[เรื่องสั้น] Since the love song - จนกว่าจะถึงเพลงรัก 13 - Special [31.07.60]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: [เรื่องสั้น] Since the love song - จนกว่าจะถึงเพลงรัก 13 - Special [31.07.60]  (อ่าน 2865 ครั้ง)

ออฟไลน์ sunnandsky

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 22
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
Since the love song
จนกว่าจะถึงเพลงรัก
12

ความเย็นจากเครื่องปรับอากาศที่กำลังทำงานเต็มที่ทำให้คนที่โผล่เข้ามาในห้องนั่งเล่นห่อปาก เพราะกวินเพิ่งอาบน้ำเสร็จความเย็นจึงยังเกาะอยู่บนผิวกาย พอเข้ามาปะทะกับอากาศเย็นแบบโคตร ๆ ของเครื่องปรับอากาศที่น้องเสี่ยวมันปรับอุณหภูมิประหนึ่งจำลองว่าอยู่ที่ขั้วโลกจึงทำเอาตัวสั่นได้เหมือนกัน

“เปิดแอร์อะไรกันขนาดนี้ หนาวก็ลดแอร์ลงนิดนึงสิ” กวินมองคนที่ใส่เสื้อแขนยาวกางเกงขายาวถุงเท้าแถมยังเอาผ้าห่มพันตัวอยู่หน้าโทรทัศน์จอยักษ์ นริศส่ายหน้าเป็นคำตอบโดยไม่ยอมหันไปมองกวิน ดวงตาคู่คมจ้องเป๋งที่หน้าจอทำให้คนที่มีเพียงแค่เสื้อยืดกับกางเกงขาสั้นต้องเดินมาหยุดข้าง ๆ เพื่อดูว่าเจ้าตัวกำลังดูอะไร

“เฮ้ย! นี่ดูหนังผีเหรอ” สิ้นเสียงอุทานกวินคิดว่าเขาได้ยินเสียงครางหนัก ๆ มาจากก้อนผ้าห่มใกล้ตัว

“พี่อาบน้ำเสร็จแล้วก็ไปอ่านหนังสือต่อสิเหลือสอบอีกหนึ่งวิชาไม่ใช่เหรอ ผมสอบเสร็จแล้วจะดูหนัง” สั่งมาเป็นชุดโดยที่สองตายังจ้องภาพในจอ เจ้าของห้องเลยได้แต่ถอนหายใจ ดูหนังผีแต่เปิดไฟสว่างโร่ หมอนหนุน หมอนอิง หมอนข้าง มันเอามาวางกั้นรอบตัวจนรกไปหมด แทนที่จะไปฉลองที่สอบปลายภาคเสร็จกับเพื่อนแต่นริศกลับไปขนเอาแผ่นหนังที่ยังไม่ได้ดูทั้งหมดก่อนหน้านี้จากบ้านกอล์ฟมาแทนและมันก็เอามาไม่ต่ำกว่าหกเรื่อง กวินคิดว่ามันคงจะฉลองสอบเสร็จจนเครื่องเล่นดีวีดีพังเป็นแน่..

แต่พี่กวินคงไม่รู้ถึงเหตุผลที่แท้จริงว่าทำไมเขาถึงได้ยอมพลาดงานเลี้ยงที่เพื่อน ๆ จัดขึ้นเพื่อมนุษย์เสี่ยวอย่างคุณนริศคนนี้ พี่กวินรู้เพียงว่าวันนี้เพื่อน ๆ ของเขานัดกันไปเที่ยว ชวนแล้วชวนอีกเขาก็ไม่ยอมไปท่าเดียวเลยคิดเอาเองว่าคงไม่อยากไปเจอเหตุการณ์เหมือนคราวที่ไปทำไว้กับพี่สาวคนสวยที่ชื่อบัวตองอะไรนั่นจนถูกตามตื้ออยู่เกือบสัปดาห์ แต่ความจริงแล้วเขาเลี่ยงที่จะไปเป็นพระเอกของงานโดยไม่เต็มใจต่างหาก ก็ไอ้งานเลี้ยงวันนี้ที่เพื่อนของเขาพากันไปร้านที่หรูที่สุดของย่านนี้ได้ก็เป็นเพราะว่าไอ้พวกที่ได้เงินจากการพนันเรื่องของเขากับรุ่นพี่ร่วมคณะอย่างคุณชายกวินมันเอาเงินส่วนนั้นพากันไปเลี้ยง เล่นใหญ่ถึงขนาดตั้งชื่องานว่า ‘งานเลี้ยงสละโสด(ครั้งสุดท้าย)ของนายนริศ’ ต่อให้ได้รับเกียรติเลือกให้เป็นเจ้าของงานแต่ให้ตายเขาก็ไม่ไป! แล้วไอ้พวกที่เป็นตัวตั้งตัวตีมันจะมีใครถ้าไม่ใช่เพื่อนสุดที่รักอย่างไอ้กอล์ฟและก็เพื่อนที่เรียนคลาสเดียวกันทั้งหลาย รวมไปถึงน้องรหัสแสนร้ายกาจอย่างแพรวแล้วก็แฟนมันนั่นแหละ..

“ผมดูหนังแบบนี้พี่อ่านหนังสือรู้เรื่องมั้ย” กวินหันไปมองคนถามแล้วยกยิ้มน้อย ๆ นางเอกหวีดร้องทุกสองนาทีแบบนี้แล้วที่สำคัญไอ้คนดูยังสะดุ้งเฮือก ๆ ตลอดเวลาคิดว่าเขาจะเอาใจไปจดจ่อกับตำราได้อยู่มั้ยล่ะ

“ไม่รู้เรื่องหรอก เดี๋ยวฉันไปอ่านในห้องนอนก็ได้” ได้ยินดังนั้นเด็กกำลังจะถูกทิ้งก็ท้วงขึ้นทันที

“อ้าว...ผมก็ต้องนั่งดูอยู่ข้างนอกคนเดียวสิ” กวินพยักหน้าให้กับคนที่เพิ่งกดหยุดเครื่องเล่นไว้ชั่วขณะ ใบหน้าคมมุ่ยลงด้วยความไม่สบอารมณ์

“ก็ฉันจะอ่านหนังสือ นายจะดูหนังก็ดูไป”

“ก็มันเป็นหนังผี ผมนึกว่าพี่จะไปนั่งอ่านที่โต๊ะริมหน้าต่าง น่า..นั่งอ่านข้างนอกเป็นเพื่อนผมหน่อยนะ”

“แล้วจะรู้เรื่องมั้ยล่ะ” กวินย้อนถามคนที่นั่งจุ้มปุ๊กตาแป๋วในผ้าห่ม

“งั้นไม่ดูแล้วก็ได้ เดี๋ยวพี่สอบเสร็จค่อยมาดูพร้อมกันดีกว่าเนาะ” ว่าจบก็สะบัดผ้าห่มออกจากตัว นริศกดปิดเครื่องเล่นโดยไม่ได้เอาแผ่นออก จากนั้นจึงเดินไปเปิดโน้ตบุ๊คที่วางอยู่ข้าง ๆ คอมพิวเตอร์เครื่องใหญ่ของกวินที่เชื่อมต่ออุปกรณ์ที่เกี่ยวกับการแต่งเพลงไว้ด้วยแล้วหันมายิ้มเผล่ให้กับเจ้าของห้อง

“พี่อ่านหนังสือไปนะ ผมจะเล่นเกมเป็นเพื่อน” เห็นดังนั้นกวินก็เลยยอมเออออตามไปด้วย คนตัวเล็กเดินไปนั่งที่โต๊ะหนังสือริมหน้าต่างที่มองเห็นบรรยากาศด้านนอก กวินเห็นตัวเองยิ้มเป็นภาพสะท้อนบนกระจกที่ฉากหลังมืดสนิท ความสุขที่เกิดขึ้นดูเหมือนว่าจะจับต้องได้จริง ๆ หนังสือเล่มหนาที่วางตรงหน้ากลายเป็นเรื่องเล็กน้อยไปทันทีเมื่อรู้ว่าต่อให้ดึกแค่ไหนแต่คืนนี้กวินก็ยังมีใครอีกคนนั่งเป็นเพื่อนกัน..

ตั้งแต่ที่นิคบอกเขาว่า..‘จะพิสูจน์ให้เห็น--อยากให้พี่เป็นฝ่ายได้รับอย่างที่ผมได้รับ’ นับแต่วันนั้นคุณชายเธอก็เริ่มปฏิบัติการ‘พิสูจน์’คำพูดตัวเองด้วยการดูแลเอาใจใส่กวินเป็นอย่างดี คิดแล้วก็ยังแอบขำตอนที่หมอนั่นพยายามจะทำอาหารง่าย ๆ ให้เขากินตอนที่เขาบ่นว่าหิวแต่ไม่มีแรงทำอะไรแล้วหลังจากเจอข้อสอบของศาสตราจารย์ภานุเมื่อสองวันก่อน

พอกลับมาถึงห้องกวินก็ทิ้งตัวกองแหมะกับโซฟาแล้วเผลอหลับไป ผ่านไปครู่หนึ่งก็สะดุ้งตื่นเพราะได้ยินเสียงคล้ายกับว่าใครกำลังทำอาหารอยู่ที่ครัว พอลุกขึ้นมาดูก็พบว่าน้องเสี่ยวสุดที่รักกำลังยืนคนอะไรบางอย่างอยู่หน้าเตา แต่ประเด็นคือเคาน์เตอร์ครัวของกวินเต็มไปด้วยเศษซากผักที่ถูกเด็ดเอาแต่ส่วนที่ดีไปใช้ เปลือกเต้าหู้ เนื้อไก่ที่ดูเหมือนว่าจะกระเด็นออกจากแพ็คสำเร็จรูปตอนที่ถูกแงะ กำลังจะอ้าปากถามถึงความสกปรกที่เกิดขึ้นฝ่ายนั้นก็หันมายิ้มระรื่นให้เสียก่อนจนกวินโกรธไม่ลง

“ผมทำข้าวต้มเพิ่มพลังให้พี่ เหมือนที่พี่เคยทำให้ผมกินตอนที่ผมไม่สบายไง” กวินพยักหน้าแล้วเดินไปยืดคอมองข้าวต้มในหม้อ ข้าวต้มเหรอ..อืม เจ้าตัวคนทำมันก็บอกว่านี่คือข้าวต้มกวินก็จะลองเชื่อว่ามันคือข้าวต้ม(ก็ได้) อาหารในหม้อดูน่า..กิน เพราะอย่างน้อยกลิ่นมันก็หอม แค่คิดกำลังจะชมว่าน้ำซุปมันหอมดีสายตาก็เหลือบไปเห็นกล่องใส่ซุปก้อนที่นอนแอ้งแม้งในขยะ คนตัวเล็กสูดลมหายใจลึกแล้วลึกอีก ถ้ากวินทำซุป ซุปก้อนที่ใส่ อย่างมากปริมาณที่กินแค่สองคนก็ใส่แค่ก้อนเดียว แต่กล่องซุปที่มันอยู่ในขยะถึงห้ากล่องนั่นมันคืออะไร.. หมายความว่ายังไงครับไอ้คุณนริศ

“นายใส่ซุปก้อนไปกี่ก้อน” พ่อครัวคนใหม่หันมายิ้มแฉ่งให้แล้วตอบด้วยความภาคภูมิใจจนกวินอยากจะเดินไปโทรเรียกรถฉุกเฉินมาจอดรอ “ห้าครับ มันเหลือในตู้เย็นแค่ห้าก้อน ผมเลยใส่แค่นี้ ไม่รู้จะอร่อยหรือเปล่า ความจริงอยากลงไปซื้อเพิ่มแต่กลัวพี่จะหิวไปมากกว่านี้” ฟังจากที่พูด นิคคงจะเข้าใจว่าถ้าใส่ซุปก้อนเยอะมันก็จะยิ่งอร่อยใช่ไหม?

“นิค ซุปก้อนปกติเขาใส่กันแค่ก้อนเดียว หลังจากนั้นเราค่อยปรุงอย่างอื่นเพิ่ม..” คิ้วเข้มขมวดมุ่นทันทีที่ได้ยิน ชายหนุ่มตักซุปขึ้นมาแล้วหันไปมองกวิน

“งั้นก็หมายความว่าที่ผมทำมันกินไม่ได้น่ะสิ” กวินส่ายหน้าเมื่อเห็นแววตาผิดหวังของคนตัวสูง

“ก็กินได้ เพียงแต่เราอาจจะต้องใส่น้ำเพิ่มเข้าไปเยอะอีกหน่อย เฮ้ย อย่าทำหน้าแบบนั้นสิ มานี่มาเดี๋ยวฉันทำต่อเอง” ทัพพีในมือหนาถูกส่งต่อให้คนตัวเล็กกว่าก่อนที่พ่อครัวใหญ่จะเป็นฝ่ายถอยออกมายืนดู

“ทั้งที่ตั้งใจจะทำให้พี่แท้ ๆ แต่ผมก็ทำให้พี่ลำบากอีกแล้ว” น้ำเสียงที่ฟังแบบไหนก็เต็มไปด้วยความน้อยใจทำให้กวินต้องหันไปหาอีกฝ่าย

“แค่ที่นายทำตอนนี้ฉันก็ดีใจแล้ว อันไหนไม่ถนัดก็ไม่ต้องทำไว้ช่วยทำอันที่ถนัดก็ได้ ล้างจาน ขัดห้องน้ำ ล้างรถ เยอะแยะแหนะ” ว่าจบก็ตบฝ่ามือลงบนแผ่นอกคนที่ยืนข้างกันเบา ๆ “ขอบคุณนะ..”
 
ใบหน้าน่ารักยิ่งเผยรอยยิ้มกว้างเมื่อคิดมาถึงตรงนี้ คนตัวเล็กสลัดความคิดที่รบกวนจิตใจออกก่อนจะก้มลงจดจ่อกับหนังสือตรงหน้าสลับกับการทวนเนื้อหาสำคัญในช็อตโน้ต กวินเหลือสอบอีกแค่เพียงหนึ่งวิชาในวันมะรืนแล้วหลังจากนั้นก็จะเรียนจบอย่างเป็นทางการ เห็นนิวโทรมาบอกว่าถ้าสอบเสร็จแล้วให้นัดวันกันให้พร้อม เพราะพี่ใหม่จะเลี้ยงฉลองเรียนจบให้ คืนนั้นพี่ใหม่จะยกเวทีให้เปิดคอนเสิร์ตกันเต็มที่ ทั้งฉลองเรียนจบ เลี้ยงส่งพี่มิคและพีชที่จะไปเรียนต่อ ดูท่าคืนนั้นเขาคงจะได้เมาไม่รู้เรื่องอีกแน่ ๆ แต่จะห่วงอะไรในเมื่อต่อให้เมายังไงเขาก็ยังคงมีคนดูแล และพอคิดไปถึงเรื่องนี้ก็เป็นเหตุให้รอยยิ้มของกวินยิ่งกว้างขึ้นอีกเท่าตัว..

วันที่นิวโทรมาเขารับไม่ทันเพราะอาบน้ำอยู่ ตอนที่ออกมาจากห้องน้ำก็เห็นว่านริศคุยโทรศัพท์อยู่ที่โซฟาพอเขาเดินเข้าไปหาฝ่ายนั้นก็ยื่นโทรศัพท์มาให้บอกว่านิวจะคุยด้วย หลังจากคุยธุระกับนิวเสร็จกวินก็ส่งโทรศัพท์คืนให้เจ้าของ แต่จะด้วยความบังเอิญหรืออะไรก็สุดรู้เหตุการณ์เหมือนตอนที่อยู่บนเกาะก็กลับมาอีกครั้งเมื่อปลายนิ้วของกวินดันเลื่อนไปบนหน้าจอแล้วโฟลเดอร์ ‘Mine’ ในโทรศัพท์ของเจ้าตัวก็ปรากฏขึ้นมา นริศที่ยื่นหน้ามาเจอพอดีก็รีบหยิบโทรศัพท์ไปจากมือของเขาทั้งที่ยังไม่ได้เปิดเข้าไปในโฟลเดอร์แต่กวินกลับหัวเราะคิกคักปิดบังความขัดเขิน เห็นอย่างนั้นนิคจึงจ้องหน้าเขาด้วยความสงสัย..

“หัวเราะอะไร” กวินกัดปากแต่ก็ยังไม่ยอมบอก ทำให้อีกฝ่ายต้องขยับเข้ามานั่งจนชิดจากนั้นจึงวาดแขนมาโอบเอวคนตัวเล็กกว่าไว้

“พี่กวิน...พี่เห็นอะไรในนั้นใช่มั้ย” นิคไม่ได้โง่ แค่เห็นใบหน้าสีระเรื่อของคนที่นั่งข้างกันเขาก็รู้ว่าความลับของเขาถูกพบเข้าแล้ว

“อือ..ก็เห็น”

“ตั้งแต่เมื่อไหร่”

“ก็..ตั้งแต่ที่ไปทะเล ตอนที่พี่นัทโทรมา ฉันรับโทรศัพท์นายพอจะเก็บมือมันก็ไปโดนแบบนี้แหละ” คราวนี้คนที่หน้าขึ้นสีไม่ได้มีเพียงแค่กวิน นิคกลั้นยิ้มไม่ไหวสุดท้ายก็หัวเราะออกมา รูปที่ครั้งแรกตั้งใจเพียงจะถ่ายไว้แกล้งใครบางคน แต่สุดท้ายกลับเป็นรูปที่เขาหวงแหนมากที่สุด..

ถึงตอนนี้กวินคงรู้แล้วว่ารูปที่เขาแอบถ่ายในเช้าวันนั้นมันไม่ได้มีอยู่แค่เพียงในเครื่องเล่นอย่างที่เจ้าตัวเห็น รูปเซตนั้นเขาตั้งใจจะถ่ายให้คนนอนดูหน้าตาตลกมากที่สุด..ก็กวินขนาดตอนที่นอนหลับไม่รู้เรื่องหน้าตายังน่ารักจนน่าหมั่นไส้ ถ่าย ๆ ไปเห็นแก้มกลม ๆ ก็เลยอยากรู้ว่าหอมขนาดไหน ด้วยความหมั่นไส้ปนกับความอะไรซักอย่างที่เขาเองก็บอกไม่ถูกในเวลานั้นนริศก็เลยเปลี่ยนจากการเก็บรูปด้วยเครื่องเล่นเพลงเป็นมาโทรศัพท์เพราะยังไม่อยากให้อีกฝ่ายเห็นว่าเขาแอบทำอะไรลงไป กะว่าจะเอารูปนั้นกลับมาแกล้งให้อายแต่สุดท้ายก็ทำไม่ลงแถมยังเป็นตัวเองที่อายแล้วต้องเก็บไว้จนมิด

รูปที่เขาแอบหอมแก้มกวิน..

“นายนี่ขี้ขโมยชะมัดเลย..”

นิคมองคนที่ยังนั่งอมยิ้มแล้วจึงกดจมูกลงกับแก้มเนียนแก้เขิน ซึ่งความจริงแล้วมันก็คงไม่ได้ทำให้ทั้งเขาและกวินหยุดเขินได้แต่ในเมื่อกวินเป็นฝ่ายเริ่มก็ต้องรับผิดชอบ..

“พี่ทำให้ผมเขินจนทำอะไรไม่ถูก..” ฟังที่นิคพูดแล้วกวินก็ขมวดคิ้ว แล้วมันใช่เหตุผลที่ต้องมาหอมแก้มเขามั้ยล่ะ กำลังจะเถียงกลับไปอีกฝ่ายก็รีบพูดแทรกขึ้นมาก่อนและคราวนี้กวินก็ทำได้เพียงแค่นั่งเงียบจริง ๆ

“เมื่อกี้ผมเขินนิดเดียวนะ แต่ถ้าพี่พูดอีกผมจะเขินหนักกว่านี้แล้วผมก็จะยิ่งทำอะไรไม่ถูกหนักขึ้นไปอีก”
 
สุดท้ายเวลาอ่านหนังสือของกวินก็ยังคงถูกใครอีกคนรบกวนอยู่ดี คนตัวเล็กอ่านช็อตโน้ตไปเรื่อย ๆ พร้อมกับเปิดหนังสือประกอบไปด้วย ใบหน้าน่ารักกลับมาแลดูคร่ำเคร่งเมื่ออ่านไปถึงบทเรียนที่อยู่ท้าย ๆ มือเล็กที่ใช้เปิดหนังสือยกขึ้นมาทุบที่ต้นคอเบา ๆ เพื่อให้คลายความเมื่อยล้าจากการจดจ่อกับตัวหนังสือ นั่งยุกยิกเพราะความล้าสักพักเสียงคุ้นหูก็ดังมาให้ได้ยิน

“นมอุ่น ๆ ครับ” แก้วนมสีขาวถูกยื่นมาตรงหน้า กวินยิ้มรับความเอาใจใส่ของนิคจนแก้มแทบปริ คนตัวเล็กยกนมในแก้วขึ้นจิบแล้วพบว่ารสชาติดีไม่แพ้ตอนที่อยู่ในกล่อง นิคคงเทนมใส่แก้วแล้วเอาไปอุ่นในไมโครเวฟก่อนจะเอามาให้กวินดื่ม

“ขอบใจนะ แล้วนายไม่ดื่มเหรอ หิวหรือเปล่าเดี๋ยวฉันทำอะไรให้กินเอามั้ย” คนตัวสูงส่ายหน้าไปมาขณะที่สองมือก็นวดไหล่ให้กวินไปด้วย เห็นดังนั้นกวินก็ยกแก้วนมขึ้นดื่มรวดเดียวหมดแล้วคนที่ยกมันมาก็เอาแก้วเปล่าไปถือไว้เตรียมเอาไปล้าง

“พี่อ่านหนังสือต่อเถอะ ผมไม่กวนแล้วครับ” ว่าจบนิคก็โน้มตัวลงไปกดจมูกกับศีรษะของคนที่นั่งอยู่ สูดเอาความหอมจากผมนุ่มฟอดเพื่อใหญ่เติมพลังให้ตัวเองบ้างแล้วจึงเดินไปที่ครัว กวินเงยหน้าขึ้นมองตัวเองในกระจก วินาทีนี้กวินเชื่อแล้วว่าความสุขมันจับต้องได้จริง ๆ

จากที่เคยเป็นแค่ผู้ให้ แต่วันนี้เขายังเป็นฝ่ายที่ได้รับ แต่สำหรับนริศแล้วเจ้าตัวคงไม่รู้ว่าได้เป็นฝ่ายที่ให้เขามานานแค่ไหน รอยยิ้ม เสียงหัวเราะหรือเพียงแค่การนั่งเงียบ ๆ ด้วยกันสิ่งเหล่านั้นคือความสุขที่เขาได้

ความสุขที่นริศเป็นฝ่ายแบ่งปันโดยไม่รู้ตัว..

คนตัวเล็กสอดที่คั่นหนังสือไว้ตรงหน้าที่อ่านค้างแล้วลุกขึ้นยืนบิดตัวคลายความเมื่อยล้าก่อนจะเดินไปที่ซิงค์ล้างจานที่ใครอีกคนยืนอยู่ตรงนั้น เท้าเล็กขยับไปจนชิดคนที่ยืนล้างแก้วอยู่ก่อนจะสอดแขนเข้าไปกอดเอวหนาไว้แล้วซุกใบหน้าลงกับแผ่นหลังอบอุ่น

“นิค..” เจ้าของชื่อเลื่อนสายตาจากแก้วที่ล้างอยู่มาเป็นมือเล็กที่วางบนหน้าท้อง ความอบอุ่นที่ถ่ายทอดให้แก่กันและกันมันกำลังแผ่นซ่านไปทั่วทั้งใจ นริศวางแก้วในมือที่เพิ่งล้างเสร็จลงแล้วจึงหมุนตัวกลับมาหาคนที่กอดเขาไว้จากด้านหลัง สองแขนเลื่อนสอดเข้าหาเอวบางแล้วกอดอีกฝ่ายกลับ ตอบรับเสียงเรียกจากคนที่นาน ๆ จะอ้อนเขาสักที

“ครับ..”

“ขอบคุณนะ” มือหนาลูบเบา ๆ บนกลุ่มผมนุ่มที่ซุกอยู่กลางอก นึกแปลกใจกับคำขอบคุณที่มาแบบไม่ได้ตั้งตัวนริศกัดริมฝีปากชั่งใจก่อนจะถามในเรื่องที่อยากรู้มากที่สุดในตอนนี้

“ทำไมพี่ถึงรักผม พี่รักผมเพราะอะไร..” นริศละมือที่กอดกวินออกก่อนจะค่อย ๆ ประคองใบหน้าของคนตัวเล็กให้เงยขึ้นมาสบตากัน “บอกผมได้มั้ยครับ”

ใบหน้าที่เคยขาวนวลบัดนี้เปลี่ยนเป็นสีแดงจัดจนคนมองนึกเอ็นดู หัวใจของนริศเต้นเป็นจังหวะถี่หนักในยามที่สบตากับกวิน ก่อนหน้านี้เขาไม่เคยใส่ใจมองจึงไม่เห็น แต่วันนี้เขาเห็นแล้วว่าในดวงตาคู่นี้เต็มไปด้วยรัก

“ไม่ใช่ว่ารักเพราะอะไร..แต่เป็นเพราะความรักต่างหาก ที่ผ่านมา ทุกอย่างที่ฉันทำไปทั้งหมดก็เพราะรัก..” รอยยิ้มอ่อนจางที่ประดับอยู่บนดวงหน้าหวานเด่นชัดขึ้นเมื่อคนตัวเล็กยืดตัวเข้ามาก่อนแตะริมฝีปากลงบนมุมปากของนริศ แผ่วเบา อ่อนหวาน ทว่าซ่านลึกไปทั้งอก..

“เพราะรัก ถึงได้ทำ..” เพียงเท่านั้นนริศก็โน้มใบหน้าเข้าหาคนตัวเล็กอีกครั้ง ชายหนุ่มแตะริมฝีปากลงกับมุมปากหยักงอนอย่างที่กวินทำเมื่อครู่ แล้วเอ่ยความในใจชิดริมฝีปากเล็ก “ผมก็รักพี่ครับ”

ท้ายประโยคกลืนหายพร้อมกับที่นริศเลื่อนริมฝีปากเข้าทาบทับกลีบปากบาง ชายหนุ่มค่อย ๆ บดเบียดลงไปกระทั่งรู้สึกถึงความหวานติดปลายลิ้น วางฝ่ามือประคองท้ายทอยสวยเพื่อเก็บเกี่ยวความรักที่กำลังงอกงามระหว่างเรา จูบที่เกิดขึ้นท่ามกลางโลกของเราสองคน ไม่ต้องมีแสงไฟหรูหรา  ไม่ต้องตกแต่งบรรยากาศให้สวยงาม แค่มีเพียงข้าวของเครื่องใช้ของเรา มีครัวที่กวินใช้ทำอาหารให้นริศ มีโทรทัศน์ที่เรานั่งดูเป็นเพื่อนกัน มีเตียงที่เรานอนด้วยกัน มีเพียงห้องที่เราอยู่ด้วยกันในทุก ๆ วัน มีเท่านั้นก็พอ..
 
 
คงจะมีรักจริงรออยู่ ที่ดินแดนใดสักแห่ง..
บนโลกใบใหญ่ของนริศอาจจะมีเส้นทางหลากหลายให้เลือกเดิน
 
คงมีใครซักคนรออยู่ ตรงนั้น..
หลังจากหลงทางใช้ชีวิตลองผิดลองถูกอยู่นาน
 
คงมีความหมายใด ซ่อนอยู่ในการรอคอยที่แสนนาน..
วันหนึ่งคนโลกกว้างก็พบว่ามีทางลัดพิเศษที่เชื่อมต่อไปยังอีกโลกหนึ่ง
 
คงจะมีซักวันฉันคงได้เจอ..
โลกที่เข้าไปอยู่แล้วทำให้รู้ว่าความสุขที่แท้จริงเป็นเช่นไร โลกใบเล็ก ๆ ใบนั้น..
 
ข้ามขอบฟ้าหรือขุนเขา ข้ามแผ่นน้ำทะเลกว้างใหญ่ ฉันจะไปหาเธอ..
โลกแคบ ๆ ของกวิน...
 

END~







 o18

และแล้วก็ถึงวันของเพลงรัก ;)
#เด็กเสี่ยกวิน
เจอกันในตอนพิเศษ

ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1
รอตอนพิเศษด้วยใจจดจ่อ..ขอหวานๆเบาหวานขึ้นตาเลยนะ   :impress: :impress: :impress:

ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4991
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7

ออฟไลน์ lnwgreankak

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 30
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
เรื่องสั้น แต่มายาวเลยนะเนี่ย
รอตอนพิเศษด้วยคน

ออฟไลน์ sunnandsky

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 22
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
Since the love song
จนกว่าจะถึงเพลงรัก
Special

“มันเป็นไรอะ” ท่าทางหงุดหงิดงุ่นง่านของเพื่อนร่วมแก๊งทำเอาคนที่นั่งคำนวณผลแล็ปอยู่ชักเซ็งจนต้องเปิดปากถามให้รู้เรื่องกันไปข้าง เกื้อเพ่งตามองอาการที่แลดูว่าจะคุ้น ๆ ของเพื่อนรักด้วยความสงสัย

“โดนทิ้ง” คราวนี้เพื่อนอีกสองคนถึงกับเงยหน้าขึ้นมาสบตากันเมื่อมีผู้รู้อาสาบอกถึงสาเหตุอาการหมาบ้าเข้าสิงพระเอกของแก๊ง

“โดนทิ้งเนี่ยนะ” เสียงกระซิบของเบสไม่ได้เบาเลยเมื่อคิดว่าคนที่กำลังถูกนินทานั่งหน้าบูดอยู่มุมห้อง

“อือ เมื่อคืนโทรมาคร่ำครวญกับฉันบอกว่าถูกพี่กวินทิ้ง” คราวนี้เพื่อนอีกสองคนทำตาโตยิ่งกว่าไข่ห่าน นิวยกมือทาบอกส่ายหน้ารัว ๆ ราวกับจะบอกว่าเป็นไปไม่ได้ เกื้อปรายตามองไปทางมุมห้องนิดนึงแล้วจึงยื่นหน้าเข้าไปหาเพื่อนอีกสองคน

“สงสัยว่าพี่กวินคงจะทนมันไม่ได้”

“ก็ว่าอยู่ สองสามวันมานี้ไม่เห็นคุยโทรศัพท์กันเลย” เบสออกความเห็นบ้าง ก็ทุกทีถ้ามาที่ชมรมก่อนกลับบ้านนิคมันต้องโทรไปถามพี่กวินทุกครั้งว่าจะกินอะไรจะซื้อไปให้ นี่สงสัยว่าพี่กวินจะไล่ออกมาจากห้องแล้ว

“เสียดายว่ะ คบกันมาได้เกือบปีนานกว่าทุกคนเลยนะเว้ย”

“พี่กวินนี่ความอดทนสูงโคตร ๆ เป็นฉันหน่อยไม่ได้ เอาแต่ใจขี้งอนเป็นเด็กแบบนี้ฉันเขี่ยทิ้งตั้งแต่สามอาทิตย์แรกแล้ว” และแก๊งนินทาขาประจำชมรมดนตรีก็ยังคงวิเคราะห์หาสาเหตุการถูกพี่กวินเขี่ยทิ้งของนิคต่อไประหว่างที่รอสมาชิกชมรมคนอื่น ๆ โดยไม่ได้สนใจว่าไอ้คนที่นั่งซึมอยู่มุมห้องจะได้ยินไปเท่าไหร่แล้ว

“เมื่อก่อนอยู่ด้วยกันทุกวัน มาเรียนด้วยกัน ก็ไปด้วยกันได้ แต่พอพี่กวินไปทำงานเขาก็ต้องมีสังคมใหม่ ๆ ใช่มั้ยล่ะ แถมที่ร้านงานก็เยอะ หลัง ๆ มาขยายร้านมาเป็นโรงเรียนสอนดนตรีอีก คงไม่มีเวลาให้นิคมันแล้วล่ะ”

อาการเงียบของนริศยังคงดำเนินไปเรื่อย ๆ และเพื่อนร่วมชมรมก็ยังคงแลกเปลี่ยนความคิดเห็นไปเรื่อย ๆ ประธานชมรมคืออะไร? ต้องเกรงใจมั้ย? อย่าได้ถาม ถ้าการได้รับเลือกขึ้นมาเป็นประธานชมรมแล้วจะมีสิทธิ์ไม่ต้องถูกนินทาไอ้เด็กชมรมนี้มันคงแย่งชิงตำแหน่งกันตายไปข้าง แต่ทุกวันนี้หลายคนโดยเฉพาะเด็กใหม่ ๆก็ยังเห็นว่าประธานชมรมนอกจากมีหน้าที่เป็นผู้นำของชมรมแล้วยังต้องสามารถเป็นหัวข้อให้สมาชิกชมรมเอามานินทาด้วยอีกประการ

“อีกไม่กี่อาทิตย์ก็จะเรียนจบแล้วแท้ ๆ ไม่น่ามาถูกทิ้งก่อนเลย”

“พี่กวินอาจจะทนไม่ไหวแล้วจริง ๆ ไง เลยต้องเขี่ยทิ้งให้เรียบร้อยก่อนที่มันจะจบ”

ยิ่งพูดก็เหมือนชีวิตประธานชมรมจะยิ่งรันทด รุ่นน้องอีกสองคนที่เข้ามาเป็นมือกีตาร์รับช่วงต่อจากมิคและกวินที่จบไปแล้วเดินเข้าห้องมาก็รู้สึกถึงบรรยากาศอึมครึมทันที อึมครึมหนึ่งดูเหมือนว่าจะเกิดจากวงสนทนากลางห้อง อึมครึมสองน่าจะมาจากประธานชมรมที่อยู่มุมห้อง เด็กปีสองยกมือไหว้รุ่นพี่แล้วจึงไปเตรียมอุปกรณ์สำหรับซ้อมเต็มวงเพราะดูเหมือนว่าสมาชิกรุ่นพี่ที่มาถึงก่อนไม่มีแก่ใจจะทำอะไรทั้งนั้น

“พี่เกื้อครับ เพลงใหม่ที่จะใช้ซ้อมวันนี้ผมยังไม่มีโน้ต” แล้วในที่สุดก็ต้องเดินเข้าไปถามเกื้อที่กำลังนั่งคุยอะไรสักอย่างอย่างเมามันกับนิวและเบส เกื้อเงยหน้ามองรุ่นน้องที่เดินเข้ามาถามหาโน้ตเพลงแล้วก็เลยนึกได้ว่าควรจะเริ่มซ้อมได้แล้วถึงแม้ว่ามือกลองจะยังไม่มา

“เบส ธรมันไปไหนอะ ทำไมมาช้า” เบสยกนาฬิกาข้อมือขึ้นดูก่อนจะตอบคำถาม

“เดี๋ยวก็มาแล้วล่ะ เห็นบอกว่าไปเอางานกับอาจารย์ที่ปรึกษา” เกื้อพยักหน้ารับรู้แล้วจึงหยิบเอาซองใส่โน้ตเพลงออกมาค้นแล้วจึงนึกได้ว่าเพลงใหม่ที่ว่าคือเพลงที่ฝากให้พี่กวินแกะ เพราะงั้นโน้ตเพลงมันต้องอยู่ที่ไอ้ประธานชมรมที่กำลังนั่งซึมอยู่ที่มุมห้อง

“รอแป็บนะเดี๋ยวพี่ถามให้พอดีโน้ตเพลงอยู่ที่ไอ้นิค” เด็กรุ่นน้องผงกหัวรับทราบแล้วเดินกลับไปนั่งที่เดิมขณะที่เกื้อก็ยื่นหน้าเข้ามาปรึกษาเพื่อนอีกสองคน

“โน้ตเพลงที่จะใช้เล่นวันนี้คือเพลงที่เราฝากไอ้นิคไปให้พี่กวินแกะ เพราะงั้นเราควรจะถามมันเลยมั้ย” นิวกับเบสสบตากันแล้วจึงหันไปมองเกื้อเป็นตาเดียว เกื้อยกมือขึ้นตบหน้าผากแถมด้วยเบ้ปากอีกนิดหน่อย ให้กูเสี่ยงตายตลอด!!
       
“นิค..” เรียกนำไปก่อนรอดูสถานการณ์และเมื่อฝ่ายนั้นหันมาเลิกคิ้วถามว่าเรียกทำไมเกื้อจึงยิ้มเผล่
       
“มึงเอาโน้ตเพลงที่ฝากไปให้พี่กวินแกะมามั้ย พอดีมันต้องใช้วันนี้” เกื้อคิดว่าคำว่าพี่กวินต้องมีอิทธิพลไม่มากก็น้อยเพราะทันทีที่ได้ยินนิคก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่ ไอ้หมอนั่นมันไม่ได้พูดอะไรแต่ก้มหน้าลงไปค้นกระเป๋าแล้วหยิบโน้ตเพลงออกมา จากนั้นจึงลุกขึ้นยืนบิดขี้เกียจแล้วเดินเอามาส่งให้เกื้อตรงกลางห้อง
             
“จะซ้อมเลยมั้ย ซ้อมเสร็จจะได้รีบกลับ” ได้ยินสิ่งที่ท่านประธานพูดแต่ละคนก็หรี่ตามองกัน แฟนก็ไม่มีแล้วจะรีบกลับไปไหน
           
“รีบกลับไปไหน” นิวเงยหน้าขึ้นมาถามคนที่ยืนค้ำหัวอยู่
             
“เออ นั่นดิ รีบกลับไปไหน” เกื้อสำทับไปอีกคน คราวนี้นิคจึงพ่นลมหายใจเฮือกใหญ่
           
“จะสอบแล้วไม่อ่านหนังสือกันหรือไง หรือว่าเก่งแล้วถึงมานั่งนินทาชาวบ้านได้..” นิคเหยียดยิ้มใส่ตาเพื่อนอีกสามคนก่อนจะพูดต่อ
                 
“อ้อ แล้วอีกอย่างผมไม่ได้ถูกบอกเลิกนะครับ พี่กวินไปทำธุระที่ญี่ปุ่นกับครอบครัวแค่ห้าวัน อีกสองวันก็กลับมาแล้ว ที่สำคัญเรายังรักกันดี” ว่าจบก็เดินไปหยิบไมค์พร้อมขาตั้งมาวางเตรียมพร้อมสำหรับการซ้อมในวันนี้ ชายหนุ่มจัดการเสียบสายทดสอบเสียงเสร็จจึงพูดใส่ไมค์ให้ได้ยินกันทั่ว
             
“ให้เวลาอึ้งอีกหนึ่งนาที เสร็จแล้วก็เริ่มซ้อมนะครับ!”
 


เมื่อกลับมาถึงห้องนิคก็ต้องแปลกใจที่ไฟเปิดสว่างโร่ พอเลื่อนสายตาไปตรงหน้าโซฟาก็พบว่ามีกองกระเป๋าเดินทางวางอยู่ เมื่อเปิดประตูห้องนอนเข้าไปก็ได้ยินเสียงเหมือนคนอาบน้ำในห้องน้ำ...พี่กวินกลับมาแล้ว

จากที่คิดว่าคืนนี้ต้องนอนห่อเหี่ยวกอดตัวเองใบหน้าหล่อจัดที่แบกรับความคิดถึงไว้มากเกินไปจนดูหมองเศร้ากลับมีรอยยิ้มเติมแต่งจนดวงตาเป็นประกาย นิควางข้าวของที่แบกมาจากมหาวิทยาลัยไว้ที่ข้างโต๊ะทำงานแล้วจึงเดินไปล้างมือเตรียมอุ่นอาหารสำหรับกินสองคน

กลิ่นอาหารหอมฟุ้งลอยมาแตะจมูกทันทีที่กวินเดินออกมาจากห้องนอน ท่าทางของคนตัวสูงที่ยืนอยู่ตรงหน้าเตาดูทะมัดทะแมงกว่าแต่ก่อนมาก กวินค่อย ๆ เดินเข้าไปหาอีกฝ่ายเมื่อถึงตัวก็สอดแขนเข้าไปกอดเอวคุณพ่อครัวไว้ ใบหน้าเล็กเกลือกไปมาบนแผ่นหลังกว้างด้วยความคิดถึง นิคยิ้มเมื่อรู้สึกถึงกอดจากคนที่ยืนซ้อนอยู่ด้านหลัง ร่างสูงหมุนตัวกลับมาหาแล้วจึงยกแขนขึ้นมากอดกวินบ้าง

“คิดถึงพี่จัง” กวินอมยิ้มแล้วรัดแขนให้แน่นเข้า

“ฉันก็คิดถึงนาย”

“พี่กินข้าวมาหรือยังครับ” คนตัวเล็กในอ้อมกอดส่ายหน้าไปมาเป็นคำตอบ

“วันนี้อยากกลับมากินข้าวกับนาย ความจริงพ่อยังไม่กลับจากญี่ปุ่นหรอก แต่งานเสร็จแล้วเลยหนีมาก่อน” ได้ยินแบบนั้นนริศก็ยิ้มกว้าง คำตอบของกวินทำให้เขารู้สึกดี ทั้งที่ทำใจไว้แล้วว่าคงต้องผ่านวันนี้ไปโดยไม่ได้ทำอะไรแต่สุดท้ายกวินก็กลับมา

“งั้นกินด้วยกันนะ ผมทำเผื่อพี่แล้วด้วย” กวินผละตัวออกมาก่อนจะมองว่านริศกำลังทำอะไรให้กิน ร่างเล็กหันไปหาคนที่ยืนข้าง ๆ

“นายไปอาบน้ำเถอะเดี๋ยวฉันทำต่อเอง ออกมาก็เสร็จพอดี” เมื่อเห็นว่ามีคนมารับช่วงต่อแล้วคุณพ่อครัวที่ฝึกปรือฝีมือมาเกือบ ๆ ปีก็ถอดผ้ากันเปื้อนออกแล้วใส่มันให้กับคนตัวเล็ก เห็นแก้มกลม ๆ แล้วนิคอยากจะหอมสักฟอดให้หายคิดถึงแต่ก็ต้องยั้งใจไว้ก่อนเพราะเนื้อตัวและใบหน้าเต็มไปด้วยเหงื่อ เมื่อคนตัวเล็กหันไปสนใจกับซุปในหม้อแล้วนิคจึงเดินเข้าห้องนอนไปเพื่อจัดการชำระล้างร่างกาย
 
ความสุขที่ลดลงไปกว่าครึ่งในช่วงสองสามวันที่ผ่านมากลับมาฟุ้งเต็มห้องเหมือนเดิมแล้ว รอยยิ้มฝืดเฝื่อนบัดนี้มันกระจายเต็มสองแก้มเมื่อเห็นว่ากวินกำลังจัดอาหารบนโต๊ะ ความอิ่มเอมกระจายไปทั่วทั้งร่างเมื่อนิคตระหนักว่าสิ่งที่เขากำลังทำอยู่ตอนนี้คือการใช้ชีวิตร่วมกับใครอีกคน

เราอยู่ด้วยกันมานาน นานมากกว่าเวลาที่เราคบหากัน เพราะอย่างนั้นเราจึงเป็นทุกอย่างของกันและกัน เริ่มจากการเป็นรุ่นพี่รุ่นน้องเราก็กลายมาเป็นเพื่อน แล้วก็มาเป็นคนสนิทกัน จนสุดท้ายเราก็เป็นคนรัก แล้ววันนี้ก็ครบรอบหนึ่งปีพอดีที่เราใช้ชีวิตด้วยกันในฐานะคนรัก

ตอนแรกที่กวินมาบอกว่าต้องไปญี่ปุ่นกับคุณพ่อห้าวัน นิคเองก็ทำใจแล้วว่าเจ้าตัวคงกลับมาไม่ทันวันนี้แน่ ๆ แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ไม่ได้เป็นเรื่องคอขาดบาดตาย วันนี้เมื่อปีที่แล้วอาจจะสำคัญเพราะมันมีความทรงจำที่ดีอยู่ แต่สำหรับนิคแล้วการได้อยู่กับกวินไม่ว่าวันไหนก็สำคัญทั้งนั้น เรามีความทรงจำดี ๆ ร่วมกันทุกวัน ต่อให้วันไหนที่เราทะเลาะกันถึงอย่างนั้นมันก็ยังน่าจดจำ ทุกอย่างที่เกี่ยวกับกวิน ทุกอย่างระหว่างเรา นิคจำมันได้ทั้งหมด

กลิ่นหอมของอาหารที่วางอยู่เต็มโต๊ะทำให้นิคเริ่มหิวขึ้นมาจริง ๆ ชายหนุ่มเดินไปหยุดตรงเก้าอี้ของตัวเองแล้วมองกับข้าวแต่ละอย่างที่กวินนำมาวาง

“หอมจัง” คนตัวเล็กที่กำลังตักข้าวอยู่หันมายิ้ม นิคเดินไปรับจานข้าวมาวางบนโต๊ะแล้วหยิบเอาน้ำมาเทใส่แก้วเมื่อเห็นว่าทุกอย่างพร้อมแล้วจึงเริ่มกินข้าวมื้อเย็น

“ผมเห็นเพื่อนคนอื่นเขาพาแฟนไปกินข้าววันที่ครบรอบหนึ่งปีกันในร้านหรู ๆ แต่เรากลับกินกันแบบนี้..” กวินเงยหน้าจากจานข้าวขึ้นมามองคนพูด

“คนอื่นเขาพาแฟนไปกินอาหารที่ใครก็ไม่รู้ทำ แต่สำหรับเรา เราช่วยกันทำแล้วเราก็กินด้วยกัน อาหารพวกนี้มันเต็มไปด้วยความรักของเรา..พี่ว่างั้นมั้ยครับ” กวินกัดปากกลั้นยิ้ม หากแต่แววตาของเจ้าตัวเต็มไปด้วยประกายของความตื้นตัน

“เสี่ยว..” คำเดียวสั้น ๆ ที่คิดออกในเวลานี้ ฝ่ายคนโดนว่าได้ยินแบบนั้นก็หัวเราะ หลัง ๆ มาถ้ากวินพูดคำว่าเสี่ยวใส่นิคนั่นแปลว่าเจ้าตัวกำลังเขินจนทำอะไรไม่ถูก

“อ้าววว ถ้าไม่เพราะความเสี่ยวเราจะได้มากินข้าววันครบรอบหนึ่งปีด้วยกันมั้ยล่ะ พี่ยอมรับมาเถอะว่าหลงรักความเสี่ยวของผมน่ะ” ใบหน้าหล่อจัดยื่นเข้าไปใกล้คนที่นั่งฝั่งตรงข้ามอีกนิด

“หน้าตาดีกว่านี้ก็อาจจะมี แต่เสี่ยวแบบนี้มีคนเดียวนะครับ” กวินหัวเราะคิกแต่กลับพูดอะไรไม่ออก คนตัวเล็กใช้ส้อมจิ้มเนื้อหมูยื่นไปตรงหน้าเด็กเสี่ยว

“กินเข้าไปเยอะ ๆ ไม่งั้นจะหมดแรงเสี่ยว..” นิคมองเนื้อที่อีกฝ่ายยื่นมาให้แล้วจึงอ้าปากรับ ความสุขที่สร้างขึ้นได้ง่าย ๆ โดยไม่ต้องไปแสวงหาจากที่อื่น เราอยู่ด้วยกันตรงนี้ ในห้องนี้ คุยกัน เล่นกัน แบ่งปันสิ่งต่าง ๆ แก่กัน มันคือการร่วมทุกข์ร่วมสุข นิคไม่รู้ว่าวันข้างหน้าเราจะมีความสุขแบบนี้มั้ย แต่วันนี้ เวลานี้ เพราะมีกวินอยู่ตรงนี้นิคถึงได้เป็นผู้ชายที่มีความสุข


หลังอาหารมื้อเย็นในวันครบรอบที่คบกันมาหนึ่งปี นิคก็กลับไปคร่ำเคร่งอ่านหนังสือบนโต๊ะทำงานของกวิน ส่วนเจ้าของโต๊ะก็กำลังนั่งรื้อกระเป๋าเดินทางอยู่ตรงหน้าโซฟา กวินแยกเสื้อผ้าที่จะซักไปไว้เป็นกอง ๆ เสร็จแล้วจึงเอาไปใส่ตะกร้า จากนั้นจึงเก็บของให้เขาที่ ขนมที่ซื้อมาฝากนิคก็จัดการเอาใส่ตู้เย็นไว้ เมื่อหันไปมองนาฬิกาอีกทีก็พบว่าเกือบจะเที่ยงคืนแล้ว กวินมองคนที่กำลังคร่ำเคร่งกับการอ่านหนังสือเตรียมสอบปลายภาคแล้วจึงคลี่ยิ้มบาง คนตัวเล็กเดินไปที่ตู้เย็นอีกรอบแล้วหยิบเอานมออกมาเทใส่แก้วนำไปอุ่นในไมโครเวฟแล้วจึงยกไปให้นิคที่โต๊ะริมหน้าต่าง

“อะ เพิ่มพลัง” นิคมองแก้วนมแล้วก็เงยหน้ามายิ้มขอบคุณคนใจดี มือหนาเกี่ยวเอาแว่นสายตาออกจากดั้งจมูกไปวางบนโต๊ะแล้วจึงหันมากอดเอวคนที่ยืนอยู่ข้าง ๆ เอาใบหน้าซุกเข้ากับพุงของกวินจนคนถูกกอดจั๊กจี๋

“ดื่มนมก่อนสิ เดี๋ยวมันหายอุ่น”

“นมเดี๋ยวค่อยดื่มก็ได้ครับ แต่ตอนนี้ขอกอดก่อนเพราะเพิ่มพลังเหมือนกัน” ว่าจบก็รัดแขนเข้ากับเอวเล็กให้แน่นเข้า จากนั้นนิคก็ลุกขึ้นยืนทั้งที่แขนอีกข้างยังกอดเอวกวินไว้ อีกมือก็ยกนมแก้วนั้นขึ้นซดรวดเดียวหมด เสร็จแล้วจึงเอื้อมมือไปปิดโคมไฟแล้วพากวินมานั่งที่โซฟาส่วนตัวเองเดินเลยเอาแก้วนมไปล้างที่ซิงค์น้ำ ล้างแก้วเรียบร้อยแล้วจึงกลับมาหาคนที่นั่งจ๋องรออยู่ที่โซฟา

“พี่ง่วงแล้วใช่มั้ย” เห็นตาปรือ ๆ ปรอย ๆ ของคนตัวเล็กแล้วนิคก็เลยดึงอีกฝ่ายขึ้นมายืน เดินทางข้ามประเทศแบบนี้แล้วยังมานั่งเป็นเพื่อนเขาอ่านหนังสืออยู่จนดึกกวินจะทำให้เขารักไปถึงไหน

“ไปนอนกันดีกว่าเนาะ” ว่าจบก็เดินไปปิดไฟแล้วจูงเอาคนง่วงเข้าห้องนอน

กวินคลานขึ้นเตียงไปก่อน ปล่อยให้อีกฝ่ายเดินไปเปิดแอร์แล้วปิดไฟ ความง่วงดูจะเข้าจู่โจมกวินอย่างรวดเร็วเพราะทันทีที่หัวถึงหมอนคนตัวเล็กก็หลับไป นิคนั่งมองคนที่นอนซุกหน้ากับหมอนบนเตียงแล้วจึงก้มตัวไปสูดเอาความหอมจากพวงแก้มเนียนใส ยังไม่ทันได้บอกราตรีสวัสดิ์ก็หนีไปวิ่งเล่นในความฝันก่อนแล้ว

ท่าทางเหมือนเด็กกำลังนอนทำให้นิคคิดไปถึงครั้งแรกที่ได้เจอกับกวิน จำได้ว่าเขานั่งเล่นอยู่ใต้ตึกกับเพื่อนร่วมชั้นอีกสองสามคนขณะที่รอเรียนวิชาต่อไป ตอนนั้นเขายังอยู่ปีหนึ่งแล้วก็เป็นต้นเทอม นั่งคุยกันอยู่ดี ๆ ก็มีผู้ชายตัวเล็กคนหนึ่งวิ่งเข้ามาใต้ตึก ท่าทางหันซ้ายหันขวาเหมือนกำลังหาใครอยู่ดูสะดุดตาพอ ๆ กับเสื้อยืดกับกางเกงขาสามส่วน ใบหน้าขาวมีสีเรื่อน่ามองจากการออกแรงวิ่ง ดวงตากลมโตที่มองไปทางโน้นทีทางนี้ทีทำให้เขาเผลอมองอยู่นานจนเพื่อนที่นั่งข้างกันอย่างกอล์ฟแซวขึ้นมาเพราะเขาเงียบไปไม่ตอบคำถามของหมอนั่น

“สเป็คมึงเป็นแบบนี้เหรอวะนิค”

“แบบไหน”

“เด็กมัธยม..” นิคพ่นลมหายใจฟู่ใหญ่พลางหันไปมองเด็กคนนั้นอีกครั้ง ดูเหมือนว่าเจ้าตัวเองก็คงได้ยินที่กอล์ฟพูด ใบหน้าหวานเรื่อสีขึ้นจัดกว่าเก่าเห็นแบบนั้นนิคจึงต้องตัดไฟแต่ต้นลม ไม่ได้หรอกเขาเองก็พอจะรู้ว่าหน้าตาไม่ได้กระจอกงอกง่อย เกิดเด็กมาติดใจตามตื้อจะเกิดกรณีพรากผู้เยาว์ไปก็เท่านั้น

“กูไม่ชอบเด็ก..” พูดไปด้วยความจงใจให้ฝ่ายนั้นได้ยิน นิคแอบเห็นว่าริมฝีปากเล็กเม้มแน่นแต่ยังไม่ทันที่เด็กคนนั้นจะได้ทำอะไรก็มีเสียงทักทายมาจากบันได รุ่นพี่ผู้ชายร่างท้วมที่เขาจำได้ว่าเป็นประธานนักศึกษาปีสองหิ้วเอากระเป๋ากีตาร์เดินเข้ามาหาเด็กคนนั้นแล้วส่งของในมือให้

“ขอโทษทีกวิน พอดีอาจารย์คุยเพลินไปนิดนึง เออ อย่าลืมแกะเพลงใหม่ด้วยนะ งานเลี้ยงเฟรชชี่วันอาทิตย์หน้าแล้ว ถือว่าเป็นของขวัญให้น้อง ๆ มัน” คนที่ถูกเรียกว่ากวินพยักหน้าเป็นจังหวะตามคำพูดของผู้ชายอีกคนพลางปรายตามองมายังกลุ่มเด็กปีหนึ่งเป็นระยะ

“ขอบใจมากพอร์ช งั้นเราไปก่อนนะแล้วเจอกันวันจันทร์หน้า” ว่าจบก็หมุนตัวเตรียมจะเดินออกไปแต่เมื่อนึกอะไรได้คนตัวเล็กจึงหันกลับไปยังโต๊ะที่เด็กปีหนึ่งนั่งอยู่

“น้องครับ..พี่จะบอกว่าพี่เองก็ไม่ชอบเด็กเหมือนกัน” ว่าจบเด็กที่ไม่เด็กก็เดินออกไปจากใต้ตึก ทิ้งให้เด็กปีหนึ่งนั่งอึ้งอยู่อย่างนั้น..
       
ผ่านมาสี่ปีกว่าแล้ว เด็กคนนั้นก็ยังดูน่ารักเหมือนครั้งแรกที่เจอ..

ร่างสูงสอดตัวลงนอนในผ้าห่มผืนนุ่มแล้วขยับตัวไปจนชิดร่างเล็ก กลิ่นหอมคุ้นเคยลอยมาแตะปลายจมูกให้รู้สึกดีเหมือนทุกครั้ง นริศมองคนตรงหน้าผ่านความสลัวในยามค่ำคืน ทุกอย่างที่เขาเคยไขว่คว้าถูกเติมเต็มด้วยความรักของกวิน ทั้งที่เคยคิดว่าคงไม่มีใครจะมาเข้าใจความเป็นเขาอีกแล้วแต่วันนี้นริศกลับพบว่ายังมีใครอีกคนที่เข้าใจตัวตนของเขาได้มากกว่าตัวเขาเอง ใครอีกคนที่เฝ้ามองเขามาตลอด ใครคนนั้นที่เขาเคยละเลยมองข้าม แต่วันนี้ใครคนนั้นกลับเป็นคนแรกที่เขามองเห็นท่ามกลางผู้คนมากมาย ใครคนที่ทำให้เขารักและอยากดูแลให้ดีที่สุด นริศยกตัวขึ้นแนบริมฝีปากลงบนหน้าผากมนของคนที่นอนข้างกัน ถ่ายทอดความรักผ่านจูบเล็ก ๆ เพื่อให้แน่ใจว่ากวินจะฝันดี..
       
“ฝันดีนะครับพี่กวิน..”

 END~

#เด็กเสี่ยกวิน

หมดก๊อกแล้วววววว
ขอบคุณที่เอ็นดูเสี่ยกับเสี่ยวมาตลอดนะคะ
ไว้เจอกันเรื่องใหม่...
ฝากได้ด้วยค่า


ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1

ออฟไลน์ aoihimeko

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3132
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +155/-9

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด