{Will you be my family?(น้องครับฯ?)}บทที่23:แล้วเราจะได้พบกันอีก(END)[29/05/18] P.3
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: {Will you be my family?(น้องครับฯ?)}บทที่23:แล้วเราจะได้พบกันอีก(END)[29/05/18] P.3  (อ่าน 15899 ครั้ง)

ออฟไลน์ sakutaka

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 128
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-1
***************************************************************************************
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)

18.ใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฏข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฏข้อ 17



เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

*****************************************************************************************

{Will you be my family?(น้องครับพี่ขอนับญาติได้มั้ย?)}

“เพราะมึงไม่เคยมองใคร มีคนนี้แหละคนแรกที่มึงมองแล้วก็ติดใจมานานกว่าที่เคยติดหญิง”

คำพูดไอ้เดย์เหมือนอย่างกับคำทำนายชี้ชะตาอนาคตอันสดใสของผม
ที่ต้องไปหวนเจอกับ "ไอ้แทนสุรบถ" อีกครั้งแบบไม่ตั้งใจ

หนี้ครั้งที่หนึ่งยางลบ ครั้งที่สองให้ยืมตังค์ ครั้งที่สามพาเพื่อนมาส่งหอ
เช้ดดดด ชาตินี้ผมก็ใช้ไม่หมดแล้วมั้ง
ให้ยืมยางลบซื้อยางลบใช้คืน
ให้ยืมเงินหาเงินมาใช้คืน
ให้ขับรถพาเพื่อนมาส่งหอต้องเอาเพื่อนมาใช้คืนมั้ยวะ

“ผมไม่เอาเพื่อนพี่...แต่ขอเป็นตัวพี่แทนละกัน”


+++++++++++++++++++++++++++++++++++


ตอนพิเศษ



+++++++++++++++++++++++++++++++++++
Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 10-11-2018 11:29:01 โดย sakutaka »

ออฟไลน์ sakutaka

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 128
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-1
บทนำ

บทนำ

“แม่งตื่นเต้นชิบหาย” พอมองเห็นคนรุ่นราวคราวเดียวกันที่ใส่ชุดเหมือนๆกันมารวมตัวอยู่ในที่เดียวกันมันทำให้อาการตื่นสนามสอบของผมกำเริบจนต้องบ่นออกมา ไม่รู้คนโผล่มาจากไหนเยอะแยะ ที่นี่ก็ไม่ใช่สนามสอบที่เดียวในกรุงเทพซะหน่อย แต่ทำไมดูอย่างนี้แล้วเหมือนจะมาตัดคะแนนผมเลยวะ

“ไอ้ไทม์คนได้เกรดเฉลี่ยสี่จุดศูนย์ๆสามปีซ้อนอย่างมึงยังมีน่ามาบ่น ดูกูนี่ เครียดจนจะเป็นบ้าอยู่แล้ว” ไอ้ข้างๆมันเหน็บผมพร้อมกับเกาหัวยิกจ้องหนังสือรวมข้อสอบที่มันถืออยู่กับมือหน้าเครียด มันชื่อเดย์ครับ ไอ้นี่มันอยู่เป็นเพื่อนผมมาตั้งแต่ม.ต้น เป็นเด็กกิจกรรมชอบนั่งหลังห้องต่างกับผมสุดขั้วที่เป็นคนไม่โดดเด่นอะไร(ผมคิดว่างั้นนะ) ชอบนั่งเงียบๆอยู่หลังห้องเรียนทั้งที่ไม่ได้เป็นเด็กกิจกรรมเหมือนกับมัน แต่ดันไปสนิทกับมันเข้าให้

“ใครใช้ให้มึงไปตีดอทก่อนวันสอบล่ะวะ”

“ก็กูเครียด”

“อ่านจบสองหน้าแม่งเล่นสี่ชั่วโมงเนี่ยนะที่บอกเครียด”

“เครียดมากไงมึงเลยเล่นนานไปหน่อย เล่นน้อยๆก็แปลว่าไม่ค่อยเครียดดิวะ”

“โหยไอ้ฟาย นี่มึงจะเข้าคณะเดียวกับกูจริงเปล่าเนี่ย”

“เฮ้ย เข้าดิ คนอย่างไอ้เดย์ซะอย่างไม่มีทิ้งมึงหรอกไอ้ไทม์ ถ้ากูสัญญาแล้วว่าจะอยู่คู่กับมึงไปจนวันตาย กูก็ต้องทำให้ได้” มันหยอดผม เออ...ไอ้เดย์มันอย่างนี้แหละครับ อย่างที่ผมบอกไปเมื่อตอนแรก ถ้าลืมก็ไม่ต้องย้อนกลับไปอ่านนะ เดี๋ยวผมเขียนซ้ำให้ ว่ามันอยู่กับผมมาตั้งแต่ม.ต้น มันเลยสนิทกับผมมากจนเรียกได้ว่าตัวแทบติดกัน ไปไหนไปกันแม้แต่ไปห้องน้ำยังฉี่โถข้างกัน ขนาดจะมีแฟนแต่ละทีมันยังต้องขออนุญาตผม....กูเป็นแม่มึงหรือไงวะ ถามจริง
แล้วไหนมันจะมาสัญญิงสัญญาผมอีกว่าจะเข้าคณะเดียวกับผมให้ได้ ความจริงก็แค่ข้ออ้างของคนที่ไม่รู้จะเรียนอะไรอย่างมัน แต่ถึงอย่างนั้นก็เหอะบ้านมันรวยครับ ถึงจะเรียนไม่จบไปไม่รอดแค่ป๊ามันดีดนิ้วดังเป๊าะแค่นั้นมันก็คงถูกส่งไปเรียนที่ต่างประเทศให้เอาวุฒิปริญญากลับมาแล้ว หลังจากนั้นงานเงินก็ไม่ต้องหาแค่มาสานต่อกิจการบ้านธุรกิจพันล้านของป๊ามันเป็นพอ

“เออ...ขอให้โชคเข้าข้างมึง ถ้ามึงเข้าคณะเดียวกับกูได้ก็ยอมแต่งกับมึงเลย” ผมแซวมัน

“มึงสัญญาแล้วนะ”

“ไอ้เชี่ยกูล้อเล่น น้องจิงมึงล่ะ น้องจิงมึง” คิดจริงเหรอวะไอ้เชี่ยนี่

“ก็นั่นแฟน”

“มึงก็ต้องแต่งกับแฟนดิวะ” มันคงคิดเข้าข้างตัวเองว่าผมงอนเลยเลิกสนใจหนังสือรวมข้อสอบในมือแล้วหันมาล็อคคอผมเข้าไปใกล้ๆแทน

“ก็นั่นน่ะแฟน...ส่วนนี่เมีย” แทบจะสะบัดหัวออกทันที

“เมียพ่องดิ”  ไอ้นี่แม่ง ถ้าน้องจิงมันมาได้ยินเข้ามีหวังได้เลิกกัน

“อ้าวไรวะไอ้ไทม์ ได้กูไม่พอนี่มึงแม่งจะเอาพ่อกูด้วยเหรอวะ”

“ถ้าจะเอา กูเอาพ่อมึงคนเดียวดีกว่ามั้ย รวยก็รวย อายุยังน้อย แถมหน้าตาดี อย่างนี้กูจะเอามึงไปทำเพื่อ” เถียงกับมันหามีสาระอันใดไม่ผมเลยเลิกสนใจหันมาเช็คของที่ต้องเตรียมเอาเข้าห้องสอบแทน จนกระทั่งผมได้ยินเสียงหึ่มแปลกๆดังมาจากรอบทิศนั่นแหละ

“ที่นี่มีคอนเสิร์ตเหรอวะ” ไอ้เดย์มันว่า มึงคิดได้นะว่ามีคอนเสิร์ตตอนวันสอบเนี่ย...เสียงที่ได้ยินมันไม่เหมือนเสียงของพวกนักเรียนที่กำลังคุยกันเรื่องสอบ เพราะวิถีเสียงมันแปลกไปดูคล้ายเสียงกรี๊ดกร๊าดเบาๆจากพวกเด็กผู้หญิงเสียมากกว่า ทันทีที่นึกสงสัยว่าเสียงมาจากไหน ไม่ทันไรผมก็หาต้นเสียงความฮือฮานั้นเจอ

“แม่เจ้าโว้ย” แม้แต่ไอ้เดย์มันยังอุทาน กับไอ้ตัวสูงชะลูดที่พึ่งเดินฝ่ามากลางวงดงคนสอบแอดมิชชั่น เพราะมันหน้าตาหล่อสัดๆถึงแม้ผมจะเกรียนตามแบบเด็กมัธยมทั่วไปแต่โครงหน้า ตา จมูก ปาก คิ้ว อย่างกับพระเจ้ารังสรรค์ปั้นแต่งขึ้นมาให้เป็นงานประติมากรรมชั้นเลิศเทหมดโปรโมชั่นไม่เหลือไว้ปั้นมนุษยชาติคนไหนอีก แต่มันดันใส่ชุดไปรเวทเสียบหูฟังเดินกดโทรศัพท์เข้ามาแบบไม่สนใจมองทาง จนกระทั่งเสียงฮือฮาของผู้หญิงที่มาสอบเหมือนกันกับผมดังเข้าหูมันแหละครับถึงได้เงยหน้าขึ้นมามองว่าเกิดอะไรขึ้น ท่าทีที่ดูตกใจเล็กน้อยทำเอาผมขำเล็กๆ เสือกเดินทะเล่อทะล่าเข้ามาได้ มันโงหัวแบบเคอะเขินเป็นเชิงขอโทษว่าเดินมาผิดรังแล้วพยายามเดินทะลุออกมาให้สุดทางซึ่งเป็นทางเดียวกับที่ผมยืนอยู่ ยิ่งเดินเข้ามาใกล้ก็ยิ่งทำให้รู้ว่ามันไม่ได้ดูดีแค่ระยะร้อยเมตร มันดูดีราศีจับตั้งแต่สองเมตร เมตรครึ่ง เมตรนึง จนกระทั่งระยะราวๆห้าสิบเซนนั่นแหละที่สายตามันขยับขึ้นมาประสานกับผมที่ยังคงยิ้มค้างมองมันพอดี จ้องมาจ้องตอบไม่โกง ใช่เปล่าแว้ ไอ้หล่อมันยกมือขึ้นมาถอดหูฟังข้างหนึ่งออกก่อนเดินผ่านผมไปแบบภาพสโลว์โมชั่น ซึ่งผม...รู้สึกถึงสายตาของมันตลอดเวลาที่เดินผ่านผมไป...จนกระทั่งเสียงๆหนึ่งดังขึ้นมา

“นักเรียนทุกคนเตรียมเข้าไปนั่งประจำที่ในห้องสอบได้เลยนะคะ” สติครับ!! ถึงเวลาที่ต้องเข้าสังเวียนการแข่งขันกับเพื่อนร่วมรุ่นทั้งต่างโรงเรียนและร่วมสถาบัน ไม่มีเวลามานั่งอึ้งกับความหล่อมันแล้ว ผมรีบหุบยิ้มเปิดซิปเป้เอากล่องดินสอออกมาคว้าอุปกรณ์ทั้งดินสอ ปากกา ยาง...เอ๋....ยางลบ...อยู่ไหนวะ...เฮ้ย...ไม่มี!!

“เชี่ยแล้ว”

“เป็นไรมึง”

“ยางลบ...กูหายางลบไม่เจอ” หลังจากที่ผมหาในกล่องดินสอยังไงก็ไม่เจอ ผมเลยหันมาคุ้ยหาในกระเป๋าเป้ใหม่ แต่จนแล้วจนรอดก็ยังไม่เจออยู่ดีไอ้ยางลบก้อนโตยี่ห้อโมโนที่ผมใช้ทำรวมข้อสอบเมื่อวันก่อนมันหายไป!!

“หาไม่เจอหรือวะ หาดีดีก่อนดิ๊ กูดันเอามาก้อนเดียวด้วยดิ” ให้ตายเหอะผมเนี่ยมันบ้าของแท้เลยมีอย่างที่ไหนมาลืมยางลบตอนวันสอบ ทั้งที่เมื่อวานก็แน่ใจแล้วนะว่าเตรียมพร้อม แต่เพราะวิตกจริตมากไปหน่อยเลยย้ายที่อยู่ของมันจนหาไม่เจอซะอย่างนั้น แล้วผมจะใช้อะไรทำข้อสอบเนี่ยหาาาา

“หายางลบอยู่หรือครับ เอาของผมไปใช้ก่อนมั้ย” ตอนนี้เหมือนคำว่ายางลบมันใหญ่โตตัวเท่าบ้านมากสำหรับผม แค่พูดคีย์เวิร์ดนี้ออกมาเรดาห์ผมก็แทบพุ่งไปตามทิศทางนั้นแบบไม่รีรอ แต่สิ่งที่ทำให้ผมต้องประหลาดใจรอบสองรองจากยางลบก็คือคนที่ทักผม เพราะมันเป็นคนๆเดียวกับที่พึ่งแหวกฝูงชนเด็กนักเรียนม.หกไป ยิ่งพอได้เห็นหน้ามันใกล้ๆแม่งทำไมเท่ไม่เกรงใจพ่อแม่แบบนี้วะ ไม่รู้ว่ามันแอบได้ยินผมกับไอ้เดย์คุยกันตั้งแต่เมื่อไร แต่ก็คงพอที่จะทำให้รู้ว่าผมต้องการยางลบ!!

“แล้วน้องไม่ใช้เหรอ” เพราะมันไม่ได้ใส่ชุดนักเรียนมาสอบแล้วผมมันก็เกรียน โอเค ผมเรียกมันน้อง

“ขายต่อหกสิบ” แม่งอึ้งครับ...ไอ้เชี่ยยยย....ถ้าจะรีดไถขนาดนี้มึงมาตั้งโต๊ะขายอุปกรณ์สอบตรงนี้เลยมั้ยกูจะได้ซื้อกับมึงไปเลย

“น้องเก็บไปเหอะ พี่เกรงใจ” ผมชักมือกลับขณะที่ยื่นไปได้ครึ่งทางแล้ว มันหัวเราะน้อยๆกับท่าทีของผม รอยยิ้มแม่งหล่อสัด ก่อนจะพูดขึ้นมาอีกครั้ง

“บ้าน่ะ..ล้อเล่น เอาไปเหอะผมให้” มันยื่นให้อีกครั้ง

“ไม่เป็นไร” ล้อเล่นกับคนกำลังหน้าสิ่วหน้าขวานอย่างนี้มึงยังมีจิตใจเป็นคนอยู่เปล่าวะ...ขืนยื่นมือไปรับถ้ามันชักกลับก็หน้าแตกรอบสองดิ

“เหอะน่า”

“ไม่เอา”

“ผมไม่คิดเงินหรอก”

“ก็บอกแล้วไงว่าไม่เอา”

“งั้นเอางี้” มันเปิดกระเป๋าเป้ที่มันสะพายอยู่ เอามือเข้าไปคุ้ยๆหาอะไรบางอย่าง ทันทีที่มันชักมือออกมาผมก็เห็นของมีคมที่คุ้นตา เฮ้ยเชี่ยแม่งคัตเตอร์!!

แค่ไม่รับก็ไม่เห็นถึงขั้นต้องทำร้ายกันนี่หว่า เวรละผมกำลังจะโดยยัดยารึเปล่าวะ ยังไม่ทันที่ผมจะมโนไปถึงฉากในหนังสายลับอย่างเจมส์ บอนด์ ศูนย์ศูนย์เจ็ด มันก็ดึงปลอกกระดาษที่ห่อยางลบออกแล้วเอาคัตเตอร์จิกลงไปเบาๆก่อนหักเป็นสองท่อน

“อ่ะ...เอานี่ไป” มันยื่นส่วนหนึ่งให้ผม “เร็วๆดิ เดี๋ยวก็เข้าห้องสอบไม่ทันกันพอดี” มันเร่งผมยิก จะด้วยความลังเลหรือทิฐิอะไรก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่ผมก็ยังไม่ยอมยื่นมือออกไปรับอยู่ดี

“ไอ้เชี่ยไทม์ มึงจะยึกยักอยู่ทำไมวะ รับๆน้องเขาไปเถอะ มันจะเริ่มสอบแล้วนะเว้ย หรือมึงจะรอสอบปีหน้าฮะ” ไอ้เดย์แม่งตัวดี เร่งกูจัง...กูไม่อยากมีบุญคุณกับคนกวนตีนแบบนี้เว้ย จนแล้วจนรอดผมก็ยังไม่ยื่นมือออกไปรับ

“ก่อนที่พี่จะต้องมาเรียนรุ่นเดียวกับผม” มันก้มลงมาคว้าแขนข้างที่กำดินสอปากกาของผมแล้วยัดยางลบครึ่งก้อนนั้นลงไป “เอาไปใช้เถอะนะครับ พี่ไทม์” รอยยิ้มสุดบาดใจและดูกวนตีนสุดๆ ถ้าไม่ติดว่ามันเป็นอนาคตของผม ผมคงเอายัดรูจมูกมันไปแล้ว

“ใช้เสร็จเดี๋ยวกูใช้คืน...มึงชื่ออะไรบอกมา” ในเมื่อแน่ใจว่ามันเป็นรุ่นน้องที่กวนตีนผมสุดๆ ผมเลยไม่เกรงใจมันและความจริงคือผมไม่คิดที่ตอบแทนบุญคุณมันอย่างที่พูด เพราะมันคงไม่บังเอิญขนาดที่จะทำให้ผมมาพบกับมันอีกครั้งหรอก...มั้งนะ

“งั้นเอาคืนมาก่อน” เฮ้ยยางลบผม มึงจะเอากลับทำไม อย่าบอกว่ามึงรู้ว่ากูจะไม่คืน โอเค ถอนคำพูด ขอเถอะนะนะ ให้แล้วเอาคืนมะรืนนี้ตายนะเว้ย ผมไม่น่าไปกวนตีนมันเลย ผมกำยางลบในมือแน่นหวงยิ่งกว่าจงอางหวงไข่

“มึงจะเอาคืนไปทำไม”

“จะเขียนชื่อ ที่อยู่ เบอร์ติดต่อ ไอดีไลน์ เฟสบุ๊ค ทวิตเตอร์ อินสตาแกรม เผื่อวันไหนที่พี่มีอารมณ์อยากจะคืน พี่จะได้หาทางติดต่อผมได้”

“ให้อย่างนี้บอกมาเลยว่าจีบดีกว่าน้อง” ไอ้เดย์แม่งทำเป็นรู้ดี ไอ้เด็กนี่มันก็แค่กวนบาทาผมเท่านั้นแหละ

“กูสัญญาจะกูเอาเบอร์มึงไปแจกพวกปล่อยเงินกู้”

“ฮ่าฮ่า พวกพี่แม่งตลกกว่าที่ผมคิด” มันขำแบบไม่เกรงใจผม ซักพักก็โดนขัดจังหวะด้วยเสียงโทรเรียกเข้าที่ดังขึ้น

“เวรละ” มันมองหน้าจอแปบนึงแล้วหันหน้าไปอีกฟาก ผมมองตามสายตามันไปยังกลุ่มเด็กผู้ชายตัวโตใส่ชุดไปรเวทอีกแก๊งหนึ่งที่ยืนอยู่

“ไอ้เชี่ยแทน ทางนี้โว้ย ไอ้เสาร์มันรออยู่ที่สนามแล้ว” เพื่อนมันคงมีแต่เปรตละครับ ที่เห็นยืนอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลแต่ละคนพกพาความสูงมาคนละร้อยแปดสิบขึ้น ตะโกนเรียกคนนอกคอกให้กลับเข้าไปรวมฝูง พอไอ้หล่อเห็นเท่านั้นแหละมันก็มองผมทีหันไปมองทางนั้นทีแต่ก็ไม่ยอมไปซักทีจนต้องให้เพื่อนมันตะโกนรียกซ้ำอีกรอบ

“เออๆกูไปแล้ว” ไปห่าอะไรล่ะขาไม่ขยับซักนิด ซักพักนึงเลยที่มันจ้องหน้าผมแล้วถึงพูดออกมา “ไปก่อนนะ”

“...” ผมอึ้งครับ ต้องตอบไงล่ะทีนี้ ไปดีมาดี หรือ บุยบุย หรือ ไว้เจอกันนะตะเองเ เฮ้ยจริงเปล่าวะ

“เออมึงไปเถอะ...ขอบใจเรื่องยางลบนะ ถ้าสอบติดกูจะตอบแทน”

“สัญญานะ” ทำไมบรรยากาศมันหวานแปลกๆวะ

“ไอ้เชี่ยแทน แม่งจะให้รออีกนานมั้ยวะ มึงรีบมาเลย” คำบอกลาบุยๆไม่ต้องเลยครับ ไอ้ ‘แทน’ มันรีบวิ่งหน้าตั้งไปทางคนเรียกทันที ผมก็พึ่งมาฉุกใจคิดได้เอาตอนนี้ว่าต้องรีบขอบคุณมันอย่างเป็นกิจลักษณะให้ได้ก่อนที่มันจะไป

“เฮ้ยไอ้น้องแทน!! ขอบใจนะ ถ้ากูสอบติดจะมารำแก้บนเลย” ผมตะโกนออกไปตอนที่มันโดนเพื่อนของมันลากไปไกลแล้ว ไอ้ ‘แทน’ ที่ผมเรียกตามเพื่อนมันเลยได้แต่ยกมือยืดสุดแขนแล้วโบกไปมาอย่างร่าเริงพร้อมส่งยิ้มรับมุกโคตรสดใสให้แบบกว้างที่สุดเท่าที่จะกว้างได้


“หึ...ไอ้บ้านี่” ก้อนความเครียดที่สะสมมาจนถึงเมื่อครู่นี้หายไปทันทีราวกับเรื่องโกหก ผมห้ามรอยยิ้มไม่ได้จริงๆ ท่าทีของเด็กนั่น มันดูแบบ...น่ารักพิลึกแล้วไหนจะยางลบครึ่งก้อนนี่อีก ขอใช้มันแทนของนำโชคในการสอบของผมคราวนี้ละกัน

“มันชอบมึงแหงๆเลยวะ เสน่ห์แรงกับผู้อีกแล้วนะเพื่อนกู แต่ก่อนที่จะฟินมึงรีบเข้าห้องสอบก่อนเถอะครับ แม่งจะสอบอยู่แล้ว”

“ไอ้ห่า กูฟินที่ไหนล่ะ เสน่ห์แรงกับผู้อะไรของมึง ปากแม่ง”

“เออมึงหยุด มึงไม่ต้องเถียงแล้วก็เข้าห้องสอบโว้ย” ไอ้เดย์มันดันหลังผมเข้า

เอาเป็นว่า กูจะสอบให้ผ่าน เพื่อไปรำแก้บนให้มึงละกัน “ไอ้แทน”

TBC

กราบไว้ในอ้อมใจด้วยค่ะ น้อมรับคำติชมเพื่อการพัฒนาตนเองค่ะ  :bye2:

ออฟไลน์ FeaRes

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 738
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-2
รุ่นน้องสินะ ใช่ม่ะ แล้วรุ่นน้องมาทำอะไรวันสอบ? 5555

จริงๆไม่ต้องสอบติดก็ตอบแทนได้ หลังออกจากห้องสอบอะไรแบบนี้
มาสัญยงสัญญา แหม่ๆๆ รอดูไทม์รำแก้บนเลยนะ 55555555
ติดตามน้าาาาา
 :mc4:

ออฟไลน์ sakutaka

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 128
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-1
{Will you be my family?(น้องครับพี่ขอนับญาติได้มั้ย?)}
ตอนที่1 ทฤษฎีโลกกลม

“จบซักทีโว้ยยยยยยย เชี่ยเดย์ เชี่ยแม็ค ไปแดกเหล้ากัน” คนที่ชวนเพื่อนสองตัวไปหาน้ำเมากระแทกปากจะเป็นใครไปไม่ได้ครับ นอกจากผม ชลธี เวชสกุล หนึ่งเดียวคนนี้ซึ่งเป็นคนเดียวกับที่เครียดแทบเป็นแทบตายว่าจะได้เข้าคณะที่ตัวเองใฝ่ฝันหรือไม่ในตอนสอบแอดมิดชั่น เรื่องมันก็ผ่านมาตั้งเกือบปีกว่าจะไปเอาอะไรกับเจ้าไทม์ในอดีตกันล่ะครับ ตอนนี้ผมว่าเรียนๆเล่นๆลัลลัลลาไปวันๆชีวิตมันน่าสนุกกว่ากันเยอะ

“วันนี้กูขอตัวว่ะ”

“เชี่ยแม็ค แม่งติดแฟน กูขอสาปแช่งมึงให้น้องฟ้าไปมีคนอื่น” ไอ้เดย์มันโวยทันทีที่หนึ่งในสามสหายปฏิเสธคำชวน เป็นที่รู้กันว่าถ้าไอ้แม็คมันขอตัวสองตัวแสดงว่ามีนัดกับแฟนรุ่นน้องเด็กสาธิตที่มันคบกันมาตั้งแต่ม.ปลาย เธอชื่อฟ้าครับ เป็นคนสวยน่ารัก ขึ้นชื่อว่าเด็กนักเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยนี้แล้วต้องคัดเกรดมาเป็นอย่างดี เรียนเด่นกิจกรรมเป็นเลิศแถมกระเป๋ายังต้องหนักไม่งั้นไม่มีทางเข้าเรียนได้ ไอ้แม็คเพื่อนผมก็จบมาจากที่นั่นเลยย่อมรู้กันว่ามันก็รวยไม่ใช่น้อย

“พี่แม็ค” พูดยังไม่ทันขาดคำคนสวยหน้าใสกิ๊งในชุดนักเรียนของโรงเรียนเครือมหาวิทยาลัยก็เดินเข้ามาหา

“พี่ไทม์ พี่เดย์ สวัสดีค่ะ” มารยาทงามจนผมอยากจะหากิ๊กเป็นเด็กสาธิตเอาไว้ซักคนสองคน น้องฟ้าจัดว่าเป็นคนสวยระดับต้นๆ เป็นดาวเด่นในเด็กสาธิต ด้วยความที่ตาโตผิวขาวผมยาวตัวสูงกำลังพอดี แถมมีดีกรีเป็นดรัมเมเยอร์ประจำโรงเรียน ไม่รู้ไอ้เชี่ยแม็คมันทำบุญวัดไหนถึงไปจีบน้องเขามาได้

“อ้าว...ฟ้าทำไมถึงมาที่นี่ได้ล่ะ แม็คบอกแล้วใช่มั้ยว่าถ้าเสร็จแล้วจะไปรับน่ะ” ไอ้แม็คสลับเข้าโหมดมุ้งมิ้งทันที

“บังเอิญเค้าเลิกเร็วน่ะ เลยคิดว่ามาหาเตงเลยน่าจะดีกว่า จะได้เจอหน้าไวไว”

“เค้าก็อยากเจอหน้าเตงใจจะขาดอยู่แล้วววว” มันยกมือขึ้นมาทึ้งแก้มขาวนวลน่าหยิกของน้องเขา จนคนรอบข้างเริ่มอิจฉา “งั้นฟ้ารอเดี๋ยวนะ...เฮ้ยพวกมึงกูไปก่อนนะ” น้องฟ้ายกมือไหว้พวกผมอย่างรู้งาน ส่วนไอ้แม็คน่ะเหรอ ไม่รอให้อนุญาตก่อนหรอกครับ พอแฟนมันอำลาพวกผมเสร็จมันก็จับมือเดินตัวปลิวกะหนุงกะหนิงกันไปสองคน

“โอ๊ยกูหมั่นไส้ไอ้แม็คจริง ทีหลังกูไปสมัครเรียนระนาดเอกดูบ้างดีกว่ามั้ยวะ จะได้มีเตงๆอะไรกับเขาบ้าง” ไอ้เดย์มันบ่นอุบ

“อย่างมึงเรียนให้หมดวงมโหรีก็ไม่มีทางหาได้หรอก” ผมไม่ได้ว่าเกินความเป็นจริงเลยครับ เพราะด้วยความที่อยู่คู่กับมันมาตั้งเจ็ดปี ทำให้ผมรู้ดีว่ามันเป็นคนนึงที่น่าสงสารมากถึงมากที่สุด ตั้งแต่ถูกแฟนคนแรกทิ้งไปอย่างไม่มีเยื่อใยมาจนถึงตอนนี้ก็ดูเหมือนยังไม่ทีท่าว่าจะลืมน้องเขาได้ ถึงปากจะประกาศป่าวๆว่าจะหาแฟนใหม่อยู่เรื่อยก็เถอะ

“สัดไทม์มึงดูถูกกู คอยดูเดี๋ยวกูจะควงเด็กอักษรมาอวดมึง”

“ให้มันได้อย่างนั้นเหอะ ตั้งแต่มึงเลิกกับน้องจิงมากูยังไม่เห็นว่ามึงจะเริ่มเดินหน้าจีบใครซักคน”

“เชี่ยไทม์ มึงอย่าพูดชื่อนี้ได้มั้ย” ไอ้เดย์มันเอามือปิดหูตัวเองแล้วทำท่าอยากจะวิ่งเข้าป่าหาที่สงบ เห็นแล้วก็อดสงสารมันไม่ได้

“เอาน่าไอ้เดย์อย่างน้อยมึงก็มีกู ในวงเหล้ามีกูก็ต้องมีมึง” ไหล่นี้มันช่างเปล่าเปลี่ยวเอกาเสียนี่กระไร มามากูโอบกอดความเหงามึงไว้ให้

“มึงล่ะตัวดีเลยไอ้ไทม์ ผู้หญิงมาทีไรเชี่ยแม่งเอาไปแดกหมดทุกที” มันหันมาไล่เบี้ยกับผมแทน แต่ฟังแล้วกลับเหมือนคำชมจนอดที่จะยิ้มอวดอย่างภูมิใจไม่ได้

“โทษทีวะ บังเอิญกูเสือกเกิดมาหล่อ” มีความหล่อก็ต้องอวดกันหน่อย ไม่อวดชาตินี้ไม่รู้เกิดอีกทีชาติหน้าจะกลับมาหล่อแบบนี้อีกรึเปล่า เพราะผมยังไม่ได้ถามชื่อวัดที่ไอ้เชี่ยแม็คมันไปทำบุญเลย

“หล่อ”​ ไอ้เดย์ช้อนสายตามองผม กลอกตาขึ้นลงราวกับประเมิน “แต่แม่งเสือกไม่เลือกซักคน” เหมือนกำลังโดนมันหลอกด่าว่าหล่อแต่ไร้น้ำยาเลยครับ แต่ที่มันพูดมาก็ไม่ผิด ถึงตอนนี้มีคนมากมายเดินผ่านเข้ามาในชีวิตแต่ผมก็ไม่เคยคิดมองใครแบบจริงจังซักคน แล้วกับคนที่เป็นเพื่อนผมมาเจ็ดปีคิดดูสิครับเจ็ดปีอย่างไอ้เดย์มีหรือที่จะไม่รู้ลึกไปถึง ปอด กระเพาะ ม้าม ไต รวมถึงลำไส้กี่ขดกี่ขดมันรู้หมดแหละครับ

“กูขอหล่อไปวันๆให้ผู้หญิงเสียดายเล่นก็พอแล้วว่ะ”

“ถุย!!” ซักตีนหลบน้ำลายพิษสุนัขบ้าของไอ้หมาเดย์แทบไม่ทัน ไม่บ้วนใส่หน้ากูเลยล่ะไอ้เชี่ยนี่ “พูดมาได้นะมึงว่าขอหล่อไปวันๆ มึงบอกกูมาเลยเหอะว่ามึงยังลืมคนที่ให้มึงยืมยางลบไม่ลงน่ะ”

“ยะ...ยางลบเชี่ยไรมึง” ไอ้เดย์มึงทำกูติดอ่าง

“อย่าให้กูต้องรื้อกระเป๋ามึง” มันเอาจริง ผมชักเป้หลบมือมัน

“มึงจะหลอกเอาเป๋าตังค์กูไปจ่ายค่าเหล้าใช่มั้ย”

“ถ้ามึงบอกไม่คิดอะไรกูจะเอายางลบมึงไปปาทิ้ง มึงเอาเป้มึงมา” มันแบมือกระดิกนิ้วท้า ทำอย่างกับผมไม่กล้าส่งยางลบให้มัน

“เออๆก็ได้” อย่านึกว่ากูไม่กล้านะไอ้สัดเดย์ ผมเปิดเป้แล้วล้วงสิ่งที่หาออกมายื่นให้ พอไอ้เดย์เห็นมันก็ขมวดคิ้วทันที

“อะไรของมึง ให้กระเป๋าตังค์มาเพื่อ”

“มึงจะกินอะไรมึงสั่ง มื้อนี้กูเลี้ยงเอง”

“เช้ดดดดดด” ไอ้เดย์มันอุทานแล้วทำหน้าราวกับว่าถูกหวย เอาวะยอมก็ได้ ของรักของหวงผมนี่ครับ ยางลบก้อนนี้มันอยู่เป็นเพื่อนคู่ทุกข์คู่ยากผมตั้งแต่โอเน็ตยันแกทแพท มันทำให้ผมได้เรียนมหา’ลัย ถึงจะโดนไอ้เดย์ด่าว่างมงาย ด่าว่าเชี่ยเกรดอย่างมึงมันนอนมาอยู่แล้ว แต่ผมก็ยังเชื่ออย่างนั้นแถมตอนสอบมิดเทอมผมยังวางมันไว้บนโต๊ะต่างเครื่องราง ส่วนไอ้ที่ใช้จริงก็เป็นอีกก้อนที่ผมซื้อมาใช้เอง เพราะกลัวหมด ผมไม่เคยใช้มันลบอะไรอีกเลยเพราะฉะนั้นมันก็ยังคงอยู่สภาพเดิมเหมือนครั้งที่สอบผ่านอย่างนั้นไม่เปลี่ยนแปลง

“ยอมรับตั้งแต่แรกก็สิ้นเรื่อง ไอ้ไทม์ถ้ามึงจะชอบน้องเขากูก็ไม่ว่าหรอก เพราะมันจะยิ่งทำให้กูเรตติ้งเพิ่ม”

“แต่เรตติ้งกูจะตกนะสิไอ้สัด ทำไมมึงถึงยอมให้เพื่อนมึงเข้าเส้นทางนั้นง่ายๆวะ”

“เพราะมึงไม่เคยมองใคร มีคนนี้แหละคนแรกที่มึงมองแล้วก็ติดใจมานานกว่าที่เคยติดหญิง แล้วแถมหน้ามึงมันให้...”

“ให้อะไรมึงพูดดีๆ”

“ให้ไปทางนั้นว่ะ”

“เชี่ยเดย์ไหนมึงบอกกูหล่อ”

“มึงหล่อแบบหน้าหวานไง ไม่งั้นมึงคงไม่ตกมาเป็นคู่จิ้นคู่ฟินกับกูหรอกไอ้ไทม์” เถียงไม่ออกครับ ผมกับไอ้เดย์์เมื่อก่อนเรียนอยู่โรงเรียนสหฯ ตอนนั้นผมยอมรับว่าผมดังพอสมควรจนตกเป็นข่าวได้ไม่ซ้ำวันในโซเชียลเน็ตเวิร์คที่เหล่ากรรมการนักเรียนและพวกสันทนาการรวมหัวกันตั้งขึ้นมาสร้างกระแสหนุ่มหล่อสาวสวยในโรงเรียน แต่ข่าวไหนก็ไม่ดังเท่าข่าวคู่จิ้นระหว่างผมกับไอ้เดย์ที่ชอบมีภาพเก็บตกหลุดๆของผมกับมันมาโพสต์ขึ้นฟีดอยู่เรื่อยแถมยอดไลค์พุ่งจนเฟสบุ๊คแทบระเบิด เพราะดันไปชวนฝันสายวายที่แอบแฝงตัวอยู่ในนั้นและนั่นก็เป็นพันหมื่นเหตุผลที่น้องจิงแฟนไอ้เดย์หยิบยกขึ้นมาอ้างเพื่อเลิกกับมัน

“ไอ้เชี่ยนี่ชอบชงกูให้เข้าสายเหลืองอยู่เรื่อย”

“ถ้ามึงมั่นใจมึงก็ไม่ต้องไหลไปตามกู เท่านั้นจบป่ะ” ไอ้เดย์มันท้า

“เออๆจบๆ” พูดไปก็กลัวใจตัวเอง อย่างที่บอกแหละครับว่าคงไม่บังเอิญขนาดที่ผมจะเจอกับ “แทน” เด็กหน้ามนคนที่ให้ผมยืมยางลบง่ายๆหรอก ประเทศไทยออกจะกว้าง ทฤษฎีโลกกลมไม่น่าจะใช้ได้กับผม แต่ทำไมผมถึงคาดหวังอยู่ลึกๆว่าจะได้เจอ ได้ตอบแทนบุญคุณยางลบครึ่งก้อนมันซักที แม่งสงสัยผมจะดูหนังจีนมากไป ทีหลังต้องหาหนังคลาสิคอีโรติกอะไรมานั่งดูแทนซะแล้ว



ร้านเหล้าที่พวกผมมากันเป็นร้านที่เคยฝากอ๊วกไว้ตั้งแต่ครั้นปีหนึ่งจนมาถึงปีสองก็ไม่เคยเปลี่ยนร้าน ด้วยบรรยากาศไฟสลัวๆสบายๆทำให้ผ่อนคลายนั่งชิลดื่มไปได้เรื่อยๆ ราคาเหล้าก็ถูก อาหารก็อร่อย แถมพี่ดวกเจ้าของร้านยังเป็นกันเองอีก พอมีใครหน้าไหนเมาไม่ยอมกลับบ้านพี่แกก็จะถีบส่งออกจากร้านก่อนเป็นอันดับแรก เพราะกลัวเด็กมันจะเสียคน(แล้วพี่มาขายน้ำเมาทำไมคร้าบบ)

ตอนนี้ผมดื่มผสมร่่วมกับไอ้เดย์ที่กระดกเพียวๆจนหมดไปครึ่งค่อนขวด

“ไอ้เดย์มึงพอได้แล้ว วันนี้มาอารมณ์ไหนวะแม่งดราม่าชิบ” ได้ทีกรึ๊บ ได้ทีกรึ๊บมึงทำข้อสอบไม่ได้หรือไง เทพไทม์อุตส่าห์ติวให้นะเว้ย

“อ้ายทาม เมิงเคยเหนคนมาวล้าวยอมรับว่ามาวม้ายวะ”

“ไม่เคย”

“กูม่ายด้ายมาว กูยางดื่มหวายยยย”

“เออมึงเมา พิสูจน์ให้กูทำเพื่อ”

“เมิงอย่ามาอวดชาหลาด หน้าตาดีม่ายพอเมิงยังจะมาหัวดีอีก แม่งเผื่อแผ่ให้กูม้างงงงงงง” อ๋อที่แท้มันก็ดราม่าเรื่องนี้ ด่าไปไม่กี่ทีทำเอาซึมเข้าเส้นเลยเหรอวะ

“กูไม่ได้ตั้งใจจะสะกิดแผลเป็นมึงหรอกนะ แต่ความทรงจำอะไรที่ไม่ดีลืมได้มึงก็ลืมไปเถอะ ในฐานะเพื่อนคนนึงกูอยากให้มึงได้เจอกับคนใหม่ที่ดีกว่านี้” ถ้าแบ่งสมองกับหน้าตาให้มันได้ผมคงทำไปนานแล้ว ให้มันฉลาดพอที่จะตัดใจจากใครบางคนที่ไม่เคยแคร์มันเลยและให้หน้าตาดีมากพอที่จะมีผู้หญิงเข้าหามันก่อนในฐานะของคนที่จีบใครไม่เป็น ส่วนผมน่ะเหรอถึงหน้าตาดีไปแต่ไม่ได้ใช้ประโยชน์ก็ไม่รู้ว่าจะเอาไปทำไม ว่าแต่ทำไมผมถึงไม่คิดจะหาแฟนเหมือนมันบ้างวะ สับสนตัวเองชะมัด หรือจะเป็นอย่างที่ไอ้เดย์มันว่า เรื่องที่ผมยังคาใจกับคนที่เจอเมื่อวันสอบอยู่ แต่เฮ้ยผมชอบผู้หญิงนะ เรียนก็เรียนโรงเรียนสหฯ แฟนผู้หญิงก็เคยมีแต่เลิกไปแล้ว กะอีแค่ความประทับใจเรื่องที่ให้ยืมยางลบเนี่ยนะ มันจะทำให้ผมผันตัวเองไปเป็นฝั่งนั้นเลยได้หรือ

จู่ๆผมก็นึกถึงยางลบก้อนนั้นขึ้นมา นึกถึงเจ้าของตัวจริงของมันว่าป่านนี้จะไปอยู่ที่ไหน ตอนที่เจอกับมันตอนนั้นผมอยู่ม.หก อย่างมันก็น่าจะอยู่ม.ห้าเพราะมันหาว่าผมกำลังจะต้องซ้ำชั้นไปสอบพร้อมมัน อย่างนั้นตอนนี้มันก็น่าจะเป็นเฟรชชี่อยู่มหา’ลัยไหนซักที่ ทำกิจกรรมรับน้องจนหัวหมุนอยู่มั้ง อ่าวผมคิดถึงมันทำไมวะ เพลินเลย ผมกระดกเหล้าต่อแก้เก้อ ถ้าผมได้เจอมันอีกครั้งจริงๆผมจะทำยังไง บอกว่าขอบคุณที่ช่วยผมตอนวันสอบอย่างนั้นหรือ ความจริงมันอาจจะจำผมไม่ได้แล้วด้วยซ้ำ ถ้าผมทักไปมันจะหักหน้าผมโดยการถามกลับว่าผมเป็นใครมั้ย ถ้าอย่างนั้นสู้ไม่ทักดีกว่าหรือเปล่า แต่ถ้าไม่ทักแล้วมันเสือกจำผมได้ล่ะอย่างนี้ผมไม่ถูกประนามว่าเป็นพวกได้หน้าลืมหลังแย่เลยเหรอ แต่ถ้าผมทักมันไปแล้วมันเสือกจำผมได้อย่างนี้ผมไม่กลายเป็นพวกได้ข้างหลังแล้วลืมข้างหน้าแทนหรอวะ อ้าวเชี่ย ผมคิดอะไรอยู่เนี่ย คิดถึงแต่เรื่องมันสาดเอ๊ยยยย

“นะนะแทนนะ สุดสัปดาห์นี้ให้จิงไปติวที่ห้องแทนด้วยนะ”

ต้องขอบคุณเสียงนี้ที่ทำให้ผมหลุดจากภวังค์ความคิดถึงคนที่ผมเจอแค่ครั้งเดียวแต่ยังฝังอยู่ในสมองผมมาจนถึงตอนนี้ แต่ไอ้คนที่โพล่งประโยคนี้ออกมาจะรู้มั้ยว่า “จิง” มันเป็นชื่อต้องห้ามของไอ้เดย์น่ะ!! ไม่ดูกาลเทศะมาพูดชื่อผู้หญิงที่ทิ้งเพื่อนผมไปแบบไม่ใยดีตรงนี้ได้ไงครับเนี่ย ไหนขอดูหน้าหน่อยดิ๊

ผมหันหลังไปตามเสียงหวานๆที่ดังมา ผมชอบบรรยากาศร้านพี่ดวกนะแต่ครั้งนี้คิดว่าไม่ เพราะมันทำให้ผมต้องจ้องหน้าเธอเจ้าของเสียงสวยซึ่งกำลังออดอ้อนผู้ชายคนที่นั่งหันหลังให้ผมอยู่ ตาผมไม่ได้บอดกลางคืนเลยยังเพียงพอให้ระบุตัวบุคคลที่ผมจ้องได้และก่อนเธอจะไหวตัวทันผมก็รีบหันกลับมาเสียก่อน

“เช้ด บังเอิญโคตร” แทบกลั้นหายใจอุทาน ผมพยายามนั่งตัวตรงใช้เงาหลังของฝ่ายชายมาช่วยบังไม่ให้มีพิรุธ เพราะเธอคนที่ผมเพิ่งหันไปจ้องหน้านั้น....พูดมาถึงขั้นนี้แล้วเรียกชื่อเลยดีกว่าครับ เธอคือน้องจิงแฟนเก่าของไอ้เดย์!!

“โทษทีนะจิง คราวนี้เราขอนะ วิชานี้เราก็กากเหมือนกันถึงต้องให้ไอ้เสาร์มันมาติวให้ไง” ใครกันวะสุดยอดจริง แค่ประโยคเดียวก็เล่นเบนความสนใจของน้องจิงได้จากทุกสิ่ง เค้าแววของเจ้าหล่อนซึ่งมีท่าทีว่าจะมองมาทางนี้หายไปในพริบตา แต่นี่ไม่ใช่เวลามาห่วงความปลอดภัยของตัวเองครับ ผมเหลือบไปมองไอ้เดย์แบบหวั่นๆ สภาพมันที่นั่งโยกเยกไปตามเสียงเพลงคลอช้าๆทำให้ผมรู้ว่าสติมันมีไม่ครบร้อยเลยพลอยทำให้ผมหายใจได้อย่างโล่งอก

“ใจร้าย คนหวงวิชา คนเข้ามาคะแนนท็อปอย่างแทนเนี่ยนะจะติวให้จิงไม่ไหว จิงไม่เชื่อหรอก” จริตมาเต็มสตรีมครับ ร้อยเล่มเกวียนที่ว่าแน่ยังต้องแพ้ให้น้องจิง มาถึงตอนนี้ผมไม่นึกกังขาเลยสักนิดเกี่ยวกับข่าวลือของเธอที่ได้ยินมาจากใครหลายคน ซึ่งตอนแรกผมกับเพื่อนไม่เชื่อ แต่เพราะคำว่าไม่เชื่อเนี่ยแหละเลยให้ไอ้เดย์มันเจ็บช้ำซ้ำหนักมากมายแบบทนรับไม่ได้เมื่อเห็นความจริงด้วยตาตนเอง ก่อนที่ประวัติศาสตร์มันจะซ้ำ ก่อนที่มันจะย้ำรอยแผลเป็นของเพื่อนผมให้กลับมามีเลือดซึมกลัดหนองหมองเหมือนดั่งคลองแสนแสบผมจะต้องทำอะไรซักอย่างที่นี่ตอนนี้และเดี๋ยวนี้

“น้องๆเก็บตังค์หน่อย” จังหวะนี้ต้องไวเข้าสู้ครับ ก่อนที่คำต้องห้ามจะไปสะกิดสติสัมปัญชัญญะของไอ้เดย์ ผมต้องพามันออกไปจากตรงนี้เสียก่อน ผมเตรียมตัวควานหากระเป๋าตังค์ซึ่งเป็นจังหวะเดียวกับที่บริกรคนนั้นเดินเข้าชาร์ตตัวผมพอดี

“หนึ่งพันสี่ร้อยเก้าสิบบาทครับ” ร้านพี่ดวกรับแต่เงินสด ตัดปัญหาเรื่องการชาร์ตบัตรเครดิต แล้วพี่มันก็เล่นง่ายว่าหาตังค์ยังไม่ได้ก็ห้ามมาแดก บัตรเครดิตที่ได้รับจากพ่อแม่ตามประสาคนมีกะตังค์จึงไร้ประโยชน์ไปโดยปริยาย

“แปบนะน้อง” อยู่ไหนวะ ผมเริ่มใจเสียเพราะคลำหาเท่าไรก็ไม่เจอจนสุดท้ายต้องรูดชิบเป้เปิดแบบเต็มอัตราศึกจนให้ได้พบว่า

“ชิบหายแล้ว” ถึงอุทานว่างั้น แต่ไอ้ที่หายไม่ใช่ชิบนะครับ กระเป๋าตังค์ผมต่างหากเล่า!! อยู่ไหนวะนั่น ผมจำได้ว่าเมื่อตอนกลางวันยังหยิบจ่ายตังค์ค่าข้าวอยู่เลย แล้วมันหายไปไหนวะ!!

“ไอ้เดย์ มึงตื่น มึงเลิกเมาเลย มาช่วยกูก่อน” ผมกระซิบ จากที่โยกเยกยักแย่ยักยันอยู่ดีๆไอ้เดย์มันก็เปลี่ยนมาเป็นสลีปโหมดฟุบลงไปตอนไหนก็ไม่รู้ เล่นหลับสนิทแบบสติหลุดขนาดนี้ต่อให้ลากมันไปถ่วงน้ำก็ยังไม่ตื่นมั้งวะครับนั่น ปล้นแม่งเลยดีมั้ย ว่าแล้วผมก็คว้ากระเป๋าสะพายข้างดามิเย่ของมันมารื้อๆค้นๆดู

เช้ดดดด ทำไมมึงไม่หัดพกเงินสดบ้างวะ บัตรเครดิตทุกธนาคารแม่งมีหมด แต่กะอีแค่เศษสตางค์ซักบาทมันยังไม่มี อย่างนี้ถ้ามึงไปถูกปล่อยเกาะที่ไหนคงไม่ต้องกลับบ้านเลยมั้ง แต่ตอนนี้ปัญหาไม่ใช่เรื่องนั้นแล้วอย่างนี้กูจะเอาที่ไหนจ่าย ไอ้พี่ดวกกูไม่สนิทจะให้กูติดมีหวังพี่มันลากไปเป็นลูกจ้างล้างจานใช้หนี้มันแน่

ผมลุกลี้ลุกลนอยู่พอสมควรจนพนักงานมันคงเริ่มคิดว่าผมกำลังจะตุกติกชักดาบมันแล้วแน่ๆ

“เป็นไรรึเปล่าพี่” มันถามขึ้นมา ไม่เป็นไรแต่กูแค่ไม่มีตังค์ จะให้ผมบอกไปอย่างนั้นได้ไงวะ โดนลากเข้าคุกแน่

“น้องคือ...แบบว่าพี่ขอจ่ายเป็นบัตรเคร....” ไม่ทันจะพูดจบไอ้น้องบ๋อยตัวดีมันก็กวาดดัชนีชี้ไปที่หน้าร้าน
มาทางไหนไปทางนั้น....เอ้ย...ไม่ใช่ มันชี้ให้ดูป้ายขนาดใหญ่หน้าร้านที่เขียนบัญญัติสิบประการให้ทำความเข้าใจก่อนจะมาฝากท้องตับไตที่ร้านนี้ “ข้อสี่” มันไกด์ให้ ผมเลยอ่านตามเหมือนอาจารย์สั่ง “หาตังค์ยังไม่ได้อยากคิดควายๆมาแดกที่นี่” เช้ดดดดกูไม่ได้จะเชิดเงินไม่เห็นต้องด่าจนเสียผู้เสียคนขนาดนี้เลย

“เฮ้ยน้องพี่มีเงินสดจริงๆ แค่ลืมไว้ที่รถเอง ขอพี่ไปเอาแปบเดียว ถ้าไม่เชื่อใจน้องเอาบัตรนิสิตพี่ไปก็ได้” หลักฐานแสดงความเป็นนิสิตนักศึกษาที่มีรูปถ่ายใบหน้าจืดๆเห่ยๆของผมตอนปีหนึ่งปรากฏอยู่ถูกยื่นไปตรงหน้าบริกรน้องน้อย

“โทษทีนะพี่ แต่พี่ดวกเขาคงไม่สะดวกที่จะต้องไปทวงพี่ถึงมหา’ลัยหรอก” แล้วพี่มึงจะเสือกเกิดมาชื่อดวกทำหอกหักทำไมวะ ชื่อดวกแต่แม่งไม่ดวกซักเรื่องพ่อแม่ตั้งมาแก้เคล็ดหรือไงกัน “แต่ถ้าพี่ไม่ได้จริงๆก็ต้องข้อสุดท้าย” เป็นอีกครั้งที่เหลือบไปดูป้ายขนาดยักษ์ซึ่งปักอยู่หน้าทางเข้า เหมือนมีมนต์สะกดให้ต้องอ่านตามเพราะสันดานอดีตเด็กเรียนของผมมันฝังอยู่ในใจ

“แดกฟรีมีได้แค่ครัั้งเดียวแล้วมึงจะเสียวทุกครั้งที่ผ่านร้านกู” แค่นี้กูก็เสียวพอแล้วอีพี่ดวก แล้วร้านเสือกอยู่ใกล้หอผมจะเดินกลับแต่ละทีต้องผ่าน อย่างนี้กูไม่เสียวไปทั้งชาติหรอวะ

เชี่ยแล้วทำไงดีล่ะทีนี้ ผมนึกถึงไอ้แม็คขึ้นมา โทรหามันให้มันมารับ แต่ตอนนี้แม่งอยู่กับแฟนแน่ๆมันจะรับโทรศัพท์มั้ยผมไม่รู้ แต่คนกำลังจะตกหน้าผาฟางเส้นสุดท้ายยังไงก็ต้องคว้าไว้อยู่แล้ว ผมผุดลุกขึ้นอย่างรวดเร็วหมายมั่นจะหยิบโทรศัพท์ที่อยู่ในกระเป๋ากางเกงยีนส์ขาเดฟของผมขึ้นมา

แต่ทว่าไอ้บริกรมันดันเสือกโวยวายขึ้นมาก่อนว่า “เชี่ยพี่!!” สิ้นเสียงตะโกนมันคว้าแขนผมข้างที่ล้วงกระเป๋าอยู่อย่างแรงจนทำเอาเสียการทรงตัวเซไปด้านหลัง เช้ดดดดอย่าบอกนะว่ามันคิดว่าผมจะหนีน่ะ!!!


บึ่ก!!

“ว๊าย แทน!!” เป็นเสียงน้องจิงที่อุทานออกมา ซวยแล้วผมเสือกไปกระแทกโดนผู้ชายที่น้องจิงคั่วอยู่ซึ่งนั่งอยู่ข้างหลังเต็มๆ มือถงมือถือเลยร่วงหลุดมือไปแบบไม่ตั้งใจ ไอโฟนโผมมมมมม จะเป็นไรมั้ยวะ เอาหน้าจอจูบพื้นซะด้วย ผมไม่สนอะไรแล้วรีบก้มลงไปเก็บลูกรักขึ้นมาดูอาการ

เช้ดดดดดดดดด...ขึ้นรอยเป็นริ้วๆเลยครับ น้ำตาจะไหล ทำไมผมซวยอย่างนี้วะ พึ่งถอยมาแท้ๆ แล้วอย่างนี้จะเอาเงินที่ไหนไปถอยเครื่องเกมอันใหม่เนี่ย ระหว่างที่ผมไว้อาลัยให้กับหน้าจอแตกลายงาของลูกรักจู่ๆก็มีเสียงขัดขึ้นมา

“เฮ้ยชนคนแล้วไม่ขอโทษเลยเหรอวะ” เริ่มเข้าใจความหมายของคำว่าดวงขาลงแล้วครับ ช่วงนี้งดซื้อหวย ทายผลบอล ค้าทองเก็งกำไร เล่นไฮโล ถ้าได้อ่านคอลัมภ์ดวงประจำสัปดาห์คงเจอประโยคทำนองว่าคุณจะประสบปัญหาทะเลาะเบาะแว้งกับคนรอบข้างอะไรแบบนั้นอยู่แน่ๆ

“ขอโทษ” ไร้วิญญาณครับ อยากจะหายไปจากตรงนี้ให้รู้แล้วรู้รอด นี่กูสร้างศัตรูได้สองทางในเวลาเดียวกันเลยเหรอเนี่ย ไหนจะบ๋อย ไหนจะไอ้คนที่นั่งข้างหลัง ความสามารถพิเศษสัดๆ ตอนนี้ปลงจนแทบไม่อยากเงยหน้าขึ้นมามองไอ้คู่กรณีอีกคนที่โวยวาย แต่ทำไงได้...ผมมีมารยาทครับ ผมเลยเงยขึ้นไปมองหน้าเจ้าของเสียง มันเป็นคนที่นั่งอยู่ขวามือคนที่โดนผมชน ส่วนน้องจิงนั่งอยู่ทางซ้ายมือดูเธอจะพยายามก้มๆเงยๆเอาผ้าเช็ดหน้าตนเองซับเสื้อที่เปียกเหล้าให้อีกฝ่ายอยู่โดยไม่ทันสังเกตเห็นผม

“ขอโทษแบบขอไปทีอย่างนี้จะดีเหรอพี่ เพื่อนผมมันเปียกไปหมดแล้วนะ ตัวแม่งเหม็นเหล้าหึ่งเลย อยู่ต่อก็ไม่สนุกแล้ว” มึงไปโทษไอ้เชี่ยบ๋อยที่มันดึงมือกูดิวะ กูไม่ผิด ชักจะเริ่มพาล แม่งหงุดหงิด ให้กูไปซื้อดอกไม้ธูปเทียนมาขอขมามึงเลยมั้ย

“เอาน่าไอ้เสาร์ กูไม่ได้เป็นอะไรมาก เดี๋ยวกูก็กลับแล้ว ต้องรีบไปอ่านหนังสือต่อด้วย” และแล้วก็เป็นคนซวยอีกคน(นอกเหนือจากผม)ที่พูดขึ้นมาแก้ต่างให้ มันยังคงนั่งหันหลังให้ผม ก้มลงมองเสื้อตัวเองอยู่พักหนึ่งมันจึงเอี้ยวตัวมาให้ผมได้เห็นหน้าตามันชัดๆเต็มสองลูกกะตา

เชี่ยแทน!!

TBC


ขอบคุณสำหรับกำลังใจดีดีจากหนึ่งคอมเมนต์ >_<
พระเอกเราเป็นรุ่นน้องค่ะ มาทำอะไรวันสอบต้องมาดูกับต่อไป...ขอบคุณที่ติดตามนะคะ

ขอบคุณสำหรับคนอ่านคนอื่นๆด้วยนะคะ
รักน้า

ยินดีรับฟังทั้งคำแนะนำติชมเพื่อเอาไปพัฒนาต่อไปค่า

ออฟไลน์ FeaRes

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 738
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-2
ความโลกกลม ความบังเอิญ ~
คิดซะว่าวันนี้เป็นวันแย่ๆที่ยังมีเรื่องดีๆ
อย่างน้อยก็เจอน้องแทนนะพี่ไทม์!!! 55555

สู้ๆน้าาา เป็นกำลังใจให้!
 :mc4:

ออฟไลน์ sakutaka

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 128
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-1
{Will you be my family?(น้องครับพี่ขอนับญาติได้มั้ย?)}

ตอนที่2 ชลธี เวชสกุล เศรษฐศาสตร์ปีสองครับ


   คริสโตเฟอร์ โคลัมบัส ผมขอกราบอภัยครับที่ดูถูกทฤษฎีโลกกลม วันไหนซักวันนึงผมคงต้องไปขอยืมเรือยอร์ชของไอ้เดย์ที่จอดอยู่รอยัลภูเก็ตอารีน่ามาขับเป็นเส้นตรงไปเรื่อยๆเพื่อพิสูจน์ดูบ้างแล้ว คนอย่างผมที่ไม่เคยคิดดูถูกความทรงจำของตนเองและในเมื่อผมเจอกับตัวตรงหน้า ผมเลยปักใจเชื่อได้ทันทีว่าไอ้คนที่มันพึ่งหันหน้ามา ไอ้คนที่ผมพึ่งทำร้ายมันไปให้เป็นลูกหมาเปียกเหล้า ไอ้คนที่ผมขอโทษมันไปส่งๆเพราะสติไปอยู่กับน้องไอโฟนนั้น มันเป็นคนเดียวกับเด็กม.ห้าที่ให้ยืมยางลบวันสอบแอดมิดชั่น!!

   ดีที่ไม่ใช่พวกปากไปไวกว่าความคิด ผมไม่ได้เผลออุทานชื่อมันออกไปใช่มั้ย ผ่านไปหนึ่งปีแต่ผมยังจำหน้าตาแพ็คเกจรวมพร้อมชื่อมันได้เป็นอย่างดี มันหล่อขึ้นมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกขอย้ำว่ามาก จากที่เคยหัวเกรียนๆ ตอนนี้ผมมันยาวขึ้นตัดเข้าทรงรับกับใบหน้าเท่โคตรของมัน ในความทรงจำที่มันใส่ชุดไปรเวทเสื้อยืดคอกลมกางเกงขาสั้นวัยใสเปลี่ยนลุคมาดูเป็นผู้ใหญ่ที่ดูโตขึ้นเข้มขึ้นเถื่อนขึ้นเป็นกอง อาจเพราะมันใส่ชุดนักศึกษาแบบไม่ได้ถูกระเบียบอะไรด้วยมั้งเลยเพิ่มดีกรีความดุเข้าไปอีกหลายสเต็ป ผมสังเกตเห็นมันทำตาโตใส่ผมวูบหนึ่ง ก่อนริมผีปากนั้นจะขยับเปล่งเสียงเบาๆ “พี่...”

   เฮ้ย...มันเรียกผมรึเปล่าวะ

   “ตกลงพี่จะเอายังไงครับ” อย่าเพิ่งเข้าใจผิด ไม่ใช่เสียงมันครับ เป็นไอ้คนที่มันยังยืนทวงค่าเหล้ากับผมอยู่ ชักอยากจะรู้ชื่อจริงไอ้พนักงานร้านพี่ดวกซะแล้ว บทเยอะสัดกูเรียกลำบาก

   “ก็พี่จะไปเอาเงินน้องก็ไม่ให้ไป พอพี่จะใช้บัตรเครดิตน้องก็บอกไม่รับ แล้วพอจะให้บัตรนิสิตเป็นตัวประกันไว้น้องก็ไม่เอา อย่างนี้จะให้พี่ทำยังไงล่ะ” ตกลงกูต้องขายตัวใช้หนี้มึงใช่มั้ยไอ้ห่านี่

   “พี่ก็ไปเรียกให้เพื่อนพี่มาจ่ายให้ดิ” นี่เป็นท่าทีที่พนักงานแสดงต่อลูกค้าหรือวะครับนั่น พอเห็นว่ากูไม่มีตังค์แม่งก็เปลี่ยนท่าทีเลยนะ ผมขึ้นครับ ผมขึ้น

   “ก็พี่กำลังจะโทรแล้วน้องก็มาดึงมือพี่เนี่ย ดูดิ๊มือถือพี่พังหมดแล้วเห็นมั้ย น้องว่ามันคุ้มกันหรือกับการที่พี่จะเชิดเงินแค่พันกว่าบาทเพื่อมาแลกกับค่าซ่อมมือถือเนี่ย อีกอย่างพี่ไม่ได้รวยขนาดคิดจะถอยใหม่วันนี้วันพรุ่งก็ถอยได้หรอกนะ พี่ก็คนๆหนึ่งที่ยังไม่มีงานทำไม่มีรายได้ พี่รู้จักคุณค่าของเงินพอพอกับน้องเนี่ยแหละ แล้วอย่าถามว่าทำไมรู้แล้วถึงยังเอาตังค์มาเสียกับค่าเหล้า บางทีคนเรามันก็เหนื่อยเป็นเปล่าวะ เพิ่งสอบมิดเทอมเสร็จอยากคลายเครียดบ้างไม่ได้หรือไง แล้วถ้าพี่ไม่ได้มาเป็นลูกค้าประจำร้านน้องเงินมันจะหมุนไปทางไหน ถึงตอนนั้นน้องก็จะขาดรายได้เงินเดือนลด ร้านเจ๊ง อย่างนี้มันโอเคแล้วหรือวะ” เล่นแช่งไปถึงร้านพังร้านล้มละลายเลยครับ ถ้าไอ้พี่ดวกมันมาได้ยิน คงไม่ได้จบแค่โดนลากไปหลังร้านเพื่อล้างจาน แต่มันคงทั้งเตะทั้งถีบส่งผมออกนอกร้าน แถมยังน่าจะโดนขึ้นแบล็คลิสต์แบนไม่ให้เข้าร้านนี้อีกแน่ๆ ผมก็ไม่รู้นะว่าผมจะพูดไปให้มันได้อะไร ในเมื่อผมก็ไม่มีตังค์จ่ายอยู่ดี ผมเข้าใจน้องมันนะ มันเป็นแค่พนักงานร้านจะไปตัดสินอะไรได้ ในเมื่อลูกพี่มันสั่งมันก็ต้องทำตาม กฎเป็นกฎ ร้านก็เป็นร้านของไอ้พี่ดวกมัน

   “พูดได้ดีนี่ แต่เล่นแช่งถึงให้ร้านกูพังก็ไม่ไหวเหมือนกันนะ” เช้ดดดดดดด วงแตกครับ คนที่ผมพาดพิงถึงโผล่มาแบบไม่ได้จุดธูปอัญเชิญ ไอ้พี่ดวกครับ มันเดินมาตอนไหนก็ไม่รู้ แต่ถ้าให้เดาก็คงเป็นตอนที่เริ่มมีเรื่องเอะอะโวยวายจนถึงตอนที่ผมเริ่มด่าร้านมันตั้งแต่ต้นจนจบประโยคเนี่ยแหละ

   “พี่ดวก” เด็กมันเรียกชื่อลูกพี่มันราวกับขอความช่วยเหลือ

   “มึงไม่ต้องยุ่งตรงนี้แล้วไปทำงานต่อไป เดี๋ยวกูจัดการเอง ไอ้นี่มันมากินบ่อยกูเห็นประจำ” พูดเสร็จไอ้บ๋อยมันก็รีบเดินจากไปทันที โอยยยประทับใจโว้ยย ไอ้พี่ดวกมันจำหน้าลูกค้าร้านมันได้ด้วย แต่ลูกค้าแม่งมีเป็นสิบเป็นร้อยมึงจำกูได้ไงวะ สงสัยกูหล่อ

   “ชลธี เวชสกุล คณะเศรษฐศาสตร์ ปีสอง” บัตรนิสิตผมตกไปอยู่ในมือมันตอนไหน

   “มิน่าล่ะถึงมีเงินหมงเงินหมุน มึงก็คิดได้นะว่าร้านกูจะเจ๊งกะอีแค่มึงไม่จ่ายตังแค่คนเดียวน่ะ ทีหลังจ้างให้มึงมาบริหารร้านแทนกูดีกว่ามะ” เฮ้ยพี่แม่งนิสัยโคตรนักเลง ตอบไงดีวะทีนี้

   “พี่ให้ค่าจ้างเท่าไร ถ้ามากพอผมก็จะพิจารณา” เช้ดผมเล่นกับพี่มันทำเพื่อ เหมือนขายตัวใช้หนี้ของแท้เลยครับคราวนี้

   “พันสี่เก้าสิบขาดตัว” ค่าตัวกูถูกเท่าค่าเหล้ากับค่ากับแกล้มเลยเหรอวะ

   “ให้มึงมายืนเรียกลูกค้าหน้าร้านก็น่าจะเรียกลูกค้าหนุ่มๆสาวๆได้ตรึม”

   “สรุปจะให้มาบริหารหรือให้มาเรียกแขกกันแน่” เรียกสาวพอเข้าใจ แต่ให้เรียกหนุ่มเนี่ยกูงง

   “เคยได้ยินชื่อมึงจากพวกเด็กแถวนี้ แต่ไม่คิดว่าจะเป็นคนเดียวกับที่มาร้านกูบ่อยๆ มึงชื่อเล่นอะไรนะ” คิดว่าความดังของผมจะจบลงนับตั้งแต่ม.ปลายซะอีก ไม่คิดว่าตัวเองจะดังมาจนถึงปีสอง แถมดังลามมาถึงร้านเหล้าแถวหอ ยิ่งกว่านั้นคือพี่ดวกมันรู้จักชื่อจริงผมแต่ไม่เคยจับคู่กับหน้าตาได้

   “บอกไปแล้วพี่จะปล่อยให้ผมกลับไปเอาตังค์มาจ่ายรึเปล่า”

   “ถ้ามึงแถมเบอร์ให้กูโทรตาม กูให้มึงติดได้หนึ่งอาทิตย์เลย” นี่มันเจรจาต่อรองหนี้กันหรือไงวะ ขอผ่อนจ่ายวันเดียวแต่พี่มันให้ผมยาวไปถึงอาทิตย์หน้า โคตรสิทธิพิเศษเลยว่ะ

   “ผมชื่อไทม์...ส่วนนี่เบอร์โทร” ช่วงจังหวะที่ผมเอามือถือขึ้นมากดเพื่อดูเบอร์โทรใหม่ที่ยังจำไม่ได้ซักเท่าไร ไหล่ข้างซ้ายก็โดนมือผีดึงไปด้านหลัง ถามว่าตกใจมั้ยตกใจดิครับ ก็จู่ๆไอ้คนที่มาดึงความสนใจผมไปตอนนี้ดันเป็นคนเดียวกับที่เงียบไปนานเพราะโดนฉากทวงตังค์ผมมาขัด


   “ยืมเงินผมก่อนมั้ย” เสียงหล่อๆของไอ้แทนดังข้างหูผม ผมเอี้ยวหัวกลอกตาไปดูหน้ามัน นี่มันถามผมหรือถามพี่ดวกวะ ก็ดูมันดิจ้องหน้าพี่ดวกเขม็งอย่างกับจะกินเลือดกินเนื้อ แต่ความหมายของข้อความในประโยคกลับกำลังเหมือนถามผมที่เดือดร้อนเรื่องเงินสดอยู่

   “ไอ้สัดแทน เอ็งไปเสือกเรื่องคนอื่นทำไมวะ” ไอ้เสาร์เอาหลังมือตีเพื่อนมันผัวะ แปลกใจกับพฤติกรรมของเพื่อนมันสุดตีน อย่าว่าแต่มันเลยผมก็โคตรงง ไม่รู้จักมักจี่กันแต่เสือกมาให้ยืมตังค์ง่ายๆ รอให้ผมรวยเท่าไอ้เดย์ก่อนผมถึงจะทำ

   “ผมเรียนอยู่ที่เดียวกับพี่ ถ้าจะเอาคืนผมไปหาพี่ที่คณะเมื่อไรก็ได้ ผมสะดวก” ชื่อเล่นชื่อแทน ชื่อจริงชื่อสะดวกใช่เหรอวะ โดยไม่รอคำตอบมันควักแบงค์พันกับแบงค์ห้าร้อยขึ้นมาอย่างละใบส่งให้พี่ดวก

   “สิบบาทไม่ต้องทอนก็ได้ครับ”

   พี่ดวกมันยกยิ้มที่มุมปากข้างหนึ่ง “แฟนคลับเยอะนะมึง” ไม่ทันคิดว่าพี่มันแซว ผมสลับมองหน้าพี่ดวกที ไอ้แทนที ทั้งๆที่ผมยังไม่ทันตอบตกลงมันก็ชิงจ่ายไปซะก่อน ไอ้พี่ดวกเลยสลับเอาบัตรนิสิตของผมไปเสียบอยู่ระหว่างนิ้วกลางกับนางด้วยมือเดียวอย่างกับเล่นกลไพ่ แม่งเท่สัด แล้วยื่นมือข้างนั้นไปรับเงิน แต่มันไม่จบแค่ตรงนั้นเนี่ยดิ จังหวะที่จ่ายตังค์ไอ้แทนเสี่ยหนุ่มป๋าเลี้ยงของผมกลับหนีบบัตรหน้าเห่ยกลับคืนมาด้วย เหมือนมันต้องใช้แรงดึงพอสมควรกว่าจะได้กลับมาไม่งั้นมือไอ้เชี่ยแทนมันไม่ตวัดขนาดนั้นหรอก

   “อ่ะ” มันกลายเป็นฮีโร่มัยซินของผมไปแล้วครับ ผมรับบัตรประจำตัวนิสิตมาจากแทนแล้วรีบยัดใส่กระเป๋าเสื้อ ตลอดเวลาก็รู้สึกถึงพี่ดวกที่หรี่ตามองมาอย่างมีเลศนัย พี่แกเอาเงินที่ได้จากไอ้แทนโบกไปมานิดก่อนพูดออกมา

   “โอเคจบ กูไปแล้ว คราวหน้าอย่าลืมแวะมาอุดหนุนอีก” แล้วไอ้พี่ดวกก็จากไปจัดการร้านตามเรื่องตามราวตามประสาเจ้าของร้านต่อแต่ยังไม่วายตะโกนเรียกพนักงานเสิร์ฟแถวนั้นให้เอาเหรียญสิบมาทอนไอ้แทน

   “มึง กูขอบใจนะที่ช่วย” ซึ้งวะ อย่างนี้ล่ะนะเขาถึงบอกว่า เพื่อนแท้มักจะปรากฏตัวในยามที่เราลำบากไม่เหมือนไอ้เพื่อนเดย์ ไว้รอมึงฟื้นกูจะเอาคืนให้มึงพูดไม่ออกเลย “แล้วก็ขอโทษด้วยที่ทำตัวมึงเปียก” ผมเพิ่งเห็นสภาพมันชัดๆก็ตอนนี้ เพราะมันยืนเต็มความสูงหันมาที่ผม เสื้อนักศึกษาเป็นคราบเหล้าเห็นได้ชัดโชคยังดีที่เป็นกางเกงสแล็คสีดำไม่งั้นคงมีคนคิดว่ามันไปฉี่ราดที่ไหน

   “ไม่เป็นไรหรอกพี่ เดี๋ยวผมกลับแล้ว พี่ก็กลับดีดีล่ะอย่าปล่อยให้พี่ดวกมันมาขอเบอร์ขอตังค์อีก” พี่ดวกหรือสัมภเวสีวะนั่น เตือนกูให้ระวังซะจนกูเกือบไม่กล้าเข้าร้านนี้รอบสอง

   “เออจริงดิ งั้นกูให้เบอร์มึงแทน” ไอ้แทนหน้าเหวอเลยครับ อ้าวนี่ผมพูดอะไรผิดเหรอ

   “ให้ผมเพื่อ” ให้มึงไปแทงหวยมั้ง ถามมาได้ให้เบอร์โทรศัพท์ไปเพื่อ

   “แม่งอ่อยเบอร์แรง” ไอ้เสาร์มันอยากมีบท มันเลยยื่นปากเข้ามาแทรก แต่ละคำที่มันพูดไม่เข้าหูผมซะเลย นี่เกลียดกันมาแต่ชาติปางไหนรึเปล่าวะ

   “กูจะคืนเงินไอ้แทน คิดได้ว่านะกูอ่อย กูไม่ใช่เกย์เว้ย”

   “แล้วไอ้ที่นอนตายอยู่ข้างๆไม่ใช่คู่หูพี่เหรอ” มาซะตรงประเด็น ไอ้เดย์กับผมที่มีข่าวคลุกวงในกันมาตั้งแต่ชาติปางก่อน แต่ไอ้เสาร์เพื่อนไอ้แทนมันรู้ได้ไงวะ แสดงว่าพวกผมแม่งโคตรดังมากเลยอ่ะดิ

   “ไอ้เดย์มันเพื่อนกู” ถึงแม้ตอนนี้กำลังจะไม่นับมันว่าเป็นเพื่อนแล้วก็ตาม

   “กลับกันได้หรือยังอ่ะแทน” เสียงที่แทรกขึ้นมาไม่ใช่ใครที่ไหนครับ แต่เป็นน้องจิงที่ยืนฟังอยู่นานแบบไม่มีบทให้เธอแทรกเข้ามาและเธอก็คงจะรำคาญพอสมควรที่ทำให้การดื่มครั้งนี้มีอันต้องสะดุดเพราะเรื่องของผม ไม่งั้นคงไม่ทำหน้านิ่วคิ้วขมวดขนานนั้น แต่พอเธอเริ่มตวัดสายตามามองหน้าผมเท่านั้นแหละตะลีตะลานก้มหน้าขยับตัวไปซ่อนหลังไอ้แทนแทบไม่ทันทำให้ผมนึกขึ้นมาได้ว่า...เออแฮะคนที่ควรจะหลบหน้าต้องเป็นฝ่ายน้องเขามากกว่าไม่ใช่พวกผม

   “ไปกันเหอะ ไอ้แทน กูหมดสนุกแล้วกลับไปอ่านหนังสือหอมึงต่อก็ได้” ขอโทษว่ะที่ทำให้พวกมึงหมดสนุก ใช่สิกูผิดเอ๊งงงงง ที่ทำกระเป๋าตังค์หาย เฮ้ย!!จริงด้วยสิกระเป๋าตังค์ ผมรีบก้มลงไปมองหาที่พื้นอย่างไวเผื่อบางทีอาจเผลอนั่งแล้วทำตกอยู่แถวนี้ แต่กวาดสายตามองกี่ทีก็ยังไม่เห็นมีวี่แววของมัน ผมเลยตัดใจแล้วรีบลุกขึ้นจนแอบหน้ามืดเซไปนิดนึงโชคยังดีที่ยันแขนไว้กับเก้าอี้ทัน

   “แล้วพี่จะกลับยังไง บ้านพี่อยู่แถวไหน” ผมหันหัวไปมองคนที่ถาม อ้าวไอ้แทนยังอยู่อีกเหรอ ผมคิดว่าพวกมันจะทิ้งผมแล้วกลับกันไปแล้วเสียอีก

   “กูอยู่หอ ไอ้เดย์มันขับรถมา” ผมพยักเพยิดไปทางศพไร้ญาติที่หลับเป็นตายคาโต๊ะอยู่ ไอ้แทนมันมองตามอย่างประเมินกระพริบตาปริบๆได้ซักพักก็เริ่มหันมาซักผมต่อ

   “พี่ดื่มไปกี่แก้ว” ผมเลิกคิ้วสงสัย มันอยากรู้ไปทำไม

   “ดื่มแบบผสมไม่เท่าไรเอง” แค่ครึ่งค่อนขวดครับ ความจริงผมกับไอ้เดย์ดื่มพอๆกัน แต่ผมมันคอแข็งมาแต่ไหนแต่ไร เหล้าเลยไม่เคยล้มผมได้เสียที

   “เอากุญแจรถมา” มันว่าพร้อมแบมือยื่นใส่ผม

   “หา?”

   “ผมบอกว่าให้เอากุญแจรถมา บ้านพี่ไม่เคยสอนหรือไงว่าเมาไม่ให้ขับ”

   “แล้วทำอย่างกับมึงไม่เมา”

   “แก้วแรกของผม เป็นแก้วเดียวกับที่มันเปื้อนเสื้อผมอยู่ตอนนี้แหละ” โอ๊ยโดนกัดเจ็บจี๊ดๆ “เพราะฉะนั้นต่อให้โดนตำรวจจับไปเป่าแอลกอฮอล์” ฟิ้ว สายลมผ่านหน้าผมไปเบาๆ “ศูนย์มิลลิกรัมเปอร์เซนต์” แทนยกยิ้มขณะที่ให้ผมพิสูจน์กลิ่นของลมหายใจ ปากมันหอมได้อีกแบบที่หาเศษหมาเน่าตายซักตัวยังไม่เจอเลยมั้ง

   “กูพี่มึงนะ มาป่งมาเป่าลมอะไรใส่หน้ากู เดี๋ยวก็เป่าคืนซะนี่”

   “ฮ่าฮ่า หน้าพี่เหมือนจะเป่ากระสุนใส่ผมซะมากกว่า” ถ้ามึงตายอันดับผู้ชายหน้าตาดีบนโลกนี้คงขยับขึ้นอีกหลายคน   “มา เดี๋ยวผมขับไปส่ง หอพี่อยู่ไหนล่ะ”

   “อยู่ประตูเอก แต่ไอ้เดย์หอมันอยู่ฝั่งประตูโท” ไอ้แทนมันทำท่าครุ่นคิดแล้วหันไปมองหน้าเพื่อนมัน ทันทีที่สบตา ไอ้เสาร์มันก็ยกมือขึ้นมาชี้หน้าไอ้หล่อสัดรัสเซียอย่างรู้ทัน

   “ไอ้เชี่ยแทนมึงอย่าบอกนะ”

   “ไอ้เสาร์ กูฝากเพื่อนพี่มันได้ป่ะ”

   “เฮ้ยแล้วทำไมกูต้อง...” ไอ้โย่งมันโวยวายทันที

   “มึงอยู่หอเดียวกับมัน”  ผมสะดุดเล็กๆกับการที่แทนเรียกไอ้เดย์ว่ามัน “แล้วดูท่าว่าคนที่จะแบกมันขึ้นห้องได้ก็มีแค่มึง”

   “มันใช่เหตุผลป่ะ”

   “พี่เดือดร้อนน้องต้องช่วย” โหยพูดแบบนี้มึงเอาเกียร์กูไปเลย กูรับมึงเป็นน้องนับตั้งแต่วันนี้...อ้าวไม่ใช่เหรอ เออลืมไปผมอยู่เศรษฐศาสตร์ แต่ให้พูดก็พูดเถอะผมเกรงใจมันนะ ถ้าเป็นไอ้แทนคนเดียวผมพอยอมรับความหวังดีจากมันได้เพราะดูมันเต็มใจจะช่วย แต่กับเพื่อนมันดูจะไม่ใช่

   “เฮ้ย ไม่เป็นไรจริงๆกูกลับเองได้ พวกมึงกลับไปเถอะ” ก่อนอื่นต้องแบกไอ้หมานี่ขึ้นมาก่อนสินะ “ไอ้เดย์มึงลุก” ผมเอาตีนเขี่ยมันเบาๆก่อนเพิ่มระดับความรุนแรงขึ้นเมื่อเห็นมันไม่ขยับ “ไอ้เชี่ยนี่” เวรมหาตะไล กูต้องแบกมึงกลับหอจริงๆใช่มั้ย

   ไม่ทันไรดูเหมือนแทนมันจะไม่ทนอีกต่อไป มันเลยฉุดแขนไอ้เดย์ขึ้นมาพาดคอมัน เพื่อนผมแม่งตัวเตี้ยกว่ามันท่าทางเลยดูเหมือนคนช่วยเหลือจะต้องรับน้ำหนักไปเต็มๆ

   “กุญแจ”

   “...”

   “ผม บอก ว่า กุญแจ” ดูมันเน้นแต่ละคำ เผด็จการ ฮิตเลอร์ นาซีกลับมาเกิด เฮ้ยผมไม่ได้กลัวนะแต่...

   “เอ้านี่ กุญแจ” ล้วงจากกางเกงเป้าตุงดุ่งดุ๊งของไอ้เดย์อย่างไว พอได้ของเสร็จมันก็ลากไอ้เดย์เดินนำลิ่วออกไป แต่เหมือนแผ่นสะดุดเมื่อมันเดินมาจนถึงทางเข้าหน้าร้าน ไอ้แทนยืนค้างอยู่ตรงนั้น

   อ้าว...อย่าบอกนะมึงเปลี่ยนใจไม่อยากไปส่งกูแล้ว

   “รถเพื่อนพี่คันไหน” เออ...ลืมบอกมัน แล้วดันเสือกเดินนำมาเลยนะมึง ทำอย่างกับรู้ ผมก็ว่าใครมันจะไปตรัสรู้ว่าเป็นคันไหนกับการแค่ได้กุญแจรถวะ

   “ซีอาร์วีสีดำ โน่นคันโน้น” ผมชี้ไปที่รถของไอ้ลูกเศรษฐี ความจริงป๊ามันเสนอว่าจะถอยคันที่แพงกว่าให้เนื่องในโอกาสที่สอบเข้ามหาวิทยาลัยได้ แต่ไอ้เดย์มันกลับไม่เอาด้วยเหตุผลที่ว่าไม่อยากเด่น ถ้ามันเชื่อป๊าป่านนี้หรือขี้คร้านเด็กอักษรจะวิ่งตามเด็กสาธิตจะคลานเข่าเข้ามาขอสมัครเป็นตุ๊กตาหน้ารถแทนล่ะสิไม่ว่า พอรู้พิกัดไอ้แทนมันก็เดินนำดุ่มๆมาจนถึงรถ

   “ผมขออนุญาตให้เพื่อนผมขึ้นรถนะ”

   “นิมนต์คร้าบบบบ” กุญแจอยู่ที่ใครสิทธิ์ขาดก็เป็นของคนนั้นอยู่แล้วครับ

   “หึ...กวน” เฮ้ยมันด่าผมเหรอ นี่ผมเป็นรุ่นพี่มันนะ เอาวะเห็นแก่บุญคุณไม่ถือสาก็ได้ ว่าแล้วผมก็เดินมาเปิดประตูเบาะหลังแล้วกำลังจะก้าวขึ้นรถ “เฮ้ยพี่ทำอะไรอ่ะ”

   “รีดผ้ามั้ง ถามมาได้ ก็กำลังจะขึ้นรถอ่ะดิ หรือมึงจะไม่ส่งกูแล้ว”

   “เปล่า มานั่งหน้าดิ ผมจะไปส่งที่หอประตูโทก่อน ประตูเอกมันก็หอผม พี่จะได้ไม่กังวลว่าผมจะส่งเพื่อนพี่ถึงที่มั้ย แล้วก็จะได้ไม่ต้องห่วงว่ารถจะหายด้วยไง ผมมันเป็นพวกรู้จักจัดลำดับความสำคัญอยู่แล้ว” น้องจิงที่กำลังเปิดประตูที่นั่งข้างคนขับถึงกับสะดุ้ง เธอหันมามองหน้าผมอย่างแค้นเคืองแต่ก็พูดอะไรไม่ออกต้องยอมสลับที่กับผมเพราะคนสั่งดันเป็นไอ้แทน

   พอมันจัดแจงให้น้องจิงนั่งริมแล้วดันคนเมาเข้าไปนั่งกลางตามด้วยไอ้โย่งเสาร์เสร็จ มันก็ออกรถโดยมีผมนั่งข้างคนขับ ระหว่างทางในรถเงียบมากเงียบจนผมทนไม่ไหวต้องเอื้อมมือไปเปิดวิทยุฟัง แล้วเหลือบตามองไปเบาะหลังเป็นระยะเพื่อดูอาการเพื่อน ถนนทางไปหอไอ้เดย์ก็เรียบดีขาดแต่มีลูกระนาดเยอะไปหน่อยทำคนเมาโยกไปซ้ายทีขวาทีจนน้องจิงต้องขยับตัวหลบแทบชิดกระจกแบบรังเกียจ เฮ้ยนั่นแฟนเก่านะเว้ยแฟนเก่า อย่าบอกว่าจำผมได้แต่เสือกจำแฟนเก่าตัวเองไม่ได้น่ะ สุดท้ายไอ้โย่งมันก็ทนดูผู้หญิงทรมานไม่ได้เลยต้องดันหัวทุยๆของไอ้เดย์มาอิงไหล่มันด้วยท่าทีไม่ค่อยเต็มใจซักเท่าไร จนในที่สุดช่วงเวลาแห่งความอึดอัดใจก็จบลงรถขับมาถึงหอประตูโทได้อย่างสวัสดิภาพ พอจอดปุ๊บน้องจิงก็ลงจากรถปั๊บแถมเดินกระแทกส้นเท้าขึ้นตึกไปแบบไม่เอ่ยคำอำลา ส่วนไอ้เสาร์มันยังคงนั่งนิ่งอยู่บนรถ

   “นี่ตกลงมึงจะให้กูไปส่งไอ้นี่จริงๆเหรอ” ไอ้คนเมาไม่รู้เรื่องอะไรยังคงนอนซบไหล่ไอ้เสาร์อยู่

   “จริงดิ กูจะโกหกมึงทำเพื่อ คนนอกหอเข้าได้ซะที่ไหน หอนี้แม่งเขี้ยวจะตาย” เขี้ยวแต่ถ้าคนในหอพามาจนเข้าๆออกๆบ่อยชนิดที่เรียกว่าป้าคุมหอจำได้ก็อีกเรื่อง “ห้องเพื่อนพี่เบอร์อะไร” ไอ้แทนมันหันมาถามผม

   “สองสองสี่”

   “ท่องสูตรคูณทำเพื่อ”

   “เชี่ยนี่ กูบอกเบอร์ห้อง ห้องไอ้เดย์มันห้องสองสองสี่”

   “ผมล้อเล่นน่ะ” มันยิ้มทั้งตา กวนตีนสัด แต่บวกกับหน้าตามันแล้วผู้หญิงคงให้คำจำกัดความว่าหล่อตี๋ขี้เล่นสินะ    “มึงไม่ต้องไปส่งเพื่อนกูหรอก เดี๋ยวกูแบกมันขึ้นไปเอง”

   “แบกไหว?”

   “ไหว”

   “ไม่กลัวรถหาย”

   “มึงก็ส่งพวกกูแค่นี้แหละ เดี๋ยวกูค้างห้องไอ้เดย์” ไอ้แทนมันหุบยิ้มทันที หน้ามันดูเครียดขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

   “เงินพันห้าพี่ยังไม่คืนผมเลยนะ” ผมลืมไปเสียสนิท อ้อมิน่าล่ะไอ้แทนมันคงคิดว่าผมจะไม่คืนมันแหง มันถึงได้ทำคิ้วผูกโบว์ขนาดนั้น แล้วกระเป๋าตังค์ผมก็ยังไม่รู้ว่าอยู่ที่ไหนยังไงก็ต้องกลับไปเอาเงินที่หอมาคืนมันก่อนอยู่ดี

   “เออเออก็ได้กูฝากเพื่อมึงด้วยละกัน นี่กระเป๋าไอ้เดย์ กุญแจห้องมันอยู่ช่องหน้า” ผมยื่นดามิเย่ให้ไอ้เสาร์ที่อยู่เบาะหลัง ส่วนมันก็รับไว้แบบไม่ค่อยจะเต็มใจซักเท่าไร พอปล่อยสองคนลงไปเสร็จ ไอ้แทนมันไม่รอช้าขับรถมุ่งหน้าไปยังหอประตูเอกทันที แต่คราวนี้บรรยากาศในรถเปลี่ยนไปเพราะมันเริ่มชวนผมคุยตลอดทาง

มีต่อ...


ออฟไลน์ sakutaka

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 128
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-1

   “ห้องพี่อยู่ตึกไหน”

   “ตึกแปด”

   “ทำไมไม่ยักจะเคยเห็นหน้า ผมอยู่ตึกสองน่ะ แต่ชอบไปเล่นบาสบ่อยๆที่สนามกลาง ใครผ่านไปผ่านมารู้จักหมด”

   “มึงก็เว่อร์ เด็กหอนี้มีตั้งเป็นร้อย จำหน้าได้หมดกูก็ยกให้เป็นไอนสไตน์แล้ว แต่ไม่ยักรู้นะว่าอยู่หอเดียวกัน”

   “จริงเหรอ ผมออกจะดัง” จากการพูดคุยกันเป็นครั้งแรกที่ทำให้ได้รู้ว่าไอ้แทนมันหลงตัวเองชิบ คนหน้าตาดีในหอนี้มีเยอะแยะครับ แต่เหมือนจะพอได้ยินข่าวลือหนาหูตอนช่วงเปิดเทอมใหม่ว่ามีเด็กหน้าตาดีถึงขั้นพอที่จะเป็นตัวเก็งเดือนมหา’ลัยเข้ามาอยู่ที่หอ ดูจากหน้าตามันก็มีส่วนเข้าเค้าเหมือนกัน

   “แทนสุรบถ”

   “หา” ผมอ้าปากหวอ จู่ๆมันก็พูดวลีอะไรขึ้นมาไม่รู้

   “ไม่ต้องทำหน้าเอ๋อขนาดนั้นก็ได้พี่ สุรบถน่ะชื่อจริงผม ผมเรียนอยู่วิศวะอุตสาหการปีหนึ่ง คนชอบเรียกว่าแทนสุรบถน่ะเอาไว้ระบุตัวบุคคล เพราะชื่อแทนมันแอบโหล” หน้าตากูเหมือนหม่ำ จ๊กมก หรือเท่ง เถิดเทิง หรือไงวะ เอะอะเห็นหน้าก็หัวเราะ มองหน้าก็ยิ้ม หรือมันกำลังดูถูกคนที่หล่อน้อยกว่าที่ชอบหลุดหน้าตาไม่ดีออกมาให้เห็นเป็นประจำหรือเปล่าวะ

   “พี่เรียนอยู่เศรษฐศาสตร์ใช่มั้ย”

   “ก็เห็นบัตรนิสิตไปแล้วไม่ใช่เหรอ” อย่ามาเนียน ผมรู้ว่ามันแอบดูบัตรนิสิตผมแวบหนึ่งก่อนที่จะส่งคืนให้ผม ถ้ามันเป็นพวกจำแม่นจริง ตอนนี้มันคงรู้รหัสนิสิต ชื่อนามสกุล คณะที่เรียนรายละเอียดทุกอย่างของผมจนครบไปแล้วล่ะ

   “ก็ถามดูเพื่อความแน่ใจน่ะ” เพื่อความแน่ใจอะไรวะ เฮ้ยอย่าบอกนะว่า...

   “นี่มึงไม่เชื่อใจกูใช่มั้ย” คราวนี้ผมดึงความสนใจมันได้เต็มๆ จากที่มองมาทางผมด้วยหางตาเป็นระยะแต่ตอนนี้กลับกลายเป็นว่าต้องหันหัวมาทางผมทุกหนึ่งวินาที

   “นี่พี่พูดเรื่องอะไรน่ะ”

   “ไม่ต้องมาทำไก๋ ถ้าจะไม่เชื่อใจกันขนาดนี้ก็บอกมาตรงๆดิวะ ไม่เห็นต้องมาหลอกถามเลย”

   “เฮ้ย นี่ผมเริ่มงงแล้วนะ ผมไปทำอะไร ไปหลอกถามอะไรพี่”

   “ก็มึงเน้นถามคณะกูซะ”

   “แล้วมันเกี่ยวอะไรด้วยอ่ะ”

   “เกี่ยวอะไรด้วยนี่มึงยังไม่รู้ตัวอีกเหรอ โธ่เว้ย...ไม่รู้แล้ว เมื่อไรจะถึงหอวะ นี่มึงรีบๆเหยียบเลยนะ กูจะได้รีบๆเคลียร์ให้มันจบๆไปเสียที”

   “เคลียร์อะไรของพี่ แล้วจะให้ผมรีบได้ไง พี่ไม่เห็นเหรอทางข้างหน้ามันมืดจะตาย ขับเร็วๆอันตรายนะ”

   “มึงเหยียบไปเหอะน่ะ พอถึงหอแล้วมึงก็ขึ้นห้องไปกับกู ไปเอากันให้จบ”

   เอี๊ยดดดดดด!!

   แทบทิ่มไปคอนโซลรถด้านหน้าเลยครับ จู่ๆไอ้แทนมันนึกครึ้มอะไรไม่รู้เสือกเหยียบเบรคกะทันหัน ด้านหน้าก็ไม่มีรถจอดซักคัน แถมเงาหมาแมววิ่งตัดหน้ารถก็ยังไม่มีซักตัว

   “เชี่ยแทน!! กูบอกให้มึงเหยียบคันเร่งไม่ใช่เบรค” ผมร้องลั่น ดีที่เข็มขัดนิรภัยช่วยชีวิตไว้ได้ทัน ไม่งั้นดั้งผมได้ยู่แน่

   “ก็พี่แม่ง พูดอะไรแปลกๆ”

   “กูพูดอะไรแปลก”

   “ก็พี่บอกว่าให้ขึ้นห้องไปเอากันให้จบๆไงเล่า!!”

   “...” แมลงวันบินเข้าปากตายไปสามตัว

   เช้ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด มันคิดอะไรอยู่ฟระเนี่ย คิดแบบว่าทำเอาผมหน้าขึ้นสีจินตนาการตามไปถึงไหนต่อไหน

   “กะ กูไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น นี่มึงคิดอะไรของมึงเนี่ย ทะลึ่งชิบ” พลังมโนแม่งมีอนุภาคทำลายล้าง ดีที่ผมไม่เป็นโรคโลหิตจาง ไม่งั้นมีได้มีเข้าสภากาชาดขอรับบริจาคเลือดกรุ๊ปเอวี...เอ๊ยเอบีไปแล้วครับ

   “อ้าว...ผมไม่ได้เป็นคนเริ่มก่อนนะ” ไอ้แทนมันท้วง

   “เอ็งแหละที่เริ่ม ตอนกูพูดกูยังไม่ทันคิดเลย เสือกทำให้กูคิด”

   “...” ไอ้แทนมันทำตาโตมองผม

   “ไม่ต้องมาเงียบเลย มึงก็รู้นิสัยผู้ชาย”

   “ผมรู้...แต่พี่จินตนาการกับผมเนี่ยนะ”

   “...” สตั้นสิบวิ...เช้ดดดดดดดดดดด “กูเปล่า!!”

   “ก็พี่พึ่งพูดอ่ะ”

   “มึงหยุดพูดเลย” ผมทำกระฟัดกระเฟียดเอื้อมมือไปจับที่เปิดประตูรถกะจะหนีออกมาเดินเล่นข้างนอก แต่ประตูดันเสือกเปิดไม่ออก กระชากแล้วดันอยู่สองสามทีด้วยความหงุดหงิด

   “เดี๋ยวรถเพื่อนพี่ก็พังหมดหรอก มันออโต้ล็อคอยู่นะ” อยากรีบหนีแต่เสือกโง่อีก ผมดันปลดล็อคได้ก็เปิดประตูพุ่งตัวออกไปทันที

   อึดอัด ตัวร้อน ข้างในโคตรอบ เหมือนไอ้แทนมันแย่งอากาศหายใจในรถไปจนหมด พอออกมาข้างนอกค่อยสดชื่นหน่อย ผมสูดหายใจเต็มที่ พยายามทำให้หัวกับหน้าเย็นลง แต่ช่วงเวลาที่ทำให้ใจสงบมันช่างสั้นยิ่งนัก เสียงเปิดประตูรถทำให้ผมรู้ทันทีว่าไอ้หล่อมันตามลงมา มันเดินอ้อมหน้ารถเดินมาหาผม

   “พี่ไหวมั้ยเนี่ย”

   “จะไม่ไหวก็เพราะมึงนั่นแหละ”

   “เช้ดด หน้าแดงโคตร” เชี่ย จริงป่ะเนี่ย

   ผมรีบยกมือขึ้นมาจับหน้าอย่างกับว่ามันเป็นตัวทดสอบความเป็นกรดด่างค่าพีเอชต่ำกว่าเจ็ดจะกลายเป็นสีแดง

   “หึ...ผมล้อเล่น” มันยิ้มอีกแล้ว สาดนี่

   “แกล้งกูหนุกหรือไง”

   “ปฏิกิริยาพี่มันน่ารักดี”

   “...” ก็มึงใส่สารเร่งให้กู ปฏิกิริยากูเลยมาไวเลยเห็นมั้ยยยย

   “กูจะให้มึงขึ้นไปที่ห้องไปเอาเงินคืน แต่แม่งก็...” หมดคำพูดครับ ไปต่อไม่ไหวแล้วอ่ะ

   “ไว้วันหลังก็ได้นี่ ไม่เห็นเป็นไร”

   “ทีเมื่อกี้ยังถามย้ำเรื่องคณะกูอยู่ได้ ถ้ามึงกลัวกูโกงขนาดนั้นทำไมไม่รีบเอาคืนไป”

   “ผมเปล่าซะหน่อย”

   “แล้วมึงถามหลายๆรอบทำไม”

   “ผมแค่อยากรู้ว่าพี่อยู่คณะอะไรแค่นั้นเอง”

   “เพื่อ?”

   “ก็แค่อยากรู้”

   “...” ปริศนาเพียบ ผมแทบจะคืนสี่จุดศูนย์ๆให้คุณครูมัธยมแล้วส่งดอกไม้ธูปเทียนไปขอขมาสามจุดแปดห้าให้อาจารย์ตอนปีหนึ่งเลย ขอโทษที่กูโง่ครับกูไม่เข้าใจวัตถุประสงค์มึง

   “เอาเถอะ เอาเป็นว่าพี่ไม่ต้องคิดมากเรื่องนั้นเลยละกัน ผมไม่เคยคิดว่าพี่จะโกง ถ้าผมคิดป่านนี้ผมไม่ให้พี่ยืมตั้งแต่แรกแล้ว ส่วนเรื่องคืนจะคืนเมื่อไรก็ได้” ไอ้แทนมันยักไหล่ไม่ยี่หระกับเงินพันห้าอย่างกับว่าเป็นเศษสตางค์

   “ทำอย่างกับกูจะเจอมึงอีก”

   “ต้องเจอดิ ผมรู้จักคณะพี่แล้วนะ ไว้ผมไปกินข้าวเที่ยงที่โรงอาหารนั้นบ่อยๆละกัน”

   “ก็ไม่ถึงกับต้องมานั่งเฝ้าทุกวันรึเปล่าวะ โทรมาบอกเดี๋ยวกูไปหาเอง หรือไม่ก็อย่างที่บอกไง แค่ขึ้นไปเอา...” มันทำผมซีเรียสกับการใช้คำพูดไปเลย “แค่ไปให้ถึงหอแล้วรออยู่ด้านล่าง เดี๋ยวขึ้นไปเอาลงมาให้แปบเดียว ตกลงตามนี้นะ ถ้างั้นก็ไปกันได้แล้ว” วันนี้ผมจะถึงหอกี่โมงเนี่ย แค่เถียงแค่เคลียร์กับไอ้แทนก็ใช้เวลาไปนานโข

   “พี่จะไปไหนอีก”

   “ถามได้ก็กลับหอดิ” มันยิ้มอีกแล้ว คราวนี้ไม่ยิ้มอย่างเดียวมีแอบกลั้นหัวเราะด้วย

   “ห้องพี่...ขับรถขึ้นไปได้มั้ย” รู้สึกแหม่งๆกับคำถามนี้ นี่มึงจะบ้าเหรอหอนะเว้ย ไม่ได้อาคารจอดรถ นึกท้วงในใจแต่ก็กวาดสายตาไปมองรอบๆ อ้าวเฮ้ยถึงหอแล้วนี่หว่า ผมหลบสายตามันกลบอาการเก้อเขินจากการหน้าแตก

   “ถะ...ถ้างั้นมึงรออยู่ตรงนี้...ถ้ามึงไม่เชื่อใจกูก็เอามือถือกูไปเป็นตัวประกัน” ผมยื่นมือถือให้มัน ทำท่าจะวิ่งโร่เข้าตึก แต่ทำอย่างไรไอ้แทนมันไม่ยอมยื่นมือออกมารับ แถมยังบอกว่า

   “ปลดล็อคก่อน”

   “อะไรของมึงเนี่ย จะให้กูปลดเพื่อ” มันนิ่งไม่ยอมขยับราวกับว่าถ้าผมไม่ทำตามคำสั่งมันก็จะไม่ได้ไปต่อ

   “ปลดล็อค”

   “เออๆก็ได้วะ” ผมรีบจนขี้เกียจถามเหตุผล ยังไงก็เพิ่งถอยมาใหม่ไม่มีทางเจอรูปหลุดหรืออะไรที่เป็นความลับในนั้นอยู่แล้ว พอเอานิ้วทาบปุ่มโฮมเสร็จก็ส่งให้มันก่อนรีบวิ่งขึ้นตึกอย่างกระตือรือร้น

   ผมว่าผมไวพอตัวแล้วนะเพราะไม่ถึงสิบห้านาทีผมก็เดินลงมาพร้อมกับเงินพันห้าในมือ แต่ทว่ากลับไร้ร่างของคนที่ควรจะรอผมและรถซีอาร์วีคู่ใจไอ้เดย์ที่ควรจะอยู่ตรงหน้าทางเข้าหอ ยืนหอบหายใจให้คลายความเหนื่อยได้ซักพักก่อนเริ่มกวาดตามองไปรอบๆเพื่อหา

   “พ่อหนุ่ม” เสียงป้าประจำหอเรียกมาแต่ไกลพลางกวักมือเรียก

   “ป้าเพ็ญ มีอะไรหรือครับ” เธอกึ่งเดินกึ่งวิ่ง จนมาถึงตัวผมก็เอามือกำอกแน่น

   “วิ่งมาซะไวเชียว ป้าเรียกแทบไม่ทัน เอ้านี่” พวงกุญแจยี่ห้อโค้จรูปร่างคุ้นตาห้อยต่องแต่งอยู่ตรงหน้า ผมรับมันไว้อย่างงงๆ แล้วป้าก็ยื่นอีกอย่างมาให้มันคือมือถือที่ผมฝากไอ้แทนไว้เป็นตัวประกัน

   “ทำไมถึง...” มาอยู่ตรงนี้ได้ล่ะ

   “คนที่มากับเธอเขาฝากไว้น่ะ บอกว่าถ้าเธอลงมาแล้วให้เอามาให้ กับฝากบอกว่ารถจอดอยู่ข้างหอแล้วไม่ต้องเป็นห่วง ล็อคอย่างดี แล้วก็ให้รีบกลับขึ้นไปนอนได้แล้วเดี๋ยวพรุ่งนี้ไปเรียนสาย” ถ้าจะฝากขนาดนี้มึงจ่ายตังค์ค่าส่งข้อความให้ป้าเขาด้วยเลยดีกว่ามั้ย ผมพยักหน้าน้อยแล้วกล่าวคำขอบคุณอย่างโคตรงง จนกระทั่งป้าเดินกลับเข้าตึกไป

   “อะไรของมันวะ” ได้แต่ทิ้งความสงสัยให้คาใจอยู่อย่างนั้น...

TBC


ขอบคุณคุณ FeaRes นะคะ ปลื้มปริ่มกับคอมเมนต์

แทนเป็นพวกคิดลึกเนอะ 5555

ขอบคุณสำหรับกำลังใจดีดี ตอนนี้ปั่นเรื่อยๆเลยค่ะ จินตการจ๋า

ขอบคุณนักอ่านท่านอื่นๆที่หลงเข้ามาด้วยค่ะ
จะพยายามไปเรื่อยๆค่า

ออฟไลน์ FeaRes

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 738
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-2
ถ้าเห็นเป็นลูกค้าประจำก็ไม่น่าทำงี้นะ ดูไม่ไว้ใจไปรึเปล่า
ไทม์ไม่ได้บอกจะไม่จ่ายเลยสักหน่อย พี่แม่งก็จะให้จ่ายเลยท่าเดียว
แต่พอเห็นพี่มันขอเบอร์เท่านั้นแหละ ถ้าแถมเบอร์จะให้ติดได้หนึ่งอาทิตย์เลย...
เนียนอ่อยหนักนะเนี่ย รุกแรง 55555555

น้องแทนคนหวงพี่ไทม์ ~
เบอร์พี่ต้องพิทักษ์ นอนห้องเพื่อนน้องก็ไม่ให้ หึง(?) 5555555
แทนสองมาตราฐาน กับไทม์เรียกพี่แต่เดย์เรียกมัน คนพิเศษก็งี้สินะ----
หาเรื่องให้เจอพี่เขาจนได้แหละ อ้างนั้นอ้างนี่ บอกอยากเจอตรงๆก็จบ
แถไปแถมา สุดท้ายพี่ไทม์ก็ไม่ทันน้องงงง
 :hao3:

เดย์กับเสาร์ดูเคมีไปด้วยกันได้นะ(?) 55555

ออฟไลน์ •♀NoM!_KunG♀•

  • *,*โสดสนิทศิษย์พยักหน้า*,*
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7579
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-8

ออฟไลน์ sakutaka

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 128
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-1
{Will you be my family?(น้องครับพี่ขอนับญาติได้มั้ย?)}

ตอนที่3 หนี้เหล้า


   เสียงอะไรวะ น่ารำคาญชิบ

   ง่วงนอนหนังตาหนักจนไม่อยากเปิดมาดูว่าเกิดอะไรขึ้น หยุดทีเถ้อะขอนอนต่อเถอะนะนะนะนะ



   “โว้ย!!” ผมผุดลุกขึ้นมานั่งอย่างไวทนทู่ซี้นอนต่อไม่ไหวเพราะเสียงเพลงดังบวกกับอะไรซักอย่างที่สั่นครืดคราดอยู่ใกล้ๆหัวผม แอบหน้ามืดไปวืบหนึ่งเพราะเลือดไหลลงจากสมองไวเกินไป จนกระทั่งปรับสภาพตัวเองได้ถึงพยายามมองหาต้นตอของเสียง


   อ้าวที่แท้ก็โทรศัพท์เข้า ใครมันโทรมาเช้าขนาดนี้ ผมมองหน้าจอที่แสดงชื่อสายเรียกเข้า ‘หล่อสุดในสามโลก’

   เช้ดดดดผมเคยเมมชื่อใครเชยขนาดนี้ด้วยเหรอวะ

   ขมวดคิ้วลังเลอยู่ซักพักหนึ่งก่อนตัดสินใจกดรับ

   “สวัสดีครับ”

   ‘ฮัลโหลพี่ ตื่นยัง’

   “ใครวะ” มันเรียกผมพี่ หรือว่าเป็นรุ่นน้องที่คณะ?

   ‘ผมไง...แทนสรุบถ’ หา...แทนสรุบถ สรุบถ สรุบถไหนวะ

   “...”

   “...”

   เยดเข้ไอ้เชี่ยแทนนนนนนนนนนนนนนนน

   มันทำผมตื่นเต็มตา มันโทรมาทำไมแต่เช้า แล้วมันมีเบอร์ผมได้ยังไง


   เมื่อวานจู่ๆไอ้แทนมันก็หายไป แบบไม่มีร่องรอยการต่อสู้หรือทรัพย์สินสูญหาย ตำรวจสันนิษฐานว่าเป็นประเด็นชู้สาว อ่อมมม มันทิ้งผมไว้แบบนั้นได้ไงวะ!!

   ในหัวตอนนั้นผมมัวแต่คิดว่าวิ่งไปหาที่ตึกสองเลยดีมั้ย คิดไปคิดมาผมเองก็ไม่รู้จักห้องมันนี่หว่า แถมพอกดมือถือขึ้นมาดูหน้าจอก็บอกเวลาห้าทุ่มสี่สิบแล้ว เลยตัดสินใจเดินกลับขึ้นห้องตัวเอง ไปนอนพักเชื่อฟังคำสั่งเสียของไอ้แทนซะอย่างนั้น


   ‘ผมถามว่าตื่นยัง’ เสียงมันฟังดูติดจะหงุดหงิดที่ผมเงียบไป

   “กูละเมอคุยกับมึงอยู่มั้ง โทรมาทำไมแต่เช้า ง่วงนะเว้ย”

   ‘เช้าตรงไหน นี่มันจะแปดโมงแล้วนะ วันนี้ไม่มีเรียนเหรอ’ ผมเหลือบไปมองนาฬิกาแล้วลากสายตาไปจบที่ปฏิทิน เออจริงของมัน วันนี้วันพฤหัสมีเรียนคาบแรกตอนเก้าโมง มันรู้ได้ไงวะหรือแค่เดา

   “มีเรียนตอนเก้าโมง เดี๋ยวไปอาบน้ำแล้ว ต้องขับรถไปรับไอ้เดย์ด้วยดิ งั้นกูวางล่ะ”

   ‘เฮ้ยเดี๋ยวดิพี่’ มันตะโกนเสียงดังทะลุออกมานอกโทรศัพท์ทันก่อนผมกดตัดสาย

   “อะไรอีก”

   ‘จะโทรมาบอกว่าเมื่อวานผมเจอกระเป๋าตังค์พี่แล้ว มันอยู่บนเบาะหลังของรถเพื่อนพี่น่ะ ผมเลยเอามาเก็บไว้ในลิ้นชักด้านหน้ารถ’ พอได้ยินอย่างนี้ผมโคตรโล่งใจ จะได้ไม่ต้องไปแจ้งความให้ยุ่งยากเสียเวลา

   “ว่าแต่...เอาตังค์พันห้าออกจากกระเป๋ากูไปด้วยรึเปล่า”

   ‘เปล่า’ ฉลาดสัด

   “ทำไมมึงไม่เอาไปเลยว้า เชี่ยนี่ต้องให้กูไปให้อีกนะ”

   ‘เดี๋ยวผมไปเอาเองก็ได้’

   “มันใช่ปัญหามั้ย แทนที่มึงเอาไปจะได้จบๆ”

   ‘ผมไม่เปิดกระเป๋าคนอื่นโดยพลการหรอกนะ นั่นมันนิสัยโจร’

   “โหยพ่อคนคุณธรรมสูง แล้วที่มึงเอามือถือกูไปเพื่อขโมยเบอร์โทรเนี่ยไม่โจรเลยนะ” ไม่ต้องเดาก็หลับตากาข้อสอบได้เลยครับ ไอ้แทนมันให้ผมปลดล็อคมือถือเมื่อวานเพื่อจะได้โทรเข้ามือถือมันแล้วบันทึกเบอร์ไว้จะได้โทรมาก่อกวนผมเหมือนอย่างตอนนี้

   ’นั่นพี่ตั้งใจจะให้ผมตั้งแต่แรกแล้วไม่ใช่เหรอ’

   “เงินก็ใช่!!”

   ‘อันนั้นผมไม่รู้’ ไม่รู้เตี่ยมึงดิ ทีอย่างนี้มาทำฉลาดน้อย

   “เออๆช่างมันเถอะ เรื่องมันผ่านไปแล้วทำอะไรได้ล่ะ แล้วสรุปคือมึงจะมาเอาเมื่อไรหรือจะให้กูเอาไป...”

   ‘เดี๋ยวผมไปเอากับพี่เอง พี่ไม่ต้องมาเอากับผมหรอก ผมชอบเป็นฝ่ายรุกน่ะ’

   “...”

   “...”

   “รุกบ้านพ่องดิ!!!” ต้องเข้าใจนะครับมาเล่นกันแต่เช้าอย่างนี้สมงสมองผมก็ประมวลผลตามไม่ทัน พอรู้ว่ามันล้อคำพูดเมื่อวานผมก็สรรหาคำด่าไม่ออก

   ‘หึ อยากเห็นหน้าพี่ตอนนี้จัง’

   “ไปส่องกระจกดิ หน้ากูตอนนี้ก็มีสองคิ้วสองตาหนึ่งจมูกหนึ่งปากเหมือนกับมึงนั่นแหละ”

   ‘ไม่สมจริงอ่ะ เพราะผมหล่อกว่า’

   “มึงอย่าคิดว่าทั้งโลกนี้มึงหล่อคนเดียวนะ กูก็หล่อเหมือนมึงสาวติดตรึมนะเว้ย” เห็นเงียบๆฟาดเรียบนะคร้าบ ผมไม่เคยปล่อยคำพูดหลงตัวเองออกมาจากปากได้ขนาดนี้เลย เป็นเพราะมัน เพราะมันคนเดียวแท้ๆเลยไอ้แทน

   ‘พี่แม่งน่ารักเหอะ’

   “ด่ากูอีกแล้ว”

   ‘ผมชมชัดๆ มีใครสอนว่าน่ารักเป็นคำด่าเหรอ’

   “กูตกภาษาไทย ชัดเจนมะ แค่นี้ล่ะ” คราวนี้ของจริงครับ ผมกดตัดสายทันทีไม่เปิดโอกาสให้แทนมันตะโกนรั้งไว้เหมือนก่อนหน้า “ตื่นเลยแม่ง” หงุดหงิด อย่างนี้ต้องรีบไปรับไอ้เดย์เพื่อระบายเท่านั้น!!


   หน้าหอประตูโท ผมเหยียบเจ้าเห็ดหูหนูดำของไอ้เดย์มาอย่างไว เพราะจากที่คุยกับไอ้แทนก็ปาไปหลายนาทีทำเอาเกือบสาย ดีที่ผมอาบน้ำแต่งตัวไว แล้วดีที่หออยู่ใกล้มหาวิทยาลัยเลยทำให้ไม่ต้องซีเรียสเรื่องรถติดหรือเวลามาก

   “เชี่ยไทม์ กูรอตั้งนาน” คำทักทายแรกของไอ้เดย์ทันทีที่เจอหน้าผม

   “โทษทีว่ะ มีเรื่องให้วุ่นแต่เช้า”

   “กูตื่นมาตกใจหมดรถกูหาย ดีนะที่มึงไลน์มาไม่งั้นกูได้วิ่งโร่เข้าแจ้งความว่าโดนปลดทรัพย์แน่ๆ”

   “มึงก็เว่อร์ ก่อนทำอะไรก็ตั้งสติก่อนดิครับเพื่อน แจ้งไปแล้วเรื่องถึงตำรวจมึงจะลำบากต้องไปถอนฟ้องแจ้งความอีกยุ่งยากตาย”

   “ก็กูตื่นมาในสภาพอย่างนั้นไม่ให้กูคิดได้ไงวะ”

   “...” คราวนี้เป็นผมที่งงกับคำพูดของเพื่อนซี้ ยังไม่ทันออกรถผมก็กลับมาใส่เกียร์ว่างแล้วมองหน้ามัน

   “สภาพไหนวะ” เมื่อวานจำได้ว่าให้ไอ้โย่งมันไปส่งแล้วหลังจากนั้นเป็นยังไงต่อผมไม่รู้ ไอ้เดย์มันมีทีท่ากระอักกระอ่วนใจก่อนตอบ

   “ตื่นขึ้นมาก็เจอตัวเองแก้ผ้าแล้วเหลือบ๊อกเซอร์ตัวเดียว” เช้ดดดดดดด

   “มึงถอดเองรึเปล่า กินเหล้าร้อนไรเงี้ยะ” แม่งละเมอแล้วทำเป็นเรื่องใหญ่โตรึเปล่าวะ อย่างมากไอ้เสาร์ไปส่งมันก็น่าจะแค่เขวี้ยงมันลงเตียงแล้วจากไป ท่าทีมันขี้เกียจรำคาญออกซะขนาดนั้น

   “ตอนแรกกูก็คิดว่างั้น แต่ไปๆมากูดันไปเจออะไรแปลกๆเข้า”

   “แปลกๆ แปลกอะไรของมึง” ผมลุ้น

   “เสื้อผ้าที่กูใส่เมื่อวานหายไปหมดเลย ตอนแรกกูก็คิดอย่างมึงเนี่ยแหละว่ากูถอดเองแต่มองไปก็ไม่เห็นมันกองอยู่ที่พื้นซักตัว พอลองหาแม่งกลับไปแขวนอยู่ตรงราวตากผ้าแถมซักซะสะอาดเชียว มึงคิดดูคนอย่างกูเนี่ยนะจะขยันขนาดเอาไปซักแล้วตากไว้ที่ราวตากผ้าตรงระเบียงทั้งที่เมาไม่ได้สติน่ะ”

   “ก็จริงของมึง แต่มันอาจจะเป็นการค้นพบนิสัยใหม่ตอนเมาของมึงก็ได้นะเว้ย” หรือไม่ก็ไอ้เสาร์เป็นคนทำ...เหรอวะ โกหกป่ะเนี่ย แต่ถ้าไม่ใช่มันแล้วจะเป็นใคร

   “ไม่ใช่แน่อ่ะ กูไม่แม่บ้านแม่เรือนขนาดนั้นมึงก็รู้ว่ากูซักเสื้ออาทิตย์ละครั้ง”

   “หรือจะเป็นแม่ซื้อ”

   “กูอายุยี่สิบแล้วนะเว้ย แม่ซ้งแม่ซื้อป่านนี้ไม่มีแล้วมึงอย่าพูดให้กูสยอง แล้วแม่ซื้อที่ไหนวะจะใส่เสื้อผู้ชาย”

   “หา?” อุทานแทบลั่นห้องโดยสาร

   “ใช่มันมีเสื้อเชิ้ตของผู้ชายที่ไหนก็ไม่รู้หลงมาอยู่ที่ราวตากผ้ากู ดูก็รู้ว่าไม่ใช่ของกูเพราะตัวแม่งใหญ่โคตร แล้วมึงไม่ต้องสงสัยเลยนะว่ามันอาจจะติดมาตอนกูซักผ้าหยอดเหรียญ มึงก็รู้ว่าห้องกูมีเครื่องซักผ้า”

   “....” ผมขุดความทรงจำนึกไปถึงชุดที่ไอ้เสาร์ใส่เมื่อวาน เสื้อเชิ้ตนิสิตสีขาวแขนยาวธรรมดา ตรงเป๊ะอ่ะ

   “ไอ้ไทม์มึงอย่ามาเงียบ เมื่อวานมึงเป็นคนพากูมาส่งถึงห้องใช่มั้ย มึงช่วยบอกกูให้สบายใจที” กูบอกให้มึงสบายใจไม่ได้วะ เพราะคนที่แบกมึงขึ้นไปส่งถึงห้องคือไอ้เสาร์เพื่อนไอ้แทน ส่วนเหตุการณ์หลังจากนั้นกูไม่รู้ต้องไปถามมันเอง “เชี่ยไทม์มึงเงียบทำไมวะ กูชักกลัวๆแล้วนะเว้ย กลัวว่ากูจะไปซื้อกินแล้วโดนมอมเหล้าถ่ายแบล็คเมล์ข่มขู่เอาตังค์ ปลดทรัพย์ ฆ่าข่มขืน...”

   “มึงหยุด” ผมยกมือขึ้นมาห้ามปล่อยให้มันพล่ามมีหวังลามไปถึงคดีระดับชาติ “มึงสบายใจได้ว่าเมื่อวานนี้ไม่มีอะไร กูมาส่งมึงแล้วมองมึงจนถึงขึ้นหอ โอเคเปล่า เรื่องรายละเอียดเดี๋ยวค่อยว่ากัน ไปเรียนก่อน” สุดท้ายผมก็รีบเหยียบคันเร่งบึ่งไปคณะอย่างไวโดยไม่ยอมปล่อยให้มันได้ซักต่อ



   “ไหนมึงบอกรายละเอียดมึงมา” ก้นยังไม่ทันสัมผัสม้านั่งไอ้เดย์มันก็สั่งให้ผมเล่าถึงเรื่องเมื่อคืน ตอนนี้เป็นเวลาพักเที่ยงคนเริ่มทยอยมาที่โรงอาหารประจำคณะแล้ว ส่วนผมกับไอ้เพื่อนตัวดีน่ะเหรอพอสัญญาณกริ่งเลิกเรียนดังปุ๊บมันก็ลากผมมาที่นี่ทันทีทันใด ไม่ใช่มันหิวหรอกครับแต่มันโหยอยากจะรู้เรื่องราวเมื่อวานตอนที่มันเมาแบบไร้สติเสียมากกว่า

   “เรื่องมันมีอยู่ว่า...เชี่ยกูเจ็บ” อะไรแข็งๆลงมากระทบที่ศีรษะผมดัง ผัวะ รู้สึกว่าเป็นมือของใครบางคน ผมหันหัวไปมองเตรียมด่ากลับเจอไอ้แม็คที่หน้าบูดเป็นตูดหมึกยืนง้างมือเตรียมตบหัวไอ้เดย์อีกคนอยู่

   “พวกมึงแม่งไม่รอกูเลยนะ” มันเดินไปฝั่งตรงข้ามนั่งลงข้างๆไอ้เดย์พร้อมกับวางจานข้าว

   “ก็ไอ้เชี่ยเดย์เนี่ยดิ กูไม่ทันจะเรียกมึงมันก็ลากกูมาแล้ว มึงตีมันด้วยดิทำไมกูต้องโดนคนเดียวด้วยวะ” ลูบหัวป้อยๆโนมั้ยวะ ไอ้เชี่ยแม็คแม่งไม่ยั้งแรงเลย

   “มึงก็อีกตัวจะรีบไปหม้อสาวที่ไหน” แม็คมันเปลี่ยนจากตีมาเป็นด่าไอ้เดย์แทน สองมาตรฐานชิบ

   “กูไม่ได้จะไปหม้อสาว แต่กูกำลังกลัวว่าจะโดนสาวยัดลงหม้อแทนน่ะดิ” ไอ้แม็คมันเลิกคิ้วมองหน้าผมอย่างสงสัยก่อนสลับไปมองหน้าไอ้เดย์ซึ่งนั่งอยู่ข้างๆกันที่เป็นคนเอ่ยประโยคนี้ขึ้นมา

   “ไปซิวสาวใหญ่แล้วถูกเขาเปย์เลยต้องคืนด้วยร่างกายมาเหรอวะ”

   “เชี่ยแม็ค มึงก็คิดได้ อย่างไอ้เดย์มันยังต้องไปเอาเงินใครเขาอีก เมื่อวานมันแค่เมาเหมือนหมาแล้วไม่รู้ตัวว่าโดนใครพากลับห้องเท่านั้นเอง” ผมเฉลยก่อนที่เพื่อนอีกคนของผมจะเตลิดใช้จินตนาการในทางที่ไม่ถูกไม่ควรไปอีกคน ผมอยากเปลี่ยนนามสกุลไอ้พวกนี้ให้เป็น นพดล กับ พลเทพ มโนแจ่ม จริงๆ

   “แค่เท่านั้นแต่มันเป็นเรื่องใหญ่สำหรับกู มึงรีบเล่ามาเลยไอ้เชี่ยไทม์ กูลุ้นจนปวดขี้แล้ว”

   “งั้นมึงไปขี้ก่อน”

   “ไอ้สัดไทม์” ขอบพระคุณครับที่เติมยศให้กูกลัวมึงท้องผูกหรอกถึงเสนอ

   “เชี่ยเดย์กูถามจริง มึงไม่รู้ตัวแม้กระทั่งมีคนแบกมึงขึ้นรถจนโดนมาส่งถึงหอเลยเหรอวะ” ก่อนที่ผมจะโดนมันซักผมขอซักมันสองสามประโยคก่อนนะ

   “ไอ้นี่มันฉายาครึ่งกลมสติหลุดมาแต่ไหนแต่ไรแล้วนี่หว่า” ไอ้แม็คมันหาหลักฐานมาสนับสนุนคำกล่าวอ้างนิสัยของไอ้เดย์ ส่วนเจ้าทุกข์ก็ทำท่านึกพยายามขุดความทรงจำในอดีตของตนเองขึ้นมา

   “กูจำได้แค่ว่ามีคนตัวสูงๆอยู่ข้างๆกู มาคอยพยุงกู จากนั้นกูก็รู้สึกไม่ค่อยสบายเวียนหัวแล้วหลังจากนั้นกูก็จำอะไรไม่ได้แล้ว กูรู้แค่นี้อ่ะไอ้เชี่ยไทม์มึงบอก...”

   “เธอๆๆนั่นมันน้องแทนกับน้องเสาร์ที่อยู่คณะวิศวะนี่” ไอ้เดย์มันถูกขัดด้วยเสียงของสาวโต๊ะข้างๆ พวกผมหันไปมองเห็นท่าทีกรี๊ดกร๊าดบวกกับการชะเง้อคอยาวจนจะกลายเป็นยีราฟของเจ้าหล่อนก็ให้ได้สงสัย แต่ชื่อที่นางๆพูดขึ้นมามันคุ้นๆแฮะผมรู้สึกเอะใจแปลกๆ

   “โหยมีสุดหล่อต่างคณะมากินโรงอาหารเราด้วยว่ะ มาจีบสาวแถวนี้เหรอวะ” เป็นไอ้เดย์ที่พูดออกมาบ้าง ผมเลยหันไปมองตามไอ้เพื่อนสองตัวของผมที่แปลงร่างเป็นยีราฟไปกับเขาด้วย

   เช้ดดดด เชี่ยแทนมันมาได้ไง!!

   มันเดินมากับเพื่อนโย่งมัน เพิ่งเข้าโรงอาหารมาได้ ผมรีบหันหัวกลับมาคว้าโทรศัพท์เปิดดูหน้าจอ ไม่มีมิสคอลนี่หว่า ทำไมมันไม่โทรมาก่อนวะ พอหันกลับไปมองมันอีกรอบนึงก็เห็นมันกำลังชี้โบ๊ชี้เบ๊บุ๊ยใบ้ให้ไอ้เสาร์ไปนั่งตรงโต๊ะที่ยังว่างอยู่   อ้าวมันไม่ได้มาหาผมเหรอ ผมควรจะโทรศัพท์ไปหาไอ้หล่อสุดในสามโลกดีมั้ย นั่งลังเลอยู่พักใหญ่ไอ้แม็คก็ขัดขึ้นมา

   “พวกมึงกูไปก่อนนะ”

   “อ้าวเฮ้ยไอ้แม็คมึงยังไม่ได้แตะข้าวเลยนี่ จะไปไหนวะ” เป็นไอ้เดย์ที่ขัดขามันไว้ น้องฟ้าโทรมาให้รีบไปหาด่วนหรือไงวะ

   “กูปวดขี้ พวกมึงกินกันไปนะ กูไปแล้วบาย” พูดจบมันก็เดินหลังโค้งๆหายไปตรงประตูหลังโรงอาหาร ท่าทีมันแปลกๆสายตาล่อกแล่กเหมือนกำลังหนีอะไรบางอย่าง แต่ผมก็ขี้เกียจจะใส่ใจเพราะไอ้คนมาใหม่สองตัวมันดึงความสนใจของผมได้มากกว่า เอาไงดีล่ะทีนี้ ผมว่าผมควรที่จะไปหาพวกมัน

   “ไอ้เดย์กู..”

   “มึงอย่าบอกว่ามึงก็ปวดขี้” มันชี้หน้าผม ถ้าบนโต๊ะมีโคมไฟมันคงเอามาส่องหน้าผมแทน

   “เปล๊า กูแค่จะไปซื้อน้ำ เมื่อเช้ากูขี้มาแล้ว” เสียงสูงไปมั้ยวะ ไม่พิรุธเนาะ กูไม่อยากให้มึงไปเผชิญหน้ากับไอ้เสาร์เดี๋ยวความทรงจำอันเลวร้ายของมึงจะกลับมา ให้กูไปสอบสวนมันก่อนนะเดี๋ยวกูมาว่าให้ฟัง “มึงกินไปก่อนเลยนะ” ผมรีบลุกขึ้นพลางเหลือบมองไปทางโต๊ะที่พวกไอ้แทนมันนั่งพร้อมกับหันไปมองไอ้เดย์ที่มันจ้องหลังผมจนแทบทะลุอยู่ตอนนี้ ต้องหาจังหวะดีดีเอาตอนที่ไอ้เดย์มันเริ่มลงมือกินข้าวเนี่ยแหละ ผมรีบเดินไปทางร้านน้ำจงใจเดินไปร้านที่อยู่ในสุด พอหลบพ้นสายตาไอ้เดย์ได้ก็แอบหันกลับไปมอง ไอ้เดย์มันตัดใจเริ่มลงมือกินข้าวแล้ว ส่วนไอ้แทนยังอยู่กับไอ้เสาร์ตรงนั้น

   “โอเลี้ยงหวานน้อยแก้วครับ” ผมยังคงชะโงกดูอย่างระแวดระวังต่อไปทั้งสองด้าน พอได้โอเลี้ยงมาก็ตั้งหน้าเดินไปทางไอ้หล่อสองตัวที่หลงฝูงจากคณะวิศวะฯมาคณะเศรษฐศาสตร์ โดยไม่ลืมมองไปทางไอ้เดย์เผื่อจะได้ไหวตัวทัน

   “พี่ไทม์!!” ชะอุ๊ยตกใจว่ะ อีกแค่ก้าวเดียวเองครับก้าวเดียวเท่านั้นเกือบจะถึงโต๊ะไอ้แทนอยู่แล้วเชียว เสียงทักชื่อผมดังจนคนรอบข้างหันมามองรวมถึงไอ้แทนกับไอ้เสาร์เพื่อนมันด้วย

   “นะ...น้องมิน” อุทานชื่อคนที่กระโดดมาขวางหน้าผมพอดี

   “อุ๊ย โทษทีค่ะ ตกใจหรอ ไม่คิดว่าพี่ไทม์จะขวัญอ่อนนะเนี่ย หรือว่าเพิ่งนึกออกว่าลืมให้อะไรน้องกันแน่ค้า หะหะหะ” ขวัญไม่อ่อนหรอกแค่โอเลี้ยงพี่แทบหกน่ะ โผล่มาอย่างนี้ในขณะที่ผมกำลังมีสมาธิจดจ่ออยู่กับไอ้สุดหล่อเนี่ยไม่ต้องผีหรอกครับแค่คนผมก็เตลิดได้ มินเธอเป็นน้องรหัสผมครับเป็นน้องสายเป ไม่ใช่เปย์ที่แปลว่ายอมเทหมดตัวนะครับ แต่หมายถึงสเปเชียลที่โดนรวมสายมาเนื่องจากไม่มีพี่รหัสเพราะเป็นภาคใหม่ที่เพิ่งเปิดปีนี้

   “อะ อ๋อ...หนังสือเรียนภาษาอังกฤษพื้นฐานสามใช่มั้ย เรื่องที่มินขอพี่ไม่ลืมหรอก อย่างเดียวที่พี่จะลืมก็คือลืมเอามานั่นแหละ”

   “โหยพี่ไทม์อ่ะลืมได้ไงเนี่ย นี่มินจะเริ่มเรียนเล่มสามอยู่แล้วนะ” น้องมินยู่ปากทำท่าเง้างอน ผมลืมเอามาให้เธอตั้งแต่เธอขอเมื่อสองสัปดาห์ก่อนแล้วครับ ไม่คิดว่าตัวเองจะขี้ลืมขนาดนี้

   “โอเคพี่สัญญา เดี๋ยวพี่เอามาให้พรุ่งนี้เลย แล้วเราก็อย่าลืมไลน์มาเตือนพี่ด้วยล่ะ” กันเหนียวไว้ก่อนลืมอีกมีหวังได้สอบตกความเป็นพี่รหัสกันคราวนี้

   “ค่ะ จะทั้งโทร ทั้งไลน์ ทั้งตามจิกกับพี่เดย์ให้พี่เดย์ช่วยตามให้เลย”

   “หะ...แล้วไอ้เดย์มันเกี่ยวอะไรด้วยอ่ะมิน  โทรหาพี่เนี่ยดิ โทรจิกเอารับรองไม่มีทางลื...” อุก...คอผม วันนี้ดวงเจ็บตัวหรือไงวะ ใครก็ไม่รู้เอาแขนยาวๆมาล็อคคอผมไว้จนกระทั่งมันเอ่ยเสียงตอบรับมาเท่านั้นแหละ

   “ได้คร้าบ น้องมินคนสวย เดี๋ยวพี่จะตามตูดไอ้ไทม์มันไปถึงห้องนั่งจ้องมันจนกว่าจะเอาหนังสือภาษาอังกฤษพื้นฐานสามยัดใส่กระเป๋าให้เลย”

   ไอ้เชี่ยเดย์!!! มันมาได้งายยยยยย

   “มึง...”

   “ไง มาซื้อน้ำไกลจังเลยนะมึง” ซวยแล้ว มันจับได้

   “กะ...กูหลงทาง” แก้ตัวหน้าด้านๆเอาควายๆมันตรงนี้เลยครับ

   “โหย หลงทางไอ้เชี่ยนี่” มันขยับมือข้างที่ล็อคคอผมอยู่จะมาหยิกแก้มผมข้างที่ใกล้มือมัน แต่แล้ว...

   “หลงมาหาผมหรือครับพี่ไทม์” เสียงหล่อๆแทรกขึ้นมาพร้อมกับเจ้าตัวที่ลุกขึ้นจากม้านั่งเดินมาถึงตัวผมตั้งแต่เมื่อไรไม่รู้ ส่วนน้องมินเธอทำหน้าเหวอตกใจกับความหล่อของไอ้แทนไปเรียบร้อยแล้วครับ เพื่อนผมได้แต่มองคนมาใหม่อย่างอึ้งๆ มันกระซิบข้างหูผม แต่ก็ดังพอที่คนอื่นจะได้ยิน

   “ใครอ่ะ มึงรู้จักด้วยเหรอ แม่งหน้าคุ้นๆ” มันจ้องอีกฝ่ายแบบไม่เกรงใจจนกระทั่ง “อ๋อกูนึกออกแล้ว ไอ้หล่อที่เมื่อกี้พวกผู้หญิงโต๊ะข้างๆเข้าพูดถึงกันนี่หว่า” มันปล่อยตัวผมแล้วหันไปชี้หน้าไอ้แทนอย่างกับนึกคำตอบของข้อสอบข้อหนึ่งออก ไอ้เชี่ยนี่มึงอย่าชี้หน้าเขาเสียมารยาท แต่แทนที่ไอ้หล่อมันจะโกรธกลับยกยิ้มที่มุมปากราวกับว่าภาคภูมิใจที่โดนชมว่าหล่อเสร็จแล้วมันก็เมินไอ้เดย์แล้วพุ่งความสนใจมาที่ผมเต็มๆ

   “มีอะไรรึเปล่าครับ ถึงกับเดินมาหาผมถึงที่นี่” รอยยิ้มโปรยเสน่ห์ยังคงเกลื่อนใบหน้ามัน พอโดนมันถามอย่างนั้นผมถึงกับเม้มปากแสดงท่าทีไม่พอใจออกมา

   “มึงอย่าบอกนะว่ามึงลืม” เรื่องระหว่างผมกับมันจะมีอะไรนอกจากเรื่องค่าเหล้า

   “ลืมเรื่อง?” ไอ้นี่แม่งกวนแล้ว มันเล่นขมวดคิ้วเป็นโบว์ให้ผมแบบไม่ปิดบัง

   “ก็เรื่องเมื่อคืนไงเล่า”

   “เรื่องเมื่อคืน?”

   “โอ๊ยมึงความทรงจำสั้นหรือยังไงวะ ก็เรื่องที่...”

   “อ๋อ...เรื่องที่พี่ให้ไปเอากันให้จบๆที่ห้องพี่ใช่ป่ะ ว่าแต่ตอนนี้พี่เอาเงินมาจ่ายผมแล้วใช่มั้ย” มันยิ่งกว่าตะโกนอีกครับ เหมือนเสียงเซงแซ่รอบตัวในโรงอาหารกลายเป็นเดดแอร์ไป ผมได้แต่ยืนอึ้งที่ไอ้แทนมันพูดจาสองแง่สองง่ามออกมาแบบไม่คิดหน้าคิดหลัง นี่มันจงใจใช่มั้ยวะเนี่ย!!

   “เช้ดดดดดดดดดดดด” ไอ้เดย์มันร้อง มันมองหน้าผมแบบว่าถ้าลูกตาหลุดออกมาจากเบ้าได้คงกลิ้งหายไปถึงไหนต่อไหน

   “ไอ้เชี่ยเดย์มึงหยุด!! ห้ามคิดเลยนะ!! กูแค่ยืมตังค์ค่าเหล้ามันมาแล้วยังไม่ได้จ่ายคืนเท่านั้นเอง”

   “กูคิดแบบนั้นไม่ได้”​ มันส่ายหัวตาลอยเหมือนอาการคนที่เริ่มจินตนาการไปถึงฉากสามสี่ห้า จนผมเห็นท่าว่าปล่อยอย่างนี้ต่อไปมีหวังทำให้เกียรติยศชื่อเสียงวงศ์ตระกูลผมเสื่อมเสีย ผมเลยรีบวางโอเลี้ยงล้วงกระเป๋าหยิบเงินออกมาตามจำนวนที่ยืมไปแล้วยื่นส่งให้ไอ้แทน

   “พันห้า ไม่ติดค้างอะไรอีก” พอเห็นอย่างนั้นไอ้สุดหล่อวิศวะมันยักไหล่แล้วแทนที่มันจะหยิบแบงค์เทากับม่วงไปมันขยับมากุมมือผมไว้ก่อนก้มลงมากระซิบเบาๆ

   “ค่าตัวผมไม่ถูกขนาดนั้นหรอกนะ” รอยยิ้มพิฆาตสาวยิงตรงมาไม่หยุดหย่อนแต่มันใช้ไม่ได้กับผม นี่มึงจะคิดดอกกับกูด้วยเหรอ ยืมแค่วันเดียวเองนะเว้ย ว่าแล้วผมก็กระชากมือกลับมาแล้วหยิบแบงค์แดงๆเพิ่มเติมให้มันไปอีกสองใบ

   “อ่ะเท่านี้พอมั้ย มึงบอกมาเลยดีกว่าว่าจะเอาเพิ่มเท่าไร ค่าดอกเบี้ย” จบประโยคมันหุบรอยยิ้มฉับ เงียบไปซักพักไม่นานนักก็ระเบิดเสียงหัวเราะออกมาเสียยกใหญ่ ท่าจะขำมากขำจนต้องยกมือขึ้นมาปาดน้ำตาที่ปลายหางตาออก

   “เชี่ยแทน มึงขำอะไรของมึง”

   “ฮะฮะ...ก็ขำพี่เนี่ยแหละ ผมก็แค่ล้อเล่นทำเป็นจริงเป็นจังไปได้ เอาไปเถอะ ค่าดอกเบี้ยน่ะ” มันดันมือผมกลับ

   “ไม่เป็นไร กูมีตังค์จ่าย” ถ้าอยากได้ก็เอาไปเลยแล้วเลิกกวนกูซักที

   “เหอะน่า ผมไม่เอาจริงๆอย่างอนดิ”

   “ไม่เอาเว้ย ใครว่ากูงอน”

   “ผมไม่คิดดอกจริงๆ”

   “ก็บอกแล้วไงว่าไม่เอา” ดันกันไปดันกันมาจนพึ่งนึกออกมานี่มันกลางโรงอาหารนี่หว่า พอหันหัวไปมองรอบข้างเท่านั้นแหละ เออะ...ทุกสายตามันมองมาที่พวกผมหมดเลยครับ กูจะเด่นกูจะดังก็ครั้งนี้แหละวะ น้องรหัสผมเอาแต่อมยิ้มแห้งๆ ส่วนไอ้เดย์ก็

   “กูนึกออกแล้ว!!” จู่ๆมันโพล่งออกมาประโยคเดียวกับที่มันทักไอ้แทนครั้งแรก แต่คราวนี้หน้ามันดูดีใจระคนแปลกใจยิ่งกว่าครั้งไหนๆ “กูก็ว่าสถานการณ์แบบนี้มันคุ้นๆ อย่างกับเคยเจอมาก่อน ที่แท้ไอ้หล่อนี่ก็คนๆเดียวกับที่เคยให้มึงยืมยางลบตอนวันสอบใช่ป่ะ”

   สัดเดย์มึงพึ่งนึกออกเหรอวะ ตั้งแต่ผมเจอมันครั้งแรกผมก็จำมันได้ทันที เพราะมันเป็นความทรงจำดีดีของผมในช่วงชีวิตหนึ่งที่นานทีปีหนจะผ่านมาเหมือนดาวหางฮัลเลย์ มันหล่อขึ้นมากและกวนบาทาขึ้นมาก(หรือเท่าเดิมวะ?)จนผมตกใจ ส่วนความมีนำ้ใจของมันก็ไม่เคยเปลี่ยนแปลงเหมือนตอนที่ให้ผมยืมยางลบในครั้งนั้นและคราวนี้มันก็มาช่วยให้ผมหลุดรอดจากการเป็นพนักงานต้องรับหน้าร้านไอ้พี่ดวกอีก

   “ยางลบ?” ไอ้แทนทวนคำไอ้เดย์ น้ำเสียงมันแปลกๆว่ะ ผมกลืนน้ำลายเหนียวๆลงคอแล้วมองหน้าคมๆนั้นลุ้นว่ามันจะพูดอะไรออกมา


   “ยางลบไหนพี่ พี่จำคนที่ผิดแล้วล่ะ”

TBC

เพิ่มมาอีกหนึ่งคอมเมนต์!!! กรี๊ดลั่นบ้าน 5555
ขอบคุณคุณFeaRes(ที่ตามมาเนิ่นนาน) และคุณ •♀NoM!_KunG♀•(ที่หลงเข้ามา)
นะคะ

พี่ดวกแกอินดี้มีหน้าที่เป็นแค่ตัวประกอบบบ

ขอสามคำ "โปรดติดตาม"

ตอนนี้อาจจะเรียบๆเรื่อยๆ อย่าหลับคาคอม(หรือมือถือ)นะคะ ^^;

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ FeaRes

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 738
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-2
ก็ชอบพี่ดวกนะ ตรงที่มาจีบไทม์เนี่ยแหละ 55555

สภาพเดย์น่าคิดมาก แต่อย่าไปคิดมากเลย
แต่สงสาร พอไทม์จะเล่าก้มีอะไรมาขัดความอยากรู้เดย์ตลอดเลย 55555

'หล่อสุดในสามโลก'
เจอคนมั่นหน้ามั่นโหนกมั่นเบ้าหลงตัวเองเพิ่ม 1 ea
แทนช่างกล้า เมมแบบไม่กลัวพี่เขาลบเลยเนอะ 55555
 :m20:

ทำไมน้องแทนจำยางลบไม่ได้?!!
ความจำสั้น? ความจำเสื่อม? แกล้งลืม? สงสัยข--
 :katai4:

ออฟไลน์ sakutaka

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 128
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-1
{Will you be my family?(น้องครับพี่ขอนับญาติได้มั้ย?)}
บทที่4 ให้ฟ้าผ่าตายดิ!!


   เชี่ยยยยยมันลืมโผ้มมมม

   ไม่ต้องอ๊งไม่ต้องแอ๊บมันแล้วครับ ผมช็อคบอกตามตรงว่าผมช็อค คนที่มีอยู่ในความทรงจำผมกว่าห้าร้อยสี่สิบหกวันสิบสองชั่วโมงสิบเก้านาทีสามสิบหกวินาที...เอิ่มตอนนี้สามสิบเจ็ด แปด เก้า ฮึ่ย!จะกี่นาทีก็ช่างมันเถอะ กลับลืมผมไปแล้วนับตั้งแต่วันที่เจอกัน แล้วคำกล่าวแสดงความขอบคุณที่ผมร่างไว้ยาวเป็นอาขยานในหัวผมตั้งแต่วินาทีที่ผมรู้ตัววว่าสอบติดล่ะจะทำกับมันยังไงวะ

   เจ็บว่ะแม่ง

   “เฮ้ยน้องนึกให้ดี...ไม่เคยเห็นหน้าคนแบบนี้จริงๆเหรอ” เออวะกูยอมหน้าแปลกสามหูสี่จมูกหนึ่งตาเลย มึงจำกูได้ทีเถอะ กูไม่อยากเป็นหมัน ไอ้แทนมันจ้องหน้าผมจ้องๆๆโต๊ดหรือเต็งล่ะมึงงวดนี้ แต่เห็นทีว่าจะโดนแดกว่ะก็มันเล่นจ้องไปแล้วทำหน้าอย่างกับปวดขี้อ่ะ กูยอมรับก็ได้ว่ากูหน้าโหล

   “มึงนึกไม่ออกก็ไม่ต้องพยายาม กูรู้กูไม่สำคัญ กูรู้โว้ย แต่มึงสำคัญสำหรับกูมาก เพราะมึงเป็นตัวแทนกำลังใจกูทำให้กูสอบติด กูอยากบอกแค่นี้แหละ” กูไปแล้ว กูจะไม่มาให้มึงเห็นหน้าอีกแล้ว ผมเดินกึ่งวิ่งออกมาจากโต๊ะมันมานั่งประทับที่เก่า ข้าวเข้ิวไม่กงไม่กินมันแล้ว เก็บของไปเรียน เรียนให้ลืม!!

   หนีมาบอกตัวเองเรียนให้ลืมแล้วก็ลืม(จดเลคเชอร์)ของแท้ อารมณ์เหม่อที่เข้ามาเป็นห้วงๆเหมือนคลื่นในทะเลอันดามันทำให้ผมไม่มีสมาธิจดจ่อกับตัวหนังสือที่ฉายขึ้นสไลด์ จนผมต้องมานั่งลอกหนังสือเพื่อนชดใช้กรรมอยู่ตอนนี้ไง

   “มึงเนี่ยนะจริงๆเลยรู้ทั้งรู้ว่าถ้าเป็นเรื่องไอ้แทนมึงจะปล่อยวางไม่ได้ ก็ยังจะหนีมาแบบโง่ๆอีก ทำไมไม่พูดให้เคลียร์กันไปวะ”

   “มึงไม่เห็นเหรอว่ามันปฏิเสธกูอ่ะ” มึงอยู่กับกูเปล่าเนี่ย มึงไม่เห็นฉากที่มันไล่ให้กูไปกินน้ำมันปลาไปแดกโอเมก้าสามหรอกเหรอ ตอนนั้นกูแทบจะวิ่งไปกินอาหารปลาซากุระแทนข้าวเลยมึง

   “กูว่ามันไม่ใช่ว่ะ”

   “ถ้าใช่มันจะบอกปัดกูมั้ยล่ะ”

   “เปล่า กูหมายถึง กูว่ามันไม่ใช่อย่างที่มันพูดว่ะ ตอนม.หกกูก็อยู่กับมึง กูเป็นพยานให้มึงได้ บรรยากาศไอ้แทนมันใช่จะตาย”

   “แล้วมันจะปฏิเสธกูทำไม”

   “อาจจะแค่ลืมหรือไม่ก็...”

   “หรือไม่ก็อะไร” ไอ้เดย์ยิ้มกรุ้มกริ่ม ชักหวาดๆกับคำตอบมันซะแล้ว ความคิดมันยิ่งพิเรนทร์อยู่

   “โกหกเพราะเขินที่มีโมเมนต์ฟรุ้งฟริ้งมุ้งมิ้งกับผู้ชายหน้าหวานสาดอย่างมึงไงไอ้ไทม์” ไอ้เชี่ยเดย์มึงเอายางลบกูไปกินเลยมึง “เชี่ยมึงปามาทำไมวะ”

   “สัดเดย์ กูบอกแล้วไงว่าอย่าล้อหน้าตากู หน้าหวานอะไรมึง ชิมแล้วเหรอถึงบอกว่าหวาน เชี่ยนี่” หวานบ้าหวานบอหน้าตาตอนนั้นตักน้ำปลาพริกน้ำส้มใส่ยังจืดได้ใจสายรสจัด แถมหัวเนี่ยไถหลังหวีไม่มีความน่าประทับใจอะไรซักนิด หรือเป็นเพราะอย่างนั้นมันถึงจำกูไม่ได้วะ T^T

   “หวานแต่ถ่อยแบบมึงกูก็ไม่เอาหรอกว่ะ อย่างกูต้องแบ๊วๆใสๆ” หน้าตาดูจินตนาการไปถึงนางในผับของมัน แบ๊วใสไร้สติแบบน้องจิงยังทำมึงไปหาหมอศัลยกรรมทรวงอกไม่พออีกเหรอ ต้องให้มันหักกี่รอบถึงจะเข็ดฮะ มัวแต่คุยกับมันการบ้านผมเดินมั้ยล่ะนั่น อาถรรพ์ไอ้เชี่ยแทนแท้ๆพอพอสติกลับมาดิครับพี่น้อง

   “เชี่ยไทม์ มือถือมึงสั่น” จรดดินสอสัมผัสกระดาษถนอมสายตาไปได้แค่เสี้ยววิมารก็มาผจญอีกแล้วครับ หน้าจอโชว์หราว่าไอ้เชี่ยแทนมันโทรมา กดเบอร์ผิดหรืออะไรวะนั่น กูไม่มีธุระอะไรจะคุยกับมึงแล้วววว “ทำไมมึงไม่รับวะกูรำคาญ” แล้วเดย์มันก็คว้าไปดู “หล่อสัดสามโลก...ใครวะ” สัตว์โลกน่ารัก สัตว์โลกพิศวง หรือสัตว์โลกอะไรอีกดี มึงตกภาษาไทยหรือไงวะถึงผิดจากฟ้าลงเหวขนาดนี้ ผมคิดผิดรึเปล่าเนี่ยที่ยืมเล็คเชอร์มันมาลอก อ๋อลืมไปนี่มันภาษาอังกฤษ

   “มึงรับให้กูทีดิ๊ กูขี้เกียจคุย” ผมหันไปทำการบ้านต่อไม่สนใจ

   “อะไรของมึง...อะแฮ่ม...สวัสดีครับเสี่ยอู๊ดขายแก๊ส สั่งสองถังวันนี้ส่งฟรีถึงบ้าน ร้านเรารับประกันถังไม่รั่วซึมไม่เป็นสนิมตลอดชีวิตคุณลูกค้า ถ้าเจอของหลุดคิวซียินดีให้ใช้ฟรีตลอดชีพ อ่ะ...อ้าวเฮ้ย...อย่าพึ่งวางดิ” ถ้ามันไม่บอกว่าพ่อมันเล่นหุ้นแล้วรวยมา ผมคงว่ามันเป็นคุณหนูลูกเจ้าของร้านแก๊สประจำจังหวัดเคยรับจ๊อบเป็นพีอาร์บริษัทตัวเองมาแล้ว ป่านนี้ไอ้แทนมันคงคิดว่าผมลงทุนเปลี่ยนเบอร์หนีมันแล้วลบทิ้งออกจากโทรศัพท์แล้วมั้ง เออก็ดีมันจะได้ไม่ต้องมาตามตื้อผมอีก แต่เอ๊ะมีอะไรที่ต้องให้มันคุยกับผมอีกวะ นอกเสียแต่ว่า...

   “เชี่ยแล้ว!!” ผมลุกพรวดพราดจนไอ้เดย์ยังตกใจ

   “อะไรของมึงอีก”

   “กูลืมคืนตังค์ไอ้แทน” สมควรโดนมันด่าว่าโคตรเหง้าศักราชปลาทอง ตัดขาดกับมันยังไงถึงลืมเยื่อใยสุดท้ายได้วะ เงินตั้งพันห้าถ้าไม่รวยแบบไอ้เดย์คงต้องมีเคืองว่าโดนเบี้ยวแล้วโทรตามจิกยิกๆเหมือนอย่างเมื่อกี้แน่ๆ ผมตาลีตาเหลือกเดินอย่างไวออกไปทางถนนโดยไม่ลืมที่จะคว้ากระเป๋าสตางค์กับมือถือไปด้วย ประจวบเหมาะกับที่มีคนเดินสวนมาตรงมุมโค้งพอดีเลยเกิดการประสานงากัน

   แปร๋น!! โอ๊ะ ผิดเสียง บึก!!

   เหมือนเอาเนื้อนุ่มๆไปชนกับกระดูกเน้นๆ กรอบนอกนุ่มในเป็นไก่เนื้อช้ำ

   “ขอโทษครับ เป็นอะไรมั้ย” คนอะไรวะไหล่โคตรแน่น ผมเกาะคนโชคร้ายที่โดนผมชนแต่เสือกต้องมาขอโทษผมไว้เป็นหลัก เสียการทรงตัวครับเหมือนเอาไม้จิ้มฟันไปยันกับไม้ซุง

   “พี่ไทม์” พอรู้ว่าเป็นใครปล่อยมือจากไหล่แทบไม่ทัน กรรมมันติดจรวดเจ้าหนี้มาทวงถึงที่

   “ไอ้แทน กูไม่ได้จะเบี้ยวนะ” ร้อนตัวกลัวโดนกล่าวหาว่าฉ้อโกง ไม่อยากขึ้นโรงขึ้นศาล

   “เบี้ยวอะไรของพี่ ตัวออกจะตรงซะขนาดนี้” กูเกร็งโว้ย อยู่ใกล้ขนาดนี้ถึงขั้นได้กลิ่นโคโลญเฉพาะตัวของมัน ไอ้ที่ตะโกนใส่หน้าไปเมื่อตอนกลางวันเนี่ยกะจะทิ้งทวนแท้ๆแต่มันกลับโผล่หน้ามาอีก ตูจะเอาหน้าไปมุดท่อที่ไหนดีวะ

   “มาหากูทำไม” อ้าวๆๆคิดเข้าข้างตัวเองอีก แทนมันอาจจะมาหาสาวเศรษฐศาสตร์แถวนี้ที่เป็นแฟนมันก็ได้ใครจะไปรู้ เออ...มันมีแฟนหรือยังวะ ผมลืมนึกถึงข้อนี้ไปเลย เฮ้ยผมเกือบลืมเรื่องที่มันจะมาทวงตังค์ผมด้วย

   “ไปกินข้าวกัน” เมื่อสองวันก่อนผมแคะขี้หูมาแล้วนะ สิ่งที่มันพูดกับผมแทนที่จะเป็นคำว่า ‘พันห้าผมล่ะ’ ‘คืนเงินผมมา’ ‘มึงติดตังค์กู’ อะไรเทือกนั้นกลับเป็นคำชวนเดต เฮ้ยเดี๋ยวๆๆ ใช้คำผิดชวนแดกข้าวต่างหาก หรือมันมองสาวเศรษฐศาสตร์ที่โต๊ะข้างหลังอยู่วะ สายตามาเต็มเลยครับ ไล่ลำดับตั้งแต่ปีหนึ่งยันปีสี่รวมไปถึงพี่บัณฑิต ไม่เว้นแม้แต่ไอ้เดย์ มันมองมาทางนี้กันทุกคน แล้วใครวะที่ไอ้แทนมันคุยด้วย แล้วทำไมจู่ๆผมสองคนถึงตกเป็นเป้าสายตาจากทุกคนตรงใต้ถุนคณะได้เนี่ย

   “ผมชวนพี่นั่นแหละ”

   “ชวนกู ชวนกูเพื่อ” น้องในคณะก็ไม่ใช่จะชวนผมไปทำไม

   “ก็ตอนเที่ยงพี่ไม่ได้ทานข้าว” มันมองผมอยู่ตลอดเหรอวะ กูเกร็งหนักกว่าเก่าเลย

   “เรื่องของกูป่ะ ท้องกูกูหากินเองได้” ท้องอืดกินยาธาตุน้ำขาว ปวดท้องดื่มยาธาตุน้ำแดง ท้องเสียดื่มน้ำเกลือแร่ กูดูแลตัวเองได้ “กูจะทำการบ้าน” ขยันขึ้นมาทันที ไอ้เดย์มันยังนั่งอยู่ที่เก่าทำหน้าตาเหลอหลาสนอกสนใจเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ผมกลับไปนั่งข้างๆ มันโดยมีไอ้แทนเดินตามมาติดๆ

   “สวัสดีครับพี่” มันไหว้เพื่อนผม มารยาทโคตรงาม

   “มาดึงเรตติ้งคณะนี้เหรอวะ สาวๆเนี่ยมองตาเป็นมัน” อ๋อที่แท้ก็มองไอ้หล่อนี่ เด่นชิบหาย อย่ามาเข้าใกล้กู

   “เปล่าครับ ผมมาซื้อแก๊สร้านเสี่ยอู๊ด” มุกไอ้เดย์ตกเหว ไอ้พีอาร์จอมปลอม ขนาดซื่อๆอย่างไอ้แทนมึงยังหลอกไม่ได้

   “ไอ้นี่ รู้แล้ววางทำไมวะ ทำอย่างกับกลัวคิดว่ากูเป็นเซลล์ขายตรง กูชื่อเดย์เว้ยอู๊ดน่ะพ่อกู” มึงโกรธมันเลยมันล้อชื่อพ่อมึงนะเว้ย

   “ขอโทษครับ” หงอเลยดิ เพื่อนกูดุหวงกูยิ่งกว่าหมาหวงเจ้าของ ไม่งั้นผมไม่รอดเงื้อมมือไอ้รุ่นพี่ต่างเอกที่มันมาไล่จีบผมตอนปีหนึ่งได้หรอก

   “แล้วมีธุระอะไรที่นี่วะ หลงทางเหรอ วิศวะอยู่ทางนั้น” ผมแม่งโคตรรักเพื่อนผมคนนี้เลย ถ้าผมไม่ชอบอะไรนะมันจะคอยเป็นไม้กันหมา กันปลวก กันพยาธิให้ผมตลอด ถึงแม้มันจะปากหมาไปหน่อยก็เหอะ

   “เปล่าหลง แค่มาหาเพื่อนพี่น่ะ จะมาพาไปทานข้าว” ไอ้เดย์มันสะดุ้งแล้วหันมามองผม

   “กูลืมไปเลยว่ะว่ามึงยังไม่ได้แดกข้าวมาตั้งแต่เที่ยง แม่งกระเพาะแดกหมด เชี่ยไทม์ทำไมมึงไม่เตือนกูวะ เอาแต่ทำการบ้านอยู่ได้” มันเป็นแม่ผมครับ ไอ้เดย์น่ะเห็นมันนิสัยกากๆ ขี้โวยวาย เมาง่ายเป็นที่หนึ่ง แต่มันก็ไม่รู้เป็นอะไรกับผมมากรึเปล่าถึงได้ห่วงตั้งแต่เรื่องขี้ประติ๋วอย่างโดนมดกัดยันไปจนถึงเรื่องอุจจาระไม่ออกมันก็ยังจะห่วงผม

   “กูจะทำการบ้าน ทำไม่เสร็จศราวุธฆ่ากูพอดี” หอเสือกเนตค้างตอนลงทะเบียน แย่งชิงที่นั่งในเซคอาจารย์ปล่อยเกรดไม่ได้กรรมเลยตกมาอยู่ที่เซคอาจารย์ภาษาอังกฤษสุดหินแทน

   “ไม่ต้องทงไม่ต้องทำมันแล้วมึง ปิดๆไปกินข้าว”

   “เชี่ยเดย์ ทำเสร็จแล้วค่อยไปได้มั้ยวะ” ไปตอนนี้ไอ้หล่อข้างหลังมันต้องตามไปด้วยแน่นอน ลางสังเห่าสังหรณ์มันบอก แต่ผมจะกลัวมันทำไมเนี่ยยยย

   “ให้ผมช่วยมั้ย” เสียงหล่อตามหน้าตาเสนอตัวมาทำการบ้านให้ผม มึงเด็กจบนอกเหรอจะมาทำการบ้านภาษาอังกฤษปีสองให้กูเนี่ย อย่ามาอวดฉลาด โดยไม่รอคำตอบรับแทนมันแทรกตัวมานั่งจุ้มปุ๊กตรงกลางระหว่างผมกับไอ้เดย์ลากเท็กซ์ไปมองผ่านสองสามทีแล้วยกขึ้นชี้ให้ผมดู

   “ตรงนี้ผมว่าใช้คำว่า miscommunication แทนดีกว่านะ เป็น I apologize in advance if the miscommunication...” ขอตัวไปแดกวุ้นแปลภาษาแปบ จอร์จพูดอะไรซาร่าตามไม่ทันนนนน “ให้ผมจดให้เอามั้ย” ไม่สอนเปล่าเสนอตัวจะเขียนให้ด้วย ถ้าศราวุธเดินผ่านมาเห็นแอบเปิดตู้เย็นกินน้ำเก็กฮวย ผมได้ชักแหงกๆๆๆ แน่ โทษฐานให้ปีหนึ่งทำการบ้านแทน พอเห็นเงียบอึ้งแดกเข้าหน่อยไอ้หล่อเลยกวาดสายตามองหาซัมธิงบนโต๊ะ แค่คิ้วมันกระตุกเท่านั้นแหละผมรู้ตัวเลยว่ามันหาอะไร เช้ดดดดดมึงอย่าาาาาาา ตะปบได้เป็นตะปบครับวินาทีนี้

   “พี่ไทม์?” ผมแต๊ะอั๋งมือมันจับแน่นด้วย กับแฟนคนก่อนกูยังไม่แนบแน่นขนาดนี้เลยกูพนันได้

   “มึง อย่า ขยับเชียวนะ” จะให้มันเห็นไม่ได้เด็ดขาดดดด

   “มีอะไรกันแน่ครับ” สายตาสั้นหรือไงมึงถึงต้องเอาหน้ามาใกล้กูขนาดนี้ จะเค้นคอกูก็ขอแบบละมุนละม่อมไม่เอาแบบตกใจจนกูต้องปล่อยมือมึงได้มั้ยวะ ไม่นะยางลบกู๊ๆๆๆๆ ผมกลืนน้ำลายอึกใหญ่ตอนที่มันมองของในมืออย่างพินิจพิเคราะห์ ความจำเสื่อม ความจำสั้น หรืออะไรก็ได้กูยอม แต่อย่าพึ่งมาจำยางลบก้อนนี้ ณ ตอนนี้ได้ได้มั้ยวะ กูหยิบสคริปอาขยานไม่ทัน

   “หึ บ๊อง” จบด้วยคำด่าสั้นๆแต่โคตรเชือดเฉือนเนื้อสมองส่วนซีรีเบลลัมของผมชิบหาย ไม่มีท่าทีติดใจแถมยังเอาไปใช้ลบจดการบ้านผมต่อยิกๆ “เอ้า เสร็จแล้ว” เฮ้ยยย การบ้านที่ผมใช้เวลาทำหนึ่งชั่วโมง แต่มันเสือกทำเสร็จภายในสามนาทีเนี่ยนะ ขอผมเขียนจดหมายธุรกิจไปคอมเพลนพระเจ้าอีกฉบับได้มั้ยว่าท่านสร้างคนมายังไงให้ไม่เท่าเทียมกันชิบหายเนี่ย

   “เท่านี้ก็ไปกินข้าวกับผมได้แล้วสิ”

   “ใครตอบตกลงมึง”

   “ก็เห็นบอกทำเสร็จแล้วจะไป”

   “เชี่ยมึงกินอะไรเป็นอาหารเนี่ย”

   “อยากรู้ก็ไปกินด้วยกันดิ”

   “มึงแดกเท็กซ์เข้าไปใช่มั้ย ถึงทำการบ้านกูได้เนี่ย”

   “ถ้าอย่างนั้นผมคงโง่โคตรๆ เลย เพราะตอนนี้ผมไม่มีเท็กซ์ภาษาอังกฤษพื้นฐานสามไว้ให้เรียนอยู่”

   “...” มึงต้องการอะไรจากสังคม ไม่ดิสงสัยมันต้องการอะไรจากผมมากกว่า เท็กซ์ภาษาอังกฤษพื้นฐานสามกูมี แต่กูต้องให้น้องมิน น้องกูมันทวงยิกๆอยู่เนี่ยมึงก็เห็น

   “ออกจากคณะพวกพี่แล้วเดินตรงไปเลี้ยวซ้ายเลี้ยวขวา พอใกล้ถึงประตูเอกมึงก็หยุด ศูนย์หนังสืออยู่ทางซ้ายมือ” เห็นเป็นน้องรหัสผมไม่ได้ไอ้เดย์ถึงกับออกตัวปกป้องมรดกทางปัญญาของสายรหัสผม กำจัดไอ้แทนได้กูเป็นพ่อสื่อให้มึงกับน้องมินเลย จัดไปไอ้เดย์

   ท่าว่าจะได้ผล ไอ้แทนมันลุกเลยครับ พอนั่งอยู่เลยยิ่งรู้สึกมันสูงชิบ มันยกยิ้มให้เพื่อนผมอย่างหล่อ

   “ผมไปไม่ถูก ให้พี่ไทม์พาไปละกันนะครับ” แรงไก่ไม่มีกระดูกอย่างผมจะไปสู้อะไรกับน่องไก่กระดูกโตอย่างมันล่ะครับ ฉวยข้อมือผมได้มันก็ลากสิจะเหลือเหรอ เฮ้ยมึงปล่อยกู๊ๆๆๆๆๆๆๆๆ



   “ทานอะไรดีครับ” อย่างนี้แจ้งตำรวจข้อหาลักพาตัวได้มั้ยวะ แต่มันไม่ได้มัดผมกับเก้าอี้ เอาผ้าขาวอุดปากแล้วสั่งให้ผมโทรไปบอกเตี่ยว่าให้โอนเงินเข้าบัญชีมันพันห้านี่หว่า ข้อกล่าวหานี้เป็นอันตกไป ร้านที่มันพามาก็บ้านๆ แต่บรรยากาศดีโคตรๆ บวกกันฝนที่เริ่มพล่ำๆลงมาเลยทำให้คนมาหลบฝนกินข้าวกันเยอะ แต่รอไม่นานพวกเราก็ได้ที่นั่ง ทำไมผมยอมมันง่ายขนาดนี้วะแทนที่จะรีบวิ่งหนีกลับบ้าน เห็นว่านั่งรถมันมาแล้วแถมฝนยังเทลงมาหรอกนะ ไม่งั้น...ฮึ่ยหอมว่ะ กูหิวววววว

   “ผมเห็นพี่ไม่ได้กินอะไรเลยโทรมาสั่งไว้ก่อนอย่างสองอย่างน่ะ อยากกินอะไรสั่งเพิ่มได้นะ” น้ำลายกูสอแล้ว อาหารเล่นยกมาเสิร์ฟแบบรวดเดียวสามจานจบ กลิ่นแม่งก็เย้ายวนน้ำย่อยในกระเพาะกูซะขนาดนี้ จะให้กลับตัวยังไงวะ

   “กินเผ็ดได้มั้ย”

   “สายกูเลยล่ะ”

   “หน้าหวานๆไม่คิดว่าจะจัดจ้าน” ไอ้นี่เดี๋ยวเอาพริกยัดตูด ทุกคนต้องกินอาหารตามใบหน้าเหรอ หน้าคมๆอย่างมึงไม่กินใบมีดโกนเป็นอาหารเลยล่ะ ผมไม่ตอบโต้ตั้งหน้าตั้งตาตักอาหารเข้าปาก เยดเข้ อร่อยสาดดดดร้านนี้ วงนอกเรคคอมเมนด์

   “อร่อยมั้ย” ชูชกวางช้อนส้อมทันทีเลยครับ มึงจ้องกูทำไม แดกเข้าไปดิข้าวน่ะ

   “ก็...อร่อยดี” วางฟอร์มโคตร ถึงจะกู้กลับคืนมาไม่ได้ตั้งแต่วินาทีแรกที่จ้วงทอดมันกุ้งเข้าปากแล้วล่ะนะ

   “ดีแล้ว” เออกินๆๆๆ อย่ามาจ้องกูกินไม่สะดวก ยิ่งอดอาหารเที่ยงมาดผู้ดงผู้ดีผมหายหมด น้ำย่อยมันทำงาน

   “ต้มยำร้านนี้อร่อยนะ” เออแซ่บ มะนาวสดโคตร กุ้งตัวเขื่อง ร้านนี้มันหลบอยู่ตรงซอกไหนผมถึงไม่เคยเห็นไม่เคยมากินเลยวะ แรร์เพลสชัดๆ “ผมชอบพาน้องมากินร้านนี้น่ะ”

   “มึงมีน้องด้วยเหรอ”

   “น้องสาวน่ะ เมื่อก่อนไม่ค่อยได้เจอ พักหลังพอมาอยู่ใกล้กันเลยพามาบ่อย” พี่ชายหล่อขนาดนี้ น้องสาวจะสวยขนาดไหนวะ ชักอยากเห็นหน้าแล้ว แต่ดูท่าไอ้แทนมันคงติดน้องสาวมันน่าดู มีพี่เขยอย่างนี้กูขอผ่าน

   “สั่งอะไรเพิ่มอีกมั้ย” คนนะไม่ใช่ฮิปโป เลี้ยงอย่างนี้กะเอาให้อ้วนตายเลยมั้ยครับ แอบหนีบเนื้อที่พุงแล้วสะท้อนใจกับฉากชนประสานงาตรงหน้าคณะ

   “มึงเหอะ จะกินไรก็สั่ง เดี๋ยวมื้อนี้กูเลี้ยงเอง” คิดแผนใหม่ ขุนไอ้แทนให้มันอ้วนนนน

   “เฮ้ย คนพามาก็ต้องเลี้ยงดิ อีกอย่างผมทำพี่อดข้าวนะ”

   “แล้วกูติดตังค์มึงอยู่มั้ยล่ะ เชี่ยนี่” กูยังไม่อยากไปเจอไปชดใช้มึงชาติหน้านะ

   “บอกแล้วคืนเมื่อไรก็ได้” กูไม่อยากเจอมึงอีกแล้ว เข้าใจกูเปล่าาาา   “หรือพี่กลัวที่จะเจอผม”

   “มีอะไรให้กูต้องกลัวมึง” มึงเป็นผีเหรอ หรือเป็นยากูซ่า หรือเป็นเจ้าหน้าที่เทศบาลมากำจัดหมาหิวอย่างกูฮะ

   “เรื่องยางลบไง” สำลักดิครับ วินาทีที่น้ำต้มยำไหลเข้าคอด้วย เชี่ยนี่เล่นยิงตรงไม่รู้จักเวล่ำเวลา กูแสบคอออออ “น้ำมั้ยครับ” เหมือนกำลังถูกมันจับกดน้ำ ‘มึงจะพูดไม่พูดฮะไอ้พี่ไทม์มึงคายความลับออกมา’ เดี๋ยวช่วยกูเดี๋ยวทำร้ายกู จะเอายังไงกันแน่ครับไอ้คุณน้องแทน

   “ไม่เกี่ยวกับมึง” มึงบอกกูเลอะเลือนจำคนผิดอย่างนี้ ให้ทู่ซี้ซักต่อไปหาพระแสงของ้าวทำไม

   “ผมจำไม่ได้จริงๆนะ”

   “...” เจ็บอีกแล้ว จะย้ำให้ได้อะไรวะ

   “ผมไม่อยากให้พี่เสียใจ” ไม่ใช่ความผิดมึง จะผิดมันก็ผิดที่กูหวังว่ามึงจะเป็นเด็กม.ห้าที่มาให้ยางลบกู ผมทำร้ายตัวเองด้วยความหวังของผมเองแหละ

   “กูอิ่มแล้ว” แดกต่อไม่ลงเลย อาหารเหลือตรึม ผมควักแบงค์พันห้าวางบนโต๊ะพลางหันไปเรียกพนักงานมาเก็บเงินโดยไม่ลืมบุญคุณพระแม่โพสพให้ห่อกลับบ้าน บรรยากาศชวนอึดอัดโคตรๆ ผมสร้างขึ้นมาเองแล้วทำไมผมกลับกำลังจะทนเองไม่ได้วะ พออาหารใส่ห่อมาส่งถึงโต๊ะเท่านั้นแหละคว้ากระเป๋าได้ก็เดินดุ่มๆ ออกจากร้านทันที


   ‘เพราะมึงไม่เคยมองใคร มีคนนี้แหละคนแรกที่มึงมองแล้วก็ติดใจมานานกว่าที่เคยติดหญิง’ คำพูดของไอ้เพื่อนตัวดีวนเวียนอยู่ในหัว เชี่ยเพราะมึงนั่นแหละไอ้เดย์ มึงทำให้กูคิดว่ากูตกหลุมรักมันตั้งแต่แรกพบ ไอ้เจ้าของยางลบนั่น แล้วอย่างนี้กูต้องจัดการกับความรู้สึกกูยังไงวะ ส่งยางลบให้กองพิสูจน์หลักฐานตรวจรอยนิ้วมือตามหาตัวเจ้าของเลยดีมั้ย กูเคลียร์ความรู้สึกตัวเองไม่ด้ายยยยย

   “ต่อจากโรคกระเพาะก็จะเอาหวัดเหรอ” ใต้ร่มคันเดียวกันโรแมนติกสัด แต่ตอนนี้กูไม่ต้องการโมเมนต์นี้ ผู้กำกับขอเปลี่ยนไปเล่นฉากอื่นได้มั้ยครับ ฝนพร้อมฉากพร้อมขนาดนี้โดนผู้กำกับไล่ไปขี้แน่ อย่างน้อยผมขอเปลี่ยนตัวพระเอก หรือปิดกองไปเลยได้มั้ย อ้าวทำไมกูต้องเป็นนางเอกด้วยวะ

   “เอากับข้าวที่เหลือไปด้วยนะ”

   “มึงเอาไปเถอะ” มันไม่ได้ยินเหรอว่าผมบอกอิ่ม แดกอะไรไม่ลงแม้กระทั่งเม็ดก๋วยจี๊เม็ดนึงน่ะ

   “ไม่เอาเดี๋ยวอ้วน”

   “กล้ามกระดูกขนาดนี้มึงยังกลัวอีกนะเชี่ยนี่” พิสูจน์มากับมือนี้แล้วมึงอย่าหลอกกู

   “หึ รู้ด้วย เอาไปให้พี่เดย์ก็ได้นะ ถ้าพี่กินไม่ลง” เออเอาไปให้หมาผู้ซื่อสัตย์ของผมก็ได้วะ ผมกำลังอยากจะไปโวยวายใส่มันพอดี

   “งั้นเอามา” ผมฉวยมาจากมือมัน เผื่อไอ้เดย์มันกินแล้วชอบจะได้มากินกับมันบ่อยๆ นานๆจะหาร้านอร่อยได้ซักที

   “พี่จะกลับหอเลยมั้ย”

   “ไปหอไอ้เดย์ดิ กูจะเอากับข้าวไปให้มัน” สภาพนี้หันหน้าเข้าหาไอ้แทนทีมีแต่ลมหายใจจะรดใส่กัน แล้วมันก็ไม่รู้จะกลัวผมตัวเปียกอะไรนักหนานะถึงได้เบียดมาซะ ไม่ต้องถนอมกูเทียมผู้หญิงก็ได้ กูมีด้านล่างเหมือนมึง

   “เดี๋ยวผมไปส่งแล้วก็จะได้กลับหอด้วยกัน” จะทำอะไรก็ตามใจมึงเลย ตอนนี้กูยอมแพ้ หมดอารมณ์ต่อต้าน


หอประตูโท

   บทจะเบียดก็ต้องเบียดมาจนถึงหน้าหอ เพราะฝนตกลานจอดรถในร่มเลยเต็มไอ้แทนมันเลยต้องขับซีวิคมันมาจอดกลางแจ้งแล้วเดินแนบตัวร่มคันเดียวกันมาจนถึงตัวตึก ทั้งที่ผมท้วงแล้วท้วงอีกว่ามาคนเดียวได้ให้รอแป๊บ ท่าจะใจร้อนสัดรอไม่กี่สิบนาทีทำจะเป็นจะตายต้องตามมาให้ได้ สองสองสี่ภารกิจนี้ผมต้องไปให้ถึง จะได้สะบัดไอ้แทนหลุดไปซักที ผมอยากอยู่คนเดียวววว

   “ไอ้เดย์” ผมเคาะประตู ห้องเงียบสัด อย่างกับยกป่าช้าวัดดอนมา เสียงฟ้าผ่ากับแสงฟ้าแล่บมาเป็นระยะระยะจนผมต้องท่องนโมตัสสะในใจ หอร้างป่าววะแม่งพวกเด็กหอมันหายไปไหนกันหมด ฝนตกอย่างนี้สาบานได้ว่าไม่ออกไปเตะบอลแน่ หรือมันแอบมั่วสุมรวมตัวดูหนังเอวีกันเสียงฟ้าฝนยิ่งเป็นใจอยู่ ไอ้เดย์อย่าบอกนะมึงเป็นหนึ่งในผู้ร่วมขบวนการอิคึอิคึด้วยน่ะ ออกมาเปิดประตูซะทีดิวะ

   “ไอ้เดย์ ไม่เปิดกูพังนะเว้ย”

   “ไม่อยู่รึเปล่าพี่” ฝนตกอย่างนี้ยังจะไปเที่ยวเล่นหม้อสาวที่ไหนวะ โอเคกูกลับก็ได้แล้วอาหารกองนี้กูต้องแดกให้หมดใช่มั้ย ฮิปโปบังเกิด

   โครม!!

   หันหลังเตรียมถอยทัพอยู่ดีดีเสียงบางอย่างดังทะลุกำแพงออกมา เล่นเอาผมสะดุ้ง เกิดอะไรขึ้นวะ เสียงเมื่อกี้อย่างกับดังมาจาก...ห้องเพื่อนผมนี่หว่า

   “ไอ้เชี่ยเดย์มึงอยู่เปล่าวะ ทำไมไม่ตอบกู” ร้อนรนชิบ ผมบิดลูกบิดประตูรัวๆ อ้าวแม่งไม่ล็อค อย่าบอกนะมึงว่าโจรขึ้นห้องน่ะ เชี่ยแล้วผมต้องไปช่วยเพื่อน โอเค..ถุงต้มยำยังร้อนอยู่เอาสาดหน้าเข้าลูกกะตาคงจะแสบพิลึก ได้อาวุธแล้วกูลุยยยย วิ่งห้อเข้าห้องแบบไม่กลัวป้าประจำหอจะด่าพ่อล่อแม่ว่าใครเสือกมาย่ำเท้าตึงตังกลางดึก พอถึงโซนห้องนอนผมคว้าถุงต้มยำขึ้นกูเตรียมฉีกกก ฉีกกก

   “บอกแล้วว่าอย่ามาเล่นกับกู” เสียงหนึ่งดังมาผมจำได้ว่าเสียงเพื่อนผม แต่พอภาพตรงหน้าปรากฏสู่สายตาเท่านั้นแหละ

   “...” อารมณ์อยากฉีกถุงแกงผมหดลงไปในบัดดล เอิ่ม...จะให้ผมอธิบายยังไงดีอ่ะ ในห้องมีคนอยู่สองคนครับ คนนึงคือไอ้เดย์เพื่อนผม ผมจำหน้ามันได้ ส่วนอีกคนคือไอ้โย่ง...มันชื่ออะไรนะ เออชื่อไอ้เสาร์เพื่อนไอ้แทน แล้วมันทำไมมาอยู่ห้องนี้ได้ โอเคผมไม่รู้ ตอนนี้ผมรู้แต่ว่าเพื่อนผมแม่งคร่อมไอ้เสาร์อยู่บนเตียงงงงงงงงงงงงง สภาพแม่งยิ่งกว่าผ่านสงครามตะวันออกกลางมา เสื้อผ้าติดกระดุมไม่ถึงห้าเม็ด แถมกางเกงไอ้เสาร์เสือกไม่อยู่กับเจ้าตัว แต่มากองอยู่ตรงพื้นหน้าผมเนี่ยแหละ

   “เช้ดดดด” ดูเหมือนมันกำลังสนุกกันอยู่จนลืมสังเกตเห็นผม เสียงฟ้าฝนก็ดังกลบตัวตนผมเสียมิด นี่กูตีตั๋วที่นั่งพรีเมี่ยมมานั่งดูหนังห่าอะไรอยู่วะเนี่ย สูดหายใจหมุนตัวกลับ มาทางไหนไปทางนั้น ดีที่ไอ้แทนมันช้ากว่าผมไปหลายช่วงตัว ผมเลยคว้าข้อมือมันแล้วใส่เกียร์หมาโกยอ้าวออกมา

   ลงมาถึงชั้นล่าง ผมหอบ หอบยิ่งกว่าหนังอิคึอิคึที่ไอ้เดย์มันเคยเอามาให้ยืมอีก เมื่อกี้กูตาฝาดหรือผีอำ หรือบักหำน้อยมันเข้าสิงถึงได้เจออะไรทำร้ายสายตาได้เยี่ยงนั้นวะ

   “เป็นเหี้ยอะไรอ่ะพี่” ตัวเงินตัวทองเดินออกมาดิ้นกระแด๋วๆเป็นตัวแรกของวัน ไอ้แทนมันสบถใส่ผม มันกล้าได้ไงวะ เออกูรู้แล้ว เห็นสภาพมันก็พอเดาได้เท้าเปล่าเหยียบย่ำพื้นดิน สองนิ้วเกี่ยวรองเท้าคอนเวิร์สห้อยต่องแต่ง กูขอโทษ

   “ลากผมมาอย่างกับเห็นผี” เห็นดิ เห็นผีผ้าห่มไอ้เดย์กับเพื่อนมึงมันเล่นกัน โอ๊ยกูจะบ้าาา “ทึ้งหัวตัวเองอีก ไม่บอกผมนี่ผมคิดนะ”

   “กูพุทธ ถ้ามึงจะเอาไม้กางเขนกับกระเทียมมาไล่กู กูก็ไม่ไปเว้ย”

   “ข้าวสารเสกพอมะ” กูจะเอาไปหุงกินเผื่อเป็นสิริมงคล ล้างซวยทางสายตา “หรือจะต้องให้เอายันต์มาแปะหน้าผากด้วยพี่ถึงจะยอมพูดเนี่ยว่าเกิดอะไรขึ้น” รวมพลคนกลัวผี นี่มึงเอากูเหมามันทุกชนชาติ ฝรั่ง ไทย จีน เลยเหรอวะ ตอนนี้ที่ตีโจทย์ไม่ออกใช่เรื่องผีซะที่ไหน เรื่องคนสองตัวที่อยู่ในห้องเพื่อนผมต่างหาก ไอ้เดย์กับไอ้เสาร์มันไปสนิทเสน่หาถึงขั้นชวนกันขึ้น...บรึ๋ย...ตั้งแต่เมื่อไรวะ

   “เงียบอีก...เดี๋ยวก็จูบซะนี่” เฮ้ยมันว่าไงนะ

   เปรี้ยง!!!

   พระพิรุณครับผมรู้ว่าผมไม่สมหวัง แต่ก็อย่าตอกย้ำว่าถ้าผมรักมันจะทำให้ฟ้าผ่าตายได้มั้ยครับ ผมหลับตาปี๋กว่าจะมารู้ตัวอีกทีก็ตอนได้ยินเสียงหายใจและแรงกระเพื่อมๆทางผิวสัมผัส

   เช้ดดดดนี้กูกลัวอัสนีวสันต์ผ่าตายจนกระโดดเข้าอกมันเลยเหรอวะ คอนเวิร์สไอ้แทนแม่งร่วงลงพื้นเลยครับ มันมองหน้าผมจากมุมสูงหน้าตื่นๆแม่งโคตรตลก กูเซอร์ไพรสมึงมากใช่มั้ย สมน้ำหน้า ดีแต่ด่ากูว่าเหี้ยบ้างล่ะ ผีเข้าบ้างล่ะ สะใจโว้ย

   “ขึ้นเลย” โมโหกูเหรอ เชี่ยนี่มึงมีสิทธิ์เหรอ ไอ้คนที่ปฏิเสธเรื่องยางลบกู อู อื้อออออออออออออ

   
   เปรี้ยง!!!

   ฟ้าผ่าลงกลางกบาลผม

TBC

แฮ่ ตอนนี้โคตรรีไรท์ แต่แต่งเพลิน ฟินเลย

ม๊วพๆคุณ FeaRes ถ้ามีโอกาสจะจับพี่ดวกมาแต่งตัวผัดแป้งเข้าฉากบ้างนะคะ
แทนบุคคลหลงเบ้าหน้าแห่งปี อุอุ

ออฟไลน์ FeaRes

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 738
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-2
ทำไมแทนลืมอะ วายยยยยย
มันจะลืมง่ายขนาดนั้นเหรอ เราไม่เชื่อ?!!
โดนใครตีหัวความจำเสื่อมไหม หรือมันไม่น่าจำเลยลืม ...
 :katai1:

ดาวเสาร์กับเดย์! ดูมีซัมติงตั้งนานละ แล้วมันก็มี?!!
อะไรยังไงถึงมาจบที่ห้องเดย์ได้อะคู่นี้ 55555

ออฟไลน์ sakutaka

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 128
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-1
{Will you be my family?(น้องครับพี่ขอนับญาติได้มั้ย?)}
บทที่5: พัฒนาเกินของความรัก


   เชี่ยแม่งมุงเอามือที่คีบคอนเวิร์สเมื่อกี้มาหนีบปากกูทำเพื่อ!!

   “กระโดดกอดผู้ชายแบบนี้ พ่อแม่ไม่สอนพี่ให้รักนวลสงวนตัวบ้างเหรอ”​ เออกูร่าน ใช่ที่ไหนเล่ากูตกใจเสียงฟ้าผ่าต่างหากไอ้ห่ารากนี่

   “อู้อายอำไออ้องอาอะอ๋วนอัวอับอู้อายอ้วยอ๊ะ อามอิ๊ดโอ้ดอิ๊อึ๊ก(ผู้ชายทำไมต้องมาสงวนตัวกับผู้ชายด้วยวะ ความคิดโคตรพิลึก)” อู้อี้แต่ก็มีปัญญาเถียง

   “ก็หน้าพี่เป็นซะอย่างนี้ ทำตัวง่ายๆให้ใครเข้าถึงได้ ถูกทำอะไรไม่ดีไปจะทำยังไง” โหยเทศน์กูเป็นบุพการีเลย ถอดกางเกงให้มึงดูท่อนล่างเลยดีมั้ย ผู้หญิงก็ไม่ใช่ทำไมต้องเครียดขนาดนี้วะ

   “ไทม์” ใครเรียกผม ไม่ใช่ไอ้แทนแน่เพราะมันสวดผมอยู่ เสียงมาจากที่ไกลๆ “ไทม์ใช่มั้ย” ผมกำลังนิมิตถึงใครอยู่รึเปล่า ประโยคเรียกชื่อดูออกหลอนๆ ผมชักกลัวแล้วนะเนี่ย

   “มึงทำอะไรไทม์น่ะ” เหี้ยยยยกูตกใจ โผล่มาถึงมันก็คว้าเข้ามือไอ้แทนเลยครับ ผีเปล่าวะ ผีเปล่าวะ ผีเปล่าว้าาาาาาา

   “นายเป็นใคร” คิ้วคมๆขมวดอย่างมีอารมณ์ ไอ้แทนเห็นเหมือนกันแสดงว่ามันไม่ใช่ผี เอาวะกูไม่กลัวหันหัวขวับไปดูหน้าคนจู่โจมกะทันหันแบบหน่วยรบคอมมานโดมันทันที


   เชี่ยยยยยยยยยย อุทานแม่งได้คำเดียวครับ พระศุกร์เข้าพระเสาร์อยู่กับไอ้เดย์ มาได้ไงวะ ใครจุดธูปเชิญมันมาบอกผมที

   “กูต้องถามมึงต่างหากว่ามึงเป็นใคร” เปิดตัวอย่างเท่มาช่วยนางเอกของเรื่องหรือครับ ถุย!!กูขอถอนตัวจากการแสดง จ้างญาญ่าหรือใหม่ดาวิกามาแทนได้มะ พระเอกอย่างพี่โชกูไม่ขอเอา จำเรื่องเล่าไม้กันหมาของไอ้เดย์ได้มั้ยครับ รุ่นพี่คณะเดียวกันแต่ต่างเอกที่ไล่จีบผมตอนปีหนึ่ง ก็ไอ้เชี่ยพี่โชนี่แหละ

   ผู้ชายตัวสูงสองคนยืนประจันหน้ากัน โอ้โรมิโอทำไมต้องเป็นโรมิโอ ผมขอเป็นมาริโอ้เดินกระโดดเก็บเห็ดบึ๋งๆแล้วออกไปจากตรงนี้ได้มั้ยวะ พวกมึงใจเย็นก่อนนะอย่าพึ่งทะเลาะกัน ผมก็พูดไป ทำอย่างกับไอ้แทนมันจะแย่งผมจากพี่โชอย่างนั้นอ่ะ

   “ต้องตอบด้วยเหรอ” เปรี๊ยะๆ เสียงอะไร สายฟ้าฟาด ไฟฟ้าสถิตย์ ไฟฟ้าแรงสูง กูยังไม่พร้อมจะโดนฟ้าผ่าตายยย

   “กูพี่มึงป่ะ” พี่โชอยู่เศรษฐศาสตร์คงคิดอัตราส่วนทันว่าอย่างน้อยก็ร้อยละยี่สิบห้าที่ไอ้แทนมันจะเป็นพี่บัณฑิตหรือนิสิตปีสี่ ยิ่งเห็นสภาพเรียบร้อยเกินกว่าจะเป็นพวกกร้านโลกปีโตๆได้ยิ่งฟันธงฟันทิ้งเลยครับว่าไอ้แทนเป็นรุ่นน้องมันชัวร์

   “บ้านผมมีน้องสาวคนเดียวจำไม่ได้ว่าเคยมีพี่” กวนชิบหาย มึงเอาหน้าเตรียมรับหมัดพี่มันได้เลย เรื่องนี้ชลธีจะไม่ยุ่ง เห็นทีพี่โชจะต่อปากต่อคำไม่ได้เลยหันมาหาเรื่องเอาความกับผมแทน เฮ้ยอะไรว้า

   “ไอ้เดย์มันไปไหนปล่อยให้ไทม์มายืนมืดๆคนเดียวกับใครก็ไม่รู้เนี่ย” มันกำลังเล่นผีผ้าห่มกับเพื่อนของใครก็ไม่รู้ของพี่อยู่นั่นแหละครับ ขืนบอกไปพี่โชแม่งหันมาวิ่งไล่จีบผมอีกแน่ บอกให้โง่ “ไป เดี๋ยวพี่ไปส่ง” เหยยยยยยไหงมามุกนี้วะ แขนกู๊ มือที่ถืออาวุธดันเป็นข้างเดียวกับที่ไอ้พี่โชจับลากผมออกห่างจะไอ้แทนด้วยดิ ฉีกถุงต้มยำทำลายร้างไม่ได้ด้วยแล้วเว้ยเหอเหอ

   “พามาถึงที่ได้ผมก็มีปัญญาส่ง ไม่ต้องรบกวน” ใช่ ไอ้แทนมึงจับแขนกูเอาไว้ให้มั่นเลยนะ ที่พึ่งสุดท้ายของกู คนตัวสูงอีกคนแม่งพลิกตัวขมวดคิ้วเครียดจ้องหน้าคนพูดอย่างกับใครไปด่าพ่อมันเสีย หน้าแบบนี้ผมเคยเห็นครั้งนึงตอนไอ้เดย์มันประกาศตัวใส่พี่โชว่าห้ามยุ่งกับผมต่อหน้าธารกำนัลทั้งคณะเศรษฐศาสตร์

   “มึงเป็นใครมาห้ามกู” มึงจะตอบยังไงล่ะทีนี้ หาเรื่องใส่ตัวแล้วมั้ย เพื่อนก็ไม่ใช่ รุ่นน้องก็ไม่เชิง ญาติสนิทยิ่งห่างไกลเกินความสัมพันธ์ หรือมึงจะยอมเป็นแฟนกูหนึ่งวันดีมะ ข้อเสนอเชี่ยๆแบบนี้ผมคงปรับตกไป พี่โชมันไม่เชื่ิออะไรปลวกๆอย่างนั้นหรอก

   “เจ้าหนี้โดยพฤตินัย” ค่าตัวพันห้า ราคาโคตรดิสเคาท์ อย่างนี้กูให้มึงฟรีดีกว่า “แล้วจากนี้ไปก็จะกลายเป็นเจ้านายทางพฤติกรรมด้วย” พูดจบมันกระชากตัวผมจนหลุดจากมือพี่โช ดึงเข้าไปกระซิบเบาๆที่ข้างหู “ผมว่าผมกะจะไม่ทำแล้วนะ” ไม่ทำอะไร มึงบอกกูดิ ก่อนที่มึงจะทามมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมม

   ริมฝีปากบางเฉียบของแทนทิ่มลงหน้าผม เมิงงงงงงงงงงงงมุมกล้อง มุมนี้ไม่ได้ กระบอกสายตาพี่โชมันพุ่งดิ่งเข้ามาแบบเก้าสิบองศา จูบจริงเลยเหรอเชี่ยยยยยยยยยยยย ยอยักษ์ใช้สิ้นเปลืองมาก แต่กูต้องใช้เพราะกูตกใจโว้ยยยยยยยยยยยยยยย

   แข็งและอ่อนในเวลาเดียวกัน นั่นแน่อย่าพึ่งคิดอกุศลนะครับ นั่นไม่ใช่ท่อนล่างผม แต่เป็นตัวผมที่ทั้งแข็งและเกร็งแทบขาดใจ ส่วนไอ้ที่อ่อนก็คือมือไม้มันอ่อนจนแทบจะปล่อยถุงกับข้าวให้ดับแดดิ้นตายกลางพื้น ปากไอ้แทนมันประกบอยู่กับปากผมโคตรไม่โรแมนติกเหมือนในหนังรักเลย เพราะผมได้แต่เบิกตาโพลงมองหน้ามันที่ประชิดเข้ามาแบบโคตรไฮเดฟ ออกซิเจน กูจะตาย พอที

   “หายใจทางจมูก” มีหน้ามาสอนกูอีก เออแฮะมันดีขึ้นทำให้ผมเลิกหายอึดอัดแล้วเอาสมาธิมาเพ่งกับความนุ่มนิ่มของริมฝีปากไอ้แทน เช้ดดดดดดดดดดด ตกใจต่อได้อีกแค่นั้นแหละครับเพราะมันกำลังตัดเข้าฉากบู๊ ไอ้แทนมันโดนกระชากไหล่จับแยกกับผมแล้วโดนหมัดลุ่นๆเสยเข้าข้างแก้ม ซี้ดดดดกูเจ็บแทน

   “มึงทำเชี่ยอะไรเนี่ย!!” พี่โชแม่งโมโหถึงขีดสุด ถ้าไม่รีบห้ามไอ้แทนตายแน่ ผมถลาเข้าไปขวางไอ้คนที่โดนโทสะเข้าครอบงำ

   “พี่ต่างหากทำไรวะแม่ง ต่อยคนได้ไงเนี่ยนี่มันในมอนะ!!”

   “ก็มันจูบไทม์อ่ะ!!” ปากกูมั้ยล่ะนั่น ทำอย่างกับไอ้แทนมันทำไปถึงขั้นปล้ำกูแล้วอย่างนั้นอ่ะ

   “แฟนกันจูบกันไม่ได้เหรอครับ” ไม่ใช่เสียงโผ้มมม ผมสาบานได้ ไอ้แทนมันลุกขึ้นมาตอนไหน แถมยังเอาแขนมาพาดไหล่ผมจากข้างหลัง รั้งคอไปหอมแก้มเบาๆสร้างความประทับใจให้ไอ้เชี่ยพี่โชอีก มึงเอาน้ำมันมาราดบนกองไฟทำไมว้าาาาาา

   “มึง!!”

   “เกิดอะไรขึ้นน่ะ พวกเธอทำอะไรกัน!!” กรรมการห้ามมวยระหว่างโชแปง ศิษย์พ่อตายแม่ยายมึงสิ้น กับแทนสุรบถสุดยอดคนพูดปดแห่งปีมาทันก่อนที่พี่โชมันจะขึ้นยกสอง ป้าประจำหอคงได้ยินเสียงดังโหวกเหวกโวยวายหลังฝนซาเลยวิ่งมาดูว่าเกิดอะไร เรื่องใหญ่โดนตักเตือนขายขี้หน้าหรือแม้กระทั่งว่าอาจโดนไล่ออกจากหอคิดบวกลบคูณหารแล้วไม่คุ้มผมเลยกึ่งอุ้มประคองไอ้แทนขึ้นมา ส่วนพี่โชมันจิ๊ปากรำคาญใจก่อนหันไปทางป้า

   “ไม่มีอะไรครับ แค่พื้นลื่นน้องเขาเลย...หกล้มนิดหน่อย” พี่โชแม่งสุดๆ แถได้เสลดปลิง พื้นแห้งยิ่งกว่าใส่มามี่โป๊ะโกะแล้วใครมันจะไปโก๊ะหกล้มเอาปากวัดพื้นได้ล่ะครับ

   “โถพ่อหนุ่มเป็นไรมั้ยเนี่ย ไหนๆมาให้ป้าดู” เห็นหน้าไอ้แทนเข้าหน่อยป้าเนี่ยวิ่งรี่ไปประคมประหงม ถ้าผมล้มจะทำแบบเดียวกันมั้ย มีหวังได้โดนโยนทิงเจอร์ไอโอดีนใส่แล้วบอกให้ไปทำแผลเอง “เอาหน้าลงพื้นเหรอเนี่ย ทีหลังอย่าเอาหน้าลงนะ หน้าตายิ่งดีๆอยู่” ไม่ให้เอาหน้าลงแล้วให้เอาส่วนไหนลงครับป้า มันหล่อขนาดนี้ให้มีบุบสลายซะบ้างคงไม่ถึงขั้นสร้างมลพิษให้โลกหรอก

   “ไม่เป็นไรครับป้า เดี๋ยวผมพาไปทำแผลเอง มึงมานี่” อย่างน้อยกูก็ขอออกไปจากบรรยากาศขมุกขมัวนี่ก่อนได้มั้ยวะ ผมจูงไอ้หล่อปากแตกเดินเกร็งผ่านพี่โชไป แต่ยังไม่วายไอ้แทนมันมีส่งท้ายให้ผมใจหายเล่นอีก

   “อย่าคิดว่าผมยอมพี่ ปากแตกแค่นี้ผมให้อภัย” หมัดครับ พี่โชมันกำหมัดแน่นเลย พอทีไอ้แทนมึงหยุด หุบปาก แล้วมากับกูนี่



หอประตูเอก


   พาแทนมันกลับหออย่างไวโดยไม่ลืมขอยืมกล่องปฐมพยาบาลอเนกประสงค์ของลุงคมน้องป้าเพ็ญแล้วรีบเผ่นขึ้นห้องมายืนจ้องแผ่นป้ายหมายเลขหน้าประตู สภาพผมมันคงดูละล้าละลังจนถึงขั้นไอ้แทนต้องเอ่ยปากถาม

   “ลืมกุญแจเหรอ”

   “เปล่า”

   “แล้วเป็นอะไร” กลัวมึงหาว่ากูร่านลากผู้ชายขึ้นห้องอีกอ่ะดิ พูดไม่ได้และดูเหมือนไอ้แทนมันจะไม่คิดอะไรแบบนั้น ฮ่วย!!ช่างมันวะ จะด่าก็ด่าไปแต่ขออย่าให้มึงทนพิษบาดแผลไม่ไหวมาตายที่หน้าห้องกูเป็นพอ ไขกุญแจได้ก็รีบไล่มันไปนั่งที่เตียง คุ้ยกล่องปฐมพยาบาลลุงคมน้องป้าเพ็ญที่มีครบทุกอย่าง ตั้งแต่ลูกอมโบตัน ยาสีฟันคอลเกต สบู่มะขามเปียกอิงแอบ ยาริดสีดวงตาปลามังกือ อ้าวเฮ้ย น้ำเกลือล่ะ สำลีล่ะ อยู่ไหนวะ อ่ะเจอแล้ว เปิดขวดน้ำเกลือจุ่มสำลีจิ้มไปที่แผลมุมปากอย่างไวว่อง

   “ทำไรคิดบ้างมั้ยวะ มึงเนี่ย”

   “ทำหน้าเป็นลูกหมาหลบหลังเจ้าของอย่างนั้น ยังมีหน้ามาพูดอีกนะ” ใคร ใครวะลูกหมาหลบหลังเจ้าของ ผมเหรอ มันหมายถึงผมใช่มั้ย “ซี้ด” แหนะมีจิกตาใส่ผมอีก บ้านมึงเป็นบรรพบุรุษไก่หรือไงถึงได้ขยันจิกๆๆใส่กูจังตั้งแต่กลับมาที่หอแล้วเนี่ย เจ็บปากนักใช่มั้ย ได้กูเช็ดให้ ท่าทางแทนมันจะไม่ทนกับการทรมานจากผมหลังโดนหมัดมาใหม่ๆมันเลยยึดมือที่ถือสำลีจุ่มน้ำเกลือไว้แล้วจัดชิคเก้นวิงส์ชุดใหญ่มาให้ผม

   “เช็ดเบาๆหน่อย” ถ้าเช็ดเบาแล้วมึงจะเจ็บมั้ยล่ะ วัตถุประสงค์กูคือการทำให้มึงเจ็บที่กล้ามาว่ากูเป็นลูกหมา ด่าว่าเป็นตัวเหี้ยตัวห่าอะไรก็ได้ แต่อย่ามาด่ากูเป็นลูกหมาาาา “โมโหไรเนี่ย เมื่อกี้ยังนิ่งๆอยู่เลย”

   “กูไม่ได้โมโห”

   “โมโหอยู่ชัดๆ”

   “ก็บอกแล้วไงว่ากูไม่ได้โมโห มึงฟังภาษาคน...”

   “หรือโมโหที่ผมจูบพี่” เสลดติดคอ ค่อกแค่ก ตรงไปมั้ยเมิงงงงงง จากไม่คิดกูคิดเลย น้ำเกลือๆ แค่เช็ดยังไม่พอวันนี้กูอาบเลยละกันน้ำเกลือลุงคมน้องป้าเพ็ญน้ำเกลือบริสุทธิ์ร้อยเปอร์เซ็นต์จากสมุทรสาคร เดี๋ยวผมไปซื้อมาใช้คืนให้ละกันนะผมขอเอาล้างซวยก่อนวันนี้

   “เดี๋ยวเชื้อโรคก็เข้าปากหรอก เอาของผมไปเช็ดต่อเนี่ย” ถุยยยยลืมไปว่าที่อยู่ในมือมันเป็นอันเดียวกับที่ซับเลือดปากไอ้หล่อนี่มา

   “จูบแรกป่ะ” แม่งปล้นปืนกลจากหน่วยรบคอมมานโดเชี่ยพี่โชมารึไงวะ รัวคำถามเหยียบย่ำศักดิ์ศรีลูกผู้ชายผมซะเละเป็นโจ๊ก ต้องทำไงกับมันดีวะเนี่ย

   “มึงกลับห้องมึงไปเลย” รากมึงงอกลงเตียงกูหรือไงวะ ดันเท่าไรก็ไม่ขยับ

   “เขินเลยดิ” เช้ดดดดดด กูจะเขินห่าเหวอะไรก็เรื่องของกู๊ มึงไม่ต้องมาแซว

   “กูจะถือว่าหมามันกัดปาก” เซนต์เบอร์นาร์ด ยอร์คเชียร์ พิทบูล กูจินตนาการได้หมดยกเว้นหน้ามึงกูต้องลืมให้ได้ หน้าไฮเดฟที่มึงทิ้งไว้ในความทรงจำกู สาดดดดด

   “หึ รู้งี้ปล่อยให้อยู่กับไอ้พี่คนนั้นซะก็สิ้นเรื่อง ไม่น่าช่วยเลย”

   “ใครขอร้องมึงวะ” ผมแม่งโคตรเนรคุณ

   “กลับไปหอประตูโทกัน” เยดเข้ ไม่ว่าเปล่ามันจับข้อมือผมจะลากออกไปให้ได้

   “เชี่ยแทน กูล้อเล่น กูขอโทษษษษ” อีกก้าวเดียวจะถึงประตู ผมใจหาย สุรบถ เกียรติไพศาล สโลแกน พูดจริง ทำจริง เล่นจริง ไม่ใช้ตัวแสดงแทน ไม่งั้นมันคงไม่ประกบปากจูบดูดดื่มกับผมจริงจังขนาดนั้นหรอก แล้วตอนนี้มันก็กำลังจะทำจริงโดยเอาผมกลับไปส่งเข้าปากเสืออย่างพี่โช

   “ทำไมพี่ต้องกลัวไอ้หน้าแหลมนั่นขนาดนั้นด้วย” มันขมวดคิ้วสงสัย มึงไม่มาเป็นกูหนิ ช่วงเวลาเฟรชชี่หนึ่งปีที่ผ่านมากูต้องผ่านประสบการณ์อะไรมาบ้าง มึงไม่รู้หรอก ก็แน่สิผมยังไม่ได้เล่าให้มันฟัง

   “...”

   “จะบอกไม่บอก” เค้นคอกูอีก

   “...”

   “งั้น กลับไปหาพี่เดย์” ไม่จริงงงงงง หอกูอยู่นี่มึงจะพากูไปไหนนน

   “พี่โชมันจีบกูอยู่!!” ทั้งห้องเงียบกริบ เหมือนใครไปกดปุ่มพอสเอาไว้ อึ้งเลยเด้ กูหล่อขนาดเชี่ยพี่โชมันหลงมาจีบได้ แต่ในสถานะรับนะครับ น่าอวดสัด

   “จีบ?”

   “เออดิ ถึงหน้าตากูมันจะไม่ให้ไปทางนั้นก็เหอะ แต่แม่งไม่รู้นึกครึ้มอะไรมาชอบ...”

   “หน้าพี่แม่งโคตรให้อ่ะ”

   “หา?”  ให้อะไรมึงพูดดีๆ คำถามนี้ผมมีโดดเสยตูดไอ้เดย์มาแล้วนะเว้ย

   “ผมบอกว่าหน้าพี่แม่งโคตรให้อ่ะ วันๆหัดส่องกระจกบ้างมั้ย รู้ตัวรึเปล่าว่าเดินไปไหนมาไหนใครก็มอง” ทำไมวะหรือว่ากูลืมรูดซิปกางเกง ผมรีบก้มลงมองด้านล่าง อ้าวก็มิดชิดปิดสนิทดีนี่หว่า หรือเป็นเพราะ...

   “ก็เพราะว่ากูหล่อไงสัด แล้วห้องกูก็มีกระจกเฟ้ย”

   “มั่นหน้านะ อยากจะคิดอะไรก็ตามใจ แล้วจะกลัวทำไมกับแค่โดนผู้ชายจีบ”

   “...” ผมอึ้ง มึงไม่มาเป็นกูมึงไม่รู้หรอก ผมมีเหตุผลของผมที่ไม่อยากให้ใครรู้ เหตุผลซึ่งมีไอ้เดย์เพื่อนซี้ผมคนเดียวเท่านั้นที่รู้ เพราะฉะนั้น...

   “มึง-ไม่-จำ-เป็น-ต้อง-รู้” ใช้แรงฮิปโปน้อยเฮือกสุดท้าย ผลักอกพลิกตัวดันหลังมันออกมานอกห้องได้ ผมเตะคอนเวิร์สส่งอย่างไวแบบไม่ไว้หน้าผู้มีพระคุณ แถมด้วยประโยคส่งท้ายว่า “พรุ่งนี้มึงไม่ต้องมาที่คณะกูอีกนะ นี่-เป็น-คำ-สั่ง!!”

   ปัง!!

   ไปตายซ้าาาาาาาาา เชี่ยเอ๊ยวันนี้มันวันอะไรของผมวะ

   “แล้วอย่างนี้กูจะทำไงต่อไปดีวะเนี่ย” โดนไอ้แทนประกาศตัวว่าเป็นแฟน แผนเผินอะไรที่เคยวางไว้กับไอ้เดย์ก็พังไม่เป็นท่า อย่างนี้จะให้ผมแบกหน้าไปหาพ่อตาเสี่ยอู๊ดยังไงไหว “กูตายแน่เล้ยยย” ทึ้งหัวตัวเองเป็นรอบที่สองของวัน



   “ไอ้ไทม์!!!!”

   “เชี่ยแม่งเชดโด้กูต่อยหน้าหัก!!”

   “เฮ้ยมึงขวัญอ่อนไปมั้ย...ยิ่งกว่าเดิมป่ะเนี่ย”

   “เชี่ยเดย์ มึงเล่นอะไรของมึงวะ” ตอนนี้ขวัญกูอ่อนยิ่งกว่าปัญญาอีก มันเหลวปวกเปียกไม่มีแม้กระทั่งเชื้อความแข็งปึ๋งปั๋งให้มันตั้งเด่ได้อีกแล้ว

   “ก็เห็นมึงนั่งเงียบอยู่กูเลยอยากแกล้ง แล้ววันนี้เป็นไร ทำไมไม่โผล่หัวไปที่ใต้ถุนคณะ ตื่นสายเหรอมึง”

   “เปล่า กูก็แค่...อยากเปลี่ยนบรรยากาศ”

   “โหยเปลี่ยนบรรยากาศ ผีอดัม สมิธเข้าสิงหรือไงมึง” ไอ้แม็คที่เดินมากับไอ้เดย์มันทัก อย่างงไปครับ อดัม สมิธ เป็นบิดาแห่งเศรษฐศาสตร์ อย่างกูผีวิชาการขนาดนั้นไม่เข้าสิงหรอกเว้ย กูอาบน้ำมนต์(น้ำเกลือ)มาครึ่งค่อนคืน จะมีก็แต่ผีขนุนที่เข้าสิงกูให้มีหนุ่มๆมาติดพันจนขมิบตูดไม่ทันอย่างตอนนี้ไง

   จู่ๆ เพื่อนสองตัวมันเปลี่ยนท่าทีจากแซวผมอยู่ดีๆ กลับหันมองหน้ากันแล้วย้ายก้นมานั่งขนาบผมอย่างไว

   “เชี่ยพวกมึงทำอะไร” เบียดมาทำซาก อาคารเรียนรวมห้องมันใหญ่จนให้ควายวิ่งเล่นได้ พวกมึงขาดความอบอุ่นหรือยังไงวะ แค่ไอ้เดย์กูยังพอเข้าใจแต่ไอ้แม็คเนี่ยมึงจะเอาแขนมาไซร้กูเพื่อ น้องฟ้ามาเอาสามีน้องกลับไปที

   “เชี่ยไทม์ เมื่อเช้าพวกกูเห็นอะไรรู้มั้ย” ไอ้เดย์มันเกริ่นอย่างกับกำลังจะเล่าเรื่องผี

   “เห็นอะไร เห็นน้องฟรังดาวทันตะเดินมาแอ่วแถวคณะ หรือเห็นน้องยะดาวศิลปศาสตร์มาปั่นจักรยานแถวนี้เหรอ”

   “เปล่าเว้ย กูเห็นไอ้สิ่งที่มันไม่ควรจะเห็นมาเกือบหนึ่งปี แต่วันนี้มันเสือกโผล่มาให้พวกกูได้เห็น”

   “ตัวเหี้ย” ยิ่งฤดูน้ำหลากด้วยมันยิ่งชอบโผล่กันมาผสมพันธุ์กันให้พรึ่บพรั่บ

   “มึงอ่ะดิไอ้สัดไทม์” อ้าวไหงมาด่ากูวะ ก็มึงให้กูตอบ

   “ถึงไม่ใช่ก็ใกล้เคียงวะ กูกับไอ้เดย์เห็นพี่โชมันมาด้อมๆมองๆแถวซุ้มคณะ” เช้ดดดดดดด กูว่าแล้ว เซ้นส์กูไม่ผิดเลย พอเกิดเรื่องเมื่อวานขึ้นมันต้องเข้าอีหรอบนี้

   “เกิดอะไรขึ้นวะ ทำไมจู่ๆ มันก็โผล่หัวมา ตั้งแต่กูใช้อำนาจมืดพ่อกูไปตอนนั้นมันก็ไม่กล้ามาแหยมแถวนี้แล้วนี่หว่า แม่งมันต้องกินยาอะไรผิดแน่ๆ เลย” ยาดีอย่างคิสซีนที่ไอ้เชี่ยแทนมันแสดงให้พี่โชเห็นไงล่ะ

   “มึงต้องรู้อะไรแน่ๆ ใช่มั้ย ไอ้ไทม์” สี่ตาสองหน้าแม่งส่งเผือกมาพร้อมกัน อับดุล โอ๋ย นี่ กูซวยหรือกูโคตรซวย ตอบได้คำเดียวว่าโคตรโคตรโคตรโคตรซวยยยย!!

   “เมื่อวานหลังจากที่ไอ้แทนมันลากมึงไปศูนย์หนังสือแล้วมึงไปไหนต่อ” ถึงเสี่ยอู๊ดจะเป็นมาเฟียอิตาลีแต่มึงอย่ามาหรี่ตามองกูแบบนี้ กูไม่รู้ว่าต้องเริ่มจากตรงไหน กูไปไม่ถูก

   “กูไม่ได้ไปศูนย์หนังสือ”

   “แล้วมึงไปไหนกันมาพูด!!” ตะคอกกูทำไมนั่งใกล้กันขนาดนี้ มึงเป็นพันธมิตรตูหรือเป็นศัตรูกันแน่เนี่ย

   “กะ ก็ไปกินข้าวที่ร้านอาหารแถวสัตวแพทย์”

   “หลังจากกินอาหารสัตว์แล้วมึงไปไหนต่อ” ต่อมเผือกมึงทำงานหนักหรือยังไง ย่อซะอย่างกับกูแดกข้าวหมาเป็นอาหาร

   “ก็ไปหอมึงไงไอ้สัดเดย์” เอาวะจะคาดคั้นกูอะไรก็ทำไปเพราะใกล้จะถึงไคลแมกซ์แล้ว จากนี้ไปจะไม่ใช่มึงที่สอบสวนกู แต่จะเป็นกูที่ไต่สวนมึง!!

   “มึงมาทำอะไรที่หอกู” เอาอาหารหมาไปให้มึงแดกไงแล้วดันเสือกไปเห็นฉากเข้าด้ายสวนเข็มของมึงกับไอ้เสาร์ก็เลย...

   “ไอ้แทนนี่ใครวะ” ตะลึงตึงโป๊ะ!! ผ่ามากลางดงอนาคอนด้า ไอ้แม็คแม่งแหวกหญ้าให้งูตื่น ศาลไคฟงกูเลยต้องเหว่หวู่เลิกศาลไปแบบท่านราชครูยังไม่โดนประหาร ไอ้สันหอกดอกเห็ดเอ๊ยโอกาสแก้เผ็ดไอ้เดย์ที่มีอยู่น้อยนิด ต้องแพ้ให้กับอิทธิฤทธิ์เจ้าหนูจำไมของไอ้แม็ค ใจหนึ่งก็แอบสงสารมันที่วันๆไม่ได้ตามข่าวดารามัวแต่ไปจมปลักน้องฟ้าแก้วตาดวงใจของมัน

   “อ้าว ไอ้แม็คมึงไปหลงอยู่หญ้าแพรกไหนวะ ถึงไม่รู้ไอ้แทนมันเป็นใคร”

   “กูจะไปรู้มั้ยล่ะก็พวกมึงไม่เคยเล่าให้กูฟัง” แต่พวกกูชวนมึงไปแดกเหล้าทุกวัน อันนี้สาบานได้

   “แหม ทำอย่างกับมึงอยู่ให้พวกกูเล่าให้ฟังอย่างงั้นน่ะ เอะอะก็น้องฟ้า น้องฟ้า ใจมึงจะเอาแต่น้องฟ้าคนเดียวใช่มั้ย” ไอ้เดย์มันตัดพ้อเหมือนเมียงอลผัว เอาเถอะอย่างมึงยังไงก็เป็นได้แค่เมียน้อย ถ้าไอ้แม็คหย่ากับหลวงเมื่อไรมึงค่อยเข้าไป...

   “ถ้าพวกมึงชวนตอนนี้กูก็พร้อมไป” กระโดดตบปากตัวเองร้อยทีปฏิบัติ ผมโคตรเลวแช่งเพื่อนให้เลิกกับแฟน ดูแม่งทำหน้าดิ เศร้าอย่างกับไปกินตีนไก่เน่าที่ไหน

   “เกิดอะไรขึ้นวะเชี่ยแม็ค อย่าบอกนะว่ามึงกับน้องฟ้า...” ไอ้เดย์มันทำหน้าเหมือนเสี่ยตามาเปิดรายการแฟนฟันแล้วทิ้ง อมคำว่า ‘เลิกกัน’ ค้างไว้ในลำคอแต่ฝ่ายที่รอและลุ้นจนตัวโก่งเสือกเป็นควายเผือกสองตัวอย่างพวกผม

   “เปล่า ช่วงนี้ฟ้าเขาแค่...ไม่ค่อยสะดวกน่ะ”

   “แต่อาการอย่างมึงต้องไปร้านพี่ดวก” ผมตบไหล่มันปุๆปลอบใจหาได้มีจุดประสงค์อื่นใดไม่

   “จริงของไอ้ไทม์ อาการอย่างนี้มึงต้องไปดื่มเหล้าย้อมตับเข้าผับย้อมใจ”

   ตกลงเสร็จสรรพหลังจากนั้นอาจารย์ก็มาเข้าคลาสสอน สภาพพวกผมสามตัวยิ่งเรียนยิ่งสมองไหลความรู้ห่าเหวอะไรไม่เข้าหัวเลยซักนิดเพราะใจมันไปถึงร้านพี่ดวกแล้ว หรือวันนี้จะคิดผิดที่มาเรียนสู้เอาเวลาไปเกรียนแถวร้านเหล้าน่าจะได้ลอรีอัลคุณค่าที่คุณคู่ควรกว่ากันเยอะ


   ตอนรอคอยอะไรเวลามันผ่านไปโคตรช้า นี่ก็พึ่งมาถึงตอนเที่ยงแดดเปรี้ยงกินข้าวกลางวัน ส่วนตัวผมก็ร้อนๆหนาวๆทุกครั้งที่มีโอกาสมาสูดอากาศบริสุทธิ์นอกห้องเรียน ตามประสาคนกลัวสโตกเกอร์อย่างพี่โชจะโผล่หัวมาตั้งเกมบุกเปิดเกมรุกมันถึงกลางโรงอาหารเลยต้องมานั่งมองซ้ายแลขวาระแวงชาวบ้านเขาไปทั่ว กว่าจะปรับท่าทีได้ก็เป็นตอนที่รู้สึกถึงพลังงานแห่งการกราดสายตามาอย่างคลางแคลงใจของไอ้เดย์ที่นั่งจกข้าวไปหลายคำโดยปล่อยให้ผมนั่งอยู่เฉยๆแบบลืมหิว มองมาอย่างนี้หมายความว่าไงวะ หรือมันจะรู้ว่ากูกลัวอะไร แหนะมีหัวเราะขึ้นจมูกอีกมึงหาว่ากูใจเสาะกลัวไอ้พี่โชเหรอ

   “นั่งเป็นวัวสันหลังหวะเลยนะมึง ไม่ต้องห่วงหรอกมึงได้โดนน้องกินหัวแน่” ไม่ใช่แค่หัวนะ มันคงพร้อมจะกินหัวกินหางกินกลางตลอดตัวยาวไปถึงตับตับตับตับตับผมเลยล่ะ แต่เดี๋ยวนะทำไมเพื่อนผมปีสองถึงใช้คำว่าน้องกับรุ่นพี่ปีสามล่ะ “แหนะ ยังจะมาทำหน้างงอีก หนังสือมึงอ่ะ เอามาให้น้องมินยัง”

   “ซวยแล้ว กูลืม” หน้าที่ของสมองคนมีไว้จดจำแต่สงสัยของผมคงมีไว้คั่นหู น้องมันจะไม่นับญาติก็คราวนี้เตือนเป็นสิบๆทีทุกช่องทางแต่เสือกลืมวางไว้ข้างเตียง ทำไงดีกูแย่แน่ แต่จู่ๆผมก็ฉุกคิดปิ๊งไอเดียบางอย่างขึ้นมาได้กะทันหัน “ไอ้เดย์กูขอกุญแจห้องมึง”

   “เอาไปทำไรวะ ผึ้งต่อยเหรอ” กูยอมรับมึงเกรดสี่สุขศึกษา แต่นี่มันใช่เวลามาปฐมพยาบาลเอาเหล็กในออกมั้ย

   “กูลืมหนังสือไว้ที่ห้องมึง”

   “มึงลืมไว้ตอนไหน”

   “ก็ตอนนั้นไงตอนก่อนหน้าโน้นนนนที่มึงเมาๆแล้วกูไปส่ง กูหิ้วหนังสือไปด้วยแต่มันหนักเลยวางไว้ที่ห้องมึงแล้วก็ลืมมาจนถึงตอนนี้ไง” ตอแหลชนะเลิศ กับแผนตื้นๆอย่างนี้มีหรือที่เพื่อนผมอย่างไอ้เดย์จะ.....

   “อ้าวเหรอ แล้วทำไมมึงไม่บอกให้กูเอามาให้วะ อ่ะเอาไปแล้วก็รีบไปรีบมาล่ะเดี๋ยวก็หมดเวลาแดกข้าวพอดี กูขี้เกียจไล่บี้ให้มึงไปกินข้าวอีก” มีหรือที่ซื่อบื้ออย่างไอ้เดย์จะไม่เชื่อ...ว่ะฮะฮะ ไอ้นี่มันเลือกที่จะซื่อกับบางเรื่องที่ไม่สมควรจะซื่อครับ ไม่งั้นผมไม่ผิดศีลห้าวันละสามเวลาได้ขนาดนี้หรอก

   “เออกูไปก่อน”

   “เอารถกูไปด้วยมั้ย”

   “ไม่ล่ะกูโบกมอไซต์ไปง่ายกว่า ถ้าแดกกับไอ้แม็คเสร็จเมื่อไรมึงก็ไปเลย ไม่ต้องรอกู” พูดจบผมรีบวิ่งตะบึงออกมาเพื่อไม่ให้เจอน้องรหัสก่อนเวลาอันควร วืบหนึ่งรู้สึกเหมือนวิ่งสวนกับร่างชะลูดตูดปอดดูคุ้นตา แต่มาถึงจุดนี้แล้วขี้เกียจหันกลับไปมอง ขอแกร็บไบค์ไปทำภารกิจก่อน จังหวะเหมาะพอดีกับที่พี่วินมาส่งคนเลยโบกมือหยอยๆ ทางนี้ครับพี่ ทางนี้ๆ

   “ไปไหนครับ” เดี๋ยวนี้โลกมันล้ำขนาดมอเตอร์ไซค์รับจ้างส่งสัญญาณเสียงตามสายมาถามปลายทางทั้งที่ห่างไปตั้งเกือบห้าเมตรได้เลยเหรอวะ เออผมประชด เพราะรู้ว่าคนถามมันก็ไอ้คนที่ตามผมมาข้างหลังเนี่ยแหละ

   “หอประตูโท”

   “ผมไปส่งมั้ย” ไอ้แทนมันเสนอตัวพลางควงกุญแจซีวิคของมันโชว์เล่น

   “ถ้าว่างขนาดนั้นก็เอาเวลาไปแดกข้าวซะ” วินาทีนี้อย่ารั้งกูเลย น้องรหัสจะแช่งชักหักกระดูกกูอยู่แล้ว พี่วินซิ่งมาจอดเทียบหน้าผมฉับพลันกับที่หมวกกันน็อคซึ่งถูกหยิบยื่นให้นั้นโดนดันกลับในทันที

   “โทษครับพี่ เพื่อนผมลืมไปว่าต้องแวะที่อื่นก่อน” พยักหน้างกๆ เสร็จพี่วินมันก็ดริฟรถซิ่งยิ่งกว่าแมงกะไซต์ไอ้มดแดงแหกทางโค้งกระโจนไกลราวกับรีบไปส่งอู่ไม่แม้แต่จะฟังเสียงกู่ร้องทักท้วงจากผม

   “ทำอะไรของมึงวะ นี่กูจะรีบไปเอาของนะเนี่ย แล้วใครเพื่อนมึง ปีนเกลียวเหรอ เมื่อวานกูบอกว่าอะไร สมองมึงเสื่อมไปทุกเรื่องหรือไงถึงจำไม่ได้ว่ากูบอกไม่ให้มาที่นี่อีกฮะ”

   “โหย มาเป็นชุดเลย”

   “ถ้ากูมีเวลาจะยิ่งกว่าชุดอีก กูจะใส่สูทผูกไทด์เขียนคำด่ามึงเป็นวิทยานิพนธ์แล้วส่งให้ดูเลย” ว่าจบยังไม่ละความพยายามชะโงกหน้าหาจักรยานยนต์รับจ้างจนคอยืดคอยาวต่อ

   “ไปรถผมแหละ มา” ทำไมมึงชอบบังคับกูจังวะ ปล่อยมือกู!!



   ผมไม่ปล่อยให้ไอ้แทนอยู่กับผมนานหรอกครับ ห้องไอ้เดย์สองสองสี่วิ่งแป้บๆ แค่นี้ก็ถึง พอบึ่งเข้ามาสายตาแสกนหาเป้าหมายเป็นกรุหนังสือตั้งแต่สมัยเจ้าคุณปู่ทวดรหัสซึ่งมันไม่สนใจแม้แต่จะจัดให้เข้าที่ เพราะอย่างนี้ผมถึงรู้ว่าอะไรเป็นอะไร อะไรวางอยู่ไหนทั้งๆที่ไม่ใช่ห้องของผม หลังจากคุ้ยหาเป็นเวลาสิริรวมเจ็ดนาทีผมก็เจอสิ่งที่ต้องการ หึ!!เสร็จกู แผนสยบข่าวเตียงหักรักร้าวคู่ขาเดย์ไทม์จะเปิดฉากนับตั้งแต่บัดนี้

   “หนังสือภาษาอังกฤษ? เอาไปให้น้องรหัสพี่เหรอ” โอ้มายก้อดมันขึ้นมาได้ไง ทั้งที่สั่งให้ ‘แทน เสตย์ แทน ซิท’ แต่มันเสือกชิทตามกูมาได้ กูจะบ้าตายว็อดเดอะเฮล ออน เอิร์ธ!! ไม่ต้องเอารางวัลจากกูเลยไอ้โกลเด้นรีทรีฟเวอร์สรุบถ

   “ไม่รู้ซักเรื่อง ก็ไม่มีใครว่ามึงโง่หรอกนะไอ้เด็กจบนอก”

   “พี่นี่พูดจาไม่เข้ากับหน้าตาเลยนะ”

   “ตั้งแต่เมื่อวานแล้ววิจารณ์อาหารลามมาถึงภาษาพูด หน้าหวานๆ อย่างกูชอบกินรสจัดชอบพูดจาสลัดผักแล้วมันหนักส่วนให้ของเมิงฮะ” มองนาฬิกาปั๊บตกใจรีบเดินผ่านตัวมันไปอย่างไวว่อง แต่ไม่วายช่วงเสี้ยววิที่เฉียดเข้าไปใกล้ไอ้แทนมันกลับหน้าโน้มมากระซิบข้างหู

   “ก็ไม่หรอก ดูจริงใจดีผมชอบคนปากหมา” หันไปจ้องหน้าถลึงตาใส่ ไอ้เชี่ยนี่ มึงด่ากูเหรอ

   “วันนี้มึงจะเอากูให้ได้ใช่มั้ย”

   “ถ้าพี่ให้ผมก็เอา” ยกมือขึ้นปิดปากฉับ นี่กูพูดอะไรออกไปวะ แล้วมันจะเอาอะไร กูไม่ได้หมายถึงเอาอย่างนั้น ฉับพลันกับที่สมองนึกไปถึงฉากในหนังรักโรแมนติกสัดเมื่อวานนี้ โอ๊ยกูสะเทือนจิตใจ “หนังสือภาษาอังกฤษของพี่ ไหนๆ ก็ไม่มีเจ้าของแล้วขอผมได้มั้ย”

   “...” เชี่ยนี่กูนึกว่าอะไรที่แแท้...

   “ขอนะ”

   “กู-ไม่-ให้-โว้ย!!”

 TBC

ตอนนี้คาดว่าคนที่อยากเอากระบองมาตีหัวแทนมากที่สุดน่าจะเป็นไทม์5555

เดย์ยังคงมีแรงแซวเพื่อนอยู่ค่าคุณ FeaRes

ขอบคุณผู้ใหญ่ใจดีทุกท่าน ที่ทนอ่านมาจนถึงตอนนี้ 555 (ตากลมแอร์มากไป ไข่ขึ้นสลบแป้บ)

ออฟไลน์ FeaRes

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 738
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-2
เจ้าหนี้โดยพฤตินัย เจ้านายทางพฤติกรรม
เข้ากันได้อยู่นะ คล้องดี 555555
แต่เจ้านายนี่อะไรรร หนูอย่ามั่วสิ มโนอะไรอยู่ หาาาาา

โมเมเหลือเกินนะพ่อคุณ ตีเนียนบอกว่าเป็นแฟนเขา แหม่
จีบแล้วเหรอ ติดแล้วเหรอไปพูดแบบนั้นอะ
แถมยังดึงพี่เขามาจูบโชว์หนุ่มอีก! จะหึงจะหวงก็ให้มันมีขอบเขตบ้าง!
อ่านละหมั่นไส้น้อง น่าตีจริงๆ 555555

ำไมรู้สึกชอบพี่โช(?) ชอบชื่อ 55555

ออฟไลน์ sakutaka

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 128
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-1
{Will you be my family?(น้องครับพี่ขอนับญาติได้มั้ย?)}
บทที่ 6 ข้าวผัดจีบ



   แฮ่ก แฮ่ก แฮ่ก

   “พี่ไทม์ เอาถังออกซิเจนมั้ยคะ”

   “ขอสองถัง” ผมชูขึ้นสองนิ้ว

   “อยู่โรงอาหารเอาถังแก๊สไปก่อนละกันนะ มินไปหามาให้ไม่ได้อ่ะ” แล้วจะเสนอขายพี่ทำไมเนี่ย “เหนื่อยขนาดนี้แล้วยังทำท่าลิโพวิตันดีอีก ถ้าไม่บอกมินคงคิดว่าพี่ไทม์ไปวิ่งรอบสนามแก้บนมา” น้องรหัสผมหัวเราะนิดๆ ขบขันกับท่าทางเหมือนหมาหอบแดดจากการรีบร้อนวิ่งกลับมาให้ทันเวลาก่อนหมดเบรคเที่ยง สิบนาทีนะครับ เพียงแค่สิบนาทีอย่างนี้มันแทบทำลายสถิติกินเนสบุ๊คผู้ทำเวลาได้สั้นที่สุดในการไปกลับระหว่างหอพักนักศึกษาฝั่งประตูโทกับคณะเศรษฐศาสตร์ได้เลย หลังจากฉะฝีปากปล่อยหมาออกมาเห่าฮ่งๆใส่ไอ้แทนผมก็ตบกุญแจรถยนต์ของมันแล้วรีบบึ่งมาหาน้องรหัสสุดที่รัก คิดดูดิผมทุ่มเทให้กับแผนนี้ เอ้ย ให้กับน้องรหัสผมเท่าไรคิดดู

   “ไม่ต้องพูดมาก เอาไปได้แล้วเรา” ผมเอาหนังสือตีหัวน้องน้อยเบาๆอย่างเอ็นดูก่อนส่งให้

   “กรี๊ดดดดหนังสือพี่บั๊คคค” วอท เดอะ ฟัค!!นี่เธอหวังสมบัติของลุงรหัสเธอเหรอเนี่ยยยย เสียใจด้วยเพราะเล่มนั้นมัน “อ้าว นี่ไม่ใช่หนังสือพี่บั๊คนี่ ไม่ใช่ของพี่ไทม์ด้วย พี่ไทม์เอาหนังสือของใครมาให้มินอ่ะ...ใครอ่ะ นพดล ดี เอ วาย...”

   “...”

   “เดย์” เธอจ้องหน้าผมสลับกับมองหน้าแรกของหนังสือที่เขียนชื่อเจ้าของ

   “...”

   “พี่เดย์” ตามที่สะกดแหละครับน้อง เธอนิ่งไปซักพักก่อนที่จะเรียกชื่อผมด้วยเสียงอันแผ่นเบา

   “พี่ไทม์”

   “ว่าไงครับ” มินก้มหน้าลงตัวสั่นเล็กน้อย อย่าบอกนะว่าเสียใจที่ไม่ได้หนังสือลุงบั๊คจนร้องไห้น่ะ แย่แล้วผมทำไรไปวะเนี่ย

   “มินฟินอ่ะ”

   “ฮะ? มัฟฟิน? หิว? อยากให้พี่เลี้ยง?”

   “พี่ไทม์อ่ะไม่ใช่ซะหน่อย มินฟินต่างหาก มินฟินจะตายอยู่แล้ว พี่ไทม์อย่าทำกับมินอย่างนี้ได้มั้ย หัวใจมินอ่อนแอออออออ” มินซอยเท้าบิดไปมาจนผมต้องมองลงไปว่ามีปีเตอร์ไต่ขาน้องรึเปล่า เธอตะโกนงุ้งงิ้งง้องแง้งดึงดูดความสนใจให้เพื่อนๆชะแง้แลมองกันเป็นทิวแถว

   “แหมพี่ไทม์ ของๆพี่เดย์ก็เหมือนของๆพี่ไทม์ใช่มั้ยล่ะค้าาา” หนึ่งในก๊วนน้องมินแซวขึ้นมา ไอ้พวกที่เหลือก็ตามน้ำเลยครับร้องฮ่งร้องฮิ้วเป็นลูกคู่กันยกแผง

   “หิวก็กินกันไปสิครับน้อง”

   “หูย มีเขินกลบเกลื่อน” เอ๊า...เอากันเข้าไปพวกเอ็งยังเห็นกูเป็นพี่อยู่มั้ยแซวซะไม่เกรงใจระบบอาวุโสเลย แต่จะว่าไป...อย่างนี้ก็ดีเฮะ จะได้มีสักขีพยานรักปลุกกระแสคู่จิ้นเดย์ไทม์กระจายข่าวลือให้ไปถึงหูพี่โชได้ไวขึ้น เป็นไงล่ะแผนผมแยบยลสุดๆ

   “ว่าแต่คนที่อยู่ข้างหลังนี่มันยังไงกันคะ” จากหน้าฟินน้องมินเปลี่ยนเป็นหรี่ตาเหมือนจ้องจับผิดอะไรบางอย่างเมื่อแก๊งเพื่อนตัวดีของเธอทักขึ้นมาให้คิด ผมรีบผินหน้าไปข้างหลังโฟกัสเข้าอย่างจังกับไอ้แทน มันยืนเล่นโทรศัพท์อยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล พอรู้ตัวว่ามีคนมองมันก็เงยหน้าขึ้นมาสบตายกยิ้มชักมือกระพืบนิ้วทั้งสี่ให้ผมราวกับทักทาย

   “กรี๊ดดดดดดดดดด” เช้ดดดดดดอีห่าใครเหยียบตีนครับ เปล่งเสียงดังอย่างกับตาปลาแตก กะอีแค่ไอ้แทนมันกรีดนิ้วให้เนี่ยนะ อีโด่ผมก็ทำได้

   “ใครเหรอ พี่ไม่เห็นรู้จักเลยนี่” ไม่อยากรู้จัก ไม่อยากนับญาติ โอเคจบป่ะ!!

   “แทนสุรบถ เดือนคณะวิศวะ ภาคอุตสาการปีหนึ่ง น้ำมันพรายมรกตส่งเข้าประกวดอวดอวดอวด” เสียงประกอบผสมเอคโค่นี้ใช่เลยไอ้พวกตัวกวนข้างหลังน้องมิน อุตส่าห์แกล้งทำเป็นไม่รู้จักกันแต่นี่กลับมาเล่าประวัติให้ฟังเฉย ผมก็เพิ่งรู้นะว่าไอ้แทนมันเป็นเดือนวิศวะ มิน่าล่ะเดินไปไหนมาไหนถึงได้มีแต่คนทักขานชื่อมันให้เพียบ แล้วไหนยังมีเล่นคุณสงคุณไสยดีดน้ำมันพรายใส่ชาวบ้านให้ร้องโหยหวนชวนสยองทุกครั้งมันเดินผ่านอีก ซึ่งผมก็เป็นหนึ่งในนั้นแต่ผมดันโดนยางลบดีดใส่แทน กูเพลีย

   “ตั้งโต๊ะแถลงข่าวด่วนค่ะ!!” เย้ยตกใจเว้ย จู่ๆก็ตะโกนขึ้นมา ตั้งโต๊ะเล่นไพ่พี่ถนัดกว่านะยัยมิน

   “กับแทน เดือนวิศวะเป็นอะไรกันคะ” ยัยมินดูท่าวิญญาณฐปนีย์ เอียดศรีวิชัยเข้าสิง ชีหยิบส้อมที่เคยเสียบอยู่คาข้าวคลุกกะปิขึ้นมาต่างไมค์ทิ่มเข้าให้ตรงหน้า ผมจะตายก่อนให้สัมภาษณ์รึเปล่าวะ เริ่มไม่แน่ใจ คนที่น่าจะตอบคำถามนี้ได้อีกคนกลับยืนยิ้มเงียบๆอยู่ข้างหลังแผ่พลังมโนจงสถิตย์กับท่านให้เหล่าน้องนางเริ่มมีอาการเพ้อความหล่อ

   “โธ่มิน พี่กับมันจะเป็นอะไรไปได้ล่ะนอกจาก...”

   “โนโนโน แค่เพื่อนกัน รุ่นน้องที่สนิท ตอนนี้ขอโฟกัสที่เรื่องเรียน คำตอบพวกนี้มินปฏิเสธค่ะ” ดักทางไทม์ คูกิมิยะ อย่างนี้แล้วพี่จะตอบยังไงเนี่ย!!

   “เออคือ...” กูจับได้คำถามยากใช่มั้ย เข้าใจความรู้สึกนางงามรอบคัดเลือกสิบคนสุดท้ายเลย อ้อมแอ้มไม่รู้จะตอบยังไง บอกฉันที แบบพี่ป๊อบ ปองกูล กูไม่รู้กูรักเด็กตอบแบบนี้ได้เปล่าว้า ตีลังกาคิดสิบตลบผมก็พบคำตอบเดียวว่า...

   “พี่ไม่รู้!! พี่ไม่ใช่พ่อมัน!!” ควาย...พรุ่งนี้ต้องเอาเบตาดีนมาราดสีข้าง กูแถทีเลือดสาดอาบท่วมกรุงศรีอยุธยา เมื่อข้าศึกมาเราจะสู้ เมื่อโดนทำร้ายเป็นหมู่กูจะหนี กูไม่พร้อมพลีชีพทุบหม้อข้าว เพราะตอนนี้กูอยากแดกข้าวโว้ยยยยยย ผมเดินหนีห่างจากกลุ่มน้องนางมาแบบติดไฮสปีดอินเตอร์เน็ต ปล่อยเสียงประท้วงให้ดังแหวไล่ตามมาด้านหลัง แต่กูไม่สนใจครับเพราะตอนนี้ไส้แทบจะบิดเป็นกรอบเกลียวเคี้ยวโปเต้อยู่รอมร่อ เรื่องความสัมพันธ์ระหว่างผมกับไอ้แทนจะเป็นยังไงก็ช่าง แต่ขอสั่งอาหารก่อน

   “ข้าวผัดแหนมจานครับ” หิวข้าวไม่พอคอแห้งชิบเป๋ง ผมเหลือบไปมองร้านน้ำแว่บหนึ่งก่อนหันกลับมากะว่าจะสั่งเสียป้าแม่ครัวแล้วเดินไปซื้อประจวบเหมาะกับที่มีมือดีหยิบยื่นแก้วใส่น้ำสีคุ้นตาส่งมาใกล้ๆ

   “โอเลี้ยงหวานน้อย เมื่อวานพี่ลืมทิ้งไว้ที่โต๊ะผมน่ะ” เซอร์ไพรส!! ช่วงนี้ทำไมมีเรื่องให้กูตกใจเยอะจัง ไอ้สุดหล่อประจำหอประตูเอกตึกสองที่ติดตามผมเป็นสัมภเวสีตอนนี้มันยังมีชีวิตอยู่ครับ เล่นโผล่มาจากข้างหลังทำเอาผมถึงกับสะดุ้ง

   “ตามมาอีกทำไมวะ”

   “เปล่านะแค่มาสั่งอาหาร ป้าผมเอาคะน้าหมูกรอบราดข้าวจานนึง” ทั้งโรงอาหารมีร้านเดียวหรือไงทำไมถึงต้องกินร้านนี้ด้วย ฟวยนี่ “อ่ะนี่ พี่รับไปดิน้ำแข็งละลายหมดแล้ว”

   ผมจ้องแก้วใส่น้ำสีดำๆ ในมือมัน โอ้พระเจ้า นี่มันโอเลี้ยงในตำนานประวัติศาสตร์บ้างเชียงซึ่งขุดค้นพบเป็นซากดึกดำบรรพ์บนโต๊ะกินข้าวมันเมื่อวานนี้หรือเปล่าวะ อย่าเรียกว่าขุดค้นพบดีกว่าครับเรียกว่าผมทิ้งไว้เพราะช็อคที่โดนทำร้ายจิตใจดีกว่า

   “กูไม่เอา”

   “เห็นแก่ความพยายามผมหน่อย เมื่อวานพอกินข้าวเสร็จผมก็รีบเอาไปฝากตู้เย็นร้านน้ำแล้วขากลับผมก็แวะมารับไปแช่ตู้เย็นที่หอผมเลยนะ”

   “เฮ้ย จริงดิ!!”

   “ก็โกหกอ่ะดิ แก้วนี้แก้วใหม่ส่วนของเมื่อวานดื่มหมดแล้ว ไม่งั้นผมจะรู้ได้ไงว่าเป็นโอเลี้ยงหวานน้อย พี่นี่ก็เชื่อคนง่ายเนอะ ฮ่าฮ่า” สัดแทนมึงกวนสองทีนกูมากเลยรู้มั้ย แต่กูยังไม่อยากทำอะไรเพราะเสียงหัวเราะกับรอยยิ้มมึงทำให้บรรยากาศรอบข้างดูสดใส สาวๆที่ยืนสั่งกับข้าวอยู่ถึงกับจ้องมาตาเป็นประกาย ถ้ากูทำร้ายมึงมีหวังกูได้ไปนั่งกุมไข่เพราะโดนเหล่าแฟนคลับมึงเตะผ่าหมากเข้าให้ซักวัน เอาเถอะครับไหนๆมันก็มีใจซื้อให้แล้วขอรับไว้ละกัน ผมดึงโอเลี้ยงมาจากมือไอ้แทนจากนั้นก็ดูดไปหลายอึกแบบโคตรกระหาย ทิฐิไม่ช่วยให้มีชีวิตอยู่ได้แต่ขาดน้ำคือตาย โอเคจบนะ

   “แก้วนี้หวานกำลังดีผมชิมแล้ว” โอเลี้ยงแทบพุ่งใส่หน้าร้านป้า เชี่ยน้ำลายหมา!! ผมหันไปมองหน้าไอ้แทนแบบเหวอๆ “ผมล้อเล่น” มันยิ้ม

   “เชี่ยกวนตีนอีกแล้วนะมึง” ถ้ากูเป็นไวรัสตับอักเสบเอบีซีดีมึงต้องรับผิดชอบ กูไม่กล้าดื่มต่อเลยไอ้เฟี่ยนี่ ไอ้แทนมันยืนลอยหน้าลอยตามองป้าแม่ครัวผัดอาหารไปเรื่อยส่วนผมก็จ้องหน้าด้านข้างของมันไปแบบเพลินๆ คนอะไรวะกวนตีนได้ไม่บันยะบันยัง แปรผกผันกับใบหน้าที่หล่อสามร้อยหกสิบองศา หล่อไม่อายใคร หล่อลืมตีน หล่อจนเสิร์ชหาคำว่าน่าเกลียดไม่เจอ หล่อ...

   “จ้องผมทำไม” เหยยยยมันมองกลับมา

   “เปล๊า....ไม่ได้จ้อง” กูมองป้ายชื่อร้านป้าคนึงนิดเว้ย

   “เสียงสูงระดับสิบ โกหกเก่งนะเรา” มันเอามิเตอร์วัดระดับเสียงมาด้วยเหรอวะ ถึงบอกเป็นค่าตัวเลขได้ อย่างมากกูก็แค่ระดับเก้าเว้ย ระดับเก้า ผมซูดน้ำโอเลี้ยงเข้าไปเต็มๆอีกหนึ่งอึก อ้าวกูเผลอดื่มอีกแล้ว

   บอกตามตรงนะผมเป็นคนโกหกไม่เก่ง...หราาาาา...หลายคนคงคิดว่าตอแหล โกหกไม่เก่งอะไรกูเห็นมึงโกหกอยู่ทุกวัน วันละสามเวลา เช้า กลางวัน เย็น ก่อนและหลังอาหาร แต่ผมเป็นคนโกหกไม่เก่งจริงๆครับ โกหกบ่อย โกหกง่าย โกหกชิบหาย โกหกควายๆ แต่ถ้าเป็นการโกหกที่ต้องอ้างเหตุผลอะไรยาวเป็นวรรคเป็นเวรอย่างมีตรรกะ วอท วาย ฮู แวร์ เวนแล้วล่ะก็ ผมแม่งโคตรง่อย อย่างเรื่องคนตรงหน้าก็เหมือนกัน เห็นผมด่ามันกัดมันรำคาญมันเสียขนาดนั้นนะ แต่ผมก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าผมสนใจและติดใจที่จะมองมันด้วยสายตาคู่นี้ตลอดเวลา

   อีกเรื่องหนึ่งเหตุผลที่ผมเอาหนังสือไอ้เดย์ไปให้น้องมินไม่ได้เพื่อปลุกกระแสคู่จิ้นให้ขจรขจายไปไกลหรือให้แฟนคลับไถลลงเรือหลักสร้างความเชื่อมั่นว่าคู่เดย์ไทม์รักกันไม่มีวันตายเท่านั้นหรอก แต่ใจจริงผมแค่อยากเก็บหนังสือเรียนไว้ตอบแทนไอ้ตัวน่ารำคาญที่ยืนอยู่ข้างๆตอนนี้ต่างหาก แต่จากนี้ไม่นานกูอาจจะเปลี่ยนใจถ้ามึงยังไม่หยุดยิ้มกวนใส่กูซะที

   “มะ...มึงยังอยากได้หนังสือกูอยู่มั้ย” เสียงเบาเท่ามดตด เพราะกลัวน้องมินจะหูทิพย์มาตามติดชีวิตดาราจนความแตกว่าไม่ได้หนังสือสายรหัสเพราะอะไร

   “ผมไม่ชอบบังคับใคร ถ้าพี่ไม่อยากให้ก็ไม่เอา” ถุย อย่างมึงเรียกไม่ชอบแต่แถวบ้านกูเรียกเสพติดการบังคับเลยล่ะ พูดออกมาได้ว่าไม่บังคับแล้วที่ลากกูไปโน้นมานี่ แถมยังอุปโลกน์ว่าเป็นเมียกู?แล้วลากกูไปประกบปากนุ่มนิ่มชวนจึ๊กกะดึ๋ยของมึงอีก อย่างนี้ไม่เรียกบังคับก็คงสมยอมแล้วครับสัดแทน

   “เล่นตัวชิบ จะเอาไม่เอา นี่กูเห็นแก่ค่าน้ำมันพรายของมึงหรอกนะกูถึงยอมให้”

   “น้ำมันพราย?” อ้าวเชี่ยกูพูดผิด ชีวิตนี้ไม่ต้องคิดไปต่อป.โทต่างประเทศแล้วเอาภาษาไทยให้รอดก่อนเถอะกู

   “เปล่ากูหมายถึงน้ำมันมรกตที่มึงเสนอหน้ามาขับรถไปส่งกูต่างหาก” ไทม์ชลธีชีวิตนี้ไม่ได้ดีแค่หน้าตาแต่คารมคมคายพลิกลิ้นได้เหมือนจับวาง

   “ที่ผมดีดใส่พี่ไปเมื่อวานนี้รึเปล่า ดีดจนปากมันเลย”

   “ใช่เล่นเอากูร้อนเป็นไฟเลย...ใช่ที่ไหนเล่าเชี่ย!! น้ำลายมึงทั้งนั้นแหละเมื่อวานนี้น่ะ ถ้ากูกลั้วคอด้วยแอลกอฮอล์ล้างแผลได้ป่านนี้กูกลั้วลงไปถึงลำไส้ใหญ่ให้มันไหลไปฆ่าเชื้อโรคจากพิษน้ำลายมึงแล้ว” กูอยากจะตัดปากทิ้ง ก็แม่งเล่นตอกย้ำซ้ำๆถึงฉากที่ผมไม่อยากจะจำ แต่ทำไมไอ้ปลาทองสายพันธุ์ตังเมมันถึงเสือกจำได้ ไหนว่าสมองส่วนฮิปโปโปเตมัสมันชำรุดเลยไม่ฉุดเหตุการณ์ยางลบวัยใสอันน่าประทับใจเข้าไปในเมมโมรี่ระยะยาวของมันไง ว่าจบไอ้แทนมันหัวเราะแบบเอาสต๊อกของชาติหน้ามาใช้แล้วดึงแขนผมไปหาตัวมันเฉย

   “โดนพิษแต่ก็ไม่เห็นจะตาย” จับชีพจรตุบๆ เต้นดุบๆ หัวใจสั่นไหว วิศวะอุตสาหการแต่เสือกอุปมานว่าจบแพทย์แผนจีน ชี้กลางนางมาแมะเต็มข้อแขนยึดไว้ให้กูดีดดิ้นเป็นนางเอกละครดาวพระศุกร์ อย่าค่ะคุณภาคย์ อย่า ปล่อยดาวซินโดรมเถอะค่ะ เช้ดดด

   “...”

   “อย่างนี้แสดงว่ามีภูมิคุ้มกันผมแล้ว” กูไปฉีดเซรุ่มคุ้มกันมึงตอนไหนฟระเนี่ย!! สรุปกูเป็นคนโลเล กูเปลี่ยนใจ กูไม่ทรยศสายกูแล้ว

   “หนังสือกูมึงไม่ต้อง...”

   “เอาครับ”

   “...!!!”

   “บอกแล้วผมไม่ชอบบังคับแต่ถ้าพี่เต็มใจผมก็พร้อมรับเสมอ” ได้กูจะรุกมึงให้ดู!! เอาให้เดินไม่ได้ไปเจ็ดวันเจ็ดคืนเลย เอิ่ม มันใช่เหรอ ผิดประเด็นไปไกลแล้ว กลับมากลับมา

   “มึงเรียนเมื่อไรล่ะ” ยอมง่ายอย่างกับโดนผู้ชายข่มขืนแล้วตื่นมาบีบน้ำตาสามหยดจบแบบแฮปปี้เอ็นดิ้ง

   “เริ่มเรียนจันทร์หน้า”

   “งั้นเดี๋ยวกูให้ที่หอละกัน”

   “ว่าแต่...” ไอ้หล่อมันมองหน้าผมกลอกตามองบนเหมือนลังเลที่จะถาม

   “อ้ำอึ้งเหี้ยอะไรกูไม่ได้มีเวลาคุยกับมึงทั้งวันหรอกนะ”

   “เอป่ะ”

   “ฮะ?”

   “เกรดน่ะ เอป่ะ” เช้ดดดดดให้แล้วยังมีเสือกถาม หนังสือภาษาอังกฤษพื้นฐานสามที่ตกทอดมาตั้งแต่รุ่นพี่อิ้นย่ารหัสซึ่งได้ทุนรัฐไปเรียนต่อแคนาดา รุ่นต่อมาคือพี่บั๊คที่สมัครได้ทุนกพ. ส่วนรุ่นท.ชลธีถึงแม้จะยังไม่มีเกียรติประวัติใดใดแต่คะแนนภาษาอังกฤษอันนี้ก็ไฉไลนะเว้ย เพราะมันเป็นแค่พื้นฐานครับ ฮ่าฮ่าฮ่า

   “อย่างกูน่ะเอบวกบวกบวกว่ะ...อย่างมึงเอาไปใช้คงได้เอพอดี”

   “เกรดบ้าอะไรของพี่ อย่างกับครีมกันแดด” มันคงหมายถึงพีเอบวกบวกบวก คิดได้เนอะมุก

   “อย่างน้อยก็กันยูวีบี แล้วกำลังจะโกยยูวีเอให้มึงแน่ๆ” ตบมุกกลับชนะเลิศ ผมยิ้มมั่นมากกกกกก มากแบบแค่มึงเอาหนังสือกูไปกอดวันนึงรับรองมึงฟันเอทุกวิชา เพราะสิ่งที่ผมอวดได้ในตอนปีหนึ่งก็มีแค่การเรียนนี่แหละ

   “งั้นผมขอเอาไปกันแดด...เออ...ขอเอาไปเรียนเผื่อจะได้เอบวกบวกบวกเหมือนพี่ละกัน” เชี่ย...รอยยิ้มโลกสดใส รู้สึกถึงสายตาคนรอบข้าง ฟินกันไปดิครับสาวๆ ผมแม่งทำบุญทำกุศลให้กับเพศแม่จริงๆ

   “ข้าวผัดแหนมจ้า” เสียงสาวใหญ่ดังขึ้นมาขัด อาหารผัดใหม่ควันฉุยถูกส่งมาวางตรงหน้าทำให้ผมหลุดจากภวังค์ ถึงคิวหาอะไรร้อนๆยัดเข้าท้องบ้างแล้ว ผมหยิบแบงค์ร้อยยื่นออกไปให้ป้านิด

   “นี่ครับ ข้าวผัดแหนมแล้วก็รวมกับค่าคะน้าหมูกรอบราดข้าวไปเลยนะครับ” มื้อนี้กูเลี้ยงเอง เปล่าหรอกผมเพิ่งมานึกรู้เอาเมื่อคืนวานว่าตังค์ทอนค่าต้มยำไอ้แทนมันเสือกยัดใส่ถุงก๊อปแก๊ปกลับมาให้ผม ไม่รู้มันจะแบ๊วบรมไปถึงไหน ตังค์ทอนก็ไม่ใช่ของกู อย่างนั้นก็หมายถึงผมยังติดหนี้มันอยู่ดิครับ!!

   “ไม่ต้องก็ได้พี่ แค่นี้เอง”

   “ได้ที่ไหนกูติดหนี้ใครก็ต้องใช้คืน ไม่งั้นกูนอนไม่หลับ”

   “หึ....เว่อร์ซะ...ให้ผมร้องเพลงกล่อมให้เอามั้ย”

   “ไม่ต้อง กูไม่ใช่เด็ก” แต่ชักอยากรู้แฮะว่ามึงจะร้องเพลงเพราะเหมือนหน้าตามั้ย

   “ถ้าไม่ได้ติดหนี้ผม ผมคงคิดว่าแหนม รณเดช มาเองนะเนี่ย” มันชี้มาที่ข้าวผัดแหนมของผม จนผมต้องเอียงคอถามด้วยความสงสัย

   “เกี่ยวอะไรด้วยวะ ข้าวผัดแหนมกูกับพี่แหนม รณเดช”

   “ก็คิดว่าพี่...จีบ...ผมน่ะสิ” ไม่พูดชื่อเพลงเปล่าๆ แต่ดันเสือกร้องใส่หน้าผมอีก


   ...อยากขอเป็นคนของเธอ ที่เธอหันมาเมื่อไรก็เจอ
   เป็นส่วนหนึ่งในทุกนาที ต่อจากนี้ จะอยู่ตรงนี้
   ดวงใจดวงนี้จะใช้รักเธอคนนี้ คนเดียว...



   ไอ้ที่ผมอธิษฐานบนบานศาลกล่าวไปเมื่อครู่ท่านเทพยดาฟ้าดินได้ยินหรือครับถึงเห็นผลโคตรทันตา เสียงไอ้แทนแม่งเดอะวอยซ์มาเอง พอผมไม่ห้ามยิ่งเหลิงร้องใหญ่ นี่มึงกะจีบ...เอ้ยกะร้องให้กูฟังจนจบเพลงเลยใช่มั้ย ดีที่ป้านิดตะเบ็งเสียงขึ้นมาขัดเสียก่อน

   “พ่อหนุ่ม...คะน้าหมูกรอบใส่น้ำตาลมั้ยจ๊ะ” ไอ้แทนเอ๋อแดกปิดสปีกเกอร์ในคอมันแทบไม่ทัน มันทำตาโตมองผมก่อนหันไปมองป้านิด

   “ปกติต้องสั่งขนาดนั้นเลยเหรอครับ” นั่นดิ ผมมาทีไรก็สั่งแต่ชื่ออาหารไม่เคยเห็นป้าจะถามซักครั้งว่าเอาซอสหอยนางรมกี่ช้อนโต๊ะ น้ำปลากี่หยด ทำไมคราวนี้มาถามไอ้แทนที่เป็นลูกค้าโคตรหน้าใหม่ล่ะ น้อยใจนะเฟร้ย

   “ก็เห็นว่าหวานนนนนซ้าขนาดนี้ เลยคิดว่าไม่ต้องการน้ำตาลป้าแล้วมั้ง” เช้ดดดดดดด โรคนี้กำลังลุกลามมาถึงร้านป้าคนึงนิดแล้วครับ โรคชอบแซวของไอ้เดย์ ผมแม่งแทบอยากจะมุดท่อน้ำหนีแล้วผมจะอายทำเพื่อในเมื่อไอ้แทนมันก็แค่ร้องเพลง!!

   “ป้าผัดตามปกติเถอะครับ อ้าวพี่ไทม์จะไปไหนอ่ะ”

   “ไปแดกข้าวดิวะ!!” ถามมาได้

   กูงอนป้านิด กูจะเป็นเบาหวานตาย แล้วกูก็ไม่ได้อยากโดนมึง(ร้องเพลง)จีบแล้ววววว



   ผมถือจานข้าวผัดแหนมพร้อมกับแก้วโอเลี้ยงก้าวออกมาจากร้านอาหารตามสั่งป้าคนึงนิดได้ซักพักก็ต้องสะดุดเท้าให้กับร่างยักษ์ที่ยืนหันหลังให้ผมตรงหน้าร้านน้ำ รู้สึกสะกิดใจแปลกๆเหมือนลางร้ายกำลังจะมาเยือน ผมเลยกะกลั้นหายใจแล้วรีบเดินผ่านไปอย่างไวว่อง แต่ทว่า...

   “ไทม์” เชี่ยกูทำเป็นหูดับ หูน้ำหนวก ขี้หูตันได้มั้ยวะ คิดอย่างนั้นแต่ตอนนี้ถึงจะพยายามไปก็หลบไม่พ้นกับไอ้มือยาวๆ ของเชี่ยพี่โชที่ยืดมายึดไหล่ผมไว้แบบถึงเนื้อถึงตัว

   “พะ...พี่โช” ทำไมพี่ไม่เป็นผีจีนครับจะได้มองไม่เห็นผม แค่สบตาแล้วเรียกชื่อเท่านั้นแหละตาเป็นประกายขึ้นมาทันทีเหมือนมีใครไปเติมปุ๋ยให้ต้นไม้

   “เพิ่งกินข้าวเหรอ พอดีเลย อ่ะพี่ให้” พี่โชยื่นแก้วน้ำหวานให้ผม เหมือนจงใจมาดักรอแต่แรก “โกโก้หวานน้อยที่เราชอบ” ใครบอกพี่ครับว่าผมชอบ ผมดื่มตั้งแต่น้ำปะปายันออร่าและเอเวียงไม่เลือกมันทุกน้ำมาตั้งแต่ปีหนึ่งแล้ว ชอบเป็นพักๆเบื่อก็เปลี่ยนเป็นวัฎจักรไป สงสัยช่วงที่พี่โชตามมาไล่คงเป็นช่วงที่คนไทยฟีเวอร์ฮิตผงโกโก้ตราทิวลิปล่ะมั้งครับ มันถึงตีตราว่าผมชอบน้ำหวานชนิดนี้ได้น่ะ

   “ขอบคุณนะครับ แต่ผมมีน้ำแล้ว” ผมยกแก้วโอเลี้ยงในมือให้พี่โชดู

   “แต่พี่ว่าเราน่าจะชอบอันนี้มากกว่านะ สลับกับพี่ละกัน” พี่โชเอื้อมมือจะมาฉวยแก้วโอ้เลี้ยงไอ้แทนไปจากหน้า เชี่ยมึงจะเก็บน้ำลายกูไปเป็นคอลเลคชั่นด้วยเหรอวะ กูขนลุกสัด ชักมือกลับในทันที

   “ผมบอกแล้วไงว่า...”

   “ไอ้ไทม์มันไดเอทอยู่ช่วงนี้ ผมว่ามันไม่ดื่มโกโก้พี่หรอก แต่มันกำลังอยากสูงมันน่าจะดื่มนมผมมากกว่า” สาดดดดดมึงหาว่ากูเตี้ยเหรอทั้งที่กูสูงน้อยกว่ามึงแค่สามเซ็นต์เองนะ การปรากฏตัวของคู่จิ้นผมที่เดินเข้ามาพร้อมแก้วนมสดทำเอาพี่โชถึงกับสะดุ้งเล็กน้อยแต่ไม่มีทีท่าว่าจะหนีแต่อย่างใด พอไอ้เดย์มันเดินเข้ามาใกล้ก็ลอบกระซิบแอบสะกิดบอกว่ามันเห็นเชี่ยพี่โชตามมาวนเวียนอยู่แถวนี้ ดูท่าทีไม่น่าไว้วางใจเลยต้องตามมาคุมเกม “อ่ะ แดกซะนมกูพร่องมันเนย มึงกินแล้วไม่อ้วนหรอก” อย่างมึงอ่ะคงขาดมันเนยเลยล่ะ แบนซะ จะโปรโมทแต่ละทีมึงอย่าใส่คำขยายผิดได้มั้ยกูรับน้ำใจมึงไม่ลง “อ้าว แล้วนั่นน้ำใคร...” มันเพิ่งสังเกตเห็นว่าผมถือน้ำอยู่

   “น้ำ...” บอกไอ้เดย์คงโดนซัก บอกพี่โชเท่ากับเข้าใจผิดคิดว่าคบกับไอ้แทน ทางไหนกูก็ไม่อยากเลือกว่ะ ผมลังเลอยู่พักใหญ่จนไอ้เดย์คงเริ่มรำคาญ

   “ดื่มนมกูดิ/ดื่มโกโก้พี่สิ” ประสานเสียงกันมายิ่งกว่าอะแคปเปลลาเซเว่น แถมยังยื่นแก้วในมือมาให้ทั้งคู่อีก ไม่เคยคิดเลยว่ากูจะมีช่วงฟีเวอร์ฮิตในหมู่ ‘ผู้ชาย’ ได้ขนาดนี้ ผมมองซ้ายทีขวาที ขาวทีดำที นมทีโกโก้ที ไอ้เดย์ทีพี่โชที โอเคกูตัดสินใจแล้ว

   “ไม่เอาเว้ย!! กูจะดื่มโอเลี้ยง!!” พูดจบผมก็เดินหลบทั้งสองคนไปแบบไม่แยแส

   มอคค่ากูไม่สนใจ แต่กูจะเอาโอเลี้ยงงงงงง


   “อ้าวไอ้ไทม์ เจอไอ้เดย์ป่ะ” ไอ้แม็คที่กินข้าวเสร็จแต่ยังปรากฏสารร่างอยู่คงเพราะรู้ว่าไอ้เดย์มีภารกิจพิชิตพี่โชเอ่ยถามขึ้นมา

   “เจอ เดี๋ยวก็ตามมา”

   “อือฮึ แล้วมึงเป็นอะไรทำหน้าหงุดหงิดเชี่ยๆ ไปเจออะไรมาวะ”

   “เจอดิ เจอเยอะด้วย กองทัพน้ำหวานนานาชนิด กูบอกแล้วให้มึงเลือกนมกู นมกูหวานธรรมชาติปราศจากน้ำตาล แถมพร่องมันเนย” ไอ้เดย์ที่เดินตามมาติดๆตอบไอ้แม็คแทนแถมโฆษณานมมันไม่เลิก

   “นมมึงเล็กกูไม่ดื่มให้เสียเวลาหรอก”

   “แล้วทำอย่างกับนมไอ้แทนมันใหญ่”

   “ไอ้แทนมันโอเลี้ยงเว้ย” ผมหันไปมองหน้าเพื่อนแล้วด่ามันโดยตรง

   “เหยดดดดด” เชี่ยไก่กู!! ปล่อยไปตัวเบ้อเริ่มไล่ตามเก็บไม่ทันด้วย “ยอมรับแล้วเหรอว่าโอเลี้ยงไอ้แทน มึงนี่แอ๊บใสใสแต่ไวไฟใช่เล่น มีหนุ่มมาตามจีบอย่างนี้มึงจะเลือกใครวะ ไอ้แทนมันก็เหมาะดีเนอะ โอเลี้ยงเข้มๆขรึมๆ ดื่มแล้วไม่ง่วง สดชื้นสดชื่น”

   “สัดเดย์มึงเลิกล้อกูทีเถอะ” มึงจะไปเป็นไฟท้าย เบาะหลัง กระจังหน้ารถอะไรก็ได้แต่มึงเลิกล้อกูซะที

   “ก็เดี๋ยวนี้มึงมีลับลมคมในกับเพื่อน เมื่อกี้กูเห็นไอ้แทนมันยืนคุมเชิงมึงอยู่ข้างหลังตอนคุยกับน้องมิน อย่าคิดว่ากูไม่รู้ ที่สำคัญกูเห็นไอ้เสาร์มันนั่งเหงาคนเดียวเหมือนรอเพื่อนมันอยู่ตรงนั้นด้วย” มันพยักเพยิดไปทางไอ้หล่อที่เดินถือจานข้าวคะน้าหมูกรอบไปนั่งตรงโต๊ะเพื่อนมันซึ่งอยู่ห่างออกหลายร้อยเมตร ไกลสาดดดด

   “พวกมึงแม่งพูดเรื่องเชี่ยอะไรกันวะ กูเข้าไม่ถึงว่ะ” ไอ้แม็คที่นั่งเงียบอยู่นานท้วงขึ้นมา

   “เรื่องไร้สาระพวกนี้มึงไม่ต้องเข้าถึงหรอก” ผมกีดกันเพื่อนอีกตัวไปทางอื่นเพราะกลัวแม่งจะมาสร้างความสัมพันธ์ออกอัลบั้มคู่ดูโอ้ร่วมกันทำร้ายผม “ว่าแต่มึงเหอะขยันแต่แซวกู ไอ้เสาร์มาคณะทีตานี่ไวเชียว เมื่อวานโดนมันแทงไปกี่แผลล่ะสัดเดย์" อย่านึกนะว่ากูไม่รู้ กูดูอยู่ที่นั่งพรีเมี่ยม ถึงแม้กูจะไม่เห็นไปถึงฉากจู้ฮุกกรูของมึงก็เถอะ แต่โดนกระทำฝ่ายเดียวมันไม่ใช่วิถีผม ต้องโต้กลับซะบ้าง ทันทีที่ไอ้เดย์มันตีความได้แทนที่มันจะตกใจเหมือนโดนจับได้ว่าขโมยกางเกงในผู้หญิงมันเสือกตอบกลับมาแบบนิ่งๆว่า

   “กูชนะไอ้โย่งนั่น”

   "..." อย่ามาตลก!!กูไม่เชื่อ!!เมื่อวานนี้กูก็เห็นไอ้เสาร์มัน...ไอ้เสาร์มัน อยู่ล่าง เชี่ย!!!

   “แม่งทำเอากูเหนื่อยเลย ไม่รู้ไปเอาแรงมาจากไหน ดีนะที่กูยื้อเก่งเลยถอดของมันได้ก่อน สู้กับใครไม่สู้มาสู้กับกู จะชนะกูได้ชาติหน้าตอนบ่ายๆเหอะ”

   เคร้ง!! เสมือนช้อนส้อมร่วงหล่นกระแทกจานทันใด อังกอร์!! เปรี้ยงปร้างสว่างไสวขนลุกจนปวดขี้ อังกอร์!! ข้าวผัดแหนมเต็มจานกูสำรอกทันที อังกอร์!! ไอ้สัดเดย์เสียบเสาร์เด้ากันจนตาย

   “มึงกดไอ้...” ตอนแรกไอ้เดย์งงกับปฏิกิริยาผม แต่มันฉลาดพอที่จะเข้าใจเพราะขนาดยังไม่ทันอธิบายขยายความมาจะกล่าวบทไปมันก็ง้างมือมาตีเข้าให้ดังเพียะ

   “อย่าแม้แต่จะคิด กูไม่มีทางไปนึกครึ้มจับกดผู้ชายอยู่แล้ว ยิ่งตัวสูงอย่างกับเปรตแบบไอ้เสาร์ไม่หน้าตาหน้ารักแบบมึงกูยิ่งคิดไม่ลง เมื่อวานกูก็แค่...แกล้งไอ้เสาร์มันนิดหน่อยเท่านั้นเอง” ไอ้เดย์ยักไหล่แบบโชว์เหนือราวกับว่ามันสู้ขีปนาวุธยุคกลางได้แค่ฝ่ามือเดียว

   “แทนนี่ใคร แล้วเสาร์นี่ใครวะ ใช่คนเดียวกับที่มาโรงอาหารคราวที่แล้วป่ะ” แม็คมันถาม

   “ก็วันเดียวกับที่มึงปวดขี้แล้วหนีไปนั่นแหละ” ไอ้เดย์เป็นคนเฉลย

   ...อีกแล้ว...

   ผมรู้สึกเหมือนมีลางสังหรณ์อะไรบางอย่างฝุดขึ้นมา บางอย่างที่ผมยังบอกไม่ได้ว่าคืออะไร แต่มันเป็นอะไรที่เกี่ยวกับตัวไอ้แม็ค ท่าทางมันดู...แปลกๆ...

   “มึงเป็นอะไรรึเปล่าวะไอ้แม็ค นั่นแน่ อย่าบอกนะว่ามึงหึงไอ้ไทม์”

   “เชี่ยเดย์คิดอะไรบ้าๆวะ”

   “อ้าวใครมันจะไปรู้ ไทม์มันยิ่งมีเสน่ห์อยู่”

   “ของกูแค่น้องฟ้าคนเดียวก็พอแล้ว” เสียงมันเศร้าลงไปหนึ่งเสต็ปทันทีที่พูดถึงน้องฟ้าเนื้อคู่ตูนาหงันของมัน

   “แล้วมึงเป็นอะไรไอ้ไทม์ จ้องหน้าไอ้แม็คซะ” ไอ้เดย์มันดึงสติผมกลับมา “อย่าบอกนะว่ามึงกำลังกลัวจะโดนมันจีบ ไม่เอาน่าเดี๋ยวนี้คิดเยอะนะเรา กูแหย่เล่นนิดเดียวเอง” เออจริง อย่าคิดมาก ช่วงนี้มีเรื่องใหม่ๆเกิดขึ้นมากมายจนผมอาจจะแค่ปรับตัวไม่ทัน ไอ้แม็คที่ใช้ชีวิตจืดชืดอยู่กับพวกผมมานานพอมีอะไรมาให้ตื่นเต้นบ้างมันก็คงจะสนใจเป็นพิเศษ แล้วยิ่งช่วงนี้ที่มันดูจะห่างๆจากน้องฟ้ามาด้วย...ยิ่งแล้วใหญ่


TBC

เกิดทันอังกอร์มั้ย...มุกดักแก่ แสดงอายุคนเขียน

คุณ FeaRes โอเอซิสน้อยๆของคนเขียนขอบคุณจริงๆฮ้าบบบ :hao5:
เดี๋ยวจับแทนไปมัดฟาดด้วยแซ่แล้วเอาน้ำตาเทียนลนให้5555
 :z10: :z10: :z10:

พี่(ชอบ)โช มาอีกแล้วค่า
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 27-08-2017 19:53:55 โดย sakutaka »

ออฟไลน์ sakutaka

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 128
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-1
{Will you be my family?(น้องครับพี่ขอนับญาติได้มั้ย?)}

บทที่7 กิ๊กแฟนเพื่อน


   เอ้า!!!ชนนนนนนนน!!!


   เอี๊ยดดดดดดดดด!!


   “เชี่ยยยยยยยยย!!” ยังไม่ทันถึงร้านพี่ดวกแม่งก็เสือกจะให้กูชนแล้ว ชนแมวข้างทางที่มันวิ่งตัดหน้ารถดิครับ ผมที่เป็นคนขับเล่นเหยียบเบรคจนหน้าทิ่ม

   “สัด!!”

   “ก็สัตว์ดิวะ มึงเห็นแมวเป็นอะไรก้อนฟอสซิลหรือไง”

   “เปล่า!!กูด่ามึง”

   “อ้าว” ไหงมาด่ากูอ่ะ ก็มึงบอกปวดกล้ามเนื้อเมื่อวานออกแรงหนักขี้เกียจขับรถ กูก็สู้อุตส่าห์เสนอตัวขับให้แล้วมึงเสือกรวมกูไปอยู่พวกเดียวกับไอ้เหมียวที่กูเกือบทับมันไส้แตกอ่ะนะ สัดเดย์ไอ้คนไม่รู้บุญคุณคน

   “เอามาด้วยรึเปล่าครับเนี่ยคุณไทม์” รถยังจอดนิ่งอยู่เพราะผมดูแล้วว่าไม่มีใครตามมา อีกอย่างเล่นเกือบคร่าชีวิตแมวไปตัวทำผมกลัวจนใจสั่นต้องนั่งควบคุมสติอารมณ์ซักพักนึง การทิ้งให้รถแช่อยู่อย่างนั้นทำให้ผมหันไปมองหน้าคนตั้งคำถามได้เต็มที่แบบไม่ต้องกังวลอะไร

   “อะไร?เงินสดเหรอ?”

   “สติมึงดิ” เออกูลืมไว้ที่ไอ้แทน แค่นึกถึงหน้าร้านพี่ดวกความทรงจำหมาดๆก็ฝุดขึ้นมาในหัว ผมมันคนมีคดีติดตัวเพราะเคยก่อเรื่องไว้ที่ร้านไอ้คุณพี่อินดี้ขี้ไม่ให้หมาแหลก พอคิดว่าต้องเยี่ยมหน้าไปหามันก็เลยจะหลอนหน่อยๆ ถ้าตอนนั้นไอ้แทนไม่อยู่ผมก็ไม่รู้จะมีชีวิตรอดกลับออกมามั้ย พอคิดๆไปไอ้แทนมันเคยด่าผมว่าพ่อแม่ไม่สั่งสอนให้เมาอย่าขับ มาถึงตอนนี้สะท้อนใจเลยกู แถมไอ้แมวที่วิ่งตัดหน้าดันเสือกเป็นแมวดำอีกจะเหลือมั้ยวะวันนี้ เดี๋ยวชนคนตายชีวิตบั้นปลายไปลงที่คุกจะเอายังไง

   “กูว่าขับไปจอดรถที่หอแล้วเดินไปดีกว่ามั้ยมึง”

   “มึงจะขับไปแล้วเดินกลับมาให้เมื่อยทำไมวะ” ไอ้แม็คมันท้วง ร้านพี่ดวกมันทางผ่านระหว่างหอ

   “ไอ้ไทม์กูปวดขาาาา” ไอ้เดย์มันโวยวาย เชี่ยมึงป่วยขนาดนี้แล้วทำไมไม่กลับไปนอนหอวะเสือกมาแดกเหล้าเพื่อ

   “งั้นกูขับไปจอดหน้าร้านปล่อยพวกมึงลงไปก่อน”

   “ทำถูกแล้ว ที่เธอเลือกเขา แล้วทิ้งฉันไว้ตรงกลางทาง” กูทิ้งพวกมึงไว้ตรงนี้เลยดีมั้ย เดินนิดเดินหน่อยทำเป็นบ่น มิน่าล่ะพักนี่กูชักจะเห็นว่ามึงเริ่มอวบๆเหมือนคนบวมเบียร์ ส่วนกูก็...ไปแดกกับมึงทุกครั้ง กูเพลีย


   กว่าจะเดินมาถึงร้านได้ก็เล่นเอาเหนียวตัวไปหมด อากาศอบๆด้านนอกพร้อมสีท้องฟ้าที่ไม่น่าไว้วางใจทำให้ต้องเร่งฝีเท้าเดินให้ไวกว่าเก่า ป่านนี้เพื่อนสองตัวของผมมันคงสำราญแอลกอฮอล์ลิซึ่มไปล่วงหน้าแล้วมั้ง เอาเถอะวันนี้ผมต่อให้พวกมันก่อน ราตรีนี้ยังอีกยาวไกล

   “เอาเว้ยนานๆกว่าจะครบคนที มาชนแก้วกันก่อน” ไอ้เดย์มันยกแก้วขึ้นมาสร้างบรรยากาศก่อนพากันเมาหัวทิ่ม พอคร้งเคร้งกันได้รอบวงเสร็จ มันก็อ้อมแขนมาโอบไหล่ดึงตัวผมเข้าไปพร้อมส่งยิ้มหวานให้หนึ่งก๊อก

   “เชี่ยทำอะไรมึง กูขนลุก”  ผีบ้าเข้าสิงหรือไงวะ ไม่ฟังยังพอว่าเสือกดัดเสียงดึงแทร็กที่สี่สิบห้ามาเปล่งใส่ไอ้แม็คที่นั่งเขี่ยน้ำแข็งในแก้วเบียร์เล่นอีก

   “เชี่ยแม็คกูมีเรื่องจะสารภาพ” เพื่อนผมอีกตัวมันเหลือบตาขึ้นมา ใบหน้าแม่งโคตรตายด้าน ใครขโมยต่อมรับอารมณ์ไอ้แม็คไปวะ กูตั้งรางวัลนำจับสิบบาท เพราะกูรู้ว่าใคร ตั้งไว้สูงๆเดี๋ยวหมดตัว

   “กูกับไอ้ไทม์ได้กันแล้วว่ะ”

   “เชี่ยเดย์ เพ้อเจ้ออะไรวะ” ผมดันหน้ามันจนหัน ร้างลาไปกว่าสามเดือนที่ไม่ได้โดนมันเต๊าะเพราะพี่โชมันห่างออกไป พอมากะทันหันขนาดนี้บอกตามตรงอุจจาระหดกลับเข้าลำไส้ใหญ่เลยครับ

   “มึงก็รู้ว่าไอ้ไทม์มันเป็นพวกปากหมากับคนที่ชอบ”

   “สัด”

   “กำลังถึงฤดูเลยมึง รู้ได้ไง”

   “เวร”

   “ไหนมาหอมหน่อยดิ๊” ฟอดดดดด ไอ้เชี่ยเดดดดดดดดด ไอ้ควายยยย แค่ไม่ได้กับเด็กอักษรก็ไม่ต้องเก็บกดจนมาเปลี่ยวกับกูได้เปล่าวะ หน้ากูขึ้นเลขเด็ดยัง ถูฆ่าเชื้อโรคจนจะแหกไปข้างอยู่แล้ว

   “ทำห่าไร ของพวกมึงวะ” ในที่สุดไอ้แม็คก็ยอมเปิดปากพูด น่าจะเพราะทนดูภาพอุจาดสุดทานทนไม่ไหว

   “ถ้ามึงท้วงช้าอีกนิดกูจับไอ้ไทม์ปล้ำโชว์ต่อหน้ามึงแล้วนะเนี่ย”

   “เหตุผล”

   “เผื่อมึงหึงไอ้ไทม์”

   “ตรรกะ”

   “เพราะมึงสนใจเรื่องไอ้แทน”

   “แต่ความจริงกูชอบมึงว่ะ ไอ้เดย์” เสียงทุ้มต่ำแหบพร่าทำเอาผมสะท้านไปถึงลำไส้ ไอ้เดย์ก็เช่นกันมันถึงกับอึ้งแดกมองหน้าไอ้ว่าที่คนโสดซึ่งดูเหมือนจะอกเดาะมาหมาดๆ แบบตาโตเท่าไข่ห่านเป็ด “บอกแม่มึงด้วยว่าอย่าเอาสมองมึงไปซักรวมกับไฟน์ไลน์”

   “เปล่า แม่กูฉีดโบท็อกซ์ตอนท้องกูว่ะ” จบแค่นั้นเสียงหัวเราะระงมของไอ้เพื่อนสองตัวของผมก็ดังไปทั่วบริเวณ ทำให้ผมรู้ว่ามันกลับมาแล้วไอ้แท็กทีมคู่ตลก เมื่อกี้มันเป็นแค่การแสดง!!

   “โอเค พอแล้ว หัวเราะได้แต่มึงห้ามลากกูหลุดประเด็น ไอ้แม็คสรุปมึงเป็นเชี่ยไร เล่ามา” ไอ้เดย์เข้าโหมดสาระมาเน้นๆ สาระแน...

   “มีแต่เบียร์ว่ะ เหล้าไม่ได้สั่งดื่มแก้ขัดไปก่อนละกัน” ว่าจบไอ้พ่อบ้านใจกล้าก็คว้าขวดเย็นฉ่ำพึ่งเสิร์ฟที่วางอยู่ข้างๆมารินใส่แก้วตัวเองแล้วกรอกเข้าคออย่างกับกลัวแอลกอฮอล์มันระเหย หมดไปหนึ่งจัดสองต่อเนื่องไม่มีสะดุดด้วยมาตรฐานโครงข่ายพนักงานเสิร์ฟร้านพี่ดวก ยกมือปุ๊บเดินมาส่งปั๊บไม่เคยขาดระยะเหมือนรถเมล์ ส่วนไอ้เดย์เอาแต่หัวเราะร่ารับมุกเพื่อนกระดกน้ำข้าวบาร์เล่ย์สปีดตามกะเอาให้ทันอีกฝ่าย

   “มึงจะให้กูแก้แล้วขัดตรงนี้เลยเหรอวะถามจริง” มาแล้ว ไอ้เดย์โหมดเมาแล้วหลับแต่ถ้าขยับจะหื่นสัดรัสเซีย

   “โสดอย่างมึงก็ต้องพึ่งสองมือไปก่อนเว้ย” ไม่พูดเปล่าทำท่าเชคเขย่ากู้โลกประกอบ เสื่อมสัดได้ใจ ก่อนหันมาตบบ่าเพื่อนราวกับเห็นใจในสภาพที่เริ่มกรึ่มๆด้วยกันทั้งคู่
   “งั้นมึงก็เตรียมความพร้อมของข้อมือมึงให้ดีเลยนะ ไอ้ว่าที่คนโสด”

   “ใครบอกมึงว่ากูโสด”

   “ก็มึงเลิกกับน้องฟ้าแล้วไม่ใช่เหรอ ไอ้เพื่อนแม็ค” จบประโยคไอ้แม็คแม่งมองตาขวางเลยครับ คราวนี้ท่าจะไม่ขำ เชี่ยกูเสียววืบเลย ตั้งแต่คบกับมันมาตอนปีหนึ่งผมไม่เคยเห็นไอ้แม็คโกรธ คงเพราะมันไม่ค่อยได้อยู่คลุกคลีตีโมงกับพวกผมมากไปกว่าน้องฟ้า แล้วคิดดูดิคนที่นิ่งที่สุดในกลุ่มอย่างมันเวลาโกรธจะน่ากลัวชาติชั่วขนาดไหน

   “กูไม่รู้ แต่กูรู้ว่ามึงกับน้องจิงเลิกกันแล้ว” เหยดดดเคาน์เตอร์แอทแทค

   “เลิกกันนานแล้ว รอคู่มึงตามมาอ่ะไอ้สัด”

   “กูเลือกจะเป็นผู้นำไม่ตามใครเว้ย ไอ้เห็บหมา”

   “กูเห็นมึงตามตูดเมียมึงทุกวันมีมาบอกว่าไม่ตาม รอให้ไอ้ไทม์มันมีผัวก่อนกูถึงจะเชื่อ”

   “เชี่ย มึงก็อย่ากันท่าดิวะไอ้พี่โชพร้อมเอาไอ้ไทม์ทำเมียตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงอยู่แล้ว ยกตัวอย่างที่มันเป็นไปไม่ได้มากกว่านี้ได้มั้ย” อ้าวไหงมาโยนขี้ให้กูวะ กูนั่งอยู่เฉยๆ

   “งั้นรอให้ไอ้ไทม์มันมีเมียก่อน”

   “อ้าวเชี่ยพวกมึงมาแช่งกูไม่ให้มีแฟนเหรอวะ”

   “เปล่า มึงมีแน่”

   “แต่ผัวไม่ใช่เมีย” เชี่ยแพ็คคู่ เห็นมันทะเลาะกันแต่ที่แท้หาจังหวะเล่นงานกูสาดดดดด

   “สัดเดย์วันนี้มึงล้ม กูไม่กู้ศพมึงกลับ แต่กูจะข้ามซ้ำด้วย” สุภาษิตว่าคนล้มอย่าข้าม แต่ควายล้มกูจะเหยียบให้จมดิน

   “ตามใจมึงเลย” อ้าวมาแปลกวันนี้มันไม่ง้อ หันไปนั่งกดมือถือแชทคุยกับสาวต่อไม่สนใจ แถมทำท่าพร้อมเทผมเต็มที่

   “กูต้องทำไงวะ” เสียงพ่อบ้านแห่งชาติทำให้ผมต้องหันไปให้ความสนใจมันอีกรอบ เฮ้ยใครตั้งน้ำร้อน เสียงสับหมูดังมาแต่ไกล ให้กูฟังอินโทรอยู่นานจู่ๆไอ้แม็คก็ทำหน้าจริงจังหวังจะขึ้นท่อนฮุคเลย

   “มึงก็แค่เล่ามาว่าเกิดอะไรขึ้น อย่างน้อยให้คำปรึกษาไม่ได้ก็ถือว่าระบายละกัน” จะคอตโต้ โคลเลอร์ หรือคอห่าน กูจะเป็นทุกอย่างให้มึง

   “กู...”

   “จัดมา”

   “กู...”

   “กลั่นมาจากใจมึงเลย”

   “กู...”

   “ไม่ต้องแอ๊บหรือแต๊บอะไรทั้งนั้น”

   “ฮึ่ย...ไม่เล่าแล้วโว้ย”

   “อ้าวไอ้เชี่ยให้กูลุ้นเพื่อ” ปวดเบาเลยมึง

   “ให้เล่าเท่ากับแช่งเปล่าวะ ตอนนี้ใจกูเปราะบางอ่อนแอ ถ้าต่อมน้ำตากูแตกจะทำไง”

   “วันนี้แรมสองค่ำเดือนสิบเอ็ดเลยพรรษามาแล้วมึงเล่าได้ แต่ถ้ามึงไม่เล่ากูเนี่ยแหละจะแช่งมึงเอง” เงียบไปนานเปิดปากมาก็แผลงฤทธิ์เลยนะไอ้เดย์ ส่วนไอ้แม็คก็ลังเลจนถึงวินาทีสุดท้ายแล้วก็ยอมเอ่ยปากพูดออกมาจนได้

   “กูแค่กำลังสงสัย”

   “เรื่องอะไร กูไม่เอาปัญหาเชาวน์นะ”

   “ว่าฟ้ากำลังแอบคบใครลับหลังกู” เหยดดดดดดดด

   “เป็นไปได้ไงวะ ช่วงนี้ก็เห็นพวกมึงออกจะรักกันดี” ไม่ใช่แค่ช่วงนี้หรอก ไม่ว่าช่วงนี้หรือช่วงไหนๆ ไอ้แม็คมันก็ดูรักกับน้องฟ้าดี ดูรักกันมาตั้งแต่ปีหนึ่งที่พวกผมเพิ่งรู้จักมัน รักกันแบบคงความเลี่ยนได้เสมอต้นเสมอปลายจนน่าหมั่นไส้

   “ก็...รักกันดี แต่พักนี้เหมือนจะปฏิเสธนัดกูบ่อย บ่อยเกินจนกูเริ่มสงสัย”

   “เฮ้ย เด็กเตรียมสอบนะเว้ย มันก็ต้องมีบ้างที่จะต้องเอาเวลาไปอ่านหนังสือสอบ จะให้มาขลุกอยู่กับมึงทั้งวันเนี่ยนะ ต่อให้มึงรักเขาขนาดไหนก็ต้องมีเหตุผลเปล่าวะ” จำได้ตอนม.หกผมกับไอ้เดย์เอ้อระเหยลอยชายไปเรื่อย ขี้เกียจอ่านหนังสือเลยทำตัวไร้สาระไปวันๆกว่าจะมานั่งเครียดเรื่องสอบได้ก็ปาไปโค้งสุดท้ายสามเดือนให้หลัง แล้วอย่างน้องฟ้าเด็กท็อปขนานนั้นมีหรือจะไม่เอาเวลาไปมุ่งมั่นกับการเรียน

   “ถ้าบอกกูว่าอ่านหนังสือเตรียมสอบกูก็เข้าใจ กูยอมไปนั่งว่างๆในห้องเขาเฉยๆก็ได้ กูจะไม่กวนเขาเลย แต่นี่กลับบอกว่าญาติมาหาบ้างล่ะ ต้องกลับไปบ้านบ้างล่ะ ถี่ซะจนกูสงสัยเลยว่าทำไมถึงพึ่งมาหาเอาป่านนี้ แล้วทำไมพึ่งมากลับบ้านเอาช่วงนี้ด้วย ทั้งที่ตั้งแต่คบกันมาฟ้าเขาไม่เคยพูดถึงเรื่องครอบครัวซักครั้งเลยนะเว้ย ไม่เคยเลยจริงๆ แม้แต่กลับบ้านเสาร์อาทิตย์ก็ไม่เคย” ชิบหายแล้วนี่มันเหมือนกรณีศึกษาของไอ้เดย์กับน้องจิงเลยนี่หว่า ผมเหลือบไปมองหน้าเพื่อนซี้ที่ผ่านประสบการณ์อกหักมาได้อย่างชอกช้ำ ไอ้เดย์มันยังคงนิ่งเม้มปากแล้วกลืนน้ำลายลงคอเหมือนนึกถึงตัวเองอยู่

   “เชี่ยไทม์ อย่ามองกูเดี๋ยวปั๊ดก็จับทำเมียซะ” โหยกลัวตายห่า สู้กับไอ้เดย์ตอนเมาก็เหมือนสู้กับเห็บเหาไรอ่อน ปวกเปียกอย่างกับหลนเต้าเจี้ยวปูเค็ม เพื่อนผมมันยกน้ำเมาซดย้อมใจก่อนพูดอย่างลื่นไหลอีกครั้ง “กูว่าเรื่องอย่างนี้มันต้องพิสูจน์ เก็บมาคิดฟุ้งซ่านก็มีแต่รำคาญใจเปล่าๆ มึงบอกมามึงสงสัยใคร” จบประโยคปุ๊บไอ้แม็คกระแทกแก้วเบียร์เข้ากับโต๊ะดังปั้กแล้วเชิดหน้ายักคางเป็นเชิงให้หันไปตรงทางเข้า

   “ไอ้หล่อนั่น” เสียงกระดิ่งกรุ๊งกริ๊งห้อยประตูร้านเป็นสัญญาณบ่งบอกถึงคนมาใหม่ เชี่ยพี่ดวกมันคิดยังไงถึงเอากระดิ่งใสผูกโบว์สีชมพูใหญ่พรุ้งพริ้งแบบที่เหมาะจะไปอยู่คาเฟ่มุ้งมิ้งอย่างเฮลโหลคิตตี้มาแขวนหน้าร้านเหล้าพี่ได้วะ เห็นแล้วโคตรขัดลูกตา สารร่างสูงใหญ่ของใครบางคนเดินแทรกฝ่าฝูงชนที่อัดแน่นจนเต็มร้านเข้ามาอย่างผึ่งผาย นี่มันโมเสสแหวกทะเลแดงชัดๆ เปิดตัวทีอย่างกับพระเอกเกาหลี แต่ก็ยังมีบางด่านที่ไอ้คนนั้นมันผ่านมาไม่ได้ ด่านผู้หญิงที่รุมแจกเหล้าและขอเบอร์มัน ถึงแม้จะถูกสาวๆบังแต่เพราะคนมันตัวสูงเลยทำให้ผมได้รู้ว่าใครที่กำลังเดินมุ่งหน้ามาทางนี้

   “นั่นไงคนที่กูสงสัยว่ามันเป็นกิ๊กกับฟ้า ไอ้แทนสุรบถเดือนวิศวะ ปีหนึ่ง ”



   ผมเห็นมันนั่งจ้องหน้ากันมานานหลายนาทีแล้ว

   ไอ้หนุ่มหน้าใสหัวใจต๊ะติ๊งโหน่งกับเพื่อนผมไอ้แม็คแฟนเด็กสาธิต ไอ้แทนอารมณ์นิ่งจนติดไปทางจะสงสัยด้วยซ้ำว่าเพื่อนผมมันจ้องอะไรนักหนา ส่วนไอ้แม็คมันก็หรี่ตามองอย่างกับจะแสกนเข้าไปในสมองของไอ้แทน

   ไอ้แทนเนี่ยนะจะเป็นกิ๊กน้องฟ้า ไอ้แม็คมันเอาอะไรมาพูดวะ หรือตั้งข้อสันนิษฐานมั่วๆ เมาเลยเดาสั่วๆไปงั้น  เหมือนเกมที่เพื่อนผู้หญิงสมัยมัธยมของผมมันเล่นกัน แบบคนที่เข้าห้องเรียนคนถัดไปเป็นเนื้อคู่ ส่วนคนที่เข้าประตูคือคนที่เป็นชู้กับน้องฟ้าอะไรทำนองนั้น ติงต๊องไปเปล่าวะ

   “ไอ้แทนมึงมาทำไมวะ” ผมเอ่ยทำลายความเงียบชวนอึดอัดที่ก่อตัวขึ้นมาระหว่างคนทั้งคู่ ไอ้แทนมันเดินเข้ามาในร้านคนเดียวไม่มีเพื่อนตามมาซักคนแม้แต่ไอ้เสาร์ ต่อให้เปลี่ยวขนาดไหนก็คงไม่มีใครมานั่งกระดกเหล้าลำพังหรอกมั้ง ยกเว้นแม่งอกหักอยากดราม่าแต่ไอ้หล่อมันก็ไม่มีทีท่าจะหน้าบวมตาแดงเหมือนไอ้เดย์ตอนโดนน้องจิงเทซักเท่าไร

   “พี่เดย์ไลน์บอกให้มารับ” ผมหันไปมองไอ้ตัวแสบอีกคนทันที แม่งโดนเหล้าทำหมอบแดกไปเรียบร้อยแล้วครับ ไอ้เดย์ไอ้เพื่อนเวรที่มึงกดมือถือยิกๆทำเหมือนแชทกับหญิงแท้ที่จริงกดเรียกไอ้แทนเหรอวะ แล้วมึงไปสนิทกับมันถึงขั้นมีไลน์กันเมื่อไร รู้มั้ยกูอิจ...เอิ่ม...กูสงสัย

   “กูกลับล่ะ” ไอ้แม็คลุกพรวดพราดจากโต๊ะ

   “อ้าว เชี่ยแม็คกูกลับด้วยดิ”

   “มึงอยู่กับมันไปแหละ กูอยากกลับคนเดียวไม่ต้องพึ่งพาใคร แล้วก็นี่ค่าเหล้า ขาดเกินยังไงไปเคลียร์เอาพรุ่งนี้ กูไปล่ะ” หงุดหงิดสุดกำลังอ่ะมึง ถ้าไม่บอกผู้ชายกูคงคิดว่าประจำเดือนมันมา ผมปล่อยให้ไอ้แม็คมันเดินลับสายตาไปโดยที่กล่าวทักท้วงอะไรไม่ได้อีก

   “กลับยังครับ”

   “อยากกลับก็กลับไปก่อนดิ”

   “พี่ใช้ไรคิด มารับให้กลับก่อนได้ไง” กูใช้เล็บขบคิดมั้ง เกลียดคำพูดมัน

   “นั่นไง ลากมันกลับไปดิ” ผมพยักพเยิดไปยังไอ้คนที่เมาหน้าทิ่มหลับไปเฝ้าพระอินทร์ถึงชั้นดาวดึงส์ มึงมารับไอ้เดย์ไม่ใช่กู เพราะกูไม่ได้ขอ

   “แล้วพี่อ่ะ”

   “กูอยากดื่มต่อ”

   “งั้นผมดื่มด้วย”

   “กวนละมึง มารับเสือกดื่มได้ไง”

   “ก็อยาก”

   “กลับหอไป”

   “พี่เป็นอะไรกับผม”

   “มึงต้องการอะไรจากสังคม” คำถามแบบนี้ถามมาเพื่อ

   “ก็ไม่ต้องการอะไรหรอก เพราะชีวิตนี้ตั้งใจว่าจะเชื่อฟังแค่ พ่อ แม่ กับเมีย เท่านั้น” เช้ดดดดดด ถ้าเกิดเป็นแม่มึงกูคงดิ้น มีลูกดื้ออย่างนี้ขอผูกคอตายใต้ต้นผักชียังดีกว่า

   “งั้นก็ดื่มแป็บซี่ไป”

   “ไม่เอาน้ำอัดลม”

   “โกโก้ล่ะ โกโก้ปั่นดาร์กมันถึงใจ”

   “ไม่เอาน้ำหวาน”

   “สมูตตี้กีวีแพชชั่นฟรุตมั้ย ที่นี่หวานธรรมชาติใสใสไม่ใส่ขัณฑสกร”

   “ผลไม้อะไรเม็ดดำๆเห็นแล้วหยึย”

   “งั้นเอาเป็นชาชักป่ะ ชาชักว่าว ตราพี่ดวก ดื่มแล้วตื่นสดชื่นเหมือนได้ปลดปล่อย” ชื่อแม่งเสื่อมได้อีก พี่ดวกมันขโมยชาตอนไปแบ็คแพ็คที่ศรีลังกาแล้วเอามาตัดแต่งพันธุกรรมจนได้สูตรคาเฟอีนสูงลิบลิ่ว สูดกลิ่นแล้วตื่น ดูดดื่มแล้วค้าง ที่ค้างเนี่ยไม่ใช่ชักจนอารมณ์ค้างนะครับแต่เป็นหนังตาต่างหาก เล่นค้างไปหกวันเจ็ดคืนเข้ากั๊นเข้ากันกับนักเรียนเตรียมสอบฝุดๆ

   “ดื่มวันนี้หลับอีกทีชาติหน้าป่ะ”

   “ถ้างั้นก็ไม่เหลือแล้ว มึงเอาคาราเมลแม็คคิอาโต้ไปเลย”

   “ผมเกลียดชื่อนี้”

   “...” โว้ยยยยยยมึงจะเอาอะไรกับกูนักหนา

   “จะดื่มเหล้า”

   “เรื่องอะไรจะให้ดื่มวะ”

   “กวนตีนละ เงินก็เงินผม” ปีนเกลียวขึ้นทุกวัน สาด

   “ดื่มแล้วเมามึงจะเอาพวกกูกลับยังไงฮะ ถามจริง”

   “ไม่เมาง่ายๆหรอกน่า”

   “กูไม่ให้มึงดื่ม”

   “วันนี้พวกพี่ไม่ได้เอารถมาไม่ใช่เหรอะ”

   “เออใช่ นั่นยิ่งแล้วใหญ่ มึงเอารถมามึงก็ยิ่งไม่ควรดื่ม”

   “จะดื่ม”

   “เอ๊ะไอ้นี่ มึงเพิ่งสอนกูไปว่าเมาไม่ให้ขับ กูก็อุตส่าห์เชื่อฟังไหงมาทำเองวะ”

   “...” มันนิ่งไปเลยครับ ไม่ใช่สำนึกนะ หน้าแบบตกใจอ่ะ

   “กูพูดไรผิด”

   “พี่นี่น่ารักเนอะ”

   “...!!!”

   “สอนอะไรก็เชื่อฟัง โคตรเด็ก”

   “เหี้ยมึงด่ากู!!”

   “ด่าที่ไหน ชม”

   “แม่งด่ากูว่าโง่ชัดๆ” ไม่น่าเชื่อแม่งเลย

   “ชมต่างหาก เมาไม่ขับ คนดี นิสัยดี แถมหน้าตาดีอย่างพี่ไม่มีอีกแล้ว”

   “...” อวยกูไส้แตกอุจจาระร่วงไม่ทันถึงห้องน้ำเลยสาด(กราบขออภัยคนที่รับประทานข้าวอยู่มา ณ ที่นี้) ถูกคนกระทำการอุกอาจชมซึ่งหน้าอย่างนี้ก็ตัวลอยดิครับ แต่ปัญหามันอยู่ที่คนชมเสือกเป็นมันนี่แหละ ความรู้สึกมันเลยดาวน์ไปกว่าครึ่ง ถ้าเป็นแม่สาวคนนั้นที่กำลังมองมาทางนี้ก็ว่าไปอย่าง

   “อ้อ ไม่ใช่สิ ยังมีอีกคน”

   “อะไรของมึง” กำลังมองวิวสวยๆเพลินๆแท้ๆขัดจริง

   “คนดี นิสัยดี แถมหน้าตาดี”

   “ใคร”

   “ผมไง”

   “กูชักไม่มั่นใจมาตรฐานมึงแล้ว” อย่าเอากูไปจัดแร้งกลิ้งโค่โร่อะไรของมึงอีกเลย

   “สรุปคือให้ผมดื่ม”

   “ตั้งแต่พูดมามีตรงไหนที่กูบอกว่ามึงอย่างงั้นวะ มึงกดรีเวิร์สกลับไปดูเลย”

   “ไม่มีหรอก...แต่ผมไม่ได้เอารถมา”

   วอท เดอะ ฟัค!!

   จบบทสนทนานี้กูรู้แล้วว่ากูควรไปสมัครเป็นพนักงานร้านพี่ดวก กูจำเครื่องดื่มแม่งได้ทุกเมนูแล้ว



   ใครว่าดื่มเบียร์แล้วสดชื่นวะ ผมว่ามันไม่จริง ตอนนี้ผมโคตรอึดอัดเลยเฟ้ยยยย

   “เมื่อไรมึงจะกลับ”

   “จนกว่าพี่จะลุก” มึงไม่รู้เหรอว่ากูตั้งเป้าเอาไว้ยังไงวันนี้ก็ไม่กลับกับมึงอ่ะ ช่วยมีสัมผัสที่หกทางด้านนี้ด้วย ผมเหลือบไปมองขวดเบียร์เปล่าที่วางกระจัดกระจายบนโต๊ะแทบยกลัง นี่กูกับมันมาจนถึงจุดนี้ได้ยังไงวะเนี่ย

   “กว่ากูจะลุกมึงก็หมอบก่อนแหละ ไอ้หมาน้อย”

   “มั่นใจอะไรเบอร์นั้น”

   “ก็กูคอแข็ง”

   “ขนาดไหน”

   “กลมนึงเพียวๆคนเดียวแค่เดินเซ”

   “แค่พูดใครจะไปเชื่อ ของอย่างนี้มันต้องพิสูจน์” เอามาเลยมึงจะทาวเวอร์กลมแบนแสงโสมแม่โขงยาดองเอามาให้หมด เพียวๆแล้วกระดกไม่ต้องน้ำแข็งโซดามึงก็มาเลย ผมสบตากับพนักงานเตรียมโบกมือให้มารับออเดอร์ แต่ที่ไหนได้มันเสือกปัดมือผมลงแล้วขยับอีกมือนึงมาลูบที่คอผม

   “...!!!”

   “นุ่มดีออก แต่ถึงจะแข็งยังไงก็ขอให้เป็นที่แค่คอ อย่าลามไปถึงปากกับใจเลยนะครับ” ขนกูลุกซู่!!! กระถดตัวหวงแหนคอตัวเองฉิบหายก็วันนี้ เข้าใจความรู้สึกตัวละครในหนังสยองขวัญที่หัวยังไม่หลุดจากบ่า ถ้าจ้างให้ผมเล่นผมขอเป็นตัวประกอบไอ้ที่มันตายคนแรกเลยนะ ยอมตายแบบโง่ๆเลย โง่แบบไม่ยอมให้ไอ้แทนมันมากระซิบเสียงกระเส่าจนขี้หูสะเทือนรอบสองได้แบบนี้อ่ะ “แต่มีอีกอย่างนะที่ยอมให้แข็งได้”

   “อะไรของมึง!!” หัวเหรอ หัวกูไม่ยอมอ่อนให้มึงอยู่แล้ว

   “ไทม์น้อยของพี่ไง”

   “เอาตีนกูไปกินเหอะมึงงงงง” ผมยกขากะฟาดตีนเข้าหน้ามันจริงๆ แต่แล้วก็ต้องชะงักเพราะศีรษะเหมือนโดนดันไว้จนต้องหันไปมอง

   “ถีบกูด้วยเลยมั้ยไอ้นี่” เหยดดดด ไอ้พี่ดวกครับมันชักจานหลบตัวผมที่เกือบจะชนมันไว้ซะสูง “คราวที่แล้วจะชักดาบ ส่วนคราวนี้จะพังร้านกูเหรอไง เอ้านี่กับแกล้ม”

   “ขะ...ขอโทษครับ” เล่นเอากูเลือกไม่ถูกเลยว่าจะขอโทษหรือขอบคุณพี่ดวกมันดี ว่าแต่เมื่อกี้ผมมีสั่งกับแกล้มไปด้วยเหรอ

   “ของใครอ่ะ ผมไม่ได้สั่ง”

   “ได้กินฟรีก็ดีเท่าไหนแล้ว นู้นของแฟนคลับมึงที่นั่งอยู่โต๊ะโน้น” พี่ดวกบุ้ยใบ้ไปทางโต๊ะที่อยู่มุมมืดไกลๆออกไป ผมพยายามเพ่งมองผ่านแสงสลัวภายในร้านจนสายตาไปปะทะกับดวงตาวาวโรจน์คู่หนึ่ง

   กรรมแล้วกู...

   “พี่เอาคืนไปได้ป่ะ”

   “ไรวะ เขาสั่งมาจ่ายตังค์แล้วให้กูไปคืนได้ไง อย่าเรื่องมากแล้วก็แดกๆไปเถอะน่ะ” พี่มึงทำกับลูกค้าอย่างนี้เหรอวะ มันเอาเซอร์วิสมายด์ไปไว้ไหน กูไม่นับถือมันเลยซักนิด แล้วที่แน่ๆกูไม่อยากแดก เพราะมันเป็นของไอ้เชี่ยพี่โชอ่ะ!!

   “มานี่ ผมกินเอง” มานิ่งๆแต่คว้าจานถั่วไปกินจนเกลี้ยง ไอ้แทนเคี้ยวถั่วด้วยสีหน้าเอร็ด...ไม่ดิ...สีหน้าราวกับเคียดแค้นโคตรเหง้าตระกูลถั่วแบบอยากฟันหัวโก๋แก่แบะ มันมองตรงไปทางที่ผมเคยมองส่งสายตาโต้ตอบกับอีกฝ่ายราวกับกระหายเลือดกันมานาน

   “ขอแบล็คกลม โซดาสอง น้ำแข็งหนึ่ง เสิร์ฟเรื่อยๆเหนื่อยก็พัก วันนี้ไม่เมาไม่กลับนะครับพี่ไทม์”


TBC
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 03-09-2017 22:14:53 โดย sakutaka »

ออฟไลน์ FeaRes

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 738
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-2
เราพลาดตอนที่แล้วไป...
ก็ว่าทำไมหายไปนาน ไม่เห็นนี่เอง ; w ; //กอดนะคะ แอมซอรี่ งือออ

อะโห เล่นอะไรแบบนี้ไม่ดีนะคะ! อย่าล้อเล่น!
เผลอตกใจแม็คเดย์เลยนะ นึกว่ามีซัมติง 55555
แม็คอย่าล้อเล่นงี้ เดะเสาร์หึงเดย์ //ผิด(?)

กิ๊กอะไรยังไงงงง ฟ้ากับแทนคืออะไรคะ?!!
แค่เพื่อน ญาติ หรืออะไร แทนมาเคลียร์ๆ //ดึงคอเสื้อ(?)

ไทม์อิจฉาเดย์ทำไมมม ไม่ต้องอิจ ทักไลน์ไปคุยกับแทนบ้างเลย จบ 5555
ยกระดับความหมั่นไส้แทนในทุกตอน(?) 55555

พี่โชยังคงวอแว 555555
 :m20:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 15-09-2017 21:20:41 โดย FeaRes »

ออฟไลน์ sakutaka

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 128
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-1
{Will you be my family?(น้องครับพี่ขอนับญาติได้มั้ย?)}
บทที่ 8 หนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้


Sad Day
ไอ้แทน มึงอยู่ไหน

Tan Surabot
มีไรรึเปล่าพี่

Sad Day
มึงมาร้านพี่ดวกด่วนเลย

Tan Surabot
เกิดไรขึ้น?

Sad Day
กูเมา

Tan Surabot
ฮะ??
แล้วเกี่ยวอะไรกับผมอ่ะ


Sad Day
มึงต้องมารับกู

Tan Surabot
เพื่อ?

Sad Day
ถ้ามึงไม่มาไอ้ไทม์มันโดนเชี่ยพี่โชจับไปแดกแน่!!


   ผมละจากมือถือโดยไม่รอดูคำตอบจากอีกฝ่าย ยังไงไอ้แทนก็ต้องมาไม่งั้นงานนี้มีวิกฤติ สายตาเหลือบไปมองโต๊ะที่อยู่มุมร้าน มันกับพวกยังนั่งอยู่ตรงนั้น นับตั้งแต่ก้าวเข้าร้านไม่เคยมีครั้งไหนที่มันจะละสายตาไปจากทางนี้ ผมรู้ดีเพราะผมนั่งอยู่ฝั่งที่หันหน้าเข้าหามัน เหตุผลน่ะเหรอจะมีอะไรก็เพราะไอ้ไทม์มันนั่งอยู่ตรงนี้ไง ไอ้เพื่อนตัวขาวจั๊วหน้าหวานจนน้ำตาลเรียกพี่ ขนาดน้องมะหมี่ลีดเศรษฐศาสตร์ยังต้องถอย ส่วนน้องตะนอยดาวคณะยังต้องสยบให้กับมัน บุรุษที่มีนามว่าไทม์หล่อหวานสังหารใจชาย

   ผมไม่รู้ว่าไอ้แทนมันจะรู้จักพี่โชจากข่าวที่พี่มันวิ่งไล่ตามจีบหนุ่มหน้าหวานประจำคณะเศรษฐศาสตร์ซึ่งดังลือกระฉ่อนไปทั่วมหา’ลัยหรือเปล่า แต่ผมพอจะเดาออกว่ามันแคร์ไอ้ไทม์ ไม่งั้นมันไม่แบกหน้ามาหาเพื่อนผมถึงใต้ถุนคณะโดยให้เหตุผลแค่ว่าจะพาไปทานข้าวเพราะเพื่อนผมมันห้าวไม่ยอมแดกข้าวกลางวันหรอกครับ ตอนแรกก็กะจะกันท่ามันหน่อยโทษฐานที่ลืมเรื่องยางลบจนทำให้ไอ้ไทม์ต้องทำหน้าอมตดนั่งกดเครื่องคิดเลขยิกๆแบบไร้สติอยู่ครึ่งค่อนวัน แต่ไหนๆก็ไหนๆแล้วผมก็อยากให้เพื่อนมันสมหวังในความรักบ้าง ไม่อยากให้มันมาเดินตามเส้นทางผม เส้นทางคนอินดี้ที่ไม่มีเด็กอักษรทรงโตที่ไหนเหลียวแล แม่งทำไมจู่ๆกูก็ดราม่าวะ แล้วมือนี่อีกกระดกเอากระดกเอา ถ้ากูเมาแล้วไอ้ไทม์มันจะพึ่งใคร อย่างไอ้แม็คแป๊บๆมันคงเปิดตูดไปหาน้องฟ้าถ้าแค่ชีกริ๊งมาง้อ เพราะฉะนั้นกูจะเมา(มากกว่านี้)ไม่ได้!!

   “กูต้องทำไงวะ” เสียงไอ้แม็คมันแทรกขึ้นมาทำให้รู้ว่ามีคนอยากแดกมาม่ามากกว่ากู

   “มึงก็แค่เล่ามาว่าเกิดอะไรขึ้น อย่างน้อยให้คำปรึกษาไม่ได้ก็ถือว่าระบายละกัน” ไอ้ไทม์เพื่อนสุดประเสริฐ ตั้งแต่คบกับมันมาผมว่ามันเนี่ยแหละเพื่อนตาย ต่อให้ผมทำตัวเหลวแหลกชั่วร้ายยังไงมันก็ไม่เคยทิ้งผม ดูอย่างตอนที่ผมโดนน้องจิงทำนกใส่แบบไม่มีเยื่อใยดิ ไอ้ไทม์เป็นคนเดียวที่คอยเทียวไปเทียวมาระหว่างคฤหาสน์พินิจกิจกานดากับโรงเรียนตอนผมที่ขาดเรียนมันทุกวัน คอยมาป้อนข้าวป้อนน้ำ ถีบผมลงจากเตียงพาไปเปลี่ยนบรรยากาศข้างนอกไม่ให้จมปลักเป็นควายเขาหนักอยู่กับความเศร้า คอยเอาแบบเรียนมาให้ลอก คอยเอาการบ้านมาให้จด เข็นจนผมผ่านม.ปลายมาได้ แค่นั้นก็ทำให้ผมสำนึกแล้วว่าทำไมผมต้องมาทำให้เพื่อนผมลำบากไปด้วยวะ กับแค่ผู้หญิงคนหนึ่งที่ไม่เคยเห็นคุณค่าของเราเลยสักนิด ผมเลยยืนหยัดลุกขึ้นมาใหม่อีกครั้งและทำตัวเองให้ดูดีดูเท่มีคุณค่ามากกว่าแต่ก่อน เป็นเพราะไอ้ไทม์คนเดียว เพราะงั้นผมเลยสาบานกับตัวเองว่าต่อให้ตายผมก็จะเป็นเพื่อนมัน คอยช่วยเหลือมัน ทำทุกอย่างเพื่อมัน ให้มันมีความสุข

   “กูแค่กำลังสงสัย...ว่าฟ้ากำลังแอบคบใครลับหลังกู”

   ไอ้แม็คแม่งก็ลีลาเหลือเกิน กว่าจะพูดออกมาได้กูลุ้นจนปวดเยี่ยวตามไอ้ไทม์ไปด้วย ผู้หญิงมันก็แบบนี้เห็นผู้ชายดีหน่อยก็เข้าหาเทคนตรงหน้าได้ง่ายๆ หรือกูจะคบผู้ชายให้มันรู้แล้วรู้รอดดีวะ กูอยากก๊อปปี้ตัวกูออกมาแล้วก็คบหาให้มันสิ้นเรื่องสิ้นราวไป ผู้ชายดีดีรักเดียวใจเดียวอย่างกูไม่มีที่ไหนในโลกนี้อีกแล้วกูสาบานได้ ถึงแม้จะแอบชายตามองร่องเว้าเนินนูนของสาวๆที่นั่งอยู่ถัดไปอีกสองช่วงโต๊ะก็เถอะ หุ่นเซี๊ยะสัดด จนกูอยากเปิดห้องนอนรอป้อบนเตียงเลย...คร่อกกก


[ไทม์ ชลธี]


   เช้ดดดดดด ผมกำลังจะโดนมอมเหล้า


   “ห้ามทำหก!!” มือใหญ่ตบโต๊ะจนผมสะดุ้งเฮือก มึงนั่นแหละที่จะทำแบล็คกูกระฉอกอ่ะ ตีมาแต่ละครั้งสั่งมาแต่ละทีทำเอาไทม์ชลธีขี้หดตดหาย หก เจ็ด แปด เก้า ท่าพิสดารอะไรกูไม่ทำหรอก จะมีก็แต่มึงเนี่ยแหละฟวยแทน ที่เอาแต่ข่มขู่กูทุกครั้งที่จับแก้วมือสั่น อย่างกับถ้ากูทำไอ้คุณจอห์นนี่หยดจะทำให้ผดมึงขึ้นน่ะ ผมจ้องเดอะ ลาส มิกเซอร์ในมืออย่างใจไม่สู้ดี ตั้งแต่ดวดเหล้ากันมาจนถึงตอนนี้ไอ้คนตรงหน้ายังไม่แสดงท่าทีว่ากวนมึนกันหรือเซเมายังให้ผมเห็นเลย ปล่อยให้ผมนั่งกระดกโชจูดูดต็อกบกกีเป็นนางเอกเกาหลีนอมึนช่างมันแล้วเสือกดันพึ่งมารู้ความจริงว่าเจอกระดูกหมาคนละเบอร์เข้าให้แล้วไง “ตอนแรกร่ำๆขยันให้ผมดื่ม แล้วทำไมตอนนี้กลับมาอิดๆออดๆซะแล้วล่ะ”

   “กูเปล่าอิดออดซะหน่อย”

   “งั้นก็ดื่มสิ”

   “เข้าห้องน้ำก่อนได้มั้ยอ่ะ”

   “จะหนีเหรอ” เชี่ยมันรู้

   “เปล๊า ใครหนี คนอย่างไทม์ชลธี คอเพชรเรียกพี่ไม่มีหนีอยู่แล้วเว้ย”

   “งั้นดื่ม” ฮ่วยยยย

   “แต่กูปวดฉี่”

   “ดื่มให้หมดแก้วนี้ก่อน”

   “ถ้ากูฉี่ราดทำไง”

   “กลั้นไว้”

   “ฉี่นะครับไม่ใช่ตดแบบถ้าลมหมดก็ถือว่าหายกันน่ะ”

   “งั้นไปด้วยกัน” พูดจบมันก็กระชากผมลุกแล้วเดินพุ่งไปทางห้องน้ำด้วยความไวแสง คนเฟ้ยไม่ใช่นักโทษษษษษษษ


   มาถึงห้องน้ำในสภาพที่โดนจับกระชากลากถูอย่างกับเป็นโศรยาในเรื่องจำเลยรัก ไม่เอาโซ่ล่ามกูไว้เลยล่ะจะได้ครบสูตรตบจูบแบบละครพิศาลแล้วสุดท้ายมึงต้องคลานเข่าเข้ามาง้อกูเพราะ...

   ...อึก...ซี้ดด....พอเห็นโถเท่านั้นแหละมาเลยครับปริ่มสันเขื่อน ผมขอทำธุระก่อนละกันแล้วค่อยมาบ่นทีหลังนะ


   ซู่...เสียงน้ำตกไนแองการ่า ฮู่โล่งสบายตัว ไม่รู้ว่าถ้าทนอีกนิดผมจะปวดบิดจนตายหรือเปล่า คิดแล้วก็ให้ได้เจ็บเหลือบไปเหน็บไอ้คนข้างโถ ไอ้คนที่ผมตั้งใจจะมอมเหล้าล้วงลับตับแตกสืบเอาเรื่องของน้องฟ้าครามเด็กสาธิตแฟนสาวของมิตรแม็คให้มันเคลียร์ๆกันไป แต่พอเห็นตาคมๆกราดเข้าใส่เลื่อนไปมองเบื้องล่างแบบมีเป้าประสงค์เท่านั้นแหละ เช้ดดดดดดกูหดเลย

   “มองไรวะ”

   “เปล่า”

   “เปล่าเหี้ยอะไร ก็เห็นมองอยู่ชัดๆ”

   “แค่อยากทำความรู้จักน่ะ” อะแฮ่ม...สวัสดีครับ ผมชื่อบักหำน้อยเป็นน้องชายของพี่ไทม์คร้าบบถึงผมตัวเล็กแต่ก็เผ็ดพริกขี้หนูนะ แซ่บเว่อร์...กูจะแนะนำตัวเพื่อ!!!

   “ของมึงก็มี ไปทำความรู้จักตัวเองไป”

   “มันอยากมีเพื่อนอ่ะ”

   “ของกูมันสันโดษเว้ย”

   “ส่วนของผมสันทัด ตอนนี้เริ่มอึดอัดละ”

   “เชี่ย” รีบตัดจบภารกิจให้เสร็จเลยครับ กลัวมันกระสันแล้วเอาความจังไรมาใส่ผม พอเดินสะโหลสะเหลกลับโต๊ะเท่านั้นแหละความบรรลัยมันบังเกิด ของชอบไอ้ฤทธิ์ฉลากดำที่ผมกับไอ้แทนซัดมาจนถึงเมื่อครู่มันแตกตัวแยกเซลล์ออกมาได้ครับ!! วู้ฮู มหัศจรรย์ ข้างๆมีโพสต์อิทแปะอยู่เขียนข้อความด้วยลายมือหวัดๆว่า

   ‘กูเซอร์วิสให้ลดสิบห้าเปอร์เซ็นต์(ราคานี้ไม่รวมภาษีและค่าบริการ)’ เชี่ยพี่ดวกมึงเคยเซอร์วิสให้กูรู้สึกดีมั้ย ยังมีหน้ามาเก็บตังค์กูเพิ่มอีก แค่ภาษีกับค่าบริการก็ปาไปสิบเจ็ดเปอร์เซ็นต์แล้วรึเปล่าวะ อย่างนี้มึงต้องคิดเซอร์วิสแบบติดลบเฟ้ย เพราะร้านมึงไม่เคยมี ฟวยยย

   “ใครสั่ง” ไอ้แทนที่เดินตามหลังมันขมวดคิ้วสงสัยจ้องหน้าผมสลับกับมองคุณจอห์นนี่เป็นการใหญ่ ผมไม่ได้มีส่วนได้ส่วนเสียอะไรกับสุรายี่ห้อนี้ไม่ต้องมาจี้ถามโผ้มมม ชั่วเสี้ยวนาทีที่มันเห็นข้อความส่งเสริมการขายของไอ้พี่ดวกเท่านั้นแหละมุมปากได้รูปยกยิ้มขึ้นมาให้ได้ขนพองสยองเกล้าทันที

   “ในเมื่อพี่ดวกมันให้ ก็อย่าขัดศรัทธามันเลยเนอะ”

   “กูไม่ได้นับถือศาสนาเดียวกับพี่มัน!!” กูพุทธเข้าใจมั้ย ถึงจะไม่ค่อยถือศีลห้าก็เถอะ อิทังเมญาตีนังโหตุสุขิตาโหนตุญาตะโย ขอกรวดน้ำไปให้พี่ดวกแป๊บ มันจะได้เลิกมาจองเวรจองกรรมกันซักที

   “หรือพี่ไม่ไหวแล้ว” อยากจะจ้างกันต์ กันตถาวรมาเป็นพิธีกรตะโกนบอกให้ถอดหน้ากากจัง มีใครบอกรึยังครับว่าไอ้แทนมันร้าย แต่ร้าย...ภายใต้หน้ากากผู้ชายสุภาพ ก็ดูท่าโอบอุ้มคุณฉลากดำขึ้นมาในอุ้งมือแล้วเหลือบตามองผมอย่างกับส่งสาส์นท้ารบให้ดิ หูยอย่างนี้ก็มีขึ้นดิครับ

   “มึงนั่งเลย!!” ได้  ถ้ามึงอยากเล่น เอาดิ๊ กูจะล้มมึงให้ได้ด้วยกลมนี้

   จบประโยคไอ้หล่อมันขยับตัวตามผมสั่ง แต่แทนที่จะเดินอ้อมกลับไปนั่งที่เก่ามันดันกลับเอาร่างสร่างเมามานั่งข้างๆเบียดจนช่วงล่างกูเกือบตกเก้าอี้ ผมชักสีหน้ารำคาญใจใส่อย่างเปิดเผย มันก็เสือกยิ้มรับจนตาหยิบหยีแล้วหันไปหยิบแก้วเป๊กสุดท้ายที่มันควรจะเป็นของผมมาจัดการแบบหนังม้วนเดียวจบ

   เช้ดดดดดด สังกะสีเรียกพ่อ ตั๊กม๊อเรียกปรมาจารย์ ธาตุที่แข็งกว่าทองแดงก็คือไอ้แทนนี่เอง พอเสร็จไม่อยู่นิ่งเปิดขวดถัดไปจับรินใส่แก้วไซส์ปกติแล้วยื่นให้ผมอย่างโคตรกระตือรือร้น

   “ตาพี่แล้ว” เหยดเข้ กูบอกมึงกลมเดียวเพียวๆแค่เดินเซ แต่นี่แม่งมาให้กูสองกลมแถมก่อนหน้านั้นยังมีบทเกริ่นนำด้วยเบียร์ไปแล้วอีกหลายขวด ขอเอาตับไปแช่ดาวน์นี่แป๊บ อย่างนึงที่มึงให้แข็งบ่ไจ้ไทม์น้อยกลอยใจแต่เป็นตับกูใช่มั้ยมึงสารภาพมา!!

   แต่จะขัดก็ไม่ได้ไงอวดเขาไปว่าคอแข็งนักหนา ขืนขัดศรัทธาก็เสียหน้าดิครับ แก้วบรรจุเมรัยไฟแรงเฟ่อจากประเทศสก็อตติสชีวิตแดนสยามเปลี่ยนมาอยู่บนมือผม ตั้งแต่เกิดมาศึกหนักครั้งแรกที่จำได้คือการท้าดวลระหว่างศิษย์เอกไอ้หนุ่มหมัดเมา ว.ชลาศัย แชมป์เปี้ยนชิบสิบสมัยจากเวทีราชตีนเดินปะทะกับศิษย์เศียรราลำธาร ว.ชลธี จากเวทีสี่สิบดีกรีสมุทรสาคร เปิดเกมมาก็ซัดกระดกกันไม่ยั้งทำเอาอ้วกแตกอ้วกแตนไปสามสี่วันแถมปวดกระโหลกกันยันฟ้าสาง

   ศึกต่อมาเป็นตอนฉลองสอบติดมหา’ลัย โดนลากเข้าไปห้องมืดเล่นเกมปิดประตูตีหมาจ้องหน้าไฟกระพริบ คนโดนต้องดื่มคนตื่นต้องตายเพราะฤทธิ์สุราเรื้อรัง ผมพูดได้คำเดียวว่าโตมาด้วยเหล้าและลำแข้งของคุณชลาศัยกับนายหญิงศศิประภานี่เองครับ เด็กๆไม่ควรเอาเยี่ยงอย่างนะครับ ผมสูดลมหายใจเข้าลึกเตรียมรับหายนะที่กำลังจะบังเกิด เอาวะอีกแค่แก้วเดียวน่าจะยังพอคลานในท่ากราบเบญจางคประดิษฐ์กลับหอไหว กลืนน้ำลายหนึ่งอึกใหญ่ยัดกับแกล้มหนึ่งกำมือเข้าท้องแล้วจัดเลยครับ หมดแก้ว หมดแก้ว อุบ...ผมมึน

   ตุบ

   รู้สึกไหล่หนักๆ หรือผมจะเริ่มไม่ไหวแล้ววะ อ้าว...อ๋อ คนข้างๆมันซบลงมา ฮะ!??

   “พี่ทาม อึก...” เสียงยานคางเรียกชื่อผมเบาๆ ผมเห็นหน้ามันไม่เต็มร้อยเจอแต่ขวัญน้อยๆกลางกบาล ศีรษะที่โยกคลอนไปมาทำให้ผมรู้สึกได้ถึงสัญญาณบางอย่าง

   “ไอ้แทนมึง...” จริงป่ะเนี่ย

   “พี่ทามมม”

   “ไอ้แทน” มึงอย่าหลอกกูนะ

   “พี่ทามมมมม”

   “ไอ้แทนนนนน” เช้ดดดดดดดดด

   “พี่ทามมมมม” แม้แต่เรื่องนี้มึงก็ไม่ยอมแพ้กูเหรอเนี่ย โอเคกูเลิกเล่น ตะล่อมมาแทบตายมาเมามายตอนนี้อ่ะนะ บ้าบอ

   “มึงเมาแล้วใช่ป่ะ” ถามเบาเบายิ่งกว่าร้องเพลงซิงกูล่าร์ เพราะกลัวว่าถ้าเดซิเบลเยอะเกินไปจะทำให้สติไอ้แทนถูกกู่กลับมา

   “เมาพ่องเดะ” อ้าวถามแค่นี้ต้องเล่นถึงบุพการีเลยเหรอวะ แต่เถียงกลับให้โง่ดิ ผมต้องเซ่นตับไปเท่าไรอุตส่าห์ทำให้วิงเวียนศีรษะหน้ามืดตาลายคล้ายจะเป็นลมได้ขนาดนี้ ไม่ยอมทำให้เสียแผนหรอก

   “ไอ้แทนถ้ามึงเมาแล้ว กูถามไรมึงอย่างนึงได้ป่ะ”

   “ไม่ด้าย” แต่กูจะถาม

   “มึงต้องตอบกูตามความจริงนะ”

   “ไม่ตอบ” ก็เห็นขานตอบกูทุกทีี

   “กูจะถามมึงว่า...”

   “...”

   “มึงรู้จัก....ฟ้าป่ะ”

   “...” จู่ๆความเงียบเข้าคลอบคลุมพื้นที่บริเวณนี้ คลับคล้ายว่าเสียงดนตรีหยุดรอจังหวะให้ผมได้ฟังคำเฉลยจากคนตรงหน้า...อย่างใจจดใจจ่อ

   “ฟ้า” ความเงียบถูกทำลายเมื่อเสียงทุ้มเอ่ยชื่อของสาวน้อยน่ารักในความทรงจำผมขึ้นมาเบาๆอย่างครุ่นคิด

   “...” ใช่มึงนึก

   “ฟ้า”

   “...” จิตใต้สำนึกมึงต้องบอกได้

   “รู้จักดิ...ฟ้าาาา...ถ้าไม่ส่งมาให้เธอมีใจบอกกันสักคำเป็นไร” เชี่ยยยยยย อินโทรมาเลยครับ กูอยากด่าวงดนตรีที่มันขึ้นมาร้องเพลงตอนนี้แม่งจัง เลือกเพลงไม่รู้จักเวล่ำเวลา อย่างนี้กูจะดึงกลับเข้าประเด็นยังไงว้า ใจผมโคตรหงุดหงิดจนทนไม่ไหวเลยคว้าหน้าไอ้หล่อมันด้วยมือทั้งสองข้างล็อคให้มันหันมามองหน้าผมนิ่งๆ

   “กูหมายถึงคนไม่ใช่เพลงเว้ย!!” ตาปรือๆของมันทำให้ผมไม่ค่อยกล้ารับประกันว่าจะได้คำตอบ มันขมวดคิ้วอยู่พักใหญ่ก่อนจะส่งยิ้มเชื่อมใสละลายใจสาวมาให้กะทันหัน

   “หึ...น่ารัก”

   “...!!” เชี่ยนั่นเมียเพื่อนกู

   “ขาวชะมัด”

   “...” ใช่น้องมันขาวมาก ขาวใสอมชมพูกูยอมรับ

   “ปากโคตรนุ่มนิ่ม”

   “...” เช้ดดดอย่าบอกนะว่ามีจูบกันแล้วน่ะ!!

   “รอยยิ้มโคตรกินใจ”

   “...” ชักจะมากไปแล้วนะเว้ย

   “นิสัยโคตรกวนตีน”

   “...” เอ๋? น้องฟ้ามีมุมแบบนั้นด้วยเหรอ?

   “ชอบด่าผมปีนเกลียว”

   “...” เอิ่ม...มันชักจะยังไงๆแล้วนะ

   “ปากหมาเป็นที่หนึ่ง”

   “...” ที่มึงว่ามาเนี่ย...

   “ทะลึ่งเป็นอันดับสอง”

   “...” มันใช่น้องฟ้าเปล่าวะ

   “แต่ยิ่งมองยิ่งโคตรน่ารัก...”

   “...” สายตามึงดูแปลกๆแล้วนะ

   “อยากจะฟัด”

   “...” กูชักเริ่ม...

   “มันตรงนี้เลย”

   กลัวแล้วเฟ้ยยยยยยยยยยยยย ไอ้เสลดเป็ดมึงอย่าทำอะไรกูน้าาาาา ผมถอยตัวหลบหลับตาปี๋หนีความจริง หากแต่เสียงแปลกๆกลับดังขึ้นมาก่อนที่ผมจะแต๋วแตกแหกปากร้องไปมากกว่านี้ ผมเปิดเปลือกตามองไปข้างหน้าอ้าวไอ้แทนแม่งหาย...หายไปอยู่ตรงหว่างขาผมดิครับ!!!

   “ไอ้เชี่ยแทน มึง!!!” อยากจะร้องเป็นเพลงดังๆว่า อะ ตู โกราซอน อยากจะไปสู่กลางใจกู!!! เอาหน้าทิ่มลงมาได้ไง ต่อให้มึงอยากรู้จักมากแค่ไหนแต่ก็ไม่จำเป็นต้องเนื้อแนบเนื้อผ้าขากางเกงกูแบบนี้ก็ได้

   “มึงตื่นเดี๋ยวนี้เลยนะไอ้ฟวยแทนนนนนน” ตบหัวก็แล้ว ดันก็แล้ว ยังไม่มีทีท่าจะขยับลุก แล้วขืนขยับอีกนิดได้มีทิ่มลึกลงไปกว่าเก่าผมได้ครางกระเส่าแน่ๆ แต่แล้วไอ้หมามันก็ทำให้ผมแปลกใจด้วยการลุกขึ้นมาอย่างไวจนหัวแทบเสยคาง เหมือนเจอแมลงสาบแกล้งตายแบบพอเอาไม้เขี่ยแล้ววิ่งเร่าทำเอาคนเขี่ยมันตกใจกรี๊ดสาวแตกเข้าให้ไปสามบ้านแปดบ้าน มันยังมีชีวิตอยู่!!! มันยิ้มน้อยๆ สภาพเหมือนคนเมายากันยุง

   “หอมจัง”

   “...” จังไรดิ เวรรรรรร มึงคิดว่าไอ้ที่ก้มไปดมเมื่อกี้มันก้านน้ำหอมหรืองายยยยย

   “พี่อาบน้ำด้วยสบู่อะไรอ่ะ ตัวห๊อมหอม”

   “เชนการ์ด”

   “เดี๋ยวผมไปหาซื้อใช้บ้าง” นั่นมันสบู่หมา!! ท่าว่าสติไม่มาปัญญาไม่เกิดแล้วของแท้ ถามเรื่องน้องฟ้าไปตอนนี้คงไม่ได้ความอะไร ผมล้มเลิกความตั้งใจดีกว่า ถามคนเมาเหมือนถามคนบ้าสู้ค่อยๆตะล่อมสืบไปมาก็ยังไม่สาย ตราบใดที่มันยังไปมาหาสู่ผมอยู่อ่ะนะ...เอ๊ะ...ไปมาหาสู่... พึ่งนึกออกว่าสิ่งที่เชื่อมโยงผมกับไอ้แทนมีแค่หนี้เหล้านี่หน่า งั้นทางเดียวที่จะยื้อไว้คือไม่คืนเงินเก่าที่ยืมมันมาหรือไม่ก็...

   สร้าง-หนี้-เพิ่ม

   “ไอ้แทนกูลืมเอาเงินสดมาว่ะ”

   “งั้นไปตลาด”

   “เงินสด ไม่ใช่ผักสด”

   “งั้นเอาไปแช่ตู้เย็น

   “กูบอกว่าเงินสด ไม่ใช่ปลาสด”

   “งั้นเอาไป...”

   “กูหมายถึงเงินสดดดดด เข้าใจมั้ยว่าเงินสด อ่านปากของชลธีนะครับว่าเงินนนนนสดดดดน่ะ”

   “ผมยังไม่แต่งงาน”

   “...”

   “...”

   “สดเว้ย!!ไม่ใช่โสด” มุกนี้กูไม่ให้ผ่านนนนนนนน โอ้ย...กูเพลีย

   “แต่-ผม-โสด-ครับ”

   “O_O”

   “...”


   หัวใจกู...เหมือนโดนทำร้ายด้วยมุกควายๆของไอ้แทน ร้องไห้แป๊บ



   “มึงเมาหนักแล้ว กลับหอเหอะ”

   “ครายบอก”

   “กูเนี่ยแหละบอก”

   “พี่เอาอะไรมาตัดสิน ผมมารับพี่นะ”

   “สภาพมึงอย่างนี้ยังมีหน้ามาบอกว่าจะแบกพวกกูกลับอีก ลำพังแค่เดินกลับหอยังไม่ไหวเลยมั้ง” รูปลักษณ์ภายนอกที่เห็นเหมือนคนปกติร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่ผมว่าข้างในไอ้แทนมันคงเละไม่มีชิ้นดีแล้วล่ะโดยเฉพาะสมอง ไม่ต้องเบญจางคประดิษฐ์ก็ได้ กูยอมให้มึงเดินท่าสล็อตกลับหอเลย...ขอให้ไปถึงเป็นพอ

   “งั้นแป๊บ” ไอ้แทนที่ดูเหมือนจะล้มแล้วก็ลุกจะคลุกแล้วก็คลานเอ่ยขัดขึ้นมา ผมเห็นมันหยิบมือถือมากดยิกๆๆพิมพ์โต้ตอบอยู่กับใครนานสองนานแล้วเงยขึ้นมาส่งยิ้ม “เรียบร้อย”

   “ทำไรวะ”

   “เรียกผู้ช่วย”

   “ผู้ช่วย?”

   “คนที่สะดวกมารับพี่เดย์ที่สุด”

   “ทำไมต้องเป็นไอ้เดย์คนเดียวด้วยวะ มึงอย่าลืมนะ ว่ายังเหลือกูกับมึง” กูน่ะไม่เท่าไรหรอก พอเดินตุปัดตุเป๋กระท่อนกระแท่นกลับหอได้ แต่ดูสภาพมึงเนี่ยดิ มีหวังโดนผู้หญิงฉุดไปทำผัวกลางทางอย่างไม่ต้องสงสัย

   “อย่างผมน่ะ มีแค่พี่คนเดียวก็พอแล้ว”

   “...!!” มึงหมายถึงแบกกลับหอใช่มั้ย ไม่ใช่อย่างอื่นใช่มั้ยมึงบอกกูที

   “มันอยู่แถวนี้พอดี...เดี๋ยวก็มา” ท่าว่าผมจะคิดมากไปเองหลังจากโดนมันแอทแทคไม่เท่าไรก็ดูเหมือนจะหวั่นไหวกับคำพูดภาษาไทยของมัน แทนมันไม่ปล่อยให้ผมลุ้นนาน เพราะพูดไม่ทันขาดคำไอ้คนที่พ่อแม่มันทำบุญด้วยเสาไฟฟ้าก็เดินเฉิดฉายเข้ามาในร้าน ด้วยความสูงเกินร้อยเก้าสิบบวกกับบุคลิกภาพที่โดดเด่นทำเอาสาวน้อยสาวใหญ่เก้งกวางบ่างชะนีที่เริ่มกรึ่มๆ หันหัวมองจนคอหัก แต่ผมนี่แหละแทบสะบัดบ็อบใส่ทันทีที่เป็นมันเดินย่างสามขุมนรกภูมิมาทางนี้

   ...ไอ้เสาร์...เพื่อนไอ้แทน


   ร่างสูงเสียดฟ้าหยุดยืนค้ำหัวเมื่อเดินมาประชิดโต๊ะ มันตวัดสายตามองผมอยู่แว่บนึง สาบานได้ว่าแว่บนึงจริงๆครับแล้วกลับไปมองร่างเพื่อนของมัน อ้าว...เฮ้ย ไอ้แทนมันสลบไปตอนไหนวะเนี่ย

   “หาเรื่องให้กูทุกที” เสียงทุ้มด่าเพื่อนมันเสร็จก็หันมาเรื่องเอาความกับผมต่อ “ยังไหวมั้ย”

   “ไหว” ใช่โลกมันดูวืบๆไหวๆยังไงพิกล อ้าวคนละไหวเหรอ

   “งั้นก็เดินกลับไปกับไอ้เชี่ยนี่” ไอ้เชี่ยของมันก็คือเพื่อนผมที่นอนสลบไปถึงสวรรค์ชั้นดาวดึงส์นั่นแหละครับ ผมล่ะแปลกใจกับความสัมพันธ์ของพวกมันจริงๆ เมื่อวานยังเห็นมันสนิทสนมกลมเกลียวกันบนเตียงอยู่แท้ๆ แต่ตอนนี้แม้แต่ชื่อไอ้เดย์มันยังไม่ยอมเรียก ขนาดแค่กราดสายตาไปมองซากเพื่อนผมที่นอนตายอยู่ตรงโต๊ะมันยังกระมิดกระเมียนที่จะทำเลย

   “โอเค” กูยอม ขี้เกียจเถียงตามเสต็ปคนขรึมๆมาดเข้มๆ ฉะฝีปากกับพวกนี้ทีไรมีแต่จะทำให้เสียเวลาแล้วดูท่าว่ามันก็ไม่อยากจะเสวนากับผมซักเท่าไร ผมลุกขึ้นขยับตัวไปจับแขนเพื่อนทำใจพร้อมแบกมันต่างกระสอบทราย หากแต่ช่วงเสียววินาทีนั้นมือผีคนของข้างๆกลับทำงานอย่างไวโดยการยืดมาจับผมไว้แน่น

   “พี่ทาม” ถ้ามาแบบรุนแรงผมคงตี๊ต่างว่าตัวเองเป็นจิล วาเลนไทน์ เจอซอมบี้ที่นอนตายลุกขึ้นมากัดอีกรอบ

   “ไอ้เสาร์มันมารับมึงแล้ว”

   “กลับกับผม”

   “เพื่อนมึงมารับมึงก็กลับกับเพื่อนมึงดิวะ”

   “ไม่อยากกลับกับเพื่อน”

   “ไม่กลับกับเพื่อนแล้วมึงจะกลับกับใคร”

   “อยากกลับกับพี่”

   “...”

   “มึงอย่ามามุกนี้” เป็นเสียงไอ้โย่งครับ หน้าแม่งโหดสลัดอย่างกับใครไปขโมยกล้วยน้ำว้าที่สวนบ้านมัน ส่วนไอ้แทนก็....

   เหี้ยยยยยยยยยยยย

   ไอ้เสาร์ที่ว่าแน่ยังแพ้ให้ไอ้แทนอ่ะ สายตามันขวางโคตรโหดเหี้ยได้ใจใครไปด่าหมาบ้านมันว้าาาาาา หน้าตาขี้อ้อนเมื่อกี้มันหายไปไหนหรือว่าผมตาฝาดไปอย่างงั้นเหรอ

   “เอาเถอะ” สุดท้ายไอ้เสาร์ก็พูดออกพร้อมกับถอนหายใจอย่างปลงๆ “อยากจะทำอะไรก็เรื่องของมึง” ว่าจบเสาไฟฟ้าเดินไปพยุงร่างอ่อนปวกเปียกเป็นผักลวกของไอ้เดย์ขึ้นมาอย่างง่ายดาย พาลากมันต่างกระสอบทรายเดินออกไป ทิ้งไว้ให้ผมนั่งหง่าวอยู่ที่เก่าได้แต่งงว่าจะเอายังไงกับชีวิต


   “กลับกันเถอะครับพี่ไทม์”


   สรุปแล้วมึงหรือกูที่เมา?


TBC


อันนี้หายนานของจริง ตอนนี้เรื่อยๆนะคะ

คุณ FeaRes
กอดกลับ หมับ* ไทม์เป็นเด็กขี้อายค่า...หราาาาา
อย่าหมั่นไส้แทนไปมากกว่านี้เลยน้า เค้าขอ 555

ออฟไลน์ FeaRes

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 738
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-2
เมาทั้งคู่อะ เมาเหล้ากับเมารัก--- แค่ก
 :m20:

เชนการ์ด...ไปซื้อมาใช้นะแทน รับลองต้องชอบ 5555555555
แทนเมาแล้วเป็นหนักมาก ใจพี่ไทม์รับไม่ไหว ใช่ไหม?!!
สงสารอิพี่ ทนรับแรงดาเมจได้ป่าว 5555
 :hao3:

หมั่นไส้ด้วยความเอ็นดูเบาๆแล้วกันนะคะ 555555

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ sakutaka

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 128
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-1
{Will you be my family?(น้องครับพี่ขอนับญาติได้มั้ย?)}

บทที่ 9 เสียวขาอ่อน




   วิถีคนมันจะดราม่า...ก็ถึงคราวขำไม่ออกแหละครับ...


   ตึง! ตึง! ตึง! ตึง!


   เชี่ยยยย รำคาญโว้ยยยยยย ผมทนมาสิริรวมสิบห้านาทีกับอีกยี่สิบสอง ยี่สิบสาม ยี่สิบสี่วินาที ทนมาตั้งแต่วินาทีที่ลากควายเข้าห้อง และคนอ่านก็คงคิดว่ากะอีแค่ทนต่อไปอีกซักครึ่งชั่วโมง หนึ่งวันจะเป็นไรไป แต่ผมทนไม่ไหวแล้วครับ คนบ้าอะไรมีไลน์อย่างกับเป็นสัญญาณเตือนภัยพายุใต้ฝุ่นถล่มกรุงเทพฯ ดังต่อเนื่องเป็นเสียงรถหวอป่อเต็กตึ๊ง ดังจนผมแม่งอยากให้คนมาห่อมันแล้วเอากลับไปชันสูตรพลิกศพที่นิติเวชเลย ไม่มีใครรู้หรอกว่าผมลำบากแค่ไหนกว่าจะลากมันกลับมาถึงหอประตูเอกได้ คนอะไรตัวหนักฉิบหาย นี่ไม่รวมกับที่ผมต้องห้อยเป้มันขึ้นหลังแล้วประคองมันเดินผ่านสี่แยกทางเปลี่ยวเลี้ยวอ้อมมาจนถึงประตูเอกหรอกนะ รู้งี้กูปล่อยให้มึงโดนผู้หญิงหิ้วไปกลางทางซะก็ดี ไหนบอกว่ามารับกูวะ ไหนมึงยังจะเป็นคนชวนกูกลับ ไหนมึงบอกว่าอยากกลับกับกูแล้วทำไมจะต้องให้กูมาเป็นภาระทั้งหนัก ทั้งหนวกหูด้วยเนี่ย


   “หลับสบายเลยนะมึง” แอบถ่ายภาพกีฬามันส์ๆ ช็อตเด็ดคนดังไปประจานดีมั้ย แม่งนอนซะกางอล่างฉ่างหมดมาดความเป็นเดือนวิศวะ ผมอยากจะรู้จริงๆว่าถ้าโพสต์สภาพนี้ของมันลงเฟซบุ๊คแล้วจะเกิดอะไรขึ้น คิดแล้วผมก็หยิบมือถือจากกระเป๋ากางเกงขึ้นมาถ่ายแชะ สิบหกแอ็คไม่บันยะบันยัง พอกำลังจะแต่งภาพอัพโหลดเท่านั้นแหละ


   ตึง!


   เสลดหอยมดตะนอยกัดตูด ดังมาขัดแม้แต่จังหวะจะแกล้งคน ผมเขวี้ยงมือถือตัวเองไปบนเบาะข้างเตียง(หน้าจอมันแตกแล้วนี่ครับผมจะถนอมมันไปเพื่อ) กระโดดคลานเข่าเข้าไปหาไอ้หล่อที่หลับเป็นตายตรงหน้า นอนอย่างนี้กะไม่เหลือพื้นที่ไว้เผื่อเจ้าของห้องมันเลยใช่มั้ย ร่างสูงโปร่งกำยำหายใจอย่างสม่ำเสมออยู่ใต้ร่างผม มันไม่รู้สึกตัวเลยสักนิด ผมเลยได้จ้องใบหน้าคมๆที่บาดใจใครหลายคนมานักต่อนัก

   “หน้าตาอย่างนี้ คงเจ้าชู้ไม่ใช่เล่น” ถ้ามึงบอกว่ามีกิ๊กเป็นสิบเป็นร้อยเป็นพันกูคงจะเชื่อ ก็เล่นอ่อยซะไม่เลือกขนาดนี้ อ่อยแม้กระทั่งกูตอนเป็นเด็กกางเกงน้ำเงิน...ผมคิดไปถึงยางลบในกล่องดินสอที่ต่อให้ผมทำยังไงก็ตัดใจทิ้งไม่ลงเสียที “มึงไม่ใช่คนนั้นจริงๆเหรอวะ” คิดๆแล้วท้อพอเหลือบไปเห็นหน้าตัวเองที่สลดเป็นปลาสลิดบางบ่อแล้วให้ได้เจ็บใจ นี่กูเป็นเหี้ยอะไรเนี่ย ที่ปีนขึ้นเตียงก็เพื่อมากำจัดเสียงน่ารำคาญในกระเป๋ากางเกงมันต่างหาก ว่าแล้วผมก็ล้วงเข้าไปในกางเกงสแล็กคลำหาอยู่พักใหญ่เพราะมันใส่เอาไว้ลึก ใจผมก็เสียวว่าจะไปเจอความสัดทันของมันเข้า...ชะอุ๊ย...ฮู่ ในที่สุดก็เจอ

   ถึงตอนนี้หน้าจอจะดับไปไม่มีสัญญาณเตือนอะไรอีก แต่กันไว้ก่อนดีกว่าแก้เผื่อมันเด้งขึ้นมาอีกตอนกลางคืนดึกๆดื่นๆผมคงไม่เป็นอันนอนกันพอดี


   ตึง!

   จู่ๆ ในความดำมืดนั้นก็ปรากฏข้อความขึ้นมาอีกครั้ง


   นี่มัน...


LINE ตอนนี้
In a blue sky : อยู่ดีดีก็หนีกันไปเลย ป่านนี้อยู่หอรึยังคะ ยังไงก็ฝันดีนะ
In a blue sky sent you a sticker.



   ให้ผมตีลังกาอ่านได้มั้ย ผู้หญิงแม่งไลน์หามัน แถมผู้หญิงคนนั้นยังชื่อ อิน อะ บลู ตะกาย...เอามือก่ายหน้าผากแป๊บ อย่าแปลนะ กูไม่อยากเครียด ตั้งแต่เกิดมาอยากตกภาษาอังกฤษก็วันนี้ ทำไมชื่อต้องไปคล้องกับแฟนเพื่อนผมด้วยวะ คนบนโลกนี้มีชื่อฟ้ากี่คน หรือมันอาจจะเป็นเพราะความบังเอิญ แต่มันก็บังเอิญเกินไป...

   แล้วทำไมความบังเอิญต้องมาเลือกมันด้วยวะ...



 
   ปวดหัวสัด หนาวก็หนาวทำไมมันหนาวได้ขนาดนี้ รู้สึกเหนื่อยล้าเกินกว่าที่จะเปิดตามาดูโลกกว้างได้ ผมเลยได้แต่ป่ายปัดมือไปทั่วควานหาสิ่งที่นึกถึงอยู่ตอนนี้ อ๊ะ..เจอแล้ว...ผ้านวมผืนโตของผม ทำไมมันหลุดออกจากตัวไปไกลขนาดนั้นวะ เมื่อคืนอุตส่าห์ห่มอย่างดีเพื่อไม่ให้ต้องมานอนสะท้านความหนาวจากแอร์ที่เปิดกระหน่ำซ้ำเติมขนาดนี้แท้ๆ ช่วงที่กรอกสุราลงคอมันก็ยังจะอุ่นๆจนถึงขั้นติดไปทางร้อนเสียด้วยซ้ำผมเลยต้องเปิดแอร์ให้มันชุ่มฉ่ำไม่งั้นคงได้ร้อนจนนอนไม่หลับทั้งคืน แต่มาตอนนี้ดิหนาวแทบเป็นแทบตายแล้วทำไมผ้าห่มผมมันดึงไม่มาวะ เริ่มจะหมดแรงกระชากแล้วนะเนี่ย

   “นี่ผมกับพี่มาเอากันแล้วจริงๆใช่มั้ย”

   พรึ่บ ตาสว่างเลยครับ ผมหันหัวไปทางต้นเสียงไวจนแทบคอหัก

   “ไอ้เชี่ยแทนนนนนนนนนนน มึง”

   “ผมควรจะร้องไห้มะ” มันกำผ้านวมที่คลุมอยู่ทั้งตัวขึ้นมากัด ทำหน้าดัดจริตปล่อยเสียงกระซิกสามสี่รอบเล่นละครให้ผมดู แม่งเอ๊ย...ที่แท้มันนี่เองที่เป็นคนยึดผ้านวมผมไป เอาความอบอุ่นของกูคืนมาาาาา

   “เชี่ยแทนมึงเอาผ้านวมกูมาเลยนะ” ตอนนี้ยิ่งกว่าอยู่ในสมรภูมิรบแย่งเนื้อปลาวาฬที่อลาสก้าซะอีก ผมหนาวไม่อยากลุกออกจากจุดเดิมที่ผมอุตส่าห์เฝ้ากกความอบอุ่นมาหลายชั่วโมงเลยได้แต่ยื่นมือออกไปดึงยื้อกลับมาสุดกำลัง

   “แทนที่จะห่วงเรื่องผมเสียพรหมจรรย์แต่พี่ดันมาห่วงกลัวหนาวเนี่ยนะ”

   “เชี่ยมึง พรหมจรรย์ห่าเหวอะไร ไร้สาระ กูหนาว จะทนไม่ไหวแล้วเนี่ย สัดแทน มึงเอาความอบอุ่นกูคืนมาาา” เมื่อวานกูแค่เพลียแล้วมึงก็ผู้ชายกูก็ผู้ชายทำไมกูจะต้องยุ่งยากย้ายไปนอนโซฟาด้วยวะ กูก็ล้มตัวลงนอนมันแม่งตรงนี้เลย

   “ได้ เอาคืนไปเลย” ผมมันเป็นคนยื้อเก่งมาแต่ไหนแต่ไร ดื้อสุดใจจนกว่าจะได้ของที่ต้องการ จนถึงขนาดคุณชลาศัยกุมขมับไล่ไปอุจจาระหลายรอบ ซึ่งนี่ก็เป็นข้อดีของผมใช่มั้ยที่จะทำให้ไอ้แทนมันยอมปล่อยมือจากผ้านวมซะที

   หมับ!!

   เออะ...มันปล่อยจริงๆครับ แต่ไม่ใช่แค่ผ้านวมเพราะมันโถมมาหาผมทั้งตัว

   “มึงงง ทำอะไรกู๊!!”

   “ก็ขอความอบอุ่นไม่ใช่เหรอ”

   “แต่ก็ไม่ใช่อย่างนี้รึเปล่าวะ มึงปล่อย ทำเหี้ยไรเนี่ย จับตรงไหนของมึงงงง โอ๊ยยยยยเอวกู มึงอย่าจับตรงนั้น กูจั๊กจี้ เชี่ยอย่าทับ ไส้จะทะลักแล้ว แฮ่กๆ” จากหนาวๆ เหงื่อออก กูร้อนเลย ผมสะบัดปลิงควายตัวเขื่องดิ้นจนหมดแรงแล้วนิ่งไป นิ่งขนาดไอ้คนที่กอด...เออ ขอเปลี่ยนคำพูดแป๊บ คนที่ล็อคผมไว้คงสงสัยว่าผมไปเกิดใหม่แล้วรึเปล่า

   “พี่ไทม์?”

   พลั่ก!!
   ไม่ได้ลูกล่อก็ต้องเอาด้วยลูกชน ไม่ได้ด้วยภาษาคนกูก็ถีบเลยครับ สุดกำลังตีนที่จะมีอยู่ จากปลายสายตาเห็นไอ้แทนมันกลิ้งหลุนๆแล้วตกเตียงไป ผมรีบสปริงตัวปึ๊งออกจากเตียงลุกขึ้นมายืนโงนเงน

   “สมน้ำหน้า เจ็บมั้ยล่ะมาเล่นกับกู” รู้สึกเหมือนโลกมันโอนเอนเบนไหว นี่ผมไปเล่นปั่นจิ้งหรีดที่ไหนมารึเปล่าเนี่ย โคตรมึน สุดท้ายก็ต้องกลับมาทรุดตัวลงไปนั่งคุกเข่ากับพื้น

   “พี่ไทม์!!” ไม่รู้ไอ้คนที่โดนลูกถีบผมมันฟื้นตัวมาได้เมื่อไร แทนมันวิ่งเข้ามาประคองผมไว้ได้ทันก่อนจะร่วงลงไป

   “อูยยย”

   “เป็นไรมั้ยเนี่ย”

   “กูปวดหัว”

   “แฮงค์แหงเลย เดี๋ยวผมไปเอาน้ำมาให้ ขึ้นไปนอนเตียงก่อนไป” ผมรีบคลานขึ้นเตียง ไม่มีแรงจริงๆครับ ไม่เคยรู้สึกว่าตัวเองเป็นหนักขนาดนี้ เมื่อวานเล่นดวดเพียวๆแบบที่ไม่เคยทำมาก่อน กลับแกล้มก็ไม่ได้สั่งเพราะยังสยองกับเสี่ยบุญทุ่มพี่โชไม่หาย ส่วนข้าวเขิ้วก็ไม่ได้ลงท้องมันถึงได้ทั้งโหวงแล้วก็อึนได้ขนาดนี้

   “ดื่มน้ำก่อน” แทนมันวิ่งกลับมาพร้อมแก้วน้ำในมือ ผมดื่มอึกใหญ่จนหมดแก้วแล้วก็นอนแผ่สองสลึงบนเตียงอย่างเก่า เหลือบไปมองปลายเท้าก็เห็นคนที่กำลังขยันขันแข็งจับผ้านวมมาห่มให้ผม แหม ทีอย่างนี่นะแม่งให้เชียว

   “ทำไมมึงไม่เป็นไรเลยวะ” มันเอามือมาอังหน้าผากผมทำท่าเหมือนกำลังวัดไข้

   “ผมเจ็บตูด”

   “ไอ้เชี่ย เมื่อคืนกูไม่ได้ทำไรมึงเลยนะ”

   “เมื่อกี้พี่ถีบผมตกเตียง” อ้าวกูคิดลึกไปเอง ก็มันเปิดเรื่องมาก็หาว่าตัวเองเสียพรหมจรรย์จะไม่ไห้ผมคิดไปทางนั้นได้ไง

   “กูขอโทษ แต่มึงกวนกูก่อนนี่”

   “ก็พี่บ่นหนาว ผมก็เป็นห่วง”

   “แล้วที่มึงไม่ให้ผ้าห่มตั้งแต่แรกคืออะไรวะ”

   “ผ้าห่มมันหายอุ่นแล้ว”

   “มันจะหายอุ่นได้ไง”

   “ก็มันหลุดออกจากตัวพี่ตั้งแต่ผมตื่นแล้วไง” คำตอบมันทำเอาผมสั่นสะท้านไปถึงรูตรู๊สสเลยครับ ไอ้เชี่ยผมก็ว่าแปลก ปกติผมนอนไม่ดิ้น ขนาดเพื่อนอย่างไอ้เดย์ตอนมาค้างห้องผมมันยังเคยตกใจนึกว่าผมหมดลมไประหว่างนอน เพราะผมนิ่งมากและแน่นอนว่าตื่นมาทุกเช้าผ้านวมจะต้องอยู่ติดตัวผมเสมอ ผมถึงกล้าที่จะเปิดแอร์มันอย่างบ้าระห่ำไง แล้วที่มันหลุดออกไปก็แสดงว่า

   “ไอ้แทนมึง.....”

   “...”

   “หรือว่ามึง...”

   “...”

   “แอบดูขาอ่อนกูใช่ม้ายยยยยย” ไม่รู้ทำไมผมเป็นพวกไวต่อขาอ่อน อย่าได้มาจับลูบหรือมองอะไรเลยนะกูมีถีบ ผมแม่งไม่เคยมีกางเกงขาสั้นอยู่ในตู้เสื้อผ้าเลยซักตัวเดียว เพราะมีเสียวทุกครั้งที่ใส่เดินขึ้นรถเมล์หรือนั่งในร้านคอฟฟี่ช้อปถ่างขาชิลเอ้าท์มาตั้งแต่ม.ห้าแล้ว มันเหมือนถูกสายตาใครต่อใครมาเพ่งเล็งมองอยู่ได้ ขาผู้ชายนะครับสัด

   “ยังไม่ทันได้เห็นอะไรเลย โวยวายไปได้”

   “แล้วมึงหน้าแดงทำไมไอ้ห่ารากนี่”

   “พี่ต่างหากจะโวยวายทำไม กับแค่ขาผู้ชายด้วยกัน”

   พรึ่บ!!

   กูเชื่อเมื่อกี้มึงยังไม่เห็นอะไร แต่ตอนนี้มึงจะกระชากผ้านวมออกไปพิสูจน์ทำเพื่อ!!

   “ขาวสัด” ตาไอ้แทนโตเท่าไข่ห่าน แต่ไข่ผมกำลังจะหดเพราะหนาวสะท้านไปทั่วสรรพางค์ด้วยสภาพบ๊อกเซอร์ตัวเดียว

   “มองเหี้ยไร” สภาพแม่งหมิ่นแหม่ฉิบหายต่อให้เป็นผู้ชายทั้งคู่ก็เถอะ กูกลัวเว้ยยตั้งแต่มึงบอกจะฟัดกูตั้งแต่อยู่ร้านเหล้าพี่ดวกเมื่อวานนี้แล้ว ฮือออ

   “ขึ้นเลย” หา? มันโยนผ้านวมกลับเข้าที่เก่าแล้วห่อผมเทียมปอเปี๊ยะกุ้ง เสร็จแล้วก็ลุกเดินไปเข้าห้องน้ำเฉย เฉยจริงๆเฉยสนิท หายอย่างกับไปหลับตายในห้องน้ำ อย่างกับไปเจอประตูวิเศษโดราเอมอนวาปกลับบ้านไปแล้ว ส่วนผมที่เพลียๆก็ผล็อยหลับไปในที่สุด

   จนกระทั่งเสียงๆหนึ่งดังมาเรียกชื่อผมอีกครั้ง

   “พี่ไทม์”

   “อืออออ” เรียกทำไมวะ ยิ่งเคลิ้มๆอยู่

   “ผมกลับแล้วนะ วันนี้มีธุระ”

   “อือออ”

   “ความจริงถ้าวันนี้ไม่ติดอะไรก็กะจะเฝ้าพี่ถึงเย็นซะหน่อย อาการพี่ดูไม่ดีเลย” ส่วนมึงก็ดูดีเกินไปด้วยซ้ำ ทั้งๆที่ดวดเหล้ากันมากับกู

   “จะไปไหนก็ไปเถอะ กูดูแลตัวเองได้” เมาค้างไม่ทำให้ตาย ผมผ่านศึกนี้มาหลายต่อหลายครั้งแล้ว

   “มีน้ำส้มอยู่ในตู้เย็น แล้วก็โจ๊กผมวางไว้บนโต๊ะ ถ้าลุกไหวแล้วก็เอาไปอุ่นในไมโครเวฟแล้วกินซะนะ”

   “ดูแลดีชะมัด”

   “...” มันเงียบไปครับ แล้วทำท่าเหมือนคิดอะไรบางอย่าง

   “เป็นไร ปวดขี้เหรอมึง ทำหน้าซะ”

   “เปล่าแค่คิดว่า...กับคนอื่นผมก็ไม่เคยเป็นอย่างนี้นะ แต่ทำไมกับพี่ผมอยากดูแล”







   เพื่อนผมมัน...ดูแปลกๆ

   ในกลุ่มผมคนที่เรียนเก่งที่สุดคือไอ้แม็ค รองลงมาคือผม ส่วนไอ้คนที่ไม่ทำอะไรเอาแต่ลอกเลคเชอร์เพื่อนไปวันๆก็คือไอ้เดย์ แต่วันนี้คนที่หัวดีที่สุดกลับกำลังมานั่งสติหลุดอยู่ข้างห้องน้ำ

   “เฮ้ยโทษที ไปกัน”

   “เชี่ยเอามือจับกู ล้างมือรึยังวะไอ้เดย์”

   “คบมาตั้งกี่ปีมึงเคยเห็นกูล้างมั้ย วันนี้เสือกมาทำกระแดะรักสะอาดนะ จริงมั้ยไอ้แม็ค” ลูกคุณหนูบ้านไหนเป็นอย่างมันบ้าง เพื่อนผมคนนี้มันชอบลืมล้างมือหลังเข้าห้องน้ำครับ  จากที่แกล้งผมอยู่ดีๆไอ้เดย์มันก็เอามือไปตบไหล่ไอ้แม็คต่อ ปกติต้องมีฟันศอกไม่ก็ถีบอัดตูดแต่คราวนี้พ่อบ้านใจกล้ามันนิ่ง “ไม่พูดเขาก็ไม่หาว่ามึงเป็นใบ้ แต่นี่มึงไม่ไฝว้กูจะหาว่ามึงเป็นบ้านะ”

   “กูไม่มีอารมณ์” ไอ้แม็คมันตอบหน้านิ่ง

   “กูปลุกให้เอามะ ตายด้านขนาดไหนกูก็เคยทำให้ตื่นจากหลับใหลมาแล้ว มามาห้องน้ำยังว่างอยู่หลายที่”

   “ไปทำกับน้องจิงมึงไป”

   “เชี่ย น้องจิงมันไม่มีอยู่จริงแล้วเฟ้ย!!” กูล่ะเอือม รู้ทั้งรู้ว่าแหย่ไอ้แม็คทีไรจะโดนชงเข้าประเด็นนี้มันก็ยังจะทำ เพื่อนเดย์สายเอ็มรึเปล่าวะ ถ้ามันรู้ว่าน้องจิงยังร่อนเร่หาผัวอยู่แถวนี้มึงจะทำหน้ายังไงกูอยากรู้ ไอ้เดย์มันลงไปดิ้นร้องเพลงไม่เจ็บอย่างฉันใครจะเข้าใจของสามีตีตราเรียบร้อยแล้วครับ

   “ไอ้แม็คมึงอย่าทำให้ภาระกูเพิ่ม แค่มึงกูก็...” ผมงับปากแทบจะทันทีที่เห็นหน้ามัน เกือบหลุดคำทำร้ายจิตใจเพื่อนออกไปซะแล้ว สภาพแม็คมันไม่ไหวจริงๆ มันนั่งเหม่ออยู่อย่างนี้มาเกือบสองวันเต็ม ขนาดไอ้เดย์แหย่อะไรก็ดูไม่มีอารมณ์ร่วม ไม่ตบมุกเหมือนคู่ตลกรั่วๆอย่างที่เคยทำเป็นประจำ ไม่ฟังแนวข้อสอบที่อาจารย์บอก ไม่ดูโทรศัพท์ตอนมีเสียงเรียกเข้า พอจบคาบสุดท้ายก็ไม่แจ้นออกไปหาน้องฟ้าอย่างทุกวัน ไม่หือไม่อืออะไรซักอย่าง จะดีก็แค่มีกัดไอ้เดย์บ้างบางเวลาที่มันเข้าไปยุ่งไปกวนประสาทไอ้แม็คมากจนเกินไป อย่างนี้มันไม่ใช่ธรรมดาแล้วนะเว้ย ผมเป็นห่วงเพื่อนว่ะ “ไอ้แม็คมึง...”

   “พี่แม็ค!!” เสียงใสๆตะโกนมาทำเอาผมสะดุ้ง เออะ น้องฟ้าไม่ใช่ผีฟ้า แต่อย่าโผล่มาอย่างนี้ได้มั้ยครับ ผมขวัญอ่อน แล้วตอนนี้ปัญญาก็จะอ่อนตามไปด้วยเพราะท่าทางของน้องฟ้าที่รีบวิ่งมาหาไอ้แม็คมันไม่ปกติเอาซะเลย

   อะเฮ้ยยย ที่ไม่ปกติยิ่งกว่าคือไอ้พ่อบ้านใจกล้าครับ มันหมุนตัวไปอีกด้านราวกับจะหนี เหี้ยมึงมีโมเมนต์นี้ด้วย

   “เฮ้ยไอ้แม็ค เมียมึงมา” ไอ้เดย์รั้งไหล่เพื่อนไว้ อย่างน้อยมันก็ฉลาดพอที่จะช่วยเพื่อนแค่ดูก็รู้แล้วว่ามันกำลังหนีปัญหา การปล่อยให้น้องฟ้าต้องวิ่งไล่ตามไม่ทำให้ทุกอย่างมันจบ แล้วยิ่งปล่อยเวลาผ่านนานไปมันจะยิ่งต่อกันไม่ติด

   “กูไม่มีอะไรจะคุย” เหยดดดด เสียงมันเบาซะจนเหมือนคนกำลังจะขาดใจตาย

   “พี่แม็ค” ในที่สุดน้องฟ้าก็ใช้ขาเล็กๆของเธอวิ่งเข้ามาจนถึงตัวพวกผม เธอหอบหายใจอยู่พักหนึ่งจึงเงยหน้าขึ้นมามองคนที่ยืนหันหลังให้เธอ พวกกูไม่ควรอยู่ตรงนี้ใช่มั้ย ผมกับไอ้เดย์มองหน้ากันเหมือนรู้ กะอาศัยช่วงจังหวะที่ต่างฝ่ายต่างเงียบคู่ค่อยๆเดินปลีกตัวออกไป แต่ที่ไหนได้ฝ่ายหญิงกลับเอ่ยขึ้นมาขัดความเงียบตรงหน้าเสียก่อน

   “พี่แม็คหลบหน้าฟ้าทำไม” อ้าวเฮ้ยยยยยคดีพลิก ไม่ใช่ไอ้แม็คที่เป็นฝ่ายโดนน้องฟ้าเขี่ยทิ้งจนไม่มีปัญญาไปหาผู้สาว แต่กลับเป็นมันซะเองที่หนีหน้าน้องมา

   “พี่เปล่าหลบ” แผ่นหลังบ้านมึงเรียกว่าหน้าสินะ ไอ้ที่ยืนหันตูดให้ไม่ได้เรียกว่าหลบแล้วเรียกว่าอะไรวะ แล้วบทสนทนาตอนนี้ฟังดูห่างเหินชอบกล ดนตรีไทยระนาดเอกอะไรไม่มีหลุดปากออกมาจากคู่ผัวตัวเมียตรงหน้าเลยซักคำ

   “แล้วที่ฟ้าไลน์ไปหาทำไมไม่ตอบ”

   “ไลน์พี่เจ๊ง”

   “ส่งแมสเสซไปทำไมไม่อ่าน”

   “พี่ลืมตั้งเตือน”

   “แท็กในอินสตาแกรมทำไมไม่กดไลค์”

   “พี่เผลอลบแอพไป”

   “รีทวิตในทวิตเตอร์ไปทำไมรีพลาย”

   “พี่สลับแอคเคาน์ผิด”

   “ถามในอาร์คเอฟเอ็มทำไมไม่ตอบ”

   “พี่ไม่รู้ว่าใครถาม”

   ฮ่วยจะเอาแม่งทุกแอพแล้วนะ ไอ้แม็คก็หน้าด้านตอบไปได้ควายที่ไหนจะเชื่อ มึงยืดอกพกถุงยอมรับน้องเขาไปตรงๆเถอะว่าหนี

   “ฟ้าโทรศัพท์ไปทำไมไม่ยอมรับ”

   “พี่เรียนอยู่”

   “ฟ้าโทรไปตอนสองทุ่ม”

   “แบตหมด”

   “มันขึ้นว่าเลขหมายที่คุณเรียกไม่สามารถติดต่อได้”

   “พี่ปิดเครื่อง”

   “ถ้าจะทำกันขนาดนี้แล้ว พี่แม็คบอกมาเลยดีกว่าค่ะ ว่าเลิกกันน่ะ”

   “...”

   “...”

   เชี่ยยยยยย ผมจุก...ขนาดไอ้เดย์ที่เคยแช่งให้คู่รักหวานจ๋อยคู่นี้เลิกกันอยู่ทุกวันยังอ้าปากค้าง มันร้ายแรงถึงขั้นนี้เลยเหรอวะ แต่คงไม่มีไอ้บ้าตัวไหนมันจับไม่ได้หรอกครับว่าน้องฟ้าเขากำลังประชดอยู่

   “แม็คกูว่ามึงสองคนใจเย็นๆแล้วค่อยคุย...”

   “อยากมานานแล้วสินะ เห็นกูเป็นตัวอะไรวะ!! ได้พี่เลิก!!”

   เหี้ยยยยยยยยยยยยย มีอยู่หนึ่งตัวถ้วนครับ แถมกูยังห้ามไม่ทันด้วย พ่อหม้ายใจกล้าหมาดๆทิ้งท้ายไว้อย่างนั้นแล้วเดินอาดๆจากไป ผมรีบสะกิดบอกให้ไอ้เดย์วิ่งไล่ตาม ส่วนผมก็รีบหันมาจัดการกับคนที่น่าเป็นห่วงไม่แพ้กัน น้องฟ้าเธอยังคงยืนค้างอยู่ตรงนั้นเหมือนสติหลุดลอยไปไกลไม่นานไหล่สองข้างก็สั่นทะท้านให้ผมเห็น จนกระทั่งน้ำตาไหลรินลงมาอาบพวงแก้มทั้งสองข้าง...

   นี่มันเรื่องบ้าอะไรวะ ไอ้แม็คมันไปกินอะไรผิดสำแดงมา หรือเป็นเพราะไอ้เดย์มันเอาเชื้อโรคในมือมันปาดไหล่เลยทำให้เป็นพิษสุนัขบ้า

   “ฮึก....ฮึก” ร่างเล็กๆตรงหน้ากลั้นสะอื้นสุดชีวิตถึงแม้หยาดน้ำเออรื้นดวงตาจะไม่ปรานีเธอแล้วก็ตาม ผมเห็นแล้วโคตรสงสารจนอดที่จะเรียกชื่อเธอไม่ได้

   “น้องฟ้า”

   “พี่ไทม์ ฮืออออออ” อุก...วิ่งพุ่งเข้ามาเลยครับ ไม่นึกว่าชีวิตจะมีวันนี้ วันที่ผู้หญิงวิ่งพุ่งเข้ากอด แต่ผมไม่ได้นึกสเน่หาอะไรเธอนะ เธอเหมือนน้องสาวมากกว่า น้องสาวตัวน้อยๆที่กำลังร้องไห้อย่างบ้าคลั่งเพราะมีคนทำให้เธอเจ็บช้ำน้ำใจ หากแต่เรื่องนี้ผมจะดูสถานการณ์จากฟากเดียวไม่ได้ ก็ในเมื่อผมยังไม่รู้ตื้นลึกหนาบางอะไรเลยนี่ ที่ไอ้แม็คมันบอกเลิกน้องฟ้าเป็นเพราะคนที่อยู่ในอ้อมกอดผมไปมีคนใหม่อย่างงั้นเหรอ แล้วคนใหม่ที่ว่าเนี่ยอย่าให้ผมเดาได้มั้ยว่าเป็นใคร ผมทำใจไม่ได้ว่ะ จริงๆนะ เพราะผมกลัวว่าคนที่จะต้องมานั่งช็อคเหมือนน้องเขาลำดับถัดไปจะเป็น...ผม...


   ผมไม่กล้าพอที่จะถามเรื่องราวในทันที เลยพาเธอมานั่งตรงม้าหินในมุมเงียบๆแล้วได้แต่รอ รอให้เธอร้องไห้ให้สุด ให้เธอพร้อมที่จะระบายกับผมว่าเกิดอะไรขึ้น

   “ฟ้าขอโทษนะคะ” เธอพูดขึ้นมาเป็นประโยคแรก ดูเหมือนเธอจะสงบสติอารมณ์ได้แล้ว น้องฟ้ากล่าวขอโทษไปทั้งๆที่ยังมีก้อนสะอึกเล็กๆอยู่ในลำคอ

   “เฮ้ย ขอโทษพี่ทำไม ไม่ต้องขอโทษ”

   “ฟ้าพลอยทำให้พี่ไทม์ลำบากไปด้วยเลย”

   “ไม่หรอกน่า” ผมส่ายหน้า แค่เสื้อนักศึกษาพี่เปียกไปถึงราวนมเท่านั้นเอง คิดแล้วก็ยกมือขึ้นคีบนิ้วเข้ากับเสื้อแล้วสะบัดไหวๆอยู่พักใหญ่ “ช่วงนี้อากาศร้อนเนอะ” ก็คนมันไม่รู้จะเข้าเรื่องยังไงหนิครับ จะให้ชวนคุยสัพเพเหระอย่างไอ้ด่างข้างคณะมันคลอดลูก หรือเมื่อวานไปเห็นคุณเงินคุณทองมันกระโดดราวดอฟตีลังกาลงสระแก้วก็ว่ายังไงอยู่ ผมเลยชวนคุยเรื่องฝนฟ้าอากาศซะอย่างงั้น

   “หึ...ร้อนจนทำให้พี่แม็คเป็นบ้าไปเลย”

   เอ๋? เมื่อกี้ผมหูฝาดรึเปล่า คนที่นั่งอยู่ตรงนี้ก็มีแค่น้องฟ้ากับผมนี่หน่า เมื่อกี้เสียงใครอ่ะ แค่จะหันหัวจะไปพิสูจน์ให้แน่ใจเท่านั้นแหละครับก๊อกสองแม่งมาเลย เชี่ยน้ำตาผู้หญิงผมทนเห็นไม่ได้ว่ะ แต่จะให้กระชากหัวน้องฟ้าลงมาซับน้ำตากับไหล่ก็ไม่ใช่หน้าที่ ทิชชู่กูก็ไม่มี ผ้าเช็ดหน้ากูก็ไม่เอามา สุดท้ายกรรมมันเลยมาลงกับแขนเสื้อผมนี่แหละครับจัดมันไป

   “ฮืออออออออออ” ขาดแค่กะละมังกับผงซักผ้าไม่งั้นน้องฟ้าคงทำให้ผมได้ชุดใหม่แบบไม่ต้องส่งซักรีด อ่อยยยกูชุ่มไปทั้งตัว น้ำมูกน้ำตามาเต็ม นี่ผมจะรู้ได้ยังว่ามันเกิดอะไรขึ้นเนี่ย

   “ฮึก..ฟ้าไม่เข้าใจอ่ะพี่ไทม์” เออะ...พี่ก็ยังไม่เข้าใจน้องเลยครับว่าจะร้องไห้อะไรกันนักกันหนา เสื้อตูนี่แทบจะเอาไปเป็นผ้าขี้ริ้วได้อยู่แล้ว “พี่แม็คเป็นอะไรไป ทำไมจะต้องทำเหมือนหลบหน้าฟ้าด้วย”

   “มันหลบหน้าฟ้าอยู่เหรอ” ไม่ได้แกล้งโง่ครับ แต่โง่จริงผมนึกว่ามันแค่ไม่ได้ไปหาไม่รู้เลยว่าสองวันมานี้มันหลบหน้าแถมปิดช่องทางการติดต่อทุกเส้นทางกันแฟนมัน

   “ตั้งแต่วันอาทิตย์แล้วค่ะ โทรไปก็ไม่รับ ไม่ยอมโทรกลับ ไม่ยอมมาหา เหมือนกำลังจะทิ้ง...กัน...ฮึก” เหยดดดอย่าบอกนะว่าก๊อกสามน่ะ

   “ไม่ๆ ไม่เอาคนดี ไม่ร้องนะ ตาบวมหมดแล้ว มันไม่ทำอย่างนั้นหรอกเชื่อพี่ มันรักฟ้าออกจะตาย”

   “แต่พี่ไทม์ก็เห็นแล้วนี่คะ ว่าพี่แม็คบอกเลิกกับฟ้าน่ะ!!” เชี่ย ผมสะดุ้งเลยครับ ที่จับมือถือจะโทรบอกการปะปาว่าท่อน้ำรั่วนี่เป็นอันพับเก็บไปเลย “ฟ้าทำอะไรผิดเหรอ ที่ผ่านมาฟ้าก็เป็นห่วงเขาทุกอย่าง ยิ่งช่วงนี้เห็นพี่แม็คกำลังเครียดๆเรื่องเตรียมซิ่วไปสอบหมอ ฟ้าก็พยายามไม่เอาแต่ใจ ไม่เอาความเหงามาเป็นใหญ่ทำให้อนาคตเสีย แล้วดูสิ่งที่เขาทำกับฟ้าสิ ดูเหมือนฟ้าไม่มีค่าอะไรเลยอ่ะ...ฮึก” มาอีกก๊อกนึงคราวนี้กูถอดเลยครับ ซับมันให้เต็มที่เลยน้อง คาร์ดิแกนในเป้ผมเอง ผมหยิบมันออกมาแล้วยื่นให้น้องฟ้าอย่างไว

   “พี่ก็ไม่รู้หรอกนะว่ามันโกรธอะไร”

   “...”

   “แต่ถ้าให้พี่เดา...ตัวน้องฟ้าเองน่าจะเป็นคนที่รู้ดีที่สุด” ชื่อไลน์ที่ปรากฏในมือถือของไอ้แทนผมไม่รู้ว่าเป็นของคนตรงหน้ารึเปล่า แต่กับการที่ไอ้แม็คมันแสดงอาการขนาดนี้ก็แสดงว่าเพื่อนผมมันจะต้องไปรู้ไปเห็นอะไรบางอย่าง บางอย่างที่ทำให้ถึงกับต้องหลบคนตรงหน้าไม่ยอมแม้แต่จะฟังคำอธิบายหรือเหตุผลใดใด

   “พี่ไทม์หมายความว่าไงคะ” เธอหันมามองหน้าผมด้วยความคลางแคลงสงสัย ผมได้แต่จ้องตอบกลับไปแบบนิ่งๆอย่างวิเคราะห์

   “เปล่าหรอก พี่ก็แค่พูดไปงั้นนะ” หัวเราะแห้งๆ ตัดบทความเงียบที่คลุมเครือ เสมองไปทางอื่นเพื่อเปลี่ยนบรรยากาศ ผัวเมียทะเลาะกันซักวันเราจะกลายเป็นหมา ปล่อยให้เขาเคลียร์กันเองดีกว่า แต่ทว่า...

   “เข้าใจแล้วค่ะ”

   หืม?

   “ในเมื่อทำตัวเป็นแฟนที่ดีขนาดนี้แล้วยังไม่พอใจ...ก็ได้ค่ะ”

   เดี๋ยวก่อนนะ อะไร ยังไง ก็ได้นี่คืออะไร พี่ไม่เก็ท

   “ฟ้าจะนอกใจพี่แม็คให้ดู”

   เหยดดดดดดดดดดดดด กูเก็ทแล้ววววววว


TBC


มีตัวละครมาเพิ่มเยอะขึ้น เริ่มจะปั่นป่วนแล้ววว(หมายถึงคนเขียน)
คุณ FeaRes โอ้ยยยเมารัก ชอบๆ
แทนเวอร์ชั่นเมามาย(แค่ตอนเมาเหรอ555)...รักคนหมั่นไส้แทนค่ะ 55555

ออฟไลน์ FeaRes

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 738
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-2
ตัวละครเยอะก็ต้องตั้งสตินะคะ 55555

จะนอกใจพี่แม็คให้ดู? จะนอกใจหรือนอกใจไปแล้ว พูดให้ถูกๆ--- แค่ก
ไลน์ไปหาแทนนี่คืออะไรรรร //มองแรงใส่ฟ้า---

แทนจะมาเนียนดูความขาวพี่ไทม์ตรงๆแบบนี้ไม่ได้นะ!!! 555555

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
เรืรองมันยุ่งก็เพราะคุยกันไม่จบประโยคสักทีนั้นแหละ

ออฟไลน์ sakutaka

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 128
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-1
{Will you be my family?(น้องครับพี่ขอนับญาติได้มั้ย?)}

บทที่10 โชแปง



   น้องฟ้าอยู่หนายยยยยยยยยย


   เสียงนี้ไม่ใช่เสียงไอ้แม็คที่ร่ำร้องหาเมียมัน แต่เป็นผมเนี่ยแหละที่ตะโกนหวีดสยองอยู่ในใจ

   หลังจากประกาศก้องว่าจะมีชู้ น้องฟ้าเธอก็วิ่งแจ้นหายไปต่อหน้าต่อตาโดยที่ผมไม่ทันจะรั้งเธอไว้ด้วยซ้ำ นั่นพูดจริงหรือแค่อำ ถ้าเป็นอย่างหลังผมขอมอบโล่ตุ๊กตายางให้เธอหนึ่งอันเลยเอา เล่นใหญ่รัชดาลัยเธียเตอร์ซะเหมือนจริงจนกูขี้หดตดหายขนาดนั้น อย่าบอกนะว่าถึงขั้นไปเตรียมการฟิตซ้อมร่างกายหานักแสดงนำร่วมไปล่วงหน้าแล้วน่ะ

   “โอ๊ย ถ้ามันเลิกกันจริงๆกูไม่ซวยเลยเหรอวะ” ผมยังคงเดินหาเผื่อจะเจอสารร่างของน้องฟ้า เผื่อเธอจะโปรยเศษขนมปังทำสัญลักษณ์เอาไว้ และหวังว่าจะไม่มีตัวอะไรไปกิน...

   “!!!”

   ...เชี่ยมาลี!!! จำไอ้ด่างที่มันคลอดลูกได้มั้ยครับ ไอ้เนี่ยนี่แหละ ผมวิ่งรี่เข้าหาจนแม่ลูกอ่อนนมยานระพื้นมันผงะวิ่งกรูดไปข้างๆ ผมทำเหี้ยอะไรอยู่เนี่ย นั่นมันซากเงาะกระป๋องไส้สับปะรดไม่ใช่ขนมปัง แล้วนี่มันก็เรื่องของพลเทพกับฟ้าคราม ไม่ใช่ฮันเซลกับเกรเทลเว้ย

   ผมควรทำไง ปล่อยไว้เฉยๆไม่ต้องทำอะไรหรือตามหาน้องฟ้าต่อไปดี ไอ้เดย์แม่งก็ไม่รู้ไปปลอบไอ้แม็คถึงไหนไม่ยอมกลับมาซักที


   ครืดดด

   โทรศัพท์ใต้กระเป๋าสั่นเป็นเจ้าเข้า ผมตกใจลนลานรีบหยิบขึ้นมาจนเกือบทำร่วงอีกรอบ ตกคราวนี้คงไม่ต้องไปหาหมอแล้วล่ะครับ ซื้อเครื่องใหม่ง่ายกว่า ว่าแต่ใครโทรมาวะ ผมจ้องหน้าจอมือถือที่ปรากฏเป็นชื่อ...


   หล่อสุดในสามโลก

   ไอ้เชี่ยแทน ไอ้กิ๊กนัมเบอร์วันของน้องฟ้า ไอ้สัดหมาโทรมาทำไม ก็แม่งเล่นหายตัวไปสามวันไม่โผล่หัวมาแล้วจู่ๆก็เล่นโทรหาในตอนที่กูอารมณ์เหมือนเมนส์มาเนี่ยนะ

   แหนะแหนะยังไม่หยุดอีกเสียงตู๊ดเกินห้าครั้งแล้วไม่รับก็ควรตระหนักได้แล้วว่าอีกฝ่ายไม่อยากคุยน่ะ ทำไมความรู้สึกช้าอย่างนี้วะไอ้นี่ สุดท้ายผมก็กดรับ วุ้ยกูรำคาญญญ

   “มีไรวะ โทรมาทำเผือกอะไร ถ้าไม่ใช่เรื่องสำคัญมึงตาย”

   [เมนส์มาเหรอ]

   “เออกูเมนส์มา ขอด่ามึงให้สบายใจทีเหอะ”

   [แสดงว่าคืนนั้นไม่ได้ท้อง]

   “ท้องบ้านมึงดิ”

   [ตอนนี้พี่ว่างป่ะ]

   “ไม่ว่าง”

   [แล้วหลังจากนี้อ่ะ]

   “อาจจะไม่ว่าง”

   [ถ้างั้นดึกๆหน่อย]

   “ไม่รู้โว้ย ตอนไหนกูก็ไม่ว่างทั้งนั้นแหละ อย่ามาเซ้าซี้”

   [งั้นบอกทีเมื่อไรจะว่าง]

   “ไอ้แทน มึงจะอะไรกับกูนักหนา”

   [ลืมไปแล้วอ่ะดิ]

   “ลืม? ลืมอะไรของมึง”

   [เดี๋ยววันนี้ไปหาที่ห้อง]

   “ห้องใคร”

   [ห้องพี่]

   “จะมาทำไมวะ”

   [ไปเอาคืน...ที่ลืมกัน]

   “เฮ้ย เดี๋ยว”

   แกร่ก ตรู๊ด ตรู๊ด ตรู๊ด

   มันวางไปแล้ว เดดแอร์เฟี่ยๆเหมือนยืนเพลียกลั้นลมตด ไม่เข้าใจพฤติกรรมไอ้แทนสุดๆ มึงจะเอาอะไรกับกรู ทำไมไม่ไปเอากับน้องฟ้ากิ๊กมุ้งมิ้งกระดิ่งแก้วของมึงล่ะ เขาเต็มใจจะให้มึงเป็นตัวละครนำเรื่องเธอกับฉันในวันมามากอยู่แล้ว อยากจะจ้างเนชั่นแนลจีโอกราฟฟิกให้ไปสำรวจชีวิตสัตว์โลกอย่างมึงจริงๆ กูจะได้รู้ว่าตอนนี้มึงอยู่ในอารมณ์ไหน หาอาหาร เข้าฝูง ล่าเหยื่อ หรือช่วงผสมพันธุ์

   ผมยืนนิ่งอยู่กับที่ จุดธูปเรียกสติกรรมฐานสี่ ตัดทางแทนเข้าทางธรรมแล้วตั้งใจจะหันไปจัดการเรื่องวุ่นวายที่ต้องคลี่คลายตรงหน้าก่อน หากแรงสั่นตามง่ามนิ้วที่หนีบมือถือมันกลับมาอีกครั้งทำให้ต้องหยุดเดินหน้าอย่างช่วยไม่ได้ ไอ้ตัวกวนใจ มึงจะโทรมาทำไมอีกวะ ไอ้ฟายแทน

   “ตุ่ง ดุง ดุ๊ง เลขหมายที่ท่านเรียกไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนี้...ซอรี่ เดอะ นัมเบอร์ ยู ดีล..”

   [ไทม์?]

   “...!!”

   เสียงทุ้มๆทำให้ผมตกใจค้าง เชี่ย...นี่ไม่ใช่เสียงไอ้แทน

   รีบจัดจนกดรับแบบไม่สนใจหน้าจอ เบอร์แปลกๆที่โชว์หราอยู่ข้างหน้าทำให้ผมรู้ว่าไม่ใช่ไอ้แทน เป็นเบอร์ที่ผมไม่เคยเมมไว้ สินมั่นคงประกันภัยรึเปล่าวะ

   “โทษทีครับ ผมไม่มีรถ ยังไม่มีรายได้ ไว้รอผมทำงานเมื่อไรค่อยโทรมาใหม่นะ” ทำท่าจะกดวางสายแต่เสียงในโทรศัพท์ก็ดังแทรกขึ้นมาเสียก่อน

   [จำเสียงพี่ไม่ได้เหรอ]

   “หา?” เสียงใครวะ นึกว่ากูอยู่รายการ ไอ แคน ซี ยู วอยซ์ หรือไงถึงจะมาจำได้ว่าใครเสียงดีเสียงเพี้ยนเนี่ย “จำไม่ได้อ่ะครับ พี่ไหน ผมมีพี่ตั้งหลายคน” พี่คณะ พี่ภาค พี่มากขา เยอะแยะเต็มไปหมด

   [เลิกบล็อคไลน์พี่ซะที] ฮะ? คราวนี้มาอะไรอีก ยังไม่รู้จักชื่อก็มาบอกให้เลิกบล็อคไลน์ทำนู้นทำนี้ซะแล้ว ผมถอยมือถือออกมากดแอพไลน์เข้าหน้ารายชื่อที่ถูกบล็อคเลื่อนดูตั้งแต่บนยันล่าง เช้ดดดดหลักร้อยไถจนนิ้วกุดกูก็ไม่รู้หรอกว่ามึงเป็นใคร นี่ผมบล็อคเพื่อนไปเยอะขนาดนี้เลยเหรอวะ อ๋อลืมไปเมื่อตอนปีหนึ่งถูกคนรุมโทรมแอดกันมาถล่มถลายแบบไม่เกรงใจชีวิตกูเลยซักนิด คนมันฮอตแอนด์สไปซี่น่องไก่สี่ปีกไก่สองก็อย่างนี้แหละครับเลยช่วยไม่ได้ที่จะต้องมานั่งปวดหัวบล็อคไลน์เพื่อตัดรำคาญ

   “โทษทีพี่ ผมไม่รู้ว่าพี่เป็นใคร แล้วทำไมผมจะต้องอันบล็อคไลน์พี่ด้วย”

   [...] อ้าวเงียบอีก

   “ถ้าไม่มีธุระอะไรผมวางนะ”

   [เด็กสาธิต]

   “ฮะ?”

   [ไทม์รู้จัก....เด็กสาธิตที่ชื่อฟ้ามั้ย] อ้าวไอ้นี่ ทำไมจู่ๆพูดถึงน้องฟ้า ว่าแต่ใช่น้องฟ้าคนเดียวกันรึเปล่าเนี่ย

   “ถ้ารู้จักแล้วจะทำไม มันเกี่ยวอะไรกับพี่ด้วย”

   [เกี่ยวสิ]

   “...”

   [ถ้าอยากรู้ก็เลิกบล็อคไลน์พี่ แล้วพี่มีของดีดีจะให้เราดู]



   ผมยื่นจ้องหน้าจอรายชื่อคนที่ถูกบล็อคอยู่นานหลายนาที ใจยังลังเลแบบสุดขั้วที่จะกดอันบล็อคเจ้าของเสียงเมื่อครู่นี้ ก่อนมันวางแม่งทิ้งปริศนาให้กูเพียบถ้าไม่ติดว่าเป็นตัวเอกเรื่องนี้ผมคงย้ายไปเล่นเรื่องยอดนักสืบจิ๋วโคนัน ด๋อย แล้วไปสอยมันให้ร่วงแล้ว ชื่อที่ผมขยาดและขลาดกลัวมาปรากฏอยู่ตรงหน้า ผมค่อยๆบรรจงจิ้มนิ้วลงไปปลดบล็อคตามที่มันสั่งก่อนจะมีข้อความของใครบางคนเด้งขึ้นมา


Chopin
Chopin sent you a photo


   ไอ้เชี่ยพี่โช

   ตั้งแต่เกิดมาในชีวิตไม่เคยละเมียดละไมกับการใช้นิ้วกดลงไปเพื่อตอบแชทใครได้มากมายเท่านี้เลย ผมเข้าไปที่หน้าแชทของมันที่พึ่งมีการส่งรูปบางอย่างมา ทันทีที่แตะเข้าไปเพื่อให้รูปมันขยาย ภาพที่ปรากฏตรงหน้าทำให้ผมถึงกับผงะ

   มันเป็นรูปลายปักอักษรย่อโรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยผม!!...บนเสื้อของใครบางคน ที่ผม...ไม่อยากเดา... พอควบคุมสติได้ผมก็รีบพิมพ์ตอบกลับไปทันที


Sea Saw Scene
พี่ต้องการอะไร

Chopin
มาดื่มเหล้ากับพี่


   ผมขมวดคิ้ว เฮ้ยมันเกี่ยวกันป่ะเรื่องกินเหล้ากับเรื่องน้องฟ้าเนี่ย


Sea Saw Scene
ทำไมผมต้องไปด้วย

Chopin
น้องฟ้ารอไทม์มารับอยู่

Sea Saw Scene
เดี๋ยวพี่ น้องฟ้ามาเกี่ยวอะไรด้วย

Chopin
น้องอยู่กับพี่


   “...”

   ผมนิ่งไป ทำไมน้องฟ้าไปอยู่กับมันได้วะ ไม่เข้าใจว่ะ งงเว้ย แต่แล้วเหมือนจะอ่านใจผมได้พี่โชมันเลยตอบกลับมาโดยไม่รอให้ผมพิมพ์


Chopin
มาเดี๋ยวก็รู้เอง


   แล้วทำไมกูจะต้องไปด้วยว้าาาาาา แต่ถ้าผมไม่ไปมันจะเกิดอะไรขึ้น เชี่ยไม่อยากคิด


Sea Saw Scene
ตอนนี้พี่อยู่ไหน


   ถามพิกัดไปก่อนส่วนจะยกก๊วนแก๊งไปเปิดศึกปะทะยังไงค่อยว่ากัน คนอย่างผมกับพี่โชไม่ลุยเดียวอยู่แล้วยังไงก็ต้องหมาหมู่ เป็นไงแมนมั้ยล่ะครับ อีกฝ่ายอ่านแต่ไม่ตอบจนผมร้อนใจต้องพิมพ์ซ้ำไปใหม่อีกรอบ


Sea Saw Scene
อยู่ไหนพี่บอกมาดิ เดี๋ยวผมไปหา

Chopin
ไม่ต้องหรอก

Sea Saw Scene
เฮ้ย จะเอายังไงกับผมกันแน่เนี่ย

Chopin
พี่มารับแล้ว


   เส้นกระตุกดังตึก รีบเงยหน้าขึ้นมากวาดสายตาไปรอบตัว จนร่างสูงโปร่งของคนๆหนึ่งปรากฏขึ้นในครรลองสายตา เชี่ยกูยังไม่ทันชวนไอ้เดย์เลยยยยย กว่าจะคิดจบมันก็เดินมาถึงตัวผมแล้ว

   “ไปกัน” มันจับมือผมเตรียมลากออกไป จนผมต้องรั้งตัวไว้เป็นพัลวัน

   “เดี๋ยวพี่ ไหนบอกว่าอยู่ร้านเหล้า”

   “คนที่อยู่น่ะน้องฟ้า”

   “แล้วพี่ไม่พาน้องมาด้วย”

   “ตอนนี้น้องเขาอยู่กับเพื่อนพี่” ไอ้เชี่ยยยยยยเพื่อนมึงเนี่ยนะ ผมไม่อยากจะคิด เพื่อนพี่โชเท่าที่เห็นแต่ละตัวดีดีทั้งนั้น ดีพอพอกับหัวโจกมันที่ดูเหมือนฟันผู้หญิงไม่เลือกหน้า ท่าทางก็ไม่น่าไว้วางใจ เหมือนพวกนักเลงหัวไม้จะเอาเรื่องกับใครได้ทุกเมื่อ “ถ้าไม่รีบไปตอนนี้พี่ก็ไม่รับประกันนะว่าพวกมันจะทำอะไร”

   มึงงง อย่าขู่กู ผมต้องทำไงวะ ต้องทำไงวะ ต้องทำไงว้าาาา

   “ไปเถอะ” พี่โชใช้แรงที่มากกว่าดึงตัวผมให้ก้าวเดินตามไป เหี้ยกูคิดไม่ออกในสถานการณ์แบบนี้ ได้แต่ปล่อยให้อีกฝ่ายทำตามใจต้องการ


-------มีต่อค่า-------
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 30-09-2017 22:12:29 โดย sakutaka »

ออฟไลน์ sakutaka

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 128
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-1


   ระหว่างนั่งรถผมสังเกตได้ว่าสายตาพี่โชมันมองมาอยู่หลายครั้ง โคตรอึดอัด อึดอัดยิ่งกว่าการนั่งเงียบๆข้างๆมันบนรถที่ไม่ได้เปิดเพลงฟังเสียอีก ในใจก็ได้แต่ภาวนาให้ไม่เกิดเรื่องเสียๆหายๆอะไรขึ้นกับฟ้า ไอ้เชี่ยแม็คเวลาอย่างนี้ทำไมมึงต้องมาทะเลาะกับเมียด้วยวะ ทำไมมึงไม่ดูแลเมียมึง ผมนึกอยากจะพาลทุกอย่างบนโลกนี้ พาลที่มันทำให้ผมต้องมาเข้าใกล้ไอ้พี่โชอีกครั้ง ผมเข็ดและขยาดกับมันมามาก มากมายเกินพอที่จะทำให้ผมตัวสั่นทุกครั้งที่เข้าใกล้มัน ทุกวันนี้ที่ผมยังอยู่ที่นี่ได้โดยไม่ต้องย้ายไปมหา’ลัยอื่นก็เพราะมีอิทธิผลพ่อไอ้เดย์คุ้มกะลาหัวไว้ อย่างน้อยไอ้เชี่ยพี่โชที่เป็นลูกคนโตของบริษัทในเครือยักษ์ใหญ่ที่เสี่ยอู๊ดถือหุ้นอยู่เกินกึ่งหนึ่งก็ยังมีความเกรงใจทางบ้านไอ้เดย์อยู่บ้าง

   “ถึงแล้ว” ผมหลุดจากภวังค์ที่คิดถึงเรื่องราวในอดีต กวาดตาผ่านกระจกไปรอบลานจอดรถข้างหน้า ที่นี่เป็นผับที่เปิดแยกออกมาไกลจากสถาบันการศึกษา พี่โชมันพาผมมาไกลขนาดนี้เลยเหรอวะ

   ผมรีบเปิดประตูลงจากรถก้าวอย่างไวเดินผ่านเข้าไปข้างใน ที่นี่ไม่มีแม้แต่การ์ดที่คอยมาตรวจบัตรประชาชนของลูกค้า เหมือนออกแนวเปิดขึ้นมาแบบฝ่าฝืนกฎหมาย แต่เพราะอยู่แหล่งห่างไกลชุมชนแถมไกลปืนเที่ยงเลยอาจจะหลุดพ้นจากสายตาตำรวจไปได้ พอก้าวเข้าไปแค่นั้นแหละกลิ่นคละคลุ้งของควันบุหรี่ก็ลอยตลบอบอวลไปทั่ว ผมแทบสำลักควันอยู่ตรงนั้น แต่ก็ยังอดทนกวาดตามองอยู่ตรงหน้าทางเข้าเผื่อจะเจอสาวน้อยที่ร้องไห้ฟูมฟายเมื่อหลายชั่วโมงก่อนอยู่ใกล้ๆ ผมจะได้พากลับทันที

   “เข้าไปก่อนสิ” ไหล่ผมถูกมือพี่โชจับไว้จากด้านหลังแล้วดันไปข้างหน้า

   “ผมแค่มารับฟ้า”

   “แต่พี่บอกให้เรามาดื่ม”

   “...” มึงมีตัวประกันแล้วนี่ ส่วนกูเนี่ยดิไม่มีใคร มีแค่ตัวคนเดียวกับสองตีนน้อยที่ต้องคอยก้าวตามมึง กับสองหมัดที่กำไว้จนตึงแขน และคอทองแดงที่ฝึกมาโดยคุณชลาศัย

   ผมเชื่อว่าผมฉลาดพอ และผมต้องเอาตัวรอดออกไปให้ได้


   พี่โชพาผมเดินมาจนถึงโซนๆหนึ่งเหมือนโซนวีไอพีที่มีการจัดห้องเป็นสัดส่วน ดูจากสภาพแล้วค่าเช่าห้องน่าจะแพงระยับ ทันทีที่เปิดประตูเข้าไปผมเห็นผู้ชายสองคนนั่งอยู่ในนั้นก่อนแล้ว ต่างคนต่างสรวลเสเฮฮาและกำลังเชื้อเชิญใครบางคนที่นั่งอยู่ตรงกลางให้ดื่ม เหยดดดดดดดน้องฟ้าตัวจริงเสียงจริงเว้ยเฮ้ย

   “พวกพี่ทำเชี่ยอะไรวะ” ให้เด็กมันดื่มได้ไง ไอ้พวกเฟี่ยนี่ ผมรีบก้าวไปข้างหน้าไปแทรกกลางระหว่างพวกมันกับผู้หญิงแล้วใช้มือดันแก้วเหล้าที่พวกมันคะยั้นคะยอให้น้องเขาดื่มออกไปจากตัวน้องฟ้า

   “อ้าวๆๆทำอย่างนี้ก็เสียอารมณ์ที่บิลด์กันมาหมดสิครับน้อง” หนึ่งในสองที่ผมเข้าไปขวางเอ่ยขึ้นมา

   “โหยดุขนาดนี้ ท่าจะเข็ดฟันน่าดู ให้พี่ชิมทีได้มะ” อีกคนหนึ่งพูดเสร็จมันเอื้อมมือมากระชากผมให้ลงไปนั่งกับมันด้วย

   “สัดเอ๊ย” ผมยื้อไว้ไม่ไปตามแรง แม่งจะทำเหี้ยอะไรกูวะ เห็นอย่างนี้ตูก็ออกกำลังกายเป็นประจำนะเว้ย

   “น้อยๆหน่อยนี่ของกู” เสียงจากด้านหลังทำเอาสองตัวที่พยายามจะดึงผมลงไปให้ได้ถึงกับชะงักแล้วปล่อยมือ ไอ้พี่โชมันเอ่ยแสดงความเป็นเจ้าของในตัวผมกับเพื่อนมันเต็มที่

   ใครของมึงวะ ไอ้สาดดด ได้แต่คิดเพราะพูดออกไปก็ไม่มีประโยชน์อะไรผมไม่พูด อย่างน้อยไอ้สองตัวนี้ก็ดูจะเกรงๆกับพี่โชพอสมควร มันเลยไม่กล้ายื้อยุดฉุดกระชากผมอีก

   “หวงสัดเลยนะไอ้โช”

   “ในที่สุดก็พามาได้นะ แม่งเหมือนเดิมเป๊ะ ยังขาวเซี๊ยะน่าเจี๊ยะไม่เปลี่ยน” โคตรเกลียดสายตาพวกแม่งที่มองผมเลย กะอีแค่ตัวขาวมึงก็ฟันได้ไม่เลือกเลยเหรอวะ ถ้างั้นมึงไปวู้ฮู้กับมาสคอตมิชลินไป ผมผู้ชายนะเว้ยตัวก็สูงพอพอกับพวกมัน รูปร่างก็ไม่ได้ไร้กล้ามเนื้อปวกเปียกอ่อนแรงอะไรขนาดนั้น อาจจะผอมกว่าพวกมันเล็กน้อยเพราะช่วงนี้ไม่ค่อยเจริญอาหาร ยิ่งมาเจอกับหัวโจกพวกมึงกูยิ่งแดกข้าวไม่ลงเข้าไปใหญ่

   “พวกพี่จะไปบิลด์ที่ไหนก็ไปเลยไป แต่ต้องไม่ใช่กับฟ้า” ผมจับสองไหล่ของน้องขึ้นมาใช้แรงทำให้เธอลุกขึ้นยืน แต่ดูท่าสติของเธอคงเหลือไม่ถึงครึ่ง ร่างที่โอนเอนส่ายไหวไปมาทำให้ผมเดาได้ว่าโดนไปหลายแก้ว

   “พี่ไทม์” เสียงหวานๆของน้องฟ้าเรียกชื่อผม สายตาปรือๆทำเอาผมถึงกับใจเสีย เยาวชนนะครับเนี่ยพวกคุณมึงทำอะไรลงไปวะ

   “กลับกับพี่นะ กลับบ้านกัน” ผมดันหลังให้เธอก้าวไปข้างหน้า แต่ทว่า...

   “ยังกลับไม่ได้” ไอ้เชี่ยพี่โชมันมายืนขวางแถมกระชากน้องฟ้าไปไว้กับตัว “นั่งลงก่อนแล้วดื่มกัน” มึงเห็นกูมีอารมณ์ดื่มม้ายยยยยฮ้าาาาา ถึงจะคิดแบบนั้นแต่พี่โชมันคงไม่สนอารมณ์ผมเท่าไร มันจับน้องฟ้าให้นั่งลงที่ริมโซฟาปล่อยให้เพื่อนคนนึงมันเฝ้าไม่ห่าง ส่วนผมก็โดนมันโอบหลังดันไหล่ให้หย่อนก้นลงกลางโซฟาไปพร้อมกัน โดยมีเพื่อนมันอีกคนที่พร้อมเต็มใจย้ายตูดไปนั่งเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามแทน

   “ไทม์จะดื่มอะไร”

   “น้ำเปล่า”

   “เฮ้ย นี่มาร้านเหล้านะมาดื่มน้ำเปล่าเฉยๆได้ไง”

   “งั้นผมขอโค้ก”

   “ผสมแจ็ค” กูขอแค่โค้กเฟ้ยยยย มึงแถมแจ็คโรสมาให้กูมายฮาร์ตวิลโกออนทำเพื่อ!!

   ตัดสินใจให้เสร็จสรรพพี่โชมันก็เรียกบริกรเข้ามาสั่ง ตอนนี้ผมขัดอะไรมันไม่ได้ซักอย่าง เอาวะอย่างน้อยก็แค่จิบๆจนกว่ามันจะพอใจแล้วค่อยจากไปก็ได้ คิดไปพลางผมก็เหลือบมองน้องฟ้าไปพลาง

   “ทำไมน้องมาอยู่กับพี่ได้” ผมสงสัยจริงๆก็พอประกาศว่าจะนอกใจ แล้วไหงมาโผล่ที่นี่ซึ่งเป็นที่อโคจรได้ฟระ แถมมาอยู่กับตัวอันตรายอันดับหนึ่งอย่างพี่โชด้วย

   “พี่แค่บังเอิญเจอ แล้วน้องเขาบ่นเหงาๆ”

   “พี่ไม่ได้รู้จักกับน้องเขาซะหน่อย” ไม่มีอะไรจะเชื่อมโยงกันได้ ถ้าพี่โชมันเป็นรุ่นพี่ที่รู้จักหรือเป็นญาติฝ่ายไหนกับน้องเขาอย่างน้อยผมก็ต้องเห็นมันเข้ามาทักทายยามที่น้องมันมาหาไอ้แม็คที่คณะบ้างแหละเพราะน้องเขามาบ่อยจะตาย แต่นี่ไม่มี

   “แต่ไทม์รู้จักกับน้องเขา” แล้วมันเกี่ยวอะไรด้วยวะ กูผูกเรื่องนี้กับเรื่องนั้นเข้าหากันไม่ได้มึงเข้าใจมั้ย “ดูท่าสนิทกันมากด้วยสินะ”

   “ฮะ?” ก็แค่แฟนเพื่อน ผมแม่งแทบไม่รู้เรื่องอะไรเกี่ยวกับน้องฟ้าเลย มันเอาอะไรมาคิด

   “เหล้ามาแล้ว ดื่มเถอะ” แค่หัวโจกยื่นมือออกไปเพื่อนมันก็ชงแจ็คโค้กมาเสิร์ฟให้ในฉับพลัน “อ่ะ...ของไทม์” เหยดดดดด นี่ชงกะให้ดื่มหรือให้อาบกันแน่ เล่นเทมันซะปาไปสามส่วนสี่แก้ว ผมรับมาถือไว้พร้อมกลืนน้ำลายลงคออย่างแหยงๆ เจตนาส่อขนาดนี้อย่าคิดว่ากูไม่รู้ เชี่ยพี่โช...มันจะมอมเหล้าผม “เอ้า...ชนแก้ว!”

   เคร้ง

   มวยยกแรกได้เริ่มขึ้นแล้วครับ และผมจะไม่ยอมเมาโดยเด็ดขาด!!!


   ไอโฟนร้าวๆแตกลายงาคว่ำหน้าซุกอยู่ระหว่างโซฟากับต้นขาผม...นิ้วโป้งสัมผัสกับปุ่มโฮมเบาๆแล้วย้ายหน้าจอไปยังสายโทรเข้าลำดับที่สอง

   “พี่รู้จักที่นี่ได้ยังไง”

   “บรรยากาศดีใช่มั้ยล่ะ ไทม์ชอบมั้ย” โหยป้อกูซะ เสียงออดเสียงอ้อนหวานจ๋อยมดตะนอยไต่น้ำปลา

   “อือ...ก็ดูหรูหราดี เหมาะกับพวกคนมีอันจะกิน แต่อย่างผมแค่ร้านพี่ดวกก็พอแล้ว สมฐานะ”

   “ถ้าไทม์อยากมาอีกบอกพี่ได้นะ พี่พร้อมจะพามาทุกวันเลย” สุรานะครับไม่ใช่ข้าว ไม่ต้องแดกมันทุกวันสามเวลาต่างมื้ออาหารก็ได้ มะเร็งตับถามหากันพอดี

   “ว่าแต่ร้านชื่ออะไรนะครับ”

   “เลอ ปาราดิ”

   “เรอ ปลาร้าดิ?” ชื่ออย่างกันร้านขายส้มตำ ถ้ามีลาบ น้ำตก คอหมูย่างผมเนี่ยนั่งจกไปแล้ว เล่นเอานึกถึงชีวิตการกินอาหารเย็นอย่างสุขสบายหลังจากที่ผมไม่ได้ซัดมื้อเย็นมาหลายวันเลย

   “หึ...ไทม์นี่ตลกเนอะ ทำให้พี่หัวเราะได้ตลอดเลย” แต่กูไม่ขำโว้ยยย

   “หัวเราะบ่อยๆระวังคนเขาหาว่าเป็นบ้านะครับ”

   “บ้าเพราะไทม์พี่ยอม” เชี่ย ขนลุกสัด ด่าตรงขนาดนี้ยังไม่รู้ตัวอีก กูเกลียดดดดด ผมต้องทนอย่างนี้ต่อไปอีกนานแค่ไหน หวังว่าคนที่อยู่ในสายจะรู้ตัวซักทีนะว่าควรจะทำยังไง หรือว่าจะไม่วะ ก็ประเด็นที่ผมพูดกับพี่โชมีแต่เรื่องที่อยู่ผับ ไม่มีประเด็นตรงไหนที่เกี่ยวกับคนที่ผมคิดว่าเป็นกิ๊กมันเลยซักนิด อย่างนี้มันจะมาช่วยผมเหรอวะ บางทีมันอาจจะกดวางสายไปตั้งแต่วินาทีแรกที่ไม่มีการพูดคุยกันแล้วก็ได้ โอ๊ยยยผมลืมนึกข้อนี้ไปได้ยังไงเนี่ย

   “เหม่ออะไรล่ะเรา ดื่มสิ” พี่โชดึงสติโดยการดันแก้วในมือผมซึ่งพร่องไปได้ไม่ถึงเศษหนึ่งส่วนสี่ให้มาใกล้ริมฝีปาก กะจิบเข้าไปเบาเพื่อให้อีกฝ่ายเลิกคะยั้นคะยอ แต่ก้นแก้วกลับถูกมือใหญ่จากคนเดียวกันกระดกจนน้ำเมาไหลเข้าคอเกินขนาด พอผมจะผลักมือออกก็กลายเป็นว่าทำให้เหล้ากระฉอกเสียอย่างนั้น

   “แค่กๆ” เชี่ยเลอะหมด “ผมดื่มเองได้เปล่าวะ มีมือพี่ ไม่ได้พิการ” เริ่มหงุดหงิดแล้ว บอกตามตรงไม่ได้เป็นคนใจเย็นขนาดนั้น ไทม์ชลธีก็มีช่วงอารมณ์ร้อนได้เหมือนกันนะเว้ย

   “ก็เห็นมือเราไม่ค่อยขยับ”

   “พี่ก็รู้ว่าผมมาเอาฟ้ากลับ ผมจะดื่มให้เมาเละไปเพื่ออะไร” ถ้าไม่ติดว่ามีเพื่อนมันอีกสองตัวป่านนี้ผมรีบชิ่งลากร่างไร้สติตรงมุมนั้นกลับหอแล้ว พอจบประโยคสีหน้าของคนข้างๆเปลี่ยนไปจนผมจับสังเกตได้จากที่เคยมีรอยยิ้มน้อยๆกลับกลายเป็นสีหน้าเคร่งเครียดทันที

   “แฟนไทม์เหรอ?”

   “หา?”

   “น้องฟ้าเนี่ย แฟนไทม์เหรอ?” แดกจุดแป๊บ เฮ้ยยยยยยยยยยพี่โชมันเอาไรคิดวะเนี่ย

   “พี่พูดบ้าอะไร” เมียไอ้เชี่ยแม็คมันเว้ย

   “พี่เห็นเรากอดน้องเขา”

   “...!!” ตอนไหน!! สามัญสำนึกผมไม่เคยมีความทรงจำว่ากอดผู้หญิงมาก่อนเลย ขุดขุดขุด ขุดเอาให้ลึกไปถึงแกนสมอง ผมเคยกอดน้องฟ้าด้วยเหรอวะ เฮ้ยหรือว่า!! “พี่อยู่ตรงนั้นตั้งแต่เมื่อไร”

   “ทันตอนที่เรากอดน้องเขา” หัวผมมึนตึบ อย่างนี้ก็หมายความว่ามันอยู่ตรงนั้นมาตั้งนานแล้ว พอคิดกลับไปถึงฉากสำคัญในตอนนั้นที่มีแค่ผมยืนกอดน้องฟ้าซึ่งร้องไห้ฟูมฟายอยู่กลางตึกเรียนที่มีผู้คนประปราย ส่วนไอ้เดย์โดนผมไล่ให้ไปตามไอ้แม็ค ผมก็หาวขึ้นมาทันที

   ฮะ? หาวเนี่ยนะ

   “พี่แม่ง วางแผนมาตั้งแต่แรกแล้วใช่มั้ย” สัด มึงจ้องจะเข้าหาน้องฟ้าทันทีหลังที่ผละจากกูเนี่ยนะ เอาคนอื่นมาล้อเล่นลากมาดื่มเหล้าทั้งที่อายุยังไม่ถึง เอาแฟนไอ้แม็คมาข่มขู่เพราะคิดว่าเป็นคนที่ผมชอบพอ มึงเอาอะไรคิด

   “ถ้าไม่ทำอย่างนี้ไทม์ก็ไม่ยอมเข้าใกล้พี่”

   “ปกติกูก็ไม่คิดจะเข้าใกล้มึงอยู่แล้วเว้ย” ผมลุกพรวดพราดไม่เอาแล้วงานนี้ต่อให้ต้องฝ่าดงตีนของเพื่อนมันออกไปผมก็ยอม พอขยับตัวไปใกล้น้องฟ้าเพื่อนพี่มันคนนึงที่นั่งเฝ้าอยู่ก็ลุกขึ้นมาขวาง

   “หลบไป”

   “ถ้าไม่หลบแล้วจะทำไม” ยิ้มกวนที่ส่งมามีแต่จะยิ่งทำให้ไฟโทสะคุกรุ่น กว่าสมองจะตัดสินใจได้ร่างกายก็ไปไวกว่าความคิด ผมง้างหมัดเข้าหน้ามันจังเบอร์ จนไอ้ยิ้มกวนมันล้มลงไปกระแทกพื้นอย่างแรง

   “เชี่ยนี่ มึงต่อยเพื่อนกู!!” ไอ้ที่นั่งเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามมันตะโกน ทำให้รู้ทิศทางที่มันจะเงื้อมกำปั้นเข้าหาจากด้านหลัง ผมย่อตัวหลบแล้วพลิกตัวสวนหมัดจนมันล้มลงพื้นไปอีกราย เชี่ย ท่าเมื่อกี้โลกหมุนชิบ ร่างกายผมมันไวต่อแอลกอฮอล์ปริมาณที่จิบไปไม่ถึงครึ่งแก้วเลยเหรอวะ ก่อนประเมินความอึดของคอทองแดงว่าเปลี่ยนไปผมก็คว้าแขนน้องฟ้าขึ้นมาพาดไหล่เตรียมเดินออกไปจากสถานที่แห่งนี้ หากจู่ๆไม่โดนคนจากข้างหลังกระชากไหล่ไปอย่างแรงจนทำน้องฟ้าร่วงกลับไปที่โซฟาอีกรอบ ป่านนี้ผมคงได้ออกจากห้องนี้ไปแล้ว



   ตุบ!!

   ร่างของผมร่วงลงอย่างแรง แต่ดีที่ข้างหลังเป็นโซฟาเลยทำให้ไม่รู้สึกเจ็บอะไร เชี่ยยยยยขอถอนคำพูดครับ ข้างหลังเป็นโซฟาแต่ข้างหน้าเป็นไอ้พี่โชที่กระโดดขึ้นมาคร่อมผมไว้ทั้งตัว

   “ไทม์!!หยุดดิ้น!!” เสียงตะโกนสั่ง ถึงอย่างนั้นผมก็ใช้แรงมันไปสุดกำลังแล้ว ไม่แน่ว่านี่อาจจะเป็นแรงดิ้นเฮือกสุดท้ายของผมก็ได้ ทำไมร่างกายผมมันอ่อนเพลียโคตรอย่างนี้วะ!!

   “มึงก็ปล่อยกูดิวะ!!” หนังตาหนักซะจนมีแรงแค่หรี่เปลือกตามองภาพเบื้องหน้าในมุมแคบๆ ผมเห็นพี่โชมันพยักหน้าให้เพื่อนมันสองคน เสียงปิดประตูดังขึ้นทำให้รู้ว่าห้องนี้เหลือเพียงผม ไอ้เลวข้างหน้า และน้องฟ้า

   “ทำไมชอบทำร้ายใจพี่อย่างนี้วะ” มึงนั่นแหละทำไมตื้อไม่เลิกอย่างนี้ ทำไมต้องทำร้ายกูอย่างนี้อยู่เรื่อยเลยวะ ตั้งแต่ตอนปีหนึ่งแล้ว ตอนที่ไปเที่ยวรับน้องคณะที่ต่างจังหวัดมึงก็ทำทีเป็นป่วยเอาความเชื่อใจและความซื่อสัตย์ในฐานะรุ่นน้องของกูไปโยนทิ้งในทะเล หักหาญน้ำใจกูโคตรๆ ถ้าไอ้เดย์มันไม่สงสัยจนโผล่มาช่วยป่านนี้กูก็ไม่รู้จะโดนยำเละไปถึงไหน อาจจะโดนมันต่อยจนซี่โครงหักทิ่มปอดหืดหาดเพราะไปขัดขืนมันจนขาดอากาศหายใจตายไปแล้วก็ได้ ไอ้เวรเอ้ย ไอ้สารเลว ไอ้เฟี่ยยยยยย

   โคตรอยากแปลงสิ่งที่คิดในหัวให้ออกมาเป็นคำพูด แต่ปากผมหนักจนขยับไม่ได้ แถมร่างกายยังหน่วงเหมือนโดนตะกั่วมาถ่วงไว้ เชี่ยเอ๊ยยยผมจะเสร็จมันวันนี้เหรอวะ ตูไม่อยากคิด หมดแรงแล้วผมเลิกดิ้นเพราะทำไปมีแต่เสียพลังงานเพิ่มขึ้น ไม่ดีซักอย่าง ได้แต่ปล่อยให้พี่โชมันเริ่มเกะกระดุมเสื้อเชิ้ตผมทีละเม็ด ขอเถอะขอพลังเฮือกสุดท้ายให้ผมได้ออกไปจากตรงนี้ทีเถอะ

   “ขาวเชี่ย” มึงไม่ต้องบรรยายได้มั้ย แค่ให้สายตามึงลามเลียผิวก็รู้สึกทุเรศตัวเองเกินทนแล้ว “อึก...”

   มือเย็นๆของพี่โชมากระทบผิวกายจนผมสะดุ้ง รู้สึกได้ถึงแนวมือลากจากข้างบนลงไปถึงขอบกางเกง เช้ดดดดดดดของสงวนกู

   “ของกูก็เหมือนกับของมึง!! มึงจะดูไปทำไมวะ!!” จะต่างก็คงแค่ไซส์กูรู้แค่นี้ ไม่มีแยกพันธุ์เล็กฮอร์นขาวหรือโร๊ดไอส์แลนด์แดงหรอกเฟ้ยยย

   พยายามบิดข้อมืออีกครั้งแต่แรงล็อคแขนผมกลับหนักหน่วงขึ้นจนรู้สึกได้ เหี้ยกูเจ็บ ผมทนไม่ไหวแล้วแรงแม่งเยอะสัด ป่านนี้ข้อมือผมคงเป็นรอยช้ำไปหมดแล้วมั้ง

   “ปล่อยกู ไอ้เหี้ยโช มึงจะอะไรกับกูนักหนา”

   “กูชอบมึง แต่มึงก็เสือกไปสนิทกับไอ้เชี่ยเด็กวิศวะนั่น แล้วไหนจะยังน้องฟ้าอะไรนี่อีก” แล้วมันใช่เรื่องของมึงมั้ยฮะ กูถาม

   ทันทีที่กระดุมกางเกงยีนส์ถูกปลด ซิบถูกร่น มันเหมือนเป็นการสับสวิตซ์สัญญาณเตือนภัยครั้งสุดท้ายของผม ไอ้ที่ปิดวาล์วกักแรงสะสมพลังวิญญาณไว้ถึงทีต้องใช้ก็คราวนี้ ผมสูดหายใจเข้าลึกแล้วแอ่นตัวไปด้านหลังก่อนที่จะกระทำการอุกอาจกับคนเบื้องหน้าแบบกะฆ่าให้ตาย


   บึ่ก!!

   เต็มๆกระโหลกครับ จากนี้ถ้าผมเกรดผมตก จะโทษไอ้เชี่ยนี่คนเดียว สมงสมองกูไหลไปหมดแล้ว ผมใช้แรงสุดท้ายหยัดกายขึ้นมามองคนเจ็บที่กุมหน้าผากตัวเองซึ่งล้มลงไปกองพื้น จังหวะนี้กูต้องหนี แต่กูไม่มีแรง เชี่ยเอ๊ยยยยยยยยยยยยยย ดวงจะถึงฆาตก็คราวนี้ พี่โชมันลุกขึ้นมาแล้ว แถมยังเอานิ้วเตะหน้าผากที่มีสีแดงจางๆซึมออกมาจนสีหน้ามันตกใจเล็กน้อย

   “ทำไมดื้อกับพี่อย่างนี้” ไม่ได้ดื้อโว้ยยยย เป็นเด็กดีมาตั้งแต่อนุบาลยันม.สี่ไม่เคยโดดเรียน ค้านในใจไม่ทันจบมันพุ่งเข้าใส่เลยครับ กางเกงจากที่ถูกปลดอย่างหมิ่นเหม่คราวนี้โดนกระชากหลุดออกจากตัว แขนสองข้างถูกมือเดียวล็อคไว้เหนือหัวก่อนผมจะโดนล็อคคางบีบแก้มแล้วเชี่ยพี่โชมันก็บรรจงจูบลงมาเต็มๆ

   “อือออออ” เช้ดดดดกูอยากตาย เหี้ยเอ๊ย เหี้ยๆๆๆ แม่งไม่เคยรู้สึกเหมือนถูกหยามศักดิ์ศรีได้ขนาดนี้เลย ถ้าผมรอดออกไปผมจะอยู่ต่อได้มั้ย แค่คิดน้ำตามันก็ไหลออกมาแล้ว ทันทีที่ผมจะเริ่มตัดใจจากทุกสิ่ง จู่ๆร่างพี่โชก็ลอยหวือไปด้านหลัง เสียงตะโกนดังๆที่คุ้นเคยดังเข้าโสตประสาทผมเต็มๆ


   “ไอ้สัดมึงทำอะไรวะ!!”


   พลั่ก!!

   คนมาใหม่ไม่รอช้ากับการซ้ำเติมคนข้างหน้า มันทั้งต่อย กระทืบ ศอก หมัด อัปเปอร์คัต ทัดมาลา จระเข้ฟาดหาง หนุมานถวายแหวน แบบไม่ปรานีกะให้ฟื้นมาอีกทีไปอยู่ห้องดับจิต ผมที่ยังหน้ามึนอยู่โงนเงนขึ้นมาไม่กะห้ามอะไรแต่พอเหลือบไปเห็นหน้าพี่โชกูตกใจสัด เหยดดดดดดประจำเดือนมาหรือไงวะอาบเต็มหน้าเลยครับเลือด

   “เชี่ยแทน!! มึงงงงงอย่าฆ่าคนนน!!” ไอ้สัดกูยังไม่อยากให้มึงเป็นฆาตกร ไม่อยากชี้หน้ามึงแล้วบอกว่าความจริงมีเพียงหนึ่งเดียว ผมตะโกนลั่นสุดเสียงเท่าที่เรี่ยวแรงที่เหลืออยู่จะพอกู้ได้ สุดท้ายผมก็ต้องกลับมานอนตายกะปลกะเปลี้ยบนโซฟาอีกรอบ อ่อยกูเกือบเห็นยมบาล ใครก็ได้พากูไปหาหมอที

   “เฮ้ย พี่ไทม์!!” มึงรับรู้ถึงตัวตนของกูแล้วเหรอ หรือกูกำลังประสาทหลอนอยู่วะ เสียงเท้าตึงตังดังเข้ามาใกล้ตัว ไหล่ของผมถูกมือใครบางคนบีบไว้แน่นเหมือนพยายามตรึงวิญญาณกูให้อยู่กับร่าง ผมฝืนเปิดเปลือกตามาเห็นหน้าหล่อๆที่มันจ้องผม หน้าหล่อๆที่เต็มไปด้วยความวิตกกังวล

   “สวรรค์ กูตายแล้วเหรอ บอกกูที” เทวดาหน้าสมาร์ทบาดใจสาวกูไม่เอา แต่กูขอเด้ากับนางฟ้าหน้าสวยๆแทนได้ป่ะ

   “ยังไม่ตาย แล้วผมแม่งก็ไม่ให้พี่ตายด้วย เชี่ยเอ๊ยมันทำอะไรพี่วะ” ผมสะดุ้งทันทีที่มันเอ่ยทัก กูลืมไปเลยครับว่ากูโป๊อยู่!! โอ้ยยยมึงอย่ามอง

   “งื้อออ...กางเกงงงงงง” ไม่คิดว่าคำสั่งเสียสุดท้ายจะกลายมาเป็นเสื้อผ้าเครื่องแต่งกายที่เป็นปัจจัยสี่ ถ้าผมไปเกิดใหม่จริงอย่างนี้มันไม่มาเผาผีทำพิธีกงเต็กจัดกางเกงกระดาษให้กูโหลนึงเลยเหรอ

   “เดี๋ยวนะ” เสียงทุ้มตอบกลับเบาๆแล้วจัดการเอากางเกงยีนส์ที่กองอยู่ปลายโซฟาขึ้นมาสวมให้ การกระทำมันโคตรอ่อนโยนอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ทำอย่างกับผมเป็นแก้วบางๆที่พร้อมจะเปราะหักแตกร้าวได้ตลอดเวลา มันดึงกางเกงขึ้นมาแล้วประคองสะโพกผมขึ้นช้าๆก่อนจะกลัดกระดุมรูปซิปให้ แค่สวมกางเกงให้...ทำไมกูใจสั่น...

   “...”

   “ไหวมั้ย ทำไมหน้าแดงๆ” ครั้งที่สอง...ตั้งแต่เจอมันนี่เป็นครั้งที่สองที่มันวัดไข้ผม...

   “...กะ...กูไม่ได้เป็นไร” ถ้ามึงจะจับแค่หน้าผากมึงลากมาปิดทั้งหน้ากูเลยดีกว่า ตอนนี้กูใจไม่ดีไม่อยากให้มีใครมาจ้องหน้า ผมปัดมือมันออกแต่ไอ้แทนมันกลับย้ายมาไล่กลัดกระดุมเสื้อเชิ้ตให้ทีละเม็ดอย่างไม่ถือโทษโกรธอะไร

   “ทำไมไม่โทรมาบอกให้เร็วกว่านี้” เสียงมันออกแนวตัดพ้อจนผมรู้สึกผิด

   “ก็กูไม่มีเวลา”

   “แล้วก็เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นอ่ะนะ” มันตวาดผมเบาๆ แต่ไม่โหดร้ายใจหมาจนเกินไปทำให้สติง่วงๆของผมยังพอรับได้อยู่

   “กูขอโทษ” ทำไมกูต้องรู้สึกผิดด้วยวะ

   “...” ไอ้แทนมันเงียบ เหยยยยยอย่าบอกนะว่ามันงอน

   “เชี่ยแทน มึงจะโกรธกูทำไมวะ กูก็ขอโทษแล้วไง”

   “...” ขายเสียงให้ปลาหมึกยักษ์ไปแล้วครับ มันกะจะใบ้ใส่ผมจนหมดเบรคเลยใช่มั้ย

   “อย่าเงียบดิวะ”

   “...” ถ้าจะเงียบอย่างนี้มึงตัดกล่องเสียงไปบริจาคเลยดีกว่า กูชักจะมีน้ำโหแล้วนะ ตอนนี้กูไม่มีอารมณ์ง้อคน

   “อย่างน้อยมึงต้องขอบคุณกูนะ!!”

   “เรื่องอะไรผมจะต้องขอบคุณพี่ด้วยวะ ก็พี่ทำให้ผมเป็นห่วงอ่ะ!!!”

   “ก็เพราะว่าถ้ากูไม่มา ป่านนี้น้องฟ้ามึงคงโดนปู้ยี่ปู้ยำไปถึงไหนต่อไหนแล้วไง!!” อย่ามาขึ้นเสียงกับกู ผมโพล่งออกไปอย่างลืมตัวจนเพิ่งสังเกตเห็นสีหน้าของไอ้แทนที่ดูตื่นตกใจเป็นพิเศษ เชี่ยยยยยยนี่กูพูดอะไรออกไปเนี่ย มันยังไม่รู้เลยว่ากูเป็นเพื่อนแฟนกิ๊กมันนนน

   “ฟ้า?” สายตาผมเริ่มหลุกหลิกล่อกแล่กมองไปข้างหลังทำให้มันรีบหันขวับไปดูตาม “ฟ้า!!”

   กูควรช็อคกับภาพไอ้หล่อตรงหน้าที่รีบวิ่งถลาปรี่เข้าไปหาสาวน้อยหน้าใสที่นอนสลบสไลไม่รู้เรื่องราวรึเปล่าวะ แต่มันก็ทำให้ผมรู้ซึ้งว่าคนตรงหน้าเป็นห่วงน้องฟ้าขนาดไหน เชี่ย เรื่องจริงเหรอ ไหนมึงบอกรู้จักแค่เพลงฟ้าของแทตทูคัลเลอร์ไงแล้วทำไมต้องเป็นห่วงเป็นใยขนาดนั้น


   เจ็บกายไม่เท่าไรแต่เจ็บใจมันมากกว่า


TBC



ตอนนี้ยาวหน่อยนะคะ อย่าหลับคาคอมล่ะ 5555
ขอบคุณที่ตามอ่านมาจนถึงตอนนี้ค่ะ ในที่สุดจำนวนตอนก็ขึ้นสองหลักแล้ว พอพอกับอายุคนเขียนที่เพิ่มมากขึ้น ฮ่าฮ่า

คุณ FeaRes
ตอนนี้คนเขียนตั้งสติกรรมฐานสี่ตามไทม์เลยค่ะ555
น้องฟ้าเป็นสำคัญของเรื่องเลยน้า คิคิ ฝากเอ็นดูนางด้วยนะคะ
ความขาวของไทม์โดนอีกคนเนียนดูไปซะแล้วค่ะ :z3:

คุณ B52
ตัวละครทุกตัวในเรื่องเป็นพวกอ้ำอึ้ง พูดไม่ค่อยออกแต่รักหมดใจ
รักในคอนเมนต์ด้วยค่า ขอบคุณนะคะที่หลงเข้ามา >_< :3123:

ออฟไลน์ FeaRes

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 738
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-2
โอ้โห พี่โชอย่าหึงแรงงงง รุนแรงแบบนี้ไม่ดีนะ!

...อะไรรร คืออะไรรร ห่วงใยออกนอกหน้านี้คืออะไรแทน?!!
ทิ้งพี่ไทม์ไปหาฟ้าเลยอะ โห สงสารใจไทม์หน่อยยย
ฟ้านี่เป็นอะไรกับแทนกันแน่อะ รักเก่า? หรือญาติ
โอ๋ๆนะไทม์ ไม่ร้องนะ---

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
น้องสาวหรือเปล่านะ

ออฟไลน์ เพียงเพื่อน

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 175
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-1
น้องสาว ม้างงงงงง  :katai1: :katai1: :serius2:

ออฟไลน์ sakutaka

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 128
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-1
{Will you be my family?(น้องครับพี่ขอนับญาติได้มั้ย?)}

บทที่11 คำขอร้องจากพี่ชาย



   ‘ฟ้า’


   เสียงเบาๆนั้นยังคงสะท้อนก้องอยู่หู ผมฝันร้าย ร้ายจนพอให้สะดุ้งตื่นขึ้นมาลืมตาดูโลก

   แฮ่กแฮ่กแฮ่ก

   โอเค พอเลย หอบอย่างกับหมาเป็นรอบที่สองตั้งแต่ดำเนินเรื่องมา เพราะตอนนี้ผมกำลังจะกลายเป็นหมาหัวเน่าต้องมานั่งเฝ้าดูไอ้รักล่าสุดของผมตระกองกอดน้องฟ้าแม้กระทั่งในฝัน ทำไมจู่ๆมันก็ทำใจไม่ได้วะ กะอีแค่คนที่ทำให้ประทับใจยามส่งรอยยิ้มมาให้ แล้วเข้าหาผมแทบเป็นแทบตายโดยไม่มีความหมายแฝงอะไรเลยเนี่ยนะ

   พันห้ามึงไงมึงลืมไปแล้วเหรอ มารในหัวผมมันกระซิบบอกตอบจนทำให้ระลอกความหดหู่ถูกฉุดขึ้นมาอีกครั้ง ถ้ากูถล่ำไปถึงขั้นชอบพอไม่ต้องมานั่งหน้างอน้ำตาตกในไปถึงสุไหงโกลกเลยเหรอวะ แต่ก่อนไปถึงภาคใต้มึงทำตัวเองให้รู้ได้ก่อนว่าตอนนี้มึงอยู่ไหน ไอ้สัดไทม์!!

   ที่นี่ที่ไหน แหะ ขอกระเดะแบบนางเอกละครทีวีที่โดนรถชนแล้วตื่นมาอีกทีในโรงพยาบาลได้ป่ะ แต่แทนที่จะเห็นสายน้ำเกลือระโยงระยางพร้อมถังออกซิเจนกับเสียงตี๊ดๆบอกสัญญาณชีพว่าใกล้ตาย ผมกลับเห็นโปสเตอร์นักกีฬาบาสเก็ตบอลชายระดับโลก เห็นภาพถ่ายกระเทยหัวโปกใส่กรอบรูปประดับอยู่ที่โต๊ะ เชี่ยโว้ยยยนี่มัน!!

   แทบกระเด้งสุดตัวไปคว้าภาพแห่งความทรงจำที่ทำเอาหัวเราะท้องคัดท้องแข็ง

   หน้าหล่อๆอย่างนี้มีเพียงคนเดียวในโลก ไอ้แทนในสภาพกะเทยหมาเมินจัดชุดเต็มยืนเต้นกับเพื่อนฝูงมันทั้งๆที่ยังใส่กางเกงน้ำเงินดูทุเรศทุรังจนผมต้องเหยียดยิ้มขำลึกๆ สมัยมัธยมชีวิตมันคงจะผาดโผนพอสมควรถึงได้เฟียวจัดเอาภาพแบบนี้มาประดับห้อง

        ในที่สุดผมก็ให้คำตอบกับตัวเองได้แล้วว่าอยู่ที่ไหน ก็ห้องไอ้แทนไงจะใครซะอีก เมื่อวานมันคงช่วยแบกผมกลับมาแล้วไม่มีปัญญาไปส่งห้องเลยต้องฝืนสังขารขนผมกลับมายังเคหะสถานของมัน แล้วอย่างนี้ต้องทำไงต่อไปวะ กุญแจห้องก็ไม่มีแถมตอนนี้ก็ปาไปเที่ยงจะแบกหน้าไปเรียนก็ดูจะพากเพียรเกินไป ผมเลยหย่อนก้นลงนั่งเก้าอี้แกว่งเท้าดิ๊กๆพลางหยิบนู่นนั่นนี่มาสำรวจเล่นอย่างเพลินใจ จนกระทั่งสายตาไปปะทะกับอะไรบางอย่างซึ่งทำให้ผมถึงกับขาดสติ

   เช้ดโด้ อย่าให้กูโม้ว่าความจำดี ก็ในเมื่อมันมียางลบที่หน้าตาเหมือนของผมอย่างกับแกะนอนแหมะอยู่ในกล่องเครื่องเขียน ผมไม่อยากนั่งเทียนนึกเอาเองว่าใช่เลยรีบกวาดตามองหากระเป๋าเป้คู่ใจแล้วล้วงลงไปหยิบกล่องดินสอเอายางลบขึ้นมาเทียบ ประกบกันพอดีเป๊ะอย่างนี้แล้วไอ้ผีที่ไหนมันบอกว่าจำไม่ได้กันวะ

   หรือไม่ก็แค่ไม่อยากจะจำ...

   เออกูมันคนคิดบวก ลบบวกลบเลยกลายเป็นลบทวีคูณ ถ้ามึงไม่อยากจะจำขนาดนั้นมึงก็ไม่ต้องเอามันมาวางตรงนี้ สู้ทิ้งๆไปหรือไม่ก็บริจาคให้เด็กผู้ยากไร้ก็ได้ หรือมึงเสียดายเพราะมันหลายตังค์วะ

   ผมกำยางลบแล้วซุกหน้าลงกับโต๊ะ

   “กูลืมมึงได้มั้ยว้า กูอยากลืมมึง”

   “มีใครไม่น่าจดจำขนาดนั้นเลยเหรอพี่”

   ฮะ?? รีบชักหน้าหันควับไปตามเสียง ระยะห่างเพียงหนึ่งไม้บรรทัดทำให้ผมชะงักวิญญาณออกจากร่าง ไอ้แทนสุรบถมันก้มหน้าจนแทบจรดแก้มผม มึงจูบกูเลยดีมั้ยถ้าจะเข้ามาใกล้ขนาดนี้!!

   “อะ...ไอ้แทน”

   “น้อยใจนะ” ทำปากเป็นรูปสระอิ บิดไปมาโคตรน่าหมั่นไส้ มึงอย่าให้กูนึกถึงภาพตุ๊ดหัวโปกของมึงได้มั้ยไอ้สัด “จะลืมผมเหรอ”

   “ใครบอกว่าจะลืมมึง”

   “ก็พี่เรียกชื่อผม” แล้วจะให้กูไปเรียกควายที่ไหน ก็ในเมื่อคนที่ยืนจ้องหน้าแล้วมองตากูอยู่คือมึงน่ะ!!

   “น้อยๆหน่อยคุณเพื่อนแทน มากินข้าวนะครับสัด ไม่ได้มากินของดีประจำคณะเศรษฐศาสตร์” เรียกกูเป็นของโอท็อปหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์เลยเว้ย ผมหันไปตามเสียงแปลกใหม่ที่เข้ามาในโสตประสาท ผู้ชายในชุดนักศึกษาสามตัวที่ยืนสลอนเรียงแถวหน้ากระดานกันมาทำให้ผมชะงักค้างอีกรอบ หนึ่งในนั้นเป็นไอ้เสาร์แต่เบ้าหน้าอีกสองตัวกูไม่คุ้น

   “เชี่ยแม่เจ้าโว้ย น่ารักสมคำล่ำลือ”

   “โอ้ยใจกูละลาย พร้อมเสียความเป็นชายให้”

   “ประสาทป่ะพวกมึง” ไอ้เสาร์มันดักอารมณ์คนฟังได้อยู่หมัดแล้วผลักสองตัวที่ขวางทางให้หลีกไปพร้อมยื่นถุงก๊อปแก๊ปมาใส่หน้าไอ้แทน “ข้าวพี่มัน”

   “ขอบใจมึง” ไอ้แทนมันยิ้มรับถุงมาแล้วหันมาหาผม “กินข้าวกันพี่ไทม์”

   โครกกกก... ปริศนาค่อยว่ากันทีหลังแต่ท้องกูนั้นสำคัญกว่า ผมเดินตามตูดไอ้แทนไปต้อยๆเหมือนหมากำลังรอคนให้อาหาร ส่วนไอ้อีกสามตัวก็แสตนบายด์พร้อมนั่งล้อมวงโต๊ะญี่ปุ่น ทันทีที่ข้าวเข้าปากบทสนทนาก็ขาดหายแต่ไม่วายมีแค่ไอ้สองตัวนั้นที่มันจ้องหน้าผมไม่วางตา

   “มองอะไรไอ้เป้ง ไอ้แตม มึงกินๆไปเลย” เออช่วยกูที เริ่มจะกลืนไม่ลงเพราะมีแต่คนจ้องเนี่ยแหละ หรือความหล่อมันติดหน้ากูเกินไปเลยทำให้พวกมึงอึ้งขนาดนี้

   “มองนิดมองหน่อยไม่สึกหรอหรอกมึง นานๆจะเจอคนดังเศรษฐศาสตร์ทั้งที มีดีกูก็ต้องจ้องดิวะ”

   “ใช่ๆ” ไอ้สองตัวมันรับส่งกันเป็นลูกคู่ ส่วนไอ้โย่งก็เอาแต่ยัดข้าวเข้าปากไม่สนใจชาวบ้านชาวช่อง คนที่ช่วยกันผมจากสายตาห่ามหื่น?ตรงหน้าก็เห็นจะมีแต่ไม้กันหมาอย่างไอ้แทน

   “จ้องจนพี่เขาจะแดกข้าวไม่ลงอยู่แล้ว”

   “กินข้าวไม่ลง กินผมแทนได้นะ”

   “เชี่ยเป้ง”

   “ถึงผมไม่อร่อยแต่ก็อ่อยไม่ใช่เล่น”

   “สัดแตม”

   “โปรดอย่าสงสัยนั่นคือความจริงใจจากผม จากคนคนเดิมคนที่คุณก็รู้ว่าใคร...” สงสารพี่แสตมป์ มึงเลิกร้องเหอะ แล้วที่สำคัญกูไม่รู้จักมึง

   “ย้ายที่กินมั้ย” ไอ้แทนมันถามด้วยความเป็นห่วง แต่ช่วยดูห้องมึงตอนนี้ด้วยจะให้กูย้ายไปไหนนอกจากห้องส้วม

   “กูกินได้” ถึงเจอแต่คนกวนประสาทแต่มันก็ทำให้เลิกคิดฟุ้งซ่านเรื่องคนข้างๆได้ ข้าวในมือพร่องไปไม่ถึงครึ่งผมก็เริ่มอิ่ม นี่กูเป็นโรคเบื่ออาหารไปแล้วเหรอวะ โนเนกาทีฟ ติ๊งโพตสิทีฟดิ ชลธี

   “ไม่สบายรึเปล่า” มือใหญ่กำลังจะเอื้อมแตะหน้าผากผมเลยรีบคว้าเอาไว้ทันที

   “กูปกติดี” ถ้าชีวิตต่อไปนี้จะไม่มีมึงมายุ่งวุ่นวาย เลิกมาเป็นห่วงเป็นใยกูซักที

   “พี่ไทม์งอนอะไรมึงวะ” โดนทักแบบนี้คิ้วแม่งกระตุกทันทีเลยครับ ผมตวัดสายตาไปมองหน้าไอ้คนที่กล่าวหาผม ไอ้เด็กเป้ง

   “งอนอย่างนี้มึงต้องง้อนะ” พี่แตมกลับไปทัวร์คอนเสิร์ตพี่เถอะครับผมขอ

   สุดหล่อมันกลอกตาไปมาก่อนจะหยิบหัวใจไก่ย่างเสียบไม้มาวางบนกล่องข้าวผม

   “มึงทำอะไร” เห็นมั้ยว่ากูอิ่มแล้ว

   “ผมให้ใจพี่ เลิกงอนซะทีได้มั้ย”

   “ฮิ้ววววววววววววววววว” เสี่ยวสัด!! ก็ได้ มึงค่อยดู กูจะขยี้หัวใจมึงให้แหลกลาน ผมยกไม้ที่วางไว้ขึ้นมากัดแบบใส่อารมณ์ลงไปสุดๆ

   “พี่ไทม์กินใจไอ้แทนอ่ะ ฮ่อลลลลลล” เหี้ยยยยยเพื่อนมึง

   ไอ้หล่อมันหัวเราะรับมุกเพื่อนอย่างอารมณ์ดีแล้วหันมามองหน้าผมพลางยิ้มอ่อน

   “หายโกรธยัง”

   “กูไม่ได้โกรธมึง” เข้าใจกูด้วย

   “งั้นก็ขอบคุณนะ”

   “ขอบคุณเรื่อง?”

   “ที่ช่วยน้องสาวผม”

   “...” ฮะ?

   “ขอบคุณที่ช่วยฟ้า”

   “...” เอ๊ะ?

   “ฮ่า....ได้ใจมันไปเต็มๆเลยนะพี่ น้องคนนี้น่ะสุดรักสุดหวงของไอ้เชี่ยแทนมันเลย”

   “พวกมึงกินเสร็จกันยัง คาบต่อไปอีกสิบห้านาที” เคยเห็นหนังที่ฉายอยู่ดีๆแล้วตัดเข้าโฆษณามั้ยครับ ตอนนี้แหละให้อารมณ์นั้นเลย ไอ้เสาร์ที่นั่งเป็นตัวประกอบอยู่นานโพล่งขึ้นมา ถึงเป็นประโยคสั้นๆแต่ก็ทำเอาสั่นสะเทือนวงการข้าวเหนียวไก่ย่างของพวกมันได้

   “เวรแล้ว คาบต่อไปเอกบดินทร์” ไอ้เด็กเป้งมันโวยวายขึ้นมาเป็นคนแรก

   “เชี่ยมึงยัดเลย” มูมมามยิ่งกว่าหมาก็คงเป็นไอ้แตมตรงหน้าเนี่ยแหละครับ อย่าถามต่อว่าเป็นยังไงพวกมันโคตรไวอย่างกับฟาสต์แอนด์ฟิวเรียส ยัดข้าวเที่ยงลงท้องได้เสร็จก็รีบระเห็ดออกจากห้อง

   “พี่ไทม์ผมไปนะ” ไอ้เป้งลาทั้งที่มีปีกไก่คาปาก

   “ไว้เจอกันนะคร้าบ” แตมเคาะรองเท้าตัวเซเดินเป๋ออกจากห้อง

   “...” ส่วนไอ้โย่งจากไปด้วยเสียงเงียบ

   จะขาดก็แต่คุณแทนสุรบถที่โคตรชิลเอาท์ขยับตัวทีอย่างกับสล็อตเข้าสิง ไม่รู้มันจะคีบลุคคูลๆขรึมๆไปถึงไหนถึงได้ทำอะไรช้าสัด

   “ไม่รีบไปอ่ะ เดี๋ยวก็สายหรอก” ผมผลักตัวให้มันลุกขึ้น อย่าบอกว่ามึงไม่ชอบทำอะไรตามกระแส ช่วยดูเพื่อนมึงด้วย

   “อย่าลืมกินข้าวให้หมดนะ”

   “เออ มึงไปเหอะ” ห่วงตัวเองก่อนดีมั้ย

   “ตอนเย็นอยากกินอะไรโทรบอกผม”

   “รู้แล้ว”

   “นอนพักผ่อนด้วยล่ะ”

   “เออกูเข้าใจ” แต่มึงรีบไปเหอะกูขอ

   “ผมไปก่อนนะ” มือใหญ่เอื้อมมาโยกหัวผม ประโยคคำคมที่มันเคยมอบไว้ให้เล่นเอาความทรงจำเก่าๆไหลกลับมา ความทรงจำเมื่อครั้งม.หกตอนที่ตกหลุมรักรอยยิ้มมัน...ไอ้แทนสุรบถเจ้าของยางลบโมโน มันเดินออกไปปล่อยผมทิ้งไว้ให้อยู่ในห้วงคำนึงถึงคำขอบคุณก่อนหน้าและการบอกว่าตัวเองเป็นพี่ชายน้องฟ้า

   ไอ้แทนมันเป็นพี่ชายน้องฟ้า!!

   “เชี่ย...กูทำอะไรไม่ถูกเลย” รำพึงกับตัวเองลำพัง ทั้งที่ถอนหายใจเฮือกใหญ่แต่ทำไมผมกลับหุบยิ้มไม่ได้ ผมเป็นบ้าอะไรไปแล้วเนี่ย...

   แต่ก่อนมึงจะบ้ามึงช่วยเปิดหาเบอร์เพื่อนแม็คแล้วแจ้งข่าวดีมันก่อนเถอะครับ...ผมเตือนสติตัวเองหยิบมือถือขึ้นมากดโทรออกหาเพื่อน

   [หมายเลขที่ท่านเรียกไม่สามารถติดต่อได้...] อ้าว มันปิดมือถือ เอาวะไว้เจอหน้าแล้วค่อยเซอร์ไพรสมันทีเดียวเลยก็ได้ ผมคิดอย่างนั้นโดยหารู้ไม่ว่าจากนี้ไปจะมีเรื่องราวให้ผมเซอร์ไพรสยิ่งกว่า...เท่าที่ผมเคยเจอมาในชีวิต...


   กุกกัก กุกกัก

   แว่วเสียงประหลาดดังมากระทบประสาทหู ทำเอาคนอย่างผมที่พักผ่อนตามคำสั่งของไอ้หล่อต้องย่นหัวคิ้วขัดใจกับเสียงไม่ชอบมาพากล เหมือนมีลมบางอย่างมาปะทะหน้าจนต้องเปิดเปลือกตาขึ้นมาดู

   ตาคม จมูกโด่ง คิ้วเข้ม แค่มองเห็นก็นึกว่ายอดชาย นี่มันภาพขยายกว่าไซส์ปกติที่มีมิติโฟร์ดี ขนาดหยดน้ำที่เกาะพราวบนใบหน้ายังทำให้รู้สึกว่าชุ่มฉ่ำมาถึงผม

   แหมะ!!

   “อือออออ”

   “ตื่นรึยังครับ”

   “...” หือ?

   “พี่ไทม์” หา?

   “หะเหี้ยยยยยยยยยยยยยยยยยยย” มึงช่วยปลุกกูแบบที่ชาวบ้านชาวช่องเขาทำกันปกติจะได้ม้ายยยยยยยยย ผมแม่งถอยกรูดจนตัวไปติดกับหัวเตียง อกข้างซ้ายเต้นตุบๆอย่างกับจะหลุดออกมาข้างนอก เมียงมองสีหน้าไอ้หล่อสัดรัฐยะไข่ที่ยื่นหน้าเข้ามาใกล้ผมเมื่อครู่

   “เหี้ยมาเต็มๆหน้าเลย”

   “แล้วมึงยื่นหน้าเข้ามาทำเหี้ยอะไร” ตกใจยิ่งกว่าวิ่งเข้าบ้านผีสิงก็หน้าไอ้เชี่ยแทนนี่แหละครับ มันดันสะเออะมาจ้องหน้าผมที่กำลังหลับตาพริ้มคาเตียง สติกูกระเจิดกระเจิงเตลิดเตลิงไปถึงแกนโลกแล้ว

   “พูดสุภาพกับผมหน่อย อย่างน้อยเมื่อวานนี้ผมก็มีบุญคุณที่ช่วยพี่ไว้นะ”

   “ขออภัยครับ ไม่ทราบว่าคุณสุรบถจะยื่นหน้ามาทำตัวเงินตัวทองอะไรไม่ทราบ!!” ได้ อยากให้สุภาพผมจัดให้

   “ไม่กล้าปลุกเห็นหลับสบาย”

   “แต่ก็เอาลมจมูกมึงมารดหน้ากูเนี่ยนะ!!”

   “สุภาพ”

   “แต่ก็เอาลมจมูกคุณมาเป่าเย็นสบายระใบหน้ากระผมเนี่ยนะ”

   “พี่หิวยัง”

   “มึงฟังกูด้วย”

   “สุภาพ”

   “กรุณาฟังผมด้วยครับคุณสุรบถ”

   “เดี๋ยวออกไปข้างนอก ไปหาไรกินกัน”

   “นี่มึงจะไม่ฟังกูเลยใช่มั้ย”

   “สุภาพ”

   “นี่คุณสุรบถจะไม่ฟังผม...ไม่เอาแล้วโว้ย กูจะบ้าจี้เล่นกับมึงไม่เพื่ออะไรเนี่ยยยยย”

   “ผมชอบมองตอนพี่หลับ”

   “...”

   “มันดูน่าอร่อยดี”

   “โรคจิต!!”

   “ยอมโดนว่า ถ้าให้จ้อง” ดูสภาพมึงด้วย ถ้าจ้องเวลาอื่นกูจะไม่ว่า แต่ไอ้ผ้าขนหนูผืนเดียวที่พันเอวอยู่หมิ่นเหม่เหมือนพึ่งอาบน้ำเสร็จเนี่ย กูเสียว

   “คนหล่อไม่ใช่ลูกหมูสามขา จะได้มาจ้องหน้าแล้วเลขขึ้น”

   “ถูกหวยก็ดี แต่ถูกใจพี่ผมก็เอา”

   “จีบกูป่ะเนี่ย”

   “...” อ้าวมันค้างครับ เหมือนเครื่องยนต์หยุดทำงานไปเฉยเลย

   “จริงเหรอวะ?”

   “ลุกแล้วไปหาอะไรกินกันดีกว่า”

   “มึงอย่ามาเปลี่ยนเรื่อง บอกมาว่ายางลบที่อยู่บนโต๊ะมึงคืออะไร”

   “...” ถ้าเป็นอินเตอร์เนตกูคงคิดว่าสัญญาณเครือข่ายสี่จีไม่ดี ก็มันเล่นสะดุดทุกทีที่ผมยิงคำถามใส่ มึงไปเปิดเบอร์ใหม่เปลี่ยนค่ายเหอะ

   “ทำไมมึงต้องโกหกกูด้วย”

   “โกหกเรื่องอะไร” มันหลบตาผม

   “เรื่องยางลบไงเนี่ย” ผมลุกเดินปึงปังไปที่โต๊ะกะจะหยิบหลักฐาน แต่ทว่า...กล่องใส่ยางลบมันหายไปไหนวะ!!

   “พี่เพ้อแล้ว” มันเอาไปซ่อน!!

   “มึงเอาไปไว้ไหน”

   “ยังเมาค้างอยู่รึเปล่า”

   “ทำไมมึงแถได้ขนาดนี้วะฮะ ความจริงมันอยู่ตรงหน้าแล้วมึงยังจะ...”

   “ผมเปล่าแถ”

   “มึงแถ”

   “ผมเปล่าแถ”

   “มึงแถถถถถ” แถไม่พอมันยังทำท่าจะเดินหนีผมอีก

   “เฮ้ยพี่ทำอะไรน่ะ!!” สิ่งเดียวที่ผมคว้าได้จากตัวมันตอนนี้จะมีอะไรซะอีกนอกจากผ้าขนหนูผืนเดียวที่ติดอยู่กับตัวมันนี่แหละ

   “มึงจะไปไหน”

   “ไปกินข้าวเย็น” ไอ้แทนมันกำปมตรงเอวยึดอาภรณ์ติดกายชิ้นสุดท้ายไว้แน่นๆ ส่วนผมก็ยื้อมันอย่างกับเล่นชักเย่อ

   “ทีหลังได้มั้ยวะ”

   “ผมหิวแล้ว”

   “งั้นมึงก็ตอบกูมาดิ”

   “โอเค ถ้าอยากดูเปิดให้ดูก็ได้”

   พรึ่บ!!

   เกร๊ซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซ อ่อก!! ไปสู่สุขคติยังภพภูมิที่ดี





   “กินดิพี่” เชี่ย กูกินไม่ลง ดูก็รู้แล้วว่ามันเจตนาจงใจทำร้ายผมชัดๆ

   ก็ของตรงหน้ามันมีแต่เมนูไข่ลูกเขยเงี้ย ไข่น้ำเงี้ย ไหนจะไส้กรอกเยอรมันย่างดุ้นใหญ่ๆอีกสองชิ้นอีก

   “กูแดกไม่ลง” ภาพมันติดตา ฮืออออออ เอาสายยางมาฉีดล้างสมองกูที

   “อย่าเอาไปเทียบกันดิ ของผมใหญ่กว่าเยอะ” มันอวด นั่นแหละของมึงใหญ่กว่าแต่มันคล้ายกูเลยแดกไม่ได้ไง!!เข้าใจกูบ้าง

   “มึงกินไส้กรอกไป กูเอาไข่...” โว้ยยยยยย พูดไม่ออก

   “ได้เดี๋ยวผมกินไส้กรอกพี่...”

   เคร้ง!!

   “มึงตกคำว่า ‘ส่วนของ’ ไป” เขวี้ยงส้อมได้กูเขวี้ยงใส่มันแล้ว

   “โอเคครับ เดี๋ยวผมกินไส้กรอก ‘ส่วนของ’ พี่เอง ส่วนพี่ก็กินไข่ผม”

   “สัดแทนอย่าให้กูพูดซ้ำ”

   “ครับๆ” ว่าเสร็จมันก็ตักไข่ให้ผม

   ผมกับมันลงมากินข้าวที่ร้านอาหารไม่ห่างไกลจากหอไปซักเท่าไร เด็กมหา’ลัยยังคงเดินพลุกพล่านอยู่แถวนั้นเพราะยังไม่ดึกเต็มที่ จนทำให้บางทีเหมือนผมกับมันตกเป็นเป้าสายตาของใครหลายๆคน อึดอัดว่ะ แต่มากับคนของประชาชนต้องทำใจ

   “เรื่องเมื่อวานกูขอบใจมึงนะ” เวร...ไม่น่าเงยขึ้นไปมองมันเลย อมเข้าไปได้ไส้กรอกทั้งดุ้น -_-

   “อึก...ผมต่างหากที่ต้องขอบคุณพี่” สงสารผู้หญิงหลายคนที่มองมาทางนี้จริง ยกมือถือขึ้นมาถ่ายได้ภาพไปเยอะมั้ยครับ อย่าลืมติดแฮชแท็ก #แทนสุรบถอมโชว์ #เดือนวิศวะจัดหนักทั้งดุ้น ด้วยนะ ผมจะตามไปดู

   “เรื่องอะไรวะ”

   “เรื่องที่ช่วยฟ้า” มันวางช้อนส้อมแล้วหันมาจ้องผมแทน

   “เรื่องแค่นั้นเอง ไม่คิดเป็นบุญคุณหรอก” ลืมไปว่าฟ้าน่ะน้องมัน ส่วนผมก็ยังไม่ทันได้บอกว่ากูเนี่ยแหละเพื่อนผัวน้องมึง

   “ว่าแต่พี่รู้จักฟ้าได้ยังไง”

   “โอ๊ย ทำไมจะไม่รู้จัก ก็น้องฟ้า...” ผมชะงักไป เฮ้ยเดี๋ยวก่อนนะ หน้าตาไอ้แทนมันดูแปลกๆแบบสงสัยผมเสียเต็มประดาว่าผมไปทำอะไรกับน้องมันมา หนำซ้ำไอ้แม็คมันยังไม่รู้จักไอ้แทนแถมเข้าใจผิดว่าเป็นกิ๊กด้วยซ้ำ มันซักจะยังไงยังไงแล้วนะเว้ย “กะ...ก็น้องฟ้าดรัมเมเยอร์สาธิตทั้งคนนะเว้ยใครจะไม่รู้จัก” ผมพลิกลิ้นทันที ส่วนไอ้คนหล่อน้องสาวสวยมันสั่นหัวขึ้นลงน้อยๆเหมือนเป็นการยอมรับ โอ๊ยไอ้ตระกูลหน้าตาดี

   “ว่าแต่มีแฟนรึยังวะ กูจีบได้ป่ะ” จบประโยคนี้เสร็จแม่งมองกูตาขวางเลยครับ หวงน้องสาดดดดดด ผมเลยหันกลับมานั่งนิ่งๆจิ้มไข่กินต่อ แต่ไม่นานเสียงทุ้มๆมันก็ยอมเปิดปากพูดอีกครั้ง

   “ไม่มีหรอก จีบได้” เหยดดดดดดดดด อย่างนี้ก็แสดงว่าไอ้แทนมันยังไม่รู้ว่าน้องฟ้ามีซ้ะหมี่แหล่วสิวะฮะ

   “หมายถึงคนพี่”

   “...” ฮะ??

   “น้องแทนคะ” ระหว่างที่ยังอึ้งกับการตีความประโยคมัน จู่ๆสาวสวยในชุดนักศึกษานางนึงเดินเข้ามา เล่นเอาผมกับไอ้แทนสองหัวสี่ตาหันไปมองตามเสียงฉับพลัน แม่เจ้าโว้ย สวยหยดย้อยอย่างกับนางงามเทพีสงกรานต์ งานดี งานคิวท์ๆ น่าอนุรักษ์สานสัมพันธ์วัฒนธรรมไทยกันถึงในห้องนอน แต่เสือกไม่เรียกชื่อผมเนี่ยดิ เจ็บปวดดดด

   “ครับ”

   “พี่ขอถ่ายเซลฟี่กับน้องได้มั้ยคะ” ดูแล้วน่าจะเป็นพี่ปีโตกว่าผม ทำไมไม่มาขอเมื่อห้านาทีก่อนล่ะครับ จะได้เซลฟี่กับสุดหล่อพร้อมไส้กรอกเยอรมันเฟรงค์เฟิร์ตคำโตโตในปากมันไปด้วยเลย อุบาทว์สัด

   “ไม่ดีมั้งครับ เดี๋ยวแฟนผมหึง” พูดเสร็จมันก็มองหน้าผม แล้วมึงมาบอกกูทำไม ไปบอกผู้หญิงนู้นไป ไม่ทันแล้วครับเทพีสงกรานต์หน้าตึงเดินจากไปแบบไม่ใยดีปล่อยให้ผมต้องมานั่งแหวหาเรื่องเอาความกับมันแทน

   “เฮ้ย ไหนมึงบอกไม่มีแฟน”

   “คนเรามันก็ต้องรู้จักแยกแยะป่ะ”

   “แยกแยะห่าอะไร สวยวัวตายความล้มขนาดนั้นยังต้องแยกแยะอะไรอีก” เป็นกูพุ่งใส่ยิ่งกว่าใช้ไอพ่นแล้ว

   “แยกแยะว่าคนไหนให้จีบ คนไหนไม่ให้จีบ”

   “ไอ้มาตรฐานสูง”

   “เปล่านะ แค่จะให้จีบเฉพาะคนที่ผมอยากกากด้วย”

   “อย่างกูใช่มั้ย กากได้กากดีกากมันทุกวันที่เจอหน้า”

   “ใช่อยากกากแล้วจูบปอดชะมัด”

   “O_O” กูไม่เก็ททททท

   “หรือต้องสาธิตให้ดู” มันทำปากจู๋ม๊วฟๆแล้วทำท่าจะพุ่งเข้าใส่ผม

   “เชี่ย!!” กูเก็ทแล้ววววววววว อย่าผวนนะครับขอร้อง T^T

   “สุภาพ”

   สุภาพของเชี่ย มันคืออะไรวะ กูขอไปเปิดพจนานุกรมแป๊บ กูอยากตายยยย

   แต่ก่อนตายกูขอกินไข่ลูกเขยมึงก่อนนะ เริ่มหิวละ

   “พี่ไทม์” สงบได้ไม่ทันไร ไอ้แทนมันก็เริ่มเปิดบทสนทนาใหม่ขึ้นมาอีกรอบ

   “หืม”

   “ผมสงสัย”

   “สงสัยอะไร”

   “เมื่อวานน้องผมไปอยู่ที่นั่นได้ไง” อุก!! จู่ๆจะถามอะไรสนใจสุขภาพกูบ้าง ตอนนี้แทบอยากจะคายไข่ลูกเขยออกจากปาก แต่คนกากๆอยากคีบลุคนิ่งๆเพราะผู้หญิงที่อยู่รอบตัวเสือกยกมือถือขึ้นกดชัตเตอร์รัวๆกับช็อตนี้ ช็อตที่ไอ้แทนมันทำสีหน้าจริงจัง!! จะทำไงดีวะถ้าบอกไปตามตรงก็คงเป็นเหตุผลที่ว่าน้องฟ้างอนไอ้แม็คมาเลยวิ่งหาสามีสำรอง แต่ขืนบอกไปอย่างนั้นกูคงตายก่อนไอ้แม็คมันแน่ๆ

   “ทำไมมึงไม่ไปถามน้องเองเล่า” ถามกูเพื่อ สีข้างกูถลอกปอกเปิกจนเซียงกงอะไล่ยนต์ก็ไม่มีขายให้กูแล้วนะเว้ย

   “ถามแล้ว แต่ฟ้าไม่ยอมบอก”

   “...”

   “วันนี้ตื่นมาก็เอาแต่ร้องไห้ จนผมเริ่มสงสัยว่ามันมีเรื่องอะไรไม่ชอบมาพากล” น้องมึงทะเลากับผัวไงอย่าให้กูเซด

   “มึงคิดมากไปเองรึเปล่า น้องมึงอาจจะไม่มีอะไรก็ได้” ใช่ไม่มีอารั้ยยย อะไรเลย แค่เข้าใจผิดกันว่ามีพี่ชายอย่างมึงเป็นกิ๊ก เดี๋ยวพอรู้ก็คืนดีหายกันแล้ว ไม่ต้องคิดมาก

   “ผมว่าไม่ ผมสังหรณ์ใจแปลกๆ” ลางสังหรณ์มึงดีชะมัด ดีซะจนกูสะท้านไปถึงรูตรู๊สสสเลยครับ

   “...”

   “พี่ไทม์”

   “อะไร”

   “พี่ช่วยผมอย่างได้มั้ย” กูก็ชักสังหรณ์ใจแปลกๆบ้างแล้ว

   “...”

   “ช่วยสืบให้ทีว่าตอนนี้ฟ้ากำลังคบกับใครอยู่” ว่าความซวยกำลังจะมาตกที่กูนี่แหละคร้าบบบบบบบ


TBC
_________________________________________________________

หายไปฟุ้งซ่านมาสองสัปดาห์เต็ม 5555
ยังรอเค้าอยู่มั้ย รอนะ รอนะนะนะ

คุณ FeaRes รูเยิฟฟฟฟฟ เฉลยตึ่งโป๊ะ!! อ่านบทนี้จบเคลียร์ทุกอย่าง ไทม์ไม่ร้องแล้วน้า ห่วงใดไม่สู้เท่าห่วงไทม์(แทนไม่ได้กล่าวไว้) รอเค้าอยู่มั้ยยยยย

คุณ B52 เดาง่ายจัด555 เป็นนิยายง่ายๆเบาๆคลายสมอง(เหรอ)ค่ะ คอมเมนต์ที่สองต่อเนื่อง น้ำตาจิไหลลล ขอบคุณนะค้าาา

คุณเพียงเพื่อน แหะแหะ รู้ไต๋คนเขียนหมดเลย หลงมาอ่านนิยายเค้าด้วย ขอบคุณมากเลยนะคะสำหรับคอมเมนต์ รักน้าา

รักทุกคนเลยยยย
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 11-11-2017 19:48:25 โดย sakutaka »

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8896
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด