แอ๊บที่ 30: แฟนกูไม่ใช่ตุ๊ด!
อีเอ็มมี่ลืมตาตื่นขึ้นมาเมื่อแสงแดดจากระเบียงส่องเข้ามาแยงตาจนทนนอนต่อไปไม่ไหว พองัวเงียตื่นขึ้นมา ความรู้สึกปวดหัวก็จู่โจมก่อนเป็นอันดับแรก กว่าจะสะบัดหัวไล่ความมึนงงแล้วลืมตาสำรวจรอบห้องได้จริงๆ ก็กินเวลาไปพักใหญ่
“พี่แมน...”
คนที่นั่งดูรายการข่าวภาคเช้าอย่างสบายใจปรายตามองเป็นเชิงรับรู้การตื่นนอนของคนขี้เมา ฝ่ายคนที่ยังเมาขี้ตาอยู่ก็นั่งนึกถึงเหตุการณ์เมื่อคืนอย่างสุดความสามารถ แต่ก็จำได้แค่เมา เมาแล้วกลับหอมาไงล่ะวะเนี่ย?
“ตื่นแล้วก็ไปทอดไข่เจียวให้กูหน่อยไป กูหิวละเนี่ย!”
คนที่เพิ่งตื่นเป่าลมจนแก้มป่อง อะไรวะ? ง้อกันซักคำก็ไม่มียังจะใช้ให้หาข้าวให้กินอีก?
“พี่ฝันอ่ะ?”
“กลับไปแล้วดิ”
คนขี้งอนแอบยิ้ม ไปซะได้ก็ดี! แปลว่าพี่แมนเขาเลือกกู! แต่จะแสดงกิริยามากไปไม่ดี เราต้องใช้โอกาสนี้มาต่อรองให้พี่แมนเอาตัวเข้าแลกเพื่อทำให้เราหายโกรธให้จงได้!
“จะไม่ง้อเขาสักคำเลยอ๋อ?”
เอ็มเกริ่น
“กูก็ง้อมึงแล้วไง ความผิดกูก็ไม่ใช่ด้วยซ้ำ”
“ตอนไหน?!”
พี่แมนแสยะยิ้ม ตอบด้วยน้ำเสียงมาดมั่น
“ตอนมึงหลับ”
เอ็มอ้าปากค้าง พี่แมนขี้โกง!! ตอบอย่างนี้แล้วเค้าจะหาข้ออ้างที่ไหนมาใช้ขยี้พี่แมนเล่า!!
“ถ่ายคลิปไว้เปล่า?”
เอ็มต่อรอง ไม่มีหลักฐานใครก็พูดได้เว่ย!
“หึ! กูไม่ได้โรคจิตเหมือนมึงนะ จะมานั่งถ่ายคลิปตัวเองง้อแฟนเนี่ย?”
“งั้นเค้าก็ไม่หายงอน!”
เอ็มสะบัดหน้าเชิดอย่างเล่นตัว พี่แมนน่ะใจร้าย รู้ว่าอยากแล้วยังไม่สนองตอบอีก!
“มึงจะไปทอดไข่เจียวให้กูกินดีๆ ไหม?”
“ไม่!!”
“งั้นก็เรื่องของมึง!”
แกนคณะทำน้ำเสียงไม่ยี่หระ ก่อนจะหันไปกอดหมอนดูทีวีต่ออย่างสบายใจ ทิ้งให้เอ็มนั่งอ้าปากค้างน้ำตาคลอเบ้าอย่างนึกน้อยใจที่คุณแฟนไม่นึกเอ็นดูอย่างที่คิด
หลังจากนั่งเบะปากเป็นเป็ดโดนเมียทิ้งได้ 10 นาที เอ็มก็ตัดสินใจลุกไปจัดการตัวเองในห้องน้ำแล้ว เดินเข้าครัวใส่ผ้ากันเปื้อนลายริลัคคุมะนอนเกาพุง ก่อนจะตั้งกระทะทอดไข่เจียวให้คุณเจ้าของห้องได้ในที่สุด ใช้เวลาเพียงไม่นานข้าวไข่เจียวฟูๆ กลิ่นหอมฉุยก็พร้อมเสิร์ฟให้คุณพี่แมน เสียอย่างเดียวที่คนเสิร์ฟมันหน้ามุ่ยเหมือนชะนีเป็นเมนส์ไปเสียหน่อย
“ไปหยิบซอสมาให้กูดิ๊”
พอโดนใช้ เอ็มก็เดินสะบัดตูดไปหยิบซอสมาให้ก่อนจะกลับมานั่งเชิดหน้าอยู่ข้างๆ คนร้องจะกินไข่ เชิดไว้ให้รู้ว่ากูยังงอนไปงั้นเอง พี่แมนคว้าขวดซอสไปบีบๆ อยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเลื่อนมาไว้หน้าคนที่เชิดจนคอจะเคล็ดมิเคล็ดแหล่อยู่ข้างๆ
“ป้อนกูหน่อยดิ๊ เมื่อคืนแบกควายเมากลับมานอนที่ห้อง โคตรเมื่อยแขนอ่ะ”
เอ็มกำลังจะหันมาเถียงว่าไม่ใช่ควายซะหน่อย แต่ข้อความสีแดงที่ถูกเขียนไว้บนไข่เจียวหอมๆ ก็ทำให้เผลอหลุดยิ้มแบบกลั้นไว้ไม่ทัน แต่อดีตตุ๊ดก็พยายามฝืนมุมปากตัวเองไว้ เพราะโอกาสแบบนี้มีไม่มากต้องเล่นตัวเสียหน่อย
‘รักนะ ตุ๊ดโง่’
“ไม่ใช่ตุ๊ดซะหน่อย”
เอ็มเถียงเสียงอ่อน ฝ่ายพี่แมนก็หัวเราะหึๆ หยิกแก้มคนตัวสูงกว่าอย่างนึกเอ็นดู
“มีแต่ตุ๊ดเท่านั้นแหละที่งอนตุ๊บป่องแบบนี้อ่ะ”
“ก็พี่แมนมีคนอื่นหนิ!”
ไม่วายทำเสียงง๊องแง๊งใส่ ถ้าเป็นตุ๊ดคนอื่นมาทำใกล้ๆ นี่พี่แมนยันโครมให้หน้าจิ้มไข่เจียวไปแล้วนะ
“อีหนูอย่างอนสิคะ ป๋ามีคนอื่นที่ไหนกัน ป๋ารักอีหนูของป๋าคนเดียวนะ มาหอมแก้มที!”
ฟอด~
โดนหอมไปเต็มฟอด เอ็มก็ยิ้มหน้าบานเป็นจานทรูฯ คนตัวโตกว่าหน้าแดงเขินอย่างเห็นได้ชัด จนท่านแกนฯหัวเราะหึๆ อย่างเอ็นดู
“ปากเนี่ยเลิกเบะนะรู้ไหม? มันน่าเกลียดดดดดดดด”
พี่แมนบีบปากคุณอดีตเมียจนจู๋เหมือนปลากะโห้ คนอื่นมาเห็นอาจจะมองว่าน่ารัก แต่คนโดนบีบนี่รับประกันว่าเจ็บจริงอะไรจริง แรงพี่แมนนี่เท่ากับช้างศึกโด๊ปกระทิงแดงอ่ะขอบอก
“พี่แมนอ่ะ! เจ็บนะ”
“เจ็บตรงไหนๆ โอ๋ๆ จุ๊บ!”
ท่านแกนโหมดง้อเมียจุ๊บปากแดงๆ ของนักศึกษาปีหนึ่งแบบออกเสียง เอ็มได้โชคหล่นทับดังนั้นก็บิดเขินเล่นตัวพอเป็นพิธีก่อนจะชี้ไปที่แก้มขวา
“ตรงนี้ด้วย”
“จุ๊บ”
“นี่อีกอ่ะ”
แก้มซ้าย
“จุ๊บ”
“นี่ด้วยอ่ะ”
“เยอะละ!”
“ง่า~”
ชายแท้ที่ทำตัวเทียบตุ๊ดทำเสียงเสียดายที่พี่แมนไม่ยอมลวนลามตัวเองต่อ แล้วหันไปจ้วงข้าวไข่เจียวเข้าปากแทน แต่มาได้เท่านี้ก็เป็นบุญนักหนาของมือกีตาร์ตาดำๆ แล้ว ยิ่งคนตัวบางขยับมานั่งพิงอกแล้วส่งข้าวไข่เจียวมาป้อนถึงปากนี่มันช่าง...
อิจฉากูกันล่ะสิ....
.
.
.
ช่วงนี้จะเห็นนักศึกษาสถาปัตย์มาสุมหัวกันอยู่ที่คอมม่อนคณะกันเป็นหย่อมๆ เหตุผลเพราะการสอบปลายภาคกำลังจะเริ่มต้นขึ้นในสัปดาห์หน้านี้แล้ว และเด็กสถาปัตย์โดยเฉพาะแก๊งค์ปีสี่ที่ขยันมากกกหาใดเกินก็ต้องมาพึ่งใบบุญท่านแกนที่ดูจะมีสติและปัญญากะเค้าอยู่คนเดียว ไอ้จะไปใช้พื้นที่ห้องสมุด แก๊งค์ช่างกลแห่งมหาลัยก็เสียงดังจนโดนบรรณารักษ์ตะเพิดมาตั้งแต่ปีหนึ่งกันแล้ว เลยต้องย้ายฐานมาอยู่ที่คอมม่อนร้อนๆ แห่งนี้แทน
“หน้ามึงไปโดนไรมาวะ ไอ้งอก?”
ท่านแกนเอ่ยถามขึ้นเมื่อเห็นรอยห้านิ้วที่ใบหน้าสมุนฝ่ายซ้าย แถมมุมปากยังช้ำๆ เหมือนโดนสาวที่ไหนตบมาเต็มรักอย่างไรอย่างนั้น
“เมียตบ”
นั่นไง...ซื้อหวยไม่ถูก
“ไปทำอะไรมา?”
“กอดผิด ไปกอดน้องม่าเข้าอ่ะดิ”
พี่งอกบอกเซ็งๆ อันที่จริงเขาก็ไม่ได้สับสนระหว่างสองแฝดหรอกนะ แต่มองจากข้างหลังแล้วนึกว่าใช่ก็กอดหมับเลยไง กอดไปแล้วถึงได้รู้ว่าพลาด เมียเห็นพอดี...โดนครบห้านิ้วเต็มแก้มเลย
“แล้วมึงอ่ะไอ้เงิบ กอดผิดเหมือนกันไง๊?”
ท่านแกนย้ายบทสนทนามาที่สมุนฝ่ายขวาที่มีรอยแบบเดียวกันเป๊ะบนใบหน้า
“เปล่า กูแค่แก้ตัวให้ไอ้งอกเท่านั้นแหละว่ามันคงเข้าใจผิด เมียกูเขาเลยหาว่ากูไม่ปกป้องเขาไง โดนเลยเนี่ย”
ได้ฟังเรื่องราวของสองสมุนแล้วพี่แมนก็ได้แต่ส่ายหัว
“แล้วนี่เมียมึงหายงอนยังเนี่ย?”
“ยัง!”
พี่งอกพี่เงิบประสานเสียงตอบ
“หึ...อ่อน!”
“เอ๊อ~ กูมันไม่ใช่มึงนี่! ง้อเมียวันเดียวก็หายแล้วอ่ะ”
“สอนทริคพวกกูบ้างดิ่”
แกนคณะยักไหล่แบบไม่แคร์สื่อ
“สูตรใครสูตรมันเว่ย!”
สองสมุนโอดครวญกับคำตอบไปอีกพักใหญ่ก่อนที่ทั้งแก๊งค์จะได้เริ่มติวกันจริงๆ จังๆ ผ่านไปนานจนทั้งก๊กเริ่มจะปวดหัวกับข้อมูลที่มากเกินไปแล้วนั่นแหละ พี่แมนถึงได้หยุดพักปล่อยให้พวกมันโด๊ปกาแฟและคาราบาวแดงกันเพิ่มพลัง
“พี่แมน! เห็นนี่ยัง?!”
น้องโฟนและแก๊งค์ปีสามวิ่งเข้ามาในตึกคณะด้วยอาการร้อนรน ในมือมีแผ่นโปสเตอร์พิมพ์สี่สียื่นมากลางวงแลคเชอร์ของท่านแกนคณะปีสี่
“เห้ย!!”
ทั้งโต๊ะอุทานเป็นเสียงเดียว เพราะในโปสเตอร์นั้นคือภาพพี่แมนที่ถูกตัดต่อให้ชุดกระโปรงแบบสาวน้อยหวานแหววพร้อมแต่งหน้าให้เสร็จสรรพ ประกอบภาพด้วยข้อความ “เผยเรื่องลับสุดยอด: พี่แมนไม่ใช่ผัวตุ๊ด?? อุ๊ปส์!”
“ไอ้เหี้ยแมน นี่มันอะไรกันวะ?!”
“ฝีมืออีปลื้ม!”
พี่แมนขยำโปสเตอร์จนเละคามือ เข่นเขี้ยวชื่อคนที่กล้ากระตุกหนวดเสือด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบ
“มึง...สวยว่ะ”
ไอ้พี่ทีพูดเพ้อๆ เลยโดนหัวหน้าแก๊งค์บ้องหูไปหนึ่งทีเป็นการตอบแทน
“มันใช่ประเด็นไหม?! ไป!”
“ไปไหนมึง?”
“สินกำ!”
.
.
.
“พี่แมน!”
พอมาเหยียบถึงถิ่นศิลปกรรม อีเอ็มมี่ก็วิ่งเข้ามาหาพร้อมโปสเตอร์ฉบับเดียวกันในมือ พอเห็นสีหน้าคนรักดูเป็นกังวลแล้วก็อดที่จะลูบหัวปลอบไม่ได้
“ไม่เป็นไรมึง ไม่มีใครเชื่อมันหรอก!”
“อุ๊ยตาย~! มั่นใจจังเลยนะคะ พี่แมนขรา~”
เสียงแหลมแสบแก้วหูดังนำตัวสาวเอกการแสดงที่ก้าวเข้ามาพร้อมไอแพดในมือ ตามด้วยเพื่อนร่วมคณะที่แต่งหน้าจัดเช่นเดียวกันอีกสองคน การโคจรมาพบกันของคู่กรณีที่สร้างข่าวฉาวให้กระพือไปทั้งมหาลัยอย่างรวดเร็วเรียกความสนใจจากผู้คนโดยรอบได้มากเสียยิ่งกว่ามาก
“มั่นใจสิ คำพูดไร้สาระจากผู้หญิงที่ทำตัวไร้สาระไปวันๆ ใครจะเชื่อ?”
“งั้นพี่แมนดูนี่...”
ปลื้มปริ่มโชว์ไอแพดของตัวเองที่เปิดหน้าเฟสบุ๊คอยู่ เธอเลื่อนให้ดูคอมเมนต์ใต้ภาพเดียวกับในโปสเตอร์ที่แปะอยู่ทั่วมหาวิทยาลัยที่มีบางส่วนไม่เชื่อ บางส่วนเชื่อ และบางส่วนที่เริ่มจะคล้อยตาม พอเห็นความเห็นของเหล่าเพื่อนร่วมมหาลัยเป็นไปในทางเอนเอียงแล้ว พี่แมนก็แอบหน้าซีดลงเบาๆ แม้จะพยายามเก็บอาการ จนคนที่ยืนอยู่ข้างๆ เริ่มใจเสียด้วยคำขู่ของพี่ปลื้มปริ่มดังขึ้นมาในหัว
‘เอ็มลองคิดดูเอาเองสิ คนอย่างพี่แมนน่ะเขาจะยอมมีแฟนเป็นผู้ชายให้คนอื่นเขาดูถูกเหรอ? มันอาจจะเป็นอะไรที่แปลกใหม่ แต่พอคบไปนานเขาก็จะรู้ว่ามันไม่ใช่ แล้วก็ทิ้งเอ็มไปอยู่ดี’
สาวปีสองส่งยิ้มมาดมั่นอย่างผู้กำชัย ในขณะที่พี่แมนจ้องหน้าเธอเหมือนอยากจับถ่วงบ่อน้องเหี้ยเต็มทน
“แก้ข่าวซะ ไม่งั้นอย่าหาว่ากูไม่เตือนนะ”
“อุ๊ปส์! ถ้าพี่แมนทำอะไรปลื้ม ปลื้มก็จะแจ้งความ!”
หญิงสาวขู่กลับตามด้วยเสียงหัวเราะดัดจริต ก่อนจะเขยิบเข้าไปใกล้รุ่นน้องคณะเดียวกันที่ยืนทำหน้าเหมือนจะร้องไห้อยู่ข้างๆ คนรักของตัวเอง
“เห็นม้า? ดูก็รู้แล้วว่าพี่แมนเลือกศักดิ์ศรีตัวเองมากกว่าเอ็มอ่ะ มาเป็นแฟนปลื้มปริ่มดีกว่า ปลื้มปริ่มเป็นผู้หญิงนะ ทั้งสวยทั้ง...มีอะไรให้เอ็มลองได้ตั้งเยอะ”
ปลื้มปริ่มกระซิบด้วยน้ำเสียงยั่วยวน ริมฝีมากแดงค่อยๆ เคลื่อนเข้าใกล้แก้มขาวของอดีตเมียพี่แมน แต่เจ้าตัวผลักออกอย่างทั้งรังเกียจและเกลียด! พี่แมนจะเลิกกะกูก็เพราะมึงนี่แหละ!
“ใช่ครับ พี่ปลื้มปริ่มเป็นผู้หญิงที่สวยมาก”
คนโดนชมยิ้มมั่นตามแบบสาวเปรี้ยว ปรายหางตาเยาะเย้ยพี่แมนแบบออกสื่อ
“หน้าก็หวานยังก็ช็อคโกแรด! สวยหาตัวจับยากระดับแหลไอเท็ม!”
“เอ็ม!!”
“วะฮะฮะฮ่าฮ่าฮ่า”
พี่แมนและหมู่คณะพร้อมใจหัวเราะเยาะอย่างพร้อมเพรียง ประดุจกระทืบซ้ำบนเศษหน้าที่แตกร่วงกราวของสาวสินกำต่อหน้าคนเป็นสิบ แกนคณะโน้มคอคนรักลงมาหอมแก้มเป็นรางวัลพร้อมกระซิบให้ได้ยินกันสองคน
“ด่าเป็นตุ๊ดเลยนะมึง”
“ก็มันทำพี่แมนก่อนอ่ะ”
“คิดเองป่ะเนี่ย?”
“คิดเองนะ ฉลาดป่ะ?”
“เออ...ฉลาดแบบตุ๊ดๆ”
อดีตตุ๊ดยิ้มร่าแม้ว่าคำชมมันจะแปลกๆ ก็เถอะ ฝ่ายอีปลื้มปริ่มก็โดนพี่แมนชี้หน้าคาดโทษพร้อมคำขู่เสียงเหี้ยมแบบที่ทำให้คนทั้งลานคณะขนลุกซู่
“กูจะจัดรางวัลตอบแทนให้มึงแบบลืมไม่ลงเลย อีปลื้ม!”
.
.
.