ตอนส่งท้าย ( กับเสี่ย )
วินาทีแรกที่เห็นจิระฟื้นขึ้นมา หัวใจที่เหี่ยวเฉามานานนับเดือนของ ‘เสี่ย’ ก็เต้นรัวด้วยความวาดหวัง ก่อนที่ความหวังนั้นจะแหลกสลายลงตรงหน้า เมื่อเห็นร่างนั้นโผกอดเขาทันทีที่ลืมตื่น
“เสี่ย...ผมกลับมาแล้ว!”
น้ำเสียงตื่นเต้นดีใจ ทั้งที่เป็นเสียงแบบเดียวกับที่เคยหยอกล้อคุยเล่นกัน แต่เสี่ยกลับรู้ได้ทันที ว่าคนคนนี้...ไม่ใช่คนที่เขากำลังรออยู่
“ขออนุญาตนะครับเสี่ย” คมสันเข้ามาช่วยแกะร่างจิระออกจากตัวเขา ก่อนจะเรียกให้หมอมาตรวจดูอาการร่างตรงหน้าที่เริ่มสงบอารมณ์ลงเมื่อเห็นเขานิ่งงันไป ใบหน้าที่แม้จะซีดไปสักหน่อยแต่ยังคงความดูดีนั้นฉายแววโศกสลดไม่แพ้กัน
เกิดเป็นบรรยากาศกระอักกระอ่วน
สุดท้ายก็เป็นเสี่ยที่เลือกจะเดินออกไปทั้งที่ทุกครั้งเวลาเลิกงานต้องมานั่งเฝ้าในห้องนี้ ในใจเต็มไปด้วยความสับสนวุ่นวาย เมื่อเห็นใบหน้าของจิระ ภาพของคนรักที่พูดเจื้อยแจ้วไม่หยุดก็ปรากฏวาบ รอยยิ้มน่ารักแฝงความใสซื่อตามธรรมชาตินั้นไม่ว่ายังไงก็ลืมไม่ลง แต่...เขาจะไม่ได้เห็นภาพเหล่านั้นแล้ว
เมื่อกลับมาถึงห้อง ภาพถ่ายคู่ที่วางตรงหัวเตียงก็ยิ่งทิ่มแทงว่าพวกเขาไม่มีวันได้ใช้เวลาร่วมกันในแบบเดิมอีก เสี่ยนอนก่ายหน้าผาก คิดไม่ตกว่าควรจะทำอย่างไร
‘หรือเสี่ยจะคบกับผมลง นายจิตริน ทองคำดี ก้ามปู ผิวคล้ำ ตัวสูงเท่าเสี่ย ไหล่หนาเท่าเสี่ยกันล่ะ ถึงตอนนั้นเสี่ยจะพูดว่าอยากจริงจังกับผมได้อยู่รึเปล่า ตอบมาสิครับ’ตอนนั้นเสี่ยตอบคำถามนี้ไม่ได้ จึงเลือกที่จะบ่ายเบี่ยงแถสดแถเปื่อย
จวบจนมาถึงตอนนี้...ก็ยังหาคำตอบไม่เจอ
คนอย่างเสี่ยกิจภัทร ไม่เคยต้องมากลุ้มอกกลุ้มใจขนาดนี้มาก่อน เมื่อมีปัญหาเยื้องย่างเข้ามา คนรอบตัวของเขาพร้อมจะเป่ากระเด็น นี่จึงนับเป็นครั้งแรกที่เสี่ยต้องจัดการเรื่องราวความรักแสนซับซ้อนนี้ด้วยตัวเอง
และเขาก็ทำไม่ได้
คนที่ไม่เคยจัดการกับปัญหาอุปสรรคมาก่อน ย่อมไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นอย่างไรในเมื่อในใจมีแต่ความขัดแย้งผุดขึ้นไม่หยุด สุดท้าย เสี่ยก็เลือกที่จะไปหาจิระในวันต่อมา ลองใช้ชีวิตร่วมกับคนคนนี้ จิระเองก็ยินดี ไม่มีวันละทิ้งโอกาสล้ำค่านี้ไปเด็ดขาด
แต่ระหว่างพวกเขา...ก็ยังคงมีบรรยากาศกระอักกระอ่วน
เสี่ยใช้เวลาอยู่กับจิระสามวัน พยายามหาข้อดีของอีกฝ่าย ซึ่งก็มีมากมายเหลือเกิน จิระรักเขา พร้อมทำทุกอย่างให้เขา ออดอ้อนเอาใจ น่ารักเชื่อฟัง แม้จะพยศแค่ไหน แต่เมื่อเขาพูดอะไรออกไป ก็พร้อมจะทำตามทุกอย่าง
ถึงอย่างนั้น...บรรยากาศยามอยู่ด้วยกัน ก็ยังคง...กระอักกระอ่วน
และในวันที่ห้านั้นเอง ในช่วงเวลาที่เสี่ยยังคิดไม่ตก จิระก็เป็นฝ่ายเอ่ยขึ้นมาก่อน
“เลิกฝืนกันเถอะครับ”
จิระยิ้มบาง เป็นรอยยิ้มที่คนเห็นต้องใจเจ็บปลาบ ไม่อยากให้เด็กหนุ่มเบื้องหน้าต้องปวดใจ แต่นั่น...ไม่ใช่สำหรับเสี่ย
“ทำไม” เขาถามออกไปอย่างงุนงง
“ผมรักเสี่ยนะ แต่ผม...ก็รักตัวเองมากเหมือนกัน ผมไม่อยากถูกมองเป็นตัวแทนของใครบางคน คนที่สอนให้ผมคิดถึงตัวเองมากกว่านี้...แล้วอย่าทำผิดซ้ำซากอีก” จิระตอบ ไม่มีความลังเลแม้แต่นิด ก่อนจะยกมือไหว้เขา พร้อมเอ่ยคำลาออกมา “ลาก่อนครับ”
สุดท้ายก็เป็นจิระที่ใจแข็งกว่า เลือกเดินจากไปไม่ย้อนคืน
เสี่ยถึงกับเคว้งคว้างไปไม่เป็น
หลังทำใจหนึ่งคืน วันต่อมา เสี่ยก็ตัดสินใจลองเผชิญหน้ากับความจริง ให้เบิ้มขับรถไปแอบสอดส่องอยู่ตรงเซเว่นหน้าปากซอยบ้านของจิตริน แอบดูเงาคนร่างสูงโปร่งผิวคล้ำที่ทำงานอย่างขยันขันแข็ง ยกของแบกของได้ไม่สะท้านสะเทือน
หน้าตาแสนจะธรรมดาติดคมเข้มนั้น...แล้วยังฝ่ามือหยาบ...รูปร่างที่ไม่น่ากอด ไม่น่าทะนุถนอมสักนิด
เสี่ยทำใจไม่ได้
จิตริน ทองคำดี คือชายที่เสี่ยไม่มีวันคิดจะเอามานอนกอดเดินควงอย่างแน่นอน ต่อให้จะคิดถึงอีกฝ่ายมากแค่ไหน แต่พอแอบมองห่างๆ เห็นร่างนั้นเดินผ่านไปมา เขาก็นึกภาพไม่ออกเลยว่าจะใช้ชีวิตกับผู้ชายที่สูงเท่าตัวเองในฐานะคนรักยังไง
เสี่ยกลับไปนอนก่ายหน้าผากอีกครั้ง
เมื่อในบ้านไม่เหลือใคร ไม่ว่าจะเป็นทั้งจิระและจิตริน เขาก็ทนความเหงาไม่ไหว วันต่อมาเลยบอกให้เบิ้มขับรถไปที่บ้านของจิตริน ตั้งใจลองไปพบเอาให้ชี้ชัดความรู้สึกตัวเองไปเลย
แต่ขาเจ้ากรรมกลับไม่กล้าก้าวลงไปซะนี่
เบิ้มเป็นคนเงียบ ไม่เหมือนสันที่ค่อนข้างกล้าพูดมากกว่า เมื่อรถจอดที่ฝั่งตรงข้ามบ้านของจิตริน เสี่ยจึงได้แต่นั่งนิ่งไม่ทำอะไรอยู่อย่างนั้นหลายสิบนาที
จนกระทั่งมีใครคนหนึ่งตัดสินใจเดินมาเคาะกระจก
จะเป็นใครไปได้ถ้าไม่ใช่จิตริน ทองคำดี
เสี่ยพยายามเก๊กหน้าขรึม กดลดกระจกเมื่อเห็นร่างนั้นยิ้มอ่อน
“ถ้าเสี่ยมาหาผมก็ลงมาเถอะครับ นั่งนานกว่านี้ระวังก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์นะ เมื่อวันก่อนเพิ่งมีข่าวคนตายเพราะนอนในรถไปเอง อันตรายนะครับเสี่ย แถมตอนนี้ผมก็หิวแล้วด้วย ขี้เกียจเอากล้องส่องทางไกลมาส่องเสี่ยจากชั้นสองแล้ว วันนี้แม่ผมทำปูผัดผงกะหรี่ด้วยล่ะ ไม่ได้กินฝีมือแม่ผมตั้งเดือนกว่า แถมเพิ่งทำเสร็จใหม่ๆ กำลังร้อนๆ เสี่ยห้ามพลาดเชียว มาครับ เข้าบ้านกัน เราจะได้เริ่มตั้งโต๊ะกันสักที”
ไม่รู้ว่าฟังจนเคลิ้มหรือยังไง รู้ตัวอีกทีเสี่ยก็เปิดประตูลงมา
ก่อนจะมองดินมองฟ้า พลางเอ่ยถามตามนิสัย
“เอากล้องส่องทางไกลแอบส่องอยู่หรอกหรือ แสดงว่าคิดถึงฉันมากล่ะสิ”
“จะว่าไปก็ใช่นะ” จิตรินตอบตรงๆ
“แล้วทำไมไม่ไปหาฉัน” เขาเองก็ถามออกมาจากความรู้สึกจริงๆ เช่นกัน
“โธ่ เสี่ย เสี่ยอยู่กับจิระนะ ผมจะไปกล้าได้ยังไง ต้องให้เสี่ยมาหาผมเองนั่นแหละ ถึงจะกล้าเจอหน้า แต่พูดอย่างนั้นอย่างนี้ ผมก็ชะเง้อคอมองที่หน้าประตูตั้งนาน วาดฝันว่าเสี่ยจะมาหาแบบเท่ๆ ที่ไหนได้ เสี่ยดันนั่งหลับอยู่ในรถ ผมงี้เก้อเลย สุดท้ายเลยต้องลงมาตามเสี่ยเองเนี่ย”
วินาทีนั้น...เสี่ย...รู้สึกใจเต้นอย่างประหลาด
เขาลอบมองใบหน้าคมเข้มด้านข้างที่มีความสูงไล่เลี่ยกันอย่างพิจารณาอีกครั้ง เมื่อวันก่อนยังยอมรับไม่ได้แท้ๆ แต่พอได้เดินเคียงข้างกัน ฟังน้ำเสียงเจื้อยแจ้วนั้นพูดจ้อไม่หยุด เสี่ยกลับรู้สึก...สบายใจ
เหมือนเจอคนที่ตามหามานาน
พอก้มมองมือที่ถูกจิตรินจูงเข้าบ้านอย่างไม่คิดอะไร เสี่ยก็เพิ่งตระหนักรู้ได้ในตอนนี้เองว่ามือที่เคยคิดว่าหยาบสากนั้น...อบอุ่นกว่าที่คิด
“จิ ช่วยแม่จัดโต๊ะหน่อยลูก”
“คร้าบ”
ก่อนจะใจหายวาบเมื่อโดนทิ้งให้ยืนเซ่อตรงโต๊ะอาหาร จิตรินเข้าไปช่วยยกจานและกับข้าวออกมาวางเรียง เบิ้มเองก็ตามมาด้วย แถมยังช่วยรินน้ำมาให้เขาอีกเหมือนมาบ้านนี้บ่อยจนรู้ว่าข้าวของทุกอย่างอยู่ตรงไหน หลังจากนั้นไม่นาน สมาชิกทุกคนในบ้านทองคำดีก็มารวมตัวพร้อมหน้าพร้อมตา โดยมีเสี่ยที่ออกจะหลุกหลิกเป็นพิเศษ
เพราะทุกคนทำตัวกลมกลืนได้ดีเกินไปแล้ว!
“นี่ครับเสี่ย ปูผัดผงกะหรี่ที่ผมภูมิใจนำเสนอ!”
จิตรินตักกับข้าวให้ ก่อนจะอวดเรื่องรสชาติไปอีกเกือบสิบประโยค
“อร่อยมั้ยคะ”
“อะ....อร่อยครับ” เสี่ยตอบเมื่อถูกแม่ของจิตรินถาม รอยยิ้มให้ความรู้สึกเหมือนได้รับการปลอบประโลมนั้นทำให้เสี่ยสนใจกับมื้ออาหารมากกว่าความประหลาดในบ้านหลังนี้ที่ต้อนรับคนแปลกหน้าอย่างดี
หรือไม่ก็เพราะ...ไม่คิดว่าเขาเป็นคนแปลกหน้า ในเมื่อลูกชายคนโตช่างจ้อ คงจะเล่าเรื่องเขาไว้มากเลยทีเดียว
หลังจบมื้ออาหาร จิตรินเข้าไปล้างจานในครัว เจตรินขึ้นไปอ่านหนังสือบนห้อง ทางพ่อกับแม่จิตรินนั่งดูโทรทัศน์ตรงโซฟา เบิ้มเองก็เนียนไปนั่งด้วย เสี่ยไม่มีที่ไป ก็เลยตัดสินใจเดินเข้าครัวตามรอยจิตริน ทองคำดี
แน่นอนว่าไม่ได้ไปช่วย แต่ไปสำรวจร่างกายนั้นแบบเต็มตาอีกครั้งต่างหาก มองแล้วมองอีก เขาก็ไม่ยักจะเกิดอารมณ์กับชายเบื้องหน้าที่กำลังขะมักเขม้นล้างจานเลยสักนิดเดียว ตัวก็สูง ผิวก็หยาบ ผมก็กระเซอะกระเซิงไม่ได้นุ่มละเอียดน่าสัมผัส เรื่องโครงสร้างไม่ต้องพูดถึง กอดไปคงเจอแต่กล้ามเนื้อ ไม่มีส่วนนุ่มนิ่มน่าฟัดเลยสักนิด
เทียบกับจิระแล้ว...
ขนาดยกแค่ปลายเล็บมาจิตรินก็ยังตกกระป๋องไม่เหลือสภาพ!
“เสี่ย...” จิตรินเอ่ยออกมาก่อนโดยไม่หันมามอง คงรู้ว่าเขาตามเข้ามาจากเสียงฝีเท้าที่จงใจให้ได้ยิน “ผมรู้ว่าเสี่ยใจดี ไม่กล้าพูดตรงๆ งั้นผมเสียสละพูดแทนเสี่ยแล้วกัน เอาเป็นว่า...เสี่ยไม่ต้องคิดมาก เสี่ยจะเลือกจิระผมก็ไม่งอแง ผมเข้าใจดีด้วยซ้ำ เรื่องระหว่างพวกเราก็เหมือนความฝัน หลับฝันตื่นหนึ่งแล้วเป็นเหมือนเก่า ที่ผ่านมาผมมีความสุขมากครับ ฉะนั้นผมไม่หวังจะให้เสี่ยมารับผิดชอบดูแลจิตรินต่อหรอก ข้อตกลงระหว่างพวกเราลุล่วงแล้ว เสี่ยได้คนของเสี่ยคืนไป ส่วนผมก็ใช้ชีวิตของผมเหมือนเดิม”
เสี่ยนิ่งงัน จุกหน่วงในอกอย่างบอกไม่ถูก
“พูดไปพูดมาก็ใจหาย มันเหมือนฝันตื่นหนึ่งจริงๆ แฮะ ที่บ้านของเสี่ยไม่มีอะไรที่สื่อถึงตัวผมเลย พอกลับมาเหมือนเดิม กลับมาที่บ้านหลังนี้ ก็เหมือนเราไม่เคยอยู่ด้วยกัน เฮ้อ...ตอนนี้เราไม่มีอะไรติดค้างแล้ว เสี่ยก็...ไม่ต้องกังวลเรื่องผมหรอกครับ”
“ไม่คิดจะรั้งฉันเลยรึไง”
“โหเสี่ย ผมระดับไหน จิระระดับไหน แค่เศษเล็บยังเทียบไม่ได้เลย!”
คำเปรียบเปรยเหมือนที่เขาคิดเป๊ะๆ
“แต่ถ้าเสี่ยมีเมตตา ผมจะขอมากไปมั้ยหากจะขอเจอเสี่ยบ้าง ขอกินข้าวกับเสี่ยอาทิตย์ละครั้งก็ยังดี จะว่าไงดีล่ะ จู่ๆ ห่างกันไปเลยผมเองก็ทำใจไม่ค่อยได้นะ ถือว่าเมตตาเด็กตาดำๆ ตัวดำๆ สักคนแล้วกัน เหมือนกับตอนให้จิระเลิกยาไง ค่อยๆ เว้นระยะไปเรื่อยๆ อืม...เป็นแบบนั้นผมคงไหว อื้อ!”
จิตรินเบิกตาค้างเมื่อโดนจับจูบ
ใช่ เสี่ยกำลังจับคนที่ล้างจานไปพูดจาน่ารักไปจูบ
สัมผัสแรกที่รู้สึก...คือริมฝีปากที่แห้งเหมือนขาดน้ำ ก่อนจะเจอกับลิ้นที่เหมือนจะค้างเก้อตามเจ้าตัว เพราะแม้จะถูกรุกรานจาบจ้วง ก็ไม่ยักจะมีปฏิกิริยาตอบสนองสักนิด
เสี่ยเลยเหิมเกริมมากขึ้น จับกอดทั้งตัวซะเลย
อืม...ตัวแข็งๆ นี้ไม่ใช่อุปสรรคอย่างที่เคยคิดไว้ซะแล้ว
เพราะเขาไม่ยักจะรังเกียจเลย
สิ่งที่เป็นอุปสรรคน่ะ...คือไอ้อาการปวดใจเมื่อถูกอีกฝ่ายพูดตัดพ้อเหมือนจะเลิกรากันต่างหาก!
“ฉันรักเธอ”
“เสี่ย...แต่ผมเป็นจิตริน ตัวดำแถมยังสูงเท่าเสี่ย เคยมีก้ามปูด้วยนะเสี่ย”
“จะมีก้ามปูหรือไม่มีก็ช่าง ยังไงฉันก็รักเธอ”
เสี่ยไม่เคยวาดฝัน คนแบบนี้ไม่ใช่สเปกเลยสักนิด จิระต่างหากคือคนที่ต้องการ แต่พอคิดว่าหากเลือกใช้ชีวิตอยู่กับจิระคนนั้น เสี่ยก็เหนื่อยเหลือเกิน เห็นบรรยากาศกระอักกระอ่วนทันที ผิดกับตอนอยู่กับจิตริน ถึงรูปร่างหน้าตาจะไม่คุ้นเคย แต่กลับทำให้เขารู้สึกต้องการ
อยากใช้ชีวิตร่วมกับคนคนนี้อันที่จริง ใจมันแกว่งตั้งแต่ตอนเห็นอีกฝ่ายเริ่มเปิดปากตอนมาเคาะกระจกรถแล้ว
รู้แบบนี้เขาจะฝืนตัวเองทำไม
มีคนที่เขารักและรักเขามากขนาดนี้...จะลังเลอีกทำไม
“สรุปเสี่ยเลือกผมจริงอ่ะ เลือกแล้วห้ามกลับคำ กลับหลังเอาทีหลังนะ”
“อืม”
“ผมในร่างผมเนี่ยนะ”
“ก็เธอที่เป็นเธอนั่นแหละ” เสี่ยชักรำคาญ อุตส่าห์ยอมรับใจตัวเองแล้ว แต่คนรักดันย้ำคำเหมือนไม่อยากเชื่ออยู่นั่นแหละ
“เสี่ย...” จิตรินเอ่ยเสียงเครือ เหมือนไม่คาดคิดว่าจะถูกเลือก ก่อนจะเป็นฝ่ายกระโดดกอดเขาแล้วจับจูบ เสี่ยตกใจ เรี่ยวแรงจิตรินน่ากลัวกว่าจิระหลายเท่า ปากแห้งๆ ที่กดจูบลงมานั่นก็ด้วย
“เสี่ย เสี่ยจูบผมลง แล้วเสี่ยเอาผมลงเหรอ”
ไม่รู้เหมือนกันเสี่ยคิดในใจ
“ไม่ต้องห่วงนะ เสี่ยเลือกผมแล้ว ผมก็จะไม่ทำให้เสี่ยผิดหวัง ถ้าเสี่ยเอาผมไม่ลง ผมเอาเสี่ยแทนก็ได้!”
“ด้วยก้อนเล็กๆ หนึ่งนิ้วน่ะหรือ”
“เสี่ย!!”
เสี่ยหลุดยิ้ม
จิตรินเองก็ยิ้ม ก่อนจะหัวเราะออกมาแล้วโผกอดอย่างดีใจ
หน้าตาจะเป็นยังไงไม่สำคัญ
พวกเขามีความสุขด้วยกันก็พอแล้ว
----------------------
จบแล้วนะคะ ก่อนอื่นก็ต้องบอกเล่ากันนิดนึงถึงแรงบัลดาลใจในการแต่งเรื่องนี้ที่ค่อนข้างแหวกจากเรื่องอื่นๆ แน่นอนว่ามาจากการที่เราอ่านนิยายสลับร่าง จนเกิดเป็นความคิดว่า ถ้านายเอกบอกกับพระเอกแต่แรกจะเป็นยังไง แต่นั่นเป็นแค่อย่างแรกค่ะ
อย่างที่สองที่อยากแต่ง
คือถ้านายเอกกลับร่าง แล้วพระเอกจะทำยังไงหลายเรื่อง นายเอกสลับมาอยู่ในร่างที่ดีกว่า สวย เก่ง ดูดีเหลือเกิน ถ้าหน้าตาคล้ายกันก็ไม่เท่าไหร่ แต่ถ้าต่างกันสุดขั้วล่ะ!? คำถามนี้เลยคาอยู่ในอก ว่าพระเอกรักที่ตัวนายเอกเอง หรือรักที่นายเอกอยู่ร่างคนอื่นกันแน่? ถ้าเป็นอย่างนั้น จะเรียกว่ารักได้เต็มปากเต็มคำรึเปล่านะ
เสี่ย...พระเอกที่น่ารันทดที่สุดเท่าที่แต่งมา เลยได้รับเกียรติในการพิสูจน์ข้อสงสัยของเราข้อนี้ ซึ่งเสี่ยก็สามารถปฏิบัติภารกิจได้ลุล่วงอย่างน่าประทับใจ
ความรักอาจเกิดจากความประทับใจแรกพบ หรือรูปร่างหน้าตาที่ดึงดูด
แต่การจะอยู่กันฉันคนรัก ภายนอกไม่สำคัญเลย
เสี่ยกับจิระพิสูจน์ให้ทุกคนได้เห็นกันแล้วค่ะ
ขอบคุณมากๆ ที่ติดตามถึงตอนจบ หลังจากนี้จะเป็นตอนพิเศษ การปรับตัวของเสี่ยและจิตรินในฐานะคนรักที่กลับมาคบกันอีกครั้ง ตลกปนฮากันตามประสาสองคนนี้ แอบสปอยสำหรับคนไม่ตามเล่มนิดนึง ว่าสุดท้ายจิตรินจะไปทำงานเบื้องหลัง เป็นนักเขียนบทฝึกหัด และจะ
ได้ย้อนมาเจอกับจิระแน่นอนค่ะเกริ่นมาขนาดนี้แล้วก็ต้องยืนยันเป็นทางการ
ใช่แล้วค่ะ เรื่องหน้า จิระจะกลายเป็นคนนำในเรื่อง
‘He Not Me ผมไม่อยากเป็นดารา’นิยายสลับร่าง บางทีเห็นแต่มุมนายเอกอย่างเดียว เราอยากลองแต่งผลกระทบหลังจากนั้นของคนที่โดนสลับร่างด้วย โดยเฉพาะจิระ ทำเรื่องไว้เยอะเลย ต้องมารับผลจากการกระทำตัวเองในวงการบันเทิง และถูกเปรียบเทียบกับตอนจิตรินอยู่ในร่างตัวเองไว้ จะเป็นยังไงกันล่ะเนี่ย!?
ยัง...ยังไม่เปิดเรื่องนะคะ ตอนนี้ขอเคลียร์หนังสือของหนูจิกันก่อนค่า ว่าแล้วก็แปะรายละเอียดเปิดพรีออเดอร์ ฮาร์ดเซลล์ทิ้งทวนซะเลย
ปล.ใครอยากเห็นภาพหนูจิ ( แบบก้ามฟีบคบกับเสี่ยมุ้งมิ้ง ) รอดูในเล่มได้เลยนะคะ อุบไว้ให้เสี่ยขึ้นปกแทนก็เพราะไม่อยากสปอยตอนจบเนี่ยแหละค่ะ 555
**[Pre-order] I’m Not Him เขาให้ผมเป็นดารา **
**สั่งจองได้ถึงวันที่ 25 ก.ย. / โอนเงินได้ถึงวันที่ 30 ก.ย. **
**ของแถมเฉพาะรอบจอง : เล่มเล็ก ‘เสี่ยขอเล่า’ (พิมพ์ตามจำนวน ไม่ทำเพิ่มอีกในอนาคต) **
**ตอนพิเศษไม่ลงเวป 5 ตอน + ภาพประกอบขาวดำ 1 ภาพ ( เสี่ย-จิ )**
ตอนพิเศษประกอบด้วย
1.หลังจากนั้นพวกเราก็... ( เสี่ยxจิ )
2.เจอะเจอกับกิ๊กเก่า (ของเสี่ยนะไม่ใช่ของผม!) ( เสี่ยxจิ )
3.จิตรินคนดีก็โกรธเป็น ( เสี่ยxจิ )
4.เกม Strip Twister ( เสี่ยxจิ )
5.เบื้องหลังของเบื้องหลังที่แท้จริง ( เบิ้มxสัน )
