█ ▌รักเต็มใจ ❤➽ Heart Is Full ▌█ ┠ 37 The End ┨ (2017.11.11) P.36
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: █ ▌รักเต็มใจ ❤➽ Heart Is Full ▌█ ┠ 37 The End ┨ (2017.11.11) P.36  (อ่าน 232384 ครั้ง)

ออฟไลน์ PinkCaramel

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 149
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
เต็มใจกร้าวใจพี่มากจ่ะ พี่หลงรักหนูมาก  :z1:

ออฟไลน์ labelle

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2664
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-0
โอ๊ยยยน่อออ ฟินไปเต็มขั้นเลยสิ กองทัพ
เต็มใจก็จัดเต็มจัดหนัก มีลูกล่อให้กองทัพติดหล่มเสมอ

เต็มใจชัดเจนแล้ว กองทัพคงพอใจนะ ฟึดฟัดเป็นเด็กน้อยไปได้

แล้วนายพลคะ มีปัญหาทางความคิดหรอ หรืออิจฉาอะไร ทำตัวไม่น่าจะเชื่อว่าเป็นพี่น้องกัน


ออฟไลน์ Supparang-k

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1908
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-3
สนุกมาก

ออฟไลน์ simpleyaoi

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 137
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
ทำไมมันเด้งมาหน้า 3 หานานมาก  :sad4:


ออฟไลน์ simpleyaoi

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 137
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
โอ้ยยย เต็มใจสมชื่อจริงๆ ไม่มีอะไรจะพูดเลยค่ะ หลงรักน้องเต็มใากกกก

แต่พี่นายกับคุณแม่ขอมองแรงใส่ได้มั๊ย

ออฟไลน์ เด็กดอยดาว

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0

ออฟไลน์ RIRIN

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 250
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +492/-2
█ ▌รักเต็มใจ ➽ HEART IS FULL ▌█





┠ 19 ┨





ทริปเที่ยวฮ่องกง 4 วัน 3 คืน ของพวกเราจบลงด้วยความสุข โดยเฉพาะสาวๆ ช้อปปิ้งกันกระหน่ำราวกับว่าเก็บกดกันมานานเล่นเอาขากลับน้ำหนักกระเป๋าเกินไปเกือบสิบกิโล แต่ยังโชคดีที่พวกผู้ชายยังมีน้ำหนักกระเป๋าเหลือให้สาวๆ ได้แบ่งปันเฉลี่ยน้ำหนักกันไป

กลับมาก็ได้พักอยู่บ้านแค่วันเดียวเราทุกคนก็ต้องกลับไปทำหน้าที่ของตัวเองกันก่อนเปิดเทอมและผมเองถ้าวันไหนว่างก็จะชวนโบว์กับซันเข้าไปเรียนรู้งานที่โรงพยาบาลสัตว์ของมูลนิธิฯ ครับ

“อีจีช่วงนี้มึงอยากกินของเปรี้ยวของดองบ้างปะ?”

คำถามนี้เกิดขึ้นขณะที่ผมกับสหายรักทั้ง 2 คน กำลังนั่งทานอาหารมื้อเที่ยงกันอยู่ที่โรงอาหารของมูลนิธิ ไม่ต้องบอกก็คงจะรู้นะครับว่าใครเป็นคนถาม ผมมองหน้าคนถามที่หรี่ตาจ้องมองอย่างเจ้าเล่ห์ก็ได้แต่หัวเราะ

“เต็มมีมดลูกซะที่ไหนล่ะ”

คนพูดแย้งโบว์ไม่ใช่ผมครับแต่เป็นซัน เดี๋ยวนี้ซันค่อนข้างจะตามความคิดของโบว์ทันขึ้นเยอะแล้วล่ะครับ

“แหม เสี่ยซันคะ ตั้งแต่ออกบวชมาคบกับน้องออมเนี่ยรู้ทันดิฉันไปหมดแทบจะทุกอย่างเลยนะคะ”

เพื่อนสาวหันไปแซ็วซัน แต่พอแซ็วจบก็รีบบีบนวดขอโทษยกใหญ่จนซันหัวเราะขำพรืด ซันเป็นเพื่อนที่โบว์รัก เกรงใจ และบูชามาตั้งแต่เด็ก โบว์เคยบอกว่าซันเป็นเพื่อนที่ดีมากชนิดที่ว่าชีวิตนี้คงจะหาเพื่อนเหมือนซันไม่ได้อีกแล้ว

“เออ เกือบลืมไปเลย ฉันว่าจะถามแกหลายรอบแระ อีจีแกพอจะรู้เรื่องที่น้องกองทัพทำให้งานใหญ่ของพี่นายพลมีปัญหาอีกได้ปะ ข่าวใหญ่มากเลยนะเห็นบอกว่ารอบนี้คุณนายวิริยาแทบจะตัดแม่ตัดลูกกับลูกชายคนเล็กไปเลย”

“หืม?”

คิ้วของผมขมวดเป็นปมแทบจะทันที เท่าที่นึกได้ก็พอจะเดาออกว่างานที่มีปัญหานั้นคืองานอะไรและปัญหาของงานเกิดจากอะไร แต่ถึงอย่างนั้นผมก็คิดว่ามันจบไปแล้วซะอีกนี่ก็ผ่านมาตั้งครึ่งเดือนแล้วอีกอย่างเทมป์ก็เคยไม่เห็นบอกหรือพูดเกี่ยวกับเรื่องนั้นอีกเลย

“ตัดแม่ตัดลูกนี่อาจจะไม่ค่อยเท่าไหร่เพราะน้องกองทัพก็อยู่กับคุณปู่คุณย่ามาตั้งแต่เด็ก แต่เห็นว่าคุณนายวิริยาจะขอให้บอร์ดผู้บริหารยกเลิกข้อตกลงเรื่องที่จะรับน้องกองทัพเข้ามาทำงานในบริษัทหลังจากเรียนจบ ด้วยเหตุผลที่ว่าลูกชายคนเล็กของเธอไม่มีความสามารถ ทำลายชื่อเสียงของบริษัท และบลา บลา บลา..”

คนเล่าทำเหมือนกับว่าเรื่องที่พูดอยู่เป็นเรื่องไร้สาระ มีการเหลือบตามองบนให้คุณนายวิริยาซะด้วย

“ไปรู้มาจากไหนเนี่ย?”

ไม่ใช่แค่ผมครับที่สงสัย ซันเองก็สงสัยเช่นเดียวกันจึงรีบถามตัดหน้าผม

“น้องดักแด้”

อ่อ.. จบคำถามครับ เพราะคุณแม่ของน้องดักแด้เป็นเพื่อนสนิท(ในวงไพ่)ของคุณนายวิริยา

“อีจี แกทำหน้าแบบนี้แสดงว่าไม่รู้?”

เครื่องหมายคำถามคงจะฝุดเต็มหน้าฝากจนโบว์เดาออก

“เทมป์คงกลัวจะทำให้เต็มคิดมากมั้ง”

ซันก็ยังคงเป็นซันที่มักจะคิดในแง่บวกก่อนเสมอ จะว่าไปมันก็ไม่มีเหตุผลไหนที่จะเหมาะสมไปมากกว่าเหตุผลของซันไปได้อีกแล้ว เพราะปัญหาที่เกิดขึ้นมีผมเป็นตัวแปรสำคัญและเทมป์ก็แคร์ในความรู้สึกของผมมากกว่าใคร

“อืม ก็คงงั้น”

ยักไหล่ตอบจนโบว์หมั่นไส้เบะปากใส่ผมหนึ่งที แล้วเจ้าตัวก็หัวเราะตบท้ายแถมยังขโมยลูกชิ้นในถ้วยก๋วยเตี๋ยวของผมกินหน้าตาเฉยอีก นี่แหละครับเพื่อนผู้หญิงที่แสนบอบบางที่สุดในกลุ่มของผม

งานที่เรารับผิดชอบในมูลนิธิโดยส่วนใหญ่จะเป็นแค่เคสง่ายๆ อย่างเช่น ฉีดวัคซีน ทำแผล ให้น้องหมาน้องแมวแต่ถ้าเป็นเคสใหญ่ๆ อย่างการผ่าตัดเราก็ได้รับอนุญาตให้เข้าไปเรียนรู้งานได้ แต่ทั้งหมดก็ต้องอยู่ในการควบคุมและการได้รับอนุญาตจากสัตวแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเสียก่อน ซึ่งงานที่พวกผมทำก็ไม่ได้มีค่าตอบแทนอะไรหรอกนะครับ ทำด้วยใจและรักที่จะเรียนรู้เพิ่มพูนประสบการณ์ในวิชาชีพเท่านั้น

โรงพยาบาลสัตว์ทุกสาขาเปิด 24 ชั่วโมง มีสัตวแพทย์ที่จิตอาสาและรักในอาชีพโดยไม่ได้หวังกับค่าตอบแทนที่น้อยนิดสลับสับเปลี่ยนกันมาตลอด แต่สำหรับสัตวแพทย์ที่อาสามาช่วยงายอย่างพวกเราได้เลิกงานตอน 5 โมงเย็น แต่เพราะติดเคสทำแผลให้กระรอกตัวน้อยที่โดนน้องแมวตะปปตบจนเลือดซิบจนเจ้าของต้องฝ่ารถติดพามาทำแผลจึงเลยเวลาเลิอกงานไปเป็นครึ่งชั่วโมง

“พรุ่งนี้เจอกันที่มหาลัย”

ยกมือตบไหล่ซันและโบกมือให้โบว์ก่อนจะเดินไปที่รถที่จอดอยู่อีกฝั่ง

“รอนานมั๊ย?”

“ไม่นานเท่าไหร่”

ก็แสดงว่านานแต่ยังรอไหว ผมอมยิ้มก่อนจะเปิดประตูเข้าไปนั่งในรถ คาดเข็มขัดนิรภัยเสร็จแล้วก็นั่งแอบสังเกตฝ่ายตรงข้ามอยู่เงียบๆ จะว่าไปตั้งแต่กลับมาจากฮ่องกงอีกฝ่ายค่อนข้างจะพูดเล่นน้อยลงและใจลอยอยู่หลายครั้งแต่ที่ผมไม่ทักเพราะคิดว่าคงจะเครียดเรื่องเรียน

“หิวมั๊ย?”

ดวงตาคู่คมเหลือบมามองกรุ้มกริ่ม

“ทะลึ่ง”

เจ้าตัวหัวเราะจนน่าหมั่นไส้

“ทำไมวันนี้ถึงจะไปนอนบ้านคุณพ่อล่ะ?”

“คุณแม่ท่านคิดถึง”

ผมร้องหืมในใจเสียงดังแล้วมองใบหน้าคมที่ยกยิ้มมุมปากไม่วางตาจนเจ้าของใบหน้ารู้ตัวหันมาเลิกคิ้วมอง

“ลืมไปว่าลูกรักนี่นะ”

คนฟังรู้ว่าผมประชด ช่วงจังหวะติดสัญญาณไฟสีแดงดวงตาคู่คมจึงหันมามองหน้าผมแล้วหรี่ตาลง

“ไปได้ยินอะไรมา?”

“ได้ยินว่าคุณนายวิริยารักลูกชายคนเล็กม๊ากมากกกก กอไก่ ล้านตัว”

ลูกชายคนเล็กของคุณนายวิริยาหัวเราะแล้วใช้ข้อนิ้วเคาะหน้าผากผมไม่หนักไม่เบา

“ไม่คิดจะเล่าให้ฟังกันบ้างรึไง?”

ขอถามกลับไปตรงๆ พร้อมกับลูบหน้าผากของตัวเองแล้วยู่หน้าใส่อีกฝ่าย เจ็บนะเนี่ยไม่ต้องดูในกระจกก็รู้ว่าต้องเป็นรอยแดงแน่ๆ

“ไม่ใช่เรื่องสำคัญหรอก”

เชื่อก็โง่แล้วล่ะครับ แต่ก็นะ.. บางครั้งเราก็ควรโง่ซะบ้างเพื่อให้คนรักสบายใจ ผมพยักหน้ารับแล้วเปลี่ยนบทสนทนาเป็นเรื่องเล่าของบรรดาสัตว์ผู้น่ารักที่ผมได้ทำการรักษาในวันนี้

กว่าจะถึงบ้านก็เกือบจะ 2 ทุ่ม คุณแม่ทำสลัดไว้ให้เราทั้งคู่ไว้ทานเป็นมื้อเย็น เดี๋ยวนี้เทมป์แทบจะกลายเป็นลูกชายของบ้านนี้ไปด้วยอีกคน ยิ่งนานทีปีหนจะขับรถมาส่งแบบนี้คุณแม่ก็มักจะเตรียมอาหารไว้รอเสมอ เมื่อทานเสร็จเทมป์ก็อยู่คุยกับคุณพ่อคุณแม่ของผมต่ออีกครู่ใหญ่ถึงจะขอตัวกลับ ผมเดินมาส่งเทมป์ที่รถ

“ขับรถดีๆ ล่ะ ถึงแล้วโทรมาด้วย”

“จ้า.. เมียจ๋า”

อยากจะด่ากลับสักคำเพื่อแก้เขิน แต่ก็คิดได้ว่าด่าไปก็ใช่ว่าจะสะดุ้งสะเทือนจึงทำแค่ยืนยิ้มเท่านั้น

“อยากจูบอะ”

เสียงทุ้มพูดออดอ้อน

“กล้ามั๊ยล่ะ?”

ผมตวัดสายตาไปทางห้องนั่งเล่นที่เปิดผ้าม่านไว้ครึ่งหนึ่ง ถ้ามองผิวเผินก็ดูเหมือนว่าคุณพ่อคุณแม่กำลังนั่งดูทีวีแต่ผมรู้ครับว่าท่านกำลังแอบมองเราทั้งคู่อยู่ แม้จะเป็นคู่หมั้นกันอย่างถูกต้องแต่เราก็ควรที่จะรู้จักกาลเทศะโดยเฉพาะเมื่ออยู่ในสายตาของผู้ใหญ่

“งั้นติดไว้ก่อน”

“มีวันหมดอายุนะ”

“อร่อยขนาดนี้ต่อให้หมดอายุก็ยังจะกิน”

ไม่พูดเปล่าแต่สายตายังโลมเลียลามก แล้วทำไมผมถึงต้องฉีกยิ้มจนหน้าบานแบบนี้ด้วย

“พรุ่งนี้ไปมหาลัยใช่มั๊ย?”

“อืม แต่ไม่เข้าหอนะ ไม่ต้องรอ เต็มเรียนเสร็จแล้วจะไปทำธุระกับซันต่อ”

คิ้วเข้มขมวดเล็กน้อย

“ธุระอะไร?”

“ไม่ใช่เรื่องสำคัญหรอก”

เจอผมย้อนกลับประโยคเดียวกับที่อีกฝ่ายเคยตอบผมไปเมื่อตอนอยู่บนรถทำเอาเจ้าตัวตีหน้าเข้มแล้วส่งสายตาคาดโทษมาให้ ผมก็ได้แต่ยักคิ้วและกระตุกยิ้มมุมปากกลับไป

“กลับไปได้แล้ว โน่น.. คุณอาวิริยาโทรตามแล้ว”

บังเอิญเห็นแสงไฟจากหน้าจอไอโฟนสว่างวาบอยู่บนเบาะรถโชว์ชื่อสายโทรเข้าว่า ‘คุณแม่’ โชว์หรา เจ้าของไอโฟนหันไปมองด้วยใบหน้านิ่งๆ อยู่ครู่หนึ่งแล้วจึงตัดสินใจเปิดประตูรถหยิบขึ้นมากดรับ

“ผมขับรถอยู่ครับคุณแม่ ใกล้จะถึงแล้วครับ ขออนุญาตวางสายก่อนนะครับ”

พูดรัวใส่แล้ววางสายไป ผมจึงดันอีกฝ่ายเข้าไปในรถ

“กลับเถอะ ไว้เจอกันวันมะรืน”

“อืม”

พยักหน้ารับ แต่ผมแอบเห็นว่าในแววตานั้นมีประกายความกังวลแอบซ่อนอยู่ ใครจะไปรู้ว่าภายใต้รอยยิ้มที่สดใสอาจจะมีความทุกข์ระทมใจแอบซ่อนอยู่ก็เป็นได้ ผมจึงโน้มตัวลงแล้วชะโงกหน้าเข้าไปในหน้าต่างรถประทับจูบลงบนหน้าผากได้รูปหนึ่งครั้งแล้วกลับมายืนกอดอกและอมยิ้มกลั้นเขิน ก็แค่จูบหน้าผากคงไม่เป็นไรหรอกมั้ง ว่าแต่คนถูกจูบทำไมต้องทำหน้าเหมือนทำความผิดร้ายแรงขนาดนั้นเนี่ย ฮ่า

“ฝันดี”

โบกมือบ๊ายบายคนรักก่อนจะรีบจ้ำกลับเข้าบ้านอย่างไว เพราะถ้าขืนยังชักช้าร่ำไรดูท่าอีกฝ่ายคงไม่ได้กลับบ้านแน่ๆ
เดินมาถึงประตูบ้านจึงค่อยหันกลับไปมองแสงไฟสีแดงที่เคลื่อนออกไปนอกรั้วจนลับตา จากนั้นจึงเดินเข้าไปหาคุณพ่อคุณแม่ที่ห้องนั่งเล่น ซึ่งสวนทางกับออมที่เพิ่งเดินออกมาพอดี หลานสาวอมยิ้มกรุ้มกริ่มทันทีที่เห็นหน้าผม

“ออมเห็นนะเมื่อกี้หน่ะ”

หัวเราะคิกคักชอบใจ ออมกับโบว์ถือว่าเป็นผู้หญิงยุคใหม่ที่ไม่เคยมองว่าความรักของเพศเดียวกันเป็นเรื่องแปลกในทางตรงกันข้ามพวกเธอกลับมองว่าเป็นเรื่องปกติทั่วไปโดยใช้หลักคิดง่ายๆ ที่ว่าความรักมีหลายรูปแบบและเกิดขึ้นได้กับทุกเพศและทุกวัย ถ้าหากคนทั้งโลกคิดได้แบบออมกับโบว์ก็คงจะดีไม่น้อยแต่มันก็คงจะเป็นไปไม่ได้หรอกครับ

“พรุ่งนี้มีเรียนเช้าไม่ใช่เหรอ? ไปนอนได้แล้ว”

ไล่หลานสาวไปนอน ส่วนตัวเองก็ขอไปคุยกับบุพการีก่อนครับ

คุณแม่กำลังกดรีโมทเปลี่ยนช่องไปดูรายการข่าว เมื่อเห็นผมเดินเข้ามาท่านก็ยกยิ้มในขณะที่คุณพ่อนั่งดูข่าวนิ่งๆ ไม่แม้แต่จะหันมามองผม

“เต็มขอรบกวนเวลาของคุณพ่อคุณแม่สักครู่ได้มั๊ยครับ?”

“ทำไมต้องคิดว่าเป็นเรื่องรบกวนด้วยล่ะคะน้องเต็ม.. มีอะไรรึเปล่า?”

ผู้ให้กำเนิดวางรีโมทลงบนโต๊ะแล้วเลิกคิ้วมองผมด้วยความสงสัยก่อนจะหันไปมองหน้าผู้เป็นสามี คุณพ่อจึงละสายตาจากหน้าจอทีวีมามองหน้าผม

“เต็มคิดว่าเต็มก่อปัญหาให้กองทัพหน่ะครับ เต็มเลยจะมาขอคำปรึกษาจากคุณพ่อคุณแม่สักหน่อยว่าเต็มควรจะจัดการเรื่องนี้ยังไงดี”

คำเกริ่นนำของผมคงจะดูเป็นการเป็นงานมากเสียจนคุณพ่อต้องหยิบรีโมทกดปิดทีวี และผมก็แอบอมยิ้มนิดหนึ่ง

“ว่ามาสิ”

ประโยคนี้จากคุณพ่อแหละครับที่ผมต้องการ ส่วนเรื่องที่ผมจะเล่าก็ไม่ได้เป็นเรื่องโกหกหรือปรุงแต่งแต่อย่างใด ผมพูดความจริงทั้งหมด เริ่มตั้งแต่ความบังเอิญที่ลูกค้าของพี่นายพลเป็นคนฮ่องกงและบังเอิญยกสองคือมีการนัดคุยงานกันที่โรงแรมที่พวกผมพักพอดี แค่นั้นยังไม่พอความบังเอิญที่แสนน่าเหลือเชื่อก็คือลูกค้าของพี่นายพลดันเป็นแฟนเก่า(จำไม่ได้ว่าคนที่เท่าไหร่)ของผม ซึ่งความบังเอิญทั้งหมดทั้งมวลก็มาจบลงตรงที่แฟนเก่าของผมคนนั้นตั้งเงื่อนไขว่าจะต้องได้ร่วมงานกับผมเท่านั้นถึงจะยอมเซ็นสัญญากับพี่นาย...

ก็แล้วยังไงล่ะครับ?? ในเมื่อแฟนปัจจุบันของผมเขาไม่สามารถบังคับผมได้หรือต่อให้มีสิทธิที่จะบังคับผมก็เชื่อว่าคนอย่างเทมป์ไม่มีวันทำเด็ดขาดและตัวผมเองก็ไม่ใช่ประเภทที่จะยอมใครง่ายๆ โดยเฉพาะเรื่องงานเพราะตั้งแต่ไหนแต่ไรถ้าหากไม่ใช่งานของพี่ขวัญผมก็ไม่ทำหรอกครับ ผมคิดว่าเรื่องมันจะจบลงแค่นั้นและพี่นายเองก็คงจะหาทางออกวิธีอื่น ผมเชื่อว่าเรื่องแค่นี้ไม่ได้เป็นเรื่องใหญ่โตอะไร อีกอย่างลิซ่าชอบผู้ชายหล่อเสียด้วย ผมว่าพี่นายน่าจะเอาอยู่ เรื่องมันไม่น่าจะบานปลายและกินระยะเวลานานถึงขนาดนี้

“แย่จริง”

นี่คือคำพูดแรกที่หลุดมาจากคุณแม่หลังจากที่ผมเล่าเรื่องทั้งหมดจบ

“แล้วน้องเต็มคิดอะไรอยู่ในใจ?”

“เต็มคิดว่ามันค่อนข้างจะแปลกและไม่ยุติธรรมสำหรับกองทัพครับ”

คุณพ่อพยักหน้ากับคำอธิบายของผม

“แล้วตั้งใจจะทำยังไง?”

“เต็มอยากจะขอให้คุณพ่อช่วยให้เต็มได้คุยกับคุณอาดิษฐ์ในวันพรุ่งนี้ได้มั๊ยครับ?”

บุพการีหันมองหน้ากันด้วยความสงสัยก่อนจะหันกลับมาหยุดมองที่ผมอีกครั้งและผมก็ยิ้ม จากนั้นก็อธิบายสิ่งที่ผมคิดอยู่ให้พวกท่านฟังโดยมีเหตุผลว่าในเมื่อปัญหาที่เกิดขึ้นจากงานโฆษณาโดยมีผมเป็นตัวแปรหลัก และมีแฟนของผมเป็นผู้ได้รับผลกระทบโดยตรง ครั้นจะให้ผมอยู่นิ่งเฉยมองคนที่ตัวเองรักแบกรับปัญหาอยู่เพียงลำพังคงไม่ดีแน่ แต่ถ้าจะให้ผมไปบอกเทมป์ตรงๆ ว่าเดี๋ยวจะจัดการเองนั่นก็ไม่ใช่เรื่องที่ดีอีกเช่นกันฝ่ายนั้นคงจะรู้สึกแย่พอดูที่ไม่สามารถแก้ปัญหาได้ด้วยตัวเอง เพราะต่อให้คนฉลาดอย่างเทมป์จะอ่านเกมส์ทั้งหมดออกแต่เจ้าตัวก็อยู่ในจุดและในฐานะที่ไม่อาจจะทำอะไรได้ อย่างที่มีใครบางคนเคยบอกไว้ว่าคนในกับคนนอกบางครั้งก็อาจจะเห็นภาพที่แตกต่างกัน

คุณแม่ร้อง ‘อ่อ’ เบาๆ แล้วอมยิ้มหลังจากที่ผมอธิบายความคิดทั้งหมดให้พวกท่านได้รับฟัง ส่วนคุณพ่อก็ยังคงทำหน้านิ่งๆ แต่ท่านก็พยักหน้าและคราง ‘อืม’ ตอบรับว่าพรุ่งนี้คุณพ่อจะโทรไปนัดคุณอาดิษฐ์ให้ผมซึ่งผมก็คิดว่าคุณอาดิษฐ์ต้องตอบตกลงอย่างแน่นอน แต่.. เรื่องนี้ขอเป็นความลับนะครับ อย่าให้แฟนผมรู้เชียวล่ะ ชู่ววว์...


.
.
.
.
.

   
ครั้งสุดท้ายที่ผมได้เจอคุณอาดิษฐ์ก็คงจะเป็นเมื่อตอนงานหมั้น ซึ่งก็ผ่านมาเดือนหนึ่งแล้ว เมื่อวานคุณพ่อบอกกับผมว่าต่อให้คุณอาดิษฐ์งานยุ่งมากแค่ไหนแต่ถ้าเป็นเรื่องของลูกชายและครอบครัวคุณอาดิษฐ์จะมีเวลาว่างให้เสมอ ดังนั้นแค่คุณพ่อต่อสายหาคุณอาดิษฐ์ท่านก็รับปากและรีบให้คุณเลขาเคลียร์งานโทรนัดเวลาสถานที่ให้ผมทันที

เวลาและสถานที่นัดเป็นช่วงเย็นที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งในย่านธุรกิจ เมื่อเรียนเสร็จผมก็ชวนซันกับโบว์นั่งรถไฟฟ้ามาด้วยกัน ผมมาถึงก่อนเวลานัด 10 นาที แต่คุณอาดิษฐ์มาถึงก่อนผมอีกครับ โบว์กับซันแยกไปเดินเล่นดูของในห้างระแวกนี้เพื่อฆ่าเวลารอผม

“เต็มต้องขอโทษนะครับที่รบกวนเวลาของคุณอาดิษฐ์”

“รบกวนอะไรกัน แล้วตอนนี้คงจะเรียกคุณพ่อได้แล้วมั้ง”

ท่านยิ้มให้ผมอย่างอ่อนโยน จากนั้นก็ให้ผมสั่งอาหารได้ตามใจชอบ แต่ผมยังไม่หิวจึงเลือกเมนูง่ายๆ อย่างสลัดผลไม้ และรอไม่นานอาหารที่สั่งไว้ก็มาเสิร์ฟผมจึงขอเข้าเรื่องในทันที เอาตามความจริงผมไม่ได้เล่าเรื่องราวแบบที่เล่าให้คุณพ่อคุณแม่ของผมฟังหรอกครับ ผมแค่อยากจะรู้วิธีการทำงานเกี่ยวกับงานโฆษณาจากคุณอาดิษฐ์เท่านั้นว่ามีขั้นตอนในการทำงานยังไงบ้าง ถามแค่ในส่วนที่ผมไม่รู้และขอความรู้เพิ่มเติมในสิ่งที่พอจะรู้อยู่แล้ว

“น้องเต็มอยากจะทำงานโฆษณาเหรอลูก?”

“เปล่าครับ”

คนถามเลิกคิ้วมองผมด้วยความสงสัยเล็กน้อย

“เต็มแค่อยากจะรู้เกี่ยวกับงานเพื่อจะได้ประเมินได้ว่าว่ากองทัพมีความสามารถเพียงพอที่จะทำงานด้านนี้รึเปล่า?”

“หืม?”

ตอนนี้ท่านคงจะสงสัยมากขึ้นแล้วล่ะครับ คุณอาดิษฐ์มองหน้าผมอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะอมยิ้มแล้ววางช้อนและยกผ้าเช็ดปากขึ้นมาเช็ด เตรียมรอฟังคำอธิบายจากผมโดยละเอียด

“ความจริงแล้วกองทัพเคยเล่าอะไรเกี่ยวกับปัญหาของตัวเองให้ผมฟังหรอกครับ แต่ผมก็มักจะได้ยินคนอื่นพูดเสมอว่าเขามักจะสร้างปัญหาและก่อความเดือดร้อนให้บริษัทอยู่ตลอด.. กองทัพไม่มีประสิทธิภาพที่จะทำงานด้านนี้ได้”

“กองทัพเป็นเด็กมีความสามารถ.. พ่อรู้ดี เพียงแต่เขายังเด็กเกินไป ประสบการณ์ยังน้อยก็เท่านั้น แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่จะมาตัดสินอนาคตของเขาได้”

“คุณพ่อเชื่อในความสามารถของกองทัพมั๊ยครับ?”

“เชื่อสิ.. ถึงพ่อจะไม่ค่อยมีเวลาให้ลูกๆ แต่พ่อก็มั่นใจว่าพ่อรู้จักลูกชายของพ่อดี”

รอยยิ้มละมุนประดับอยู่บนใบหน้าอ่อนโยนจนทำให้ผมต้องยิ้มตาม

“ถ้าอย่างนั้น.. งานไหนที่มีปัญหา คุณพ่อช่วยพิจารณาให้กองทัพดูแลได้มั๊ยครับ?”

“หืม.. งานที่มีปัญหา?”

ผมยิ้ม และคุณพ่อก็คงจะเดาความคิดของผมออก ท่านจึงหัวเราะเบาๆ

“เต็มแค่อยากจะให้กองทัพได้พิสูจน์ตัวเองว่าเขาไม่ใช่ตัวปัญหาอย่างที่ใครต่อใครกล่าวหา”

“ทวงความยุติธรรมให้แฟนสินะ”

เอ่อ... คุณพ่อพูดแบบนี้ผมรู้สึกตัวเองเหมือนหน้ากากทักสิโด้ยังไงก็ไม่รู้

“ไว้พ่อจะเก็บไว้พิจารณา”

“ขอบคุณมากครับ”

“กินต่อสิ น้ำสลัดที่นี่รสชาติดีนะ”

“ครับ”

ของเขาอร่อยจริงๆ ครับ

“อ่อ.. คุณพ่อครับ”

เพิ่งจะนึกออกว่าลืมเรื่องสำคัญไปอีก 1 เรื่อง ผู้ใหญ่ที่นั่งฝั่งตรงข้ามเลิกคิ้วแล้วอมยิ้มอย่างรู้ทัน

“เรื่องนี้เป็นความลับใช่มั๊ย?”

ผมยิ้มพร้อมกับพยักหน้าตอบรับว่า ‘ครับ’ จากนั้นก็ตักสลัดกินเงียบๆ พร้อมกับมองบรรยากาศภายในร้านที่การตกแต่งเรียบหรูสไตล์อังกฤษ บนฝาผนังมีภาพวาดลายเส้นชวนน่ามอง โดยเฉพาะรูปผู้หญิงในชุดหรูหราแบบผู้ดีอังกฤษโบราณสวมใส่หน้ากากอยู่ในงานเต้นรำ มันก็ทำให้ผมนึกถึงสำนวนหนึ่ง 'He masked his enmity under an appearance of friendliness.' หรือจะตีความหมายได้ประมาณว่า คนส่วนมากในสังคมปัจจุบันมักจะใส่หน้ากากเข้าหากัน มีเพยงไม่กี่คนเท่านั้นที่จะมีความจริงใจต่อกัน

เลื่อนสายตากลับมาที่สลัดในจานและแอบเหลือบมองผู้ใหญ่ตรงหน้าเล็กน้อยพร้อมเหน็บยิ้มมุมปากให้กับความคิดของตัวเอง



.
.
.
.
.



บอกลาคุณอาดิษฐ์และรอส่งท่านขึ้นรถกลับไปเคลียร์งานที่บริษัทต่อ ผมโทรหาคุณพ่อเพื่อบอกท่านว่าได้คุยกับคุณอาดิษฐ์เรียบร้อยแล้วพร้อมกับแจ้งเวลาที่จะให้น้าปองมารอรับที่สถานีรถไฟฟ้าที่ใกล้บ้านที่สุด จากนั้นก็เดินไปหาซันกับโบว์ที่รออยู่ที่ห้างใกล้ๆ แถวนี้ พวกเราเดินเล่นกันต่ออีกสักพักก่อนจะแยกย้ายกันกลับ แต่อย่างว่าแหละครับว่าความบังเอิญมันมีอยู่ทุกที่ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับเจตนาว่าจงใจหรือไม่ก็เท่านั้น

“อุ๊ยตาย! นี่ใช่น้องเต็มใจที่เป็นเกย์.. ลูกชายคนเล็กของท่านนายพลกับคุณหญิงหยดรึเปล่าคะเนี่ย?”

ประโยคคำถามนี้มาจากผู้หญิงรุ่นราวคราวแม่ 2 ท่าน แต่งตัวหรูหราแบรนด์เนมตั้งแต่หัวจรดเท้าและที่สำคัญคนที่เอ่ยทักยังสวมกระโปรงของแบรนด์ TJ เสียด้วย การแต่งตัวนับว่ามีรสนิยมดีแต่กิริยาท่าทางและการพูดจานี่ไม่ค่อยจะสมกับอายุและการแต่งกายสักเท่าไหร่

ผมบีบแขนโบว์เบาๆ ให้ใจเย็นๆ ส่วนซันก็ยกมือบีบไหล่ผมเพื่อให้กำลังใจก่อนจะโอบไหล่ควบคุมอารมณ์ของเพื่อนสาวไม่ให้ปรี๊ดแตกเสียก่อน ผมยกยิ้มให้คุณป้าทั้ง 2 ท่าน

“ใช่ครับ ผมเอง”

คุณป้าที่เอ่ยถามหันไปบอกคุณป้าอีกท่านว่า ‘เห็นมั๊ยเธอว่าฉันจำไม่ผิดคนหรอก’ แล้วก็ได้รับคำตอบกลับมาว่า ‘ตัวจริงหน้าตาดี๊ดีไม่น่าผิดเพศเลยนะคะคุณพี่’ จากนั้นคุณป้าทั้งสองก็หันมาฉีกยิ้มให้ผม โดยที่สายตาแอบสำรวจผมตั้งแต่หัวจรดเท้า

“วันนี้ได้เจอน้องเต็มใจตัวจริง พวกเราก็เข้าใจแล้วล่ะค่ะว่าทำไมคุณนายวิริยาถึงไม่ชอบน้องเต็มใจ”

หืม? ผมเลิกคิ้วเล็กน้อย

“ก็น้องเต็มใจหน้าตารูปร่างเหมือนภรรยาเก่าของคุณดิษฐ์ซะขนาดนี้คุณนายวิริยาจะทำใจลงได้ยังไงล่ะคะคุณพี่”

“นั่นสิคะคุณน้อง นี่ถ้าท่านนายพลกับคุณหญิงหยดไม่ยืนยันกับนักข่าวว่าเป็นลูกชายของท่านจริงๆ อมพระมาพูดก็คงไม่มีใครเชื่อหรอกค่ะ”

เสียงหัวเราะคิกคักทำให้ผมรู้สึกคิ้วกระตุกขึ้นมาแบบอัตโนมัติ

“ขอโทษนะครับ พอดีนี่ก็จะสองทุ่มแล้วพวกผมคงต้องขอตัวกลับก่อนนะครับ”

ซันพูดขัดจังหวะขึ้นมาด้วยน้ำเสียงนอบน้อมและใบหน้าก็ประดับรอยยิ้มอ่อนโยน ซะจนอีกฝ่ายนิ่งอึ้งไปชั่วขณะ

“แต่กว่าห้างจะปิดก็อีกตั้งสองชั่วโมง ผมคิดว่าเชิญไปนั่งคุยกันต่อจะสะดวกกว่ายืนคุยนะครับ”

ดวงตาคู่รีโค้งหยีชนิดที่ใครเห็นเป็นต้องใจอ่อนยวบ คุณป้าพยักหน้าหงึกหงักแล้วพูดซ้ำๆ ว่า ‘จ่ะๆ’ ราวกับต้องมนต์ก่อนจะหันหลังแล้วพากันเดินไปในร้านคาเฟ่ใกล้ๆ

สถานการณ์กลับเข้าสู่สภาวะปกติ โบว์ยืนมองหน้าซันแบบอึ้งๆ ส่วนผมได้แต่หัวเราะขำกับท่าทางของโบว์ และก็เป็นซันอีกแหละครับที่ยกแขนโอบไหล่ผมกับโบว์ไว้แล้วเรียกสติให้รู้ว่าพวกเราจะต้องกลับบ้าน และหลังจากนั้นก็ไม่มีใครพูดถึงเรื่องคุณป้าทั้งสองท่านนี้อีกเลย



.
.
.
.
.
.





TBC.....  : 222222:

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
คุณนายวิริยา นอกจากลำเอียงรักแต่ลูกชายคนโตอย่างเปิดเผยแล้ว
ยังอคติกับเต็ม เพราะเต็มหน้าเหมืิอนภรรยาเก่าของสามีตัวเอง
เป็นผู้หญิงที่ไม่มั่นใจ ในตัวเอง ไม่เชื่อใจสามีตัวเอง
มีปมด้อยสิว่าสามีไม่รักตัวเอง ทั้งที่ภรรยาเก่าเสียชีวิตไปแล้ว
และตัวเองอยู่กับสามีคนเดียวแท้ๆ
 :laugh: :laugh: :laugh:  ก็ให้ทุกข์ทรมานตายไปกับความอิจฉา ริษยาเถอะนะ สมควรแล้ว

เต็มเข้าพบอาดิษฐ์ดีและ
จะได้รู้ความลำเอียง ปล่อยข่าวทำลายยริษัท เพราะเมียตัวเอง
และรู้ความจริง ใครกันแน่ไร้ความสามารถ
เอาแต่ดีเข้าตัว  เอาชั่วให้คนอื่น

คุณนายวิริยา กับพี่นายนิสัยถอดมาจากกันชัดๆ
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ o4u0n7

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 213
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
 :m31: ทำไมมันให้ความรู้สึกว่า นายพลคือลูกของคุณหญิงวิริยาคนเดียว ส่วนกองทัพคือลูกที่มาจากไหนไม่รู้ และเต็มใจคือลูกของอาดิษฐ์ที่เกิดจากเมียเก่า

คนที่กุมความลับทุกอย่าง น่าจะเป็นคุณหญิงวิริยาคนเดียว  :katai1:

ออฟไลน์ crazydoii

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 858
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-1
เป็นยังไงต่อนะ

ออฟไลน์ Fiasarinya

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 33
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
ตอนที่ 18

รู้สึกเกลียดพี่นายอะ แบบลำไย อะไรของมรึงว่ะเนี่ย -_-
อิจฉาน้องเหรอ หรือยังไง ห๊ะ?!!! (อินจัด ฮ่าๆ)

ตอนนี้ก็ไม่มีอะไรมาก มีแค่ฉากบนเตียงและบนเตียง หวานๆ
แต่ชอบเทมป์อะ ดูแลเมียดี๊ดีย์
ส่วนพี่เต็มก็ใช่ย่อยนะจ้ะ ง้อสาแบบ.... แบบบบบบ  :ling1:

ตอนนี้ก็ฟินกันไปเนาะ เดี๋ยวดราม่าก็มา เชื่ออออเรา

ปล. เค้าอ่านตั้งแต่วันที่ตัวลงแล้ว แต่ไม่ได้เม้นเพราะดึก สุดท้ายลืม...
แอมซอรี่นะคะ แงงงงงง

ออฟไลน์ Fiasarinya

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 33
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
ตอนที่ 19

มีอะไรทำไมไม่คุยกันอะทัพ เก็บเงียบไว้คนเดียว ;-;
แต่เต็มใจก็แบบวางตัวดีเว่อร์ เข้าใจสาเว่อร์วัง แถมแอบไปช่วยแก้ปัญหาอีก
ตอนเต็มใจปรึกษาคุณพ่อคุณแม่เค้ารู้สึกว่าดีนะ ปรึกษาผู้หลักผู้ใหญ่
ก็แอบหวั่นๆกับคุณพ่อ แต่คุณพ่อคุณแม่ก็ดีมากๆที่รับฟังเต็ม

เกลียดคุณนายวิริยะกับพี่นาย ดราม่าต้องมาจากสองคนนี้แน่ๆอะ

ส่วนเรื่องเต็มใจก็ยังมีเงื่อนงำอยู่ โอ้ยยยย อยากรู้แล้วววว

เหมือนตอนนี้จะสั้นๆไปป่ะ (โลภ) 5555555555555555

รีบมาต่อไวไวนะคะ รอๆๆ

ออฟไลน์ mystery Y

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7677
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +585/-12
รอตอนต่อไป~

ออฟไลน์ khwanruen

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1035
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-3
เป็นกำลังใจให้เต็ม กับกองทัพ  :mew1:

ออฟไลน์ simpleyaoi

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 137
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
จ้าาาา คุณแม่แห่งปีต้องยกให้คุณนายวิริยานี่แหละ เบ้ปากมองบนเบอร์แรงตอนรับรางวัล  o18

ออฟไลน์ r.saranya

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 113
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
เต็มใจคือที่สุดของนายเอกอะ  :impress2:

ออฟไลน์ Wrwrwr

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 163
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
อิป้า 2 คน หมั่นไส้ขั้นสุด แต่สุดๆๆ ของสุดๆๆคืออิคุณนายวิริยา  :beat:

ออฟไลน์ Wrwrwr

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 163
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
เต็มใจคือที่สุดของนายเอกอะ  :impress2:


 o13

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ labelle

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2664
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-0
คุณป้ามหาภัย

เต็มใจเต็มที่มากค่ะ ได้ใจคุณพ่อไปเต็มๆ

สงสารกองทัพ ผิดอะไรมากมาย ทำเหมือนไม่ใช่ลูกน่ะ

ออฟไลน์ มะปรางเปรี้ยว

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 340
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-2
กระโดดถีบปากคุณป้า แล้วตามไปตบหน้าคุณนายวิริยาได้มั๊ย
 :z6: :beat:

ออฟไลน์ Unnie

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 177
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
ตอนที่ 18

เต็มจายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย ลูกแม่ไม่เคยทำให้แม่ผิดหวังจริงๆ  :hao6:

ออฟไลน์ Unnie

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 177
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
ตอนที่ 19

คุณวิริยาเป็นอะไรมากปะ? นี่หมั่นไส้มาก
เต็มใจนี่คือแบบสุดๆ เลยอะ ชอบมาก ฉลาด รู้จักคิด รู้จักแก้ปัญหา กองทัพเอ้ยย ได้เมียดีจนนี่รู้สึกอิจฉา  :hao5:

ออฟไลน์ เด็กดอยดาว

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
สักทีเถอะ  :beat:

รอตอนต่อไปนะคะ  :katai4:

ออฟไลน์ PinkCaramel

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 149
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
รำ คุณนายวิริยากับพี่นายพล แล้วไหนจะมนุษย์ป้าอีก  :z6:

ออฟไลน์ simpleyaoi

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 137
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0

ออฟไลน์ simpleyaoi

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 137
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
:m31: ทำไมมันให้ความรู้สึกว่า นายพลคือลูกของคุณหญิงวิริยาคนเดียว ส่วนกองทัพคือลูกที่มาจากไหนไม่รู้ และเต็มใจคือลูกของอาดิษฐ์ที่เกิดจากเมียเก่า

คนที่กุมความลับทุกอย่าง น่าจะเป็นคุณหญิงวิริยาคนเดียว  :katai1:


เห็นด้วยค่ะ ว่าคุณนายวิริยานี่แหละที่กุมความลับทุกอย่างไว้ แต่ก็หมั่นไส้ชีนะ  :hao7:

ออฟไลน์ มะปรางเปรี้ยว

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 340
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-2
รอตอนต่อไปอยู่นะคะ  :katai2-1:

ออฟไลน์ RIRIN

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 250
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +492/-2
█ ▌รักเต็มใจ ➽ HEART IS FULL ▌█





┠ 20 ┨







เปิดภาคเรียนใหม่แล้วครับ เวลาผ่านไปไวจริงๆ ตอนนี้ผมขึ้นปี 4 ส่วนเทมป์ก็ขึ้นปี 2 แน่นอนว่าเจ้าตัวเลือกเรียนวิชาเอกเรขศิลป์ หรือเรียกง่ายๆ ก็ว่ากราฟฟิคดีไซด์ ส่วนออมก็เลือกวิชาเอกเป็นมัณฑนศิลป์แฟชั่นและสิ่งทอตามที่ตั้งใจไว้ตั้งแต่ต้น

“มีอะไรรึเปล่า?”

หันไปถามคนที่นั่งคิ้วผูกโบว์ ฝ่ายนั้นหันมามองหน้าผมพร้อมคลายปมตรงหว่างคิ้ว

“นิดหน่อย”

คำตอบที่ได้รับทำให้ผมได้แต่คิดอยู่ในใจว่า ‘ไม่นิดหน่อยละมั้ง?’ ผมส่งยิ้มให้อีกฝ่ายและยื่นมือไปจิ้มแก้มขาว

“พูด”

นี่คือคำสั่ง.. ผมยักคิ้ว ฝ่ายตรงข้ามกระตุกยิ้มมุมปาก

“คุณพ่อมอบงานโฆษณาของบริษัทวองส์กรุ๊ปมาให้เทมป์ทำ ซึ่งก่อนหน้านี้พี่นายรับผิดชอบงานนี้อยู่”

“แล้ว?”

“ประสานงานกันมาร่วมเดือนแต่ทางบริษัทวองส์กรุ๊ปก็ยังไม่ยอมเซ็นสัญญากับพี่นายสักที”

“ใช่บริษัทของลิซ่ารึเปล่า?”

คิ้วเข้มขมวดแน่นยิ่งกว่าเดิมเพิ่มเติมดวงตาที่หรี่ลงราวกับผมมีความผิด

“จำแม่นเชียวนะ”

อื้อหือ ทีเรื่องขี้หึงแบบนี้แสดงออกชัดเจนแบบไม่ต้องง้างปากถามเชียวนะ

“จำได้ด้วยว่าลิซ่าชมเทมป์ว่าหล่อ”

ดวงตาคู่คมหรี่มองผมอีกรอบคงคิดว่ากำลังจะเปลี่ยนเรื่องคุย ถ้างั้นก็โอเคครับ เรากลับไปประเด็นเดิมกันก็ได้

“แล้วเหตุผลที่บริษัทวองส์กรุ๊ปไม่ยอมเซ็นสัญญาล่ะ?”

หลบตา แล้วยังเงียบไม่ตอบ ผมเลยแกล้งทำตาปริบๆ แล้วชี้หน้าตัวเอง

“เพราะเต็มรึเปล่า?”

“พูดอะไร? เต็มไม่เกี่ยวกับงานนี้ เพราะเทมป์ต่างหาก”

สวนกลับทันที ผมต้องกลั้นขำจนเมื่อยแก้ม

“อ่อ.. งั้นเพราะเทมป์หล่อกว่าพี่นายสินะ ลิซ่าเลยหาเรื่องจะร่วมงานกับเทมป์”

“เต็ม”

ไม่เห็นจะต้องทำเสียงและหน้าดุขนาดนั้นก็ได้ ผมพูดเรื่องจริงนะเนี่ย แต่ก็ช่างเถอะครับ มันไม่ใช่เรื่องใหญ่สำหรับผมสักนิด ผมอมยิ้มแล้วมองหน้าอีกฝ่ายรอฟังคำระบายอยู่เงียบๆ

“เทมป์ดีใจนะที่คุณพ่อมอบงานของบริษัทให้เทมป์ทำ ไม่ว่าจะยังไงก็จะทำมันให้เต็มที่”

ถูกต้องแล้วล่ะ ผมยิ้มกว้างขึ้น

“เทมป์ไม่ได้กลัวเรื่องงาน”

ดวงตาคู่คมหม่นลงจนรู้สึกใจหาย ผมรู้ครับว่าคนตรงหน้ากำลังกลัวอะไร แต่ก็รอให้เจ้าตัวเป็นฝ่ายพูดเอง

“ระยะหลังมานี้เทมป์รู้สึกว่าพี่นายเปลี่ยนไป”

ผมเข้าใจความรู้สึกของเทมป์นะครับ แต่ในฐานะคนนอกครอบครัวอย่างผม จึงขอเลือกที่จะไม่ออกความเห็นหรือวิจารณ์ใดๆ สิ่งที่ผมควรจะทำมากที่สุดเมื่อคนรักเกิดปัญหาก็คืออยู่เคียงข้างและให้กำลังใจ

“เทมป์อาจจะคิดมากไปเอง”

ระบายรอยยิ้มให้อีกฝ่ายพร้อมกับเกลี่ยข้างแก้ม

“บางทีพี่นายอาจจะไม่ได้เปลี่ยนไป แต่ที่เปลี่ยนก็คือเทมป์ต่างหากที่โตเป็นผู้ใหญ่ขึ้น”

คนฟังอมยิ้มจ้องหน้าผมกลับ เราสบตากันนิ่งๆ อ่านความหมายและความรู้สึกจากดวงตาของกันและกัน จนผมเป็นฝ่ายยอมแพ้ ปิดเปลือกตาลงและเสี้ยววินาทีถัดมาความอบอุ่นก็แนบลงบนริมฝีปาก ผมตอบรับสัมผัสนั้นด้วยความอิ่มเอม

.
.
.
.
.

   
ผมมาถึงหอพักก่อนวันเปิดเรียนที่จะมาถึงในวันพรุ่งนี้เพื่อเตรียมตัวหลายๆ อย่าง แต่มันก็ไม่ได้วุ่นวายและน่าตื่นเต้นอะไรมากมายสำหรับการเรียนในปีที่ 4 ซึ่งคนอื่นอาจจะรู้สึกตื่นเต้นเพราะว่ามันเป็นปีสุดท้ายของการเรียนในระดับมหาวิทยาลัย แต่สำหรับคณะแพทย์ที่รวมถึงคณะสัตวแพทย์อย่างเราต้องเรียนกันถึง 6 ปีครับ

“สวัสดีค่ะ คุณเต็ม”

สายตาระยิบระยับถูกส่งมาจากป้าแม่บ้านคนเดิมที่ผมคุ้นเคยเป็นอย่างดี ผมยกมือไหว้พร้อมส่งยิ้มและเดินเข้าไปทักทายเธอสักหน่อยเพราะตลอดช่วงปิดเทอมผมแทบจะไม่ได้แวะเข้ามาที่นี่เลย

“รุ่นน้องเฟรชชี่ปีนี้ไม่มีใครกลบรัศมีคุณเต็มของป้าได้เลยนะคะ”

“ขนาดนั้นเลยเหรอครับ?”

อดที่จะขำไม่ได้ ทุกเปิดเรียนป้าสมนึกจะบอกผมแบบนี้ทุกครั้งจนกลายเป็นเรื่องปกติไปแล้วล่ะครับ

“นี่ป้าพูดจริงนะคะ ขนาดว่าปีนี้เขาว่ามีดาราตั้งหลายคน ป้าไปดูมาหมดแล้วเชื่อเถอะค่ะว่าสู้คุณเต็มไม่ได้สักคน”

ใบหน้าขาวอวบระบายรอยยิ้มขวยเขิน จนผมต้องกลั้นขำ จังหวะนั้นผมก็เห็นใครคนหนึ่งที่กำลังเดินสะพายเป้ตรงมาทางพวกเรา

“แล้วคนโน้นล่ะครับ”

ส่งสายตาไปทางคนมาใหม่ ป้าสมนึกมองตามแล้วส่งค้อนใส่ผมวงใหญ่ จนผมหลุดหัวเราะออกมา

“โธ่ คุณเต็มล่ะก็ คนนี้ป้าไม่กล้าเอามาเทียบกับคุณเต็มหรอกค่ะ”

“อ้าว ทำไมล่ะครับ?”

“คนนี้เขาไม่ใช่มนุษย์หรอกค่ะ หล่อซาตานชัดๆ แถมยังได้กินเนื้อมังกรหยกของป้าเข้าไปอีก”

ซาตานหนุ่มหยุดยืนตรงหน้าผมที่กำลังหัวเราะจนปวดท้อง นี่ผมกลายไปเป็นมังกรหยกของคุณป้าสมนึกตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย???

“มีอะไร?”

เสียงทุ้มที่นิ่งเรียบทำให้ป้าสมนึกที่ไม่คุ้นชินกับเทมป์ต้องหน้าเจื่อนไป แต่ผมกลับหัวเราะแล้วส่ายหน้าบอกอีกฝ่ายว่าไม่มีอะไรก่อนจะขอตัวขึ้นห้อง

ภายในห้องทุกอย่างก็ยังเหมือนเดิม แม้กระทั่งของเล่นของใช้ของสีส้มก็ยังวางอยู่ที่เดิมราวกับกำลังรอให้แมวน้อยหาทางกลับบ้านเจอ เพราะฉะนั้นสิ่งแรกที่เราทั้งคู่ต้องจัดการคือช่วยกันทำความสะอาด เริ่มจากผมถอดผ้าม่าน ผ้าปูที่นอน ปลอกหมอน ผ้าห่ม และตุ๊กตาทีทูเดอะจีไปเข้าเครื่องซักผ้าแล้วเดินลงไปซื้อน้ำและนมเปรี้ยวจากป้าสมนึกมาเติมใส่ไว้จนเต็มตู้เย็น ส่วนอีกฝ่ายก็รับหน้าที่ปัดกวาดเช็ดถูพื้น จากนั้นก็ช่วยกันขนเตียงออกไปผึ่งแดด ช่วยกันขัดห้องน้ำ ปิดท้ายด้วยการเอาผ้าที่ซักมาตากด้วยกัน

“เฮ้อ...”

ระบายลมหายใจออกมาพร้อมกัน เสื้อผ้าของเราทั้งคู่ชื้นไปด้วยเหงื่อ ผมถอดเสื้อกล้ามออกอีกฝ่ายก็เช่นเดียวกัน ดื่มน้ำกันไปคนละขวดแล้วนอนแผ่ลงบนพื้นห้อง หลับตาพักเหนื่อยครู่หนึ่งก่อนจะลืมตาขึ้นมามองเพดานห้องสีหม่น นานแล้วครับที่ผมไม่ได้ทำอะไรแบบนี้ ไม่ใช่ว่าไม่เคยทำแต่ตั้งแต่กลับมาอยู่ไทยผมก็แทบจะไม่ได้จับไม้กวาดและไม้ถูพื้นเลย ไม่เหมือนตอนอยู่อังกฤษที่พี่ขวัญและแม่ปอสอนให้ทำความสะอาดห้องนอนด้วยตัวเอง

“ศุกร์นี้เทมป์นัดกับคุณโชติกาวองส์ไว้ช่วงเช้า เดือนนี้เธอมีเวลาว่างแค่ศุกร์นี้วันเดียว”

“ที่ไหนล่ะ? ฮ่องกง?”

“อืม”

ผมยังคงนอนมองเพดาน วันศุกร์นี้เป็นวันหยุดนักขัตฤกษ์ ถ้านัดไว้ช่วงเช้าก็ต้องบินไปฮ่องกงตั้งแต่วันพฤหัสฯ ซึ่งวันนั้นผมเลิกเรียนตอนบ่ายสามโมง ส่วนเทมป์ถ้าจำไม่ผิดก็น่าจะมีเรียนแค่ช่วงเช้า ขณะกำลังนอนคิดความรู้สึกเว้าวอนจากสายตาของอีกฝ่ายก็ทำให้ผมต้องอมยิ้มแล้วยอมหันไปสบดวงตาคู่คม

“ไฟท์กี่โมง?”

แกล้งถามไปงั้นแหละครับ เพราะดูจากสายตาผมก็รู้คำตอบแล้วล่ะ

“สามทุ่มห้าสิบนาที”

เผลอยิ้มออกมา มีเรียนแค่ช่วงเช้าแต่จองไฟท์บินซะค่ำเชียว ผมเปลี่ยนเป็นนอนตะแคง จ้องใบหน้าคมอยู่อย่างนั้น มือใหญ่ขยับมาวางบนสะโพกของผม

“ไปด้วยกันนะ”

“อืม”

กางเกงขาสั้นที่ผมสวมอยู่ถูกรุกรานด้วยฝ่ามือใหญ่

“อยากให้ช่วยอะไรมั๊ย?”

ถามขณะที่ร่างสูงจับผมให้นอนหงายแล้วขึ้นคร่อม

“แค่อยู่ข้างๆ เทมป์ตลอดไปก็พอ”

ยิ้มจนตาหยีเลยล่ะครับ ผมคว้าคออีกฝ่ายมาจูบจนหนำใจแทนคำสัญญา จากนั้นก็ปล่อยให้ทุกอย่างเป็นไปอย่างธรรมชาติด้วยการยกสะโพกและถ่างขาให้กว้าง ตอบรับทุกรูปแบบด้วยความสุขสมและยินดี กลิ่นเหงื่อที่รุนแรงกว่าทุกครั้งช่วยกระตุ้นอารมณ์ได้ดีเยี่ยมจนผมแทบคลั่ง


.
.
.
.
.



เพื่อนสาวยืนเท้าสะเอวมองผมที่ลงจากท้ายรถจักรยาน เทมป์ยกมือไหว้โบว์และโบกมือให้ผมก่อนจะกลับไปตึกเรียนของตัวเอง

“เพื่อนฉัน ขนาดมีผัวอย่างเปิดเผยแต่เสน่ห์ก็ยังไม่ตกเลยเว้ย”

“อะไรอีกล่ะ?”

โบว์ไม่ตอบแต่ส่งถุงกระดาษสีหวานมาให้ผมแทน ผมเลิกคิ้วมองถุงสลับกับหน้าโบว์

“หลานรหัสฉันฝากมาให้ นี่ฉันกะจะทิ้งลงถังไปแทนแกแล้วนะเนี่ยที่บังอาจมาใช้ฉันเป็นสะพาน”

หลานรหัสของโบว์ถ้าจำไม่ผิดรู้สึกว่าจะเป็นผู้ชายนะครับและปกติโบว์ก็ไม่เคยรับฝากของจากใครมาให้ผมหรอกและก็น้อยคนเหมือนกันที่จะกล้าหาญฝากโบว์ให้เอาของมาให้ผม

“แล้วทำไมไม่ทิ้งล่ะ?”

“ก็ในนี้มันมีของหลานรหัสแกอยู่ด้วย ฉันก็ต้องมาถามแกก่อนสิ”

หืม? หลานรหัสของผมคงจะเป็นเพื่อนกับหลานรหัสของโบว์ เท่าที่จำได้รู้สึกว่าจะชื่อ ‘ณดล’ หรือ ‘ดล’ นี่แหละนะ รู้สึกว่าน้องทรายน้องรหัสของผมจะเคยพามาแนะนำให้รู้จักแค่ครั้งเดียว แต่หลังจากนั้นก็ไม่ได้เจอหรือติดต่อพูดคุยกันอีกเลย ผมเองก็ไม่ค่อยได้สนใจสายรหัสเสียด้วยสิครับ เพราะแค่เรื่องเรียนอย่างเดียวก็หนักหนาพอตัวจึงไม่มีเวลามาสังสรรค์หรือติดต่อพูดคุยกันเลย

“แล้วข้างในมีอะไรล่ะ?”

คำถามผมยากไปรึไงครับเนี่ย คนตอบถึงได้เบ้ปากและมองบนแถมยังทำหน้าเหม็นเขียวซะขนาดนั้น

“ช็อคโกแลตกับจดหมายรัก”

“อ่อ”

เข้าใจความรู้สึกของโบว์ในทันที และโบว์เองก็คงจะเข้าใจความรู้สึกของผมเหมือนกัน ผมหัวเราะและยักคิ้วให้โบว์เป็นอันรู้กันว่าผมไม่รับของและยกสิทธิให้เพื่อนสาวจัดการกับของเหล่านั้นตามที่เห็นควร และขณะที่เราทั้งคู่กำลังจะเดินขึ้นตึกเรียน ซันก็ปั่นจักรยานเข้ามาจอดตรงลานพอดี ผมกับโบว์จึงยืนรอซันและขึ้นไปเรียนพร้อมกัน

ในปีที่ 4 การเรียนจะเน้นไปในทิศทางเดียวกันนั้นคือภาคทฤษฏีจะเน้นถึงความผิดปกติทั้งหลายตลอดจนกันป้องกันและการรักษาของโรคต่างๆ ในสัตว์ และภาคปฏิบัติก็จะเรียนการผ่าตัดหรือที่เรียกว่าคลินิก ซึ่งอาจารย์ใหญ่ของพวกเราก็คือน้องหมาน้องแมวที่ทางเจ้าของบริจาคมาให้ การเรียนในปีนี้เหมือนเราเห็นยอดเขาอยู่รำไรด้านบนนั่นแสดงว่าเราใกล้มาเกินครึ่งทาง จุดหมายอยู่ข้างหน้านี่แหละครับ

ขึ้นปี 4 แล้ว จึงไม่มีใครบ่นเรื่องเรียนยาวมาราธอนตั้งแต่เช้ายัน 5 โมงเย็น ถ้าจะบอกว่าชินก็อาจจะเป็นไปได้ และถือว่าเป็นเรื่องปกติที่เมื่อเรียนเสร็จในแต่ละวันทุกคนจะมานั่งรวมกลุ่มสรุปทบทวนบทเรียนกันก่อนจะกลับบ้าน บางวันก็ลากยาวถึง 2 ทุ่ม ขนาดว่าเปิดเรียนวันแรกกว่าพวกเราจะสรุปงานเสร็จก็เกือบทุ่มแล้วครับ โบว์แยกกลับกับเพื่อนอีกคน ผมเก็บของเสร็จก็เดินไปหาคนที่กำลังก้มหน้าก้มตาอยู่หน้าแลปท็อป   

“เสร็จแล้วเหรอ?”

“อืม”

“พี่ซันล่ะ?”

“รอหน้าตึก”

คนฟังพยักหน้าหงึกหงักแล้วรีบเก็บข้าวของของตัวเอง ผมรู้ครับว่าเทมป์กำลังทำอะไรและไม่คิดจะก้าวก่ายในเรื่องงานยกเว้นเสียว่าเจ้าตัวกำลังโดนเอาเปรียบเมื่อนั้นก็ต้องเป็นหน้าที่ของหน้ากากทักซิโด้ที่จะต้องออกโรงปกป้องคนรักอย่างลับๆ ไม่ใช่เหรอครับ


.
.
.
.
.


กลับถึงหอพักก็เหนื่อยจนไม่เหลือความหิว ออมส่งข้อความมาปรึกษาเรื่องจะซื้อของขวัญวันเกิดให้ซัน จึงทำให้ผมเพิ่งนึกได้ว่าอาทิตย์หน้าเป็นวันคล้ายวันเกิดของเพื่อนรัก นี่พวกเราเรียนหนักกันขนาดจนลืมเรื่องของตัวเองเลยเหรอ แต่จะว่าไปวันคล้ายวันเกิดของพวกเราในแต่ละปีก็ไม่ได้จัดปาร์ตี้หรูหราฟู่ฟ่าเหมือนลูกหลานเศรษฐีคนอื่นๆ ที่ผ่านมาพวกเราแค่เลือกร้านอาหารนั่งทานพร้อมหน้าพร้อมตากันสักมื้อ มีของขวัญเล็กๆ น้อยๆ แค่นั้นแหละครับ ส่วนเวลาที่เหลือก็ปล่อยให้เจ้าของวันเกิดกลับไปกราบเท้าขอบพระคุณบุพการีและฉลองวันเกิดกับครอบครัวจะดีกว่า

ขณะยืนรอลิฟท์พร้อมกับก้มหน้าก้มตาพิมพ์ข้อความโต้ตอบกับหลานสาวอยู่นั้นผมรู้สึกเหมือนมีใครจงใจมายืนเบียด ผมจึงเงยหน้าขึ้นแล้วหันไปมอง ฝ่ายนั้นก็หันมามองผมแล้วยกมือไหว้ด้วยรอยยิ้มซื่อๆ รูปร่างสูงแบบบางหน้าตาตี๋ๆ รู้สึกคุ้นตาอยู่ไม่น้อยและดูแล้วก็น่าจะเป็นรุ่นน้อง ผมจึงรับไหว้ไปตามมารยาทจากนั้นก็ไม่ได้สนใจอะไรอีก

เสียง ‘ติ๊ง’ ดังขึ้น ประตูลิฟท์เปิด เทมป์กุมมือผมไว้แล้วเดินเข้าไปในลิฟท์ด้วยกัน ในลิฟท์มีกันอยู่ 5 คน และเราเลือกที่จะยืนกันอยู่มุมด้านในสุด ผมคุยกับออมเสร็จตอนที่ประตูลิฟท์ชั้น 7 เปิดออกและมีคนเดินออกจากลิฟท์ไป 1 คน ผมเก็บไอโฟนลงในกระเป๋ากางเกงแล้วเงยมองเจ้าของมือคู่ใหญ่ที่กุมอยู่

“ถ้ามีเวลาเต็มว่าจะไปเดินดูของขวัญให้ซันที่ฮาร์เบอร์ซิตี้”

“วันเกิดพี่ซันเหรอ?”

“อืม.. อังคารหน้า”

ริมฝีปากบางยกยิ้มเป็นคำตอบที่แปลว่า ‘ตกลง’ มือใหญ่อีกข้างยกขึ้นมาปัดปอยผมตรงหน้าผากให้ผม เสียงสัญญาณลิฟท์ดังขึ้นอีกครั้ง ประตูลิฟท์เปิดออก รุ่นน้องที่ยกมือไหว้ผมก่อนเข้าลิฟท์กับเพื่อนอีกคนเดินออกไป จังหวะที่ประตูลิฟท์ใกล้จะปิดผมเห็นสายตาที่มาพร้อมกับการเหน็บยิ้มมุมปาก ต่อให้เป็นคนฉลาดน้อยก็ยังมองออกว่าไม่ใช่สายตาและรอยยิ้มที่ดี ประตูปิดลงผมมองเลขชั้นแล้วก็เหลือบไปเห็นกระดาษที่ถูกพับเป็นสี่เหลี่ยมเท่าฝ่ามือวางอยู่บนพื้น ผมจึงก้มลงหยิบมันขึ้นมาเพื่อที่จะได้เอาไปทิ้งในถังขยะด้วยเพราะหอพักค่อนข้างจะเข้มงวดเรื่องความสะอาด

ถึงชั้น 18 เข้ามาในห้องผมก็ให้เทมป์อาบน้ำก่อน ส่วนตัวเองขอยืนรับลมและยืดเส้นยืดสายผ่อนคลายกล้ามเนื้อตรงนอกระเบียงสักหน่อย จะว่าไปผมก็ยังคิดถึงสีส้มอยู่นะครับ โดยเฉพาะเวลาที่เหนื่อยๆ สีส้มมักจะมาคลอเคลียออดอ้อน ความน่ารักของสีส้มทำให้ผมยิ้มได้เสมอ เมื่อไหร่จะกลับมานะสีส้ม

เดินกลับเข้าในห้องและไม่รู้อะไรดลจิตดลใจให้ยืนมองกระดาษที่เพิ่งทิ้งลงถังไปก่อนหน้า มองอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะตัดสินใจหยิบมันขึ้นมาคลี่ออก ตัวอักษรจั่วหัวสีดำเข้มที่บ่งบอกว่าต้นฉบับที่ถ่ายเอกสารมานั้นเป็นหนังสือพิมพ์แน่นอน แต่นั่นไม่สำคัญเท่าพาดหัวข่าวที่ทำให้ผมต้องขมวดคิ้ว ‘สะใภ้เจ้าสัวใหญ่หายตัวลึกลับ’ ไล่อ่านเนื้อหาข่าวที่ระบุวันเวลาย้อนกลับไปเมื่อ 20 กว่าปีก่อน ก็ยิ่งทำให้ผมรู้สึกหงุดหงิดจนต้องขยำกระดาษทิ้งลงถังขยะไปโดยไม่คิดจะใส่ใจอีกเลย

“เต็ม”

“หืม?”

ร่างสูงใหญ่ที่มีเพียงผ้าเช็ดตัวพันรอบเอวสอบเดินออกมาจากห้องน้ำ ใบหน้าคมที่ไม่ว่าจะมองกี่ครั้งก็ไม่เคยเบื่อระบายรอยยิ้มอ่อนโยน

“อาบน้ำด้วยกันมั๊ย? เดี๋ยวเทมป์นวดให้”

“อืม”

ตอบรับด้วยรอยยิ้ม แล้วปลดกระดุมเสื้อและกางเกงนักศึกษาออกจากร่างกายจนเหลือแค่บอกเซอร์ จากนั้นก็เดินนำอีกฝ่ายเข้าไปในห้องน้ำ เอาจริงๆ เราทั้งคู่เหนื่อยกันมาก อ่อนล้าทั้งร่างกายและสมองจนไม่มีแรงจะคิดเรื่องเซ็กส์หรอกครับ อาบน้ำเสร็จก็ออกมานั่งทำงานและทบทวนบทเรียนต่อจนดึกดื่น เราเข้านอนพร้อมกันช่วงหลังเที่ยงคืนและหลับลงในอ้อมกอดที่อบอุ่นและมั่นคงของกันและกัน


.
.
.
.
.



วันพฤหัสมาถึงไวกว่าที่คิด เจ้าสัวยางมารับหลานชายถึงมหาวิทยาลัยเพื่อไปส่งสนามบินด้วยตัวเอง ระหว่างทางคุณปู่กับคุณหลานคุยกันตลอด ฟังผิวเผินก็เหมือนคุยเรื่องทั่วไปแต่ผมรู้ครับว่าคุณปู่ท่านกำลังสอนงานหลานอยู่ และนี่แหละครับคือบรมจารย์ตัวจริง

จากกรุงเทพฯ ถึงฮ่องกงใช้เวลาแค่ 3 ชั่วโมง แต่กว่าจะถึงโรงแรมและล้มตัวลงนอนบนเตียงก็ล่วงเข้าวันใหม่มาหลายชั่วโมง เรานอนกอดกันและหลับไปด้วยความเหน็ดเหนื่อย ผมมารู้สึกตัวตื่นอีกทีก็ตอน 8 โมงเช้า ส่วนอีกฝ่ายอยู่ในชุดสูทเรียบหรู เส้นผมสีดำขลับถูกจัดทรงเป็นระเบียบ ยิ่งตอนที่กำลังอ่านเอกสารในมือแล้วไม่ว่าจะมองมุมไหนก็ดูเป็นผู้ใหญ่ที่สุขุมคมเข้ม และไม่รู้ว่าผมมองนานเกินไปรึเปล่า ดวงตาคู่คมจึงละจากหน้าเอกสารแล้วเปลี่ยนมามองผมแทน ฝ่ายนั้นยิ้มก่อนจะลุกขึ้นเดินมาหย่อนก้นลงบนเตียงข้างผม เราสบตาและยิ้มให้กันครู่หนึ่ง ใบหน้าคมก็โน้มลงมามอร์นิ่งคิสอย่างดูดดื่มจนผมแทบจะขาดใจ

ผลักอกแกร่งเบาๆ ด้วยกลัวว่าเสื้อที่อีกฝ่ายใส่อยู่จะยับจากนั้นก็ลุกขึ้นมาจัดเสื้อผ้าดูความเรียบร้อยให้อีกรอบ

“หล่อมาก”

เสียงหัวเราะ ‘หึหึ’ ในลำคอทำให้ผมรู้สึกเขินขึ้นมาอย่างน่าประหลาด

“ทำเต็มที่นะ เต็มรู้ว่าเทมป์ทำได้”

แก้มของผมถูกกดทับด้วยปลายจมูกโด่งฟอดใหญ่

“เทมป์ไม่ทำให้เต็มผิดหวังหรอก ยิ่งเป็นงานของแฟนเก่าเต็มแล้วด้วยเนี่ย เทมป์ไม่ยอมแพ้หรอก”

แบบนี้เขาเรียกว่าเอาพลังหึงมาเป็นแรงผลักดันในการทำงานรึเปล่าครับเนี่ย?? ผมหัวเราะเบาๆ แล้วเดินเข้าห้องน้ำทำธุระส่วนตัวโดยปล่อยให้อีกฝ่ายเตรียมเอกสาร กลับออกมาอีกทีเจ้าตัวก็พร้อมแล้ว ผมจึงเดินไปส่งที่หน้าประตูห้อง โน้มคออีกฝ่ายลงมาจูบหน้าผากหนักๆ

“ยูว์ แคน ดู อิท”

กระซิบบอกข้างหูว่าคุณต้องทำได้เป็นภาษาอังกฤษ เรียกรอยยิ้มกว้างเต็มความมั่นใจจากอีกฝ่ายได้ดีทีเดียวผมยืนมองจนแผ่นหลังกว้างจนลับตาแล้วจึงปิดล็อคประตูก่อนจะกลับไปนอนอีกรอบ นานๆ จะได้พักผ่อนยาวๆ แบบนี้ก็ดีเหมือนกันนะครับ
ตื่นรอบที่ 2 ตอนใกล้จะ 10 โมง ลุกขึ้นไปอาบน้ำแต่งตัว สั่งเซ็ทอาหารเช้าง่ายๆ ขึ้นมาทานบนห้อง จากนั้นก็นั่งเล่นโทรศัพท์รออีกฝ่ายไปเรื่อยๆ แบบไม่รีบร้อน และขณะที่กำลังเช็คไล่อ่านข้อความในไอจีก็มี Direct Massage แจ้งเตือน ปกติก็มีแฟนๆ ที่ติดตามส่งข้อความทักทายเข้ามาบ่อยๆ ผมจึงกดเข้าไปดู แต่แล้วก็ต้องขมวดคิ้วทันทีกับรูปที่ถูกส่งมา รูปแรกเป็นรูปของผู้หญิงคนหนึ่งที่ผมจำได้ว่าคือคุณรดา อีกรูปเป็นเด็กสาว 3 คน สาวชุดนักเรียนกระโปรงบานคอซองยืนกอดคอกันด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม คุณรดาอยู่ด้านซ้าย พี่ขวัญอยู่ตรงกลาง ส่วนอีกคนถ้ามองจากเค้าโครงหน้าก็คงจะเป็นคุณนายวิริยา ผมอ่านชื่อคนส่งที่มีแค่ตัวอักษร XXXXX รูปที่ตั้งเป็นโปรไฟล์ก็เป็นเพียงภาพพื้นสีดำ ไม่มีโพส ไม่มีผู้ติดตาม หรือคนที่ติดตามเลยสักคน ผมจึงตัดสินใจกดสแปมทันทีโดยไม่ต้องหยุดคิด

อีกไม่กี่นาทีจะ 11 โมงเช้า เริ่มเป็นห่วงแฟนแล้วล่ะครับ ลงไปคุยงานจะครบ 3 ชั่วโมงแล้วป่านนี้ไม่รู้ว่าเป็นยังไงบ้าง แต่ผมเชื่อมั่นในตัวคนรักครับว่าสามารถเอาชนะเกมส์นี้ได้ไม่ยาก ถึงแม้ว่าผมกับลิซ่าเราจะคบหากันในระยะเวลาสั้นๆ และเรื่องราวระหว่างเราก็มีแค่เรื่องเซ็กส์เป็นสำคัญแต่ผมก็รู้จักลิซ่าดีพอเหมือนที่ลิซ่ารู้จักผม ในตอนแรกเธออาจจะยอมให้ใครบางคนจูงจมูกแต่เธอก็คงไม่โง่พอที่จะไม่รู้ว่าเกมส์ธุรกิจนี้เป็นยังไง

เสียงเคาะประตูห้องดังขึ้นก่อนใกล้เที่ยงพร้อมกับเสียงคีย์การ์ดปลดล็อค ผมหันไปมองคนที่เดินเข้ามาในห้องด้วยรอยยิ้ม ฝ่ายนั้นยักคิ้วให้ผมพร้อมกับถอดเสื้อสูท ปลดเน็คไทน์แล้วล้มตัวลงนอนบนโซฟาโดยใช้หน้าขาของผมแทนหมอน ผมช่วยปลดกระดุมเสื้อออกให้อีกเม็ดอีกฝ่ายจะได้รู้สึกผ่อนคลายขึ้น

“เป็นไงบ้าง?”

“แปลก”

“เรื่อง?”

“คุณโชติกาบอกว่าเธอเซ็นต์สัญญากับบริษัทไปแล้วตั้งแต่เมื่อเดือนก่อน แต่ที่ยังไม่เริ่มงานเพราะคิวงานของคุณลิซ่าว่างช่วงปลายเดือนนี้ ตอนนี้จึงทำเพียงแค่เตรียมงานรอไว้เท่านั้น แล้วทำไมพี่นายถึงบอกว่างานนี้มีปัญหา”

“อ่อ..”

ผมยิ้มในขณะที่อีกฝ่ายขมวดคิ้วมุ่น

“แล้วเทมป์โทรบอกคุณพ่อรึยัง?”

“บอกแล้วเมื่อครู่ แต่ก็บอกไปแค่ว่าทุกอย่างเรียบร้อยดี”

พยักหน้ารับด้วยรอยยิ้มและเอ็นดูผู้ชายตรงหน้าไปในคราวเดียวกัน ถ้าหากฝ่ายตรงข้ามไม่ใช่พี่นายพลผู้ซึ่งเป็นพี่ชายแท้ๆ ของตัวเอง ผมคิดว่าเจ้าตัวก็คงจะมองเกมส์นี้ออกได้ไม่ง่าย แฟนผมไม่ได้โง่นะครับแต่เพราะคำว่าสายเลือด ความรัก และนับถือในตัวพี่ชายเทมป์จึงมองข้ามเรื่องพวกนี้ไปโดยที่ไม่คิดเอะใจเลยสักนิด

“งานเสร็จแล้ว งั้นเทมป์ก็พาเต็มไปเที่ยวได้แล้วสิ”

เปลี่ยนเรื่องคุยกันดีกว่าครับ ร่างสูงลุกขึ้นขโมยหอมแก้มผมไปฟอดใหญ่แล้วรีบเปลี่ยนเสื้อผ้ากลับไปเป็นเด็กหนุ่มคนเดิมอย่างไว มารอบที่แล้วแทบจะไม่ได้ไปไหนเลย มารอบนี้แม้จะมีเวลาไม่มากแต่ก็ขอเก็บจุดพีคของฮ่องกงไว้เป็นที่ระลึกสักหน่อยละกัน



.
.
.
.
.
.


TBC.... ยะฮู้ววววววววว ยังอยู่กันม๊ายยยคะ?  : 222222:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด