{{ I'm Not Him }} เขาให้ผมเป็นดารา - ตอนพิเศษเฉพาะกิจ [P.48 - 26/6/61]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: {{ I'm Not Him }} เขาให้ผมเป็นดารา - ตอนพิเศษเฉพาะกิจ [P.48 - 26/6/61]  (อ่าน 253879 ครั้ง)

ออฟไลน์ JokerGirl

  • ∀Σ❤∀ΔΣ Forever^^
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2921
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +128/-3
เสี่ยก็ชอบคิดมโนไปเองตลอด :laugh:

ออฟไลน์ bun

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2374
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +260/-5
เสี่ยชอบมโนเพราะอยากแต๊ะอั๋งเด็กมากกว่า

ออฟไลน์ Snowermyhae

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4014
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-7
เกลียดเสี่ยที่คิดว่าจิจะอ่อยตลอดเวลา 55555555555555555555555555

ออฟไลน์ puiiz

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-4

ออฟไลน์ maekkun

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 223
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0

ออฟไลน์ Reminder

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 36
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
ชินแล้วสินะเสี่ย...วันไหนไม่มีเด็กมานั่งฝอยแล้วเหงาอ่ะดิ ของเค้าดีจริง 555

#มโนแมนแผนสูง #ฝอยเฟร่อเบอร์ตอง

ออฟไลน์ กาลณัฐ

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 505
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-2
สงสารเสี่่ยสุดละเรื่องนี้ 555555555

ออฟไลน์ VICTORY

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 787
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-1
สนุกทุกตอนเลยค่าา นิยายเรื่องนี้ ทำให้หัวเราะได้ทุกตอนเลยย
ทำไมจิเป็นคนพูดเยอะแบบนี้เนี่ยย แต่ชอบมากก ตลก

ออฟไลน์ boobooboo

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 748
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-2

ออฟไลน์ Supparang-k

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1908
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-3
เสี่ยค่าตัวแพงเหรอคะ ทำไมบทน้อย แถมมาตอนท้ายเรื่องตลอดๆ 555

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ cheezett

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 471
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3
มาน้อยๆแต่ยังคงคอนเซปมโนเป็นตุเป็นตะค่าาา55555
น้องจิตเก่งมากๆๆ

ออฟไลน์ ~ณิมมานรฎี~

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1070
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +139/-2
นึกถึงตอนกลับร่างเดิมแทบไม่ออกกก โถถถถ น้องจิของป้าาาา :katai2-1:

ออฟไลน์ YounIn

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1524
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-8
หวังว่าจะเป็นมิตรต่อกัน

ออฟไลน์ 205arr

  • เราคงอยู่ไกลกันเป็นพันหมื่นลี้
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 748
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-1
น้องจิเป็นคนที่ทัศนติดีจัง
 :katai2-1:

ออฟไลน์ Minty

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 743
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
จิน่ารักอ่ะ มองโลกในแง่บวกดี
ส่วนเสี่ยหลงตัวเองจังเลย 555555 :hao7:

ออฟไลน์ JustWait

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3348
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-4

ออฟไลน์ magarons

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 969
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +68/-6

ออฟไลน์ Dangdang

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 72
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
 :pigha2: :pigha2:   จิ อย่างฮา......

เสี่ยก็โครตมโน..... :mew5: :mew5:

ออฟไลน์ padthaiyen

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 943
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-2
ขำเสี่ยแกมโนตลอดจิก็น่ารัก

ออฟไลน์ ชมพูพาล

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 248
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-0
รอร้อรอ อยากให้เสี่ยเห็นจิตอนเเสดง

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ เป็ดอนุบาล

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1404
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-2
       เสี่ยค่ะเชิญช่องสองค่ะ รับยาสลายมโนด่วนค่ะหนักแล้วค่ะเสี่ย :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ:

ออฟไลน์ ทั่วหล้า

  • ไม่ช่างพูดแต่ช่างพิมพ์
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1049
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-3
จิบ้าน้ำลายอ่ะ
เสี่ยกวนตีน ตีมึน หรือว่าหื่นครับเนี่ย

ออฟไลน์ SaJung13

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1057
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +76/-1
ไม่รุ้จะสงสารหรือขำจิดี

ออฟไลน์ มาจะกล่าวบทไป

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 423
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +666/-7
    • เพจ 'มาจะกล่าวบทไป'
ตอนที่ 10 : รถไฟชนกันดังโครมคราม


“มิสเตอร์เอส!”

“ทำใจดีๆ ไว้คู่หู!”

ผมปรือตาสลึมสลือเมื่อถูกตบหน้าเบาๆ เพื่อเรียกสติ คนที่อดข้าวอดน้ำสองวันจะต้องมีท่าทางระโหยโรยแรงขนาดไหนกันนะ เมื่อคืนผมให้น้องชายช่วยดู แต่ไอ้เจบอกว่าให้ผมทำหน้าซีดน่าสงสารเข้าไว้แค่นั้นก็ทำให้คนเห็นใจสลายอยากช่วยแทบแย่แล้ว ไม่ต้องแสดงให้สมจริงมากก็ได้ ไม่งั้นไอ้ที่ดีๆ จะกลายเป็นล้น

“อา...” ผมครางในลำคอด้วยน้ำเสียงแหบพร่า เงยมองพระเอกที่จับไหล่มิสเตอร์เอสไม่ปล่อย นักสืบสาวยืนมองอยู่ด้านหลังด้วยความเป็นห่วง เห็นอย่างนั้นผมก็หลับตาลงอีกครั้งอย่างอ่อนล้า แต่พระเอกเรียกชื่อมิสเตอร์เอสเสียงกระโชกโฮกฮาก แถมยังเขย่าตัวซะแรง ผมเลยต้องฝืนลืมตาอีกครั้ง

ไม่ใช่ฝัน

มิสเตอร์เอสคิดอย่างนั้น สีหน้าแฝงความโล่งอก ส่งผลให้มุมปากยกยิ้มขึ้นมาเล็กน้อย

“เกือบโดนรุกฆาต...ซะแล้วสิ”

“นั่นสินะ” พระเอกยิ้มตอบ นานครั้งคู่หูจะเล่นมุกแซวในสถานการณ์ตึงเครียดขนาดนี้ พวกเราสองคนสบตากัน ไม่มีคำพูดมากไปกว่านั้น เพราะต่างรู้แก่ใจว่าครั้งนี้เกือบโดนหลอกให้ผิดใจ แต่ถึงอย่างนั้น พวกเราก็ยังเชื่อใจ

กล้องเริ่มถอยไปด้านหลังเพราะต้องการภาพมุมกว้าง ผมนับหนึ่งถึงสามโดยยังคงสีหน้านั้นไว้ ก่อนที่...

