█ ▌รักเต็มใจ ➽ HEART IS FULL ▌█
┠ 24 ┨
หลังจากงานโฆษณาชิ้นแรกในชีวิตของผมผ่านไปได้ด้วยดี ผมก็กลับมาลุยเรื่องเรียนแบบเต็มที่ เต็มเองก็ทั้งเรียน ทั้งออกค่าย ในหนึ่งอาทิตย์เราแทบจะไม่ได้เจอกันด้วยซ้ำ ดังนั้นเรื่องเซ็กส์นี่แทบจะมองข้ามผ่านไปได้เลยครับ แค่ได้นอนกอดกันเฉยๆ บนเตียงนอนและมีลูกชายอย่างสีส้มมาซุกตัวหลับปุ๋ยอยู่ด้วยแค่นั้นก็ถือว่าเป็นช่วงเวลาดีๆ ที่มีความสุขมากแล้วสำหรับเรา
เราทั้งคู่มุ่งมั่นโฟกัสแค่เรื่องเรียนอย่างเดียวจนเผลอแป๊ปเดียวก็กลายเป็นรุ่นพี่ปีสุดท้าย การเรียนในปี 4 ของผมจะต้องทำโปรเจคโครงงานสร้างโฆษณา 1 ชิ้น และจะต้องฝึกงานลงสนามจริงอีกด้วย ส่วนสัตวแพทย์ปีสุดท้ายจะต้องออกฝึกงานนอกสถานที่ที่เข้มงวดมากกว่าตอนอยู่ปี 5 ซึ่งเทอมแรกเต็มจะต้องไปประจำอยู่ที่ศูนย์ฝึกสัตวแพทย์โรงพยาบาลสัตว์ใหญ่ทั้งเทอม จะได้กลับเข้ามาฝึกที่โรงพยาบาลสัตว์เล็กของมหาวิทยาลัยอีกครั้งก็เทอม 2 พร้อมกับทำรายงานเตรียมจบ นี่ถ้าคู่รักคู่ไหนไม่รักจริงหวังแต่งคงได้มีทะเลาะและเลิกกันแน่นอน
เราทั้งคู่ตัดสินใจออกจากหอพักแล้วกลับไปอยู่บ้านเพื่อความสะดวกในการทำงาน โดยผมมีหน้าที่เก็บข้าวของในหอพักทั้งหมด ถ้าถามว่ารู้สึกใจหายมั๊ย? ก็ตอบตามตรงว่ามาก เพราะ 3 ปีที่ผ่านมาผมกับเต็มอาศัยอยู่ในห้องนี้ด้วยกันเหมือนเป็นผัวเมียกันจริงๆ แถมยังมีสีส้มคอยเติมเต็มให้เรามีความสุขมากยิ่งขึ้น แต่จะว่าไปผมกับเต็มก็ไม่เคยทะเลาะกันเลยนะครับ จะมีก็แค่งอนกันนิดๆ หน่อยๆ เอาให้พอกระชุ่มกระชวยหัวใจ
เก็บข้าวของเสร็จก็จัดการเรื่องเอกสารคืนห้องหอพัก กว่าจะครบทุกขั้นตอนก็เกือบ 6 โมงเย็น ผมกดเบอร์โทรออกหาเต็มเพราะคิดว่าตอนนี้คงจะเป็นช่วงพัก แต่โทรเท่าไหร่ก็ไม่มีคนรับสาย กดโทรออกจนเริ่มหงุดหงิด ผมจึงตัดสินใจขับรถไปให้ถึงโรงพยาบาลสัตว์เลยจะดีกว่า
ใช้เวลาเดินทางเกือบ 2 ชั่วโมง ก็มาถึงจุดหมาย โรงพยาบาลสัตว์ที่นี่เปิดให้บริการดูแลและทำการรักษาสัตว์ตั้งแต่หมู มา กา ไก่ ตลอดไปจนถึงช้าง ม้า วัว ควาย เลยทีเดียว ก็เข้าใจนะครับว่าอีกฝ่ายอาจจะงานยุ่ง แต่แค่จะส่งข้อความกลับบอกผมสักนิดบ้างไม่ได้รึไง นี่ก็ไม่ได้เจอหน้ากันมาจะครึ่งเดือนแล้วนะ ต่อให้วีดีโอคอลคุยกันทุกวันก็ไม่เหมือนเจอกันจริงๆ หรอก ผมจะลงแดงตายเพราะความคิดถึงอยู่แล้วเนี่ยไม่เข้าใจกันบ้างรึไง?
“สีส้ม พ่อจะนับหนึ่งถึงพันละนะ”
หันไปมองหน้าลูกชายสุดที่รักที่นอนหงายท้องครองพื้นที่เบาะหลังอย่างสบายใจ ดวงตากลมๆ มองหน้าผมแล้วร้อง
‘แอ๊ว’ เบาๆ อย่างเกียจคร้าน ผมยักคิ้วให้ลูกชายหนึ่งครั้งก่อนจะเริ่มนับเลขอย่างจริงจัง ถ้าครบพันแล้วยังไม่รับสายอีกผมบุกจริงๆ นะครับที่รัก และระหว่างที่ผมกำลังนับเลขได้แค่หลักร้อยนิดๆ ผมก็เห็นเงาของใครคนหนึ่งที่ผมรู้จักเป็นอย่างดีสะท้อนอยู่ในกระจกรถ
“คุณแม่?”
งานนี้ไม่ต้องนับถึงพันแล้วละมั้ง ผมลดกระจกลงแล้วชะโงกหน้าออกไปมองให้แน่ใจอีกครั้ง และก็ไม่ผิดแน่นอนครับ คุณแม่ของผมนั่งอยู่ในรถยุโรปที่จอดเทียบฟุตบาทเยื้องทางเข้าลานจอดรถนิดหน่อย ท่านลดกระจกลงทั้งหมดเพื่อจะคุยกับใครอีกคนที่ยืนอยู่ชิดประตูรถ
แน่นอนว่าคำถามที่เกิดขึ้นในใจก็คือ
‘คุณแม่มาทำอะไรที่นี่?’ หมาแมวสักตัวคุณแม่ก็ไม่เคยคิดจะเลี้ยง อย่าบอกนะว่าเป็นเหมือนในละครน้ำเน่าที่แม่ผัวตามมาราวีลูกสะใภ้? มันเป็นไปไม่ได้เด็ดขาดเพราะคนอย่างคุณนายวิริยาที่รักษาภาพลักษณ์ ชื่อเสียงและหน้าตาของตัวเองเป็นอันดับหนึ่งไม่ทำอะไรโง่ๆ แบบนั้นหรอกครับ อีกอย่างผมกับเต็มเราก็หมั้นหมายและคบหากันมาก็เข้าสู่ปีที่ 3 แล้ว ต่อให้คุณแม่จะไม่ชอบเต็มจริงๆ แต่ท่านก็ไม่เคยก้าวก่ายหรือเข้ามายุ่งวุ่นวายเรื่องของพวกเราเลยสักนิด จะมีบ้างที่บ่นก่นด่าใส่ผมไปตามประสา เราก็แค่อย่าเอามันมาใส่ใจก็พอ
ผู้ชายที่อยู่กับคุณแม่เป็นใครนั้นผมไม่รู้จักมักคุ้น จากมุมที่ผมมองอยู่เห็นเพียงด้านหลังเท่านั้น แต่รู้ว่าผู้ชายแปลกหน้าคนนั้นมีร่างสูงใหญ่ สวมแจคเก็ตสีเข้ม หมวกแก๊ปและแว่นดำทั้งๆ ที่เป็นช่วงกลางคืน
“ใคร?”
เพื่อให้ความสงสัยหยุดลง ผมจึงตัดสินใจจะลงจากรถเพื่อเดินไปหาคุณแม่ แต่ยังไม่ทันจะได้ปลดล็อคประตูใครอีกคนก็ปรากฏตัวขึ้น ทำเอาคิ้วของผมขมวดแทบจะทันที คนมาใหม่ยกมือไหว้คุณแม่ ซึ่งคุณแม่ก็รับไหว้ด้วยรอยยิ้มและพูดคุยกับคนทั้งคู่ต่ออีกครู่หนึ่งก่อนที่คุณแม่จะปรับกระจกขึ้นทั้งหมดแล้วรถยุโรปหรูของตระกูลก็ขับออกไป
“คุณนายวิริยารู้จักกับหลานรหัสของเต็มด้วยเหรอเนี่ย?”
สะดุ้งสิครับ ขนาดสีส้มยังสะดุ้งเลยที่จู่ๆ พ่ออีกคนก็โผล่มาแบบไม่ให้สุ้มให้เสียง ผมมองใบหน้าของคนรักเพื่อดึงสติครู่หนึ่ง ฝ่ายนั้นหัวเราะเบาๆ พร้อมกับโน้มใบหน้ายื่นมาจนแทบจะชนปลายจมูกของผม
“สีส้มคิดถึงพ่อเต็มมั๊ยครับ?”
“คิดถึงม๊ากมากฮัฟ”
เสียงเล็กเสียงน้อยที่ตอบออกไปไม่ใช่สีส้มนะครับ แต่เป็นผมนี่แหละที่ดัดให้เป็นเสียงของลูกชาย ทำเอาพ่ออีกคนบุ้ยปากแล้วกลั้นยิ้มจนแก้มตุ่ย โมเม้นนี้น่ารักฉิบหายเลยครับ
“พ่อเต็มก็คิดถึงสีส้มน๊า”
พูดจบเจ้าตัวก็แตะปลายจมูกกับลูกชาย 2-3 ครั้งให้รู้ว่าคิดถึงจริงๆ ผมก็เอาบ้างสิครับ แก้มใสอยู่ตรงปลายจมูกแค่นี้ถ้าไม่หอมจูบลูบคลำให้หายคิดถึงบ้างก็ไม่ใช่ผมแล้วล่ะ ซึ่งแน่นอนว่าไม่ต้องรอนาน ริมฝีปากนุ่มก็ประทับบดคลึงตามห้วงความคิดถึงที่มีต่อกันอย่างดูดดื่มตรงลานจอดรถโดยที่คนหนึ่งนั่งในรถอีกคนยืนอยู่นอกรถและมีประตูรถกั้นกลางแบบนี้แหละ จูบกันจนกระทั่งแทบขาดอากาศหายใจกันไปข้างหนึ่งเลยทีเดียว
เมื่อลมหายใจของเราทั้งคู่เข้าสู่สภาวะปกติผมก็เปิดประตูรถรวบเอวบางเข้ากอดไว้ทั้งตัว
“รู้ได้ยังไงว่าเทมป์อยู่รออยู่ตรงนี้”
“เพิ่งกลับมาจากฟาร์มหน่ะ ลงจากรถก็เห็นแระ”
“แล้วทำไมไม่รับโทรศัพท์เลยล่ะ?”
“ออกตรวจวัวในฟาร์มทั้งวันเลย ขากลับหลับในรถตลอดทางด้วย วันนี้เต็มได้กินข้าวแค่มื้อเช้ามื้อเดียวเอง และนี่ก็เพิ่งได้พัก หิวมาก”
ได้ฟังเหตุผลแบบนี้จะให้ผมงี่เง่าใส่ก็ใช่เรื่องครับ จะว่าไปอีกฝ่ายก็ผอมลงกว่าเมื่อก่อนมาก จากที่ตัวเล็กอยู่แล้วกลายเป็นทั้งเล็กและผอมบางลงไปอีก แต่ถึงอย่างนั้นความหล่อและน่ารักก็ไม่ได้ลดลงเลยสักนิด ยิ่งตอนนี้เจ้าตัวย้อมผมกลับมาเป็นสีดำธรรมชาติก็ยิ่งทำให้ใบหน้าขาวใสดูอ่อนกว่าวัยลงมากโข
“อยากกินอะไรล่ะ?”
“ก๋วยเตี๋ยวแถวหอพักก็ได้”
ผมพยักหน้ารับ แล้วรอให้อีกฝ่ายขึ้นมานั่งบนรถ เจ้าตัวจับสีส้มมานั่งตักคุยกันกระหนุงกระหนิงด้วยเสียงเล็กเสียงน้อย แต่พอผมคุยด้วยน้ำเสียงก็ปรับเป็นโหมดปกติ บางครั้งผมก็อิจฉาสีส้มเหมือนกันนะครับ
หอพักของเต็มอยู่ห่างจากโรงพยาบาลพอสมควร ตั้งอยู่หน้าปากซอยติดถนนใหญ่ เต็มบอกว่าพี่โบว์กับพี่ซันก็พักที่นี่ด้วย แต่เจ้าตัวขอแยกกลับก่อนเพราะเห็นผมจอดรถรออยู่ เต็มบอกว่าที่นี่ให้เลี้ยงสัตว์ได้ครับแต่มีข้อแม้ว่าต้องรักษาความสะอาดและไม่สร้างความรบกวนกับคนอื่น ถ้าอย่างนั้นก็ดีเลยล่ะครับ เราสามคนพ่อพ่อและลูกชายจะได้อยู่พร้อมหน้าพร้อมตากันอีกครั้ง
ก่อนขึ้นห้องพักก็หาอะไรกินกันก่อนครับ ผมอุ้มสีส้มหย่อนใส่ตะกร้า มือข้างหนึ่งกุมมือเมียอีกข้างก็ถือตะกร้าใส่ลูกชาย เต็มบอกจะกินก๋วยเตี๋ยวผมก็จูงมือคนรักเข้าร้านก๋วยเตี๋ยว แต่ผมเลือกที่จะสั่งต้มเลือดหมูตำลึงกับข้าวสวยให้อีกฝ่ายส่วนตัวเองก็กินก๋วยเตี๋ยวแห้งมากิน
ท่าทางเจ้าตัวจะเหนื่อยมากจริงๆ ขนาดว่าหิวแต่ความเร็วในการกินยังเนิบนาบ ผมเองก็ไม่ได้รีบร้อนอะไรแค่คนรักกินได้แค่นี้ก็ดีใจแล้วครับ นั่งมองคนที่อยู่ฝั่งตรงข้ามก้มหน้าก้มตากินไปสักพักจึงเริ่มชวนคุย
“หลานรหัสของเต็มชื่ออะไรนะ?”
“ณดล”
“แล้วเขามาทำอะไรที่นี่? เพิ่งจะอยู่ปีสี่เองไม่ใช่รึไง?”
ดวงตาคู่เรียวละจากถ้วยข้าวแล้วมองผมเล็กน้อยพร้อมกับอมยิ้ม
“ถ้าไม่อยู่โรงพยาบาลสัตว์แล้วจะให้เด็กสัตวแพทย์ไปอยู่โรงพยาบาลไหนล่ะ?”
ยังมีแรงกวนตีนผมได้ก็คงไม่ต้องห่วงอะไรแล้วล่ะครับ ผมยื่นมือไปหยิกจมูกรั้นด้วยความหมั่นเขี้ยว เจ้าตัวยู่หน้าปากยื่นดูแล้วเหมือนเด็กมอปลายไม่มีผิด
“เต็มจะไปรู้ได้ยังไงเล่าว่าเขามาทำอะไร ก็บอกอยู่ว่าวันนี้ลงงานในฟาร์มทั้งวัน”
“อืม”
ถามไปงั้นๆ แหละครับเพราะผมหน่ะเชื่อใจคนรักเสมอ ผมยิ้มแล้วตักลูกชิ้นในถ้วยตัวเองป้อนอีกฝ่าย และผมก็ตัดสินใจแล้วว่าจะโทรไปบอกคุณปู่กับคุณย่าว่าคงไม่กลับบ้านสักพักใหญ่อย่างน้อยก็จนกว่าเต็มจะย้ายโรงพยาบาล ส่วนเรื่องฝึกงานที่บริษัทก็จะขับรถไปกลับเอาแทน เพราะผมตั้งใจจะอยู่ดูแลขุนให้เมียมีน้ำมีเนื้อขึ้นกว่านี้อีกสักหน่อย
“คุณแม่ของเทมป์ล่ะ มาทำอะไรที่นี่?”
“นั่นสิ คุณแม่มาทำอะไร?”
ผมเองก็ตอบไม่ได้เหมือนกัน เราสบตากันนิ่งๆ ก่อนจะหลุดขำออกมาพร้อมกัน
“คุณแม่รู้จักกับณดลด้วย?”
“อืม น่าจะอย่างนั้น”
เท่าที่ผมเห็นนะ ก็คงจะเป็นอย่างนั้นแหละ
“คุณแม่รู้รึเปล่าว่าเต็มอยู่โรงพยาบาลนี้?”
“ไม่น่านะ”
เรื่องนี้ผมค่อนข้างจะมั่นใจ เพราะตั้งแต่ไหนแต่ไรคุณแม่ก็ไม่เคยจะสนใจเรื่องของเต็มสักเท่าไหร่ แค่จะถามถึงสักครั้งยังไม่เคยเลยครับ แต่ก็นั่นแหละนะ ผมเองก็สงสัยไม่ต่างจากเต็มหรอกว่าแล้วก็หยิบไอโฟนขึ้นมาเตรียมโทรออกหาคุณแม่สักหน่อย
“เทมป์โทรถามแม่เลยดีกว่า”
“ไม่ต้องหรอก”
มือบางยื่นมาแตะไอโฟนในมือผมเพื่อห้าม ใบหน้าเนียนใสระบายรอยยิ้ม
“สั่งนี่ให้เต็มอีกถ้วยสิ”
อ่อ.. รีบเก็บไอโฟนแล้วหันไปสั่งต้มเลือดหมูตำลึงให้สุดที่รักอีกถ้วยอย่างไว
“คืนนี้ค้างด้วยกันนะ”
แก้มใสขึ้นสีระเรื่อจนอยากจะฝังจมูกลงไปสูดดมสักฟอดใหญ่
“ให้ค้างแค่คืนเดียว?”
คำตอบของผมทำให้คนตรงหน้าเลิกคิ้วแล้วเบ้ปากอมยิ้มเล็กน้อย ต่อให้ไม่พูดผมก็มั่นใจว่าคำตอบจะเป็นยังไง ไม่นานนักต้มเลือดหมูตำลึงถ้วยที่ 2 มาเสิร์ฟ ผมจึงปล่อยให้อีกฝ่ายกินโดยไม่รบกวนส่วนตัวเองก็หันมาเล่นกับสีส้มที่นอนเรียบร้อยอย่างรู้งานอยู่ในตะกร้าแทน
.
.
.
.
.
คืนแรกเราไม่ได้มีเซ็กส์กันเพราะเต็มเหนื่อยและเพลียมาก โรงพยาบาลสัตว์ที่อีกฝ่ายฝึกงานอยู่นี้เป็นโรงพยาบาลปศุสัตว์ที่ให้บริการรักษาสัตว์เลี้ยง งานบริการรักษาโคนม และงานบริการชันสูตรโรคสุกร รวมทั้งสัตว์ปีก เปิดให้บริการตั้งแต่ 8 โมงเช้าถึง 5 โมงเย็น ซึ่งนักศึกษาฝึกงานไม่ได้อยู่ประจำที่โรงพยาบาลหรอกครับ เต็มเล่าว่าจะต้องออกไปตรวจสัตว์ในฟาร์มเอกชนทั้งวัน ได้กินและได้พักไม่ตรงเวลาบางวันสัตว์ป่วยเยอะก็แทบไม่ได้พักแถมอาจจะต้องทำงานเกินเวลาไปอีก กลับมาจากฟาร์มก็ต้องมานั่งทำรายงานหรือเรียกว่า
‘เคสจบ’ เพื่อจะได้รวบรวมส่งก่อนจบ
ในเมื่อคืนแรกไม่ได้ ดังนั้นคืนที่ 2 นี่คงไม่ต้องบอกใช่มั๊ยครับว่าเกิดอะไรขึ้นหลังจากที่กลับมาถึงห้อง เพลงรักของเราบรรเลงตั้งแต่ช่วงหัวค่ำจนตอนนี้เวลาล่วงเลยเข้าวันใหม่มาสักพักแล้วจังหวะอันเสียวซ่านก็ไม่มีทีท่าว่าจะหยุดลงได้ง่ายๆ
“อ่ะ อะ”
ดึงหมอนนุ่มมารองสะโพกเล็กไว้ แล้วแยกเรียวขาขาวให้กว้างจากนั้นก็สอดใส่ท่อนเนื้อลงไปในช่องทางสีแดงก่ำที่เบ่งบานและชุ่มไปด้วยน้ำอสุจิของผมจาก 3 รอบที่ผ่านมา
“อ๊ะ ทะ เทมป์”
เสียงครางหวานแหบพร่าเรียกชื่อผมซ้ำไปซ้ำมา ตามความหฤหรรษ์ที่เพิ่มขึ้น ผมซุกไซร้ดูดดึงซอกคอขาวอย่างเอาแต่ใจ แล้วเลื่อนมาขบเม้มติ่งหูนิ่ม จากนั้นกัดขยี้ยอดอกสีสวยที่แข็งขึ้นตามอารมณ์อย่างกับว่ามันคือของหวานชั้นเลิศ ร่างกายของเต็มตอบสนองทุกสัมผัสจากผม
“อืมม เต็ม”
สารภาพว่าผมเสพติดร่างกายของอีกฝ่ายชนิดที่ว่าทำเอาผมตายด้านไปกับเพศตรงข้ามเลยทีเดียว ผมเคยลองทดสอบด้วยการดูหนังผู้ใหญ่คัดสรรเฉพาะนางเอกที่ว่าเด็ดแต่ไม่ว่าจะยังไงน้องชายของผมก็ไม่ตื่นมาทำงาน ตรงกันข้ามแค่ให้ผมนั่งมองเต็มเฉยๆ ฝ่ายนั้นแค่ปลายตาให้นิดหน่อยเท่านั้นลมหายใจของผมก็ติดขัดแล้วล่ะครับ
“อะ อ่ะ อ่ะ”
เต็มเริ่มครางไม่ได้ศัพท์เมื่อผมกระแทกลึกไปถึงจุดเสียว ความสุขแล่นพล่านผสมผสานความเสียวซ่านรัญจวนแผ่ไปทั่วร่างบาง เสียงผิวเนื้อกระทบกันดังก้องกลบเสียงธรรมชาติภายนอก อีกฝ่ายเกร็งสะโพกตอบรับทุกจังหวะ
ใบหน้าที่เมื่อนิ่งดูหล่อเหลาและเมื่อยิ้มยิ่งน่ารัก ตอนนี้มีแต่ความเซ็กซี่เย้ายวน ทำให้มั่นใจได้ว่าคนรักกำลังมีความสุขที่ผมมอบให้ ความสุขของเราที่ได้หลอมรวมเป็นหนึ่งเดียว
“เต็ม อื้มมม เต็มใจ”
เมื่อค้นพบจุดอ่อนของคนรักที่ไวต่อความรู้สึก ผมก็จงใจกระแทกลงแค่จุดนั้น แล้วเพิ่มแรงกระทั้นถี่และดุเดือดมากขึ้น ร่างบางร้องหวีดครางและขยับไหวไปตามแรง มือบางขยุ้มขยำจนผ้าปูที่นอนหลุดลุ่ย ผมจึงตัดสินใจเปลี่ยนท่าทางด้วยการดึงฝ่ายนั้นขึ้นมาอุ้มไว้แล้วพาลงจากเตียง สองขาเรียวเกี่ยวรอบเอวและสองแขนเล็กคว้ากอดรอบคอผมไว้แน่น ผมจับให้แผ่นหลังบางพิงผนังพร้อมกับกระชับสะโพกเล็กจากนั้นก็โถมแรงเข้าเต็มที่พร้อมกับบดขยี้ปิดริมฝีปากที่หวีดร้องครางจนเสียงหลง
ความรื่นรมย์ทำให้ลืมเวลาและความเหนื่อยล้า ท่าทางถูกปรับเปลี่ยนไปตามความต้องการทางอารมณ์ จังหวะการเคลื่อนไหวหนักหน่วงและต่อเนื่อง สร้างความหฤหรรษ์ให้กับเราทั้งคู่ หัวใจของเราเต้นเป็นจังหวะเดียวกัน สอดประสานความรู้สึกหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียว
“อ๊าา”
ร่างบางกรีดร้องออกมาสุดเสียงพร้อมกับปลดปล่อยความต้องการสูงสุดของตัวเองออกมาจนเปรอะเปื้อนเต็มหน้าท้อง ผมกระแทกรุนแรงอีก 2-3 ครั้งแล้วจึงฉีดพ่นความสุขสมเข้าไปในร่างของคนรัก อย่าถามว่าเป็นรอบที่เท่าไหร่เพราะผมเองก็ไม่ได้นับเหมือนกัน
ช่องทางอ่อนรับทุกหยาดหยดของผมไว้จนล้นทะลัก ผมล้มตัวลงนอนคร่อมอีกฝ่ายไว้และยังสอดใส่ค้างไว้อยู่อย่างนั้น ไม่รู้ว่าผมติดนิสัยลามกชอบสอดค้างให้ร่างกายของเราเชื่อมกันไว้แบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ รู้แค่ว่ามันอบอุ่น เสียวซ่าน และเต็มไปด้วยความเป็นเจ้าข้าวเจ้าของ ผมซุกหน้าลงตรงไหปลาร้าสวยพร้อมกอดรัดอีกฝ่ายไว้แน่นฟังเสียงลมหายใจของกันและกัน ไม่นานนักแก่นกายทรงพลังของผมก็ฟื้นคืนชีพ ร่างบางขยับและเกร็งตัวเล็กน้อยเพื่อเตรียมตั้งรับ ผมจึงสลับเปลี่ยนให้คนรักให้มาขึ้นนั่งอวดเรือนกายอยู่บนร่างของผมแทน
เราสบตากันครู่หนึ่ง แก้มใสขึ้นสีระเรื่อและอมยิ้มกลั้วขำ แล้วใช้มือค้ำยันตรงหน้าท้องของผมไว้เพื่อไม่ให้ความใหญ่โตฝังลึกจนเกินไป ผมลูบไล้ผิวเรียบลื่นที่เต็มไปด้วยเหงื่อและรอยรักอย่างหวงแหน จากนั้นก็จับเข่าทั้ง 2 ข้างให้อ้ากว้างอวดโฉมมังกร หัวมังกรมีสีแดงจัดและชุ่มไปด้วยของเหลว จะว่าไปส่วนกลางลำตัวของเต็มนั้นมีขนาดพอดิบพอดีแต่ถ้าเทียบกับของผมแล้วมังกรตัวนี้ก็กลายเป็นมังกรน้อยไปในทันที
“เต็ม”
เรียกอีกฝ่ายดึงให้ดวงตาคู่สวยมาหยุดสนใจที่ผมแค่จุดเดียว
“หืม?”
“หลังรับปริญญาเราแต่งงานกันเลยได้มั๊ย?”
3 ปีที่หมั้นหมายด้วยกันมาคงจะพอพิสูจน์ความรักของผมได้ แม้ทุกวันนี้เราจะมีอะไรเกินเลยกันจนเรียกได้ว่าเป็น ‘ผัวเมีย’ แต่ผมก็ยังอยากจะทำทุกอย่างให้มันถูกต้องตามประเพณี อยากอยู่ด้วยกัน ตื่นขึ้นมาก็เจอ หลังเลิกงานก็เจอ เลี้ยงแมวสักตัวหรือสองตัว หรืออาจจะเลี้ยงหมาด้วยก็ได้
คนถูกถามเงียบไป ผมจึงนวดคลึงยอดปลายปากมังกรเพื่อกระตุ้นคำตอบ ร่างบางสั่นเทิ้ม ร้องครางผะแผ่วแล้วจับมือของผมไปกุมไว้แล้วประสานนิ้วทั้งห้าเข้าด้วยกัน
“อย่าเพิ่งดีกว่า”
น้ำเสียงชัดเจนเรียบนิ่งไม่มีสะดุด ความผิดหวังแล่นริ้วอยู่ในส่วนลึกของหัวใจ และเต็มคงจะอ่านความรู้สึกของผมออก เจ้าตัวจึงระบายรอยยิ้มพร้อมกับขยับสะโพกของตัวเองเนิบนาบ
“ถ้าวันหนึ่ง..เต็มไม่ใช่แบบที่เทมป์รู้จักอย่างตอนนี้ล่ะจะยังอยากอยู่ด้วยกันมั๊ย?”
ดวงตาของเรายังคงสบกัน และผู้คุมเกมส์จงใจที่จะไม่ฟังคำตอบจากผม ฝ่ายนั้นออกแรงบีบรัดแท่งเนื้อของผมจนเสียวสะท้าน
“อื้มม เต็ม”
สะโพกเล็กยังคงขยับช้าๆ นิ้วเรียวหยอกล้อด้วยสะกิดยอดอกของผม
“ถ้าวันหนึ่ง..เต็มเกิดทำอะไรให้ชีวิตของเทมป์เปลี่ยนไป เทมป์จะยังบอกว่ารักเต็มอยู่รึเปล่า?”
ผมขอโง่ด้วยการไม่เข้าใจความหมายของคำถาม และขอเลือกที่จะตอบเป็นการกระทำแทน ผมดึงอีกฝ่ายลงมาประกบปิดริมฝีปากช่างพูดนั่น แล้วส่งลิ้นไล้เข้าในโพรงปากเล็กอย่างตะกรุมตะกรามจนแทบจะทำให้ร่างเล็กหมดเรี่ยวแรง จากนั้นจ้วงแทงกระแทกกระทั้นสวนเข้าช่องทางอุ่นนุ่มทั้งเร็ว แรง และลึกถึงจุดกระสันต์หลายครั้งติดกันจนดวงตาคู่เรียวเบิกกว้าง เสียงครางเบาหวิวคล้ายจะขาดใจ ร่างบางเกร็งสั่นระริก หยดน้ำไหลลงอาบแก้มทั้ง 2 ข้าง หลังจากนั้นก็เปลี่ยนท่าให้อีกฝ่ายลงมานอนคว่ำ ยกสะโพกสูงซุกหน้าลงกับหมอน ผมใช้เรี่ยวแรงที่มีทั้งหมดจ้วงแทงไม่ยั้ง และยกสุดท้ายนี้สิ้นสุดลงใกล้จะตี 3 ผมจูบซับน้ำตาให้ร่างเล็กที่สลบไปทันทีที่ผมปลดปล่อยความสุขสม
วันรุ่งขึ้นไม่ต้องแปลกใจหากร่างบางจะนอนตื่นสายและลุกขึ้นจากเตียงไม่ไหว อ่อ ส่วนเรื่องที่อีกฝ่ายถามไว้เมื่อคืน ผมจะถือว่าไม่ได้ยินอะไรทั้งนั้นครับ..
.
.
.
.
.
หลังจากเซ็กส์ดุเดือดในวันนั้นเราทั้งคู่ก็กลับเข้าสู่ชีวิตจริงอีกครั้ง ผมต้องเข้าบริษัททุกวันไม่มีเวลาเลิกงานและวันหยุดที่แน่นอน หน้าที่ของผมที่ฝ่ายบุคลากรมอบหมายให้ก็เหมือนกับเด็กฝึกงานทั่วไป ทำตั้งแต่เดินเอกสาร ช่วยงานแบกหามในกองถ่าย ตลอดจนเสิร์ฟน้ำและอาหารให้ทีมงาน ซึ่งคนที่สั่งให้ผมทำงานพวกนี้ไม่ใช่คุณพ่อหรอกนะครับแต่เป็นคุณปู่สุดที่รักของผมนี่แหละ โดยท่านให้เหตุผลว่าการที่จะทำงานบริหารได้เราจะต้องรู้จักงานและบุคลากรขององค์กรให้ดีเสียก่อน เพราะผมยังเด็กและไม่รู้จักใครสักคนในบริษัท แล้วจู่ๆ ก็มาปรากฎตัวรับผิดชอบงานใหญ่ในฐานะลูกชายของเจ้าของบริษัทอย่างครั้งก่อน มันจึงไม่แปลกหรอกครับที่จะโดนแอนตี้จากพนักงาน
ทำงานติดกันมา 2 สัปดาห์เต็ม ก็ได้หยุดเสียที และโชคดียิ่งกว่าที่ผมกับเต็มเราได้หยุดพักพร้อมกัน 3 วันรวดเลย แต่เมื่อคืนเต็มอยู่เคลียงานจนดึกกลับมาถึงหอพักก็เข้าวันใหม่มาหลายชั่วโมง เจ้าตัวอาบน้ำเสร็จก็ล้มตัวลงนอนบนเตียงทันที ดังนั้นเช้าวันนี้จึงเป็นหน้าที่ผมออกไปหาซื้อของกิน ที่สบายสุดคงจะเป็นแมวอ้วน สีส้มอยู่ที่ไหนก็ได้แค่ให้มีผมกับเต็มอยู่ด้วยก็สบายใจไม่มีอาการเครียด ช่วงกลางวันผมกับเต็มไม่อยู่ก็แค่วางอาหารแล้วทิ้งให้อยู่ในห้องตัวเดียวก็ยังอยู่ได้สบายไม่ต้องกังวล อีกอย่างสีส้มก็มีพ่อเป็นสัตวแพทย์คนเก่งคอยดูแลอยู่ทั้งคนเพราะฉะนั้นเลิกห่วงไปได้เลยครับ
ปกติถ้าเต็มนอนช่วงใกล้สว่างแบบนี้จะตื่นประมาณ 10 โมงเช้า และจะนอนอีกรอบช่วงใกล้เที่ยงตื่นอีกทีก็บ่ายแก่ๆ โน่นเลย ระหว่างที่ผมยืนรอคิวซื้อโจ๊กกับปาท่องโก๋หน้าหอพัก สายตาของผมก็เหลือบไปเห็นผู้ชายเลยวัยกลางคนผิวหยาบกร้านรูปร่างสูงใหญ่ สวมแจ็คเก็ต หมวกแก๊ปและแว่นดำยืนสูบบุหรี่อยู่ตรงเสาไฟฟ้าเยื้องทางเข้าหอพัก รู้สึกเหมือนเคยเห็นที่ไหนมาก่อนแต่ก็นึกไม่ออก
“โจ๊กใส่ไข่สองถุงกับปาท่องโก๋ได้แล้วค่ะ”
“อ่อ ครับ”
ส่งเงินและรับของมาเรียบร้อยจากนั้นก็เดินไปซื้อของกินเพิ่มอีกเล็กน้อย ก่อนจะกลับขึ้นห้อง ผมแตะคีย์การ์ดเข้าหอพักพร้อมกับเหลือบไปมองตรงเสาไฟฟ้าด้านหน้าทางเข้าอีกครั้ง ผู้ชายคนเมื่อครู่หายไปแล้วผมจึงเลิกสนใจ
ระบบความปลอดภัยของที่นี่ค่อนข้างดีครับ นอกจากต้องใช้คีย์การ์ดเข้าออกแล้วการใช้ลิฟท์ก็ต้องมีคีย์การ์ดด้วย หอพักมี 10 ชั้น ห้องของเต็มอยู่ชั้น 8 ประตูลิฟท์เปิดออกผมก็เดินเลี้ยวขวาตรงไปห้องพัก และไม่รู้ว่าเพราะความบังเอิญรึเปล่า ผู้ชายคนที่ผมเห็นยืนอยู่ตรงเสาไฟฟ้าเมื่อก่อนหน้านี้กำลังเดินสวนทางกับผม..
“..?..”
ความรู้สึกบางอย่างแล่นวูบเข้ามาในอก ผมแสร้งเดินต่อโดยทำเป็นไม่สนใจจนกระทั่งถึงหน้าห้องแล้วจึงค่อยเหลือบกลับมามอง ฝ่ายนั้นหายไปแล้วและผมก็เดาได้ว่าเขาคงจะใช้บันไดหนีไฟ ซึ่งนี่ไม่ใช่เรื่องที่ปกติแน่ๆ
เข้ามาในห้องเจ้าของห้องยังนอนหลับอยู่บนเตียงโดยมีลูกชายนั่งเลียขนอยู่ข้างๆ ดวงตากลมๆ ของสีส้มหยุดมองที่ผมครู่หนึ่งก่อนจะกลับไปขะมักเขม้นกับการเสริมหล่อของตัวเองต่อ ผมวางถุงของกินไว้บนโต๊ะแล้วจึงเดินไปเอาตะกร้าผ้าออกไปซักตรงตู้หยอดเหรียญด้านล่างหอพัก กลับขึ้นมาอีกครั้งอีกฝ่ายก็นั่งเล่นกับสีส้มอยู่บนเตียงแล้ว
“ทำไมรีบตื่นจังเลย?”
เพิ่งจะ 9 โมงเศษเองครับ ได้นอนไปแค่ไม่กี่ชั่วโมงเอง
“หิว”
คนตอบทำปากยื่นเหมือนเด็กไม่มีผิด มันไม่แปลกหรอกครับที่หลายคนจะไม่เชื่อว่าผมอายุน้อยกว่าอีกฝ่าย ผมยิ้มให้กับคนน่ารัก ฝ่ายนั้นจึงอุ้มสีส้มลงจากเตียง แมวอ้วนเดินอุ้ยอ้ายไปกินอาหารในถ้วย ในขณะที่เต็มเดินตรงเข้ามาหอมแก้มผมฟอดใหญ่ก่อนจะเข้าห้องน้ำไปล้างหน้าล้างตา ผมจึงรีบเอาผ้าในตะกร้าไปผึ่งลมที่ระเบียงก่อนจะกลับเข้ามาจัดแจงอาหารในถุงลงถ้วย
เทโจ๊กใส่ถ้วย และเอาปาท่องโก๋ใส่จาน จากนั้นก็ชงโกโก้ร้อนคนละแก้ว ผมฉีกปาท่องโก๋เป็นชิ้นพอดีคำใส่ในถ้วยโจ๊กของอีกฝ่ายแล้วคนให้เข้ากัน เจ้าตัวเอียงคอทำหน้างง ดูก็รู้ครับว่าตั้งแต่มาอยู่ไทยคงไม่เคยกินอะไรแบบนี้ เพราะมื้อเช้าของบ้านท่านนายพลกับคุณหญิงหยดจะเป็นสารพัดข้าวต้มสูตรชาววัง อีกอย่างเต็มเป็นคนรักสุขภาพพอสมควรอาหารแบบนี้คงไม่เคยอยู่ในสายตา หรือต่อให้เคยกินโจ๊ก ก็จะไม่กินคู่ปาท่องโก๋อย่างแน่นอน
“กินให้หมดเลยนะ”
ผมบอก อีกฝ่ายก็ตักเข้าปากแล้วระบายรอยยิ้มจนตาหยี นั่นแสดงว่าอร่อยครับ ผมจึงลงมือกินบ้าง
“จะย้ายโรงพยาบาลเมื่อไหร่?”
“ต้นเดือนหน้า รอบนี้ได้กลับไปอยู่บ้านแล้วล่ะ”
ต้นเดือนหน้าก็คือเข้าสู่เทอม 2 นั่นแหละครับ ผมไม่ต้องฝึกงานหนักเหมือนเดิมแต่เน้นทำโครงงานและวิจัยเพื่อเตรียมจบ ส่วนเต็มก็ย้ายไปโรงพยาบาลสัตว์เล็กซึ่งก็อยู่ที่คณะสัตว์แพทย์ในรั้วมหาวิทยาลัย
“มีอะไรรึเปล่า?”
ผมส่ายหน้าปฏิเสธว่าไม่มีอะไร แต่เจ้าตัวเอียงคอมองผมตาแป๋ว ผมจึงยื่นมือไปหยิกจมูกรั้นด้วยความหมั่นเขี้ยว
“เทมป์แค่กำลังคิดว่าหลังจากนี้เทมป์จะไปรับไปส่งเต็มดีกว่า”
“จากโรงพยาบาลมาหอพักเนี่ยนะ?”
“อืม”
“เว่อร์ไปมั๊ย? อยู่ใกล้แค่นี้เอง เต็มก็ผู้ชายนะ”
คนฟังหัวเราะ และแม้ผมจะยิ้มแต่ในใจของผมไม่ได้ยิ้มตามหรอกนะครับ ผมเลือกที่จะเงียบ ซึ่งอีกฝ่ายรู้ดีว่ายังไงก็คงจะห้ามผมไม่ได้ แล้วเราทั้งคู่ก็ไม่ได้คุยอะไรกันอีก ผมกินโจ๊กจนจะหมดถ้วยแต่ของเต็มเพิ่งจะพร่องไปแค่ครึ่งหนึ่ง ฝ่ายนั้นวางช้อนแล้วเปลี่ยนมาดื่มโกโก้จนหมดแก้ว จากนั้นก็มองหน้าผม
“เทมป์กลัวจะมีคนมาทำร้ายเต็มล่ะสิ?”
คิ้วของผมขมวดทันทีที่ได้ยินคำถาม เพราะนั่นหมายความว่าเจ้าตัวคงจะรู้สึกมาตลอดว่ามีบางอย่างผิดปกติ
“ไม่ต้องกลัวหรอก คนพวกนั้นเขาทำอะไรเต็มไม่ได้หรอกนะ”
“จะมั่นใจได้ยังไง?”
“ก็เต็มมีเทมป์บอร์ดี้การ์ดทั้งคนนี่นา”
“นี่ไม่ใช่เรื่องล้อเล่นนะ เทมป์เป็นห่วงจริงๆ”
น่าโมโหมั๊ยล่ะครับ เรื่องแบบนี้ไม่เคยบอกกันให้รู้แถมยังจะมายิ้มได้อีก
“เต็มเองก็ไม่ได้ล้อเล่นเหมือนกัน”
ฝ่ายตรงข้ามลุกขึ้นยืน เดินไปกลางห้องหันหน้าออกนอกระเบียงแล้วยกแขนขึ้นบิดขี้เกียจพร้อมอ้าปากหาว ผมจึงเพิ่งสังเกตเห็นว่าอีกฝ่ายสวมแค่เสื้อยืดบางๆ กับอันเดอร์แวร์แค่ตัวเดียว ใบหน้าน่ารักหันมามองผม ริมฝีปากระบายยิ้มอ่อนโยน มือบางข้างนึงรั้งชายเสื้อขึ้นเผยให้เห็นหน้าท้องแบนราบ และอีกข้างก็ทำเป็นรูปปืนแล้วยิงตรงมาที่ผม ทุกอย่างรอบตัวและแม้กระทั่งตัวผมเองราวกับถูกสะกดเอาไว้ให้หยุดนิ่ง ผมได้แต่กลืนน้ำลายลงคอที่แห้งผากอย่างยากลำบาก
“แบ่ง!”
ท่ามกลางความเงียบ จู่ๆ เจ้าตัวก็ส่งเสียงคล้ายเสียงปืนยิงใส่มาที่ผม ลมหายใจของผมสะดุดเล็กน้อยจากนั้นก็ค่อยๆ เอามือมาวางแนบไว้ตรงหน้าอกด้านซ้ายของตัวเอง ให้ตายเถอะ หัวใจของผมเต้นแรงมากซะจนแทบจะหลุดออกจากอก กว่าจะรู้สึกตัวอีกทีเงยหน้าขึ้นมาอีกฝ่ายก็ล้มตัวลงนอนบนเตียงเรียบร้อยแล้วครับ
“เทมป์”
คนบนเตียงส่งเสียงเรียกพร้อมกับตบบนเตียงปุๆ ผมยกยิ้มและหัวเราะเบาๆ ก่อนจะลุกขึ้นเดินไปเอนตัวนั่งพิงหัวเตียงกดรีโมทนั่งดูทีวีพร้อมกับให้แขนเรียวเล็กยกขึ้นพาดกอดเอวไว้
“เย็นนี้กลับบ้านกันนะ”
อีกฝ่ายพูดทั้งที่หลับตา ผมปัดปอยผมและเกลี่ยแก้มใสพร้อมกับตอบรับว่า
‘อืม’ ในลำคอ ลูบแผ่นหลังบางเบาๆ จนเจ้าตัวหลับไปอีกรอบ
.
.
.
.
.
TBC.............