ตอนที่ 12
“เอ็งหยาบคาย!”
“ประชุมเป็นไงบ้างล่ะท่านเจ้าที่” ผมถามขึ้นในตอนที่กำลังเปิดเครื่องเกมแล้วเห็นทางหางตาว่าท่านเจ้าที่ปรากฏตัวขึ้นบนโซฟาด้านหลังผม คนโดนถามถอนหายใจยาว ยาวขนาดนี้แปลว่าเหนื่อยมาก “ดูเหนื่อยๆ นะ ไปทะเลาะกับฮิลลารีมาเหรอ? หรือโดนทรัมป์ไล่ออกจากพรรค?”
ผมแกล้งแซวพลางหันไปเลิกคิ้วมองท่านเจ้าที่อย่างกวนๆ แซวทั้งๆ ที่รู้ดีว่าอีกฝ่ายคงไม่เข้าใจหรอก แต่เจ้าตัวกลับตอบผมมาว่า “ฮิลลารีกับทรัมป์โดดประชุม ไม่ได้มา”
ผมนิ่งค้าง หันขวับไปมองท่านเจ้าที่ที่กำลังทำหน้าตายใส่ผม...รับมุกกันแบบนี้นี่หมายความว่ารู้แล้วเหรอว่าผมพูดถึงเรื่องอะไรอยู่? และผมคงทำหน้าเหวอหรือไงเนี่ยล่ะมั้ง เพราะท่านเจ้าที่หลุดหัวเราะออกมาเสียงดังลั่นบ้านเลย
“หน้าเอ็งตอนนี้ตลกชะมัด ฮ่าๆๆๆ”
“ชิ!” สุดท้ายผมเลยสบถใส่เบาๆ แล้วหันมาต่อเครื่องเกมให้เสร็จ วันนี้อยากเล่นเกมอ่ะ ไม่มีการบ้านด้วย สบายย
“แล้วนั่นเอ็งจะทำอะไร?”
“ปิ๊งหมูอยู่มั้ง” ผมตอบแบบกวนๆ เลยโดนฟาดผัวะเข้าที่หลังหัวหนึ่งที
“กวนตีนนะเอ็ง”
“โอ๊ย! มันเจ็บนะท่านเจ้าที่!!”
“ก็ฟาดให้เจ็บน่ะสิวะ พูดจาให้มันไพเราะกับข้าหน่อย ข้าเป็นพระภูมิเจ้าที่นะโว้ย”
ท่านเจ้าที่คลายเนกไทที่คอออก มองผมตาขวางก่อนจะเอนหลังพิงพนักโซฟาตัวน้อยของผมแล้วกางแขนกางขาออกด้วยความเมื่อยล้า...ผมลูบหลังหัวตัวเอง บ่นขมุบขมิบถึงแรงมือที่หนักเกินไปโดยพยายามไม่ให้อีกฝ่ายได้ยิน ขืนได้ยินผมอาจจะโดนฟาดอีกรอบก็ได้อ่ะดิ ทำร้ายร่างกายว่ะแม่ง จะฟ้องร้อง มีเบอร์สายตรงถึงบอสของท่านเจ้าที่ไหมวะ หรือหนังสือร้องเรียนก็ได้ ฮึ่ย!
ผมคว้าจอยส์เกมอันหนึ่งมาถือก่อนจะถอยหลังมานั่งที่โซฟา แต่เพราะท่านเจ้าที่นั่งกางแขนกางขาแบบเต็มพื้นที่ชนิดไม่เหลือไว้ให้คนอื่นได้นั่งบ้าง ผมก็เลยไม่มีที่นั่ง...คือโซฟาบ้านผมก็ไม่ได้ใหญ่อะไรนักไง นั่งได้สองคนพอดีเด๊ะ แล้วพอผู้ชายตัวสูงใหญ่อย่างท่านเจ้าที่มานั่งเหยียดแข้งเหยียดขาเต็มอัตราขนาดนี้ นั่งคนเดียวก็ล้นโซฟาแล้วเถอะ!
“ท่านเจ้าที่ นั่งดีๆ หน่อยดิ ผมจะเล่นเกม”
“เอ็งก็นั่งที่พื้นไปสิวะ”
“ไม่เอา ผมไม่ถนัด เมื่อยหลังด้วย จะพิงโซฟา”
“บ๊ะ! ไอ้เด็กนี่ ไม่โว้ย ข้าจะนั่ง ข้ามาก่อน” ท่านเจ้าที่ดื้อแพ่ง ไม่ยอมขยับหลีกทางให้ผม จนผมต้องโวยใส่
“แต่นี่มันโซฟาของผมนะ!”
“แต่ข้าปกป้องคุ้มครองบ้านเอ็งอยู่นะ เพราะงั้นเอ็งก็ไม่ควรมาหวงที่หวงทางหรือหวงของในบ้านกับข้าสิ”
“...” พอเจอประโยคนี้ตอกหน้ากลับมา ผมก็ไม่รู้จะเถียงอะไรกลับไปเลยครับ ทำไมกูต้องมาทะเลาะกับเทวดาเรื่องแย่งโซฟาด้วยฟะ!
ผมขมวดคิ้วมุ่น ส่ายหน้าอย่างทั้งหงุดหงิดและยอมจำนนในที คือเข้าใจอารมณ์คนโมโหเพราะไม่ได้นั่งโซฟาป่ะ แต่ก็ต้องยอมแพ้อย่างทำอะไรไม่ได้เพื่อให้คนที่มีพระคุณกับเราได้นั่งโซฟาของเราอ่ะ แต่ผมก็ไม่อยากนั่งพื้นนี่หว่า เอาไงดี
ผมหันทั้งตัวกลับมาประจันหน้ากับท่านเจ้าที่ อีกฝ่ายเอียงคอมองผมด้วยสายตาท้าทาย...อย่ามาท้านะเว้ยไอ้เทวดานิสัยไม่ดี! เดี๋ยวก็นั่งตักแม่งซะเลยหนิ!
ความคิดนั้นทำให้ผมชะงัก...เออว่ะ นั่งตักก็ได้นี่หว่า ไม่แน่พอทำแบบนั้นแล้วไอ้ท่านเจ้าที่อาจจะไม่ชอบใจจนยอมลุกหนีก็ได้ แต่จะนั่งตักจริงๆ มันก็ไม่ได้อยู่ดี เพราะอีกฝ่ายดันกางขาแทบตั้งฉาก 180 องศาขนาดนั้น หรือให้นั่งบนหน้าขาข้างใดข้างหนึ่งน่ะเรอะ? นั่นยิ่งแล้วใหญ่ เมื่อยตูดตายห่าต้องเกร็งไม่ให้ตูดตัวเองเอียงหล่นไปข้างใดข้างหนึ่งเนี่ย
งั้นก็เหลือทางเดียวคือนั่งมันตรงกลางหว่างขาของท่านเจ้าที่อ่ะ!
ผมชั่งใจอยู่หลายวินาที เอียงคอมองหน้าท่านเจ้าที่ไปด้วย มองอย่างใช้สมองครุ่นคิด จนคนถูกมองหรี่ตามองกลับมาอย่างไม่ไว้ใจ แต่ในที่สุดผมก็ได้ข้อสรุปในใจของตัวเองสักที...ฟุ่บ! ฟึ่บ!
“เฮ้ย!!!” ท่านเจ้าที่อุทานเสียงหลง ผุดตัวขึ้นมานั่งหลังตรงจนแผ่นอกของเขาแทบจะแนบมากับแผ่นหลังของผม...ผมเอี้ยวหน้าไปยักคิ้วข้างเดียวให้เขาแล้วหันกลับมากดจอยส์เริ่มเกมโดยไม่สนใจว่าอีกฝ่ายจะเป็นยังไง
ก็ไม่แบ่งที่ให้ผมนั่งเองนี่ เอาวิธีนี้ไปกินซะ!
“ลุกออกไปเดี๋ยวนี้นะไอ้เด็กเวร!”
“ไม่ ผมไม่ลุก ท่านอยากลุกก็ลุกไปสิ”
“เรื่องอะไรล่ะ ข้าอยากนั่งพักผ่อนตรงนี้!”
“แต่ผมก็อยากเล่นเกมตรงนี้เหมือนกัน” ผมยังคงเถียงอย่างไม่ยอมแพ้ พยายามคงสมาธิในการบังคับเกมเอาไว้ให้ได้ไปพร้อมๆ กันด้วย
“เอ็งนี่มัน...” ท่านเจ้าที่เหมือนจะด่าอะไรสักอย่าง แต่ก็เงียบไปเสียเฉยๆ จนผมอยากจะหันไปมองอยู่หรอกนะว่าอีกฝ่ายเป็นอะไร ถ้าไม่ติดว่าต้องเล่นเกมน่ะ
ตุบ! แต่แล้วกลับเป็นผมที่ต้องนิ่งงัน เผลอหยุดมือที่กดจอยส์เกมจนหน้าจอขึ้นคำว่า YOU DEAD…กระนั้นผมก็ไม่คิดจะสนใจมัน เพราะตอนนี้ท่านเจ้าที่แม่งเรียกความสนใจของผมไปหมดเลยว่ะ
“มาพิงผมทำไมเนี่ยท่านเจ้าที่” ผมใช้น้ำเสียงปกติเอ่ยถาม จะว่าไปท่านเจ้าที่ก็ดูเหนื่อยมากๆ มาตั้งแต่กลับมาถึงแล้วนี่หว่า หรือที่พิงผมเพราะว่าเหนื่อยจัด? คือปกติเขาไม่ทำอะไรแบบนี้กับผมไง ชอบทำอะไรให้แปลกใจอีกแล้ววุ้ย
“เหนื่อยน่ะสิวะ ใกล้จะครบวาระของรัฐบาลแห่งเทพรุ่นนี้แล้ว อีกสามเดือนข้างหน้าจะมีการเลือกตั้ง วันนี้เลยต้องเคลียร์เอกสารหลายอย่างเพื่อส่งมอบให้หัวหน้าพรรคของข้าตรวจสอบ”
“เลือกตั้ง?” ผมทวนถาม “เทวดามีเลือกตั้งด้วยเหรอ เฮ้ย! เจ๋งว่ะ”
“มีสิ มีพรรคการเมืองแล้วจะไม่มีการเลือกตั้งได้อย่างไร เอ็งนี่ไม่ฉลาดเลย แค่นี้ก็คิดตามไม่เป็น เสร่อ!” ท่านเจ้าที่ด่าผมทั้งๆ ที่ยังซบหน้าผากกับหลังต้นคอของผมอยู่ ด่ากูอีกละ! ก็ถ้ากูรู้กูจะถามไหมเล่า!
ขณะที่กำลังคิดค่อนขอดท่านเจ้าที่ในใจ ผมก็ต้องสะดุ้งโหยงเมื่อจู่ๆ อ้อมแขนหนาของอีกฝ่ายโอบกระชับเข้าที่เอวของผม...นี่มันเหมือนกับว่าผมกำลังโดนกอดอยู่เลยนะเฮ้ย!
“ทะ ท่านทำอะไรเนี่ย มากอดผมทำไม!?”
“ก็ข้าเมื่อย อยากได้หมอนข้างชะมัด อยากมีเวลารีแล็กซ์นอนกอดหมอนกลิ้งไปกลิ้งมาบนเตียงเหมือนพวกมนุษย์บ้างจังเลยน้าา” ท่านเจ้าที่ตอบเชิงบ่น เท่านั้นไม่พอยังเอนหลังกลับไปพิงพนักโซฟาอีกครั้ง โดยไม่ลืมรั้งตัวผมให้เอนตามลงไปด้วย สองขาก็ยกขึ้นมาเกี่ยวเอวของผมเอาไว้อีกทอด
เดี๋ยวนะ? นี่มันเกินไปแล้วไหมล่ะไอ้ท่านเจ้าที่ แค่กอดเอวด้วยแขนนี่ก็ว่าเกินไปละนะ ยังจะเอาขามาเกี่ยวไว้อีก เทวดาอะไรวะทำตัวไม่สมฐานะเลย ชึ่ย!
“ผมคนนะเว้ย ไม่ใช่หมอนข้าง”
“ไม่ใช่ก็ใกล้เคียง เอ็งอย่าบ่นน่า ข้าขอพักหน่อย”
พูดจบเจ้าตัวก็นิ่งไปแต่ยังกอดผมเอาไว้ในท่าเดิม ไอ้ผมก็อยากจะบอกให้ปล่อยอยู่หรอก แต่พอเห็นความเหนื่อยล้าของเขาแล้วก็ทำไม่ลงซะอย่างนั้น...เออน่ะ แค่นิดๆ หน่อยๆ ไม่เป็นไรหรอกมั้ง แล้วอีกอย่างแขนของท่านเจ้าที่ก็แข็งแรงมากเลยด้วย ตัวก็หนาๆ อุ่นๆ แม้จะยังใส่สูทอยู่แต่กลับไม่อาจขวางกั้นอุณหภูมิร่างกายของเขาที่ส่งมาถึงผมได้เลย
เอาเข้าจริงมันก็ฟินหน่อยๆ นะครับแหม่
พอ! พอเลย!! อย่าคิดลึกคิดอกุศลเชียวไอ้แทงค์ ย้ำเตือนตัวเองเอาไว้ว่านี่พระภูมิเจ้าที่เว้ย! จะไปลวนลามทั้งทางความคิด วาจา หรือการกระทำไม่ได้ นรกกินกบาลตายห่ากันพอดี
“นี่ ท่านเจ้าที่” ผ่านไปหลายนาทีแล้ว ผมก็เลยลองเรียกเขาดู
“หืม?” อีกฝ่ายตอบรับมาแค่นี้
“ไปนอนบนเตียงดีๆ ไม่ดีกว่าเหรอ?”
“อืม งั้นข้านอนเตียงเอ็งนะ”
“อ่าฮะ ได้” ผมตอบรับโดยไม่ทันคิด มารู้ตัวอีกทีว่าเผลอเอ่ยอนุญาตอะไรไปก็ต้องเบิกตากว้างเมื่อท่านเจ้าที่หายตัวไปแล้ว ปล่อยให้ผมหงายหลังไปกระแทกพนักโซฟาดังอั้ก...อะ ไอ้ท่านเจ้าที่!! จะไปก็บอกกันดีๆ ดิวะ! ปล่อยทิ้งแบบนี้เกิดข้างหลังเป็นพื้นนี่กูไม่หัวแตกหรอกเรอะ!? แล้วที่บอกนั่นอีก “จะไปนอนอะไรที่เตียงผมเล่าไอ้ท่านเจ้าที่ โว้ย!”
ผมถลาพรวดวิ่งขึ้นบันไดโดยไม่คิดจะปิดเกมหรือปิดทีวีอะไรทั้งนั้น เปิดประตูผางเข้าไปในห้องได้ก็ต้องอ้าปากค้างเมื่อพบว่าท่านเจ้าที่อยู่ที่นี่จริงๆ อีกฝ่ายนอนอยู่บนเตียงของผม ตรงตำแหน่งเดียวกับที่เขานอนเป็นเพื่อนผมเมื่อสองคืนที่ผ่านมานั่นล่ะ แถมยังเปลี่ยนชุดแล้วด้วยนะ เป็นชุดนอนที่...ไอ้เชี่ย! นั่นชุดนอนของผู้ชายสูงร้อยแปดสิบกว่าแถมยังหน้าดุเหรอวะนั่น!?!
ก็จะไม่ให้ผมตกใจได้ไงครับ ในเมื่อชุดนอนที่ท่านเจ้าที่ใส่น่ะมันสกรีนลายเซเลอร์มูนตัวจิ๋วเต็มไปหมดทั้งชุด ไม่ว่าจะเสื้อหรือกางเกงขายาวนั่นล้วนมีแต่เซเลอร์มูนลอยกระจัดกระจายเต็มไปหมดอ่ะ!
“เซเลอร์มูนเนี่ยนะ?!”
“ทำไม? แม่สาวน้อยคนนี้น่ารักดีออก เป็นตัวแทนแห่งดวงจันทร์ด้วย” ท่านเจ้าที่ที่กำลังนอนคว่ำหน้าอยู่โงหัวขึ้นมามองผมด้วยสายตาไม่เข้าใจว่าทำไมผมต้องตกใจขนาดนี้ด้วย
ไม่ตกใจดิแปลก พระภูมิเจ้าที่กับชุดนอนลายเซเลอร์มูนนี่มันเข้ากันมากมั้ง!
“แบ๊วสัส” ผมเผลอหลุดปากเอ่ยความในใจออกไป เลยโดนท่านเจ้าที่ถลึงตามอง เสียงทุ้มตะโกนใส่ดังลั่นห้อง
“เอ็งหยาบคาย!” ...แค่ด่าว่าแบ๊วนี่มันหยาบคายมากเลยเหรอวะนั่น?
“เปลี่ยนลายได้มะ? ผมทนมองไม่ได้ว่ะท่านเจ้าที่ มันหวานแหววไปอ่ะ” ผมลองขอ คือก็ไม่ได้รังเกียจอะไรนะ แต่ลายนี้มันน่ารักกุ๊กกิ๊กเป็นสาวน้อยเกินไปเฟ้ย
เป๊าะ! ท่านเจ้าที่ดีดนิ้วโดยไม่พูดอะไร แล้วจากนั้นลายชุดนอนก็เปลี่ยนไป แต่...แม่งแย่กว่าเดิมอีกว้อย! แม่มดน้อยโดเรมีนี่มันแบ๊วแตกยิ่งกว่าเซเลอร์มูนอีกมั้งสัด!
“โอ๊ยยย ไม่เอาลายนี้ ไม่เอาเด็ดขาด แย่กว่าตัวแทนแห่งดวงจันทร์อีก!”
“เอ๊า แล้วเอ็งจะเอาลายไหนกันเล่า!” ท่านเจ้าที่ถาม แต่ไม่รอให้ผมตอบ เจ้าตัวก็ดีดนิ้วอีกที แล้วลายชุดก็เปลี่ยนเป็น...มหัศจรรย์สาวน้อยพริตตี้เคียว โอ้โห การ์ตูนสาวน้อยเวทมนตร์ตั้งแต่กูยังอยู่ประถมต้น โว้ยยย
ไอ้!...กูทนไม่ไหวแล้วว้อย!!!
“ไม่เอาลายหวานแหวว! แบ๊วๆ หรืออะไรที่มันสาวน้อยทั้งนั้น! ไม่เอา!!” ผมยื่นคำขาดเสียงดัง เท้าเอวถลึงตามองท่านเจ้าที่อย่างเอาเรื่อง นาทีนี้ใครเทพใครมนุษย์นี่ผมไม่สนแล้ว จนกว่าลายชุดนอนของท่านเจ้าที่จะเปลี่ยนเป็นอะไรที่แมนกว่านี้ ผมยอมบาปที่ตะโกนใส่เทวดาอารักษ์เลยเอ้า!
“ตกลงนี่มันชุดนอนของข้าหรือของเอ็งกันแน่วะ!” ท่านเจ้าที่โวยวายกลับมา แต่สุดท้ายก็ยอมเปลี่ยนลายให้ผมอีกครั้งอยู่ดี...คราวนี้เป็นลายเบ็นเท็นครับ
เฮ้อออ เบ็นเท็นนี่แม่งก็โคตรเด็กน้อย แต่ผมยอมแพ้ละ อย่างน้อยลายนี่ก็ดีกว่าไอ้สามลายก่อนหน้านั่นอ่ะ มันยังดูเป็นผู้ชายๆ บ้างไม่ใช่สาวน้อยทั้งๆ ที่หน้าแม่งเกือบจะเถื่อนอยู่รำไร “ลายนี้ก็ได้ ห้ามเปลี่ยนแล้วนะท่านเจ้าที่”
“ถูกใจเอ็งแล้วเรอะ?”
“เออครับ!” ผมตอบแบบขอไปที จากนั้นก็หันไปปิดประตูห้องนอนก่อนจะก้าวเท้าเข้ามาทิ้งตัวลงนอนแผ่หลาบนเตียงข้างๆ ร่างของท่านเจ้าที่...อีกฝ่ายพลิกตัวมานอนหงายในท่าเดียวกัน “ปิดเกมกับทีวี แล้วก็ปิดไฟทั้งหมดที่ด้านล่างให้ผมหน่อยดิท่านเจ้าที่”
“ใช้อย่างกับข้าเป็นทาสเอ็งงั้นล่ะ” ท่านเจ้าที่บ่น แต่ถึงจะบ่นเขาก็ทำให้ตามคำขออีกแล้ว คนซึนเอ๊ย
“ปิดไฟในห้องนี่ให้ด้วยนะ จะนอนแล้ว”
“ไฟในห้องเดินไปปิดเองก็ได้ไหมวะ ขี้เกียจตัวเป็นเห็บแล้วมั้งเอ็งเนี่ย”
“ตัวเป็นขนก็พอ เป็นเห็บก็เกินไป” ผมเถียงพลางกลอกตาระอาใส่ ท่านเจ้าที่หัวเราะน้อยๆ แต่ก็ดีดนิ้วปิดไฟให้
ห้องทั้งห้องมืดสนิท มีเพียงแสงสว่างรำไรจากไฟถนนที่ส่องเข้ามาประปราย คืนนี้ไม่มีลมยะเยือกน่ากลัวพัดผ่านเข้ามาแม้แต่นิดเดียว เพราะผมชิงปิดหน้าต่างตั้งแต่ที่ฟ้ายังไม่ทันมืดไงล่ะ เป็นแผนรับมือกับผีที่อาจจะมากันอีก ฮะฮ่า!
หลังจากนั้นระหว่างผมกับท่านเจ้าที่ก็มีเพียงความเงียบ ผมไม่รู้ว่าเขาหลับไปหรือยัง เอาเข้าจริงผมก็ไม่เคยเห็นอีกฝ่ายนอนหลับเลยนะ หรือพวกพระภูมิเทวดาอะไรพวกนี้ไม่จำเป็นต้องนอน?
เอาไว้ค่อยถามแล้วกัน นี่มันก็ดึกแล้วนี่นะ พรุ่งนี้วันศุกร์ฯ ผมไม่มีเรียน ส่วนงานพิเศษที่ดีซีซุปเปอร์ฯ เลื่อนไปเข้ากะบ่ายแทนเพราะพี่แพรที่อยู่กะเช้าต้องไปทำธุระที่โรงเรียนของน้องสาว เท่ากับว่าผมนอนตื่นสายได้ เย้!
ผมขยับนอนในท่าที่คิดว่าสบายที่สุด เหลือบมองท่านเจ้าที่อีกเล็กน้อย ก่อนจะกระซิบเสียงแผ่ว
“ฝันดีอีกคืนนะท่านเจ้าที่”
“อืม ฝันดีไอ้เด็กเวร”
...เกือบดีแล้วเชียวถ้าไม่มีคำว่าไอ้เด็กเวรเนี่ย!
__________
อัพค่าาา มาแล้ว คิดถึงเรามั้ยเอ่ย หรือคิดถึงท่านเจ้าที่ 555 จริงๆ วางโครงเรื่องทั้งหมดจบแล้วค่ะ แต่รู้สึกว่าสมองมันตันๆ พอจะเขียนตอนใหม่ก็แบบเหมือนจะพิมพ์ไม่ออกทั้งๆ ที่เนี่ยก็คิดไว้แล้วว่าตอนนี้มันควรจะเป็นไงต่อ งงตัวเอง หรือเราขี้เกียจเขียน สมองเลยไม่แล่น? ฮ่าาา
ศุกร์หน้าเราก็จะกลับกทม. แล้ว หวังว่าตัวเองจะแต่งเรื่องนี้จบก่อนเปิดเทอม เพราะ...น้องไวท์กำลังรออยู่ หุหุ อืม คำผิดแก้แล้วแต่ไม่แน่ใจว่ามีหลุดไปบ้างไหม ถ้าเห็นบอกได้นะคะ เจอกันตอนหน้าค่ะ