“คัต!” ผู้กำกับจะตะโกนด้วยความยินดีสุดขีด

อัครเดชส่งมือช่วยพยุงผมให้ลุกขึ้น การทำงานกับมืออาชีพมักจบไวเสมอ

“จิแสดงดีขึ้นนะเนี่ย”

“เพราะได้น้องชายช่วยน่ะครับ” ผมตอบพลางยิ้มแห้ง จะบอกว่าฝึกการแสดง...ก็ไม่ใช่สักเท่าไหร่ ในเมื่อไอ้น้องชายตัวดีมันรู้ว่าผมไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญด้านนี้ ให้เก่งขึ้นในหนึ่งคืนคงเป็นไปไม่ได้ แทนที่จะฝึกแสดงอินเนอร์ก็เลยจับติวเข้มฝึกการเงยหน้าในองศาที่ออกมาได้ดูน่าปกป้องที่สุด การปรือตาในจังหวะเชื่องช้าชนิดเห็นแล้วชวนใจสลายที่สุด ขนาดจังหวะยกยิ้มช่วงท้าย ไอ้เจยังให้ผมทำซ้ำไปซ้ำมา ยิ้มมากก็ไม่ดียิ้มน้อยก็ไม่ได้ ต้องออกมาให้พอเหมาะ รับกับใบหน้าของจิระผู้แสดงเป็นมิสเตอร์เอส “แต่พี่อัคเองก็แสดงเก่งสุดๆ ไปเลย สมแล้วที่เป็นพระเอกชื่อดัง เมื่อวันก่อนผมดูละครเรื่องใหม่ของพี่แล้วด้วย ได้รับบทเป็นคุณชายใส่สูทผูกเนกไท คงอึดอัดแย่เลยสิครับเนี่ย”

“ใครๆ ก็แซวกันแบบนั้น” อัครเดชหัวเราะ พวกเราต้องถ่ายทำร่วมกันเป็นเดือน เลยสนิทสนมกันเป็นพิเศษ “ไอ้ฉันเองก็อยากจะฉีกเสื้อโชว์ซิกแพคอยู่เหมือนกัน แต่ทางผู้จัดเขาเห็นว่านานๆ ทีเปลี่ยนลุคบ้างเผื่อจะได้แฟนคลับกลุ่มใหม่เพิ่มน่ะ เฮ้ อย่ามัวแต่พูดเรื่องฉันสิ เจอหน้ากันทีไรชมตลอดจนตัวฉันจะลอยติดเพดานอยู่แล้ว ตัวจิเองเถอะ ตอนนี้ดังระเบิดเลยนี่”

ไม่พูดเปล่ายังคล้องแขนพาดกับบ่าของผมด้วย พี่เบิ้มทำท่าจะเข้ามาจับแยก ผมเลยรีบหันไปส่ายศีรษะ ผู้ชายสองคนเดินคล้องคอไปห้องแต่งตัวด้วยกัน ไม่เห็นจะแปลกตรงไหน วันนี้ถ่ายทำเสร็จก่อนเวลา ถือเป็นเรื่องดีซะอีก ส่วนนักแสดงหญิงหลบไปอีกทาง เพราะห้องแต่งตัวของผู้ชายกับผู้หญิงนั้นแยกกัน

“โห ดังแค่มิสเตอร์เอสแหละครับ ถ้าแฟนคลับมาเจอตัวจริงผมเข้าคงผิดหวัง พูดน้อยท่าทางเอื่อยเฉื่อยตาปรือปรอยอะไร ไม่มี๊ไม่มี”

“ไม่หรอกน่า จิเองก็น่ารัก ทำอะไรก็น่ารัก”

“หน้าตาอย่างจิระน่าจะบอกว่าทั้งสวยทั้งหล่อ มากกว่าน่ารักนะพี่”

“พูดซะห่างเหิน จิระอะไรกัน” อัครเดชรั้งแขนให้ผมโน้มตัวเข้าใกล้ทั้งรอยยิ้ม “จริงอยู่ว่าหน้าตาเราน่ะโดดเด่น ใครเจอครั้งแรกก็คงไม่กล้าเข้าใกล้เพราะเหมือนจะหยิ่ง แต่พอรู้จักจะรู้ว่านิสัยเราน่ะน่ารัก น่าคบหาจะตายไป”

“ผมพูดมากจะตายไปต่างหาก” ผมตอบกลับทันควัน “ผู้จัดการของผมไม่ยอมรับงานวาไรตี้เลยเพราะกลัวผมพูดเยอะเกินไปจนทำให้แฟนคลับมิสเตอร์เอสฝันสลาย ขนาดน้องชายผมยังบอกว่าน่ารำคาญ คนที่ฟังผมพูดโดยไม่ห้ามตอนนี้ก็มีแต่พ่อ แม่ ผู้จัดการ แล้วก็...”

เสี่ย

“แล้วก็ใคร ฉันล่ะสิใช่มั้ย ฉันก็ไม่เคยขัดนะ”

“ใช่ๆ” ผมเออออไปอย่างเนียนๆ “พี่อัคน่ะอัธยาศัยดี ทุกคนพูดกันทั้งนั้นว่าทำงานกับพี่แล้วสบายใจ ขนาดดาราหญิงที่มาแสดงคู่กับพี่วันนี้ยังพูดชมเลยว่าทั้งที่พี่ดังมากแท้ๆ แต่ไม่ถือตัว ทำให้ไม่เกร็งเวลาเข้าฉากด้วยกัน อย่างพวกฉากเลิฟซีน...ถูกเนื้อถูกตัว พี่ก็จะขออนุญาตก่อน สุภาพบุรุษสุดๆ”

“ชมอีกแล้ว” อัครเดชพูดยิ้มๆ “จิเองก็อยู่ด้วยแล้วสบายใจ ไม่คิดร้ายกับใคร ไม่ทำร้ายใคร ใสๆ ซื่อๆ น่ารักดีออก”

“พี่ก็ชมผมเหมือนกัน” ผมชักรู้สึกแปลกๆ เพราะครั้งนี้อัครเดชมองผมด้วยสายตาแฝงความนัยบางอย่าง แม้จะปรากฏเพียงวูบเดียวเท่านั้น จนเกือบคิดว่าตาฝาดไปเอง แต่ผมไม่ใช่คนใสๆ ซื่อๆ อย่างที่เขาคิดสักหน่อย

ผมไม่เคยใส่ร้ายใคร ว่าร้ายใคร แต่ไม่ได้หมายความว่าจะยอมให้คนอื่นเอาเปรียบโดยไม่ทำอะไรเลย

ไม่งั้นคงไม่มีชีวิตมาถึงตอนนี้ได้หรอก

มาคิดดูดีๆ...อัครเดชเป็นนักแสดงวางตัวดีมาก เขาสนิทกับทุกคน และเป็นมิตรกับทุกคน ทั้งที่โด่งดังมานาน แต่กลับไม่เคยมีข่าวฉาว ไม่เคยคบกับผู้หญิงคนไหนทั้งในวงการและนอกวงการ แม้แต่อาการชอบพอก็ไม่มี

เดี๋ยวนะ...หรือว่าเขาจะชอบผู้ชาย!?

ผมค่อยๆ ก้มตัวหลุดจากวงแขนก้ามปูที่เคยชื่นชมทันควัน

ไม่ใช่ว่ารังเกียจ ผมไม่เคยดูถูกรสนิยมความชอบของใคร แต่ถ้าโดนคิดไม่ซื่อขึ้นมาก็ควรตัดไฟแต่ต้นลมก่อนที่มันจะเลยเถิด พวกเรายังต้องแสดงซีรี่ส์ร่วมกันอีกนาน

“จิ?”

“ขอโทษครับ ผมนึกได้ว่ามีเรื่องจะคุยกับผู้จัดการ พี่ไปเปลี่ยนเสื้อก่อนนะ”

“ทำไมมองพี่อย่างนั้น เดี๋ยวก่อนสิจิ พี่ไม่ได้คิดอะไรกับเราสักหน่อย เข้าใจผิดแล้ว”

ผมที่เตรียมเดินไปหาพี่เบิ้มซึ่งยืนคุมเชิงอยู่ไม่ไกลจ้องอัครเดชอย่างลังเล ยังไงซะเขาก็เป็นนักแสดง...แถมยังเก่งมากด้วย เรื่องเก็บความรู้สึกนั้นทำได้ไม่ยากอยู่แล้ว หากไม่เพราะหลุดสายตาออกมาเมื่อครู่ ผมคงไม่ทันฉุกใจคิด

อยากจะบอกตัวเองว่าตาฝาดอยู่เหมือนกัน แต่...นี่เป็นร่างกายของจิระ ความเสี่ยงแค่เล็กน้อยก็ต้องตั้งข้อสงสัยไว้ก่อน!

“ผมมีธุระกับพี่เบิ้มจริงๆ ครับ” ผมเลือกที่จะบอกปัด ในเมื่อเขาอยากจะปิดก็ต้องเก็บความลับนี้ไว้ พระเอกชื่อดังชอบผู้ชาย ข่าวนี้คงไม่ใช่เรื่องดีสำหรับอัครเดช เพียงแต่ผมคงไม่กล้าเดินกอดคออย่างสนิทสนมแล้ว “ขอตัวก่อนนะพี่ แล้วเจอกัน”

ผมวิ่งเหยาะๆ ไปหาพี่เบิ้มที่จ้องมาตาไม่กะพริบอย่างพร้อมแทรกกลางพวกเราทุกเมื่อหากจิระถูกลวนลาม ก่อนจะทำหน้าปะหลับปะเหลือกใส่ ถามความเห็นพี่เบิ้มอย่างตรงไปตรงมา

“เขาชอบผมจริงอ่ะ”

“อาจไม่ถึงกับชอบ แต่สนใจน่ะใช่” พี่เบิ้มตอบทันที เขาเป็นคนนอก เห็นทุกอย่างในสายตาตลอด ต้องจับสังเกตท่าทางหลุดๆ ของอัครเดชได้ดีกว่าผมอยู่แล้ว “ไปฝึกทำหน้าอย่างนั้นจากไหน”

“หน้าอย่างนั้น?”

พี่เบิ้มพยักพเยิดไปทางฉากห้องใต้ดินที่คนในกองกำลังทำความสะอาดเตรียมเก็บของ

“อ้อ น้องชายผมสอนน่ะ เจ๋งไปเลยใช่มั้ย” ผมก็คิดว่าผลงานออกมาไม่เลว เลยดีใจมากเพราะนานครั้งพี่เบิ้มจะชมเรื่องการแสดง “เมื่อคืนเขาให้ผมทำท่าถูกมัดแล้วเงยหน้าปรือตามองเหมือนคนเพิ่งฟื้นด้วยท่าทางโรยแรงให้ออกมาดูดีที่สุดตั้งเก้าสิบแปดครั้ง! คิดดูสิพี่ เก้าสิบแปดครั้งเชียวนะ แล้วยังไม่นับเรื่องให้ฝึกยิ้มอีก ห้ามฉีกยิ้ม ห้ามอมยิ้ม ห้ามกระตุกตา คิ้วขมวดก็ไม่ได้ โห โคตรลำบากเลย ผมโดนเขาย้ำจนขนาดนอนหลับไปแล้วยังเผลอยกยิ้มค้างทั้งคืน เจน่ะติดซีรี่ส์สุดๆ เขาเลยไม่ยอมเด็ดขาดหากผมเป็นจุดด่างพร้อยของเรื่อง พยายามเคี่ยวเข็ญฝึกฝน บอกว่าผมแสดงไม่ดี แต่ให้หน้าสวยไว้ก่อนเป็นอันโอเค”

ผมพรั่งพรูไม่หยุดอย่างอัดอั้น ไอ้น้องชายจริงจังมากจนผมพลอยฮึดตามไปด้วย

“ไม่สิ ไม่ใช่แค่ไอ้เจ พ่อแม่ผมก็ชอบมากเหมือนกัน ถึงจะไม่ได้ติผมเรื่องการแสดง แต่พวกเขาก็ไม่วายจับผมฝึกเซ็นลายเซ็น หาว่าที่ผมเคยเซ็นก่อนหน้านี้ลายมือไก่เขี่ยเกินไป ไม่เหมาะกับดาราดัง ทั้งที่ผมเป็นแค่นักแสดงรองในเรื่องแท้ๆ ดังตามกระแสเพราะว่าหน้าใหม่เท่านั้นเอง เดี๋ยวไม่นานก็เริ่มซาลง เอ...แต่ก็คงอีกสักพักล่ะนะ เพราะตอนยาวสองตอนที่เพิ่งถ่ายไปสนุกสุดๆ ไปเลย พี่เบิ้มคิดว่างั้นมั้ย ผมเป็นคนเสนอพลอตกับคนเขียนบทเองเชียวนะ”

ผู้จัดการหน้าบากพยักหน้ารับเป็นช่วงๆ ไม่ให้ผมเหงา พอเห็นท่าทางคล้ายไม่อยากฟังผมก็ตัดสินใจหยุดพูด ทั้งที่เขามีปฏิกิริยาตอบสนอง แต่ดูก็รู้แล้วว่าทำให้ผ่านไป ผิดกับเสี่ย...ถึงเสี่ยจะไม่ใส่ใจผม ไม่แม้แต่จะพยักหน้าตามจังหวะ แต่ช่วงหลังมานี้ผมรู้ว่าเขาตั้งใจฟังทุกคำ

“ต่อไปเป็นคิวนัดเซ็นสัญญาโฆษณาสินะครับ”

“สตูดิโอชั้นห้า เซ็นสัญญาและลองชุด ส่วนคิวถ่ายจริงอาทิตย์หน้า”

“ครับผม!” ขานรับอย่างกระตือรือร้นและยกมือตะเบ๊ะ ผู้จัดการเพียงหันหน้าหนีไปอีกทาง ผมเลยยกมือลงแล้วยิ้มเก้อ หันไปยกมือไหว้ผู้กำกับและคนในกองเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนจะขึ้นลิฟต์ไปชั้นห้า

เพราะถ่ายทำเสร็จไวกว่ากำหนดเลยยังไม่ถึงเวลาเซ็นสัญญา พี่เบิ้มลงไปซื้อกาแฟที่ร้านชั้นล่างให้ผม คงเพราะเห็นว่าพออยู่นิ่งๆ ผมก็เริ่มสัปหงก ช่วยไม่ได้ เมื่อคืนกว่าจะทำให้ไอ้น้องชายพอใจได้ คอผมแทบเคล็ด ปากเกร็งไปหมด ฝืนทนนอนแค่ไม่กี่ชั่วโมงก็โดนลากมาเข้าฟิตเนสตอนเช้าเพื่อเตรียมร่างกายในการเข้าฉากแล้ว

ถึงจะมีคิวงานตลอด แต่ผมก็ยังออกกำลังกายทุกวันเพื่อให้มีเรี่ยวแรงมากขึ้น กระฉับกระเฉงคล่องแคล่ว ไม่อย่างนั้นคงวิ่งรอกรับงานในอนาคตไม่ได้แน่ๆ จิระอ่อนแอแค่ไหนผมรู้ตัวดี ส่วนหนึ่งเป็นเพราะยาเสพติด อีกส่วนเพราะเจ้าตัวไม่เคยใส่ใจดูแลตัวเอง ผมเลยต้องปรับเปลี่ยนพฤติกรรมใหม่หมด

โดนทิ้งให้อยู่คนเดียวไม่มีคนช่วยสะกิดผมก็เริ่มหาว ดูนาฬิกาแล้วยังอีกตั้งครึ่งชั่วโมงกว่าจะถึงเวลาเจอตัวแทนบริษัทที่จะจ้างให้ผมเป็นพรีเซนเตอร์ มองไปมองมาห้องนี้ก็เงียบดี ผมเลยตัดสินใจฟุบหน้าเอียงข้างตะแคงทับบนแขน เพราะยังต้องลุยงานยาวติดต่อกันถึงสามเจ้า ก็ทั้งเครื่องนอน โทรศัพท์มือถือ แล้วก็แบรนด์เสื้อผ้านั่นแหละ พี่เบิ้มเล่นนัดคุยยาวตลอดวัน ไม่สิ...คนจัดเวลาน่าจะเป็นคุณสันมากกว่า

ราวกับหลับไปเพียงครู่เดียวเท่านั้นก่อนจะสะดุ้งตื่น คล้ายจะได้ยินเสียงถอนหายใจอย่างแสนเสียดาย พอขยี้ตาเงยมองตามเสียงนั้น ผมก็เจอกับผู้ชายใส่สูทท่าทางสุภาพคนหนึ่งนั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม

ผมมองหาผู้จัดการส่วนตัวทันที พอหันไปเจอพี่เบิ้มนั่งคุมเชิงอยู่ข้างๆ ในมือถือถ้วยกาแฟที่กำลังละลายก็โล่งอก

“เอ่อ...มานานแล้วเหรอครับ”

ไม่ถูกพี่เบิ้มไล่ แถมยังปล่อยให้จ้องร่างกายจิระอยู่นานสองนาน จะเป็นใครไปได้ถ้าไม่ใช่ลูกค้าคนสำคัญ

“สวัสดีครับ ผมเป็นผู้จัดการฝ่ายโฆษณาของบริษัทที่ต้องการให้คุณเป็นพรีเซนเตอร์เครื่องนอนของเรา”

“ยินดีที่ได้รู้จักครับ ผมชื่อจิระ”

“เซ็นสัญญาเลยมั้ยครับ”

“เอ...ไม่ต้องให้ผมลองแสดงให้ดูก่อนหรือครับว่าคุณต้องการให้ภาพโฆษณาออกมาแบบไหน อย่างพวกคอนเซปโฆษณาคร่าวๆ หรือข้อเรียกร้องพิเศษว่าอยากให้ผมทำอะไรบ้าง”

“ไม่ต้องหรอกครับ” ทางนั้นพูดทันที “ผมต้องการในแบบที่คุณเป็นนั่นแหละ ภาพตอนหลับกับตอนตื่นที่แสนจะเป็นธรรมชาติของคุณเนี่ย...งดงามอย่างกับเทวดาตัวน้อยๆ เลยทีเดียว”

จู่ๆ ก็โดนคนแปลกหน้าชม ผมไม่รู้ว่าจะขานตอบยังไงเลยเพราะควรยกประโยชน์ให้ร่างกายของจิระมากกว่า

“เชิญครับคุณจิระ” ฝ่ายนั้นยื่นเอกสารสัญญาทันที พี่เบิ้มรับไปอ่านก่อนสองรอบ ก่อนจะส่งมาให้ผมลงชื่อ มีผู้จัดการก็ดีตรงนี้ เพราะผมไม่ค่อยรู้กฎหมาย ให้อ่านเองคงไม่เข้าใจ เล่นหนาเป็นสิบหน้าขนาดนี้

“ผมจะรอวันที่จะได้เจอคุณในอาทิตย์หน้านะครับ ขอบคุณ”

“เอ่อ ขอบคุณเช่นกันครับที่ไว้วางใจผม” ผมกำลังจะยกมือไหว้ แต่ทางนั้นดันยื่นมือมาหมายจะจับแบบฝรั่ง ก็เลยต้องยื่นมือออกไปเพื่อไม่ให้ลูกค้าเสียหน้า เขากำมือจิระเบามากอย่างกับกลัวว่าข้อมือบางจะหัก

ประตูปิดลง พี่เบิ้มเลื่อนกาแฟที่กำลังละลายให้ผมโดยไม่พูดอะไรออกมาสักคำ

“ทำไมไม่ปลุกผมล่ะ”

“เพราะจะเป็นประโยชน์กับทางเรามากกว่า”

โดนคุณสันล้างสมองกันไปหมดแล้ว! ถ้าไม่เป็นผลเสียกับร่างกายของจิระ บริษัทเอ็มเอซเอ็นนี้ก็ใช้งานซะคุ้มเกินคุ้มเลยทีเดียว!

หลังจากนั้นอีกครึ่งชั่วโมงตัวแทนของบริษัทโทรศัพท์มือถือก็มาถึง คราวนี้ได้คุยเรื่องงานกันหน่อย สรุปได้ว่าเขาต้องการให้ผมแสดงเป็นมิสเตอร์เอสและแต่งตัวแบบนั้นเป๊ะๆ ซึ่งได้ตกลงกับทางฝ่ายลิขสิทธิ์ซีรี่ส์เรื่องนี้เรียบร้อยแล้ว ถึงขนาดไปขอตัวคนเขียนบทให้ช่วยเขียนคอนเซปโฆษณาโดยเฉพาะ

ลับหลังตัวแทนคนนั้นที่กลับออกไปด้วยสีหน้าพอใจว่าโฆษณาจะต้องดังเปรี้ยง ในมือผมก็มีการบ้านเป็นบทคร่าวๆ ที่ต้องฝึกซ้อมก่อนการถ่ายทำจริง

บริษัทสุดท้าย เจ้าของแบรนด์ซึ่งเป็นหญิงสาวสวยเฉี่ยวในชุดเกาะอกผ่าข้างสีแดงสดมาพร้อมกับตัวแทนอีกสองคน คนหนึ่งถือสัญญา อีกคนถือเสื้อผ้ามาหลายชุดเพื่อให้ลองเปลี่ยนกันสดๆ แถมยังวิจารณ์กันซึ่งหน้า ผมค่อนข้างทึ่งเพราะเจ้าของแบรนด์ให้ตัวแทนคนที่สองแก้แบบร่างชุดเดี๋ยวนั้น เพื่อขับทั้งชุดทั้งคนใส่ให้โดดเด่นที่สุด

กว่าจะเซ็นสัญญากันเรียบร้อยก็ปาไปหนึ่งทุ่มครึ่ง ผมหิวจนหมดแรง

“ครับแม่ ผมกลับช้าหน่อยนะครับ ครับ”

สิ่งแรกที่ทำคือโทรรายงานมารดาผู้เคารพรักที่ไม่กล้าติดต่อผมด้วยรู้ว่าวันนี้มีคุยงานสำคัญ ผมอยากกลับบ้านเต็มแก่ แต่ในช่วงเวลานี้รถคงติดน่าดู เพราะบริษัทของเสี่ยเล่นตั้งเด่นกลางย่านธุรกิจ กว่ารถจะเริ่มโล่งก็คงสักสองสามทุ่ม

พี่เบิ้มคงกลัวว่าจิระท้องโล่งแล้วไม่สบาย เลยอาสาไปซื้อขนมปังที่ร้านข้างนอก ส่วนผมถูกกำชับไม่ให้ออกไปไหนด้วยกลัวว่าจะถูกคนเห็นแล้วโดนรุม ก็เลยยืนรอแถวลิฟต์ใกล้กับลานจอดรถ

“อ้าว คุณสัน” ผมทักทายคนคุ้นเคยที่ลงลิฟต์มาพอดี เขามาพร้อมกับเลขาหน้าบากที่รับหน้าที่สารพัดอย่างไม่ว่าจะเป็นบอดี้การ์ดยันคนขับรถ

“คุณจิ” คุณสันทำหน้าตกใจเมื่อเห็นผม แปลกชะมัด เขาไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน “เอ่อ...”

แล้วผมก็รู้คำตอบ เพราะเสี่ยเดินออกมาจากลิฟต์พร้อมกับเด็กหนุ่มหน้าสวยอายุราวๆ ยี่สิบปี ที่แม้จะไม่ได้โอบเอวจับมือจู่จี๋กันออกนอกหน้านอกตา แต่ผมรู้ได้ด้วยสัญชาตญาณว่าคนนี้...

’เป็นเด็กเลี้ยง’

เพราะเคยเป็นสตั้นท์แมนมาก่อน แม้จะไม่ค่อยยุ่งเรื่องโซเชี่ยลแต่ผมก็รู้จักดาราไม่น้อย เด็กคนนี้ก็เช่นกัน เขาเป็นนักแสดงหน้าใหม่ที่เพิ่งโด่งดังในช่วงปีที่แล้วจากบทน้องชายพระเอกผู้แสนน่ารักในหนังที่ทำรายได้ถล่มทลายจากฉากขอแต่งงานที่ห้องทำงานของเสี่ยชั้นบนสุด นับจากนั้นก็มีงานเดินแบบโชว์ตัวมาตลอด

ถ้าจำไม่ผิด เขาชื่อ ‘ธนัท’

ผมชักเข้าใจรสนิยมเสี่ยแล้วแฮะ

ชอบแนวเอ๊าะๆ สินะ

ผมยกมือไหว้เสี่ย ก่อนจะหันไปยิ้มทักทายกับเด็กคนนั้นเพราะเขาอายุน้อยกว่า ไม่ว่าจะเทียบกับจิระและจิตริน

“ทำไมวันนี้กลับดึก” เสี่ยเอ่ยถามหลังเหลือบตามองผมสองวินาที

“เพิ่งคุยงานเสร็จน่ะครับ” ผมตอบ เพราะต้องกลับไปกินข้าวเย็นที่บ้าน ผมเลยขอให้คุณสันช่วยจัดคิวงานเทไปที่ช่วงเช้า นานครั้งจะกลับดึกขนาดนี้ อย่างเวลานั่งรถกลับกับเสี่ย ก็จะเป็นช่วงห้าโมงเย็นอันเป็นเวลาเลิกงานของบริษัท “ผมโดนจับลองเสื้อจนเหมือนตัวเองเป็นตุ๊กตาเลย ตอนแรกก็ยังเป็นชุดธรรมดาอยู่หรอกครับ แต่ตอนหลังเจ้าของแบรนด์ออกความเห็นให้อยากลองฉีกแนวมากกว่านั้น ก็เลยหยิบกรรไกรขึ้นมาตัดเสื้อให้เป็นเส้นริ้วๆ แถมยังบอกว่าจะกลับไปแก้เสื้อใหม่หมดเพื่อจะดึงเสน่ห์จิระในแบบที่ไม่เคยมีใครเคยเห็นและคาดไม่ถึง ตั้งใจฉีกแนวจากสองบริษัทแรกโดยสิ้นเชิงเลยล่ะ เชื่อสิว่าเสี่ยเองก็ต้องอึ้งแน่ เพราะขนาดผมยังทึ่งเลย แล้วก็นะ...เอ่อ เสี่ยคงมีธุระ เชิญก่อนเถอะครับ ผมกำลังรอพี่เบิ้มอยู่”

ผมเผลอพูดเพลินไปหน่อยจนเกือบลืมไปว่าเสี่ยมีแขก

“นั่นไงครับ เขามาพอดี”

พี่เบิ้มใช้วิชานินจาความเร็วเสียงมายืนประกบผมพร้อมโค้งตัวอย่างสุดแสนเสียใจที่ละทิ้งหน้าที่ชั่วคราว

“จิระหิวผมเลยไปซื้อขนมปังให้ครับเสี่ย”

“อืม” เสี่ยขานรับอย่างขอไปที เหมือนไม่ได้ต้องการให้รายงานสักหน่อยแต่พี่เบิ้มโอเวอร์ไปเอง เขาเดินนำไปที่รถพร้อมกับธนัท โดยที่คุณสันจงใจเว้นช่วงไม่เดินตามไปเพื่อหันมากำชับกับพี่เบิ้มโดยเฉพาะ

“หลังส่งคุณจิเสร็จแล้วโทรหาผมด้วยนะครับ เราต้องคุยกันเรื่องเสื้อผ้าสำหรับถ่ายนิตยสารทำไมถึงเปลี่ยนไปมากขนาดนั้น อย่าลืมนะว่าห้ามให้หลุดคาเรคเตอร์เกินไปจนเป็นผลเสีย ให้ตายสิ สงสัยวันนั้นผมต้องคุมเองซะแล้ว”

“ครับคุณสัน”

“แล้วก็คุณจิ...” คุณสันหันมามองหน้าผมด้วยรอยยิ้มเจื่อน “อย่าคิดมากนะครับ ปกติเสี่ยสับรางเก่ง แต่ครั้งนี้คาดการณ์พลาดไปหน่อย...”

สับรางเก่ง?

คงจะหมายถึงบรรดาเด็กเลี้ยงของเสี่ยที่ไม่เคยเจอกันเองละมั้ง เพราะขนาดผมไปบ้านเสี่ยทุกสองวัน ยังจับไม่ได้เลยว่าเขามีคนอื่นแอบซุกไว้ด้วย แต่สำหรับคนวัยสามสิบสองอย่างเสี่ยที่ค่อนข้างจะหื่นกามชอบเลี้ยงเด็กไว้กินตับ จะคอยหาเศษหาเลยก็ไม่แปลกอะไร

“ผมไม่คิดมากหรอกครับ ผมไม่ใช่จิระที่ต้องตามหึงหวงเรียกร้องความสนใจจากเสี่ยนี่นา”

คุณสันมองผมแปลกๆ คล้ายอยากจะพูดอะไรสักอย่าง แต่สุดท้ายก็ตัดสินใจรีบเดินขึ้นรถฝั่งข้างคนขับเพราะไม่อยากให้เสี่ยรอนาน

“กลับกันเถอะพี่ ผมอยากไปกินข้าวฝีมือแม่จะแย่แล้ว”

พี่เบิ้มขานตอบเบาๆ แล้วเดินไปยังรถยนต์สีดำที่จอดอีกทางหนึ่ง ทันเห็นรถของเสี่ยตัดหน้าไปพอดี

เพราะติดฟิลม์ดำทั้งคันเลยไม่เห็นว่าข้างในเกิดอะไรขึ้นบ้าง แต่ผมว่า...คุณสันควรจะเอาประโยคเมื่อครู่ไปบอกกับคนข้างตัวเสี่ยมากกว่า เพราะคนที่คิดมากน่ะ...ไม่ใช่ผม

แต่เป็นธนัทต่างหาก!





“นี่คืออะไรครับเสี่ย”

“ของปลอบใจที่ทำให้เธอเห็นภาพไม่น่าดูเมื่อวาน”

ครบสองวัน ผมมาตรวจร่างกายที่คฤหาสน์ของเสี่ย เพราะออกกำลังกายสม่ำเสมอ และให้ยาไม่เคยขาดด้วยปริมาณที่ลดลงมากในแต่ละครั้ง ทำให้คุณหมอเริ่มเว้นระยะการฉีดสารเสพติดในร่างของผมเพื่อรอดูอาการ จากสองวันกลายเป็นห้าวัน จนตอนนี้กลายเป็นหนึ่งอาทิตย์แล้ว

ผมพอใจกับผลลัพธ์มาก คุณหมอที่ดูแลจิระมาตลอดเองก็ปลาบปลื้มใจเช่นกัน คาดว่าอีกไม่นานร่างกายนี้จะสุขภาพแข็งแรงเหมือนคนอื่นเขาสักที

ส่วนของปลอบใจที่ว่าคืออะไรนั้น...     

มันคือดอกกุหลาบสีแดงช่อใหญ่ เสี่ยส่งให้ผมแล้วเดินกลับไปนั่งอ่านหนังสือนิยายบนโซฟาตัวเดิมเหมือนทำเป็นพิธี แต่ผมรู้ว่าเขาแค่เก๊กไปงั้นแหละ เสี่ยเป็นคนชอบถนอมของในมือ แม้จะไม่คิดอะไรลึกซึ้งกับเด็กเลี้ยง แต่ก็มักดูแลเป็นอย่างดี

“เอ่อ...ขอบคุณครับ” ผมพูดตามมารยาท ไม่รู้จะทำยังไงกับดอกกุหลาบช่อนี้ที่มีดีแค่สวยและแพง เสียอย่างเดียว ดันกินไม่ได้ “แต่เสี่ยไม่ต้องง้อผมหรอก ผมไม่ใช่เด็กเลี้ยงของเสี่ย และผมก็ไม่ได้คิดมากเรื่องเมื่อวานด้วย เสี่ยมีชีวิตส่วนตัวของเสี่ย ผมก็มีชีวิตส่วนตัวของผม แฟร์ดีออก”

ผมพลิกช่อดอกกุหลาบ แอบคิดว่าถ้าเป็นจิระที่ได้รับดอกไม้ช่อนี้คงจะดีใจมาก

“แล้วเสี่ยซื้อให้ธนัทด้วยรึเปล่าครับ”

“ทำไมฉันต้องซื้อ”

“อ้าว ก็เสี่ยปลอบใจผมที่เห็นภาพบาดตา แล้วธนัทที่มาเจอจิระ จะไม่ปวดใจด้วยเหรอครับ เสี่ยก็ต้องปลอบใจเขาด้วยสิ”

“เธอเข้าใจฉันผิด” เสี่ยเอ่ยนิ่งๆ ขณะพลิกหน้าหนังสืออ่านพร้อมแก้ต่างด้วยสีหน้าแสนเรียบเฉย “ที่ฉันซื้อให้ เพราะว่าฉันไม่เคยควงซ้อน และเมื่อวานก็เป็นคิวของนัท ฉันอยู่กับเขาไม่นับว่าแปลก ฉะนั้นฉันต้องปลอบใจเธอ ไม่ใช่เขา”

“แสดงว่าถ้าเป็นวันนี้ที่ผมมีนัดกับเสี่ย แล้วธนัทมาเจอเข้า เสี่ยก็จะซื้อดอกกุหลาบให้สินะครับ”

“ใช่”

ตรรกะความคิดของเสี่ยนี่มัน...

ผมวางดอกไม้ไว้ข้างตัวอย่างหมดความสนใจ

“ปากบอกไม่สนใจแต่ถามถึงคนอื่น แล้วยังไม่อยากรับดอกไม้จากฉันอีก อย่าสำคัญตัวผิดคิดว่าฉันจะซื้อของปลอบใจมากไปกว่านี้นะ สำหรับการเห็นฉันอยู่กับเด็กคนอื่น กุหลาบช่อหนึ่งก็พอแล้ว”

แสดงว่าตลอดมาหากเจอเหตุการณ์แบบนี้ เสี่ยจะซื้อดอกไม้ให้ตลอดเลยงั้นสิ

จะบอกว่าใส่ใจหรือไม่ใส่ใจดีล่ะเนี่ย

“ผมถามเพราะห่วงธนัท ส่วนที่ไม่อยากรับดอกไม้จากเสี่ยก็เพราะว่าผมไม่ใช่จิระที่จะดีใจเวลาเสี่ยซื้อของมาง้อ และเสี่ยก็ไม่ต้องซื้ออย่างอื่นมาให้ผมด้วย เพราะผมไม่ได้คิดอะไรจริงๆ ครับ” จะคุยกับเสี่ยต้องอธิบายให้หมดเปลือก ตัดช่องทางห้ามไม่ให้เสี่ยมโนไกล “เอ๊ะ เสี่ยอ่านเล่มนั้นซ้ำสองครั้งแล้วนี่ ผมก็ชอบนะ สนุกดี ฉากตอนที่พระเอกวิ่งตามนางเอกที่ทุ่งดอกไม้แล้วกระชากเธอล้มลงบนพื้นหญ้าโรแมนติกมากเลย ตอนแรกผมนึกว่าเสี่ยจะอ่านนิยายอีโรติกขายแต่ฉากอย่างว่า พออ่านแล้วถึงรู้ว่าบางเรื่องมันสละสลวยและคลาสสิกมากๆ เลยนะครับ”

เสี่ยเลิกคิ้ว เป็นครั้งแรกที่เขาปิดหนังสือเพื่อคุยกับผมโดยเฉพาะ

“ไม่คิดว่าเธอจะอ่านหนังสือ”

“โธ่ เสี่ยเห็นผมเป็นคนยังไงเนี่ย...โอเคครับ ผมไม่ใช่คนชอบอ่าน แต่พอเห็นเสี่ยอ่านทุกครั้งที่มาก็อดสงสัยไม่ได้นี่ ผมเลยลองสั่งซื้อมาจากอินเตอร์เน็ต ต้องแอบน้องชายแทบแย่เพราะกลัวโดนล้อ ถึงได้รู้ว่าหน้าปกน่ะหลอกตากว่าที่เห็น เนื้อในสนุกจะตาย เสี่ยชอบก็ไม่แปลก”

เสี่ยไม่ตอบอะไร แต่คล้ายจะกระดิกหูตั้งใจฟังที่ผมพูดมากขึ้น

“จริงสิ...เสี่ยควงแต่เด็กผู้ชาย เสี่ยเป็นเกย์แต่กำเนิดเหรอครับ แล้วทำไมถึงอ่านนิยายชายหญิงล่ะ”

“รสนิยมกับงานอดิเรกมันไม่เหมือนกัน” เสี่ยตอบ “แล้วถามแบบนี้หมายความว่ายังไง อยากรู้จักฉันให้มากขึ้น? หึ เริ่มสนใจฉันแล้วล่ะสิ”

“เสี่ย...” ผมลากเสียงยาวแบบขอทีเถอะโปรดอย่ามโนมากไปกว่านี้เลย “วันนี้ข้าวเย็นมีอะไรครับ เมื่อสองวันก่อนปูผัดผงกะหรี่อร่อยมากๆ แต่รสไม่จัดจ้านเท่าไหร่ เหมือนแกงกะหรี่ของญี่ปุ่นมากกว่าของไทยที่เน้นพริกแกง จะว่าไปเสี่ยยังไม่เคยลองชิมฝีมือแม่ผมเลยนี่ ครั้งหน้าผมจะให้แม่ทำข้าวกล่องขึ้นไปฝากเป็นข้าวกลางวันเสี่ยดีมั้ย ผมเคยบอกรึยังนะว่าฝีมือแม่ผมน่ะอร่อยอย่างนี้เลย!”

ผมยกนิ้วโป้งขึ้นมาทั้งสองมืออย่างภูมิใจนำเสนอ

“วันนี้มีปูผัดผงกะหรี่...” เสี่ยตอบเสียงเรียบติดจะดุนิดๆ “แต่ถ้าเธอไม่ชอบรสที่บ้านฉันก็ไม่ต้องกิน”

“เสี่ยงอนเหรอ”

เสี่ยทำทีเป็นเปิดหนังสือขึ้นมาอ่านต่อทั้งที่เมื่อครู่ปิดไปแล้วแถมยังไม่ได้คั่นหน้าด้วย

ผมเกาแก้มแก้เก้อ ก่อนจะดึงดอกกุหลาบขึ้นมาดอกหนึ่งจากช่อใหญ่ เดินย่องอ้อมไปหาเสี่ยแล้วยื่นให้ทั้งรอยยิ้ม

“ของขวัญปลอบใจจากผมนะ ไปกินด้วยกันนะครับ แม่ผมทำอร่อยกว่าก็จริง แต่ไม่ได้หมายความว่าผมไม่ชอบกินกับเสี่ยสักหน่อย”

ในที่สุดเสี่ยก็ยอมปรายตาเงยมองผม สายตาจ้องมองที่ดอกไม้ซึ่งถูกนำมาใช้ซ้ำอย่างหน้าด้านๆ

“ไม่ลงทุนเลยนะจิตริน”

“ก็ผมไม่ใช่จิระนี่นา ไปกันเถอะครับเสี่ย ผมหิวแล้ว!”

-----

บทเสี่ยน้อยงั้นเหรอ โอ๋ อย่างอนเลยนะเสี่ยนะ //ส่งจิยื่นดอกไม้ให้ เห็นมั้ย แค่ดอกเดียว แต่น่ารักกว่าเสี่ยให้ดอกไม้เป็นช่ออีก!!

“ความจริงใจมันต่างกัน” สันกล่าวพลางดันแว่นอย่างขึงขัง

พระเอกรันทดแห่งปี ขนาดเลขายังไม่เข้าข้าง

#ฝอยตกเสี่ย

เพจนักเขียนที่อยากได้ดอกไม้ง้อจากหนูจิบ้าง
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 15-07-2017 17:26:08 โดย มาจะกล่าวบทไป »

ออฟไลน์ janehh

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 252
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-1
เสี่ยมโนหนักมาก 55555555555

ออฟไลน์ ❣☾月亮☽❣

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6773
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-6

ออฟไลน์ river

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2398
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +231/-3
เสี่ยเป็นแชมป์มโน

ออฟไลน์ rockiidixon666

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 760
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-3
ฮาเสี่ย 5555 ออกมาน้อยแต่ฮา ความนิ่งความขี้มโนของเสี่ยนี่แหละอ่านแล้วขำทุกที
นังจิยังคงฝอยอย่างต่อเนื่อง 555555

ออฟไลน์ aiyuki

  • รักแท้ไม่แบ่งแม้เพศพันธุ์
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2636
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +133/-6
เสี่ยยยย ถถถถถ ง้อแบบด้วยช่อดอกกุหลาบเนี่ยน้าาา

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
 o13 o13 o13 เสพติดเรื่องนี้

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด