ปูน โดยการส่งรูปภาพงานเลี้ยงเมื่อสิ้นปีให้ดู งานนั้นลุงถูกยำเสียเละ โดนบรรดาสาวๆ จับแต่งหน้า ดัดผม แล้วยังมีที่คาดผมหูกระต่ายสีแดงอยู่บนหัว พวกผู้ชายก็ปลดปล่อยความคิดสร้างสรรค์โดยการจับลุงแก้ผ้าจนเหลือแค่บ็อกเซอร์ แล้วเอาลิปสติกมาทาหัวนมเป็นการเซ็นเซอร์ ทั้งหมดทั้งมวลมีคนโดนเป็นเพื่อนอยู่สามคน หนึ่งในนั้นคือไอ้อ่ำเนี่ยแหละ

ผมอมยิ้มเมื่อรูปภาพวาบหวามกับหัวนมรูปหัวใจส่งขึ้นไปบนหน้าจอ ตามด้วยรูปน่าอายอีกหลายรูปจากช่วงเวลาอื่นๆ ผมรออย่างใจเย็นพลางมองอ่ำกับเป๋บรรเลงความเป็นศิลปินลงบนตัวเพื่อน จังหวะนั้นเองที่จู่ๆ เสียงโทรศัพท์ของลุงก็ดังขึ้น พวกผมหยุดการกระทำเพื่อหันไปมอง ผมรีบคว้าที่กำลังส่งเสียงร้องขึ้นมาประกอบกับดูรูปภาพที่มีคำว่าอ่านแล้วปรากฏขึ้นทุกรูป

พี่ปูนยังคงโทรมาอย่างต่อเนื่อง ผมก็ตัดสายทิ้งอย่างเมามัน จนกระทั่งอีกฝ่ายเปลี่ยนเป้าหมายมาเป็นที่เครื่องผมแทน

“พวกมึงพร้อมกันรึยัง?”  ผมถามผู้ร่วมขบวนการ
 
“มึงอย่าบอกนะว่าที่โทรมายิกๆ เนี่ยเป็นแฟนไอ้ลุง”  อ่ำถามพลางชะโงกหน้ามามองชื่อสายเข้าที่มือถือผม  “พี่ปูน? ชื่อเหมือนผู้ชายนะมึง แล้วไหนว่ามึงไม่รู้จักไง”

“กูบอกว่าไอ้ลุงไม่ยอมแนะนำ ใช่ว่ากูจะไม่รู้จักสักหน่อย”  ผมยักคิ้วให้เพื่อน ไอ้อ่ำยังไม่เข้าใจ แต่คนฉลาดอย่างเป๋กลับปะติดปะต่อเรื่องได้อย่างรวดเร็ว

“มึงอย่าบอกนะว่าเป็นพี่ปูนเจ้านายมึง!”  สิ้นเสียงเป๋ ไอ้อ่ำหันขวับมามองผมตาโต  “ไหนว่าลุงมันไม่ชอบขี้หน้าไง”

“มันยังไม่ยอมรับสักหน่อย ปากแข็งเบอร์นี้ไงกูถึงต้องง้างซะหน่อย”  ว่าแล้วผมก็ตัดสายพี่ปูนทิ้งอีกรอบ แล้วเข้าโทรแกมสนทนาเพื่อเชื่อมต่อวีดิโอคอลทันที

ไม่ต้องรอเลยสักวินาทีเดียว พี่ปูนตอบรับรวดเร็วพร้อมกับสรรเสริญผมด้วยเสียงดังจนไอ้เป๋กับไอ้อ่ำตกใจ

“ไอ้เหี้ยโป้ย!!” 

หน้าพี่ปูนถมึงทึงมาก จ้องผมปานจะโผล่ออกมากัดคอผมให้รู้แล้วรู้รอด หมดแล้วสุภาพบุรุษใจเย็นที่เห็นผมเป็นน้องเป็นนุ่งเมื่อก่อน

“ส่งเชี่ยอะไรมาห๊ะ! แล้วตัดสายกูทำไม ลุงอยู่ไหน!”

“อ่ะๆ ให้คุยด้วยก็ได้”  ผมยื่นมือถือให้เป๋ ส่วนตัวเองก็เลื่อนไปนั่งกับน้องสาวคนสวย  “น่ารักป่ะพี่ ขอตั้งชื่อว่าน้องพัทตี้ มิสพัทลุ๊ง~”

หน้าพี่ปูนเหวอไปเลย ไอ้อ่ำกลั้นขำพลางขอแอบดูนหน้าตาพี่ปูน ตัวมันกลับทำหน้าเหวอหนักกว่าคนในหน้าจอเสียอีก มีการพยักเพยิดเปลี่ยนมือให้ไอ้เป๋มาดูด้วย

“เชี่ยโป้ย! มึงทำอะไรเมียกูเนี่ย”



[มีต่อจ้า]
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 03-02-2018 01:24:01 โดย L@DYMELLOW »

ออฟไลน์ L@DYMELLOW

  • กำลังงงๆ เพราะหาทางลงจาก “คาน” ไม่เจอ
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 356
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +826/-4
    • facebook
[ต่อจ้า]


“เชี่ยโป้ย! มึงทำอะไรเมียกูเนี่ย”

เงียบกริบกันไปเลยเมื่อเจอการออกตัวแรงแบบนี้ เพื่อผมสองตัวปากอมลมพะงาบๆ ตกใจกันแบบต่อเนื่อง ผมเองก็ไม่คิดว่าพี่ปูนจะเปิดเผยขนาดนี้เหมือนกัน แต่ก็มีบางคนที่ไม่ได้ตกใจ แถมยังปั้นตาเขียวใส่หน้าจอ

“ใคร! ใครเป็นเมียพี่!”  จู่ๆ ไอ้ลุงก็โวยวายขึ้นมา มันคว้าโทรศัพท์จากมือไอ้เป๋ไปตะเบ็งเสียงใส่  “ใครๆๆ แล้วนี่พี่เป็นใครวะ! หนอย~ อย่ามาทำหน้าตาเหมือนกันนะ คิดว่าหล่อนักรึไง”

พวกผมปล่อยขำพรืด ไอ้ลุงมันเมาแล้วยิ่งมึนจริงๆ

“สติเฮ้ยสติ! นี่ดื่มไปขนาดไหนเนี่ย?”  เสียงในมือถือก็ตอบกลับมาแบบเหนื่อยใจสุดๆ 

“น้องลุง~ น้องลุงมีแฟนรึยังคะ?”  ไอ้อ่ำเริ่มหยั่งเชิงทันที

“มีแล้ว!”  ลุงตอบเสียงหนักแน่น แต่เสี้ยววินาทีต่อมามันก็เข้าสู่วังวนเดิมๆ  “หรือไม่มีวะ? ไม่อยากเป็นแล้วนี่ ไม่ชอบคนโกหก”  แล้วมันก็ทำตาขวางใส่หน้าจออีกรอบ  “หลายครั้งแล้วนะ ไม่ชอบเลยนะปุริม! เมื่อวานก็โกหกว่าจะพาไปส่งบ้านเฉยๆ หึ้ย!! พาเข้าโรงแรมอีกแล้ว!”

ไอ้เป๋ที่กำลังเคี้ยวกุ้งถึงกับพ่นออกมาจากปาก ผมกับไอ้อ่ำนี่หลุดหัวเราะเสียงดังไปเลย ผมเห็นพี่ปูนเอาแต่เงียบก็เลยลองชะโงกหน้าไปดู ไอ้สองตัวนั้นเห็นก็ทำตามบ้าง แล้วภาพที่ปรากฏคือพี่ปูนเอาแต่อมยิ้ม มองลุงแบบตาหวานเยิ้ม เนี่ยล่ะน้า~ คนกำลังมีความรัก

“เข้าโรงแรมไปทำอะไรกันล่ะคะ?”  ไอ้อ่ำเปิดประเด็นอีกรอบ

“ก็ไปจูบกัน” ว่าแล้วก็บิดตัวไปมา อมยิ้มจนแก้มปริ จากกิริยาตอนนี้เหมือนมึงเต็มใจเสนอตัวให้เขาด้วยแหละเพื่อน

“จูบอย่างเดียวเองเหรอคะ?”  พวกผมตบมือชอบใจกับความล้นของเพื่อน

“กอดด้วย คึคึคึ ...เป๋ๆ”  แล้วคนเมาก็กวักมือเรียกความสนใจจากเพื่อน  “กูโดนอมด้วยแหละ ฮ่ะๆๆ ตอนแรกก็ว่าจะขัดขืนน้า~ แต่ไม่ไหวอ่ะ เต็มปากเลย หึหึหึ”

ไม่มีใครกล้าถามว่าเต็มปากใคร? และอะไรที่เต็มปากอยู่ในตอนนั้น แต่ลุงผู้มึนเมาก็เริ่มร่ายบทต่อเนื่องด้วยการแหวกเสื้อจนเห็นหน้าอก มันแอ่นนมโชว์คนในจอแบบน่าไม่อาย ตรงหัวนมบอดๆ ของมันก็มีรอยจูบอีกเหมือนกัน

“ห้ามกัดนมแล้วนะลุงเจ็บ”

ตอนนี้จากความขำแปรเปลี่ยนเป็นความตกใจแทน พวกผมนิ่งอึ้งมองเพื่อนรักบีบนมตัวเองให้แฟนดู

“แต่ดูดได้นะ ลุงโอเค”

แม่เจ้า!! พวกผมพร้อมใจกันปิดปากแบบรับไม่ได้ ไหนใครกันที่บอกว่าจะไปเป็น ‘ผัว’ เขา ไหนใครที่ยืนยันว่าไม่ได้เป็นเมียใคร ใครหน้าไหนกันวะ!!

“พัทลุง...ให้พี่คุยกับโป้ยหน่อยนะ”  ในที่สุดพี่ปูนก็พูดขึ้น

“ปุริมไม่อยากคุยกับลุงแล้วเหรอ”  ลุงก็ทำหน้าตูมรับทันที

“อยากสิ เดี๋ยวพี่ไปหานะ...ให้โป้ยคุยกับพี่หน่อยเร็ว”

“...ก็ได้” 

ผมรับมือถือที่ถูกส่งให้แบบไม่เต็มใจเท่าไหร่ ใบหน้าพี่ปูนในจอดูสงบผิดคาด แถมยังยิ้มให้ผมชนิดที่ว่าพาให้ขนสันหลังลุกเกรียว

“เอาตัวเองให้รอดก่อนดีมั้ย? คิดว่ากรมันจะยอมคบด้วยง่ายๆ เหรอ”  ใบหน้าหล่อเหลาแม้แต่ในความคิดของผู้ชายด้วยกันตรงหน้า ยกยิ้มมองผมราวกับสมเพชเวทนาเต็มทีก่อนจะตัดการสื่อสารไป

ใบหน้าผมแข็งค้าง สมองประมวลความหมายที่อีกฝ่ายต้องการจะสื่อ พี่ปูนหมายความว่าอย่างไร พาดพิงถึงพี่กรอย่างกับรู้เรื่องราวบางอย่าง แถมยังบอกเป็นนัยว่ารู้ความต้องการของผม... ให้ตายเถอะ! ผมไม่ชอบพี่ปูนเลยจริงๆ

“ลุง! ไอ้คุณลุง นี่สรุปว่ามึงมีผัวแล้วสินะ”  ไอ้อ่ำเขย่าเพื่อนเพื่อคาดคั้นคำตอบ สีหน้ามันไม่ได้มีความรังเกียจหรือขยะแขยงอะไรกับการที่เพื่อนเป็นเกย์ แต่มันเป็นสีหน้าของคนที่สนุกกับการแกล้ง  “เร็วมึง เล่ามาให้กูฟังเลยนะว่าไปได้กันยังไง”

“บ้า~ ยังไม่ได้กันซะหน่อย”  ไอ้ลุงก็โคลงตัวไปมาหัวเราะหึๆ

“ก็โดนหิ้วเข้าโรงแรมแล้วนี่หว่า”  ไอ้เป๋เสริมด้วยความอยากรู้ทันควัน

“จุ๊ๆ ตูดกูยังแน่นเปรี๊ยะ”  คนเมาว่าพลางตบบั้นท้ายตัวเองเสียงดัง จากนั้นก็ชูสามนิ้วขึ้นมาแปะหน้าตัวเอง  “โดนแค่นิ้วเอง~”

“อ๊าก เชี่ยลุง!! มึงก้าวหน้ามาก”  ไอ้อ่ำกับเป๋ถึงกับกรีดร้องโหยหวน แต่ยังคงประคองการสัมภาษณ์ต่อไปได้   “แล้วเมื่อไหร่มึงจะยอมเสียประตูล่ะวะ”

“ไม่รู้”  คนเมาสะบัดหน้าไปมา เค้าความเครียดปรากฏบนหว่างคิ้ว  “กูกลัวอ่ะ แม่งชอบขู่กูอยู่เรื่อย...”

“ขู่ว่าไรวะ?”

“ถ้าไม่ยอมคบกันจะพากูไปปล้ำ ฮือๆ~ ของแม่งใหญ่มาก กูต้องตายแน่เลย”

“ไอ้ห่า! เมาแล้วยังอวยผัวได้อีก”

“โดนถลุงให้บานเหอะมึง หมั่นไส้นัก”

แล้วพวกมันสองตัวก็ผลักหัวไอ้ลุงให้ล้มพิงเบาะนั่งไปด้วยสีหน้าร้ายกาจ เฮ้อ...เนี่ยล่ะนะพวกมีปม


.

.

.


หลังจากช่วยกันเก็บล้างทำความสะอาดแล้วอ่ำกับเป๋ก็พากันกลับบ้าน จะเหลือก็แต่คนเมาที่ยังกลิ้งไปกลิ้งมาบนที่นอนในห้องรับแขก คงเพราะยังไม่ได้เมาถึงที่เลยยังไม่เพียงพอที่จะทำให้หลับง่ายๆ ใจก็อยากจะลากมันไปอาบน้ำเหมือนกัน แต่คงฮากว่าถ้าลุงมันตื่นมาแล้วเจอสภาพตัวเอง

ผมกำลังจะเดินออกไปสูบบุหรี่ จังหวะนั้นเสียงกริ่งดังรัวเหมือนมีใครมากดหาพ่อ... แต่ก็เหมือนว่าจะเดาได้ว่าใคร ดังนั้นผมจึงปรับสีหน้าตัวเองให้เปื้อนยิ้มก่อนเดินตรงไปเปิดประตู

พี่ปูนยืนตีหน้านิ่งเป็นรูปปั้น ข้างกันคือดาราหนุ่มที่เปล่งออร่าออกมาแบบขมุกขมัว พี่กรดูเหนื่อยมาก มันทำให้ผมเชื่อข้อแก้ตัวที่ส่งผ่านข้อความมาให้แบบง่ายดาย แต่แทนที่พี่กรจะได้พักผ่อนกลับถูกเพื่อนแบบนี้พามาด้วย

“พี่มารับลุง”

“มันนอนไปแล้ว”

“งั้นก็จะอุ้มกลับไป”  พี่ปูนยังยืนยันเจตนาเดิมแถมเสียงยังแข็งกร้าวขึ้นเรื่อยๆ ผมยกไหล่พร้อมหลีกทางให้แบบไม่ขัดขวาง พี่กรถอนหายใจออกมายาวเหยียดพลางหันมามองผมด้วยแววตาตำหนิเล็กน้อย แล้วเป้นฝ่ายออกปากถามเองแทนเพื่อที่กำลังกรุ่นโกรธอยู่

“ลุงนอนตรงไหนล่ะโป้ย”

“...ห้องนอนแขก”  ผมผายมือให้อย่างกวนอารมณ์  “เชิญเลยครับ”

พี่กรรุนหลังพี่ปูนให้เดินหน้าไปตามคำบอกทาง มือขาวเนียนยืนออกไปเปิดประตู แหวกทางให้เพื่อนเข้าไปก่อน ผมเองก็เดินตามไปติดๆ จึงได้เห็นสีหน้าพี่ปูนยามมองลุงที่นอนหลับไม่รู้เรื่องอยู่บนเตียง สภาพลุงตอนนี้เรียกได้ว่าอนาถ ผมเผ้ายุ่งเหยิงเพราะปมจุกที่ไม่ได้ปลดหนังยางออก เสื้อผ้าหลุดลุ่ยอวดเนื้อขาวๆ บนที่นอนยับย่น หน้าตาไม่ได้ล้าง และคงเพราะมันขยี้หน้าตาตัวเอง คราบลิปสติกเลยเปรอะหนักยิ่งกว่าเดิม 

แขกทั้งสองท่านหันขวับมาทางผมเป็นตาเดียวต่างกันตรงที่ พี่ปูนจ้องแบบจะกินเลือดกินเนื้อ ส่วนพี่กรกลับถอนหายใจออกมาแล้วมองผมด้วยสายตาตำหนิอีกครั้ง อย่างกับว่าผมทำเรื่องอะไรร้ายแรงอย่างนั้นแหละ ช่างพี่ปูนเถอะ เพราะผมตั้งใจยั่วโมโหเอง แต่พี่กรเล่าเกี่ยวอะไร? หรือแค่เพราะว่ามันไปทำให้เพื่อนตัวเองไม่พอใจก็เลยเกิดปัญหาขึ้น

ผมหน้าตึงขึ้นมากะทันหันเมื่อสรุปความหมายจากแววตาพี่กรได้ อีกฝ่ายก็ดูจะเห็นความเปลี่ยนแปลงบนใบหน้าผมได้เช่นกัน เรามองสบตากัน เพียงแต่ครั้งนี้ผมยอมเป็นฝ่ายเลี่ยงก่อน ผมไม่ชอบใจ ไม่พอใจ ยิ่งเห็นพี่ปูนอุ้มลุงขึ้นมาราวกับหวงแหนแค่ไหนผมก็ยิ่งขัดเคือง ยิ่งเห็นพี่กรเดินเข้าไปถามไถ่ว่าหนักมั้ย? ให้กูช่วยอะไรรึเปล่า? ผมแทบอยากจะคลั่ง

จะเข้าข้างกัน จะสนิทสนมกันขนาดไหนก็ช่าง แต่ช่วยไปทำไกลหูไกลตาหน่อยได้มั้ย!!

อ๊ะ!!??

จู่ๆ ภาพเหตุการณ์ในอดีตก็ย้อนกลับมาตีแสกหน้าตัวเอง ช่วงเวลาที่ผมแอบขบขันท่าทางของพี่ปูน หรือแม้กระทั่งของพี่กรเวลาเห็นผมเล่นถึงเนื้อถึงตัวกับลุง...มันไม่สนุกเลยสักนิดเมื่อเดินมาหยุดในจุดนั้นบ้าง ตอนนั้นพวกพี่ก็รู้สึกแบบผมใช่รึเปล่านะ ไอ้ความรู้สึกหึงจนแทบบ้าเนี่ย...

กรรมมันติดจรวดเร็วดีจริงๆ

“โป้ย...”  ผมหันไปตามเสียงเรียก เป็นพี่กรที่มองผมด้วยสีหน้ากังวลเล็กน้อย  “เป็นอะไรรึเปล่า?”

ผมมองเลยไปยังด้านหลัง เห็นพี่ปูนอุ้มคนออกมายืนสมทบเรียบร้อยแล้ว  “จะกลับแล้วใช่มั้ย? ผมไม่ส่งนะ...”

ไม่รอให้ใครพูดอะไร ผมเป็นฝ่ายเดินเลี่ยงเข้าห้องนอนของตัวเองไปทันที เดินวนไปวนมาอยู่ในนั้นสักพักจึงค่อยออกมา ภายในห้องเงียบสนิทเช่นก่อนหน้า ผมไม่สามารถนอนไปพร้อมกับความอึดอัดในอกได้ แต่อย่างน้อยถ้าเมาสักหน่อยคงพอจะคลายสติที่เครียดขึงนี้ได้

ผมเดินกลับมานั่งบนโซฟาพร้อมกับขวดเหล้าที่ยังเหลือประมานครึ่งกับซองบุหรี่ นั่งเงียบๆ อยู่สักพักก็เริ่มจุดบุหรี่มวลแรกขึ้นมาอัดควันพิษเข้าปอด ความเย็นซ่านอบอวลอยู่ในปากสักพักจึงถูกปล่อยออกมาเป็นควันสีเทาลอยหายไป ผมเริ่มมองหาที่เขี่ยบุหรี่ ต่อเมื่อไม่เจอก็เลยใช้แก้วที่เตรียมมาเขี่ยขี้เถ้าลงไปแบบส่งๆ แล้วจัดการยกขวดเหล้าจ่อปากดื่มแทน วิสกี้รสชาติดีลื่นไหลลงคอแผดเผาไปตามทางจนร่างกายร้อนวูบวาบขึ้นมา

นึกตลกตัวเองขึ้นมาที่เคยคิดว่านับจากนี้จะเป็นช่วงเวลาหอมหวาน จะไล่ต้อนพี่กรให้จนมุมบ้าง ย่ามใจจนลืมนึกไปว่าชีวิตของพี่กรไม่ได้มีแค่ผม และลืมคำนวณความเสียศูนย์ของตัวเองเมื่อต้องมาตกอยู่ในสถานการณ์เดียวกัน หรืออย่างน้อยๆ พี่กรก็ไม่เคยมองผมด้วยสายตาตำหนิแบบนี้มาก่อน

น้ำเมาถูกยกซดลงคออีกครั้งตามด้วยควันบุหรี่ที่ถูกอัดเข้าปอดและปล่อยออกมาอีกหน ทั่วทั้งห้องตอนนี้มีแต่กลิ่นไม่พึงประสงค์ และเครื่องปรับอากาศทำให้มันลอยตลบอยู่ในห้องไม่ไปไหน บุหรี่มวนแล้วมวนเล่าถูกจุดขึ้นมา เช่นเดียวกับน้ำสีอำพันในขวดที่เหลือน้อยลงทุกที แต่กระนั้นก็ไม่ได้ทำลายสติผมไปเท่าที่ควรจะเป็น สมองยังคงสั่งการได้แม้จะไม่เต็มที่ก็ตาม

แกร่ก --

เสียงประตูที่จู่ๆ ดังขึ้นนั้นทำให้ผมสะดุ้งจากการจมดิ่ง แต่กว่าจะหันไปมองทางต้นตอก็พลันได้ยินเสียงฝีเท้าดังตามมาเสียก่อน ผมหันหน้ามองไปยังด้านนั้น รอให้ผู้ไม่ได้รับเชิญก้าวพ้นหลังกำแพงออกมา

“โป้ย...”  เสียงที่ดังขึ้นนั้นมีแววไม่สบอารมณ์เล็กน้อย เมื่อเดินใกล้เข้ามาใบหน้าของดาราเบอร์รองก็ยับย่นเพราะกลิ่นฉุนที่ลอยอยู่รอบห้อง  “นี่สูบบุหรี่ด้วยเหรอ”

ผมมองพี่กรด้วยรอยยิ้มเหยียดลึกพลางอัดควันเข้าปอดอีกครั้งแล้วหันหน้าพ่นทิ้งไปอีกทาง  “สูบมาตั้งนานแล้ว”

“มันไม่ดีหรอกนะ เลิกเถอะ”  ร่างสูงโปร่งสืบเท้าเข้ามานั่งลงข้างๆ แล้วถือวิสาสะดึงขวดเหล้าออกจากมือผมไปตั้งบนโต๊ะ ส่วนบุหรี่ซองที่วางอยู่ก็ถูกเลื่อนออกไปไกลคล้ายจะเป็นการห้ามกรายๆ

“พี่เห็นเราสีหน้าแปลกไป มีเรื่องอะไรรึเปล่า? บอกพี่ได้นะ”

ผมไม่สนใจคำถามห่วงใย อันที่จริงผมไม่ได้มองหน้าพี่กรด้วยซ้ำ ทำเพียงนิ่งฟังแล้วสูบต่อไปเรื่อยๆ

“หรือว่าจะโมโหปูน...”  อีกฝ่ายคาดเดา เมื่อเห็นผมหันไปมองก็ทำสีหน้าเหนื่อยหน่ายพลางถอนหายใจออกมา  “ปูนเป็นพวกหวงของนะ อีกอย่างพี่ว่าโป้ยก็น่าจะรู้แล้วว่า...เอ่อ...สองคนนั้นคบกัน”

“หึ! รู้จักกันดีเหลือเกินนะ”

“พี่แค่ไม่อยากให้โป้ยมีเรื่องมีราวกับปูน คนทำงานด้วยกันมันจะอึดอัดเปล่าๆ” 

“ลุงมันเป็นเพื่อนผม จะแกล้งมันยังไงก็เรื่องของผมรึเปล่า”  ผมโยนก้นบุหรี่ทิ้งลงแก้ว หันมาจ้องตาพี่กรตรงๆ  “เหมือนที่พี่โกรธผมที่ทำให้เพื่อนพี่โมโหไง”

“พี่ไม่ได้โกรธโป้ยสักหน่อย”  สีหน้าพี่กรงุนงงอย่างเห็นได้ชัด

“สายตาพี่มันบอก!”

“เข้าใจผิดแล้ว”  พี่กรยื่นมือออกมาจับแขนผมเพื่อปรามอารมณ์โมโหในน้ำเสียง  “พี่แค่ไม่อยากให้โป้ยมีเรื่องกับปูนก็เท่านั้น ตอนนั้นปูนมันโมโหมากนะแต่พยายามสงบสติอยู่ แล้วเราน่ะก็ยังคอยแค่จะยั่วอารมณ์ตลอด ตอนมันเห็นลุงนอนอยู่ในสภาพนั้น พี่ยังกลัวว่าปูนมันจะอาละวาดแย่”

“ผมแค่แกล้งกันตามประสาเพื่อน ไม่ได้ปล้ำมันสักหน่อย จะโมโหทำซากอะไรมากมาย!”

พี่กรที่นิ่งงันไปกับคำตวาดแบบไม่เก็บอารมณ์ของผม แม้หัวใจอยากจะให้ปากหยุดพล่ามเสียที แต่มันกลับทำไม่ได้ง่ายๆ ...เดาว่าน้ำเมาแบบออนเดอะร็อคครึ่งขวดที่หมดไปคงเริ่มทำปฏิกิริยากับสติผมแล้วล่ะ

“ถ้าผมอยากได้ลุงเป็นเมียนะ ซื่อๆ อย่างมันคงเสร็จผมไปนานแล้ว! เห็นแล้วโคตรขำเลยว่ะ หึงบ้าบออะไรขนาดนั้นวะ ปัญญาอ่อนชิบเป๋ง! ฮ่ะๆๆ ...ผมก็เหมือนกัน โคตรปัญญาอ่อนเลย!”

“พี่ว่าโป้ยเมามากแล้วล่ะ”  พี่กรเขยิบเข้ามาใกล้ ฝ่ามือขาววางแหมะลงบนไหล่ผม เขย่าเล็กน้อยเพื่อกู้สติผมคืน

“ถ้าเมาจะนั่งพูดอย่างนี้ได้เรอะไง!”

อา~ ผมว่าตัวเองเมามากแล้วจริงๆ

มันเหมือนกับว่ากึ่งหนึ่งยังมีสติอยู่เหลือติดสมอง แต่ว่าก็คล้ายจะควบคุมส่วนดีส่วนนั้นไม่ได้เลย ปากผมยังพล่ามไปเรื่อยเหมือนเช่นทุกครั้งที่เมามากๆ ยังดีที่ผมรู้จักลิมิตตัวเองที่จะไม่เกิดเหตุการณ์แบบนี้ต่อหน้าเพื่อน แต่ครั้งนี้เพราะพี่กรมาผิดจังหวะต่างหาก ถ้าพี่ไม่ย้อนกลับมา ผมคงนั่งเงียบๆ แล้วหลับไปถึงเช้าแล้ว


ทั้งหมดเป็นเพราะผู้ชายคนนี้คนเดียว!!


ความคิดเข้าควบคุมร่างกายอย่างรวดเร็ว มันสั่งให้ร่างผมลุกพรวดขึ้นเพื่อพุ่งเข้าโถมร่างพี่กรให้นอนล้มลงไป อาศัยจังหวะที่อีกฝ่ายกำลังตกใจกดน้ำหนักตัวเองลงไปเต็มที่ ร่างที่คล้ายจะบอบบางกว่าทำได้เพียงดิ้นรนเล็กน้อย ต่อเมื่อเห็นว่าสู้กำลังไม่ไหวจึงยอมสงบนิ่งมองผมด้วยแววตาสับสน

ใบหน้าของคนที่เปลี่ยนแปลงชีวิตผมอยู่ใกล้แค่ไม่กี่ฝ่ามือกั้น ถ้าไม่นับรวมบุพการีและอากง ตั้งแต่เด็กจนโตนั้นผู้ชายคนนี้คือคนที่ผมยกให้เป็นที่หนึ่ง คนใจร้ายที่ปั่นหัวผมมาตลอดครึ่งชีวิต คนขี้ขลาดที่แม้แต่ความรู้สึกตัวเองก็เอาแต่เก็บเงียบไว้ ผมควรจะเกลียดคนๆ นี้ต่างหาก ควรจะเกลียดให้มากแล้วตัดขาดไปซะ

แต่ผมไม่เคยจะทำอย่างปากว่าได้สักที

“...พี่กร”  เสียงแผ่วเบานุ่มนวลออกมาจากปาก ผมเลื่อนหน้าเข้าหาอีกฝ่ายอย่างช้าๆ จนลมหายใจแลกความอุ่นระหว่างกัน สองตาผมจดจ้องอยู่กับริมฝีปากนุ่มนิ่มตรงหน้า ทุกครั้งนั้นคือช่วงเวลามืดมิดหลังเปลือกตาที่จะได้ลิ้มรสชาติความหอมหวานล้ำลึกตรงหน้า หลายครั้งหลายคราก็ยิ่งรู้สึกว่าช่วงเวลาแสนสั้นนั้นไม่เพียงพอ

ร่างข้างใต้เครียดเกร็งขึ้นทันทียามที่ริมฝีปากของเราสองคนสัมผัสกัน ฝ่ามือพี่กรยื้อยุดแขนเพื่อดันร่างผมออกไป ผมจึงเพิ่มน้ำหนักตัวทับร่างพี่กรเอาไว้จนร่างโปร่งบางนั้นแทบจะจมหายไปกับโซฟา ผมเชื่อว่าพี่กรสามารถออกแรงดิ้นหนีได้มากกว่านี้ถ้าผมเป็นคนอื่น แต่ผมรู้ดีว่าถ้าเป็นความต้องการของผม ถ้าเป็นแรงปรารถนาของผม...พี่กรจะต้องยินดีแน่นอน

ไม่ใช่เพียงแค่ริมฝีปากของผมเท่านั้นที่กระหายความหวานล้ำ เพราะเมื่อมาถึงในจุดที่เพลิงอารมณ์กำลังลุกไหม้สติสัมปชัญญะให้มอดไป ไม่ว่าผมจะลากลิ้นไปตรงซอกมุมไหนก็จะมีลิ้นพี่กรรุกไล่ตามมา แรงดันจากฝ่ามือแปรเปลี่ยนเป็นการเหนี่ยวรั้ง บดเบียดเนื้อตัวเข้าหากัน เสียดสีจนต่างฝ่ายต่างแสดงความต้องการ

เราจูบกันเนิ่นนานจนอากาศเริ่มไม่เพียงพอ แต่ผมยังไม่อยากจะหยุดลิ้มรสความนุ่มนวลนี้ได้ ผมยังคงมอบจูบที่แสนตะกรุมตะกรามหิวกระหาย คล้ายจะชดเชยตลอดหลายปีที่ผ่านมา ผมโยกกายเชื่องช้าให้ส่วนโป่งนูนด้านล่างได้เสียดสีกันผ่านเนื้อผ้า มันวาบหวิวราวกับเป็นการร่วมรักครั้งแรก ตื่นเต้นจนใจระรัว เหมือนตัวเองกลับไปเป็นหนุ่มน้อยที่ยังไม่ประสา

“อื้ม! พอ”

ผมหอบหายใจฮัก ไม่สิ ต้องบอกว่าเราต่างหายใจเหนื่อยหอบเมื่อพี่กรสะบัดหน้าออกจากการครอบครองของผมได้สำเร็จ ผิวขาวผ่องบัดนี้ระเรื่อแดงน่าหลงใหล ริมฝีปากที่เจ่อบวมนั้นก็ยิ่งเพิ่มความเย้ายวนเป็นทบทวี พี่กรเบี่ยงหน้าหลบสายตาผม แต่กลับกลายเป็นการเชิญชวนให้ริมฝีปากผมซุกซนกับลำคอขาวอย่างซึ่งหน้า

“โป้ย...”

“หอมจังเลย”  ผมพึมพำแนบไออุ่นเนื้อ จูบซับอย่างหื่นกระหายพลางบดเบียดเสียดสีส่วนล่างหนักแน่นขึ้น

“อึ๊! อา~ อย่า!”

“ห้ามผมทำไม”  ผมไม่สนใจฝ่ามือที่กลับมามีเรี่ยวแรงดันไหล่ผมอีกครั้ง ตอนนี้ผมสนแค่ว่าริมฝีปากของผมจะตะโบมจูบได้มากแค่ไหน

“อย่า... มันไม่ถูกต้อง”  พี่กรห้ามเสียงเบาหวิว แต่คำที่เปล่งออกมานั้นทำให้ผมต้องหยุดการกระทำเพื่อเงยหน้าขึ้นสบตาคนพูด พี่กรส่ายหน้าแดงเรื่อไปมาด้วยแววตาฉ่ำน้ำ

“ไม่ถูกต้องตรงไหน?”

พี่กรเม้มปากแน่นกับคำถาม คล้ายจะโต้เถียงแต่ก็เลือกที่จะสะบัดหน้าหนีด้วยความเงียบ

“คืนก่อนนั้น...ผมรู้ว่าพี่ไม่ได้หลับ”  ผมมองใบหน้าซีดเผือดของพี่กรด้วยรอยยิ้มขัน ก่อนที่มันจะแดงแปร๊ดอย่างน่าเอ็นดูเมื่อได้ฟังประโยคถัดไป  “ใครเชื่อก็บ้าแล้ว! พี่หลุดเสียงครางซ้ำยังตัวแข็งทื่อขนาดนั้น”

“แล้วทำไม!”  คุณดารารูปหล่อตวัดสายตาจ้องผมอย่างโกรธเกรี้ยว แต่เพียงเสี้ยววินาทีเดียวริมฝีปากของผมก็ดูดกลืนคำบริภาษต่างๆ ให้หายวับไป  “อื้ม! อื้อ~”

ผมผละริมฝีปากออกอย่างอ้อยอิ่ง สองตาจับจ้องวงหน้าขัดเขินอย่างอิ่มเอมใจ

“ผมเองก็เสแสร้งมาตลอด... ตั้งแต่คืนแรกที่พี่แอบจูบผม หลังจากนั้นทุกครั้งผมก็แกล้งหลับเสมอมา”

พี่กรเบิกตากว้าง หันมามองผมด้วยความตกใจ ใบหน้านั้นเปี่ยมไปด้วยความอับอายระคนละอายใจอย่างยิ่งยวด

“ใจร้ายจังเลยนะ ทำกับผมแบบนั้นแท้ๆ แต่ก็ยังวางตัวเป็นพี่ชายที่แสนดีอยู่ได้ -- โอ๋ๆ ตกใจขนาดนั้นเชียว”  ผมอมยิ้มพลางลูบแก้มอีกฝ่ายเพื่อปลอบขวัญ  “พี่ทำให้ผมโมโห ทำให้ผมหงุดหงิด ทำให้ผมไม่เป็นตัวของตัวเอง แต่ทุกครั้งผมก็ยินยอมให้พี่จูบ”

ผมก้มหน้าลงจุมพิตริมฝีปากอิ่มนั้นเร็วๆ

“ยอมให้พี่หอมแก้ม”

ริมฝีปากเคลื่อนไปยังแก้มที่ปราศจากไรหนวด กดจมูกลงสูดความหอมลึกล้ำ ก่อนจะทิ้งท้ายด้วยรอยจูบหนักแน่น เมื่อเคลื่อนศีรษะออกมามองใบหน้าข้าวของความหอมหวานนั้นอีกครั้ง พี่กรก็แทบจะกลายร่างเป็นมะเขือเทศสุกที่แสนน่ากิน

“พี่บอกรักผมตั้งหลายครั้ง ช่างเป็นคนขี้ขลาดเหลือเกิน”

“...พี่...พี่ขอโทษ”  แม้จะเขินอายแต่ความรู้สึกผิดนั้นยังฉาบแววตาจนล้น ผมส่ายหน้าปฏิเสธคำขออภัยด้วยรอยยิ้ม

“ไม่ทันแล้วล่ะพี่กร พี่เปลี่ยนชีวิตผมเลยนะ จะมาปล่อยผ่านแค่คำขอโทษได้ยังไง”

พี่กรขบริมฝีปากตัวเองแน่น ความสับสน ความละอาย ความเขินอายนั้นตีกันวุ่นบนใบหน้างดงามนี้ ยิ่งเห็น ผมก็อยากจะกลืนกินทั้งหมดทั้งมวลของคนๆ นี้ไม่ให้เหลือซาก

“ผมไม่รู้ว่าพี่กลัวอะไรนักหนา แต่อย่าได้ทำเหมือนเรื่องนี้ไม่เคยเกิดขึ้นอีก”  ผมมองฝ่ามือตัวเองที่กำลังลูบไล้แก้มเนียนนุ่มของพี่กร และยามเมื่อลูบไล้มาถึงลำคอ ผมยิ่งกดรอยยิ้มลึกด้วยแววตาวาววาบ  “รักผมให้มากนะพี่กร เป็นของผม ยกทุกตารางนิ้วบนร่างกายพี่ให้เป็นของผม... ทั้งหมดนั่นแลกกับทุกสิ่งที่ผมจะมอบให้พี่ มันคงไม่มากไปหรอก...ใช่มั้ย?”

ผมออกแรงกดปลายนิ้วลงบนเนื้อนุ่ม พี่กรนิ่วหน้าผวารั้งฝ่ามือที่กุมลำคอตัวเองออก ใบหน้าซีดเผือด จ้องมองผมด้วยสีหน้าตกใจ ผมมองภาพนั้นด้วยรอยยิ้มพลางเปลี่ยนมากุมมือข้างนั้นไว้แล้วจับเลื่อนมันขึ้นไปเหนือหัว ตรึงร่างเย้ายวนนี้ไว้ก่อนทิ้งร่างตัวเองทาบทับ

“ไม่ได้ -- เรื่องเรามันไม่ควรเป็นแบบนี้”  พี่กรเอ่ยปฏิเสธเสียงสั่น แต่ทว่ามันดูไร้พลังเหลือเกินเมื่อเทียบกับร่างกายที่โอนอ่อนผ่อนตามผม

“ถ้าผมต้องการให้มันเป็น มันย่อมเป็นได้อยู่แล้ว”

“แต่ว่า…”

“เรื่องความกังวลอันมากมายมหาศาลของพี่ ผมจะค่อยๆ ขจัดมันไป แต่ถ้าพี่ไม่ต้องการจริงๆ ก็บอกผมมาตอนนี้เลยสิ จ้องตาผม แล้วบอกมาว่าพี่ไม่รักผม แค่คำเดียวเท่านั้นแล้วเราจะกลายเป็นคนแปลกหน้ากัน ผมจะได้ไปให้ไกลจากพี่สักที ไม่ว่าจะเจอกันที่ไหนก็ไม่ต้องทัก ไม่ต้องเป็นคนรู้จัก แม้แต่เงาก็ไม่ต้องเฉียดเข้ามา”

ผมเหยียดรอยยิ้มมองสีหน้าปวดร้าวของคนใต้ร่าง แต่นอกเหนือจากการหลบตาแล้วนั้น ผมไม่ได้ยินพี่กรเอ่ยอะไรออกมาแม้แต่ครึ่งคำ

“ผมรู้อยู่แล้วว่าพี่ทำไม่ได้”  ผมก้มหน้าลงหอมแก้มพี่กร ซุกไซ้จนพอใจ  “พี่รักผม มันคือความจริงที่หลายปีมานี้ไม่เคยเปลี่ยน”

“..........”

“ผมเองก็หนีหัวใจตัวเองไม่พ้นเหมือนกัน”

“..........”

“ผมรักพี่นะครับ”

เหมือนแสงเทียนที่ถูกจุดขึ้น สีหน้าพี่กรพลันวาววับขึ้นทันตา คล้ายกับว่าถ้อยคำนี้คือความเหลือเชื่อที่เกินจะคาดหวัง แต่กระนั้นความเจ็บปวดก็ยังท่วมท้นออกมาผ่านหยาดน้ำตาอยู่ดี ผมปาดนิ้วเช็ดหยดน้ำใสนั้นให้จางหายไป เข้าใจหรอกว่าพี่กรเป็นคนจริงจังที่แสนจะคิดมาก จะด้วยเพราะอาชีพดาราหรืออะไรก็ตามที่ทำให้เกิดอุปสรรคขึ้น ต่อแต่นี้ผมจะจับมือพี่กรฝ่ามันไปด้วยกัน 

“รู้มั้ย? พี่ก็ปัญญาอ่อนเหมือนผมกับพี่ปูนนั่นแหละ”  ผมว่าด้วยแววตาที่ไม่อาจคลายความเชื่อมหวานได้  “ทั้งที่รู้ว่าจะไม่มีวันแปรเปลี่ยนมือไปเป็นของใคร แต่ก็อดไม่ได้ที่จะหึงหวง”

“..........”

“แล้วถ้าจากนี้พี่ทำให้ผมหึง พี่จะได้รับบทลงโทษน่าดูชมเชียวล่ะ”

“พี่ไม่เคยทำแบบนั้น! โป้ยต่างหากที่...”  ประโยคหลังพี่กรงึมงำจนฟังไม่ได้ศัพท์ แต่ผมรู้ดี

“พี่คือผู้ชายคนแรกของผม และจะเป็นคนสุดท้ายไม่ว่ากับเพศไหนก็ตาม”  ผมบีบปากปิดคำน้อยอกน้อยใจเบาๆ  “เพราะงั้นจำทุกคำพูดของผมในคืนนี้ไว้นะ แล้วก็...รู้ใช่มั้ยว่าคนที่ผิดหวังในความรักมักทำได้ทุกอย่าง”

“โป้ย...”  พี่กรกลืนน้ำลายก้อนโต

“ถ้าเข้าใจก็บอกรักผมมาได้แล้ว”

“..........”

ผมอมยิ้มกับสีหน้าเขินอาย ตอนนี้แม้แต่ดวงตาผมพี่กรก็ไม่อาจสบได้ ผมจึงเลื่อนหน้าเข้าไปใกล้ ส่งเสียงแผ่วต่ำข้างใบหู  “กระซิบบอกผมอย่างที่พี่ชอบทำก็ได้”

พี่กรผินหน้าแดงก่ำมาทางผมเล็กน้อย และเมื่อผมเอียงใบหน้าเข้าหา พี่กรก็ยื่นหน้าเข้าแนบกัน กลีบปากนุ่มเคล้าคลอใบหู เสียงที่เปล่งออกมานั้นเบาเสียยิ่งกว่าเบา แต่ผมได้ยินชัดเจนทุกคำ

“------------“

“...แหม~ ตะโกนซะดังเชียว”  ผมแซวเสียงดัง เรียกกำปั้นแห่งความอายให้ทุบป้าบลงบนไหล่

อย่างที่เขาว่า ‘ฟ้าหลังฝนย่อมสดใส’ ตอนนี้หัวใจของผมมันเบาโหวงเหมือนปุยเมฆในวันฟ้าสีคราม บางทีท่าผมทำตามความตั้งใจแต่แรกที่จะกลั่นแกล้งให้พี่กรได้ลิ้มรสชาติการถูกปั่นหัว เรื่องราวมันอาจจะพลิกผันไปอีกรูปแบบก็ได้ แต่ใช่ว่านับจากนี้ผมจะทรมานพี่กรไม่ได้เสียเมื่อไหร่

ทรมานด้วยความเร่าร้อนจนขาดใจ...นั่นสิถึงจะน่าสนุก




---------------------------------------TBC.


รู้สึกได้ถึงความหวานปนความน่ากลัว 555 นี่เขารักกันแล้วถูกมะ

ตอนหน้าพบกับความอ่อนด๋อยของนังลุงเหมือนเดิม...

ปล. ขอบคุณที่ติงเรื่องคำผิดนะคะ (แต่จนป่านนี้ก็ยังไม่ได้แก้ นิสัยไม่ดีจริงๆ)

ออฟไลน์ catka12

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 578
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-0

ออฟไลน์ em1979

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 464
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +29/-1
กว่าจะเข้าใจกันได้... เสียดายเวลาแทนโป้ย
ทีนี้คงได้แข่งกันหวานแข่งกะคู่ลุงหล่ะ

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26

ออฟไลน์ pigarea

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 748
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1

ออฟไลน์ fc_fic

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2590
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-7

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8

ออฟไลน์ jimmyjimmy

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1962
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +58/-17
ลุงกลับโดนจัดหนักแน่.... เอิ๊กๆๆๆ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ hoshinokoe

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1042
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +31/-0
ของเพื่อนโป้ย จบแล้ว มาต่อที่น้อง พัทลุ๊ง ดีกว่า 555ว่าจะเป็นยังไงต่อ

ออฟไลน์ somakimi

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 154
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
 :hao3: แร้วมะไรลุงจะได้เป็นเมียพี่ปูนลาคร่ะ...แค่กๆ

ออฟไลน์ ReiSei

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1377
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-5
หมั่นไส้อิน้องโป้ย ยังไม่ควรได้พี่กรมากกเลยจริงจริ๊งงงง
น้องลุงแม่งงงง ฮ่าๆๆ โอ๊ยๆๆๆๆๆ  :-[  จะรู้ตัวมั้ยว่าทำอะไรลงไป  :laugh:

ออฟไลน์ Ginny Jinny

  • ความเป็นจริงมันวุ่นวาย ก็ขอให้ใจมันสบายๆในความฝัน
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2099
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-4
ลุงน่าร๊ากกกกกกกกกก   :jul3: :jul3: :jul3:

ออฟไลน์ klaew

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1237
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-2
เอ็นดูคุณลุง. น้องเมาได้น่าลากมาก
ลากไปเค้นคอ แล้วถ่ายคลิปเป็นหลักฐาน

ยินดีกับความรักของนุ้งโป้ยด้วยจร้า

ออฟไลน์ Piima

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 660
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1

ออฟไลน์ EoBen

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3306
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +150/-6
ดีใจที่โป๊ยเป็นฝ่ายเข้าหาบ้าง


บางคนรออีกฝั่งบอกรัก จนมันสายเกินไป


ถ้าใจตรงกันก็เดินเข้าหากันเลย จะมัวแต่รอกันทำไม





555555555555 พัทลุงเสร็จแน่


โคตรฮา

ออฟไลน์ yasperjer

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 500
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-2
น้องลุงลูกปล่อยไก่อีกแล้ววววววววว บอกเพื่อนหมดเลย 555555555  :laugh:

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3433
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

ออฟไลน์ k2blove

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1868
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-3
โป๊ยนี่ร้ายจริงๆ ขอบอก สุดยอดของการวางแผน
พี่กรคงปฎิเสธไม่ลงแล้วละ ว่าที่ผ่านมาน้องเขารู้หมด

ส่วน..นู๋พัด คราวนี้คงโดนมากกว่านิ้วแน่นอน
 :hao6:

ชอบตอนนี้มากมาย คนเขียนดึงความรู้สึกของตัวละคร
ออกมาได้อย่างดีเยี่ยม +1
 :really2: :really2:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ ดาวโจร500

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 643
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +27/-3
โอ้ยยยยย ชอบจัง fcค่าาา

ออฟไลน์ พัดลม

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 535
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-2
รอตอนหน้าด้วยความหวัง :กอด1:

ออฟไลน์ nekko

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1467
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +422/-4
น้องโป๊ยแสนร้ายสมหวังกะพี่กรแล้วนะ :katai2-1:

หนูลุงลูกเอ๊ยเมาแล้วน่ารักจริงๆๆมีอะไรบอกหมด :-[ :-[


พี่ปูนจะทำโทษเด็กขี้เมาแบบไหนน้อ :hao6: :hao6: :hao6:

 :pig4: :L1: :กอด1:

ออฟไลน์ jinutlove

  • ไม่คิดที่จะรัก
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 76
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
 :-[ :impress2: :z1:ทำไมชอบแกล้งลุงกันจัง เขินโป้ยอิอิ

ออฟไลน์ Shonteen

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 500
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-2

ออฟไลน์ kokoro

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1089
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +138/-2
ลุงงง เจอมอมเหล้าแล้วก็บอกเขาหมด
แหม่ๆ ขนาดเมายังอวยพี่ปูน
สมกับที่เพื่อนน่าหมั่นไส้ 555

ออฟไลน์ A_Narciso

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 879
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-2
o18 ลุงเอ๊ยยยยย   ท่าทางจะไม่รอดละคราวนี้

ออฟไลน์ river

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2398
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +231/-3
ลุงน่าสงสารอยู่นะ ตกเป็นรองในทุกสถานการณ์
ไม่ว่าจะแม่ พี่ เพื่อน แฟน

ออฟไลน์ sz4music

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 280
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
ระหว่างพี่กรกับลุง ใครจะเสียตัวก่อนกันคะะะ

ออฟไลน์ เก้าแต้ม

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1290
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +88/-3
เพื่อนโป้ยแฮปปี้ไปแหล่ะ มาลุ้นพัทลุงต่อไป :mew4:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด