~°•°~°•°ยักษ์ยอกรัก °~°•°~°•° #แอบยักษ์ แจ้งเปิดพรีออเดอร์แล้วววว 16/8/61 p24
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ~°•°~°•°ยักษ์ยอกรัก °~°•°~°•° #แอบยักษ์ แจ้งเปิดพรีออเดอร์แล้วววว 16/8/61 p24  (อ่าน 192892 ครั้ง)

ออฟไลน์ yoichi21

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 3
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
เฮียยักษ์มีการจีบแบบเนียนๆ ด้วยนะ
แต่อยากรู้ว่าเฮียไปมีเรื่องกับใครมากเลย

รีบมาต่อเร็วๆ นะคะ กำลังสนุกมากเลย
ปล.ทำไมกินตำปูปลาร้าละ :katai1: :katai1:
     ขออยู่ทีมเดียวกับนายเอกเพราะชอบตำไข่เค็มมากกว่า อิอิ

ออฟไลน์ azure

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 772
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-2
สนุกมาเลยยยย
ลงขื่อติดตาม :katai5:

ออฟไลน์ PrimYJ

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3494
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3
เฮียยักษ์เป็นใครเนี่ย ทำไมมีแต่คนเข้ามาทำร้าย เกี่ยวกับเรื่องประมูลที่โครงการด้วยรึป่าว

ออฟไลน์ k2blove

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1868
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-3
เพิ่งได้มาอ่าน รู้สึกชอบมากๆ เนื้อหาน่าติดตาม
ว่าแต่เฮียเนียนเก่งขนาดนี้ ที่ผ่านมาไม่มีแฟนเลยหรือ
 :really2:

ออฟไลน์ ็Hollyk

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 362
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +535/-22
    • FanPage Melenalike//Hollyk
ตอนที่ 3

ยักษ์ยอก...ตัก

 

 

 

 

 

            “ผมไม่เป็นอะไรแล้วน่า  เฮียรีบไปสถานีตำรวจเถอะ”  ริวพูดซ้ำเป็นรอบที่เท่าไหร่แล้วก็คร้านจะนับ  ทว่าอีกฝ่ายกลับทำเป็นหูทวนลม  เจ้ากี้เจ้าการเข้าไปพบแพทย์เป็นเพื่อนเขาด้วยราวกับเป็นผู้ปกครองเด็กงั้นแหละ

            “สถานีตำรวจมันไม่หนีไปไหนหรอกน่ะ  นั่งรอตรงนี้นะจะไปจ่ายตังค์”  เสียงห้าวๆพูด  ลุกขึ้นก้าวยาวๆไปที่เคาน์เตอร์จ่ายเงินเมื่อได้ยินเสียงเรียกชื่อ ลาภิน

            คนฟังเบ้ปากให้กับความเผด็จการของเจ้านาย  พอรู้จักกันมากขึ้นเขาก็เริ่มรู้สึกว่าอีกฝ่ายคงติดนิสัยชอบออกคำสั่งไม่ใช่เล่น   ไม่รู้ว่าพี่โอมจะโดนแบบนี้เขาบ้างหรือเปล่า  แต่เดาว่าคงโดนมาเยอะ  ถึงได้อยากหาคนมาช่วยงานขนาดนั้น

            “ตัวนี้แก้ปวด  อันนี้ยานวด  ซองนี้...กินหลังอาการทันที รู้มั้ย  เพราะมันกัดกระเพาะ”  เฮียยักษ์ค้นยาในถุงมาอ่านให้เขาฟังทีละซอง  “แผงนี้หมอบอกว่าถ้าไม่ปวดไม่ต้องกินก็ได้”

            “เดี๋ยวผมอ่านเองก็ได้ครับ”

            “ไม่ได้  ฉันต้องรู้ด้วย  เดี๋ยวเธอปวดมากทำงานไม่ได้ขึ้นมาทำไง”

            “โธ่..แล้วยาฆ่าเชื้อของเฮียน่ะ   วันนี้กินหรือยัง”   ลาภินย้อนเอาบ้าง   ทำเอาคนฟังชะงัก  รีบเปลี่ยนเรื่องทันควัน

            “ไปสถานีตำรวจกันเถอะ  เธออยากไปไม่ใช่หรือไง”

            ว่าแล้วคนพูดก็ลุกขึ้นยืน หิ้วปีกเขาพยุงพาเดินออกมายังที่จอดรถ  ลาภินขยับจะบอกแล้วว่าเขามีรถเข็นไว้บริการคนป่วย  แต่ดูเหมือนว่าอีกฝ่ายคงไม่สนใจฟัง  ก้มลงมองข้อเท้าของตัวเองที่ถูกพันผ้ายืดเอาไว้เรียบร้อย  ฉีดยาแก้ปวดแล้วด้วยเลยไม่เจ็บเหมือนเมื่อตอนแรก   พอจะลงน้ำหนักเดินขโยกเขยกได้บ้าง

            นั่งรถตำรวจไปที่สถานีตำรวจ เฮียยักษ์ให้เขานั่งรออยู่ข้างนอก  ส่วนตัวเองหายเงียบเข้าไปคุยในห้องสารวัตรอยู่นาน  ถึงได้กลับออกมาพร้อมใบหน้าที่เคร่งเครียด  ในมือถือซองเอกสารสีน้ำตาลเอาไว้

            “ถ้าทางเราหาแฟ้มเจอเมื่อไหร่จะรีบติดต่อไปนะครับ”  สารวัตรหนุ่มพูดขึ้น   เฮียยักษ์พยักหน้ารับ

            “ฝากด้วยนะครับ”

            “แน่ใจนะครับว่าไม่ต้องการการคุ้มกัน”

            “ครับ  ผมคิดว่าช่วงนี้มันคงไม่ลงมือซ้ำแน่”

            เฮียหันมาผงกหัวเป็นสัญญาณเรียกให้เขากลับ   มือใหญ่จับกระชับแน่นที่ต้นแขนเพราะคงกลัวเขาซุ่มซ่ามล้มซ้ำให้เจ็บตัวหนักกว่าเดิม   ออกมายืนหน้าสถานีก็ถึงค่อยนึกได้ว่าไม่มีรถขับ  เพราะรถฟอร์จูนเนอร์ของพี่โอมก็อยู่ในระหว่างเก็บหลักฐาน  พอเก็บเสร็จก็คงส่งเข้าศูนย์ซ่อมต่อ

            “แล้วเราจะกลับกทม.ยังไงล่ะเฮีย”  ริวถามขึ้นเบาๆ  เห็นอีกฝ่ายทำหน้าเฉยๆคล้ายไม่ทุกข์ร้อนมากนัก

            “กลับไม่ได้  เก๊าะนอนที่นี่”  ยักษ์ตอบกลับมา

            ริวเกือบร้องประท้วงไปแล้วถ้าไม่เห็นว่าคนพูดล้วงโทรศัพท์มือถือขึ้นมากดโทร

            “ผมเองครับ...  รบกวนช่วยหารถเช่าให้หน่อยได้ไหม  ผมอยู่หน้าสถานีตำรวจชลบุรี”  เฮียยักษ์พูดกับใครสักคนปลายสายด้วยเสียงเรียบๆ  “ได้ครับ  อย่าบอกเค้านะครับ..ขอบคุณมาก....”  ริวพยายามเงี่ยหูฟังด้วยความอยากรู้  แต่อีกฝ่ายก็ลดเสียงลงราวกับรู้ทัน  แล้วก็กดวางสายไปอย่างรวดเร็ว

            “ใครหรอครับ”

            “ต้องรู้ทุกอย่างหรือไง”  คิ้วเข้มเลิกขึ้น

            “ถ้ารู้ก็ดีครับ”

            “เธออยากรู้ทุกอย่างเกี่ยวกับตัวฉันงั้นเหรอ”  สำเนียงนั้นกลั้วหัวเราะเล็กน้อยอย่างมีเลศนัยจนคนฟังเปลี่ยนความคิด

            “ในฐานะเลขาฯ  ผมก็ควรจะรู้เรื่องเจ้านายให้มากที่สุดนี่ครับ  แต่บางเรื่องที่เจ้านายไม่อยากให้รู้  ไม่รู้ก็ไม่เป็นไรครับ”

            “หึ....ไม่มีอะไรหรอก  ฉันโทรหาร้านเช่ารถเฉยๆ”   เจ้านายร่างยักษ์ตอบกลับมา  ใช้ปลายนิ้วดึงแขนเสื้อของริวให้ไปนั่งที่เก้าอี้หน้าสถานีตำรวจ   ดวงตาคมกริบหรี่ลงสู้แสงแดดยามเที่ยงเบื้องหน้า  ริวเพิ่งสังเกตว่านัยน์ตาที่เขาคิดว่าสีดำสนิทใต้กรอบตาคมลึกนั้น แท้จริงแล้วเป็นสีน้ำตาลเข้มที่มีประกายทองนิดๆล้อมเหมือนผ้ากำมะหยี่   รับกับขนตายาวงอนยิ่งกว่าขนตาผู้หญิง  พอรวมกับจมูกโด่งเป็นสันแล้ว  จู่ๆเขาก็รู้สึกว่าอีกฝ่ายอาจจะมีเชื้อฝรั่งหรือแขกขาวอยู่ในตัว

            ...ส่วนสูงเกินมาตรฐานชายไทยไปมาก  อืม....เป็นไปได้มั้ยว่าอีกฝ่ายจะเป็นลูกครึ่ง

            “มองหน้าฉันทำไม”

            ลาภินกระพริบตา  สั่นศีรษะอย่างแรงจนผมสั้นๆกระจาย

            “ไม่ได้มองเฮียครับ....ผมมองไปตรงนู้น....อยากรู้ว่าที่นี่ใกล้ทะเลมั้ย”

            “อยากเล่นทะเลหรอเจ้าหนู”   คนฟังขมวดคิ้วไม่พอใจกับคำว่าเจ้าหนู  แต่ก็ไม่อยากมีเรื่องเลยทำเป็นไม่ได้ยินไปเสีย

            “แค่เห็นก็พอแล้วครับ  ผม...ไม่เล่นน้ำ”

            เพราะอุบัติเหตุทางเรือของมารดาเลยทำให้เขาเห็นภาพของแม่กำลังจมน้ำ  ขาดอากาศหายใจตายอย่างทรมานผุดขึ้นมาเสมอที่เท้าก้าวลงไปในน้ำ  หรือแม้แต่สระว่ายน้ำ  ริวรู้ว่าเป็นแค่จินตนาการ  ความจริงแม่อาจจะไม่รู้สึกตัว  เหมือนนอนหลับไปเฉยๆใต้น้ำก็ได้  ทว่าเขาก็ไม่สามารถกำจัดมโนภาพนี้ออกไปจากจิตใต้สำนึกได้

            “ว่ายน้ำไม่เป็นเหรอ”

            “ครับ”  เขารับคำ  จะได้จบหัวข้อนี้ไปซะ

            “ไว้ฉันจะสอนให้  เอามั้ย”

            “ไม่เป็นไรครับ  ขอบคุณมาก”

            “ฉันเป็นนักกีฬาว่ายน้ำของมหาวิทยาลัยเลยนะ”   ท่าทางของยักษ์ภูมิใจมาก  “เคยไปแข่งกีฬามหาลัยได้เหรียญทองด้วย”  ก็ดูสมกับหุ่นอยู่หรอก  ไหล่กว้างซะขนาดนี้...คนฟังคิดในใจ

            “เก่งมากครับ”  ริวตอบเหมือนประชด  ได้ยินเสียงอีกฝ่ายหัวเราะห้าวๆ

            “เธอเล่นกีฬาอะไรบ้างมั้ย”

            “ผมไม่ได้เล่นอะไรครับ  ไม่มีเวลา”

            “หืม?  ไม่มีหรอกคนที่บอกว่าไม่มีเวลา  ทุกคนมีเวลาเท่ากัน  แต่แบ่งเวลาได้ไม่เท่ากันตะหาก  ถ้าเธอเห็นความสำคัญของสิ่งที่เธอควรจะทำ  เธอก็จะสามารถหาเวลาทำมันได้แน่นอน”  ยักษ์พูดเรื่อยๆ  “ไม่มีเวลามันคือข้ออ้างของคนขี้เกียจตะหาก”

            “ผมต้องทำงานหาเงินเลี้ยงตัวเองนะครับ”

            “ฉันก็ต้องทำงานตั้งแต่เด็กเหมือนกัน....  เงินสำคัญก็จริง   แต่สุขภาพของเธอก็สำคัญนะ  ไว้หายเจ็บข้อเท้าเมื่อไหร่จะพาไปออกกำลัง  ผอมแห้งแบบนี้จะมีแรงทำงานได้ยังไง”  ยักษ์บ่น  จับข้อมือของริวขึ้นมากำรอบด้วยด้วยปลายนิ้วโป้งกับนิ้วชี้   “หิวหรือยัง  ฉันจะพาไปกินข้าว”

            “กินอะไรครับ”

            “เดี๋ยวก็รู้น่า”

            รถเก๋งญี่ปุ่นคันหนึ่งเลี้ยวเข้ามาจอดเทียบตรงหน้า   คนขับเป็นชายหนุ่มร่างอ้วน ท่าทางเหมือนพวกเต๊นท์รถเปิดประตูลงมา  เฮียยักษ์เดินเข้าไปหา  พูดคุยกันพักหนึ่งริวก็เห็นเจ้านายล้วงกระเป๋าสตางค์ขึ้นมาเปิด

            “ไปเร็ว  จะลงมาเองหรือให้อุ้มลงมา”

            “ลงเองได้”  ...เร่งจริง  ริวบ่นในใจ   ชักรู้สึกว่าเจ้านายของตัวเองชักจะพูดจาพิลึกเข้าไปทุกที  เขาเดินกระเผลกขึ้นมานั่งบนรถเคียงข้างคนขับ  อดมองไปรอบๆอย่างหวาดๆไม่ได้   กลัวว่าจะมีมือปืนที่ไหนโผล่ออกมาอีก

            “ไม่มีใครหรอกน่า  สบายใจได้”  เฮียยักษ์ตอบ  เอื้อมมือไปจัดกระจกมองหลัง  “มันได้ของไปแล้ว  ไม่ต้องห่วง”

            “ของ?  อะไรหรือครับ”

            “ก็แฟ้มเสนอราคาที่เธอเขวี้ยงใส่มันไปไง”  ยักษ์ตอบแกมหัวเราะ  “พอกลับเข้าไปที่เกิดเหตุอีกรอบ  แฟ้มก็อันตรธานหายไปหมดเลย”

            “อ้าว....”  ริวอุทานแล้วอึ้งไป  “ผมขอโทษนะครับ   ผมไม่รู้จริงๆ...ไม่อย่างนั้นจะได้เก็บมาด้วย”  เขาพูดเสียงอ่อย  รู้สึกผิดมากๆที่ใช้เอกสารที่สำคัญขนาดนั้นฟาดคนร้ายไป

            ไม่รู้เลยว่าคนขับซ่อนยิ้มขันๆเอาไว้ในหน้า

            “อืม....ไม่เป็นไรหรอก   ถ้าไม่ได้แฟ้มนั่นเราสองคนอาจจะตายไปแล้วก็ได้นะ....ไว้ฉันทำใหม่ก็ได้  อดนอนไม่กี่อาทิตย์เอง”

            คนฟังยิ่งรู้สึกผิดมากกว่าเดิม  ใบหน้าเล็กๆนั้นจ๋อยสนิท  นั่งบีบมือไปมาอยู่บนตัก

            “เฮียไม่มีก้อปปี้ไว้เลยหรือครับ”

            “มีสิ  แต่ยังไงฝ่ายตรงข้ามก็ได้แบบกับราคาไปหมดแล้ว  ฉันก็ต้องทำใหม่หมดอยู่ดี”

            “ผม...ให้ผมช่วยอะไรบอกได้เลยนะครับ  สมัยเรียนผมได้เอวิชาออกแบบโครงสร้างด้วย”  ริวรีบพูด  “ผมจะช่วยเฮียเอง”

            “แค่เธอไม่ขัดใจฉันก็พอแล้ว”

            “อะไรนะครับ”

            “หมายถึงว่า....แค่เธอคอยช่วยอำนวยความสะดวก... ทำให้ฉันสบายใจ  ไม่หงุดหงิด  ฉันจะได้สมองปลอดโปร่ง  คิดงานออก  แค่นั้นแหละ”

            “อ๋อ...”  อีกฝ่ายลากเสียงจนคนเจ้าเล่ห์นึกว่าโดนรู้ทันเสียแล้ว  “ช่วยบริการเฮียใช่มั้ย  พวกน้ำร้อนน้ำชา  เหล้ายาปลาปิ้ง   เดี๋ยวผมจัดให้เต็มที่  เห็นผมแบบนี้  สมัยเรียนผมก็อยู่ฝ่ายสวัสดิการเก่านะครับ”

ยักษ์ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายฉลาดพูดเอาตัวรอดหรือว่าแท้จริงแล้วซื่อจริงๆกันแน่   สังเกตดูนัยน์ตากลมโตคู่นั้นก็ใสแจ๋วเหมือนกระจก  แถมชอบมองมาที่เขาด้วยแววตาที่ทำให้เขารู้สึกเวียนหัวอยู่บ่อยๆเหมือนคนนอนไม่พอ

“ฉันไม่ดื่มเหล้า  ยิ่งถ้าเป็นยานี่ยิ่งไม่กิน”

“โห....พูดจริงหรือครับ  มีวิศวะที่ไม่ดื่มด้วยเหรอ”

“มีสิ  ทำไมล่ะ  แปลกนักหรือ”  ยักษ์ตอบ  เขาเลิกดื่มเด็ดขาดตั้งแต่เรียนจบ  เพราะมีใครบางคนขอเอาไว้   “แล้วเราชอบดื่มงั้นสิ”

“ก็พอได้ครับ  แต่ไม่ค่อยได้ไปดื่มหรอก  เดี๋ยวเมากลับบ้านไม่ได้  คนที่บ้านจะไม่ได้กินข้าว”  ริวพูด  แล้วก็เบิกตาโต  “จริงสิ...วันนี้เราจะกลับกรุงเทพฯกันกี่โมงครับ”

“ทำไม  มีคนรอที่บ้านเหรอ”  เสียงอีกฝ่ายตวัดห้วนจนริวขมวดคิ้วอย่างแปลกใจ

“ครับ  ข้าวเช้าผมก็ลืมหาให้เค้า  ป่านนี้หิวแย่แล้วมั้ง”  ลาภินพึมพำ  ก้มลงมองถุงส้มตำที่วางอยู่ตรงที่วางของพลางนึกสงสัยว่าแมวอย่างเจ้าบาจามันจะกินส้มตำได้มั้ย  ไม่เคยให้ลองกินสักที

คิดอีกทีก็อย่าดีกว่า.. เดี๋ยวไม่ย่อยขึ้นมาจะแย่เอา

“เค้า...เอ่อ  โทษนะ  ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้หรอ”  เสียงของยักษ์อ่อนลงเล็กน้อย

“ครับ...ถ้าผมไม่กลับบ้าน เค้าคงอดตาย”

“อืม..”  ชายหนุ่มพยักหน้ารับ  เหลือบมองหน้าคนพูดอย่างเห็นใจ  อารมณ์หงุดหงิดที่ผุดขึ้นมาเมื่อครู่อย่างไม่มีปี่มีขลุ่ยนั้นหายไปเป็นปลิดทิ้ง  คนที่บ้านของอีกฝ่ายดูท่าคงจะเป็นญาติผู้ใหญ่สักคนที่สูงอายุ หรือไม่ก็ป่วยจนช่วยเหลือตัวเองไม่ได้แล้วเป็นแน่   นับว่าเป็นเด็กที่มีความกตัญญูพอตัว   “ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวซื้ออะไรกลับไปฝากเค้าสิ   ร้านนี้อาหารทะเลอร่อยมาก”

ยักษ์จอดรถที่หน้าร้านอาหารแห่งหนึ่งติดริมทะเล  คนไม่เยอะเพราะไม่ใช่ช่วงเทศกาล  ริวก้าวลงจากรถ  ทอดสายตามองชายหาดเบื้องหน้าอย่างตื่นเต้น  ถ้าไม่ติดว่าเจ็บข้อเท้าอยู่  เขาคงเดินลงหาดไปแล้วล่ะ

“สั่งอาหารก่อน  เด็กน้อย”  ยักษ์พูดขึ้นพลางหัวเราะเบาๆ  เห็นลูกน้องหนุ่มจ้องทะเลด้วยแววตาเป็นประกายเหมือนเด็กเห็นของเล่น  เขาก็อดเรียกอีกฝ่ายเป็นเด็กไม่ได้  ทั้งๆที่ต้องคอยบอกตัวเองว่าฝ่ายนั้นอายุเกินสิบขวบมาหลายปีแล้ว   “อยากกินอะไรเป็นพิเศษ”

“ที่นี่อะไรอร่อยบ้างครับ”  ริวถาม  พนักงานรีบบอกเมนูอาหารแนะนำยาวเหยียดเป็นหางว่าวจนเจ้าตัวฟังไม่ทัน   สีหน้างงๆนั้นตลกจนยักษ์ต้องหัวเราะออกมาอีก  บอกไม่ถูกว่าทำไมวันนี้วิวทะเลเบื้องหน้าถึงได้สดใสนัก

“ปลากะพงทอดน้ำปลาที่นี่อร่อย  หอยจ้อปู   ปูนิ่มทอดประเทียม  ไข่เจียวปู  อืม... ปูม้าเผาวันนี้กิโลเท่าไหร่ครับ”  ยักษ์หันไปถามพนักงานบ้าง  จากนั้นก็จัดการสั่งให้เสร็จสรรพ  “...เอาอะไรอีกมั้ย  ริว...ไม่เห็นสั่งเลย”

“จะไปสั่งยังไงทัน”  คนนั่งตรงข้ามบ่นอุบ  “เฮียชอบกินปูหรือครับ”

“รู้ได้ยังไง”  อีกฝ่ายถามกลับมาอย่างประหลาดใจ

“ไม่รู้ก็แปลก  สั่งไปห้าอย่าง  เป็นปูสี่อย่าง”   อ้อ...ยังไม่นับตำปูปลาร้าเมื่อเช้าอีกอย่าง

“อ้าวเหรอ  ไม่ได้นับเลย  ฮ่าๆ  แล้วเราไม่ชอบกินปูหรอ”

“กินได้ครับ”  ริวไม่กล้าตอบว่าเขาไม่ชอบเลยแหละ   ชอบกินกุ้งมากกว่าแต่ก็เกรงใจคนจ่ายเงิน  “ผมว่าห้าอย่างก็เยอะแล้ว  เดี๋ยวถ้ายังไม่อิ่มค่อยสั่งใหม่ก็ได้ครับ”

เฮียยักษ์พยักหน้าอย่างพอใจ   บริกรจากไปแล้ว   เหลือเอาไว้แต่เสียงคลื่นที่ซัดเข้าหาฝั่งเป็นจังหวะสลับกับเสียงนกร้องบินวนอยู่บนท้องฟ้าสีฟ้าใสไร้เมฆ   คนตรงข้ามเขานั่งเท้าคางมองทะเลสีครามอย่างเพลิดเพลิน

“จะลงไปเดินเล่นก็ได้นะ  ระหว่างรออาหาร”  ยักษ์พูดขึ้นเบาๆ  แอบเห็นอีกฝ่ายย่นจมูก

“ขอกินก่อนดีกว่าครับ”  ริวตอบ...ถึงอยากลงไปเดินเล่นแค่ไหน  แต่เจอแดดเปรี้ยงยามเที่ยงวันแบบนี้  ริวก็ชักไม่ค่อยอยากสู้

“รุ่นเธอยังมารับน้องที่ทะเลอยู่มั้ย”  จู่ๆอีกฝ่ายก็ถามขึ้น

“ครับ  แต่ว่าไม่ได้รับโหดแล้วนะ  แค่มาร้องรำทำเพลงไปตามเรื่องตามราว  ได้ข่าวว่ารุ่นเฮียมีนอนแช่น้ำทะเลด้วยนี่”

“นั่นรุ่นพี่ฉัน  มีคนป่วยเป็นปอดบวม  อาจารย์ก็เลยให้ยกเลิกกิจกรรมไป  รุ่นฉันเลยได้มานั่งสมาธิริมชายหาดแทน”

“เฮียยักษ์เป็นพี่ว้ากหรือเปล่าครับ”

“ลองทายดูสิ”  เขาตอบ  อีกฝ่ายเหลือบตามามองเขา  ทำท่าครุ่นคิด

“ดูจากใบหน้าและวิธีพูดแล้ว....ใช่แหงๆ”

“ฉันดูดุงั้นเหรอ”

“ไม่ใช่ ‘ดู’ครับ  แต่ดุจริงๆ”  ริวตอบ  ปลายจมูกเล็กๆเริ่มสูดน้ำมูกฟึดฟัดจนยักษ์ต้องส่งทิชชูไปให้  “ขอบคุณครับ”  ริวรับมาสั่งน้ำมูก

“ถ้าดุจริง เธอไม่ได้มานั่งกินข้าวแบบนี้หรอก”  ยักษ์พูด  เลื่อนกล่องทิชชูไปให้ทั้งกล่อง  “ทำไมน้ำมูกไหล  ฉันว่าเธอชักจะเป็นหวัดแล้ว”

“เวลาโดนลมแรงๆ ผมจะน้ำมูกไหลแบบนี้แหละ  ไม่เป็นไรหรอกครับ  เดี๋ยวก็หาย”   ริวสูดน้ำมูก 





ออฟไลน์ ็Hollyk

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 362
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +535/-22
    • FanPage Melenalike//Hollyk




คนฟังลุกขึ้นยืนแล้วก้าวยาวๆกลับไปที่รถโดยไม่บอกกล่าว  ครู่เดียวก็กลับมาพร้อมเสื้อแจ็กเก๊ตหนังสีน้ำตาลที่ริวไม่ทันเห็นว่าเจ้าตัวหยิบติดมือมาด้วยตอนไหน  เฮียยักษ์โปะเสื้อตัวใหญ่เหมือนเจ้าของลงบนไหล่ของเขา

“ใส่คลุมไว้ก่อน  เดี๋ยวจับไข้”

“ขอบคุณครับ”  ริวไม่รู้ว่ามันแปลกหรือเปล่าที่เจ้านายจะเอาเสื้อส่วนตัวมาให้  แต่เดาว่าคงเป็นเพราะเขาเป็นรุ่นน้องของอีกฝ่ายด้วยกระมัง  ก็เลยได้รับการดูแลแบบพี่ชาย-น้องชายร่วมคณะฯ

อาหารมาเสิร์ฟพอดี  ริวค่อยๆกระมิดกระเมี้ยนตักกินทีละอย่าง  เขาแอบคายหอยจ้อปูทิ้งไปคำหนึ่งเพราะไม่ชอบกลิ่นน้ำมันผสมกับกลิ่นคาวปู  หลังจากนั้นก็เลยไม่แตะจานจำพวกปูอีกเลย  เน้นแต่ปลาทอดเท่านั้น

“เธอคงชอบกินปลา”  ยักษ์ทักขึ้นหลังจากผ่านไปไม่นาน  “กินปลาเขาว่าจะฉลาด”

“เฮียจะพูดว่าไม่จริงใช่มั้ยครับ”  ริวรีบดักคอ

“เปล่านะ...เธอคิดไปเอง” คนฟังทำหน้าไม่เชื่อ  “เธอนี่ยังไง  เห็นฉันเป็นคนแบบไหน”  ดวงตากลมๆที่ตวัดค้อนเขานั้นทำให้ยักษ์ยิ้มออกมาอีก  “ไม่ลองกินปูเผาหน่อยเหรอ  สดมากนะ  เนื้อแน่นหวาน”

“ขอกินข้าวก่อนครับ”  ริวอึกอัก  “เฮียกินเลยครับ  เดี๋ยวไม่อิ่ม”

“ฉันสั่งมาเผื่อเธอแล้ว  กินเลยตามสบาย”  คนพูดแทะเนื้อปูจิ้มน้ำจิ้มซีฟู้ดอย่างเอร็ดอร่อย  ท่าทางเฮียยักษ์คงจะชอบกินปูมากๆจริงๆนั่นแหละ  เศษซากอารยธรรมเปลือกปูกองโตเป็นพยานได้

“ขี้เกียจแกะล่ะสิ  ฉันแกะให้”  ปลายนิ้วเรียวยาวที่มีเล็บตัดสั้นนั้นแกะเนื้อปูออกมาอย่างคล่องแคล่ว  ดูมืออาชีพมากราวกับชาติก่อนแกะเนื้อปูชั่งกิโลขาย...ริวค่อนขอดอยู่ในใจ  มองเนื้อปูในจานแล้วอยากจะร้องไห้

“พอแล้วครับ  ผมเริ่มอิ่มแล้ว เดี๋ยวกินไม่หมด”

“อิ่มอะไร  กินไปนิดเดียว....หรือว่ารังเกียจขี้มือฉัน”  คิ้วเข้มๆนั้นขมวดฉับ 

“ไม่ใช่ครับ   ...คือ   ผมไม่ค่อยชอบทานปู”  ลาภินจำต้องสารภาพออกไปในที่สุด  เกรงใจอีกฝ่ายก็เกรงใจ  แต่จะให้ฝืนกินเข้าไป  เขาก็เสียดายของ

“อ้าว...แล้วทำไมไม่บอก”  เฮียยักษ์พูดเสียงดัง   แล้วคว้าจานตรงหน้าเขาไปดื้อๆ  ริวมองตาค้างเมื่อเห็นอีกฝ่ายกวาดเนื้อปูในจานที่แกะให้เขาใส่จานตัวเองหน้าตาเฉย  “ก็ดีสิ  งั้นฉันจะได้กินให้หมด”

“.............”

เฮียยักษ์ดีดนิ้วเรียกพนักงานเดินมาหา  รับเมนูมายื่นส่งให้ลาภินรับไว้

“เลือกมา  ให้อีกสองเมนู  อะไรก็ได้ที่เธอจะกินหมด”

“ขอเมนูเดียวได้มั้ยครับ”

“สั่งไปเลย”   ยักษ์ตอบ  มีปูเต็มปาก  ท่าทางไม่สนใจอะไรอีกจนริวรู้สึกโล่งใจ  เขากวาดตามองเมนูอาหารแล้วเลือกปลาหมึกผัดไข่เค็มมาทานเพิ่ม

“ไข่เค็มอีกแล้ว”  อีกฝ่ายเคาะ

“จะทานด้วยกันมั้ยครับ”

“ไม่ล่ะ  เมื่อเช้าก็เกินพอแล้ว”  เฮียยักษ์ทำท่าเหม็นเบื่อได้ตลกมากจนเขาหัวเราะออกมา  “มีความสุขล่ะสิ  สั่งอาหารที่เราแย่งกินไม่ได้”

“เปล่านะ...”  ริวปฏิเสธ  “ว่าแต่ทำไมเฮียถึงไม่ชอบไข่เค็มล่ะครับ”

“แล้วทำไมเธอไม่ชอบปูล่ะ”

“ผมถามก่อน”

“แต่ฉันอยากได้คำตอบก่อน”  พออีกฝ่ายเริ่มเม้มปาก  ยักษ์ก็รีบเสริม  “ไหนบอกว่าจะไม่ขัดใจไง  นี่เริ่มอารมณ์เสียแล้วนะเนี่ย”   เขาใช้ความรู้สึกผิดของริวขึ้นมาขู่

“ก็ได้...ผมไม่ชอบเพราะมันคาวๆอ่ะ”

“ฉันก็ไม่ชอบไข่เค็มเพราะมันมีกลิ่นแปลกๆ บอกไม่ถูก”    ปลาหมึกผัดไข่เค็มถูกยกมาเสิร์ฟพอดี  ยักษ์เลื่อนไปไว้ตรงหน้าอีกฝ่าย  แถมยังเลื่อนจานปลาทอดมาวางข้างๆให้ตักง่ายๆด้วย  “ทีนี้ก็เติมข้าวได้แล้วสิ”

ริวพยักหน้า  รับโถข้าวมาตักข้าวสวยเพิ่ม

เวลาผ่านไปพร้อมอาหารที่หายลงท้องทั้งสองคน  ริวเลิกแปลกใจกับความจุของกระเพาะของอีกฝ่ายแล้ว  เดาว่าคงเป็นชูชกมาเกิดล่ะมั้ง 

“เดินย่อยกันเถอะ”   ยักษ์หันมาพูด  หลังจากรับบัตรเครดิตมาเก็บใส่กระเป๋าสตางค์  ริวเห็นด้วย  เขาอิ่มจนเหมือนพุงจะแตก  กินเยอะกว่าทั้งอาทิตย์อีกมั้ง

ชายหนุ่มถอดรองเท้าฝากร้านเอาไว้  เดินเท้าเปล่าเหยียบเม็ดทรายนิ่มๆอุ่นๆเคียงข้างร่างสูงใหญ่ที่เดินช้าราวกับเดินจงกรมเล่น   ความรู้สึกเจ็บตึงที่ข้อเท้าดีขึ้นแทบไม่รู้สึก   ในมือของริวถือปลาทอดที่เหลือครึ่งตัวที่ร้านใส่กล่องแพ็คกลับบ้านให้เรียบร้อยไปด้วย  แม้ว่ายักษ์จะท้วงแล้วว่าสั่งทอดใหม่ก็ได้  ทว่าริวก็ยังยืนยันจะเอาของที่เหลือกลับไป

“เอาอะไรเพิ่มอีกมั้ย  เค้าจะอิ่มหรือเปล่า”

“แค่นี้พอแล้วครับ  กินไม่เยอะหรอก  เค้าชอบกินปลาเป็นพิเศษ”  ริวตอบ

“ดีเนอะ  ที่บ้านเธออยู่กันกี่คน”

“สองครับ  ผมกับเค้า”  ริวตอบเรียบๆ  หยุดยืนให้น้ำทะเลซัดขึ้นมาถูกปลายเท้าเล่น  แต่ไม่ยอมเดินลงไปลึกกว่านั้น  ระวังไม่ให้ผ้ายืดที่พันเท้าเอาไว้เปียก  “ในชีวิตผม  นอกจากเพื่อนสนิทอีกสองคน ก็มีแค่เค้าแหละครับ”  ริวป้องหน้ามองไปยังประกายระยิบระยับของแสงแดดที่สะท้อนกลับเกลียวคลื่น  “เฮียล่ะครับ  ที่บ้านอยู่กี่คน”

“สาม  มีฉันกับแม่แล้วก็น้า..”   เฮียยักษ์ก้มลงไปพับขากางเกงขึ้นมาถึงเข่า  “แม่ฉันแก่แล้ว  โชคดีมีน้ามาอยู่ด้วยเลยช่วยดูแลได้”

“พี่นิดก็เป็นญาติของเฮียหรอครับ”

“อืม  เป็นญาติห่างๆ”  ยักษ์ก้มลงดูอีกฝ่ายย่อตัวลงไปเก็บเปลือกหอยมาดูเล่น   “ใครบอกเหรอว่าพี่นิดเป็นญาติฉัน”

“พี่นกครับ”  ริวตอบ “เห็นพี่โอมบอกว่าเฮียไม่ใช่เจ้าของบริษัท  ตอนแรกผมนึกว่าเฮียเป็นเจ้าของเสียอีก”

“อ๋อ...ไม่ใช่หรอก  ไม่ใช่ชื่อฉัน”  ยักษ์ตอบยิ้มๆ  รับเปลือกหอยที่อีกฝ่ายส่งให้ไปพิศดูลวดลายของมันเล่น  “ทำไมเธอถึงอยากรู้ล่ะว่าใครเป็นเจ้าของ”

“ผมก็แค่อยากรู้ว่าทำงานให้ใครอยู่”

“ฉันก็เป็นหัวหน้าของเธอไง  จะเรียกว่าเจ้านายก็ได้  เธอทำงานให้ฉัน....แค่นี้ก็พอแล้ว”  ท่าทางรุ่นพี่ไม่อยากพูดอะไรอีก  ริวเลยหยุดคำถามเอาไว้เพียงแค่นั้น  ทั้งที่ใจอยากถามถึงเรื่องอีกฝ่ายมากกว่านี้แท้ๆ

พวกเขาเดินย้อนกลับไปเอารองเท้าที่ฝากเอาไว้ที่ร้านอาหาร  เฮียยักษ์ขับรถพาเขาไปที่สะพานปลา  ริวไม่เคยมาที่นี่มาก่อน  ก็เลยตื่นตาตื่นใจมากกับอาหารทะเลสดมากมายหลายชนิดที่วางเรียงเอาไว้เป็นพรืดตลอดแนวถนนสายเล็กๆแคบๆที่คับคั่งไปด้วยนักท่องเที่ยวและชาวบ้านที่มาเลือกซื้อของสด

            “อยากซื้ออะไรก็ซื้อเลย  เดี๋ยวใส่กล่องโฟม โปะน้ำแข็งกลับไปได้”  เฮียยักษ์ที่ดูสนุกสนานเป็นพิเศษหันมาบอก  มือก็ชี้เลือกกุ้งหอยปูปลาตรงหน้าใส่ถุงอย่างเพลิดเพลิน   “หอยนางรมหน่อยมั้ย  กินเป็นหรือเปล่า”

            “ไม่เอาครับ  เฮียซื้อเถอะ”  ริวถอยมายืนหลบคนอยู่ที่หน้าร้านขายข้าวหลาม  ขนมจาก  เพราะไม่อยากขัดคอขาช้อปที่กำลังต่อราคากุ้งแห้งกับแม่ค้าอย่างดุเดือดอยู่ใกล้ๆ ...เห็นแล้วไม่เข้ากับหุ่นของเฮียเอาเสียเลย  เขาได้แต่คิดในใจ   หันไปขอบคุณแม่ค้าใจดีแบ่งข้าวหลามให้เขาชิม   สุดท้ายริวก็เลยต้องซื้อมาสี่ลำด้วยความเกรงใจ   พอยักษ์เดินกลับมาพร้อมกับกล่องโฟมใบใหญ่ในอ้อมกอด  ริวก็เลยรีบแบ่งข้าวหลามให้ฝ่ายนั้นไปสองลำ

            “ร้านนี้ไม่มาตรฐานเลยนะ”  เฮียยักษ์พูดขึ้นลอยๆ ตอนที่เดินหิ้วของไปไว้ที่รถ  พอเขาหันไปมองงงๆ  อีกฝ่ายก็พูดต่อด้วยรอยยิ้มขัน  “ข้าวหลามของฉันลำใหญ่กว่าของเธอเยอะเลย”

            ริวเหลือบมองข้าวหลามในถุงของตัวเอง  แล้วก็หันไปมองของอีกฝ่ายบ้าง...ก็เท่ากันนี่หว่า   คิดแวบหนึ่งก็ตวัดสายตามองคนพูดอย่างฉุนๆ

            “อย่ามั่นใจนักเลย  ลำใหญ่แต่ข้าวข้างในอาจจะเม็ดเล็กก็ได้”

            “นั่นสิ”  ยักษ์รับคำ  “แบบนี้ต้องพิสูจน์”   ชายหนุ่มพูดต่อมาอย่างขึงขัง  “งั้นเราไปหาที่พิสูจน์กันหน่อยดีมั้ย” 

            “พิสูจน์อะไรของเฮีย”  ริวร้องขึ้น  รู้สึกหน้าร้อนๆชอบกล  สงสัยแดดริมทะเลคงจะแรงกว่าแดดในเมืองหลายเท่า 

            “ก็หาที่นั่งกินข้าวหลามไง   เดินจนเมื่อยขา  ขอพักหน่อยค่อยกลับ”  ยักษ์ตอบกลับมา  “คิดเรื่องอะไรเหรอ” 

            ริวมองคนตัวใหญ่ที่ประคองกล่องโฟมใส่เอาไว้ท้ายรถอย่างทะนุถนอมนั้นด้วยความรู้สึกทั้งฉุนทั้งขำ   รู้สึกหมั่นไส้สีหน้าเหรอหราเหมือนไม่รู้เรื่องของอีกฝ่ายจนอยากยื่นมืออกไปหยิกให้เนื้อหลุด  แต่สติก็บอกว่าเขาไม่ควรจะทำแบบนั้นกับคนที่เป็นทั้งรุ่นพี่และเจ้านาย

            พอเก็บของเสร็จ  เฮียยักษ์ก็พาเขาเดินเลียบหาดไปยังอีกด้านหนึ่ง   พอริวเห็นป้ายบอกว่าจุดชมพระอาทิตย์ตก  เขาก็เข้าใจ   ไต่ขึ้นไปตามโขดหินจนมาถึงตำแหน่งเหมาะๆ  ถัดลงไปมีชายหญิงหลายคู่นั่งจับจองที่กันอยู่ก่อนแล้ว  เฮียยักษ์คอยหันมาถามตลอดเวลาว่าเดินไหวมั้ย  เขาก็ตอบกลับไปด้วยประโยคเดิมๆว่าไหว

            อยากรู้เหมือนกันว่าถ้าบอกไม่ไหว  อีกฝ่ายจะทำยังไง

            “ฉันเคยมานั่งดูพระอาทิตย์ตกที่นี่ครั้งเดียวเอง”

            เฮียยักษ์พูดขึ้นหลังจากที่พอขึ้นมาถึงก็นั่งกอดเข่าเงียบอยู่นานจนริวนึกว่าหลับไปแล้ว

            “ผมไม่เคยมาเลย”  เขาตอบกลับไป    พิศดูแสงสีส้มจากดวงอาทิตย์ดวงโตที่กำลังจะลอยลับหายไปในผืนน้ำ  รู้สึกได้ถึงความรู้สึกเหงาๆแกมเศร้าแปลกๆที่แผ่ซ่านออกมาจากเนื้อตัวของคนตัวใหญ่ข้างๆ

            แต่ริวก็ไม่ได้ถาม

            และอีกฝ่ายก็ไม่ได้เล่า

            พระอาทิตย์แตะผิวน้ำแล้วค่อยๆจมหาย  ลาภินทอดสายตามองนิ่ง   มันสวยมากจนแทบลืมหายใจ  เขาไม่เคยได้มีโอกาสมาเห็นอะไรแบบนี้มาก่อนเลย  ตลอดเวลาหลายปีที่ผ่านมาเขาเอาแต่ก้มหน้าก้มตาทำงานหาเงินเรียนหนังสือ  กว่าจะรู้สึกตัว  ก็พบว่าทำสิ่งที่เรียกว่าความสุขในชีวิตหล่นหายไปตอนไหนแล้วก็ไม่รู้

            “.................”  เขาสะดุ้งเมื่อจู่ๆคนที่นั่งกอดเข่าอยู่ข้างๆก็ล้มตัวลงมานอนพาดศีรษะลงกับตักของเขาเสียอย่างนั้น  “เฮียยักษ์?”  เอื้อมมือไปเขย่าไหล่หนาของอีกฝ่ายเบาๆ  ทว่าฝ่ายนั้นกลับหลับตานิ่ง 

            “ขอพักสายตาหน่อย  เดี๋ยวขับกลับไม่ไหว”  เสียงห้าวๆนั้นพึมพำ

            “แต่ว่า”

            “ชู่ว”  เสียงชู่วที่พ่นออกมาจากริมฝีปากนั้นกลับทำให้ริวเงียบลงไป  เขานั่งมองใบหน้าคมเข้มที่ถือวิสาสะใช้ตักของเขาแทนหมอนด้วยความรู้สึกบอกไม่ถูก

            ใจหนึ่งก็อยากจะลุกขึ้น  ดันศีรษะหนักๆของอีกฝ่ายออกไป  แต่อีกใจหนึ่งก็รู้สึกสงสาร....เฮียคงเหนื่อยมากวันนี้  ไหนจะต้องขับรถกลับอีก   แถมเขายังทำเอกสารสำคัญทั้งแฟ้มสูญไปอีก

            แค่ครู่เดียว...คงไม่เป็นอะไรหรอกมั้ง

            .....................................................................................

           

            มาอัพต่อจร้าาา  ช่วงนี้คึกเนอะ555555  อยากไปทะเลมากอ่ะ  ที่อยู่ตอนนี้มีเเต่ภูเขา  แงๆ 

เรื่องนี้มันก็จะหวานๆหน่อยนะ   แต่พวกหวานก่อนมักจะขมตอนหลัง  เอ๊ะ  ล้อเล่นนน5555

เจอกันตอนหน้าเด้อ  บอกเลยว่าไม่มีใครเดาเรื่องถูกหรอก  ยากมากก  เรื่องนี้พล็อตซับซ้อนกว่าแอบลักษณ์เยอะ  หุๆๆ  (เว่อแปบบ)

ใครตามเรื่องนี้  ชอบเรื่องนี้เเสดงตัวด้วย 

ใครเล่นทวิต #แอบยักษ์ นะคะ

ฝากเพจด้วยคร่าา  Melenelike :katai5:



ออฟไลน์ ทั่วหล้า

  • ไม่ช่างพูดแต่ช่างพิมพ์
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1051
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-3
ได้แอบตอดเล็กตอดน้อยก็เอานะเฮีย

ออฟไลน์ dahlia

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4239
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +695/-4
เปิดเรื่องมา ลาภินน่าสงสารเลย โดนใครใส่ร้ายล่ะเนี่ย เฮียยักษ์นี่ก็นะ แอบตอดน้องตลอดเวลา 555  แต่น่าสงสัยเฮียยักษ์ต้องมีอะไรแน่ๆ ดูไม่น่าเป็นวิศวกรธรรมดา

ออฟไลน์ maekkun

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 223
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0

ออฟไลน์ k2blove

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1868
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-3
เรื่องเนียนไม่มีใครเกินเฮียยักษ์อีกแล้ว
 o13

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26

ออฟไลน์ TachibanaRain

  • มาโกโตะเทนชิ
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2418
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +76/-3
เฮียยักษ์คือดีอะถึงจะโหดแต่มีความละมุนในตัวอยู่หน่อยๆ แล้วไม่รู้ทำไมอ่านตนสองตอนสามมานี้เรารู้สึกไม่ค่อยไว้ใจโอมเลย หรือจะคิดมากไปก็ไม่รู้ แต่ที่แน่ๆเฮียยักษ์ไม่ธรรมดาแน่นอนรอเปิดตัวเฮียยักษ์แบบเป็นทางการนะ อ้อ แอบขำหน่อยที่เฮียตัวออกจะใหญ่โตดันกลัวหมอกับเกลียดยา ฮ่าๆๆ

ออฟไลน์ kaokorn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 903
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +89/-2
ตามมาจากไวน์ ลักษณ์ฮะ
เรื่องนี้สนุกมาก มีบู๊นิดๆด้วย น่าติดตามมากฮะ
ขอบคุณที่แต่งเรื่องสนุกๆให้อ่านอีกนะคร้าบบบบบบบ  :L2:

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7538
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
ชื่อยักษ์ ช้าวหลามเล็กได้หรือ  :hao3:
มีชวนลาภิน พิสูขน์ข้าวหลามอีกแนะ  :z3:

ทำไมรู้สึกว่ายักษ์ปิดชื่อเจ้าของบริษัท แหม่งๆนะ  :mew2:
ยักษ์ ต้องเคยมีเรื่องเศร้าแน่ๆ
ได้รู้เรื่องครอบครัว คนในบ้านกันแล้ว

แอ่ะๆ......ยักษ์เนียนนอนหนุนตักลาภิน  :ling1:
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ Ginny Jinny

  • ความเป็นจริงมันวุ่นวาย ก็ขอให้ใจมันสบายๆในความฝัน
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2115
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-4

ออฟไลน์ stickyyrice

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1509
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +40/-5

ออฟไลน์ PrimYJ

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3494
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3
เฮียยักษ์ทำเนียนตลอดอ่ะ 5555

ออฟไลน์ nolirin

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2755
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +274/-5
หวานได้เราชอบ  :-[
 อย่าขมตอนหลังเลยนะ :เฮ้อ:

ออฟไลน์ cheezett

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 471
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3
หืมมม อิพี่ยักษ์เนียนมากกกกก
ไม่เอาขมได้ไหมค้าาา5555 ไม่ชอบขมชอบหวานๆน้ำตาลพุ่ง  :really2: :really2:

ออฟไลน์ ็Hollyk

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 362
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +535/-22
    • FanPage Melenalike//Hollyk
ตอนที่ 4

ยักษ์ยอก...ของฝาก

 

 

 

 

 

            “ง่วงแล้วเหรอ  อย่าเพิ่งหลับสิ”

            คนขับพูดขึ้นเมื่อเหลือบไปเห็นศีรษะของคนนั่งข้างๆเริ่มโงนเงนโขกกระจกหน้าต่างไปสองครั้ง  หนุ่มรุ่นน้องสะดุ้ง  รีบยืดตัวขึ้นนั่ง   มองไปทางคนขับอย่างรู้สึกผิด

            “ขอโทษครับ  มันวูบไปหน่อย”

            “หนังท้องตึง หนังตาก็หย่อนแบบนี้ล่ะ...”  ยักษ์พูด  “นี่ฉันก็ชักจะง่วงๆอยู่เหมือนกัน”

            ประโยคหลังทำเอาคนนั่งใจเสีย...ก็แหม  ทางข้างหน้าก็เริ่มมืดมีแค่แสงจากเสาไฟฟ้าข้างทางเท่านั้น  รถบรรทุกคันใหญ่ก็ขยันวิ่งแซงกันขึ้นมาเสียจริง  ว่าแต่คนพูดก็งีบพักไปแล้วไม่ใช่เหรอยังมาบ่นง่วงอีก  งีบนานขนาดขาของเขากลายเป็นเหน็บชาเพราะกลายเป็นหมอนจำเป็น  ร้อนถึงฝ่ายนั้นต้องมานั่งยองๆช่วยนวดอยู่พักหนึ่ง

            “อย่าหลับนะเฮีย   บอกแล้วไม่เชื่อว่าให้รีบกลับๆ  ดันแวะกินข้าวต้มปลาซะได้”

            “ก็เจ้านี้อร่อย  ไม่แวะก็เสียเที่ยวสิ....เราก็ชอบไม่ใช่หรือไง  เห็นซดหมดชาม”  เสียงห้าวๆนั้นตอบกลับมา   ริวเริ่มสังเกตเห็นว่านัยน์ตาคมของอีกฝ่ายตวัดมองไปยังกระจกหลังบ่อยๆจนเกินปกติ

            “เอ่อ...มีอะไรหรือเปล่าครับ”   เขาทำท่าจะเหลียวไปมองข้างหลังทว่ามือใหญ่ของอีกฝ่ายแตะที่ต้นขาเอาไว้

            “ไม่มีอะไรหรอก  ช่วยฉันอ่านป้ายข้างหน้าหน่อยสิ  เขียนว่าอะไร ใช่ทางไปกรุงเทพฯหรือเปล่า”  ลาภินเลยชะเง้อมองป้ายข้างทางแทน 

            “ใช่ครับ  ชิดซ้ายเข้าทางเบี่ยง”

            เฮียยักษ์เร่งความเร็วของรถขึ้น  เหมือนจะเข้าทางเบี่ยงซ้ายแต่แล้วก็กลับหักออกขวาเอาดื้อๆจนคนนั่งหวาดเสียว  โชคดีที่รถเก๋งคันหลังไม่ชนท้ายเอาเข้า

            “ผิดทางแล้วเฮีย  นี่มันทางอ้อมนะครับ”  ริวรีบท้วงทันที   ได้ยินเสียงอีกฝ่ายหัวเราะเบาๆ  ตาคมเหลือบมองกระจกหลังด้วยท่าทางพอใจ

            “ไปทางนี้ดีกว่า  ทางนั้นเฮียคุ้นๆว่าทางมันไม่ค่อยดี”  เฮียยักษ์ตอบกลับมา  ริวขยับจะถามต่อทว่าก็มีเสียงเรียกเข้าโทรศัพท์มือถือรุ่นเก่าของเฮียที่วางเอาไว้ข้างๆเสียก่อน 

            “กดรับให้หน่อย”  เจ้าของบอก  เขาเลยหยิบขึ้นมากดปลดล็อคหน้าจอด้วยรหัสเดิมที่ฝ่ายนั้นเคยบอกเอาไว้ตั้งแต่คืนนั้น  และเขาก็ดันความจำดีจำได้เสียด้วย

            “ฮัลโหล”  ริวกรอกเสียงลงไป

            “อ้าว...นั่นใครน่ะ  ไม่ใช่เสียงยิมนี่”  เสียงผู้หญิงในสายดังขึ้น  ริวขมวดคิ้ว  แต่มือใหญ่ของเจ้าของเอื้อมมาคว้าไปแนบหูเสียก่อน

            “ผมเองครับ.....บอกแล้วไงว่าไม่ต้องบอกเค้า   ครับ...เห็นแล้วครับ ...ไม่จำเป็นครับ  ขอบคุณมาก  แค่นี้นะครับผมขับรถ”  ประโยคสั้นๆไม่กี่ประโยคไม่ทำให้ริวปะติดปะต่อเรื่องได้มากขึ้นกว่าเดิมเลย

            เขารอให้เจ้านายวางโทรศัพท์ลงก่อนจึงค่อยถาม

            “เมื่อกี้...เขาถามหา  คนชื่อยิม”  ลาภินไม่รู้ว่าเป็นการละลาบละล้วงไปหรือเปล่า  แต่เขาก็คิดว่าแค่ถามชื่อคงไม่ได้เป็นความลับอะไรไม่ใช่หรือ

            “เธอคิดว่าฉันชื่อยักษ์หรือไง  พ่อแม่ที่ไหนจะตั้งชื่อลูกว่ายักษ์”  คนฟังพยักหน้ารับ   ...ว่าแล้วเชียว

            “แล้วทำไมคนไม่เรียกชื่อเล่นของเฮียล่ะครับ...ยิม”

            “ฉันไม่ชอบ  เรียกยักษ์ก็ดีแล้ว”  อีกฝ่ายตอบกลับมาห้วนๆ  ก่อนจะเสียงอ่อนลงเล็กน้อย  “รุ่นฉันมีคนชื่อซ้ำกัน   เพื่อนก็เลยเรียกฉันว่ายักษ์แทน  เพราะตัวใหญ่ รูปร่างดีเหมือนยักษ์”

            “ตัวใหญ่น่าจะใช่  แต่รูปร่างดีนี่มัน....ผมว่าพวกยักษ์ตามวัดนี่ก็ลงพุงกันหมดนะครับเฮีย”    ริวเกือบหลุดหัวเราะออกมาเมื่อเห็นนัยน์ตาคมตวัดมองเขาเร็วๆคล้ายค้อน

            เฮียเอามือตีพุงตัวเองดังแปะๆ  เสียงแน่นเหมือนคนเอามือตีโต๊ะ...

            “พุงอะไรจะแน่นขนาดนี้”

ริวยิ้มกว้าง  ...จริงๆก็พูดเล่นไปอย่างนั้นเอง  คะเนดูจากหุ่นแล้วข้างใต้เสื้อเชิ้ตนั้นคงมีซิคแพ็คมากกว่าชั้นไขมันแน่นอน

            “นั่นเสียงไขมันกระเพื่อมหรอครับ  ผมว่าแล้วเชียวเฮียกินขนาดนี้  ไม่น่ารอด”  เขาแกล้งทำเสียงเศร้าปนเห็นใจ  นึกขันที่อีกฝ่ายเหลือบมองเขาอย่างแค้นๆ  คงจะหวงรูปร่างของตัวเองเอามากเหมือนๆกับบรรดาคนรักการออกกำลังกายทั้งหลาย  พอโดนปรามาสเข้าก็เลยของขึ้น

            “อย่าให้กลับถึงกรุงเทพฯนะ”  เฮียพูดเหมือนเข่นเขี้ยว

            “จะไปฟิตเนส?”

            “จะหักคอเด็กแถวนี้  แล้วก็จับกินเลย”

            “ผมมีแต่กระดูก  ไม่อร่อยหรอกครับ”  ริวรีบปฏิเสธ  ยกมือโบกให้อีกฝ่ายเห็นกระดูกที่ปูดโปนตรงข้อมือของเขา

            “มีแต่กระดูกก็ไม่เป็นไร  เฮียชอบแทะ”

            “เฮียพูดแล้วทำให้ผมนึกถึงอะไรสักอย่างที่ชอบแทะกระดูก”   คงเป็นเพราะความเป็นกันเองของอีกฝ่ายเลยทำให้ริวกล้าโต้ตอบกลับไป  ไม่นิ่งเงียบเหมือนทุกครั้งเวลาที่คนแปลกหน้าชวนคุย 

            “เดี๋ยวนี้ก้าวหน้า  ว่ารุ่นพี่เป็นหมาเหรอ”

            “ผมเปล่านะ   ผมก็หมายถึงคนทั่วไปที่ชอบกินต้มกระดูกหมู”  ริวพูดหน้าตาย  ได้ยินอีกฝ่ายหัวเราะอย่างฉุนๆ  “เฮียหายง่วงยังครับ”  เขาถามต่อมา

            “หายตั้งแต่โดนว่าลงพุงแล้ว”  เฮียตอบกลับมาอย่างขวางๆ

            “ผมพูดเล่นนะเฮีย  อย่างเฮียถ้าถอดเสื้อ สาวๆคงกรี้ดกันตรึม  เมื่อกี้ที่ชายหาดก็มีคนแอบมองเฮียเพียบเลยนะ”  ริวเอื้อมมือไปเร่งแอร์ให้แรงขึ้นเมื่อเห็นเหงื่อของอีกฝ่ายไหลเป็นทางจากขมับ

            “เขามองเธอหรือเปล่า  จะมามองฉันทำไม”

            “มองเฮียนั่นแหละ  เฮียผมหล่อออกอย่างนี้”   

            “อยากได้อะไรบอกมา  เฮียจัดให้”  เฮียยักษ์แกล้งตอบด้วยเสียงเหมือนเสี่ยเวลาไปเที่ยวคลับแล้วเจอเด็กสาวๆ“ไม่อั้นนะหนู”

            “เฮียมีแฟนยังครับ”

            “ถามแบบนี้  รู้สึกเหมือนโดนจีบเลยแฮะ”  ยักษ์ชักแปลกใจที่จู่ๆอีกฝ่ายก็ถามขึ้นมา  เขาเหลือบมองกระจกก็เห็นคนถามทำหน้าเฉยๆ  เหมือนถามเรื่องดินฟ้าอากาศทั่วไป  หรือเย็นนี้กินอะไรดี

            “หล่อแบบเฮียคงมีสาวเยอะสินะ”

            “แล้วเราล่ะ”   เขาถามกลับ  ยอมรับว่าอยากรู้อยู่เหมือนกันว่าผู้ชายอย่างลาภินมีคนสนใจบ้างมั้ย

            “ใครเขาจะมามองผม”  เจ้าตัวตอบเรียบๆ  “เงินก็ไม่มี  หน้าตาก็จืดๆ ความสามารถอะไรก็ไม่มีสักอย่าง”   ยักษ์อยากจะคิดว่าเขาได้สัมผัสความน้อยเนื้อต่ำใจของอีกฝ่ายได้ลางๆ  “คนแบบผมไม่มีใครมองหรอกครับ”

            “ทำไมดูถูกตัวเองแบบนั้น”

            “ผมดู ‘ถูก’ จริงๆนี่ครับ  ไม่ได้ผิดเสียหน่อย”

            “ตราบใดที่เราไม่ดูถูกตัวเองก่อน  ก็ไม่มีใครมาดูถูกเราได้หรอกนะ”  เฮียยักษ์พูดช้าๆ  คนฟังแอบเบ้ปาก...นี่ถ้าเขาเล่าว่าถูกหาว่าโกงเงินเข้าอีกอย่าง  เฮียจะว่ายังไงนะ

            “เฮียไม่เข้าใจหรอก  คนแบบเฮียมันคนละอย่างกัน”

            “เราไม่ได้เป็น ‘คน’ เหมือนกันหรอกเหรอ”  เสียงหัวเราะห้าวๆดังขึ้น  “เธอคิดว่าชีวิตของฉันดีนักหรือไง  ไม่เห็นเหรอว่าฉันก็ต้องทำงานหามรุ่งหามค่ำ ตากแดดตากลมทุกวันไม่เคยได้หยุดพักมาหลายปีแล้ว   หน้าตาฉันก็ไม่ได้ดีไปกว่าเธอเลย  ไม่งั้นฉันจะยังโสดอยู่แบบนี้เหรอ”  เฮียพูดยาวก่อนจะลงท้ายแกมหัวเราะราวกับเป็นเรื่องขำๆ  “...แถมตอนนี้ยังถูกใครก็ไม่รู้ตามฆ่า”   

            “ตกลงเค้าตามล่าเฮียจริงๆเหรอครับ”

            คนขับยักไหล่

            “ไม่รู้สิ  พูดให้มันน่ากลัวไปงั้นเองแหละ  อาจจะเป็นเรื่องบังเอิญ  คราวเคราะห์ของฉันเองก็ได้มั้ง  ไปอยู่ผิดที่ผิดเวลาก็เลยซวย....บ้านเธออยู่ที่ไหนนะริว”

            ลาภินรู้สึกว่าอีกฝ่ายเปลี่ยนเรื่องอีกแล้ว

            “เฮียมีศัตรูที่ไหนครับ  ...เล่าให้ผมฟังบ้างเถอะ  เพราะหลังจากนี้ผมก็ต้องทำงานกับเฮีย  ผมมีสิทธิจะโดนลูกหลงทุกเมื่อ   ฉะนั้นผมก็ควรมีสิทธิจะรู้ว่าใครทำผม”   อีกฝ่ายเงียบไปทันที  ริวเห็นสีหน้าของอีกคนเครียดขึ้นเล็กน้อย

            “ถ้าเธอรู้สึกไม่ปลอดภัย...ไม่อยากทำงานนี้  จะลาออกหรือขอย้ายไปตำแหน่งอื่นฉันก็เข้าใจนะ”  เฮียยักษ์พูดขึ้นในที่สุด  “ฉันลืมคิดไปว่าเธออาจจะไม่ได้อยากมาเสี่ยงแบบนี้”

            “นี่ผมทำงานเป็นเลขาฯวิศวกรหรือว่าเป็นลูกน้องมาเฟียเจ้าพ่อที่ไหนหรือเปล่าครับเนี่ย”  ลาภินพูดแกมหัวเราะ  “เฮียบอกความจริงกับผมมาก่อนสิ  ผมจะได้ตัดสินใจถูกว่าผมจะทำงานนี้ต่อมั้ย”

            “มาเฟียอะไรจะมานั่งขับรถให้เลขาฯนั่งอยู่แบบนี้เล่า  พูดอะไรเป็นละครไปได้   ฉันก็เป็นวิศวกรธรรมดาไก่กาเนี่ยแหละ  ถึงจริงๆจะอยากเป็นท่านชีคในนิยายตบจูบกลางทะเลทรายก็เถอะ”   ยักษ์พูดเองก็ขำเอง  “จริงๆมันก็ไม่มีอะไรหรอก  ที่ยังไม่ได้เล่าให้ฟังเพราะยังไม่มีหลักฐาน  ฉันว่าก็เป็นพวกที่เล็งโครงการริมหาดเหมือนกับเรานั่นแหละ  มันเป็นเรื่องปกติอยู่แล้วที่จะมีขัดขากันบ้างในวงการก่อสร้าง”

            “ถึงขั้นยิงกันเลยหรือครับ”

            “เธอพูดเหมือนไม่ได้ทำงานด้านนี้”  ยักษ์เคาะ  “ฉันน่าจะสงสัยเธอมากกว่านะริว   ทำทีเข้ามาช่วยฉันคืนนั้นเพื่อจะหาทางเข้ามาทำงานใกล้ชิดฉัน  จากนั้นก็พาฉันไปฆ่า....แบบนี้หรือเปล่า”   คนฟังเดาไม่ออกว่าอีกฝ่ายพูดจริงหรือพูดเล่น

            “ผมว่าเฮียนั่นแหละที่ดูละครมากไป”

            “อืม...นั่นสิ  งั้นเราก็เป็นคอละครเหมือนกันสินะ”

            ลาภินรู้สึกเหมือนตัวเองโดนตลบหลังย้อนศร   เพิ่งรู้สึกว่าคนข้างๆเป็นคนฉลาดมากๆก็ตอนนี้เอง  ภายใต้ใบหน้าคมเข้มนั้นซ่อนทั้งความขี้เล่นและความดุดันเอาจริงเอาจังเอาไว้  แถมท่าทางจะเจ้าเล่ห์กว่าที่เขาคาดเอาไว้มาก  ...นอกจากนี้แล้วยังจะมีอะไรอีกหรือไม่นะ..

            “ทำไมมองฉันอย่างนั้น”

            “แค่สงสัยว่า...เฮียซ่อนอะไรไว้อยู่อีก”

            “อยากรู้ก็ต้องเข้ามาค้นหาเอาเอง”   เฮียยักคิ้วให้เขาทีนึง  “ถ้าสนใจจะบอกให้หมดเลยว่าซ่อนอะไรไว้ตรงส่วนไหนบ้าง” 

            “โอ๊ย.....มีคนเคยบอกมั้ยครับว่าเฮียอ้อยมากไม่เว้นแม้กระทั่งลูกน้อง”  ริวพูดอย่างเหลืออด

            “อ้อยคืออะไร”  คนฟังงงเพราะไม่เคยได้ยินมาก่อน  เดาว่าคงเป็นศัพท์วัยรุ่นที่เขาตามไม่ทันแล้ว

            “อ้อย...ก็  หมายถึงปากหวานครับ  เป็นคำชม”  ลาภินตอบหน้าตาย

            “อ้อ...แล้วไป   อ้อยงั้นหรือ...เพราะอ้อยมันหวานสินะ”  ยักษ์พึมพำกับตัวเอง  จำศัพท์ใหม่เอาไว้ใช้บ้าง  “ฉันมัวแต่ทำงาน  ไม่ค่อยได้รู้อะไรเท่าไหร่   แหม....พอพูดแบบนี้แล้วรู้สึกตัวเองแก่เลยแฮะ”

            “ผมว่าเฮียดูหนุ่มกว่าอายุนะครับ”

            “เธอก็อ้อยเหมือนกันนะ”  ยักษ์ตอบกลับแล้วหัวเราะเสียงดังจนริวชักสงสัยว่าอีกฝ่ายไม่รู้ความหมายจริงๆหรือแกล้งไม่รู้กันแน่  เขาเลยรีบเปลี่ยนเรื่อง

            “ใกล้ถึงกรุงเทพฯแล้วครับ  นั่นไงป้ายบอกทางไปสุวรรณภูมิ”

            “ที่เชียงใหม่ยังมีป้ายเลยเธอ”  ยักษ์พูด  ขณะที่คนฟังทำหน้าเหรอหรา

            “อ้าวเหรอครับ   ผมไม่เคยไปเชียงใหม่”

            “ไว้จะพาไป”

            “จริงหรอครับ”

            “จริง...ก็อ้อยฉันบ่อยๆสิ”

            เฮียยักษ์ใช้คำใหม่ที่เพิ่งเรียนรู้มาสดๆร้อนๆอีกครั้งเหมือนพวกเด็กเห่อของใหม่  แต่ริวเริ่มจะไม่ขำแล้วเมื่อนึกตามความหมายที่แท้จริงเข้า  สองแก้มมันร้อนๆชอบกล....อ้อยอะไรเล่า

            “บ้านเธออยู่ไหนนะ  ฉันจะไปส่ง”

            รถเข้าสู่เขตกรุงเทพฯแล้วแม้จะเลทไปเกือบชั่วโมงเพราะมาทางอ้อม  พวกเขาคุยกันไปเรื่อยๆจากเรื่องนั้นกระโดดมาเรื่องนี้ไม่ต่อเนื่องแต่ก็เพลิดเพลินดี  ทำให้คนขับตาสว่างมาจนถึงกรุงเทพฯอย่างปลอดภัยจนได้   

            เฮียยักษ์เปลี่ยนใจขับไปที่บริษัทก่อน  เพราะกลัวว่าของสดที่ขนใส่ลังน้ำแข็งมาจะเน่า  พอรถมาถึงที่บริษัท   เฮียยักษ์ก็ให้ริวไปตามพี่ๆข้างในมาช่วยกันขนของเข้าไป

            “เธอไม่ต้องช่วย  ไปนั่งตรงนู้น”  ยักษ์โบกมือไล่เลขาฯตัวเองเหมือนไล่แมลงวัน  เขาเห็นข้อเท้าอีกฝ่ายยังบวมอยู่  ถึงจะไม่บ่นเจ็บแล้วก็เถอะ

            อีกคนหน้างอทำท่าจะท้วง  เขาเลยจุ๊ปากแล้วขมวดคิ้ว  แค่นั้นเด็กใหม่ก็ยอมสงบปากสงบคำ ถอยกลับไปตั้งหลักในบริษัทแต่โดยดี 

            “เฮียยักษ์  เป็นไงบ้าง  ผมเป็นห่วงแทบแย่  เกือบจะแล่นไปชลบุรีแล้ว”  ชายหนุ่มร่างสูงโปร่งเดินแกมวิ่งสวนกับลาภินตรงเข้ามาหาเขา   ใบหน้าคมคายนั้นมีแวววิตกกังวลอยู่มาก

            “ดีไม่เป็นอะไร   ต้องขอบคุณรายนั้น...ช่วยชีวิตฉันเอาไว้อีกแล้ว”  ยักษ์ตอบกลับ  พยักพเยิดไปทางหลังร่างผอมๆที่เดินเขยกเข้าไปในอาคารแล้ว   โอมมองตาม

            “น้องริวงั้นหรือครับ”

            “ใช่  เป็นคนกล้าหาญค่อนไปทางบ้าบิ่นเลยล่ะ”  ยักษ์เดินเรื่อยๆตามหลังทุกคนเข้าไปในอาคารที่ยังเปิดไฟสว่างแม้จะเลยเวลาเลิกงานไปหลายชั่วโมงแล้ว  “ไม่ค่อยสมตัวเลย”

            “ดูเฮียจะชอบน้องริว”

            “อืม...ฉันถูกชะตากับเด็กคนนี้นะ  ฝึกงานอีกหน่อยก็ใช้ได้” 

            “ผมหมายถึง  ‘ชอบ’..”  โอมเน้นเสียง   อีกฝ่ายเลยหันมามองหน้าเขาพลางเลิกคิ้ว  เพียงแค่นั้นคนถามก็รีบยกมือไหว้แล้วเปลี่ยนเรื่องอย่างรวดเร็ว

            “แล้วนี่เฮียซื้ออะไรมาเยอะแยะครับ  คราวก่อนไปจันทบุรียังกินของฝากกันไม่หมดเลย”

            “ไปสะพานปลามาน่ะ  ของทะเลสดๆเยอะมาก”  เฮียลากเสียง  “อดใจไม่ไหวก็เลยซื้อมา  อย่างละนิดละหน่อย  พวกเธอเลือกกันไปเลยนะอยากได้อะไรกลับไปกินที่บ้านก็ขนไป  เหลือให้ฉันสองสามอย่างก็พอ”  เฮียยักษ์พูดเหมือนทุกครั้งที่ไปทำงานต่างจังหวัดกลับมา  เขาจะขนซื้อของฝากมาฝากลูกน้องทุกคนให้เลือกกันตามสบาย

            พนักงานในบริษัทที่ริวเพิ่งเห็นว่ามีหลายสิบชีวิตนั้นต่างพากันไปมุงรอบกล่องบรรจุน้ำแข็งที่มีของสดแช่อยู่ภายในนั้น  เขาสังเกตเห็นว่าทุกคนต่างเลี่ยงที่จะหยิบอะไรที่เกี่ยวกับปู  แสดงว่าเรื่องที่เจ้านายชอบกินปูมากคงเป็นเรื่องที่ทุกคนรู้กันอยู่แล้ว

            สุดท้ายของในกล่องก็เหลือแค่ปูม้าหลายกิโล  กุ้งแห้ง  ปลาหมึกแห้ง  ปลาริวกิว  กับข้าวหลามและขนมจากที่ไม่มีใครหยิบเลย   บางทีริวก็นึกสงสัยว่าทำไมพวกพี่ๆถึงเลือกหยิบของได้ถูกเผงราวกับเดาใจเจ้านายถูกว่าต้องเก็บอะไรเอาไว้ให้คนซื้อมาฝากบ้าง

            เขากระซิบถามพี่โอม

            “อ๋อ...ของที่เฮียซื้อน่ะ  เฮียซื้อมาฝากตามความชอบของทุกคน   แต่ละคนพอมาเห็นของเข้าก็รู้แล้วว่าอันไหนซื้อมาฝากใคร  อย่างหอยนางรมถุงนี้  พี่ก็รู้ว่าเฮียซื้อมาฝากพี่เพราะพี่ชอบทานมาก  ส่วนพี่นิด...รายนั้นชอบยำหอยแครง   พี่ตี๋ชอบปลาเล็กเอาไปผัดดอกขึ้นฉ่าย”

            “โห”  ริวอุทานอย่างทึ่งๆ  “แล้วเฮียรู้ความชอบของทุกคนได้ยังไงล่ะครับ”

            “พี่ก็ไม่รู้เหมือนกัน  แต่พวกเราทำงานกับเฮียกันมาหลายปี  ก็คงสังเกตเอามั้ง”  พี่โอมตอบกลับมายิ้มๆ  พอดีกลับที่ร่างสูงใหญ่ของคนที่กำลังโดนนินทาเดินเข้ามาหา




CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ ็Hollyk

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 362
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +535/-22
    • FanPage Melenalike//Hollyk
   






             “ไงเรา  ไม่หยิบอะไรบ้างเหรอ”  เฮียยักษ์ก้มลงถามเขา

            ลาภินสั่นศีรษะ

            “ไม่รู้จะหยิบอะไรครับ”   ข้าวหลามเขาก็มีแล้ว  อาหารของบาจาก็มีแล้ว  ไม่รู้จะเอาอะไรกลับบ้านอีก

            เฮียยักษ์ก้าวยาวๆกลับไปหยิบถุงๆหนึ่งมาส่งให้เขา  ริวก้มลงมองห่อของในมืออย่างงงๆ

            “ปลาริวกิว?”

            “ใช่  เห็นแล้วนึกถึงเธอเลยซื้อมา”  คนฟังไม่รู้ว่าควรจะทำหน้าอย่างไรดี  “เอาไปกินสิ  อร่อยดีนะหวานๆ...เคยกินหรือเปล่า”

            “เคยกินครับ  สมัยเด็กๆ”  สมัยที่แม่ของเขายังอยู่นั่นแหละ  จริงๆลาภินเคยอยากถามแม่ด้วยซ้ำว่าชื่อ ริว ของเขามีชื่อเต็มว่าริวกิวหรือเปล่า

            “ทำไมทำหน้าอย่างนั้น  ไม่ชอบเหรอริวกิว”  มีเสียงหัวเราะปนมาเล็กน้อย ลาภินย่นจมูก

            “ผมชื่อริว  ไม่ใช่ริวกิว”

            “น่ารักออกนะพี่ว่า  ฟังคล้ายๆวากิว  ...เนื้อวัววากิวไง  เท่ออก”  พี่โอมพูดขึ้นมาบ้าง  พอได้ยินเสียงทุ้มๆนุ่มๆของพี่โอมแล้ว  ลาภินก็สีหน้าดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด  ขณะที่คนเริ่มเปิดประเด็นก่อนหัวเราะลั่นจนริวชักขวาง 

            “เนอะ....เฮียว่าเหมาะกับเรานะ  ริวกิวแผ่นบางๆเคลือบน้ำตาลหวานๆ”  เฮียพูดแล้วลุกขึ้นยืนเต็มความสูงที่สูงกว่าพี่โอมไปหลายเซนติเมตร   ทั้งๆที่พี่โอมก็สูงกว่าผู้ชายไทยค่อนประเทศแล้ว  “ไปเถอะ...กลับบ้านได้แล้ว”

            “เดี๋ยวผมไปส่งน้องริวก็ได้ครับ  เฮียยักษ์ได้พัก   แล้วเดี๋ยวผมจะได้ให้คนขับรถไปคืนที่ชลบุรีเลย”   พี่โอมพูดขึ้นบ้าง  เอื้อมมือไปดึงห่อของฝากจากมือริวมาถือเอาไว้เสียเอง

            เฮียยักษ์เลิกคิ้วอีกครั้ง  มองหน้าพี่โอมแล้วก็หันมามองหน้าเขา  ริวพยายามเต็มที่ที่จะสะกดกลั้นความดีใจเอาไว้ใต้ใบหน้าเรียบเฉย

            “ไม่เป็นไรหรอก  ฉันไม่ได้เหนื่อยอะไรมากมาย”  เฮียยักษ์พูดเอื่อยๆ

            “ผมกลับกับพี่โอมก็ได้ครับ”  ริวหลุดปากออกมา  คนฟังอีกสองคนหันมามองเขาเป็นตาเดียว  ริวหลบตาคมๆของเฮียยักษ์ที่มองมาทางเขาราวกับจะขุดให้ลึกถึงก้นบึ้งของจิตใจ

            สุดท้ายเฮียก็ยักไหล่

            “แล้วแต่ ....ก็ดีเหมือนกัน”  ร่างสูงใหญ่หมุนตัวเดินกลับเข้าไปในห้องจนคนมองใจเสียชอบกล

            “พี่โอมครับ  เดี๋ยวผมมาได้ไหมครับ  รอนิดนึง”

            “จะไปไหน”  โอมงง   เขาตามอารมณ์ของคนสองคนนี้ไม่ทัน  แต่คิดว่าตัวเองเริ่มจะพอจับอะไรบางอย่างจากฝ่ายยักษ์ได้บ้างแล้ว

            “เดี๋ยวมาครับ”

            ลาภินเดินตามหลังเจ้านายจนไปหยุดที่หน้าประตูห้องที่เฮียเพิ่งเปิดเข้าไป   เขายกมือขึ้นเคาะเบาๆ  ได้ยินเสียงฝ่ายนั้นอนุญาตให้เข้ามาได้ก็เลยเปิดประตู  เพิ่งรู้ว่าห้องทำงานเฮียยักษ์อยู่ชั้นล่างแถมยังเป็นห้องแคบๆแวดล้อมด้วยชั้นวางของจำนวนมากกับแฟ้มอีกนับไม่ถ้วน   ถ้าไม่นับโต๊ะตัวใหญ่กลางห้อง  ริวคงคิดว่ามีไว้เก็บของจริงๆ

            เฮียยักษ์นั่งเอนๆอยู่บนเก้าอี้กลางห้อง  เงยหน้าขึ้นมามองเขาอย่างงงๆ

            “มีอะไรหรือ”

            “ผมมาเตือนเฮียว่าอย่าลืมทำแผลด้วยครับ”   ลาภินพูด  พยักพเยิดไปทางแผลที่ปิดหางคิ้วของอีกคนอยู่

            “แผลแห้งดีแล้ว  ไม่ต้องทำหรอก”  ยักษ์ตอบกลับไป   อีกฝ่ายพยักหน้าแล้วก็ถอยออกไปจากห้อง  ชายหนุ่มถอนหายใจยาวปิดเปลือกตาลง ....เป็นวันที่ยาวนาน  แต่ก็ไม่เหนื่อยมากอย่างที่คิดเอาไว้

            ถึงจะรู้สึกหงุดหงิดที่โอมอาสาไปส่งเด็กคนนั้นโดยไม่ทราบสาเหตุก็เถอะ

            ครุ่นคิดถึงเหตุการณ์เกือบตายในวันนี้เขาก็รู้สึกเครียดขึ้นมาอีก  ...ใครกันนะ  หรือว่าจะเป็นคนที่เขาคิดเอาไว้  ถ้าเป็นอย่างนั้นจริง...มันจะไม่ใจร้ายกันไปหน่อยหรือไง   ถึงขั้นจะฆ่าแกงกัน  แม้แต่กับเขาก็ไม่เว้นถ้าเป็นเรื่องผลประโยชน์งั้นหรอ

            หรือว่าเขาจะไม่ได้มีความสลักสำคัญอะไรกับคนๆนั้นเลยอย่างที่เจ้าตัวแสดงออกมาตลอดหลายปีจริงๆ  ...แค่คิด  หัวใจของยักษ์ก็ปวดหนึบ

            เสียงเคาะประตูเบาๆดังขึ้นหน้าห้องอีกครั้ง  ชายหนุ่มลืมตาขึ้นมองคนที่ก้าวเข้ามาใหม่พร้อมกับกล่องยาในมือ  เขาสบตากลมโตคู่นั้นอย่างแปลกใจ

            “ถ้าผมกลับไปเฮียคงไม่ยอมทำแผลแน่ๆ”

            “นี่เราไม่เหนื่อยหรือไง  ข้อเท้าก็ยังปวดๆอยู่ไม่ใช่เหรอ  จะมาทำแบบนี้ทำไมกัน”  เสียงของเขาเข้มขึ้นอย่างช่วยไม่ได้  แต่พอเห็นใบหน้าของฝ่ายนั้นซีดลงก็ปรับเสียงตัวเองให้อ่อนลงบ้าง  “วางไว้ตรงนั้นแหละ  กลับบ้านไปได้แล้ว  เดี๋ยวเฮียทำเอง”

            “เฮียไม่ทำหรอกผมรู้  ขนาดยายังไม่ยอมกินเลย”  เจ้าตัวคงแค้นที่เขาเอาแต่บังคับให้อีกฝ่ายกินยาหลังอาหารไปเมื่อเย็น  ขณะที่ตัวเขาเองลืมเอายามาด้วย   ยักษ์คิดในใจ...จะทำไงได้  ก็คนมันไม่ชอบกินยานี่หว่า

            ร่างผอมบางเดินเข้ามาหาเขา  วางกล่องทำแผลบนโต๊ะเสียงดังกึก  พลางทำเสียงดุให้เขายื่นใบหน้าเข้าไปหา  ยักษ์จุ๊ปากแต่ก็ยอมให้มือเล็กๆนั้นแกะพลาสเตอร์ออกแต่โดยดี

            “แผลไม่เห็นแห้งเลย  ดูสิน้ำเหลืองๆติดออกมาเนี่ย”  ริวดึงผ้าก๊อซออกมาให้เขาดู   ปากก็บ่น  มือก็ใช้ไม้พันสำลีชุบแอลกอฮอล์เช็ดแผลให้เขาอย่างเบามือ  “เดี๋ยวถ้ามีหนองติดเชื้อนะ  จะหัวเราะให้ฟันหักเลย  ยาอะไรก็ไม่ยอมกิน ....นี่เฮียอายุกี่ขวบกันแน่   เกินห้าขวบหรือยัง”

            “บ่นจริงๆ  ตัวเองก็ยืนไม่ค่อยไหวยังจะยุ่งอีก”  เขาพึมพำตอบกลับไป  จมูกได้กลิ่นหอมอ่อนๆระเหยออกมาจากเนื้อตัวของคนที่ยืนชิดเก้าอี้   “แผลนิดเดียวทำเป็นเรื่องใหญ่”

            “นั่นสิ  แผลนิดเดียวแค่ล้างไม่ถึงนาที  ก็ยังไม่ยอมเลย”  เสียงบ่นหงุงหงิงที่ยักษ์เริ่มชินดังขึ้นใกล้มาก   ดูท่าอีกฝ่ายจะไม่ได้ระมัดระวังตัวอะไรเลย  ไม่รู้ด้วยว่าคนที่หลับตายื่นใบหน้าไปให้ทำแผลนั้นคิดอะไรอยู่ตอนนี้

            ...ชักอยากรู้แล้วสิ  ว่าเนื้อปลาริวกิวจะหวานหรือเปล่า

            แล้วหวานเพราะน้ำตาลที่เคลือบเอาไว้ หรือว่าหวานจากเนื้อแท้กันนะ..

            “เสร็จแล้วครับ”   ไออุ่นที่อยู่ใกล้ๆผละออกไป  ยักษ์ลืมตาขึ้นเห็นอีกฝ่ายกำลังเอียงคอมองท่อนแขนของเขาอย่างสนใจ  เขาเลยยกแขนขึ้นมาดู  เพิ่งสังเกตเหมือนกันว่ามีรอยบาดของหญ้าเป็นริ้วๆเต็มไปหมด

            “ของเธอก็มีเหมือนกัน”  ยักษ์เอื้อมมือไปจับแขนเรียวของอีกฝ่ายมาพลิกดู   ผิวของฝ่ายนั้นใสจนเห็นเส้นเลือดชัดตัดกับรอยแดงๆเป็นเส้นๆ  “ผิวบางแบบนี้ตอนอาบน้ำคงแสบแย่”  ริ้วรอยบนแขนขาของริวเยอะกว่าของเขาเสียอีก

            “เดี๋ยวก็หายครับ”  ริวตอบ  ดึงแขนกลับ  หันไปถือกล่องยาขึ้นมา  “ผมกลับก่อนนะครับ  พรุ่งนี้เฮียเริ่มงานกี่โมงครับ”

            “มาเจอกันที่นี่แปดโมงแล้วกัน”  เฮียยักษ์พูด  โบกมือเป็นเชิงไล่เขาออกจากห้อง  “กลับบ้านไปได้แล้ว  ไอ้โอมรอจนหลับแล้วมั้ง”

            ร่างของลูกน้องออกไปจากห้องแล้ว  ยักษ์เอนหลังลงพิงพนักเก้าอี้ด้วยความรู้สึกปลอดโปร่งกว่าเดิม  บางทีอาจจะเกี่ยวกับที่แผลเย็บของเขาสะอาด  เปลี่ยนผ้าก๊อซใหม่เอี่ยมอ่อง   ชายหนุ่มยิ้มมุมปาก  ลุกขึ้นไปหยิบแฟ้มงานที่กองสุมมาทำต่อ 

เขาเป็นคนบ้างาน...นี่เป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่เขายังโสดมาจนป่านนี้ล่ะมั้ง 

นึกถึงนัยน์ตาเป็นประกายของเด็กน้อยยามมองไปทาง ‘พี่โอม’  แล้ว  ยักษ์ก็หัวเราะออกมาเบาๆ  หันไปมองปฏิทินที่ตั้งเอาไว้บนโต๊ะ  วันมะรืนมีรอยปากกาสีแดงวงเอาไว้เตือนไม่ให้เขาลืมวันสำคัญ...ของผู้หญิงคนสำคัญในชีวิตของเขา

ถ้อยคำที่รุ่นน้องคนสนิทถามว่าเขา ‘ชอบ’ ริวงั้นหรือทำให้ยักษ์พ่นลมหายใจออกมา  มุมปากยกขึ้นเป็นรอยยิ้มที่ตรงข้ามกับความรู้สึกในใจอย่างสิ้นเชิง  ก่อนจะหัวเราะออกมาอีก

หัวเราะให้กับความรัก

...

“ขอบคุณพี่โอมมากเลยนะครับที่มาส่ง”  ริวหันไปยกมือไหว้ขอบคุณรุ่นพี่ที่อาสาขับมาส่งจนถึงแฟลต  เขาหิ้วถุงของฝากต่างๆก้าวลงจากรถ

“ยินดีครับ  ไม่ต้องเกรงใจนะเราคนกันเอง   แล้วพรุ่งนี้ริวไปที่ทำงานยังไง”

            “รถเมล์ครับ”

            “ขาเจ็บไม่ใช่เหรอ  เดี๋ยวพี่มารับดีกว่า  เจอกันตรงนี้เจ็ดโมงนะครับ”

            “เอ่อ...ขอบคุณครับ”  ลาภินไม่ปฏิเสธ  จะปฏิเสธทำไมในเมื่อข้างในใจของเขาตอบรับไปแล้วเรียบร้อย  ส่งยิ้มโบกมือลาให้กับรุ่นพี่ที่ขับรถเก๋งคันนั้นออกไป  อดสงสัยไม่ได้ว่าฝ่ายนั้นจะเอารถอะไรมารับเขาในเมื่อฟอร์จูนเนอร์คันเก่งก็เข้าอู่ไปแล้ว

            ชายหนุ่มหมุนตัวเดินขึ้นบันไดแฟลตอย่างระมัดระวัง  ข้อเท้าเริ่มปวดขึ้นมาคงเพราะหมดฤทธิ์ยา  คืนนี้เขาคงต้องประคบอีกสักหน่อย  เดินกระย่องกระแย่งขึ้นไปจนถึงห้อง  เจ้าบาจาเดินนวยนาดเข้ามาหาเขาพร้อมส่งเสียงร้องเมี้ยวทักทาย

            “หิวล่ะสิ  วันนี้มีปลาทอด...ไม่ใช่ปลาทูนะ  เป็นปลากะพงเชียวล่ะ”

            เขาฉีกเนื้อปลาคลุกข้าวให้แมวกิน   อดคิดไม่ได้ว่าเกิดเป็นเจ้าบาจาก็ดีเหมือนกัน  มีอาหารให้กินสบายๆไม่ต้องออกไปเสี่ยงตายอย่างเขา  คิดแล้วก็ขำที่ดูเหมือนเจ้านายของเขาจะเข้าใจว่าเจ้าบาจาเป็นคน  ไม่ใช่สัตว์หน้าขนที่เขาเลี้ยงเอาไว้เป็นเพื่อน  และเขาก็ไม่คิดจะแก้ความเข้าใจผิดนั้น

            ลุกขึ้นไปเก็บของกินที่เหลือเข้าตู้  ย่นจมูกให้ห่อปลาริวกิวกับข้าวหลามที่เหลืออีกบ้องใหญ่นั้นนิดหนึ่ง   จัดทุกอย่างเก็บเข้าที่เสร็จก็ค่อยไปอาบน้ำชำระร่างกาย  แผลหญ้าบาดพอโดนสบู่เข้าก็แสบผิวจริงๆตามที่อีกฝ่ายบอกเอาไว้  ....แต่รายนั้นคงไม่แสบหรอก  หนังหนาออกอย่างนั้น

            กลับออกมาในชุดนอนเก่าๆใส่สบาย  ริวประคบข้อเท้าต่ออีกหน่อยจนรู้สึกดีขึ้นแล้วจึงเข้านอน   ไม่รู้เลยว่าด้านล่างแฟลตที่เขาอาศัยอยู่มาตั้งแต่จำความได้นั้นมีผู้ชายสองคนเดินมาด้อมๆมองๆพลางเงยหน้าขึ้นมาจ้องมองหน้าต่างห้องเขาที่ปิดไฟมืดแล้ว

            ผู้ชายสองคนนั้นก้มลงดูรูปในมือ  เป็นรูปถ่ายคนสองคน  คนหนึ่งร่างสูงใหญ่เหมือนยักษ์ข่มให้คนข้างๆตัวเล็กลงไปจากความเป็นจริง  ทั้งคู่ยืนอยู่หน้าร้านส้มตำรถเข็นข้างทาง

            เขายกโทรศัพท์ขึ้นแนบหู

            “ครับนาย  ใช่คนที่อยู่กับคุณยิมครับ  ....ไม่ทราบครับ.....ได้ครับ”  ปลายสายกดวางไปแล้ว   เขาเงยหน้าขึ้นมองห้องที่ปิดไฟมืดนั้นอีกครั้ง   จากนั้นก็กวาดตามองสำรวจไปรอบๆชั้นล่างที่มียามแก่ๆนั่งสัปหงกอยู่ 

            เขาพยักหน้าให้กับเพื่อนที่มาด้วย  ก่อนจะเร้นกายหายไปในความมืดซึ่งเป็นงานถนัดของพวกเขาอยู่แล้ว

            ...



 มาอัพต่อจร้าาา  โปรดอย่าถามว่าทำไมช่วงนี้อัพบ่อย  มีเวลาต้องรีบเขียนค่าา 

ใครตามอ่านเรื่องนี้  ชอบเรื่องนี้อยุ่บ้าง แสดงตัวหน่อยน้าา  เม้นท์+โหวตเป็นกำลังใจให้ไรท์นะคะ   ขอบคุณมากกกก

เนื้อเรื่องของไรท์จะไปช้าๆหน่อยนะ  ปมเปิมอะไรก็เฉลยช้าๆ ไรท์โปรยปมเอาไว้เรี่ยร่ายบายทาง  กว่าจะไล่เฉลยหมดก็จบเรื่องพอดี5555  ถ้าใครไม่ชอบเเนวนี้ขออภัยด้วยยย  สำนวนมันก็จะแปลกๆหน่อย55

พระเอกนายเอกไรท์ก็จะมีปมในใจกันนิสนุงพอกรุบกริบ  ความรักสำหรับบางคนก็ได้มายากมาก  น่าสงสารนะคะ....นี่ชั้นเพ้ออะไร

ตอนนี้แอบเปิดตัวคุณยิมไปนิดๆ แง้มว่าคุณยิมแซ่บมากค่ะ  อยากเก็บเอาไว้กินคนเดียว (เดี๋ยวนะ55555)

ใครเล่นทวิต #แอบยักษ์ นะ  เป็นเรื่องที่สองต่อจาก #แอบลักษณ์

เจอกันตอนหน้าค่ะ

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7538
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
เอาละสิ มีคนตามมาถึงที่พักริวแล้ว
ริวจะถูกจับเป็นตัวประกันเพื่อแลกกับยักษ์ไม่ประมูลเลยรึ

คนรักยักษ์ แค่ขัดผลประโยชน์ถึงกับจะฆ่ายักษ์เลย

ยักษ์ คงรู้ว่าริวแอบชอบพี่โอมแล้ว
พี่โอม คงมีคนรักแล้วแหละ
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ azure

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 772
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-2
อุต๊ะ......เป็นห่วงนายเอกกับเจ้าบาจาจัง
จะโดนทำร้ายไหมเนี่ย :ling3:

ออฟไลน์ lazymonday

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 13
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
ใครจะมาทำอะไรรรรรรรรรรร

 :katai1: :katai1: :katai1:

ออฟไลน์ nolirin

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2755
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +274/-5
น้องริวจะปลอดภัยไหมหนอ

ออฟไลน์ PrimYJ

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3494
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3
น้องริวจะเป็นอันตรายไหมเนี่ย พี่ยักษ์มีปัญหากับใครอ่ะ

ออฟไลน์ cher7343

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1686
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +133/-4
ลุ้นแทนน้อง ยิ่งเจ็บขาอยู่
เอาอีกเยอะๆนะคะคนเขียน

ออฟไลน์ บูมเบส

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1740
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-4
พึ่งได้เข้ามาอ่านครับมาต่อบ่อยๆอ่ะดีแล้วครับ

ออฟไลน์ SiHong

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 484
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-2
น้องริวววววววว ไม่นะ

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8217
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11
 :hao7: :hao7: :hao7: ริวจะโดนไรไม่นะ  :ling1: :ling1: :ling1:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด