█ ▌รักเต็มใจ ❤➽ Heart Is Full ▌█ ┠ 37 The End ┨ (2017.11.11) P.36
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: █ ▌รักเต็มใจ ❤➽ Heart Is Full ▌█ ┠ 37 The End ┨ (2017.11.11) P.36  (อ่าน 232132 ครั้ง)

ออฟไลน์ RiyaKwon

  • Riya Kwon*Kwon Riya
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1021
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-1
ฮืออออออ คลี่คลายปมชวนปวดหัวหมดแล้ว
เหลือแต่พระนายปรับความเข้าใจกัน

ตอนหน้าขอหวาน มัน เผ็ด นะคะ ขมๆ ไม่เอาแล้ว

หวังว่าจะมีตอนพิเศษพี่นายน้องดลด้วย อิอิ อยากอ่านคู่นี้มากเลย

ปล.นี่ไปโหวตคุณหญิงวิริยา เป็นนางร้ายแห่งปีมา นี่ต้องไปเปลี่ยนไหม คุณวิริยา น่าสงสาร ฮืออออออ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 11-11-2017 10:38:10 โดย RiyaKwon »

ออฟไลน์ RiyaKwon

  • Riya Kwon*Kwon Riya
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1021
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-1
เออใช่ ว่าแต่เรื่องนี้มีรวมเล่มไหมคะ
รอสนับสนุนนะคะ
จะเอาไปเข้าชุดกับน้องไอ น้องจันทร์ 5555

ออฟไลน์ มะปรางเปรี้ยว

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 340
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-2
หน่วงกว่านี้มีอีกมั๊ย  :m15: กองทัพต้องเข็มแข็งขนาดไหนเนี่ย  :monkeysad:

ออฟไลน์ Tiffany

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1147
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-0
คนเขียนจ๋า จบแบบนี้ไม่ได้นะ จะเฝ้ารอตอนต่อไป

ออฟไลน์ เด็กดอยดาว

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
ตอนหน้าจะจบแล้วเหรออออออออออไม่น๊าาาาาาาาา  :katai1:

ออฟไลน์ coolmaoil

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 46
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
อ๊ายยยย ฉันเดาถูกด้วย :katai2-1:

ออฟไลน์ Wrwrwr

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 163
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
ตอนหน้าจะจบ ขอหว่นๆๆนะคะ ไม่เอาแล้วนะแบบดราม่า.... แต่ๆๆๆ ยังไงก็จบแฮปปี้นี่หว่า

ออฟไลน์ MyLavenderLand

  • ฉันสุขใจ เมื่อได้ Log in เล้า
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1576
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-1
ถอนหายใจแรงๆสัก 3 ทีค่ะ แล้วทิ้งทุกเรื่องราวให้จบไปพร้อมคนที่เสียชีวิตไปแล้วเดินหน้าต่อไป เข็มแข็งนะเทมป์  /  ตอนแรกสารภาพสงสารเทมป์หนักกว่านี้อีก นึกว่าพี่นายพลก็ไม่รอด ชีวิตจะอยู่ต่อไปยังไงวะ พริบตาเดียวครอบครัวตายไปต่อหน้าทั้ง 3 คน  /  ขอบคุณ Ririn ที่ยังเมตตา   :hao5:

ออฟไลน์ badbadsumaru

  • ♡ caramel macchiato
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2458
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +91/-2
เรื่องนี้คาดไม่ถึงหลายอย่างมาก
เขียนดีมากๆเลยค่ะ

ออฟไลน์ RIRIN

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 250
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +492/-2
█ ▌รักเต็มใจ ➽ HEART IS FULL ▌█





┠ 37 ┨
The End








ท่ามกลางสายฝนที่กระหน่ำผมโดนฉุดกระชากลากออกมาที่รถจนเปียกโชกไปทั้งตัว แถมขาข้างขวายังโดนของแข็งตรงมุมโต๊ะซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นหัวตะปูข่วนเอาจนได้แผล เมื่อขึ้นมาบนรถอีกฝ่ายยังจงใจเร่งแอร์ให้แรงขึ้นเพราะรู้ว่าผมใส่แค่เสื้อยืดบางๆ เท่านั้น แต่เรื่องแค่นี้ผมทนได้ครับ เจ็บทางกายเรื่องเล็กน้อยแต่เจ็บที่ใจนี่สิผมเองก็ยังไม่รู้ว่าจะหาทางออกยังไงดี

ไม่รู้ว่าปลายทางที่อีกฝ่ายจะพาไปคือที่ไหนแต่ผมเดาว่าคงจะเป็นทะเลใกล้ๆ กรุงเทพ ระหว่างทางผมชวนอีกฝ่ายคุยไปหลายประโยคแต่คำตอบที่ได้รับกลับมาคือความเงียบ ผมจึงเลิกที่จะเซ้าซี้แล้วนั่งเงียบๆ ผมรู้ตัวว่าสาเหตุเกิดจากอะไร ผมอยากจะบอกเจ้าตัวว่าขอโทษเป็นร้อยเป็นล้านครั้งแต่ก็คงจะไม่มีประโยชน์ ถ้าผมย้อนเวลาไปได้ผมจะวางแผนควบคุมสถานการณ์ให้ดีไม่ให้เหตุการณ์ต้องลุกลามจนถึงขั้นนี้เด็ดขาด

ออกจากเขตเมืองหลวงฝนก็เริ่มขาดเม็ด เจ้าของรถแวะจอดเติมน้ำมันที่ปั๊มแห่งหนึ่งพร้อมกับลงไปซื้อของในร้านสะดวกซื้อ ตอนแรกผมตั้งท่าจะลงไปด้วยแต่สายตาคู่คมที่เหลือบมองมาทำให้ผมรู้ว่าผมจะต้องนั่งรออยู่ในรถเท่านั้น ถ้าเป็นเมื่อก่อนผมคงจะเดินลงไปโดยแกล้งทำเป็นไม่สนใจอีกฝ่าย แต่ในเวลานี้ผมเลือกที่จะทำตามอย่างว่าง่าย และเมื่อในรถเหลือแค่ผมเพียงคนเดียว ผมจึงยกขาข้างขวาที่รู้สึกเจ็บของตัวเองขึ้นมาดู แผลเป็นรอยลึกจนเห็นเนื้อสีขาวแถมลากยาวเกือบคืบ ผมได้แต่นึกตำหนิตัวเองว่าวันนี้ไม่น่าใส่เสื้อยืดบางๆ กับกางเกงขาเต่อเลย แม้เลือดแห้งไปบ้างแล้วแต่ถ้าหากปล่อยไว้อาจอักเสบหรือเกิดการติดเชื้อได้ 

หันมองหาผ้าสะอาดๆ ในรถหวังจะเอามาปิดแผลไว้ก่อนแต่ก็ไม่มีสักผืน ผมจึงใช้ทิชชูซับรอบแผลไปพลางก่อน ไว้ถึงปลายทางค่อยขออุปกรณ์ทำความสะอาดแผลจากทางโรงแรมเอาละกัน ยังไงซะแผลแค่นี้ก็ยังน้อยกว่าความเจ็บปวดที่ผมได้ก่อไว้กับคนที่ตัวเองรัก ไม่ว่าจะตั้งใจหรือไม่ตั้งใจก็ตามเมื่อมันพลาดไปแล้วสิ่งที่ดีที่สุดก็คือต้องยอมรับผิดและยอมรับในผลการกระทำของตัวเอง..

ย้อนกลับไปผมยังจำได้ดี เมื่อกลับถึงบ้านภาพของคุณพ่อที่ยืนกอดอกรอผมอยู่หน้าบ้านนั้นสะท้อนให้เห็นถึงความเป็นห่วงมากเพียงใด ประโยคที่คุณพ่อบอกกับผมเมื่อเจอหน้าก็คือ ‘ลูกพลาดแล้วล่ะน้องเต็ม’ เมื่อได้ยินประโยคนั้นหัวใจของผมสั่นวูบแทบจะทันที ยิ่งเมื่อได้รู้ว่าสิ่งที่ตัวเองผิดทำพลาดไปคืออะไรร่างกายก็พลันเหมือนจะอ่อนแรง ‘คุณอาดิษฐ์กับภรรยาเสียชีวิต.. พรุ่งนี้เตรียมตัวไปงานศพและอโหสิกรรมให้พวกท่านเสียด้วย’ คุณพ่อบอกผมไว้แค่นั้นก่อนจะโอบกอดผมไว้อย่างปลอบโยน

ที่ผ่านมาท่านรู้อยู่เต็มอกว่าผมคิดจะทำอะไรแต่ท่านก็ไม่เคยห้ามเพราะรู้ว่าไม่ว่าจะห้ามหรือพูดยังไงผมก็จะหาวิธีและดื้อที่จะทำให้จนได้ ซึ่งถ้าลูกดื้อคุณพ่อก็มักจะสอนด้วยการปล่อยให้ทำและรับผิดชอบผลการกระทำด้วยตัวเอง และตอนนี้ผมก็รู้แล้วครับว่าผลจากการกระทำของผมนั้นส่งผลกับผมมากน้อยเพียงใด โดยเฉพาะเรื่องของหัวใจ..

เรื่องที่คุณอาดิษฐ์เป็นคนทำร้ายคุณรดามีเพียงคุณพ่อเท่านั้นที่รู้ความจริงทั้งหมด คุณพ่อยอมเก็บความเจ็บปวดเอาไว้เพียงลำพังเพราะเห็นแก่ความรู้สึกของเจ้าสัวยางกับคุณนายจู คนเป็นพ่อเป็นแม่จะรู้สึกยังไงหากรู้ว่าลูกเพียงคนเดียวก่อกรรมทำเข็ญอะไรไว้ จึงไม่แปลกที่แรกเริ่มคุณพ่อจะไม่เห็นด้วยกับการที่ผมชอบพอกับเทมป์ ท่านไม่อยากให้ผมเข้าไปเกี่ยวข้องกับครอบครัวนี้โดยเฉพาะคุณอาดิษฐ์แต่ถึงอย่างนั้นท่านก็ไม่สามารถจะแสดงหรือพูดอะไรได้มากเพราะกลัวว่าทางคุณดิษฐ์จะระแคะระคาย ซึ่งทั้งหมดนี้คือเหตุผลที่ว่าทำไมท่านกับคุณแม่จึงส่งผมไปอยู่อังกฤษตั้งแต่เด็กนั่นก็เพื่อหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้ากับคุณอาดิษฐ์ แต่จนแล้วจนรอดผมก็หนีไม่พ้น คุณพ่อบอกว่ามันคงเป็น ‘ชะตากรรม’

ผลจากการกระทำของผมทำให้เกิดช่องว่างระหว่างผมกับเทมป์ อีกฝ่ายหลบหน้าอีกทั้งยังไม่ยอมตอบข้อความหรือรับสายโทรศัพท์ใดๆ นั่นแสดงให้เห็นว่าเจ้าตัวรู้สึกยังไงกับผม แต่ในเมื่อวันหนึ่งหลังงานฌาปณกิจของคุณอาดิษฐ์และคุณวิริยาไม่กี่วัน จู่ๆ คนจากบ้านสวนรังสิตก็ได้หอบหิ้วพาสีส้มใส่ตะกร้ามาส่งให้ผมถึงบ้านพร้อมกับข้อความสั้นๆ ว่า ‘คุณกองทัพฝากให้คุณเต็มช่วยดูแลคุณสีส้มค่ะ’ โดยให้เหตุผลว่าช่วงนี้คุณกองทัพยุ่งมากจึงไม่มีเวลาดูแลสีส้ม ด้วยเหตุนี้ผมจึงคิดเข้าข้างตัวเองมาตลอดว่าเทมป์ไม่ได้เกลียดผมอย่างแน่นอน..

เมื่ออาทิตย์ก่อนคุณแม่บอกว่าจะทำอาหารส่งไปให้คนป่วยที่โรงพยาบาล ผมจึงถือโอกาสนี้จะทดสอบลองใจอีกฝ่ายด้วยการลองทำเมนูง่ายๆ ไปฝากคนเฝ้าไข้ด้วย แม้ว่าประสบการณ์ด้านงานครัวของผมจะเข้าขั้นติดลบ แต่ผมก็มีคุณแม่คอยช่วยเหลือดังนั้นอาหารกล่องเบนโตะง่ายๆ จึงออกมาหน้าตาดีอย่างเหลือเชื่อ เอ่อ.. ผมคิดแบบนั้นจริงๆ นะครับ และด้วยความมั่นใจผมจึงให้น้าปองเป็นคนไปส่งอาหารให้ฝ่ายนั้นเองกับมือ พร้อมทั้งกำชับว่าให้สังเกตทุกอิริยาบถมาอย่างละเอียด ซึ่งเมื่อน้าปองก็มารายงานผลบอกตามตรงครับว่าผมเดาใจเจ้าตัวอีกฝ่ายไม่ออกจริงๆ มันทำให้ผมยิ่งร้อนใจจนแทบจะเป็นบ้า อาทิตย์หน้าผมก็ต้องบินไปอังกฤษ ผมมีเวลาเหลือไม่มากเพื่อที่จะคุยกับเจ้าตัวให้รู้เรื่อง ดังนั้นเมื่อออมบอกว่าวันนี้เทมป์จะเข้าไปส่งโปรเจ็คจบที่คณะ ผมจึงตื่นแต่เช้าเพื่อมานั่งหน้าด้านหน้าทนรออีกฝ่ายด้วยความหวังเพียงแค่อยากจะคุยและพูดว่า 'ขอโทษ’ จากใจ ต่อให้จะไม่ได้รับการให้อภัยแต่ขอเพียงแค่อย่าเกลียดกันเท่านั้นก็เพียงพอแล้วครับ..

มองออกไปนอกรถฝ่ายนั้นยังไม่เดินออกมาจากร้านสะดวกซื้อ ผมจึงถือโอกาสปิดช่องแอร์ตรงหน้าแล้วถอดเสื้อที่เปียกออกให้เหลือแค่เสื้อกล้ามบางๆ แค่ตัวเดียว ก่อนจะก้มลงสำรวจแผลอีกครั้ง เมื่อเงยหน้าขึ้นมาร่างสูงก็วิ่งเหยาะๆ หิ้วถุงพลาสติกใบใหญ่ฝ่าสายฝนมาถึงรถพอดี ผมจึงรีบอดทนเก็บความเจ็บปวดจากแผลเอาไว้ด้วยการปั้นหน้านิ่งเพราะถึงอย่างไรเสียในตอนนี้หัวใจของผมก็เจ็บกว่าร้อยพันเท่าทวีคูณ

.
.
.
.
.

   
1 ทุ่มตรง 4 ล้อจอดลงหน้าบ้านพักตากอากาศริมทะเลที่เมื่อหลายปีก่อนเราก็เคยมาที่นี่ ถูกต้องแล้วล่ะครับ.. เมื่อตอนที่เนเนะมาทำงานที่เมืองไทยนั่นแหละ ผมหันมองอีกฝ่ายตั้งท่าจะถามว่าพักที่นี่เหรอ? แต่เจ้าตัวไม่อยู่ฟังคำถามผมสักคำ สองขาเรียวยาวลงจากรถพร้อมถุงพลาสติกจากร้านสะดวกซื้อแล้วจ้ำเท้าก้าวเข้าสู่ตัวบ้านโดยไม่คิดแม้แต่จะหันมามองหน้าผมสักนิดเดียว
ผมถอนหายใจออกมาเบาๆ แล้วหยิบกระเป๋าผ้าของตัวเองขึ้นสะพาย เพราะไม่คิดว่าจะถูกพาตัวมาที่นี่ผมจึงไม่ได้เตรียมของใช้อะไรมาสักอย่าง แต่ผมก็เลือกที่จะโทรไปบอกคุณแม่ว่าตอนนี้อยู่ที่ไหนและอยู่กับใครเพื่อไม่ให้ท่านเป็นห่วงมากไปกว่านี้

เปิดประตูลงจากรถแค่เท้าข้างขวาแตะพื้นก็เจ็บยวบจนต้องกัดริมฝีปาก แถวนี้แทบจะไม่มีร้านสะดวกซื้อเสียด้วย ถ้าหากไม่ได้ทำแผลคงจะอักเสบแน่ๆ แต่ไม่เป็นไรครับเผื่อบางทีในบ้านอาจจะมีตู้ยาสามัญประจำบ้านอยู่บ้างก็เป็นไปได้ ผมพยายามข่มความเจ็บและพยายามเดินให้ดูเป็นปกติมากที่สุดแล้วตามอีกฝ่ายเข้าไปในบ้าน

“เทมป์”

ภายในบ้านมีเพียงแสงไฟจากหน้าประตูที่ผมยืนอยู่เท่านั้น มองซ้ายมองขวาท่ามกลางแสงสลัวก็พบเจอแต่ความว่างเปล่า ผมจึงเรียกหาอีกฝ่ายแต่ก็นั่นแหละครับถ้าเจ้าตัวตะโกนตอบกลับมาก็แปลกแล้วล่ะ..

เสียงกุกกักจากชั้น 2 ทำให้ผมต้องแหงนหน้าขึ้นมองตามเสียง ไม่เจอตัวคนแต่ได้ยินเสียงเปิดบานประตู ผมถอนหายใจออกมาหนักๆ ใช้มือเกาะราวบันไดแล้วไต่ขึ้นด้านบนทีละก้าวอย่างยากลำบาก เมื่อมาถึงหน้าห้องที่บานประตูแง้มอยู่ผมก็เอ่ยเรียกอีกครั้ง

“เทมป์..”

เงียบเหมือนเดิม..

“เต็มเข้าไปนะ..”

ขออนุญาตแล้วนะครับ ถ้าไม่ตอบก็ถือว่าตกลงนะ...

ก้าวเท้าเข้าไปในห้องที่ไร้แสงไฟ แต่ก็สามารถมองเห็นร่างสูงยืนหันหลังมองผ่านบานกระจกใสมองผืนทะเลยามค่ำคืน แค่ไม่กี่อาทิตย์แผ่นหลังกว้างดูผอมบางลงไปเยอะมันสะท้อนให้รู้ว่าอีกฝ่ายกำลังดำเนินชีวิตอยู่ภายใต้ความรู้สึกที่ทุกข์เพียงใด ซึ่งผมนี่แหละที่เป็นคนผลักให้เจ้าตัวตกลงไปในเหวลึกนั่นด้วยตัวเอง

วางกระเป๋าลงบนโซฟาแล้วค่อยๆ เดินเข้าไปใกล้ร่างสูง ด้วยรู้ว่าสภาพจิตใจของอีกฝ่ายคงยังไม่พร้อมที่จะอยากจะอยู่ใกล้ผมมากนัก ผมจึงเว้นระยะห่างระหว่างเราไว้พอประมาณ

ผืนทะเลตอนนี้ถูกฉาบด้วยสีเข้มของรัตติกาล ท้องฟ้าไร้แสงดาวและไม่มีแม้แต่แสงจากดวงจันทร์ และด้วยสภาพอากาศที่แปรปรวนจึงปรากฎแสงวาบจากสายฟ้าที่แหวกความมืดของค่ำคืนปรากฎอยู่เป็นระยะเมื่อผสานกับเสียงเกลียวคลื่นแรงที่ซัดกระทบฝั่งก็ราวกับว่าธรรมชาติได้กำลังแสดงอารมณ์เบื้องลึกภายในจิตใจของพวกเราในขณะนี้

นานหลายนาทีที่เราทั้งคู่เอาแต่เงียบและทิ้งให้ทุกอย่างตกในอยู่ในภาวะที่แสนน่าอึดอัด สุดท้ายก็คงเป็นผมนี่แหละที่อดทนต่อความรู้สึกที่กัดกร่อนหัวใจให้เจ็บระบมแบบนี้ไม่ได้อีกต่อไป ผมขยับตัวเข้าไปหาร่างสูงอย่างระมัดระวัง เมื่อฝ่ายนั้นยังคงนิ่ง ผมจึงสูดหายใจเข้าออกลึกๆ ก่อนจะเอ่ยคำที่อยากจะพูดที่สุดออกไป

“ขะ..”

เผี๊ยะ!!

เพิ่งจะได้อ้าปาก ฝ่ามือหนาก็ฟาดเข้าที่บนใบหน้าของผมฉาดใหญ่แบบเต็มแรง และโดยไม่ทันตั้งตัวจึงทำให้การทรงตัวที่ย่ำแย่อยู่แล้วเกิดการเสียหลักล้มลงก้นกระแทกพื้น อีกทั้งแผลที่ขาขวายังโดนเสียดสีกับพื้นอย่างจัง จนแยกไม่ออกว่าเจ็บที่ตรงส่วนไหนมากกว่ากันหรือไม่ก็อาจจะเป็นที่หัวใจมากที่สุดก็เป็นไปได้ สภาพของผมในตอนนี้ดูอ่อนแอจนน่าสมเพช แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ไม่คิดจะร้องอุธรณ์ออกมาให้อีกฝ่ายได้ยิน กัดฟันทนแล้วพยุงตัวลุกขึ้นอีกครั้ง


ในที่สุดเราก็ได้สบตากันตรงๆ เสียที แม้แสงสว่างจะน้อยนิด แต่ผมก็เห็นประกายโกรธแค้นจากดวงตาคมเข้มได้อย่างชัดเจน ไม่แปลกหรอกครับที่อีกฝ่ายจะแสดงอารมณ์ด้านมืดแบบนี้ออกมาเพราะคงจะไม่มีใครทนยืนมองคนที่มีส่วนทำให้บุพการีของตัวเองจากโลกนี้ไปโดยไม่รู้สึกอะไรเลยได้หรอกครับ แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ยังคงคาดหวังว่าในโกรธทั้งหมดทั้งมวลจะไม่มีความเกลียดชังปะปนอยู่แม้แต่เศษเสี้ยวเดียว...

จังหวะที่เหมือนเส้นอารมณ์บางๆ ขาดสะบั้น ขาเรียวยาวก้าวพรวดเข้ามาประชิดตัวผม สองมือใหญ่ตะปปต้นคอแล้วออกแรงบีบเสียแรงจนผมแทบหายใจไม่ออก

“มึงคิดว่ามึงเป็นใคร? หน้ากากทักซิโด้?”

เสียงทุ้มกดต่ำฟังแล้วชวนน่ากลัวแต่ในดวงตาคู่เข้มกลับมีหยาดน้ำท่วมแววตาที่เศร้าหมอง และทั้งๆ ที่ถ้าผมออกแรงหักข้อมือของอีกฝ่ายก็สามารถจับร่างสูงทุ่มลงไปนอนบนพื้นได้อย่างสบาย แต่ผมก็ไม่ได้คิดจะดิ้นรนต่อสู้ใดๆ เลยสักนิด

จวบจนมั่นใจว่าผมกำลังจะขาดใจอยู่รอมร่อ มือใหญ่จึงยอมคลายออกให้ผมได้พักหายใจอยู่เกือบ 10 วินาที แล้วเปลี่ยนเป็นใช้ริมฝีปากบดขยี้ริมฝีปากของผมแทน อีกฝ่ายใช้ฟันคมขบลงบนกลีบปากล่างแรงๆ ความเจ็บทำให้ผมเผลอเผยอปาก ลิ้นอุ่นจึงแทรกเข้ามาในโพรงปากอย่างดุดัน

รสชาติของเลือดเค็มปร่าทำให้ผมรู้สึกกระอักกระอ่วนอยู่ไม่น้อย ร่างสูงผละริมฝีปากออกแล้วผลักผมให้ล้มลงบนเตียงในท่าคว่ำหน้าแล้วจับมือผมไขว้ไว้ข้างหลัง จากนั้นก็โถมตัวลงทาบทับกัดซอกคอของผมอย่างแรงจนคิดว่าเนื้ออาจจะหลุดไปแล้วเสียก็ได้

“อ่ะ”

เพราะแผลที่ขาถูกเสียดสีและกระแทกหลายต่อหลายครั้ง บวกกับแรงกัดที่คอทำให้ผมเผลอร้องออกมาก่อนจะรีบกัดริมฝีปากของตัวเองเอาไว้เพื่อกลั้นความเจ็บปวด

เสื้อกล้ามตัวบางที่ผมใส่อยู่ถูกฉีกทึ้งจนขาดเพื่อใช้แทนเชือกพันธนาการข้อมือของผมไว้ในท่านอนคว่ำมือไขว้หลัง จากนั้นกางเกงก็ถูกกระชากออกจากร่างกาย ไม่กี่วินาทีถัดมาอีกฝ่ายก็กระแทกส่วนร้อนอันใหญ่โตฝังเข้าช่องทางด้านหลังของผมทีเดียวจนมิด

“โอ๊ย”

ความใหญ่โตรุกรานโดยไม่ทันตั้งตัวโดยที่ไม่มีการเบิกทางให้พร้อม แม้ร่างกายนี้จะมีไว้เพื่อรับสัมผัสจากคนรักด้านบนแค่คนเดียว แต่ก็เจ็บเสียจนไม่อาจจะทนเก็บกดเสียงร้องเอาไว้ได้ไหวอีกต่อไป ร่างกายยังขดเกร็งต่อต้านตามสัญชาตญาณ แต่
แรงกระแทกจากด้านหลังก็ยังจาบจ้วงขยับอย่างรุนแรงบอกให้รู้ว่าเจ้าตัวไม่ได้สนใจความรู้สึกของผมเลยสักนิด ผมกัดฟันกับผ้าปูที่นอนแน่นเพื่อข่มความร้าวระบม และปล่อยให้อีกฝ่ายได้ลงทัณฑ์บนร่างกายของผมอย่างพอใจ ก็แค่คิดเสียว่าดีกว่าโดนคนอื่นข่มขืนก็เท่านั้น

“อ๊าา”

ของเหลวขุ่นร้อนถูกปลดปล่อยในร่างของผมก่อนจะถอนกายออกอย่างรวดเร็วจนผมเผลอสะดุ้งสั่นเทิ้ม ข้อมือด้านหลังได้รับการปลดปล่อยให้เป็นอิสระ แต่แค่ไม่กี่วินาทีมือหนาก็ขยุ้มเส้นผมของผมแล้วกระชากให้ผมแหงนหน้าขึ้นมองสบตากัน

“เจ็บมั๊ย?”

คำถามที่ผมพอจะเดาได้ว่าความเจ็บที่อีกฝ่ายพูดอยู่นั้นไม่ได้หมายถึงความเจ็บปวดทางกาย ทว่าเป็นความเจ็บปวดในหัวใจต่างหาก

คำตอบของผมมีเพียงหยดน้ำที่ไหลกลิ่งออกจากหางตา ผมได้ยินเสียงหัวเราะ ‘หึ’ ในลำคอเบาๆ และยังไม่ทันได้หยุดพักปรับลมหายใจ ผมก็ถูกปรับเปลี่ยนให้อยู่ในท่านั่งซ้อนตัก แผ่นหลังชนหน้าอกกว้าง ความแข็งแรงใหญ่ยักษ์จ้วงแทงเข้ามาในร่าง ยิ่งจังหวะที่แท่งเนื้อพองตัวขยายขนาดคับแน่นแทรกลึกอยู่ในร่างทำเอาสะท้านเฮือกด้วยความจุกและเสียวในช่องท้องจนกรีดร้องไม่ออก ผมพยายามจะขยับสะโพกเพื่อไม่ให้ความใหญ่โตแทงลึกจนเกินไป แต่ทว่าร่างกายก็โดนแขนแกร่งโอบรัดพันธนาการเอาไว้จนยากจะขยับตัว

“ท..”

ราวกับว่าแก่นกายใหญ่ทิ่มแทงมาถึงกระเพาะ ร่างกายของผมสั่นระริกจนยากจะควบคุม ผมอ้าปากจะขอร้องให้อีกฝ่ายถอดถอนออกก่อนแต่เสียงก็ขาดหวิว ผมแอ่นหน้าอก แหงนเงยหน้าแล้วผ่อนลมหายใจเข้าออกด้วยหวังจะผ่อนปรนความทรมาน แต่มันก็ไม่ได้ช่วยอะไรเลยสักนิด

ช่วงล่างร้าวระบมชาหนึบจนแทบหมดความรู้สึก แม้จะเคยผ่านประสบการณ์ความรุนแรงจากตอนที่อีกฝ่ายโดนยาปลุกเซ็กส์แต่ในครั้งนี้ให้ความแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง นี่ต่างหากที่เรียกว่า ‘ข่มขืน’ ของจริง ทว่าผมกลับยินดีที่จะให้อีกฝ่ายกระทำย่ำยีถ้าหากว่ามันจะทำให้ความทุกข์ระทมในหัวใจของเจ้าตัวเบาบางลง

เสียงทุ้มครางอย่างเป็นสุขเมื่อได้ปลดปล่อยความอัดอั้นเป็นครั้งที่สอง และรอบนี้ไม่มีการถอนแกนกายออก หากแต่ท่าทางถูกปรับเปลี่ยนโดยที่ช่วงล่างยังเชื่อมต่อกัน อีกทั้งความหนักหน่วงและรุนแรงยังเพิ่มขึ้นอย่างบ้าคลั่งจนผมจำไม่ได้ว่าตัวเองสลบไปตั้งแต่เมื่อไหร่...

ผมถูกอีกฝ่ายใช้น้ำเย็นๆ รดลงบนหัวจึงทำให้รู้สึกตัวตื่นขึ้นมาพร้อมกับการรับรู้ความรู้สึกที่ว่าเจ็บจนร่างกายกำลังจะแตกเป็นเสี่ยงๆ นั้นเป็นเช่นไร

“เจ็บ.. อ่ะ”

ในลำคอแห้งผากทำให้เสียงครางของผมเบาหวิวเสียจนคิดว่าคงจะมีแค่ตัวเองเท่านั้นที่ได้ยิน ที่บอกว่าเจ็บไม่ใช่เฉพาะที่ร่างกาย แต่มันคือความเจ็บปวดจากก้นบึ้งของหัวใจ และแม้ว่าตัวเองจะโดนกระทำให้แหลกละเอียดสักเพียงใด ผมก็ยังคงพร้อมที่จะรับความขื่นขมของอีกฝ่ายไว้ทั้งหมดเพียงคนเดียว

น้ำสีขาวขุ่นที่ถูกปลดปล่อยในร่างกายเป็นรอบที่เท่าไหร่ไม่รู้ และก็ไม่รู้ว่าตอนนี้วันเวลามันผ่านไปนานแค่ไหน ผมรู้แค่ว่าคลับคล้ายคลับคลาว่ามันคือความฝัน ผมได้ยินเสียงใครคนหนึ่งกำลังร้องไห้ เมื่อผมลองเพ่งมองจึงได้รู้ว่าเด็กผู้ชายรูปร่างอ้วนกลมคนหนึ่ง รู้สึกคุ้นหน้าแต่จำไม่ได้ว่าเคยเจอที่ไหน ผมดึงเด็กคนนั้นเข้ามาโอบกอดไว้แล้วลูบแผ่นหลังเพื่อปลอบประโลม.. ‘ไม่เป็นไรนะ.. เด็กดี’ ผมเอ่ยคำปลอบซ้ำไปซ้ำมาจนกระทั่งเสียงสะอื้นหายไป...


.
.
.
.
.

   

หนาว.. คือความรู้สึกเดียวที่ผมรับรู้ หนาวจนปวดประดูกไปทั้งตัว เปลือกตาก็หนักอึ้งเสียจนคิดว่ามีใครใช้เข็มร้อยด้ายมาเย็บปิดเอาไว้ ผมพยายามขดตัวกอดตัวเองเพื่อให้ร่างกายสร้างความอบอุ่นได้มากที่สุด ทว่าแค่ขยับตัวร่างกายก็ร้าวแปลบจนไม่อาจจะกลั้นน้ำตาเอาไว้ได้

“เจ็บ...”
   
เสียงจากที่ใดที่หนึ่งที่อยู่ไกลแสนไกลดังว่า ‘อืม’ แผ่วเบาราวกับเป็นเสียงที่ลอยมาตามลม
   
“เจ็บ...”
   
ร้องออกมาอีกครั้งว่าเจ็บจริงๆ ผมเจ็บไปหมดทั้งตัวและหัวใจ และไม่นานก็มีเสียงแว่วดังราวกับกำลังกระซิบว่า ‘รู้แล้ว’ แม้น้ำหนักเสียงยังคงเบาหวิวแต่ก็ถือว่าชัดกว่าเดิมนิดหนึ่ง

ไม่รู้ว่าสายลมอุ่นพัดมาจากทิศทางใด รู้แค่ว่ามันช่างอบอุ่นเหลือเกิน ผมพยายามไขว่คว้าความอบอุ่นที่พัดวนอยู่รอบตัว และไม่น่าเชื่อว่าผมทำมันสำเร็จ ผมโอบกอดความอบอุ่นไว้ด้วยหัวใจและมันก็ทำให้ผมรู้สึกผ่อนคลาย ก้อนหินที่เหมือนใครเอามาวางถ่วงไว้บนหัวก็ค่อยๆ เบาลง ผมจึงได้หลับอย่างสบายเสียที...
   

.
.
.
.
.

   

เสียงกุกกักๆ ที่ดังอยู่ใกล้ๆ ทำให้ผมรู้สึกตัว ผมพยายามเปิดเปลือกตาที่หนักอึ้งอยู่นานสองนานแต่สุดท้ายก็สำเร็จ หลังจากปรับสายตาให้สมดุลกับแสงภายในห้องได้คนแรกที่เห็นก็คือ ‘โบว์?’
   
“อีจี... แกจำฉันได้ป่ะ?”
   
คนตั้งคำถามมองหน้าผมตาแป๋วพร้อมกับใช้นิ้วชี้เข้าหาตัวเอง ผมไม่ได้ตอบโบว์ในทันทีแต่เลือกที่จะหันมองรอบๆ สีของทะเลกลมกลืนแทบจะเป็นสีเดียวกับสีของท้องฟ้าคราม คลื่นลมในเวลานี้ดูสงบ มันทำให้ผมนึกถึงสำนวนอังกฤษที่ว่า ‘Every cloud has a silver lining.’ หลังฝนตกฟ้าจะสดใสเสมอ..
   
“อีจี... มึงโอเคปะเนี่ย?”
   
เพราะผมเงียบไปนานและไม่ยอมตอบคำถามเสียที เพื่อนสาวจึงเริ่มเป็นกังวล สีหน้าตึงเครียดอย่างเห็นได้ชัด ผมจึงระบายรอยยิ้มบางๆ ให้อีกฝ่าย พร้อมกับลองขยับตัวเพื่อจะลุกขึ้นนั่ง
   
“ใจเย็นๆ ค่ะคุณเพื่อน.. กระดูกหักไปสักท่อนคุณนายโบรัมไม่มีปัญญาซ่อมให้นะคะ”
   
ปากบ่นแต่ก็ช่วยประคองผมให้นั่งพิงหัวเตียงจนสำเร็จ จากนั้นก็รินน้ำอุ่นให้ผมดื่ม โบว์นั่งมองผมดื่มน้ำจนหมดแก้วและก็ยังคงนั่งมองอยู่อย่างนั้นจนผมแอบอมยิ้ม
   
“พูดมาสิ”
   
แค่ประโยคเดียวจากผม เพื่อสาวก็ฉีกยิ้มกว้าง
   
“แกทะเลาะกับน้องกองทัพรึเปล่า? ฉันมั่นใจว่าน้องกองทัพไม่ใช่ประเภทเอสเอ็ม”
   
“เอสเอ็ม?”
   
เลิกคิ้วสูงด้วยความสงสัย โบว์กลอกตามองบนแล้วทำหน้าเบื่อโลก
   
“คงเป็นค่ายเพลงยักษ์ใหญ่ของเกาหลีละมั้ง”
   
“หืม?”
   
งงเข้าไปใหญ่สิครับ เพื่อสาวทำเสียง ‘จิ๊จ๊ะ’ พร้อมกับโบกมือไปมาเพื่อเปลี่ยนเรื่องคุย
   
“กินข้าวกินยาดีกว่าจะได้กลับบ้าน พรุ่งนี้ต้องเดินทางไกล ถ้าขืนลากสังขารไปแบบนี้โดนเจ้าหน้าที่สนามบินกักตัวไว้ไม่รู้ด้วยนะเว้ย”
   
พูดเสร็จก็ลุกขึ้นไปยกถาดอาหารและยาที่วางอยู่บนโต๊ะหน้าโซฟา แต่เดี๋ยวนะครับ.. พรุ่งนี้ผมจะกลับอังกฤษงั้นเหรอ?
   
“วันนี้วันที่เท่าไหร่?”
   
ดวงตาคู่โตหันมามองผม
   
“แกไม่สบายไงอีจี.. แกถึงไม่รู้ว่าตัวเองนอนซมเพราะพิษไข้ไปตั้งสองวัน”

สองวัน?!! หมายความว่ายังไง?
   
“แล้ว.........”

ตั้งท่าจะถามต่อ แต่เสียงถอนหายใจของโบว์ก็ทำให้ผมได้แต่อ้าปากค้างอยู่อย่างนั้น
   
“อย่าถามอะไรฉันเลย.. เพราะฉันเองก็ไม่รู้อะไรมาก รู้แค่ว่าเมื่อเช้ามืดน้องกองทัพโทรบอกให้ฉันมาช่วยดูแลแกแทนเขาหน่อยและถ้าแกฟื้นก็ให้ฉันช่วยพาแกไปส่งบ้านให้ด้วย”

เพื่อนบอกแบบนี้ผมจะทำหรือถามอะไรต่อได้รับนอกจากพยักหน้ารับเท่านั้น
   
“แต่ก่อนหน้านี้แกจำได้ใช่มั๊ยว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง?”
   
“อืม”
   
ทำไมจะจำไม่ได้ ทุกอย่างยังชัดเจนในทุกความรู้สึกและยังคงตอกย้ำให้รู้ว่าความผิดพลาดที่ผมก่อไว้ได้สร้างรอยแผลขนาดใหญ่ให้กับอีกฝ่ายมากเพียงใด โบว์คงจะอ่านความรู้สึกจากสีหน้าของผมออก เจ้าตัวถอนหายใจอีกครั้ง
   
“เรื่องระหว่างแกกับน้องกองทัพฉันจะไม่ยุ่ง หน้าที่ของฉันคือหน้าที่ของเพื่อน.. และถ้าหากแกจะขอบคุณฉันละก็ไม่ต้องบอกเป็นคำพูด.. แค่คราวหน้าคราวหลังหัดเปิดโอกาสให้ฉันได้เรียนรู้วิถีวายสายดาร์กในแบบที่ไม่ต้องมโนเอาเองบ้างก็ได้นะ”

เอ่อ.. 2-3 ประโยคแรกผมเข้าใจอยู่นะครับ แต่ประโยคหลังๆ นี่ผมตามไม่ทันจริงๆ

โบว์ฉีกยิ้มหวานพร้อมกับยกถาดอาหารขึ้นแล้วทำท่าดมจากนั้นก็พูดว่า ‘น้องกองทัพของฉันฝีมือปลายจวักขั้นเทพเลยนะเนี่ย’ ผมได้แต่เลิกคิ้วด้วยความแปลกใจ ข้าวต้มในถ้วยใบใหญ่นั้นฝีมือของเทมป์อย่างนั้นเหรอ?? แต่ถ้าคิดตามที่โบว์บอก ผมนอนป่วยอยู่ 2 วัน และโบว์ก็เพิ่งจะมาหาผมเมื่อเช้า ถ้าเป็นอย่างนั้นช่วงเวลาก่อนหน้านี้คนที่ดูแลผมก็ต้องเป็นเทมป์อย่างไม่ต้องสงสัย..

ถาดอาหารถูกยกมาวางตรงพื้นที่วางบนเตียง แต่เหมือนโบว์เพิ่งนึกได้ว่าผมเพิ่งตื่น เจ้าตัวหันมาถามว่า ‘อยากล้างหน้าล้างตาสักหน่อยก่อนมั๊ย?’ ซึ่งผมตอบด้วยการพยักหน้า เพื่อนสาวจึงเดินกลับมาที่เตียงช่วยประคองผมไปส่งถึงห้องน้ำ
   
ผมยืนมองเงาตัวเองในกระจก เสื้อผ้าที่ผมสวมอยู่เป็นชุดนอนแบบเสื้อและกางเกงขายาวซึ่งขนาดค่อนข้างจะใหญ่กว่าตัวผมอยู่หลายไซด์ ผมค่อยๆ แกกระดุมเสื้อนอนออกทีละเม็ดจนเผยให้เห็นร่องรอยเขียวช้ำเต็มไปหมด อีกทั้งยังมีแผลขบกัดจนห้อเลือดอยู่อีกหลายจุด แต่ที่หนักที่สุดคงเป็นช่องทางด้านหลังที่แม้จะผ่านมา 2 วันแต่บริเวณนั้นยังระบมและรู้สึกเจ็บแปลบทุกครั้งที่ลงน้ำหนักเท้า.. เอ๊ะ.. ใช่สิ ผมมีแผลที่เท้าขวาด้วยนี่นา?
   
ถลกขากางเกงนอนข้างขวาขึ้นก็เจอผ้าก็อตสะอาดปิดไว้ตลอดความยาวของแผล ผมลองแกะแง้มผ้าก็อตออกเพื่อตรวจเช็คสภาพแผล ปรากฎว่าแห้งลงไปเยอะแล้วผมก็ได้แต่หัวเราะออกมาเบาๆ พร้อมหยดน้ำตาที่ไหลอาบไม่ต้องบอกก็รู้ว่าคงมีการใส่ยาและทำความสะอาดแผลให้อย่างดีทุกวัน ดูแลอย่างดีแต่ก็ยังไม่พร้อมจะเจอหน้ากัน.. แบบนั้นมันก็ไม่ได้ต่างไปจากผมยังไม่ได้รับการให้อภัย..

ค่อยๆ ทิ้งตัวนั่งลงบนพื้นห้องน้ำ แล้วยิ้มเยาะให้กับเงาในกระจกที่สะท้อนภาพแสนน่าสมเพชของผู้ชายคนหนึ่ง ผมกำลังเรียกร้องอะไรอยู่เหรอ? ความเข้าใจ? การให้อภัย? หรืออะไรกันแน่? ถ้าลองคิดสลับให้ผมเป็นเทมป์ไม่แน่ว่าผมอาจจะจุดระเบิดรุนแรงกว่านี้ก็เป็นไปได้ ผมรักครอบครัวของผม เทมป์เองก็ไม่ต่างกัน แล้วมันจะแปลกอะไรถ้าหากอีกฝ่ายจะโกรธและเกลียดจนไม่คิดอยากจะมองหน้ากันอีกตลอดชีวิต เพราะความเจ็บปวดที่ผมได้รับเป็นเพียงแค่เศษเสี้ยวของความทุกข์ทรมานที่อีกฝ่ายจะต้องเผชิญ
   
“อีเหี้ยจี! มึงเข้าไปนั่งวิปัสนากรรมฐานรึไง?!”
   
เสียงโบว์ตะโกนโวยวายอยู่หน้าประตูห้องน้ำ ช่วยเรียกสติให้ผมรู้ว่าตัวเองกำลังอ่อนแอเพียงใด ผมพยุงตัวลุกขึ้นแล้วกลัดกระดุมเสื้อจนถึงคออย่างเรียบร้อยก่อนจะเดินออกจากห้องน้ำ
   
ผมมองข้าวต้มรวมมิตรทะเลในถ้วยที่โบว์อุตส่าห์เอาลงไปอุ่นให้ใหม่อีกรอบ โบว์บอกว่าอร่อยมากเพราะเจ้าตัวกินไปแล้วตั้งแต่เช้า และขณะที่ผมกำลังละเลียดรสชาติอาหารโบว์ก็นั่งเล่าเรื่องโน่นนี่นั่นไปตามประสาจนกระทั่งผมกินหมดไปเกินครึ่งก็รู้สึกอิ่ม โบว์จึงหยุดพูดแล้วส่งสารพัดยาให้ผมกินพร้อมกับบอกให้ผมนอนพักต่ออีกสักหน่อย แต่ผมยืนยันว่าอยากจะกลับบ้าน เพื่อนสาวมองหน้าอยู่ครู่ใหญ่แล้วสุดท้ายก็ได้แต่เอ่ย ‘เออๆ ตามใจ’ ก่อนจะปล่อยให้ผมเปลี่ยนเสื้อผ้าตามลำพัง
   
โบว์ขับรถจากกรุงเทพฯ มาหาด้วยตัวเอง และดูท่าว่าจะไม่ได้บอกเรื่องนี้กับใคร เพราะถ้าบอกซันคงจะต้องมาด้วยแน่ๆ
   
“แกเคยได้ยินมั๊ยที่เขาพูดกันว่า คนงี่เง่าจะเก็บความเจ็บปวดไว้ในดวงตาในขณะที่คนฉลาดจะเก็บความเจ็บปวดไว้ในรอยยิ้ม”

เพื่อนสาวมองผมด้วยความเป็นห่วงจากใจ ผมเข้าใจในสิ่งที่โบว์ต้องการจะบอก ตั้งแต่เด็กจนโตผมร้องไห้น้อยมาก ผมมักจะเก็บซ่อนความรู้สึกไว้ภายใต้รอยยิ้มของตัวเองจนใครหลายคนมองว่ามันคือความเย็นชา แต่ตั้งแต่ได้เจอกับเทมป์ผมก็ได้กลับมารู้จักกับ ‘น้ำตา’ อีกครั้ง..

“บางครั้งเวลาที่แกงี่เง่ามันก็โมเอะดีนะเว้ย เคะแบ๊วไง..น่ารักดีออก”

อารมณ์ที่ว่าเศร้ามันก็จะเบาบางลงนิดหนึ่งเพราะผมมัวแต่คิดตามคำศัพท์ในคลังของโบว์ และจนแล้วจนรอดผมก็ไม่เข้าใจอยู่ดี จึงได้แต่ปล่อยให้เพื่อนสาวพล่ามยาวต่อไป แต่หลังจากนั้นไม่นานฤทธิ์ยาก็ทำให้ผมหลับยาวจนถึงบ้านเลยครับ

   

.
.
.
.
.

มีต่อด้านล่างนะคะ ^^

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ RIRIN

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 250
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +492/-2

โบว์มาส่งผมถึงบ้านแถมยังเดินขึ้นไปส่งถึงห้องนอน วันนี้บ้านดูเงียบๆ เด็กรับใช้บอกว่าทุกคนไปทำบุญที่วัดตั้งแต่เช้าและคงจะเลยไปเดินเที่ยวตลาดน้ำด้วย โบว์จึงถามด้วยความเป็นห่วงว่าจะให้อยู่เป็นเพื่อนก่อนมั๊ย? แต่ผมบอกว่าไม่เป็นไรเพราะเดี๋ยวจะนอนพักต่ออีกสักงีบ เพื่อนสาวจึงยอมกลับไปพักผ่อนบ้าง
   
เมื่อโบว์กลับไปแล้วผมก็ไม่ได้นอนพักอย่างที่บอกหรอกครับ ผมมองไปรอบๆ ห้องนอนก่อนจะเดินออกมาถามเด็กรับใช้
   
“สีส้มล่ะ?”
   
“คุณกองทัพแวะมารับกลับไปตั้งแต่เช้าแล้วค่ะ”
   
“อ่อ...”
   
หมดคำถามและไม่ต้องการคำอธิบายใดๆ เพิ่ม ผมเดินลงมาชั้นล่างด้วยความรู้สึกที่ล่องลอย ดังนั้นเมื่อได้ยินเสียงน้าปองเอ่ยเรียกชื่อผมจึงสะดุ้งแทบสุดตัว
   
“คุณเต็มเป็นอะไรรึเปล่าครับ?”
   
น้าปองเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง ผมก็ได้แต่ส่ายหน้าและยิ้มตอบว่าไม่เป็นอะไรเลยสักนิด.. ไม่เลยแม้แต่นิดเดียว..
   
“น้าปองมีอะไรรึเปล่าครับ?”
   
“ณดลออกจากโรงพยาบาลแล้วครับ แต่ยังคงต้องไปทำกายภาพต่อจนกว่ากระดูกจะเข้าที่”
   
“งั้นเหรอ..”
   
ลืมเรื่องนี้ไปเสียสนิท ก่อนจะเกิดเรื่องผมให้น้าปองส่งคนไปช่วยพี่นายพลแต่กลายเป็นว่าได้ช่วยชีวิตณดลไว้แทน เพราะณดลรู้ความลับว่าคุณอาดิษฐ์วางแผนจะส่งมือปืนไปดักลอบยิงทำร้ายคนรักของตัวเอง เจ้าตัวจึงหลอกให้พี่นายใช้รถอีกคันแล้วให้ช่วยไปเอาของให้ตัวเองอีกที่ จากนั้นณดลก็ขับรถของพี่นายไปตามแผนที่คุณอาดิษฐ์วางไว้แทน แม้ณดลจะไม่ได้โดนยิงตรงจุดสำคัญแต่รถที่ขับเกิดเสียหลักทำให้เกิดอุบัติเหตุและได้รับบาดเจ็บสาหัส แขนขาหักจนต้องรักษาตัวอยู่โรงพยาบาลนานเป็นเดือน
   
“ถ้าณดลหายดีเมื่อไหร่ก็ทำตามที่บอกนั่นแหละครับ”
   
ก็ไม่มีอะไรมากหรอกครับ คุณวิชิตตัดสินใจตัดทางโลกด้วยการขอบวชตลอดชีวิต ณดลเหลือแค่ตัวคนเดียวอีกทั้งยังเรียนไม่จบ ค่าใช้จ่ายในการเรียนก็ใช่น้อยๆ เสียที่ไหน ผมจึงคิดว่าจะส่งณดลไปให้ช่วยคุณนายจูทำงานดูแลพี่นายก็เท่านั้นครับ
   
ผู้ใหญ่ตรงหน้าตอบรับ ‘ครับ’ ผมจึงหันหลังตั้งใจจะไปนั่งดูทีวีในห้องนั่งเล่นฆ่าเวลารอคุณพ่อ คุณแม่ พี่ขวัญ และออมกลับมาจากตลาดน้ำ แต่ยังไม่ทันจะได้ก้าวขาน้าปองก็เรียกผมไว้อีกครั้ง
   
“คุณเต็มครับ”
   
หืม? หันกลับมามองหน้าน้าปอง ฝ่ายนั้นอมยิ้มน้อยๆ
   
“หายไวๆ นะครับ”
   
แม้ไม่มีคำอธิบายเพิ่มเติมแต่ผมก็รู้ว่าน้าปองไม่ได้หมายถึงอาการป่วยทางกาย
   
“ขอบคุณครับ”
   
ส่งยิ้มให้อีกฝ่ายพร้อมกับเอ่ยขอบคุณ น้าปองค้อมศีรษะลงเล็กน้อยก่อนจะเดินหายไปทางครัว
   
นั่งดูสารคดีสัตว์โลกได้พักใหญ่ ทุกคนก็กลับกันมาพร้อมของกินมากมายจนผมอดแซ็วไม่ได้ว่านี่จะกินเผื่อไว้ก่อนไปอังกฤษกันรึไง? โดยเฉพาะพี่ขวัญกับออมเห็นตัวเล็กๆ แบบนี้กินเก่งมากครับ ยิ่งขนมไทยอย่างบ้าบิ่น และหม้อแกง ใช้เวลาแค่ไม่กี่นาทีขนมตรงหน้าหายเกลี้ยงยังกับเสกลงท้องจนโดนคุณแม่ดุว่ากินไปเยอะเดี๋ยวก็กินข้าวมื้อเที่ยงไม่ได้หรอก สาวๆ เลยต้องให้เด็กรับใช้เอาวุ้นหน้ากะทิและขนมเปียกปูนไปแอบไว้ในตู้เย็นเสียก่อน
   
หลังมื้อเที่ยงคนจากบริษัทรับดูแลบ้านเข้ามาคุยเรื่องสัญญากับคุณพ่อ อ่อ.. ผมลืมบอกไปว่าเรื่องที่คุณอาดิษฐ์ทำไว้กับคุณพ่อคุณแม่ตอนนี้ท่านได้ทุกอย่างกลับคืนมาแล้วครับ เพราะหลังจากที่พี่นายอาการดีขึ้นก็เรียกให้คนที่บริษัทเข้าไปคุยและทำลายหลักฐานทิ้งหมดทิ้ง แต่จะมีเพียงแค่มูลนิธิโรงพยาบาลสัตว์ของคุณแม่เท่านั้นที่คุณอาดิษฐ์ได้บีบให้คุณแม่เซ็นต์เอกสารทุกอย่างไว้ตามกฎหมาย มูลนิธิฯ จึงกลายเป็นของเกียรติไพศาลกิจโดยสมบูรณ์ ดังนั้นข้ออ้างที่ผมจะใช้กลับมาทำงานที่ไทยก็ใช้ไม่ได้อีกต่อไป
   
พรุ่งนี้เราออกเดินทางกันช่วงค่ำ ผมจึงยังพอมีเวลาจัดกระเป๋าเดินทาง พวกของใช้จำเป็นส่วนใหญ่ก็ได้แพคส่งไปล่วงหน้าเกือบทั้งหมดแล้ว ที่เหลืออยู่ก็คงจะเป็นเสื้อผ้าซึ่งผมเลือกเอาแค่ตัวโปรดติดไปแค่ไม่กี่ตัวเพราะที่อังกฤษมีเสื้อผ้าและข้าวของเครื่องใช้ของผมเยอะแล้วครับ
   
จัดกระเป๋าเสร็จตอนใกล้จะเที่ยงคืน ผมอาบน้ำแต่งตัวแล้วออกมานั่งเล่นไอโฟนบนเตียงต่อ ไม่เข้าใจว่าทั้งๆ ที่ยังไม่หายป่วยแต่กลับไม่รู้สึกง่วงเลยสักนิด ผมเปิดอัลบั้มแกลอรี่ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นรูปของสีส้มและสัตว์ต่างๆ ที่ผมเคยทำการรักษาหรือไม่ก็น้องหมาน้องแมวที่ผมพบเจอ รูปคู่กับเทมป์แทบจะไม่มี ที่มีอยู่ก็เป็นการแอบถ่ายเสียมากกว่า จู่ๆ ผมก็คิดถึงช่วงเวลาที่อยู่ที่หอพัก มันคงเป็นเวลาที่ดีที่สุดที่ทำให้ผมยิ้มได้ทุกครั้งที่นึกถึง
   
ก้อนเนื้อในอกด้านซ้ายบีบรัดให้ความรู้สึกหน่วง ผมผ่อนลมหายใจก่อนจะกดเปิดไลน์ขึ้นอ่านข้อความเก่าๆ แล้วก็ได้แต่ยิ้มให้กับตัวเอง
   
ก๊อกๆ
เสียงเคาะประตูห้องนอนดังขึ้นทำให้ผมหยุดคิดเรื่องฟุ้งซ่านต่างๆ แล้วเดินไปแง้มเปิดประตู
   
“คุณพ่อ..”
   
ดึกป่านนี้แล้วคุณพ่อยังไม่นอน? ผมเชิญคุณพ่อเข้ามาในห้อง ท่านนั่งลงข้างเตียงผมจึงนั่งลงบนพื้นแล้วซบหน้าลงกับหน้าขาของท่าน มือใหญ่ที่ผ่านโลกนี้มาหลายสิบปีลูบศีรษะผมอย่างอ่อนโยน
   
“ไหนว่าไม่สบายแล้วทำไมยังไม่นอน?”
   
“ยังไม่ง่วงครับ”
   
คุณพ่อเงียบไปครู่ใหญ่ ผมจึงเงยหน้าขึ้นมองท่าน ท่านวางฝ่ามือลงบนหน้าผากของผมแล้วค่อยๆ เสยเส้นผมที่ปรกปิดหน้าผากขึ้น จากนั้นก็ใช้นิ้วโป้งคลึงตรงระหว่างคิ้วให้ผมอย่างเบามือ เมื่อก่อนตอนผมเป็นเด็กทุกครั้งที่ไม่สบายตัวร้อนคุณพ่อมักจะนวดหน้าผากให้ผมเสมอ
   
“น้องเต็ม”
   
“ครับ”
   
“ทุกคนล้วนผ่านความเจ็บปวดมาด้วยกันทั้งนั้น เรื่องในตอนนี้อีกไม่กี่นาทีข้างหน้าก็กลายเป็นเรื่องของอดีต เวลาเดินไปข้างหน้าเรื่อยๆ เราเองก็ต้องใช้ชีวิตเพื่อปัจจุบันและอนาคตนะลูก”
   
ผมเข้าใจครับ ผมรู้ดีและผมก็บอกตัวเองแบบนี้มาโดยตลอด ผมต้องผ่านมันไปให้ได้ ไม่ว่าจะยังไงก็ต้องยอมรับผลจากการกระทำของตัวเองให้ได้
   
“สักวันหนึ่งเรื่องที่เราคิดว่าใหญ่โตในตอนนี้ก็จะกลายเป็นเพียงเศษเสี้ยวหนึ่งของความทรงจำเท่านั้น.. มีไว้แค่ให้หวนระลึกถึงเท่านั้น”
   
พยักหน้ารับอย่างเข้าใจ ผมยกแขนทั้ง 2 ข้างขึ้นโอบรอบเอวของคุณพ่อไว้ ท่านตบแผ่นหลังผมเบาๆ เพื่อปลอบโยน มันเป็นความอบอุ่นที่สามารถเปลี่ยนเป็นพลังให้ผมได้อย่างน่าเหลือเชื่อ
   
“พักผ่อนเถอะ.. พรุ่งนี้ต้องเดินทางไกล”
   
ท่านลุกขึ้น และผมก็ตั้งใจจะเดินไปส่งคุณพ่อที่ห้องนอนแต่ท่านก็ห้ามไว้ ผมจึงกลับมาล้มตัวนอนลงบนเตียงแล้วพยายามข่มตาจนกระทั่งได้หลับจริงๆ ก็ช่วงใกล้รุ่งสางแล้วครับ


.
.
.
.
.

   

   
   
สนามบินสุวรรณภูมิไม่ว่าเมื่อไหร่ก็ยังคึกคักและคราคร่ำไปด้วยผู้คนหลากหลายเชื้อชาติไม่เคยเปลี่ยน ซัน โบว์ น้องดักแด้ เจ้าสัวยาง คุณนายจู และแม้กระทั่งพี่นายพลก็นั่งรถเข็นมาส่งครอบครัวของผมที่สนามบิน จะมีอยู่แค่คนเดียวเท่านั้นที่เจ้าสัวยางบอกว่าติดงานด่วนที่บริษัทเลยไม่ได้มาส่งด้วยกัน

ออมทำตัวงอแงเล็กน้อยและอ้อนขอกอดซันหลายรอบจนคนเป็นย่าตีเผี๊ยะเข้าที่แขนจนเป็นรอยแดงปื้นใหญ่ แต่กลับเรียกเสียงหัวเราะขำจากทุกคนได้เป็นอย่างดี ขนาดซันเองยังขำแฟนตัวเองเลยครับ

ระหว่างออมกับซันทางผู้ใหญ่ตั้งใจว่าจะจัดงานหมั้นกันช่วงรับปริญญา จัดงานหมั้นเสร็จก็ต่อด้วยงานรับปริญญาแล้วเราทั้งคู่ พร้อมซันก็จะบินกลับไปอังกฤษด้วยกัน ซันจะไปต่อปริญญาโทที่อังกฤษแถมยังแพลนล่วงหน้าว่าจบปริญญาโทแล้วคงจะแต่งงานและเปิดอู่มีลูกกันเลย ซึ่งพูดถึงเรื่องความรักของซันกับหลานสาวทีไรเป็นต้องได้อมยิ้มทุกครั้ง

คู่ของโบว์กับน้องดักแด้ก็ใช่ย่อยนะครับ ได้ข่าวแว่วว่าโบว์จะพาน้องดักแด้ไปเปิดตัวกับเพื่อนๆ สายเคป็อปที่เกาหลีเร็วๆ นี้ด้วย คู่นี้น่ารักดีจริงๆ ครับ
   
“ดูแลตัวเองด้วยนะครับ”
   
พนมมือไหว้พี่นาย ตั้งแต่เกิดเรื่องขึ้นโบว์กับพี่นายพลก็กลับมาญาติดีกันอีกครั้ง โบว์ให้เหตุผลว่าไม่รู้จะโกรธกันไปทำไมในเมื่อเรื่องมันก็ผ่านมาตั้งนานแล้ว.. ซึ่งมันทำให้ผมคิดถึงประโยคของคุณพ่อที่พูดกับผมเมื่อคืน.. ‘เรื่องของวันนี้.. สักวันหนึ่งมันก็จะมีไว้ให้แค่หวนระลึกถึงเท่านั้น....’
   
“น้องเต็มเองก็ต้องดูแลตัวเองด้วยนะครับ”
   
พี่นายส่งยิ้มให้ผม มันเป็นรอยยิ้มที่จริงใจที่สุดเท่าที่ผมเคยได้รู้จักผู้ชายคนนี้ ตอนนี้พี่นายยังไม่รู้เรื่องของณดล แต่ผมคิดว่าอีกไม่นานทุกอย่างจะดีขึ้นเมื่อณดลกลับเข้าไปในชีวิตของเจ้าตัว
   
ได้เวลาที่ต้องเข้าไปด้านใน ทุกคนร่ำลาและถ่ายรูปร่วมกันเป็นที่ระลึก ผมกราบลาเจ้าสัวยางกับคุณนายจู ท่านทั้งคู่ให้พรผมเป็นภาษาจีน ซึ่งผมฟังไม่รู้เรื่องหรอกครับแต่คิดว่าคงเป็นเรื่องดีๆ นั่นแหละ

จังหวะที่กำลังจะขึ้นบันไดเลื่อนเข้าด้านใน เสียงใครคนหนึ่งตะโกนเรียกชื่อผม ทำให้ทุกคนหันไปมองเป็นตาเดียว คนที่เรียกเป็นเด็กผู้หญิงหน้าตาหมวยที่ดูคุ้นตาและผมก็จำได้ว่าเจ้าตัวเป็นใคร ผมหันไปมองหน้าบุพการี คุณพ่อกับคุณแม่ส่งยิ้มให้ผม ส่วนพี่ขวัญกับออมก็รีบบอกว่าไปเจอกันด้านใน ผมจึงเดินไปหา ‘หลิน’ เด็กรับใช้ที่อยู่บ้านสวนของบ้านเจ้าสัวยางครับ
   
เด็กสาวเข็นรถเข็นเด็กวิ่งกระหืดกระหอบจนหน้าแดงก่ำมาหยุดตรงหน้าผม เมื่อผมก้มลงดูในรถเข็นเด็กก็พบว่าแมวตัวอ้วนนามว่า ‘สีส้ม’ กำลังนั่งยกขาเลียขนอยู่ด้านใน ผมหลุดหัวเราะแล้วย่อตัวลงนั่งระดับเดียวกับแมวน้อย
   
“ว่าไงสีส้ม? มาส่งพ่อเต็มเหรอครับ?”
   
ลูบหัวเกาคางแมวอ้วนเล่น เจ้าตัวร้อง ‘เมี๊ยว’ แล้วคลอเคลียฝ่ามือผมอย่างออดอ้อน
   
“เป็นเด็กดี แข็งแรงนะครับคนเก่ง”

ยื่นหน้าเข้าไปด้านในรถเข็นแล้วใช้ปลายจมูกแตะกับจมูกสีชมพูเล็กๆ ของสีส้ม
   
“พ่อเต็มรักสีส้มนะครับ”

กระซิบบอกแมวน้อยเบาๆ พร้อมกับแตะหน้าผากชนกัน เป็นการสื่อให้รู้ว่า ‘รักและเชื่อใจ’ อ่อ.. เกือบลืมไปครับ ผมดึงสร้อยคอทองเลี่ยมพระที่สวมอยู่ออกมาตรงหน้าสีส้มพร้อมกระตุกยิ้มมุมปาก
   
“ถ้าเจ้าทาสของสีส้มอยากได้มันคืน.. ก็บอกให้เขาตามไปเอาที่อังกฤษเองนะ”

ผมหอมฟัดสีส้มอีกยกใหญ่ก่อนจะลุกขึ้นและบอกขอบคุณเด็กสาว จากนั้นก็วิ่งขึ้นบันไดเลื่อนไปโดยที่หันกลับมามองสีส้มอีกครั้ง ผมรักสีส้มมากครับ เป็นแมวตัวแรกที่ผมหลงรักเลยก็ว่าได้...

ส่วนเรื่องที่ผมฝากสีส้มไปบอกเจ้าทาศนั้น สีส้มคงจะกลับไปบอกเจ้าทาสของมันไม่ได้หรอกครับ แต่โทรศัพท์มือถือที่เปิดโหมดวิดิโอคอลแล้วเหน็บแอบไว้ตรงมุมด้านในรถเข็นนั่นสามารถส่งคำพูดของผมไปถึงเจ้าทาสได้อย่างแน่นอน... อ่า.. แล้วทำไมผมต้องหัวเราะและร้องไห้พร้อมกันอีกแล้วล่ะเนี่ย.. บ้าชะมัด! ^^


.
.
.
.
.

The End …


จบแล้วเหรอเนี่ย?? บ้าชะมัด!! อ้าว ด่าตัวเองทำไม? ฮ่าๆๆๆ

อยากรู้ว่าหลังจากนี้เป็นยังไง กลับไปอ่าน Intro นะคะ อิอิ

ขอบคุณคนอ่านทุกคนที่อยู่กันมาจนถึงตอนจบนะคะ รักทุกคนนะคะ  :กอด1: :L1:

ส่วนรายละเอียดการอัพเดทรวมเล่ม ติดตามได้ที่เพจเลยค่ะ
https://www.facebook.com/RIRINandRiya

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 11-11-2017 20:28:33 โดย RIRIN »

ออฟไลน์ RiyaKwon

  • Riya Kwon*Kwon Riya
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1021
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-1
จบซะแล้ววววววววว
 :katai2-1: :katai2-1:

ถึงแม้ตอนเทมป์ข่มขืนเต็มจะไม่ใช่วิธีที่ดี และเราก็ไม่เห็นด้วยที่ทำร้ายกันแบบนี้
แต่เราพอเข้าใจความรู้สึกอัดอั้นนั้นนะ จะให้ทุบตี เข่นฆ่าก็ไม่ได้ เพราะเทมป์ก็รักเต็ม
การโดนคนรอบข้างปิดบังเหมือนเป็นคนโง่มาตลอด เป็นใครก็อึดอัด แต่เทมป์ก็ยอมทำตามแม้จะไม่เข้าใจอะไร
แม้เต็มจะไม่ได้โกหก แต่หนึ่งในหมากที่เต็มใช้ตลบหลังดิษฐ์ก็คือเทมป์นั่นแหละ
พอมารู้ความจริงเรื่องทั้งหมด ทั้งความสูญเสีย ทั้งความหวาดกลัว และความรักก็รวมอยู่ในคนเดียว
จากตอนที่แล้ว เทมป์ก็เข้าใจทุกอย่างนะ ว่าเต็มไม่ใช่คนผิด ที่ผิดคือพ่อ
แต่พอมาเจอหน้าเต็ม ความรู้สึกทั้งหมดก็ปะทุออกมา ควบคุมไม่ได้ จนทำร้ายเต็มแบบนี้

อ่านแล้วแม้จะหน่วงไปหน่อย แต่ก็เข้าใจกันแหละ

คงต้องย้อนกลับไปอ่านอินโทรแล้วววววว ความแฮปปี้จึงจะตามมา 55555

เหลือตอนพิเศษ รอลุ้นคู่พี่นายน้องณดล แล้วก็จะตามไปอุดหนุนรูปเล่มด้วยยยยย
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 11-11-2017 21:03:46 โดย RiyaKwon »

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
โอ้โห......เทมป์ รุนแรงมาก ถึงขั้นข่มขืนเต็มเลย ข่มขืนเต็มสองครั้งแล้วนะ เหอะ....
นี่คนรักนะ รักนักหนาซะด้วย
โกรธได้ แต่ทำไมไม่คิดล่ะว่าเรื่องทั้งหมดมาจากพ่อตัวเอง
เต็ม ไม่ได้เป็นคนเริ่มเรื่อง หรือก่อเรื่อง
เต็ม ไม่ได้เป็นคนยิงพ่อ ยิงแม่เทมป์สักหน่อย
ทำยังกับพ่อตัวเองแสนดีงั้นแหล่ะ  :fire: :fire: :fire:

ตอนเริ่มอ่านก็รู้ว่าจบดี  รักกัน อยู่ด้วยกัน
แต่รายละเอียดการง้อกัน ดีกัน มันไม่มีอ่ะ  :z3: :z3: :z3:
มีตอนพิเศษอีกก็ยอดเยี่ยมเลย
ขอบคุณไรท์
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 12-11-2017 18:57:52 โดย ♥►MAGNOLIA◄♥ »

ออฟไลน์ O-RA DUNGPRANG

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1760
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-5
ค้างแบบไม่ต้องสอยลงมากันเลยทีเดียว :katai1: แต่จบแบบนี้มันก็ จะเรียกว่าถูกต้องหรือว่ายังใงดีละมันน่าจะเป็นหนทางที่ดีที่สุดแล้วก็ได้สำหรับสองคนนี้เพราะเรื่องราวที่เกิดขึ้นมันไม่ได้ทำให้เกิดแค่ช่องว่างมันยังทำให้เกิดแผลใหญ่อีกด้วย สำหรับกองทัพแล้วคงต้องพยายามอย่างมากเลยทีเดียวกับการที่ต้องมานั่งทำความเข้าใจหรือมันอาจจะถึงขั้นต้องทำความรู้จักเต็มใจใหม่กันเลยทีเดียวแต่ก็นะเวลาและใจที่เข้มแข็งมันคงจะเยียวยาอะไรได้หลายๆอย่างและคนหลายๆคน

ออฟไลน์ mooping-7

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2527
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +88/-5
ตอนพิเษมาแบบด่วนๆเลยอยากเห็นคนง้อกัน

ออฟไลน์ karenoo

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 406
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-1
ขอตอนพิเศษอีกนิดไม่ได้เหรอคะ...อินโทรมันก็ดีนะคะ แต่มันยังไม่อิ่มอ่ะคะ  :กอด1:

ออฟไลน์ PinkCaramel

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 149
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
จบแบบนี้ แม้จะค้าง แม้จะแบบอึดอัด แต่เราว่ามันโอเคที่สุดแล้วสำหรับ 2 คนนี้
เข้าใจหัวอกกองทัพ ลองเทียบถ้าหากเป็นชีวิตจริงคงไม่มีใครทนได้หรอก
เข้าใจเต็มใจ เหมือนอย่างที่คุณพ่อพูดถูกต้องที่สุด กราบคุณพ่อด้วยคนนะคะ

แล้วก็ยกนิ้วให้นักเขียนด้วยนะคะ สุดยอดค่ะ  o13

ร้องไห้หนักมาก  :m15: แต่เราว่ามันโอเคที่สุดแล้วจริง ย้อนกลับไปอ่านอินโทรค่ะ  :sad11:

ออฟไลน์ PinkCaramel

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 149
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
ค้างแบบไม่ต้องสอยลงมากันเลยทีเดียว :katai1: แต่จบแบบนี้มันก็ จะเรียกว่าถูกต้องหรือว่ายังใงดีละมันน่าจะเป็นหนทางที่ดีที่สุดแล้วก็ได้สำหรับสองคนนี้เพราะเรื่องราวที่เกิดขึ้นมันไม่ได้ทำให้เกิดแค่ช่องว่างมันยังทำให้เกิดแผลใหญ่อีกด้วย สำหรับกองทัพแล้วคงต้องพยายามอย่างมากเลยทีเดียวกับการที่ต้องมานั่งทำความเข้าใจหรือมันอาจจะถึงขั้นต้องทำความรู้จักเต็มใจใหม่กันเลยทีเดียวแต่ก็นะเวลาและใจที่เข้มแข็งมันคงจะเยียวยาอะไรได้หลายๆอย่างและคนหลายๆคน


ใช่ค่ะ เห็นด้วยมากๆ มันหนักหน่วงมากสำหรับกองทัพ
ต่อให้เข้มแข็งมาจากไหนเจอเหตุการณ์แบบกองทัพเข้าไปมันก็สุดๆ แล้วค่ะ  :sad11:

ออฟไลน์ Supparang-k

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1908
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-3
งื้ออออ...ขอตอนพิเศษทีคะ  อยากรับรู้ตอนเค้าตามไปเอาสร้อยพระกลับเมืองไทย   งื้ออออ

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
ขอบคุณค่ะ
เห็นด้วยกับคำพูดของคุณพ่อนะนี่

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ simpleyaoi

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 137
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
ค้างแบบไม่ต้องสอยลงมากันเลยทีเดียว :katai1: แต่จบแบบนี้มันก็ จะเรียกว่าถูกต้องหรือว่ายังใงดีละมันน่าจะเป็นหนทางที่ดีที่สุดแล้วก็ได้สำหรับสองคนนี้เพราะเรื่องราวที่เกิดขึ้นมันไม่ได้ทำให้เกิดแค่ช่องว่างมันยังทำให้เกิดแผลใหญ่อีกด้วย สำหรับกองทัพแล้วคงต้องพยายามอย่างมากเลยทีเดียวกับการที่ต้องมานั่งทำความเข้าใจหรือมันอาจจะถึงขั้นต้องทำความรู้จักเต็มใจใหม่กันเลยทีเดียวแต่ก็นะเวลาและใจที่เข้มแข็งมันคงจะเยียวยาอะไรได้หลายๆอย่างและคนหลายๆคน


ใช่ค่ะ เห็นด้วยมากๆ มันหนักหน่วงมากสำหรับกองทัพ
ต่อให้เข้มแข็งมาจากไหนเจอเหตุการณ์แบบกองทัพเข้าไปมันก็สุดๆ แล้วค่ะ  :sad11:


ร้องไห้จนแม่ต้องหันมามอง  :m15:
ขอลอกคอมเม้นต์นะคะ เห็นด้วยค่ะ
จบแบบนี้แม้จะค้างยังไงแต่มันดีที่สุดสำหรับกองทัพและเต็มใจแล้วค่ะ  :hao5:

ออฟไลน์ simpleyaoi

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 137
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
อีกนิดนะคะ ประโยคของคุณพ่อ กินใจมากๆ เลยค่ะ FC คุณพ่อนะคะ  :hao5:

ออฟไลน์ pktherabbit

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 207
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
อะไร ก็ดีหมดแต่ติดเรื่องเดียวคือ ระยะเวลาความสัมพันธ์ อายุ ของเต็มกับกองทัพในตอนอินโทร แลไม่สมจริงกับในเรื่อง บอกว่าเปิดตัวอยู่กินเป็นผัวเมียมาสิบปี ไม่รวมจีบ แต่อายุกองทัพย่างสามสิบ แต่ในตอนจบเพิ่งจบตรีอายุควรแค่21-22 (+10=31หรือ32) แมวอายุ 8 ปี เราว่าไม่ใช่ละ

รบกวนผู้เขียนลองพิจารณาอีกทีค่ะ

ออฟไลน์ Wrwrwr

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 163
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
อะไร ก็ดีหมดแต่ติดเรื่องเดียวคือ ระยะเวลาความสัมพันธ์ อายุ ของเต็มกับกองทัพในตอนอินโทร แลไม่สมจริงกับในเรื่อง บอกว่าเปิดตัวอยู่กินเป็นผัวเมียมาสิบปี ไม่รวมจีบ แต่อายุกองทัพย่างสามสิบ แต่ในตอนจบเพิ่งจบตรีอายุควรแค่21-22 (+10=31หรือ32) แมวอายุ 8 ปี เราว่าไม่ใช่ละ

รบกวนผู้เขียนลองพิจารณาอีกทีค่ะ


ความคิดส่วนตัวเราว่ามันก็สมเหตุสมผลนะคะ
กองทัพกับเต็มใจอยู่ด้วยกัน(คล้ายสามีภรรยา)ตั้งแต่อยู่หอพัก ออกมาอยู่บ้านก็อยู่แบบเปิดเผยคนรู้ว่าเป็นอะไรกันแถมยังเข้าโรงแรมกันบ่อย**ชอบมากค่ะ555*
กองทัพจบอายุ 22 ตอนอินโทรบอกย่างสามสิบ
22+ป.โท3ปี+ป.เอก3ปี คร่าวๆ ว่าตอนจบ ป.เอก น่าจะอายุ 28-29 ปี แต่ในอินโทรน่าจะจบ ป.เอกมาแล้วสักปี รวมๆ ก็ 9-10 ปีนะคะ
ส่วนสีส้ม(ตัวใหม่) ตอนที่กองทัพเจอตอนนั้นอยู่ประมาณปี 2-3 อายุน้องแค่ 2 เดือนมั้งคะ อายุก็คง 8-9 ปีได้ค่ะ

นี่เราต้องมาคำนวณกันถึงขนาดนี้เลยเหรอคะเนี่ย
แต่เราคิดว่ามันก็พอจะมีความเป็นไปได้อยู่นะคะ ไม่ได้เว่อร์วังอะไรเลย :mew3:

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 11-11-2017 21:54:35 โดย Wrwrwr »

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26

ออฟไลน์ เด็กดอยดาว

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
จบแบบนี้ดีแล้วค่ะ เพราะถ้าหากจบว่าทั้งคู่หวานแหวว รัก และเข้าใจกัน ทั้งๆ ที่กองทัพเพิ่งจะผ่านเหตุการณ์ร้ายๆ มาแค่ไม่ถึงเดือนมันก็เป็นไปไม่ได้ กองทัพยังรักเต็มใจมากถึงได้แสดงออกอย่างทารุณแบบนั้น เพราะรักมากและเสียใจมาก ต่อให้เต็มใจไม่ใช่คนร้ายตัวจริง แต่ในความรู้สึกของกองทัพก็รู้ว่าเต็มคือส่วนหนึ่งที่ทำให้เรื่องทั้งหมดเกิดขึ้น ใช้ตัวเองเป็นเกมส์ในหมากเหมือนที่พ่อของตัวเองหลอกใช้มาตลอด


ส่วนในเรื่องที่ว่าอินโทรไม่สมเหตุสมผล เราคิดว่ามันก็สมเหตุสมผลดีนะคะ
คำว่าอายุย่าง 30 ก็คืออายุอยู่ได้ตั้งแต่ระหว่าง 28-30 เลยค่ะ บางคนตราบใดที่ยังไม่ถึงวันเกิดเป๊ะๆ ก็ยังไม่นับว่าครบ 30 เลยค่ะ

เราว่าเรื่องนี้ลงตัวแทบทุกอย่าง มีเหตุและผลในตัวของมันเอง
นักเขียนยอดเยี่ยมมากค่ะ โดยเฉพาะเรื่องที่หลอกให้เราหลงทางเข้าป่าทะลุทะเลออกไปไกลเลย  o13

ออฟไลน์ crazydoii

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 858
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-1
จบแบบสมบูรณ์แบบ

เป็นนิยายที่ดีมากครับ. ชอบมากครับ,,,

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
จบแบบให้ไปคิดเอาเองว่ากลับมาอยูด้วยกันได้ไงตามใจคนอ่าน แต่คนแก่โง่อ่ะ เดาไม่ออก มโนไม่เก่ง รบกวนขอตอนพิเศษด่วนจ้า  :กอด1:

ออฟไลน์ about

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 254
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0

ออฟไลน์ badbadsumaru

  • ♡ caramel macchiato
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2458
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +91/-2
มันเป็นเรื่องที่ทำใจยากนะสำหรับเทมป์
แต่จะให้ไปทำร้ายเต็มแบบอื่นก็ทำไม่ลง
ฮื่ออออ ขอบคุณมากนะคะ

อยากอ่านตอนพิเศษจังเลยค่ะ 5555

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด