ตอนที่ 17 : คบกันแล้วไม่แคล้วกัน 100%
กว่าจะพักเที่ยง เสี่ยก็โทรมาจิกผมอีกสองรอบ แสนจะอ่อนอกอ่อนใจกับเขาเหลือเกิน นอกจากจะมีรักแรกแล้ว เสี่ยยังทำตัวเหมือนคนเพิ่งมีแฟน อายุอานามปาไปสามสิบสองแล้วแท้ๆ สงสัยเพราะพวกคุณสันดูแลดีเกินไป เลยโตมากลายเป็นคนแบบนี้
“สวัสดีครับพี่เบิ้ม” ผมทักทายเลขาหน้าห้อง ส่วนคุณสันคงไปติดต่อประสานงานเหมือนเดิม นอกจากนั่งรถกลับบ้านแล้ว ผมเห็นคุณสันไปนู้นมานี่ไม่หยุด ปล่อยให้เสี่ยนั่งเต๊ะจุ๊ย จัดการพวกงานเอกสารกับลงลายเซ็นมอบอำนาจ
ผมลังเลว่าจะเคาะประตูดีรึเปล่า เสี่ยเล่นตามจิกผมขนาดนั้น แสดงว่าต้องกำลังรอคอยด้วยใจจดจ่ออยู่แน่ๆ ผมเลยตัดสินใจเปิดประตูพรวดพราดเข้าไป เอาให้เสี่ยไม่ทันเก๊กท่า แล้วก็เจอแจกพอต เพราะเสี่ยกำลังนั่งมองโทรศัพท์ งานการไม่ยอมทำ นี่มันเด็กบ้ารักจนไม่เอาการเอางานนี่หว่า
เสี่ยรีบเก็บโทรศัพท์ทันที กระแอมไอเล็กน้อย ก่อนจะเสตามองไปนอกหน้าต่าง ราวกับว่าวันนี้อากาศดีเหลือเกิน ทั้งที่เมฆฝนฟ้าครึ้มตั้งเค้ามาแต่ไกล
ไม่เนียนเลยนะเสี่ย“หิวมั้ยครับ” ผมปั้นยิ้มหวาน เดินไปนั่งตรงข้ามกับเสี่ยแล้วหยิบข้าวกล่องมาวางเรียงบนโต๊ะ เปิดฝาพร้อมเลื่อนส่งให้เขา วันนี้เป็นไข่ดาวและหมูผัดน้ำมันหอย เพราะเสี่ยไม่ค่อยชอบกินผัก ก็เลยใส่เห็ดฟางเข้าไปเยอะแยะเลย
ผมส่งช้อนกับส้อมให้เขา วันนี้เสี่ยดูกระสับกระส่ายแปลกๆ เหมือนตื่นเต้นอะไรสักอย่าง ผมเองก็ไม่เซ้าซี้ กลัวว่าจะโดนงาบกลางที่ทำงาน เสี่ยยิ่งทำเป็นปกติอยู่ด้วย แต่ไอ้จิตรินไม่อาจหาญถึงขั้นนั้น แถมยังไม่ได้เตรียมใจด้วย!
“วันนี้ผมเข้าฉากพร้อมนัทกับพี่อัคด้วยล่ะ เป็นตอนที่สิบของเรื่องพอดี ตัวละครของนัทน่าสนใจมากเลยนะเสี่ย และเขาก็เล่นเก่งสุดๆ พลิกบทจากตอนเล่นเป็นน้องชายพระเอกในหนังที่ทำเงินถล่มทลายเลย ก็ตอนนั้นน่ะ เขาเล่นเป็นคนป่วยอ่อนแอที่ต้องเสียสละคนรักให้พี่ชาย แต่ครั้งนี้เขาเล่นเป็นคนแอคทีฟ ต้องคอยไปไหนมาไหนกับพระเอกแถมยังต้องปล่อยมุกอีกต่างหาก คนเขียนบทก็เก่งนะครับ ขนาดมีคนแทรกกะทันหันก็ทำให้เรื่องสนุกขึ้น น่าติดตามขึ้นเยอะ ขนาดผมยังชอบเลย”
“ถ้าเธอชอบบทอย่างนั้นฉันหาให้เอามั้ย”
“เฮ้ย ไม่ต้องครับเสี่ย ความจริงระหว่างนี้ก็มีงานละครเรื่องอื่นติดต่อมาตลอด แต่คุณสันปฏิเสธไป ไม่ใช่ว่าผมไม่อยากเล่นนะ แต่คุณสันเห็นว่าความสามารถผมไม่ถึงต่างหาก บทมิสเตอร์เอสมาถูกทางที่สุดแล้ว เกิดผมรับเล่นเรื่องอื่น แล้วแสดงห่วยกว่าเดิมขึ้นมา แฟนคลับจะผิดหวังเอาเปล่าๆ พลอยทำให้แอนตี้แฟนเพิ่มขึ้นด้วย” ผมพูดพลางตักข้าวคำโตเข้าปากจนแก้มตุ่ย เสี่ยชินแล้วกับการพูดไปกินไปของผม “อันที่จริงก็มีบทที่ใกล้เคียงกับมิสเตอร์เอสอยู่เหมือนกัน แต่คุณสันบอกว่าบทแบบนี้ มีข้อดีคือทำให้คนยังจดจำภาพลักษณ์ของมิสเตอร์เอสต่อไป แต่ก็มีข้อเสียคือมันจำเจเกินไป ตอนนี้ผมควรตักตวงเรื่องโฆษณาไม่ก็การถ่ายนิตยสารก่อนดีกว่า เฮ้ย เกือบลืมไปเลย พรุ่งนี้โฆษณาเครื่องนอนที่ผมถ่ายจะออกอากาศแล้วนะครับ ส่วนนิตยสารจะวางเดือนหน้า อันนั้นน่ะของเด็ดเลย เสี่ยต้องเซอร์ไพรส์แน่ๆ โหย ผมงี้ตื่นเต้นสุดๆ!”
“มีคนรู้จักของฉันทำนิตยสารแฟชั่นของต่างประเทศ ถ้าเธอสนใจ...”
“เสี่ย...ฟังผมพูดเฉยๆ แล้วไม่คิดต่อยอดได้มั้ย อะไรจะประเคนดีขนาดนี้ ผมไม่ใช่เด็กเลี้ยงที่เสี่ยต้องเอาใจนะ แค่บทของมิสเตอร์เอสก็เกินพอแล้ว” ผมย่นหน้าใส่เสี่ยแบบไม่จริงจังนัก “แล้วก็...วันจันทร์ผมมีงานเปิดตัวโทรศัพท์รุ่นใหม่ที่ห้างสรรพสินค้าด้วย โฆษณาจะปล่อยออกมาก่อนหนึ่งวัน ต้องออกงานกลางที่สาธารณะครั้งแรก ผมกลัวตัวเองจะหลุดปากพูดมากชะมัดเลย คุณสันเลยบอกว่าจะตามมาคุม จริงสิ วันนั้นผมคงมากินข้าวกับเสี่ยไม่ได้นะ เพราะงานเริ่มตอนเที่ยง”
“ฉันไปด้วย”
“แล้วงานเสี่ยล่ะ”
“ให้สันกับบิ๊กทำ”
ผมไม่รู้จะสรรหาคำบรรยายใดๆ กับเด็กโข่งตรงหน้าจริงๆ บอกว่าไม่ต้องเสนองานก็แล้ว นี่ต้องบอกว่าไม่ต้องเสนอตัวด้วยมั้ยเนี่ย
“เสี่ยจะมาแทนคุณสันเหรอ”
“หรือเธอไม่อยากให้ฉันไป ทำไม ฉันอยากให้กำลังใจแฟนในงานเปิดตัวสินค้าครั้งแรกไม่ได้รึไง”
“ไม่ใช่ไม่ได้ แต่ผมห่วงภาพลักษณ์เสี่ย...ตอนไปสวนสนุกก็มีข่าวลือออกมา มันไม่ดีกับเราทั้งคู่เท่าไหร่”
“แต่มันเป็นความจริง เราคบกันจริงๆ” เสี่ยพูดพลางฉวยมือผมไปกุม ทำให้ต้องกินข้าวมือเดียว ทุลักทุเลสุดๆ “เปิดตัวสินค้าไปแล้ว งั้นเปิดตัวเราด้วยเลยดีมั้ย”
วันนี้เสี่ยคึกยังกะเมายาม้า
ผมนี่แทบจะกลายเป็นคนคุมบังเหียนที่ต้องทั้งรั้งทั้งจูงให้ถูกทาง!
“ค่อยเป็นค่อยไปเถอะครับ” อะไรไม่กลัว กลัวว่าถ้ากลับร่างเดิมขึ้นมา ไอ้งานเปิดตัวเอิกเกริกที่ว่าจะกลายเป็นหนามยอกอกมากกว่า “แล้วงานเสี่ย...”
“ไม่ต้องห่วง ทุกอย่างทำงานด้วยกลไกของมันเอง วงการนี้แบ่งเป็นหลายกลุ่ม บริษัทของฉันเองก็มีแยกหลายไลน์ ทั้งรายการโทรทัศน์ ข่าว โฆษณาสปอนเซอร์ ละคร หรือจับหนังก็ยังมีแม้จะไม่มากมายอะไรเพราะทุนเยอะก็เถอะ สันเป็นคนติดต่อประสานงาน ดูแลเรื่องละครและสปอนเซอร์โดยเฉพาะ ส่วนฉันมีหน้าที่แค่ดูว่าใครเสนอโปรเจ็กต์ขึ้นมาแล้วอนุมัติงบก็เท่านั้น”
“แล้วพี่เบิ้มกับบิ๊กละครับ”
“บิ๊กเป็นคนจัดการตารางงานของฉันและเฝ้าหน้าห้อง บางทีก็มีพวกไม่ดูตาม้าตาเรือขึ้นมาหวังให้ช่วยปั้น เขาจะช่วยคัดกรองเรื่องวุ่นวายน่าปวดหัว และบางทีก็กันคนไม่ให้เข้ามาขัดจังหวะ ส่วนเบิ้ม ความจริงแล้วเขาเป็นคนขับรถของฉัน คอยติดตามเวลาออกไปข้างนอก เป็นเลขากึ่งบอดี้การ์ด แต่เพราะส่งไปดูแลเธอ บิ๊กเลยต้องควบหน้าที่นั้นแทน”
“ผมทำให้พวกเขาทำงานเพิ่มขึ้นนี่นา...”
“ไม่เป็นไรหรอก พวกเขาชินกับเรื่องไร้สาระของฉันแล้ว”
เสี่ย...พูดมาได้ไม่อายปากเลยนะ“กินเสร็จหรือยัง”
“อ้าว วันนี้แม่ผมทำไม่อร่อยเหรอครับ” ผมเพิ่งสังเกตว่าเสี่ยกินไปแค่ครึ่งหนึ่งก็ดันกล่องข้าวไปด้านข้าง แถมยังมาเร่งผมอีก “หรือว่าเสี่ยไม่ชอบน้ำมันหอย เอ๊ะ แต่เสี่ยกินเห็ดหมดเลยนี่นา ดีจัง”
“วันนี้ฉันไม่ค่อยหิว” เสี่ยกระแอมไอ ก่อนจะส่งสายตาดุๆ เร่งให้ผมวางช้อนลงสักที ความจริงผมยังไม่อิ่มหรอกนะ แต่เห็นเขาเหมือนจะเปิดประเด็นเรื่องสำคัญ ก็เลยต้องยอมหยุดก่อนอย่างช่วยไม่ได้
พลันเสี่ยหยิบกล่องปริศนาขนาดเล็กเท่าฝ่ามือขึ้นมาบนโต๊ะ เขายิ้มกรุ้มกริ่มกับตัวเองครู่หนึ่ง ก่อนจะเลื่อนมาตรงหน้าผมแทนตำแหน่งของข้าวกล่อง
“เปิดดูสิ”
...อย่าบอกนะว่าเป็นแหวน!ผมมองเสี่ยด้วยความอึ้งทึ่งสุดขีด กำลังคิดว่าจะปฏิเสธยังไงดี แต่ก็โดนสายตาพิฆาตของเสี่ยมองจนใจอ่อนยวบ อย่างน้อยยอมเปิดดูก่อนก็ได้วะ
ปรากฏว่าไม่ใช่แหวนครับ
แต่เป็นกุญแจรถ!
“ชอบมั้ย” เสี่ยถามอย่างกระเหี้ยนกระหือรือแม้จะเก๊กหน้านิ่ง แถมยังผายมือกว้างเหมือนรอผมโผเข้ากอด
เอ่อ...เสี่ย...มโนไกลไปถึงไหนแล้วนั่น“เสี่ยให้รถผมทำไมครับ ผมมีพี่เบิ้มคอยรับส่งอยู่แล้ว ไม่ต้องใช้รถหรอก”
สองมือของเสี่ยค่อยๆ ลดระดับลงอย่างผิดหวัง
“เอาไว้ขับเล่นในวันหยุดไง”
“หน้าบ้านผมไม่มีที่จอดรถหรอกครับ เสี่ยเอาคืนไปเถอะ ให้มาผมก็ไม่ได้ใช้ อย่าว่าแต่ผมเลย ขนาดยกให้คุณสัน พี่เบิ้ม หรือบิ๊ก พวกเขาก็คงไม่รู้จะเอาทำอะไรเหมือนกันในเมื่อต่างมีรถประจำที่ต้องใช้อยู่แล้ว ก่อนจะซื้อของขวัญให้ใคร เสี่ยควรจะดูเรื่องประสิทธิภาพในการใช้งานว่าจำเป็นรึเปล่า มากกว่าคุณค่าทางราคานะครับ”
สั่งสอนไปหนึ่งยกเบาะๆ เพราะงวดนี้เสี่ยเปย์เยอะเกินจนผมเสียดาย ประเด็นคือซื้อมาแล้วด้วยนี่ล่ะ! มีเงินเยอะหน่อยก็ใช่ว่าจะซื้อทุกอย่างได้ตามต้องการสักหน่อย!
“ปกติเวลาฉันให้รถตอบแทนพนักงาน หรือพวกเด็กเลี้ยงก็มีแต่คนดีใจ”
“ได้ของฟรี ใครก็ดีใจครับ แต่ต้องลงรายละเอียดลงไปอีกว่าแต่ละคนนั้นมีจุดประสงค์ยังไง อย่างพวกพนักงาน รถที่เขาขับอยู่อาจไม่ได้มีราคาเท่าที่เสี่ยให้ เขาสามารถเปลี่ยนรถใหม่ไม่ก็นำไปขายต่อได้ นับเป็นโบนัสตอบแทนการทำงาน ส่วนพวกเด็กเลี้ยง...ไม่ว่าเสี่ยจะให้อะไรก็เข้าทางทั้งนั้น เพราะแสดงว่าเขาเป็นคนโปรด”
พูดแล้วก็หวนนึกได้ว่ารถที่จิระขับชนผม ก็เป็นคันที่เสี่ยซื้อให้นี่หว่า
“ถ้าเธอไม่ใช้ก็เอาไปขายต่อสิ”
“แล้วจู่ๆ เสี่ยจะให้รถให้เงินผมทำไม ผมยังไม่ได้ทำอะไรเลยนะ แล้วถ้ารับมา เกิดงวดหน้าเสี่ยซื้อบ้านซื้อเครื่องบินจะทำไง ผมขอหยุดที่ตรงนี้เลยดีกว่าครับ” ผมปิดฝากล่อง ก่อนจะเลื่อนส่งคืนให้เสี่ยที่คล้ายจะงอนไปอีกแล้ว บ่นอุบอิบอยู่คนเดียวไม่ยอมมองหน้ากัน
“ที่ฉันให้เธอก็เพราะ...”
“เพราะ?”
“ครบรอบคบกันหนึ่งวัน”
พรืด!
ไอ้จิตรินฟุบหน้ากับโต๊ะ กลั้นหัวเราะจนตัวสั่น หน้าดำหน้าแดงไปหมดแล้ว
เสี่ยแม่ง...น่ารักชะมัดเลย!แบบนี้เขาเรียกว่าอะไรนะ ช่วงโปรโมชั่น? เวลาคนสองคนเพิ่งคบกัน มักจะห่วงหาคิดถึงกันตลอดเวลา ความรู้สึกยังสดใหม่ อยากเอาใจอยากทำดีอยากเป็นที่รัก แต่เสี่ยเนี่ย...ออกจะอาการหนักไปหน่อยมั้ง หรือเพราะโลกของเสี่ยกับของผมมันใหญ่ไม่เท่ากัน สำหรับผม ของพวกนี้ไม่สำคัญเลย ในเมื่อผมเน้นเรื่องเวลาและความเข้าใจมากกว่า ส่วนเสี่ย...สายเปย์ของแท้!
ผมชักไม่แปลกใจว่าทำไมเหล่าเด็กเลี้ยงถึงมักลงท้ายด้วยการหลงรักเสี่ย ทั้งที่เขามีข้อเสียเป็นกระบุง ทั้งเรื่องขี้เก๊ก พูดไม่ค่อยสบตา มโนเก่งเป็นเลิศ มั่นหน้ามั่นใจ แถมยังหื่นอีกต่างหาก แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็เป็นช่างดูแล จริงใจ และมีมุมเด็กง้องแง้งที่น่ารักน่าง้อน่าออดอ้อนใส่เอามากๆ
“งั้น...ผมรับไว้ก็ได้” ผมไม่อยากจะขัดน้ำใจ ยอมเลื่อนกล่องกุญแจรถกลับมา สีหน้าเสี่ยเองก็ดีขึ้นเยอะเลย “แต่รถคงต้องฝากไว้ที่บ้านเสี่ยนะ ไว้ถ้ามีวันหยุดด้วยกัน เสี่ยขับรถคันนี้ไปเที่ยวกันสองคนดีมั้ยครับ”
“ฉันขับรถไม่เป็น”
ผมเกือบปัดกล่องกุญแจกระเด็นตกโต๊ะ
“เสี่ย...” ก่อนจะเงยหน้ามองเขาสีหน้าสิ้นหวัง “ผมเองก็ขับไม่เป็น”
จิตรินขับไม่เป็นย่อมไม่แปลก ก็ผมไม่เคยคิดจะซื้อรถเลยนี่นา ทั้งค่าบำรุง ค่าน้ำมัน ค่าต่อทะเบียน ค่าจิปาถะสารพัดอย่าง ในเมื่อโดยสารรถสาธารณะจนชินอยู่แล้ว แถมยังประหยัดกว่าหลายเท่า สู้เก็บเงินใช้ในสิ่งที่จำเป็นจริงๆ ยังดีกว่า เรื่องใบขับขี่ก็ไม่ต้องพูดถึง ผมจะเอารถที่ไหนไปสอบกันละ ส่วนเสี่ย...
คิดไปคิดมา เสี่ยบอกว่ามีพี่เบิ้มกับบิ๊กคอยติดตามตลอด ทั้งคู่ต่างขับรถได้ และทำหน้าที่ขับแทนกันได้ตลอด
เสี่ยคงจะมีคนบริการพาไปไหนมาไหนจนชิน ก็เลยไม่เคยฝึกขับรถสินะ
ผมมองกุญแจรถ ก่อนจะยิ้มเฝื่อน
ท้ายที่สุดแล้ว ของขวัญครบรอบหนึ่งวันก็เป็นแค่ของไร้ค่าดีๆ นี่เอง
---------------
ช่วงโปรโมชั่นกับเสี่ยค่ะ
อ่านตอนนี้แล้วคิดว่าหลายคนที่กังวลกับจิน่าจะพอคลายๆ ลงนะคะ หนูจิแอบระวังตลอด ตกปากคบกับเสี่ยแต่ก็ยังมีทำใจเผื่อไว้ น้องไม่ถึงหน้ามืดตามัวโดนจอมมารตกนะ! แต่เสี่ยเนี่ย...ตกไปทั้งตัวแล้วค่ะ บอกเลยว่าเรื่องนี้คนเจ็บหนักสุดก็คือเสี่ยเนี่ยแหละค่ะ 555 #ฝอยตกเสี่ย
เพจนักเขียนที่โบกไม้โบกมือกระซิบบอกถ้าไม่เอารถส่งมาทางนี้ก็ได้นะ!