ตอนที่ 8 : ชาเขียวแก้มแดง “เลี้ยงข้าวเราด้วย รู้ไหมว่าให้ผู้หญิงเรียบร้อยมาทำท่าบ้าผู้ชายเนี่ยมันเสียความเป็นกุลสตรีแค่ไหน” ฟ้าใสบ่นเป็นหมีกินผึ้ง มาสนามบอลทีไรเธอต้องเป็นคนออกหน้าว่าอยากมาทุกทีเสียภาพพจน์หมด
“คนเสื้อแดงที่วอร์มอยู่ฝั่งโน้นหล่อดี ไม่เคยเห็นหน้ามาก่อน” ณดลพูดลอยๆ สายตาจับจ้องไปยังขอบสนาม
“ไหนๆ” ฟ้าใสตาลุกวาวรีบกวาดตาไปทั่วเพื่อมองหาพิกัด เมื่อเห็นหน้าคนที่เพื่อนพูดถึงเต็มสองตาถึงรู้ว่าโดนหลอกเข้าแล้ว
“ตกลงเรายังต้องเลี้ยงข้าวฟ้าใสอยู่ไหม” ปัตย์ทำตาปริบๆ มองหน้าฟ้าใส อยากรู้ว่ากรณีนี้เขายังต้องจ่ายอยู่หรือเปล่า
“บ้านี่มันการแสดง เราต้องฝึกไว้เดี๋ยวไม่เนียน” ฟ้าใสจับสองบ่าของปัตย์ ทำหน้าจริงจับสบตาเพื่อน
“เหรอ” ณดลลากเสียยาว สำหรับเขาฟ้าใสไม่ใช่ผู้หญิงก๋ากั๋นแต่ก็ห่างไกลจากคำว่ากุลสตรีนัก
“แล้วนี่ยังไง สรุปคือต่อไปมาดูได้ทุกวันเพราะได้รับการอนุมัติแล้วใช่ไหม”
“น่าจะอย่างนั้นมั้ง” ปัตย์ก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน องศาชวนเขามาวันนี้ไม่ได้พูดคำว่าทุกวัน ปัตย์จึงไม่กล้าเข้าข้างตัวเองเต็มร้อยแม้จะคิดเห็นไปทางเดียวกับณดล
“มันแน่อยู่แล้วเจ้าตัวพูดเองจะไม่ใช่ได้ยังไง แต่อยากรู้จริงๆ องศามาหาใครที่คณะ” ฟ้าใสยังวนเวียนอยู่กับเรื่องที่ค้างคาใจ ถ้าให้เธอเดาต้องสาวสวยคนใดคนหนึ่งแน่
“จะพูดขึ้นมาทำไม” ณดลเห็นหน้าจ๋อยๆ ของปัตย์จึงรีบห้ามฟ้าใส ดูเหมือนอีกฝ่ายจะรู้ตัวแล้วเช่นกัน
“มาหาเพื่อนมั้ง ไม่งั้นต้องตอนปัตย์ลงไปต้องเห็นผู้หญิงเกาะแข้งเกาะขาอยู่บ้างสิ”
“ไม่ได้ช่วยอะไรเลย” ณดลโคลงศีรษะให้กับสิ่งที่ฟ้าใสยกขึ้นมาพูด
“หิว” นั่นอย่างไรเครียดทีไรคิดมากทีไรปัตย์เป็นต้องหิวขึ้นมาทันที ณดลเปิดกระเป๋าเป้หยิบถุงขนมส่งให้ ไม่ใชว่าเขาเตรียมพร้อมมาอย่างดีแต่เจ้าตัวเป็นคนฝากไว้
“มันฝรั่งทอด แล้วเมื่อไหร่จะลดได้ปัตย์ไหนว่าคราวนี้จะเอาจริง” ฟ้าใสบ่นแต่มือก็เอื้อมไปหยิบขนมของเพื่อนกิน
“ก็ว่าจะลด องศาชอบเรียกเราอ้วน”
“น่ารักดีออก”
“ไม่เห็นน่ารักเลย” ปัตย์หน้ามุ่ย ใครอยากให้คนที่ชอบเรียกว่าอ้วนบ้าง
“มาแล้ว” ณดลให้สัญญาณเมื่อเห็นองศาเดินตรงเข้ามาหา
“มาเร็วนี่ สวัสดีครับพี่ฟ้าใสพี่นะ” ปัตย์รับรู้ได้ถึงการแบ่งคำพูด ทุกทีเลยองศาชอบแบ่งแยกเขากับเพื่อน
“สวัสดี” ปัตย์รอให้ณดลกับฟ้าใสทักทายตอบเรียบร้อยแล้วจึงแก้ตัว
“วันนี้ผมเลิกเร็ว” ปัตย์ไม่อยากให้องศาเดาได้ว่าเขารีบมาแทบตาย ปัตย์อยากเห็นองศาตั้งแต่วินาทีแรกจนถึงซ้อมเสร็จ อยากใช้เวลาให้คุ้มค่า
“ฝากกระเป๋าหน่อย” องศาส่งกระเป๋ากีฬาให้ปัตย์ ขำที่กระต่ายอ้วนทำตาโตเหมือนเห็นของประหลาด
“อะไร แค่กระเป๋าไม่มีระเบิดหรอกน่า” เมื่อกระต่ายอ้วนไม่ยอมเอื้อมมือมารับ องศาจึงถือวิสาสะวางกระเป๋าลงบนตักปัตย์
“กระเป๋าตังค์โทรศัพท์อยู่ในนั้นห้ามทำหายล่ะ”
“หายผมก็ไม่ผิด ผมไม่ได้รับฝากเสียหน่อย”
“ไม่ผิดแต่ถ้าหายปัตย์ต้องเลี้ยงข้าวผมทั้งเดือน”
“เรื่องอะไรเล่า” ปากอิ่มยื่นออกน้อยๆ เพราะกระต่ายอ้วนชอบทำหน้าแบบนี้องศาถึงชอบแกล้ง
“อีกสองหนุ่มจะฝากพี่ไว้ไหม ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว” ฟ้าใสแบสองมือไปข้างหน้า
“รบกวนด้วยครับ” ภาคส่งกระเป๋าให้ฟ้าใส ความจริงวางไว้เก้าอี้ข้างสนามจะสะดวกพวกเขามากกว่า แต่ในเมื่อองศาฝากไว้ที่นี่ภาคคิดว่าควรฝากไว้ด้วยกัน
“ขอบคุณครับ ของผมวางไว้กับพื้นก็ได้” ครามกล่าวขอบคุณณดลที่ช่วยรับกระเป๋าไป
“พี่องศา” เสียงเรียกหวานหูดังมาก่อนตัว สาวน้อยหน้าหมวยเดินส่งยิ้มหวานมาแต่ไกล
“นี่ค่ะ” มือขาวเนียนยื่นน้ำส้มสองขวดมาตรงหน้าองศา “น้ำส้มเหมือนเดิมเพิ่มเติมคือกำลังใจเต็มเปี่ยม” ฟ้าใสแอบขนลุกกับเสียงหวานหยด เอาน้ำมาให้มันต้องมีสโลแกนด้วยเหรอเธอก็เพิ่งรู้
“ขอบคุณครับ แต่ไม่ต้องเอามาให้พี่ทุกวันก็ได้แจง พี่เกรงใจ”
“ไม่ได้ค่ะ แจงอยากให้พี่องศาได้ดื่ม ของแจงรับประกันความสดใหม่” ฟ้าใสลอบสบตากับณดลต่างคนต่างพยายามกลั้นหัวเราะ ไม่แน่ใจว่าสาวเจ้าพูดถึงน้ำส้มหรือกำลังโฆษณาสรรพคุณตัวเองกันแน่
“ถ้าอย่างนั้นก็ขอบคุณมากครับ”
“แจงไปรอเชียร์ริมสนามนะคะ”
“ครับ”
ปัตย์มองตามหลังแจง เป็นผู้หญิงที่หุ่นดีจริงๆ เห็นแล้วอดก้มลงมองพุงตัวเองไม่ได้ สมควรแล้วที่องศาจะเรียกเขาว่าอ้วน
“ปัตย์” ปัตย์เงยหน้าจากพุงขึ้นมององศา
“น้ำส้ม ทานขนมเดี๋ยวติดคอ” องศายื่นน้ำส้มขวดหนึ่งไปตรงหน้าปัตย์
“องศาเก็บไว้ทานเถอะ”
“ผมไม่ทานน้ำส้ม” องศายื่นเข้าไปใกล้ปัตย์อีกนิดเป็นการบังคับให้อีกฝ่ายรับ แต่กระต่ายอ้วนกลับเอามือสอดเข้าไปใต้ขา นั่งทับมือตัวเองเสียอย่างนั้น
“ถ้าไม่ชอบดื่มน้ำส้มทำไมไม่บอกน้องไปตรงๆ”
"ไม่อยากให้เสียน้ำใจ”
“แบบนี้เสียน้ำใจกว่า น้องตั้งใจเอามาให้แต่องศาเอามามายกให้คนอื่น ถ้าไม่ชอบก็บอกน้องไปว่าชอบดื่มอะไร บอกอ้อมๆ ก็ได้ น้องจะได้ไม่เสียเงินฟรี คนให้ก็อยากให้องศาดื่ม” องศามองปัตย์ทึ่งๆ ถ้าปัตย์เป็นกระต่ายอ้วนจริงควรดีใจไม่ใช่หรือที่เขาไม่ดื่ม แต่ท่าทางทุกข์ร้อนแทนแจงของปัตย์บอกเขาว่าเจ้าตัวพูดด้วยความจริงใจ องศาคิดอยู่แล้วว่ากระต่ายอ้วนเป็นคนจิตใจดี แต่ไม่คิดว่าจะดีถึงขนาดนี้
“รู้แล้ว เดี๋ยวจะหาเวลาบอกแจง”
“ทำถูกแล้ว” ปัตย์ยิ้มจนตาหยี หน้ากลมๆ แหงนเงยมองเขา องศานึกอยากลูบแก้มยุ้ยดูว่ามันจะนุ่มสักแค่ไหน “แต่ถ้าอ้วนเอามาให้จะดื่มทันที” ปัตย์ชะงักก่อนหน้ากลมจะขึ้นสีแดงเรื่อราวกับลูกมะเขือเทศสุก ปากอิ่มเผยอออก คล้ายกระต่ายน้อยกำลังแปลกใจปนขัดเขิน
“ผมชอบขาเขียวรสธรรมชาติไม่หวานหรือหวานน้อย ชอบ...”
“ผมไม่ได้ถามองศา”
“แต่ผมอยากบอก พรุ่งนี้อ้วนซื้อมาให้ด้วย”
“อ้วนอีกแล้ว” ปัตย์หน้ามุ่ย เมื่อนึกขึ้นได้ว่าองศากลับมาเรียกเขาว่าอ้วนอีกแล้ว
“ผมไม่เคยเอาปมใครมาล้อ ถ้าเรียกก็เพราะเห็นว่าน่ารัก ปัตย์อ้วนน่ารักไม่รู้ตัวเหรอ”
“ไม่จริงสักหน่อย” ปัตย์หลุบตาลงต่ำ ใครจะทนประสานสายตาอยู่ได้ แค่นี้เขาก็เขินจนทำตัวไม่ถูกแล้ว
“อะแฮ่ม ขออนุญาตขัดจังหวะสักครู่ครับ ต้องไปซ้อมแล้วมึงพี่ปราโมทย์มองมาตาถลน ขืนช้ากว่านี้โดนไล่อัดกลางสนามแน่” ครามกระแอมกระไอขัดจังหวะเพราะเห็นว่าถึงเวลาต้องลงไปอบอุ่นร่างกายแล้ว
“เฝ้ากระเป๋าให้ด้วยอย่าเพิ่งกลับ”
“อืม”
“อย่ากินขนมเยอะเดี๋ยวพาไปกินข้าว”
“ไม่เป็นไร เดี๋ยวเฝ้าให้ไม่ต้องเลี้ยง”
“ไม่ได้จะพาไปเลี้ยงจะพาไปกินข้าว”
“อ้าว!” ปัตย์หน้าเหวอ เขาเปิดช่องให้องศาแกล้งอีกจนได้
“หึหึ อ้วนคิดถูกแล้วจะพาไปเลี้ยง อยากกินอะไรคิดไว้”
“ไม่เป็นไรจริงๆ องศาไปกับเพื่อนเถอะ”
“โอเคค่ะเดี๋ยวพี่จะคิดไว้ ไม่ต้องห่วงได้เลี้ยงแน่นอน” ฟ้าใสเข้าแทรก เกลียดความปากไม่ตรงกับใจของเพื่อน
“ได้ครับพี่ฟ้าใส แต่ขอแค่กระเป๋าเบาพอนะครับอย่าให้ถึงกับหมดตัวเลย”
“สามกระเป๋าองศาจะกลัวอะไร”
“กระเป๋าผมด้วยเหรอครับ” ภาคพูดกลั้วหัวเราะเมื่อถูกรุ่นพี่ดึงชื่อเข้าไปมีเอี่ยวด้วย
“ไม่รอด”
“ฮ่าๆ เอาเลยครับเต็มที่ ผมมีติดกระเป๋าอยู่แค่ห้าร้อย”
“ผมก็เหมือนกัน” ครามรีบบอกให้รู้ว่าในกระเป๋ามีเงินพอๆ กับเพื่อน
“พี่รู้ว่าตู้เอทีเอ็มอยู่ตรงไหนเดี๋ยวพาไปนะ”
“พี่ฟ้าใสโหดชะมัด” ครามแกล้งบ่น แต่ภาคยิ้มชอบใจเขาชอบผู้หญิงคุยสนุกแบบฟ้าใส
“พี่ว่าไปซ้อมกันได้แล้วมั้ง ไม่อย่างนั้นจะเจอคนโหดกว่าฟ้าใส” ณดลเตือนสามหนุ่มที่ยังเอ้อระเหยคุยไม่เลิก
“อุ้ยจริง” ครามนึกขึ้นได้ทันที รีบลากเพื่อนทั้งสองไปหารุ่นพี่ที่ยืนกอดอกมองมา ความจริงพวกเขาไม่ได้สายแต่เมื่อมาถึงแล้วก็ควรลงไปอบอุ่นร่างกายรอ
“เอากระเป๋าองศามานี่” ฟ้าใสคว้ากระเป๋าขององศาที่วางอยู่บนตักของปัตย์ไป
“ฟ้าใส!จะทำอะไร” ปัตย์ตกใจเพราะฟ้าใสเปิดซิปกระเป๋า ทำท่าจะค้นของภายใน
“หากระเป๋าตังค์องศา”
“ไม่เอา อย่าค้นของคนอื่นมันไม่ดี” ปัตย์ร้องห้าม เขาไม่อยากยุ่งกับของๆ องศา
“ไม่ได้จะค้น”
“อ้าว แล้วจะเอากระเป๋าไปทำอะไร” ณดลงงพอๆ กับปัตย์ว่าฟ้าใสต้องการจะทำอะไรกันแน่
“จะเอาไปโยนทิ้ง”
“โยนทิ้งทำไม” ยิ่งฟังยิ่งงงกันเข้าไปใหญ่ ไม่มีใครเข้าใจคำตอบของฟ้าใส
“ไม่ได้ยินเหรอ องศาบอกว่าถ้ากระเป๋าตังค์หายปัตย์ต้องเลี้ยงข้าวเดือนนึง ได้เจอองศาทุกวันเดือนนึงเลยนะ”
“เออจริง ฮ่าๆ เอาไหมปัตย์ให้ฟ้าใสโยนทิ้งไป” ณดลเพิ่งเข้าใจมุกของเพื่อน “แต่ไม่แน่นะองศาอาจแอบโยนทิ้งเองก็ได้”
“ทำไมองศาต้องโยนทิ้ง” ปัตย์เข้าใจมุกของฟ้าใสแล้วแต่ไม่เข้าใจมุกใหม่ของณดล
“ถามจริงนี่โดนจีบอยู่ไม่รู้ตัวเลยเหรอ ปัตย์อ้วนน่ารัก รอไปกินข้าวด้วยนะ ได้ยินเต็มสองหู”
“จริงก็ดีสิ นะก็รู้ว่าองศาชอบแกล้งคนโน้นคนนี้ไปทั่วเป็นคนกวนที่หนึ่ง คงเห็นเราน่าแกล้งเท่านั้นเอง”
“ระวังเถอะแกล้งกันไปแกล้งกันมาจะรักกันไม่รู้ตัว” ฟ้าใสยื่นหน้าเข้าไปล้อใกล้ๆ แต่โดนปัตย์ผลักออก
“ไม่รู้ตัวที่ไหน เพื่อนเรารักองศาเต็มอกไม่งั้นจะตามอยู่อย่างนี้เหรอ”
“เบาๆ” ปัตย์รีบยกนิ้วแตะปาก มองไปรอบๆ เพื่อความอุ่นใจว่าไม่มีใครอยู่ใกล้
“กลัวอะไรไม่มีใครอยู่แถวนี้สักคน โน่นเขาไปเกาะขอบสนามเชียร์กันไม่มีใครมานั่งห่างไกลความเจริญเหมือนเราหรอก” ณดลไม่เห็นความจำเป็ต้องกังวล “ว่าแต่ปราณว่าไงบ้างเรื่องที่มาสนิทกับกลุ่มองศา ลืมถามไปเลย”
“ไม่ว่าอะไร บอกแต่ว่าเดี๋ยวก็ถูกจับได้”
“จริง” ฟ้าใสเห็นด้วยที่สุด ปัตย์ออกอาการเขินชัดเจนมาก แก้มแดงตาเขินอายแต่เธอขี้เกียจพูดให้เพื่อนวิตก
“หรือเราควรถอยห่างตั้งแต่ตอนนี้” ปัตย์ไม่อยากให้อะไรๆ มันพังทลาย ถ้าห่างอีกนิดแล้วได้เห็นองศาไปอย่างนี้เรื่อยๆ เขาก็พร้อมจะถอย
“คิดว่ามีสิทธิตัดสินใจเหรอปัตย์”
“จริง” ฟ้าใสเห็นด้วยกับณดลอีกเช่นกัน
“มีสิ ทำไมจะไม่มี”
“เหรอ แล้วทุกวันนี้ปัตย์ตามองศาหรือองศาตามปัตย์ล่ะคิดดูให้ดี”
“ถ้าเรื่องนั้นไม่เป็นไรหรอกเดี๋ยวองศาก็เบื่อ” ปัตย์มั่นใจมากว่าองศาไม่ได้คิดอะไร สำหรับองศาพวกเขาแค่บังเอิญผ่านมาเจอกัน บังเอิญได้รู้จักกัน องศาบังเอิญได้เพื่อนเล่นคนใหม่ไม่มีอะไรมากไปกว่านั้น
“ถ้าพูดอย่างนั้นปัตย์ก็ไม่เห็นต้องคิดมาก ตอนนี้ได้อยู่ใกล้กันก็ใช้เวลาให้คุ้มตักตวงความสุขให้พอ ใกล้กว่านี้หาไม่ได้อีกแล้ว”
“ก็จริง” ปัตย์เปลี่ยนใจเห็นด้วยกับณดล เขาไม่คิดหวังอะไรไปมากกว่านี้ แค่ได้คุยได้มองหน้ากัน ได้สัมผัสเล็กๆ น้อยๆ อย่างที่เป็นอยู่ก็มากเกินกว่าที่เขาเคยคิดไว้
“หิวกันไหมครับ ขอผมเปลี่ยนเสื้อแป๊บเดียว” ภาครับกระเป๋าจากฟ้าใส เปิดกระเป๋าหยิบเสื้อยืดตัวใหม่ออกมาเปลี่ยน เขาเบี่ยงตัวเล็กน้อยเพื่อความสุภาพก่อนถอดเสื้อตัวที่ใส่อยู่ออก
ปัตย์แอบกลืนน้ำลายเมื่อคนตรงหน้าถอดเสื้อออกเช่นกัน องศาไม่ยอมหันหน้าไปทางอื่นมัดกล้ามแน่นๆ จึงปรากฏเต็มสองตาของปัตย์ที่นั่งอยู่ ร่างกายคนเราทำไมถึงต่างกันนัก ในขณะที่ตัวเขานุ่มนิ่ม องศากลับเต็มไปด้วยความแข็งแกร่งน่าสัมผัส ปัตย์ละอายในความคิดไม่ดีของตัวเองจนต้องเบือนสายตาไปทางอื่น หันมาอีกทีเห็นองศาขมวดคิ้วมองของในกระเป๋าก่อนเงยหน้าขึ้นมาจ้องเขา “กระเป๋าตังค์ไม่อยู่”
“ไม่อยู่เหรอ!” ปัตย์ตกใจ เขาไม่ได้ทำอะไรกับกระเป๋าขององศา ฟ้าใสเองก็แค่แหย่เล่นไม่ได้หยิบกระเป๋าตังค์ขึ้นมาจริง มันไม่ควรหายไป
“ไม่อยู่” องศาก้าวเข้ามาใกล้เขา ความร้อนตัวทำให้ปัตย์เผลอปฏิเสธออกไป
“ผมไม่ได้ปาทิ้งนะ!”
“ทำไมต้องปาทิ้ง หรือว่า....” องศายิ้มพราย ยื่นหน้าเข้าไปชิดทำสีหน้าล้อเลียน “อ้วนอยากเลี้ยงข้าวผมทุกวันเหรอ”
“เปล่าสักหน่อย ผม..ผม..”
“ผมอะไร”
“อื้อ ก็องศาบอกว่ากระเป๋าตังค์หายผมเป็นคนเฝ้าก็ต้องร้อนตัวเป็นธรรมดา”
“ร้อนมากไหม” มือยาวเรียวแตะลงมาบนแก้ม “อืม ร้อนจริงๆ ด้วย”
“ผมอ้วน” ปัตย์ยอมว่าตัวเองดีกว่าให้องศารู้ว่าความร้อนของเขาขึ้นสูงเพราะมือที่ประคองแก้มยุ้ยอยู่
“ไหน อ้วนจริงไหม”
“โอ๊ย! องศาอย่าดึง” แก้มของปัตย์ยืดออกเมื่อถูกมือดีดึงเล่น องศายิ้มพอใจคิดไว้อยู่แล้วว่าต้องนุ่มแบบนี้
“มึงเลิกรังแกพี่ปัตย์ได้แล้วกูหิว” ครามประท้วง เขาเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จก่อนใครจึงยืนแกร่วรอ
“แต่กระเป๋าตังค์องศาหาย” ปัตย์รีบท้วงเมื่อทุกคนลืมเลือนเรื่องสำคัญ
“เปล่าผมบอกว่าไม่อยู่ ไม่ได้บอกว่าหาย”
“มันฝากไว้ที่ผมตั้งแต่ตอนซื้อของ” ครามเฉลย เพราะแบบนี้เขาถึงพูดว่าให้องศาหยุดแกล้งปัตย์ได้แล้ว
“จริงๆ เลย” ปัตย์หน้าเง้า แกล้งเขามันสนุกขนาดนั้นเลยเหรอดูยิ้มเข้า
“ตกลงพี่ฟ้าใสจะกินอะไรครับ” ภาคสอบถามคนที่บอกว่าจะคิดคำตอบไว้
“กินร้านพี่จ่าก็ได้ เดินไปใกล้ๆ พี่เข็ดรถติด”
“ร้านส้มตำ?”
“อืม”
“ผมนึกว่าพี่ฟ้าใสจะถล่มพวกผมหมดตัว”
“แหมเห็นพี่ใจร้ายขนาดนั้นเลยเหรอ”
“ใช่ครับ” ภาคสนุกกับการต่อล้อต่อเถียงกับฟ้าใส เขารู้สึกถูกชะตาและถูกคอกับรุ่นพี่ทั้งสามคน
“คิดถูกแล้ว ถ้าไม่ติดว่าขี้เกียจรถติดโดนแน่”
“ฮ่าๆ ถือว่าพวกผมโชคดีใช่ไหม”
“มึงก็อย่าไปถามซ้ำสิวะ พี่ฟ้าใสอุตส่าห์ปราณี”
“ใช่ ขืนทักอีกทีพี่จะไปกินซูชิ”
“งั้นไปกันเลยไหมครับ ผมรู้สึกอยากกินส้มตำขึ้นมาทันที”
“หรือเรียกยิ่งอย่างว่างก” ฮ่าๆ ภาคหัวเราะชอบใจที่ฟ้าใสพูดอย่างรู้ทัน หกคนเดินคุยกันไปเรื่อยๆ อากาศไม่ร้อนนักมีลมพัดมาเป็นระยะ
“วันมะรืนอย่าลืมมาเชียร์พวกผมนะครับ แข่งกับวิทยาฯ สถาปัตย์มาเชียร์ได้”
“ให้ไปเชียร์วิทยาเหรอ” ณดลแซ็วขำๆ
“เชียร์พวกผมสิครับพี่นะ”
“ได้ ถ้าชนะพี่เลี้ยงเอง” ณดลตั้งใจว่าวันนี้จะไม่ให้รุ่นน้องจ่าย แต่เมื่อฟ้าใสเลือกอาหารราคาไม่แพงและมีโอกาสที่พวกเขาจะเลี้ยงคืนได้ ณดลจึงตั้งใจจะปล่อยเลยตามเลย ถือว่าช่วยให้ปัตย์ได้ใช้เวลาอยู่กับองศามากขึ้นอีกนิด
“ตกลงตามนั้นครับรับรองว่าพวกผมชนะแน่นอน พี่นะเตรียมเลี้ยงซูชิได้เลย”
“อะไรนะ! ซูชิ? โหเด็กพวกนี้” ฟ้าใสนึกอยากจะเปลี่ยนใจ เป็นรุ่นพี่มันลำบากอย่างนี้นี่เอง
“ถ้าผมชนะอ้วนจะให้อะไร” ปัตย์เหลือบตามองคนที่เดินอยู่ข้างๆ เขาเลิกใส่ใจเรื่องสรรพนามแล้ว อยากเรียกอะไรตอนไหนก็ตามใจองศา
“ทำไมผมต้องให้องศาไม่ใช่คณะผมแข่งเสียหน่อย”
“เลี้ยงหนัง”
“ฟังผมพูดไหมเนี่ย” ปัตย์พูดด้วยเสียงอ่อนใจ ส่วนเรื่องใจอ่อนนั้นไม่ต้องพูดถึง มันอ่อนให้องศามานานแล้ว
“เลี้ยงเถอะอยากดู”
“แบบนี้ก็มีด้วย” ปัตย์ยิ้มขำ สะดุ้งน้อยๆ เมื่อแขนหนักๆ พาดลงบนไหล่
“สัญญาว่าผมจะจ่ายค่าป๊อบคอร์นเอง”
“สองถัง”
“อ้วนเอ๊ย”
“อย่าดึงบอกว่าอย่าดึง” ปัตย์ร้องโอดโอยเมื่อมือที่พาดไหล่จับหมับเข้าที่แก้มดึงจนมันยืดออก ณดลลอบมองเพื่อนรักกับองศา เขาคิดว่าบางทีเรื่องราวดีๆ กำลังจะเกิดขึ้น
“ยิ้มอะไร” ฟ้าใสสะกิดแขนณดล
“อากาศดี”
“ใช่” ฟ้าใสสอดแขนคล้องกับแขนเพื่อน รับรู้ถึงสิ่งเดียวกัน “ดีมากๆ เลย”
✪✣✤✥✦✧✣✤TBC✥✦✧✣✤✥✦✧✪
มีแต่คนรอองศาหึง 555 ตอนนี้ขอให้ทั้งคู่ได้ทำความรู้จักได้พูดคุยกันมากขึ้นอีกนิดก่อนนะคะ ตอนต่อไปมีอะไรสนุกๆ แน่นอน ไปเชียร์องศาแข่งฟุตบอลกัน
Darin ♥ FANPAGE Twitter :
primdarin