ตอนที่ 20 : ห้างแตก...ผมก็ตัวแตก 50%
ผมไม่เคยคิดเคยฝันว่าจะมาถึงจุดนี้
จุดที่ห้างแตก!!!
อย่า อย่าเพิ่งคิดว่าผมเก่งกาจจนได้รับการยอมรับเป็นนักแสดงชื่อดังเลย แต่ผลลัพธ์นี้มาจากปัจจัยหลายอย่างรวมกัน อย่างแรก เพราะว่าจิระเป็นคนเก็บเนื้อเก็บตัว ไม่เคยให้สัมภาษณ์กับนักข่าว ไม่เคยออกรายการโทรทัศน์ ไม่เคยมีประวัติว่าเขาเป็นมาอย่างไร ฉะนั้นเมื่อจู่ๆ บอกว่าจะปรากฏตัวในห้างกลางกรุงชื่อดัง ย่อมเป็นที่น่าจับตามอง
อย่างที่สอง โฆษณาเครื่องนอนเพิ่งเปิดตัวไป คนที่ไม่เคยดูเรื่องเช็กเมท ก็เริ่มหาข้อมูลและพบว่าผมเล่นซีรีส์เรื่องนี้ เมื่อลองดู เลยกลายเป็นว่าติดหนึบ มีแฟนคลับเพิ่ม ส่วนคนที่ชื่นชมจิระอยู่แล้วนั้น ก็ยิ่งกระตือรือร้นเพราะคุณสันเคยทวิตเรื่องเทวดา แฟนคลับเลยจับมารวมกันได้ไม่ยาก กลายเป็นยิ่งกล่าวถึงแกมชื่นชมเข้าไปใหญ่
อย่างที่สาม ซีรีส์เช็กเมทที่เน้นการสืบสวนตอนเดียวจบ เริ่มฉายแบบตอนยาวสองตอนจบเป็นครั้งแรกในช่วงเสาร์อาทิตย์ที่ผ่านมา เน้นแต่เรื่องราวของมิสเตอร์เอสล้วนๆ ไม่มีดาราสาวคนใหม่ แถมยังได้เห็นมุมมิสเตอร์ถูกทำร้าย ตะโกนคอแทบแตก เป็นห่วงพระเอกด้วยสีหน้าที่ไม่เคยแสดงออกมาก่อน ย่อมไม่แปลกที่เรตติ้งและยอดวิวย้อนหลังจะสูงผิดปกติ ภาพของผมตอนเอียงคอสะลึมสะลือตื่นขึ้นมานั้น ถูกแคปกระจายทั่วโซเชี่ยลมากกว่าโฆษณาเครื่องนอนซะอีก สมแล้วที่ฝึกฝนกับไอ้น้องชายทั้งคืน เรียกความน่าสงสารอยากทะนุถนอมปกป้องทั้งจากสาวๆ และหนุ่มๆ รวมทั้งคุณลุง คุณป้า คุณน้า คุณอาได้สบายๆ
ยังไม่พอ ในวันอาทิตย์ช่วงที่กำลังฉายอยู่นั้นเอง โฆษณาโทรศัพท์ตัวใหม่ที่ผมเล่นก็ออกอากาศ เป็นธีมเดียวกับเช็กเมทพอดิบพอดี ดึงอารมณ์คนดูให้มีอารมณ์ร่วมได้ไม่ยาก จบท้ายด้วยหน้าเพจที่ประกาศข่าวเรื่องการเปิดตัวในวันนี้
เมื่อนำทุกอย่างมารวมกัน จึงไม่แปลกที่งานเปิดตัวจะมีคนจำนวนมากยืนรอทั่วบริเวณจนแทบไม่เห็นทางเดิน แถมยังไล่ไปถึงชั้นสองและชั้นสาม ผมตื่นเต้นจนเหงื่อตก กลัวว่าจะทำพลาดแล้วทำให้ทุกอย่างที่กำลังรุ่งกลายเป็นร่วง
แต่ท่ามกลางความชุลมุนวุ่นวาย ทั้งจากกลุ่มแฟนคลับ กลุ่มนักข่าว และทีมงานที่เตรียมตัวอย่างดี
มีคนหนึ่งไม่รู้สึกรู้สาอะไร
“อย่าลืมที่นัดกันนะ ฉันจองร้านอาหารไว้แล้ว”
ครับ แฟนผมนั่นแหละ
คิวงานวันนี้ของผม คือการเปิดตัวสินค้าตอนเที่ยงถึงบ่ายโมง จากนั้นแวะฟิตเนส แต่ก็นั่นแหละครับ เสี่ยสั่งมา สงสัยผมจะโดนลักพาตัวก่อนฟิตร่างกาย แล้วไปออกกำลังกายบนเตียงแทน
ความจริง...นับจากที่คบกัน ผมก็แทบไม่มีอาการลงแดงอะไรแล้วเพราะได้รับการดูแลอย่างดีกว่าเดิมอีกเท่าตัว จนหมอเชื่อว่าจะหายขาดแน่นอนภายในเดือนนี้ แต่เสี่ยบังคับให้ผมไปหาทุกสองวันเหมือนเดิม แถมยังจับนอนค้างเล่นจ้ำจี้กันด้วย พูดแล้วก็ปลง เพราะหลังจากวันนั้นที่ผมกับเสี่ยมีอะไรกันครั้งแรก ไอ้น้องชายตัวดีถึงกับรอผมอยู่หน้าบ้าน ตอนกลับไปแทบจะโดนบิดหูด่าทอ หาว่าผมไม่รักนวลสงวนตัว ปล่อยให้เสี่ยจับกินได้ยังไง เจตรินยอมรับที่ผมคบกับเสี่ย แต่แอบรับไม่ได้ที่พอคบกันได้วันเดียวก็มุดโปงกันเฉย
...ผมก็ว่ามันเร็วไปนะ แต่เสี่ยหื่นไง เขาบ้ากามไง แล้วก็ดันเก่งด้วยไง พอมีครั้งที่หนึ่ง ก็มีครั้งที่สอง...
ยังดีที่เสี่ยยอมฟัง ไม่ทำรอยตามตัวผมอีก และคุณสันเองก็ช่วยจัดตารางงาน ให้ผมมีคิวถ่ายซีรีส์วันเว้นวันสลับกับช่วงไปนอนบ้านเสี่ย ร่างกายเลยไม่ค่อยรับภาระหนักเท่าไหร่
วันนี้เองก็เป็นอีกวันที่ต้องไปค้างบ้านเสี่ย เขาถึงขนาดลางานล่วงหน้ามาเฝ้าผม ติดรถมากับพี่เบิ้มโดยให้คุณสันกับบิ๊กไปบริษัท ทำตัวเป็นตาแก่เฝ้าเด็ก ไม่ให้ใครเข้าใกล้จิระเกินจำเป็น ขี้หวงอย่างกับงูจงอาง
ผู้จัดงานไม่รู้จักเสี่ย และเขาเองก็ไม่คิดแนะนำตัวด้วย มาถึงก็ใช้พี่เบิ้มไปหาเก้าอี้มาให้พวกเราสองคนนั่ง ทำตัวเหมือนเป็นพรีเซนเตอร์เองซะงั้น และด้วยรัศมีข้าแน่ ข้าเจ๋ง ข้าจะทำแล้วจะทำไมของเสี่ย พ่วงด้วยหน้าตาดุโหดของพี่เบิ้ม แม้จะทำให้บางคนไม่ค่อยพอใจก็ไม่ค่อยกล้าว่าอะไร ผมต้องคอยยิ้มเจื่อน ยกมือไหว้สร้างความเป็นมิตรไม่ให้โดนหมั่นไส้โดยไม่ทันได้เริ่มงาน
แล้วดูเสี่ยสิ พอได้ที่นั่งก็เก๊กหน้าไม่มองใคร มองแต่ผมอยู่นั่นแหละ! แล้วยังมาคะยั้นคะยอ ให้ผมรีบทำงานเสร็จไวๆ เพราะจะพาไปเที่ยวเล่นอีกต่างหาก สงสัยจะรำคาญเสียงกรี๊ดที่ดังเป็นระยะ เพราะโฆษณาโทรศัพท์ของผมถูกเล่นวนบนจอหน้าเวที เลยเรียกคนให้มามุงดูเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ไปอีก
“ไหนเสี่ยบอกว่าจะมาให้กำลังใจผมไง” ผมถามทั้งที่หน้าซีด โคตรจะตื่นเต้นเลยให้ตาย คนยิ่งเยอะก็ยิ่งลน ผมจะรอดมั้ยเนี่ยวันนี้
“ฉันก็พยายามไม่ให้เธอคิดมากไง” เสี่ยตอบกลับเสียงเรียบเฉย สายตาสอดส่องรอบข้างอย่างเก็บรายละเอียดไม่ได้ฆ่าเวลาอย่างขอไปที อย่าบอกนะว่าไอ้ที่บ่นๆ มาตั้งแต่เข้าห้างน่ะคือวิธีให้ผมหายกังวล โธ่ เสี่ย ซึนเดเระไปแล้ว
“ให้กำลังใจผมหน่อย”
เสี่ยชะงักไปวูบหนึ่ง ก่อนจะคลี่ยิ้มบาง วางมือแปะบนหัวผม
“คนเก่ง เธอทำได้อยู่แล้ว”
...ป๊องผมนั่งนิ่งให้เสี่ยลูบหัว รู้สึกหัวใจฟู ยิ่งลูบก็เหมือนได้รับพลังงานบางอย่างซึมซาบในร่างกาย สติและสมาธิเริ่มอยู่ตัว
“เอ่อ น้องจิระครับ” ผู้จัดงานที่กำหนดคิวและคอยดูแลผมเอ่ยเรียกอย่างเกรงใจเมื่อเห็นว่าระหว่างผมกับเสี่ยมีดอกไม้บาน “ใกล้ได้เวลาแล้ว รบกวนเตรียมตัวด้วยนะครับ”
“อ้อ ได้ครับ” ผมหันไปยิ้มกับเสี่ยแล้วลุกจากที่นั่งไปยืนอยู่หลังเวที สูดหายใจเข้าลึก ก่อนจะผ่อนออก สูดหายใจลึก แล้วผ่อนออก...โอ๊ย ทำไมคนถึงมากันเยอะแยะขนาดนี้!!
ผมในสภาพแบบมิสเตอร์เอสยกมือวางแปะบนหัว คิดซะว่าเสี่ยยังอยู่เคียงข้างกัน
เอาวะ!“นับถอยหลัง สาม สอง หนึ่ง เริ่มเปิดวีทีอาร์!”
โฆษณาที่เล่นวนมาตลอดถูกปิดกะทันหัน ทำให้เหล่าผู้ชมพร้อมกันเงียบเสียงอย่างตกใจ ก่อนจะกรีดร้องดังกว่าเดิมหลายเท่าเมื่อผมวิ่งออกจากหลังเวทีด้วยท่าทางเหมือนกำลังหลบหนีอะไรบางอย่าง สตาฟในชุดดำเองก็ทำท่าเหมือนจะมาไล่ล่า ราวกับกำลังจำลองโฆษณาไม่มีผิด
แต่ที่แตกต่าง คือมิสเตอร์เอส หรือผมนั้น...หันมาพูดกับผู้ชมทุกคนด้วยท่าทางเหนื่อยหอบว่า...
“คงต้องฝากให้พวกเธอช่วยบอกทางแล้ว!”
พลันจอด้านหลังขึ้นเป็นภาพจำลองของโทรศัพท์รุ่นใหม่ ที่มีไฟกะพริบบอกทางโดยที่มิสเตอร์เอสยังคงวิ่งหนีทำทีเหมือนไม่มีจังหวะหันไปดู เมื่อไฟกะพริบขึ้นทางขวา เหล่าผู้ชมก็พร้อมใจตะโกนออกมาเสียงดัง
“ทางขวาค่ะมิสเตอร์เอส!”
“หนีไปทางขวาเลย!”
“กรี๊ดดด น่ารักจัง!!”
ผมรีบวิ่งลงจากเวทีหลบไปด้านขวา เรียกเสียงกรี๊ดดังกระหึ่มไปอีก โชคดีที่ด้านหน้ามีกั้นที่ไว้อยู่แล้ว แต่ถึงอย่างนั้นผมก็เห็นสาวๆ หลายคนที่ยื่นมือมาหมายจะแตะตัวผม บางคนก็ยกโทรศัพท์ขึ้นถ่ายรูปรัวมือเป็นระวิง เล่นเอาเกือบหลุดบท
พอผมวิ่งหลบด้านล่าง คนร้ายชุดดำก็ทำทีเหมือนหาไม่เจอไปครู่หนึ่งก่อนจะย่องเบาเข้ามาใกล้ พลันภาพบนจอบอกเส้นทางใหม่ ทำให้ผู้ชมร้องตะโกนบอกผมอีกครั้ง
“อ้อมไปทางขวาเลยค่ะ!”
“วิ่งขึ้นบนเลยค่ะมิสเตอร์เอส!”
ทุกคนสนุกสนานกับการมีส่วนร่วม นับว่าการเปิดตัวครั้งนี้ประสบความสำเร็จ ผมวิ่งอ้อมจากด้านล่างขึ้นไปปีนขอบเวทีด้านบน สวนกับคนร้ายที่วกลงมาพอดิบพอดี
“ไปไหนต่อดีล่ะ” มิสเตอร์เอสพึมพำ หันมาหาทางผู้ชมเพื่อขอความช่วยเหลืออีกครั้ง
ไฟที่กะพริบถี่บนจอ ยิ่งทำให้หลายคนแทบจะเสียสติ
เพราะนั่นคือตำแหน่งคนดู!
“มาทางนี้เลยค่ะ”
“พวกฉันจะปกป้องคุณเอง!”
“กรี๊ด ลงมาเลยค่ะมิสเตอร์เอส!!”
ผมพยายามเก็บสีหน้าไม่ให้เผยความหวาดหวั่นเมื่อกระโดดลงไปล่างเวทีอีกครั้ง เสียงกรีดร้องดังสนั่นหวั่นไหว สร้างความสนใจให้กับคนที่เดินผ่านไปผ่านมาจากชั้นบนจนต้องหยุดดู แน่นอนว่าผมไม่ได้กระโดดเข้ากลางกลุ่มคนหรอกครับ แต่เป็นการก้มตัวหลบอยู่หลังแท่งโชว์โทรศัพท์กลางลาน ซึ่งอยู่ใกล้กับคนดูมากๆ แถมยังหันหน้าเข้าหาตรงๆ เลยด้วย
คนร้ายที่วิ่งวนขึ้นเวทีไปอีกครั้งหัวเสียสุดขีด ตะโกนถามผู้ชมเสียงดัง “เห็นผู้ชายตัวผอมใส่เสื้อตัวโคร่งผมกระเซิงบ้างรึเปล่า”
ผมไขว้นิ้วชี้กากบาทแนบริมฝีปากพลางส่ายหน้าน้อยๆ อย่างวิงวอน เป็นเชิงว่าห้ามบอก เรียกเสียงกรี๊ดดังถล่มอีกครั้ง
“ไม่เห็นค่ะ!”
“ไม่เห็นเลย กรี๊ดดด น่ารักไปแล้วว!!”
“อ๊ายย ไม่เห็นเลยค่ะ ไม่เห็นจริงๆ กรี๊ด!”
ถ้าในความเป็นจริง...ผมคงจะโดนชี้เป้าในเมื่อทุกคนพร้อมใจกันรัวกล้องใส่ผมจนตาแทบพร่า คนร้ายถามอีกครั้ง เมื่อได้รับคำตอบเดิมก็เดินกลับหลังเวที เป็นอันจบการแสดงเรียกน้ำย่อยในการเปิดตัวโทรศัพท์รุ่นใหม่ในครั้งนี้
เสียงเพลงบรรเลงดังพร้อมกับควันที่ปล่อยจากข้างเวที พิธีกรเดินขึ้นมาทักทายคนดู
“สวัสดีค่ะทุกคน บรรยากาศในวันนี้อบอุ่นกันมากเลยทีเดียว สงสัยว่าจะเป็นเสน่ห์ของพรีเซนเตอร์คนใหม่ของทางเราแน่ๆ เห็นทีต้องจับมาสัมภาษณ์สักหน่อยแล้ว ว่าแต่...มิสเตอร์เอสอยู่ไหนน้า”
“อยู่ตรงนี้ค่ะ!”
“อยู่ตรงนี้!!”
ผมโดนเผยตัวอย่างรวดเร็ว
“ขอเสียงปรบมือให้มิสเตอร์เอส หรือจิระด้วยค่า!”
---------------
ความจริงเราชอบแต่งฉากหนูจิทำงานนะคะ รู้สึกสนุกดี ประหนึ่งเป็นติ่งหนูจิ ผันตัวเป็นกลุ่มคนถือป้ายเชียร์ตรงนั้นด้วย วี๊ดว๊าย แต่ไม่รู้ว่าชอบอ่านกันรึเปล่า เลยพยายามทำสัดส่วนให้พอดีๆ กันค่ะ แต่ไม่รู้ทำไม เหมือนยิ่งแต่ง ตอนมันยิ่งสั้นๆ....พยายามปั่นอยู่นะคะ

ส่วนเสี่ยนั้น....ตอนนี้ไม่น่าจะเหลือภาพพจน์อะไรเเล้ว 555 #ฝอยตกเสี่ย