[END] Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ!:: จบแล้ว [22-08-2018]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: [END] Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ!:: จบแล้ว [22-08-2018]  (อ่าน 97730 ครั้ง)

ออฟไลน์ Amploveakame

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 19
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
เดียวนะเอาสีชมพูเพ้นท์ยูนิคอร์นจริงฮะ555 เจ้าที่หล่อด้วยเอาเข้าไป5555
 :katai5:

ออฟไลน์ winndy

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1129
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +89/-3
สนุกค่ะ ขำมาก

ออฟไลน์ ★KVH™★

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 516
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-3
เป็นนิยายตลก 5555
น่ารักดีค่ะ
คุณเจ้าที่มีควมหล่อเหลา ติดตามน้า  :katai2-1:

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3433
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

ออฟไลน์ แฟนตาเซีย

  • หืมม...?
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 557
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-1

ออฟไลน์ loveview

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1912
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +87/-10

ออฟไลน์ kun

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3592
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +122/-10

ออฟไลน์ Hazel_nut

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 164
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +164/-3
ตอนที่ 3

"ขี้เสือกนะเอ็งเนี่ย"



กว่าจะผ่านพ้นมาจนถึงช่วงวันหยุดได้ก็เล่นเอาผมแทบขาดใจ นับตั้งแต่วันที่ท่านพระภูมิเจ้าที่ปรากฏตัวออกมาต่อหน้าต่อตาและบอกว่าจะตามรังควานผม นี่ก็ผ่านมาได้สามวันแล้วครับ

วันก่อนพอมาบังคับผมให้สร้างศาลใหม่ให้เขาได้สำเร็จ อีกฝ่ายก็หายตัวไปไม่โผล่มาอีกเลย ไม่รู้ว่าหายไปไหนของท่านเขา โผล่มาอีกทีก็เมื่อวานตอนค่ำที่ผมเพิ่งกลับจากมหา’ลัย...มาเพื่อทักทาย จากนั้นก็กลับไป ผมล่ะงงว่าท่านเจ้าที่เขาต้องการอะไรกันแน่ บางทีก็เหมือนจะคุยดีกับผมนะ แต่บางทีก็ทำเหมือนแค้นเคืองผมนักหนา โคตรงง

ผมตื่นขึ้นมาในเวลาเกือบสิบโมง จริง ๆ ก็คงไม่ตื่นหรอกถ้าไม่ใช่เพราะแสงแดดมันส่องเข้ามาแยงตาจนต้องตื่นอ่ะ ร้อนผิวไปหมดเพราะโดนแดดอาบต่างน้ำ เวร! ผมไม่น่าลืมปิดผ้าม่านเลย แต่ก็นะ...เมื่อวานง่วงจัด อาบน้ำแต่งตัวออกมานอนบนเตียงได้ก็ขอบคุณตัวเองมากแล้วเถอะ ดีแค่ไหนไม่นอนในห้องน้ำ

ผมลุกขึ้นมานั่งพิงหัวเตียงก่อนจะบิดขี้เกียจแก้เมื่อย แถมหาวด้วยอีกหนึ่งที เอาเข้าจริงผมอยากนอนต่อมากเลย แต่ท้องแม่งก็ร้องประท้วงด้วยความหิวไง จะว่าไปเมื่อวานผมกินข้าวมื้อล่าสุดตอนบ่ายโมงนี่นา มื้อเย็นก็ไม่ได้กินเลยไม่แปลกที่จะหิวขนาดนี้

ว่าแต่ชีวิตผมเป็นอะไรกับความหิวโหยวะ วันนึงกินข้าวไม่เคยครบมื้อแล้วยังหิวแทบตลอดเวลาอี๊ก

ลังเลใจอยู่อีกห้านาทีว่าควรจะไปอาบน้ำก่อนหรือลงไปหาอะไรกินก่อนแล้วค่อยกลับขึ้นมานอนต่อดี แบบว่าน้ำไม่ต้องอาบมันละ เอาไว้อาบอีกทีตอนตื่นรอบสองอะไรงี้อ่ะครับ...ผมไม่ได้ซกมกนะเว้ย แค่ประหยัดน้ำเอ๊งงง

ข้ออ้างมันเก่าไปเหรอ? เออ โทษทีละกันที่เล่นมุกแป้ก

สุดท้ายความขี้เกียจและความหิวก็ผสานพลังกันเป็นฝ่ายชนะ ผมลุกจากเตียงนอนก่อนจะเดินออกจากห้องเพื่อลงไปยังห้องครัวตามความตั้งใจของกระเพาะอาหาร...บ้านของผมเป็นบ้านเดี่ยวสองชั้นขนาดกลางครับ เมื่อก่อนตอนอยู่กับพ่อแม่มันก็มีขนาดพอเหมาะพอดีกับครอบครัวของเราอยู่หรอก แต่พอพ่อกับแม่ไม่อยู่ บ้านหลังนี้ก็ดูกว้างไปถนัดตาเลย

...กว้างมากจนเกินไป

พอก้าวเข้ามาถึงในห้องครัวผมก็ต้องแปลกใจที่เห็นท่านเจ้าที่อยู่ในชุดเดิมเป๊ะ เปลือยท่อนบนส่วนท่อนล่างสวมยีนส์สีดำซีดนั่นล่ะครับ ตอนนี้อีกฝ่ายนั่งอยู่ที่โต๊ะกินข้าวตัวเดิมที่เคยนั่งกินข้าวด้วยกันเมื่อหลายวันก่อน

มาได้ไง...ไม่ดิ ต้องถามว่ามาทำอะไรมากกว่า บ้านตัวเองไม่มีอยู่รึไง

"ทำอะไรอ่ะท่านเจ้าที่?" ผมถามพลางขยี้หัวตัวเองที่ยุ่งเหยิงอยู่แล้วให้ยุ่งเป็นรังนกเข้าไปอีก

ตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมาผมหมดพลังไปกับสารพัดเรื่อง โดยเฉพาะเรื่องชวนปวดประสาทของท่านเจ้าที่โรคจิตนี่ล่ะ อีกฝ่ายกำลังทำอะไรสักอย่างกับกระดาษกองใหญ่อยู่ก็ไม่รู้ ไม่ได้สนใจเจ้าบ้านอย่างผมเลยแม้แต่หางตา ซึ่งผมก็ไม่ได้สนใจจะรอคำตอบจากเขาเช่นกัน ที่ถามไปเมื่อกี้มันก็แค่ถามตามมารยาทน่ะ สองเท้าของผมก็เลยตรงดิ่งไปที่ตู้เย็นเป็นอันดับแรก อ่า...น้ำเย็น ๆ สักแก้วน่าจะทำให้ผมตื่นเต็มตาขึ้นมาบ้าง

"วันนี้เอ็งไม่มีเรียนเรอะ?" ท่านเจ้าที่ส่งเสียงถามผมทั้ง ๆ ที่ยังไม่ละมือหรือแม้แต่ดวงตาจากกระดาษเหล่านั้น

"ไม่ครับ วันนี้วันเสาร์ท่านลืมเหรอ" ผมตอบหลังจากกระดกน้ำจนหมดแก้วแล้ว ก่อนจะเสริมอีกว่า "แต่ผมมีงานพิเศษตอนสามทุ่ม"

"งานพิเศษอะไร?"

"พาร์ทไทม์ที่ซุปเปอร์ฯ หน้าปากซอยอ่ะ ท่านเคยไปที่นั่นหรือเปล่า"

"เคย ๆ ข้าเคยไปปาร์ตี้ที่ศาลพระภูมิหน้าร้านสะดวกซื้อร้านนั้น"

"ปาร์ตี้? พระภูมิเจ้าที่อย่างพวกท่านจัด เอ่อ ปาร์ตี้กันได้ด้วยเหรอ?" ผมถามด้วยความฉงน คือมันจะมีอะไรพีคกว่านี้อีกไหมอ่ะ เทวดาจัดปาร์ตี้นี่ไม่คิดมาก่อนเลยว่าจะเป็นไปได้

ผมนึกภาพพระภูมิเจ้าที่หลายสิบมารวมตัวกันเพื่อปาร์ตี้ริมสระว่ายน้ำ มีบริกรเป็นนางรำในชุดสไบซีทรูถือถาดเครื่องดื่มคอยเสิร์ฟให้แขกในงาน ทุกคนเต้นเคล้าเพลงที่มีจังหวะมันสุดเหวี่ยง และทั้งหมดนั้นเกิดขึ้นในศาลพระภูมิ...

ผมว่าพอเถอะ เราอย่าพยายาม เอ่อ ไปนึกถึงมันเลย

"เจ้าที่จัดปาร์ตี้มันแปลกตรงไหนกัน" ท่านเจ้าที่เงยหน้าขึ้นมาตอบผม แถมยังเขม่นตามองราวกับเห็นผมเป็นคนโง่เง่าที่สุดในโลกนี้ ก่อนจะก้มลงไปพัลวันกับกระดาษพวกนั้นต่อ

เห็นแบบนั้นผมก็เริ่มสงสัยขึ้นมาจริง ๆ แล้วล่ะว่าอีกฝ่ายกำลังทำอะไร "แล้วตกลงท่านกำลังทำอะไรเนี่ย?"

"ทำงานไงล่ะ ข้ามัวแต่ยุ่งเรื่องย้ายศาลเลยไม่ได้เคลียร์งานสักชิ้น เลขานุการของข้าแทบจะตามมาจิกหัวข้าที่บ้านใหม่นี่แล้ว!"

"เจ้าที่มีงานทำด้วยเหรอวะ? ผมนึกว่าแค่คุ้มครองบ้านกับคนในบ้าน" ผมขมวดคิ้วด้วยความงุนงงสงสัย ทำงานอะไรวะเอกสารเป็นกอง แล้วมีเลขาฯ ด้วยนะ แปลกอีกแล้ว

"ถึงข้าจะเป็นเจ้าที่บ้านเอ็ง แต่ก็มีงานหลักให้ต้องทำนะโว้ย"

"งานอะไรอ่ะ แล้วมีเงินเดือนป่ะ?"

"ทำไมถามซอกแซกเสียจริง" ท่านเจ้าที่เงยหน้าขึ้นมาจากกองกระดาษอีกครั้ง หากแต่ครั้งนี้มองผมด้วยสายตารำคาญใจแทน "ขี้เสือกนะเอ็งเนี่ย"

อ้าว กูโดนด่าอีกแล้ว กูแค่สงสัยทำไมกลายเป็นขี้เสือกวะ!

“ไม่เสือกก็ได้วะ” ผมพึมพำกับตัวเอง ขมุบขมิบปากด่าไอ้ท่านเจ้าที่ไปด้วย

“แต่ถ้าเอ็งอยากรู้ข้าจะบอกให้ก็ได้”

“???” ผมเลิกคิ้ว...คือแปลกใจไงว่าท่านเขามาไม้ไหน ก่อนหน้านี้ด่าผมเสือก มาตอนนี้จะเล่าให้ผมคลายความเสือก เอ๊ย! ความสงสัยซะงั้น งงเว้ย!

“ข้าเป็นผู้ว่าราชการศาลพระภูมิประจำเขตพระนคร”

“ฮะ?!”

“หูไม่ดีอีกแล้วนะ ข้าบอกว่า ‘ข้า-เป็น-ผู้-ว่า-ราชการ-ศาล-พระ-ภูมิ-เขต-พระ-นคร’ ทีนี้ได้ยินชัดหรือยัง?” ท่านเจ้าที่เงยหน้าขึ้นมาถลึงตามองผมในขณะที่ปากก็พูดซ้ำอีกรอบ เน้นประโยคหลักไปด้วยช้า ๆ ชัด ๆ ทีละคำ

หูกูดีมากเว้ย! แต่ที่ท่านพูดมามันเหลือจะเชื่อต่างหากเล่า!

นี่ผมต้องมาเจอกับเรื่องแฟนตาซีอีกกี่อย่างกันครับ? เมื่อวานบอกมีที่ว่าการอำเภอบ้างล่ะ มีเงินสวัสดิการ มีนั่นนู่นนี่เหมือนที่ชาวมนุษย์เขามีกันบ้างล่ะ วันนี้มีตำแหน่งทางการเมืองโผล่มาอีกอย่าง...คือมึงครับ เป็นใครมาได้ยินแบบกูก็ต้องร้องฮะกันทุกคนไหมล่ะ!?

เอาเถอะ จากนี้คงมีอะไรแปลก ๆ อีกเยอะ ทนรับให้ได้ต่อไปก็แล้วกันไอ้แทงค์เอ๊ย

ผมบอกกับตัวเอง พ่นลมหายใจหนัก ๆ พลางว่า “แล้วท่านทำหน้าที่อะไรบ้างล่ะ ไอ้ตำแหน่ง เอ่อ ผู้ว่าราชการศาลพระภูมิอะไรเนี่ย”

“ก็งานการปกครองทั่วไป แต่ส่วนใหญ่งานของข้าคือการคัดกรองคำขอของมนุษย์และทำหนังสืออนุมัติให้กับพระภูมิเจ้าที่ประจำศาลบ้านต่าง ๆ ว่าควรทำตามคำขอของมนุษย์ที่เราให้การคุ้มครองหรือไม่” ท่านเจ้าที่อธิบาย

คัดกรองคำขอของมนุษย์เหรอ งั้นไอ้ที่เขากำลังอ่านอยู่ตอนนี้ก็คือคำขอทั้งหมดที่คนขอมาอ่ะดิ

“โห ไอ้ที่ท่านอ่านอยู่นั่นสินะ เยอะเป็นบ้าเลยว่ะ”

“ก็ใช่ไงล่ะ เอ็งรู้ไหมว่าเพราะอะไรมันถึงเยอะ?” ท่านเจ้าที่จรดปากกาลงบนกระดาษใบหนึ่ง ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมาถามผม มือทั้งสองของเขาประสานกันวางไว้บนโต๊ะ...เหมือนนายแบบเลยอ่ะ ให้ตายสิ หล่อชะมัด

ไอ้ห่า! เอาอีกแล้วนะไอ้แทงค์! นั่นเจ้าที่โว้ย! เลิกคิดเต๊าะเทวดาในใจได้ละไอ้ผี!

ตบหัวตัวเองในใจเสร็จถึงจะคิดตามคำถามที่อีกฝ่ายถาม...เสียเวลาคิดอยู่เพียงไม่นานผมก็ได้คำตอบ

“เพราะมนุษย์ส่วนใหญ่หวังพึ่งสิ่งศักดิ์สิทธิ์ พวกเขาล้วนเอ่ยขอพรต่าง ๆ จากสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทุกอย่างที่ตนเชื่อว่ามีอยู่จริง และเมื่อนำคำขอของคนเหล่านั้นมารวมกันมันก็เลยมีมากมายมหาศาล...อย่างที่ผมเห็นตอนนี้ ที่ท่านเจ้าที่กำลังอ่านคือคำร้องขอของมนุษย์ทั้งหมดที่อยู่ในเขตพระนคร ถูกไหมครับ?”

ท่านเจ้าที่ทำหน้าแปลกใจใส่ผม เออ ดูจากสีหน้าแล้วคงทึ่งล่ะสิที่ผมตอบอะไรเป็นจริงเป็นจังได้ขนาดนี้ ไม่คิดล่ะสิว่าผมจะเป็นคนฉลาด หึ ๆ รู้จักคนอย่างไอ้แทงค์น้อยไปแล้วเฟ้ย

“เอ็งนี่ก็ฉลาดนะเนี่ย” ท่านเจ้าที่เอ่ยชมตรงตามที่ผมกำลังคิดเด๊ะ ๆ ซึ่งนับว่าแปลกมาก เพราะตั้งแต่ที่ผมได้พบกับเขา ผมก็โดนเขาด่าตลอด นี่น่ะคำชมครั้งแรกเลยนะ “มนุษย์เป็นอย่างนั้นจริง เพราะอย่างนั้นเทวดาอย่างพวกเรา ซึ่งไม่ว่าจะอยู่ในระดับชนชั้นไหน ล้วนแต่ต้องทำงานหนักขึ้นไปอีกเพื่อคำขอของพวกเขา”

“ถ้ามันเหนื่อยหรือยากนัก ทำไมพวกท่านต้องทำตามคำขอของพวกเขาด้วยล่ะ พวกท่านก็แค่รับฟังแต่ไม่ต้องช่วยเหลือสิ พวกเขาควรพึ่งพาตนเองมากกว่ามาหวังพึ่งสิ่งศักดิ์สิทธิ์นะ” ผมแย้งอย่างไม่เข้าใจและไม่เห็นด้วย

“เอ็งพูดแบบนี้แปลว่าไม่เชื่อเรื่องขอพรล่ะสิ”

“ก็ใช่” ผมยอมรับ “ผมไม่ค่อยเชื่อเรื่องดวงอะไรสักเท่าไหร่ ผมเชื่อว่าทุกอย่างเกิดจากสองมือของเราเอง”

“อืม เป็นเด็กคิดดีมากกว่าที่ข้าคิดนะเอ็งน่ะ นึกว่าชอบลบหลู่เจ้าที่เจ้าทางจนเป็นนิสัย” ท่านเจ้าที่ขุดเรื่องเก่ามาพูดอีกแล้ว โว้ยยย ก็บอกแล้วไงว่ามันคือการแสดงหนังอ่ะ!

ผมก็อยากจะเถียงออกไปอีกสักรอบหรอกนะ แต่ไม่เอาดีกว่า คิดว่าคงไม่มีประโยชน์หรอกเพราะดูเหมือนท่านเจ้าที่องค์นี้จะเฮี้ยน เอ๊ย! เป็นพวกแค้นฝังหุ่น ยากแก่การเปลี่ยนความคิดของท่านเขาได้ง่าย ๆ

"มันก็อย่างที่เอ็งว่านั่นล่ะ” ท่านเจ้าที่ตอบรับก่อนจะเอ่ยอีกว่า “ส่วนที่เอ็งถามก่อนหน้านี้ว่าทำไมไม่เมินเฉยต่อคำขอของพวกเขา นั่นก็เป็นเพราะว่ามนุษย์บางคนมีค่าคู่ควรแก่การช่วยเหลือ หากพวกเขาเดือดร้อน พวกข้าที่เป็นเทวดาเจ้าที่เจ้าทางก็อยากจะช่วยบ้างสักนิดสักหน่อยก็ยังดี ถือเป็นรางวัลให้กับคนทำดีน่ะ”

อ๋อ อย่างนี้นี่เอง ผมก็เพิ่งจะเข้าใจในตอนนี้แหล่ะว่าทำไมบางครั้งคำขอถึงเป็นจริง บางครั้งคำขอถึงไม่เป็นจริง (เท่าที่ฟังมาจากคนอื่นที่ชอบขอพรสิ่งศักดิ์สิทธิ์แล้วได้ผลน่ะนะครับ) เพราะเทวดาไม่สามารถมอบพรให้กับทุกคนได้นี่เอง คนที่คู่ควรเท่านั้นที่จะได้รับความช่วยเหลือเมื่อพวกเขาต้องการมัน ไม่ว่าจะเรื่องอะไรก็ตาม

ถ้างั้น...แล้วผมล่ะ? ตอนนั้นที่ผมขอ แปลว่าผมไม่คู่ควรพอกับพรที่ตัวเองอยากได้งั้นเหรอ?

ผมจมเข้าสู่ห้วงความคิดของตัวเอง จนไม่ทันสังเกตว่าท่านเจ้าที่กำลังมองผมอยู่ มารู้ตัวอีกทีก็ตอนที่อีกฝ่ายโผล่แวบมายืนข้าง ๆ เล่นเอาผมสะดุ้งโหยง ตั้งใจจะหันไปโวยวายใส่แต่ก็ต้องนิ่งไปเมื่อมือหนาของเขาวางลงบนหัวของผม

“สำหรับคำขอข้อเดียวของเอ็งในตอนนั้น ไม่ใช่เพราะเอ็งไม่คู่ควรหรอกนะ แต่เพราะคำขอนั้นไม่มีทางเป็นจริงได้ต่างหากล่ะ” เขาบอกพลางส่งยิ้มปลอบประโลมมาให้ “พวกข้าเป็นเทวดาผู้ปกป้องคุ้มครอง ไม่สามารถชุบชีวิตคนตายได้ ไม่สามารถชุบชิวิตพ่อกับแม่ของเอ็งได้ และไม่มีใครสามารถทำได้ด้วย”

ผมนิ่งงัน...ทำไมท่านเจ้าที่ถึงรู้เรื่องพรข้อเดียวที่ผมขอล่ะ?

พรที่ผมเคยขอแค่ครั้งเดียวและไม่เคยขออีกเลย เพราะพรข้อนั้นมันไม่เกิดขึ้นจริงตามที่ผมปรารถนา และมันทำให้ผมไม่เชื่อในสิ่งศักดิ์สิทธิ์อีกต่อไป พรที่ว่า...ขอให้ผมได้พ่อกับแม่คืนมา

“ความตายคือสิ่งที่ยั่งยืน และการมีชีวิตอยู่ต่อจนถึงวาระสุดท้าย ก็คือการใช้ความสุขอย่างเต็มเปี่ยมเพื่อสร้างความดีให้กับโลกใบนี้”

ผมเงียบ ท่านเจ้าที่ก็เงียบ เราต่างฝ่ายต่างเงียบหากแต่มือของเทวดาที่กำลังลูบหัวลูบผมของผมอยู่กลับทำให้ผมอุ่นใจอย่างน่าประหลาด นานแค่ไหนแล้วนะที่ไม่มีใครลูบหัวผมแบบนี้

“นี่ ท่านเจ้าที่” ผมเรียกชายร่างสูงประหนึ่งนายแบบฝั่งตะวันตกเสียงเบา

“ว่ายังไง”

“ไม่น่าเชื่อว่าท่านจะพูดจาดี ๆ แถมทำตัวอ่อนโยนเป็นด้วย เห็นเจอหน้าผมก็เอาแต่ด่า ด่า ด่า แปลกดีนะครับ”

“ไอ้เด็กปากหมานี่! ข้าอุตส่าห์ปลอบใจ ไยเอ็งถึงพูดจากวนประสาทข้าเสียแทน ช่างอกตัญญูเสียจริง!!”

“ฮ่า ๆๆๆ” ผมหลุดหัวเราะเสียงดัง หัวเราะจนเมื่อยแก้มอ่ะ หัวเราะตาหยีไปหมดแล้วด้วยมั้งเนี่ย...ท่านเจ้าที่ถลึงตามองผม มือหนาที่ลดลงไปแล้วยกขึ้นมาผลักหัวผมเสียเต็มแรง ก่อนเขาจะหายแวบกลับไปนั่งอ่านเอกสารคำขอของมนุษย์กองนั้นต่อตามเดิม

ผมอมยิ้มให้กับคนตรงหน้าแม้อีกฝ่ายจะไม่ได้กำลังมองผมอยู่ก็ตาม “แต่ยังไงก็ขอบคุณนะครับที่ปลอบใจผม ว่าแต่ท่านรู้ได้ยังไงว่าผมขอพรอะไร ผมมั่นใจนะว่าตอนผมขอผมไม่ได้ขอกับท่านแน่ ๆ เพราะท่านบอกเองว่าเพิ่งจะย้ายมานี่”

ท่านเจ้าที่เงยหน้าขึ้นมามอง ขึงตาใส่ผมอีกทีแล้วก้มลงไปทำงานของตัวเองตามเดิม หากแต่ปากก็ยอมตอบผมกลับมานะว่า “ข้าก็ถามเอาจากเจ้าที่คนเก่าของเอ็งน่ะสิ ทีนี่ก็หุบปากได้แล้ว ขี้เสือกไม่เลิกจริง ๆ น่ารำคาญนัก”

เขาเรียกว่าสงสัยโว้ยไอ้ท่านเจ้าที่! ใครกันแน่ที่กวนประสาท แล้วใครกันแน่ที่ขี้เสือกวะ!? ไปสืบเรื่องของกูมาแปลว่าก็อยากจะรู้เรื่องของกูไม่ใช่รึไง!? ปวดหัวกับเทวดาแบบนี้จังเลยโว้ย!

ผมถึงได้บอกไงว่าไอ้ท่านเจ้าที่องค์นี้ชวนให้ผมปวดประสาทจริง ๆ นะ ปวดขนาดที่ผมจะสติแตกอยู่แล้วเนี่ย ฮึ่ย!


_________

ขอโทษที่มาอัพช้านะคะ หายไปติดนิยายมาค่ะ 555 ตอนนี้แฝงความละมุนนิดๆ ไม่รู้คนอ่านจะรู้สึกถึงมันได้หรือเปล่า 5555 ท่านเจ้าที่เราก็ไม่ได้สายฮา—แค่กๆ สายเถื่อ—แค่กๆๆ เอาเป็นว่าท่านก็ไม่ได้ขุ่นเคืองนายแทงค์ของเราอย่างเดียวนาา ยังมีความหล่อ ใจดี สปอต กทม.อยู่ เรื่องนี้ถ้าเป็นไปได้เราจะอัพวันเว้นวันค่ะ แล้วพบกันตอนหน้านะคะ

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 24-12-2017 00:00:13 โดย Hazel_nut »

ออฟไลน์ angel_Z4

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 783
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-1
ท่านเจ้าที่หล่อจังค่ะตอนนี้ fc อ่า~

ว่าแต่ท่านมีชื่อไหมเจ้าคะ? อิฉันฉงฉัย

ออฟไลน์ fc_fic

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2590
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-7

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Amploveakame

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 19
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
ทานเจ้าที่คือพระเอกหรอคะถึงได้หล่อแบบนี้
 :mew1:

ออฟไลน์ แฟนตาเซีย

  • หืมม...?
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 557
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-1

ออฟไลน์ insunhwen

  • FREEDOM!!!!
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 867
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-5

ออฟไลน์ rockiidixon666

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 760
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-3
อยากเชิญท่านเจ้าที่มาอยู่ที่บ้านบ้างเจ้าค่ะ :hao6:

ออฟไลน์ แม้วธวัลหทัย

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-1
อยากรู้ชื่อของท่านเจ้าที่มากๆ เลยเจ้าค่ะ
ขอบคุณที่มาต่อจ้าาา

ออฟไลน์ Kei

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 478
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-1
ฮาท่านเจ้าที่มาก5555

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3433
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

ออฟไลน์ Hazel_nut

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 164
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +164/-3
ตอนที่ 4

“ข้ามารับเอ็งกลับบ้าน”

 

“เอ็งจะไปแล้วรึ?”

เสียงของท่านเจ้าที่ทำให้ผมที่กำลังสวมรองเท้าผ้าใบอยู่ต้องหันไปมอง ตอนนี้ได้เวลาที่ผมต้องไปเข้างานตอนสามทุ่มแล้วครับ...อีกฝ่ายยืนกอดอกโชว์ซิกซ์แพ็กและกล้ามแขนเหมือนอย่างทุกที สารภาพจากใจเลยนะว่าผมชอบมองกล้ามท้องของเขามาก แต่เห็นบ่อย ๆ ก็ชักจะหมั่นไส้แล้วว่ะ เป็นเจ้าที่ศาลพระภูมิจำเป็นต้องหุ่นดีน่าฟัดขนาดนี้ด้วยรึไงอ่ะ

ผมสลัดความคิดบ้า ๆ บอ ๆ ของตัวเองออกจากหัวอีกครั้ง ตั้งแต่ไอ้ท่านเจ้าที่ปรากฏตัวขึ้นมานี่ทำผมออกอาการหื่นกี่ครั้งละวะเนี่ย...มารู้ตัวว่ามองท่านเจ้าที่นานไปหน่อยก็ตอนที่อีกฝ่ายเลิกคิ้วมองหน้าผมตอบกลับมา

“ครับ” ผมตอบรับคำถามก่อนหน้านี้ของเขา

“แล้วจะกลับบ้านกี่โมง”

“ผมเลิกงานตีห้า ท่านถามทำไม?”

“เรื่องของข้า ไม่เสือก” ไม่พูดเปล่า แต่ท่านเจ้าที่ยังยกนิ้วชี้ขึ้นแล้วส่ายไปมาใส่หน้าผมอีกต่างหาก

เอ๊า! กูโดนด่าอีกละ! ตกลงใครกันแน่ที่ขี้เสือกวะ!?

“เฮ้อออ” ผมไม่อยากจะต่อปากต่อคำกับเทวดาโรคจิต เลยถอนหายใจหนัก ๆ ทีหนึ่งแล้วตัดบท “ผมไปแล้วนะครับ เฝ้าบ้านดี ๆ ล่ะท่านเจ้าที่ คนแปลกหน้ามาก็อย่าลืมเห่าไล่ล่ะ”

ผมเดินออกจากบ้านโดยไม่ลืมล็อกประตูให้เรียบร้อย ถึงจะมีเจ้าที่คอยเฝ้าบ้านยังไงก็ไว้ใจไม่ได้หรอก

และทันทีที่เท้าของผมก้าวออกมาเหยียบนอกรั้วบ้าน เสียงคำรามลั่นของท่านเจ้าที่ก็ดังลอดออกมาจากข้างใน แบบที่ผมพอจะจับใจความได้ว่า...

“ไอ้เด็กเวร!!! ข้าไม่ใช่หมานะโว้ย!!!”

อ้าวเหรอ? นึกว่าหมามาตลอดเลยนะเนี่ย

ผมหัวเราะให้กับความสุขเล็ก ๆ ของตัวเอง ได้แกล้งท่านเจ้าที่ก็เหมือนได้เอาคืนนั่นล่ะครับ หาจังหวะมานานละ ฮ่า ๆๆๆ ผมคงต้องบาปหนาแน่ ๆ ที่ไปหลอกด่าเขาแบบนั้น อืม...แต่ก็ช่างมันเถอะ ยังไงผมก็ไม่ใช่คนดีเด่อะไรอยู่แล้ว

แต้มบาปเพิ่มขึ้นอีก 1% ขณะที่แต้มบุญคงที่ สาาา ธุ!

ผมมาถึงที่ทำงานตอนสองทุ่มครึ่งกว่า ๆ อ่า ยังพอมีเวลาเปลี่ยนยูนิฟอร์มของซุปเปอร์มาร์เก็ตและหาของว่างกินเพิ่มพลังก่อนทำงานล่ะนะ

“ไงแทงค์”

“หวัดดีครับพี่ซอส ใกล้เลิกกะแล้วนะครับ” ผมเอ่ยทักทายรุ่นพี่พนักงานประจำของซุปเปอร์ฯ แห่งนี้ อีกฝ่ายเป็นหนุ่มหล่อผิวแทนหน้าตายิ้มแย้มสดใสตลอดเวลา

“ช่ายย และพี่อยากกลับบ้านมากกก” พี่ซอสลากเสียงยาว ทำท่าหมดเรี่ยวหมดแรงให้ผมดู ผมหัวเราะก่อนจะเอ่ยแซ็วอย่างรู้ทัน

“อยากกลับไปหาเมียอ่ะดิ”

“รู้ดี!” พี่ซอสแกล้งขึงตาใส่ผม ตามด้วยหัวเราะเสียงดัง “ไปดีกว่า ไว้เจอกันไอ้น้อง”

หลังจากแยกกับพี่ซอส ผมก็เดินเลี้ยวเข้าห้องพักพนักงานเพื่อเปลี่ยนชุด เอ่ยทักทายกับพี่อีกสองคนที่ทำงานกะเดียวกับผมและมาถึงก่อนผมเพียงไม่นานอีกเล็กน้อยก่อนจะขอตัวไปเปลี่ยนชุดในห้องน้ำบ้าง

ซุปเปอร์ฯ ที่ผมทำงานพิเศษอยู่ มีชื่อว่า DC Super Market ครับ เป็นร้านสะดวกซื้อขนาดกลางที่มีทุกอย่างครบครันเท่าที่จำเป็นกับการดำรงชีวิตของมนุษย์ ส่วนใหญ่ก็พวกของใช้ในบ้านกับอาหาร ผักสด ผลไม้นั่นนี่ เปิดตลอด 24 ชั่วโมง และที่นี่แบ่งการทำงานออกเป็นสามช่วงเวลา คือตีห้าถึงบ่ายโมง บ่ายโมงถึงสามทุ่ม และสามทุ่มถึงตีห้า

ผมทำเฉพาะวันอังคาร เข้ากะช่วงบ่ายโมงถึงสามทุ่ม วันศุกร์ทำตีห้าถึงบ่าย และวันเสาร์ซึ่งก็คือวันนี้ ผมเข้ากะช่วงสามทุ่มถึงตีห้าครับ อ้อ นอกจากผมที่เป็นนักศึกษาทำพาร์ทไทม์แล้ว ก็ยังมีอีกสองคนนะครับ เรียนมหา’ลัยเดียวกันกับผมนี่ล่ะ พวกเราจะเจอกันแค่ตอนเปลี่ยนกะเท่านั้น เพราะพวกเราถูกจัดให้เข้างานกันคนละกะ

“เฮ้! มาเร็วจังล่ะวันนี้”

ผมหันไปหาเจ้าของเสียงทักที่ดังขึ้นหลังจากที่ผมออกจากห้องน้ำมาในชุดยูนิฟอร์มสีน้ำเงินขอบขาว

“ไง เหนื่อยหน่อยนะ” เอ่ยทักทายอีกฝ่ายอย่างยินดี

นี่ไงครับหนึ่งในนักศึกษาพาร์ทไทม์ที่ผมเพิ่งพูดถึงไป คนนี้ชื่อ ‘ไวท์’ เรียนสถาปัตย์ หน้าตาก็หล่อ ๆ เซอร์ ๆ ตามแบบฉบับเด็กคณะนี้นั่นล่ะครับ แต่ไวท์จะดูหล่อแบบสะอาด ๆ หน่อยอ่ะ ดูสุภาพนุ่มนวลมาก

“สบายมาก” อีกฝ่ายยักไหล่ให้ด้วยรอยยิ้มบางบนใบหน้า “ไปเปลี่ยนชุดก่อนนะ ใกล้เวลาเลิกงานแล้ว อ้อ ถ้าตอนเช้าเจอธีร์ ฝากบอกด้วยว่าอย่าลืมเก็บใบสต็อกของกะตัวเองส่งให้พี่ผู้จัดการนะ”

“โอเค แล้วเจอกัน”

ไวท์โบกมือลาผมก่อนจะหายเข้าห้องน้ำไป ส่วนผมพอดูเวลาแล้วยังเหลืออีกสิบนาทีก็เลยว่าจะไปหาอะไรกินตามความตั้งใจเดิม ดีหน่อยที่ดีซีซุปเปอร์มาร์เก็ตตั้งอยู่กลางย่านคอนโดเลยมีลูกค้าแทบตลอด แม้ว่าช่วงสามทุ่มถึงตีห้าจะมีลูกค้าน้อยกว่ากะอื่น ๆ แต่ก็ถือว่ามีพอควรล่ะนะ แถมเดินออกจากซุปเปอร์ฯ ก็เจอร้านอาหารขายโต้รุ่งมากมายให้เลือกกินอีกต่างหาก เลยไม่ลำบากปากท้องพนักงานตาดำ ๆ อย่างผมเท่าไหร่ ฮ่าา

“ป้าครับ ขนมจีบยี่สิบบาทครับผม” ผมตัดสินใจเลือกกินของง่าย ๆ เพราะเวลามีน้อย ป้าคนขายที่คุ้นหน้าคุ้นตากันดียิ้มให้ผมก่อนจะจิ้มขนมจีบใส่ถุงให้ แถมมาให้อีกสองลูกด้วยต่างหาก แจ่ม

กินเสร็จก็สามทุ่มพอดี เอาล่ะ! ได้เวลาทำงานแล้ว

เวลาผ่านไปเรื่อย ๆ จนในที่สุดก็มาถึงเวลาเลิกงานของผม แม้จะนอนมาเยอะในตอนกลางวันแต่ผมก็ยังอดง่วงไม่ได้อยู่ดี ถ้ากลับไปถึงบ้านผมคงต้องขอนอนก่อนเป็นอย่างแรก ไว้ตื่นขึ้นมากินข้าวเที่ยงรวบยอดข้าวเช้าเอาแล้วกัน เฮ้อ

“หน้าตาโคตรง่วงเลยนะไอ้แทงค์”

“อ้าว ไอ้ธีร์ มาแล้วเหรอ” ผมเลิกคิ้วมองนักศึกษาพาร์ทไทม์อีกคนที่เข้ากะต่อจากผม

ไอ้หมอนี่มันเรียนอยู่คณะนิเทศครับ เอกการกำกับถ้าผมจำไม่ผิดนะ (คณะนี้มีสาขาวิชาเยอะใช่ย่อย ผมเองก็ไม่ค่อยได้จดจำว่ามันเอกไหนเป็นเอกไหน ขนาดไอ้พัฟผมยังจำไม่ได้เลยว่ามันเรียนอะไร กำกับเหมือนกันป่ะวะ?) อีกฝ่ายหน้าใสกิ๊งจนผมล่ะอิจฉา หน้าผมก็ไม่ได้หมองอะไรหรอก แต่มันหน้าใสกว่าน่ะก็เลยกระตุกต่อมความอิจฉาของผม ฮ่า ๆ

“อือ มึงจะกลับไปนอนแล้วดิ”

“เออดิวะ อ้อ ไวท์ฝากมาบอกว่าให้มึงเก็บใบสต็อกของกะมึงไปให้พี่ผู้จัดการด้วย”

“โอเค แล้วของกะมึงอ่ะ?” มันย้อนถามผม ผมจึงพยักหน้าให้พลางว่า...

“กูฝากพี่แพรเอาไว้แล้ว” ผมหมายถึงรุ่นพี่สาวตัวเล็ก พนักงานประจำรอบกะเช้าที่มาถึงก่อนผมจะเลิกกะไม่นาน

“โอเค ๆ งั้นไว้เจอกัน มึงขี่รถกลับไหวนะ?” ไอ้ธีร์ถามเหมือนไม่มั่นใจว่าผมจะพาตัวเองกลับถึงบ้านหรือชนหมาข้างถนนตายเสียคู่ก่อน ผมตอบแล้วโบกมือให้มันไปด้วย ก่อนเดินออกจากซุปเปอร์ฯ เพื่อไปเอารถมอ’ไซค์ที่จอดไว้ตรงลานจอดรถของพนักงานตรงข้างร้าน

“ไหวดิวะ บ้านกูใกล้แค่นี้เอง ไปละ” ง่วงว่ะ เริ่มไม่แน่ใจแล้วว่าจะขี่รถกลับโดยไม่หลับในได้หรือเปล่า หากแต่ผมก็ต้องเหวอไปเมื่อมาถึงรถของตัวเองแล้วเจอเข้ากับคนที่ไม่คาดคิดว่าจะมาอยู่ตรงนี้... “ไอ้ท่านเจ้าที่!!”

คนโดนเรียกจิกตามองผมแล้วเอ่ยปากต่อว่าต่อขานทันที “มาเรียกข้าว่าไอ้ได้ยังไง! เจ้าเด็กไร้มารยาท”

“ท่านมาได้ไงน่ะ?” ผมไม่สนใจที่เขาพูดแล้วเอ่ยถามด้วยความงุนงงเสียแทน นึกขึ้นได้ว่าตัวเองอยู่ในที่สาธารณะ คนอื่นมาเห็นจะหาว่าผมพูดคนเดียวหรือเปล่าก็ไม่รู้ “นอกจากผมมีใครเห็นท่านอีกไหมเนี่ย”

“ไม่มี ข้ากำบังกายเอาไว้ มีแต่เอ็งที่ข้าให้เห็นตัวข้าได้”

“อ่อ งั้นผมก็ไม่ควรคุยกับท่าน เดี๋ยวคนอื่นมาเห็นจะหาว่าผมบ้าเอาได้”

“ไม่มีใครเห็นหรอกน่า” ท่านเจ้าที่ทำหน้าเบื่อหน่ายใส่ผม “แล้วนี่เอ็งเลิกงานแล้วรึ?”

“อือ กำลังจะกลับบ้านแล้ว ว่าแต่ท่านมาทำอะไรที่นี่ล่ะ บอกมาเลยเพราะผมอยากเสือก” ผมชิงตัดหน้าบอกเสียเองเลยว่าต้องการจะเสือก ไอ้ท่านเจ้าที่จะได้ด่าผมไม่ได้ หึ!

อีกฝ่ายทำท่าทีฮึดฮัดเมื่อโดนผมดักทัน ตอบเสียงห้วนเข้มกลับมาอย่างไม่พอใจว่า “บ๊ะ! ข้าก็มารับเอ็งน่ะสิ!”

“หา?”

ผมหูฝาดหรือเปล่าวะ? เมื่อกี้ท่านเจ้าที่เขาบอกว่า...

“ข้ามารับเอ็งกลับบ้าน”

...มารับ...

“มารับผม?”

“เออสิวะ! จะให้พูดอีกกี่รอบถึงจะเข้าใจ สมองน้อยจริง ๆ” เทวดาหุ่นนายแบบเอ่ยปากด่าผมอีกแล้วครับ

โว๊ะ! แล้วผมผิดอะไรวะ! เป็นใครก็ต้องถามมั้ยถ้าได้ยินคนที่ประกาศชัดว่าจะตามรังควานเรา แต่ตอนนี้ดันมาบอกว่ามารับเรากลับบ้านอ่ะ ไอ้ห่า! งงเว้ย!

“ท่านพี้ยามาหรือเปล่าวะท่านเจ้าที่”

“หยาบคาย! ข้าเป็นเทวดาอารักษ์ จะไปยุ่งเกี่ยวกับอบายมุขเลวทรามอย่างนั้นได้อย่างไร!!”

“ก็พูดอะไรแปลก ๆ ไม่ให้คิดว่าเมายาแล้วจะให้คิดว่าอะไรมิทราบ” ผมเถียงกลับไปอย่างไม่ยอมแพ้

“ข้าไม่ได้เป็นอะไรทั้งนั้น ก็แค่ไม่อยากให้เอ็งง่วงจนขี่รถหลับใน เกิดตายไปข้าก็ไม่ได้แก้แค้นเอ็งน่ะสิที่มาลบหลู่ข้า!” ท่านเจ้าที่ถลึงตาใส่ผม...อีกแล้ว ตั้งแต่เจอกันทำแบบนี้กับกูกี่ครั้งแล้ววะ “อีกอย่าง ถ้าเอ็งตายแล้วไปชนคนอื่นตายด้วยจะทำอย่างไร สงสารคนที่ต้องมารับเคราะห์เพราะเอ็งเสียบ้างไอ้หนู!”

โอ้โห ที่พูดมาทั้งหมดคือกลัวผมตายแล้วไม่ได้แก้แค้นสินะ แล้วก็กลัวผมไปทำคนอื่นตายด้วย แหม ๆๆ รักกันดีจังเลยเนอะ ไม่ค่อยจะแช่งกันเล้ย เฮอะ!

“โอเค ๆ ผมไม่อยากเถียงแล้ว ง่วงมากและอยากกลับไปนอน” ผมยกมือเป็นสัญญาณขอยอมแพ้

“งั้นก็เอากุญแจรถมา” ท่านเจ้าที่แบมือมาตรงหน้าผม

อยากจะถามนะว่าขี่เป็นด้วยเหรอ แต่ไม่เอาดีกว่า เดี๋ยวโดนด่าอีก ขอกุญแจแบบนี้ก็ต้องขี่ได้แหล่ะน่า

“อ่ะ” ผมโยนกุญแจรถไปให้เขา อีกฝ่ายรับไปก่อนจะดีดนิ้วทีหนึ่ง จากนั้นจึงขึ้นคร่อมมอ’ไซค์คันเก่งของผมแล้วกวักมือเรียกให้ผมขึ้นซ้อน แต่ผมก็อดถามเกี่ยวกับการกระทำของเขาเมื่อกี้ไม่ได้ว่า “เมื่อกี้ท่านดีดนิ้วทำไมอ่ะท่านเจ้าที่?”

“ข้าต้องปลดกำบังกายน่ะสิ ขืนขี่รถพาเอ็งกลับบ้านแต่คนอื่นมองไม่เห็นคนขับ เขาได้หลอนกันพอดี”

เออ นั่นสิเนอะ แต่เอาเถอะ ไงก็ได้อ่ะ รีบพาผมกลับบ้านสักทีเถอะ อยากนอนแล้ววว

“แว้นเลยท่านเจ้าที่” ผมบอกกับเขาก่อนจะกระโดดขึ้นคร่อมรถ รอจนร่างสูงสตาร์ทรถเรียบร้อย ผมถึงจะแนบหน้าผากเข้ากับแผ่นหลังเปลือยเปล่าของอีกฝ่ายแล้วหลับตาลง...ง่วงมาก ง่วงสุด ๆ

รถเคลื่อนตัวออกจากที่จอดรถพนักงานแล้ว ผมเดาว่าต้องมีคนมองพวกเราตลอดทางแน่ ไม่ได้มองผมที่กำลังจะหลับหรอกนะครับ แต่มองไอ้คนขี่รถที่ไม่ใส่เสื้อสักตัวต่างหากล่ะ...ซึ่งก็ช่างมันเถอะอีกนั่นล่ะ ตอนนี้ผมไม่สนอะไรแล้ว ความง่วงสำคัญกว่าความอายว่ะ

ผมปล่อยตัวเองให้ไหลไปตามความง่วงงุน แต่ก่อนที่สติสุดท้ายจะหลุดลอย ผมกลับสัมผัสได้ถึงมืออุ่น ๆ ที่จับแขนทั้งสองข้างของผมไปกอดเอวหนาเอาไว้ แม้จะเลือนรางแต่ผมก็รู้ตัวมากพอที่จะขยับแขนกระชับกอดแน่นขึ้น แล้วจึงจะหลับลงไปจริง ๆ ในที่สุด พร้อมกับเสียงสุดท้ายที่ดังเข้าสู่โสตประสาทว่า...

“รอให้ถึงบ้านก่อนก็ไม่ได้ เจ้าเด็กน้อยเอ๊ย”

 

กว่าจะมาถึงบ้านได้ท่านเจ้าที่ก็จะแทบเกร็งแข็งไปทั้งร่าง เพราะต้องพยุงตัวไม่ให้แทงค์หล่นลงจากรถไปในระหว่างทาง...พอจอดรถแล้วเทวดาหนุ่มก็ยังต้องนั่งนิ่งอยู่ในท่าเดิม เพิ่มเติมคือเหล่มองไอ้เด็กปากเสียที่หลับไหลไม่ได้สติด้วยความเอือมระอา แต่เมื่อนึกถึงเรื่องราวชีวิตของเจ้าเด็กนี่ที่เขาเคยไปถามกับเจ้าที่คนเก่ามา ก็โกรธเด็กมันไม่ลงจนได้

เอาเป็นว่าถึงจะยังขุ่นเคืองใจเรื่องที่แทงค์ด่าบ้านของเขาว่าเชยแสนเชย แต่เรื่องอื่นก็ไม่ได้แย่ล่ะนะ เนื้อแท้แล้วเด็กคนนี้เป็นเด็กดี ครั้งนี้เขาจะยกให้ก็แล้วกัน

ท่านเจ้าที่หนุ่มขยับปรับท่าจนสามารถอุ้มเด็กหนุ่มได้ จากนั้นจึงพาไปส่งยังห้องนอนโดยไม่ลืมเปิดพัดลมและห่มผ้าห่มผืนบางให้ด้วยกันเป็นหวัด ลูบหัวอีกฝ่ายเล็กน้อยก่อนกระซิบเสียงแผ่วข้างหูเด็กหนุ่มที่นอนหลับใหลอย่างเป็นสุข

“ขอให้ฝันดีนะเจ้าเด็กปากร้าย”

 

_________

ตอนนี้ท่านเจ้าที่ผีเข้าค่ะ ไปรับน้องแทงค์กลับบ้านด้วย มุมใจดีเขาก็มีนะเห็นเปล่าา 55 เจอกันตอนหน้านะคะ จะพยายามอัพให้ได้วันเว้นวันค่ะ แต่ไม่สัญญาเน้อ

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 23-12-2017 23:46:54 โดย Hazel_nut »

ออฟไลน์ em1979

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 464
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +29/-1
ท่านเจ้าที่ดูแลดีจังเลย มีไปรับด้วย

ออฟไลน์ แม้วธวัลหทัย

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-1
มาต่อแบบนี้คนอ่านชื่นใจจจจจจ

ท่านเจ้าที่เจ้าขา Service ดีเสียนี่กระไร
อยากจะทราบชื่อเสียงเรียงนามของท่านเสียจริงเชียวหนอ

ขอบคุณที่มาต่อนะเจ้าคะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Hazel_nut

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 164
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +164/-3
ตอนที่ 5

“ข้าหยิ่ง!”

 

ผมตื่นขึ้นมาอีกทีเวลาก็เลยเที่ยงมาจนเกือบบ่ายแล้ว ถึงว่าทำไมหิว ๆ ก็ผมยังไม่ได้กินข้าวอีกแล้วน่ะสิ คราวนี้มื้อเช้าควบกลางวันเลยแฮะ และเพราะเพิ่งตื่นนอนผมก็เลยยังขี้เกียจอยู่ พลิกตัวซุกหน้ากับหมอนไปมา ก่อนจะผุดลุกขึ้นนั่งเมื่อระลึกชาติได้ว่าตัวเองกำลังนอนอยู่บนเตียงในห้องนอนของตัวเอง

อ้าว แล้วผมมาอยู่ที่นี่ได้ไงวะ?

“กูเดินละเมอขึ้นมาเอง หรือว่าท่านเจ้าที่แบกมาส่ง?”

อย่างหลังนี่ดูมีความเป็นไปได้ยากว่ะ ผมคงละเมอเดินขึ้นมาเองนั่นล่ะ แบบคงง่วงมากจนจำไม่ได้ว่าตัวเองเดินขึ้นมานอนเอง อะไรทำนองนั้นล่ะ...รึเปล่า?

ผมเลิกคิดก่อนจะบิดขี้เกียจแก้เมื่อยเนื้อเมื่อยตัวแล้วพาร่างอันเหนียวเหนอะหนะเพราะทำงานมาตลอดทั้งคืนเข้าห้องน้ำ ยี่สิบนาทีต่อมาผมก็อยู่ในชุดใหม่กลิ่นตัวหอมฉุย

ตื่อดึ้ง!

เสียงไลน์ดังขึ้นเรียกให้ผมต้องหันไปมอง ใครทักมาล่ะเนี่ย...ก้าวเท้าไม่กี่ก้าวก็มาถึงสมาร์ทโฟนที่วางอยู่ข้างหมอน (มาอยู่นี่ได้ไงอีกวะ?) หน้าจอขึ้นพรีวิวข้อความค้างอยู่ มาจากกรุ๊ปไลน์ที่ชื่อว่า ‘พาร์ทไทม์ DC Super’

T T : ได้ส่งรูปภาพ...

ไอ้ธีร์? แล้วมันส่งรูปอะไรมาล่ะ?

ตื่อดึ้ง!

คราวนี้ไวท์ตอบกลับมาเป็นข้อความว่า...

Your White : ว้าว! แทงค์นี่ไม่เบาเลยแฮะ

ผมไม่เบา? อะไรไม่เบา น้ำหนักอ่ะเหรอ?

สุดท้ายผมก็กดเข้าไปดูเพื่อแก้ความสงสัย พอรูปอัพโหลดเท่านั้นแหล่ะผมงี้ตาโตจนแทบถลน อ้าปากค้างพูดอะไรไม่ออกไปชั่วขณะหนึ่ง

ไอ้เชี่ยยยยยยย!!!!!

จะไม่ให้ผมสบถได้ไงอ่ะ! ก็รูปที่ไอ้ธีร์มันส่งมาคือรูปที่ผมนอนเอาหน้าแนบกับแผ่นหลังเปลือยเปล่าของท่านเจ้าที่ แถมสองแขนยังโอบเอวหนาเอาไว้แน่น โดยคนที่โดนผมกอดใช้มือข้างหนึ่งจับแขนผมเอาไว้กันหล่น อีกมือบังคับแฮนด์รถ

T T : ไม่ธรรมดาว่ะไอ้แทงค์ ผัวมึงอย่างเท่

Your White : แถมยังหุ่นดีมากด้วย แต่ทำไมไม่ใส่เสื้อมาอ่ะ?

T T : ไอ้แทงค์มันลืมซักผ้าให้ผัวมั้งไวท์ 5555

TangK : ตลกละ ไอ้ธีร์ เขาไม่ใช่ผัวกูเว้ย แค่เพื่อนบ้านบ้า ๆ คนหนึ่ง

TangK : ไวท์ก็อย่าไปเชื่อมัน เรายังไม่มีผัวนะ

T T : หรอออ แน่ใจหรอออ

Your White: เราจะเชื่อก็ได้แทงค์ 55

ผมส่ายหน้าให้กับข้อความของทั้งสอง พนันได้เลยว่าไม่มีใครเชื่อผมสักคน กับไอ้ธีร์น่ะผมก็อยากจะด่ามันอยู่หรอกนะเพราะไอ้นี่แม่งกวนตีน แต่กับไวท์นี่ผมไม่กล้าด่าว่ะ ทั้งผมทั้งไอ้ธีร์ไม่มีใครกล้าหยาบคายใส่ไวท์สักคน

คือจะว่าไงดี แม้ว่าไวท์จะเรียน’ถาปัตย์ หน้าตาหล่อแบบเซอร์ ๆ ไว้ผมยาวเกือบถึงบ่าจนต้องรวบมัดเป็นจุกเล็ก ๆ ที่หลังหัว ดูเป็นกันเองแมน ๆ ไรงี้ แต่ไวท์จะมีออร่าอย่างหนึ่งที่ทำให้รู้สึกว่าไม่สามารถหยาบคายด้วยได้อ่ะครับ ผมเคยบอกไปแล้วนี่ใช่ป่ะ ว่าเขาเป็นคนที่ดูสุภาพมาก มากจนพวกผมยังอายเพราะสุภาพไม่ได้ขนาดนั้น ฮะ ๆ

จบ ๆ ไปกินข้าวดีกว่า มีอะไรทำกินประทังชีวิตได้บ้างวะเนี่ย หิวจนจะแทะผ้าปูที่นอนได้แล้วอ่ะบอกเลย

ผมลงมาก็เจอท่านเจ้าที่นั่งอ่านเอกสารเหมือนเมื่อวานไม่มีผิด อยู่ในมุมเดิม ท่าทางเดิมเลยด้วยซ้ำ นี่หุ่นขี้ผึ้งป่ะวะ ใครมันจะนั่งท่าเดิมได้เหมือนกับเมื่อวานเป๊ะขนาดนี้

“งานยังไม่เสร็จอีกเหรอท่านเจ้าที่”

“อ้าว เอ็งตื่นแล้วรึ” คนโดนทักเงยหน้าขึ้นมาเลิกคิ้วใส่ผม ไม่ตอบคำถามผมด้วยนะแต่เป็นฝ่ายถามเสียเอง แล้วยังออกคำสั่งต่ออีกว่า “ไปทำมื้อกลางวันสิ ข้าหิวแล้ว”

ผมไม่อยากเถียงเลยตอบรับแค่อืม ๆ แล้วลากสังขารอันหิวโหยไปทำอาหาร มีข้าว มีไข่กับผัก โอเค ทำข้าวผัดได้...หั่น ๆ ผัด ๆ อยู่สิบห้านาที ข้าวผัดไข่ธรรมดาสองที่ก็พร้อมเสิร์ฟ ยกจานมาวางที่โต๊ะกินข้าวโดยพยายามไม่ไปแตะโดนกระดาษทั้งหลายแหล่ของท่านเจ้าที่เขา

“อ่ะ ท่านเจ้าที่มากินข้าว” ผมเอ่ยเรียกอีกฝ่าย พูดไปแล้วก็เหมือนกำลังเรียกหมามากินข้างเลยอ่ะ ไอ้ฉิบหาย นั่นเทวดาเว้ยไอ้แทงค์ คิดอะไรชวนให้บาปกรรมอีกแล้วกูเนี่ย

คนโดนเรียกสะบัดมือหนึ่งครั้ง กองเอกสารก็หายวับไปต่อหน้าต่อตาผม...โห โคตรสะดวกสบายเลยว่ะ อยากได้แบบนี้บ้าง บางทีเขียนเพลงแล้วกองเศษกระดาษที่ผมโยนทิ้งส่ง ๆ ไว้มันกระจัดกระจายเต็มพื้น ผมก็ขี้เกียจเก็บทีหลังอ่ะ

เอ้อ ผมยังไม่ได้บอกใช่ป่ะว่าผมเรียนเอกดนตรี ตอนนี้อยู่ปีสองแล้วครับ เครื่องดนตรีที่ผมชอบและถนัดที่สุดคือกลองชุด แต่อย่างอื่นก็เล่นได้นะ พวกกีตาร์ เบส ผมชอบเล่นดนตรี อะไรที่ฝึกเล่นแล้วคิดว่าตัวเองทำได้ผมก็เล่นหมดอ่ะ ดนตรีทำให้ผมนึกถึงพ่อกับแม่ พวกท่านสนับสนุนผมให้เล่นดนตรีตั้งแต่เด็ก ๆ น่ะครับ

เราสองคน (หรือหนึ่งคนกับอีกหนึ่งเทวดาดีล่ะ) นั่งกินข้าวกันไปเงียบ ๆ มันเงียบจนผมอดเหลือบมองท่านเจ้าที่ไม่ได้ คือปกติเขาต้องหาเรื่องด่าผมไม่ใช่เหรอวะ ทำไมมาวันนี้เงียบแปลก ๆ หรือเขากำลังเครียดเรื่องงาน?

ผมก็อยากจะถามนะ แต่ไม่อยากโดนด่าว่าเสือกอีก แล้วอีกอย่างไอ้ท่านเจ้าที่เขาก็เป็นเทพเป็นเทวดา แก้ปัญหาได้ทุกอย่างอยู่แล้วแหล่ะน่า จริงไหมล่ะครับ

จนกินเสร็จอีกฝ่ายก็ยังไม่พูดอะไร แค่นั่งเอนหลังพิงพนักเก้าอี้ เหยียดขาขึ้นมาวางบนเก้าอี้ที่ผมนั่งเมื่อกี้ สองมือรองไว้ตรงต้นคอ มองผมที่กำลังล้างจานนิ่ง ๆ ไม่มีท่าทีเตรียมแขวะแซะด่าผมแต่อย่างใด วันนี้ลืมพี้ยารึเปล่าอ่ะ

ผมเหลือบสายตามองอีกฝ่ายอยู่อีกหลายครั้ง แล้วความคิดหนึ่งก็เด้งขึ้นมาในหัวตอนที่เผลอเหล่ซิกซ์แพ็กของท่านเจ้าที่นานไปหน่อย เอาอีกแล้ว ไอ้หกแพ็กนี่แม่งล่อตากูอีกแล้ว เดี่ยวแม่งก็ล่อลวงเจ้าที่ไปปล้ำเสียเลยนี่ หอกหัก!

ผมสะบัดมือที่เปียกน้ำสองสามครั้ง ก่อนจะเดินกลับมาที่โต๊ะกินข้าว ช่างใจคิดอีกเล็กน้อยแต่สุดท้าย...

“ผมสงสัย” เอ่ยขึ้นพลางกอดอกยืนพิงสะโพกกับขอบโต๊ะกินข้าว มองหน้าท่านเจ้าที่ไปด้วยขณะพูดต่อ “ทำไมท่านเจ้าที่ถึงไม่ใส่ชุดสีขาวแบบพวกพราหมณ์อ่ะ ที่มีหมวกทรงสูงแหลม ๆ”

“ชุดนี้น่ะรึ?” ท่านเจ้าที่เลิกคิ้วตามด้วยดีดนิ้วดังเป๊าะ!

แล้วจากที่อีกฝ่ายเปลือยท่อนบนใส่แค่กางเกงยีนส์สีดำซีดเป็นท่อนล่าง เวลานี้ทั้งตัวของท่านเจ้าที่ก็ปกคลุมไปด้วยชุดพราหมณ์สีขาวพร้อมหมวก แบบที่ผมเห็นเทวดาในละครใส่เปี๊ยบเลย

“ใช่ ๆ ชุดนี้แหล่ะ ปกติพระภูมิเจ้าที่ไม่ได้ใส่ชุดแบบนี้กันเหรอ?”

“เมื่อก่อนน่ะ แต่ตอนนี้ยุคสมัยมันเปลี่ยนไปแล้ว แบบเก่ามันเชยพวกเราเลยเปลี่ยนใหม่ แต่งตามใจชอบกันไป”

“แล้วท่านเจ้าที่นึกไงถึงใส่ยีนส์อ่ะ?” ผมถามอีก คือสงสัยอะไรก็ต้องถามไง ไม่สนใจด้วยว่าตอนนี้อีกฝ่ายกำลังมองผมแล้วสื่อทางสายตาว่า ‘เริ่มเสือกอีกแล้วนะเอ็งน่ะ’ ซึ่ง...เฮอะ! ใครสนกันล่ะ ก็คนมันอยากรู้นี่

“ข้าก็ดูจากนิตยสารแฟชั่นของโลกสมัยใหม่น่ะสิวะ” ถึงจะดูเหมือนรำคาญแต่ก็ยังตอบผมแฮะ ผมว่าท่านเจ้าที่ต้องเป็นพวกปากอย่างใจอย่างแน่ ๆ เลยว่ะ โถ ๆ พ่อคนซึนเดเระ

“นิตยสารของอะไรอ่ะ เผื่อผมสนใจไปซื้อมาลองแต่งตัวตามบ้าง” ผมถามพลางเอื้อมมือไปรินน้ำใส่แก้วยกขึ้นดื่ม เอาจริง ๆ ก็ไม่ได้สนใจอยากจะซื้อหรอก แค่อยากรู้ไปเรื่อยเปื่อยน่ะว่าอย่างท่านเจ้าที่จะอ่านนิตยสารแบบไหน

“อืม” เขาทำหน้าครุ่นคิด แต่คำตอบของเขาทำเอาผมสำลักน้ำพรวดออกมา “ถ้าของมนุษย์ ข้าอ่านเพลย์บอย”

“แค่ก ๆ ๆ” เดี๋ยวนะ? เพลย์บอยนี่มันหนังสือปลุกใจเสือป่าไม่ใช่เหรอวะ!? เทวดาบ้าอะไรอ่านหนังสือแบบนั้นอ่ะ!

“ท่านอ่านเพลย์บอยได้ยังไง มันผิดศีลนะ! เป็นเทวดาไม่ใช่ว่าควรตัดทางโลกเรอะ!” ผมเบิกตาโตรัวคำพูดใส่เขาด้วยความตกใจ เฮ้ย! ถ้าพระภูมิเจ้าที่อ่านนิตยสารปลุกใจเสือป่าได้นี่แม่งไม่ธรรมดาเกินไปแล้วนะครับ!

“ก็ใช่” ร่างสูงพยักหน้าหงึกหงัก มองผมที่ทำหน้าตื่นตกใจก่อนจะยกมุมปากขึ้น...คือเหมือนจะยิ้มนะ แต่มันดูเป็นรอยยิ้มแบบแปลก ๆ ว่ะ แบบ...ยิ้มเหมือนอยากขำแต่ไม่ยอมขำออกมาตรง ๆ อ่ะ “เพราะงั้นเมื่อกี้ข้าแค่พูดเล่นน่ะ”

“ฮะ?”

“พูด-เล่น” เทวดาหน้าหล่อย้ำคำ

ล้อเล่นเหรอออ เออ! แกล้งกูสนุกมากมั้งไอ้ท่านเจ้าที่โรคจิต โว้ย!!

ผมเขม่นตามองอีกฝ่าย ถอนหายใจใส่แรง ๆ แล้วว่า “นึกว่าจริง ตอบดี ๆ ดิ ตกลงอ่านอะไรกันแน่”

“ก็นิตยสารของสำนักข่าวแห่งสวรรค์น่ะสิ”

“อ่อ อืม โอ...เค๊ ผมไม่ถามแล้วดีกว่า ช่างมันเถอะ” ผมยอมแพ้ว่ะ ไอ้สวรรค์อะไรนี่มันมีกี่แผนกวะ ประหนึ่งโลกมนุษย์เลยจริง ๆ นะ มีที่ว่าการอำเภอแล้วยังมีสำนักข่าวอะไรนั่นอีก วุ้ย นึกภาพตามแล้วปวดหมอง!

แต่จะว่าไปมันก็มีอีกเรื่องนะที่ผมสงสัย ไม่มีโอกาสได้ถามเสียที ถามมันตอนนี้เลยก็แล้วกัน

“ท่านเจ้าที่ ท่านมีชื่อหรือเปล่า?”

คนโดนถามเลิกคิ้วมองผม ยกยิ้มที่ดูกวนโอ๊ยยังก็ไม่รู้มาให้ก่อนจะตอบ “มีสิ”

“งั้นท่านชื่อ...” ผมกำลังจะถามจนจบประโยคแล้วเชียว แต่อีกฝ่ายก็แทรกขึ้นมาเสียก่อนว่า...

“แต่ข้าไม่บอกเอ็งหรอก”

“อ้าว ทำไมอ่ะ?”

“ข้าหยิ่ง ข้าไม่อยากบอกเอ็ง!” ท่านเจ้าที่ถลึงตามองหน้าผมเหมือนอยากจะถามด้วยว่า ‘มีปัญหาอะไรไหมไอ้หนูน้อย!’แถมยังย้ำอีกรอบด้วยนะ "ข้าหยิ่ง!"

เออ! หยิ่งให้ได้ตลอดนะไอ้ท่านเจ้าที่

โว้ย!! ทำไมชีวิตผมต้องมาเจอพระภูมิโรคจิตตามรังควานด้วยวะ!


_____

สงสารนายแทงค์เขานะคะ ท่านเจ้าที่นี่เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย จู่ๆ ก็เงียบ แต่พอกลับมาพูดนี้ก็ปากร้ายอีกตามเคย 555 อยากบอกว่านิยายเรื่องนี้หาสาระไม่ได้นะคะ เป็นเรื่องที่ตัวเอกทั้งสองเอาแต่กวนประสาทกันไปมาค่ะ ฮาา แล้วพบกันตอนหน้านะคะทุกคน ขอบคุณที่เข้ามาอ่าน และขอบคุณทุกๆ คอมเมนต์เลยนะคะ แฮ่~

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 24-12-2017 00:27:01 โดย Hazel_nut »

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3433
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

ออฟไลน์ lukYRKM

  • Yesung ♥ Ryeowook | Kyuhyun ♥ Sungmin | FOREVER!
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 275
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-1
ชอบมากกกกกกกก ฮาได้อีก 55555555

ออฟไลน์ fc_fic

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2590
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-7

ออฟไลน์ แม้วธวัลหทัย

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-1
คนอ่านก็อยากรู้ชื่อของท่านเจ้าที่เหมือนกันนะเจ้าคะ
ขอบคุณที่มาต่อค่ะ ❤❤

ออฟไลน์ em1979

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 464
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +29/-1
ถามชื่อ ไม่ตอบ หยิ่งงอลลล

ออฟไลน์ loveview

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1912
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +87/-10
ท่านเจ้าที่จิตใจดีงามยอมแบกนายเอกเราส่งเตียงเสียด้วย

ออฟไลน์ GBlk

  • ขอให้สรรพสัตว์จงมีความสุข
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1431
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +82/-43

ออฟไลน์ Pe_no

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 375
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
ชอบเรื่องนี้  :mew2: เจ้าที่ใจดี

ออฟไลน์ suikajang

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 813
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-0
 :z1: น้ำลายไอ้หนูเวลาเห็นหุ่นท่าน  :m20:
สนุกมาคะ เรื่องน่ารักดี ชอบจ๊ะ  :katai2-1:    :pig4:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด