█ ▌รักเต็มใจ ❤➽ Heart Is Full ▌█ ┠ 37 The End ┨ (2017.11.11) P.36
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: █ ▌รักเต็มใจ ❤➽ Heart Is Full ▌█ ┠ 37 The End ┨ (2017.11.11) P.36  (อ่าน 232468 ครั้ง)

ออฟไลน์ RIRIN

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 250
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +492/-2
█ ▌รักเต็มใจ ➽ HEART IS FULL ▌█





┠ 25 ┨









ถ้ามันเป็นความสบายใจของคนรักและมันก็ไม่ได้ทำให้เกิดความเดือดร้อนหรือทำให้ใครยุ่งยากใจผมก็จะไม่ห้าม แต่ตรงกันข้ามถ้ามีใครคนอื่นมาทำให้คนของผมเป็นกังวลหรือไม่สบายใจผมก็ไม่สามารถทำเป็นมองข้ามและปล่อยมันไปไว้ได้หรอกครับ

หลังจากได้หยุดพักผ่อนกลับไปชาร์ตแบตที่บ้านมาจนเต็มผมกับเทมป์ก็กลับมาลุยภารกิจของนักศึกษาปีสุดท้ายกันต่อ แม้จะเป็นแค่ช่วงฝึกงานแต่มันก็ไม่ต่างไปจากการทำงานจริงๆ เลยสักนิด

นาฬิกาบอกเวลา 3 ทุ่ม ผมเก็บของลงกระเป๋า แล้วหันไปมองเพื่อนรักทั้ง 2 คน

“แกไม่ต้องอ้าปากพูดหรอกอีจี ดิฉันรู้ค่ะว่าผัวคนดีของแกมารอรับ ดิฉันกลับกับเสี่ยซันได้ค่ะ”

โบว์พูดแบบจีบปากจีบคอซะจนผมกับซันหัวเราะขำออกมาพร้อมกัน แม้แต่โบว์เองก็คงจะขำตัวเองอยู่ไม่น้อย เจ้าตัวพูดจบก็หัวเราะร่วน

เราและนักศึกษาอีกหลายคนที่เพิ่งเคลียร์งานเสร็จพากันทยอยเดินออกทางประตูด้านข้างของโรงพยาบาล ซึ่งเมื่อออกมาด้านนอกผมก็เห็นคนที่มานั่งรออยู่แล้วครับ

“ต๊าย มานั่งรอเมียจนหลับ แล้วยังใจบุญสังเวยเลือดให้พี่ยุงอิ่มหนำอีก พ่อคุณของอีจีช่างน่าเอ็นดูยิ่งนัก”

เดากันถูกใช่มั๊ยครับว่าใครเป็นคนพูดประโยคนี้ โบว์ส่งสายตาจิกแบบเอ็นดูเด็กขั้นสุดไปให้อีกฝ่าย แต่น่าเสียดายฝ่ายนั้นนั่งหลับจึงไม่ทันได้เห็นแววตาของผู้ใหญ่ใจบุญอย่างโบว์

ซันขำพร้อมส่ายหน้าให้โบว์ก่อนจะเดินมาแตะไหล่ผม

“ไปเถอะ”

ผมพยักหน้าพร้อมโบกมือให้ทั้งคู่ แล้วเดินไปหยุดยืนตรงหน้าใครคนหนึ่งที่นั่งก้มหน้าสัปหงกอยู่คนเดียว ย่อตัวลงนั่งแล้วเงยมองใบหน้าหล่อเหลาคมเข้มที่หลับตานิ่ง เมื่อคืนเจ้าตัวกลับมาถึงหอพักตอนใกล้จะเที่ยงคืน เช้าก็ต้องออกไปทำงาน ทั้งๆ ที่ตัวเองก็เหนื่อยและเพิ่งจะได้หลับพักผ่อนไปแค่ไม่กี่ชั่วโมงแต่ก็ยังลุกขึ้นมานั่งรอรับผมอีก

ถ้าถามผมว่ารักผู้ชายคนนี้ตรงไหน ก็คงจะเป็นตรงที่ดูแลเอาใจใส่ผมในทุกเรื่อง จดจำรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ของผมได้ รู้ว่าผมชอบหรือไม่ชอบอะไร และเคารพในการตัดสินใจของผมเสมอ หากวันหนึ่งมีเหตุผลบางอย่างที่ทำให้ผมต้องทำร้ายอีกฝ่าย นั่นไม่ใช่เพราะผมหมดรักแต่เพราะผมเลือกที่จะเก็บความรักของเราไว้และเพื่อต้องการจะปกป้องเขาอย่างดีที่สุดต่างหาก

“เทมป์”

เจ้าของชื่อลืมตาขึ้นช้าๆ ผมยื่นมือไปแตะแก้มขาว อีกฝ่ายผอมลงไปเยอะ แต่ก็ไม่ได้ทำให้ความหล่อลดลงแม้แต่น้อย

“มานานรึยัง?”

ทั้งที่ผมควรจะเป็นคนถามว่า ‘มารอนานรึยัง?’ แต่กลับโดนคนตรงหน้าแย่งคำถามไปเสียก่อน ผมอมยิ้มและส่ายหน้าตอบตามความจริงว่าเพิ่งมาถึงนี่แหละ

“ล้างหน้าสักหน่อยมั๊ย?”

“ไม่เป็นไรหรอก กลับเลยดีกว่า”

แบบนั้นก็ดีเหมือนกัน ผมพยักหน้าตอบรับ แล้วลุกขึ้นยืน อีกฝ่ายก็ลุกตาม บิดขี้เกียจคลายความเมื่อยขบเล็กน้อย ผมยื่นมือไปกุมมือใหญ่ไว้แล้วเราก็เดินกลับหอพักด้วยกัน


.
.
.
.
.



แม้จะเป็นเวลา 4 ทุ่มแต่ย่านหอพักก็ยังคึกคัก เราเดินกุมมือกันไปเงียบๆ โดยไม่มีบทสนทนาใดๆ ระหว่างทางเทมป์แวะร้านสะดวกซื้อซื้อน้ำดื่มยี่ห้อที่ผมดื่มเป็นประจำหลาย 10 ขวด เราแบ่งกันถือคนละครึ่ง จากนั้นอีกฝ่ายก็แวะซื้อของกินในตลาดโต้รุ่งอีกหลายอย่าง ผมจ่ายกับข้าวไม่เก่งหรือจะบอกว่าเดินจ่ายตลาดไม่เป็นเลยก็ว่าได้เพราะฉะนั้นจึงทำแค่เดินตามและยืนรอเงียบๆ มองโน่นมองนี่ไปเรื่อยจนบังเอิญไปสบตากับใครบางคนที่ผมไม่รู้จักแต่ก็คุ้นหน้าเป็นอย่างดีเพราะคนๆ นั้นคอยตามผมอยู่แบบนี้มาเป็นปีแล้วล่ะครับ มุมปากของผมกระตุกยิ้มขึ้นเล็กน้อยก่อนจะแกล้งทำเป็นไม่สนใจสิ่งใดนอกจากคนที่ยืนต่อราคาผักปลาอยู่กับแม่ค้า

“อยากกินอะไรเป็นพิเศษมั๊ย?”

พ่อบ้านประจำตัวของผมหันมาถามหลังจากตกลงกับแม่ค้าจนได้ราคาเป็นที่น่าพอใจ ผมได้แต่ยิ้มแล้วส่ายหน้าตอบว่าไม่มี คนถามอมยิ้มและไม่ได้พูดหรือถามอะไรอีก เราทั้งคู่จึงตรงกลับหอพักกันเลย

กลับถึงห้องผมเล่นกับสีส้มครู่หนึ่งก่อนจะเข้าไปอาบน้ำ เสร็จแล้วออกมาอีกฝ่ายก็ยืนคุยโทรศัพท์เรื่องงานอยู่ตรงนอกระเบียง ผมจึงล้มตัวลงนอนบนเตียงนอนมองสีส้มเล่นตะกุยกล่องพร้อมกับฟังเสียงทุ้มคุยเรื่องการประสานงานด้วยน้ำเสียงเคร่งเครียด ต่อให้ไม่เคยถามหรืออีกฝ่ายไม่เคยบอกแต่ผมก็ไม่ได้โง่ที่จะไม่รู้ว่าคนรักกำลังเจอปัญหาอะไรบ้าง นี่ขนาดคุณปู่คุณย่ายังมีชีวิตอยู่แต่เจ้าตัวกลับถูกบีบและปิดกั้นการทำงานในบริษัทซะจนผมใกล้จะหมดความอดทนกับการทำเป็นหูหนวกตาบอดอีกต่อไป

เสียงตรงระเบียงเงียบไปครู่หนึ่งแต่ร่างสูงก็ยังยืนอยู่ด้านนอก ผมจึงตัดสินใจลุกขึ้นเดินออกไปหาอีกฝ่าย เจ้าตัวยืนเอามือเท้าแขนกับขอบระเบียงใบหน้ามองท้องฟ้ายามค่ำคืน แผ่นหลังกว้างที่แข็งแรงดูเหนื่อยล้ากว่าทุกครั้ง แม้จะไม่รู้ว่าใบหน้าคมมีสีหน้าแบบไหนแต่ผมก็สัมผัสได้ว่ามันกำลังแบกรับปัญหาเอาไว้มากมายเพียงใด

สองแขนของผมโอบรอบเอวสอบไว้ให้แน่นที่สุด แล้วซุกหน้าลงกับแผ่นหลังกว้างสูดดมกลิ่นกายที่คุ้นเคย

“ทำไมยังไม่นอน?”

“ก็เทมป์ยังไม่นอน”

เสียงหัวเราะเบาๆ ดังขึ้น ร่างสูงจับแขนของผมให้ผละออกเล็กน้อยเพื่อจะได้ขยับตัวหันเข้าหากัน เมื่ออยู่ในท่าที่พอใจผมก็กระชับแขนกอดแน่นเหมือนเดิม ร่างกายของเราแนบชิดแทบทุกส่วน ผมเงยหน้าขึ้นมองอีกฝ่ายระบายรอยยิ้มเล็กน้อยก่อนที่ริมฝีปากบางจะโน้มลงมาประกบแลกลิ้นกันจนผมแทบขาดอากาศหายใจ

ส่วนล่างของร่างกายของเราสำแดงฤทธิ์ แต่ด้วยสภาพร่างกายที่ไม่พร้อม เราจึงเลือกที่จะจัดการความอึดอัดอันแสนสุขนี้ด้วยการออรัลเซ็กส์เท่านั้น และท่วงท่าที่ถูกนำมาใช้ก็ไม่พ้นท่ายอดฮิตอย่าง 69 ซึ่งไม่ว่าจะพยายามยังไงผมก็ไม่สามารถใช้ปากครอบครองแก่นกายใหญ่ได้ ดีที่สุดที่ทำได้แค่ไล้เลียแค่สวนปลายจนของเหลวสีขาวขุ่นพุ่งใส่เต็มใบหน้าของผม ในขณะที่เทมป์กลืนกินความสุขทั้งหมดของผมไปจนหมดเช่นเคย

หลังจากล้างหน้าล้างตัวกันอีกรอบเราก็นอนกกกอดกันเงียบๆ บนเตียงปล่อยให้ความง่วงคืบคลานเข้ามาช้าๆ แต่ผมยังลืมตามองเสี้ยวใบหน้าคมอีกฝ่ายยังไม่หลับ ยังคงลืมตามองเพดาน

“เทมป์เป็นแค่นักศึกษาฝึกงานนะ ไม่จำเป็นต้องมาแบกรับมันไว้ทั้งหมด ทำไม่ได้แก้ไม่ได้ก็บอกเขาไปตรงๆ กับเรื่องบางเรื่องเราก็แกล้งโง่บ้างก็ได้ไม่ใช่รึไง”

คิ้วเข้มขมวดเล็กน้อย ใบหน้าคมหันมาสบตากับผม ผมใช้นิ้วเกลี่ยข้างแก้มขาว

“เสือย่อมรู้ว่าลูกหลานของตัวเองเป็นยังไง ต่อให้ลูกหลานจะไม่กินเนื้อตามสัญชาตญาณของมัน แต่เสือมันก็ยังเป็นเสือวันยังค่ำ”

“ถ้าอย่างนั้นคงเพราะเป็นเสือเหมือนกัน.. เลยอยู่ถ้ำเดียวกันไม่ได้สินะ?”

รู้เลยครับว่าเสืออีกตัวที่เทมป์พูดถึงเป็นใคร

“ใครบอกว่ามีเสือสองตัวล่ะ?”

ดวงตาคู่คมหรี่ลงมองผมเพื่อรอคำอธิบาย ผมขยับเข้าไปใกล้ ซุกตัวเข้ากับแผ่นอกแล้วกอดอีกฝ่ายไว้แน่น

“เสือ.. มีแค่ตัวเดียว.. และก็อยู่ในอ้อมกอดของเต็มนี่แหละ”

เสียงหัวเราะเบาๆ ดังขึ้น แขนแข็งแรงกระชับกอดและแกล้งขยุ้มขยำก้นของผม

“ไปรู้หรือไปได้ยินอะไรมาอีกล่ะ?”

รอบนี้ผมหัวเราะบ้าง

“รู้ดีเลยล่ะ แต่ตอนนี้ยังบอกไม่ได้”

“เดี๋ยวนี้มีความลับกับเทมป์แล้วเหรอ?”

“มันไม่ใช่ความลับสักหน่อย”

จู่ๆ ผมก็โดนมือใหญ่ตีก้นเสียแรงจนเสียงดัง ‘เผี๊ยะ!’ ผมเลยเอาคืนด้วยการหยิกหัวนมสีเข้มไปเต็มแรงจนเจ้าตัวร้องโอดครวญ

“ไม่ต้องมาสำออย”

ยู่หน้าใส่คนตัวโตกว่า อีกฝ่ายดึงผมเข้าไปกอดอีกรอบพร้อมกับจูบหน้าผากซ้ำๆ เพื่อง้อ จะว่าไปผมก็ไม่ได้โกรธหรือเคืองอะไรหรอกครับ

“ตั้งแต่พรุ่งนี้เป็นต้นไป ถ้าได้รับงานอะไรมาแล้วเกินความสามารถของเด็กฝึกงานก็บอกเขาไปเลยว่าทำไม่ได้เข้าใจมั๊ย?”

“คร้าบ”

“แค่ตั้งใจทำงานในหน้าที่ของเด็กฝึกงานก็พอ อย่างอื่นปล่อยให้เป็นเรื่องของผู้ใหญ่เขาจัดการเอง”

“คร้าบ คุณเมีย”

“ส่วนเรื่องของเต็มเทมป์ไม่ต้องเป็นห่วงอะไรหรอก ถ้าเทมป์เป็นห่วงเต็มมากก็ควรจะดูแลตัวเองให้ดีที่สุดก็พอ”

“เทมป์มีเมียคนเดียวจะไม่ให้ห่วงได้ไง”

“เต็มก็มีผัวคนเดียวปะ?”

เจอคำถามกลับอีกฝ่ายได้แต่มองผมตาปริบๆ ตั้งแต่คบกันมานี่เป็นครั้งแรกเลยนะที่ผมต่อปากต่อคำชนะอีกฝ่าย โคตรภูมิใจในตัวเองจริงๆ ผมหอมแก้มคนรักเพื่อปลอบใจในความพ่ายแพ้ จากนั้นก็ซุกหน้าลงในอ้อมแขนและหลับตาลง

“ไม่มีใครทำอะไรเต็มได้หรอก.. วางใจเถอะ”

ประโยคสุดท้ายที่ผมบอกเจ้าของอ้อมแขนก่อนจะผล็อยหลับไปพร้อมกับสัมผัสจากจุมพิตอุ่นตรงหน้าผาก


.
.
.
.
.



หลายวันมานี้เทมป์ดูผ่อนคลายขึ้นซึ่งนั่นเป็นเรื่องที่ดี และวันนี้ก็เหมือนทุกวันที่ผมจะต้องอยู่ทำงานดึก ฝ่ายนั้นมานั่งรอผมเหมือนเดิม เพิ่มเติมคือไม่นั่งหลับ หน้าตาสดใสขึ้นแถมยังพาสีส้มมาด้วย

“เทมป์รอเต็มอีกสักสิบห้านาทีนะ เดี๋ยวเต็มขอไปทำธุระแป๊ปนึง”
   
ร่างสูงพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม ผมลูบหัวสีส้ม 2-3 ครั้งแล้วเดินกลับเข้าไปด้านในโรงพยาบาลอีกรอบ ความจริงแล้วผมไม่ได้มีธุระอะไรเร่งด่วนหรอกครับ แต่มีบางอย่างที่อยากจัดการแค่นิดหน่อยเท่านั้นเอง ผมเดินออกทางประตูหนีไฟฝั่งลานจอดรถแล้วยืนพิงมุมเสาใช้เท้าเขี่ยฝุ่นเล่นอย่างใจเย็น ไม่นานนักร่างของใครบางคนก็เดินผ่านไป
   
“ผมอยู่นี่..”
   
ผู้ชายวัยกลางคนร่างสูงใหญ่สวมเสื้อแจ็คเก็ต หมวก และแว่นดำหยุดเท้าที่ก้าวแล้วยืนนิ่งโดยไม่ได้หันกลับมามองผม ซึ่งนั่นไม่ใช่ปัญหาหรอกครับ เพราะผมเองก็ไม่ได้อยากจะมองหน้าอีกฝ่ายสักเท่าไหร่ ผมยืดตัวขึ้นเล็กน้อย
   
“สวัสดีอย่างเป็นทางการครับ คุณวิชิต..”
   
ฝ่ายนั้นยังคงนิ่ง ผมเองก็ไม่ได้เร่งรีบอะไรมากนัก ยืนประเมินฝ่ายตรงข้ามอีกนิดพร้อมกับคิดว่ามันก็สนุกดีเหมือนกัน
   
“หลานชายของคุณมาก่อกวนผมอยู่พักหนึ่งแล้วก็หายไป หลังจากนั้นเจ้านายของคุณก็ส่งคุณมาคอยตามผมอยู่หลายเดือนไม่ทราบว่าได้ข้อมูลอะไรไปบ้างรึเปล่าครับ?”
   
รู้ครับว่าต่อให้ผมถามอะไรออกไปอีกฝ่ายก็ไม่มีวันตอบโต้ แต่ผมก็ยังอยากจะถามนี่นา
   
“ต่อให้คุณมาตามผมอีกสักสิบปีคุณก็ไม่ได้คำตอบหรอกครับ เพราะคำตอบไม่ได้อยู่ที่ผม แต่อยู่ที่ไหนเจ้านายคุณนั่นแหละรู้ดีที่สุด”
   
หวังดีนะครับเนี่ยถึงได้บอกให้รู้เอาไว้ ผมเดินเข้าไปใกล้ฝ่ายตรงข้ามอีก 2-3 ก้าว ร่างนั้นเริ่มขยับตามสัญชาตญาณการระแวดระวัง แต่ก็ยังใจแข็งไม่กล้าเผชิญหน้านับว่าฉลาดทีเดียว
   
“ถ้าเจ้านายของคุณอยากรู้อะไรเกี่ยวกับผม ก็ให้มาถามผมเองตรงๆ เลยจะดีกว่า ผมพร้อมจะตอบทุกคำถาม.. เว้นเสียว่า.. จะไม่กล้า”
   
ก้มลงมองนาฬิกาข้อมือเล็กน้อย ใกล้จะครบ 15 นาทีตามที่บอกกับคนรักไว้แล้ว
   
“ผมฝากไปบอกเจ้านายคุณหนึ่งเรื่อง...”
   
ปรับน้ำเสียงของตัวเองให้ฟังดูจริงจังมากขึ้น
   
“ถ้าหากเจ้านายของคุณยังใช้ลูกชายของตัวเองเป็นตัวล่อในเกมส์ให้ผมเข้าไปติดกับอยู่แบบนี้.. นอกจากจะไม่ได้คำตอบแล้ว.. ระวังจะไม่เหลืออะไรเลยนะครับ”
   
จงใจย้ำท้ายประโยคด้วยน้ำเสียงกดต่ำ ให้รู้ว่าผมพูดจริงทำจริงแน่นอน ฝ่ายตรงข้ามก็ฉลาดไม่ใช่ย่อยร่างใหญ่ขยับตัวเล็กน้อยเมื่อรู้ว่าเรื่องที่ผมเพิ่งพูดจบไปไม่ใช่เรื่องล้อเล่น
   
 
ผมถอยหลังกลับเมื่อสมควรแก่เวลา
   
“ผมไปก่อนนะครับ”
   
ตั้งท่าจะหันหลังกลับ แต่เพิ่งนึกได้ว่าลืมอะไรไปอีกเรื่อง
   
“ณดล.. ต่อให้เขาไม่ใช่หลานแท้ๆ ของคุณ แต่เขาก็รักและนับถือคุณมาก อย่าให้เจ้านายของคุณดึงเขาเข้ามายุ่งกับเรื่องพวกนี้เลย”
   
พูดจบผมก็เดินกลับเข้าโรงพยาบาลโดยไม่คิดจะสนใจอีกฝ่ายอีกเลย แน่ะ อย่าคิดว่าผมเก่งหรืออะไรหรอกนะครับ ผมไม่ใช่พระเอกในซีรี่ย์ที่ฆ่ายังไงก็ไม่ตายและผมก็ไม่มีเวทมนต์ใดๆ สิ่งที่ผมทำอยู่เป็นเพียงการตู้สู้ในเกมส์ทางจิตวิทยาก็เท่านั้น ซึ่งแค่เรารู้ทางคู่ต่อสู้ รู้จักคิดแยกแยะวิเคราะห์ อีกทั้งการที่เรามีคู่หูที่รู้ใจแค่นั้นก็สามารถชนะได้แล้วล่ะครับ และแน่นอนว่าคู่หูของผมนั้นเก่งชนิดที่เรียกว่าระดับครูเลยทีเดียว เพียงแต่ยังไม่สามารถเปิดเผยบอกใครได้ก็เท่านั้น
   
“มาแล้ว”
   
ร้องตะโกนบอกคนที่นั่งรอ ใบหน้าคมหันมามองผมพร้อมระบายรอยยิ้ม มือหนึ่งถือตะกร้าลูกชายอีกมือก็กุมผมไว้ เราเดินกลับหอพักไปด้วยกันแบบนี้แทบจะทุกวันจนได้เวลาที่ผมจะต้องเปลี่ยนโรงพยาบาลฝึกงานแล้วล่ะครับ


.
.
.
.
.

   

ในที่สุดก็ได้กลับเข้าสู่เมืองหลวงสักทีครับ..

เทมป์มาส่งผมถึงบ้านและอยู่กินมื้อเย็นด้วยกัน พักหลังมานี้คุณพ่อค่อนข้างจะพูดคุยถูกคอกับอีกฝ่าย ช่วงนี้คุณพ่อท่านกำลังสนใจเกี่ยวกับกล้วยไม้ครับ ผมแอบได้ยินนะว่ามีการนัดแนะจะไปดูกล้วยไม้กันด้วย

วันรุ่งขึ้นผมก็ไปรายงานตัวโรงพยาบาลสัตว์เล็ก ความรู้สึกและบรรยากาศก็เหมือนกับตอนไปเรียนนั่นแหละครับ หลังจากรายงานตัวเสร็จ ผม ซัน และโบว์ที่หนีบน้องดักแด้มาด้วยก็ไปเดินเล่นในห้างและหาอะไรกินมื้อเที่ยงกัน

“อีจีแกไม่โทรไปชวนน้องกองทัพด้วยเหรอ?”

ผมยิ้มแล้วล้วงหยิบไอโฟนในกระเป๋าออกมากดหาคนรัก โบว์จึงหันไปหาซัน

“เสี่ยซันไม่ตามน้องออมด้วยเหรอคะ อยู่ใกล้แค่นี้เองไม่ใช่เหรอ?”

“บอกออมไปแล้วล่ะ เดี๋ยวตอนเที่ยงคงจะแวะมา”
   
“หูยย ไวจริงๆ เลยนะคะเสี่ยซัน”
   
นานๆ ซันจะโดนโบว์แซ็วครับ ซันยิ้มเขินเล็กน้อย นานมากแล้วที่ผมไม่เห็นซันมีท่าทีเขินแบบนี้ นานจนเกือบลืมไปว่าครั้งหนึ่งเพื่อนคนนี้เคยเจ็บปวดกับความรักมาก่อน
   
ซันนัดกับออมที่สถานีรถไฟฟ้า รอไม่นานหลานสาวของผมก็เดินสวยๆ พร้อมรอยยิ้มหวานมาแต่ไกล
   
“แล้วน้องกองทัพล่ะ?”
   
“คงไม่ได้มาหรอก ช่วงนี้งานยุ่งหน่ะ”
   
ผมโทรไปหลายรอบแต่อีกฝ่ายไม่รับสาย เลยคิดว่าคงจะติดงาน

ตั้งแต่กลับมาจากฝึกงานที่โรงพยาบาลสัตว์ใหญ่ เราก็แทบจะไม่ได้คุยกันแบบจริงจังเหมือนเมื่อก่อนเพราะเราต่างคนต่างมีหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบ เอาเป็นว่าแค่อีกฝ่ายไม่ได้เคร่งเครียดเหมือนช่วงฝึกงานแรกๆ แถมตอนนี้ยังดูจะอารมณ์ดีกว่าเดิมด้วยซ้ำแค่นั้นก็โอเคแล้วล่ะครับ
   
ดวงตากลมโตของโบว์มองผมแบบแปลกๆ และทำท่าเหมือนจะพูดอะไรสักอย่าง แต่พอถามว่ามีอะไรรึเปล่า? เจ้าตัวก็ทำสีหน้าลำบากใจก่อนจะส่งยิ้มเจื่อนแล้วส่ายหน้าว่าไม่มีอะไร

   

.
.
.
.
.


   
วันถัดมาผมหมกตัวอยู่ในบ้าน กินๆ นอนๆ อ้อนคุณแม่ทั้งวัน จนคุณพ่อแซ็วว่าลูกชายอยู่บ้านแค่นี้ทำเอาคุณแม่ยิ้มไม่หุบเลยครับ และหลังจากคุณพ่อคุณแม่เข้านอนแล้วผมก็กลับเข้ามาห้องตัวเอง อาบน้ำจนสดชื่นแล้วนั่งพิงหัวเตียงอ่านหนังสือเล่มที่อ่านค้างไว้ต่อ
   
ก๊อกๆ เสียงเคาะประตูดังขึ้น
   
“อาเต็มคะ ออมเองค่ะ”
   
“อาไม่ได้ล็อคประตู”
   
หลานสาวคนสวยเดินเข้ามาในห้องพอเห็นผมนั่งอ่านหนังสืออยู่ก็เข้ามานั่งเบียดเหมือนเด็กเรียกร้องความสนใจ ผมเลยต้องปิดหนังสือแล้วมองหน้าหลานสาวที่ส่งสายตามองผมปริบๆ มาไม้นี้ต้องมีอะไรแน่ๆ ครับ
   
“เดือนหน้าอาขวัญจะบินกลับมานะคะ”
   
“อืม”
   
อมยิ้มแล้วพยักหน้า พี่ขวัญบอกผมล่วงหน้าไว้แล้วล่ะครับ กลับมารอบนี้พี่ขวัญคงจะอยู่ยาวเป็นเดือนเลยแถมยังขนทีมงานของ TJ มาอีกกรุ๊ปใหญ่ เพราะพี่ขวัญจะใช้ธีมประเทศไทยเป็นธีมหลักในการเปิดตัวแฟชั่นคอลเลคชั่นใหม่ และแน่นอนครับว่าผมนี่แหละยังคงเป็นนายแบบหลักให้กับ TJ เหมือนเดิม
   
ออมเงียบไปครู่ใหญ่สีหน้าและแววตาดูกังวลเล็กน้อย เห็นแล้วก็อดจะสงสารไม่ได้
   
“ว่ามาสิ อารอฟังอยู่”
   
เจ้าตัวส่งยิ้มประดักประเดิดแต่สุดท้ายก็ยอมพูดออกมา
   
“คือ.. ปีนี้อาเต็มก็อยู่ปีหกแล้วใช่มั๊ยคะ แล้วแบบว่าเพื่อนของออมเขาเป็นรองประธานสภานักศึกษาไรงี้.. แล้วก็มหาลัยเราก็จะมีงานประเพณีทุกปี.. เอ่อ แล้วก็..”
   
“เขาขอให้ออมมาคุยกับอาเรื่องการแสดงบนเวทีงั้นสินะ?”
   
“ออมลำบากใจมากเลยนะคะอาเต็ม แต่ถ้าอาเต็มจะปฏิเสธก็ได้นะคะ เพราะออมแค่รับปากว่าจะมาพูดกับอาเต็มให้เฉยๆ เรื่องตกลงหรือไม่ตกลงก็ขึ้นอยู่กับอาเต็มค่ะ”
   
นอกจากกิจกรรมและการออกค่ายเกี่ยวกับวิชาการแล้วงานอื่นที่ติดต่อเข้ามาต่อให้เป็นของมหาวิทยาลัยผมก็ปฏิเสธไปทั้งหมด เพราะลำพังแค่เรียนและกิจกรรมของคณะอย่างเดียวก็เหนื่อยจนแทบหาเวลาว่างเป็นของตัวเองไม่ได้ ถ้าขืนยังรับงานอื่นอีกผมคงเรียนไม่จบหรือไม่ก็คงได้นอนหยอดน้ำเกลือแน่ๆ ซึ่งออมรู้เรื่องพวกนี้ดีครับและนี่คงจะเป็นเหตุผลที่ทำให้หลานสาวลำบากใจ แต่ถ้าคิดอีกแบบปีนี้ผมก็เรียนเป็นปีสุดท้ายแล้ว ถ้าหากจะทำกิจกรรมร่วมกับมหาลัยสักครั้งก็คงจะไม่เป็นอะไรหรอกมั้ง
   
“เขาจะให้อาแสดงอะไรล่ะ?”
   
“ง่ายๆ เลยค่ะอาเต็ม .. ร้องเพลงค่ะ”
   
หืม?? ขึ้นเวทีร้องเพลงครั้งเดียวและครั้งสุดท้ายของผมก็คือเมื่อตอน 7 ขวบ แถมตอนนั้นยังร้องผิดร้องผิดจาก ที ทูเดอะ เจ เป็น ที ทูเดอะ จี อีกต่างหาก ถ้าเปลี่ยนเป็นเดี่ยวเปียโนก็ว่าไปอย่าง
   
“อาร้องเพลงไม่เก่งออมก็รู้นี่นา”
   
“อาเต็มไม่ต้องห่วงเลยค่ะ ออมจะเป็นคนเลือกเพลงให้อาเต็มเอง เอาแบบเพลงง่ายๆ เลยค่ะ”
   
พูดเสนออย่างคล่องแคล่วแบบนี้แสดงว่าเตรียมการมาอย่างดีคงอยากจะให้ผมขึ้นเวทีจริงๆ แล้วผมจะกล้าปฏิเสธหลานรักลงเหรอครับ
   
“อืม”
   
“อืม.. นี่แปลว่า ‘ตกลง’ รึเปล่าคะ?”
   
“อืม”
   
“เย้ๆ ออมรักอาเต็มที่สุดเลย”
   
หลานสาวกอดผมไว้แน่นด้วยความดีใจ นี่ขนาดว่าโตจนบรรลุนิติภาวะแล้วแต่เวลาอยู่บ้านก็ยังทำตัวเป็นเด็กเสมอ
   
“ฝึกงานเป็นยังไงบ้าง?”
   
เปลี่ยนเรื่องคุยบ้างครับ
   
“สนุกดีค่ะ พี่ๆ และเพื่อนร่วมงานใจดีทุกคนเลยค่ะ”
   
“ดีแล้วล่ะ ต่อไปจะได้ช่วยงานอาขวัญได้”
   
คนฟังยืดอกอย่างภาคภูมิใจแล้วยิ้มกว้างพร้อมกับพยักหน้าหงึกหงัก แต่ครู่หนึ่งก็เหมือนจะนึกอะไรขึ้นได้ ดวงตากลมโตมองหน้าผมนิ่งๆ และเม้มปากเล็กน้อย
   
“อาเต็มกับกองทัพล่ะคะ ช่วงนี้เป็นยังไงบ้าง?”
   
“ก็โอเคนะ ทำไม? มีอะไรรึเปล่า?”
   
“มีค่ะ”
   
“หืม??”
   
“ไม่มีแล้วค่ะ”
   
ผมหรี่ตามองหลานสาว ออมอาจจะโกหกคนอื่นได้แต่ไม่มีทางโกหกผมได้หรอกครับ ผมนั่งมองหลานสาวอยู่อย่างนั้นแม้ว่าอีกฝ่ายจะพยายามก้มหน้าหลบสายตาผมก็ตาม
   
“ออม.. มีอะไรรึเปล่า?”
   
ถามย้ำอีกครั้ง เจ้าตัวทอดถอนใจเฮือกใหญ่จนผมรู้สึกใจหายตามไปด้วย นี่ออมมีเรื่องอะไรหนักอกหนักใจรึเปล่า?
   
หลานสาวเงียบไปครู่ใหญ่ก็เอียงหัวมาพิงบนไหล่ของผม
   
“ถ้าใครทำให้อาเต็มเสียใจ หรือมาทำร้ายอาเต็ม ออมจะไม่มีวันให้อภัยคนๆ นั้นเด็ดขาด”
   
แม้ภายในใจจะรู้สึกวูบโหวงแปลกๆ แต่ผมก็เลือกที่จะยิ้มให้หลานสาว ลูบหัวอีกฝ่ายด้วยความเอ็นดู
   
“เด็กโง่”
   
ถ้าหากใครทำให้หลานสาวของผมเสียใจ ผมเองก็จะไม่มีวันให้อภัยเช่นกันครับ



.
.
.
.
.
.




TBC.... : 222222:

ออฟไลน์ Yara

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2104
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-2
อะไรยังไง ทั้งโบว์ทั้งออม ถึงถามถึงกองทัพแบบนี้

ออฟไลน์ graciej

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 148
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
เทมป์ทำวีรกรรมอะไรหนอ

ออฟไลน์ Supparang-k

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1908
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-3
งื้ออออ...ใครจะทำอะไร

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
รอตอนต่อไป

ออฟไลน์ aiyuki

  • รักแท้ไม่แบ่งแม้เพศพันธุ์
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2636
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +133/-6
 ใครทำอะไเต็ม ตัวละครืกตัวรู้หมด ยกเว้นคนอ่านนนน รอเฉลายอย่างใจจดใจจ่อเลย

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

ออฟไลน์ crazydoii

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 858
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-1
เหิดอะไรขึ้น???

ออฟไลน์ มะปรางเปรี้ยว

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 340
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-2
ใครอะ นี่ลุ้นมากกกกกกก แบบอยากจับคอนักเขียนมาบีบคอถาม อึดอัดมากค่าาา  :katai1:

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
ให้คิดว่าต้องเป็นแผนวิริยักษี กับลูกชายสุดสวาท
ให้เทมป์ พัวพัน จับคู่ แบบมีคู่หมั้นแน่เลย

เพราะเต็ม ฝากคำพูดไปถึง จะเรียกว่าท้าทาย  หรือเตือนดีนะ
“ถ้าหากเจ้านายของคุณยังใช้ลูกชายของตัวเองเป็นตัวล่อในเกมส์
ให้ผมเข้าไปติดกับอยู่แบบนี้.. นอกจากจะไม่ได้คำตอบแล้ว.. ระวังจะไม่เหลืออะไรเลยนะครับ"


โบว์ ออม คงรู้อะไรมาเลยอิหลักอิเหลื่อ จะบอกเต็มสินะ
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Unnie

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 177
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
เต็มใจเด็ดขาดอะ แมนๆ ดี ชอบมากๆ ไม่แปลกใจที่กองทัพจะหวงหนัก
โบว์ ออม เกิดอะไรขึ้น หวังว่าจะไม่ดราม่าานะ

ออฟไลน์ Unnie

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 177
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
ให้คิดว่าต้องเป็นแผนวิริยักษี กับลูกชายสุดสวาท
ให้เทมป์ พัวพัน จับคู่ แบบมีคู่หมั้นแน่เลย

เพราะเต็ม ฝากคำพูดไปถึง จะเรียกว่าท้าทาย  หรือเตือนดีนะ
“ถ้าหากเจ้านายของคุณยังใช้ลูกชายของตัวเองเป็นตัวล่อในเกมส์
ให้ผมเข้าไปติดกับอยู่แบบนี้.. นอกจากจะไม่ได้คำตอบแล้ว.. ระวังจะไม่เหลืออะไรเลยนะครับ"


โบว์ ออม คงรู้อะไรมาเลยอิหลักอิเหลื่อ จะบอกเต็มสินะ
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:



ชอบ "วิริยักษี กับลูกชายสุดสวาท"  :laugh:

ออฟไลน์ koikoi

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3861
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +311/-13

ออฟไลน์ เด็กดอยดาว

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
ฮืออออ ใครจะทำอะไรเต็ม แล้วกองทัพมีอะไรอีก  :katai1:

ออฟไลน์ PinkCaramel

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 149
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
มันต้องมีคนอยู่เบื้องหลังอะ และมั่นใจว่าต้องวิริยักษีแน่นอน :z6:

ออฟไลน์ mystery Y

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7677
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +585/-12
รอตอนต่อไป~

ออฟไลน์ twinmonkey0311

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5480
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +110/-9

ออฟไลน์ Wrwrwr

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 163
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
ใใครส่งคนมาตามเต็ม และดูเหมอนเต็มจะรู้ด้วย แล้วๆๆๆๆ กองทัพมีอะไรอีก  :katai1:

ออฟไลน์ PinkCaramel

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 149
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0

ออฟไลน์ มะปรางเปรี้ยว

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 340
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-2
ตอนนี้อยากรู้มากๆๆ  :katai4:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ r.saranya

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 113
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
มาต่อเร็วๆๆเลยค่าาา  :katai4:

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
มารอ

ออฟไลน์ เด็กดอยดาว

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
นายเอกในดวงใจ ทำไมดูเหมือนจะมีคนปองร้ายเยอะจังเลย  :katai1:

ออฟไลน์ Unnie

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 177
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
 :z13: สะกิดๆ รออยู่นะคะ

ออฟไลน์ มะปรางเปรี้ยว

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 340
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-2
 :z13: สะกิดอีกแรง

ออฟไลน์ Wrwrwr

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 163
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
ใครมาตามเต็ม เป็นห่วงเต็ม

ออฟไลน์ Wrwrwr

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 163
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
อิคุณวิริยะกษีแน่ๆๆๆ ฮึ่ยๆๆๆ

ออฟไลน์ Wrwrwr

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 163
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
ให้คิดว่าต้องเป็นแผนวิริยักษี กับลูกชายสุดสวาท
ให้เทมป์ พัวพัน จับคู่ แบบมีคู่หมั้นแน่เลย

เพราะเต็ม ฝากคำพูดไปถึง จะเรียกว่าท้าทาย  หรือเตือนดีนะ
“ถ้าหากเจ้านายของคุณยังใช้ลูกชายของตัวเองเป็นตัวล่อในเกมส์
ให้ผมเข้าไปติดกับอยู่แบบนี้.. นอกจากจะไม่ได้คำตอบแล้ว.. ระวังจะไม่เหลืออะไรเลยนะครับ"


โบว์ ออม คงรู้อะไรมาเลยอิหลักอิเหลื่อ จะบอกเต็มสินะ
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:



วิริยักษี  :laugh:

ออฟไลน์ route rover

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2423
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +221/-7
เทมป์โดนจับมัดมือชกกะชัลนีที่ไหนป่าวนะ ฮื่ออ  :ling1:

ออฟไลน์ RIRIN

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 250
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +492/-2
█ ▌รักเต็มใจ ➽ HEART IS FULL ▌█





┠ 26 ┨







ก่อนวันหยุดพักผ่อนที่มีน้อยนิดจะสิ้นสุดลง ผมรับปากว่าช่วงกลางวันจะพาคุณแม่กับหลานสาวไปช้อปปิ้ง และตอนเย็นครอบครัวของเราจะไปดินเนอร์ที่ร้านประจำกันครับ พิเศษขึ้นอีกนิดตรงที่คุณพ่อเป็นคนเอ่ยปากว่าให้ออมชวนซันและให้ผมชวนเทมป์มาดินเนอร์ด้วยกันได้ ออมจึงถือโอกาสควงซันมาช้อปปิ้งด้วยกันซะเลย

ผมเปิดไลน์ดูข้อความที่ส่งไปหาเทมป์ตั้งแต่เมื่อวาน มีคำว่า Read ขึ้นแต่ไม่มีข้อความตอบกลับ โทรไปก็ไม่รับสาย ตั้งแต่กลับมาอยู่บ้านนี่ก็เกือบอาทิตย์หนึ่งแล้วที่ไม่ได้เจอกัน และแทบจะไม่มีการส่งข้อความหรือวีดีโอคอลคุยกันเลย งานมันยุ่งขนาดนั้นเลยเหรอ?

เก็บไอโฟนลงในกระเป๋ากางเกงแล้วยืนมองเงาของตัวเองที่สะท้อนอยู่ในกระจก เสื้อยืดเรียบๆ สีขาวล้วนคอกว้างเผยให้เห็นสร้อยคอที่มีแหวนทองคำขาวฝังเพชรสลักตัวอักษร T ใช้แทนจี้ มันคือแหวนหมั้นที่ผู้ชายคนหนึ่งสวมให้กับผม เขาเป็นผู้ชายคนแรกและคนเดียวที่ทำให้ผมตัดสินใจยอมเปลี่ยนตัวเองมาเป็นเกย์แถมยังเป็นฝ่ายรับอีกต่างหาก

“อาเต็มแต่งตัวเสร็จรึยังคะ?”

เสียงออมดังอยู่หน้าประตูห้อง ผมจึงหยุดความคิดทุกอย่างแล้วตอบรับหลานสาวกลับไปว่า ‘เสร็จแล้ว’ ออมจึงแง้มประตูแล้วโผล่หน้ามาส่งยิ้มหวาน

“ไปกันเถอะค่ะ”

เดินไปหยิบกระเป๋าสตางค์แล้วตามหลานสาวลงไปชั้นล่าง


.
.
.
.
.



ห้างสรรพสินค้าใจกลางเมืองคือเป้าหมายของสาวๆ ครับ ซันมารออยู่ก่อนหน้านั้นแล้ว และดูท่าทางคุณแม่จะปลื้มซันเอามากเสียด้วย อะไรนิดอะไรหน่อยก็เรียกหา ‘พ่อซัน’ ตลอด

“เย็นนี้กองทัพจะมาด้วยมั๊ยคะ?”

ออมกระซิบถามผมตอนที่คุณแม่ให้ซันไปช่วยเลือกผ้าพันคอ ผมไม่ได้ตอบหลานสาวในทันทีแต่เลือกที่จะหยิบไอโฟนในกระเป๋ากางเกงขึ้นมาเปิดดูว่ามีข้อความส่งกลับมาบ้างรึเปล่า ซึ่งมันก็มีแต่ความว่างเปล่าเหมือนเดิม

“นี่เขาไม่ตอบข้อความอาเต็มเหรอคะ? แล้วอาเต็มโทรหาเขาบ้างรึเปล่า? รับมั๊ย?”

ปกติออมจะเรียกเพื่อนแทนชื่อว่ากองทัพเสมอ แต่รอบนี้มาแปลกเรียกเพื่อนสนิทว่า ‘เขา’ แถมสีหน้าและน้ำเสียงก็แสดงถึงความไม่พอใจอย่างชัดเจน ผมอยากจะตอบหลานสาวกลับไปสักประโยคแต่ไม่รู้ทำไมสมองของผมถึงนึกคำพูดไม่ออกสักคำ

“นี่ดูสิลูก สวยมั๊ย? พ่อซันเขาเลือกได้ถูกในคนแก่จริงๆ นะเนี่ย”

คุณแม่เดินมาพอดี ผมกับออมจึงต้องหยุดบทสนทนาแล้วหันไปสนใจคนตรงหน้าแทน

สาวๆ เดินเลือกซื้อของกันพักใหญ่ได้มาหลายถุง คุณแม่ก็บังเอิญเจอเพื่อนร่วมรุ่นจึงชวนกันหาร้านคาเฟ่นั่งย้อนรำลึกความหลังกัน ผมอยากจะนั่งเป็นเพื่อนคุณแม่ด้วยแต่ก็โดนไล่ให้ไปเดินเล่นซะงั้น

“อาเต็มอยากได้อะไรมั๊ยคะ?”

“ไม่ล่ะ”

“แล้วอาเต็มอยากจะกินอะไรรึเปล่าคะ?”

ออมถามผมมาตลอดตั้งแต่แยกจากคุณแม่ ผมมองหน้าซันเล็กน้อยแล้วก็ได้แต่อมยิ้ม เพราะถ้าหากผมยังไม่ตอบอะไรที่ชัดเจนออกไปสักคำถาม หลานสาวคงจะไม่หยุดง่ายๆ

“ไอศกรีมก็ได้”

ไม่ได้อยากกินหรอกครับ แต่แค่บังเอิญหันไปเห็นป้ายร้านไอศกรีมพอดี ได้รับคำตอบเสียทีคนถามเลยฉีกยิ้มซะหน้าบานเลย

“อาเต็มกับอาซันไปรอออมในร้านก่อนได้เลยค่ะ ออมขอไปเข้าห้องน้ำก่อน”

พูดจบก็เดินฉิวไปเลยครับ ส่วนซันก็ยืนชะเง้อคอมองด้วยความเป็นห่วง

“ซันไปเป็นเพื่อนออมเถอะ”

“งั้นเดี๋ยวตามไปนะ”

มือหนาแตะไหล่ผมเป็นเชิงขอบคุณ ผมพยักหน้าให้และรอจนซันกึ่งวิ่งกึ่งเดินไปจนทันออม

ผมรู้ว่าออมคงจะรู้เรื่องอะไรมาแน่ๆ และคงจะไม่กล้าพูดบอกมันกับผม ด้วยเหตุผลนี้ผมจึงไม่ถามออกไปเพราะถ้าหากออมอยากจะพูดเดี๋ยวก็คงพูดออกมาเอง ผมถอนหายใจออกมาหนักๆ โดยไม่ทราบสาเหตุว่าทำไมถึงได้รู้สึกเหมือนมีอะไรมากวนใจแปลกๆ จากนั้นจึงเดินไปร้านไอศกรีมแต่เท้าของผมก็หยุดลงก่อนที่จะถึงหน้าร้านด้วยซ้ำ

โลกนี้มีความบังเอิญอยู่ทุกที่ดังนั้นคำว่า ‘ความลับ’ จึงไม่มีอยู่จริง...

ภายในร้านไอศกรีมที่มีลูกค้ามากมาย แต่มีเพียงชายหญิงเพียงแค่ 1 คู่ ที่ดึงสายตาของผมไว้ได้ ผู้ชายหน้าตาดีถึงดีมาก ส่วนผู้หญิงมีรูปร่างหน้าตาตามแบบฉบับที่ผู้ชายทั่วไปเฝ้าฝัน ทั้งคู่ดึงเก้าอี้มานั่งชิดจนหัวไหล่เบียดกัน และคงกำลังพูดคุยกันอย่างออกรส ถึงได้หัวเราะต่อกระซิกกันตลอดเวลา สีหน้าของทั้งคู่แสดงออกถึงความสุข ถ้าไม่ใช่คนตาบอดคงมองออกว่าทั้งคู่เป็นอะไรกัน

จู่ๆ ลำคอของผมแห้งผากและรู้สึกหายใจลำบาก ผมล้วงไอโฟนออกมาจากกระเป๋ากางเกงพยายามควบคุมนิ้วที่สั่นเทาให้กดลงบนชื่อๆ หนึ่ง และหลังจากที่สัญญาณโทรออกเริ่มขึ้น ผู้ชายคนที่นั่งอยู่ในร้านก็หยิบไอโฟนที่วางไว้บนโต๊ะขึ้นมาและรอยยิ้มก็พลันหายไปจากใบหน้า ฝ่ายผู้หญิงเหลือบตามองหน้าผู้ชายสลับกับหน้าจอไอโฟนเล็กน้อยจากนั้นก็ดึงไอโฟนในมือใหญ่ไปกดปุ่มปิดเสียงด้านข้างแล้ววางคว่ำหน้าไว้จนกระทั่งหน้าจอของผมตัดสัญญาณไปเอง

“อาเต็ม”

เสียงเรียกของออมดังแว่วเข้าหู ผมพยายามหันตามหาเสียงแต่ร่างกายก็ไม่ขยับ ผมพยายามควบคุมลมหายใจจนปวดไปทั้งอก ปวดไปจนถึงขั้วหัวใจ..

ไม่นานนักก็มีเสียงโหวกเหวกโวยวาย ผู้หญิงคนหนึ่งกำลังพูดเสียงดังใส่คู่รักชายหญิงที่อยู่ในร้าน ผู้ชายอีกคนคอยดึงเธอออกมาแต่ไม่ได้ผล ไม่ใช่สิ ชายหญิง 2 คนนั่นคือหลานสาวและเพื่อนรักของผมต่างหาก เสียงดังมากขึ้นเรื่อยๆ คนในร้านเริ่มแตกตื่น พนักงานจึงขอเชิญให้ทั้ง 4 คนออกมาด้านนอก และก็บังเอิญที่ดวงตาคู่คมคู่หนึ่งหันมาทางผม เราสบตากัน ฝ่ายนั้นดูตกใจไม่น้อยแต่ก็ไม่ได้พูดอะไร เจ้าตัวหันกลับไปหาผู้หญิง 2 คนที่กำลังทะเลาะกันเสียงดัง ผู้คนเริ่มมามุงกันมากขึ้น

หูของผมใช้งานไม่ได้ไปชั่วขณะ ผมจึงไม่รู้ว่าออมกำลังทะเลาะอะไรกับผู้หญิงคนนั้น และเพียงเสี้ยววินาทีที่ผมกระพริบตาไล่ความพร่ามัว เสียงหนึ่งก็กรีดร้องดังขึ้น และผมก็จำได้ว่ามันคือเสียงของออม

ออมโดนตบ.. ผู้หญิงแปลกหน้าคนนั้นมีสิทธิอะไรถึงมาทำร้ายหลานสาวที่ผมรักที่สุด แต่นั่นยังไม่เท่ากับที่ผู้ชายตัวโตคนหนึ่งผลักหลานสาวผมจนล้มลงไปกองกับพื้น คุณพ่อสอนเสมอว่าอย่าใช้กำลังตัดสินปัญหา แต่ผมรู้แค่ว่าถ้ามีใครทำให้หลานผมเจ็บ อีกฝ่ายต้องเจ็บกว่าเป็นเท่าตัว

ผมกำไอโฟนในมือไว้แน่น แล้วเดินตรงฝ่าไทยมุงเข้าไปยังเป้าหมาย ไม่ต้องรอให้ใครบอกหรือฟังเสียงใครร้องห้าม ผมง้างมือข้างที่ถือไอโฟนขึ้นแล้วใช้หลังไอโฟนตบฉาดเข้าที่เบ้าหน้าสวยๆ ของผู้หญิงคนนั้นแบบไม่ออมมือ และก่อนที่ซันจะปล่อยหมัดต่อยใบหน้าหล่อคมเข้ม ผมได้ออกแรงแย่งคนๆ นั้นมา ริมฝีปากบางอ้าขึ้นเหมือนจะพูดอะไรสักอย่างแต่โอกาสอันน้อยนิดนั่นก็ดับลงด้วยมุมขอบไอโฟนที่กระแทกลงไปบนหน้าผากสวยๆ แบบเต็มแรง

“เต็ม!”

ซันกระตุกแขนผมแรงๆ เพื่อเรียกสติ แต่สายไปแล้วครับ เสียงกรีดร้องบาดหูของหญิงสาวและเลือดสดๆ ที่ไหลออกมาจากระหว่างนิ้วมือที่กุมปิดหน้าผากนั่นเป็นหลักฐานชั้นดีว่าผมได้ทำอะไรลงไป

“ออมพาอาเต็มไปที่รถก่อน เร็ว!”

สิ้นเสียงของซัน ออมก็พูดซ้ำไปซ้ำมาด้วยเสียงสั่นเครือและลนลาน ‘อาเต็มไปกับออมค่ะ อาเต็มไปกับออมก่อนนะคะ’ พร้อมกับฉุดดึงแขนพาผมออกจากวงล้อมไทยมุงไปอย่างเร็วก่อนที่ รปภ. จะมาถึง ทุกอย่างมันเกิดขึ้นและจบลงอย่างรวดเร็วเสียจนผมเองก็ไม่สามารถเรียบเรียงเหตุการณ์ทั้งหมดได้ครบถ้วน


.
.
.
.
.



ในยุคที่ข่าวในโซเชียลไปไวเหมือนไฟลามทุ่ง พลาดแค่ครั้งเดียวก็แทบไม่มีที่ให้ยืน ฆาตกรทางโลกไซเบอร์มีเยอะยิ่งกว่าดอกเห็ด ยิ่งคนทำพลาดเป็นคนดังหรือคนมีชื่อเสียงในสังคมโทษทัณฑ์ก็จะหนักขึ้นเป็นหลายเท่าตัว แต่โชคดีหน่อยตรงที่ผมไม่ค่อยสนใจสายตาของคนรอบข้างที่ผมไม่รู้จักมักคุ้นมาแต่ไหนแต่ไรอีกทั้งยังไม่ใช่คนที่ติดโซเชียล และที่สำคัญกว่านั้นก็คือไอโฟนเครื่องเก่งของผมหล่นหายไปตั้งแต่ตอนไหนก็ไม่รู้ ซึ่งผมก็ยังไม่คิดจะตามหาหรือซื้อใหม่ในตอนนี้

หลังจากเหตุการณ์ครั้งนั้น เช้าวันถัดมาเจ้าสัวยางกับคุณนายจูมาที่บ้านตั้งแต่เช้าตรู่ และเช้าวันถัดไปคุณอาดิษฐ์ก็หอบผลไม้กระเช้าใหญ่มาอีก ป้าทิพย์บอกว่าเทมป์เข้ามาในวันที่ 3 แต่คุณท่านก็ไล่กลับไป ผมไม่ได้เจอใครสักคนหรอกครับ เพราะผมก็ต้องออกไปโรงพยาบาลสัตว์ตั้งแต่เช้าเหมือนกัน แต่เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมาผมตัดสินใจถอดแหวนหมั้นออกจากสร้อยคอกลับใส่คืนกล่องกำมะหยี่แล้วฝากมันไว้กับคุณแม่โดยไม่ได้บอกเหตุผลหรืออธิบายอะไร

ผ่านมา 2 สัปดาห์ ผมยังคงตื่นเช้ามาทำงานและกลับถึงบ้านค่ำเหมือนเดิม

“คุณเต็มจำตอนที่คุณหญิงท่านพาคุณเต็มไปเรียนว่ายน้ำครั้งแรกได้มั๊ยครับ?”

หืม? ผมละสายตาจากความวุ่นวายบนถนนมามองน้าปองแทน และฝ่ายนั้นคงจะเห็นผมทำหน้างงจึงได้ยิ้มและทวนประโยคเดิมอีกครั้ง ผมจึงลองคิดทบทวนตามว่าการเรียนว่ายน้ำครั้งแรกของผมก็น่าจะประมาณ 5-6 ขวบล่ะมั้ง?

“ตอนนั้นผมทำไมเหรอครับ?”

“ตอนนั้นคุณครูยังไม่ทันจะใส่ห่วงยางกับเสื้อชูชีพให้คุณเต็มเลย แต่คุณเต็มก็กระโดดตูมลงสระไปแล้ว คุณหญิงตกใจจนลมแทบจับ แต่โชคดีที่คุณครูลงไปช่วยพาคุณเต็มขึ้นมาได้อย่างปลอดภัย พอกลับมาบ้านคุณท่านถามเหตุผลว่าทำไมถึงกระโดดลงไปแบบนั้น คุณเต็มตอบว่า ‘ผมเห็นแมลงปอกำลังจะจมน้ำเลยกระโดดลงไปช่วยครับ’

“อ่อ..”

หัวเราะออกมาเบาๆ เมื่อภาพในความทรงจำไหลย้อนเข้ามาในห้วงคำนึง ตอนนั้นผมทำคุณแม่ร้องไห้จนแทบจะเป็นลมจริงๆ ตอนเด็กๆ ผมก็มีวีรกรรมเยอะใช่ย่อย แต่ละเรื่องนี่ต้องสะบัดหัวเลยทีเดียว

“ผมชอบทำเรื่องให้คุณพ่อคุณแม่ปวดหัวมาตลอดเลยนะครับเนี่ย”

เป็นลูกที่ผิดพี่ผิดสายเลือดจริงๆ

“อย่าคิดแบบนั้นสิครับ”

น้าปองแย้งขึ้น แล้วมองผมผ่านกระจกหน้ารถแว่บหนึ่ง

“ที่ผมพูดเรื่องนี้ขึ้นมาก็แค่อยากจะบอกคุณเต็มว่า ถึงคุณเต็มจะตัวเล็กแต่หัวใจของคุณเต็มนั้นใหญ่กว่าตัวเยอะ คุณเต็มมักจะมองเห็นความลำบากและความทุกข์ของคนอื่นก่อนตัวเองเสมอ ผมเห็นคุณเต็มมาตั้งแต่ลืมตาดูโลกผมรู้จักคุณหนูของผมดีนะครับ”

ผมมองเสี้ยวหน้าของสารถีวัย 50 ปีเศษ ถ้าเป็นคนอื่นผมคงจะเถียงกลับว่าไม่จริงหรอก แต่เพราะคนตรงหน้าคือคนที่คุณพ่อมอบหมายให้เฝ้าดูแลผมมาตั้งแต่เด็ก เป็นพี่เลี้ยง เป็นครู เป็นบอร์ดี้การ์ด เป็นคนขับรถ หรือจะพูดได้ว่าทุกฝีก้าวของผมอยู่ในสายตาของน้าปองเสมอ...

“ขอบคุณนะครับน้าปอง”

ผมยิ้มและน้าปองก็ส่งยิ้มให้ผมอ่านกระจกเหมือนเดิม ผมหันกลับไปมองข้างถนนอีกครั้ง จู่ๆ ผมก็รู้สึกร้อนตรงขอบตา จึงพิงหัวกับพนักเบาะหลังแล้วหลับตาลงเพื่อพักสายตาสักครู่

“พักหลังมานี้คุณพ่อไม่ได้เข้าบริษัทของคุณอาดิษฐ์และคุณแม่ก็ไม่ได้ไปดูงานที่มูลนิธิเลยใช่มั๊ยครับ?”

ามขึ้นโดยที่ผมยังหลับตา ในขณะที่คนตอบเงียบไปอึดใจก่อนจะตอบออกมาอย่างชัดถ้อยชัดคำ

“ครับ”

ผมอมยิ้มแล้วค่อยๆ ลืมตาขึ้นมองคู่สนทนา น้าปองเคยเป็นทหารพรานสังกัดหน่วยราชการลับ เคยทำงานเสี่ยงๆ ตามตะเข็บชายแดนมาเยอะ แถมยังเคยเป็นทหารหน่วยพิเศษร่วมกับองค์กรระดับนานาชาติอีกนับไม่ถ้วน ดังนั้นน้าปองจึงมีความเชี่ยวชาญและเก่งกาจเกี่ยวกับยุทธวิธีการทำงานแบบทหารในทุกรูปแบบ แถมยังมีเครือข่ายอยู่มากมาย จึงไม่แปลกหรอกครับที่คุณพ่อจะให้ผมเรียนรู้วิชาป้องกันตัวและฝึกยิงปืนกับน้าปองมาตั้งแต่เด็ก และตอนอยู่ไฮสคูลผมก็ยังเคยได้เหรียญทองจากการแข่งขันยิงปืนระดับเยาวชนมาแล้วด้วย

“ท่าทางจะมีงานใหญ่แล้วสินะครับ”

ริมฝีปากของผู้สูงวัยระบายยิ้มน้อยๆ แทนคำตอบ ผมจึงเบนสายตาไปมองท้องฟ้าสีหม่น เช้าวันนี้รถติดเหมือนทุกวันและก็ดูท่าว่าฝนจะตกอีกด้วย ภายในรถเงียบลงอีกครั้ง ผมจงใจที่จะให้ความเงียบช่วยทำให้จิตใจของผมสงบ จนเมื่อใกล้จะถึงโรงพยาบาลสัตว์ผมจึงได้เอ่ยคำถามออกมาอีกครั้ง

“น้าปองเล่าเรื่องคุณรดาให้ผมฟังหน่อยสิครับ”

ดวงตาที่ผ่านโลกมา 50 กว่าปีมองผมผ่านกระจกแว่บหนึ่ง

"ผมไม่ค่อยรู้จักเธอหรอกครับ รู้แค่ว่าเธออยู่บ้านท่านมาตั้งแต่เด็ก ตอนผมลาออกมาทำงานกับท่านตอนนั้นเธอก็อยู่มัธยมแล้วล่ะครับ”

“แล้วหน้าตาของคุณรดาเหมือนผมมากมั๊ยครับ?”

“คุณเต็มเหมือนคุณหญิงมากกว่าครับ”

คำตอบนี้เกือบทำให้ผมหัวเราะ

“คุณเต็มเหมือนคุณหญิง แต่นิสัยและบุคคลิคได้คุณท่านมาแทบทั้งหมดเลยล่ะครับ”

คำอธิบายของน้าปองทำเอาผมหุบยิ้มแทบไม่ได้ สมแล้วครับที่น้าปองเป็นมือขวาของคุณพ่อ บุคคลคนนี้มีความเฉลียวฉลาดและเก่งกาจชนิดที่จับตัวได้ยากเลยทีเดียว

อีก 2 ไฟแดงก็จะถึงปลายทาง ผมยืดตัวขึ้นเล็กน้อยแล้วสบตากับน้าปองที่หันมามองหน้าผมแบบตรงๆ แว่บนึง

“เกิดอะไรขึ้นกับคุณรดาเหรอครับ?”

ไม่มีคำตอบเป็นคำพูด จะมีเพียงแต่เสียงหัวเราะเบาๆ มันไม่ใช่เสียงหัวเราะที่เกิดจากความขบขันแต่น้าปองหัวเราะเพราะรู้ทันในความคิดของผม และมันก็ชวนให้ผมต้องยิ้มตาม

มีคนเคยพูดไว้ว่า ‘ความจริงเป็นสิ่งไม่ตาย’ ซึ่งผมคิดว่ามันคงจะมีความหมายคล้ายๆ กับประโยคที่ว่า ‘ความลับไม่มีในโลก’ นั่นแหละครับ


.
.
.
.
.



เรื่องที่คุยกับน้าปองเมื่อเช้ายังคงวนเวียนอยู่ในหัวจนถึงตอนสาย เพราะหลังจากนั้นผมเลือกที่จะลุยเรื่องงานอย่างเดียว โรงพยาบาลสัตว์ที่นี่มีงานให้ทำเยอะแยะซะจนผมแทบจะไม่มีเวลาคิดหรือทำเรื่องอื่น อีกทั้งยังมีเคสกรณีศึกษาที่น่าสนใจมากมายที่ผมคิดว่ามันเป็นประโยชน์อย่างมาก

“อีจีนี่แกคิดจะทำงานไม่กินข้าวกินปลาบ้างรึไง?”

เงยหน้าขึ้นมองเพื่อนสาวที่ยืนเท้าสะเอวอยู่หน้าโต๊ะอย่างเอาเรื่อง

“ก็ยังไม่หิว”

ยิ้มหวานให้เพื่อนหน่อยครับ

“ต..”

“ฝากรายงานนี่ไปส่งให้อาจารย์หมอที่ห้องตรวจสามหน่อยสิ”

ตัดบทคำพูดของโบว์ไม่เท่าไหร่ผมยังทำนิสัยไม่ดีใส่เพื่อนด้วยการไล่เธอทางอ้อมอีก โบว์มองหน้าผมด้วยสายตาตัดพ้อแต่ก็ยอมรับกระดานรายงานแล้วเดินออกจากห้องไปโดยไม่โวยวายสักคำ และเมื่อเพื่อนไปแล้วผมก็ได้แต่เอ่ยขอโทษออกมาเบาๆ

ผมยอมรับสารภาพว่ายังไม่พร้อมจะคุยหรืออธิบายกับใครทั้งนั้น ผมรู้สึกเหนื่อยกับการคิดหาทางออก รู้สึกอึดอัดเหมือนมีใครเอาก้อนหินมากองสุมไว้อยู่ในอก ไม่สามารถตะโกนขอให้ใครช่วยและไม่สามารถจะพูดระบายกับใครได้เหมือนกัน ผมคิดเพียงแค่ว่างานที่หนักขึ้นจะช่วยให้ผมลืมและหยุดคิดเรื่องต่างๆ ลงได้

ช่วงยุ่งๆ จึงไม่ทันได้ดูนาฬิกา รู้ตัวอีกทีก็ตอนที่ซันเดินมาตามให้ไปทานข้าวซึ่งก็ล่วงไปเกือบจะบ่าย 2 โมง แต่ร้านในโรงอาหารก็ยังเปิดขายอยู่เกือบทุกร้าน ซึ่งโบว์ก็นั่งรออยู่ที่โต๊ะพร้อมกับอาหารที่สั่งไว้พร้อมแล้ว

เห็นถ้วยบนโต๊ะก็รู้ได้ทันทีว่าอาหารของผมคือถ้วยไหน ผมเป็นคนชอบทานซุปหรืออาหารประเภทต้มที่รสไม่จัด มีผักและเนื้อสัตว์ครบในถ้วยเดียว แต่ทั้งๆ ที่เป็นเมนูที่ผมชอบ... แต่ผมกลับทานมันไม่ลง

“ข้าวเขามีไว้กินไม่ได้มีไว้เขี่ย”

เสียงประชดประชันของโบว์ทำให้ผมสะดุ้งเล็กน้อย เพิ่งรู้ตัวครับว่ากำลังนั่งเหม่ออยู่ และดวงตา 2 คู่ของเพื่อนรักก็กำลังมองมาที่ผมด้วยความห่วงใย

“ไม่อร่อยรึไง?”

ซันถามแล้วก็ลองใช้ช้อนตักต้มจืดในถ้วยของผมไปชิม จากนั้นก็พูดว่า ‘ก็อร่อยดีนี่นา’ เหตุการณ์ทุกอย่างในตอนนี้เป็นเรื่องปกติไม่ได้มีอะไรพิเศษ แต่ทำไมหัวใจของผมถึงได้รู้สึกเจ็บแบบนี้นะ ผมสะอึกเบาๆ 1 ครั้ง

“ไม่อร่อยก็ไม่อร่อย ไม่ต้องกินแล้วก็ได้ แต่ต้องบอกมาว่าอยากกินอะไรจะได้ไปหาซื้อให้”

มือหนาดึงทิชชู่อย่างรีบร้อนแล้วยื่นมาเช็ดอะไรบางอย่างบนแก้มของผม และด้วยความสงสัยผมจึงจับมือของซันไว้แล้วลองแตะแก้มของตัวเองดู.. นี่ผมกำลังร้องไห้?

“ขอร้องล่ะ.. อีจีแกอย่าเป็นแบบนี้ได้มั๊ย?”

โบว์พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ

“นี่มันไม่ใช่อีจีที่ฉันรู้จัก ฮึก แกเป็นใคร? กล้าดียังไงถึงได้มาสิงร่างเพื่อนของฉัน ฮึก”

นั่นสิ ตอนนี้ผมกำลังทำอะไรอยู่ ผมไม่เคยเป็นแบบนี้ ความมั่นใจ ความเป็นตัวของตัวเอง ความคิดวิเคราะห์แยกแยะเหตุและผลที่ผมเคยมีหายไปไหนหมด หรืออาจจะเป็นเพราะมีหลายเรื่องประดังประเดเข้ามาพร้อมกันจนผมตั้งรับไม่ทัน ส่วนที่อ่อนแอที่สุดที่ปิดซ่อนไว้ในจิตใจถึงได้แสดงตัวตนออกมาโดยที่ผมเองก็ไม่รู้ตัว

“ขอโทษ”

“ขอโทษทำไม แกไม่ได้ทำอะไรผิดสักหน่อย ฮืออ”

เพื่อนสาวลุกขึ้นแล้วกอดผมเอาไว้แน่น จนถึงตอนนี้ผมก็ยังไม่รู้ว่าเสียงร้องไห้ที่ดังอยู่นี้เป็นของโบว์หรือของผมกันแน่


.
.
.
.
.

มีต่อด้านล่างนะคะ :oni1:

V
V
V

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด