█ ▌รักเต็มใจ ❤➽ Heart Is Full ▌█ ┠ 37 The End ┨ (2017.11.11) P.36
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: █ ▌รักเต็มใจ ❤➽ Heart Is Full ▌█ ┠ 37 The End ┨ (2017.11.11) P.36  (อ่าน 232404 ครั้ง)

ออฟไลน์ RIRIN

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 250
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +492/-2
█ ▌รักเต็มใจ ➽ HEART IS FULL ▌█





┠ 29 ┨








ตลอดชีวิตตั้งแต่เด็กจนโต ผมไม่เคยเห็นกับตาตัวเองสักครั้งว่าเวลาคุณพ่อโกรธมากๆ นั้นเป็นยังไง จนกระทั่งวันนี้แหละครับ หลังจากที่เทมป์ใจกล้าหน้าด้านหอบหิ้วกระเช้าผลไม้มาขอขมากับเรื่องที่เกิดขึ้นกับคุณพ่อคุณแม่ของผมด้วยตัวเอง คุณแม่เป็นคนรับกระเช้าผลไม้เอาไว้ตามมารยาทและยังไม่ทันที่เจ้าตัวจะได้เอ่ยคำใดๆ คุณพ่อก็เชิญฝ่ายนั้นเข้าไปคุยในห้องทำงานกันตามลำพัง ในขณะที่ผมกับออมถูกห้ามเข้าใกล้ห้องทำงานของคุณพ่อเป็นอันขาด

ความจริงแล้วก่อนหน้านี้ผมพอจะรู้มาบ้างว่าก่อนหน้านี้คุณอาดิษฐ์เข้ามาหาคุณพ่อคุณแม่ประมาณ 2-3 ครั้ง อีกเมื่อวันก่อนเจ้าสัวยางกับคุณนายจูก็แวะเวียนมาหาคุณพ่อกับคุณแม่แทบจะทุกอาทิตย์ แต่ผมก็ไม่เคยรู้ว่าพวกท่านตกลงหรือคุยอะไรกัน

“อาเต็มขา นี่ก็หนึ่งชั่วโมงสิบนาทีแล้วนะคะ ไม่ใช่ว่าคุณปู่จะยิงหัวกองทัพทิ้งไปแล้วเหรอคะ”

ออมนั่งไม่ติดตั้งแต่เพื่อนรักโดนเรียกตัวเข้าห้องมืด ออมเรียกห้องทำงานของคนเป็นปู่ว่าห้องมืดครับ เพราะในห้องนั้นนอกจากจะมีหนังสือและเอกสารที่เกี่ยวกับงานของคุณพ่อตั้งแต่สมัยคุณพ่อเริ่มรับราชการจนถึงเกษียณอายุแล้วก็ยังจะมีอาวุธยุทธโธปกรณ์ที่ขึ้นทะเบียนถูกต้องตามกฎหมายอีกหลากหลายชิ้น

“ลุงศักดิ์กับน้าปองยังไม่ขึ้นมาเก็บศพนี่นา ก็แสดงว่ายังไม่ตาย”

ไม่ใช่ว่าผมไม่เป็นห่วงอีกฝ่าย แต่ตอนนี้ทำอะไรไม่ได้ไปมากกว่านั่งรอ และผมก็มั่นใจว่าคุณพ่อไม่เอาถึงตายหรอกครับ แต่ถ้าแค่หยอดน้ำเกลือนี่ก็ไม่แน่เหมือนกัน  อีกอย่างถ้าเกิดถึงตายจริงๆ คนตายทั้งคนจะเก็บศพเอาไว้ทำไม ยิ่งระดับคุณพ่อจ่อปืนยิงนัดเดียวก็ปลิดชีวิตได้ทันทีไม่ต้องเสียเวลานานเป็นชั่วโมงแบบนี้หรอก

ผมมองหลานสาวที่พยักหน้าหงึกหงักพร้อมกับบ่นพึมพำว่า ‘นั่นสินะ’ ผมยิ้มแล้วก็กลับมาเล่นเกมส์ในไอโฟนของตัวเองต่อ เพิ่งได้ไอโฟนคืนมาก็ต้องเปิดใช้งานหน่อยครับ ส่วนมืออีกข้างก็ลูบหัวสีส้มที่นอนหลับสบายอยู่บนโซฟาข้างๆ ผมไปด้วย

ลุงศักดิ์กับน้าปองถือเป็นมือซ้ายและมือขวาของคุณพ่อ ทำงานเคียงบ่าเคียงไหล่กับคุณพ่อมานานเกินครึ่งชีวิต เป็นมากกว่าเจ้านายกับลูกน้องนั่นคือเป็นเหมือนญาติและเพื่อนสนิท ตอนที่คุณพ่อคุณแม่อยู่อังกฤษ ลุงศักดิ์กับน้าปองก็ตามไปดูแลรับใช้ด้วยตลอด แต่ผมค่อนข้างจะสนิทกับน้าปองมากกว่าเพราะคุณพ่อมอบหมายหน้าที่พิเศษให้น้าปองนั่นคือคอยดูแลผมอย่างดีที่สุด

“อ่อ.. อาเต็มคะ ช่วงนี้อาเต็มได้ข่าวพี่นายพลบ้างมั๊ยคะ?”

พี่นายพล? พี่ชายของกองทัพอะนะ?? ผมละสายตาจากหน้าจอไอโฟนแล้วส่ายหน้าตอบหลานสาว

“มีอะไรเหรอ?”

“แว่วข่าวมาว่าพี่นายเปลี่ยนรสนิยมค่ะ”

หืม?? ผมเลิกคิ้วสูงด้วยความไม่เข้าใจ ออมจึงรีบอธิบายต่อทันที

“ก็เนเนะนางบอกมาว่า พี่นายกับลูกค้าคนล่าสุดซึ่งเป็นผู้ชายไปนัวกันแถวย่านชินจูกุนิโจวเม่”

ย่านชินจูกุนิโจวเม่ คือ ย่านของชาวรักร่วมเพศของญี่ปุ่นที่มีมานานกว่า 60 ปี ผมไม่เคยไปย่านนี้หรอกครับแต่เคยได้ยินชื่อเพราะมีชื่อเสียงมากอยู่ทีเดียว ผมไม่ได้รู้สึกตื่นเต้นตกใจกับเรื่องของพี่นายเลยสักนิด ผมหรี่ตามองออม

“ไปสนิทกับเนเนะตั้งแต่เมื่อไหร่?”

หลานสาวยิ้มหวาน

“ก็ตั้งแต่ที่เนเนะเห็นออมกระชากหัวอีชะนีน้ำผึ้งแหลทางโซเชียลที่แชร์ๆ กันนั่นแหละค่ะ นางคงจะสะใจเลยไลน์มาหาออม เลยเมาท์กันบ่อยขึ้น เดี๋ยวนี้นางมีแฟนใหม่แล้วนะคะ พระเอกซีรี่ย์ญี่ปุ่นที่กำลังฮิตมากๆ ในตอนนี้แหละค่ะ”

ออมจีบปากจีบคอเล่าเหมือนโบว์ไม่มีผิด

“เดี๋ยวนี้พูดจากั๊กกั่นใหญ่แล้วนะเรา”

“กั๊กกั่นหรือก๋ากั่นคะอาเต็ม?”

แน่ะ เดี๋ยวนี้มีย้อนผมด้วยนะ แล้วยังจะมาทำกรอกตาใส่ผมอีก นี่ผมปล่อยหลานสาวไว้กับคุณนายโบรัมมากไปรึเปล่าครับเนี่ยคำพูดคำจาและท่าทางถึงได้ถอดกันมายังกับโคลนนิ่งแบบนี้

“ออม!”

น้อยครั้งมากนะครับที่ผมจะดุออมด้วยน้ำเสียงที่ดังและแสดงออกถึงความไม่พอใจ แต่ถ้าไม่ปรามเสียบ้างเดี๋ยวจะเสียนิสัยแล้วถ้าเกิดเผลอไปใช้กิริยาวาจาแบบนี้กับซันละก็มีหวังซันได้ปวดหัวตายแน่ๆ หรือถ้าคนเป็นย่าได้ยินนี่คงจะหยิบยาดมขึ้นมาดมไม่ทันเลยล่ะครับ

“ออมขอโทษค่ะอาเต็ม ออมลืมตัวไปค่ะ”

คนถูกดุห่อไหล่ทำหน้าเจื่อน จะว่าไปผมเองก็ผิดเหมือนกันที่ตามใจหลานมากเกินไป

“อย่าลืมตัวจนให้มันติดเป็นนิสัยก็พอ”

“ค่ะ”


เจ้าตัวปั้นหน้าหมาหงอยสำนึกผิด เห็นแล้วก็อดจะสงสารไม่ได้ครับ ผมจึงยื่นมือไปปัดปอยผมตรงข้างแก้มแล้วทัดหูให้อีกฝ่าย ดวงตากลมโตแอบชำเลืองมองผมหลายครั้งเมื่อเห็นผมอ่อนลงใบหน้าสวยคมจึงระบายรอยยิ้ม

“ออมเล่าเรื่องพี่นายต่อได้มั๊ยคะ?”

คำถามของออมทำเอาผมหลุดขำ สาวๆ นี่ชอบเมาท์เหมือนกันหมดทุกคนเลยรึเปล่าครับ? แม้ผมจะไม่ได้สนใจเรื่องของพี่นายสักเท่าไหร่แต่เพื่อหลานรักผมก็จำเป็นต้องพยักหน้ารับไป ทำเอาออมฉีกยิ้มหน้าบานเลยทีเดียว

“ออมคิดว่าพี่นายกำลังเอาชนะกองทัพอยู่ค่ะ”

“ทำไมออมถึงคิดแบบนั้น?”

“จากที่ออมรู้มาและจากที่พี่โบว์เคยเปรยๆ ให้ฟัง ออมคิดว่าพี่นายเขาก็เหมือนเด็กเรียกร้องความสนใจนะคะอาเต็ม.. เหมือนเขามีบางอย่างอยู่ในใจ”

คิ้วสวยขมวดเข้าหากัน ดวงตากลมโตหรี่ลง แสดงสีหน้าครุ่นคิดอย่างจริงจัง ผมตั้งท่าจะแซ็วหลานสาว แต่เด็กรับใช้ที่ผมกับออมสั่งให้ไปคอยเฝ้าสังเกตการณ์อยู่ที่ชั้น 2 ของบ้านก็วิ่งกระหืดกระหอบเข้ามาในห้องนั่งเล่นเสียก่อน

“คุณเต็ม คุณออมคะ คุณท่านเรียกลุงศักดิ์ขึ้นไปที่ห้องทำงานค่ะ”

“ห๊ะ!?”

ผมกับออมหันมองหน้ากันด้วยความตกใจ ท่าทางเหตุการณ์จะไม่สู้ดีแล้วล่ะครับ

“อาเต็มต้องทำอะไรสักอย่างแล้วล่ะค่ะ”

ใช่.. นั่นคือสิ่งที่ผมต้องทำในตอนนี้ ความผิดไม่ได้อยู่ที่เทมป์คนเดียว ผมเองก็ผิด ออมก็ผิด ทุกคนผิดกันทั้งหมด และที่สำคัญกว่านั้นต้นเหตุที่ทำให้ผมเกือบจะเป็นโรคซึมเศร้านั้นไม่ได้เกิดจากเรื่องนี้เรื่องเดียวเสียเมื่อไหร่

“คุณแม่อยู่ไหน?”

“คุณหญิงอยู่ในห้องพระค่ะ”

ทันทีที่ได้คำตอบ ผมบอกให้ออมรออยู่กับสีส้มที่นี่และไม่ต้องทำอะไรทั้งนั้น ออมพยักหน้ารับอย่างจำใจ ผมจึงรีบไปหาคุณแม่เพราะท่านจะเป็นเพียงคนเดียวที่ช่วยผมได้

ห้องพระอยู่ชั้น 2 ของบ้าน และคนละฝั่งกับห้องทำงานของคุณพ่อ ผมเคาะประตูเบาๆ เพื่อขออนุญาต เงี่ยหูฟังอยู่ครู่หนึ่งแล้วจึงค่อยๆ แง้มประตู คุณแม่กำลังนั่งสมาธิอยู่หน้าโต๊ะหมู่บูชาขนาดใหญ่ นอกจากห้องทำงานของคุณพ่อที่นานๆ ครั้งผมจึงคิดจะเข้าไปหาหนังสืออ่านก็คงจะเป็นห้องพระนี่แหละครับที่ผมจำแทบไม่ได้ว่าครั้งสุดท้ายที่เข้ามาในห้องนี้คือเมื่อไหร่..

ลงน้ำหนักในการคลานเข่าให้เบาที่สุด แล้วไปหยุดนั่งทิ้งระยะห่างจากคุณแม่เล็กน้อย แม้ว่าใจของผมจะร้อนขนาดไหนแต่ผมก็ทำได้เพียงแค่นั่งมองคุณแม่อยู่เงียบๆ เท่านั้นเพราะในเวลานี้คุณแม่ดูสงบและผ่อนคลายเสียจนผมไม่กล้าจะรบกวน

พยายามข่มใจให้นิ่งด้วยการมองไปรอบๆ ห้องนี้คงเป็นห้องเดียวในบ้านที่ไม่มีเครื่องปรับอากาศและหน้าต่างทุกบานถูกเปิดรับลมและแสงจากด้านนอกจึงให้ความรู้สึกปลอดโปร่ง นอกจากจะมีพระพุทธรูปที่วางอยู่บนโต๊ะหมู่บูชาหลายองค์แล้ว ยังมีรูปภาพของบรรพบุรุษทั้งทางฝั่งของคุณพ่อและคุณแม่ใส่กรอบติดไว้ตรงมุมหนึ่งของห้องอีกด้วย ไล่เรียงมาตั้งแต่สมัยยังใช้การวาดภาพแทนกล้องถ่ายรูปในรุ่นคุณปู่ทวดย่าทวดจนถึงรุ่นคุณปู่คุณย่า และล่างสุดเยื้องไปจนเกือบชิดมุมเสามีกรอบรูปขนาดเล็กเป็นภาพของผู้หญิงคนหนึ่งสวมชุดนักเรียนถักเปียทั้ง 2 ข้าง ใบหน้าระบายรอยยิ้มเสียจนดวงตายิบหยี ต่อให้ไม่มีใครบอกผมก็มั่นใจว่านั่นคือรูปของ ‘คุณรดา’

ผ่านไปหลายนาทีเปลือกตาของบุพการีก็ค่อยๆ ลืมขึ้น ท่านผินมองมาทางผมด้วยแววตาแปลกใจเล็กน้อยแล้วหลังจากนั้นก็ระบายรอยยิ้มอ่อนโยน

“กราบพระรึยังคะ?”

อ่อ.. ลืมเสียสนิทเลยครับ ผมรีบปรับเปลี่ยนท่าเป็นท่านั่งเทพบุตรแล้วพนมมือกราบเบญจางคประดิษฐ์ทันที เสร็จแล้วจึงเปลี่ยนเป็นนั่งพับเพียบ

“มีอะไรด่วนรึเปล่าถึงได้เข้ามาหาแม่ในห้องนี้ได้?”

ผมรู้ว่าคุณแม่รู้คำตอบอยู่แล้วแต่ท่านก็ยังจะแกล้งถาม

“จนถึงตอนนี้คุณพ่อกับกองทัพยังไม่ออกมาจากห้องเลยครับ”

ใบหน้าอ่อนโยนระบายรอยยิ้มกว้างขึ้น

“เป็นห่วงแฟนล่ะสิ?”

พยักหน้าพร้อมตอบว่า ‘ใช่ครับ’ ด้วยเสียงเบาหวิว นอกจากความรู้สึกขัดเขินแล้วผมยังรู้สึกเหมือนเด็กน้อยที่ไม่สามารถจัดการอะไรได้ด้วยตัวเองจนต้องมาฟ้องบุพการี

“น้องเต็ม..”

“ครับ”

ขานรับพร้อมสบตากับคนเป็นแม่ ดวงตาคู่สวยและอ่อนโยนเสมอบัดนี้มีเพียงความกังวลและดูเศร้าเสียจนน่าใจหาย คุณแม่ดึงมือของผมไปกุมไว้แล้วลูบหลังมือเบาๆ คล้ายจะปลอบโยน

“แม่ตกลงขายมูลนิธิโรงพยาบาลสัตว์ให้คุณอาดิษฐ์เขาไปแล้วนะลูก”

หืม?? อะไรนะครับคุณแม่? นี่ผมหูฝาดหรือว่าเมื่อครู่ได้ยินผิดกันแน่ ผมมองหน้าคุณแม่ด้วยเครื่องหมายคำถามที่มีฝุดขึ้นจนล้นหัว คุณแม่ยังคงลูบหลังมือผมแผ่วเบา ท่านหลบตาผมด้วยการก้มหน้าลงดูมือที่กุมผมไว้

“น้องเต็มกับน้องออมรับปริญญาเสร็จเมื่อไหร่พวกเราจะย้ายไปอยู่อังกฤษกับพี่อุ่นและพี่ขวัญกันทั้งหมด”

“คุณแม่ล้อผมเล่นใช่มั๊ยครับ?”

บอกผมสิว่ามันเป็นแค่เรื่องล้อเล่น..

“พ่อกับแม่รู้ว่าน้องเต็มรักโรงพยาบาลสัตว์นั้นมาก มันเป็นความฝันที่ทำให้น้องเต็มเลือกเรียนสัตวแพทย์ แม่เองก็รักโรงพยาบาลนั้นมากเหมือนกัน แต่ด้วยเหตุผลและความจำเป็น.. คุณอาดิษฐ์สามารถที่จะดูแลมันต่อได้ดีแน่นอน”

เหตุผลและความจำเป็นอะไรกันเหรอครับ? เรื่องเงินเหรอ? ไม่มีทางเป็นไปได้เด็ดขาด ต่อให้คุณพ่อคุณแม่อยู่บ้านเฉยๆ เงินจากพี่อุ่นและพี่ขวัญที่ส่งให้แต่ละเดือนก็ล้นมือจนไม่รู้จะเอาไปจ่ายที่ไหน อีกอย่างค่าใช้จ่ายของมูลนิธิส่วนหนึ่งก็มาจากรายได้ของมูลนิธิเองอีกส่วนก็มาจากปันผลทั้งประจำเดือนและประจำปีที่คุณพ่อและคุณแม่เป็นหุ้นส่วนและเป็นที่ปรึกษาให้บริษัทต่างๆ ซึ่งมากพอที่จะใช้หมุนเวียนได้ตลอด ผมส่ายหน้าไปมาด้วยความไม่เข้าใจในสิ่งที่คุณแม่พูดมาทั้งหมด ไม่จริง.. มันไม่ใช่เรื่องจริง.. มันต้องเป็นเหตุผลอื่นสิ

“คุณอาดิษฐ์เป็นคนขอถอนหมั้นใช่มั๊ยครับ?”

คำถามของผมทำให้คุณแม่ตกใจจนเผลอดึงมือกลับ

“แม่รู้ว่าลูกกับพ่อกองทัพรักกัน.. เจ้าสัวยางกับคุณนายจูเองก็เอ็นดูลูกของแม่มาก”

คำตอบไม่ได้ตรงกับคำถามแต่น้ำเสียงของคุณแม่นั้นทำให้ผมรู้ว่าท่านเองก็เจ็บปวดใจมากเช่นกัน

“เหตุผลล่ะครับ? คุณอาดิษฐ์ได้บอกเหตุผลไว้รึเปล่า?”

คุณแม่เงียบไป ดวงตาของท่านเอ่อด้วยหยดน้ำ แต่ต่อให้คุณแม่ไม่ตอบผมก็รู้เหตุผลทั้งหมดนั้นดีอยู่แล้ว เพียงแต่ผมชะล่าใจเกินไปจนปล่อยให้เหตุการณ์มาถึงจุดนี้ได้  ผมหลบตาจากคุณแม่ไปมองจุดอื่น และสายตาก็ไปหยุดอยู่ตรงรูปภาพในกรอบเล็กๆ นั่น ความรู้สึกแน่นในอกที่สะสมมานานจนกลายเป็นเศษตะกอนฝังอยู่ในก้นเหวลึกถูกปลุกให้ตื่นขึ้นอีกครั้ง

“ผมรู้คำตอบแล้วล่ะครับ”

“น้องเต็ม?”

กระเถิบถอยห่างออกจากคุณแม่อีกนิด จากนั้นก็พนมมือก้มกราบลงแนบตักของท่าน ฝ่ามือที่อุ้มชูเลี้ยงดูผมมาทั้งชีวิตลูบหัวของผมอย่างอ่อนโยน คุณแม่กำลังร้องไห้ และผมเองก็ไม่อาจจะกลั้นน้ำตาเอาไว้ได้เช่นกัน ผมกอดเอวของท่านไว้แล้วปลดปล่อยความอัดอั้นทั้งหมดออกมา

คุณพ่อคุณแม่รักผมมากและผมก็เชื่อว่าท่านไม่ต้องการจะทำให้ผมเสียใจและเสียน้ำตาหรอกครับ ผมเจ็บมากแค่ไหนคนเป็นพ่อเป็นแม่ต้องเจ็บกว่าร้อยเท่าพันเท่าแน่นอน เพียงแต่ท่านไม่อาจพูดหรืออธิบายออกมาให้ผมรับรู้ได้ แต่รู้อะไรมั๊ยครับว่าใครที่ทำให้บุพการีของผมเสียน้ำตา คนๆ นั้นจะต้องเสียใจไปตลอดชีวิตด้วยเหมือนกัน

“น้องเต็ม.. ลูกคิดอะไรอยู่หรือรู้อะไรมารึเปล่า?”

จู่ๆ คุณแม่ก็เอ่ยคำถามขึ้นด้วยเสียงสั่นเครือปนสะอื้น ผมจึงยืดตัวขึ้นมองหน้าท่าน คุณแม่เช็ดคราบน้ำตาให้ผมทั้งๆ ที่สองแก้มของท่านก็เปื้อนไปด้วยหยดน้ำ ผมกุมมือของท่านไว้แนบลงตรงหน้าอกด้านซ้าย

“ผมกำลังคิดว่าทำไมตัวเองช่างโชคดีเหลือเกินครับ”

“แค่น้องเต็มแข็งแรง และใช้ชีวิตอย่างมีความสุข แค่นี้ก็เพียงพอที่จะทำให้พ่อกับแม่นอนตายอย่างตาหลับแล้วล่ะลูก”
ดูสิครับว่าผมเป็นคนที่โชคดีมากแค่ไหน ผมมีชีวิตที่ดี มีการศึกษาที่ดี เติบโตมาในสิ่งแวดล้อมและได้รับการอบรมสั่งสอนที่ดี ทั้งหมดที่เป็นตัวผมได้ทุกวันนี้ก็เพราะคำว่าครอบครัวนี่แหละครับ

ผมตั้งใจจะจบบทสนทนาทั้งหมดลงไว้เพียงแค่นี้ แต่แล้วราวกับว่าสายตาของผมถูกแรงดึงดูดจากบางอย่างจนทำให้ต้องหันไปมองรูปในกรอบเล็กนั่นอีกครั้ง ผมหยุดสายตาอยู่ตรงนั้นเนิ่นนานจนคุณแม่ถึงกับขมวดคิ้วแล้วหันมองตามสายตาของผม และดูเหมือนว่าจะทำให้สีหน้าของท่านไม่สู้ดีสักเท่าไหร่

“ผมมีคำถามจะถามคุณแม่ครับ”

ดึงสายตากลับมามองหน้าบุพการี แล้วดึงมือของท่านกุมไว้

“คุณรดา.. เสียชีวิตยังไงเหรอครับ?”

“น้องเต็ม.. ทำไมจู่ๆ ถึงถามเรื่องนี้ล่ะลูก?”

สีหน้าของคุณแม่ฉายชัดถึงความกังวล ความกลัวและว้าวุ่นใจ ผมจึงบีบมือท่านเบาๆ เพื่อส่งกำลังใจและเพื่อบอกให้รู้ว่าผมยังอยู่ตรงนี้ไม่มีอะไรที่น่ากลัวเลยสักนิด

“รดา.. รดา.. เธอ”

“เธอเป็นโรคร้ายใช่มั๊ยครับ?”

“น้องเต็มรู้เรื่องนี้ได้ยังไงเหรอลูก?”

น้ำเสียงของท่านตื่นตระหนกจนสั่น

“ผมรู้ได้ยังไงก็ไม่สำคัญไปกว่า.. คนที่ทำร้ายคุณรดาเป็นใครหรอกนะครับ”

คำพูดของผมทำให้คุณแม่เผลอดึงมือกลับ ท่านใช้มือทั้ง 2 ข้างกำแน่นไว้บนหน้าอกของตัวเอง

“ถ้าคุณรดามีลูก.. เขาคงจะอายุรุ่นราวคราวเดียวกับผมใช่มั๊ยครับ?”

ท่านจ้องมองผมด้วยแววตาสั่นระริก คุณแม่กำลังกลัว ผมกำลังทำให้ท่านกลัว..

“แต่เสียดาย.. คุณรดาไม่มีลูก ไม่เช่นนั้นกองทัพคงจะได้มีพี่ชายอีกคนเป็นแน่”

ผมวาดรอยยิ้มลงบนใบหน้าจนเต็มแก้มพร้อมกับใช้แขนทั้ง 2 ข้างโอบกอดท่านเอาไว้ และมันก็ทำให้ผมได้รู้ว่าคุณแม่ผ่ายผอมลงไปกว่าเมื่อเดือนที่แล้วมากเพียงใด 

“อดีต.... มันคืออดีต.. อดีต... มันกลับไปแก้ไขไม่ได้และอีกอย่างแม่ก็คิดว่ารดาคงจะไปเกิดใหม่ในภพภูมิที่ดีแล้วล่ะลูก”

ตอบรับว่า ‘ครับ’ ด้วยน้ำเสียงเบาที่พอได้ยินกันแค่ 2 คน แล้วหลังจากนั้นคำแผ่วหวิวราวยุงกระพือปีกกระซิบดังอยู่ข้างใบหู ‘อย่าพูดอะไรที่น่ากลัวอีกนะลูก’ ผมพยักหน้ารับคำของท่าน จนสายลมพัดผ่านผ้าม่านตรงบานหน้าต่างปลิวไหว ผมจึงเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าลืมเรื่องสำคัญบางอย่างไปเสียสนิท

ตายห่าละ!!! ผมรีบผละกอดจากคุณแม่ แล้วปาดเช็ดน้ำตาแบบลวกๆ จากนั้นจับกุมมือคุณแม่ให้ลุกขึ้นรีบจ้ำเท้าตรงไปห้องทำงานของคุณพ่อชนิดที่ว่าแทบจะวิ่งเลยล่ะครับ


v
v
v
v
v




มีต่อด้านล่างนะคะ ^^

ออฟไลน์ RIRIN

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 250
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +492/-2

.
.
.
.




“โอ๊ะ.. โอ๊ยย เบาๆ หน่อยสิ”

“นี่ก็เบามือสุดแล้วนะ”

นี่ถ้าเป็นเด็กต่ำกว่า 10 ขวบ แล้วมาโอดครวญแบบนี้ผมจะไม่ว่าอะไรสักคำ แต่นี่อายุปาเข้าไปจะ 22 ขวบแระ ตัวก็สูงกว่าผมตั้งหลายเซนติเมตรยังจะมาร้องเป็นเด็กไปได้ ผมทิ้งสำลีที่ชุ่มด้วยเบตาดีนลงในถังขยะ จากนั้นก็หยิบยาแก้ฟกช้ำมาทารอยที่เป็นจ้ำๆ ตามเนื้อตัวให้คนเจ็บ

 คุณฟังไม่ผิดหรอกครับที่ผมเรียกว่า ‘คนเจ็บ’ หน่ะ ก็โดนคุณพ่อเล่นงานซะน่วมขนาดนี้ นี่ถ้าผมกับคุณแม่เข้าไปไม่ทันคงได้หามส่งโรงพยาบาลแน่ๆ

เรื่องของเรื่องก็คือคุณพ่อคงจะสัมภาษณ์เทมป์ตามประสาลูกผู้ชายนั่นแหละครับ และท่านก็อ้างว่าจะทดสอบว่าเทมป์จะสามารถดูแลและปกป้องลูกชายของท่านได้มากแค่ไหนด้วยการให้ประลองมือกับลุงศักดิ์ แต่ถ้าเอากันตามตรงผมคิดว่าคุณพ่อต้องการทดสอบความอดทนของผมด้วยเหมือนกัน ท่านกักตัวแฟนของผมไว้นานเกินชั่วโมง เห็นผมยังนิ่งท่านเลยต้องเรียกลุงศักดิ์ขึ้นไป แค่นั้นแหละความอดทนของผมขาดผึงเลยทีเดียว เรื่องนี้ผมยอมแพ้ให้คุณพ่อแบบยกธงขาวเลยครับ..

“เก่งนะเนี่ย สู้กับนักมวยประจำกองทัพได้”

“ห๊ะ! ก็ถึงว่าหมัดหนักฉิบหาย”

ถ้าลุงศักดิ์วัย 60 เป็นเพียงคนแก่ธรรมดาผมจะไม่ห่วงอะไรเลย แต่นี่ลุงศักดิ์เป็นนักมวยเก่าแถมยังเป็นมือหนึ่งเรื่องการต่อสู้ทางการทหาร แล้วจะให้คนที่เก่งเรื่องเรียน เวลาว่างก็เข้าครัว เล่นกับแมวหรือไม่ก็เตะบอลอย่างคุณชายกองทัพจะเอาตะหลิวหรือไม้ล่อแมวไปสู้ลุงศักดิ์ได้ยังไงล่ะครับ นี่ดีแค่ไหนแล้วที่ลุงศักดิ์ออมมือไว้บ้าง จึงได้แค่ปากแตก คิ้วแตก หน้าบวม กับรอยฟกช้ำตามตัวเท่านั้น

ส่ายหน้าเบาๆ แล้วพลางคิดไปถึงตอนที่อีกฝ่ายกลับไปบ้านแล้วคุณนายจูได้เห็นสภาพของหลานชาย ผมว่าท่านคงได้เป็นลมแน่ๆ

“ดีแค่ไหนแล้วที่ลุงศักดิ์ออมมือ.. ไม่งั้นคงได้ไปนอนหยอดน้ำเกลือแน่ๆ”

ผมย่อตัวนั่งลงบนพื้นแล้วถลกพับขากางเกงของอีกฝ่ายขึ้นเหนือเข่า เสียงซี๊ดปากดังขึ้นบ่งบอกถึงความเจ็บปวด ก็จะไม่ให้เจ็บได้ยังไงล่ะครับ ก็เล่นโดนต่อยแล้วล้มเอาเข่ากระแทกพื้น และก็ไม่ต้องถามนะครับว่าล้มลงไปกี่รอบเข่าถึงได้แตกจนเลือดซิบขนาดนี้ ผมใช้สำลีชุบแอลกอลฮอล์ล้างแผลให้แล้วตามด้วยเบตาดีน รอบนี้ไม่มีเสียงร้องครับเพราะอดทนกัดฟันแน่นเชียว

“แพ้แบบนี้แล้วจะปกป้องเต็มได้ยังไง? หมดยุคน้ำเน่าฉันสามารถจะตายแทนเธอได้แล้วนะ”

“ตายแทนไม่ได้ก็ตายด้วยกันได้ละวะ”
   
ปากแตกขนาดนั้นแล้วยังจะปากดีได้อีก
   
“ใครจะยอมตายด้วย?”
   
ตวัดตามองพร้อมกับเก็บของบนโต๊ะ ใบหน้าคมบวมช้ำมองผมอย่างตัดพ้อจนผมต้องถอนหายใจออกมาแรงๆ
   
“นี่.. พ่อเซล่ามูนฟังหน้ากากทักซิโด้นะ.. ถ้าหากวันหนึ่งเกิดเหตุอะไรที่มันร้ายแรงกับหน้ากากทักซิโด้ละก็ เซล่ามูนไม่ต้องมาออกรับหน้าหรือสละชีวิตหรอกนะ เพราะเซล่ามูนยังมีหน้าที่ที่จะต้องดูแลลูกของเรา”
   
หยุดสายตาไปที่แมวอ้วนสีส้มที่นอนหมอบมองเจ้าทาสเทมป์ของมันอยู่นิ่งๆ เมื่อดวงตาคู่คมหันไปสบ ดวงตากลมของสีส้มก็ค่อยๆ กระพริบช้าๆ 2-3 ครั้ง ซึ่งหมายถึงการแสดงความรักของน้องแมวครับ สีส้มกำลังจะบอกว่า ‘ป๋มรักพ่อเทมป์มากนะครับ’
   
“ไม่ตลก..”
   
จู่ๆ เสียงทุ้มก็ดังขึ้นแบบห้วนๆ ผมเลิกคิ้วมองอีกฝ่าย
   
“ก็ใครจะพูดให้ตลก”
   
อ้าว แค่ผมทำเสียงห้วนกับหน้านิ่งๆ ใส่แค่นี้ถึงกับร้องไห้เลยเหรอครับ? โถ่ ผมก็ลืมไปว่าแฟนของผมเป็นผู้ชายจิตใจอ่อนไหวกับเรื่องแบบนี้มากแค่ไหนอีกอย่างวันนี้เจ้าตัวก็เจอเรื่องสะเทือนใจจนร่างกายระบมมาอย่างสาหัสสากรรจ์เสียด้วย ผมหัวเราะเบาๆ แล้วดึงอีกฝ่ายเข้ามากอดอย่างระมัดระวัง
   
“เต็มไม่ได้พูดให้ตลก เพราะเต็มพูดเรื่องจริง นี่เป็นห่วงมากเลยนะถึงได้พูดออกไปแบบนั้น”
   
เหมือนปลอบเด็กน้อยมั๊ยละครับ อย่าเพิ่งเห็นเป็นเรื่องตลกเชียวนะ สำหรับคู่รักบางคู่ที่เลิกรากันเพราะมักจะมองข้ามเรื่องละเอียดอ่อนแบบนี้ทั้งนั้นแหละครับ
   
“รักมากก็ห่วงมากอะ เคยได้ยินรึเปล่า?”
   
ใบหน้าคมที่ซบอยู่ตรงหน้าท้องของผมเงยหน้ามองผมอย่างเจ้าเล่ห์ ผมจึงลูบรอยแผลบนใบหน้าของอีกฝ่ายอย่างแผ่วเบา ถ้าไม่ใช่เพราะรักผมจริงเจ้าตัวคงไม่ยอมเจ็บตัวขนาดนี้หรอก
   
“อะแฮ่มๆ”
   
ออมโผล่หน้าตรงประตูห้องนั่งเล่น ผมหันไปส่งยิ้มให้หลานสาว
   
“คุณย่าให้มาตามอาเต็มกับกองทัพไปทานข้าวเที่ยงค่ะ”
   
ผมพยักหน้ารับ พร้อมกับหันไปปิดฝากล่องอุปกรณ์ปฐมพยาบาล เสร็จแล้วก็เดินไปห้องรับประทานอาหารด้วยกัน 
   
“วันนี้ป้าทิพย์ทำน้ำพริกกะปิ แกงส้มชะอมทอด และก็ต้มข่าไก่ให้นายด้วยนะ ฮ่า”
   
หลานสาวหัวเราะขำ แต่ท่าทางคนเจ็บจะขำไม่ออกหรอกครับ และเมื่อมาถึงโต๊ะอาหารจริงๆ ก็รู้ว่าออมไม่ได้พูดเล่นสักนิด ผมถึงกับสงสารแฟนตัวเองจับใจ อาหารแต่ละอย่างรสจัดทั้งนั้นจะกินได้ยังไงละเนี่ย?? คุณแม่ส่งสายตามาให้ด้วยความเห็นใจ ส่วนคุณพ่อก็ออกคำสั่งให้เริ่มทานได้โดยไม่สนหน้าอินหน้าพรหมอะไรทั้งนั้น
   
ผมมองอาหารบนโต๊ะ และคิดว่าต้มข่าไก่น่าจะเป็นอะไรที่รสชาติอ่อนที่สุด ปกติผมก็ไม่ใช่คนกินรสจัดอยู่แล้วดังนั้นจะให้กินข้าวกับต้มข่าไก่อย่างเดียวก็ได้ ผมตักน้ำซุปใส่จานตัวเองจนแทบจะกลายเป็นข้าวต้ม จากนั้นก็ตักเนื้อไก่เอามาฉีกจนเป็นชิ้นเล็กๆ แล้วเลื่อนจานของตัวเองแลกกับจานของคนที่นั่งข้างๆ
   
“จะได้กินง่ายขึ้นไง”
   
คนหล่อหน้าเขียวช้ำและบวมตุ่ยพยายามส่งยิ้มให้ผม จากนั้นก็หยิบช้อนแล้วค่อยๆ หยอดข้าวลงปาก มันก็จะลำบากสักหน่อย ผมช่วยเช็ดมุมปากให้อีกฝ่ายพร้อมกับกินข้าวในจานของตัวเองไปด้วย คุณแม่กับออมแอบอมยิ้ม ในขณะที่คุณพ่อแกล้งทำเป็นไม่สนใจใดๆ ทั้งสิ้นนอกจากอาหารตรงหน้า


.
.
.
.



หลังมื้อเที่ยง ผมให้เทมป์กินยาแก้ปวดลดไข้และแก้อักเสบป้องกันไว้ก่อน สักพักยาก็ออกฤทธิ์ เจ้าตัวผล็อยหลับไปบนตักของผมบนโซฟาในห้องนั่งเล่น และน่าแปลกที่ผมก็ยอมให้หน้าตักของตัวเองเป็นหมอนอยู่อย่างนั้นตั้งแต่บ่ายจนอีกฝ่ายลืมตาตื่นขึ้นมานาฬิกาก็บอกเวลา 2 ทุ่มแล้วล่ะครับ

“ทำไมไม่ปลุกล่ะ? เมื่อยขามากมั๊ย?”

“แค่ชานิดหน่อยเท่านั้น เดี๋ยวก็หาย”

มือใหญ่บีบนวดขาให้ผมด้วยความเป็นห่วง สภาพตัวเองแย่ขนาดนี้ยังจะมาห่วงผมอีก นวดไปสักพักอาการเหน็บชาก็บรรเทาลง ผมจับมือของอีกฝ่ายไว้

 “ไปกินข้าวกันเถอะ คุณแม่ทำข้าวต้มไว้ให้”

ใบหน้าบวมช้ำพยักหน้ารับด้วยรอยยิ้มที่มันออกจะดูบิดๆ เบี้ยวๆ สักหน่อย แต่ก็ยังหล่อในสายตาของผมอยู่ดี

คนอื่นๆ ทานมื้อเย็นกันไปตั้งแต่ 6 โมงเย็น ตอนนี้จึงเหลือแค่ผมกับคนตรงหน้าแค่ 2 คนเท่านั้น เรานั่งกินข้าวต้มกันเงียบๆ แทบไม่มีบทสนทนาอะไร ไม่แน่ใจว่าอีกฝ่ายรู้สึกเหมือนผมรึเปล่า ที่ว่าวันนี้ทำไมเวลามันดูเหมือนว่าจะเดินช้ากว่าทุกวัน และก็ยังรู้สึกเหนื่อยและอ่อนเพลียกว่าทุกวันที่ผ่านมาอีกด้วย

กว่าจะจัดการข้าวต้มให้เหลือน้อยที่สุดได้ก็ใช้เวลานานพอดู ผมพาเทมป์ไปหาคุณพ่อคุณแม่เพื่อลากลับ คุณพ่อยังคงนิ่งไม่พูดอะไร มีแต่คุณแม่ที่ให้พรเดินทางปลอดภัยแล้วยังทิ้งท้ายว่าวันหน้าจะทำอาหารอร่อยๆ ให้ทาน

เดินออกมาส่งอีกฝ่ายที่รถพร้อมกับอุ้มสีส้มออกมาด้วย และก็เพิ่งได้รู้จากน้าปองว่าคุณพ่อสั่งให้น้าปองขับรถไปส่งเทมป์ถึงบ้านที่รังสิต ส่วนรถของเจ้าตัวก็ทิ้งไว้ที่นี่ไว้วันหน้าค่อยแวะมาเอา ซึ่งนี่ถือว่าเป็นสัญญาณที่ดี เพราะถึงแม้วันนี้จะเจอเรื่องที่เจ็บตัว ทว่าเทมป์ก็ได้สอบผ่านบททดสอบสุดโหดของคุณพ่อแล้วล่ะครับ แต่ก็อดคิดไม่ได้ว่านี่ขนาดว่าผมเป็นลูกชายท่านยังจัดการเทมป์ขนาดนี้ แล้วถ้าผมเกิดเป็นลูกสาวมีหวังผมคงได้เป็นม่ายหรือไม่ก็ขึ้นคานไปตลอดชีวิตแน่ๆ

ส่งสีส้มขึ้นรถไปก่อน จากนั้นก็หยุดยืนคุยกับร่างสูง ผมแตะปลายนิ้วลงบนแผลตรงหางคิ้วเบาๆ

“ดึกแล้วทำไมไม่นอนบ้านนี้ล่ะ?”

แกล้งถามอีกฝ่ายไป และคำตอบก็คือความเงียบ แต่ดูจากสายตาผมก็พอจะเดาคำตอบได้ครับ ผมวาดรอยยิ้มเต็มใบหน้าพร้อมกับล้วงหยิบของที่อยู่ในกระเป๋ากางเกงส่งยื่นให้คนตรงหน้า

“คุณอาดิษฐ์ขอถอนหมั้นเต็มกับลูกชายของท่านและคุณพ่อกับคุณแม่ก็รับปาก แล้วก็คืนแหวนวงนี้ให้คุณอาดิษฐ์ไปแล้ว เพราะฉะนั้นเทมป์ก็รับมันคืนไปเถอะ”

จับมือใหญ่ไว้แล้ววางกล่องกำมะหยี่สีน้ำเงินลงไป ผมมองหน้าอีกฝ่ายด้วยรอยยิ้ม แต่มองไปมองมาก็หลุดหัวเราะซะงั้น

“แค่แหวนวงเดียว.. ไว้เทมป์เรียนจบทำงานมีเงินแล้วค่อยซื้อมาให้เต็มใหม่ก็ได้นี่นา”

นี่ผมพูดจริงนะครับ วัตถุนอกกายยังไงก็ไม่สำคัญเท่าจิตใจหรอก

“นั่นสินะ”

ใบหน้าบวมช้ำยอมยิ้มแล้วล่ะครับ มันก็จะดูตลกๆ นิดหน่อย แต่ผมก็ยังคิดว่าหล่ออยู่ดี เรามองหน้ากันและยิ้มให้กันอยู่อย่างนั้นเกือบนาที จนเหมือนว่าอีกฝ่ายจะนึกอะไรขึ้นได้ เจ้าตัวจึงถอดแหวนที่นิ้วนางข้างซ้ายของตัวเองออกแล้วเก็บมันไว้ในกล่องเดียวกัน จากนั้นก็ถอดสร้อยคอพระเลี่ยมทองที่เจ้าตัวใส่ติดตัวตลอดเวลาออกแล้วเปลี่ยนมาสวมให้ผมแทน

“สร้อยเส้นนี้เป็นสร้อยที่คุณปู่ทวดใช้หมั้นคุณย่าทวด เทมป์ใส่ติดตัวไว้ตั้งแต่เด็กแล้วล่ะ”

“ของสำคัญแบบนี้เอามาให้เต็มทำไม?”

“ของสำคัญก็ต้องอยู่กับคนสำคัญสิ”

อ่า.. ไปต่อไม่ถูกเลยล่ะครับ ได้แต่ผมยืนนิ่งให้ร่างสูงขยับเข้ามาใกล้จนจมูกโด่งแตะแผ่วผิวแก้ม แขนแกร่งโอบรอบคอผมไว้ ขยับมือเล็กน้อยก็สวมสร้อยให้ผมจนเสร็จเรียบร้อย ที่จริงก็อยากจะหอมแก้มหรือไม่ก็จูบกันสักหน่อยแต่ดูจากสภาพของใบหน้าคมแล้วไม่น่าจะรอดครับ ผมจึงกดจูบตรงต้นคอขาวแทน

“ขอมือหน่อยสิ”

เจ้าของมือยื่นส่งให้ผมอย่างว่าง่าย ผมกำมือแล้วปล่อยอากาศวางลงบนฝ่ามือใหญ่ คิ้วเข้มเลิกสูงมองมือที่ว่างเปล่าของตัวเอง

“ความรักของเต็มไง.. เต็มจายยยยยยยยเลยนะ”

ยิ้มจนแก้มตึงเลยล่ะครับ ฝ่ายนั้นหัวเราะเบาๆ
   
“มิน่า.. หนักเชียว”
   
มือใหญ่กำอากาศที่ว่างเปล่าไว้แน่นแล้วยกขึ้นวางแนบไว้บนหน้าอกของตัวเอง
   
“กลับบ้านได้แล้ว..”
   
ก่อนที่ผมจะเขินไปมากกว่านี้ ผมจึงรีบดันหลังอีกฝ่ายขึ้นรถ ปิดประตูให้เรียบร้อย แล้วส่งสัญญาณให้น้าปองเข้าประจำที่สารถีได้
   
“ถึงแล้วจะโทรหานะ”
   
“อืม..”
   
ผมพยักหน้ารับก่อนจะถอยหลังออกห่างและยืนดูจนแสงท้ายรถออกไปจากรั้วบ้านจนลับสายตา ผมจับจี้พระที่อีกฝ่ายเพิ่งสวมให้ บ้าจริง.. หุบยิ้มไม่ได้แถมน้ำตาก็ยังไหลอีก นี่ผมเป็นไบโพล่ารึเปล่าครับเนี่ย..



.
.
.
.
.
.
.


TBC....  : 222222:



คนอ่านเริ่มเปิดเผยตัวมาแสดงความคิดเห็นกันเยอะขึ้น ดีใจมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ อัพให้รัวๆ เลยค่ะ

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
คุณรดา ต้องเกี่ยวข้องกับเต็มแน่ๆ
ไม่งั้นคุณแม่ทำไมตกใจกลัว จนชัดเจนมาก
ตอนเต็มถามเรื่องคุณรดา

เห็นด้วยกับเต็ม ที่ว่าใครที่ทำให้บุพการีของเต็ม เสียน้ำตา
คนๆ นั้นจะต้องเสียใจไปตลอดชีวิตด้วยเหมือนกัน
ใช่ ต้องย้อนเกล็ดกลับให้เจ็บแสบถึงทรวง  :z6: :z6: :z6:
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ 2

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 16
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0

ออฟไลน์ O-RA DUNGPRANG

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1760
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-5
 :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ: ปมเยอะเหลือเกิ้นปวดตับ :katai1: :katai1: :katai1:

ออฟไลน์ เอมมี่

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 572
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-1
สรุปแล้วน้องเต็มเกี่ยวพันกับคุณรดาใช่มั๊ย
แล้วพ่อของกองทัพทำไมเปลี่ยนไปเปลี่ยนมาไม่เป็นผู้ใหญ่เลย

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
รู้สึกว่าทุกคนกำลังปกป้องเต็มใจจากอะไรบางอย่าง ทั้งพ่อแม่ของเต็มและพ่อของกองทัพอะ

ออฟไลน์ mooping-7

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2527
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +88/-5
รีบเฉลยเถอะๆๆ  :katai1:



ออฟไลน์ Yara

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2104
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-2
พอถามถึงคุณรดาที่ไร คุณพ่อกับคุณแม่เต็มก็อ้ำอึ้งตลอด แต่จริงๆแล้วถ้าคุณรดาเป็นแม่ของเต็มจริงๆ ก็คงไม่ถูกปล่อยให้หมั้นกับกองทัพแน่ๆ

ออฟไลน์ kunt

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 700
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +42/-1
รอดูหน้ากากทักซิโด้ออกโรงจัดการตัวร้าย ช่วยเหลือพ่อเซล่ามูนหัวใจบอบบางนะ กร้ากกกกกก มันต้องมีวิจัดการกับปัญหาสิ แต่ใครจะเป็นตัวแปร ฟันเฟือง และผู้ขับเคลื่อนนะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ simpleyaoi

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 137
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
เจ้าทาสจงรู้ไว้ว่าถ้าไม่มีข้าเจ้าง้อเมียไม่สำเร็จหรอก แล้วดูๆ พระเอกเรื่องนี้ ไม่รู้จะขำยังไง ยอมเป็นเซลามูนให้พี่หน้ากากทักซิโด้เถอะ ยอมพี่หน้ากากเขาเถอะนะ  :laugh:


รดา.... นี่แหละปมหลักของเรื่องนี้  :katai1:

ออฟไลน์ ่jum

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3704
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-4

ออฟไลน์ มะปรางเปรี้ยว

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 340
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-2
รู้สึกว่าทุกคนกำลังปกป้องเต็มใจจากอะไรบางอย่าง ทั้งพ่อแม่ของเต็มและพ่อของกองทัพอะ


ใช่ๆ รู้สึกเหมือนกันเลยค่ะ มันยิ่งชัดเจนขึ้น แต่เราก็ได้แต่เดาไปเรื่อยๆ ฮ่าาาา

ออฟไลน์ Supparang-k

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1908
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-3
ตกลงเต็มใจเป็นใคร กองทัพเป็นใคร  โหยยยย...ปมเรื่องนี้ทำเราสงสัยใคร่รู้

ออฟไลน์ aiyuki

  • รักแท้ไม่แบ่งแม้เพศพันธุ์
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2636
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +133/-6
คุณรดานี่ปริศนาจริงๆ ยังไงก็ไม่เข้าใจพ่อแม่กองทัพเลย รักลูกไม่เท่ากันเหรอ

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
รออ่านอย่างเดียวไม่อยากคาดเดาอะไรแล้ว

ออฟไลน์ crazydoii

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 858
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-1
จะเฉลยปม ก็ไม่เฉลยซะที. หลอกล่อให้ติดงอมแงม. มาต่อบ่อยๆนะครับ


ออฟไลน์ badbadsumaru

  • ♡ caramel macchiato
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2458
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +91/-2
แมวสื่อรัก 55555

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

ออฟไลน์ Tiffany

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1147
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-0
รอลุ้นตอนต่อไป

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ PinkCaramel

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 149
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
ทำไมกองทัพโดนซ้อมแล้วขำ  :laugh:
มาต่อไวๆ นะคะ

ออฟไลน์ MyLavenderLand

  • ฉันสุขใจ เมื่อได้ Log in เล้า
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1576
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-1
นี่ก็ลุ้นทุกตอน..จะใช่พี่น้องร่วมพ่อเดียวกันไหม?  ถ้าใช่ .. ก็ใช่ 555555 / แล้วจะลุ้นเพื่อ!  นายเอก Ririn ฉลาดและลึกลับเสมอ เดี๋ยวหน้ากากทักสิโดเคลียร์เอง เซลามูนอยู่เฉยๆเลี้ยงสีส้มไป / เอ่อเทมป์ ยังไง เซลามูนเลยนะ คิดไหม?

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8893
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80

ออฟไลน์ r.saranya

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 113
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
รอลุ้นตอนต่อไป  :katai1:

ออฟไลน์ r.saranya

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 113
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
 
คุณรดา ต้องเกี่ยวข้องกับเต็มแน่ๆ
ไม่งั้นคุณแม่ทำไมตกใจกลัว จนชัดเจนมาก
ตอนเต็มถามเรื่องคุณรดา

เห็นด้วยกับเต็ม ที่ว่าใครที่ทำให้บุพการีของเต็ม เสียน้ำตา
คนๆ นั้นจะต้องเสียใจไปตลอดชีวิตด้วยเหมือนกัน
ใช่ ต้องย้อนเกล็ดกลับให้เจ็บแสบถึงทรวง  :z6: :z6: :z6:
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

 o13

ออฟไลน์ Wrwrwr

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 163
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
คืนนี้จะได้อ่านตอนต่อไปมั๊ยน๊า  :katai4:

ออฟไลน์ labelle

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2664
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-0
ก็ยังอยากรู้เรื่องคุณรดาอยู่

กองทัพโดนจัดหนัก จัดเต็มไปเลยค่ะ แต่ถือว่าเป็นโอกาสดีเนาะ
ไม่เข้าใจเรื่องผู้ใหญ่ เค้าทำอะไรกัน จะกีดกัน หรือจะสนับสนุน

เต็มใจรู้ไปหมดทุกเรื่อง อยู่ที่จะพูดไหม
กองทัพน่าสงสารนะ จะว่าไปแล้ว หวังว่าเต็มใจจะไม่ใจร้าย

ออฟไลน์ เด็กดอยดาว

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
จะสงสารกองทัพดีมั๊ย อ่ะๆๆ สงสารก็ได้ คราวหน้าคราวหลังอย่าทำอีกล่ะ ไม่งั้นได้กินลูกปืนแน่
รดา... ยังคงเป็นปมที่ชวนสงสัย


มาต่อไวๆ นะคะ :katai2-1:

ออฟไลน์ เด็กดอยดาว

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
ปล. ลืมค่ะ  สวัสดีวันลอยกระทงค่ะไรท์  :m18:

ออฟไลน์ RIRIN

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 250
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +492/-2
█ ▌รักเต็มใจ ➽ HEART IS FULL ▌█





┠ 30 ┨








หลังจากโดนท่านพ่อตาอัดมาจนน่วม กลับมาถึงบ้านกะจะอ้อนคุณปู่คุณย่าสักหน่อย แต่ที่ไหนได้ครับ คุณปู่หัวเราะชอบใจแถมบอกว่าภูมิใจในตัวผมอีก ส่วนคุณย่าก็ต้มยาจีนบำรุงร่างกายสูตรตำหรับฮ่องเต้เอาไว้ให้ผมอีกหม้อใหญ่ ดื่มเช้า เย็น และก่อนนอน ทุกวันเอาให้ฟิตปึ๋งปั๋งเตะโอ่งแตกกันไปเลย ตื่นเช้าขึ้นมาก็ยิ่งเซอร์ไพร้หนักเข้าไปอีกเมื่อว่าพี่ท่านพ่อตากับคุณหญิงแม่ยายมาดูใจ เฮ้ย! มาเยี่ยมผมถึงบ้าน พร้อมของเยี่ยมสารพัด ผมยังจำเสียงพูดคุยหัวเราะของพวกผู้ใหญ่ได้เป็นอย่างดี ดูก็รู้ใช่มั๊ยละครับว่าคุณปู่คุณย่าคงจะไปคุยตกลงกับท่านกิตติเอาไว้ล่วงหน้าแล้วแน่ๆ แล้วทำไมไม่บอกผมไว้ก่อนสักคำ อย่างน้อยจะได้ไปฝึกการต่อสู้เอาไว้บ้าง
   
ถ้าถามว่าเกือบ 2 ชั่วโมง ที่ท่านกิตติเรียกผมไปคุยเป็นการส่วนตัวนั้นเกิดอะไรขึ้นบ้าง ก็จะเริ่มจากคำถามทั่วไปเหตุผลและแรงจูงใจที่ทำให้ผมชอบลูกชายของท่านซึ่งเป็นเพศเดียวกัน และอีกสารพัดเรื่องที่ล้วนเป็นคำถามจิตวิทยาเสียส่วนใหญ่ ท่านนิ่งมากนิ่งจนน่ากลัว แล้วบรรยากาศในห้องทำงานของท่านก็ชวนให้คิดมโนไปว่าถ้าผมเกิดตอบอะไรผิดหรือไม่ถูกใจขึ้นมาอาวุธสังหารมากมายก็พร้อมจะพุ่งตรงใส่ผมได้ทุกเมื่อ แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ตอบไปตามความเป็นจริงทั้งหมด และที่จบด้วยบททดสอบสมรรถภาพทางร่างกายก็เพราะว่าผมดันพลาดไปตอบว่าผมสามารถปกป้องลูกชายของท่านได้แน่นอน มันก็เลยต้องทดสอบกันหน่อยว่าจริงตามพูดรึเปล่า? แหม.. คำพูดของพระเอกละครแบบนั้นก็คงจะมีแค่ในนิยายนั่นแหละ เอาเข้าจริงไอ้คนอย่างผมเป็นมวยไทยซะที่ไหนละครับ ถ้าแข่งรำไทเก็กก็ว่าไปอย่าง

เอาเถอะครับ.. ยังไงซะผมก็ผ่านมันมาได้แล้ว เจ็บตัวหน่ะรักษาหายได้ แถมผลที่ได้รับยังคุ้มเกินคุ้มเสียอีก แค่นี้ก็โอเคแล้วล่ะครับ

“กองทัพ ทางนี้ๆ”

ออมโบกมือเรียกผม วันนี้ผมมีนัดกับเพื่อนที่คณะมาช่วยกันเคลียร์โปรเจ็คจบกันครับ และแม้จะผ่านมาเป็นอาทิตย์แต่ร่องรอยบวมช้ำและแผลบนหน้าก็ยังมีให้เห็น เพื่อนหลายคนมองหน้าผมด้วยความสงสัยแต่ก็ไม่มีใครกล้าถาม

“เป็นไงบ้าง?”

เพื่อนสนิทของผมใช้ปลายนิ้วแตะแผลตรงหางคิ้ว มันก็จะรู้สึกเสียวแปล็บๆ หน่อยนึง แต่ก็ไม่ได้เจ็บเหมือนวันแรกๆ อีกอย่างแผลก็แห้งแล้วล่ะครับ ที่เหลือส่วนใหญ่เป็นรอยบวมช้ำเสียมากกว่า

“ดีขึ้นแล้วล่ะ”

ผมตอบ ออมมองหน้าผมพร้อมกับอมยิ้มแบบมีเลศนัยจนผมต้องหรี่ตามองกลับ

“พูดมา”

“บางครั้งนายแกล้งโง่ใส่ฉันบ้างก็ได้นะโว้ย”

อ้าว.. รู้ทันก็งอนอีก แต่แป๊ปเดียวก็กลับมาอมยิ้มอีกแระ สงสัยจะวันนั้นของเดือนมั้งครับ

“นี่.. กองทัพเพื่อนรัก.. ฉันมีอะไรมาเสนอ และฉันก็รู้ว่านายต้องไม่ปฏิเสธแน่นอน”

แหน่ะ.. เห็นมั๊ยละครับว่ามันต้องมีอะไรจริงๆ ผมหัวเราะเบาๆ ในลำคอ ออมหันซ้ายหันขวาทำท่าทางยังกับว่าเรื่องที่กำลังจะพูดเป็นความลับนักหนา และผมก็ต้องบ้าจี้เงี่ยหูฟังตามออมด้วยนะครับ อ่อ.. เนื่องจากออมเขาอยากจะให้เรื่องนี้เป็นความลับ เพราะฉะนั้นผมก็ต้องขอโทษทุกคนด้วยที่ไม่สามารถเล่าหรือแพร่งพรายได้ เอาเป็นว่าหลังจากที่ออมกระซิบจบ ผมก็ได้แต่จุดยิ้มตรงมุมปากพร้อมกับตอบกลับไปว่า

“โอเค.. ตามนั้นเลยเพื่อน”


.
.
.
.
.



ตอนขามาผมจอดรถไว้ที่คณะสัตวแพทย์แล้วเดินต่อมาคณะของตัวเอง ดังนั้นเสร็จจากงานโปรเจ็คผมก็เดินกลับไปคณะสัตวแพทย์ ถามว่าระยะทางไกลมั๊ย? ก็ได้เหงื่ออยู่ครับ แต่ไม่รู้ทำไมผมถึงอยากจะเดินเก็บบรรยากาศไปเรื่อยๆ ถนนเส้นนี้เป็นเส้นทางที่ผมปั่นจักรยานรับส่งเต็มแทบทุกวัน เราทั้งคู่มักจะเป็นเป้าสายตาของใครต่อใครมากมาย แต่น่าแปลกที่ในสายตาของผมมีแค่เต็มใจคนเดียวเท่านั้นที่สามารถดึงดูดทุกความสนใจของผมเอาไว้ได้ อีกไม่นานเราก็จะเรียนจบออกจากรั้วมหาลัย ก้าวสู่ชีวิตการทำงานแบบผู้ใหญ่อย่างแท้จริง วันเวลาผ่านไปไวจนรู้สึกใจหายอยู่ไม่น้อย
   
โรงพยาบาลสัตว์เล็กยังคงมีลูกค้ามาใช้บริการเยอะเหมือนทุกวัน ผมนั่งรออีกฝ่ายตรงโต๊ะม้าหินด้านหน้าโรงพยาบาล หยิบไอโฟนขึ้นมาตั้งใจจะเลือกรูปที่ถ่ายเก็บไว้สัก 2-3 อัพเดทลงไอจีสักหน่อย แต่ยังไม่ทันจะได้เปิดแกลอรี่ภาพเลยครับ ก็มีสายเข้ามาเสียก่อน แค่เห็นชื่อผมก็รู้สึกเหนื่อยอย่างบอกไม่ถูกเลยล่ะครับ ผมถอนหายใจเบาๆ ก่อนจะกดรับสาย
   
“ครับ คุณแม่”
   
[กองทัพ! ฉันได้ข่าวว่าไอ้กิตติมันสั่งคนให้รุมซ้อมแกเหรอ มันมีสิทธิอะไรถึงมาทำแบบนั้นกับแก แล้วปู่กับย่าของแกก็บ้าจี้กับมันด้วย นี่แก่จนสมองเลอะเลือนกันไปหมดแล้วรึไง แม่ไม่ยอมหรอกนะ แม่จะแจ้งความเอาเรื่องมันให้ถึงที่สุด]
   
ใส่รัวยังกับปืนกลจนผมต้องขยับไอโฟนออกห่างจากหูเกือบคืบก็ยังได้ยินเสียงของคุณแม่ชัดเจน
   
[พ่อแกบอกฉันว่าคุยกับแกแล้วเรื่องถอนหมั้นไอ้เด็กเกย์นั่น แล้วทำไมแกถึงยังไปเจอมันอีก หรือว่ามันไม่ยอม?...]
   
“คุณแม่ครับ มันไม่ใช่อย่ะ...”
   
[เดาไว้ไม่มีผิด ไอ้เด็กนั่นมันต้องรู้และคิดวางแผนอะไรไว้แน่ มันไม่ได้รักแกจริงหรอก มันกับแกจะไม่มีวันรักกันได้เพราะ.... ]
   
คุณแม่หยุดพูดลงชั่วขณะ ผมจึงมีเวลาแงะขี้หูออกเล็กน้อย

[มันแค่จะหลอกใช้แกเป็นเครื่องมือมาทำลายครอบครัวของเราต่างหาก พ่อของแกบอกแม่หมดแล้ว นี่แม่และพี่นายพยายามทำทุกอย่างเพื่อแกอยู่นะ]
   
บ้ากันไปใหญ่แล้วครับ นี่คุณแม่ดูละครน้ำเน่าเยอะไปใช่มั๊ยเนี่ย?
   
[เรื่องงานหมั้นกับหนูฮันนี่ยังไงพ่อกับแม่ก็จะเดินหน้าต่อ ถ้าแกกล้าขัดใจพ่อกับแม่อีกล่ะก็ไม่ต้องมาเรียกฉันว่าแม่อีกเด็ดขาด ถ้าแกเลือกมัน ครอบครัวเราก็พัง! แกจะยังเลือกมันอยู่อีกมั๊ย?!]
   
“พอเถอะครับคุณแม่ เลิกโทษคนอื่นสักทีเถอะครับ ไม่มีใครคิดจะทำลายครอบครัวของเราหรอกครับ ถ้าครอบครัวมันจะพังมันก็เพราะคนในครอบครัวต่างหากล่ะครับ”
   
[กองทัพ! ไอ้ลูกอกตัญญู!]
   
ครับ.. ผมมันลูกอกตัญญู ผมยอมรับและก็เลือกที่จะเงียบ ปล่อยให้ผู้บังเกิดเกล้าพร่ำบ่นต่อไปจนพอใจแล้วท่านก็วางสายไปเอง ผมถอนหายใจเฮือกใหญ่ แล้วก็ได้แต่คิดว่าถ้าหากผมไม่มีคุณปู่คุณย่าเป็นที่พึ่ง ชีวิตของผมตอนนี้จะเป็นยังไงกันนะ
   
“ไอ้น้อง.. ถ้าเหนื่อยก็ซบบ่าพี่ได้นะ”
   
เสียงที่ดังขึ้นทำเอาผมสะดุ้งตกใจ จิ๊กโก๋หน้าใสนั่งลงข้างๆ แล้วหันมายักคิ้วพร้อมเหน็บยิ้มตบบ่าตัวเอง
   
“ไม่อยากทำแค่ซบบ่า”
   
ยักคิ้วกลับไปบ้าง ดวงตาคู่เรียวหรี่ลงเล็กน้อย ปลายนิ้วยกขึ้นแตะริมฝีปากของผม
   
“งั้นจะเก็บไว้พิจารณาละกัน”
   
“อย่านานนัก ดอกเบี้ยแพง”
   
“พี่รวย พี่จ่ายไหว”
   
จากจิ๊กโก๋หน้าใสเปลี่ยนเป็นเสี่ยกระเป๋าหนักแถมยังมีการตบกระเป๋ากางเกงดังปุๆ เสียด้วย คอยดูเถอะ ผมจะลอกให้หมดคราบนอกจากไม่เหลือเสื้อผ้าติดตัวสักชิ้นแล้วยังจะรูดน้ำให้หมดตัวไปเลย
   
ผมลุกขึ้นยืนเต็มความสูง แล้วยื่นมือส่งให้อีกฝ่าย เราเดินกุมมือกันไปที่รถ น่าแปลกนะครับที่ความรู้สึกหน่วงในใจของผมเมื่อครู่ราวกับว่าได้รับการปลดปล่อยเพียงแค่มีคนๆ นี้คอยเดินอยู่ข้างๆ กัน
ระหว่างทางเราสวนกับดักแด้ที่มารอรับพี่โบว์ และเมื่อไปถึงลานจอดรถก็เจอพี่ซันกำลังจะไปรับออมที่คณะพอดี เราทักทายกันเล็กน้อยก่อนจะแยกย้ายกัน

ด้วยสภาพการจราจรที่ติดขัดทำให้เราติดแหง็กอยู่ตรงสี่แยกด้านหน้าโรงพยาบาลอยู่เกือบครึ่งชั่วโมง คนที่นั่งก้มหน้าก้มตาสรุปรายงานอยู่เบาะข้างๆ จึงได้เงยหน้าขึ้นมามองความเป็นไปบนท้องถนนเสียที ช่วงนี้เจ้าตัวบ่นเรื่องอ่านหนังสือนานๆ แล้วเริ่มปวดหัว ผมจึงคิดว่าวันหยุดที่จะถึงนี้จะพาเจ้าตัวไปตรวจวัดสายตาเสียที

ดวงตาคู่เรียวหันมามองหน้าผมแล้วระบายยิ้มน้อยๆ ก่อนจะยอมพับเอกสารเก็บลงกระเป๋า
   
“เดี๋ยวนี้เทมป์ไม่ต้องเข้าไปศึกษางานที่บริษัทแล้วเหรอ?”
   
“อืม..”
   
คำตอบของผมทำให้คนถามเงียบไปครู่ใหญ่ ผมเหลือบตามองก็เห็นอีกฝ่ายนั่งหันหน้ามองออกไปข้างถนน จนเมื่อรถขยับตัวผ่านจุดวิกฤตมาได้ เจ้าตัวจึงได้เอ่ยทำลายความเงียบ
   
“เทมป์รู้แล้วใช่มั๊ยว่าเรียนจบแล้วเต็มจะต้องย้ายไปอยู่อังกฤษ”
   
ภายในอกวูบโหวงเจ็บจี๊ดขึ้นมาชั่วขณะ ถ้าจะให้พูดตามตรงเรื่องนี้ผมรู้มานานแล้ว ก่อนจะเจอกับเต็ม ออมก็เคยบอกผม และระหว่างที่ผมคบกับเต็มแล้วเจ้าตัวก็เคยเปรยให้ฟังอยู่หลายครั้ง แต่เพราะผมคิดว่ายังไงเต็มก็จะต้องกลับมาดูแลกิจการของมูลนิธิคุณหญิงหยดยังไงก็เป็นแค่การจากกันแค่ชั่วคราว จนกระทั่งคุณพ่อบอกผมว่าท่านได้ซื้อกิจการมูลนิธิที่เป็นความฝันและแรงบันดาลใจให้คนที่ผมรักอยากจะเรียนสัตวแพทย์ ผมอาจจะเสียใจที่ได้รู้ว่าความรักกำลังจะโดนพรากจากไป แล้วเต็มใจล่ะครับทั้งความรักและความฝันถูกพรากจากพร้อมๆ กัน ผู้ชายตัวเล็กๆ คนหนึ่งต้องแบกรับความรู้สึกเศร้าเสียใจมากกว่าผมอีกเท่าตัวแต่เจ้าตัวก็ไม่เคยบ่นหรืออ่อนแอให้ผมเห็นเลยสักครั้ง

ผมพยายามเก็บความรู้สึกทั้งหมดเอาไว้ก่อนจะหันไปมองเศษเสี้ยวใบหน้าของอีกฝ่าย แล้วครางตอบในลำคอ ‘อืม’ เบาๆ ดวงหน้าใสจึงยอมหันกลับมาสบตากัน ริมฝีปากสีชมพูอ่อนวาดรอยยิ้ม   
   
“จะมีแฟนใหม่มั๊ย?”
   
“นั่นเป็นคำถามที่เทมป์จะต้องถามเต็มมากกว่า”
   
เจ้าตัวหัวเราะกับคำประชดของผม ซึ่งผมรู้ดีว่ามันเป็นเพียงเสียงหัวเราะที่สร้างขึ้นเพื่อปิดกั้นความรู้สึกที่แท้จริงภายในใจ
   
“แล้วงานหมั้นของเทมป์กับน้องฮันนี่นั่นล่ะ?”
   
“คุยเรื่องงานแต่งงานของเราดีกว่า”
   
สวนกลับโดยแทบไม่ต้องเสียเวลาคิดสักนิด คนฟังยิ้มกว้าง ผมจึงดึงมืออีกฝ่ายมากุมไว้แล้วประทับจุมพิตบนหลังมือบาง
   
“ส่งโปรเจคจบเสร็จแล้วไปทะเลกันสองคนนะ”
   
“อืม.. ได้สิ”
   
รอยยิ้มบนใบหน้าใสในครั้งนี้เป็นของจริง ยิ้มจากใจ.. และคุณรู้อะไรมั๊ยครับ? ว่าเวลาที่อีกฝ่ายระบายรอยยิ้มนั้นโลกทั้งใบของผมก็ฟรุ้งฟริ้มมุ้งมิ้งไปด้วย ผมอยากจะหยุดเวลาเอาไว้แค่ช่วงที่เรามีความสุขด้วยกันเท่านั้น
   
หลังจากนั้นเราก็เงียบด้วยกันทั้งคู่ รถค่อยๆ ขยับเคลื่อนไปอย่างช้าๆ ตามการจราจรที่โหดร้าย ร่างบางนั่งเล่นเกมส์ได้ครู่หนึ่งก็เก็บไอโฟนลงกระเป๋าแล้วปรับเอนเบาะลงเล็กน้อย จากนั้นก็นอนมองหน้าผมนิ่งๆ จนผมต้องหันไปหยิกจมูกรั้นๆ นั่นด้วยความหมั่นเขี้ยว เจ้าของจมูกยู่หน้าแล้วคว้ามือของผมไปกุมเอาไว้
   
“ถ้าเทมป์เรียนจบปริญญาเอกและขึ้นเป็นผู้บริหารบริษัทได้.. ค่อยมาสู่ขอเต็มละกัน”
   
หืม???
   
“หมายความว่ายังไง?”
   
“อนาคตเป็นสิ่งไม่แน่นอน.. แต่สำหรับเต็มแล้วไม่ว่าอนาคตจะยาวนานสักแค่ไหน เต็มก็ยังรอเทมป์อยู่เสมอ”
   
“ไม่เข้าใจ”
   
ตลอดเวลาที่ผ่านมาผมคิดว่าผมเข้าใจคนรักของตัวเองในทุกเรื่อง ยกเว้นเรื่องนี้ผมไม่เข้าใจจริงๆ นะครับ การเรียนปริญญาเอกเป็นเรื่องที่ผมสามารถทำได้อย่างแน่นอน แต่เรื่องที่จะให้ผมขึ้นนั่งตำแหน่งผู้บริหารของบริษัทนั่นเป็นเรื่องยากมากและผมก็คิดว่าเจ้าตัวรู้เหตุผลทั้งหมดดี เต็มรู้ดีทุกอย่างแต่ก็ยังเอามันมาเป็นข้ออ้าง? ทำไม?  หรือว่าเพราะไม่อยากแต่งงานกับผม?

มือบางปล่อยมือข้างที่กุมผมไว้ เราสบตากัน ไม่มีรอยยิ้มเหมือนอย่างเคย และผมก็ไม่สามารถอ่านความหมายในดวงตาคู่เรียวได้อย่างทุกครั้ง
   
“อีกไม่นานหรอก.. เทมป์จะเข้าใจทุกอย่างเอง”
   
“ถ้าเต็มไม่อยากแต่งงาน จะอยู่ด้วยกันเลยก็ได้นี่นา”
   
สีหน้าและแววตาของอีกฝ่ายแสดงความผิดหวังออกมาอย่างชัดเจน ร่างบางขยับตัวแล้วหันหน้าไปมองข้างถนน
   
“ไม่ใช่เด็กแล้วนะ”
   
เด็ก? ใช่ครับ ผมมักจะทำและคิดเหมือนเด็กๆ ผมรู้จักนิสัยและปมด้อยของผมดี เพราะตั้งแต่เด็กจนโตผมโหยหาความอบอุ่นจากคนเป็นแม่มาโดยตลอด ต่อหน้าผู้เป็นบุพการีผมต้องเข้มแข็ง เก่ง และมีความเป็นผู้ใหญ่ เพื่อที่จะได้ไม่ต้องถูกนำไปเปรียบเทียบกับพี่ชาย ดังนั้นเมื่อผมรักใครก็มักจะเผลอเผยนิสัยความเป็นเด็กที่เก็บซ่อนไว้ และก่อนที่ผมจะได้เอ่ยคำน้อยใจออกไป เสียงเรียบนิ่งของอีกฝ่ายก็ทำให้ผมชะงักไปเสียก่อน
   
“รับหมั้นฮันนี่ซะ”
   
“ว่าไงนะ?!”
   
“ก็ถ้าเทมป์อยากจะเข้าใจทุกอย่างที่เต็มพูดก็รับหมั้นฮันนี่ซะ”
   
ในขณะที่ผมแทบจะระเบิดอารมณ์ออกมา คนตรงหน้ากลับนิ่งและดวงตาคู่เรียวจดจ้องผมด้วยแววตาที่จริงจัง เสียจนผมรู้สึกกลัวและคิดอะไรไม่ออก
   
“หมั้นได้ก็ถอนหมั้นได้ไม่ใช่เหรอ? ก็แค่หมั้นเพื่อจะหาคำตอบทุกอย่าง และเมื่อเทมป์เข้าใจทุกอย่างแล้วก็ค่อยถอนหมั้น ยกเว้นเสียว่า... หลังจากที่รู้คำตอบ เทมป์อาจจะลืมเต็มไปเลยก็ได้”
   
“เต็มคิดอะไรอยู่... มีอะไรอยู่ในใจที่บอกเทมป์ไม่ได้อย่างนั้นเหรอ?”
   
ราวกับว่าร่างบางตรงหน้าเป็นใครอีกคนที่ผมไม่เคยรู้จักมาก่อน จู่ๆ เสียงแตรรถจากด้านหลังช่วยเรียกสติกลับมา ผมสูดลมหายใจเข้าออกลึกๆ ก่อนจะเคลื่อน 4 ล้อไปด้านหน้าแค่ไม่กี่ 10 เมตรก็ต้องจอดหยุดนิ่งอีกครั้ง
ผมหันมองอีกฝ่าย ผมไม่ชอบความเงียบ และเกลียดบรรยากาศที่มันอึดอัดแบบนี้ มีคำถามและความรู้สึกมากมายที่อยากจะคุยและเคลียร์ให้รู้เรื่อง แต่สมองก็ฝ่อเอาเสียดื้อๆ แม้แต่ในอกก็รู้สึกแน่นเสียจนเหมือนจะหายใจไม่ออก
   
“เต็ม..”
   
เจ้าของชื่อหันมา คิ้วบางเลิกขึ้นเล็กน้อยก่อนจะยื่นมือมาแตะเบาๆ ตรงหางตาของผม
   
ตอนนี้ผมรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นเด็กน้อยที่น่าสมเพช ผมไม่เข้าใจ ไม่อยากเข้าใจ และไม่คิดจะเข้าใจในสิ่งที่อีกฝ่ายกำลังพูด นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน?? ไม่กี่ 10 นาทีก่อนหน้านี้พวกเรายังยิ้มหัวเราะกันอยู่เลยไม่ใช่รึไง?
   
ผมมองสร้อยที่อีกฝ่ายสวมติดตัวไว้ตลอดเวลา มันคือของสำคัญของตระกูลที่คุณปู่คุณย่ามอบให้ผม และผมก็มอบมันต่อให้กับคนที่ผมรัก เพราะผมมั่นใจว่าความรักของผมจะไม่มีวันเปลี่ยนแปลงไปจากคนตรงหน้าเด็ดขาด แต่ที่อีกฝ่ายพูดอยู่นี่มันคืออะไร????
   
“ก็ยังรักเหมือนเดิม.. มากขึ้นกว่าเดิมด้วยซ้ำ.. ถ้าหากเทมป์รักเต็มเหมือนที่เต็มรักเทมป์แล้วละก็.. ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นเต็มก็ยังรอเทมป์อยู่เสมอ”
   
“รัก.. แล้วทำไมถึงต้องให้เทมป์ทำแบบนี้?”
   
คำถามของผมมาพร้อมกับหยดน้ำที่เอ่อเต็มเบ้าตา ผมมันก็แค่ผู้ชายธรรมดาที่โคตรจะอ่อนแอและอ่อนไหว รักมากเท่าไหร่ก็ทุ่มให้เท่านั้น รักก็บอกว่ารัก เจ็บก็ร้องไห้ นี่แหละครับพระเอกโคตรห่วยแบบผม
   
ฝ่ายนั้นดึงมือข้างซ้ายของผมไปกุมไว้ แล้ววางแนบฝ่ามือของผมกับแผ่นอกบางด้านซ้ายของตัวเอง
   
“ถ้าเต็มไม่ทำแบบนี้.. เราก็ไม่มีวันที่จะได้อยู่ด้วยกันหรอกนะ”
   
ฝ่ามือของผมถูกเลื่อนขึ้นให้แนบลงบนแก้มใส เราสบตากันแน่นิ่ง ไม่มีคำว่าล้อเล่นในแววตาคู่เรียวเลยสักนิด
   
“เชื่อเต็มสักครั้ง.. ไม่ว่าผลลัพธ์จะออกมายังไง ความรักของเต็มก็ยังเหมือนเดิม”
   
ผู้ชายอ่อนแอที่บูชาคนรักแบบผมจะทำอะไรได้มากไปกว่า ‘ยอม’ และ ‘เชื่อ’ เมียล่ะครับ ต่อให้คนตรงหน้าบอกผมฝ่า ถ้าผมยอมเอาตัวเองไปเป็นเชลยในสงครามแล้วเราจะได้อยู่ด้วยกัน ผมก็คงจะยอมโง่ทำตามอยู่ดี    


.
.
.
.
.




เรื่องที่คุยกับเต็มเมื่อวานทำเอาผมนอนไม่หลับทั้งคืน ถึงขนาดที่ต้องปลุกสีส้มให้มานั่งคุยปรับทุกข์เป็นเพื่อน หากดูจากภายนอกเหมือนว่าเราทั้งคู่ดูมีความสุขดี คุณปู่คุณย่าของผมและครอบครัวของอีกฝ่ายก็เข้าใจความรักของเราเป็นอย่างดี อีกทั้งเราทั้งคู่ยังมี ฐานะ การศึกษา ทุกอย่างเพียบพร้อม แต่ในความเป็นจริงและในส่วนที่ละเอียดอ่อนกว่านั้นก็คือยิ่งเราโตขึ้นการก้าวเดินไปข้างหน้าของเรากำลังจะยากขึ้นเรื่อยๆ ต่างหาก
   
“สีส้ม”
   
แมวอ้วนวัย 4 ขวบ ที่กำลังยกแข้งยกขาเลียขนแต่งหล่อหยุดมองหน้าผมตาแป๋ว
   
“คิดถึงตอนอยู่หอพักเนอะ”
   
ตอนอยู่หอพักเป็นช่วงเวลาที่เราแทบจะไม่มีเวลาคิดถึงเรื่องอื่นนอกจากเรื่องเรียน เช้าไปเรียนด้วยกัน กลับมาถึงหอพักก็อ่านหนังสือ ทำรายงาน นั่งคุย หรือไม่ก็มีเซ็กส์กัน และที่สำคัญก็คือเราแทบจะไม่ทะเลาะกันเลยสักครั้ง
   
สีส้มลุกขึ้นแล้วเดินนวยนาดมานอนแหมะลงข้างๆ ผม จากนั้นก็กลิ้งตัวไถกับสีข้างของผม สีส้มกำลังปลอบผมอยู่ครับ และความน่ารักนี้ก็ทำให้ผมหลุดยิ้มออกมา
   
ก๊อกๆๆๆๆ
   
เสียงเคาะประตูรัวๆ กับเสียงเรียกของเด็กรับใช้ในบ้านทำให้ผมต้องขมวดคิ้วแล้วรีบลุกขึ้นจากเตียงไปเปิดประตู
   
“มีอะไรเหรอหลิน?”
   
“คุณแม่ของคุณกองทัพมาค่ะ”
   
“ห๊ะ!?”
   
“มาถึงก็อาละวาดใส่คุณนายใหญ่เลยค่ะ คุณกองทัพรีบออกไปดูเถอะค่ะ”
   
นี่มันเรื่องบ้าอะไรกันตั้งแต่เช้าเนี่ย?! ยกมือเสียผมแบบลวกๆ แล้วรีบก้าวเท้าตามหลินออกไป เดินไปไม่กี่ก้าวก็ได้ยินเสียงเอะอะโวยวายเสียงดังแล้วล่ะครับ
   
“คุณแม่มาทำอะไรที่นี่ตั้งแต่เช้าเหรอครับ!?”
   
ตวาดออกไปสุดเสียง ทำเอาทุกสายตาหันมามองที่ผมเป็นจุดเดียว ผมเดินไปยืนข้างๆ คุณย่า วันนี้วันเสาร์ ซึ่งช่วงเช้าคุณปู่จะออกไปรำไทเก็กที่สมาคมชาวจีนไม่ไกลจากบ้านมากนัก คุณแม่คงจะรู้ว่าคุณปู่ไม่อยู่จึงถือโอกาสมาอาละวาดใส่คุณย่าแต่เช้า และก็ไม่ได้มาคนเดียวด้วยนะครับ ยังหนีบพาฮันนี่มาด้วย เธอฉลาดพอที่จะไม่ใช้อารมณ์แต่เลือกที่จะยืนเสแสร้งทำเป็นห้ามปรามคุณแม่แทน นี่คงจะซ้อมบทมาจากละครน้ำเน่าหลังข่าวกันแน่ๆ
   
“ทำไมฉันจะมาที่นี่ไม่ได้ ในเมื่อฉันเป็นสะใภ้เกียรติไพศาลกิจ และแกซึ่งเป็นลูกชายของฉันก็อยู่ที่นี่”
   
“ถึงอย่างนั้นคุณแม่ก็ไม่มีสิทธิแสดงกิริยาวาจาไม่ดีกับคุณย่านะครับ”
   
“ก็อีกะ.. ก็ย่าของแกมาไล่ฉันก่อน เจอหน้าก็ไล่ยังกับหมูกับหมา”
   
“กับหมูกับหมาฉันจะไปไล่มันทำไม? มีแต่จะรับไว้เลี้ยงดูอย่างดี”
   
สิ้นคำคุณย่า คุณแม่ก็หวีดร้องยังกับโดนน้ำร้อนลวก เมื่อคืนก็นอนไม่หลับเช้ามาเจอเรื่องแบบนี้มันโคตรจะปวดหัวเลยล่ะครับ
   
“ใจเย็นๆ ครับคุณย่า.. เดี๋ยวผมจัดการเองดีกว่าครับ”
   
ประคองคุณย่าให้นั่งลงบนโซฟา แล้วเรียกเด็กรับใช้ที่ยืนแอบมองอยู่ไกลๆ ให้เข้ามาช่วยดูแล เสร็จแล้วก็หันกลับไปหาคุณแม่
   
“คุณแม่มีธุระอะไรกับผมเหรอครับ?”
   
“ฉันจะมาคุยเรื่องงานหมั้นของแกกับหนูฮันนี่ให้รู้เรื่อง”
   
“หูซั่วบาต่าว!”
   
คุณย่าลุกขึ้นแล้วชี้หน้าตวาดใส่คุณแม่เป็นภาษาจีนว่า ‘พูดจามั่วเหลวไหล!’ ผมนี่ยังสะดุ้งเลยครับ ส่วนคุณแม่กับฮันนี่ก็ได้แต่ยืนเบิกตากว้างทำหน้างงปนร้อนตัวเพราะท่านไม่รู้ภาษาจีนสักคำ
   
“ไม่เกี่ยวกับคุณแม่ หุบปากไปเลยก็ดีนะคะ!”
   
“หนีอี่เหวยหนี่จ้ายเกินสุยซัวฮวา!”
   
เวลาคุณย่าโกรธมากๆ จะนึกคำด่าภาษาไทยไม่ค่อยออกครับ เลยได้แต่ต่อปากคุณแม่เป็นภาษาจีนกลับไปว่า ‘เธอคิดว่ากำลังคุยอยู่กับใคร?!’ แล้วหลังจากนั้นเรื่องมันก็เป็นไปตามอารมณ์ของผู้หญิงล้วนๆ เส้นประสาทในสมองของผมเต้นตุบตับจนแทบจะระเบิด และยิ่งได้ยินคุณแม่ใช้วาจาจาบจ้วงใส่คุณย่าหลายต่อหลายครั้งผมก็ชักจะทนไม่ได้เหมือนกันนะครับ
   
“พอสักทีได้มั๊ยครับ!!”
   
ต่อให้ตัวบาปจะหล่นลงบนหัวผมเป็นร้อยตัวเพราะตวาดใส่บุพการีก็ช่างแมร่มมันเถอะครับ คุณแม่กับฮันนี่สะดุ้งเฮือก ในขณะที่คุณย่านิ่งเงียบไปแทบจะทันที
   
“ยังไงคุณพ่อกับคุณแม่ก็จะให้ผมหมั้นกับฮันนี่ให้ได้ใช่มั๊ยครับ?”
   
“ใช่! แกทำน้องเขาเสียชื่อเสียงขนาดนี้แล้วก็ต้องระ..”
   
“ได้ครับ!”
   
ไม่ต้องรอให้คุณแม่อารัมภบทยกแม่น้ำร้อยสายผมก็ขอตัดตอบสวนกลับไปเสียก่อน และคงจะเป็นคำตอบที่คาดไม่ถึงท่านจึงได้ทำหน้าเหมือนหูฝาดอยู่พักหนึ่งจนเมื่อตั้งสติได้จึงรีบหันไปฉีกยิ้มกับฮันนี่
   
“ได้คำตอบแล้วก็เชิญกลับครับ”
   
ยกมือไหว้แล้วหันไปส่งสายตาให้เด็กรับใช้ลุกขึ้นเตรียมส่งแขก คุณแม่เชิดหน้าสะใจใส่คุณย่าแล้วตั้งท่าจะหันหลังกลับ แต่คงจะนึกอะไรได้อีกเรื่องจึงหันมาอ้าปากจะพูดกับผม
   
“แล้วเรื่องนะ..”
   
“เชิญกลับครับ”
   
บอกตามตรงว่าผมไม่อยากรับรู้เรื่องอะไรแล้วจริงๆ แค่นี้ชีวิตของผมก็แทบจะพังไม่เป็นท่า ผมยกมือไหว้คุณแม่อีกครั้ง และรอบนี้ท่านก็ยอมเดินลงจากบ้านไปแต่โดยดี ผมถอนหายใจเฮือกใหญ่ แล้วหันกลับมาจะคุยกับคุณย่าต่อ แต่ท่านไม่ได้ยืนอยู่ข้างๆ ผมแล้วครับ ที่แน่ๆ ผู้หญิงที่ถือกะละมังเดินก้าวฉับๆ ยังกับสาวแรกรุ่นมุ่งตรงไปทางประตูบ้านนั่นคลับคล้ายคลับคราเหมือนคุณนายจูของผมไม่มีผิด
   
“คุ...”
   
กำลังจะอ้าปากเรียก แต่ก็ช้าไปแค่เสี้ยววินาที

“กุ่นคาย! ขวี่สื่อปา!!”

คำด่า ‘ไปให้พ้น! ไปตายซะ!!’ ดังขึ้นยังกับเสียงฟ้าผ่าแล้วตามลงมาด้วยสายฝนห่าใหญ่..

อืม ถ้าเป็นฝนมันก็คงจะดีกว่านี้ครับ แต่ที่ลงห่าใหญ่บนหัวของคุณแม่และฮันนี่นั่นคือเกลือต่างหาก เสียงคนเปียกเกลือทำเอาผมยกมือปิดหูแทบไม่ทัน  จะว่าไปดอกเกลือก็ร่วงกราวส่องแสงระยิบระยับเมื่อต้องแสงแดดยามเช้ามันก็สวยดีเหมือนกันนะครับ

เมื่อพายุจากไป คลื่นลมก็เริ่มสงบ ผมถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่แล้วตั้งท่าจะหันหลังกลับเข้าบ้าน แต่แล้วก็ต้องสะดุ้งกับสายตาของคุณย่าที่มองมาอย่างไม่พอใจ
   
“กองทัพ”
   
“ครับ”
   
“หลานตอบตกลงไปทำไม?”
   
คำถามของคุณย่าทำเอาความอึดอัดจุกขึ้นมาถึงลำคอ ผมไม่มีคำตอบในเรื่องนี้ ไม่ใช่สิ.. ต้องพูดว่าผมไม่รู้จะตอบยังไงเสียมากกว่า และเพราะผมเงียบไปนาน คุณย่าจึงเดินเข้ามาใกล้ แววตาและน้ำเสียงแปรเปลี่ยนเป็นอ่อนโยน
   
“หลานไม่รักน้องเต็มแล้วเหรอ?”
   
“รักสิครับ”
   
ตอบด้วยเสียงหนักแน่นเต็มความมั่นใจ เพราะรักมาก.. ผมถึงได้ทำแบบนี้
   
“ย่าไม่เข้าใจ”
   
“ผมก็ไม่เข้าใจครับ.. แต่หลังจากงานหมั้นผมอาจจะเข้าใจมากขึ้นก็ได้”
   
คนถามไม่เข้าใจ คนตอบอย่างผมก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน ผมมั่นใจแค่ว่าเต็มรักผมมาก คนอย่างเต็มใจไม่ยอมยกผมให้ใครง่ายๆ หรอกครับ แต่เพราะฝ่ายนั้นคงมีเหตุผลบางอย่างและคงจะเป็นเรื่องสำคัญมากจึงไม่สามารถบอกผมได้ในตอนนี้  ครั้นจะให้ผมโวยวายไม่พอใจตีโพยตีพายที่อีกฝ่ายมีความลับต่อกันนั่นก็ไม่ใช่นิสัยของผม ต่อให้ผมเป็นคนขี้หึงขี้หวงขนาดไหนก็ยังให้เกียรติและเคารพการตัดสินใจของคนรักเสมอครับ
   
“ไม่ต้องห่วงผมหรอกครับ ผมกับเต็มยังรักกันเหมือนเดิม ส่วนเรื่องหมั้น.. เราทั้งคู่ก็ตกลงกันแล้วครับ”
   
คนเป็นย่าขมวดคิ้ว แต่ผมก็ไม่สามารถอธิบายอะไรได้มากกว่านี้จริงๆ คุณย่ามองหน้าผมอยู่ครู่ใหญ่แล้วก็เลือกที่จะพยักหน้าแกล้งทำเป็นเข้าใจโดยไม่ถามอะไรอีก และหลังจากที่คุณปู่กลับมาถึงบ้านคุณย่าก็ฟ้องเรื่องลูกสะใภ้เสียยกใหญ่ รวมทั้งเรื่องของผมด้วย คุณปู่ถามผมเหมือนที่คุณย่าถาม ซึ่งคำตอบของผมก็ยังคงเหมือนเดิม คุณปู่ฟังแล้วก็ได้แต่ขมวดคิ้วและสรุปว่าเรื่องนี้คงต้องคุยกับท่านกิตติสักหน่อย...


.
.
.
.
.
.
.
.
.

TBC.....  : 222222:




สุขสันต์วันลอยกระทงนะคะ ^^
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 03-11-2017 22:12:23 โดย RIRIN »

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด