Since the love song
จนกว่าจะถึงเพลงรัก
12
ความเย็นจากเครื่องปรับอากาศที่กำลังทำงานเต็มที่ทำให้คนที่โผล่เข้ามาในห้องนั่งเล่นห่อปาก เพราะกวินเพิ่งอาบน้ำเสร็จความเย็นจึงยังเกาะอยู่บนผิวกาย พอเข้ามาปะทะกับอากาศเย็นแบบโคตร ๆ ของเครื่องปรับอากาศที่น้องเสี่ยวมันปรับอุณหภูมิประหนึ่งจำลองว่าอยู่ที่ขั้วโลกจึงทำเอาตัวสั่นได้เหมือนกัน
“เปิดแอร์อะไรกันขนาดนี้ หนาวก็ลดแอร์ลงนิดนึงสิ” กวินมองคนที่ใส่เสื้อแขนยาวกางเกงขายาวถุงเท้าแถมยังเอาผ้าห่มพันตัวอยู่หน้าโทรทัศน์จอยักษ์ นริศส่ายหน้าเป็นคำตอบโดยไม่ยอมหันไปมองกวิน ดวงตาคู่คมจ้องเป๋งที่หน้าจอทำให้คนที่มีเพียงแค่เสื้อยืดกับกางเกงขาสั้นต้องเดินมาหยุดข้าง ๆ เพื่อดูว่าเจ้าตัวกำลังดูอะไร
“เฮ้ย! นี่ดูหนังผีเหรอ” สิ้นเสียงอุทานกวินคิดว่าเขาได้ยินเสียงครางหนัก ๆ มาจากก้อนผ้าห่มใกล้ตัว
“พี่อาบน้ำเสร็จแล้วก็ไปอ่านหนังสือต่อสิเหลือสอบอีกหนึ่งวิชาไม่ใช่เหรอ ผมสอบเสร็จแล้วจะดูหนัง” สั่งมาเป็นชุดโดยที่สองตายังจ้องภาพในจอ เจ้าของห้องเลยได้แต่ถอนหายใจ ดูหนังผีแต่เปิดไฟสว่างโร่ หมอนหนุน หมอนอิง หมอนข้าง มันเอามาวางกั้นรอบตัวจนรกไปหมด แทนที่จะไปฉลองที่สอบปลายภาคเสร็จกับเพื่อนแต่นริศกลับไปขนเอาแผ่นหนังที่ยังไม่ได้ดูทั้งหมดก่อนหน้านี้จากบ้านกอล์ฟมาแทนและมันก็เอามาไม่ต่ำกว่าหกเรื่อง กวินคิดว่ามันคงจะฉลองสอบเสร็จจนเครื่องเล่นดีวีดีพังเป็นแน่..
แต่พี่กวินคงไม่รู้ถึงเหตุผลที่แท้จริงว่าทำไมเขาถึงได้ยอมพลาดงานเลี้ยงที่เพื่อน ๆ จัดขึ้นเพื่อมนุษย์เสี่ยวอย่างคุณนริศคนนี้ พี่กวินรู้เพียงว่าวันนี้เพื่อน ๆ ของเขานัดกันไปเที่ยว ชวนแล้วชวนอีกเขาก็ไม่ยอมไปท่าเดียวเลยคิดเอาเองว่าคงไม่อยากไปเจอเหตุการณ์เหมือนคราวที่ไปทำไว้กับพี่สาวคนสวยที่ชื่อบัวตองอะไรนั่นจนถูกตามตื้ออยู่เกือบสัปดาห์ แต่ความจริงแล้วเขาเลี่ยงที่จะไปเป็นพระเอกของงานโดยไม่เต็มใจต่างหาก ก็ไอ้งานเลี้ยงวันนี้ที่เพื่อนของเขาพากันไปร้านที่หรูที่สุดของย่านนี้ได้ก็เป็นเพราะว่าไอ้พวกที่ได้เงินจากการพนันเรื่องของเขากับรุ่นพี่ร่วมคณะอย่างคุณชายกวินมันเอาเงินส่วนนั้นพากันไปเลี้ยง เล่นใหญ่ถึงขนาดตั้งชื่องานว่า ‘งานเลี้ยงสละโสด(ครั้งสุดท้าย)ของนายนริศ’ ต่อให้ได้รับเกียรติเลือกให้เป็นเจ้าของงานแต่ให้ตายเขาก็ไม่ไป! แล้วไอ้พวกที่เป็นตัวตั้งตัวตีมันจะมีใครถ้าไม่ใช่เพื่อนสุดที่รักอย่างไอ้กอล์ฟและก็เพื่อนที่เรียนคลาสเดียวกันทั้งหลาย รวมไปถึงน้องรหัสแสนร้ายกาจอย่างแพรวแล้วก็แฟนมันนั่นแหละ..
“ผมดูหนังแบบนี้พี่อ่านหนังสือรู้เรื่องมั้ย” กวินหันไปมองคนถามแล้วยกยิ้มน้อย ๆ นางเอกหวีดร้องทุกสองนาทีแบบนี้แล้วที่สำคัญไอ้คนดูยังสะดุ้งเฮือก ๆ ตลอดเวลาคิดว่าเขาจะเอาใจไปจดจ่อกับตำราได้อยู่มั้ยล่ะ
“ไม่รู้เรื่องหรอก เดี๋ยวฉันไปอ่านในห้องนอนก็ได้” ได้ยินดังนั้นเด็กกำลังจะถูกทิ้งก็ท้วงขึ้นทันที
“อ้าว...ผมก็ต้องนั่งดูอยู่ข้างนอกคนเดียวสิ” กวินพยักหน้าให้กับคนที่เพิ่งกดหยุดเครื่องเล่นไว้ชั่วขณะ ใบหน้าคมมุ่ยลงด้วยความไม่สบอารมณ์
“ก็ฉันจะอ่านหนังสือ นายจะดูหนังก็ดูไป”
“ก็มันเป็นหนังผี ผมนึกว่าพี่จะไปนั่งอ่านที่โต๊ะริมหน้าต่าง น่า..นั่งอ่านข้างนอกเป็นเพื่อนผมหน่อยนะ”
“แล้วจะรู้เรื่องมั้ยล่ะ” กวินย้อนถามคนที่นั่งจุ้มปุ๊กตาแป๋วในผ้าห่ม
“งั้นไม่ดูแล้วก็ได้ เดี๋ยวพี่สอบเสร็จค่อยมาดูพร้อมกันดีกว่าเนาะ” ว่าจบก็สะบัดผ้าห่มออกจากตัว นริศกดปิดเครื่องเล่นโดยไม่ได้เอาแผ่นออก จากนั้นจึงเดินไปเปิดโน้ตบุ๊คที่วางอยู่ข้าง ๆ คอมพิวเตอร์เครื่องใหญ่ของกวินที่เชื่อมต่ออุปกรณ์ที่เกี่ยวกับการแต่งเพลงไว้ด้วยแล้วหันมายิ้มเผล่ให้กับเจ้าของห้อง
“พี่อ่านหนังสือไปนะ ผมจะเล่นเกมเป็นเพื่อน” เห็นดังนั้นกวินก็เลยยอมเออออตามไปด้วย คนตัวเล็กเดินไปนั่งที่โต๊ะหนังสือริมหน้าต่างที่มองเห็นบรรยากาศด้านนอก กวินเห็นตัวเองยิ้มเป็นภาพสะท้อนบนกระจกที่ฉากหลังมืดสนิท ความสุขที่เกิดขึ้นดูเหมือนว่าจะจับต้องได้จริง ๆ หนังสือเล่มหนาที่วางตรงหน้ากลายเป็นเรื่องเล็กน้อยไปทันทีเมื่อรู้ว่าต่อให้ดึกแค่ไหนแต่คืนนี้กวินก็ยังมีใครอีกคนนั่งเป็นเพื่อนกัน..
ตั้งแต่ที่นิคบอกเขาว่า..‘จะพิสูจน์ให้เห็น--อยากให้พี่เป็นฝ่ายได้รับอย่างที่ผมได้รับ’ นับแต่วันนั้นคุณชายเธอก็เริ่มปฏิบัติการ‘พิสูจน์’คำพูดตัวเองด้วยการดูแลเอาใจใส่กวินเป็นอย่างดี คิดแล้วก็ยังแอบขำตอนที่หมอนั่นพยายามจะทำอาหารง่าย ๆ ให้เขากินตอนที่เขาบ่นว่าหิวแต่ไม่มีแรงทำอะไรแล้วหลังจากเจอข้อสอบของศาสตราจารย์ภานุเมื่อสองวันก่อน
พอกลับมาถึงห้องกวินก็ทิ้งตัวกองแหมะกับโซฟาแล้วเผลอหลับไป ผ่านไปครู่หนึ่งก็สะดุ้งตื่นเพราะได้ยินเสียงคล้ายกับว่าใครกำลังทำอาหารอยู่ที่ครัว พอลุกขึ้นมาดูก็พบว่าน้องเสี่ยวสุดที่รักกำลังยืนคนอะไรบางอย่างอยู่หน้าเตา แต่ประเด็นคือเคาน์เตอร์ครัวของกวินเต็มไปด้วยเศษซากผักที่ถูกเด็ดเอาแต่ส่วนที่ดีไปใช้ เปลือกเต้าหู้ เนื้อไก่ที่ดูเหมือนว่าจะกระเด็นออกจากแพ็คสำเร็จรูปตอนที่ถูกแงะ กำลังจะอ้าปากถามถึงความสกปรกที่เกิดขึ้นฝ่ายนั้นก็หันมายิ้มระรื่นให้เสียก่อนจนกวินโกรธไม่ลง
“ผมทำข้าวต้มเพิ่มพลังให้พี่ เหมือนที่พี่เคยทำให้ผมกินตอนที่ผมไม่สบายไง” กวินพยักหน้าแล้วเดินไปยืดคอมองข้าวต้มในหม้อ ข้าวต้มเหรอ..อืม เจ้าตัวคนทำมันก็บอกว่านี่คือข้าวต้มกวินก็จะลองเชื่อว่ามันคือข้าวต้ม(ก็ได้) อาหารในหม้อดูน่า..กิน เพราะอย่างน้อยกลิ่นมันก็หอม แค่คิดกำลังจะชมว่าน้ำซุปมันหอมดีสายตาก็เหลือบไปเห็นกล่องใส่ซุปก้อนที่นอนแอ้งแม้งในขยะ คนตัวเล็กสูดลมหายใจลึกแล้วลึกอีก ถ้ากวินทำซุป ซุปก้อนที่ใส่ อย่างมากปริมาณที่กินแค่สองคนก็ใส่แค่ก้อนเดียว แต่กล่องซุปที่มันอยู่ในขยะถึงห้ากล่องนั่นมันคืออะไร.. หมายความว่ายังไงครับไอ้คุณนริศ
“นายใส่ซุปก้อนไปกี่ก้อน” พ่อครัวคนใหม่หันมายิ้มแฉ่งให้แล้วตอบด้วยความภาคภูมิใจจนกวินอยากจะเดินไปโทรเรียกรถฉุกเฉินมาจอดรอ “ห้าครับ มันเหลือในตู้เย็นแค่ห้าก้อน ผมเลยใส่แค่นี้ ไม่รู้จะอร่อยหรือเปล่า ความจริงอยากลงไปซื้อเพิ่มแต่กลัวพี่จะหิวไปมากกว่านี้” ฟังจากที่พูด นิคคงจะเข้าใจว่าถ้าใส่ซุปก้อนเยอะมันก็จะยิ่งอร่อยใช่ไหม?
“นิค ซุปก้อนปกติเขาใส่กันแค่ก้อนเดียว หลังจากนั้นเราค่อยปรุงอย่างอื่นเพิ่ม..” คิ้วเข้มขมวดมุ่นทันทีที่ได้ยิน ชายหนุ่มตักซุปขึ้นมาแล้วหันไปมองกวิน
“งั้นก็หมายความว่าที่ผมทำมันกินไม่ได้น่ะสิ” กวินส่ายหน้าเมื่อเห็นแววตาผิดหวังของคนตัวสูง
“ก็กินได้ เพียงแต่เราอาจจะต้องใส่น้ำเพิ่มเข้าไปเยอะอีกหน่อย เฮ้ย อย่าทำหน้าแบบนั้นสิ มานี่มาเดี๋ยวฉันทำต่อเอง” ทัพพีในมือหนาถูกส่งต่อให้คนตัวเล็กกว่าก่อนที่พ่อครัวใหญ่จะเป็นฝ่ายถอยออกมายืนดู
“ทั้งที่ตั้งใจจะทำให้พี่แท้ ๆ แต่ผมก็ทำให้พี่ลำบากอีกแล้ว” น้ำเสียงที่ฟังแบบไหนก็เต็มไปด้วยความน้อยใจทำให้กวินต้องหันไปหาอีกฝ่าย
“แค่ที่นายทำตอนนี้ฉันก็ดีใจแล้ว อันไหนไม่ถนัดก็ไม่ต้องทำไว้ช่วยทำอันที่ถนัดก็ได้ ล้างจาน ขัดห้องน้ำ ล้างรถ เยอะแยะแหนะ” ว่าจบก็ตบฝ่ามือลงบนแผ่นอกคนที่ยืนข้างกันเบา ๆ “ขอบคุณนะ..”
ใบหน้าน่ารักยิ่งเผยรอยยิ้มกว้างเมื่อคิดมาถึงตรงนี้ คนตัวเล็กสลัดความคิดที่รบกวนจิตใจออกก่อนจะก้มลงจดจ่อกับหนังสือตรงหน้าสลับกับการทวนเนื้อหาสำคัญในช็อตโน้ต กวินเหลือสอบอีกแค่เพียงหนึ่งวิชาในวันมะรืนแล้วหลังจากนั้นก็จะเรียนจบอย่างเป็นทางการ เห็นนิวโทรมาบอกว่าถ้าสอบเสร็จแล้วให้นัดวันกันให้พร้อม เพราะพี่ใหม่จะเลี้ยงฉลองเรียนจบให้ คืนนั้นพี่ใหม่จะยกเวทีให้เปิดคอนเสิร์ตกันเต็มที่ ทั้งฉลองเรียนจบ เลี้ยงส่งพี่มิคและพีชที่จะไปเรียนต่อ ดูท่าคืนนั้นเขาคงจะได้เมาไม่รู้เรื่องอีกแน่ ๆ แต่จะห่วงอะไรในเมื่อต่อให้เมายังไงเขาก็ยังคงมีคนดูแล และพอคิดไปถึงเรื่องนี้ก็เป็นเหตุให้รอยยิ้มของกวินยิ่งกว้างขึ้นอีกเท่าตัว..
วันที่นิวโทรมาเขารับไม่ทันเพราะอาบน้ำอยู่ ตอนที่ออกมาจากห้องน้ำก็เห็นว่านริศคุยโทรศัพท์อยู่ที่โซฟาพอเขาเดินเข้าไปหาฝ่ายนั้นก็ยื่นโทรศัพท์มาให้บอกว่านิวจะคุยด้วย หลังจากคุยธุระกับนิวเสร็จกวินก็ส่งโทรศัพท์คืนให้เจ้าของ แต่จะด้วยความบังเอิญหรืออะไรก็สุดรู้เหตุการณ์เหมือนตอนที่อยู่บนเกาะก็กลับมาอีกครั้งเมื่อปลายนิ้วของกวินดันเลื่อนไปบนหน้าจอแล้วโฟลเดอร์ ‘Mine’ ในโทรศัพท์ของเจ้าตัวก็ปรากฏขึ้นมา นริศที่ยื่นหน้ามาเจอพอดีก็รีบหยิบโทรศัพท์ไปจากมือของเขาทั้งที่ยังไม่ได้เปิดเข้าไปในโฟลเดอร์แต่กวินกลับหัวเราะคิกคักปิดบังความขัดเขิน เห็นอย่างนั้นนิคจึงจ้องหน้าเขาด้วยความสงสัย..
“หัวเราะอะไร” กวินกัดปากแต่ก็ยังไม่ยอมบอก ทำให้อีกฝ่ายต้องขยับเข้ามานั่งจนชิดจากนั้นจึงวาดแขนมาโอบเอวคนตัวเล็กกว่าไว้
“พี่กวิน...พี่เห็นอะไรในนั้นใช่มั้ย” นิคไม่ได้โง่ แค่เห็นใบหน้าสีระเรื่อของคนที่นั่งข้างกันเขาก็รู้ว่าความลับของเขาถูกพบเข้าแล้ว
“อือ..ก็เห็น”
“ตั้งแต่เมื่อไหร่”
“ก็..ตั้งแต่ที่ไปทะเล ตอนที่พี่นัทโทรมา ฉันรับโทรศัพท์นายพอจะเก็บมือมันก็ไปโดนแบบนี้แหละ” คราวนี้คนที่หน้าขึ้นสีไม่ได้มีเพียงแค่กวิน นิคกลั้นยิ้มไม่ไหวสุดท้ายก็หัวเราะออกมา รูปที่ครั้งแรกตั้งใจเพียงจะถ่ายไว้แกล้งใครบางคน แต่สุดท้ายกลับเป็นรูปที่เขาหวงแหนมากที่สุด..
ถึงตอนนี้กวินคงรู้แล้วว่ารูปที่เขาแอบถ่ายในเช้าวันนั้นมันไม่ได้มีอยู่แค่เพียงในเครื่องเล่นอย่างที่เจ้าตัวเห็น รูปเซตนั้นเขาตั้งใจจะถ่ายให้คนนอนดูหน้าตาตลกมากที่สุด..ก็กวินขนาดตอนที่นอนหลับไม่รู้เรื่องหน้าตายังน่ารักจนน่าหมั่นไส้ ถ่าย ๆ ไปเห็นแก้มกลม ๆ ก็เลยอยากรู้ว่าหอมขนาดไหน ด้วยความหมั่นไส้ปนกับความอะไรซักอย่างที่เขาเองก็บอกไม่ถูกในเวลานั้นนริศก็เลยเปลี่ยนจากการเก็บรูปด้วยเครื่องเล่นเพลงเป็นมาโทรศัพท์เพราะยังไม่อยากให้อีกฝ่ายเห็นว่าเขาแอบทำอะไรลงไป กะว่าจะเอารูปนั้นกลับมาแกล้งให้อายแต่สุดท้ายก็ทำไม่ลงแถมยังเป็นตัวเองที่อายแล้วต้องเก็บไว้จนมิด
รูปที่เขาแอบหอมแก้มกวิน..
“นายนี่ขี้ขโมยชะมัดเลย..”
นิคมองคนที่ยังนั่งอมยิ้มแล้วจึงกดจมูกลงกับแก้มเนียนแก้เขิน ซึ่งความจริงแล้วมันก็คงไม่ได้ทำให้ทั้งเขาและกวินหยุดเขินได้แต่ในเมื่อกวินเป็นฝ่ายเริ่มก็ต้องรับผิดชอบ..
“พี่ทำให้ผมเขินจนทำอะไรไม่ถูก..” ฟังที่นิคพูดแล้วกวินก็ขมวดคิ้ว แล้วมันใช่เหตุผลที่ต้องมาหอมแก้มเขามั้ยล่ะ กำลังจะเถียงกลับไปอีกฝ่ายก็รีบพูดแทรกขึ้นมาก่อนและคราวนี้กวินก็ทำได้เพียงแค่นั่งเงียบจริง ๆ
“เมื่อกี้ผมเขินนิดเดียวนะ แต่ถ้าพี่พูดอีกผมจะเขินหนักกว่านี้แล้วผมก็จะยิ่งทำอะไรไม่ถูกหนักขึ้นไปอีก”
สุดท้ายเวลาอ่านหนังสือของกวินก็ยังคงถูกใครอีกคนรบกวนอยู่ดี คนตัวเล็กอ่านช็อตโน้ตไปเรื่อย ๆ พร้อมกับเปิดหนังสือประกอบไปด้วย ใบหน้าน่ารักกลับมาแลดูคร่ำเคร่งเมื่ออ่านไปถึงบทเรียนที่อยู่ท้าย ๆ มือเล็กที่ใช้เปิดหนังสือยกขึ้นมาทุบที่ต้นคอเบา ๆ เพื่อให้คลายความเมื่อยล้าจากการจดจ่อกับตัวหนังสือ นั่งยุกยิกเพราะความล้าสักพักเสียงคุ้นหูก็ดังมาให้ได้ยิน
“นมอุ่น ๆ ครับ” แก้วนมสีขาวถูกยื่นมาตรงหน้า กวินยิ้มรับความเอาใจใส่ของนิคจนแก้มแทบปริ คนตัวเล็กยกนมในแก้วขึ้นจิบแล้วพบว่ารสชาติดีไม่แพ้ตอนที่อยู่ในกล่อง นิคคงเทนมใส่แก้วแล้วเอาไปอุ่นในไมโครเวฟก่อนจะเอามาให้กวินดื่ม
“ขอบใจนะ แล้วนายไม่ดื่มเหรอ หิวหรือเปล่าเดี๋ยวฉันทำอะไรให้กินเอามั้ย” คนตัวสูงส่ายหน้าไปมาขณะที่สองมือก็นวดไหล่ให้กวินไปด้วย เห็นดังนั้นกวินก็ยกแก้วนมขึ้นดื่มรวดเดียวหมดแล้วคนที่ยกมันมาก็เอาแก้วเปล่าไปถือไว้เตรียมเอาไปล้าง
“พี่อ่านหนังสือต่อเถอะ ผมไม่กวนแล้วครับ” ว่าจบนิคก็โน้มตัวลงไปกดจมูกกับศีรษะของคนที่นั่งอยู่ สูดเอาความหอมจากผมนุ่มฟอดเพื่อใหญ่เติมพลังให้ตัวเองบ้างแล้วจึงเดินไปที่ครัว กวินเงยหน้าขึ้นมองตัวเองในกระจก วินาทีนี้กวินเชื่อแล้วว่าความสุขมันจับต้องได้จริง ๆ
จากที่เคยเป็นแค่ผู้ให้ แต่วันนี้เขายังเป็นฝ่ายที่ได้รับ แต่สำหรับนริศแล้วเจ้าตัวคงไม่รู้ว่าได้เป็นฝ่ายที่ให้เขามานานแค่ไหน รอยยิ้ม เสียงหัวเราะหรือเพียงแค่การนั่งเงียบ ๆ ด้วยกันสิ่งเหล่านั้นคือความสุขที่เขาได้
ความสุขที่นริศเป็นฝ่ายแบ่งปันโดยไม่รู้ตัว..
คนตัวเล็กสอดที่คั่นหนังสือไว้ตรงหน้าที่อ่านค้างแล้วลุกขึ้นยืนบิดตัวคลายความเมื่อยล้าก่อนจะเดินไปที่ซิงค์ล้างจานที่ใครอีกคนยืนอยู่ตรงนั้น เท้าเล็กขยับไปจนชิดคนที่ยืนล้างแก้วอยู่ก่อนจะสอดแขนเข้าไปกอดเอวหนาไว้แล้วซุกใบหน้าลงกับแผ่นหลังอบอุ่น
“นิค..” เจ้าของชื่อเลื่อนสายตาจากแก้วที่ล้างอยู่มาเป็นมือเล็กที่วางบนหน้าท้อง ความอบอุ่นที่ถ่ายทอดให้แก่กันและกันมันกำลังแผ่นซ่านไปทั่วทั้งใจ นริศวางแก้วในมือที่เพิ่งล้างเสร็จลงแล้วจึงหมุนตัวกลับมาหาคนที่กอดเขาไว้จากด้านหลัง สองแขนเลื่อนสอดเข้าหาเอวบางแล้วกอดอีกฝ่ายกลับ ตอบรับเสียงเรียกจากคนที่นาน ๆ จะอ้อนเขาสักที
“ครับ..”
“ขอบคุณนะ” มือหนาลูบเบา ๆ บนกลุ่มผมนุ่มที่ซุกอยู่กลางอก นึกแปลกใจกับคำขอบคุณที่มาแบบไม่ได้ตั้งตัวนริศกัดริมฝีปากชั่งใจก่อนจะถามในเรื่องที่อยากรู้มากที่สุดในตอนนี้
“ทำไมพี่ถึงรักผม พี่รักผมเพราะอะไร..” นริศละมือที่กอดกวินออกก่อนจะค่อย ๆ ประคองใบหน้าของคนตัวเล็กให้เงยขึ้นมาสบตากัน “บอกผมได้มั้ยครับ”
ใบหน้าที่เคยขาวนวลบัดนี้เปลี่ยนเป็นสีแดงจัดจนคนมองนึกเอ็นดู หัวใจของนริศเต้นเป็นจังหวะถี่หนักในยามที่สบตากับกวิน ก่อนหน้านี้เขาไม่เคยใส่ใจมองจึงไม่เห็น แต่วันนี้เขาเห็นแล้วว่าในดวงตาคู่นี้เต็มไปด้วยรัก
“ไม่ใช่ว่ารักเพราะอะไร..แต่เป็นเพราะความรักต่างหาก ที่ผ่านมา ทุกอย่างที่ฉันทำไปทั้งหมดก็เพราะรัก..” รอยยิ้มอ่อนจางที่ประดับอยู่บนดวงหน้าหวานเด่นชัดขึ้นเมื่อคนตัวเล็กยืดตัวเข้ามาก่อนแตะริมฝีปากลงบนมุมปากของนริศ แผ่วเบา อ่อนหวาน ทว่าซ่านลึกไปทั้งอก..
“เพราะรัก ถึงได้ทำ..” เพียงเท่านั้นนริศก็โน้มใบหน้าเข้าหาคนตัวเล็กอีกครั้ง ชายหนุ่มแตะริมฝีปากลงกับมุมปากหยักงอนอย่างที่กวินทำเมื่อครู่ แล้วเอ่ยความในใจชิดริมฝีปากเล็ก “ผมก็รักพี่ครับ”
ท้ายประโยคกลืนหายพร้อมกับที่นริศเลื่อนริมฝีปากเข้าทาบทับกลีบปากบาง ชายหนุ่มค่อย ๆ บดเบียดลงไปกระทั่งรู้สึกถึงความหวานติดปลายลิ้น วางฝ่ามือประคองท้ายทอยสวยเพื่อเก็บเกี่ยวความรักที่กำลังงอกงามระหว่างเรา จูบที่เกิดขึ้นท่ามกลางโลกของเราสองคน ไม่ต้องมีแสงไฟหรูหรา ไม่ต้องตกแต่งบรรยากาศให้สวยงาม แค่มีเพียงข้าวของเครื่องใช้ของเรา มีครัวที่กวินใช้ทำอาหารให้นริศ มีโทรทัศน์ที่เรานั่งดูเป็นเพื่อนกัน มีเตียงที่เรานอนด้วยกัน มีเพียงห้องที่เราอยู่ด้วยกันในทุก ๆ วัน มีเท่านั้นก็พอ..
คงจะมีรักจริงรออยู่ ที่ดินแดนใดสักแห่ง..
บนโลกใบใหญ่ของนริศอาจจะมีเส้นทางหลากหลายให้เลือกเดิน คงมีใครซักคนรออยู่ ตรงนั้น..
หลังจากหลงทางใช้ชีวิตลองผิดลองถูกอยู่นาน คงมีความหมายใด ซ่อนอยู่ในการรอคอยที่แสนนาน..
วันหนึ่งคนโลกกว้างก็พบว่ามีทางลัดพิเศษที่เชื่อมต่อไปยังอีกโลกหนึ่ง คงจะมีซักวันฉันคงได้เจอ..
โลกที่เข้าไปอยู่แล้วทำให้รู้ว่าความสุขที่แท้จริงเป็นเช่นไร โลกใบเล็ก ๆ ใบนั้น.. ข้ามขอบฟ้าหรือขุนเขา ข้ามแผ่นน้ำทะเลกว้างใหญ่ ฉันจะไปหาเธอ..
โลกแคบ ๆ ของกวิน... END~
และแล้วก็ถึงวันของเพลงรัก
#เด็กเสี่ยกวิน
เจอกันในตอนพิเศษ