█ ▌รักเต็มใจ ❤➽ Heart Is Full ▌█ ┠ 37 The End ┨ (2017.11.11) P.36
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: █ ▌รักเต็มใจ ❤➽ Heart Is Full ▌█ ┠ 37 The End ┨ (2017.11.11) P.36  (อ่าน 232381 ครั้ง)

ออฟไลน์ imseries

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 176
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
หวังว่าจะง้อสำเร็จนะ
น้องเต็มงอนนานๆนะลูกอย่าไปยอมง่ายๆ
ถ้าให้ดีตบสักทีสองทีค่อยหาย555555

ออฟไลน์ shoi_toei

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4359
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +222/-26
เพิ่งเข้ามาอ่านค่า

อ่านแล้วลำไย พ่อ แม่ ของพระเอก ฝ่ายพ่อเหมือนจะช่วย

แต่พอไปสะกิดความหลัง กลับลำเฉย ๆ เหอ ๆ

ออฟไลน์ mystery Y

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7677
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +585/-12
รอตอนต่อไป~

ออฟไลน์ RIRIN

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 250
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +492/-2
█ ▌รักเต็มใจ ➽ HEART IS FULL ▌█





┠ 28 ┨










ดวงตาคู่สวยและแพขนตายาวเรียงเป็นระเบียบของหมูน้อยตรงหน้าทำให้นึกถึงดวงตาของใครบางคนขึ้นมาจึงได้หยุดมองอยู่นานสองนาน จนกระทั่งมันส่งเสียงร้อง ‘อี๊ดๆ’ ออกมา ผมจึงหลุดขำแล้วลูบหัวน้องหมูด้วยความเอ็นดู

หมูน้อยตัวนี้ชื่อศรีเรือนครับ เป็นหมูแคระเพศเมียที่เจ้าของซื้อมาเลี้ยง แต่ไม่รู้ว่าศรีเรือนไปแอบกินอะไรมาจึงท้องเสีย เจ้าของเห็นว่าอาการไม่ดีแน่ๆ เพราะถ่ายท้องติดกันหลายวัน แถมศรีเรือนยังกินน้อยลง เมื่อวานเจ้าของจึงตัดสินใจพามาโรงพยาบาลสัตว์

สัตวแพทย์ฝึกงานจะได้รับมอบหมายให้ดูแลงานในเคสทั่วไป ถ้าวันไหนงานไม่เยอะก็สามารถจับคู่เพื่อนสัตวแพทย์ดูแลรักษาสัตว์ด้วยกันได้ ถ้าวันไหนสัตว์ป่วยล้นโรงพยาบาลก็ต้องแยกกันทำงาน แต่ถ้าเป็นเคสฉุกเฉิน ทำหมัน หรือโรคติดต่อร้ายแรง พวกเราจะมีอาจารย์คอยดูแลควบคุมการทำงานอย่างใกล้ชิด ซึ่งในกรณีของศรีเรือนนี้มีผมและโบว์เป็นสัตวแพทย์เจ้าของไข้คู่กัน วันนี้งานไม่เยอะเราทั้งคู่จึงอยู่ทำงานด้วยกันได้
 
“น้องศรีเรือนครับ วันนี้หมอขอตรวจท้องหน่อยนะ”

ศรีเรือนร้อง ‘อี๊ด’ อีกครั้ง เป็นอันว่าเจ้าตัวอนุญาต

“กับหมอเต็ม น้องศรีเรือนนิ่งให้ตรวจเชียวนะ แต่ทำไมกับหมอโบรัมคนสวยเนี่ยศรีเรือนขู่จังเลยล่ะคะ”

เจ้าของศรีเรือนหัวเราะขำกับคำพูดของโบว์ แต่ดวงตาภายใต้กรอบแว่นเหลือบมองมาที่ผม

“สงสัยศรีเรือนจะชอบคุณหมอเต็มใจหน่ะครับ ศรีเรือนชอบคนน่ารัก”

“หืมมมม??”
   
แน่นอนว่าเรื่องแบบนี้ปฏิกิริยาของเพื่อนสาวไวและชัดเจนกว่าผมเป็นหลายเท่า โบว์ยิ้มหวาน
   
“ศรีเรือนนี่ตาถึงจริงๆ เลยนะคะ”
   
ใบหน้าขาวสะอาดดูแล้วน่าจะอายุรุ่นราวคราวเดียวกับผมระบายรอยยิ้มเขิน ในขณะที่ผมถอดสเต็ตโทสโคปหรือหูฟังออกแล้วส่งให้โบว์ซักถามอาการทั่วไปของน้องศรีเรือนจากเจ้าของต่อ ซึ่งระหว่างนั้นใบหน้าที่แสนคุ้นเคยพร้อมรอยยิ้มอันแสนอบอุ่นก็โผล่มาที่ประตูหน้าห้องตรวจ
   
“หมอเต็มครับ”
   
“ครับหมอซัน”
   
ผมแอบยิ้มกับคำเรียกอย่างเป็นทางการที่เราใช้เรียกกันในเวลาทำงาน
   
“รบกวนหมอเต็มช่วยไปดูเคสป่วยห้องตรวจสี่แทนผมได้มั๊ยครับ”
   
“ดะ..”
   
“เดี๋ยวให้หมอซันดูแลน้องศรีเรือนต่อกับหมอโบว์นะคะ”
   
ยังไม่ทันจะได้ตอบเลยครับ คุณนายโบรัมก็แย่งตัดหน้าหันไปบอกเจ้าของน้องศรีเรือนแทนผมเสร็จสรรพ แม้จะสงสัยนิดหน่อยว่าทำไมซันถึงต้องมาตามผมไปดูแลเคสแทน แต่ผมก็ยอมวางมือจากงานตรงหน้าแล้วส่งต่อให้ซันจัดการแทนโดยไม่คิดจะถาม
   
ห้องตรวจสี่อยู่อีกฝั่ง ผมแวะล้างมือด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อตรงอ่างล้างหน้าก่อนจะไปห้องตรวจ และเมื่อมาถึงคิ้วของผมก็แทบจะขมวดทันที
   
“สีส้มเป็นอะไร?”

ถามผู้ช่วยสัตวแพทย์ที่กำลังเกาคางปลอบสีส้มอยู่บนตั่งตรวจ แต่เสียงที่ตอบเป็นน้ำเสียงทุ้มนุ่มของใครอีกคน

“ซึม เบื่ออาหาร”

“ไอ จาม มีน้ำมูกหรือถ่ายเหลวด้วยมั๊ย?”

“ไม่มี”

เหลือบมองหน้าคุณผู้ช่วย ฝ่ายนั้นส่งสายตาปริบๆ เหมือนจะไม่เข้าใจว่าผมต้องการอะไร ผมจึงต้องปล่อยเลยตามเลย
ตรวจเช็คดวงตา หู ท้องของสีส้มโดยเบื้องต้น ทุกอย่างปกติดีครับ จมูกก็ไม่มีน้ำมูก ลองตรวจการเต้นของหัวใจและอุณหภูมิของร่างกายทุกอย่างปกติดี ประวัติของสีส้มได้รับวัคซีนครบทุกเข็ม ผมนี่แหละเป็นคนฉีดให้เองกับมือ อาหารที่กินทั้งอาหารเม็ดอาหารเปียกผมก็เลือกเฉพาะเกรดพรีเมี่ยมและปรับเปลี่ยนไปตามความเหมาะสมของวัยทุกอย่าง แต่กรณีที่สัตว์ป่วยเกิดอาการซึมและเบื่ออาหารมันก็มีหลายสาเหตุนะครับ

“เป็นมานานรึยัง?”

“หลายอาทิตย์แล้ว”

ห๊ะ! เป็นมานานขนาดนั้นหมายความว่ายังไง?!

“แล้วทำเหี้ยอะไรอยู่ถึงเพิ่งพามา!”

โกรธจนหน้ามืดเลยครับ ผมตวาดใส่ผู้ชายตัวโตที่ยืนหน้าเจื่อนออกไปเสียงดังลั่น เจ้าตัวสะดุ้งใบหน้าคมที่เจื่อนอยู่แล้วยิ่งซีดลงไปอีก คุณผู้ช่วยเองก็สะดุ้งหน้าซีดเผือดไม่ต่างกัน ส่วนสีส้มนี่ไม่ต้องพูดถึงเลยครับตกใจจนขนตั้งเลย

“เอ่อ.. หมอเต็มใจคะ”

คุณผู้ช่วยเรียกชื่อผมเพื่อเตือนสติ ผมจึงตวัดหางตาใส่ผู้ชายตรงหน้าแล้วขอสีส้มจากคุณผู้ช่วยมาอุ้มไว้เอง นวดคอและลูบช้าๆ ตรงระหว่างคิ้วเพื่อปลอบโยน จนได้ยินเสียงกรนเบาๆ นั่นแสดงว่าแมวกำลังเข้าสู่สภาวะสบายตัวขึ้นครับ

“เปลี่ยนอาหาร จัดบ้านใหม่ หรือมีแมวตัวอื่นมาป้วนเปี้ยนบ้างมั๊ย?”

ถามโดยไม่หันไปมองหน้า คนตอบเงียบไปนานจนผมต้องตวัดหางตาใส่อีกรอบจึงค่อยได้อ้าปากพูดออกมา

“ไม่มีใครหรืออะไรใหม่ทั้งนั้น.. มีแค่สีส้มตัวเดียว”

หืม?..... ผมขมวดคิ้วเล็กน้อยกับคำตอบที่ได้ยิน แน่ใจนะว่าตอบคำถามเกี่ยวกับสีส้มอยู่? ผมตั้งท่าจะตวาดใส่อีกฝ่ายอีกรอบ แต่เมื่อเหลือบไปเห็นสีหน้าลำบากใจของคุณผู้ช่วยผมก็ต้องหุบปากและระงับอารมณ์ให้เย็นลง และราวกับว่าสีส้มจะรับรู้ความรู้สึกของผม แมวน้อยจึงเอาจมูกมาถูปลายคางของผมพร้อมกับร้อง ‘เมี๊ยว’ เบาๆ  ผมจึงกระซิบเบาๆ ตรงหูของสีส้มว่า ‘คิดถึงจังเลย’ ไม่น่าเชื่อใช่มั๊ยละครับว่าสีส้มทำให้อารมณ์ของผมเย็นลงได้

ผมจูบหน้าผากแมวน้อยตัวอ้วนด้วยความหมั่นเขี้ยว ก่อนจะตวัดหางตาไปมองร่างสูงที่เหงื่อเริ่มซึมตรงหน้าผาก และใบหูก็ขึ้นสีแดงจัด

“ไม่ได้ปล่อยไปเที่ยวนอกบ้านใช่มั๊ย?”

“อืม.. ทุกอย่างเหมือนเดิม”

ดวงตาคู่คมนั่นจ้องมองผมด้วยประกายความมุ่งมั่นที่เต็มไปด้วยความคาดหวัง และผมก็แกล้งทำเป็นมองข้ามมันไป

“อากาศอาจจะร้อน สีส้มเลยเครียดง่าย เดี๋ยวหมอจะสั่งยาบำรุงไปให้ละกัน”

พูดจบก็วางสีส้มลงแล้วหันไปเขียนผลการตรวจและชื่อยาส่งให้คุณผู้ช่วย เสร็จแล้วผมก็อุ้มสีส้มพาเดินออกจากห้องตรวจตรงไปเคาท์เตอร์ด้านหน้ารอรับยา และหาของเล่นแมวมาเล่นกับสีส้มฆ่าเวลาเพราะกว่าจะถึงคิวของสีส้มก็ใช้เวลาหลายนาที

ผ่านไป 10 นาที เสียงเรียกคิวรับยาของสีส้มดังขึ้น ผมส่งสีส้มคืนเจ้าของแล้วลุกขึ้นไปรับยา ในขณะที่ร่างสูงเดินไปจ่ายเงิน เจ้าหน้าที่จ่ายยาเห็นผมมารับยาด้วยตัวเองจึงทำเพียงยกมือไหว้พร้อมส่งยิ้มและเรียกคิวต่อไปทันที ไม่ได้อธิบายรายละเอียดเกี่ยวกับการใช้ยาให้ลูกค้าฟัง ผมก็ไม่ได้ต่อว่าเธอหรอกนะครับ

ยืนรอเจ้าของแมวอ้วนจ่ายค่ารักษาจนเสร็จ เจ้าตัวก็เดินกลับมาที่ผม

“เต็ม..”

“ใช้ไซลิงก์ดูดยาขึ้นมาแค่สองซีซี ป้อนหลังอาหารเช้าเย็น”

ผมหยิบไซลิงก์หรือหลอดดูดยาออกมาชี้วัดระดับขนาดยาที่เหมาะสมในการทานให้อีกฝ่ายดู

“เต็ม..”

“ยาตัวนี้สีส้มชอบ ทานง่าย หลังจากเปิดขวดแล้วก็ให้แช่ตู้เย็นไว้ และต้องทานติดต่อกันจนหมดขวด”

อธิบายเสร็จก็ส่งถุงยาให้คนตรงหน้า แต่เจ้าตัวไม่ยอมรับ ผมจึงยัดใส่มือใหญ่แล้วเดินกลับไปทำงานเพราะถือว่าหมดหน้าที่ของผมแล้วล่ะครับ

“เดี๋ยวสิเต็ม..”

เสียงทุ้มเรียกตามหลัง ผมเร่งฝีเท้าขึ้น แต่อีกฝ่ายขายาวกว่าสาวเท้าแค่ไม่กี่ก้าวก็ตามทัน มือใหญ่จับรั้งต้นแขนของผมเอาไว้

“ขอคุยด้วยได้มั๊ย?”

“นี่มันเวลางาน”
   
“เทมป์รอจนเต็มเลิกงานก็ได้”
   
ผมพลาดที่ไปมองตาอีกฝ่าย ผมเกลียดสายตาคู่คมที่เต็มไปด้วยความกังวลและเศร้าหมอง เกลียดจนต้องเบี่ยงหน้าหลบไปทางอื่น พร้อมกับดึงแขนของตัวเองออกจากพันธนาการแล้วก้าวขาให้ไปถึงพื้นที่เฉพาะเจ้าหน้าที่ให้เร็วที่สุดโดยไม่คิดจะหันหลังกลับไปมองอีก
   
หลังจากเคสของสีส้มผมก็มีตรวจน้องหมาน้องแมวต่ออีกหลายเคส แม้จะเลยเวลาเลิกงานไปเกือบชั่วโมงแต่สัตวแพทย์ทุกคนก็ต้องทำหน้าที่ให้เสร็จครบหมดทุกคิวของวันนี้ เสร็จงานแล้วก็ใช่ว่าพวกเราจะกลับบ้านได้ทันทีนะครับ เรายังต้องไปตรวจเช็คอาการและเขียนรายงานอาการของสัตว์ป่วยรอการพักฟื้นที่อยู่ในการดูแลอีกหลาย 10 ตัว บางตัวอาการดีขึ้นก็ยิ้มได้ แต่บางตัวอาการแย่ลงภูมิคุ้มกันลดต่ำนี่ก็ทำเอาเครียดและเป็นกังวลไม่น้อยเลยทีเดียว ซึ่งในกรณีที่เข้าข่ายฉุกเฉินแบบนี้จะต้องรีบแจ้งอาจารย์ทันทีครับ
   
โรงพยาบาลสัตว์ของรัฐเปิดบริการจันทร์-ศุกร์ เวลาเลิกงานจริงๆ คือ 17.00 น. แต่กว่าจะได้เก็บกระเป๋ากลับบ้านจริงๆ ก็เกือบ 2 ทุ่ม และบางวันก็ต้องอยู่เวรคอยดูแลสัตว์ป่วยที่พักฟื้นอยู่ที่โรงพยาบาล ซึ่งจะหมุนเวียนสับเปลี่ยนกันไปเฉลี่ยแล้วจะต้องอยู่เวรกันสัปดาห์ละ 2 วัน และวันนี้ก็เป็นเวรของเรา 3 คนครับ โชคดีหน่อยที่พรุ่งนี้เป็นวันเสาร์ ออกเวรแล้วจึงได้หยุดพักอยู่บ้าน
   
“อีจี”
   
“อืม?”
   
ผมตอบรับเสียงเรียกของเพื่อนสาวขณะที่กำลังเขียนรายงานผลตรวจของสัตว์ป่วยของวันนี้
   
“แกจะไม่ไปคุยกับน้องกองทัพหน่อยเหรอ?”
   
คำถามของโบว์ทำให้ปลายปากกาชะงักลงไปเล็กน้อย
   
“ฉันให้เวลาเขาไปแล้ว..”
   
นี่ผมพูดจริงนะครับ เวลากว่า 10 นาทีในวันนี้ที่ผมแกล้งยื้อเอาไว้เพื่อให้อีกฝ่ายได้พูดมันหมดลงไปตั้งนานแล้ว และผมก็ไม่สามารถย้อนเวลากลับไปได้อีก
   
คำตอบของผมทำให้โบว์ถึงกับเงียบไป ผมจึงนั่งเขียนรายงานต่อเงียบๆ อีกครู่ใหญ่จนกระทั่งซันที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามผมได้พูดขึ้นทำลายความเงียบนั้น
   
“ไปคุยกับน้องเขาหน่อยสิเต็ม จะได้รู้เรื่องเคลียร์กันไป หนีปัญหาอยู่แบบนี้มันไม่ใช่เต็มเลยนะ”
   
ประโยคของซันทำให้ผมถึงกับต้องหยุดมือแล้วเงยหน้าขึ้นมองเพื่อนอย่างกับไม่เชื่อว่าเมื่อครู่ซันเป็นคนพูด ไม่ต่างจากโบว์ที่ยืนมองซันตาปริบๆ อยู่ครู่ใหญ่ก่อนจะหันมามองหน้าผมด้วยสายตาจริงจัง
   
“นี่ร้อยปีพันชาติไม่เคยเห็นเสี่ยซันออกโรงเป็นพ่อสื่อให้ใครเลยนะ ยังไงแกก็เห็นแก่เสียซันของกูหน่อยดิวะอีจี”
   
อ่อ... ผมมองหน้าซันสลับกับโบว์แบบอึ้งๆ หน่อยนึง บอกตามตรงซันในโหมดแบบนี้ทำเอาผมรู้สึกเกรงใจจนพูดอะไรไม่ออกเลยล่ะครับ

คุณนายโบรัมคงจะรำคาญท่าทางงงๆ ของผม เธอจึงเดินมาฉุดให้ผมลุกขึ้นแล้วทั้งผลักทั้งดันหลังไปจนถึงประตูด้านข้างของโรงพยาบาล
   
“ออกไปคุยกันให้รู้เรื่องไป จะปล้ำซั่มกันในรถเพื่อกระชับความสัมพันธ์ฉันก็ไม่ว่าแต่ช่วยส่งไลน์บอกกันก่อนสักนิด ฉันจะได้ตามไปตั้งกล้องบันทึกภาพเคลื่อนไหวได้ทันเวลา”
   
ประโยคที่เพิ่งจบไปนี่คนที่พูดเป็นผู้หญิงแท้ๆ นะครับ เท้าสะเอวพูดฉอดๆ แบบไม่อายเลยสักนิด แต่คนที่อายนี่ก็คือผมนี่แหละ ผมเลยต้องยอมเดินห่างออกมาหยุดยืนข้างประตูรั้ว เพื่อนสาวโบกมือหยอยๆ พร้อมชูกำปั้นว่าสู้ๆ ผมก็ได้แต่ถอนหายใจเบาๆ พร้อมกับส่ายหน้าด้วยความเหนื่อยอกเหนื่อยใจ
   
“เต็ม..”
   
สะดุ้งเล็กน้อยกับเสียงเรียกที่ดังมาจากนอกรั้ว แต่ผมก็ไม่ได้หันไปมองในทันที ผมยังคงยืนหันหลังอยู่อย่างนั้นฟังเสียงจอแจของรถบนถนนและผู้คนที่เดินผ่านไปมานอกรั้ว
   
“เทมป์ขอโทษ..”

ประโยคที่ดังขึ้นสามารถกลบทุกสรรพเสียงได้อย่างไม่น่าเชื่อ ผมสูดลมหายใจเข้าออกอยู่ครู่ใหญ่เพื่อบรรเทาความจุกแน่นที่ตีตื้นขึ้นมาภายในอก
   
“เทมป์ไม่เคยนอกใจเต็มเลยแม้แต่ครั้งเดียว ไม่เคยอยู่ในความคิดของเทมป์เลยสักนิดและไม่มีวันจะเกิดขึ้นเด็ดขาด.. เรื่องทั้งหมดเกิดขึ้นเพราะเทมป์โง่เอง”
   
ใช่ครับ ผู้ชายที่พูดอยู่ตอนนี้โง่จริงๆ โง่มากด้วย แต่มันเป็นความโง่ที่เกิดจากความรัก ความเชื่อใจ และความไว้ใจ ที่มีให้กับคนในครอบครัว และผมเชื่อว่าเรื่องแบบนี้มันเป็นพื้นฐานของความรู้สึกและจิตสำนึกของมนุษย์แทบจะทุกคนรวมทั้งตัวของผมด้วย
   
ถ้าจะให้พูดกันตามตรงผมเองก็ไม่ได้โกรธแค้นอีกฝ่ายถึงขั้นที่ว่าจะเลิกราจากกันได้ เมื่อลองทบทวนความรู้สึกหลายต่อหลายครั้งมันเป็นเพียงความผิดหวัง เสียใจ และน้อยใจเสียมากกว่า อีกทั้งตัวผมเองก็มั่นใจว่ารู้จักคนที่ตัวเองรักดีพอ รู้แม้กระทั่งว่าเจ้าตัวมีจุดอ่อนที่แอบเก็บซ่อนไว้ตรงไหนบ้าง อย่างเช่นเวลาไม่สบายก็จะชอบอ้อนและงอแงเหมือนเด็กๆ อีกทั้งยังอ่อนไหวในเรื่องความรักง่ายมาก ผมเชื่อว่าผู้ชายตัวโตๆ คนนี้เสียน้ำตาให้กับเรื่องที่เกิดขึ้นมากกว่าผมเป็นแน่ และที่สำคัญที่สุดก็คือสาเหตุที่ทำให้ผมตกอยู่ในสภาวะคนหลงทางนั้นไม่ได้มีเรื่องนี้แค่เรื่องเดียว มันมีรื่องที่ทั้งหนักหนาและต้องใช้เวลาคิดให้รอบคอบอีกเยอะครับ ผมจึงตัดสินใจหันหลังกลับไปเผชิญหน้ากับความเป็นจริง
   
“เรากลับมาเป็นเหมือนเดิมได้มั๊ย?”
   
ประโยคคำถามนั้นทำให้ผมตระหนักได้ว่าเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดมันไม่ได้เกิดจากเราทั้งคู่แต่มันเกิดจากคนรอบข้างที่จงใจจะให้เกิดต่างหาก ผมก็ยังคงรักอีกฝ่ายเหมือนเดิม และอาจจะมากขึ้นกว่าเดิมด้วยซ้ำ
   
“เต็ม...”
   
เพราะผมเงียบ เสียงทุ้มจึงเรียกชื่อผมด้วยน้ำเสียงราวกับจะวิงวอนขอร้อง
   
“จะจัดการยังไงกับผู้หญิงคนนั้น?”
   
ไม่ตอบคำถามแต่ถามในสิ่งที่อยากจะรู้กลับไปแทน
   
“เทมป์จะไม่ยุ่ง ไม่คุย ไม่ติดต่อ และไม่ข้องเกี่ยวอีกเลยตลอดชีวิต”
   
ตอบออกมาเร็วมากชนิดที่ว่าถ้าคนที่กำลังพูดถึงมาได้ยินคงร้องกรี๊ดจนแก้วหูทะลุแน่ ผมเหน็บยิ้มตรงมุมปากเล็กน้อย
   
“งั้นเหรอ? แต่งานหมั้นจะมีขึ้นทันทีที่เรียนจบไม่ใช่รึไง?”
   
“คุณพ่อไปพูดอะไรกับท่านและคุณหญิงอย่างนั้นเหรอ?”
   
“แล้วทำไมไม่ไปถามท่านเองล่ะ”
   
คนที่ขอถอนหมั้นไม่ใช่ผมแต่เป็นคุณอาดิษฐ์ที่อ้างว่าลูกชายของตัวเองไม่เหมาะสมกับผม ลูกชายของท่านทำเรื่องมากมายให้ทางครอบครัวและตัวผมเดือนร้อน ท่านในฐานะพ่อของอีกฝ่ายจึงขอให้ผมถอนหมั้นกับลูกชายของเขาเสียเพื่อรักษาเกียรติของผม ฟังดูเหมือนว่าคุณอาดิษฐ์จะเป็นห่วงผมแต่เปล่าเลยคำพูดสวยหรูเหล่านั้นเป็นเพียงฉากบังหน้าเพื่อให้ผมกับลูกชายของท่านยุติความสัมพันกันโดยไม่มีพันธะใดๆ แล้วจะให้คุณพ่อคุณแม่ของผมทำยังไงได้ล่ะครับนอกจากคืนแหวนหมั้นให้เขาไป
   
“เรื่องนั้นจะไม่มีวันเกิดขึ้นเด็ดขาด”
   
ทั้งน้ำเสียงและสีหน้าจริงจังจนผมต้องเหน็บยิ้มอีกรอบ
   
“ยังไง?”
   
ผมถามหาเหตุผลและคำอธิบายที่อีกฝ่ายคิดจะต่อต้านความต้องการของบุพการี ดวงตาคู่คมจ้องมองผมคิ้วเข้มขมวดเข้าหากันอยู่อย่างนั้นนานสองนานจนผมขอเสนอคำตอบออกมาเสียเอง
   
“จะหนีตามกันไปแล้วพากันไปกินเกลืออย่างนั้นเหรอ?”
   
เจ้าตัวร้อง ‘หืม’ ออกมาเบาๆ แล้วคิ้วเข้มที่ขมวดกันก็คลายออกอย่างรวดเร็วก่อนจะเปลี่ยนเป็นเลิกสูงขึ้น และถัดมาอีกไม่กี่วินาทีริมฝีปากบางก็วาดเป็นรอยยิ้ม
   
“เต็มไม่ชอบกินเค็มนี่นา แล้วเทมป์จะพาไปกินเกลือทำไมล่ะ?”
   
ห๊ะ!? นี่กำลังกวนตีนผมอยู่เหรอ??? ไหนบอกจะมาง้อแล้วยังจะมากวนตีนใส่กันอีก ผมหมุนตัวเตรียมเดินกลับเข้าโรงพยาบาลแทบจะทันที
   
“เดี๋ยวสิเต็ม.. เดี๋ยวก่อนๆ”
   
ไม่ฟังเสียงเรียกอะไรทั้งนั้น หมดอารมณ์จะให้ง้อแล้วครับ
   
“คนที่ไปทาบทามขอหมั้นเต็มคือคุณปู่คุณย่านะ”
   
ว่าไงนะ? ประโยคที่เพิ่งจบไปทำให้ผมต้องหยุดชะงักเท้าแล้วหันกลับไปหาอีกฝ่ายอีกรอบ ใบหน้าคมระบายรอยยิ้มดีใจเสียจนน่าหมั่นไส้
   
“คนที่ไปทาบทามขอหมั้นเต็มคือคุณปู่คุณย่า คนที่อนุญาตให้เราหมั้นกันก็คือคุณพ่อคุณแม่ของเต็ม และคนที่รักกันก็คือเราทั้งคู่”
   
อืม.. ก็ใช่ แล้วไงล่ะ?? ผมยืนรอฟังคำอธิบายเพิ่มเติม และอีกฝ่ายก็ยิ้มกว้างขึ้น
   
“แล้วจะให้คนอื่นที่นอกเหนือจากนี้มาตัดสินเรื่องของเราได้ยังไง”
   
อ่อ.. มันก็จริงตามนั้น
   
“เทมป์ยังรักเต็มไม่เคยเปลี่ยน เทมป์อาจจะโง่ในบางเรื่องไปบ้างแต่มันก็ไม่ได้ทำให้หัวใจของเทมป์เปลี่ยนไปสักนิด”
   
ไม่ใช่โง่ในบางเรื่อง แต่เรียกได้ว่าโง่อยู่แค่เรื่องเดียวมากกว่า และผมก็คิดว่าหลังจากเรื่องนี้ผ่านไปเจ้าตัวคงจะฉลาดที่จะรับมือและคิดแก้ปัญหาที่เกิดจากบุคคลเหล่านั้นได้มากขึ้น
   
“เต็มยกโทษให้เทมป์ได้มั๊ย?”
   
มาอีกแล้วครับน้ำเสียง สีหน้า และแววตา วิงวอนขอร้องปานจะขาดใจ ผมถอนหายใจออกมาเบาๆ แล้วมองอีกฝ่ายกลับไปด้วยสายตาจริงจัง
   
“แล้วถ้าวันหนึ่งเต็มทำอะไรโง่ๆ ลงไปบ้างล่ะ.. เทมป์จะให้อภัยมั๊ย?”
   
“แน่นอนอยู่แล้ว”    
   
ตอบเร็วแบบไม่ต้องคิดอีกแล้ว ถ้าอย่างนั้นผมจะถือว่านี่คือคำสัญญาแล้วนะครับ

“ยกโทษให้เทมป์แล้วใช่มั๊ย?”

“อืม”

“อะไรนะ?”

“อืมมม”

“ห๊ะ? ไม่ค่อยได้ยินเลย”

ไอ้บ้าเอ้ย! ได้คืบแล้วจะเอาศอกอยู่เรื่อย ผมสาวเท้าเข้าไปหาอีกฝ่ายจนชิดประตูรั้วแล้วตะคอกใส่หน้าเสียงดัง

“ก็บอกว่าเออ! ได้ยินรึยังวะ?!”

“ได้ยินแล้ว ชัดเจนเลย”

ยังจะมาฉีกยิ้มอีก ต้องการแค่นี้ใช่มั๊ย? ผมจะได้กลับเข้าไปทำงานต่อสักที แต่ยังไม่ทันจะได้หมุนตัวมือหนาก็สอดเข้าทางช่องประตูรั้วคว้าข้อมือของผมรั้งเอาไว้เสียก่อน

“อะไรอีกเล่า?”

คำตอบคือถุงพลาสติกถุงใหญ่ถูกยัดใส่มือของผมไว้ แค่เหลือบมองก็รู้ว่ามันคือของกินแถมยังร้อนๆ อยู่อีกด้วย ผมมองหน้าอีกฝ่าย เราสบตากันนิ่งๆ ในความเงียบที่กินเวลาเกือบนาทีมีความรู้สึกมากมายที่ไม่สามารถอธิบายออกมาเป็นคำพูดได้ จนกระทั่งเสียงบีบแตรของรถคันใดคันหนึ่งบนท้องถนนดังขึ้น ผมจึงหลบสายตาคู่คมนั้น แล้วแกล้งเบี่ยงตัวพิงรั้วก้มลงมองของในถุง จังหวะนั้นปลายจมูกโด่งก็ชนผะแผ่วเข้าตรงข้างแก้มพอดิบพอดี

“พรุ่งนี้เช้าจะแวะมารับนะ”
   
เสียงทุ้มกระซิบเบาๆ ผมเอียงและกรอกตาทำเป็นคิดเล็กน้อย แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่ได้ตอบออกไป เพราะผมเลือกที่จะหันหลังเดินกลับเข้าโรงพยาบาลด้วยเหตุผลสั้นๆ ที่ว่ากำลัง ‘เขิน’ อยู่ครับ อีกอย่างต่อให้ผมไม่ตอบคนอย่างเทมป์ก็คงจะรู้คำตอบของใจผมอยู่แล้วว่ามันคืออะไร บอกแล้วไงครับว่าแฟนของผมหน่ะฉลาดทุกเรื่องยกเว้นเรื่องเดียวนั่นแหละครับที่โง่ซ้ำโง่ซากและผมก็ขอละไว้ในฐานที่เข้าใจละกัน
   
เดินผ่านประตูเข้ามาก็ต้องสะดุ้งกับเพื่อนรัก 2 คนที่ไม่รู้ว่ามายืนอยู่หลังประตูตั้งแต่เมื่อไหร่
   
“แร่ด”

“หืม??”

ผมกระพริบตาปริบๆ ใส่โบว์ อะไรคือแร่ด??? งง??? โบว์กับซันมองหน้าผมแล้วขำออกมาพร้อมกัน อะไรของเขา?? ผมแบ่งถุงโจ๊กกับปาท่องโก๋ให้ซันช่วยถือ ส่วนที่เหลือในมือของผมเป็นน้ำเต้าหู้ครับ

กลับมาถึงห้องเวร โบว์ก็จัดการเทอาหารใส่จานและจัดแจงเทน้ำเต้าหูใส่แก้วพร้อมกับพูดเยินยอน้องกองทัพไม่หยุดปาก จนผมเริ่มสงสัยแล้วล่ะครับว่าเทมป์ติดสินบนคุณนายโบรัมไว้ด้วยอะไรกันแน่?

“อ่อ.. อีจีเพื่อนรักจำไว้นะ.. กัดก้อนเกลือกิน ไม่ใช่ กินเกลือ”

ขณะที่ผมกำลังละเลียดกินโจ๊กทีละนิดทีละหน่อย จู่ๆ โบว์ก็หันมาพูดกับผม

“กำลังดราม่าแต่แกพาฉันตกบ่อเกลือเฉย.. เสียรมณ์ค่ะซิส”

สารภาพว่าผมตามไม่ทันครับ แม้ผมจะกลับมาอยู่ไทยได้หลายปีแต่ในบางครั้งผมก็ไม่ค่อยจะเข้าใจประโยคหรือสำนวนสุภาษิตที่มันยากๆ หรอกนะครับ ผมหันไปขอความช่วยเหลือจากซันด้วยการถามเบาๆ ว่า ‘โบว์พูดถึงอะไรอยู่เหรอ?’ ซันมองหน้าผมแล้วยิ้มจนดวงตาหยักโค้ง

“ไม่มีอะไรหรอก โบว์คงบ่นไปเรื่อยตามประสาหน่ะ”

อ่อ.. ถ้าอย่างนั้นผมขอเดาว่ามันคงจะเป็นช่วงวันนั้นของเดือนของคุณนายโบรัมละกันนะครับ

.
.
.
.
.



ออกเวรตอน 8 โมงเช้า หลังจากส่งมอบงานกับเวรถัดไปที่อยู่ประจำในวันเสาร์เสร็จแล้วเราทั้ง 3 คนก็แยกย้ายกันกลับบ้าน เมื่อคืนผมโทรบอกน้าปองว่าไม่ต้องมารับเพราะผมรู้ว่าเช้านี้จะมีคนมารับผมแทนน้าปอง และเนื่องจากวันนี้เป็นวันหยุดของโรงพยาบาลพวกเราจึงต้องออกทางประตูด้านข้างแทน และคนขับรถเฉพาะกิจของผมก็ยืนรออยู่แล้วครับ

เปิดประตูรถผมก็เจอถุงกระดาษที่วางอยู่บนเบาะที่นั่งข้างคนขับ ผมหยิบมันขึ้นมาเปิดดูซึ่งด้านในมีกล่องกำมะหยี่สีน้ำเงินและไอโฟนเครื่องคุ้นตา ผมหันไปยิ้มให้กับอีกฝ่ายที่ก่อนจะหย่อนตัวลงนั่งบนเบาะ

“สีส้ม.. นอนหลับสบายเลยนะ”

ผมหันไปมองแมวอ้วนที่นอนหงายท้องหลับปุ๋ยอยู่ในตะกร้าตรงเบาะหลัง เห็นสีส้มแล้วก็อดที่จะหมั่นไส้เจ้าของไม่ได้ครับ ใช้มุกแมวป่วยมาหลอกสัตวแพทย์เนี่ยนะ คิดได้ไง? แต่ที่ตลกยิ่งกว่าก็คือตัวผมเองนี่แหละว่าทำไมถึงได้เล่นละครตามอีกฝ่ายไปด้วยซะอย่างนั้น และที่วางอยู่ข้างๆ ตะกร้านอนของสีส้มเป็นกระเช้าผลไม้กระเช้าใหญ่ ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเตรียมไว้เพื่ออะไร

คนขับรถขึ้นนั่งประจำที่พร้อมกับส่งกล่องพลาสติกกล่องใหญ่และขวดน้ำเก็บความร้อนให้ผม

“คุณย่าทำมื้อเช้ามาให้เต็มหน่ะ”

ยิ้มรับพร้อมกับเปิดฝากล่อง ด้านในเป็นอาหารจีนคล้ายซาลาเปาลูกใหญ่มากแถมมีตั้ง 4 ลูก

“หม่านโถวไส้หมูพะโล้ผัดแห้ง คุณย่าดัดแปลงมาจากอาหารจีนยูนนาน ทานคู่กับชาเปลือกส้ม”

“อ่อ.. ฝากขอบคุณท่านด้วยนะ”

เปิดฝาขวดน้ำชาสูดดมกลิ่น อืม.. แค่กลิ่นก็รู้สึกผ่อนคลายแล้วล่ะครับ ผมวางกล่องอาหารลงบนตักแล้วหยิบหม่านโถวมาบิกินทีละคำ มันก็อร่อยดีเหมือนกันนะครับ แต่ถ้าจะให้ผมกินหมดนี่คงจะไม่ไหว

“คุณย่าท่านสั่งชาเปลือกส้มจากกวางตุ้งมาให้เต็มโดยเฉพาะเลยนะ ท่านบอกว่าชาเปลือกส้มที่กวางตุ้งรสชาติดีที่สุดในโลก ให้เต็มชงดื่มทุกเช้าและก่อนนอนจะช่วยเรื่องเจริญอาหารและช่วยให้นอนหลับสบาย ที่จริงเทมป์กะจะเอามาให้ตั้งนานแล้วล่ะแต่เกิดเรื่องซะก่อนเลยยังไม่มีโอกาส”

กินไปก็พยักหน้าตามคำอธิบายไปด้วย ริมฝีปากบางทั้งท่าจะอ้าปากพูดอีกผมจึงจัดการยัดหม่านโถวพร้อมเนื้อหมูพะโล้แบบเน้นๆ เข้าปากไปโดยที่อีกฝ่ายไม่ทันจะตั้งตัว ดวงตาคู่คมหันมาส่งสายตาดุใส่ผม

“ยังไม่กินข้าวเช้าเหมือนกันไม่ใช่เหรอ?”

ก็เห็นว่าขับรถอยู่เลยใจดีจะป้อนให้ยังจะมาทำหน้าดุอีก ฝ่ายนั้นไม่ได้ตอบหรอกครับเพราะกำลังพยายามเคี้ยวอาหารที่มีเต็มปาก เห็นแล้วก็ตลกดี และผมก็ใช้วิธีกินเองบ้างป้อนคนขับรถบ้างไปเรื่อยๆ จนกระทั่งหม่านโถวหมดไป 2 ลูก ตามด้วยจิบชาเปลือกส้มจนหมดขวดก็อิ่มท้องพอดีเลยครับ

เช้าวันเสาร์รถก็ติดเหมือนทุกวันนั่นแหละครับ ระหว่างนั้นผมก็แอบมองหน้าผากสวยที่ยังมีร่องรอยสะเก็ดแผลแล้วก็ได้แต่คิดว่าตอนนั้นผมต้องใช้แรงเยอะขนาดไหนถึงได้เกิดแผลยาวและใหญ่ขนาดนี้ได้

“แผลที่หน้าผากเป็นยังไงบ้าง?”

“ไกลหัวใจเยอะ”

ตอบแบบนี้ก็จบไม่ถามต่อแล้วล่ะครับ ผมอมยิ้มแล้วแกล้งหันไปมองข้างทาง

“ใส่เสื้อเกราะมารึเปล่า?”

“ไม่อะ”

ละสายตาจากรถเข็นผลไม้แล้วหันมามองเสี้ยวหน้าคม นี่พูดจริงไม่ได้พูดเล่นนะครับ ผมรู้จักคุณพ่อของตัวเองดีเหมือนที่รู้จักตัวเองนี่แหละว่าท่านคงไม่ปล่อยให้อีกฝ่ายกลับบ้านแบบง่ายๆ แน่นอน

“เดี๋ยวก็ตายไม่รู้ตัว”

ดวงตาคู่คมหันมาสบตากับผมแว่บนึง มือหนาข้างหนึ่งละจากพวงมาลัยแล้วดึงมือของผมไปกุมประสานนิ้วไว้ด้วยกัน

“ก็ดีนะ จะได้ไม่ต้องเห็นเต็มร้องไห้ ไม่งั้นเทมป์เป็นกังวลนอนตายตาไม่หลับแน่นอน”

“ทำเป็นพูดดีไป”

“เขาเรียกเตรียมตัวเตรียมใจมาดีต่างหาก”

พอเถอะครับ ผมยอมแพ้แล้วล่ะ เพราะไม่ว่าจะยังไงก็คงจะต่อปากต่อคำกับอีกฝ่ายไม่มีวันชนะแน่ๆ แต่แบบนี้มันก็มีความสุขอีกแบบนะครับ

ผมปรับเบาะนั่งให้เอนลงอยู่ในระดับกำลังสบายแล้วปิดเปลือกตาลง สงสัยชาเปลือกส้มของดีจากกวางตุ้งจากคุณย่าจะออกฤทธิ์แล้วล่ะครับ ผมถึงได้ผล็อยหลับไปโดยไม่รู้ตัว


.
.
.
.
.
.
.



TBC.....  : 222222:

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
ง้อสำเร็จแล้ว เย้ๆๆๆๆ   :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:

สีส้มสื่อรัก "เมี้ยว......คิดถึงจังเลย"
ทั้งแมว ทั้งเทมป์ เอ่อ......เต็ม ด้วย ต่างก็คิดถึงจังเลย  :mew1:

เทมป์ พูดดี  o18
ที่ว่าคนไปขอเต็มหมั้นเต็ม คือคุณปู่ คุณย่า
ไม่ใช่พ่อแม่ปัญญาอ่อนซะหน่อย กรี๊ดดดดดดดดดด ถูกใจ  :ling1: :ling1: :ling1:
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ mooping-7

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2527
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +88/-5
กองทัพฉลาดขึ้นมาแล่วววว5555 ทีนี้ต้องผ่านด่านพ่อตาละ

ออฟไลน์ เอมมี่

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 572
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-1
โห...น้องเต็ม ยกโทษให้ง่ายเกินไปนะ ไม่สะใจเลย

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8893
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80

ออฟไลน์ o4u0n7

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 213
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
 :กอด1: สื่อรักผ่านสีส้ม

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
ผ่านไปอีกด่าน

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ O-RA DUNGPRANG

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1760
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-5
สู้ต่อไป o18 o18 o18

ออฟไลน์ มะปรางเปรี้ยว

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 340
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-2
ตายแน่ๆ กองทัพเอ้ย เห็นแววโดนพ่อตาฆ่าแน่ๆ สู้ๆ อย่ายอมแพ้ อยากหาเรื่องใส่ตัวก็ต้องยอมละนะ  :katai2-1:

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
เอาใจช่วยกองทัพ
รอตอนต่อไปค่ะ

ออฟไลน์ r.saranya

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 113
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
ต้องให้จองรถพยาบาลรอมั๊ยเนี่ย

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

ออฟไลน์ ่jum

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3704
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-4
อ่านไปบางทีก็หงุดหงิด เมื่อไหร่ยัยคุณนายตัวดีกับพี่ตัวแสบนั่นจะโดนซะบ้าง  :katai1:

ออฟไลน์ jimmyjimmy

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1962
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +58/-17
ด่าน เมีย ผ่าน
ด่าน ต่อไป......

ออฟไลน์ Unnie

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 177
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
กองทัพเอ้ยยย เล่นทำลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของคุณพ่อตาเจ็บขนาดนี้สงสัยได้หยอดน้ำข้าวต้มแน่ๆ ฮ่าาาาาาา

ออฟไลน์ labelle

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2664
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-0
หวังว่าเจอด่านโหดรอบนี้แล้วกองทัพจะคิดได้มากขึ้น และระวังตัวมากขึ้นนะ

เต็มใจยังไงก็ยังรัก รู้ว่าเทมป์พลาดก็หาเรื่องกระตุ้นซะจัดเต็มเลยนะ

คนรักกัน เข้าใจกันง่าย ชีวิตดีงามแบบนี้นี่เอง

พ่อยังไม่เท่าไหร่นะ อาจมีมองผ่านบ้าง แต่ยังไม่ร้ายแรง
แต่แม่กับนายพล มีปัญหามากหรอ รับยาบ้างไหมคะ

ออฟไลน์ Wrwrwr

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 163
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
ปูดสื่อรอตอนต่อไปเลยได้มั๊ยคะ  :katai4:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Wrwrwr

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 163
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
ต้องให้จองรถพยาบาลรอมั๊ยเนี่ย

เป็นความคิดที่ดีค่ะ  :laugh:

ออฟไลน์ Yara

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2104
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-2
ทั้งคู่ดีกันแล้ว แต่ตอนนี้ที่ติดใจคือพ่อกับแม่ของเทมป์เล่นอะไรอยู่กันแน่ถึงมาป่วนลูกขนาดนี้

ออฟไลน์ crazydoii

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 858
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-1
นี่คือครอบครัวของเทมป์รักแต่พี่ชาย?

ออฟไลน์ simpleyaoi

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 137
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
สงสารเทมป์อะ พรุ่งนี้นอกจากต้องโทรจองรถพยาบาลแล้ว พ่อ แม่ เป็นอะไรกันไปหมดเนี่ย แต่เดา.. ย้ำว่าเดา เราคิดว่าปมทั้งหมดอยู่ที่ครอบครัวนี้แหละ

ออฟไลน์ simpleyaoi

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 137
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
อ่านไปบางทีก็หงุดหงิด เมื่อไหร่ยัยคุณนายตัวดีกับพี่ตัวแสบนั่นจะโดนซะบ้าง  :katai1:


ใช่ค่ะ หงุดหงิดกับอิแม่มากสุด  :beat:

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8893
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80

ออฟไลน์ mystery Y

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7677
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +585/-12
ต้องขอบคุณสีส้มนะ

ออฟไลน์ เด็กดอยดาว

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
 :katai1: :katai1: :katai1: สู้เขานะกองทัพ เก็บความโง่ครั้งนี้ไว้เป็นบทเรียน ไม่มีใครรักและใจดีเหมือนเต็มใจอีกแล้ว

ออฟไลน์ r.saranya

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 113
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
มารอๆๆ

ออฟไลน์ Unnie

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 177
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
 :katai4: :katai4: ปูเสื่อรออยู่นะคะ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด