█ ▌รักเต็มใจ ❤➽ Heart Is Full ▌█ ┠ 37 The End ┨ (2017.11.11) P.36
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: █ ▌รักเต็มใจ ❤➽ Heart Is Full ▌█ ┠ 37 The End ┨ (2017.11.11) P.36  (อ่าน 233495 ครั้ง)

ออฟไลน์ RIRIN

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 250
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +492/-2
█ ▌รักเต็มใจ ➽ HEART IS FULL ▌█





┠ 32 ┨





เผลอแป๊ปเดียว ช่วงสุดท้ายของการเป็นสัตวแพทย์ฝึกงานก็จบลง เวลาที่เหลืออีกเดือนเศษ เราจะต้องทุ่มเทให้กับรายงานเคสจบ แต่เนื่องจากที่ผ่านมาผมค่อยๆ เคลียร์มาเรื่อยๆ ในตอนนี้จึงเหลือแค่บทสรุปอีกเล็กน้อยทำให้มีเวลามาฝึกซ้อมงานประเพณีได้อย่างเต็มที่ ซึ่งงานนี้พี่ขวัญจะบินกลับมาถึงไทยดูรอบซ้อมใหญ่และอยู่คุมวันงานจริงด้วยตัวเอง

เสียงดนตรีและเสียงร้องของต้นฉบับดังจบไปเป็นรอบที่ 2 หนุ่มน้อยเจ้าหน้าที่สภานักศึกษาที่ชื่อ ‘นิโน่’ ซึ่ง ดูแลเรื่องการแสดงมองหน้าผมแล้วโปรยยิ้มจนดวงตายิบหยี

“ทางทีเจแจ้งว่าช่วงท่อนที่สามของเพลงแรกจะเว้นดนตรีไว้เพื่อที่จะโชว์ชุดฟินาเล่ โดยเวทีด้านหลังจะทำแบบเลื่อนยกขึ้นได้ครับ”

พยักหน้าแล้วคิดภาพตาม ถ้าอย่างนั้นผมจะต้องเบี่ยงตัวไปด้านข้างเพื่อให้เวทียกเลื่อนด้านหลังเด่นขึ้น

“ในเพลงที่สองคุณเต็มจะต้องร้องเพลงสลับท่อนกลับนางแบบที่โชว์ชุดฟินาเล่ด้วยนะครับ คุณเต็มร้องท่อนตามนี้เลยครับ”

เนื้อเพลงถูกส่งให้ ผมรับไว้แล้วมองดูคร่าวๆ เนื้อเพลงท่อนของผมถูกมาร์คสีไว้ด้วยสีเขียว

“คนไทยเหรอครับ?”

น้องนิโน่เลิกคิ้ว งงในคำถาม 

“ผมหมายถึงนางแบบที่โชว์ชุดฟินาเล่เป็นคนไทยเหรอครับ?”

อธิบายเพิ่มเติมพร้อมส่งยิ้มให้ น้องโน่ร้อง ‘อ่อ’ สองแก้มขึ้นสีแดงจัด แถมยังลามไปถึงสาวน้อยหน้าหมวยอีกคนที่ยืนอยู่ข้างๆ กัน รุ่นน้องสาวยกมือขึ้นแนบแก้มของตัวเองแล้วบ่นพึมพำว่า ‘ดาเมจรุนแรงมาก’ ผมก็ได้แต่หัวเราะขำเบาๆ

“น.. ในส่วนนี้ผมก็ไม่ทราบครับว่าเป็นคนไทยรึเปล่า ที่จริงก็ไม่รู้หรอกครับว่าเป็นนางแบบหรือนายแบบแต่ผมเดาว่าเป็นนางแบบครับ ทางทีเจแจ้งแค่ว่าให้คุณเต็มร้องท่อนตามในกระดาษครับ”

“อ่อ.. ครับ”

อมยิ้มกับท่าทางเขินอายของหนุ่มสาวตรงหน้า ทางทีมงานพี่ขวัญสั่งมายังไงผมก็ว่าตามนั้นแหละครับ

“ถ้าอย่างนั้นช่วยหาคนมาซ้อมท่อนของฟินาเล่ให้ผมด้วยนะครับ”

“อ่อ... จ จริงด้วยสิครับ”

คิ้วเข้มของรุ่นน้องขมวดกันเล็กน้อยก่อนจะยิ้มและยกมือขึ้นเกาท้ายทอยแก้เก้อ ผมจึงโปรยยิ้มหวานหวังให้รุ่นน้องผ่อนคลาย แต่กลับกลายเป็นว่าน้องผู้หญิงยกมือปิดปากแล้วร้อง ‘กรี๊ด’ เบาๆ จากนั้นก็วิ่งไปด้านหลังเวที เอิ่ม... เดี๋ยวนะ นี่ผมทำอะไรที่มันดูผิดปกติไปรึเปล่าครับ?

“อาเต็มขา”

เสียงของหลานสาวดังขึ้น ผมมองลงไปตรงหน้าเวที ออมยืนเกาะขอบเวทีเรียกผมด้วยรอยยิ้ม เห็นแล้วก็นึกถึงตอนเด็กๆ เลยล่ะครับ

สถานที่ใช้ซ้อมการแสดงชั่วคราวนี้เป็นหอประชุมของคณะนิเทศน์ศาสตร์ นอกจากเทมป์แล้ว โบว์ ออม และซันจะมาเป็นเพื่อนผมซ้อมทุกครั้ง ซึ่งบางวันน้องดักแด้ก็จะต้องตามมาด้วย  แต่ตอนนี้เทมป์ติดเคลียร์งานที่คณะ ฝ่ายนั้นเลยแว่บไปจัดการเรื่องตัวเองให้เสร็จก่อนแล้วค่อยตามมาสมทบอีกที

ผมเดินไปย่อตัวนั่งลงหน้าออมพร้อมกับขยี้หน้าม้าเต่อของเจ้าตัวเล่นด้วยความหมั่นเขี้ยว ออมยู่หน้าเล็กน้อยก่อนจะระบายยิ้มเต็มแก้ม

“อาเต็มขา สงสารทีมงานบ้างเถอะค่ะ ทุกคนโดนดาเมจความหล่อความน่ารักของอาเต็มจนจะตายกันหมดแล้วค่ะ”

“หืม??”

หรี่ตามองหลานสาว ผมเนี่ยนะ?? ผมชี้หน้าตัวเอง ออมพยักหน้าหงึกหงักหนักแน่น ผมจึงส่งสายตาไปถามโบว์ ซัน และน้องดักแด้ ซึ่งทั้ง 3 คนนั้นก็พยักหน้ายืนยันเหมือนออม

 “อีจีเพื่อนรัก วันนี้น้องทัพปี้ไม่อยู่ไงคะทุกคนเลยแสดงอาการกันชัด ถ้าน้องทัพปี้อยู่ด้วยไม่มีใครกล้าแสดงอาการหรอกเพราะดาเมจซาตานหวงเมียรุนแรงมากกกกก”

โบว์ตะโกนบอกผมด้วยเสียงกลั้วหัวเราะ และก็ทำให้ผมหัวเราะตามชื่อใหม่ที่โบว์ใช้เรียกเทมป์ว่า ‘ทัพปี้’

 “นิโน่”

ออมกวักมือเรียกเพื่อน ฝ่ายนั้นขานรับแล้วตั้งท่าจะเดินมาหาออม แต่คงนึกได้ว่าผมนั่งอยู่ตรงนั้นด้วย เจ้าตัวยกกระดาษปิดครึ่งหน้าแล้วโค้งขออนุญาตผมครั้งแล้วครั้งเล่า ออมคงจะสงสารเพื่อนจึงเลือกที่จะตะโกนคุยกันแทน

“เดี๋ยวฉันจะให้แฟนฉันช่วยซ้อมท่อนของฟินาเล่คู่อาเต็มละกันนะ”

แฟนออม.. ก็จะใครล่ะครับถ้าไม่ใช่เพื่อนรักของผมอย่างซัน ว่าแต่ออมปรึกษาซันมาก่อนรึเปล่าเนี่ย? แต่ผมเดาว่าซันคงจะเพิ่งรู้ตัวนี่แหละครับ

“อาซันคะ ช่วยหน่อยนะคะ”

ร้อยทั้งร้อยซันก็ต้องแพ้ลูกอ้อนของออมเหมือนที่ผมกับโอบแพ้มาตลอดชีวิตนี่แหละครับ ซันจึงจำใจต้องลุกขึ้นเดินขึ้นมาบนเวที

“ซันจีมาแล้วจ้า เรือมาแล้วจ้า หลบเลยจ้าา”

เพื่อนสาวคนเดียวในกลุ่มลุกขึ้นปรบมือรัว ในขณะที่น้องดักแด้ได้แต่นั่งขำพร้อมกับส่ายหน้าไปมา

เมื่อทุกอย่างลงตัว และได้ฟังคำอธิบายจากทีมงานทั้งหมดแล้วก็เริ่มซ้อมได้สักที อันดับแรกผมขอให้เปิดเพลงวนอยู่หลายรอบพร้อมกับนึกภาพภาพไปด้วยว่าตากล้องของ TJ วางอยู่ตรงไหน เรื่องนี้ผมคุยกับทีมงานของพี่ขวัญแล้วว่าอยากได้ธีมและรูปแบบประมาณไหน ใกล้วันงานพี่ขวัญจะส่งทีมงานชุดเต็มมาเซ็ทเวทีแสง สี เสียงให้ทั้งหมด ผมรับผิดชอบแค่การแสดงให้ออกมาตรงคอนเซ็ปเท่านั้น

ผมมาร์คจุดเดินตามจังหวะเพลงและดูมุมให้สามารถโชว์เสื้อผ้าของแบรนด์ให้ได้มากที่สุด ในขณะเดียวกันผมก็ต้องควบคุมการแสดงของตัวเองให้สามารถดึงดูดสายตาของผู้ชม มันเป็นการถ่ายโฆษณาที่ต้องร้องเพลงและผสมการเดินแฟชั่นเข้าด้วยกัน ยากพอสมควรครับแต่ก็ไม่ได้ยากเกินความสามารถ อ่อ.. ที่สำคัญก็คือ เห็นซันนิ่งๆ แบบนี้แต่ร้องเพลงเพราะมากเลยนะครับ

.
.
.
.
.
.
.

   
เสร็จจากซ้อม 11 โมงเศษ มีเลทนิดหน่อย ออมกับน้องดักแด้กลับไปทำงานต่อที่คณะ เทมป์เองก็ยังเคลียร์งานโปรเจ็คไม่เสร็จ ผม ซัน และโบว์จึงไปหาอะไรกินกันแถวมหาลัยกันก่อน ระหว่างที่กำลังนั่งรออาหารอยู่นั้น ผมได้รับข้อความจาก ‘พี่นายพล’ ระบุความต้องการว่าอยากจะเจอผม ตอนแรกผมก็กะว่าจะไม่สนใจแต่จนแล้วจนรอดผมก็ตอบสถานที่นัดเจอกลับไป ซึ่งก็เป็นที่คณะของผมนั่นแหละครับ

“อีจี ถ้ามีอะไรแกตะโกนเรียกฉันเลยนะเว้ย”

เพื่อนสาวพูดด้วยสีหน้าจริงจังยังกับว่ากลัวผมจะโดนฉุดหรือไม่ก็โดนทำร้ายร่างกาย ดูท่าแล้วไม่ว่าจะยังไงโบว์ก็คงไม่มีวันที่จะกลับไปมองพี่นายในแง่ดีได้อีกแล้วสินะ ผมยิ้มและก็ได้แต่พยักหน้าให้เพื่อนสบายใจ

โต๊ะม้าหินกลางลานคณะ พี่นายนั่งโดดเด่นเป็นเป้าสายตาของใครหลายคน ผมเหลือบตาไปทางฝั่งลานจอดรถ แผ่นหลังกว้างของใครคนหนึ่งทำให้รู้สึกคุ้นตา ฝ่ายนั้นสวมชุดนักศึกษาและหมวกแคปยืนหันหลังพิงต้นไม้ข้างรถยุโรปหรู

“สวัสดีครับ”

ยกมือไหว้ทักทายอีกฝ่ายตามมารยาท ฝ่ายนั้นพยักหน้ารับไหว้ด้วยรอยยิ้มบางเบา

“ไม่ได้เจอกันนานเลยนะครับ.. น้องเต็มใจ”

ใช่แล้วล่ะครับ เราไม่ได้เจอกันนาน ผมยิ้มและนั่งลงฝั่งตรงข้าม

“ผมมีเวลาไม่มากนะครับ”

“ก็ดี.. งั้นจะพูดตรงๆ เลยนะ”

ผมพยักหน้ารับเชิญว่ามาได้เลยครับ

“ออกไปจากชีวิตของกองทัพเสียเถอะ.. ที่ฉันมาเตือนก็เพราะหวังดี บารมีของท่านกิตติกับคุณหญิงหยดหมดไปนานแล้วและมันก็ไม่สามารถช่วยนายได้หรอกนะ”

“รอบนี้คุณดูร้อนรนผิดสังเกตนะครับ”

ดูผิวเผินฝ่ายตรงข้ามก็ยังรักษาสีหน้าไว้ได้ดี แต่ถ้ามองให้ลึกไปในแววตาและน้ำเสียงรู้เลยครับว่าอีกฝ่ายกำลังกังวลอะไรบางอย่างอยู่

“กลัวอะไรอยู่รึเปล่าครับ?”

คำถามของผมคงจะตรงจุดเกินไป ผมเห็นความสั่นไหวและตื่นตระหนก แม้แค่เสี้ยววินาทีแต่ก็ไม่อาจลอดสายตาของผมไปได้ แต่เจ้าตัวก็ทำได้ดีสามารถดึงสติกลับมาเรียบนิ่งได้เหมือนเดิม

“หวังดีหรอกนะถึงได้มาเตือน”

“ขอบคุณนะครับสำหรับความหวังดี.. แต่ผมคิดว่า.. คุณควรจะเก็บความหวังดีนี้ไว้เตือนตัวเองมากกว่านะครับ”

คู่สนทนายกยิ้มมุมปาก

“น้องชายของฉันได้นิสัยอวดเก่งแบบนี้มาจากนายสินะ”

“ที่ผ่านมากองทัพชื่นชมคุณให้ผมฟังตลอด”

คิ้วหนาขมวดเล็กน้อย ดวงตาคู่เล็กหรี่ลงมองผมอย่างจับผิด แต่ไม่มีใครเดาใจของผมออกหรอกครับ ผมเคาะนิ้วลงบนโต๊ะ 2-3 ครั้งก่อนจะพูดต่อ

“ถ้ากองทัพเรียนจบ หุ้นของบริษัทครึ่งหนึ่งจะถูกโอนเป็นของกองทัพทันที ตำแหน่งผู้บริหารก็เช่นเดียวกัน.. ถ้าเป็นแบบนั้น.. แล้วคนที่ถูกตั้งให้เป็นทายาทอันดับหนึ่งล่ะครับ? ภาษาไทยเขาเรียกอะไรนะ?”

พยายามคิดสำนวนไทยที่หมายถึง หมดความสำคัญ โดนเขี่ยทิ้งอะไรทำนองนี้ แต่นึกไม่ออกครับ และคนตรงหน้าก็ไม่ช่วยผมคิดเลยสักนิด แต่ทว่าอ่านจากสีหน้าและแววตาผมก็พอจะรู้แล้วล่ะว่าอีกฝ่ายคงจะตีความหมายของผมออก

“ผมเองก็หวังดีกับคุณเหมือนกันนะครับ.. ถึงได้พูดเตือน”

เมื่อหลายปีก่อน เจ้าตัวขอคุยกับผมโดยมุ่งเป้าประเด็นชัดเจนว่าไม่ชอบขี้หน้าผม แต่มารอบนี้กลับเปลี่ยนไป แม้คนตรงหน้าไม่อ้าปากพูดทว่าคำตอบก็ฟ้องอยู่ในดวงตาของคู่สนทนา

“คุณนายพล.. ผมเคยคิดว่าคุณเป็นคนฉลาด แต่จริงๆ แล้วคุณนั้นทั้งโง่และน่าสงสารมากเลยนะครับ”

มือใหญ่กำหมัดแน่น ด้วยความโกรธ แต่ผมก็ยังคงระบายรอยยิ้มราวกับว่าเรากำลังคุยเรื่องดินฟ้าอากาศทั่วไป

“คุณเดาทางผิดทั้งหมดแล้วล่ะครับ ถ้าเกิดเป็นเกมส์ คุณใกล้จะแฮ้งค์โอเวอร์แล้วล่ะ”

“หมายความว่ายังไง?”

“แทนที่คุณจะถามผม คุณควรจะไปหาคำตอบจากคนใกล้ตัวคุณจะดีกว่านะครับ”

ชำเลืองตาไปทางลานจอดรถ และคนตรงหน้าก็มองตาม

“เขาช่วยคุณหาคำตอบได้”

สีหน้าของคู่สนทนาเต็มไปด้วยความสับสน ผมเหน็บยิ้มมุมปากแล้วลุกขึ้น

“ผมคงต้องขอตัว.. หวังว่าจะได้เจอกันในงานหมั้นของกองทัพนะครับ”

ยกมือไหว้ลาคนอายุเยอะกว่าก่อนจะเดินออกมาโดยไม่ได้หันหลังกลับไปมองอีกฝ่าย โบว์กับซันเห็นผมลุกขึ้นทั้งคู่ก็ลุกขึ้นด้วย แต่ผมก็ไม่ได้เดินตรงไปหาเพื่อนทันทีหรอกนะครับ ผมเดินอ้อมไปทางลานจอดรถและแกล้งเดินผ่านรถยุโรปคันหรูพร้อมกับพูดขึ้นมาหนึ่งประโยค

 “ณดล.. นายควรจะตั้งใจเรียนกว่านี้นะ”

เจ้าของแผ่นหลังกว้างสะดุ้งจนตัวเกร็ง แต่ทว่าก็ไม่ได้หันกลับมามองและผมเองก็ไม่ได้หยุดดูว่าหลังจากนั้นอีกฝ่ายมีท่าทียังไง ผมเลิกสนใจคนทั้งคู่แล้วทำเพียงก้าวเดินตรงไปหาเพื่อนรักที่รอผมอยู่ด้วยความเป็นห่วงทั้ง 2 คน

เรื่องบางเรื่องต่อให้เป็นเพื่อนรักเพื่อนสนิทกันมากแค่ไหนแต่ถ้ามันเป็นเรื่องส่วนตัวที่เจ้าตัวไม่อยากจะพูดถึง เราก็ไม่ควรจะละลาบละล้วงเรื่องของเขา เหมือนอย่างตอนนี้ที่ผมไม่ได้เล่าว่าพี่นายมาคุยอะไรกับผม และซันกับโบว์ก็รู้จักมารยาทพอที่จะไม่เอ่ยถาม
   
ผมกับซันไปส่งโบว์ที่คณะวิศวกรรมศาสตร์ จากนั้นก็กลับมานั่งรอออมกับเทมป์ที่คณะศิลปกรรมศาสตร์ด้วยกัน ออมทำงานเสร็จก่อน ผมจึงให้ทั้งคู่กลับไปก่อนเพราะวันนี้ซันจะพาออมไปทานข้าวเย็นที่บ้าน

งานโปรเจ็คของเทมป์ใกล้จะเสร็จแล้วล่ะครับ แต่มีบางจุดที่ต้องแก้ไขเล็กน้อยเจ้าตัวจึงขอเข้าไปคุยกับอาจารย์ที่ปรึกษา ซึ่งระหว่างที่นั่งรออีกฝ่ายคุยงานกับอาจารย์ผมก็ได้ใช้เวลาว่างทั้งหมดเรียบเรียงความรู้เกี่ยวกับลักษณะกายภาพของสัตว์ต่างๆ ที่ได้เรียนรู้ทั้งในและนอกห้องเรียน

“รอนานเลย..”

เสียงทุ้มนุ่มทำให้ผมต้องหยุดปลายปากกาจากหน้ากระดาษสมุดโน้ต ผมเงยหน้าขึ้นมองอีกฝ่ายพร้อมระบายรอยยิ้ม

“งานโปรเจ็คโอเคมั๊ย?”

“อืม.. อาจารย์ให้แก้ไขแค่นิดหน่อย เสร็จทันแน่นอน”

ร่างสูงนั่งลงใกล้กัน ดวงตาคู่คมมองตัวอักษรภาษาอังกฤษในสมุดโน้ตของผมแล้วจุดยิ้มมุมปาก

“เทมป์จะเอาความฝันของเต็มกลับมาให้ได้”

ประโยคที่เพิ่งจบไปทำให้ผมหุบยิ้มไม่ได้ เราสบตากัน

“จะรอนะ”

นิ้วเรียวยื่นมาปัดปอยผมที่ระตรงหน้าผากให้ผม

“จูบได้มั๊ย?”

ผมหัวเราะ แล้วหันมองโดยรอบ เมื่อเห็นว่าผู้คนบางตาและใกล้ๆ นี้ก็ไม่มีใคร ผมจึงตอบรับ ‘อืม’ ในลำคอ หลังจากนั้นริมฝีปากบางก็ประทับลงมาอย่างแผ่วเบา ค่อยๆ บดคลึงอย่างนิ่มนวล จนเมื่อผมเผยอริมฝีปากออกให้ลิ้นของเราสัมผัสกัน จุมพิตแสนหวานก็กลายเป็นเร่าร้อนขึ้นในพริบตา



.
.
.
.

   
พี่ขวัญและทีมงานเดินทางมาถึงไทยก่อนวันงานประเพณีของมหาลัย 5 วัน ด้วยความเป็นมืออาชีพ ทาง TJ จัดการเซ็ทเรื่องเวที แสง สี และเสียงเสร็จภายใน 2 วัน อีกทั้งยังได้ขนเสื้อผ้าในคอลเลคชั่นใหม่มาให้ผมเลือกหลากหลายชุด ธีมของคอลเลคชั่นนี้เป็นแนวเอาใจฝั่งเอเชียเคป็อป เน้นโทนสีสดใส และเพลงที่ผมร้องก็เป็นแนวความรักสดใส ผมจึงเลือกเสื้อคลุมสูทสีชมพูอมม่วงมีลูกเล่นคลาสสิคตลอดทั้งตัวใส่คู่กับกางเกงขาสั้นสีดำที่ออกแบบมาให้สวมใส่ได้ทุกเพศทุกวัย พลางคิดว่าเสื้อผ้าของ TJ เป็นที่นิยมของทั้งหญิงและชาย ดังนั้นผมจึงเอาใจสาวๆ ด้วยการสวมถุงเท้าสีดำยาวระดับเข่า คู่กับรองเท้าหนังสีชมพู

“เต็มอ๊ปป้า!!”

ไม่ใช่แฟนคลับที่ไหนหรอกครับ หลานสาวของผมเองนี่แหละ ออมกรี๊ดกร๊าดพอใจจนทีมงานฝ่ายเสื้อผ้าและพี่ขวัญพากันอมยิ้ม

“แบบนี้โอเคมั๊ยครับพี่ขวัญ?”

“ว้าว! ดิส อิส ซูเพิร์บ”

พี่ขวัญยกนิ้วโป้งพร้อมประโยค ‘Wow! This is superb!!’ มันยอดเยี่ยมมากให้ผมและหันไปส่งยิ้มให้กับมิสลีผู้ซึ่งมาทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาด้านแฟชั่นในคอลเลคชั่นนี้ให้กับ TJ  มิสลีพยักหน้าและชื่นชมว่าผมมีเซ้นต์ในด้านแฟชั่นชนิดที่หาตัวจับได้ยากสมคำล่ำลือจริงๆ ซึ่งผมคิดว่าเป็นการชมที่จริงไปสักนิดครับ..

“แล้วสาวสวยที่จะมาใส่ชุดฟินาเล่ละครับ?”

เจ้าของแบรนด์เอียงคอพร้อมกับกลอกตาไปมองหลานสาวเล็กน้อย ออมอมยิ้มให้คนเป็นอา พี่ขวัญจึงหัวเราะออกมาเบาๆ

“งานเขาเยอะ คิวทองมาก ไว้ถึงเวลาเจอกันบนเวทีเลยนั่นแหละ”

 อื้อหือ.. แบบนี้ก็มีด้วยเหรอครับ แต่ถ้าไม่มืออาชีพจริงพี่ขวัญคงไม่กล้าจ้างเขาหรอก ผมยักไหล่แล้วถอดเสื้อผ้าที่สวมอยู่

“อ่อ.. ผมว่าจะย้อมสีผมกลับไปเป็นสีส้มนะครับ”

“โอเค”

เมื่อทุกอย่างได้รับการอนุมัติ ที่เหลือก็พร้อมโชว์ครับ

อยู่คุยกับพี่ขวัญและมิสลีต่ออีกครู่ใหญ่ ผมกับออมก็ขอตัวแยกย้ายกลับเข้าห้องนอนตัวเอง และเมื่อผมเปิดประตูเข้ามาในห้อง สัตว์ที่คิดจะครอบครองโลกอย่างสีส้มก็เดินเข้ามานั่งจุ้มปุ๊กส่งสายตาใสแป๋วรอผมอยู่แล้วล่ะครับ

หลายวันมานี้สีส้มย้ายสำมะโนครัวมาอยู่กับผม ไม่ใช่ว่าเจ้าทาสของสีส้มจะเบื่ออะไรหรอกนะครับ แต่ผมพาสีส้มมาเป็นตัวประกัน ถ้าหากเจ้าทาสคิดถึงเจ้านายก็ต้องมาหาเจ้านายที่นี่ ความคิดเด็กๆ แบบนี้ใช้ได้เสมอเมื่อเรารู้สึกอยากจะทำตัวงี่เง่าโดยที่ไม่ให้ดูงี่เง่า.. งงมั๊ยละครับ ผมเองก็งงตัวเองเหมือนกันว่าคิดไปได้ยังไง

“สีส้มมม”

จับอุ้มแมวอ้วนขึ้นมากอดรัดฟัดเหวี่ยง และใช้ไม้ล่อแมวเล่นกับสีส้มอยู่ครู่ใหญ่ผมจึงค่อยลุกไปอาบน้ำ ขณะที่กำลังยืนสำรวจหนวดเคราอยู่หน้ากระจก เสียงสายเรียกเข้าจากแอพวิดีโอคอลดังขึ้นด้านนอก ผมจึงหยิบผ้าขนหนูมาพันรอบเอวไว้ก่อนจะออกไปรับสายด้านนอก ชื่อที่โชว์อยู่หน้าจอทำเอาผมต้องวาดรอยยิ้มเต็มแก้ม

[รับสายช้าจัง ทำอะไรอยู่?]

“กำลังจะอาบน้ำ”

ตอบเสร็จก็หันกล้องไปที่สีส้ม เจ้าทาสร้องเรียกเจ้านายด้วยเสียงเล็กเสียงน้อย สีส้มจ้องหน้าจอไอโฟนอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเดินตะคุ่มเข้ามาตบป๊าปลงที่หน้าจอ คนที่อยู่ปลายสายร้องโวยวาย แต่ผมนี่ขำจนปวดท้องเลยล่ะครับ และหลังจากที่ปล่อยให้สีส้มสงบสติอารมณ์อยู่ตามลำพัง ผมจึงเดินกลับเข้าไปในห้องน้ำ โดยที่ในมือก็ยังถือไอโฟนไว้

“ทำอะไรอยู่หน่ะ?”

[รอดูเมียแก้ผ้า]

เรื่องลามกนี่ขอให้บอกเลยนะครับ ผมหัวเราะขำเบาๆ ก่อนจะวางพิงไอโฟนไว้กับกระจกบนอ่างล้างหน้า จากนั้นก็ลองเสยผมดู จะว่าไปผมก็เริ่มยาวพอสมควร น่าจะเปลี่ยนทรงผมได้แล้ว

“พรุ่งนี้จะไปทำสีผมใหม่.. สีส้ม”

[ผมสีอะไร ทรงไหน เมียเทมป์ก็น่ารัก]

“ปากหวานแบบนี้อยากได้อะไร?”

[แล้วเต็มคิดว่าเทมป์อยากได้อะไรล่ะ?]

ดวงตาคู่คมส่องประกายกรุ้มกริ่มซะขนาดนั้น ถ้าผมเดาผิดก็คงจะโง่เต็มทีแล้วล่ะครับ ผมกระตุกยิ้มมุมปากแล้วมองใบหน้าคมผ่านเครื่องมือสื่อสาร เรานิ่งเงียบมองกันอยู่อย่างนั้นจนกระทั่งอีกฝ่ายแล่บลิ้นเลียริมฝีปาก พลันร่างกายก็รู้สึกวูบไหวลำคอแห้งผาก จะว่าไปก็นานมากแล้วที่เราไม่ได้มีเซ็กส์กัน

ผมปลดผ้าขนหนูที่พันรอบเอวให้หลุดร่วงลงบนพื้น เสียงผิวปาก ‘วี๊ดวิ้ว’ มาพร้อมดวงตาคู่คมที่ลามกโลมเลียทำเอาผมหลุดขำ ผมตวัดปรายตามองอีกฝ่ายก่อนจะเอี้ยวตัวพิงผนังห้องน้ำ คนที่อยู่ในจอไอโฟนขนาด 5.5 นิ้ว ร่นขอบกางเกงนอนลงเผยให้เห็นส่วนใหญ่โตที่ผงาดแข็งขันพร้อมรบเสียจนทำเอาผมร้อนวาบไปทุกรูขุมขน

[ช่วยหน่อยสิเต็ม]

เสียงทุ้มครางต่ำฟังดูเซ็กซี่ชวนใฝ่ฝัน ผมจ้องมองภาพเคลื่อนไหวจากเครื่องมือสื่อสารพร้อมกับวาดรอยยิ้มขณะเลื่อนมือครอบครองส่วนอ่อนไหวของตัวเอง รูดรั้ง ด้วยจังหวะที่ตนเองพอใจ .. ไม่ใช่สิ มันเป็นจังหวะที่อีกฝ่ายทำให้ผมติดใจเสียมากกว่า

“อ่ะ.. อา”

มือข้างหนึ่งปรนเปรอช่วงล่าง อีกข้างก็บดขยี้ปุ่มไตบนหน้าอกของตัวเอง ดวงตาคู่คมที่จ้องมองไม่วางตา เสียงทุ้มที่ครางเรียกชื่อของผมด้วยเสียงแหบพร่า และความใหญ่โตที่อยู่ในมือหนาพาให้จินตนาการไปถึงช่วงเวลาที่ร่างกายของเราเชื่อมต่อเป็นหนึ่งเดียว

“ท เทมป์ อ๊ะ”

เลือดในร่างกายไหลรวมสู่จุดเดียว ร่างสูงมักจะเอาอกเอาใจผมด้วยการครอบครองส่วนอ่อนไหวของผมเอาไว้ด้วยโพรงปาก ผมแอ่นสะโพกเมื่อความหฤหรรษ์ที่ห่างหายไปนานถูกจุดขึ้นอย่างรวดเร็ว ในสมองเริ่มขาวโพลน ความสุขสมผสานรวมกับความโหยหาในห้วงลึก เพียงไม่นานผมก็ปลดปล่อยน้ำสีขาวขุ่นออกมาจนเต็มฝ่ามือ

ขณะที่กำลังปรับลมหายใจ ผมก็ได้ปรายสายตาไปมองเจ้าของเสียงทุ้มที่ครางเรียกชื่อผมพร้อมกับกระตุกปลดปล่อยของเหลวออกมาจนล้นมือใหญ่ ผมแล่บเลียริมฝีปากของตัวเองก่อนจะเขยื้อนร่างกายเข้าไปใกล้หน้าจอไอโฟน

[เต็ม..]

ผมยิ้มแทนคำขานรับ เราจ้องมองกันอยู่อย่างนั้น จนกระทั่งถ้อยคำ ‘รักนะ’ ถูกเอ่ยออกมาพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย และเราก็หัวเราะขำด้วยกัน



.
.
.
.

   

วันนี้เป็นวันหยุดพวกเราทุกคนช่วยกันเช็คข้าวของที่จะแพ็คส่งไปอังกฤษล่วงหน้าครับ
   
“ของออมสามกล่อง ของคุณพ่อคุณแม่สามกล่อง ของอาเต็มสองกล่อง และของทั่วไปอีกสองกล่อง เอ๋--- แล้วกล่องเล็กๆ นั่นของใครคะ?”
   
“ของอาเอง”
   
คิ้วสวยเลิกขึ้นด้วยความสงสัย
   
“ชุดที่จะใส่ในงานหมั้นไง”
   
“อ๋อ จริงด้วยสิคะ อาเต็มจะส่งไปเตรียมไว้ที่โรงแรมเลยใช่มั๊ยคะ? งั้นออมฝากของออมไปด้วยค่ะ พี่ใจขา เดี๋ยวตามออมขึ้นไปเอาของบนห้องนอนหน่อยค่ะ”
   
หลานสาวถามเองตอบเองเสร็จสรรพจากนั้นรีบขึ้นไปห้องนอนโดยมีเด็กรับใช้ตามหลังไปติดๆ ผมก็ได้แต่ขำ แม้แต่คุณพ่อที่เดินมาทันได้ยินเสียงเจื้อยแจ้วของออมเมื่อครู่ยังอมยิ้มแล้วส่ายหน้าเลยครับ
   
“เรียบร้อยมั๊ยลูก?”
   
“เรียบร้อยดีครับ เหลือแค่ซีลกล่อง แล้วเดี๋ยวผมจะให้คนไปส่งที่บริษัทขนส่งครับ”
   
ทั้งหมดเป็นของใช้จำเป็นที่จะจัดส่งไปก่อน ส่วนที่เหลือจะค่อยทยอยส่งตามไปเรื่อยๆ ครับ
   
“คุณพ่อครับ แล้วบ้านหลังนี้ล่ะครับ จะจ้างบริษัทมาดูแลรึเปล่าครับ?”
   
มัวแต่ยุ่งเรื่องโน้นเรื่องนี้ จึงลืมถามเรื่องบ้านไปเลย บ้านหลังนี้เป็นบ้านที่คุณพ่อได้รับมรดกมาจากคุณปู่คุณย่า คุณพ่ออยู่ที่นี่มาตั้งแต่เกิด ผูกพันกับบ้านหลังนี้มาก อีกทั้งสวนหลังบ้านคุณพ่อเล่าว่าคุณปู่เป็นคนออกแบบและปลูกต้นไม้เองทั้งหมด งานแต่งงานของคุณพ่อกับคุณแม่ก็จัดที่บ้านหลังนี้ตามประเพณีไทยโบราณ ผมเองแม้จะไม่ได้เกิดและเติบโตใต้ชายคาแต่ก็รักที่นี่มากมากกว่าบ้านที่อังกฤษเสียด้วยซ้ำ
   
คุณพ่อเงียบไปนานจนผมเริ่มผิดสังเกต
   
“คุณพ่อครับ”
   
เรียกท่านเบาๆ คุณพ่อหันมามองหน้าผมพร้อมรอยยิ้มบางเบา จากนั้นก็ชี้ไปที่กล่องกระดาษ
   
“เดี๋ยวตอนให้เด็กซีลกล่อง.. น้องเต็มอยู่ดูความเรียบร้อยด้วยยนะลูก?”
   
“อ่อ.. ครับ”
   
มือใหญ่ยกมือแตะหัวไหล่ผมก่อนหันหลังเดินออกไปตรงสวนข้างบ้าน ซึ่งลุงศักดิ์กำลังกวาดเศษใบไม้แห้งอยู่กับเด็กรับใช้อีกคน
   
ผมมองแผ่นหลังกว้างของคุณพ่อ รูปร่างสูงใหญ่ให้ความรู้สึกมั่นคง ในด้านการทำงาน ท่านเป็นผู้นำที่ขยัน เข้มแข็ง ยุติธรรม รักความถูกต้องและเด็ดขาดในทุกเรื่อง ส่วนในด้านครอบครัวคุณพ่อเป็นผู้นำครอบครัวที่ดีเยี่ยม รักครอบครัว ให้เกียรติภรรยาและรักลูกทุกคนเท่าเทียมกัน ทว่าเมื่อใดที่ครอบครัวมีปัญหาสองบ่าของท่านมักจะรับแบกมันไว้ทั้งหมด โดยมีคุณแม่เป็นคอยเป็นกำลังใจอยู่เคียงข้างตลอดเวลา ท่านทั้งคู่ไม่เคยให้ลูกๆ ต้องเดือดร้อนหรือทุกข์ใจใดๆ เลยสักครั้ง
   
“นั่นเลย สามกล่องนั้นเลยจ้า เอ้า! ใครอยู่ตรงนั้นมาช่วยน้าปองซีลกล่องหน่อยเร็วเข้า”
   
เสียงของป้าทิพย์ทำให้ผมหยุดคิดแล้วหันกลับมามอง น้าปองกำลังเดินเข้ามาพร้อมอุปกรณ์สำหรับซีลกล่อง ซึ่งระหว่างนั้นเด็กรับใช้ที่เดินตามออมขึ้นไปบนห้องนอนเมื่อครู่ได้เดินกลับลงมาพร้อมถุงใส่เสื้อผ้า ผมมองหน้าน้าปองแล้วยกยิ้ม
   
“น้าปองครับ อาทิตย์หน้ารบกวนช่วยเอาของพวกนี้ไปส่งที่โรงแรมให้หน่อยนะครับ”
   
ผมชี้ไปที่ถุงเสื้อผ้าของออม และกล่องกระดาษใบเล็กที่วางอยู่บนโซฟา
   
“ได้สิครับคุณเต็ม”
   
น้าปองพยักหน้ารับด้วยรอยยิ้ม จังหวะที่น้าปองกำลังจะเข้าไปหยิบกล่องบนโซฟาผมเหลือบมองเด็กรับใช้เล็กน้อยแล้วขยับเดินเข้าไปหาน้าปองก่อนจะกระซิบเบาๆ
   
“เคลียร์-ออฟ”
   
“เคลียร์”
   
คำตอบที่ได้รับทำให้ผมระบายยิ้มออกมา จากนั้นก็ปล่อยให้น้าปองและเด็กรับใช้ทำงานตามหน้าที่ของตัวเอง
   
ทั้งที่มีเวลาอีกหลายวันกว่าเทมป์จะเข้าพิธีหมั้นกับคุณฮันนี่ แถมก่อนถึงวันนั้นก็ยังมีงานประเพณีของมหาวิทยาลัยกั้นกลาง แต่ผมอยากจะให้ทุกอย่างเตรียมพร้อมไว้ก่อนแต่เนิ่นๆ เพราะกลัวว่าถึงวันจริงแล้วทุกอย่างจะขลุกขลัก ตอนแรกผมตั้งใจจะไปแค่คนเดียวแต่เมื่อวานหลานสาวมาบอกว่าจะขอตามไปด้วยเพราะเป็นห่วงผม อีกอย่างงานนี้เทมป์ไม่ได้เชิญเพื่อนของตัวเองสักคน หรือจะพูดได้ว่าไม่คิดจะใส่ใจเลยเสียมากกว่าก็ได้ และเกี่ยวกับเรื่องนี้คุณพ่อคุณแม่ของผมและทางฝั่งคุณปู่คุณย่าของเทมป์ไม่ขอเข้ามายุ่งเพราะท่านเห็นว่าเป็นการตัดสินใจของพวกเราทั้งคู่แต่ถึงอย่างนั้นผมก็รู้ดีว่าพวกท่านคอยดูอยู่อย่างเป็นห่วงตลอดเวลา 
   
ยืนมองน้าปองกับเด็กรับใช้ขนของจนเสร็จเรียบร้อย ผมจึงเดินตามคุณพ่อออกไปที่สวน คุณพ่อกำลังคุยกับลุงศักดิ์เรื่องต้นไม้ แม้ผมจะไม่ค่อยรู้เรื่องสักเท่าไหร่แต่ก็ขอร่วมบทสนทนาด้วย คุณรู้มั๊ยครับว่าคุณพ่อของผมรักต้นไม้ทุกต้นที่อยู่ในรั้วบ้าน และทุกครั้งที่ท่านได้พูดคุยเรื่องนี้ใบหน้าของท่านจะเผยความผ่อยคลายและความสุขออกมาอย่างชัดเจน ซึ่งมันทำให้หัวใจของผมรู้สึกอบอุ่นทุกครั้ง ผมจึงคิดเสมอว่าผมจะปกป้องและดูแลทุกสิ่งทุกอย่างที่บุพการีของผมรักและทำให้พวกท่านมีความสุขอย่างดีที่สุด แม้จะต้องแลกกับความสุขของตัวเองก็ตาม....



.
.
.
.
.
.



TBC....  : 222222:





 
:m4: รินมีเกมส์มาให้เล่นค่ะ
คำถามง่ายๆ "คนร้ายตัวจริงคือใคร?" คำถามง่ายแต่หาคำตอบยากใช่มั๊ยคะ แฮ่
จริงๆ แล้วเต็มใจทิ้งเบาะแสไว้ในเรื่องอยู่หลายจุดนะคะ เพียงแต่อาจจะคิดไม่ถึงกันค่ะ
แต่ไม่เป็นไรค่ะ เดากันมาได้เลยค่ะ กติกาก็ง่ายๆ ค่ะ

1. บอกชื่อตัวละครที่คิดว่าเป็นคนร้ายตัวจริง พร้อมบอกเหตุผลสั้นๆ ด้วยนะคะว่าทำไมถึงเดาคนนี้ ฮ่าาาา
2.เริ่มเดาได้ตั้งแต่ตอนนี้ไปจนถึงตอนที่ 34 ค่ะ รินลงตอนที่ 35 ปุ๊ป จะถือว่าหมดเวลาการเล่นเกมส์นะคะ
3.ใครเดาถูกมีของรางวัลให้ด้วยนะคะ แอบกระซิบว่าน่ารักด้วยน๊าาา
4.หาคนตอบถูกเป็นคนแรก ทางหน้าเล้าเป็ด 1 คน ค่ะ

มาเดากันเยอะๆ นะคะ  ^^
:m9:


ออฟไลน์ Yara

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2104
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-2
คนร้ายตัวจริงถ้าให้เดาตอนแรกคิดว่าเป็นแม่ของเทมป์นะคะ เพราะนางแสดงออกชัดเจนว่า ไม่ชอบเต็มใจ
แต่จากตอนล่าสุด คิดว่าเป็นณดลค่ะ เพราะตัวละครนี้มาแปลกและปกปิดตัวเองที่สุด แถมเป็นคนที่เต็มใจให้ความสนใจแบบผิดปกติ ก็เดากันไปนะคะ แต่ยังนึกเหตุผลไม่ออกว่า ณดลทำไปเพราะอะไร

ออฟไลน์ badbadsumaru

  • ♡ caramel macchiato
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2458
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +91/-2
เดายากเหลือเกิน 55555555
ถ้าตอบว่าแม่กองทัพก็จะดูง่ายไปป่าว
มีตัวละครลับอีกไหมเนี่ย ฮือออ

ออฟไลน์ Unnie

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 177
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
ขอเอาลิสมานั่งวิเคราะห์ก่อนนะคะ เดี๋ยวแวะมาตอบค่ะ

ออฟไลน์ mystery Y

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7677
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +585/-12
เดายากจริงๆ

ออฟไลน์ Unnie

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 177
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
หลังจากที่ปรึกษากับโคนันและคิดะอิจิมาอย่างงงๆ แล้วก็สรุปได้ว่า

รดาค่ะ

คิดว่ารดาน่าจะยังไม่ตาย รดาน่าจะขักใยและมีอิทธิพลอยู่เบื้องหลัง
รดาคือปมหลักของนิยายเรื่องนี้
และเป้นตัวละครปริศนาที่วนเวียนอยู่ตลอดเวลา

คำตอบสุดท้าย รดาค่ะ

ออฟไลน์ Supparang-k

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1908
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-3
นี่อยากจะเดาว่าคนร้ายตัวจริงคือเต็มใจ  ดูมีเบื้องลึกเบื้องหลังดูรู้ทุกเรื่อง ฉลาดทันเกมส์จนคนที่คิดจะเป็นคนร้ายต้องแพ้นาง 555

แต่คนที่ร้ายสุดน่าจะคือคนเขียนทำเราคิดมาก นอนไม่หลับและต้องวกกลับมาคิดถึงแต่เรื่องนี้ตลอดๆเว

ออฟไลน์ coolmaoil

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 46
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
ขอเดาว่าเป็นพ่อของกองทัพ นางอาจจะอยากกำจัดเต็ม เต็มอาจจะเป็นลูกของรดากับคนอื่นมั้ง แล้วนางแค้นไรงี้ป่าวมั้ง
ฉันเดาค่ะ :hao3:

ออฟไลน์ Wrwrwr

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 163
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
คนร้ายตัวจริง ร้ายสุด ก็คือ คุณค่ะ คุณ RIRIN ทำคนอ่านเครียดมาก เอาจริงๆ  :katai1:

ออฟไลน์ Wrwrwr

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 163
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
หลังจากที่ปรึกษากับโคนันและคิดะอิจิมาอย่างงงๆ แล้วก็สรุปได้ว่า

รดาค่ะ

คิดว่ารดาน่าจะยังไม่ตาย รดาน่าจะขักใยและมีอิทธิพลอยู่เบื้องหลัง
รดาคือปมหลักของนิยายเรื่องนี้
และเป้นตัวละครปริศนาที่วนเวียนอยู่ตลอดเวลา

คำตอบสุดท้าย รดาค่ะ


ประเด็นนี้น่าสนใจ เป็นตัวละครที่เริ่มปม ไม่เคยไปไหน และไม่เคยเปิดเผยตัว น่าคิดๆๆ  :o10:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ MyLavenderLand

  • ฉันสุขใจ เมื่อได้ Log in เล้า
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1576
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-1
เล่นด้วยๆๆๆๆๆ  :katai2-1:

เราขอเดาว่า คนร้ายตัวจริงคือ..คือ...คือ..  "ณดล"  ท้าดาาาาาา  เหตุผล เราสัมผัสได้ว่านางทำตัวลึกลับเกินเหตุ  o8  ถ้าเป็นแค่สายสืบของนายพลกับคุณนาย ไม่ต้องโผล่มายืนลับๆล่อๆใส่หมวกยืนหันหลังอยู่เกือบทุกซีนให้เต็มสังเกตุเห็นไหม?  / เป็นเหตุผลที่มีน้ำหนักมากอ่ะ 555555

ออฟไลน์ simpleyaoi

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 137
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
ตอนแรกมั่นใจมากว่าจะมาตอบนายพล แต่หลังจากอ่านตอนนี้ไปเริ่มลังเล และหลังจากอ่านแต่ละยอดนักสืบด้านบนนี่คือความมั่นใจหายหมดหดหาย 5555555555555555

จากเหตุผลของทุกคอมเม้นต์ก่อนหน้า มี 2 คน คือ ณดล หรือ รดา

????????
ขอเวลากลับไปคิดทบทวน  :katai1:

ออฟไลน์ 2

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 16
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
คนร้ายตัวจริงน่าจะเป็นพ่อของเทม์ปคือคุณดิษฐ์
เพราะความจำกลับมาแล้วแล้วให้ลูกชายถอนมันเต็มใจด้วย

ออฟไลน์ simpleyaoi

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 137
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
คนร้ายตัวจริง ร้ายสุด ก็คือ คุณค่ะ คุณ RIRIN ทำคนอ่านเครียดมาก เอาจริงๆ  :katai1:

ใช่ค่ะ คนนี้เลยค่ะ  :hao3:

ออฟไลน์ imseries

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 176
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
เริ่มมาละลุ้นๆๆ

ออฟไลน์ imseries

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 176
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
พีของกองทัพแน่ๆๆ เหมือนว่าความจำกลับคืนมาแต่แอบเงียบไม่บอกใคร คนนี้แหละน่า....สุด แต่ที่สุดๆก็คงจะเป็นริรินคนสวยนี่แหละ เงือนและงำเยอะมาก

ออฟไลน์ mooping-7

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2527
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +88/-5
คุณพ่อกองทัพละกันคะ อันที่จริงตอนแรกว่าจะตอบณดล แต่เห็นคนตอบเยอะแล้ว 5555 คุณพ่อกองทัพก็ลึกลับไม่แพ้ใคร คนนี้ละคนร้ายตัวจริง ฟันธง

ออฟไลน์ Unnie

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 177
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
เปลี่ยนคำตอบได้มั๊ยคะ ฮือออ ทำไมต้องเครียด วันนี้นั่งอ่านทวนใหม่อีกรอบ โอ๊ยยยย  :katai1:

ออฟไลน์ lune

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 688
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +54/-2
คนร้ายตัวจริง???
  :serius2: :serius2: :serius2:
สงสัยคุณพ่อ ของทัพปี้ ค่ะ 
เพราะคนที่่มีพฤติกรรมน่าสงสัยน้อยที่สุด
ตามหลัก โอกาสน่าจะเป็นคนร้ายมากที่สุด  o18
 ปล. แต่พออ่านหลายๆ เม้นท์ แล้ว ชักจะเห็นด้วยว่า รดา น่าสงสัยที่สุด :m21:

ออฟไลน์ PinkCaramel

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 149
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
เอาแล้วไง  :katai1:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ เด็กดอยดาว

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
รดาค่ะ #บอกตามตรงนอกจากเดาแล้วก็คือลอกจากด้านบนค่ะ  :m23:

ออฟไลน์ เด็กดอยดาว

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
หลังจากที่ปรึกษากับโคนันและคิดะอิจิมาอย่างงงๆ แล้วก็สรุปได้ว่า

รดาค่ะ

คิดว่ารดาน่าจะยังไม่ตาย รดาน่าจะขักใยและมีอิทธิพลอยู่เบื้องหลัง
รดาคือปมหลักของนิยายเรื่องนี้
และเป้นตัวละครปริศนาที่วนเวียนอยู่ตลอดเวลา

คำตอบสุดท้าย รดาค่ะ



ขออนุญาตลอกนะคะ ไม่หวังรางวัล แต่คิดไม่ออกจริงๆ  :hao5:

ออฟไลน์ ่jum

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3704
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-4
รดาเป็นปมหลักของเรื่อง และจนถึงตอนนี้ ปมก็ยังไม่คลาย

จะเป็นไปได้ไหมถ้ารดายังไม่ตาย และเธอคือคนร้ายตัวจริง

แต่ตัวละครที่ดูน่าสงสัยว่าจะเป็นคนร้ายตัวจริงจากตอนนี้ ก็มีณดลเพิ่มมาอีกคน พ่อของกองทัพยังดูน่าสงสัยเลย

 :katai1: สับสนงุนงง ไม่แน่ใจว่าใครกันแน่

คือ ผู้ต้องสงสัยรายอื่นๆ จะแสดงออกว่าเป็นฝ่ายร้ายเลยปัดตกไปก่อน เลือกเอาตัวละครสีเทาๆ นี่แหล่ะ  :hao7:

ออฟไลน์ simpleyaoi

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 137
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
ณดล

รดา

คุณดิษฐ์

นายพล

ปิดตาจิ้มเลือกมา 1 ชื่อที่ออกคือ นายพล ค่ะ ยิ่งกว่าทำข้อสอบอีกนะบอกเลย

 :katai4: :katai4: :katai4: :katai4:

ออฟไลน์ มะปรางเปรี้ยว

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 340
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-2
ขอตอบว่า รดา ค่ะ

ปมหลักของเรื่อง ไม่เคยเปิดเผยตัวตน แต่มีอิทธิพลกับทุกตัวละคร นี่ยังแอบคิดว่าจริงๆ แล้วรดายังไม่ตาย ชักใยอะไรอยู่เบื้องหลังรึเปล่า

ออฟไลน์ มะปรางเปรี้ยว

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 340
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-2
คนร้ายตัวจริง ร้ายสุด ก็คือ คุณค่ะ คุณ RIRIN ทำคนอ่านเครียดมาก เอาจริงๆ  :katai1:


เออ ใช่ๆ ค่ะ คนนี้ร้ายมากค่ะ  :laugh:

ออฟไลน์ r.saranya

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 113
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
เดาสุดๆๆๆๆๆๆๆๆๆ คิดไม่ออก น่าสงสัยหลายคนมากค่ะ แต่จะตอบ ณดล แล้วกันค่ะ
ชอบลับๆ ล่อๆ เดี๋ยวปั๊ดเลยเนี่ย  :katai1:

ออฟไลน์ PinkCaramel

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 149
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
รอรอรอๆๆๆ

ออฟไลน์ TheWanFah

  • ความใกล้ชิด บางครั้ง ทำให้เราเผลอคิดไปเอง
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +29/-1
ขอตอบว่าคนร้ายตัวจริงคือคุณอาของณดลค่ะ
แต่เหนือสิ่งอื่นใดพึ่งรู้ว่าเต็มใจเจ้าเล่และมีแผนการขนาดนี้
มีทีมงานที่ช่วยเป็นน้าปองกับแทนไท
อยารู้แล้วว่าต่อไปจะเกิดอะไรขึ้น

ออฟไลน์ RIRIN

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 250
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +492/-2
█ ▌รักเต็มใจ ➽ HEART IS FULL ▌█





┠ 33 ┨









หลังเสร็จสิ้นการแข่งกีฬาประจำปีของมหาลัยก็จะมีงานประเพณีที่จัดยิ่งใหญ่ทุกปี จุดประสงค์หลักก็เหมือนงานพร็อมหรืองานเลี้ยงซีเนียร์ทั่วไป แต่จะเพิ่มเติมตรงที่มีเป็นการเปิดโอกาสให้ศิษย์เก่าและศิษย์ปัจจุบันได้พบปะแลกเปลี่ยนประสบการณ์ จุดประสงค์รองก็เพื่อให้นักศึกษาได้ผ่อนคลายจากการเรียนที่หนักหน่วง อีกทั้งยังสร้างความสามัคคีกระชับมิตรระหว่างคณะได้อีกด้วย

งานประเพณีปีนี้ค่อนข้างจะคึกคักกว่าปีที่ผ่านๆ มา ซึ่งอาจจะเพราะมีการโฆษณาประชาสัมพันธ์เกือบทุกรูปแบบ อีกทั้งมีสปอนเซอร์จากหลายองค์กรเข้ามาสนับสนุนมากมาย แต่นั่นก็ไม่ใช่ประเด็นที่ทำให้ผมสนใจไปมากกว่า เมียผมขึ้นแสดงด้วยครับ แถมเป็นการแสดงชุดหลักและถูกจัดไว้เป็นชุดสุดท้ายของงาน กว่าจะได้ขึ้นเวทีก็เกือบเที่ยงคืน และผมก็เพิ่งจะรู้วันนี้แหละครับว่า ‘เต็มใจ’ นั้นดังใช่ย่อย มีแฟนคลับที่พร้อมใจกันใส่เสื้อ ‘I LOVE TJ’ พร้อมมีป้ายไฟ ‘TemJai fans’ มาจับจองที่นั่งขอบเวทีตั้งแต่เที่ยงวันยันเที่ยงคืนเลยทีเดียว และหนึ่งในนั้นก็ยังเป็นนางแบบสาวไซด์มินิคนดังอย่าง ‘คุณดารา’ หรือ ‘คุณดาว’ ที่ทำเอาผมคิ้วกระตุกเลยล่ะครับ

“อาเต็มก็ใจดีกับสาวๆ แบบนี้ตลอดแหละน่า”

เรื่องที่เต็มมักจะใจดีกับสาวๆ นั้นผมรู้ดี แต่บางทีมันก็หวั่นใจไม่ได้จริงๆ นะครับ อย่างตอนนี้ คุณดาราดาวประดับฟ้านั่นขอเซลฟี่เป็นรอบที่ร้อยแล้วละมั้ง อีกฝ่ายยังยิ้มหวานได้ไม่มีบ่นสักคำ

“นี่เลิกทำหน้าดุได้แล้ว.. อาเต็มเป็นผู้ชายนะ ก็เหมือนนายไง”

ออมใช้ข้อศอกกระทุ้งแขนของผม แต่ขอโทษทีนะเพื่อน อารมณ์ ณ ตอนนี้มันไม่ไหวจะให้ฉีกยิ้มได้จริงๆ แต่เมื่อออมถอนหายใจออกมาเสียงดังทำเอาผมต้องยอมละสายตาจากภาพตรงหน้าแล้วหันมามองหน้าเพื่อนสาว ออมปั้นหน้าจริงจังพร้อมจ้องหน้าผม

“กองทัพ นายรู้อะไรมั๊ย?.. ต่อให้อาเต็มจะยังใจดีกับสาวๆ สักแค่ไหน แต่อาเต็มก็กลับไปเป็นเหมือนเดิมไม่ได้อีก”

“ยังไง?”

“เกย์ฝ่ายรับหน่ะ มันไม่เหมือนเกย์ฝ่ายรุกหรอกนะที่เลิกเป็นเกย์แล้วยังไปมีเมียมีลูกได้”

“ทฤษฎีจากไหน?”

คนถูกถามอ้าปากเหวอ.. ผมอยากรู้จริงๆ ใครเป็นคนตั้งทฤษฎีนี้ ผมจะได้ไปต่อยหน้ามันสักหมัดสองหมัด เพราะเกย์ฝ่ายรุกอย่างผมนี่แหละที่ไม่สามารถมีลูกมีเมียได้เพราะน้องชายไม่มีปฏิกิริยากับเพศตรงข้ามชนิดที่เรียกว่าตายด้านเลยล่ะครับ กับตุ๊ด กะเทย หรือเก้งกวางอะไรก็ปลุกไม่ตื่น ยาปลุกเซ็กส์ยังเอาไม่อยู่ จะมีแค่คนเดียวเท่านั้นแหละที่แค่ปรายตายั่วนิดหน่อยน้องชายของผมก็ลุกขึ้นมานั่งยิ้มหัวบานฉ่ำได้แบบอัตโนมัติ

“นี่ฉันพูดจริงนะเว้ย!”

มือบางตบลงบนไหล่ผมปุๆ หวังจะปลอบและให้กำลังใจ

“อืม”

ตอบรับแบบผ่านๆ ไปเพื่อให้ออมสบายใจ และมันก็ได้ผลตรงที่เจ้าตัวยิ้มร่าแถมยังใจดีช่วยเดินเข้าไปดึงคุณอาสุดที่รักของตัวเองออกมาจากวงล้อมของคุณดาราและผองเพื่อนได้อย่างแนบเนียน

“กองทัพ ฉันฝากอาเต็มด้วยนะ”

ดันหลังคนเป็นอาเข้ามาในอ้อมแขนของผม ส่วนคนถูกผลักก็หัวเราะและส่ายหน้าให้กับหลานสาว

“ออมกับทุกคนรอเชียร์อาเต็มอยู่หน้าเวทีนะคะ”

เพื่อนสาวของผมชูกำปั้นสู้ๆ ให้คุณอาจากนั้นก็โผเข้ากอดและหอมแก้มไปฟอดใหญ่ คนโดนหอมก็วาดรอยยิ้มกว้างยีหน้าม้าหลานสาวจนหัวยุ่ง ให้กำลังใจกันเสร็จก็แยกย้ายครับ

บนเวทีพิธีกรของงานเริ่มทำหน้าที่สำหรับการแสดงในช่วงค่ำ กว่าจะถึงคิวการแสดงของเต็มก็อีกเกือบ 4 ชั่วโมง ดูเหมือนจะนานใช่มั๊ยครับ แต่หลังเวทีมีอะไรที่ต้องเตรียมอีกมากมาย โดยเฉพาะในห้องแต่งตัว ผมนั่งฟังเต็มคุยงานเป็นภาษาอังกฤษกับทีมงานของ TJ จนรู้สึกเมื่อยหู ดูเหมือนว่าเจ้าตัวจะยังไม่พอใจในหลายๆ จุด แม้แต่รายละเอียดเล็กน้อยอย่างเช่น สีของแสง ถุงเท้า หรือแม้กระทั่งแบบเข็มกลัดที่จะใช้ติดเสื้อ ทุกอย่างดูเป็นงานเป็นการซะจนผมเครียดตามเลยครับ

จังหวะที่อีกฝ่ายยืนครุ่นคิดมองแอคเซสเซอรี่มากมายที่ทีมงานจัดวางเรียงให้เจ้าตัวเลือก ผมก็ได้แต่มองนาฬิกาและถอนหายใจ เหลือเวลาอีกไม่ถึง 2 ชั่วโมง ข้าวมื้อเย็นก็ยังไม่ได้แตะสักเม็ด ต่อให้งานมันสำคัญมากแค่ไหน แต่เรื่องปากท้องก็ต้องสำคัญกว่าสิครับ

“พักกินข้าวก่อนได้มั๊ย?”

โพร่งถามออกไปแบบไม่สนหน้าอินทร์หน้าพรหมอะไรทั้งนั้น ทีมงานทั้งไทยและเทศพากันหันมองผมเป็นตาเดียวอย่างพร้อมเพรียงยังกับว่าผมเป็นผู้ก่อการร้าย รวมทั้งเจ้าของดวงตาคู่เรียวด้วยครับ คิ้วสวยเลิกสูง เอียงคอมองผมเป็นคำถามประมาณว่า ‘อะไรเหรอ?’ ผมเลยต้องหยิบช้อนขึ้นเคาะขอบถ้วยเกาเหลาที่เย็นชืดแล้วชืดอีกอย่างน่าสงสาร เมื่อนั้นแหละครับเจ้าตัวจึงได้เบิกตากว้างเล็กน้อยก่อนจะกระพริบตาปริบ

“ลืมหิว?”

ผมถาม อีกฝ่ายก็ได้แต่ระบายรอยยิ้มตอบ แต่ก่อนที่จะเดินมานั่งกินข้าวกินปลาให้เรียบร้อย ก็ขอเลือกเครื่องประดับก่อนนะครับ และรอบนี้ก็เลือกได้เร็วเชียว

“มันเย็นชืดหมดแล้ว”

อีกฝ่ายชอบทานแบบร้อนๆ ครับ แต่จะให้พาไปอุ่นหรือหามาใหม่ตอนนี้คงจะไม่ทัน เพราะทุกคนก็วุ่นวายกันทั้งนั้น

“ไม่เป็นไรหรอก”

ตอบพร้อมกับตักน้ำซุปราดลงบนข้าวแล้วตักใส่ปากเคี้ยวช้าๆ ผมจึงเดินไปหยิบขวดน้ำแร่ยี่ห้อที่เจ้าตัวดื่มเป็นประจำมาวางไว้ให้

“เทมป์ไม่กินเหรอ?”

“กินเสร็จไปครึ่งชาติแระ”

ระดับผมแค่ข้าวกระเพราไข่ดาวกล่องเดียวก็หรูแล้วครับ แต่คนตรงหน้านี่สิ ตัวท็อปของงานเลยนะ แถมมีทีมงานมาดูแลโดยเฉพาะ อีกทั้งระดับพี่ขวัญคงไม่ยอมให้น้องชายสุดที่รักกินข้าวกล่องแน่ๆ

 ขณะที่ผมกำลังคุมให้อีกฝ่ายกินข้าวอยู่นั้น พี่สาวของเจ้าตัวก็เดินเข้ามาในห้องแต่งตัวระดับวีไอพี ทีมงานพากันหันไปทักทายเจ้าของแบรนด์คนสวย

“น้องเต็ม พี่ขวัญขอยืมตัวกองทัพได้มั๊ยคะ?”

ไม่พูดพร่ำทำเพลง เดินเข้ามาปุ๊ปพี่ขวัญก็ขอตัวผมทันที

“อ่อ ได้ครับ”

ดวงตาคู่เรียวมองผมเล็กน้อย ก่อนจะหันไปตอบพี่สาว อันที่จริงผมอยากจะท้วงว่าขอให้เต็มกินข้าวให้เสร็จก่อนได้มั๊ยครับ แต่ถ้าพูดแบบนั้นมันก็รู้สึกเกรงใจพี่ขวัญอยู่หน่อยนึงนะครับ ผมเลยต้องพยักหน้าแล้วลุกขึ้นเดินตามพี่ขวัญไปอย่างว่าง่าย โดยที่ไม่ลืมจะกำชับให้อีกฝ่ายกินข้าวให้หมดจาน

ระหว่างที่กำลังเดินตามพี่ขวัญไปนั้น เสียงของเต็มก็เรียกขึ้น พี่ขวัญและผมจึงหยุดเดินและหันกลับไปมอง

“พี่ขวัญครับ”

“ว่าไงจ๊ะ?”

“แล้วฟินาเล่ที่ต้องร้องเพลงคู่กับผมล่ะครับ?”

คนเป็นพี่ระบายรอยยิ้มบางเบา ดวงตาคู่สวยปรายมองมาทางผมเล็กน้อยก่อนจะตอบน้องชายกลับไปด้วยเสียงฉะฉาน

“ไม่ต้องห่วงหรอกจ่ะ เดอะโชว์มัสโกออน”

“หืม?”

คนฟังเลิกคิ้วค้างกับคำตอบของพี่สาว แม้แต่ผมเองก็ยังอึ้งครับ

พี่ขวัญเดินนำผมไปอีกห้อง ซึ่งก็อยู่ติดกันนี่แหละครับ มีกระดาษแปะหน้าห้องว่า TJ Staff only ภายในห้องแม้จะเล็กกว่าห้องวีไอพีของเต็มแต่บรรยากาศก็ไม่ได้ต่างกันสักเท่าไหร่ แต่ที่โดดเด่นที่สุดคงจะเป็นชุดที่แขวนโชว์อยู่ต่างหาก

“พร้อมมั๊ย?”

“ไม่พร้อมก็ต้องพร้อมแล้วล่ะครับ”

“ดีมาก”

มือเรียวตบไหล่ผมอย่างพึงพอใจ

“ผมต้องใส่ชุดนี้เหรอครับ?”

มองไปที่ชุดกึ่งทักสิโด้สีน้ำเงินสด ตัดกับเสื้อเชิ้ตและโบว์ใหญ่ยักษ์สีขาว ถุงเท้า รองเท้า ถูกเตรียมไว้พร้อม

“ชัวร์.. ฟินาเล่”

เจ้าของแบรนด์ตอบอย่างภาคภูมิใจว่าใช่นี่แหละชุดฟินาเล่ ผมก็ได้แต่ยิ้มรับครับ

“ว่าแต่... อาทิตย์หน้าก็จะมีงานหมั้นไม่ใช่เหรอ? คิดดีแล้ว?”

คนถามพ้อยเท้าพร้อมกับยกมือขึ้นเท้าสะเอวข้างหนึ่ง ทุกท่วงท่ายังกับถอดมาจากในนิตยสารเป๊ะ!

“คนคิดเรื่องนี้คือเต็มต่างหากล่ะครับ”

นี่ผมตอบความจริงนะครับ เรื่องนี้คนริเริ่มต้นคิดก็คือน้องชายของพี่ขวัญนี่แหละ เมียว่าไงผมก็ว่าตามนั้น แต่ถ้าถึงขั้นจะให้ผมร่วมหอลงโลงกับคนอื่นก็คงไม่ไหวครับ ถ้าไม่ใช่เต็มใจก็ยอมอยู่ให้น้องชายเหี่ยวซะยังดีกว่า

ใบหน้าสวยยกยิ้มมุมปากน้อยๆ

“กองทัพชอบน้องชายของพี่ขวัญจริงๆ ใช่มั๊ย?”

“มันเลยจุดที่เรียกว่า ‘ชอบ’ มานานแล้วครับ ตอนนี้เรียกว่า ‘รัก’ ถึงจะถูกครับ”

ริมฝีปากสีจัดจ้านวาดรอยยิ้ม พี่ขวัญนั่งลงบนเก้าอี้ ยกขาไขว่ห้าง วางมือประสานหน้าตัก และหลังตรง พลอยทำให้ผมต้องยืดอกหลังตรงไปด้วย

“รู้จักน้องเต็มดีแค่ไหน?”

“คิดว่าดีพอกับที่รู้จักตัวเองครับ”

“มั่นใจขนาดนั้นเลยเหรอ?”

คำตอบของผมอยู่ในความรู้สึกครับ ผมไม่อาจจะอธิบายออกมาให้ใครฟังได้ว่าผมมั่นใจในความรักครั้งนี้มากแค่ไหน แต่เท่าที่รู้คือไม่ว่าจะยังไงผมก็จะไม่ปล่อยให้ความรักของเราหลุดหายไปเด็ดขาด

คนถามมองหน้าผมนิ่งๆ อยู่ครู่ใหญ่ก่อนจะระบายรอยยิ้มออกมา

“จะรักจะชอบกันพี่ขวัญก็ไม่ได้ห้ามหรอกนะคะ เพราะพี่ขวัญมองความสุขของน้องเต็มเป็นสำคัญ”

เรื่องนี้ไม่ต้องบอกผมก็พอจะรู้ครับว่าครอบครัวนี้รัก ‘น้องเต็ม’ มากแค่ไหน

“น้องเต็มหน่ะ.. ถ้าเกิดตัดสินใจที่จะรักและเพื่อที่จะปกป้องสิ่งที่ตัวเองรัก ต่อให้ตัวเองต้องเจ็บปวดใจ ก็จะยังยิ้มและบอกว่าไม่เป็นไร.. ดื้อมากใช่มั๊ยล่ะ?”

“ครับ.. ผมรู้ดี”

เต็มเป็นคนดื้อเงียบ แถมยังเอาแต่ใจอีกต่างหาก แต่ก็ไม่ได้ใช้นิสัยพวกนี้พร่ำเพรื่อนะครับ ทุกอย่างต้องอยู่บนเหตุและผลที่เจ้าตัววิเคราะห์มาอย่างดีแล้ว

พี่ขวัญมองหน้าผมแล้วอมยิ้มแต่ทว่าในแววตาไม่ได้ยิ้มด้วย   
      
“ถ้าในอนาคตหากน้องเต็มทำอะไรให้กองทัพโกรธ ไม่พอใจ หรือเสียใจ.. กองทัพจะให้อภัยน้องเต็มได้มั๊ย?”

“ก็ขึ้นอยู่กับว่าเรื่องนั้น... เป็นเรื่องเกี่ยวกับอะไรครับ”

“ถ้าอย่างนั้น.. ช่วยบอกเหตุผลที่คิดว่าถ้าคนรักทำผิดแล้วกองทัพไม่สามารถให้อภัยได้ให้พี่ขวัญฟังหน่อยได้มั๊ย?”
“นอกใจและโกหกครับ”

สำหรับเรื่องของความรักมีเพียงแค่เรื่อง การนอกใจ และการโกหก เท่านั้นที่ผมคิดว่าผมไม่สามารถให้อภัยคนรักของตัวเองได้ และผมรู้ดีว่าด้วยนิสัยของเต็มแล้วต่อให้เจ้าตัวจะเจ้าชู้ใส่สาวๆ สักขนาดไหนก็แทบจะไม่มีโอกาสทำเรื่องทั้ง 2 อย่างกับผมแน่นอน

“อย่าลืมจำคำพูดทั้งหมดที่พูดกับพี่ขวัญในวันนี้ให้ดีด้วยนะ”

“แน่นอนครับ”

ดูเหมือนว่าพี่ขวัญจะพอใจในคำตอบของผม เจ้าตัวลุกขึ้นด้วยรอยยิ้ม

“พี่ขวัญไม่รบกวนแล้วล่ะ ยังไงวันนี้ก็เต็มที่นะ หวังว่าจะไม่ทำให้แบรนด์ทีเจของพี่ขวัญผิดหวังนะคะ”

“ไม่ผิดหวังแน่นอนครับ”

มือสวยตบบ่าผม ก่อนจะหันไปสั่งลูกน้องเป็นภาษาอังกฤษรัวๆ และก่อนที่ผมจะได้ก้าวเท้ากลับไปหาคนรัก สาวตาน้ำข้าวร่างอวบก็เดินมารั้งผมไว้แล้วพาไปนั่งตรงโต๊ะหน้ากระจก และหลังจากนั้นยาวไปเกือบ 2 ชั่วโมง ผมก็ถูกพวกเธอแต่งแต้มหน้าและทรงผมจนพอใจ เสร็จแล้วก็ให้ลองสวมชุดฟินาเล่หมุนไปหมุนมาอยู่หลายต่อหลายรอบ เสื้อสูทตัวนอกหลวมไปนิด พวกเธอก็จัดการเย็บเก็บทันทีเป็นมืออาชีพสุดๆ เลยล่ะครับ

ช่วงที่ผมกำลังยืนรอให้ทีมงานเก็บรายละเอียดเสื้อผ้า ข้อความในไลน์ก็เด้งขึ้น เต็มส่งมาถามผมว่า ‘อยู่ไหน?’ ผมรีบมองนาฬิกาทันที เหี้ยแล้วไง! เต็มต้องขึ้นเวทีแล้วนี่หว่า ไวเท่าความคิด ผมพ่นภาษาอังกฤษรีบขอโทษและขอตัวทีมงานแล้วพาตัวเองมาถึงด้านหลังเวทีจนได้ และท่ามกลางทีมงานมากหน้าหลายตาก็มีเพียงแผ่นหลังบางของคนๆ เดียวที่ดึงดูดสายตาของผมไว้ได้

“เต็ม!”

เจ้าของชื่อหมุนกลับมาแทบจะทันทีที่ได้ยินเสียงเรียกของผม และก่อนที่เจ้าตัวจะได้อ้าปากเอ่ยคำตัดพ้อ ผมก็ขอชิงปิดปากด้วยการมอบพลังให้ก่อนครับ

“ปะ... อืม”

ริมฝีปากบดเบียด ในขณะที่สองแขนก็โอบกอดร่างแบบบางไว้แนบแน่น ผมอยากจะกลืนกินอีกฝ่ายไปทั้งตัว แต่ก็ต้องหักห้ามใจเก็บความต้องการเอาไว้ก่อนที่เจ้าตัวจะหมดเรี่ยวแรง

จู่ๆ เสียงพิธีกรบนเวทีถูกกลบด้วยเสียงกรี๊ดของผู้ชม ผมปล่อยอ้อมแขนและยังไม่ทันจะได้พูดอะไรต่อ ทีมเมคอัพก็เข้ามาเบียดแทรก เติมปาก เติมแป้ง และซับมันให้อีกฝ่าย แม้สาวๆ มักจะบอกว่าแฟนของผมโคตรหล่อ แต่ในสายตาของผม เต็มใจเป็นผู้ชายน่ารัก ยิ่งวันนี้โคตรๆๆๆ ของความน่ารักเลยล่ะครับ ริมฝีปากสีสวยหันมายิ้มกว้างให้ผมก่อนจะก้าวขึ้นไปยืนเตรียมตัวอีกระดับ

“เฮ้!”

เสียงร้องเรียกดังแทรกเสียงกรี๊ดกร๊าด พี่สาวตาน้ำข้าวร่างอวบคนเดิมวิ่งหอบหิ้วเสื้อผ้ามายืนหน้าบึ้งตึงใส่ เกือบลืมหน้าที่ตัวเองไปเสียสนิทเลยล่ะครับ

ผมรีบให้เธอสวมเสื้อสูท กลัดกระดุม จัดระเบียบเสื้อผ้าหน้าผม และยังเพิ่มวาดเติมหนวดสีแดงให้อีก จากนั้นเจ้าหน้าที่ก็พาผมมุดใต้เวทีไปหยุดยืนพิงแท่นไม้ที่สร้างขึ้นคล้ายบัลลังค์ พร้อมกับร่ายสคลิปแบบย่อทั้งหมดให้ผมฟังเป็นรอบที่ร้อย

อินโทรเสียงดนตรีน่ารักๆ ดังขึ้นพร้อมกับเสียงกรีดร้องของแฟนคลับที่ระงมลั่นจนผมชักจะไม่มั่นใจซะแล้วว่าแฟนของผมโด่งดังขนาดนี้เชียวเหรอ??? เฮ้ยย นี่เมียผมชื่อเต็มใจนะไม่ใช่จีดราก้อน สาวๆ ไม่ต้องกรี๊ดดังกันขนาดนั้นก็ได้ หึงนะครับหึง หวงมากด้วย

ในวันที่เราต้องไกลห่าง ในวันที่เธอนั้นอ้างว้าง
อยากให้รู้ว่ารักไม่เคยห่าง ใจฉันอยู่ข้างๆเธอ
ในวันที่เราต้องไกลกัน ข้างกายของเธอไม่มีฉัน
เธออาจพบใครๆ แล้วไหวหวั่น ขอเธอนั้นอย่าปันหัวใจ

มองได้แต่อย่าชอบ เพราะมันจะทำให้ใจฉันบอบช้ำ
คุยได้แต่อย่านาน อย่าสร้างความผูกพันให้ใจฉันไหวหวั่น
สนิทได้แต่อย่ามาก เดี๋ยวมันจะเกินมากกว่าเป็นเพื่อนกัน
ที่ไม่ได้และขอไว้นั้น คือรักที่ให้ฉันเธออย่าปันให้ใคร


ต้นฉบับของเพลงนี้เป็นของนักร้องผู้หญิง แต่เมื่อเต็มเอามาร้องด้วยเนื้อเสียงและเปลี่ยนจังหวะให้ดูหนักแน่นขึ้น ผมคิดว่ามันเข้ากับเจ้าตัวมากๆ แม้ผมจะไม่รู้ว่าตอนนี้การแสดงบนเวทีจะดีเยี่ยมมากแค่ไหน แต่จากที่ผมเฝ้าดูอีกฝ่ายซ้อมอยู่ทุกวันบอกได้คำเดียวครับว่าเสน่ห์ที่ผมหวงแหนก็ถูกปล่อยออกมาจนคิ้วของผมกระตุกยิกๆ เลยล่ะ

“อาร์ ยู เรดี้?”

สะดุ้งเล็กน้อย ทีมงานของ TJ มองหน้าผมด้วยความคาดหวังเต็มเปี่ยม แล้วจะให้ผมตอบว่าไงได้ล่ะครับนอกจากกำมือชูนิ้วโป้งตอบรับว่า ‘พร้อมมาก’ ทั้งที่หัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะและเหงื่อก็แตกพลั่กทั้งแผ่นหลังแล้วล่ะครับ

“Go Go!”

จบคำนั้น ผมก็ยืดตัวเกร็งใช้นิ้วดันหูฟังให้กระชับมากขึ้น มือขวาจับไมค์แน่น สูดลมหายใจเข้าออกจนเต็มปอด รอจนเมื่อท่อนฮุกรอบที่ 2 จบลง เข้าสู่จังหวะดนตรี ซึ่งตอนนี้เต็มคงจะค่อยๆ ขยับไปอยู่ฝั่งขวาของเวที หัวใจของผมเต้นระรัวเร็วนับจังหวะดนตรีไปพร้อมกับแท่นเวทีตรงที่ผมยืนก็ถูกยกขึ้นสูงเรื่อยๆ

เอาละวะ! งานนี้มันคงต้อง The Show must go on ตามที่พี่ขวัญว่าไว้นั่นแหละครับ และทันทีที่ผมโผล่ขึ้นบนเวที เสียงกรี๊ดหวีดร้องก็ดังระงมจนแทบจะกลบเสียงดนตรีที่ดังอยู่ในหูฟัง ผมปั้นหน้านิ่งแล้วยกไมค์ขึ้นจ่อปาก จากนั้นก็ลงจากแท่นเดินตรงเข้าไปหาอีกคนที่ยืนเบิกตากว้างแว่บหนึ่งก่อนจะเปลี่ยนเป็นฉีกยิ้มหวานแก้มแดงปลั่งอยู่ฝั่งขวาของเวที

มองนะ แต่ไม่ชอบ
ฉันไม่ใช่คนเจ้าชู้อย่างนั้น
คุยนะ แต่ไม่นาน
ฉันคุยแต่งานไม่คิดจะไหวหวั่น


อ้าวเว้ย! ผัวเดินมาหา แต่ทำไมคุณเมียถอยหลังกรูดละครับ?? ผมพยายามแก้สถานการณ์อันน่าสะพรึงนี้ด้วยการพ่นเนื้อร้องไปพร้อมกับยื่นมือข้างที่ว่างไปด้านหน้า และส่งสายตาเว้าวอน ‘อย่าหนีสิที่รัก’

สนิทนะ แต่ไม่มาก
ไม่มีอะไรนอกจากเป็นเพื่อนกัน
จะทำให้ ที่ขอเอาไว้ คือทั้งหัวใจฉันจะมีแค่เธอ


ประโยคสุดท้ายในท่อนของผมจบลง อีกฝ่ายก็เดินจนสุดขอบเวทีพอดี หนีไม่รอดแล้วล่ะครับ ด้วยความเขินแบบสุดขีดคนตรงหน้าจึงจำใจต้องยื่นมือส่งให้ผม ก็เท่านั้นแหละ ผมรีบจับกุมไว้แล้วจุมพิตหนักๆ ปลอบใจลงบนหลังมือบาง แล้วรีบพาคนรักจูงกลับมากลางเวที เนื้อเพลงท่อนต่อไปก็ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของคอรัส เพราะอีกฝ่ายเขินจนจำเนื้อร้องไม่ได้แล้วล่ะครับ

เพลงแรกจบลงแก้วหูของผมก็แทบจะทะลุ อินโทรดนตรีของเพลงที่ 2 เริ่มขึ้น แสงบนเวทีดรอปลงทำให้มองเห็นผู้คนด้านล่าง แขกผู้มีเกียรติระดับท่านนายพลกิตติ คุณหญิงหยด เจ้าสัวหยาง คุณนายจู และพี่ขวัญ นั่งอมยิ้มอยู่บนแท่นยกระดับด้านข้างเวที แต่ที่คุ้นหน้าคุ้นตาอยู่ติดขอบเวทีและกำลังแหกปากอย่างน่ากลัวคงจะหนีไม่พ้นพี่โบว์กับออมครับ แม่ยกตัวจริงเสียงจริง

มือของผมยังกุมมือบางไว้ ผมหันไปมองอีกฝ่าย ดวงตาคู่เรียวหรี่ตามองผมเล็กน้อยอย่างคาดโทษ ซึ่งผมก็ได้แต่ยักคิ้วอย่างสำนึกผิดกลับไป เจ้าตัวยิ้มขำก่อนจะยกไมค์ขึ้นจ่อริมฝีปากในท่อนของตัวเอง

ในคืนที่ฟ้านั้นเต็มไปด้วยแสงไฟ
เราโอบกอดกัน และมองไปบนฟ้าไกล
สุดหัวใจ สุดสายตามีแต่เรา


ถึงคิวท่อนของผม ผมปล่อยมือที่กุมไว้แล้วค่อยๆ ถอยห่างออกไป 4-5 ก้าว

ดวงจันทร์ล่องลอยและมอบความรักให้กัน
ขอบคุณวันนี้และคอยดูแลรักฉัน
จากหัวใจ จากนี้ไปมีแต่เธอ


ผมวางมือที่หน้าอกด้านซ้ายแล้วกำปั้นยกขึ้นทำท่าทางเขวี้ยงหัวใจของตัวเองให้อีกฝ่าย ซึ่งเจ้าตัวร้องท่อนถัดไปพร้อมกับแกล้งกลอกตาเงยมองสิ่งที่ผมเขวี้ยงข้ามหัวของตัวเองให้ไปหล่นตุ๊บอยู่บนพื้นเวทีอีกฝั่ง อ้าว สัส!

ฉันไม่รู้ว่าวันพรุ่งนี้ดวงดาวจะหายไปไหน
ฉันไม่รู้ว่าวันพรุ่งนี้ท้องฟ้าจะเป็นเช่นไร
แต่ฉันก็รู้หัวใจของฉัน


ร่างบางเดินไปเก็บหัวใจของผมที่หล่นอยู่บนพื้นเวทีขึ้นมาแล้ววางประทับลงบนหน้าอกด้านซ้ายของตัวเอง อื้อหือออ เล่นมุกแบบนี้พี่ก็รักตายเลยสิครับ เราส่งยิ้มให้กันและเดินเข้าหากัน

เรากุมมือประสานกันไว้แล้วพากันเดินร้องเพลงไปเรื่อยๆ จนถึงกลางเวที ไม่ต้องบอกนะครับว่าเสียงจากด้านล่างเวทีนั้นดังขนาดไหน เล่นเอาแทบจะไม่ได้ยินเสียงดนตรี จนผมกับเต็มต้องจับดันหูฟังกันหลายรอบเลยทีเดียว

เพลงจบแล้วครับ พิธีกรเดินออกมาจากหลังเวที เอ่ยแซ็วเราทั้งคู่และพยายามขอให้แฟนคลับหยุดส่งเสียงกรี๊ดเพราะมันดังมากจนกลบเสียงไมค์ ระหว่างนั้นก็มีใครบางคนโยนอะไรบางอย่างขึ้นมาบนเวที ตกแหมะลงตรงปลายรองเท้าหนังสีชมพูพอดี เจ้าตัวก้มลงเก็บมันขึ้นมาแล้วก็สวมลงบนหัวก่อนจะเงยหน้าและระบายรอยยิ้มสดใส อื้อหือออ อย่าว่าแต่คนดูที่แข่งกันแหกปากกรี๊ดราวกับจะเป็นจะตายในความน่ารักของกระต่ายน้อย เพราะพิธีกรหญิงยังแทบคุมสติไม่อยู่เหมือนกัน เอากันเข้าไป.. -*-

ผมพยายามเงี่ยหูฟังพิธีกรชายพูดอะไรบางอย่าง และขณะที่กำลังยืนสื่อสารกับพิธีกรอยู่นั้น ทีมงานคนหนึ่งก็วิ่งแบกแครอทยักษ์? ออกมาจากหลังเวที ผมยังไม่ทันจะได้ถามหรือพูดอะไร ฝ่ายนั้นก็สะพายแครอทยักษ์ให้ผมเสร็จสรรพ แค่นั้นล่ะครับ เสียงกรี๊ดระรอกใหม่ก็ทำเอาหูอื้อหูดับกันเลยทีเดียว

“ชู่ววว์”

จู่ๆ กระต่ายน้อยยกนิ้วชี้ขึ้นแตะริมฝีปาก ส่งเสียงผ่านไมค์ออกมาเบาๆ ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่าความเงียบกริบมาเยือนในทันทีอย่างกับว่าเจ้าตัวมีเวทมนต์วิเศษ ผมและพิธีกรทั้ง 2 คนหันไปมองอีกฝ่ายเป็นตาเดียว

ใบหน้าน่ารักหันมามองผมและพิธีกร ริมฝีปากวาดรอยยิ้มพร้อมกับส่งสัญญาณให้พิธีกรทำหน้าที่ได้ และหลังจากนั้นทุกอย่างก็ดำเนินไปอย่างราบรื่น คำถามก็มีแค่ไม่กี่คำถามและเป็นคำถามทั่วไป แนะนำตัว แนะนำแบรนด์เสื้อผ้า มีเสียงกรี๊ดเป็นระยะจนจบหน้าที่ของพวกเรา แต่เสียงกรี๊ดยังไม่จบ มีการตะโกน ‘อังกอร์’ เสียงกระหึ่ม อะไรคืออังกอร์เหรอครับ???? ผมบอกว่าจบแล้วยังไงล่ะครับ ได้โปรดหยุดกรี๊ดกันเถอะ หูดับหมดแล้วเนี่ย ดังนั้นแม้ปากจะยิ้มแต่ในใจของผมตะโกน เหี้ยเอ้ยยยย! อังกอร์พ่องมึงดิ!! หุบปากแล้วกลับบ้านไปนอนกันได้แล้วโว้ย!!!!


.
.
.
.
.
.


TBC.....  : 222222:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 07-11-2017 11:12:13 โดย RIRIN »

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด