█ ▌รักเต็มใจ ➽ HEART IS FULL ▌█
┠ 32 ┨
เผลอแป๊ปเดียว ช่วงสุดท้ายของการเป็นสัตวแพทย์ฝึกงานก็จบลง เวลาที่เหลืออีกเดือนเศษ เราจะต้องทุ่มเทให้กับรายงานเคสจบ แต่เนื่องจากที่ผ่านมาผมค่อยๆ เคลียร์มาเรื่อยๆ ในตอนนี้จึงเหลือแค่บทสรุปอีกเล็กน้อยทำให้มีเวลามาฝึกซ้อมงานประเพณีได้อย่างเต็มที่ ซึ่งงานนี้พี่ขวัญจะบินกลับมาถึงไทยดูรอบซ้อมใหญ่และอยู่คุมวันงานจริงด้วยตัวเอง
เสียงดนตรีและเสียงร้องของต้นฉบับดังจบไปเป็นรอบที่ 2 หนุ่มน้อยเจ้าหน้าที่สภานักศึกษาที่ชื่อ
‘นิโน่’ ซึ่ง ดูแลเรื่องการแสดงมองหน้าผมแล้วโปรยยิ้มจนดวงตายิบหยี
“ทางทีเจแจ้งว่าช่วงท่อนที่สามของเพลงแรกจะเว้นดนตรีไว้เพื่อที่จะโชว์ชุดฟินาเล่ โดยเวทีด้านหลังจะทำแบบเลื่อนยกขึ้นได้ครับ”
พยักหน้าแล้วคิดภาพตาม ถ้าอย่างนั้นผมจะต้องเบี่ยงตัวไปด้านข้างเพื่อให้เวทียกเลื่อนด้านหลังเด่นขึ้น
“ในเพลงที่สองคุณเต็มจะต้องร้องเพลงสลับท่อนกลับนางแบบที่โชว์ชุดฟินาเล่ด้วยนะครับ คุณเต็มร้องท่อนตามนี้เลยครับ”
เนื้อเพลงถูกส่งให้ ผมรับไว้แล้วมองดูคร่าวๆ เนื้อเพลงท่อนของผมถูกมาร์คสีไว้ด้วยสีเขียว
“คนไทยเหรอครับ?”
น้องนิโน่เลิกคิ้ว งงในคำถาม
“ผมหมายถึงนางแบบที่โชว์ชุดฟินาเล่เป็นคนไทยเหรอครับ?”
อธิบายเพิ่มเติมพร้อมส่งยิ้มให้ น้องโน่ร้อง
‘อ่อ’ สองแก้มขึ้นสีแดงจัด แถมยังลามไปถึงสาวน้อยหน้าหมวยอีกคนที่ยืนอยู่ข้างๆ กัน รุ่นน้องสาวยกมือขึ้นแนบแก้มของตัวเองแล้วบ่นพึมพำว่า
‘ดาเมจรุนแรงมาก’ ผมก็ได้แต่หัวเราะขำเบาๆ
“น.. ในส่วนนี้ผมก็ไม่ทราบครับว่าเป็นคนไทยรึเปล่า ที่จริงก็ไม่รู้หรอกครับว่าเป็นนางแบบหรือนายแบบแต่ผมเดาว่าเป็นนางแบบครับ ทางทีเจแจ้งแค่ว่าให้คุณเต็มร้องท่อนตามในกระดาษครับ”
“อ่อ.. ครับ”
อมยิ้มกับท่าทางเขินอายของหนุ่มสาวตรงหน้า ทางทีมงานพี่ขวัญสั่งมายังไงผมก็ว่าตามนั้นแหละครับ
“ถ้าอย่างนั้นช่วยหาคนมาซ้อมท่อนของฟินาเล่ให้ผมด้วยนะครับ”
“อ่อ... จ จริงด้วยสิครับ”
คิ้วเข้มของรุ่นน้องขมวดกันเล็กน้อยก่อนจะยิ้มและยกมือขึ้นเกาท้ายทอยแก้เก้อ ผมจึงโปรยยิ้มหวานหวังให้รุ่นน้องผ่อนคลาย แต่กลับกลายเป็นว่าน้องผู้หญิงยกมือปิดปากแล้วร้อง
‘กรี๊ด’ เบาๆ จากนั้นก็วิ่งไปด้านหลังเวที เอิ่ม... เดี๋ยวนะ นี่ผมทำอะไรที่มันดูผิดปกติไปรึเปล่าครับ?
“อาเต็มขา”
เสียงของหลานสาวดังขึ้น ผมมองลงไปตรงหน้าเวที ออมยืนเกาะขอบเวทีเรียกผมด้วยรอยยิ้ม เห็นแล้วก็นึกถึงตอนเด็กๆ เลยล่ะครับ
สถานที่ใช้ซ้อมการแสดงชั่วคราวนี้เป็นหอประชุมของคณะนิเทศน์ศาสตร์ นอกจากเทมป์แล้ว โบว์ ออม และซันจะมาเป็นเพื่อนผมซ้อมทุกครั้ง ซึ่งบางวันน้องดักแด้ก็จะต้องตามมาด้วย แต่ตอนนี้เทมป์ติดเคลียร์งานที่คณะ ฝ่ายนั้นเลยแว่บไปจัดการเรื่องตัวเองให้เสร็จก่อนแล้วค่อยตามมาสมทบอีกที
ผมเดินไปย่อตัวนั่งลงหน้าออมพร้อมกับขยี้หน้าม้าเต่อของเจ้าตัวเล่นด้วยความหมั่นเขี้ยว ออมยู่หน้าเล็กน้อยก่อนจะระบายยิ้มเต็มแก้ม
“อาเต็มขา สงสารทีมงานบ้างเถอะค่ะ ทุกคนโดนดาเมจความหล่อความน่ารักของอาเต็มจนจะตายกันหมดแล้วค่ะ”
“หืม??”
หรี่ตามองหลานสาว ผมเนี่ยนะ?? ผมชี้หน้าตัวเอง ออมพยักหน้าหงึกหงักหนักแน่น ผมจึงส่งสายตาไปถามโบว์ ซัน และน้องดักแด้ ซึ่งทั้ง 3 คนนั้นก็พยักหน้ายืนยันเหมือนออม
“อีจีเพื่อนรัก วันนี้น้องทัพปี้ไม่อยู่ไงคะทุกคนเลยแสดงอาการกันชัด ถ้าน้องทัพปี้อยู่ด้วยไม่มีใครกล้าแสดงอาการหรอกเพราะดาเมจซาตานหวงเมียรุนแรงมากกกกก”
โบว์ตะโกนบอกผมด้วยเสียงกลั้วหัวเราะ และก็ทำให้ผมหัวเราะตามชื่อใหม่ที่โบว์ใช้เรียกเทมป์ว่า
‘ทัพปี้’ “นิโน่”
ออมกวักมือเรียกเพื่อน ฝ่ายนั้นขานรับแล้วตั้งท่าจะเดินมาหาออม แต่คงนึกได้ว่าผมนั่งอยู่ตรงนั้นด้วย เจ้าตัวยกกระดาษปิดครึ่งหน้าแล้วโค้งขออนุญาตผมครั้งแล้วครั้งเล่า ออมคงจะสงสารเพื่อนจึงเลือกที่จะตะโกนคุยกันแทน
“เดี๋ยวฉันจะให้แฟนฉันช่วยซ้อมท่อนของฟินาเล่คู่อาเต็มละกันนะ”
แฟนออม.. ก็จะใครล่ะครับถ้าไม่ใช่เพื่อนรักของผมอย่างซัน ว่าแต่ออมปรึกษาซันมาก่อนรึเปล่าเนี่ย? แต่ผมเดาว่าซันคงจะเพิ่งรู้ตัวนี่แหละครับ
“อาซันคะ ช่วยหน่อยนะคะ”
ร้อยทั้งร้อยซันก็ต้องแพ้ลูกอ้อนของออมเหมือนที่ผมกับโอบแพ้มาตลอดชีวิตนี่แหละครับ ซันจึงจำใจต้องลุกขึ้นเดินขึ้นมาบนเวที
“ซันจีมาแล้วจ้า เรือมาแล้วจ้า หลบเลยจ้าา”
เพื่อนสาวคนเดียวในกลุ่มลุกขึ้นปรบมือรัว ในขณะที่น้องดักแด้ได้แต่นั่งขำพร้อมกับส่ายหน้าไปมา
เมื่อทุกอย่างลงตัว และได้ฟังคำอธิบายจากทีมงานทั้งหมดแล้วก็เริ่มซ้อมได้สักที อันดับแรกผมขอให้เปิดเพลงวนอยู่หลายรอบพร้อมกับนึกภาพภาพไปด้วยว่าตากล้องของ TJ วางอยู่ตรงไหน เรื่องนี้ผมคุยกับทีมงานของพี่ขวัญแล้วว่าอยากได้ธีมและรูปแบบประมาณไหน ใกล้วันงานพี่ขวัญจะส่งทีมงานชุดเต็มมาเซ็ทเวทีแสง สี เสียงให้ทั้งหมด ผมรับผิดชอบแค่การแสดงให้ออกมาตรงคอนเซ็ปเท่านั้น
ผมมาร์คจุดเดินตามจังหวะเพลงและดูมุมให้สามารถโชว์เสื้อผ้าของแบรนด์ให้ได้มากที่สุด ในขณะเดียวกันผมก็ต้องควบคุมการแสดงของตัวเองให้สามารถดึงดูดสายตาของผู้ชม มันเป็นการถ่ายโฆษณาที่ต้องร้องเพลงและผสมการเดินแฟชั่นเข้าด้วยกัน ยากพอสมควรครับแต่ก็ไม่ได้ยากเกินความสามารถ อ่อ.. ที่สำคัญก็คือ เห็นซันนิ่งๆ แบบนี้แต่ร้องเพลงเพราะมากเลยนะครับ
.
.
.
.
.
.
.
เสร็จจากซ้อม 11 โมงเศษ มีเลทนิดหน่อย ออมกับน้องดักแด้กลับไปทำงานต่อที่คณะ เทมป์เองก็ยังเคลียร์งานโปรเจ็คไม่เสร็จ ผม ซัน และโบว์จึงไปหาอะไรกินกันแถวมหาลัยกันก่อน ระหว่างที่กำลังนั่งรออาหารอยู่นั้น ผมได้รับข้อความจาก ‘พี่นายพล’ ระบุความต้องการว่าอยากจะเจอผม ตอนแรกผมก็กะว่าจะไม่สนใจแต่จนแล้วจนรอดผมก็ตอบสถานที่นัดเจอกลับไป ซึ่งก็เป็นที่คณะของผมนั่นแหละครับ
“อีจี ถ้ามีอะไรแกตะโกนเรียกฉันเลยนะเว้ย”
เพื่อนสาวพูดด้วยสีหน้าจริงจังยังกับว่ากลัวผมจะโดนฉุดหรือไม่ก็โดนทำร้ายร่างกาย ดูท่าแล้วไม่ว่าจะยังไงโบว์ก็คงไม่มีวันที่จะกลับไปมองพี่นายในแง่ดีได้อีกแล้วสินะ ผมยิ้มและก็ได้แต่พยักหน้าให้เพื่อนสบายใจ
โต๊ะม้าหินกลางลานคณะ พี่นายนั่งโดดเด่นเป็นเป้าสายตาของใครหลายคน ผมเหลือบตาไปทางฝั่งลานจอดรถ แผ่นหลังกว้างของใครคนหนึ่งทำให้รู้สึกคุ้นตา ฝ่ายนั้นสวมชุดนักศึกษาและหมวกแคปยืนหันหลังพิงต้นไม้ข้างรถยุโรปหรู
“สวัสดีครับ”
ยกมือไหว้ทักทายอีกฝ่ายตามมารยาท ฝ่ายนั้นพยักหน้ารับไหว้ด้วยรอยยิ้มบางเบา
“ไม่ได้เจอกันนานเลยนะครับ.. น้องเต็มใจ”
ใช่แล้วล่ะครับ เราไม่ได้เจอกันนาน ผมยิ้มและนั่งลงฝั่งตรงข้าม
“ผมมีเวลาไม่มากนะครับ”
“ก็ดี.. งั้นจะพูดตรงๆ เลยนะ”
ผมพยักหน้ารับเชิญว่ามาได้เลยครับ
“ออกไปจากชีวิตของกองทัพเสียเถอะ.. ที่ฉันมาเตือนก็เพราะหวังดี บารมีของท่านกิตติกับคุณหญิงหยดหมดไปนานแล้วและมันก็ไม่สามารถช่วยนายได้หรอกนะ”
“รอบนี้คุณดูร้อนรนผิดสังเกตนะครับ”
ดูผิวเผินฝ่ายตรงข้ามก็ยังรักษาสีหน้าไว้ได้ดี แต่ถ้ามองให้ลึกไปในแววตาและน้ำเสียงรู้เลยครับว่าอีกฝ่ายกำลังกังวลอะไรบางอย่างอยู่
“กลัวอะไรอยู่รึเปล่าครับ?”
คำถามของผมคงจะตรงจุดเกินไป ผมเห็นความสั่นไหวและตื่นตระหนก แม้แค่เสี้ยววินาทีแต่ก็ไม่อาจลอดสายตาของผมไปได้ แต่เจ้าตัวก็ทำได้ดีสามารถดึงสติกลับมาเรียบนิ่งได้เหมือนเดิม
“หวังดีหรอกนะถึงได้มาเตือน”
“ขอบคุณนะครับสำหรับความหวังดี.. แต่ผมคิดว่า.. คุณควรจะเก็บความหวังดีนี้ไว้เตือนตัวเองมากกว่านะครับ”
คู่สนทนายกยิ้มมุมปาก
“น้องชายของฉันได้นิสัยอวดเก่งแบบนี้มาจากนายสินะ”
“ที่ผ่านมากองทัพชื่นชมคุณให้ผมฟังตลอด”
คิ้วหนาขมวดเล็กน้อย ดวงตาคู่เล็กหรี่ลงมองผมอย่างจับผิด แต่ไม่มีใครเดาใจของผมออกหรอกครับ ผมเคาะนิ้วลงบนโต๊ะ 2-3 ครั้งก่อนจะพูดต่อ
“ถ้ากองทัพเรียนจบ หุ้นของบริษัทครึ่งหนึ่งจะถูกโอนเป็นของกองทัพทันที ตำแหน่งผู้บริหารก็เช่นเดียวกัน.. ถ้าเป็นแบบนั้น.. แล้วคนที่ถูกตั้งให้เป็นทายาทอันดับหนึ่งล่ะครับ? ภาษาไทยเขาเรียกอะไรนะ?”
พยายามคิดสำนวนไทยที่หมายถึง หมดความสำคัญ โดนเขี่ยทิ้งอะไรทำนองนี้ แต่นึกไม่ออกครับ และคนตรงหน้าก็ไม่ช่วยผมคิดเลยสักนิด แต่ทว่าอ่านจากสีหน้าและแววตาผมก็พอจะรู้แล้วล่ะว่าอีกฝ่ายคงจะตีความหมายของผมออก
“ผมเองก็หวังดีกับคุณเหมือนกันนะครับ.. ถึงได้พูดเตือน”
เมื่อหลายปีก่อน เจ้าตัวขอคุยกับผมโดยมุ่งเป้าประเด็นชัดเจนว่าไม่ชอบขี้หน้าผม แต่มารอบนี้กลับเปลี่ยนไป แม้คนตรงหน้าไม่อ้าปากพูดทว่าคำตอบก็ฟ้องอยู่ในดวงตาของคู่สนทนา
“คุณนายพล.. ผมเคยคิดว่าคุณเป็นคนฉลาด แต่จริงๆ แล้วคุณนั้นทั้งโง่และน่าสงสารมากเลยนะครับ”
มือใหญ่กำหมัดแน่น ด้วยความโกรธ แต่ผมก็ยังคงระบายรอยยิ้มราวกับว่าเรากำลังคุยเรื่องดินฟ้าอากาศทั่วไป
“คุณเดาทางผิดทั้งหมดแล้วล่ะครับ ถ้าเกิดเป็นเกมส์ คุณใกล้จะแฮ้งค์โอเวอร์แล้วล่ะ”
“หมายความว่ายังไง?”
“แทนที่คุณจะถามผม คุณควรจะไปหาคำตอบจากคนใกล้ตัวคุณจะดีกว่านะครับ”
ชำเลืองตาไปทางลานจอดรถ และคนตรงหน้าก็มองตาม
“เขาช่วยคุณหาคำตอบได้”
สีหน้าของคู่สนทนาเต็มไปด้วยความสับสน ผมเหน็บยิ้มมุมปากแล้วลุกขึ้น
“ผมคงต้องขอตัว.. หวังว่าจะได้เจอกันในงานหมั้นของกองทัพนะครับ”
ยกมือไหว้ลาคนอายุเยอะกว่าก่อนจะเดินออกมาโดยไม่ได้หันหลังกลับไปมองอีกฝ่าย โบว์กับซันเห็นผมลุกขึ้นทั้งคู่ก็ลุกขึ้นด้วย แต่ผมก็ไม่ได้เดินตรงไปหาเพื่อนทันทีหรอกนะครับ ผมเดินอ้อมไปทางลานจอดรถและแกล้งเดินผ่านรถยุโรปคันหรูพร้อมกับพูดขึ้นมาหนึ่งประโยค
“ณดล.. นายควรจะตั้งใจเรียนกว่านี้นะ”
เจ้าของแผ่นหลังกว้างสะดุ้งจนตัวเกร็ง แต่ทว่าก็ไม่ได้หันกลับมามองและผมเองก็ไม่ได้หยุดดูว่าหลังจากนั้นอีกฝ่ายมีท่าทียังไง ผมเลิกสนใจคนทั้งคู่แล้วทำเพียงก้าวเดินตรงไปหาเพื่อนรักที่รอผมอยู่ด้วยความเป็นห่วงทั้ง 2 คน
เรื่องบางเรื่องต่อให้เป็นเพื่อนรักเพื่อนสนิทกันมากแค่ไหนแต่ถ้ามันเป็นเรื่องส่วนตัวที่เจ้าตัวไม่อยากจะพูดถึง เราก็ไม่ควรจะละลาบละล้วงเรื่องของเขา เหมือนอย่างตอนนี้ที่ผมไม่ได้เล่าว่าพี่นายมาคุยอะไรกับผม และซันกับโบว์ก็รู้จักมารยาทพอที่จะไม่เอ่ยถาม
ผมกับซันไปส่งโบว์ที่คณะวิศวกรรมศาสตร์ จากนั้นก็กลับมานั่งรอออมกับเทมป์ที่คณะศิลปกรรมศาสตร์ด้วยกัน ออมทำงานเสร็จก่อน ผมจึงให้ทั้งคู่กลับไปก่อนเพราะวันนี้ซันจะพาออมไปทานข้าวเย็นที่บ้าน
งานโปรเจ็คของเทมป์ใกล้จะเสร็จแล้วล่ะครับ แต่มีบางจุดที่ต้องแก้ไขเล็กน้อยเจ้าตัวจึงขอเข้าไปคุยกับอาจารย์ที่ปรึกษา ซึ่งระหว่างที่นั่งรออีกฝ่ายคุยงานกับอาจารย์ผมก็ได้ใช้เวลาว่างทั้งหมดเรียบเรียงความรู้เกี่ยวกับลักษณะกายภาพของสัตว์ต่างๆ ที่ได้เรียนรู้ทั้งในและนอกห้องเรียน
“รอนานเลย..”
เสียงทุ้มนุ่มทำให้ผมต้องหยุดปลายปากกาจากหน้ากระดาษสมุดโน้ต ผมเงยหน้าขึ้นมองอีกฝ่ายพร้อมระบายรอยยิ้ม
“งานโปรเจ็คโอเคมั๊ย?”
“อืม.. อาจารย์ให้แก้ไขแค่นิดหน่อย เสร็จทันแน่นอน”
ร่างสูงนั่งลงใกล้กัน ดวงตาคู่คมมองตัวอักษรภาษาอังกฤษในสมุดโน้ตของผมแล้วจุดยิ้มมุมปาก
“เทมป์จะเอาความฝันของเต็มกลับมาให้ได้”
ประโยคที่เพิ่งจบไปทำให้ผมหุบยิ้มไม่ได้ เราสบตากัน
“จะรอนะ”
นิ้วเรียวยื่นมาปัดปอยผมที่ระตรงหน้าผากให้ผม
“จูบได้มั๊ย?”
ผมหัวเราะ แล้วหันมองโดยรอบ เมื่อเห็นว่าผู้คนบางตาและใกล้ๆ นี้ก็ไม่มีใคร ผมจึงตอบรับ ‘อืม’ ในลำคอ หลังจากนั้นริมฝีปากบางก็ประทับลงมาอย่างแผ่วเบา ค่อยๆ บดคลึงอย่างนิ่มนวล จนเมื่อผมเผยอริมฝีปากออกให้ลิ้นของเราสัมผัสกัน จุมพิตแสนหวานก็กลายเป็นเร่าร้อนขึ้นในพริบตา
.
.
.
.
พี่ขวัญและทีมงานเดินทางมาถึงไทยก่อนวันงานประเพณีของมหาลัย 5 วัน ด้วยความเป็นมืออาชีพ ทาง TJ จัดการเซ็ทเรื่องเวที แสง สี และเสียงเสร็จภายใน 2 วัน อีกทั้งยังได้ขนเสื้อผ้าในคอลเลคชั่นใหม่มาให้ผมเลือกหลากหลายชุด ธีมของคอลเลคชั่นนี้เป็นแนวเอาใจฝั่งเอเชียเคป็อป เน้นโทนสีสดใส และเพลงที่ผมร้องก็เป็นแนวความรักสดใส ผมจึงเลือกเสื้อคลุมสูทสีชมพูอมม่วงมีลูกเล่นคลาสสิคตลอดทั้งตัวใส่คู่กับกางเกงขาสั้นสีดำที่ออกแบบมาให้สวมใส่ได้ทุกเพศทุกวัย พลางคิดว่าเสื้อผ้าของ TJ เป็นที่นิยมของทั้งหญิงและชาย ดังนั้นผมจึงเอาใจสาวๆ ด้วยการสวมถุงเท้าสีดำยาวระดับเข่า คู่กับรองเท้าหนังสีชมพู
“เต็มอ๊ปป้า!!”
ไม่ใช่แฟนคลับที่ไหนหรอกครับ หลานสาวของผมเองนี่แหละ ออมกรี๊ดกร๊าดพอใจจนทีมงานฝ่ายเสื้อผ้าและพี่ขวัญพากันอมยิ้ม
“แบบนี้โอเคมั๊ยครับพี่ขวัญ?”
“ว้าว! ดิส อิส ซูเพิร์บ”
พี่ขวัญยกนิ้วโป้งพร้อมประโยค
‘Wow! This is superb!!’ มันยอดเยี่ยมมากให้ผมและหันไปส่งยิ้มให้กับมิสลีผู้ซึ่งมาทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาด้านแฟชั่นในคอลเลคชั่นนี้ให้กับ TJ มิสลีพยักหน้าและชื่นชมว่าผมมีเซ้นต์ในด้านแฟชั่นชนิดที่หาตัวจับได้ยากสมคำล่ำลือจริงๆ ซึ่งผมคิดว่าเป็นการชมที่จริงไปสักนิดครับ..
“แล้วสาวสวยที่จะมาใส่ชุดฟินาเล่ละครับ?”
เจ้าของแบรนด์เอียงคอพร้อมกับกลอกตาไปมองหลานสาวเล็กน้อย ออมอมยิ้มให้คนเป็นอา พี่ขวัญจึงหัวเราะออกมาเบาๆ
“งานเขาเยอะ คิวทองมาก ไว้ถึงเวลาเจอกันบนเวทีเลยนั่นแหละ”
อื้อหือ.. แบบนี้ก็มีด้วยเหรอครับ แต่ถ้าไม่มืออาชีพจริงพี่ขวัญคงไม่กล้าจ้างเขาหรอก ผมยักไหล่แล้วถอดเสื้อผ้าที่สวมอยู่
“อ่อ.. ผมว่าจะย้อมสีผมกลับไปเป็นสีส้มนะครับ”
“โอเค”
เมื่อทุกอย่างได้รับการอนุมัติ ที่เหลือก็พร้อมโชว์ครับ
อยู่คุยกับพี่ขวัญและมิสลีต่ออีกครู่ใหญ่ ผมกับออมก็ขอตัวแยกย้ายกลับเข้าห้องนอนตัวเอง และเมื่อผมเปิดประตูเข้ามาในห้อง สัตว์ที่คิดจะครอบครองโลกอย่างสีส้มก็เดินเข้ามานั่งจุ้มปุ๊กส่งสายตาใสแป๋วรอผมอยู่แล้วล่ะครับ
หลายวันมานี้สีส้มย้ายสำมะโนครัวมาอยู่กับผม ไม่ใช่ว่าเจ้าทาสของสีส้มจะเบื่ออะไรหรอกนะครับ แต่ผมพาสีส้มมาเป็นตัวประกัน ถ้าหากเจ้าทาสคิดถึงเจ้านายก็ต้องมาหาเจ้านายที่นี่ ความคิดเด็กๆ แบบนี้ใช้ได้เสมอเมื่อเรารู้สึกอยากจะทำตัวงี่เง่าโดยที่ไม่ให้ดูงี่เง่า.. งงมั๊ยละครับ ผมเองก็งงตัวเองเหมือนกันว่าคิดไปได้ยังไง
“สีส้มมม”
จับอุ้มแมวอ้วนขึ้นมากอดรัดฟัดเหวี่ยง และใช้ไม้ล่อแมวเล่นกับสีส้มอยู่ครู่ใหญ่ผมจึงค่อยลุกไปอาบน้ำ ขณะที่กำลังยืนสำรวจหนวดเคราอยู่หน้ากระจก เสียงสายเรียกเข้าจากแอพวิดีโอคอลดังขึ้นด้านนอก ผมจึงหยิบผ้าขนหนูมาพันรอบเอวไว้ก่อนจะออกไปรับสายด้านนอก ชื่อที่โชว์อยู่หน้าจอทำเอาผมต้องวาดรอยยิ้มเต็มแก้ม
[รับสายช้าจัง ทำอะไรอยู่?]
“กำลังจะอาบน้ำ”
ตอบเสร็จก็หันกล้องไปที่สีส้ม เจ้าทาสร้องเรียกเจ้านายด้วยเสียงเล็กเสียงน้อย สีส้มจ้องหน้าจอไอโฟนอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเดินตะคุ่มเข้ามาตบป๊าปลงที่หน้าจอ คนที่อยู่ปลายสายร้องโวยวาย แต่ผมนี่ขำจนปวดท้องเลยล่ะครับ และหลังจากที่ปล่อยให้สีส้มสงบสติอารมณ์อยู่ตามลำพัง ผมจึงเดินกลับเข้าไปในห้องน้ำ โดยที่ในมือก็ยังถือไอโฟนไว้
“ทำอะไรอยู่หน่ะ?”
[รอดูเมียแก้ผ้า]
เรื่องลามกนี่ขอให้บอกเลยนะครับ ผมหัวเราะขำเบาๆ ก่อนจะวางพิงไอโฟนไว้กับกระจกบนอ่างล้างหน้า จากนั้นก็ลองเสยผมดู จะว่าไปผมก็เริ่มยาวพอสมควร น่าจะเปลี่ยนทรงผมได้แล้ว
“พรุ่งนี้จะไปทำสีผมใหม่.. สีส้ม”
[ผมสีอะไร ทรงไหน เมียเทมป์ก็น่ารัก]
“ปากหวานแบบนี้อยากได้อะไร?”
[แล้วเต็มคิดว่าเทมป์อยากได้อะไรล่ะ?]
ดวงตาคู่คมส่องประกายกรุ้มกริ่มซะขนาดนั้น ถ้าผมเดาผิดก็คงจะโง่เต็มทีแล้วล่ะครับ ผมกระตุกยิ้มมุมปากแล้วมองใบหน้าคมผ่านเครื่องมือสื่อสาร เรานิ่งเงียบมองกันอยู่อย่างนั้นจนกระทั่งอีกฝ่ายแล่บลิ้นเลียริมฝีปาก พลันร่างกายก็รู้สึกวูบไหวลำคอแห้งผาก จะว่าไปก็นานมากแล้วที่เราไม่ได้มีเซ็กส์กัน
ผมปลดผ้าขนหนูที่พันรอบเอวให้หลุดร่วงลงบนพื้น เสียงผิวปาก
‘วี๊ดวิ้ว’ มาพร้อมดวงตาคู่คมที่ลามกโลมเลียทำเอาผมหลุดขำ ผมตวัดปรายตามองอีกฝ่ายก่อนจะเอี้ยวตัวพิงผนังห้องน้ำ คนที่อยู่ในจอไอโฟนขนาด 5.5 นิ้ว ร่นขอบกางเกงนอนลงเผยให้เห็นส่วนใหญ่โตที่ผงาดแข็งขันพร้อมรบเสียจนทำเอาผมร้อนวาบไปทุกรูขุมขน
[ช่วยหน่อยสิเต็ม]
เสียงทุ้มครางต่ำฟังดูเซ็กซี่ชวนใฝ่ฝัน ผมจ้องมองภาพเคลื่อนไหวจากเครื่องมือสื่อสารพร้อมกับวาดรอยยิ้มขณะเลื่อนมือครอบครองส่วนอ่อนไหวของตัวเอง รูดรั้ง ด้วยจังหวะที่ตนเองพอใจ .. ไม่ใช่สิ มันเป็นจังหวะที่อีกฝ่ายทำให้ผมติดใจเสียมากกว่า
“อ่ะ.. อา”
มือข้างหนึ่งปรนเปรอช่วงล่าง อีกข้างก็บดขยี้ปุ่มไตบนหน้าอกของตัวเอง ดวงตาคู่คมที่จ้องมองไม่วางตา เสียงทุ้มที่ครางเรียกชื่อของผมด้วยเสียงแหบพร่า และความใหญ่โตที่อยู่ในมือหนาพาให้จินตนาการไปถึงช่วงเวลาที่ร่างกายของเราเชื่อมต่อเป็นหนึ่งเดียว
“ท เทมป์ อ๊ะ”
เลือดในร่างกายไหลรวมสู่จุดเดียว ร่างสูงมักจะเอาอกเอาใจผมด้วยการครอบครองส่วนอ่อนไหวของผมเอาไว้ด้วยโพรงปาก ผมแอ่นสะโพกเมื่อความหฤหรรษ์ที่ห่างหายไปนานถูกจุดขึ้นอย่างรวดเร็ว ในสมองเริ่มขาวโพลน ความสุขสมผสานรวมกับความโหยหาในห้วงลึก เพียงไม่นานผมก็ปลดปล่อยน้ำสีขาวขุ่นออกมาจนเต็มฝ่ามือ
ขณะที่กำลังปรับลมหายใจ ผมก็ได้ปรายสายตาไปมองเจ้าของเสียงทุ้มที่ครางเรียกชื่อผมพร้อมกับกระตุกปลดปล่อยของเหลวออกมาจนล้นมือใหญ่ ผมแล่บเลียริมฝีปากของตัวเองก่อนจะเขยื้อนร่างกายเข้าไปใกล้หน้าจอไอโฟน
[เต็ม..]
ผมยิ้มแทนคำขานรับ เราจ้องมองกันอยู่อย่างนั้น จนกระทั่งถ้อยคำ ‘รักนะ’ ถูกเอ่ยออกมาพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย และเราก็หัวเราะขำด้วยกัน
.
.
.
.
วันนี้เป็นวันหยุดพวกเราทุกคนช่วยกันเช็คข้าวของที่จะแพ็คส่งไปอังกฤษล่วงหน้าครับ
“ของออมสามกล่อง ของคุณพ่อคุณแม่สามกล่อง ของอาเต็มสองกล่อง และของทั่วไปอีกสองกล่อง เอ๋--- แล้วกล่องเล็กๆ นั่นของใครคะ?”
“ของอาเอง”
คิ้วสวยเลิกขึ้นด้วยความสงสัย
“ชุดที่จะใส่ในงานหมั้นไง”
“อ๋อ จริงด้วยสิคะ อาเต็มจะส่งไปเตรียมไว้ที่โรงแรมเลยใช่มั๊ยคะ? งั้นออมฝากของออมไปด้วยค่ะ พี่ใจขา เดี๋ยวตามออมขึ้นไปเอาของบนห้องนอนหน่อยค่ะ”
หลานสาวถามเองตอบเองเสร็จสรรพจากนั้นรีบขึ้นไปห้องนอนโดยมีเด็กรับใช้ตามหลังไปติดๆ ผมก็ได้แต่ขำ แม้แต่คุณพ่อที่เดินมาทันได้ยินเสียงเจื้อยแจ้วของออมเมื่อครู่ยังอมยิ้มแล้วส่ายหน้าเลยครับ
“เรียบร้อยมั๊ยลูก?”
“เรียบร้อยดีครับ เหลือแค่ซีลกล่อง แล้วเดี๋ยวผมจะให้คนไปส่งที่บริษัทขนส่งครับ”
ทั้งหมดเป็นของใช้จำเป็นที่จะจัดส่งไปก่อน ส่วนที่เหลือจะค่อยทยอยส่งตามไปเรื่อยๆ ครับ
“คุณพ่อครับ แล้วบ้านหลังนี้ล่ะครับ จะจ้างบริษัทมาดูแลรึเปล่าครับ?”
มัวแต่ยุ่งเรื่องโน้นเรื่องนี้ จึงลืมถามเรื่องบ้านไปเลย บ้านหลังนี้เป็นบ้านที่คุณพ่อได้รับมรดกมาจากคุณปู่คุณย่า คุณพ่ออยู่ที่นี่มาตั้งแต่เกิด ผูกพันกับบ้านหลังนี้มาก อีกทั้งสวนหลังบ้านคุณพ่อเล่าว่าคุณปู่เป็นคนออกแบบและปลูกต้นไม้เองทั้งหมด งานแต่งงานของคุณพ่อกับคุณแม่ก็จัดที่บ้านหลังนี้ตามประเพณีไทยโบราณ ผมเองแม้จะไม่ได้เกิดและเติบโตใต้ชายคาแต่ก็รักที่นี่มากมากกว่าบ้านที่อังกฤษเสียด้วยซ้ำ
คุณพ่อเงียบไปนานจนผมเริ่มผิดสังเกต
“คุณพ่อครับ”
เรียกท่านเบาๆ คุณพ่อหันมามองหน้าผมพร้อมรอยยิ้มบางเบา จากนั้นก็ชี้ไปที่กล่องกระดาษ
“เดี๋ยวตอนให้เด็กซีลกล่อง.. น้องเต็มอยู่ดูความเรียบร้อยด้วยยนะลูก?”
“อ่อ.. ครับ”
มือใหญ่ยกมือแตะหัวไหล่ผมก่อนหันหลังเดินออกไปตรงสวนข้างบ้าน ซึ่งลุงศักดิ์กำลังกวาดเศษใบไม้แห้งอยู่กับเด็กรับใช้อีกคน
ผมมองแผ่นหลังกว้างของคุณพ่อ รูปร่างสูงใหญ่ให้ความรู้สึกมั่นคง ในด้านการทำงาน ท่านเป็นผู้นำที่ขยัน เข้มแข็ง ยุติธรรม รักความถูกต้องและเด็ดขาดในทุกเรื่อง ส่วนในด้านครอบครัวคุณพ่อเป็นผู้นำครอบครัวที่ดีเยี่ยม รักครอบครัว ให้เกียรติภรรยาและรักลูกทุกคนเท่าเทียมกัน ทว่าเมื่อใดที่ครอบครัวมีปัญหาสองบ่าของท่านมักจะรับแบกมันไว้ทั้งหมด โดยมีคุณแม่เป็นคอยเป็นกำลังใจอยู่เคียงข้างตลอดเวลา ท่านทั้งคู่ไม่เคยให้ลูกๆ ต้องเดือดร้อนหรือทุกข์ใจใดๆ เลยสักครั้ง
“นั่นเลย สามกล่องนั้นเลยจ้า เอ้า! ใครอยู่ตรงนั้นมาช่วยน้าปองซีลกล่องหน่อยเร็วเข้า”
เสียงของป้าทิพย์ทำให้ผมหยุดคิดแล้วหันกลับมามอง น้าปองกำลังเดินเข้ามาพร้อมอุปกรณ์สำหรับซีลกล่อง ซึ่งระหว่างนั้นเด็กรับใช้ที่เดินตามออมขึ้นไปบนห้องนอนเมื่อครู่ได้เดินกลับลงมาพร้อมถุงใส่เสื้อผ้า ผมมองหน้าน้าปองแล้วยกยิ้ม
“น้าปองครับ อาทิตย์หน้ารบกวนช่วยเอาของพวกนี้ไปส่งที่โรงแรมให้หน่อยนะครับ”
ผมชี้ไปที่ถุงเสื้อผ้าของออม และกล่องกระดาษใบเล็กที่วางอยู่บนโซฟา
“ได้สิครับคุณเต็ม”
น้าปองพยักหน้ารับด้วยรอยยิ้ม จังหวะที่น้าปองกำลังจะเข้าไปหยิบกล่องบนโซฟาผมเหลือบมองเด็กรับใช้เล็กน้อยแล้วขยับเดินเข้าไปหาน้าปองก่อนจะกระซิบเบาๆ
“เคลียร์-ออฟ”
“เคลียร์”
คำตอบที่ได้รับทำให้ผมระบายยิ้มออกมา จากนั้นก็ปล่อยให้น้าปองและเด็กรับใช้ทำงานตามหน้าที่ของตัวเอง
ทั้งที่มีเวลาอีกหลายวันกว่าเทมป์จะเข้าพิธีหมั้นกับคุณฮันนี่ แถมก่อนถึงวันนั้นก็ยังมีงานประเพณีของมหาวิทยาลัยกั้นกลาง แต่ผมอยากจะให้ทุกอย่างเตรียมพร้อมไว้ก่อนแต่เนิ่นๆ เพราะกลัวว่าถึงวันจริงแล้วทุกอย่างจะขลุกขลัก ตอนแรกผมตั้งใจจะไปแค่คนเดียวแต่เมื่อวานหลานสาวมาบอกว่าจะขอตามไปด้วยเพราะเป็นห่วงผม อีกอย่างงานนี้เทมป์ไม่ได้เชิญเพื่อนของตัวเองสักคน หรือจะพูดได้ว่าไม่คิดจะใส่ใจเลยเสียมากกว่าก็ได้ และเกี่ยวกับเรื่องนี้คุณพ่อคุณแม่ของผมและทางฝั่งคุณปู่คุณย่าของเทมป์ไม่ขอเข้ามายุ่งเพราะท่านเห็นว่าเป็นการตัดสินใจของพวกเราทั้งคู่แต่ถึงอย่างนั้นผมก็รู้ดีว่าพวกท่านคอยดูอยู่อย่างเป็นห่วงตลอดเวลา
ยืนมองน้าปองกับเด็กรับใช้ขนของจนเสร็จเรียบร้อย ผมจึงเดินตามคุณพ่อออกไปที่สวน คุณพ่อกำลังคุยกับลุงศักดิ์เรื่องต้นไม้ แม้ผมจะไม่ค่อยรู้เรื่องสักเท่าไหร่แต่ก็ขอร่วมบทสนทนาด้วย คุณรู้มั๊ยครับว่าคุณพ่อของผมรักต้นไม้ทุกต้นที่อยู่ในรั้วบ้าน และทุกครั้งที่ท่านได้พูดคุยเรื่องนี้ใบหน้าของท่านจะเผยความผ่อยคลายและความสุขออกมาอย่างชัดเจน ซึ่งมันทำให้หัวใจของผมรู้สึกอบอุ่นทุกครั้ง ผมจึงคิดเสมอว่าผมจะปกป้องและดูแลทุกสิ่งทุกอย่างที่บุพการีของผมรักและทำให้พวกท่านมีความสุขอย่างดีที่สุด แม้จะต้องแลกกับความสุขของตัวเองก็ตาม....
.
.
.
.
.
.
TBC....
รินมีเกมส์มาให้เล่นค่ะ
คำถามง่ายๆ "คนร้ายตัวจริงคือใคร?" คำถามง่ายแต่หาคำตอบยากใช่มั๊ยคะ แฮ่
จริงๆ แล้วเต็มใจทิ้งเบาะแสไว้ในเรื่องอยู่หลายจุดนะคะ เพียงแต่อาจจะคิดไม่ถึงกันค่ะ
แต่ไม่เป็นไรค่ะ เดากันมาได้เลยค่ะ กติกาก็ง่ายๆ ค่ะ
1. บอกชื่อตัวละครที่คิดว่าเป็นคนร้ายตัวจริง พร้อมบอกเหตุผลสั้นๆ ด้วยนะคะว่าทำไมถึงเดาคนนี้ ฮ่าาาา
2.เริ่มเดาได้ตั้งแต่ตอนนี้ไปจนถึงตอนที่ 34 ค่ะ รินลงตอนที่ 35 ปุ๊ป จะถือว่าหมดเวลาการเล่นเกมส์นะคะ
3.ใครเดาถูกมีของรางวัลให้ด้วยนะคะ แอบกระซิบว่าน่ารักด้วยน๊าาา
4.หาคนตอบถูกเป็นคนแรก ทางหน้าเล้าเป็ด 1 คน ค่ะ
มาเดากันเยอะๆ นะคะ ^^