บทที่ 6
สเปค
“แล้วยังไงต่ออ่ะแก เล่ามาๆ กำลังลุ้นเลย”ข้าวหอมรีบเร่งให้ผมเล่าต่อถึงเหตุการณ์วันก่อนที่ผมไปทานข้าวกับพี่ต้าร์และพี่ฟ่าง นี่ผมก็เล่าถึงตอนที่ผมถามพี่ต้าร์ว่าแกมีแฟนหรือเปล่านั่นแหละครับ ที่จริงก็ไม่ใช่แค่ข้าวหอมหรอกครับที่อยากรู้ผมเองก็อยากรู้มากเหมือนกัน
“ก็แค่นั้นแหละ พอถามจบพี่ฟ่างก็ถือโทรศัพท์กลับมา บอกว่าน้องชายอยากคุยกับพี่ต้าร์ พอคุยโทรศัพท์จบก็ไม่ได้พูดเรื่องนี้กันอีกแล้ว”ผมบอกไปตามตรง
“น้องชายใคร น้องชายพี่ฟ่างอยากคุยกับพี่ต้าร์หรือน้องชายพี่ต้าร์ที่คุยกับพี่ฟ่าง ยังไง หอมงงไปหมดแล้ว”อย่าว่าแต่ข้าวหอมที่งงเลยครับ ผมเองก็งงที่อยู่ๆ พี่ฟ่างที่แยกตัวออกไปคุยโทรศัพท์เดินกลับเข้ามายื่นโทรศัพท์ให้พี่ต้าร์ ทั้งที่ทีแรกพี่ต้าร์บอกว่าคนในสายคือคนสำคัญของพี่ฟ่าง
“น้องชายมึงจะคุยด้วย”พี่ฟ่างยื่นโทรศัพท์มาพร้อมบอกกับอีกคน
“น้องชายกูเหรอ”พี่ต้าร์ที่ตอบรับยิ้มๆ อย่างมีลับลมคมนัยซึ่งผมเองก็ไม่เข้าใจหรอกนะครับว่ามันหมายความว่ายังไง ผมเพียงยิ้มให้พี่ฟ่างที่นั่งลง ส่วนพี่ต้าร์ก็ลุกออกไปด้วยท่าทางไม่เต็มใจสักเท่าไหร่
“ว่ายังไงครับไอ้น้องชายสุดที่เลิฝจะว่าอะไรกูอีก”นั่นคือเสียงแว่วๆ ที่ผมได้ยินก่อนที่พี่ต้าร์จะเดินห่างออกไป
“จริงๆ แกน่าจะหัดดื่มบ้างนะแปง ถ้าแกดื่มตามที่พี่ต้าร์เสนอป่านนี้แกรู้อะไรดีๆ เยอะแล้วเนี่ย”ตัดกลับมาที่ข้าวหอมผู้ซึ่งกำลังทำเสียงหน่ายๆ ใส่ผมอย่างไม่สบอารมณ์
“มันเรื่องส่วนตัวพวกพี่เค้าไหมละแก”ผมรีบเบรคอารมณ์ของเพื่อนตัวดีให้ลดความเผือกลงก่อน
“แกนี่ก็ชักช้า แอบปลื้มพี่เค้ามาตั้งนาน มัวแต่ลีลาอยู่นั่นแหละ ถ้ามั่นใจว่าพี่ต้าร์กับพี่ฟ่างไม่ได้เป็นอะไรกันแกก็คว้าพี่ต้าร์ไว้เลย จะได้มีผัว โอ้ย!”ดูเอาเถอะครับคำพูดคำจาของเพื่อนผม ทำเอาผมอดไม่ได้ที่จะฟาดเบาๆ ไปที่ต้นแขนของอีกฝ่าย แต่คุณเธอก็ทำท่าเจ็บเสียเต็มประดา
“แฟน แกจะได้มีแฟนสักทีไง แถมยังเป็นคนที่แกปลื้มมาตั้งนานแล้วด้วย แค่คิดชั้นก็ฟินแทนแกแล้วเนี่ย”เอาเข้าไปครับเหมือนตอนนี้เพื่อนผมจะหลุดเข้าโลกจินตนาการไปแล้ว แต่ผมเองยังไม่อยากจะคิดไปไกลหรอกครับ เพราะต่อให้พี่ต้าร์จะไม่ได้เป็นอะไรกับพี่ฟ่าง ก็ไม่ได้แปลว่าพี่เค้ายังไม่มีใครเสียหน่อยจริงไหมครับ
“เมื่อไหร่พี่โตจะมารับแกเนี่ย”ผมเปลี่ยนเรื่องโดยไม่สนข้าวหอมที่เหมือนจะยังอยากพูดประเด็นของพี่ต้าร์ต่อ วันนี้ข้าวหอมไปหาผมที่ทำงานตอนที่กำลังจะเลิกงาน แล้วก็เลยกลับมากับผม ส่วนตอนกลับก็ค่อยให้แฟนมารับอีกทีนั่นแหละครับ
“ทำเป็นมาเปลี่ยนเรื่อง พี่โตอ่ะเดี๋ยวก็ถึงช่วงนี้รถติด ชั้นเองก็ไม่ได้รีบอะไร กลับมาเรื่องแกกับพี่ต้าร์อีกนิดนะ ชั้นว่าจากที่ฟังแกเล่า ชั้นว่าพี่เค้าก็เหมือนจะอ่อยแกอยู่นะ”หืม ตรงไหนที่ทำให้ข้าวหอมคิดว่าพี่เค้าอ่อยผมกันละเนี่ย
“กลับมาแล้วคร๊าบ ลุง”เสียงตะโกนพร้อมเด็กตัวโย่งที่เดินเข้าประตูมาทำให้ทั้งผมและข้าวหอมหันไปมอง ส่วนเจ้าของเสียงก็ชะงักอยู่ที่หน้าประตู เมื่อเห็นว่าผมไม่ได้อยู่คนเดียว ที่เจ้าตัวกล้าเข้ามาอย่างถือวิสาสะขนาดนี้ เพราะช่วงนี้ทั้งมื้อเช้าและเย็นของผมแทบจะเป็นฝีมือของเด็กนี้เกือบทุกมื้อแล้วละครับ
“ขอโทษครับ ไม่นึกว่าพี่แปงมีแขก ว่าแต่พี่สาวคนสวยนี่ชื่ออะไรครับ ผมชื่อภู่นะครับ”ไอ้ประโยคแรกก็เหมือนจะดีอยู่นะครับ แต่ไอ้หลังๆ นี่คืออะไร แล้วเพื่อนผมนี่อีกพอเด็กชมว่าสวยหน่อย หน้าบานยิ้มจนปากจะฉีกแล้วเนี่ย
“พี่ชื่อข้าวหอมจ๊ะน้องสุดหล่อ นี่ถ้าไม่ติดว่าพี่มีแฟนแล้ว ก็อยากจะถามน้องภู่สักหน่อยว่าชอบคนอายุมากกว่าบ้างไหม”แหม นี่เพิ่งเจอกันไม่ถึง 2 นาทีตกลงนี่จะดีลกันแล้วหรือไง
“อะแฮ่ม”ผมแกล้งทำเสียงให้ทั้งสองละสายตาจากกันก่อน
“ภู่กลับไปเปลี่ยนชุดก่อนไหมจะได้มาเข้าครัว หิวจนไส้กิ่วแล้วเนี่ย”ผมบอกด้วยน้ำเสียงเหมือนการสั่งกลายๆ
“ครับผม”เด็กโย่งหันมาทำท่าตะเบ๊ะใส่ผมอย่างกวนๆ ก่อนจะหันหลังออกไป
“ใคร เล่ามาเลย”ทันทีที่เจ้าเด็กโย่งออกไปสายตาจับผิดจากเพื่อนตัวดีของผมก็จ้องเขม็งมาที่ผมอย่างคาดคั้น นี่ถ้าผมไม่เล่าอาจโดนแหกอกสินะครับเนี่ย ที่จริงมันก็ไม่ได้มีอะไรที่ผมจะต้องปิดบังข้าวหอมหรอกนะครับ อีกอย่างผมกับเด็กนี่ก็ไม่ได้มีอะไรมากไปกว่าเพื่อนบ้าน โอเคผมอาจจะเอ็นดูเด็กนี่อยู่บ้าง แต่ผมมั่นใจว่าผมไม่ได้คิดอะไรกับเด็กนี่แน่ๆ กวนประสาทก็เป็นที่หนึ่ง
“น้องข้างบ้านนี่แหละ เป็นหลานเจ้าของบ้านที่เช่าอยู่นี่แหละ เขาก็ฝากว่าช่วยๆ ดูแลให้ด้วยแค่นั้นแหละ ชั้นก็แค่เอ็นดูเหมือนน้องเหมือนนุ่งเท่านั้นเอง”ผมรีบอธิบายทั้งที่ก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน ว่าทำไมต้องกลัวยัยข้าวหอมนี่เข้าใจผิด
“จริงอ่ะ”และแม้จะบอกไปขนาดนั้นแม่เพื่อนตัวดีของผมก็ยังทำท่าจะแซวไม่เลิกครับ
“จริงดิ”ผมต้องทำเสียงต่ำ สีหน้าจริงจังเพื่อยืนยันให้เพื่อนเข้าใจ
“แล้วทำไมต้องเขินด้วยอ่ะ”สายตาจับผิดของข้าวหอมยังคงจ้องมาจนผมต้องหลับตาและรีบปฏิเสธ
“บ้า ใครเขิน ไม่ได้เขิน”ผมว่าผมไม่ได้เขินจริงๆ นะครับ แค่รู้สึกไม่อยากสบตากะยัยนี่เวลาพูดเพราะสายตาดูเหมือนจ้องแต่จะจับผิดผม แล้วผมก็แค่ไม่รู้จะทำตัวยังไงแค่นั้นเอง มือไม้ก็ไม่รู้จะวางไว้ตรงไหนทำไมรู้สึกตัวเองเก้ๆ กังๆ ไปหมดเนี่ย ผมว่าผมไม่ได้เขินจริงๆ นะครับ
“ไม่เขินก็ไม่เขิน ว่าแต่เมื่อกี้อะไร เปลี่ยนชุดเข้าครัวคืออะไร น้องสุดหล่อนั่นมาเป็นพ่อครัวส่วนตัวแกงี้เหรอ คือยังไง”ผมหันกลับมายิ้มแห้งๆ ให้เพื่อน ที่จริงด้วยความที่เราสนิทกันมากมีอะไรก็ต่างคนต่างเล่าให้กันฟังทุกเรื่อง แต่อาจเพราะช่วงนี้ผมแยกออกมาอยู่คนเดียวที่นี่แถมยังวุ่นๆ กับการเริ่มทำงาน เลยไม่ค่อยมีเวลาคุยกับข้าวหอม ผมก็เลยลืมเล่าเรื่องนี้ไปเลย พอโดนจี้ถามแบบนี้ก็รู้สึกแปลกๆ เหมือนกันนะครับเนี่ย
“ก็ไม่มีอะไร ต่างคนก็อยู่คนเดียวไง เลยมาทำกับข้าวกินด้วยกัน”ผมแอบอมยิ้มนิดๆ เมื่อนึกถึงสาเหตุที่ทำให้ทั้งผมและเด็กข้างบ้านนั่นต้องมาทานข้าวด้วยกันแทบจะทุกเช้าเย็น นี่ถ้าเด็กนั่นเก็บเงินซื้อกีตาร์ได้ครบตามจำนวนเค้ายังจะมาทานข้าวกับผมแบบนี้อีกไหมนะ
“เกลียด นี่ชั้นกับพี่โตยังไม่มีโมเม้นต์อะไรแบบนี้เลย นี่แกย้ายมาอยู่ข้างนอกแปปเดี๋ยวมีทั้งหนุ่มในฝันอย่างพี่ต้าร์ แถมหนุ่มน้อยกางเกงขาสั้นวัยกรุ๊บกรอบนี่อีก แกไปทำเสน่ห์อาจารย์ไหน บอกชั้นมาเลยนะแปง”เสียงข้าวหอมพุ่งสูงปรี๊ดตะโกนใส่ผมด้วยความหมั่นไส้ แม้จะรู้ว่าเป็นแค่การแหย่ผมเล่น แต่ไอ้เสียงแหลมขนาดนี้ผมเองก็ต้องรีบเอามืออุดหูเหมือนกันแหละครับ
“เสียงดังไปถึงปากซอยแล้วหอม ทำไรเนี่ย”พี่โตที่โผล่มาแบบไม่ให้ซุ่มให้เสียง หรืออาจจะมีเสียงแต่เราสองคนมัวแต่คุยกันก็เป็นได้
“หวัดดีครับพี่โต”ผมทักทายตามปกติ ส่วนคุณเพื่อนตัวดีของผมนะเหรอครับ พอแฟนมาก็รีบไปสิง เอ้ย ไปคล้องแขนประกบยังกับกลัวใครจะแย่งงั้นแหละครับ ทั้งที่ก็อยู่กันแค่นี้
“ก็แปงอะพี่โต มีแฟนแล้วปิดเพื่อน แถมไม่มีธรรมดาด้วยนะมีทีเดียวสองคน”เอาเข้าไปครับเพื่อนผม นี่ถ้าเป็นคนอื่นมาได้ยินคงตกใจแล้วคิดว่าผมเป็นคนไม่ดีแน่ๆ ที่คบทีเดียวสองคน แต่โชคดีที่นี่คือพี่โตที่เข้าใจธรรมชาติของข้าวหอมผู้ซึ่งพูดทุกอย่างได้เกินจริงเกือบสิบเท่า และพี่โตเองก็รู้จักผมว่าเป็นคนยังไง
“นี่มีคนมาจีบแปงถึง 2 คนเลยเหรอ”นี่ขนาดว่าพี่โตพยายามตีความลดลงจากที่แฟนสาวของแกพูดแล้วนะครับ ก็ยังคลาดเคลื่อนอยู่ดี
“ไม่มีใครจีบหรอกพี่ หอมก็พูดไปเรื่อย”ผมรีบบอกก่อนที่พี่โตเองจะเข้าใจผิดไปกันใหญ่
“อย่างพี่ต้าร์นั่นไม่เรียกจีบแล้วเรียกอะไรดี อ่อยแกงี้เหรอ”แต่ดูเพื่อนผมนี่จะไม่ยอมแพ้ครับ ทั้งที่ผมว่าที่จริงแล้วพี่ต้าร์เค้าก็คงเอ็นดูผมเหมือนรุ่นน้องคนนึงนั่นแหละครับ อีกอย่างผมเองก็เพิ่งเข้าทำงานใหม่ด้วย แถมเป็นน้องเล็กสุดในแผนก พี่ๆ เค้าก็ต้องเอ็นดูกันเป็นธรรมดาแหละครับ
“แต่จริงๆ พี่ว่าแปงมีแฟนก็ดีนะ จะได้ไม่เหงายิ่งออกมาอยู่คนเดียวแบบนี้ รีบมีแฟนอะดีแล้ว”พี่โตพูดพร้อมกับเอาถุงที่แกหอบพะรุงพะรังมา ซึ่งดูๆ แล้วน่าจะเป็นกับข้าวเสียส่วนใหญ่ เอาละสิผมก็ลืมไปเลยว่าให้พี่โตซื้อกับข้าวมาทานด้วยกัน เอาไงดีละผมทีนี้ แต่พี่โตซื้อมาเยอะขนาดนี้แค่ชวนเด็กโย่งนั่นกินด้วยอีกคนไม่น่าจะเป็นไรหรอกมั้ง
“พี่โตไม่น่าซื้อกับข้าวมาเยอะแยะขนาดนี้เลย เดี๋ยวนี้แปงเค้ามีพ่อครัวส่วนตัวแล้วนะรู้หรือเปล่า”นั่นไงครับ ยังไม่ทันที่ผมจะพูดอะไร คุณเพื่อนตัวดีผมก็วกมาแซวผมอีกแล้ว
“มาแล้วครับ”นี่ก็ตายยากเหลือเกินครับ ทั้งผม ข้าวหอม พี่โต หันไปมองเจ้าของเสียงเป็นตาเดียว ส่วนเจ้าของเสียงก็ชะงักไปเพราะคงไม่คิดว่าจะมาเจอใครเพิ่มอีกนอกจากข้าวหอม
“พี่แปงมีแขกแบบนี้...”นี่ก็จะมาแสดงอาการสงบเสงี่ยมอะไรตอนนี้ ทุกทีออกจะกวนสารทผมได้ตลอด แล้วคู่รักตรงหน้าผมนี่อีก พี่โตทีแรกก็ดูนิ่งๆ ไม่อะไรทีแบบนี้พร้อมใจกันหันมาจ้องผมด้วยรอยยิ้มล้อเลียนนี่อีก
“แขกที่ไหนเข้ามา นี่ก็ข้าวหอมไงรู้จักแล้ว นี่ก็พี่โตแฟนข้าวหอม”แล้วเจ้าเด็กโย่งนี่ก็ปรับสีหน้าเร็วยิ่งกว่ากิ้งก่าครับ ยิ้มแป้นเลยทีเดียว พอผมบอกให้เข้าบ้านมา เค้ายกมือไหว้พี่โตพร้อมกับแนะนำตัว
“เออมาๆ พี่ซื้อกับข้าวมาเยอะเลย มาทานด้วยกัน”พอบอกน้องมันเสร็จทำไมพี่โตต้องหันมามองผมด้วยสายตาแปลกๆ ด้วยละเนี่ย นี่ชักเริ่มไม่มั่นใจแล้วว่าคิดถูกหรือคิดผิดที่ให้คู่รักคู่นี้มาบ้านวันนี้
“งั้นเดี๋ยวผมเอาไปใส่จานให้ครับ”นี่ก็เหมือนรู้งานรีบรับถุงกับข้าววิ่งเข้าห้องครัวไปเลย ทั้งหอมทั้งพี่โตมองตามจนเค้าลับตาไปแล้วก็หันมาจ้องผมต่อ
“ยังไง ยังไง”แล้วนี่ทำไมสองคนนี้ต้องมาถามเหมือนผมทำความผิดหรือปิดบังอะไรไว้ละเนี่ย
“เดี๋ยว...ไปช่วยน้องแกะกับข้าวก่อนนะ”ผมตัดบทโดยไม่สนใจสีหน้าเซ็งๆ และเสียงถอนหายใจหน่ายๆ ของทั้งคู่
“โอเคหรือเปล่า”ผมถามทั้งที่มือก็หยิบจานช้อนไปด้วย ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมผมถึงถามออกไปแบบนั้น หรืออาจแค่เพราะจะหาเรื่องคุยกับเค้า
“โอเคอะไรพี่”เค้าหยุดมือที่กำลังเทกับข้าวใส่จาน หันมามองผมด้วยความไม่เข้าใจ
“ก็ที่ต้องมากินข้าวกับเพื่อนๆ พี่นี่ไง”ผมอธิบาย เพราะเกรงว่าเค้าจะเกร็งหรือเปล่าที่ต้องมาทานข้าวกับคนที่ไม่ได้สนิท เพิ่งจะรู้จักผมก็กลัวว่าเค้าจะอึดอัดหรือเปล่า แต่ที่ผมชวนเค้าทานข้าวด้วยก็เพราะรู้สึกว่าอยากให้ทั้งเค้าและข้าวหอมรวมทั้งพี่โตเนี่ยรู้จักกันไว้ คู่นั้นจะได้ไม่ต้องมาแซวผม ให้รู้จักกันไว้แบบนี้อ่ะดีแล้ว ว่าเป็นพี่น้องบ้านใกล้เรือนเคียงกันแค่นั้น
“โหโอเคสิพี่ ดีเสียอีกไม่ต้องทำเอง”ดูแล้วคงผมเองนี่แหละครับที่คิดมากไปเอง เด็กนี่ออกจะสบายๆ สบายจนน่าหมั่นไส้แล้วครับเนี่ย
“เพื่อนแปง ไม่ต้องแอบเติมน้ำตาลนะ ช่วงนี้ชั้นลดความหวานอยู่”ภู่หันมามองหน้าผมงงๆ ว่าหมายความว่าไง ผมเลยบอกไปว่าอย่าสนใจเพื่อนผมก็บ้าๆ บอๆ แบบนี้แหละ เพราะจริงๆ ก็รู้แหละครับว่าข้าวหอมจงใจแกล้งแซวผม ผมกับภู่จัดกับข้าวใส่จานไม่นานก็เรียบร้อย พร้อมยกออกมาวางที่โต๊ะกินข้าว ที่มีสองคนคู่รักมองผมกับภู่ด้วยสายตาและรอยยิ้มแปลกๆ
“ส่งจานมาเดี๋ยวผมตักข้าวให้ครับ”หลังจากตักข้าวให้ผมเสร็จ จะตักข้าวให้ข้าวหอมต่อ แต่เห็นรอยยิ้มกับท่าทางของเพื่อนแล้ว ผมก็ได้แต่ถอนหายใจ เดี๋ยวต้องมีอะไรแซวผมอีกแน่ๆ
“อุ้ยๆ บริการทุกระดับประทับใจ”นั่นไงครับ แถมไม่พูดเปล่า สายตานี่มองผมแบบตั้งใจล้อตั้งใจแซวสุดๆ ครับ แต่พอเริ่มทานข้าว ก็เหมือนจะเลิกสนใจผมไปบ้าง ข้าวหอมก็หันไปอ้อนพี่โตให้ตักนั่นตักนี่ให้บ้างตามประสา แต่ก็ดีครับ จะได้ไม่ต้องมาจ้องแต่จับคู่ให้ผมกับไอ้เจ้าเด็กโย่งนี
“พี่กินปลาไหมเดี๋ยวผมตักให้”แต่แล้วไอ้คนที่หางานให้ผมก็คือคนข้างๆ นี่แหละครับ เข้าใจว่าไอ้ปลาทอดมันวางห่างผม แต่แขนผมก็ไม่ได้สั้นขนาดจะเอื้อมตักเองไม่ถึง แถมถามจบไม่ได้รอให้ผมตอบ ตักมาใส่จานผมเรียบร้อย จะปฏิเสธก็ไม่ทัน ส่วนคู่รักสองคนฝั่งตรงข้ามนะเหรอครับ รีบสะกิดกันดูเต็มที่ เดี๋ยวคงมีแซวอะไรอีกแน่ๆ
“น้องภู่นี่มีแฟนหรือยังจ๊ะ”นั่นไงละ นี่เริ่มจะดึงเข้าเกมชงมาใส่ผมอีกใช่ไหมเนี่ย
“ก็”
“มีแล้ว แถมวันก่อนยังมาตบแย่งกันถึงหน้าบ้านนี่เลย”ผมรีบชิงตอบตัดหน้า ก่อนที่เด็กนี่จะหลวมตัวไหลไปตามเกมของยัยหอมครับ
“โหพี่ก็เล่าซะผมเสียหมดเลยเนี่ย”แหมนี่ก็ทำมาเป็นโวยวาย ผมพูดผิดเสียที่ไหนละครับ ก็วันก่อนมีสองสาวมาตบกันหน้าบ้านจริงๆ แถมเรียกผมลุงอีกต่างหาก
“ก็มันจริง แล้วนี่เลือกได้หรือยังว่าคนไหน”ผมรีบพูดต่อก่อนที่ยัยหอมกับพี่โตจะหาช่องแซวผมอีก
“สองคนนั้นผมไม่สนแล้วพี่ ตอนนี้ผม...”แล้วนี่จะหันมามองผมทำไมละเนี่ย
“แค่กๆ”แต่ยังไม่ทันที่ภู่จะพูดจบเสียงข้าวหอมที่สำลักกับข้าวก็ดังขึ้นเรียกความสนใจจากทุกคนเสียก่อน
“น้ำๆ อ่ะนี่แฟนซื้อกับข้าวมาถูกปากแค่นี้ถึงขั้นสำลักเลยเหรอหอม”ผมยื่นแก้วน้ำให้พร้อมแกล้งแหย่เพื่อนกลับไปนิดหน่อย
“หยุดเลยแปง เพราะเดี๋ยวเราคงต้องคุยกันยาว”อ้าว แล้วไหงมันย้อนกลับมาลงที่ผมอีกละเนี่ย สายตาจับผิดนั่นอีกทำอย่างกับว่าผมมีอะไรปิดบังอีกอย่างนั้นแหละ
“เออพี่ ทีแรกนะผมนึกว่าพี่สองคนเป็นแฟนกันเสียอีก”เสียงของไอ้น้องภู่ดังขึ้นขัดจังหวะการส่งสายตาโต้ตอบของผมกับข้าวหอม
“พี่กับไอ้แปงเนี่ยนะ โอ้ยแค่คิดก็ขนลุกแล้ว”แหม ทำมาเป็นทำท่ารังเกียจเพื่อนนะยัยเพื่อนตัวแสบ
“น้อยๆ หน่อยหอม ชั้นก็ไม่ได้พิศวาสแกนักหรอก”มีเหรอครับที่ผมจะยอมแพ้ความเล่นใหญ่ของแม่เพื่อนตัวดี งานนี้ผมก็แสดงท่าทางรังเกียจกลับไปไม่แพ้กันครับ
“ฮ่าๆ”สุดท้ายทุกคนก็หัวเราะออกมากับท่าทางของพวกผมสองคน จะว่าไปนี่ก็ชักจะอายน้องมันเหมือนกันนะครับ โตกันจนป่านนี้ยังมาเล่นอะไรอย่างกับเด็กๆ อีก
“แปงยังไม่มีแฟนหรอก พวกพี่ก็ลุ้นอยู่เนี่ยกลัวแก่ไปจะไม่มีใครเอา ภู่อยู่ใกล้ๆ แบบนี้ก็ช่วยหาแฟนให้แปงบ้างสิ”โหพี่โต เห็นเงียบมาพักใหญ่ พอเปิดปากพูดทีนี่ เล่นผมแบบนี้เลยเหรอครับเนี่ย ดูทุกคนจะมีปัญหากับการที่ผมโสดเสียเหลือเกินครับ
“พี่โตนี่น้องเอง อย่าเล่นน้องแรง”ผมแกล้งพูดกดเสียงต่ำเผื่อพี่โตจะเอ็นดูและไม่แกล้งผมมากไปกว่านี้
“แล้วสเปคพี่แปงเป็นแบบไหนเหรอครับ”ผมหันควับมองคนข้างๆ ทันที ตกลงนี่ผมโดนรุมถูกไหมครับ บทสนทนาตอนนี้ดูมันกลายเป็นเรื่องของผมล้วนๆ เสียแล้ว
“สเปคแปงเหรอ พี่บอกเองๆ แปงชอบคนอายุน้อยกว่า น้อยกว่าหลายๆ ปีเลยก็ไม่เกี่ยงนะ แล้วก็ทำกับข้าวเป็น แค่นี้แหละมั้ง ใช่ไหมพี่โต”นั่นไง พูดมาขนาดนี้ไม่บอกไปเลยไหมว่าสเปคผมเนี่ยมันไอ้น้องที่นั่งข้างๆ นี่แหละ นี่กะชงให้ได้กันวันนี้เลยหรือไงเนี่ย
“ตกลงนี่สเปคแกหรือสเปคชั้นเนี่ยยัยหอม รู้ดีกว่าชั้นอีก”ผมเบรคยัยหอมไว้พร้อมส่งสายตาอาฆาตให้เลิกเล่น แล้วกินข้าวต่อ แต่บรรยากาศก็ยังคึกครึ้น ดูไอ้น้องภู่นี่ก็พูดคุยถูกคอกับทั้งข้าวหอมและพี่โต จากทีแรกที่ผมกลัวเค้าจะอึดอัด ก็กลายเป็นว่ารู้ไม่น่าให้พวกนี้รู้จักกันเลย ไปๆ มาๆ ดูทุกคนจะรุมผมเสียมากกว่า
“ต้องรีบกลับเลยไม่ได้ช่วยเก็บจานล้างจานเลยอะน้องภู่”เสียงข้าวหอมพูดอย่างสำนึกผิด แต่ผมว่าแกล้งทำเป็นพูดดีมากกว่า
“ไม่เป็นไรครับ ไว้คราวหน้าอย่าลืมมาชิมฝีมือผมด้วยนะครับทั้งสองคนเลย”นี่ก็ร่ำลายังกะเป็นบ้านตัวเอง ถึงนี่จะเป็นบ้านน้าเค้าก็เถอะ แต่ตอนนี้ผมเป็นคนเช่า ถือว่าเป็นบ้านของผม
“ไปแหละไม่อยากอยู่เป็นก้าง”ก่อนกลับยัยข้าวหอมยังไม่วายมากระซิบข้างหูผมอีก แต่ช่างเถอะครับ ผมจะไม่ถือสาแล้วกัน
“เพื่อนพี่นี่ก็คุยสนุกดีนะครับ”ผมหันมองอีกคนที่เหลือ ถ้าไม่ติดว่าจะให้ช่วยล้างจาน ก็อยากจะไล่กลับบ้านไปเหมือนกันแหละครับ เวลาอยู่กันสองคนประสิทธิภาพการกวนประสาทของเด็กนี่ก็ใช่ย่อยที่ไหนละ
“อะไรที่เพื่อนพี่พูดก็อย่าเก็บมาถือสามาก”ผมรีบออกตัวเพราะถึงข้าวหอมกับพี่โตจะไม่ได้พูดออกมาตรงๆ แต่ทั้งคู่ก็ชงไอ้น้องภู่นี่ให้ผมเหลือเกิน
“เรื่องอื่น ผมไม่ติดใจนะแต่เรื่องสเปคลุงนี่ มันผมชัดๆ ลุงชอบผมอ่อ”นั่นไงไอ้เด็กบ้านี่ ก็รู้ทั้งรู้ไหมว่าสองคนนั้นพูดเล่นยังจะมาแซวผมอีก
“กลับบ้านไปเลย เดี๋ยวจานนี่ล้างเองก็ได้ แล้วเมื่อไหร่จะเลิกเรียกพี่ว่าลุงสักที อีกอย่างพี่ไม่ได้ชอบเด็ก จบไหม”ผมรีบผลักเค้าออกจากบ้าน
“นี่เขินจนต้องโมโหกลบเกลื่อนหรือเปล่าเนี่ยลุง”ยังครับยังจะเล่นอีก
“ไปเลยกลับบ้านไปได้แล้ว รำคาญ”ผมรีบย้ำก่อนที่จะปวดหัวกับไอ้น้องภู่นี่มากไปกว่านี้
“งั้นผมไปละ ฝันดีนะครับลุง”
TBC