{{ I'm Not Him }} เขาให้ผมเป็นดารา - ตอนพิเศษเฉพาะกิจ [P.48 - 26/6/61]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: {{ I'm Not Him }} เขาให้ผมเป็นดารา - ตอนพิเศษเฉพาะกิจ [P.48 - 26/6/61]  (อ่าน 251570 ครั้ง)

ออฟไลน์ ZE:EZ

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 6
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
สารภาพมานะเสี่ย  รู้จักจิมาก่อนช่ายม้ายยย  :hao3:
แหมๆ ไม่ใส่ใจจิระตอนที่เป็นจิระ  แต่มาหวงร่างกายจิระตอนเป็นจิ  เสี่ยคิดอารายย จงสารภาพมา 555  :laugh:

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3437
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
อย่างฮาทุกรอบทุกตอน

ออฟไลน์ skyberry

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 134
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0

ออฟไลน์ เป็ดอนุบาล

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1405
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-2
       น่าติดตามค่ะตอนนี้ที่บ้านจิตรู้แล้วเรื่องจะไปไงต่อนะดูเหมือนทุกคนรู้ว่าจิระคือเด็กเสี่ยแล้วนิ
เสี่ยจะเเสดงอาการหวงของแบบไหนอีกนะอยากอ่านแล้วค่ะ
 :mew1: :mew1: :mew1: :mew1: :mew1:

ออฟไลน์ armize

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 95
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0

ออฟไลน์ fida

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 353
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
ดีใจด้วย ได้กลับไปอยู่กับครอบครัวแล้ว

แต่ร่างกายของจิระนี่ไปอยู่ที่ไหนก็เป็นภัยแก่ตัวเองจริงๆ  :hao6:

ถ้าไม่ใช่คนที่มีนิสับแบบจิตตรินไปสิงร่าง

เห็นทีจะมีชีวิตอยู่คนเดียวยาก
 

ออฟไลน์ КίmY

  • BJYX♥
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1715
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-3
นี่เห็นชื่อคนเขียนแล้วรีบกดเข้ามาเลย ไม่เสียใจจิงๆ  o13
ปอลิง ความชื่อเพจนั้น เราตามอ่านทุกตอน ฮ่าๆ ติดมากกว่านิยายอี๊กก   :m20:

ออฟไลน์ insunhwen

  • FREEDOM!!!!
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 867
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-5

ออฟไลน์ กาลณัฐ

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 505
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-2

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ masochism2018

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 428
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1
 :z13:
น่ารักแล้วยังตลกอีก จิเวอรืชั่นนี้ลงตัวจริงๆ :katai2-1:

ออฟไลน์ คนคิ้วท์คิ้วท์

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 339
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-1
น้องเจกับคุณพ่อคุณแม่น่ารักมากเลยค่ะ

ออฟไลน์ nokhook

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 26
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
ชอบอ่ะสนุกมากกกกกกอยากจะให้ลงซักวันละ5ตอนติดงอมแงม  :laugh:

ออฟไลน์ Ryze

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1003
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-1
ติดเลย อยากอ่านต่อ

ออฟไลน์ ketekitty

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 778
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +29/-0

ออฟไลน์ fay 13

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5635
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +286/-44

ออฟไลน์ ชมพูพาล

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 248
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-0
น้องเจก็น่ารักนะเนี่ย
ชอบๆ ค่ะ  :katai2-1:

ออฟไลน์ มาจะกล่าวบทไป

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 423
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +666/-7
    • เพจ 'มาจะกล่าวบทไป'

ตอนที่ 6 : ชีวิตพลิกผันแล้วสิเรา


ตอนเช้าผมตื่นตอนตีห้า รู้สึกปวดหัวจี๊ดขึ้นมาอีกครั้ง แต่พอรู้สาเหตุ ผมก็พยายามไม่สนใจ ยิ่งกระตือรือร้นที่จะออกกำลังกายให้แข็งแรงขึ้น โชคดีหน่อย เพราะแถวบ้านผมเป็นซอยยาว วิ่งวนไปกลับก็ถือว่าได้ออกกำลังกาย ไม่ต้องนั่งรถเมล์ไปสวนสาธารณะแล้ว แม้อากาศจะร้อนไปสักนิดและไม่มีร่มไม้สำหรับพักเหนื่อยก็ตาม

เจตรินนอนอืดอยู่ห้อง น้องคนนี้ปากดีชอบห่วงคนอื่นแต่ดันไม่สนใจตัวเองเท่าไหร่ เพราะก่อนจะออกจากบ้าน น้องชายของผมลงทุนปรือตามองว่าผมแต่งตัวเรียบร้อยรึเปล่า ก่อนจะทิ้งตัวนอนแผ่ยึดทั้งเตียง ผมลากให้มาเป็นเพื่อนก็ไม่เอา บ่นหงุงหงิงว่าขี้เกียจแล้วเอาหน้าซุกหมอน

“เฮ้ย! คนที่ชนจินี่หว่า!”

ผมเกือบลืมแล้วเชียวว่าผู้ชักจูงให้เข้าสู่เส้นทางสายสุขภาพคือพี่โสภี พี่ชายข้างบ้านที่มักออกมาวิ่งตอนเช้าเป็นประจำ เลยไม่แปลกใจว่าเราจะออกจากบ้านในเวลาไล่เลี่ยเพื่อออกวิ่งไปทางเดียวกันเป๊ะๆ

เอาไงดีวะ

ผมไม่อยากปิดบังพี่โสภี แต่ดันไม่ได้เอากระดาษจดหมายติดตัวมาด้วย จะออกปากพูดก็กลัวพี่แกกระโดดต่อยเข้าซะก่อน นึกแล้วยังระบมตรงรอยช้ำเดิมไม่หาย กว่าจะมีสภาพดีขนาดนี้ได้เพราะตอนไปทำงานที่ร้านโอบีวาย ต้นหอมคะยั้นคะยอให้ผมทายาแก้ช้ำ กับเอาน้ำแข็งประคบจนแทบไม่เหลือรอย

“เอ่อ...พี่ครับ”

“กูไม่ใช่พี่มึง!”

ทันใดนั้นข้างกายผมพลันปรากฏร่างของพี่เบิ้ม

บอดี้การ์ดร่างโตที่สูงกว่าพี่โสภีซึ่งได้ชื่อว่าสูงใหญ่บึกบึนไปอีกเกือบสิบเซนติเมตร เพิ่มความเถื่อนด้วยรอยบากข้างขมับ เรื่องคงไม่น่าตะลึงหากชายคนนี้ปรากฏตัวด้วยความเร็วเพียงกะพริบตา อย่างกับวาร์ปมาจากเสาไฟ แถมยังใส่ชุดเดิมอีกต่างหาก ผมคิดว่าควรจะทักเรื่องกลิ่นตุๆ ดีรึเปล่า แต่ก็ตัดสินใจปิดปากเงียบเพราะพี่โสภีถูกพี่เบิ้มคว้าจับข้อมือไว้ทันจนชะงักค้างในท่ายกหมัดจะต่อย

“คราวนี้เรียกพวกมาด้วยเหรอวะ” พี่โสภีสะบัดหมัดหนีแล้วชี้หน้านินจาประจำตัวผม “แน่จริงก็อย่ารุมดิ หมาหมู่นี่หว่า!”

เสียงของพี่โสภีทำให้คนแถวนั้นที่พอรู้จักหน้าค่าตากันดีชะโงกออกมาดู เพราะพี่แกเป็นคนใจร้อน ปากไว แต่ก็ใช่ว่าจะเป็นคนไม่ดี ออกจะแมนๆ จริงใจ ไม่เคยนินทาว่าร้ายลับหลัง

“ไม่เอาน่าโสภี” คุณป้าแถวนั้นเข้ามาช่วยห้าม

“แต่ป้าครับ...เขารุมผมนะ!”

“จะเรียกว่ารุมได้ยังไง ถ้าภีไปรังแกเด็กคนนั้นคนเดียวสิถึงจะน่าเกลียด” คุณป้าตีแขนล่ำๆ ของพี่โสภีขณะปรายตามองผมแล้วหันหน้าเอียงอาย จิระพิฆาตทั้งเด็ก สตรี และคนชราเลยวุ้ย

“น่าเกลียดตรงไหน ผู้ชายเหมือนกันนะป้า เอ๊ะ หรือว่ามึงไม่ใช่ผู้ชาย”

“เกเรใหญ่แล้วนะเรา”

ผมยิ้มแห้งไม่กล้าแทรกบทสนทนาหรือโต้ตอบใดๆ เพราะไม่อยากทะเลาะกับพี่โสภีผู้เป็นที่เคารพรักในฐานะรุ่นพี่ เลยรีบลากแขนพี่เบิ้มชิ่งหนี แยกทางใครทางมันไปก่อนดีกว่า

“เดี๋ยวสิ แล้วมึงมาอยู่ที่นี่ได้ไง ไอ้หน้าตุ๊ด!”

“โสภี!”

แม่ผมออกโรง ถือตะหลิวติดมาด้วย

“น้าจรวยมาพอดีเลย ไอ้คนที่ชนจิมันลอยหน้าลอยตามากวนประสาทพวกเราอีกแล้ว ให้ผมเล่นมันเลยมั้ย”

“โสภี วันนี้มากินข้าวกับป้าแล้วกัน” แม่ผมตัดบท ถอนหายใจเฮือก “แล้วป้าจะเล่าให้ฟังเอง”

พอมีผู้ใหญ่ออกหน้าบรรยากาศหนักอึ้งก็ผ่อนลงอย่างกับหนังคนละม้วน

พี่โสภีค่อนข้างเกรงใจแม่ผม เพราะเวลาครอบครัวเขาทำงานกลับบ้านดึก หรือตัวเขาเองไปทำงานที่ต่างจังหวัด ก็มีแม่ผมที่ช่วยดูแลน้องโสภาที่ต้องอยู่บ้านคนเดียว ชักชวนให้มากินข้าวด้วยกัน คอยดูแลจัดการหลายๆ อย่างให้โดยไม่หวังสิ่งตอนแทน ฉะนั้นภาพของสองพี่น้องที่จะมานั่งเล่นในบ้านผมนั้นจึงเป็นสิ่งคุ้นตามาก แต่วันนี้มีแค่พี่โสภีคนเดียว...ซึ่งกำลังนั่งอย่างสงบ เหมือนสติหลุดลอยออกจากร่างไปแล้ว

ไม่รู้ว่าเขานั่งมานานแค่ไหน เพราะตอนผมวิ่งกลับมาถึงบ้านด้วยสภาพเหงื่อท่วมตัว ลำคอคล้องผ้าขนหนูซึ่งได้มาจากคุณป้าข้างเคียง มือถือขวดน้ำที่ได้มาจากคุณลุงข้างบ้าน บนหัวมีหนังยางที่มัดจุกเป็นน้ำพุชี้โด่เด่จากคุณยายในละแวกนั้น พี่โสภีก็ไม่ขยับตัวแม้แต่น้อย ขนาดผมขึ้นไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อแล้วเดินลงมาพร้อมเจตริน พี่แกก็ยังอยู่ที่เดิม

“อ้าว ลงมากันแล้วเหรอ เรียกพี่เขาหน่อยสิลูก” แม่ผมที่กำลังยกจานข้าวออกมาวางไว้บนโต๊ะหันมาบอกผมทั้งรอยยิ้ม ราวกับว่าพี่โสภีไม่ได้มีท่าทีผิดแปลกอะไร ส่วนพ่อของผมนั้นออกไปแต่เช้าตรู่พร้อมข้าวกล่อง ท่านเป็นพนักงานโรงงานแห่งหนึ่ง

“พี่โสภี” ผมโบกมือผ่านหน้าพี่ชายข้างบ้าน “พี่ กินข้าวกัน ผมหิวแล้ว”

“จิ...จิจริงๆ เหรอ” น้ำเสียงนั้นโรยแรงเหมือนไม่อยากเชื่อ อีกทั้งยังคลอน้ำใส ไม่รู้ว่าดีใจที่ผมยังสบายดีหรือสังเวชใจที่รุ่นน้องสุดที่รักต้องมาติดอยู่ในร่างนี้ “เมื่อก่อนจิมีผู้หญิงตามจีบจนเกือบเผลอใจ ผู้หญิงคนนั้นชื่ออะไร”

“เชอรี่ครับ” ผมตอบทันทีทั้งรอยยิ้ม “แต่ชื่อจริงเธอคือสมชัย เราเลิกติดต่อกันเพราะว่าเธอไม่ใช่ผู้หญิงจริง แต่นั่นไม่ใช่เหตุผลสำคัญ เพราะต่อให้เคยเป็นผู้ชายผมก็ยอมรับได้นะ เสียอย่างเดียว เธอยังไม่ตัดไอ้นั่นทิ้ง! แถมยังขอเป็นฝ่ายรุกผมอีก!!! พี่โสภีคิดดูดิ ข้างบนนุ่มนิ่ม แต่ข้างล่างแข็งโป๊ก ต่อให้เป็นผมก็ไม่ไหวนะพี่ หลังจากนั้นผมก็เลยฟิตกล้ามให้ใหญ่กว่าเดิม จนโดนไอ้เจมันล้อว่าก้ามปู พูดแล้วก็นึกถึงปูผัดผงกระหรี่ ไม่ได้กินมาตั้งนานแล้ว แม่ครับ วันนี้ทำกับข้าวอะไร มีของโปรดผมรึเปล่า”

ผมที่เผลอเขย่าแขนพี่โสภีตามอารมณ์เจ็บช้ำชะโงกหน้าหันไปถามแม่ที่หัวเราะคิกอยู่ในบ้าน โดยมีน้องชายส่ายหน้าน้อยๆ อย่างอ่อนอกอ่อนใจระหว่างเดินไปทิ้งตัวนั่งที่โต๊ะอย่างไม่คิดจะรอกันสักนิด

“ทำจ้ะ เอ้า พาโสภีมากินด้วยกันสิ หลังจากนี้เราต้องไปวัดอีก”

“ครับแม่!” ผมรีบรั้งแขนให้พี่โสภีลุกขึ้น ดูจากหน้าเหวอๆ ของพี่แกน่าจะไม่มีคำถามค้างคาใจแล้ว

“จิ...ไอ้จิจริงๆ เหรอวะเนี่ย”

“ก็ใช่น่ะสิ ถึงหน้าตาจะไม่ใช่ แต่ผมก็คือจิตรินนะ!” ผมจับมือของพี่โสภีมาทาบหน้าเพื่อพิสูจน์ว่าเรื่องพิลึกนั้นได้เกิดขึ้นจริงๆ แต่พี่แกคงจะเพลินกับผิวนุ่มๆ ของจิระไปหน่อย จากที่จับถึงกลายเป็นลูบ ถูๆ ไถๆ ตั้งแต่แก้มลงมาที่ริมฝีปาก ก่อนจะไล่ลงมาเรื่อยๆ ตามแนวลำคอจนเกือบจะล้วงเข้าไปในเสื้อ

“หิวข้าวแล้ว!”

ไอ้เจตะโกนลั่นเสียงห้วนไร้มารยาท แถมยังเอาช้อนเคาะจานเหมือนเรียกสติใครบางคน นอกจากมันจะโดนแม่เอ็ดใส่แล้ว พี่โสภีเองก็สะดุ้งเฮือก รีบถอนมือไปอย่างรวดเร็วแล้วเดินลิ่วๆ ไปนั่งตรงโต๊ะฝั่งตรงข้ามอย่างจงใจทิ้งระยะห่างให้มากที่สุด

ผมไม่ใช่คนโง่ และเพราะเห็นปฏิกิริยาแปลกๆ นี้มาจากหลากหลายคนแล้วเลยพอเดาได้ว่าเมื่อครู่เกินอะไรขึ้น

...ไม่นะ! ร่างกายจิระอย่าริทำให้มิตรภาพลูกผู้ชายร้าวฉานเชียว!!

หลังกินข้าวเสร็จ ผมกับน้องชายช่วยกันล้างจาน ก่อนจะเดินทางออกจากบ้านเพื่อไปวัดใกล้ๆ

พี่โสภีกำลังว่างงานเลยขอตามมาด้วย

พอไปถึงแม่ก็ค่อยๆ แกะถุงกับข้าวที่ตั้งใจทำสำหรับถวายเพลใส่จานของวัด ผมรีบอาสาช่วยแบกถาดอาหาร แต่พอถือก็มือสั่นหงึกๆ จนพี่โสภีทนไม่ไหวต้องเข้ามาช่วยแทน

ทันทีที่มือหนาแตะโดนนิ้วเรียวยาวของจิระ พี่แกก็หน้าแดงก่ำ ก้มหน้างุดๆ เดินหนีไม่ยอมรับคำขอบคุณจากผม

...ไม่รู้จะทำยังไงดี หรือควรจะเอาปี๊บมาคลุมหน้าจิระให้จบเรื่องจบราว

“ผมว่าช่วงนี้พี่เลี่ยงๆ พี่โสภีดีกว่า พี่ก็รู้ว่าเขาชอบผู้ชาย”

“...แต่พี่คือจิตรินนะ”

ใช่ว่าจะไม่รู้รสนิยมของรุ่นพี่ แต่เพราะผมไม่เคยเห็นว่าเป็นเรื่องน่ารังเกียจเลยไม่เคยเห็นว่าเป็นปัญหามาก่อน จนกระทั่งมาอยู่ในร่างจิระ ที่ขนาดผู้หญิงยังระทวย ชายแท้ยังละลาย ฉะนั้นไม่ต้องพูดถึงชายไม่แท้เลย

“บางทีรูปลักษณ์ภายนอกก็สำคัญกว่าภายใน” เจตรินพูดจาโหดร้ายด้วยสีหน้าไม่สะทกสะท้าน “ต่อให้พี่เป็นเพื่อนรัก เป็นรุ่นน้อง เป็นคนข้างบ้าน แต่ไม่ได้รับประกันว่าพี่โสภีจะไม่หน้ามืดขึ้นมาสักหน่อยนี่”

ฟังน้องชายพูดแล้วผมก็อดเศร้าไม่ได้ มิตรภาพที่คบมานานหลายปี จะต้องมาตัดขาดเพราะร่างกายจิระจริงๆ เหรอเนี่ย ความเป็นตัวผม ไม่ช่วยให้พี่โสภีมองข้ามหน้าตาของจิระเลยรึไง

“เดี๋ยวนะ พูดแบบนี้แสดงว่าเอ็งหวังงาบพี่ด้วยรึเปล่าวะ”

ไอ้เจเหลือบมองผมด้วยสายตาเอือมระอา

“พี่ก็คือพี่ จะเป็นใครอยู่ร่างไหนก็เป็นพี่ชายผมอยู่ดี”

“เจน้องรัก!” ผมกอดน้องชายด้วยความซาบซึ้ง มันดิ้นขลุกขลักร้องโวยวาย หน้าแดงก่ำด้วยความอับอายเพราะคนที่มาวัดมองเราสองคนเป็นตาเดียว

“เล่นอะไรกัน ภีเขาช่วยยกถาดไปข้างในแล้ว สำรวมกันหน่อยสิ” แม่หันมาเอ็ดพลางส่งสัญญาณให้พวกเราเร่งฝีเท้าเพื่อขึ้นไปกราบพระบนศาลา หลังถวายอาหารเพลและสวดมนต์กรวดน้ำเรียบร้อยแล้ว แม่ก็พนมมือถามพระด้วยความกลัดกลุ้ม เล่าเรื่องของผมหมดเปลือกและจบท้ายว่าท่านพอจะมีคำแนะนำบ้างมั้ย

“เรื่องนี้เกี่ยวพันกับเวรกรรมที่เขาสองคนทำมา อาตมาไม่อาจยุ่งเกี่ยวได้หรอก”

คำตอบนั้นทำให้แม่หัวใจสลาย แม้ว่าจะยอมรับยังไงแต่ท่านย่อมอยากได้ร่างลูกชายตัวเองคืน

“ไม่มีวิธีเลยเหรอเจ้าคะ”

“อย่าพยายามฝืนเลยโยม ลูกชายของโยมน่ะมีบุญ แม้จะประสบเหตุเภทภัยก็ไม่ลำบาก แต่อีกคนนี่สิ...”

“หมายความว่าจิระยังมีชีวิตอยู่ใช่มั้ยครับ” ผมถามในเรื่องที่สงสัยมานาน ว่าจิระอยู่ในร่างผม หรือตายไปแล้วกันแน่

พระท่านพยักหน้ารับเชื่องช้า

“อีกไม่นานทุกอย่างจะดีขึ้นเอง รออย่างสงบเถอะ เพราะคนที่มีเจ้ากรรมนายเวรตามติดคือ...”

จิระ

เจ้าของร่างที่นอนแบ็บเป็นเจ้าชายนิทรา ทั้งที่เป็นคนขับรถชนผมแท้ๆ แต่กลายเป็นฝ่ายเจ็บตัวเสียแทน

ผมทั้งโล่งใจและกังวลใจ เพราะนึกห่วงแทนเสี่ยว่าเด็กเลี้ยงของเขานั้นกำลังลำบาก แต่ในเมื่อทุกอย่างเริ่มต้นจากการกระทำของจิระ ผมเองก็ไม่สามารถให้ความช่วยเหลืออะไรเขาได้ ในเมื่อมันเหนือธรรมชาติขนาดนี้

“ถ้าอย่างนั้นพวกเราไม่รบกวนท่านแล้วเจ้าค่ะ ขอบคุณนะเจ้าคะ”

พวกผมก้มกราบพระท่านก่อนจะเดินออกจากวัด แม่โทรไปรายงานพ่อ เมื่อรู้ว่าไม่มีอะไรร้ายแรงครอบครัวผมก็ไม่ได้เก็บเอาคิดให้หนักอกหนักใจ สู้ใช้ชีวิตในวันนี้ให้ดีที่สุดดีกว่าเพราะผมที่ควรจะนอนเป็นเจ้าชายนิทราอยู่ดีมีสุข ก็อย่าไปคิดอะไรให้ปวดกบาลเลย!

“งั้นผมขอตัวก่อนนะครับ”

พี่โสภียกมือไหว้แม่ ก่อนจะรีบปลีกตัวเมื่อเจอสายตาเขม็งของไอ้เจคอยจ้องปราม และพยายามเอาตัวเข้าแทรกเวลาพี่แกกระเถิบเข้าใกล้ผมเกินไป น้องชายผมทุ่มเทขนาดนี้ถ้าไม่รู้ตัวว่าถูกกีดกันก็คงซื่อเซ่อไปสักหน่อย อีกอย่างพี่โสภีเองก็ค่อนข้างลำบากใจ ทั้งกระดากและไม่ค่อยกล้าสู้หน้าผมนัก

“กลับดีๆ นะจ๊ะ”

แม่ผมไม่ว่าอะไร แต่ผมคิดว่าท่านน่าจะพอจับสังเกตได้ เพียงแต่ไม่พูดออกมาให้พี่โสภีรู้สึกแย่ ครอบครัวผมแม้จะเน้นง่ายๆ สบายๆ ไม่คิดมาก แต่ก็ใช่ว่าจะเป็นคนโง่ พวกเราแค่เน้นใช้ชีวิตแบบไม่เบียดเบียนใคร มีความสุขในสิ่งที่มีและสิ่งที่เป็น ไม่อิจฉาริษยา ไม่เคียดแค้นชิงชัง

“งั้นไปเยี่ยมร่างลูกที่โรงพยาบาลกันนะ จะได้ทำเรื่องขอย้ายมาอยู่ที่บ้านด้วย ถ้าเกิดว่าทุกอย่างขึ้นอยู่กับเวลา จะอยู่ที่โรงพยาบาลหรือที่บ้านก็คงเหมือนกัน แม่จะได้ดูแลร่างกายของจิได้ และไม่ต้องรบกวนเสี่ยเรื่องค่าใช้จ่ายด้วย”

“ครับ” ผมพยักหน้าเห็นด้วย มีร่างตัวเองไว้ใกล้ตัวยังไงก็อุ่นใจกว่า เมื่อตกลงกันได้พวกเราก็มุ่งหน้าไปโรงพยาบาล แต่แล้ว...

“อะไรนะครับ มีคนรับร่างผมไปแล้ว!!”

นางพยาบาลแจ้งข่าวร้ายกับเราทันทีโดยไม่ทันได้เข้าไปยังห้องผู้ป่วยด้วยซ้ำ เพราะต่อให้ไปถึง ก็ไม่มีคนให้เยี่ยม

“ใคร!” เจตรินถามเสียงดุทันที แสดงอารมณ์พาลไปทั่วจนแม่ต้องตบบ่าน้องเบาๆ ให้เก็บอาการหน่อย

“อ่ะ เอ่อ...”


[ต่อด้านล่าง]

ออฟไลน์ มาจะกล่าวบทไป

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 423
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +666/-7
    • เพจ 'มาจะกล่าวบทไป'

[ต่อจ้า]
ครับ จะเป็นใครไปได้ถ้าไม่ใช่เสี่ย

แถมเสี่ยคนนั้นยังเล่นตัว ไม่ยอมคุยโทรศัพท์กับผม แต่ให้คุณสันมารับถึงหน้าโรงพยาบาล ต้องกล่อมน้องชายอยู่นานกว่ามันจะยอมปล่อยผมขึ้นรถไปที่ทำงานของเสี่ย

จะว่าไป...ผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเสี่ยทำไมถึงถูกเรียกว่าเสี่ย

แต่ตอนนี้ผมเข้าใจแล้ว...ชัดเจนแจ่มแจ้งเลยด้วย! เพราะทันทีที่เดินเข้ามาในบริษัท ‘เอ็มเอซเอ็น เอนเตอร์เมนท์’ ผมก็ตัวสั่นเมื่อถูกทุกสายตาจับจ้องเหมือนเป็นอาหารแสนโอชะ เพราะที่นี่คือสถานีโทรทัศน์ขนาดใหญ่ เป็นต้นสังกัดจัดหาดารา ผลิตหนังและละคร แล้วยังทำรายการประจำช่องขายเองอีกต่างหาก

เห็นคนหน้าตาดีหลายคนเดินผ่านไปมาผมก็ตื่นเต้น เพราะสมัยทำอาชีพสตั้นท์แมน ก็เคยเดินเข้ามาติดต่อกับที่นี่เหมือนกันเพื่อคัดตัวว่าใครจะได้เป็นตัวแทนนักแสดงคนไหน แต่ไม่เคยรู้มาก่อนว่าเสี่ยเป็นเจ้าของ

...ที่แท้เราก็เป็นคนคุ้นเคยที่ไม่รู้จักหน้ากันหรอกเหรอเนี่ย

ไม่สิ มีแต่ผมต่างหากที่รู้จักเขา

เสี่ยกิจภัทร ชาติบดินทร์

มีข่าวลือซุบซิบถึงเสี่ยมากมาย ไม่ว่าจะเป็นการได้มรดกจากพ่อผู้ก่อตั้งบริษัทแล้วประสบความสำเร็จ หรือแม่ผู้เป็นถึงดาราดาวค้างฟ้าที่จนตอนนี้ก็ยังมีผลงานให้เห็น ทั้งสองคนหย่าขาดกัน โดยที่ฝ่ายพ่อแต่งงานใหม่แล้วทิ้งบริษัทให้เสี่ย เห็นว่านั่นเป็นคำขอเดียวจากผู้เป็นภรรยาโดยไม่ต้องการทรัพย์สินอื่นๆ อีก เพราะตัวเธอเองก็แต่งงานใหม่กับฝรั่งต่างชาติ แยกย้ายกันไปมีครอบครัวของตัวเอง

จึงไม่แปลกที่เสี่ยจะมีทักษะมโนสูง เพราะคลุกคลีกับเหล่าดารานักแสดงมานาน ถ้าอยากได้งานขอแค่ประจบเขาสักหน่อยรับรองว่าได้เล่นละครแน่นอน บริษัทของเสี่ยคุมงานหลายอย่าง เพราะมีสถานที่สำหรับการถ่ายทำหลากหลายรายการ เน้นพวกนักแสดง นักข่าว พิธีกร เรียกได้ว่าเป็นเหยื่อแสนโอชะของเหล่าคนหน้าตาดีที่อยากเด่นดังในวงการ

แต่ถึงอย่างนั้นเสี่ยก็ไม่ค่อยออกงาน ถ้าจะควงก็ควงกินเงียบๆ ไม่มีใครรู้เรื่องมากนักและไม่มีนักข่าวกล้าทำข่าวเพราะเสี่ยมีคอนเนคชั่นเยอะ แน่ล่ะ ใครจะทำอะไรก็ต้องมาติดต่อเสี่ยก่อน โฆษณาขายของ นิตยสารหรือรายการทุกอย่างก็ต้องพึ่งพาเสี่ย เป็นศัตรูกับคนแบบนี้ไม่ใช่เรื่องดีเลย ถ้าจะมีหลุดก็มักพูดถึงแบบไม่ระบุชื่อ จนทุกคนเรียกติดปากว่า ‘เสี่ย’

“อุ๊ยตาย น้องจิระ ลมอะไรพัดมากันเนี่ย ไหนบอกให้ตายก็ไม่ยอมทำงานจะเกาะเสี่ยกินไม่ใช่เหรอ หรือว่าเปลี่ยนใจอยากเป็นดาราแล้ว” พี่ผู้ชายคนหนึ่งพูดอย่างมีจริตจก้าน เขาสวมชุดสูทสีม่วงและผ้าพันคอหลากสี ขณะพูดยกมือปิดปากเหมือนกล่าวกระซิบ น่าจะเป็นคนรู้จักจิระดีประมาณหนึ่งไม่อย่างนั้นคงไม่กล้าเหน็บต่อหน้าคุณสัน

ผมกะพริบตาปริบๆ น่าสงสัยอยู่หรอกว่าด้วยหน้าตาระดับจิระ หากเข้าวงการบันเทิงคงดังระเบิด ยิ่งมีเสี่ยดันด้วยยิ่งสบายเฮ แต่คาดไม่ถึงว่า...เขาจะใช้ข้ออ้างไม่ยอมทำงานเพราะเกาะเสี่ยกิน...

“เสี่ยเป็นคนเรียกคุณจิระมาครับ” คุณสันช่วยตอบแทนผมที่ยืนเซ่อ ก่อนจะรีบเดินนำไปที่ลิฟต์แล้วกดปุ่มชั้นบนสุดทันที

คาดว่านี่คงจะเป็นลิฟต์ส่วนของเสี่ยโดยเฉพาะ เพราะไม่มีพนักงานคนไหนใช้สักคนแถมยังอยู่ส่วนลึกด้านในติดกับลานจอดรถชนิดที่ตรงเข้ามาได้เลยโดยไม่ต้องเดินผ่านหน้าเคาน์เตอร์ต้อนรับผจญสายตาคนอื่นๆ

“เอ่อ...” ผมลังเลว่าควรจะถามคุณสันดีรึเปล่า

“มีอะไรหรือครับ”

“เสี่ยเรียกผมมา ไม่ใช่ว่าเสี่ยพาร่างผมมาไว้ที่นี่หรอกนะครับ”

ผมนึกภาพไม่ออกเลยว่าร่างของนายจิตรินในสภาพนอนเป็นผักจะถูกเข็นมายังไงโดยไม่ให้เอิกเกริก

“ไม่ใช่หรอกครับ”

“แล้วเสี่ย...”

“เสี่ยไม่คิดจะคืนร่างของคุณให้หรอกครับ”

“อ้าว” ผมรู้สึกเหมือนโดนหลอก งงใจเสี่ยเหลือเกิน

“ลองคุยกับเสี่ยดูนะครับคุณจิ เสี่ยเป็นคนใจดี เป็นคนดีกว่าที่เห็นนะ”

...ไม่เชื่อถือ ไม่น่าเชื่อถือสักนิด!

และแล้วประตูลิฟต์ก็เปิดออก ห้องชั้นบนสุดเป็นกระจกใสรอบด้านทำให้เห็นสำนักงานโดยรอบในมุมสูง ถ้าเป็นตอนกลางคืนต้องสวยมากแน่ๆ จะว่าไปฉากนี้มันคุ้นๆ เหมือนอยู่ในหนังรักโรแมนติกแห่งปีที่เพิ่งทำยอดถล่มทลายร้อยล้าน ฉากจบที่พระเอกเซอร์ไพรส์คุกเข่าขอนางเอกแต่งงานท่ามกลางแสงไฟของเมืองหลวง ฉากนั้นเป็นที่พูดถึงในโซเชี่ยลมาก สาวๆ หลายคนถึงกับยอมทำทุกอย่างเพื่อขอสัมผัสบรรยากาศแบบนั้นบ้าง แต่น่าเสียดายที่ไม่มีใครรู้ว่าสถานที่ถ่ายทำคือที่ไหน

บริเวณโดยรอบนั้นเป็นจุดรับแขกค่อนข้างโล่งโปร่งสบาย ให้ความรู้สึกมาพักผ่อนมากกว่าการทำงาน คุณสันเดินนำผมเข้าไปจนถึงห้องส่วนตัวซึ่งมีเลขาเฝ้าด้านหน้า ผมถึงกับตะลึงค้าง เพราะเคยเห็นแต่เลขาสาวสวยในละคร เลยออกจะอึ้งไปบ้างเมื่อเจอกับเลขาถึกทึนหน้าบาก ไม่ใช่ใครที่ไหนญาติของพี่เบิ้มนี่เอง

เจ้าของบริษัทจะมีเลขาหลายคนย่อมไม่แปลก คุณสัน...น่าจะเป็นเลขาสำหรับติดต่อประสานงานกับผู้อื่น ส่วนคุณเลขาร่างถึกเบื้องหน้าผมนี้ ก็น่าจะคอยคุ้มกันพ่วงคัดคนเข้าห้อง อารมณ์เหมือนยักษ์เฝ้าประตู เพราะพี่แกถึงกับตบตามตัวว่าผมพกอาวุธมารึเปล่า...เฮ้ๆ นี่มันบริษัทเอนเตอร์เทนเมนต์หรือบริษัทค้าอาวุธกันแน่ถึงห่วงว่าจะมีคนมาฆ่าเสี่ย!

“คุณจิขอเข้าพบครับท่าน” คุณสันเคาะประตูห้องเบาๆ ก่อนจะเปิดประตูเข้าไปแล้วผายมือเชิญให้ผมเดินเข้าปากเสือ ผมมองอีกฝ่ายด้วยสายตาอาลัยอาวรณ์ กลัวว่าพออยู่สองต่อสองแล้วจะเกิดเหตุการณ์พิลึกพิลั่นเข้า ร่างกายของจิระวางใจไม่ได้เลย

สุดท้ายคุณพี่บอดี้การ์ดเลขา...เอ่อ...เลขาบอดี้การ์ดก็ผลักผมเข้าไปแล้วปิดประตูเป็นอันปิดกั้นความช่วยเหลือจากโลกภายนอก ผมปาดเหงื่ออย่างนึกหวาด หันมาเผชิญหน้ากับเสี่ยที่ก้มหน้าก้มหน้าทำงาน ไม่คิดเงยมองคู่สนทนา

“มาทำไม”

“เอ้า ก็เสี่ยให้ผมมาพบที่นี่เองอ่ะ” ผมอึ้ง ประโยคแรกที่ถามคือมาทำไมเนี่ยนะ ไอ้จิอยากเป็นลม

วูบหนึ่งผมคล้ายจะเห็นเสี่ยทำหน้างง แต่ด้วยความขี้เก๊ก ทำให้เขาเก็บสีหน้าได้รวดเร็วสมกับเป็นลูกชายนักแสดงหญิงระดับประเทศ

เดี๋ยวนะ ถ้าไม่ใช่เสี่ยให้ผมมา งั้นก็เป็น...คุณสัน?


จะว่าไปท่าทางของเขาก็ส่อพิรุธไม่เบา เพราะผมไม่มีเบอร์เสี่ยเลยต้องติดต่อผ่านคุณสัน แต่คุณสันตอบกลับทันทีว่าเสี่ยไม่ต้องการคุยผ่านโทรศัพท์ หากต้องการเจรจาจะต้องมาหาด้วยตัวเองเท่านั้น

“ช่างเถอะครับ” ผมทำใจเย็น คุณสันทำไปเพื่ออะไรผมไม่รู้เจตนา แต่ยังไงซะผมก็ต้องคุยกับเสี่ยอยู่ดี “ผมอยากขอร่างของผมคืน แม่ผมยินดีดูแลร่างกายของจิตริน เสี่ยจะได้ไม่ต้องลำบาก ต้องมาเสียค่าพยาบาลคอยพลิกตัวเช็ดตัวให้ผมระหว่างรอจิระกลับร่าง”

“ร่าง? อ้อ สันคงจัดการล่ะสิ” เสี่ยเอ่ยพึมพำเหมือนพูดกับตัวเอง ก่อนจะทำทีเป็นเซ็นเอกสาร เอ่ยกับอากาศทั้งที่ตอบผมอยู่ “ฉันไม่ลำบาก”

“ครับ เสี่ยไม่ลำบากหรอก แต่...”

“ฉันไม่ลำบาก แต่ถ้าเธอเอาร่างคืนไป ฉันจะลำบาก”

ผมเลิกคิ้วฉงน

“ในเมื่อฉันจ่ายค่ารักษาให้เธอ ฉันก็ต้องมีหลักประกัน ไม่ใช่ว่าจ่ายเงินให้ไปดูแลที่บ้านของเธอ แล้วฉันไม่มีอะไรในมือสักอย่าง ไม่คิดว่าเอาเปรียบกันไปหน่อยหรือ ร่างจิระเธอก็เอาไป กระทั่งวิญญาณของจิระที่อยู่ในร่างไร้ประโยชน์ เธอก็จะเอาอีกรึไง”

ไอ้เราเองก็ไม่ใช่คนคิดอะไรซับซ้อน พอเสี่ยพูดมาตรงๆ ผมก็เริ่มใจอ่อน

เพราะนั่นคือความจริง ผมอยู่ในร่างจิระ ร่างกายที่ทำประโยชน์ได้มหาศาล แม้เสี่ยจะให้คนตามติด แต่ผมก็ใช้ชีวิตอย่างอิสระในร่างของจิระ  เขาต้องยอมทนเห็นเด็กเลี้ยงคนโปรดโบยบินไปไกลแสนไกลโดยต้องคอยจ่ายเงินดูแลใครก็ไม่รู้ ถ้าเกิดต้องยอมยกร่างคืนให้บ้านผมไปอีก เขาก็แทบไม่เหลืออะไรในกำมือสักอย่าง นอกจากทำหน้าที่จ่ายเงินอย่างเดียว

“เอ่อ...เสี่ยอย่าโมโหสิ ผมแค่มาถามเฉยๆ ไม่ได้จะมาหาเรื่องสักหน่อย เสี่ยมีเหตุผลผมก็เข้าใจ ขอแค่เสี่ยรับปากว่าจะดูแลร่างผมดีๆ คอยตัดเล็บเช็ดตัวทำความสะอาดของสงวนให้ผมด้วย”

“ไอ้ก้อนเล็กๆ หนึ่งนิ้วน่ะหรือ”

“เสี่ย!!” ผมร้องเสียงหลง อึ้งเพราะเสี่ยดันทายขนาดถูก ถ้าไม่แอบเปิดดูจะรู้ได้ยังไง “เสี่ยพิศวาสตัวผมเหรอ”

เสี่ยขมวดคิ้ว

“คิดว่าฉันไม่มีตัวเลือกที่ดีกว่านั้นรึไง”

โอเค ผมยอม เขาเป็นเจ้าของบริษัทยักษ์ใหญ่ในวงการบันเทิง ตัวเลือกมีมากมายนับไม่หวาดไม่ไหว หน้าตาระดับสุดยอดทั้งนั้น

“จริงสิ ผมมีอะไรจะเล่าให้เสี่ยฟัง” พอปรับความเข้าใจกันแล้วก็เริ่มคึก นึกอยากเล่าเรื่องวันนี้ เขาจะได้วางใจว่ายังพอมีทางได้เด็กเลี้ยงของตัวเองคืน “วันนี้ผมกับแม่ ไอ้เจ แล้วก็พี่โสภีไปวัดมา ตั้งใจไปถามพระเรื่องที่สลับตัวกันเนี่ยแหละ แม่ผมทำปูผัดผงกะหรี่ไปด้วย อร่อยมากๆ ฝีมือแม่ผมเนี่ยระดับเปิดร้านอาหารได้เลยนะไม่อยากจะโม้ แต่แม่ผมไม่ชอบทำกับข้าวเยอะๆ ท่านบอกว่าทำให้ครอบครัวนั่นแหละถึงได้อร่อย เพราะใส่ความรักความเอาใจใส่ลงไป เอ่อ แล้วก็...พี่โสภีแอบติดใจร่างจิระด้วย! แต่เสี่ยไม่ต้องห่วงหรอกนะ นอกจากคนของเสี่ยจะช่วยกันแล้ว น้องชายของผมก็ไม่ยอมเหมือนกัน น้องผมมันเด็กดี มันสอบได้ที่หนึ่งของชั้นด้วยนะเสี่ย! ฉลาดได้ใครมาก็ไม่รู้ เพราะผมเนี่ยหวิดจะสอบตกตลอด”

“ถามพระแล้วท่านว่ายังไง”

เสี่ยที่หันไปก้มหน้าก้มตาเปิดแฟ้มอ่านอย่างตั้งใจเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงคล้ายจะหงุดหงิดน้อยๆ

“อ้อ เกือบลืมไปเลย ท่านบอกว่านี่เป็นผลกรรมจากการกระทำของจิระ เขาขับรถชน แต่ตัวเขากลับเป็นคนนอนโรงพยาบาลแทน ส่วนผมทั้งที่ประสบอุบัติเหตุกลับไม่ได้เป็นอะไรเลย ว่าแต่เสี่ยเชื่อเรื่องเวรกรรมด้วยเหรอ แสดงว่าเสี่ยนับถือศาสนาพุทธใช่มั้ย แล้วเสี่ยเคยเจอผีรึเปล่า เมื่อก่อนนะ ตอนออกกองที่ต่างจังหวัดผมเคยเจอผีด้วย เจอคู่กับพี่โสภี เล่นเอานอนไม่หลับทั้งคืน ดีนะที่สตั้นท์แมนไม่ต้องเอาหน้าออกกล้องเยอะ ก็เลยถ่ายทำราบรื่นดี เอ้อ แล้วเสี่ยรู้รึเปล่าว่าหนังเรื่องล่าสุดที่ผมแสดงเป็นของบริษัทเสี่ย ผมเท่สุดยอดไปเลยใช่มั้ยละ ถ้ากลับร่างเดิมแล้ว เสี่ยอย่าลืมเรียกใช้ผมอีกนะ ผมจะตั้งใจทำงานให้ดี...”

นานแล้วที่ไม่มีใครฟังผมพูดจ้อไม่หยุดขนาดนี้ยกเว้นแม่กับพ่อ เพราะขนาดไอ้เจมันยังรำคาญเลย แม้เสี่ยจะเอาแต่ก้มหน้าทำงาน จนไม่แน่ใจว่ากำลังฟังอยู่รึเปล่าก็เถอะ

“ได้เวลาแล้ว...”

“ครับ?” ผมที่กำลังพล่ามเพลินจนน้ำลายท่วมชะงักทันควันเมื่อจู่ๆ เสี่ยก็พึมพำออกมา

ทันใดนั้นประตูพลันถูกเคาะ ก่อนที่คุณสันจะเปิดเข้ามาพร้อมก้มตัวน้อยๆ ให้เสี่ย

“เสี่ยครับ ที่สตูดิโอชั้นสี่มีปัญหา นักแสดงไม่เพียงพอ ถ้ายังไง...”

“วางแผนไว้ไม่ใช่รึไงสัน” เสี่ยเอ่ยอย่างไม่ใส่ใจโดยไม่ละสายตาจากแฟ้มในมือ “ถูกใจหมอนี่มากนักก็ดันไปให้สุดแล้วกัน ฉันรู้ว่านายเสียดายหน้าตาของจิระมานานแล้ว เจอวิญญาณหัวอ่อนแบบนี้คงเข้าทางเลยล่ะสิ”

คุณสันไม่ตอบ แต่ดูเหมือนว่าครั้งนี้ทักษะการมโนของเสี่ยจะมาถูกทาง

เพราะผมสังหรณ์ใจไม่ดีเอามากๆ

“ถ้าเสี่ยอนุญาต งั้นผมขอตัวคุณจิไปสตูดิโอชั้นสี่นะครับ”

เสี่ยโบกมือปัดเป็นคำตอบอย่างไม่คิดจะชายตามองสักนิด ผมทำอะไรไม่ถูก ยอมโดนคุณสันจับมือลากออกมานอกห้อง

“คุณสันครับ...นี่มัน...”

“เสี่ยเจอคนในวงการบันเทิงมาเยอะ มีอะไรมักมองในแง่ร้ายและเข้าข้างตัวเองก่อนเสมอ บางครั้งก็ถูก บางครั้งก็ผิด แต่ก็ไม่มีใครกล้าท้วงหรอกครับ”

“แล้วครั้งนี้ถูกหรือผิดละครับ”

“ถูกครับ” คุณสันฉีกยิ้ม วูบหนึ่ง ความสุภาพอ่อนน้อมใจดีของคุณสันคล้ายจะหายไป แทนที่ด้วยเลาขาหน้าเงินผู้เห็นผลประโยชน์บริษัทสำคัญที่สุด และเห็นร่างกายจิระเป็นลาภลอยแสนโอชะ “เลิกทำงานที่ร้านโอบีวายเถอะครับ ค่าจ้างก่อนหน้านี้ทางเราจะจ่ายชดเชยให้ทั้งหมด ขอเพียงคุณจิเซ็นสัญญากับทางเอ็มเอซเอ็น เอนเตอร์เทนเมนต์ ทางเราจะช่วยจัดการทั้งหมดเป็นอย่างดี”

“คุณสันครับ...ผมไม่ใช่จิระนะ”

“เพราะไม่ใช่จิระน่ะสิครับผมถึงได้เสนอ คนอย่างจิระ ไม่มีทางตอบตกลงหรอกครับ คุณจิก็ได้ยิน วิญญาณเดิมของร่างนี้มีความสุขกับการเกาะเสี่ยกิน เขาไม่มีความคิดที่จะทำงาน แถมยังมองพวกดาราในสังกัดว่าด้อยกว่าตัวเองด้วยซ้ำไป”

“...”

“คุณจิเป็นคนมีแววนะครับ แถมคุณยังเคยเป็นสตั้นท์แมน ต้องมีฝีมือการแสดงเป็นพื้นฐานและรู้มุมกล้องแล้วแน่นอน ปรับตัวสักเล็กน้อย ใช้รูปร่างหน้าตาให้เป็นประโยชน์ คุณก็จะทำเงินได้ไม่ยาก น้องชายของคุณจิใกล้จะเข้ามหาลัยนี่ครับ การเข้ามหาลัยต้องมีค่าใช้จ่ายสูง ลำพังแค่งานในร้านเหล้าคงไม่เพียงพอ แต่จะให้ทำงานสตั้นท์แมนก็คงไม่เหมาะกับร่างกายจิระ แถมเสี่ยเองก็ไม่ยินยอม”

คุณสันร่ายยาวไม่เว้นช่วงให้พูดแทรก

“แต่ถ้าเป็นดาราในสังกัดของเอ็มเอซเอ็น เอนเตอร์เทนเมนต์ เสี่ยต้องยอมแน่ครับ เมื่อก่อนเสี่ยยอมตามใจคุณจิระเพราะเห็นว่าถ้าเด็กเลี้ยงคนโปรดเป็นดารา จะมีเวลาไม่พอและไม่สามารถพาไปไหนมาไหนได้ แต่ในตอนนี้...”

“สักวันผมก็ต้องกลับร่างเดิมนะครับ”

“งั้นระหว่างนี้ก็ฉวยโอกาสที่ทำได้ทำดีไว้ก่อนไม่ดีกว่าเหรอครับ”

คุณสัน...คุณสันจะกล่อมเก่งไปแล้ว

ผมรู้สึกเหมือนโดนล้างสมอง ทั้งคิดถึงบรรยากาศในกองถ่ายเก่าๆ หาเงินให้น้องชาย ช่วยงานพ่อแม่ ไม่ต้องทนโดนลวนลามที่ร้านเหล้า

“...ผมตกลงครับ!”

-------

เริ่มเข้าเส้นทางสายหลักตามชื่อเรื่องค่ะ อยากลองแต่งพวกดารามานานแล้ว รู้สึกเท่ดี แต่หนูจิจะเท่มั้ย อันนี้...ต้องติดตาม!

 #ฝอยตกเสี่ย

นักเขียนปลาบปลื้มนักยามทุกคนเอ็นดูหนูจิ ทั้งหน้าใหม่หน้าเก่าที่มาชุมนุมกัน ประชุมใจรัก สมัครสมาน

ออฟไลน์ ่jum

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3709
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-4
คุณสันกลายเป็นเลขาหน้าเงินไปแล้ว  :hao7:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ TachibanaRain

  • มาโกโตะเทนชิ
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2418
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +76/-3
ฮ่าๆๆๆๆโอ้ยยพี่จิคะ พี่จิจะพล่ามทุกครั้งที่เอ่ยปากไม่ได้นะคะ ที่ขำหนักมากจนไม่รู้ว่าพี่แกเอาส่วนไหนหายใจ ส่วนคุณสันนั้น บอกได้คำเดียวว่าร้ายกาจ!! ค่ะ แล้วโถวววเอาพี่จิไปเป็นนักแสดงคุณสันแน่ใจแล้วใช่ไหมคะ

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3437
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
เริ่มเข้าเค้าชื่อเรื่องละ คราวนี้เสี่ยมโนถูก แถมดูออกด้วยว่าจิหัวอ่อน ฮา
คุณสันโน้มน้าวเก่งจริง ๆ

ออฟไลน์ supizpiz

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 692
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-0
โถ่ หนูจิโดนคุณสันล่อลวงซะแล้ว 55555555555

ออฟไลน์ ♥lvl♀‘O’Deal2♥

  • หานิยายถูกใจยากจัง!
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2665
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +176/-4
เสี่ยมาวับๆแวบๆ จนนึกว่าสันไม่ก็พี่เบิ้มเป้นพระเอกไปละ

ออฟไลน์ MorethanMore

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 94
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
โธ่ จิคนดี ชั่งโดนล่อลวงง่ายเหลือเกิน 555

เอาให้คุ้มจิ ว่าแต่จิระกับจิตรินจะเอายังไงละเนี่ย คนที่มีเจ้ากรรมนายเวรติดตามดูท่าจะเป็นจิตรินนะ แถมไปชดใช้กรรมกับเสี่ยขี้มโนด้วย คิคอ

ออฟไลน์ flimflam

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 881
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-4
แล้วตกลงพระท่านว่ายังไง 55555555555555555555
ฝอยตกเสี่ยจริงๆใช่มั้ยเนี่ย

ออฟไลน์ เป็ดอนุบาล

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1405
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-2
          ไปเป็นดาราเเล้วจะไม่โดนพระเอกมาจีบเหรอค่ะน้องจิต
แล้วเสี่ยก็โมโหหึงจับกินซะหรอกค่ะ :m20: :m20: :m20: :m20: :m20:

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7538
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
โอย........เรื่องนี้ มันสนุกมากกกกก ชอบบบบ  :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:

เลขา กับเสี่ย เป็นคู่หู  คู่หาเงินจริงๆ
คุณสันคิดได้ไง  เรื่องเอาร่างจิตริน ไปก่อนที่พ่อแม่จิตรินมาพาไป
เพื่อเป็นตัวประกันให้จิระทำงานให้ โอ้.....หน้าเงินสุดๆ

จิตริน พล่ามสุดๆ คุยเรื่องไปวัดกับเสี่ยอยู่ดีๆ  :katai1:
ออกทะเลไปผัดปูผงกะหรี่เฉยเลย ฮามากกกก กร๊ากกกก   :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
สงสัยคงไม่เคยมีใครคุยกับเสี่ยแบบนี้แน่ๆ  o22

จิระ ที่เคยเป็นสตั้นท์ น่าจะแสดงได้นะเพราะรู้มุมกล้อง
แต่อย่างคุณสันว่าแหละเรี่ยวแรงไม่มี คงเล่นเป็นดาราแน่เลย
เสน่ห์ของจิระเหลือร้าย ดูจากร้านเหล้า พี่โสภี
มาเล่นหนัง คงดังระเบิด
รอดูจิระเล่นหนังนะ อยากอ่านต่ออีกละ  :ling1: :ling1: :ling1:
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 07-07-2017 21:03:12 โดย ♥►MAGNOLIA◄♥ »

ออฟไลน์ bulldog17

  • ❤GOT7
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3689
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +265/-12

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด