█ ▌รักเต็มใจ ❤➽ Heart Is Full ▌█ ┠ 37 The End ┨ (2017.11.11) P.36
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: █ ▌รักเต็มใจ ❤➽ Heart Is Full ▌█ ┠ 37 The End ┨ (2017.11.11) P.36  (อ่าน 233518 ครั้ง)

ออฟไลน์ RIRIN

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 250
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +492/-2
█ ▌รักเต็มใจ ➽ HEART IS FULL ▌█





┠ 35 ┨








หลังจากที่ทุกคนยอมเปิดใจเล่าเรื่องของคุณรดาให้ผมฟัง การดำเนินชีวิตของผมก็ยังคงเหมือนเดิม ผมยังคงมีความสุขในครอบครัวที่อบอุ่นเหมือนเช่นทุกวันเพราะผมเลือกที่จะอยู่กับปัจจุบัน เรื่องราวในอดีตก็แค่เก็บมันใส่ไว้ในกล่องความทรงจำเอาไว้ให้หวนคิดถึงบ้างเป็นครั้งคราวไป แต่ก็อย่างเคยบอกไปนั่นแหละครับว่า ยกเว้นเสียว่าจะมีใครบางคนที่พยายามใช้เรื่องในอดีตมาทำร้ายผมและครอบครัว ผมจะไม่มีวันยอมอย่างเด็ดขาด


วันนี้ถือว่าเป็นวันดีเพราะเป็นงานหมั้นของเทมป์กับคุณฮันนี่ซึ่งเลือกจัดที่โรงแรมหรูใจกลางเมือง เทมป์ขับรถมารับผมกับออมด้วยตัวเองตั้งแต่ตี 3
   
“มองอะไร?”
   
ตั้งแต่ขึ้นรถมาดวงตาคู่คมก็หันมามองผมหลายต่อหลายรอบ มองแล้วก็อมยิ้มอยู่ได้
   
“มองคนหล่อ”
   
คำตอบของเทมป์ทำเอาผมหัวเราะขำ เมื่อวานช่วงบ่ายคุณแม่เรียกช่างทำผมเจ้าประจำมาทำผมให้ที่บ้าน ผมเลยถือโอกาสเปลี่ยนสีผมเสียด้วยเลย จากสีส้มเปลี่ยนเป็นสีบรอนด์เงิน และตัดไถให้สั้นลงเพื่อให้ดูทะมัดทะแมงมากขึ้น

มาถึงโรงแรมเทมป์ก็เจอทีมนักข่าวรออยู่แล้วครับ โดนสาดแสงแฟลชใส่จนแสบตาพร้อมกับยิงคำถามรัวๆ แต่ไม่มีใครตอบคำถามสักคน จะทำก็เพียงแต่โปรยยิ้มให้เท่านั้น

คุณนายวิริยายืนรอลูกชายอยู่หน้าห้องแต่งตัว และทันทีที่เห็นผมกับออมท่านก็แสดงสีหน้าไม่พอใจอย่างเห็นได้ชัด แต่เพราะมีนักข่าวเดินตามพวกเรามาด้วย ดังนั้นเมื่อผมกับออมพนมมือไหว้ คุณนายวิริยาจึงรีบปรับสีหน้าเป็นฉีกยิ้มอย่างฝืดฝืนจนน่าขำ
   
“มากันแล้วเหรอจ๊ะ.. คุณแม่ก็เป็นห่วงอยู่เลยกลัวจะมากันไม่ทัน เอ้า! กองทัพพาเพื่อนๆ เข้าไปแต่งหน้าเร็วสิลูก”
   
พูดจาด้วยเสียงหวานเจี๊ยบโดยเน้นย้ำคำว่า ‘เพื่อน’ เสียจนออมกลั้นขำจนหน้าแดง แต่เมื่อเข้ามาในห้องแต่งตัว ใบหน้ายิ้มแย้มของคุณนายวิริยาหน้าเมื่อครู่เปลี่ยนเป็นบึ้งตึงพร้อมกับตวัดตามองมาที่ผมอย่างกับจะกินเลือดกินเนื้อ
   
“นี่แกไปรับมะ... มาทำไม?”

แม้จะพูดกับลูกชายแต่ก็จงใจจะให้ผมได้ยิน แต่ก็ยังดีครับที่ยั้งสรรพนามระคายหูไว้ได้ทัน.. และผมกับออมแกล้งทำเป็นไม่สนใจโดยการหันไปคุยกับช่างแต่งหน้าทำผม

แม่ลูกต่อปากต่อคำกันอยู่ครู่ใหญ่จนท่าทางคนเป็นแม่จะยอมแพ้จึงได้จบเรื่องเดิมแล้วเริ่มเรื่องใหม่ด้วยระดับน้ำเสียงที่เหมือนจะให้ได้ยินแค่ 2 คน ‘พี่ชายแกหายหัวไปไหนเนี่ย? ติดต่อก็ไม่ได้’ ผมปลายสายตาไปมองแผ่นหลังของคุณนายวิริยาเล็กน้อย ไม่นานนักคุณนายวิริยาก็สะบัดหน้าพรึ่บเดินออกจากห้องไปโดยที่ทิ้งสายตาเกลียดชังไว้ให้ผมเห็นแบบเต็มตา
   
“ต้องขอโทษด้วยนะครับ”

เทมป์เอ่ยขอโทษพี่ๆ ช่างแต่งหน้าทำผม ซึ่งทุกคนรีบพูดออกมาแทบจะพร้อมกันว่า ‘ไม่เป็นไร’

ฤกษ์ยกน้ำชาและสวมแหวนหมั้นคือ 8.58 น. แต่เนื่องจากจัดพิธีตามแบบธรรมเนียมจีนซึ่งเจ้าภาพในงานหมั้นจะเป็นฝ่ายหญิง ช่วง 6-7 โมงเช้าจะเป็นการเลี้ยงอาหารเช้าให้กับแขกเหรื่อ และเราก็มีเวลาเหลือเฟือสำหรับแต่งหน้าทำผมและแต่งตัว แต่ที่นัดเร็วแบบนี้คงจะเผื่อเวลาให้กับคุณฮันนี่ ผู้หญิงต้องแต่งตัวเยอะกว่าเป็นธรรมดาครับ

เมื่อวานน้าปองเอาชุดของผมกับออมพร้อมแอคเซสเซอรี่ต่างๆ ที่ผมสั่งไว้มาส่งที่โรงแรมและเทมป์ก็ให้คนจัดเตรียมไว้ให้เรียบร้อย ของผมเป็นชุดสูทสีเทาเข้มแบบพอดีตัวและขาเต่อเล็กน้อย ส่วนของออมเป็นเดรสสายเดี่ยวกระโปรงบานสีน้ำเงินสว่าง และของเทมป์เองก็มีชุดที่ทางว่าที่คู่หมั้นเตรียมไว้ให้แล้วแต่เจ้าตัวเลือกที่จะใส่ชุดสูทสีควันบุหรี่ที่ผมเลือกให้แทน ซึ่งทั้งหมดเป็นคอลเลคชั่นล่าสุดของ TJ
   
“อาเต็มทำผมสีนี้แล้วแต่งตัวแบบนี้ดูเพลย์บอยมากเลยค่ะ”
   
ออมยื่นมือมาแตะต่างหูแบบห่วงที่ผมใส่อยู่พร้อมกับขยิบตา
   
“ก็วันนี้อาเป็นตัวร้ายนี่นา”
   
“ร้ายก็รัก”
   
คนที่พูดประโยคนี้ไม่ใช่หลานสาวของผมนะครับ แต่เป็นร่างสูงที่ยืนหน้าโหดอยู่ข้างๆ ต่างหาก ทำเอาออมถึงกับเบ้ปากแซ็วเพื่อน

.
.
.
.
.

   
ปกติผมจะคุ้นชินกับการเป็น ‘เป้าสายตา’ ทว่าครั้งนี้แตกต่างกัน เนื่องจากที่ผ่านมาผมมักจะเจอแต่สายตาที่มีแต่คนมองมาด้วยความชื่นชม ดังนั้นเมื่อได้มาเจอสายตาที่มีแต่ความไม่พอใจและแฝงไปด้วยความรังเกียจที่แสดงออกแบบโจ่งแจ้งบางครั้งจะให้ปั้นหน้ายิ้มก็ยากอยู่เหมือนกัน แต่มันก็ไม่ได้ลำบากเกินความสามารถ ยิ่งมีออมอยู่ตรงนี้ด้วยผมจึงเหมือนมีพลังฮึดสู้ให้เข้มแข็ง
   
ผมและออมพนมมือไหว้คุณอาดิษฐ์ ท่านรับไหว้ผมด้วยรอยยิ้มบางเบา ส่วนคุณนายวิริยานอกจากไม่รับไหว้แล้วยังดึงตัวลูกชายไปนั่งใกล้ตัวเอง
   
อีกไม่กี่สิบนาทีก็จะถึงฤกษ์ยกน้ำชา แต่จู่ๆ บานประตูก็ถูกเปิดออก ซึ่งแน่นอนว่าเรียกความสนใจจากทุกคนได้เป็นอย่างดี รวมทั้งผมด้วยที่ต้องแปลกใจเมื่อได้รู้ว่าคนที่เพิ่งเดินเข้ามาและยกมือไหว้เจ้าภาพอยู่นั้นคือ ซัน โบว์ และน้องดักแด้ ผมหันไปมองหน้าออม หลานสาวส่ายหน้าบอกว่าไม่รู้เรื่องแต่ถึงอย่างนั้นออมก็ยิ้มจนแก้มปริที่แฟนตัวเองมาร่วมงานด้วย
   
เทมป์รีบลุกขึ้นแล้วเดินมาต้อนรับทั้ง 3 คน แล้วพามานั่งใกล้ผมกับออม
   
“วันนี้แกจะหล่อเหี้ยไปถึงไหนห๊ะอิจี นี่กะจะให้น้องกองทัพของฉันขาดใจตายเลยรึไง?”
   
เพื่อนสาวมองผมตั้งแต่หัวจรดเท้าพร้อมกับอมยิ้ม แถมยังเอามือมาหยิกแก้มผมอีกด้วย จนน้องดักแด้ต้องหันมาเตือนให้โบว์พูดเบาๆ หน่อย แต่คนอย่างคุณนายโบรัมจะเงียบได้สักกี่วินาทีกันละครับ
   
“อีจี.. แกรู้มั๊ยว่าฉันไม่อยากมาเหยียบงานนี้เลยสักนิด”
   
โบว์จ้องหน้าผมนิ่ง ใบหน้าที่แต่งแต้มสวยงามระบายรอยยิ้มแต่ภายในดวงตาคู่สวยกลับส่องประกายเคืองแค้นจนผมรู้สึกใจหาย
   
“มันเจ็บปวดนะ.. ที่ฉันจะต้องมานั่งดูตัวเหี้ยลากน้องกองทัพของฉันไปกินในน้ำต่อหน้าต่อตาโดยที่ฉันช่วยอะไรไม่ได้เลย”
   
“โบว์....”
   
เท่าที่ผมรู้ โบว์และซันมีนิสัยเหมือนกันอยู่อย่างหนึ่งนั่นคือ มักจะทิ้งอดีตที่ไม่น่าจดจำไว้เบื้องหลัง ทั้งคู่แทบจะไม่เคยปริปากพูดเรื่องเหล่านั้นอีกทั้งยังไม่เคยเอาเรื่องของคนที่เคยทำให้ตัวเองเจ็บช้ำน้ำใจมาพูดต่อให้เสียหาย ยกเว้นเสียว่าคนในอดีตจะกลับมาสะกิดบาดแผลเดิมให้ปวดแสบปวดร้อนขึ้นมาอีกครั้ง คุณฮันนี่คือคนที่ทำให้โบว์กับพี่นายต้องเลิกรากันและยังเป็นคนเดียวกับที่ทำให้ซันปิดตายหัวใจตัวเองอยู่หลายปี และทั้งที่ผมรู้อยู่เต็มอกแต่ผมก็ยังผลักให้คนที่ผมรักเข้าไปหาไฟอย่างเธอ
   
“แกไม่รู้สึกอะไรจริงๆ เหรออีจี?”
   
คำถามของโบว์ทำให้ผมเผลอหันไปสบกับดวงตาคู่คม ทำไมผมจะไม่รู้สึก.. เพียงแต่ความรู้สึกของผมมันมีมากเสียจนไม่สามารถจะอธิบายให้ใครฟังได้ต่างหาก แต่ไม่ว่าจะยังไงผมก็มั่นใจว่าผมไม่มีวันสูญเสียคนรักไปด้วยเหตุผลของคุณฮันนี่อย่างแน่นอน แต่ถ้าเป็นเหตุผลอื่นก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน

เสียงใครคนหนึ่งพูดออกไมค์เป็นภาษาจีน ทำให้ผมต้องหยุดความคิดทั้งหมด ห้องทั้งห้องเงียบกริบ ทุกสายตามองไปทางประตูเป็นจุดเดียวเพื่อรอชมความงามของหญิงสาวในชุดกี่เพ้าสีแดงสด ผ่านไปครู่หนึ่งบานประตูก็เปิดออก แต่คนที่ปรากฏกลับเป็นหญิงเชื้อสายจีนเลยวัยกลางคนที่โบว์กระซิบบอกผมว่าเธอคือแม่สื่อ เธอวิ่งเลิ่กลั่กเข้ามาด้วยหน้าตาตื่นตระหนกทำเอาคนในงานเริ่มส่งเสียงฮือฮา

แม่สื่อกระซิบอะไรบางอย่างกับญาติผู้ใหญ่ทางฝั่งคุณฮันนี่ ฝ่ายนั้นแสดงสีหน้าตกใจปนเกรี้ยวกราดแล้วตวาดออกมาเป็นภาษาเกาหลียาวพรึ่ด ซึ่งโบว์แปลให้ฟังแบบสรุปใจความสั้นๆ ด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นว่า ‘ยัยน้ำผึ้งพิษหายตัวไป’

บรรยากาศภายในห้องเริ่มชุลมุนวุ่นวาย ภาษาไทย จีน เกาหลี แข่งกันส่งเสียงวิพากษ์วิจารณ์จนน่าปวดหัว แต่ผมกลับยิ้มขำกับมุกตลกที่สามารถพบเจอได้ในละครน้ำเน่าทั่วไป จนผมแทบจะลุกขึ้นปรบมือให้กับความแนบเนียนสุดน่าขำ

สถานการณ์ดูจะแย่ลงเรื่อยๆ ญาติทางฝั่งคุณฮันนี่พากันออกไปจากห้อง คุณนายวิริยาก็ตามออกไปติดๆ โดยไม่ลืมที่จะลากเอาลูกชายของเธอไปด้วย เทมป์จะหันมาส่งสายตาให้ผมแล้วชี้นิ้วบอกให้ผมไปรอกันด้านนอก ผมพยักหน้ารับก่อนจะหันไปมองคุณอาดิษฐ์ที่ลุกขึ้นเดินออกจากงานเป็นคนสุดท้าย

“คุณนายโบรัมใช้เวลาแต่งตัวสามชั่วโมง ฝ่ารถติดอีกสามชั่วโมง เพื่อมานั่งดูอะไรเหี้ยๆ แค่ไม่กี่สิบนาที.. ชีวิตเริ่ดมากค่ะ”

คำพูดของโบว์ชวนให้เพื่อนๆ พากันหลุดขำ
   
“ซัน ฝากไปส่งออมที่บ้านด้วยนะ”
   
ซันพยักหน้ารับด้วยความเต็มใจ ในขณะที่ออมเริ่มงอแง
   
“อ้าว ทำไมอาเต็มไม่กลับด้วยกันละคะ?”
   
“อามีธุระต้องจัดการนิดหน่อยหน่ะ”
   
คำตอบของผมไม่ถูกใจคนถาม คิ้วสวยขมวดแน่น  ผมรู้ครับว่าออมเป็นห่วงผมมาก อีกอย่างคุณพ่อคุณแม่คงจะสั่งให้ออมมาคอยดูแลผมแทนพวกท่านด้วย

“น้องออมขา อาเต็มเขาคงอยากจะไปฉลองกับน้องกองทัพละมั้ง”

ข้อสมมติฐานของโบว์ช่วยได้เยอะ หลานสาวมองหน้าผมส่งสายตาเป็นคำถามว่า ‘จริงเหรอคะ?’ ผมก็ได้แต่ใช้รอยยิ้มตอบกลับไปแล้วแต่คนมองจะตีความหมายเอาเอง
   
“อาดูแลตัวเองด้วยนะคะ”
   
นี่ผมเป็นอาหรือว่าเป็นหลานกันล่ะครับเนี่ย? ผมหยิกแก้มหลานสาวด้วยความหมั่นเขี้ยว ก่อนจะแตะหัวไหล่ซัน

เมื่อตกลงกันได้ก็แยกย้ายครับ ผมยืนส่งทุกคนครู่หนึ่งก่อนจะหมุนตัวกลับเดินไปอีกทาง ผมผลักบานประตูทางออกฉุกเฉินแล้วเดินขึ้นไปตามขั้นบันไดอีก 5 ชั้นแบบไม่รีบร้อน จากนั้นก็ออกมาต่อลิฟท์ขึ้นไปยังชั้น 37 จุดหมายปลายทางของผมคือห้องสูทระดับ VIP ที่มีผู้เข้าพักจองไว้ในนาม ‘ดิษฐ์ เกียรติไพศาลกิจ’


.
.
.
.

   
   
“สวัสดีครับ.. คุณอาดิษฐ์”
   
“น้องเต็ม.. ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ”
   
นี่คือคำทักทายแรกระหว่างผมกับผู้ใหญ่ที่มีความอ่อนโยนฉาบอยู่บนใบหน้าและดวงตาเสมอ เจ้าของห้องเชิญผมให้นั่งบนโซฟาหรู  ผมแอบใช้สายตากวาดมองรอบห้องที่ผู้ใหญ่ตรงหน้าวางแผนไว้กับญาติทางฝ่ายว่าที่ลูกสะใภ้ให้ได้ใช้ทำความรู้จักกันอย่างลึกซึ้งหลังงานหมั้น ซึ่งแน่นอนว่าเทมป์ไม่มีวันรู้เรื่องพวกนี้ แต่นั่นไม่ใช่ประเด็น อีกอย่างแผนก็พังครืนตั้งแต่ยังไม่ทันจะเริ่มราวกับว่ามีใครบางคนตั้งใจจะให้เป็นอย่างนั้น หรือถ้าจะมองในมุมที่คุณฮันนี่เป็นเพียงผู้หญิงธรรมดาที่น่าสงสารมากคนหนึ่งเพราะต้องกลายมาเป็นตัวละครหลอกๆ ตามเกมส์ของพวกผู้ใหญ่โดยที่ตัวเธอเองก็ไม่รู้ตัว
   
อ่อ.. อีกเรื่องก็คือน่าแปลกนะครับที่วันนี้คุณอาดิษฐ์ไม่มีบอดี้การ์ดคอยดูแล หรือว่าบางทีท่านอาจจะใช้ให้ไปทำงานสำคัญก็เป็นได้
   
“คุณอาดิษฐ์สบายดีมั๊ยครับ?”
   
ยังไม่ทันที่ท่านจะได้ตอบ เสียงเรียกเข้าของโทรศัพท์มือถือของท่านก็ดังขึ้นเสียก่อน คุณอาดิษฐ์ล้วงหยิบเครื่องมือสื่อสารในกระเป๋าเสื้อสูทออกมากดปิดเสียงพร้อมกับระบายรอยยิ้มบางเบา
   
“น้องเต็มรู้ได้ยังไงว่าอาอยู่ที่นี่?”
   
คำตอบของผมคือรอยยิ้ม ผมแกล้งกวาดสายตาไปรอบห้องอีกครั้งอย่างจงใจ
   
“วันนี้ผมไม่เห็นพี่นายพลเลยนะครับ.. ไม่ทราบว่าพี่นายไปไหนเหรอครับ?”
   
ดวงตาคู่เล็กหรี่มองผมเล็กน้อย แค่เล็กน้อยเท่านั้น
   
“พี่นายเขาติดธุระหน่ะ”
   
อืม.. เป็นคำตอบที่ธรรมดา และรอยยิ้มที่ท่านระบายออกมาก็แสนจะธรรมดาเสียจนทำให้ผมยิ้มกว้างกว่าเดิม
   
“ธุระคงจะสำคัญมากสินะครับ?”
   
ท่าทางว่าประโยคของผมจะทำให้คนฟังไม่พอใจสักเท่าไหร่ ดวงตาคู่เล็กหรี่ลงอีกครั้ง คิ้วหนาขมวดเล็กน้อย แต่ถึงอย่างนั้นท่านก็ยังควบคุมความอ่อนโยนของรอยยิ้มไว้ได้อย่างดี
   
“น้องเต็มพูดแบบนี้กับอา.. หมายความว่ายังไง?”
   
“คุณอา.. น่าจะรู้คำตอบดีกว่าผมไม่ใช่เหรอครับ?”
   
ผมยังคงยิ้ม ทว่ารอยยิ้มของผู้ใหญ่ตรงหน้าค่อยๆ จางหายไปจนเหลือเพียงความเรียบนิ่ง ความเงียบปกคลุมอยู่นานเกือบนาที
   
“เต็มใจ.. เธอเป็นใครกันแน่?”
   
“เต็มใจ ฉัตรรักษ์บริบูรณ์... คือชื่อและนามสกุลของผมครับ”
   
เสียงหัวเราะ ‘หึ’ ดังขึ้นในลำคอ อีกฝ่ายเริ่มเผยสีหน้าในแบบที่ผมไม่เคยเห็นมาก่อน
   
“ฉัตรรักษ์บริบูรณ์...”
   
นามสกุลของผมถูกเอ่ยทวนซ้ำด้วยน้ำเสียงเยือกเย็นคล้ายเยาะหยัน
   
“หรือคุณอาดิษฐ์คิดว่าผมควรจะเป็น ‘เต็มใจ เกียรติไพศาลกิจ’ .. ครับ?”
   
คิ้วหนาขมวดแทบจะทันที ดวงตาคู่เล็กจดจ้องผมอย่างกับผู้มีอำนาจที่ต้องการจะขย้ำเหยื่อ ทว่าผมกลับรู้สึกดีใจที่สามารถล่อเสือร้ายออกจากถ้ำได้อย่างง่ายดายกว่าที่คิดไว้เสียอีก ความเงียบก่อตัวขึ้นอีกครั้ง ฝ่ายตรงข้ามพยายามอ่านความคิดของผมผ่านทางสีหน้าและแววตา แต่คงจะยากสักหน่อยครับ
   
“เธอต้องการอะไร?”
   
ผมเหน็บยิ้มมุมปาก
   
“ผมต่างหากที่ต้องถามว่า.. คุณต้องการอะไร?”
   
สรรพนามเปลี่ยนไปตามสถานการณ์ และผมเองก็ไม่ใช่นักธุรกิจที่เก่งเรื่องเจรจาต่อรอง ผมเป็นแค่เด็กเมื่อวานซืนที่รอเวลาเหมาะสมมานาน.. นานจนแทบจะทนไม่ไหว
   
คำถามของผมทำให้อีกฝ่ายจดจ้องราวกับว่าเราไม่เคยรู้จักกันมาก่อน
   
“คุณกลัวผม.. หรือกลัวอดีตของตัวเองกันแน่?”
   
ในเมื่ออีกฝ่ายยังนิ่งผมจึงเลือกที่จะจี้ลงตรงจุด
   
“คุณเชื่อคำพูดที่ว่า.. ความลับไม่มีในโลก.. รึเปล่าครับ?”
   
“พูดออกมาตรงๆ”
   
“ใช่ครับ นั่นเป็นสิ่งที่ผมต้องการ”
   
ผมทำท่าผายมือ ‘เชิญพูดก่อนครับ’ ให้คนตรงหน้า ไม่ว่าจะยังไงผมก็ต้องรักษามารยาทโดยการให้เกียรติผู้ใหญ่ก่อนเสมอ
   
“ใครส่งเธอมา?”
   
หืม??? ผมมองอีกฝ่ายด้วยความรู้สึกผิดหวังเล็กน้อยกับคำถาม
   
“ลูกชายคุณไปรับผมที่บ้านตอนตีสามเพื่อมาร่วมเป็นหนึ่งในตัวละครของฉากที่คุณจัดขึ้น”
   
“อย่ามาเล่นลิ้นกับฉัน”
   
น้ำเสียงกดต่ำแบบนี้แสดงให้รู้ว่าไม่พอใจคำตอบของผมเป็นอย่างมาก ก็แล้วไงล่ะ? ผมหัวเราะขำ
   
“การที่คุณให้คุณวิชิตไปตามสืบเรื่องของผมอยู่หลายต่อหลายเดือน คุณยังไม่ได้คำตอบอีกเหรอครับ?”
   
“ไอ้วิชิตมันขี้ขลาด”
   
“คุณต่างหากที่ขี้ขลาด”
   
“แก!”
   
ในที่สุดหน้ากากที่สวมไว้ก็หลุดออกเสียที ผมยกยิ้มด้วยความพอใจแล้วจ้องมองคนตรงหน้า
   
“คุณต้องการจะให้ผมตอบว่า ‘คุณรดาส่งผมมาครับ’ แบบนี้ใช่มั๊ย? ”
   
เจอคำถามตรงจุดเข้าไป ดวงตาคู่เล็กถึงกับเบิกกว้าง มือหนากำแน่นราวกับว่าเคืองแค้นผมมาหลายสิบชาติ
   
“รดาอยู่ไหน? มันส่งแกมาแก้แค้นฉันใช่มั๊ย?”
   
“ถ้าใช่ล่ะครับ?”
   
ดวงตาคู่เล็กโกรธจนแดงก่ำ ร่างใหญ่สั่นเทิ้มเล็กน้อยเพราะกำลังควบคุมสติของตัวเอง ผมถอนหายใจออกมาเบาๆ อย่างเบื่อหน่ายก่อนจะเอนหลังพิงพนักโซฟา ยกมือกอดอกและยกขาขึ้นไขว่ห้าง ทำเหมือนว่าไม่ได้สนใจใดๆ ทว่าทุกอิริยาบถของฝ่ายตรงข้ามอยู่ในสายตาของผมตลอดเวลา รับรู้แม้กระทั่งมือใหญ่ที่ค่อยๆ ขยับไปด้านหลังเพื่อล้วงหยิบอะไรบางอย่างที่ซ่อนไว้ตรงบั้นเอว และมันก็เป็นจริงตามที่ผมคิดไว้ วัตถุสีดำถูกนำมาออกมาและจงใจจ่อปลายกระบอกมาตรงหน้าผม
   
“รดาอยู่ที่ไหน?”
   
“ที่แท้คุณก็กลัวคุณรดา”
   
ร่างใหญ่ขยับเข้ามาใกล้เพื่อข่มขู่ ทั้งๆ ที่อีกฝ่ายพร้อมจะลั่นไกได้ทุกเมื่อ แต่เชื่อมั๊ยครับว่าผมไม่รู้สึกกลัวสักนิด เพราะผมมั่นใจว่าตราบใดที่ยังไม่ได้คำตอบเรื่องคุณรดา คนตรงหน้าจะไม่มีทางจะฆ่าผมเด็ดขาด
   
“ถ้าผมบอกแล้วคุณจะไปตามหาเธอเหรอครับ?”
   
จ้องเข้าไปในดวงตาที่เต็มไปด้วยความโกรธขึ้งแต่ทว่าก็ยังแอบแฝงความหวาดกลัวไว้ไม่มิด
   
“พาฉันไปหารดา”
   
พาไปก็บ้าแล้วล่ะครับ
   
“คุณได้เจอเธอแน่”
   
เสียงหัวเราะ ‘หึ’ ดังขึ้นพร้อมรอยยิ้มเหน็บตรงมุมปาก
   
“ฉันคิดไว้ไม่มีผิดว่าแกต้องเป็นลูกชายของรดา”
   
“แล้วคุณไม่คิดว่าผมเป็นลูกชายของคุณบ้างเหรอครับ?”
   
คิ้วหนาขมวดเล็กน้อย เพียงเล็กน้อยเท่านั้น
   
“ลองคิดเล่นๆ ก็น่าสนุกดีนะครับ”
   
คำพูดของผมทำให้อีกฝ่ายมีท่าทีลังเลผสมกับความวิตกและหวาดกลัว
   
“รดาเล่าอะไรให้แกฟังบ้าง?”
   
ถ้าขืนคุณรดาเล่าให้ผมฟังจริงๆ ผมก็คงไม่ได้มานั่งอยู่ตรงนี้หรอก ผมอาจจะช็อคตายไปนานแล้วก็เป็นไปได้ ผมส่ายหน้าให้อีกฝ่าย
   
“เธอไม่ได้เล่าอะไรให้ผมฟังหรอก แต่ผมนี่แหละมีเรื่องจะเล่าให้คุณฟัง”
   
จังหวะที่อีกฝ่ายเผลอให้สติดำดิ่งไปกับความรู้สึกขุ่นมัวที่แอบซ่อนอยู่ในจิตใจ ผมจึงใช้ความไวจากวิชาป้องกันตัวสับข้อมืออีกฝ่ายจนปืนหล่นลงพื้น จากนั้นก็ใช้เท้าเตะกระบอกปืนลูกโม่ .38 ให้หลุบหายไปใต้ชั้นวางของ ผู้ใหญ่ตรงหน้าลนลานและเกรี้ยวกราดเหมือนคนสติหลุด และก่อนที่ฝ่ายตรงข้ามจะได้คว้าเอาแจกันบนโต๊ะขึ้นเพื่อหวังจะฟาดผมให้จอด ผมก็ใช้ปืนขนาดจิ๋ว Ruger Lcp .380 จ่อกลางหน้าผากของอีกฝ่ายไว้อย่างไว
   
แจกันในมือหนาหลุดร่วงลงบนพื้นพรม เหงื่อเม็ดเล็กชื้นเต็มหน้าผาก ดวงตาคู่เล็กที่จ้องมองผมราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ
   
“อยากฟังเรื่องเล่าของผมมั๊ยครับ.. คุณอาดิษฐ์?”
   
เงียบ... ร่างใหญ่ไม่ไหวติง จะมีเพียงแค่ดวงตาเท่านั้นที่ตอบคำถามของผมได้อย่างชัดเจน
   
“เมื่อยี่สิบกว่าปีที่แล้ว มีเด็กสาวสามคนชื่อ เติมขวัญ วิริยา และรดา.. ทั้งสามเป็นเพื่อนรักกันมาก จนกระทั่งวันหนึ่งเด็กหนุ่มชื่อดิษฐ์.. ได้ปรากฏตัวขึ้น”

ผมส่งยิ้มให้อีกฝ่าย ทว่าสิ่งที่ได้รับกลับมาเป็นสายตาที่น่ากลัวและในเวลาเดียวกันเสียงลมหายใจที่ติดขัดก็ทำให้รู้สึกสงสารอยู่ไม่น้อย ผมขยับปลายประบอกปืนจากกลางหน้าผากเลื่อนลงมาหยุดที่ปลายจมูก
   
“ดิษฐ์.. เป็นเด็กหนุ่มนักเรียนนอก รูปร่าง หน้าตา ฐานะ การศึกษาเพียบพร้อม.. และด้วยความที่ดิษฐ์เป็นเพื่อนสมัยเด็กของเติมขวัญ จึงทำให้เขาได้รู้จักกับวิริยา และรดา..”
   
ท่าทางว่าเรื่องเล่าของผมจะทำให้อีกฝ่ายเครียดเพิ่มขึ้น ผมจึงระบายรอยยิ้มกว้างขึ้น
   
“รดาเป็นคนฉลาดเฉลียว อีกทั้งหน้าตายังสะสวยน่ารัก การที่ดิษฐ์แต่งงานกับรดา นอกจากผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายจะสนับสนุนแล้วก็ยังเป็นที่เชิดหน้าชูตาทางสังคมได้อีกด้วย.. ดิษฐ์แต่งงานกับรดา... และ... แอบลักลอบได้เสียกับวิริยา ซึ่งตอนนั้นวิริยาก็มีคนรักอยู่แล้ว..”

ปลายกระบอกปืนถูกเลื่อนอีกครั้ง ผมลดระดับให้มันอยู่ตรงหน้าอกด้านซ้ายแบบพอดิบพอดี
   
“หลังจากที่เจ้าสัวยางยกบริษัทให้ลูกชายคนเดียวบริหารงานอย่างเต็มตัวได้ไม่นาน ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของท่านก็ได้บริหารงานผิดพลาดกอร์ปกับเป็นช่วงเศรษฐกิจตกต่ำ ด้วยกลัวว่าจะทำให้บุพการีผิดหวัง เขาจึงเข้าพึ่งอำนาจทางการเมืองและผู้มีอิทธิพลด้านมืดเพื่อช่วยกู้สถานการณ์ของบริษัท.. และมันก็สำเร็จ.. คุณคิดว่าความสำเร็จที่น่าภาคภูมิใจของเขาแลกมาด้วยอะไรเหรอครับ?”

ท่าทางว่าตอนนี้ขากรรไกรของอีกฝ่ายจะแข็งเกินไป ผมจึงช่วยตอบแทน
   
“ความสำเร็จที่น่าภาคภูมิใจของเขาแลกมาด้วยการขายภรรยาคนสวยที่เขาบอกใครต่อใครว่ารักเธอมากมายให้นักการเมืองบ้ากาม.. เมื่อพวกนั้นเบื่อก็ส่งเธอไปซ่อง.. อิทธิพลน้ำเงินของคนพวกนี้ทำให้เขาไม่ต้องกลัวว่าใครจะตามตัวเธอเจอไม่ต้องกังวลว่าจะมีใครสาวถึงต้นตอ.. เธอหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย ส่วนสามีของเธอก็แค่เล่นละครว่าตรอมใจจนล้มป่วย จำอะไรไม่ได้ แต่งงานใหม่ และใช้ชีวิตต่อไปอย่างมีความสุข ในขณะที่ชีวิตผู้หญิงคนหนึ่งยิ่งกว่าตกนรก มีชีวิตอยู่เหมือนตายทั้งเป็น.. แต่มันก็คุ้มค่าเมื่อเทียบกับผลตอบแทนและความสำเร็จที่เขาได้รับมา.. คุณคิดว่ามันจริงมั๊ยครับ?”
   
จงใจกดปลายกระบอกปืนลงไปตรงตำแหน่งของหัวใจเพื่อเร่งคำตอบ ร่างใหญ่เกร็งตัวจนดูน่าขำ
   
“ก.. แก.. รดาส่งแกมาแก้แค้นฉันใช่มั๊ย?”
   
“ตอบไม่ตรงคำถาม”
   
รอยยิ้มบนใบหน้าของผมหายไป เหงื่อของอีกฝ่ายหยดลงบนกระบอกปืน
   
“ผมจะบอกคุณตามตรงก็ได้ว่าคุณรดาคือผู้ให้กำเนิดผม ส่วนพ่อของผมเป็นใครผมเองก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่ก็คงจะเป็นน้ำเชื้อจากพวกสำส่อนนั่นแหละนะ”
   
ดวงตาคู่เล็กสั่นระริกด้วยความหวาดกลัวมากเสียกว่ารู้สึกสำนึกผิดเสียอีก
   
“นอกจากความสัมพันธ์กันทางสายเลือดแล้ว.. ระหว่างคุณรดากับผมก็แทบจะไม่มีความผูกพันใดๆ ต่อกัน เพราะว่าตอนที่คุณหมอช่วยผมออกมาจากท้องของเธอ สภาพของเธอน่าเวทนามาก โดนทำร้ายจนเสียสติ เธอจำไม่ได้แม้กระทั่งว่าตัวเองเป็นใคร และไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามีผมอยู่ในท้อง  แต่เด็กที่น่าจะตายในท้องแม่ตั้งแต่สามเดือนแรกอย่างผมทำไมถึงได้รอดชีวิตมายืนอยู่หน้าคุณอย่างทุกวันนี้.. คนไทยเรียกเด็กพวกนี้ว่าอะไรนะ?.. เด็กหัวหิน? หัวแข็ง? หัวขน?”
   
อ่า.. เรื่องสำนวนสุภาษิตไทยนี่ผมไม่ถนัดเอาเสียเลย


v
v
v
v
v
v
v
v

มีต่อด้านล่างนะคะ

ออฟไลน์ RIRIN

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 250
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +492/-2
จู่ๆ แรงสั่นจากโทรศัพท์มือถือของอีกฝ่ายก็ดัง ‘ครืดๆ’ ขึ้นมาขัดจังหวะเสียก่อน ผมยกยิ้มมุมปากเล็กๆ ก่อนจะเลื่อนกระบอกปืนกลับไปอยู่ตรงกลางหน้าผาก จากนั้นก็แบมือขอเครื่องมือสื่อสารจากคนตรงหน้า มือใหญ่จึงรีบล้วงหยิบมันออกมาจากกระเป๋ากางเกงแล้ววางลงบนมือผม หน้าจอสว่างวาบโชว์ชื่อ ‘คุณวิริยา’
   
ผมชำเลืองมองใบหน้าสีซีดก่อนจะกดปุ่มรับสายแล้วเปิดโหมดสปีคเกอร์โฟน
   
[คุณอยู่ไหนคะเนี่ย?]
   
ส่งสายตาให้อีกฝ่ายตอบโต้กลับไป
   
“ย.. อยู่บนห้อง”
   
[ห้องไหนคะ?]
   
“สามเจ็ดศูนย์สี่”
   
[แล้วไปทำอะไรบนนั้นคะ รู้รึเปล่าว่าหนูฮันนี่ไม่ได้หายตัวไปไหนหรอกค่ะแต่คงจะโดนมอมเหล้า นี่เมาไม่รู้เรื่องไม่ได้สติเลยนะคะ]
   
เจ้าของโทรศัพท์มือถือเหลือบตามองผมเล็กน้อย
   
“อืม”
   
[อืมๆ อะไรของคุณกันเล่า? ไหนบอกอยากได้หนูฮันนี่เป็นลูกสะใภ้ไงละคะ แล้วจะทำยังไงต่อคะเนี่ย นี่ฉันอุตส่าห์ขัดใจตากองทัพให้คุณสารพัดเรื่องจนลูกเกลียดฉันแล้วเนี่ย คุณช่วยจัดการอะไรสักอย่างสิคะ]
   
แม้คำพูดจะดูเหมือนประชดประชันแต่ผมก็ฟังออกว่าคุณนายวิริยากำลังน้อยใจสามี และมันก็ยิ่งทำให้ผมรู้สึกสงสารเธอมากขึ้นไปอีก
   
[แล้วนี่ตานายไปไหนก็ไม่รู้ คุณใช้ให้ตานายไปทำอะไรรึเปล่า? ฉะ..]
   
สายโดนตัดไปก่อนที่คุณนายวิริยาจะพูดจบประโยค จากนั้นเจ้าของเครื่องมือสื่อสารก็เขวี้ยงมันลงบนโซฟา ผมเลิกคิ้วมองคนตรงหน้า
   
“ต้องการอะไรก็รีบพูดมา”
   
“นี่คุณกลัวว่าผมจะรู้เรื่องครอบครัวของคุณขนาดนั้น?”
   
คำตอบคือความเงียบ.. ผมหัวเราะขำ

“ผมจะไม่ยุ่งเรื่องครอบครัวของคุณ.. ไว้ให้พวกคุณเคลียร์กันเองจะดีกว่า แต่เรื่องที่คุณมายุ่งกับครอบครัวของผม ผมคงปล่อยไว้ไม่ได้”

หมดเวลาเล่นถามตอบแล้วล่ะครับ หน้ากากที่อีกฝ่ายใส่มาตลอดยี่สิบกว่าปีจะถูกถอดออกด้วยมือของผมนี่แหละ
   
“เพราะเรื่องของคุณรดาและความระแวงในตัวผม.. ยี่สิบกว่าปีที่ผ่านมาคุณจึงคอยจับตาคุณพ่อคุณแม่ของผมมาตลอด แต่ก็ไม่มีข้อมูลใดๆ เล็ดลอดออกมา จนผมคบกับกองทัพ คุณแกล้งทำเป็นยินดีเพราะหวังว่าจะเข้าใกล้ตัวผมได้มากขึ้น ถูกชะตากับผมตั้งแต่เด็กอย่างนั้นเหรอ? เอ็นดูผมมากงั้นเหรอ?”
   
แม้ริมฝีปากของผมจะวาดรอยยิ้ม แต่ดวงตาที่จ้องมองอีกฝ่ายไม่ได้ยิ้มเลยสักนิด
     
“ยี่สิบกว่าปีที่หวาดระแวงว่าคุณรดาจะกลับมาแก้แค้นมันทำให้คุณทรมานมากใช่มั๊ย? รอแล้วรออีก ทำทุกวิถีทางคุณรดาก็ไม่ปรากฏตัว คุณจึงใช้ไม้ตายสุดท้าย ยอมผิดใจกับเจ้าสัวยางและคุณนายจู สร้างหลักฐานเท็จกล่าวหาและใส่ร้ายว่าคุณพ่อของผมยักยอกเงินของบริษัท.. ยึดบ้าน ยึดมูลนิธิ ดึงคุณฮันนี่เข้ามาสร้างเรื่องเพื่อให้ผมกับกองทัพเลิกรากัน ทั้งหมดเพื่อเหตุผลเดียวก็คือต้องการจะบีบให้คุณรดาปรากฏตัว..”
   
ดวงตาคู่เล็กจ้องมองผมแน่นิ่ง คงไม่คิดสินะว่าผมจะรู้เรื่องทุกอย่างดีขนาดนี้ อันที่จริงผมเองก็ไม่ได้อยากจะรู้เรื่องราวทั้งหมดหรอกครับ ผมไม่ชอบที่จะรื้อฟื้นอดีตของใครและก็ไม่ชอบที่จะให้ใครมาวุ่นวายกับอดีตของผม ที่สำคัญที่สุดก็คือไม่ว่าใครหน้าไหนก็ไม่มีสิทธิมาแตะต้องครอบครัวของผมทั้งนั้น ดังนั้นประเด็นหลักที่ผมจะจัดการในวันนี้ไม่เกี่ยวกับคุณรดาหรือครอบครัวเกียรติไพศาลกิจเลยสักนิด
   
“สิ่งที่คุณทำกับคุณรดามันทำให้ผมรู้สึกเศร้าและหดหู่ใจมากก็จริงแต่มันไม่ได้มากพอที่จะทำให้ผมเจ็บปวด เพราะผมคือเต็มใจ ฉัตรรักษ์บริบูรณ์ ผมรักครอบครัวของผมมาก พวกเขามอบชีวิตให้ผม เขาปกป้องผมด้วยความรัก เขารักผมด้วยความเต็มใจ... หากมีใครคิดจะทำลายครอบครัวของผม คุณคิดว่าผมจะทนอยู่เฉยๆ ได้เหรอ?”
   
จบประโยคผมใช้เท้าถีบเข้าตรงข้อพับเข่าจนอีกฝ่ายล้มลงนั่งในท่าคุกเข่า ผมใช้วัตถุสีดำขนาดเล็กแต่อานุภาพสามารถปลิดชีพได้ในเสี้ยววินาทีจ่อลงตรงกลางศีรษะ และค่อยๆ โน้มตัวลงกระซิบให้ร่างที่สั่นงันงกฟัง
   
“คุณรดาเธอจากโลกนี้ไปนานแล้ว ถ้าคุณอยากจะเจอกับเธอผมก็จะอนุเคราะห์ให้”
   
“ฉ.. ฉันเป็นพ่อของคนที่แกรัก ถ้าแกฆ่าฉัน กองทัพต้องเกลียดแกแน่ๆ”
   
“อ่า.. นั่นสินะ”
   
ผมเอียงคอแล้วอมยิ้มให้อีกฝ่าย ไม่ใช่ว่าไม่คิดถึงเรื่องนี้ แต่คิดมาดีแล้วต่างหาก ผมล้วงหยิบผ้าเช็ดหน้าตรงกระเป๋าเสื้อออกมาซับเหงื่อให้ผู้ใหญ่ตรงหน้า แต่เจ้าตัวกลับกลัวผมจนเกร็งไปทั้งตัว
   
“ถ้าอย่างนั้น.. ผมไม่ฆ่าคุณเองดีกว่า”
   
บอกอีกฝ่าย แล้วลุกขึ้นยืน เหลือบมองนาฬิกาบนข้อมือเล็กน้อยก่อนจะเริ่มนับถอยหลังในใจ... เมื่อถึง 0 บานประตูห้องก็เปิดออก ปรากฏร่างชายหนุ่มสูงใหญ่ ผิวขาว ผมเผ้ายุ่งเหยิง เสื้อผ้ายับยู่ และมีคราบสีแดงเข้มเปรอะเปื้อนเต็มไปหมด ปกติเจ้าตัวเป็นคนที่มีรอยยิ้มประดับอยู่บนใบหน้าตลอดเวลา ยามยิ้มดวงตาที่บ่งบอกว่ามีเชื้อสายจีนก็จะหยีเล็กช่วยส่งเสริมให้บุคลิกดูอ่อนโยนและเข้าถึงได้ง่าย ทว่าเวลานี้ใบหน้าและดวงตาได้แสดงอารมณ์โกรธ เศร้า เสียใจ และสิ้นหวัง ออกมาอย่างชัดเจน เรียวขายาวย่างสามขุมช้าๆ เดินเข้ามาภายในห้อง ในมือข้างขวาถือวัตถุสีดำที่เรียกว่า ‘ปืน’
   
“น.. นายพล..”
   
“ใช่.. ผมนายพล เกียรติไพศาลกิจ ยังไงล่ะ”
   
พ่อลูกจ้องตากันแทบไม่กระพริบ.. บอกแล้วไงครับว่าผมเป็นประเภทไม่ชอบยุ่งเรื่องครอบครัวของคนอื่น.. ผมค่อยๆ ถอยห่างออกมายืนรอเวลา
   
“ตกใจเหรอครับที่ยังเห็นผมมีชีวิตอยู่?”
   
“ฉ ฉันจะคิดอย่างนั้นได้ยังไง ก แกเป็นลูกชายของฉัน”
   
“ลูกชาย?”
   
เสียงหัวเราะถูกระเบิดออกมาราวกับคนคลุ้มคลั่ง
   
“มึงอย่ามาตอแหลอีกเลย.. กูไม่โง่เชื่อมึงอีกแล้ว”
   
“ฉัน ล เลี้ยงแกมาอย่างสุขสบายตั้งแต่เด็ก”
   
“สุขสบาย?”
   
ใบหน้าหล่อเหลาสไตล์เกาหลีเหน็บยิ้มมุมปาก

“คนอย่างมึงรู้จักมอบความสุขให้คนอื่นด้วยเหรอ?”
   
วัตถุสีดำที่อยู่ในมือขวาถูกยกขึ้นช้าๆ โดยชี้ปลายกระบอกเล็งไปที่ผู้ใหญ่ที่นั่งหน้าซีดตัวสั่นเหงื่อแตกพลั่กอยู่บนพื้นพรม
   
“กูบอกมึงแล้วใช่มั๊ย? ขอแค่อย่าทำร้ายแม่กับคนรักของกู กูก็จะยอมทำตามที่มึงสั่งทุกอย่าง!”
   
“ม แม่ของแกก็ยังอยู่สบายดีนี่นา”
   
เสียงหัวเราะ ‘หึ’ ดังขึ้น น้ำตาหยดหนึ่งไหลลงจากดวงตาบวมช้ำ
   
“ณดลตายแล้ว.. คนรักของกูตายแล้ว.. เขาตายแทนกู!!”
ความเจ็บปวดที่แสดงออกมาอย่างเปิดเผยทำให้ผมต้องหลบสายตาไปอีกทาง พร้อมกับเริ่มนับถอยหลังอีกรอบ...
   
“ว๊ายยยยย นี่มันอะไรกัน?! นายพลลู๊ก!”
   
เสียงหวีดร้องของผู้หญิงคนหนึ่งดังขึ้นจนแสบแก้วหู คุณนายวิริยาเบิกตากว้างตกใจอย่างสุดขีดกับเหตุการณ์ตรงหน้า และด้านหลังของเธอมีใครอีกคนที่ยืนตกตะลึงกับเหตุการณ์อยู่ด้วยเช่นกัน แต่ท่าทางเจ้าตัวจะตั้งสติได้ไวกว่า ดวงตาคู่คมหันมาทางผม คิ้วเข้มเลิกสูงก่อนจะขมวดแน่น เราสบตากันนิ่งๆ ไม่มีรอยยิ้ม ไม่มีคำพูด ผมดึงสายตากลับแล้วเก็บปืนพกกลับเข้ากระเป๋าลับในเสื้อสูท และจัดระเบียบเสื้อผ้าให้เรียบร้อย
   
“ไอ้เหี้ยนี่มันจะฆ่าผมครับคุณแม่!”
   
อารมณ์ที่เก็บกักไว้ถูกปลดปล่อยออกมาทางน้ำเสียง คนเป็นแม่ส่ายหน้าช้าๆ ใบหน้าซีดเผือดมองหน้าลูกชายสลับกับสามีไปมา
   
“มันหลอกใช้คุณแม่กับผม เมื่อหมดประโยชน์มันก็ส่งคนมาดักทำร้ายผม แต่โชคร้าย ณดลรับเคราะห์ทั้งหมดไว้..”
   
ปลายประโยคของคนพูดอ่อนเสียงลงราวกับว่าจะขาดใจ

“คุณแม่ยังโชคดีกว่าคุณรดานะครับ เพราะคุณรดาเธอทุกข์ทรมานมีชีวิตเหมือนตายทั้งเป็น มันนี่แหละที่เป็นสาเหตุทำให้คุณรดาหายตัวไป! มันส่งคุณรดาไปค้าประเวณี มันไม่ได้ป่วย ไม่ได้ความจำเสื่อมเหี้ยอะไรทั้งนั้น! มันแค่แสดงละครเพื่อตัวมันเอง!!”
   
ผู้หญิงคนเดียวในเหตุการณ์เข่าอ่อนลงทันที แต่โชคดีที่ลูกชายคนเล็กของเธอช่วยประคองไว้ได้ทัน เธอหันไปมองหน้าสามี ริมฝีปากที่เคลือบลิปสติกสีสวยขยับเหมือนจะพูดอะไรสักอย่าง แต่สุดท้ายก็ไม่มีเสียงเล็ดลอดออกมา จะมีก็เพียงแต่หยาดน้ำและสายตาที่ยังคงรอคอยให้คนที่เธอรักเอ่ยปฏิเสธว่าเรื่องทั้งหมดมันไม่ใช่เรื่องจริง ทว่าคนเป็นสามีแทบจะมองไม่เห็นความเจ็บปวดของเธอเลยสักนิด ฝ่ายนั้นสนใจแต่ชีวิตของตัวเอง ขยับตัวถดหนีเพื่อหาที่กำบัง ไม่หลงเหลือภาพความเป็นผู้นำและความอ่อนโยนในแบบที่ใครต่อใครคุ้นชิน
   
ไอโฟนในกระเป๋าของผมสั่นเตือน ผมก้มมองนาฬิกาก่อนจะมองแผ่นหลังกว้างที่ประคองกอดคนเป็นแม่ ทั้งๆ ที่อยู่ห่างกันแค่ไม่กี่ก้าวแต่ผมกลับรู้สึกราวกับว่าเราห่างไกลกันเหลือเกิน เมื่อชั่วโมงที่แล้วเรายังยิ้มและเดินจับมือกัน ทว่าในเวลานี้ผมมองเห็นความว่างเปล่าที่ก่อตัวขึ้นพร้อมกำแพงของความรู้สึกที่ยากจะอธิบาย ผมได้แต่ยิ้มให้กับตัวเอง แล้วเลี่ยงเดินออกมาจากห้องโดยไม่คิดจะหันกลับไปมอง
   
น้าปองรอผมอยู่หน้าห้อง ผมจัดเสื้อสูทของตัวเองอีกครั้ง และขณะที่ก้าวเดินนำน้าปองไปทางบันไดหนีไฟ ท่ามกลางความเงียบได้ยินเสียงตะคอกตอบโต้กันอย่างชัดเจน และก่อนที่ผมจะเลี้ยวเข้าประตูบันไดหนีไฟ เสียงของใครคนหนึ่งก็ดังขึ้น ‘คิดจะกำจัดกูอย่างนั้นเหรอ?’ ก็ ถัดมาเป็นเสียงทุ้มต่ำ ‘พี่นาย ใจเย็นๆ ก่อนนะครับ’ และหลังจากนั้นก็ เป็นเสียงดัง ‘ปัง!’ หัวใจของผมแทบจะหยุดเต้นแต่ทว่าสองขากลับรีบก้าวลงชั้นล่างอย่างรวดเร็ว..

ผมกับน้าปองใช้บันไดหนีไฟลงมาถึงชั้นที่ 34 แล้วต่อด้วยลิฟท์ลงชั้นล่าง ซึ่งระหว่างทางมีเส้นสายของน้าปองคอยอำนวยความสะดวกอยู่หลายจุด ภายในโรงแรมยังคงเป็นไปอย่างปกติ จนกระทั่งเสียงวิทยุของ รปภ. ที่ยืนดูแลอยู่ตรงลานจอดรถแจ้งว่า ‘เกิดเหตุที่ห้องสูทชั้นสามสิบเจ็ด ระบบวงจรปิดขัดข้อง ตรวจเช็คคนเข้าออกโรงแรมทุกทางด่วน!’ ผมหันเหลือบมองเด็กหนุ่มรุ่นราวคราวเดียวกันที่กำลังยืนฟังข้อความจากวิทยุสื่อสารด้วยท่าทางตื่นตกใจก่อนจะเปิดประตูเข้าไปนั่งตรงเบาะหลัง และสี่ล้อก็เคลื่อนตัวออกสู่ถนนใหญ่
   
“ณดลเป็นยังไงบ้าง?”
   
“บาดเจ็บสาหัส เสียเลือดมาก แต่ถึงมือหมอแล้วครับ”
   
พยักหน้ารับ

ณดลกับผม.. เราไม่ได้เกี่ยวข้องหรือเป็นญาติพี่น้องกันแต่อย่างใด เพียงแต่คุณแม่ของณดลรู้จักกับคุณยายของคุณรดา คุณแม่ของณดลจึงรู้จักมักคุ้นกับคุณรดามาตั้งแต่เด็ก และเมื่อรู้ว่าโกศของคุณรดาอยู่ที่วัดซึ่งไม่ไกลจากบ้าน เธอจึงแวะไปทำบุญให้คุณรดาอยู่บ่อยครั้งและเธอก็ให้ณดลเรียกคุณรดาว่าคุณอา คุณวิริยาเองก็เช่นกัน ใช่ว่าเธอจะมีความสุขกับชีวิตที่เป็นอยู่ ความรู้สึกผิดต่อคุณรดายังคงวนเวียนอยู่ใจจิตใจ ทุกครั้งที่มีเวลาว่างเธอจึงไปนั่งปรับทุกข์กับโกศของคุณรดาเสมอ ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องแปลกหากณดลจะเคยบังเอิญเจอคุณวิริยาที่วัด และพยายามผูกเรื่องราวต่างๆ มาก่อกวนผมเพียงเพราะอยากจะช่วยให้คุณวิชิตผู้เป็นลุงและเป็นลูกน้องของคุณอาดิษฐ์ทำงานได้สำเร็จเร็วขึ้น แต่สุดท้ายแล้วก็ไม่มีใครทำงานของคุณอาดิษฐ์ได้สำเร็จสักคน เพราะเป้าหมายของคุณอาดิษฐ์ได้จากโลกนี้ไปนานแล้ว

ผมเอนศีรษะพิงกรอบหน้าต่างแล้วหลับตาลงพยายามทิ้งเรื่องราวมากมายในความคิดให้มันเป็นเพียงละครชีวิตฉากหนึ่ง มีเริ่มเรื่องก็ต้องมีตอนจบและมันก็จบลงแล้ว แต่ภาพแผ่นหลังกว้างเมื่อครู่ยังคงชัดเจนเสียจนผมไม่อาจจะปิดเปลือกตาได้อีกต่อไป ผมมองออกไปด้านนอก ความวุ่นวายของผู้คนในเมืองหลวงชววนให้ปวดหัว ผมจึงเบนสายตากลับมามองเงาของน้าปองผ่านทางกระจกหน้ารถแทน

.
.
.
.
.
.



TBC...... : 222222:



อ่านจบแล้ว ใครรู้ตัวว่าตอบคำถามในท้ายเกมส์ของตอนที่ 32 ถูก
แสดงตัวกับรินทางเพจ https://www.facebook.com/RIRINandRiya/ ด้วยนะคะ  :katai2-1:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 09-11-2017 14:15:51 โดย RIRIN »

ออฟไลน์ MyLavenderLand

  • ฉันสุขใจ เมื่อได้ Log in เล้า
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1576
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-1
เราตอบผิด ....  :m8:  อารายเนี่ยยยยย พันกันเป็นไหมพรมแกนหลุดเลย  :serius2:  ยังไงต่อ?? / ท้ายตอน น้องเต็มใจยังสบตาน้าปองอยู่ ยังมีอะไรอีกคะลูก????  :z3:  /  สงสารเทมป์ ไม่รู้อะไรกับเขาเล้ยยยยย   :hao5:  /  ตามต่อติดๆค่าาาา

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
เล่นละครเก่งนะคุณดิษฐ์ หึ
ลองนึกดูว่าอะไรจะทำให้คนคนนี้เจ็บปวดที่สุด เรื่องต้องมีชีวิตอยู่อย่างโดดเดี่ยวคงไม่ใช่ เพราะเจ้าตัวไม่ได้รักใครเลย นอกจากตัวเอง แต่ถ้าจะให้ตายไปเลยก็ดูจะง่ายและเร็วเกินไป
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 09-11-2017 14:58:33 โดย sirin_chadada »

ออฟไลน์ เอมมี่

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 572
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-1
คิดไม่ถึงว่าคุณดิษฐ์จะร้ายได้ขนาดขายเมียตัวเอง
ทำร้ายลูกตัวเอง อะไรจะเชี่ยได้ขนาดนี้เนี่ย
แถมอิกองทัพจะงี่เง่าดราม่าอีกมั๊ยเนี่ย
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 09-11-2017 15:32:23 โดย เอมมี่ »

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26

ออฟไลน์ O-RA DUNGPRANG

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1760
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-5
 :sad3: :sad3: :sad3: :sad3: :sad3: เฮ่อลุ้นจนเหนื่อย แล้วกองทัพจะทำยังใงต่อไปละ :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ:

ออฟไลน์ imseries

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 176
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
เห้ย
เห้ย
เห้ย
ร้ายมากๆเลยนะเนี่ยะคุณอาดิษฐ์ สร้างสถานการณ์ได้แบบนะ แถมยืมมือคนอื่นได้อย่างหน้าตาเฉย นิสัยอะ
แย่จริงๆ สมควรจะโดนแล้วทำคนอื่นไว้เยอะ

ออฟไลน์ Supparang-k

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1908
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-3
โอ้ยยยยย...คือแบบเราก็แอบคิดนะว่าคนร้ายคือพ่อ แต่ไม่คิดว่าจะร้ายได้แนบเนียนขนาดนี้  งื้ออออ

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Tiffany

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1147
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-0
คุณดิษฐ์ร้ายได้แนบเนียนมาก

ออฟไลน์ o4u0n7

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 213
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
 :m16: ซ่อนเงื่อนจนเขว กลายเป็นว่าคนที่ร้ายที่สุดคือ คนพ่อ ไม่ใช่คนแม่ที่ยอมทำเพราะถูกบังคับทางอ้อม  :เฮ้อ:

ออฟไลน์ ่jum

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3704
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-4
ตอนที่แล้วเดาไว้ว่าเป็นครอบครัวกองทัพ ถึงจะเหวี่ยงแหไปหน่อยก็แต่ก็นะ คึคึ

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
โอ้โห...... ไรท์ สุดยอดดดด  :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หลอกซะ คนอ่าน หลงทางไปแถวตะเข็บชายแดน
ตามหาคุณรดา เกือบออกนอกพม่าไปอินเดียละ

แอบร้ายลึกคนเดียวมาตลอดนะ คุณดิษฐ์
นี่รักรดาแบบโคตรเชี่ย ขายเมียเพื่อปกปิดการบริหารบริษัทล้มเหลว
นอกใจ รดา เป็นชู้กับเพื่อนสนิทของรดา ทั้งที่เขาก็มีคนรักแล้ว
งั้นพี่นาย ก็ลูกคนรักคนแรกของวิริยาสินะ

แถมยังสร้างหลักฐานเท็จกล่าวหาและใส่ร้ายครอบครัวเต็ม
ว่ายักยอกเงินของบริษัท.. ยึดบ้าน ยึดมูลนิธิ
ดึงซอฮันนี่เข้ามาสร้างเรื่องเพื่อให้เต็มกับกองทัพเลิกรากัน
เพื่อบีบให้คุณรดาปรากฏตัว.. เลวชาติจริงๆ
แต่เทมป์ ก็ไมรู้อีกแหละ

วิริยาก็แปลก รักลูกจากผัวคนแรกมากกว่าลูกจากผัวคนที่สอง
ไม่เข้าใจนาง รู้สึกผิดกับเพื่อนสนิท รดา
แต่ทำไมมาจงเกลียดจงชังเต็ม งงงงงงงง
อ้อ.........เพราะเห็นหน้าเต็ม ที่เหมือนรดา
ทำให้ยิ่งรู้สึกผิดตลอด ถึงการลอบเป็นชู้กับผัวเพื่อนสินะ

ว่าและ เทมป์ ต้องออกมาในรูปนี้ ใสซื่อไม่ทันใครเหมือนเดิม
จะตามเต็มทันเมื่อเต็มไปนอกละมั้ง
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8893
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80

ออฟไลน์ PinkCaramel

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 149
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
ส่งปืนมาค่ะ จะเอามายิงนักเขียนค่ะ  :o12:

ออฟไลน์ jimmyjimmy

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1962
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +58/-17
ไอ้เราก้อคิดไปว่าเป็นคุณวิริยา... ที่แท้ สารเลวดิษฐ์

ออฟไลน์ crazydoii

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 858
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-1
สงสารแต่กองทัพนั่นแหละ,,,

ออฟไลน์ Yara

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2104
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-2
เทมป์น่าสงสารนะ แต่หวังว่าความรักที่มีให้เต็มจะทำให้เทมป์แยกแยะได้ว่า เรื่องนี้มันวุ่นวายเพราะใครและใครผิดนะ

ออฟไลน์ route rover

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2423
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +221/-7
ขอเดาอีกที น้องเต็มมองน้าปอง น้าปองเป็นพ่อรึป่าวคะ /เดาไปเรื่อย

สงสารเทมป์กะเต็ม

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ lovenadd

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 601
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-11
เป็นเรื่องที่อ่านแล้วอินที่สุดตอนนี้

ออฟไลน์ mooping-7

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2527
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +88/-5
เย่ๆตอบถูกกกกกด้วยอะ
รอดราม่าต่อ

ออฟไลน์ TheWanFah

  • ความใกล้ชิด บางครั้ง ทำให้เราเผลอคิดไปเอง
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +29/-1
คนเขียนสุดยอดมาก
ลุ้นตามตลอดเรื่อง
ใครเป็นคนที่โดนยิงกันนะ

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
สงสารวิริยา โดนด่าตั้งแต่ต้น  แล้วแฟนเก่าของวิริยาเป็นใคร อยู่ไหน สุดท้ายหวังว่าคงไม่ใช่วิริยานะเป็นโดนยิง  :dont2:

ออฟไลน์ badbadsumaru

  • ♡ caramel macchiato
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2458
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +91/-2
โอ้โหหหหห พลิกล็อคกันน่าดูถล่มทลาย
พีคมาก พีคกว่านี้มีอีกไหม ลุ้นแทบแย่เลยค่า
หวังว่ากองทัพจะเข้าใจ
สงสารคุณปู่คุณย่าจัง เชื่อใจลูกชายมาตลอด

ออฟไลน์ mystery Y

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7677
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +585/-12
คนร้ายตัวจริง!! 0_0

ออฟไลน์ มะปรางเปรี้ยว

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 340
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-2
ตอบผิด!!!!



แต่ไม่สะเทือนใจเท่าความจริง เดาทางผิดมาตลอด นี่หลงออกนอกประเทศไปไกลเลยค่ะ  o22
สุดยอดมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก
ไม่รู้จะบรรยายยังไง แต่แบบ อืมมมมมมมมม  o13

สงสารกองทัพจริงๆ นะตอนนี้  :o12:

ออฟไลน์ Unnie

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 177
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
หวีดสุดเสียงงงงงงงงงงงงงงงงงงง นี่มันอะไรก๊านนนนนนนนนนนนน  :a5:

ออฟไลน์ r.saranya

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 113
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
 :a5: :a5: :a5: :a5: o22

ไม่รู้จะพูดว่าอะไรดี มันพีคของพีค
มันสะเทือนใจ
หลงกลนักเขียนจนได้ 3 เรื่องที่ผ่านมาไม่เคยเดาถูกทางเลย เราเสียจายยยยยยยยยยยยยย  :m15:

ออฟไลน์ simpleyaoi

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 137
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
 o22 o22 o22 :a5: o22 o22 o22


 :m15: คุณรินใจร้ายยยยยยยยยยยยย

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด