[END] >> ราชันย์พ่ายรัก << (18+) ตีพิมพ์กับธัญวลัย
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: [END] >> ราชันย์พ่ายรัก << (18+) ตีพิมพ์กับธัญวลัย  (อ่าน 65119 ครั้ง)

ออฟไลน์ Gato88

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 22
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
ราชันย์ มันเป็นคนบ้าจริงๆแล้วแหละ ปวดหัวแทนแฟร์อะ  :เฮ้อ: :เฮ้อ:

ออฟไลน์ cheepoke

  • ^_^\/ สู้ๆ ฮู้เล่ๆ
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 78
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
    • https://www.facebook.com/BlueGusten.FictionY/


CHAPTER 10



     วันนี้เป็นวันที่ราชันย์กับแฟร์ต้องออกเดินทางเพื่อติดตามงานไปยังสถานที่ถ่ายทำโฆษณาตัวใหม่ในจังหวัดภูเก็ต ร่างสูงเดินขึ้นเครื่องด้วยท่าทางสบายใจก่อนร่างบางจะตามขึ้นไปด้วยใบหน้าที่ไม่สู้ดีนัก

   “เป็นไร” ราชันย์ถามเมื่อเห็นใบหน้าของอีกคนซีดเผือด

   “เปล่า” แฟร์ตอบก่อนจะเก็บสัมภาระของตัวเอง

   “เป็นอะไรบอกมา” ราชันย์ถามย้ำอีกครั้งเมื่ออีกฝ่ายนั่งลงยังที่นั่งของตัวเองทั้งใบหน้าเหยเกอย่างนั้น

   “ผมไม่ได้เป็นอะไรจริงๆ” แฟร์ตอบแต่นั่นก็ไม่อาจทำให้ร่างสูงเชื่อได้เขาจึงขู่เสียงเย็นกลับ

   “ฉันไม่อยากทำอะไรนายบนนี้หรอกนะถ้าไม่จำเป็นเพราะฉะนั้นบอกฉันมาซะ” เมื่อร่างบางได้ยินดังนั้นก็ได้แต่มองค้อน

   “ผมแค่เมาเครื่อง” แฟร์พูดพลางเช็ดเหงื่อที่ไหลออกมาจากขมับทั้งสองข้างออก

   “แล้วทำไมไม่บอก”


   “ไม่เป็นไรเดินทางแป๊ปเดียวผมทนได้”

   “แน่ใจนะ” ร่างสูงมองมาด้วยแววตาราบเรียบหากแต่ภายใต้คำพูดธรรมดาๆ นั้นกลับเต็มไปด้วยความเป็นห่วงจากใจจริง

   แฟร์พยักหน้าตอบเขาทำตัวลำบากขึ้นทุกทีหลังจากที่วันนั้นคนตรงหน้าได้ตัดสินใจเอ่ยความในใจออกมาในขณะที่ตัวเขายังไม่ทันได้ตั้งตัวเลยสักนิดดังเช่นวันนี้ที่อีกคนคะยั้นคะยอให้เขามากับตัวเองทั้งที่แฟร์จะไปกับพนักงานคนอื่นๆ ก็ยังได้ แต่ราชันย์เหนือชั้นกว่าเพราะเขาได้ทำการจองตั๋วเครื่องบินให้กับแฟร์เป็นที่เรียบร้อยโดยที่ร่างสูงแอบขโมยบัตรประชาชนของแฟร์ในขณะที่อีกฝ่ายกำลังเข้าห้องน้ำแถมยังขู่อีกด้วยว่าถ้าร่างบางไม่ยอมไปด้วยราคาตั๋วที่ซื้อไว้จะถูกหักออกจากเงินเดือนเขาถึงห้าเท่า!

   “งั้นถ้ารู้สึกไม่ดีจนทนไม่ได้เมื่อไหร่นายต้องบอกฉัน” ร่างสูงว่าพลางดึงผ้าปิดตาที่คาดมันไว้บนหัวตั้งแต่เก็บสัมภาระเสร็จลงมาปิดก่อนที่เขาจะทำทีเข้าสู่ห้วงนิทรา

   แฟร์มองการกระทำของคนที่หลายวันมานี้เขาไม่ดุด่าว่าร้ายหรืออารมณ์เสียใส่ด้วยเหตุผลบ้าๆ อย่างรู้สึกดีขึ้นมานิด ร่างบางพินิจดูดวงหน้าของคนข้างๆ พลางอมยิ้มขึ้นอย่างไม่รู้ตัว

   ความจริงแล้วราชันย์เป็นผู้ชายที่จัดได้ว่าหน้าตาหล่อเหลาเอามากๆ ร่างสูงมีใบหน้าคมคายอย่างไร้ที่ติบวกกับสีหน้าและแววตาเรียบเฉยนั่นที่อีกคนชอบใช้ยิ่งทำให้บางเวลาราชันย์ก็ดูเหมือนกับราชสีห์ที่ยากจะเข้าถึงหากทว่าบางเวลาเขาก็ดูเหมือนกระต่ายน้อยที่ไร้ซึ่งกรงเล็บและฟันที่แหลมคม

   “จะจ้องฉันอีกนานมั้ยถ้านานกว่านี้ฉันจะเก็บเงินนาย” ราชันย์ว่าก่อนที่ร่างบางจะชักหน้าตัวเองที่โน้มลงไปหาอีกฝ่ายกลับ

   “ในหัวของคุณมีแต่เรื่องเงินๆ ทองๆ หรือไง” แฟร์ว่าพลางหันหน้ามองออกไปยังนอกหน้าต่างด้วยท่าทีขวยเขิน

   “แน่นอนสิเพราะฉันเป็นนักธุรกิจ” พูดเพียงเท่านั้นก่อนรางสูงจะฉวยมืออีกคนมากำไว้ แฟร์มองไปยังมือของเขาที่ถูกอีกฝ่ายจับก่อนจะพยายามชักกลับแต่อีกคนกลับไม่ยอมเพราะเขายิ่งบีบมันแน่นยิ่งกว่าเดิม

   ร่างบางหมดแรงจะขัดขืน เขายังไม่ชินกับราชันย์ที่เปลี่ยนไป แม้ว่าในวันนั้นหลังจากที่อีกคนบอกความรู้สึกกับเขา แฟร์ต้องทนนั่งทานข้าวร่วมกับราชันย์อีกเป็นชั่วโมงกว่าจะได้กลับก็ปาไปเกือบสองทุ่ม แต่ก็ยังดีที่วันนั้นอีกฝ่ายไม่ทำอะไรอีกนอกเสียจากนั่งมองเขาราวกับกลัวจะหายไปไหนเสียเท่านั้น

   รถของโรงแรมที่ไปรอรับทั้งคู่จากสนามบินจอดเทียบท่ายังที่หมายเป็นที่เรียบร้อย ราชันย์เปิดประตูเดินลงจากรถก่อนที่ร่างสูงจะทำการติดต่อกับทางโรงแรมและเดินนำแฟร์ไปยังห้องพักทันที

   ร่างสูงเปิดห้องด้วยกุญแจที่ถือมาพลางเดินเข้าไปก่อนจะล้มตัวลงนอนบนเตียงอย่างเหนื่อยอ่อน แฟร์มองการกระทำของอีกฝ่ายอย่างสงสัย ร่างบางเดินเข้าไปหยุดอยู่ข้างเตียงที่ราชันย์นอนอยู่ก่อนจะพูดกับอีกคนเสียงนิ่ง

   “ขอกุญแจห้องของผมด้วย” แฟร์ว่าพลางแบมือ

   “ห้องนาย?”

   “ใช่ห้องของผม”

   “ห้องนายก็ห้องนี้แหละ” ร่างสูงตอบหน้าตาย

   “แต่นี่มันห้องของคุณ!”

   “ไม่ถูกสินายต้องพูดว่ามันคือห้องของเราต่างหากล่ะ” ร่างสูงเอ่ยแกมหยอกก่อนที่ร่างบางจะหน้าขึ้นสี

   “คุณราชันย์ผมไม่นอนกับคุณหรอกนะ!”
 
   “มันไม่มีห้องว่างหรือนายอยากจะนอนทางเท้า?” ราชันย์ถามพลางลุกขึ้นจ้องไปยังอีกคน

   “ถ้ายังงั้นผมก็จะไปพักที่โรงแรมอื่น”

   “ฉันติดต่อโรงแรมในระแวกนี้มาหมดแล้วไม่มีที่ไหนว่างเพราะเป็นช่วงไฮซีซั่น”

   “คุณต้องล้อผมเล่นแน่ๆ”

   “คิดว่าฉันมีเวลามานั่งล้อเล่นกับนายหรือไง” ราชันย์ตอบก่อนจะลุกเดินไปยังกระเป๋าเสื้อผ้าที่พนักงานของทางโรงแรมขนขึ้นมาให้

   “จัดของกันเถอะ” ร่างสูงบอกก่อนที่เสียงเคาะจะดังมาจากทางประตูห้อง พวกเขาทั้งคู่หันมาสบตากันสุดท้ายก็เป็นแฟร์ที่ต้องเดินไปเปิด

   ร่างบางเดินไปยังประตูก่อนจะเปิดมันออกเผยให้เห็นร่างเล็กของใครบางคนเดินเข้ามาพลางทักเจ้าของห้องด้วยความสนิทสนม

   “พี่ราชันย์มาแล้วจริงๆ ด้วย” ชานนท์ยิ้มกว้างก่อนจะเดินเข้ามาในห้อง

   ร่างบางมองตามหลังผู้มาใหม่ที่ไม่คิดจะสนใจเขาสักนิดเนื่องจากประตูเมื่อกี้บังร่างของเขาเอาไว้ก่อนที่แฟร์จะตะโกนชื่ออีกคนออกมาด้วยความตกใจ

   “นนท์!”

   “อ้าว! พี่แฟร์” นนท์หันมาหาแฟร์เมื่อถูกเรียก “ทำไมพี่แฟร์ถึงอยู่กับพี่ราชันย์ได้ล่ะ?”

   “แฟร์เป็นเลขาฯ ของผม” ราชันย์ตอบเมื่อนนท์ถามอีกฝ่ายกลับแต่แฟร์ก็ไม่กล้าบอกความจริงออกไป

   “แต่พี่นัทบอกว่าพี่แฟร์จะไปช่วยงานเพื่อนไม่ใช่เหรอ”

   “เอ่อ…” แฟร์กลืนไม่เข้าคายไม่ออกร่างบางชำเลืองไปทางราชันย์อย่างคาดโทษเขาต่อว่าอีกคนผ่านแววตาเพราะร่างสูงไม่เคยบอกเขาสักคำว่านนท์เองก็มาที่นี้ด้วย

   “เพื่อนของเขาคนนั้นก็คือผม” ราชันย์ชิงตอบ

   “แต่…”

   “ไว้พี่จะเล่าให้ฟังนะแล้วนนท์ล่ะมาที่นี่ได้ไง” แฟร์เอ่ยตัดบทนนท์ที่ดูเหมือนจะมีเรื่องถามออกมาอีก

   “ก็ผมเป็นพรีเซนเตอร์สินค้าตัวนี้ให้พี่ราชันย์ไงล่ะครับพี่ลืมไปแล้วเหรอ” ร่างเล็กตอบพลางมองหน้าอีกคนด้วยความสงสัย

   แฟร์เผลอสบตานนท์เข้าร่างบางไม่รู้ว่าอีกฝ่ายมีอะไรภายใต้แววตานั้นแต่เขากลับคิดอะไรดีๆ ออกในที่สุด

   “ถ้ายังงั้นผมขอไปนอนกับนนท์นะ” ร่างบางว่าก่อนจะหันไปมองราชันย์ที่หยิบเสื้อผ้าของตัวเองออกมาเก็บ

   “แค่ต้องถ่ายโฆษณาเขาก็เหนื่อยมากพอแล้วนายยังจะไปแย่งที่นอนเขาอีกทำไมนอนกับฉันนี่แหละจัดของของนายเข้าตู้ซะ” ร่างสูงพยายามยื้อจนนนท์ที่มองทั้งคู่อยู่รู้สึกได้ถึงความต้องการบางอย่างของราชันย์

   “ให้พี่แฟร์ไปนอนกับผมก็ได้พวกเราน่ะนอนด้วยกันบ่อยจะตายไม่รบกวนหรอกครับ” ร่างเล็กของดาราหนุ่มเอ่ยก่อนที่แฟร์จะหันไปยิ้มราวกับกำลังถูกเขาช่วยชีวิต

   “ผมต้องคุยและเคลียร์เอกสารกับแฟร์อีกเยอะ” ราชันย์ว่าพลางจ้องแฟร์กลับ

   “เรื่องงานเดี๋ยวผมมาทำงานกับคุณเองเพียงแต่เวลานอนผมจะไปนอนกับนนท์” แฟร์บอกก่อนร่างสูงจะถอนหายใจเมื่อทักท้วงมากกว่านี้ไม่ได้

   “ตามใจนายแล้วกัน” ว่าเสร็จราชันย์ก็ทำทีจะเดินเข้าไปเก็บเสื้อผ้าของตัวเองในตู้แต่กลับถูกเสียงหนึ่งที่ดังจากประตูฉุดไว้เสียก่อน

   “แหมๆ มาแล้วเหรอคะชันย์แพรคิดถึงคุณจังเลย”

   “!!”

   แพรวาเดินเข้ามาในห้องอย่างถือวิสาสะ ร่างสูงมองตามต้นตอของเสียงก่อนใบหน้านิ่งจะขมวดคิ้วมุ่นพลางถามอีกคนกลับ

   “มาที่นี่ได้ยังไง”

   “นี่คุณไม่รู้เหรอว่าแพรคือพรีเซนเตอร์ผู้หญิงของคุณ” เสียงแหลมเอ่ยขึ้นอย่างถือดีก่อนที่แพรวาจะแสยะยิ้มและพูดขึ้นอีก

   “หรือว่ามัวแต่ทำอย่างอื่นกับใครแถวนี้ล่ะถึงได้เป็นเหมือนผู้บริหารที่ไม่ติดตามงานแบบนี้” ร่างสูงได้ยินคำปรามาสก็เหยียดยิ้ม

   “หึ! เผอิญเรื่องของคุณมันไม่ได้อยู่ในความสนใจของผมน่ะสิผมถึงไม่สนว่าคุณจะทำอะไร ที่ไหน เมื่อไหร่ หรือกับผู้ชายคนไหน!!”

   เพี้ยะ!!

   “ชักจะมากไปแล้วนะคุณคิดว่าคุณเป็นใครถึงได้มาพูดจาดูถูกแพรแบบนี้ได้!” แพรวาฟาดมือเล็กลงบนหน้าของราชันย์อย่างจัง

   แฟร์และนนท์ที่ยืนดูอยู่ด้วยถึงกับตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ร่างเล็กของนนท์ทำท่าว่าจะเข้าไปช่วยแต่กลับถูกแฟร์ยื้อเอาไว้ก่อนที่คนแก่กว่าจะส่ายหน้าให้อีกฝ่ายรู้ว่าไม่ควรเข้าไปยุ่ง

   “แล้วคุณล่ะแพรวาคุณเป็นใครถึงได้กล้าตบหน้าผม” ราชันย์เอ่ยเสียงเย็นเยียบ

   “แพรก็เป็นคนที่เคยทำให้คุณรักยังไงล่ะคะ! รักจนโงหัวไม่ขึ้นซะด้วย!!”  หญิงสาวตะโกนลั่นก่อนราชันย์จะหันไปสบตากับแฟร์ที่ยืนอยู่ไม่ไกลในขณะที่แพรวายังพูดออกมาไม่หยุด

   “แพรรู้สึกผิดมากเลยนะชันย์ที่ทำให้คุณผิดหวังจนต้องเปลี่ยนรสนิยมไปคั่วกับผู้ชายด้วยกันเอง!”

   “หุบปากซะแพรวา!!” ร่างสูงตวาดก้อง

   ราชันย์มองใบหน้าของแพรวาราวกับอยากจะฉีกเนื้อออกเป็นชิ้นๆ ร่างสูงขบกรามแน่นเพื่อข่มอารมณ์ของตัวเองเอาไว้จนขมับปูดเป็นเส้น

   แฟร์เห็นท่าไม่ดีจึงพยายามจะพาร่างเล็กของคนข้างๆ เดินออกจากห้องนี้ไปแต่แล้วก็ถูกแพรวาตวัดคำพูดว่าร้ายมาจนได้

   “จะไปไหนไอ้ลักกินขโมยกิน!” ร่างโปร่งของดารานางแบบสาวที่สูงกว่าร้อยเจ็ดสี่เซนต์ฯ ย่างกรายเข้าไปหาทั้งคู่ก่อนที่ราชันย์จะกระชากแขนเล็กให้กลับมาหาตัวเอง

   “หยุดพล่ามแล้วออกไปจากห้องผมซะก่อนที่ผมจะหมดความอดทน!” ร่างสูงบีบแขนของแพรวาจนอีกฝ่ายร้อง

   “โอ้ย! แพรเจ็บนะชันย์!!”

   “บุญแค่ไหนแล้วที่คุณได้งานนี้เห็นว่าเดือดร้อนเรื่องเงินอยู่?”

   “กรี๊ดดดด!!!”

   ร่างสูงเค้นเสียงเอ่ยความจริงจนแพรวาหน้าชาขึ้นทันใด หญิงสาวโกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยงก่อนที่เธอจะเอาแต่กรีดร้องออกมา

   “ความอดทนของผมมันต่ำขืนเธอก้าวก่ายไม่เข้าเรื่องก็รอรับผลเอาไว้ได้เลยออกไป!!”

   “แพรไปแน่! คิดว่าแพรกลัวยังงั้นเหรอ คุณยังรักแพรอยู่แพรรู้คุณไม่กล้าทำแบบนั้นกับแพรหรอก!! แต่แพรยังจะรังควานคุณอยู่แบบนี้ไม่ปล่อยดูสิว่าใครจะเป็นคนชนะ!!” ร่างโปร่งของดาราสาวเอ่ยเน้นหนักก่อนที่ 'แนน' ผู้จัดการส่วนตัวคนใหม่ของนนท์จะเข้ามายุติศึกน้ำลายในครั้งนี้

   “ขอโทษนะคะทีมงานพร้อมแล้วค่ะน้องนนท์…คุณแพรวา” นนท์    พยักหน้ารับ ร่างเล็กหันไปมองราชันย์ทีแพรวาทีก่อนจะยอมเดินออกไปเช่นเดียวกับแพรวาที่สะบัดหน้าจ้ำอ้าวตามออกไปด้วยอีกคน

   ราชันย์มองหน้าแฟร์ราวกับอยากจะบอกอะไรบางอย่าง ร่างบางมอง อีกคนกลับก่อนจะถอนหายใจออกมาและทำท่าว่าจะเดินออกจากห้องนี้ไปด้วย

   “นายจะไปไหน” ร่างสูงถาม

   “ผมว่าคุณคงอยากอยู่คนเดียว” แฟร์ตอบพลางมองไปยังใบหน้าของอีกคนนิ่ง

   “คิดเองเออเอง”

   “อยากทำอะไรก็ทำเถอะผมรู้ว่าคุณเหนื่อยผมจะออกไปดูนนท์สักหน่อยแล้วจะกลับมา” ว่าเสร็จแฟร์ก็แบกสัมภาระของตัวเองไปเก็บไว้ในห้องของนนท์ที่อยู่ไม่ไกลจากห้องของราชันย์นักในขณะที่ผู้จัดการส่วนตัวของอีกฝ่ายกำลังจะปิดประตูห้องนั้นอยู่พอดี



   “เหนื่อยมั้ย” แฟร์ถามนนท์ทันทีที่อีกฝ่ายเดินกลับมาใต้เต็นท์พักด้วยใบหน้าอิดโรย

   “มากอะพี่แฟร์ร้อนก็ร้อนคุณแพรวาก็ไม่ช่วยอะไรเลยถูกสั่งคัทเพราะเธอเป็นสิบกว่าเที่ยว” นนท์บ่นก่อนจะนั่งลงดูดน้ำอัดลมในแก้วลงคอไปอึกใหญ่

   “เธอคงไม่ค่อยมีสมาธิน่ะ”

   “คงจะใช่ล่ะมั้งแล้วพี่แนนล่ะครับ”

   “ไปเข้าห้องน้ำน่ะ” แฟร์ตอบก่อนที่คนตรงหน้าจะมองไปยังเต็นท์ของดาราสาวพร้อมกับพูดขึ้น

   “นนท์ว่าเธอต้องโกรธนนท์แหงๆ”

   “ทำไมล่ะ”

   “ก็พี่ราชันย์ดันจูบนนท์ต่อหน้าเธอน่ะสิ ไม่รู้เหมือนกันว่าเธอจะจำนนท์ได้มั้ยแต่คำพูดเมื่อกี้ของเธอมันเหมือนต่อว่านนท์เลยนะ” ร่างเล็กเอ่ยออกไปอย่างไม่หมกเม็ดชานนท์รู้ดีว่าแฟร์เก็บความลับได้ดีกว่าใครแถมพวกเขายังสนิทกันมาตั้งแต่ไหนแต่ไรด้วย

   “อะไรนะนนท์!” ร่างบางแทบไม่เชื่อกับสิ่งที่ได้ยิน

   “ตกใจอะไรกันพี่แฟร์”

   “นนท์บอกว่าคุณราชันย์เขาทำอะไรนะ!?” แฟร์ถามย้ำ

   “พี่ราชันย์เขาจูบนนท์ต่อหน้าคุณแพรวาเรื่องนี้นนท์ยังไม่ได้บอกใครเลยนะพี่เป็นคนแรกที่รู้” นนท์พูดไปพลางลอบยิ้มอย่างมีความสุขเมื่อนึกย้อนกลับไปถึงเหตุการณ์ในคืนนั้น

      “เมื่อไหร่” แฟร์ถามเมื่อเริ่มมีน้ำโห ร่างบางไม่คิดเลยว่าในขณะที่เขาต้องห่วงคนตรงหน้าเป็นบ้าเป็นหลังราชันย์กลับตลบตะแลงคำสัญญาที่เคยให้ไว้

   “ไม่กี่วันที่ผ่านมาเนี่ยแหละนนท์นัดพี่ราชันย์ไปผับ KT”

   “แล้วเขาก็ไป?”

   “แหงสิ! แล้วก็บังเอิญไปเจอคุณแพรวาที่นั่นพอดี พี่ราชันย์เขาเลยทำแบบนั้นกับนนท์…ตกลงพวกเขาเคยเป็นแฟนกันมาก่อนเหรอ?” ร่างเล็กถามออกไปอย่างคนไม่รู้ก่อนที่คนตรงหน้าจะเอาแต่ขยำบทพูดของนนท์ที่หยิบมาอ่านรออีกฝ่ายถ่ายทำเมื่อกี้จนมันยับไปหมด

   “พี่แฟร์เป็นอะไรหรือเปล่า” นนท์ถามก่อนจะเอื้อมมือของตัวเองจับมือของแฟร์ที่กำลังสั่นเทาเพราะความโกรธ

   “เปล่าๆ แนนมาแล้วงั้นพี่ขอตัวก่อนนะ” แฟร์ที่เห็นหญิงสาวร่างอวบเดินมาแต่ไกลออกปากขอตัวทันที

   “พี่แฟร์ไม่อยู่กับนนท์ต่อเหรอเหลือถ่ายอีกแค่ซีนเดียวเองแล้วเราค่อยไปหาพี่ราชันย์พร้อมกัน” ร่างเล็กคะยั้นคะยอหากทว่าแฟร์กลับร้อนรุ่มอยากรู้ความจริงจากปากใครบางคนเสียมากกว่า

   “พอดีพี่นึกขึ้นได้ว่าต้องรายงานเรื่องงบประมาณของงานนี้ให้เขารู้น่ะพี่ขอกลับก่อนแล้วกัน” แฟร์บอกพลางลุกขึ้นยืน

   “งั้นก็ได้ครับแล้วเจอกันนะ” นนท์โบกมือให้คนเป็นพี่ที่เดินออกไปก่อนร่างเล็กจะมองตามแผ่นหลังของแฟร์อย่างสงสัย

   ชานนท์รู้สึกได้ว่าระหว่างแฟร์กับราชันย์ต้องมีอะไรมากกว่าที่เขาเห็น ร่างเล็กรับรู้ได้จากสายตาของราชันย์ที่มองมายังแฟร์ในคราวที่เขาเจอทั้งคู่อยู่ในห้องด้วยกันเมื่อเช้าเพียงแต่นนท์ไม่อยากตัดสินใจอะไรไปก่อนที่จะเห็นด้วยตาของตัวเองเพียงเท่านั้น!




   “กลับมาแล้วเหรอว่าจะลงไปตามพอดี” ราชันย์เอ่ยทักเมื่อแฟร์เปิดประตูเดินเข้ามาในห้องของเขา

   “ผมมีเรื่องจะคุยกับคุณ” ร่างบางเอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบ

   “เรื่องอะไร”

   “เรื่องนนท์”

   “ฉันไม่อยากคุยเรื่องของใครตอนนี้มาแล้วก็ดีชงกาแฟให้กินหน่อย”   

       “ผมไม่ทำอะไรทั้งนั้น!”

   “เป็นบ้าอะไร!” ราชันย์มองแฟร์นิ่ง ร่างสูงกัดฟันกรอดก่อนจะเดินเข้าไปหาอีกคนแต่แฟร์กลับถอยหนี

   “คุณผิดสัญญา! คุณบอกว่าจะไม่ยุ่งกับนนท์ถ้าหากผมยอมเป็นเลขาฯ ให้ แต่นี่คุณกลับไปเที่ยวด้วยกันแถมยังจูบนนท์ด้วย!” แฟร์ตะโกนออกไปจนราชันย์ชะงักร่างสูงหยุดฝีเท้าที่ก้าวไปข้างหน้าก่อนจะสบตาอีกคนกลับ

   “ผมไม่น่าไว้ใจเชื่อคุณเลยคุณมันร้ายกาจกว่าที่ผมคิด”

   “หยุดพูดเดี๋ยวนี้นะแฟร์!”

   “ทำไม! เพราะผมรู้เข้าคุณเลยจะสำนึกงั้นเหรอ!!”

   “ไม่มีการสำนึกอะไรทั้งนั้น! เขาเป็นคนโทรมานัดฉันเองไม่ใช่ฉันที่ติดต่อไปเพราะฉะนั้นเรื่องนี้ฉันไม่ผิด!” ร่างสูงสวนกลับ ราชันย์ไม่ยอมรับอะไรทั้งนั้นเพราะเรื่องนี้มันไม่ได้เริ่มขึ้นจากตัวเขาเอง!

   “คุณนี่มัน!…” แฟร์เค้นเสียงเอ่ยออกมาอย่างเหลืออดก่อนที่ร่างบางจะหันหลังกลับเพราะไม่อยากพูดกับคนตรงหน้าอีก
   “จะไปไหน!”

   “ผมไม่อยากคุยกับคุณแล้ว! ปล่อยผมนะ!!” แฟร์ร้องห้ามเมื่อราชันย์กระชากแขนของเขาเข้าหาตัวเองแน่น

   “มาคุยกันให้รู้เรื่อง! นี่นายกำลังปั่นหัวฉันอยู่ใช่มั้ย!”

   “คุณต่างหากที่ปั่นหัวผม! คนโกหก หลอกลวง ปลิ้นปล้อน ปล่อย! ปล่อยเดี๋ยวนี้! โอ้ย!!” ร่างบางหลุดร้องออกมาด้วยความเจ็บเมื่อราชันย์เหวี่ยงตัวเขาลงบนเตียงก่อนจะตามขึ้นมาคร่อมเอาไว้ไม่ให้หนี

   “จะเงียบได้หรือยังวันนี้กูเหนื่อยกับเรื่องพวกนี้มามากกูไม่อยากรับเอาอะไรเข้ามาอีกเข้าใจมั้ย?” คนด้านบนเอ่ยเสียงเรียบหากทว่าคนด้านล่างกลับฟังว่าคำพูดเมื่อกี้มันช่างเห็นแก่ตัวเสียเหลือเกิน

   “ถ้างั้นคุณก็ปล่อยผมซะเพราะผมเองก็ไม่อยากรับรู้เรื่องพวกนี้อีกต่อไปแล้ว!” แฟร์พยายามดิ้นให้หลุด
   
   “ผมจะลาออกคุณเตรียมหาคนใหม่มาทำหน้าที่นี้ได้เลย!!” เสียงใสพ่นออกไปจนคนที่รับฟังถึงกลับเลือดขึ้นหน้า

   “กูไม่ให้มึงออก!”

   “แต่ผมจะออก! อ่ะ!!” ราชันย์ก้มลงกดจูบคนด้านล่างอย่างป่าเถื่อนก่อนจะผละออกและตะโกนกลับไป

   “ก็ลองดูสิ! ขืนมึงออกตอนนี้น้องชายของคนที่มึงรักเจอกูเอาไปขายแน่!!”

   แฟร์มองราชันย์ด้วยแววตาโกรธเคือง ร่างบางไม่คิดเลยว่าราชันย์ที่อุตส่าห์ดีขึ้นหลายวันที่ผ่านมาจะหมกเม็ดเรื่องร้ายๆ และนิสัยร้ายๆ ที่เขาไม่รู้เอาไว้อีกมาก

   “สารเลว!! อื้อออ!!” ร่างบางก่นด่าก่อนราชันย์จะกลืนกินคำพูดเหล่านั้นด้วยริมฝีปากของตัวเอง

   แฟร์พยายามดิ้นหนีจนสุดแรงแต่แรงของเขากลับสู้แรงของอีกคนไม่ได้เลยสักนิด ร่างสูงทั้งกัดทั้งจูบซับย้ำๆ หลายครั้งจนปากร่างบางบวมเจ่อไปหมด

   “กูทำจริงอย่าคิดว่ากูไม่กล้า!” ราชันย์เอ่ยหลังจากปล่อยริมฝีปากที่เริ่มแดงช้ำของอีกคนให้เป็นอิสระ ดวงตาสีดำเข้มจ้องมองเข้าไปยังดวงตาสีน้ำตาลอย่างนึกโกรธ ร่างสูงไม่ชอบเลยเวลาที่อีกคนหาทางไปจากเขาแบบนี้

   “ผมรู้ว่าคุณกล้าฉะนั้นก็ปล่อยผมออกจากวังวนนี้ซะ!!”

   “กูไม่ปล่อย! ปล่อยมึงให้ไปสานสัมพันธ์กับพี่ชายไอ้เด็กนั่นก็โง่น่ะสิ!!”

   “คุณราชันย์!!”

   “มึงยังต้องอยู่กับกูไปอีกนาน” ว่าเสร็จร่างสูงก็จัดการล้วงมือเข้าไปใต้เสื้อเชิ้ตของคนข้างใต้ มือหนาลูบไล้สัมผัสอีกคนจนทั่วก่อนจะวาดลงมายัง    หน้าท้องของแฟร์อย่างเย้าหยอก

   “ฮึก! อ๊า!! อย่านะ! ปล่อยผม!!” ร่างบางพยายามดิ้นให้หลุด แววตาและท่าทางของราชันย์ตอนนี้ไม่มีทีว่าว่าจะล้อเล่นเขาเลยสักนิด

   ร่างสูงเอาจริง! คือสิ่งที่สะท้อนเข้ามาในหัวของแฟร์อย่างจัง!!

   ราชันย์ก้มลงซุกไซ้ซอกคอขาวอย่างหื่นกระหาย ริมฝีปากสีคล้ำดูดดึงสร้างรอยให้กับร่างบางจนแฟร์สะดุ้งโหยงเมื่อถูกฟันของอีกฝ่ายขบเม้มตามอารมณ์จนเกิดรอย

   “ซี๊ดดดด”

   แฟร์ส่งเสียงออกมาในขณะที่ร่างสูงจูบซับไปยังรอยที่สร้างเอาไว้ก่อนที่แฟร์จะบิดกายพร้อมกับรวบรวมแรงทั้งหมดเมื่อราชันย์พยายามจะรูดซิปกางเกงของเขาลง

   “อยากร้องให้ใครช่วยมั้ยกูจะได้ไม่ต้องออมมือ สภาพมึงตอนไม่มีเสื้อผ้าไม่ได้ทำให้กูอายที่ทำเรื่องแบบนี้กับมึงเลยสักนิด! ร้องสิ! ร้องออกมา!” ราชันย์เอ่ยทับเมื่อเห็นว่าแฟร์กำลังจะตะโกนให้คนช่วยก่อนเขาจะใช้มือหนาเคลื่อนลงไปกอบกุมกลางกายของคนตัวเล็กเอาไว้และบีบคลึงมันจนแฟร์เริ่มรู้สึกเสียวซ่าน

   “อ๊า! ฮึก อ่ะ! ยะ…อย่าทำแบบนี้กับผม อ่ะ!” แฟร์ร้องห้ามในขณะที่เรี่ยวแรงเริ่มจะไม่เหลือ คนด้านบนมีชั้นเชิงสูงจนเขาตามไม่ทันก่อนราชันย์จะกระชากเสื้อของแฟร์ออกและก้มลงดูดตุ่มไตเล็กบนหน้าอกของคนข้างใต้ราวกับหิวกระหาย

   “คุณ! อ๊า!!” ร่างบางเชิดใบหน้าขึ้นตามแรงอารมณ์ที่ก่อเกิด แฟร์ไม่รู้เลยว่าตอนนี้รู้สึกยังไงเพียงแต่ใจของเขากลับสั่นสะท้านไปกับสัมผัสที่อีกฝ่ายกำลังมอบให้เสียจนสติเริ่มพล่าเลือนลงไปทุกที

   ราชันย์จูบซับไปตามส่วนต่างๆ ของร่างบาง ทั้งหน้าท้อง หน้าอก เรื่อยขึ้นไปยังใบหู หน้าผาก ปลายจมูกก่อนจะปิดท้ายด้วยริมฝีปากสีระเรื่อที่ร่างสูงยากจะอดใจทุกทีที่เห็น

   “พี่ราชันย์ครับ…!!”

   “นนท์!!”

   เสียงของคนมาใหม่ที่ดังมาจากทางประตูฉุดให้ความหวาบหวามที่กำลังก่อตัวขึ้นของทั้งสองชะงักงัน แฟร์รีบผลักราชันย์จนล้มลงไปบนเตียงก่อนที่เขาจะลุกขึ้นพลางคว้าเอาชายเสื้อที่เลิกขึ้นลงและรูดซิปกางเกงของตัวเอง

   “พี่แฟร์!! นี่มันเรื่องอะไรกัน!!” นนท์มองพวกเขาด้วยสายตาอึ้ง ร่างเล็กตวาดถามกลับก่อนที่แฟร์จะเอาแต่มองไปด้วยแววตารู้สึกผิด

   “พี่แฟร์! ทำไมพี่ถึงได้!...” นนท์ชะงักคำพูดมากมายเอาไว้ก่อนที่ร่างเล็กจะหันหลังเดินออกไป

   “ฟังพี่อธิบายก่อนนะนนท์!” แฟร์วิ่งเข้าไปคว้าข้อมือของนนท์เอาไว้ก่อนเสียงของแพรวาที่เดินตามชานนท์เข้ามาจะสะกดความสนใจของทุกคนไปยังตัวเธอทันที

   “โอ้ย! เอะอะอะไรกันไม่อายคนอื่นเขาบ้างเหรอ!” แพรวามองเข้ามาในห้องพลางเคลื่อนดวงตาเฉี่ยวมาปะทะกับร่างของแฟร์ที่เสื้อผ้าหลุดลุ่ยก่อนจะแสยะยิ้มสมเพชคนถูกมองขึ้นมา

   “อดทนกันไม่ได้จนต้องลงมือนอกสถานที่แบบนี้เลยเหรอจ้ะ” เสียงแหลมเอ่ยขึ้นอย่างยียวนก่อนหญิงสาวจะชำเลืองไปทางราชันย์พร้อมกับเค้นยิ้มออกมาเมื่อเห็นท่าทีของอีกฝ่าย

   ร่างสูงมองแพรวาสลับกับแฟร์ที่ทำหน้ารู้สึกผิดก่อนที่ร่างเล็กของนนท์จะสังเกตเห็นแววตานั้นพร้อมกับออกแรงสลัดแขนออกจากการเกาะกุมของ    ร่างบางและเดินออกจากห้องไปในที่สุด

   “นนท์ฟังพี่ก่อนนะเรื่องนี้พี่อธิบายได้! นนท์! เดี๋ยวนนท์!” แฟร์พยายามยื้อร่างเล็กของดาราหนุ่มเอาไว้แต่ร่างสูงของราชันย์กลับก้าวเข้ามาคว้าแขนของเขาและกระชากให้กลับมาแทน

   เพี้ยะ!!

   “ผมเกลียดคุณ!!” แฟร์ตบราชันย์จนหน้าหันก่อนจะตะคอกเขากลับและวิ่งตามชานนท์ออกไปทันที

   “เป็นไงคะชันย์ยังอยากจะเปลี่ยนรสนิยมอีกมั้ยดูถ้าไม่ง่ายเลยนะ!” แพรวาได้ทีเหยียบย่ำร่างสูงด้วยคำพูด

   “ออกไป” ราชันย์เอ่ยเสียงเรียบ แรงตบและคำพูดจากร่างบางเมื่อกี้ทำให้ร่างสูงชะงักด้วยหัวใจที่กระตุกวูบอย่างบอกไม่ถูกก่อนแพรวาจะนึกย่ามใจหัวเราะออกมาเมื่อเห็นท่าทางนิ่งอึ้งของคนตรงหน้า

   “หึ! โมโหมากเลยเหรอคะ ไม่เอาน่าคุณก็น่าจะรู้ว่าสิ่งมีชีวิตประเภทนี้เขาก็เป็นแบบนี้กันทั้งนั้นไม่มีใครเป็นตัวจริง ส่ำส่อนไปทั่ว ไม่แน่ว่าคุณอาจจะเป็นแค่คนฆ่าเวลาของมันกะ…”

   “กูบอกให้มึงออกไป!!”

   “ชันย์!!” แพรวาถลึงตามองอีกฝ่ายอย่างนิ่งอึ้ง สรรพนามที่ราชันย์ไม่เคยเอ่ยขึ้นกับเธอกลับถูกเขาเอ่ยขึ้นมาท่ามกลางใบหน้าดุดัน

   “ออกไปจากชีวิตกูซะที! อยากไปตายที่ไหนก็ไป!!” ราชันย์ตวาดกลับก่อนที่แพรวาจะตรงเข้าเขย่าร่างสูงที่ยืนนิ่งด้วยแรงโทสะ

   “ชันย์กล้าพูดแบบนี้กับแพรเหรอคะ!!”

   “กูกล้าอยู่แล้ว! ถ้ามึงไม่อยากเดือดร้อนไปมากกว่านี้อย่าเกะกะชีวิตกูอีก!!” ราชันย์ผลักร่างโปร่งของอดีตคนรักลงไปนอนกองกับพื้นก่อนที่เธอจะเอาแต่กรี๊ดลั่น

   “กรี๊ดดด!!”

   “คุณแหม่มผมขอยกเลิกจ้างนางเอกพรีเซนเตอร์คนนี้!...ผมเกลียดผู้หญิงคนนี้!...ใช่!…ดิสเครดิตด้วยไม่อย่างงั้นคนแบบนี้จะแว้งกัดเราไม่ปล่อย!”

   “กรี๊ดดดด!!! ไอ้บ้า!  มึงกล้าทำกับกูแบบนี้ได้ยังไง!!” แพรวากรีดร้องราวกับเจ้าเขาเมื่อราชันย์โทรหาทีมงานที่จัดการเรื่องถ่ายโฆษณาในครั้งนี้

   “กูเหนื่อยกับมึงมามากตั้งแต่ตอนคบกันจนมาถึงตอนนี้!…ไปซะ! กูไม่อยากขึ้นชื่อว่าลงมือทำร้ายผู้หญิง!!” ร่างสูงพูดก่อนทำทีจะเดินเข้าห้องน้ำไปแต่แล้วราชันย์กลับคิดเรื่องหนึ่งออกเขาจึงเอ่ยขึ้นมาเพื่อดักคออสรพิษในคราบมนุษย์คนนี้ก่อนที่คนตรงหน้าจะหาเรื่องมาให้เขาอีก

   “อ่อ! แล้วถ้าอยากเอาคืนกูล่ะก็เห็นทีคงต้องคิดใหม่เพราะหลักฐานที่กูมีเรื่องยักยอกเงินบริษัทเมื่อสามปีก่อนคงพอเอาผิดให้มึงติดคุกไปหลายปี” เสียงทุ้มเอ่ยขึ้นอย่างถือไพ่เหนือกว่าก่อนร่างสูงจะเดินหายเข้าไปในห้องน้ำทิ้งให้   แพรวานั่งกรีดร้องอย่างเป็นบ้าเป็นหลังอยู่ตรงนั้นเพียงลำพัง


TBC..........
-------------------------------------------------
#พระศุกร์เข้าพระเสาร์แทรก!!
เกือบจะดีอยู่ละต้องมีเรื่องให้ทั้งสองคนผิดใจกันทุกทีแหละน่าาา
ตอนนี้แอบเอา NC ไม่จริงมาฝากพอให้กรุ้มกริ้ม
เป็นกำลังใจให้นักเขียนด้วยการเม้นท์หน่อยนะ
#แล้วอย่าลืมเป็นกำลังใจให้น้องแฟร์กับเฮียชันย์ด้วยยยย ^^

ออฟไลน์ little_munoi

  • ++ singular ++
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1677
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-3
สมน้ำหน้าชะนีแพร

ออฟไลน์ pamazier24

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 33
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-2
อยากให้มี nc เร็วๆ งือออ :katai5:

ออฟไลน์ ่jum

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3704
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-4
เหมือนเคยอ่านตอนต้นๆ ของเรื่องนี้ที่ไหนมาก่อน จำได้ว่ายังลงไม่จบ

หวังว่าจะเป็นคนเขียนคนเดียวกันนะ

ออฟไลน์ cheepoke

  • ^_^\/ สู้ๆ ฮู้เล่ๆ
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 78
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
    • https://www.facebook.com/BlueGusten.FictionY/
เหมือนเคยอ่านตอนต้นๆ ของเรื่องนี้ที่ไหนมาก่อน จำได้ว่ายังลงไม่จบ

หวังว่าจะเป็นคนเขียนคนเดียวกันนะ

ใช่ค่ะ เราเคยโพสในเล้ามา 2 ครั้งละ แต่ตอนนั้นต้นฉบับมันไม่จบ
ตอนนี้ในเซต จบมา 2 เรื่องละ เลยเอามาโพสใหม่อีกครั้ง
คนเขียนยังเป็นคนเดิมจร้าาาาา  นามปากกา BlueGusten เอง   
:mew1: :mew1:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 23-07-2017 17:23:25 โดย cheepoke »

ออฟไลน์ cheepoke

  • ^_^\/ สู้ๆ ฮู้เล่ๆ
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 78
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
    • https://www.facebook.com/BlueGusten.FictionY/


CHAPTER 11



        นนท์ฟังพี่ก่อน!” แฟร์คว้าแขนของนนท์เอาไว้ทันทีที่ทั้งคู่เข้ามาในห้องพักของดาราหนุ่ม

   “ปล่อยนะพี่แฟร์! นนท์ไม่อยากพูดกับพี่ตอนนี้!!” ร่างเล็กสะบัดออกแต่ร่างบางไม่ยอม แฟร์ตรงเข้าไปคว้าต้นแขนของคนตรงหน้าเอาไว้พร้อมกับจ้องกลับไม่วาง

   “แต่นนท์ต้องฟังเพราะที่พี่ทำไปทั้งหมดมันเป็นเพราะนายนะ!”

   “เพราะผม!? พี่จะบอกว่าที่พี่กำลังจะทำอะไรกับพี่ราชันย์นั่นมันเป็นเพราะผมยังงั้นเหรอ!!” ชานนท์ตวาดลั่น

   “ไม่ใช่นะ! เรื่องเมื่อกี้มันเป็นความผิดของพี่เองพี่ยอมรับแต่ที่พี่ต้องมาทำงานกับเขาก็เพื่อความปลอดภัยของนนท์นะ” ร่างบางยอมรับว่าเหตุการณ์ เมื่อครู่เป็นเขาเองที่เผลอไผลไปกับสัมผัสของอีกคนจนเกือบจะเลยเถิดไปใหญ่

   “หึ! พูดได้ดีนี่ เขาจะฆ่าผมหรือไงถึงทำให้พี่ต้องเอาตัวเองเข้าแลกน่ะห๊ะ!!”

   “เพราะนายจะโดนขายต่างหาก!”

   “!!”

   ร่างเล็กมีท่าทีตกใจกับคำพูดของแฟร์ ร่างบางสบตากับคนตรงหน้าก่อนจะเริ่มต้นพูดขึ้น

   “วันเปิดตัวน้ำหอมที่พี่หายตัวไปเพราะถูกราชันย์เอาไปขายทั้งที่ความจริงแล้วเป้าหมายในวันนั้นคือนาย!!”

   “…”

   “เขาจับผิดตัวไปและหลังจากนั้นเขาก็ขู่พี่ว่าถ้าไม่อยากให้นายโดยจับไปพี่ต้องมาทำงานกับเขา พี่ไม่อยากให้นายเป็นอันตราย พี่ไม่อยากให้นายเจ็บมันโหดร้ายมากเลยนะนนท์!” แฟร์เล่าก่อนที่น้ำตาจะเริ่มเอ่อขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้เมื่อนึกย้อนกลับไปถึงเหตุการณ์ในวันนั้น

   “พี่เสียเวลาแต่งเรื่องนี้นานหรือเปล่า”

   “!!”

   เสียงคนตรงหน้าฉุดสติของคนเล่าให้หลุดออกจากภวังค์ แฟร์ลดมือลงก่อนจะมองนนท์ด้วยแววตาเศร้า

   “นายไม่เชื่อพี่?” ร่างบางถามเสียงสั่น

   “ระดับเศรษฐีพันล้านอย่างพี่ราชันย์น่ะเหรอจะทำเรื่องแบบนั้น! ผมไม่คิดเลยว่าพี่จะเป็นคนแบบนี้…ทำไมพี่ถึงได้ตอแหลแบบนี้!”

   “นนท์!!!” ร่างบางเบิกตากว้างกับคำพูดของร่างเล็ก

   ใบหน้าของชานนท์โกรธเกรี้ยวอย่างที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อน ร่างเล็กตรงหน้าแสยะยิ้มอย่างสมเพชก่อนจะปริปากถามบางอย่างออกมา

   “ผมถามจริงๆ เถอะพี่นัทรู้เรื่องนี้มั้ย” แฟร์ปิดพบเปลือกตาลงก่อนจะส่ายหน้ากลับไป

   “พี่ยังรักพี่ชายนนท์อยู่ใช่มั้ย” ร่างบางไม่ตอบหากแต่แฟร์กลับกำมือตัวเองเอาไว้แน่นจนเล็บจิกลงบนฝ่ามือเป็นรอย

   “ผมรักพี่ราชันย์”

   “!!”

   “ผมไม่สนอะไรทั้งนั้นและผมก็ไม่เชื่อพี่ด้วย!!”

   “แต่เรื่องที่พี่พูดมันเป็นเรื่องจริงนะ!!”

   “ถ้ามันเป็นเรื่องจริงผมก็อยากจะรู้ด้วยตัวเองพี่ไม่จำเป็นต้องมาอ้างให้เสียเวลา!!” ร่างเล็กผลักอีกคนกลับ แฟร์ล้มลงก่อนที่นนท์จะหันกลับมาบอกเขาเสียงเรียบ

   “ออกไปก่อนเถอะพี่แฟร์ผมอยากอยู่คนเดียว”

   แฟร์มองเสี้ยวหน้าของคนที่ได้ชื่อว่าเป็นน้องชายที่เขารักอีกคนด้วย แววตาที่เต็มไปด้วยความรู้สึกผิด ร่างบางหยิบเอากระเป๋าของตัวเองมาถือไว้ก่อนจะทิ้งคำพูดหนึ่งเมื่อเหตุการณ์ทั้งหมดมันเกินกว่าที่ตัวเขาจะคุมได้เสียแล้ว

   “สิ่งที่พี่พูดเป็นความจริงแต่ถ้านายอยากพิสูจน์มันเองล่ะก็พี่ก็ขอให้นายโชคดี” พูดเสร็จร่างบางก็เดินออกจากห้องทันที



   แฟร์นั่งรถประจำทางตรงมายังสนามบิน ร่างบางทำการจองตั๋วเพื่อกลับกรุงเทพฯ ทันทีโดยที่ไม่บอกให้ใครรู้แม้ว่าตัวเขาเองจะไม่ชอบขึ้นมันสักเท่าไหร่ก็เถอะเพราะมักจะเวียนหัวทุกครั้งแต่แฟร์อยากกลับให้ถึงกรุงเทพฯ เร็วๆ เพื่อหนีจากเรื่องบ้าๆ พวกนี้เสียมากกว่า

   แฟร์มาถึงกรุงเทพฯ ในเวลาประมาณหกโมงเย็น เขานั่งรถต่อจาก   ดอนเมืองมายังบ้านของตัวเองก่อนจะเปิดประตูเดินเข้าไปด้วยอาการเหนื่อยล้า ร่างบางตัดสินใจอาบน้ำชำระล้างร่างกายจนเสร็จก่อนเสียงโทรศัพท์ที่ถูกวางบนโต๊ะหนังสือจะดังขึ้น

   (“ว่าไงภีม”) แฟร์เอ่ยทักเมื่อเห็นว่าคนที่โทรมาคือเพื่อนสนิทของเขา

   (“แฟร์มึงว่างหรือเปล่า”) ปลายสายพูดด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูไม่ดีนักจนแฟร์อดไม่ได้ที่จะถามกลับ

   (“มึงเป็นอะไรทำไมเสียงเป็นแบบนั้น”)

   (“กูอยากเจอมึงกูขอไปบ้านมึงนะ”) ภีมเอ่ยเสียงอ่อนก่อนที่แฟร์จะตอบกลับไป

   (“ได้สิแต่มึงรู้จักบ้านกูเหรอ”)

   (“ไม่…”)

   (“ถ้างั้นเดี๋ยวกูแชร์โลเคชั่นไปให้”)

   (“อืมขอบใจ”) น้ำเสียงที่ฟังดูอิดโรยและแฝงไปด้วยความท้อแท้ทำให้แฟร์รู้สึกได้ว่าเพื่อนคนนี้กำลังเผชิญกับเรื่องที่ต้องกังวล

   (“ภีม…มึงไหวนะ”) ร่างบางเอ่ยถามกลับก่อนที่ปลายสายจะ          ถอนหายใจออกมาราวกับว่าเวลานี้เขากำลังหนักใจเหลือเกิน

   (“เกือบไม่ไหวแล้วว่ะ”) ภีมวิทธิ์ตอบเสียงสั่น

   (“งั้นมึงรีบมาเลยอย่าเก็บอะไรไว้คนเดียวกูพร้อมเป็นคนรับฟังมึงทุกเรื่อง”)

   (“แล้วเจอกัน”)

   ภีมวางสายไปหลังจากพูดจบ แฟร์มองโทรศัพท์ของตัวเองในมือก่อนจะขมวดคิ้วมุ่น ร่างบางขาดการติดต่อจากเพื่อนรักไปได้สักพักแล้วตั้งแต่เริ่มทำงานกับราชันย์ แฟร์ไม่รู้เลยว่าภีมสบายดีหรือไม่จนกระทั่งวันนี้ที่เขาได้ยินเสียงของ อีกฝ่ายร่างบางรู้ทันทีเลยว่าเพื่อนของเขากำลังทุกข์ใจหากแต่เป็นเรื่องอะไรคงต้องรอเจ้าตัวเล่าให้ฟังอีกที



   ร่างบางนั่งมองเพื่อนรักตรงหน้าไม่วางตา สภาพของอีกคนที่เขาไม่ได้เจอมาหลายวันทำให้แฟร์ตกใจอยู่ไม่น้อย ภีมวิทธิ์ที่เคยสดใสร่าเริงแถมยังรูปร่างดีกลับกลายเป็นอีกคนที่ซูบผอมลงอย่างเห็นได้ชัดหนำซ้ำรอยยิ้มที่เคยติดพ่วงมากับใบหน้าใสนี้ยังไม่ถูกอีกฝ่ายเหยียดมันออกมาให้เห็นตั้งแต่ที่ก้าวเท้าเข้ามาในบ้านของเขาเลยแม้แต่น้อย

   “มึงดูผอมลงนะ” แฟร์พูดก่อนจะมองตามเสื้อเชิ้ตแขนยาวของอีกคนที่ถูกติดกระดุมจนถึงคอและปล่อยแขนเสื้อให้ยาวจนถึงข้อมือ

   “เหรอ” ภีมตอบกลับเสียงเรียบร่างโปร่งเหยียดยิ้มออกมานิดหากแต่รอยยิ้มนี้กลับดูจืดชืดจนไม่เหลือเค้าของความสดใสเอาไว้เลย

   “เป็นอะไรหรือเปล่า” ร่างบางตัดสินใจถามก่อนจะเอื้อมมือไปจับมือของคนตรงหน้าเอาไว้จนกระทั่งภีมเริ่มร้องไห้ออกมา

   “แฟร์…กูไม่ไหวแล้วว่ะ ฮึก!” จู่ๆ ร่างโปร่งร้องไห้ออกมาอย่างหนักจนแฟร์ตกใจ ร่างบางจึงรีบดึงทิชชู่ให้อีกฝ่ายเป็นพัลวัน

   “ภีม! มึงร้องไห้ทำไม! ใครทำอะไรมึง!”

   “…”

   “มึงบอกกูสิว่าใครทำอะไรมึง!” แฟร์ถามก่อนที่ร่างบางจะสังเกตเห็นรอยช้ำบนแขนของอีกฝ่ายที่โผล่ออกมาในขณะที่ภีมเอื้อมมือขึ้นปาดน้ำตาของตัวเองออก

   แฟร์จ้องมองไปยังรอยช้ำนั้นเพียงครู่ก่อนที่ดวงตาของเขาจะเคลื่อนขึ้นมาและจ้องไปยังลำคอของอีกฝ่ายพลันมือเล็กก็ตัดสินใจถลกคอเสื้อของภีมลงทันที

   “คิสมาร์ก?” ร่างบางเอ่ยออกมาเสียงสั่นเมื่อสิ่งที่เห็นจากคอของเพื่อนสนิทตรงหน้าคือรอยคิสมาร์กที่มีมากกว่าสิบ

   “ภีมมึง…”

   “กูถูกเขาเอาคืนในเรื่องที่กูไม่ได้ก่อ! กูจะทำไงดีแฟร์! กูควรทำไงดี!! ฮืออออ” ภีมยิ่งร้องไห้ออกมาหนักกว่าเดิมเมื่ออีกฝ่ายล่วงรู้ความลับที่เขาพยายามปกปิดเอาไว้ก่อนที่แฟร์จะเอื้อมมือขึ้นจับไปยังลำคอของตัวเองที่ที่ถูกราชันย์ทิ้งรอยเอาไว้เมื่อตอนบ่ายเช่นเดียวกัน

   “มึงบอกกูได้มั้ยว่าใครทำมึง” ร่างบางถาม

   “…”

   “ไม่บอกกูก็ไม่รู้หรอกนะ”

   “จะ…จอมพล…จอมพลเพื่อนคุณราชันย์”

   “!!” แฟร์เบิกตาตกใจร่างบางกำหมัดของตัวเองเอาไว้แน่นก่อนที่คนเป็นเพื่อนจะฉวยมือของเขาไปกุมเอาไว้พลางพยายามเล่าเรื่องราวทั้งหมดออกมา

   “มันไม่ใช่ความผิดของกูเลยที่กูทำไปเพราะกูไม่รู้แต่เขากลับไม่เชื่อคำพูดของกูเลยสักนิด แฟร์…กูไม่อยากเจอหน้าเขาอีกแล้ว” ภีมร่ำไห้น้ำตาไหลเป็นสาย

   “ใจเย็นๆ ภีม มึงค่อยๆ เล่าให้กูฟังว่ามันเกิดอะไรขึ้นแล้วกูจะช่วยมึงหาทางออก” แฟร์จ้องคนตรงหน้ากลับภีมเงยหน้าขึ้นมองเขานิ่งก่อนที่เพื่อนสนิทคนนี้จะเริ่มเล่าเรื่องราวทั้งหมดออกมาทันที



   “กูไม่คิดเลยว่าสองคนนั้นมันจะเลวได้ถึงขนาดนี้” แฟร์พูดออกมาด้วยอารมณ์ที่เต็มไปด้วยโทสะเมื่อฟังภีมเล่าตั้งแต่ต้นจนจบ

   “มึงพอจะคิดหาทางช่วยกูได้มั้ย” ภีมวิทธิ์ถามก่อนที่ร่างบางจะหันมาสบตาเพื่อนสนิทพร้อมกับส่ายหัวกลับไปเบาๆ

   “เป็นเพราะกูติดสัญญา! สัญญาที่กูดิ้นไม่หลุดชาตินี้ทั้งชาติกูคงต้องอยู่แบบนี้ไปตลอด” ร่างโปร่งเอ่ยออกมาอย่างยอมแพ้ก่อนที่แฟร์จะพยายามพูดให้กำลังใจอีกคนกลับไปเพราะเรื่องของภีมแทบจะไม่มีทางไหนเลยที่จะทำให้อีกฝ่ายดิ้นหลุด

   “ความจริงกูอยากบอกให้มึงหนีแต่ด้วยความสามารถของฝ่ายนั้นกูก็คิดว่ามึงคงหนีไปได้ไม่นานกูกลัวว่าพอมันจับได้แล้วมึงจะโดนลงไม้ลงมืออีก” แฟร์พูดก่อนจะสบกับแววตาที่สั่นระริกของภีม

   “แล้วทิชาล่ะรู้เรื่องนี้หรือยัง? น้องมึงเป็นสาเหตุของเรื่องทั้งหมดอย่างน้อยๆ ก็บอกให้น้องมึงออกมาพูดก็ยังดีเผื่อจอมพลมันจะคิดได้” แฟร์เสนอ

   “กูไม่อยากบอกทิชาเลยกูสงสารน้อง” ภีมว่าจนแฟร์ต้องเอ็ดกลับ

   “แล้วน้องมึงเคยสงสารมึงมั้ย! มึงหยุดมองโลกในแง่ดีบ้างเหอะว่ะภีมตอนนี้เป็นมึงที่ต้องรับกรรมที่มันก่ออยู่นะเว้ย!”

   “กูรู้แต่ถ้าทิชาเดือดร้อนเพราะจอมพลอีกล่ะเรื่องนี้ก็ไม่จบลงหรอกมันจะยืดเยื้อแบบนี้ไปเรื่อยๆ สู้ให้มันจบที่กูจะดีกว่า” ร่างโปร่งพูดเสียงเศร้า

   “ถ้าอย่างงั้นแล้วมึงจะทำไงต่อไปกูคิดหาทางอื่นไม่ออกแล้วว่ะ” แฟร์เอ่ยถามก่อนที่เสียงโทรศัพท์จากกระเป๋ากางเกงของภีมจะส่งเสียงออกมา

   ร่างโปร่งล้วงเข้าไปคว้าเอาโทรศัพท์ขึ้นมาก่อนที่เขาจะเบิกตาโพรงเมื่อเห็นรายชื่อของคนที่โทรมาในเวลานี้

   “ใครโทรมา?” แฟร์ถาม

   “…”

   “ภีม!”

   “จอมพล” ร่างโปร่งเอ่ยตอบอ้อมแอ้มพลางมองไปยังโทรศัพท์ด้วยความตื่นกลัว

   “เอามาให้กูพูด!” แฟร์เห็นแบบนั้นก็ฉวยเอาโทรศัพท์ของภีมมาหากแต่อีกฝ่ายก็ชักกลับไปทันใด

   “ไม่ต้อง! กูต้องกลับแล้วขอบใจมึงมากนะ” ภีมตัดสินใจกดตัดสายและเก็บโทรศัพท์เข้ากระเป๋ากางเกงตามเดิมด้วยท่าทีกระวนกระวาย

   “แต่กูไม่ได้ช่วยอะไรมึงเลยนะ”

   “แค่มึงเป็นที่ให้กูได้มีโอกาสพูดกูก็ดีใจแล้ว” ภีมว่าพร้อมกับพรวดพราดลุกขึ้นพลันเซเล็กน้อยเพราะยังมีไข้ก่อนจะเดินไปทางประตู

   “ภีม…สภาพมึงแทบจะไม่ไหวแล้วนะ” แฟร์บอกอย่างเป็นห่วง

   “กูรู้แต่กูก็ทำอย่างอื่นไม่ได้นอกจากต้องคอยรับมือกับเขา”

   “แต่ภีม…”

   “กูจะพยายามให้เขารับฟังกูบางทีคนๆ นั้นอาจไม่ได้ร้ายอย่างที่กูเห็น” ภีมวิทธิ์พูดปลอบใจตัวเอง

   “แผลพวกนั้นที่มึงได้มาไอ้หมอนั่นมันไม่ร้ายเลยเนอะ!” ร่างบางได้ยินก็ไม่วายเหน็บอีกคนกลับ

   ภีมนิ่งเงียบก่อนจะเหยียดยิ้มขึ้นเพียงนิดพร้อมกับโบกมือลาและเดินขึ้นรถขับออกไปทันทีท่ามกลางสายตาของเพื่อนสนิทเจ้าของบ้านที่มองตามด้วยแววตาเป็นห่วง เพราะไม่รู้ว่าอีกฝ่ายต้องลำบากกับช่วงเวลานี้มากแค่ไหนหากแต่ตอนนี้ตัวเขาเองก็มีเรื่องให้ต้องเครียดไม่แพ้กันก่อนแฟร์จะตัดสินใจเดินกลับเข้าบ้านไป

   ร่างบางนั่งลงที่โต๊ะเขียนหนังสือก่อนจะลงมือเขียนหนังสือลาออกเพื่อเตรียมไปยื่นให้กับราชันย์ในวันที่อีกฝ่ายกลับมา แฟร์เขียนรายละเอียดและเหตุผลทั้งหมดลงไปก่อนจะพับและควานหาซองใส่จนทั่วโต๊ะ ร่างบางเปิดหาตามลิ้นชักใต้โต๊ะจนกระทั่งมาถึงลิ้นชักตัวล่างสุดที่เมื่อเปิดออกแฟร์ก็ได้พบกับซองกระดาษสีน้ำตาลขนาดประมาณเอสี่วางทับซองสีขาวที่เขากำลังตามหาอยู่

   แฟร์หยิบเอาซองทั้งคู่ออกมา มือเล็กคว้าเอาจดหมายเมื่อครู่ใส่ลงในซองกระดาษสีขาวพร้อมกับปิดผนึกหลังจากนั้นแฟร์ก็หันไปให้ความสนใจกับซองสีน้ำตาลอีกซองที่หยิบออกมาด้วยทันที

   แฟร์มองไปยังซองตรงหน้าอย่างครุ่นคิดพลันความทรงจำบางอย่างก็ไหลเข้ามาในหัวของเขาอย่างจัง…มันคือซองที่แม่นภามอบให้ในวันเกิดของเขาเมื่อปีที่แล้ว เพียงแต่ในตอนนั้นแฟร์กลับยุ่งมากจนไม่มีเวลาเปิดดูจึงทำให้ของขวัญชิ้นนี้ถูกดองไว้นานโข

   ร่างบางหยิบมันขึ้นมาเปิดออกก่อนจะล้วงเอาของที่อยู่ข้างในออกมาทั้งหมด นัยน์ตาสีน้ำตาลจดจ้องไปยังแผ่นกระดาษที่ดูเหมือนเอกสารสำคัญอย่างเพ็งพินิจก่อนที่ดวงตาคู่นี้จะค่อยๆ เบิกขึ้นเมื่อพบกับความจริงบางอย่าง

   กระดาษข้างในคือหนังสือมอบอำนาจกับเอกสารการโอนที่ดินแห่งนี้ที่ซึ่งเขาอาศัยอยู่ในปัจจุบัน ซึ่งมันก็ดูไม่มีอะไรที่จะต้องตกใจแต่หากทว่าในส่วนชื่อเจ้าของที่ดินคนเก่าในหนังสือมอบอำนาจนี้กลับเป็นชื่อพ่อของเขา! ไม่ใช่แม่นภาอย่างที่แฟร์เข้าใจมาโดยตลอด

   ร่างบางมองข้อความที่ระบุไว้ในเอกสารตรงหน้าด้วยความรู้สึกปวดร้าวไปทั้งอก พ่อที่หายไปนานและขาดการติดต่อตั้งแต่ทิ้งเขาไว้กับป้าที่หนีไปจากบ้านเด็กกำพร้าในวันรุ่งขึ้นเมื่อสิบเจ็ดปีก่อนยังเป็นเหตุการณ์ที่แฟร์จำได้ไม่มีลืม น้ำตาของร่างบางไหลออกมาอย่างช่วยไม่ได้ก่อนที่เขาจะรีบเก็บเอกสารพวกนี้ลงในซองตามเดิมและคว้าเอาโทรศัพท์กดโทรหาใครบางคนทันที

   (“สวัสดีครับแม่นภาผมแฟร์เองนะครับ”)

   (“จ้ะแม่จำเสียงเราได้”) ปลายสายตอบกลับน้ำเสียงดีใจ

   (“แม่ยังไม่เข้านอนใช่มั้ยครับ”)

   (“ยังจ้ะแฟร์มีเรื่องอะไรหรือเปล่าสบายดีมั้ยเราไม่ติดต่อมานานเลยนะ”) แม่นภาถามมาเป็นชุดเพราะแฟร์ขาดการติดต่อไปนานตั้งแต่ได้งานทำจนคนถูกถามรู้สึกผิดในใจขึ้นมา

   (“ขอโทษครับที่ผมไม่ได้ติดต่อไปแต่ตอนนี้ผมมีเรื่องหนึ่งอยากจะถามมันเกี่ยวกับของขวัญที่แม่เคยให้ผมไว้เมื่อปีที่แล้ว”) แฟร์เอ่ย

   (“แม่คิดว่าเราจะถามแม่ตั้งแต่วันที่ให้ซะแล้ว”) แม่นภาตอบกลับมาราวกับรู้เรื่องทั้งหมดอยู่แล้ว

   (“พอดีผมเพิ่งจะได้เปิดอ่านมันก็วันนี้…ผมว่ามันต้องมีอะไรผิดพลาดแน่ๆ”) แฟร์พูดด้วยน้ำเสียงที่ยังตกใจไม่หาย

   (“ไม่มีอะไรผิดพลาดหรอกจ้ะ”) แม่นภาย้ำ

   (“แต่ว่ามัน…”)

   (“เอาอย่างงี้มั้ยแฟร์ว่างวันไหนค่อยเข้ามาคุยกับแม่เพราะแม่เองก็มีเรื่องอยากจะบอกกับเราเยอะเลย”)

   (“ถ้าอย่างงั้นผมจะไปหาแม่พรุ่งนี้เลยนะครับ”) แฟร์ให้คำมั่น

   (“ได้จ้ะ แม่จะรอนะ”) แม่นภากดวางสายไปท่ามกลางความขับข้องใจของแฟร์เป็นอย่างมาก

   เป็นไปไม่ได้ที่พ่อของเขาจะเป็นเจ้าของที่ดินผืนนี้เพราะตลอดเวลาที่เขายังเป็นเด็กพ่อของเขามีอาชีพเป็นเพียงจิตรกรที่ไม่มีงานจนต้องอาศัยเงินจากการขายขนมไทยของผู้เป็นแม่มาตลอด เขาจะต้องรู้ให้ได้ว่าผู้เป็นพ่อเอาเงินที่ไหนมาซื้อแล้วทำไมถึงได้ยกมันให้กับเขาทั้งที่ตลอดเวลาที่ผ่านมาอีกฝ่ายก็ดูเหมือนจะไม่รักเขาเลยสักนิดเดียว!



@ Phuket 22.30 PM.

   ราชันย์กลับมายังห้องพักหลังจากที่เขาออกไปข้างนอกเพื่อหลีกหนีจากแพรวาที่เอาแต่กรีดร้องไม่หยุดเมื่อตอนกลางวันที่ผ่านมา ร่างสูงเปิดประตูห้องเข้าไปก่อนจะพบว่าข้าวของภายในถูกขว้างปาเรี่ยราดเต็มห้องไปหมด ราชันย์เดินไปยกหูโทรศัพท์เพื่อวานให้ทางโรงแรมจัดการส่งแม่บ้านมาทำความสะอาดก่อนที่เขาจะตรงไปยังห้องของชานนท์ที่อยู่ไม่ไกลนักทันที

   ร่างสูงเคาะประตูอยู่สักพักก่อนจะเป็นผู้จัดการสาวอวบที่เดินมาเปิดประตูให้พร้อมกับถามเขากลับอย่างสงสัย

   “คุณราชันย์มีอะไรหรือเปล่าคะ” ร่างสูงไม่ตอบหากแต่เขากลับมองเข้าไปในห้องเพื่อกวาดตาหาใครคนหนึ่งจนเมื่อนนท์เดินออกจากห้องน้ำมาร่างเล็กก็สบตากับราชันย์นิ่งพร้อมกับแสยะยิ้มเมื่อรู้ดีว่าอีกฝ่ายมาที่นี่เพื่ออะไร

   “แฟร์อยู่ไหน” ร่างสูงเอ่ยปากถามแต่ร่างเล็กกลับบอกปัด

   “ผมไม่รู้”

   “ไม่รู้ได้ยังไงในเมื่อเขาขอนอนกับนายที่นี่”

   “ไม่รู้ก็คือไม่รู้ถ้าพี่อยากรู้นักก็หาเอาเองสิ” ดาราหนุ่มสวนกลับจน    ร่างสูงถือวิสาสะเดินเข้ามาในห้องพร้อมกับเดินหาร่างบางอีกคนจนทั่วหากทว่ากลับไม่พบ

   ราชันย์ตรงเข้าไปกระชากคอเสื้ออีกคนจนตัวลอย นนท์เบิกตากว้างพยายามยื้อตัวเองเอาไว้ก่อนที่แนนจะเข้ามาห้าม

   “คุณราชันย์ปล่อยน้องนนท์นะคะ!”

   “แฟร์อยู่ไหน!!” ร่างสูงตวาดลั่นพลางเขย่าตัวอีกฝ่ายจนนนท์รู้สึกได้ว่าอารมณ์ของคนตรงหน้ากำลังเต็มไปด้วยความโกรธเคือง

   “ผมไม่รู้!!”

   “บอกกูมา!!”

   “เขาออกจากห้องนี้ไปตั้งแต่บ่ายแล้ว! กระเป๋าก็เอาไปด้วยนอกเหนือจากนี้ผมก็ไม่รู้แล้ว!!” นนท์ร้องกลับเมื่อราชันย์น่ากลัวขึ้นเรื่อยๆ

   ร่างสูงปล่อยมือจากคอเสื้อของอีกฝ่ายจนนนท์หล่นลงไปกองกับพื้นก่อนที่ผู้จัดการร่างอวบจะตามเข้าไปพยุงขึ้น

   “นายเป็นคนบอกให้เขาไปใช่มั้ย!” ราชันย์ถามออกมาอย่างหัวเสีย

   “หึ! อย่าโทษกันสิครับใครกันแน่ที่เป็นต้นเหตุให้พี่แฟร์ต้องเป็นแบบนี้” นนท์ไม่ยอม ร่างเล็กหัวเราะเยอะให้กับคำพูดของอีกคนก่อนจะเหน็บกลับ

   ราชันย์หันไปสบตาอีกฝ่ายเพียงครู่ก่อนที่คนตัวโตจะเลือกเดินออกจากห้องนี้ไปด้วยอาการโมโหจนเลือดขึ้นหน้า เขาตรงกลับห้องของตัวเองก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาต่อสายหาอีกคนทันที

   (“ไม่มีสัญญาณตอบรับจากเลขหมายที่ท่านเรียก…Sorry there are no signs of acceptance from the number...”)

   ร่างสูงกดโทรออกซ้ำที่หมายเลขเดิมด้วยท่าทีกระวนกระวายก่อนเสียงเมื่อครู่จะตอบกลับมาเช่นเดิม

   ราชันย์ปาโทรศัพท์ลงเตียงพลางกุมขมับ ร่างสูงรู้ดีว่าตอนนี้แฟร์คงกลับถึงกรุงเทพฯ เป็นที่เรียบร้อยเพราะคนแบบนั้นคงไปที่ไหนไม่ได้นอกเสียจากบ้านของตัวเอง แต่น่าเสียดายที่เขามีประชุมสำคัญในวันรุ่งขึ้นจึงไม่สามารถตาม    อีกฝ่ายกลับกรุงเทพฯ ไปในเวลานี้ได้ทั้งที่ภายในใจอันรุ่มร้อนของเขาในตอนนี้มันอยากจะกลับไปหาร่างบางที่กำลังเข้าใจผิดจะแย่แต่ก็ทำได้เพียงแค่คิด

   ร่างสูงขบกรามแน่นพลางนึกถึงใบหน้าของอีกคนที่ทำให้เขาต้องกังวลเป็นบ้าเป็นหลังจนแทบคลั่ง ร่างบางทำให้เขาไม่เป็นตัวของตัวเองแฟร์กำลังทำให้ราชสีห์ที่ไม่เคยยอมให้ใครอีกเลยหลังจากผิดหวังจากความรักกับแพรวามานานกว่าสามปี ต้องมาใจอ่อนอีกครั้งเพียงเพราะความใสซื่อและริมฝีปากที่เขาอยากจะตรงเข้าไปจูบทุกครั้งที่ได้เห็นก่อนร่างสูงจะคาดโทษอีกฝ่ายกลับไปด้วยคำพูดที่สะท้อนขึ้นมาในใจของเขาเสียดื้อๆ

   'เสร็จประชุมพรุ่งนี้เมื่อไหร่ฉันจะตามไปลงโทษนายแน่…แฟร์!!'




TBC......
-----------------------------------------------
แอบเอาเนื้อเรื่องในกงจักรจอมพลมาสปอยในนี้เล็กน้อย น่าอ่านป่าวๆๆ
เนื้อเรื่องกำลังจะถึงจุดพีคอีกจุดแล้วค่ะ
ราชันย์เองก็เป็นเดือดเป็นร้อนเพราะน้องแฟร์อีก เย้ๆ ^O^\/
แหม...ก็น้องแฟร์ของเราน่ารักนี่คะ ใครจะอดใจไหวถูกป่าว!
เป็นกำลังใจให้นักเขียนโดยการเม้นท์ด้วยนะคะ ขอล่ะ ^/\^ จะได้มีกำลังใจแต่งต่อไปเรื่อยๆ ^_^

ออฟไลน์ som

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2708
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +230/-2
นักเขียนก็นะ  แรกๆพยายามจะเขียนให้ชันย์เป็นเทวดา   แต่พอหลังๆกลับเขี่ยไห้กลับไปเป็นคนบ้าเหมือนเดิม แต่ดีแล้วละ ตอนนี้ยังไม่เปิดใจให้ชันย์เป็นพระเอกหรอก

ออฟไลน์ fay 13

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5635
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +286/-44
 :mew1: :mew1: :mew1:

ออฟไลน์ ่jum

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3704
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-4
มาต่อเรื่อยๆ นะ  :pig4:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: ~~ราชันย์พ่ายรัก~~ (18+).........CH.11 100% [23/07/2560]
« ตอบ #39 เมื่อ: 23-07-2017 22:26:51 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ cheepoke

  • ^_^\/ สู้ๆ ฮู้เล่ๆ
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 78
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
    • https://www.facebook.com/BlueGusten.FictionY/


CHAPTER 12



ร่างบางตื่นแต่เช้าเพื่อชำระล้างร่างกายก่อนจะทำอาหารง่ายๆ อย่างโจ๊กสำเร็จรูปทานไปพลางๆ แฟร์เก็บเอกสารจำเป็นทุกอย่างใส่ลงกระเป๋าก่อนที่เขาจะเดินออกจากบ้านภายหลังจากติดแม่กุญแจกับประตูเป็นที่เรียบร้อย ร่างบางหันหลังเดินออกมาแต่จู่ๆ BMW คันสีแดงสดของใครคนหนึ่งที่แฟร์เองไม่ได้ติดต่อมานานหลายอาทิตย์ก็ขับมาจอดเทียบท่าตรงหน้าบ้านของเขาพอดี

ร่างบางมองนัทที่เดินลงจากรถด้วยสายตาที่ยากจะคาดเดาก่อนอีกฝ่ายจะกล่าวทักเขามาเพียงเล็กน้อยพร้อมกับถามเมื่อเห็นว่าร่างบางกำลังจะออกไปข้างนอก

“จะไปไหนเหรอ” นัทถามเพลงเดินเข้าไปใกล้

“ผมจะไปบ้านเด็กกำพร้าน่ะครับพี่นัทมีธุระอะไรกับผมหรือเปล่า” แฟร์ถอยหลังจนคนตรงหน้าชะงักฝีเท้าลง นัทมองการกระทำของแฟร์อย่างสงสัยก่อนร่างสูงจะถามกลับอย่างจับผิด

“เดี๋ยวนี้มาหาต้องมีธุระด้วยเหรอ”

“เปล่าหรอกครับแต่วันนี้ผมไม่ว่าง” แฟร์ปฏิเสธก่อนจะเสมองไปทางอื่นไม่กล้าสบตา

“ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวพี่ไปส่งขึ้นรถสิ” นัทว่าก่อนจะเบี่ยงตัวให้อีกคนเดินไปแต่ร่างบางกลับนิ่ง

“ผมไปเองได้ครับไม่รบกวนพี่นัทดีกว่า” แฟร์ว่าก่อนจะเลี่ยงเดินไปอีกทางจนนัทต้องปริปากพูดดักเอาไว้

“แฟร์เปลี่ยนไปนะ”

แฟร์ได้ยินดังนั้นก็นิ่งงัน ร่างสูงเดินเข้ามาหาเขาก่อนที่นัทจะคว้าข้อมมือของแฟร์เอาไว้พร้อมกับออกแรงดึงไปที่รถ

“ไปเถอะอย่าปฏิเสธพี่เลยพี่เต็มใจไปส่ง”

แฟร์มองดูแผ่นหลังของนัทด้วยความรู้สึกผิด ร่างบางถอนหายใจเมื่อไม่รู้จะเอายังไงต่อกับความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาดีก่อนจะยอมเดินตามอีกฝ่ายไปอย่างเงียบๆ

“นนท์โทรมาบอกพี่แล้วว่าเกิดอะไรขึ้นที่ภูเก็ต” นัทเปิดประเด็นพูดเมื่อขับรถออกจากบ้านของแฟร์มาได้สักพัก ร่างบางหันมองเสี้ยวหน้าของคนขับแต่แฟร์ก็ไม่ได้ตอบอะไรออกไปจนคนเป็นสารถีอดใจถามสิ่งที่คับข้องใจออกไปไม่ได้

“ตกลงแฟร์กับคุณราชันย์เป็นอะไรกัน” นัทถามก่อนจะกุมมือของแฟร์ที่เจ้าตัววางไว้บนตักอย่างที่เคยเพียงแต่ตอนนี้ทุกอย่างเหมือนจะเปลี่ยนไปเมื่อคนข้างๆ กลับชักมือของตัวเองกลับจนนัทต้องขมวดคิ้ว

“ผมก็เป็นแค่ลูกจ้างของเขาอย่างที่เคยบอกกับพี่นัทนั่นแหละครับส่วนเรื่องที่นนท์เล่าเป็นแค่เรื่องเข้าใจผิด” แฟร์บอก

ก่อนหน้านี้พวกเขาเคยคุยเรื่องนี้กันครั้งหนึ่งแล้วเมื่อตอนที่นัทรู้ว่าแฟร์ทำงานกับราชันย์เพียงแต่ร่างบางไม่ได้เล่าถึงเหตุผลที่ทำให้เขาต้องแบบนั้น จึงไม่แปลกที่ร่างบางจะยังเอ่ยคำเดิมออกไปอีก

“พี่รู้ว่าพี่ไม่มีสิทธิ์ก้าวก่ายชีวิตของแฟร์นักแต่พี่ขอถามอะไรสักอย่างได้มั้ย” นัทเอ่ยนำก่อนที่คนตัวสูงจะหันมาสบตากับคนข้างๆ

“แฟร์ยังรู้สึกดีๆ กับพี่หรือเปล่า”

แฟร์ได้ยินคำถามก็ถึงกับจุกอก เขาไม่รู้เลยว่าตอนนี้ตัวเองรู้สึกยังไง อาจจะเท่าเดิมหรืออาจจะน้อยลงแต่ที่แน่ๆ ร่างบางกำลังรู้สึกดีกับใครคนหนึ่งขึ้นมาทั้งที่คนๆ นั้นกลับทำเรื่องที่ไม่น่าอภัยกับเขาสารพัด

“ผมยังรู้สึกดีกับพี่ไม่เปลี่ยน” เพียงแต่มันเป็นความรู้สึกดีที่ไม่เหมือนเดิม ร่างบางตอบออกไปไม่หมด

“จริงๆ นะ” นัทเผยรอยยิ้ม

“ครับ”

“ได้ยินแบบนี้แล้วพี่ก็สบายใจขึ้นมาหน่อย” ร่างสูงถอนหายใจก่อนจะพูดปร๋อ

“ทำไมเหรอครับ”

“ไม่มีใครอยากจะฝากปลาย่างไว้กับแมวหรอกคุณราชันย์น่ะเขามีเสน่ห์แค่ไหนใครบ้างจะไม่รู้” ร่างสูงพูดในสิ่งที่เป็นกังวลออกไปก่อนที่แฟร์จะเอาแต่มองเสี้ยวหน้าของนัทกลับเพียงเท่านั้น

ราชันย์มีเสน่ห์ เรื่องนี้แฟร์รู้ดี หากแต่เสน่ห์ของเขากลับกำลังทำร้ายจิตใจของร่างบางให้โอนอ่อนและอ่อนแอลงทุกครั้งที่เข้าใกล้เช่นเดียวกัน




แฟร์เดินเข้าบ้านเด็กกำพร้าโดยมีนัทที่ยืนกรานจะอยู่รอนั่งรออยู่ด้านนอก แม่นภาที่ไม่ได้เจออีกฝ่ายนานโผเข้ากอดร่างบางด้วยความคิดถึงก่อนที่เธอจะพาแฟร์เข้าไปคุยในห้องทำงานเมื่อร่างบางพยายามจะเปิดปากคุยเรื่องที่ค้างคาเสียตรงนั้น

“เอาล่ะมีอะไรที่ยังไม่เข้าใจหรืออยากรู้ก็ถามแม่มาได้เลย” หญิงชราวัยหกสิบสี่นั่งลงบนเก้าอี้ทำงานก่อนจะถามคนตรงหน้าขึ้น

“ผมอยากรู้เรื่องทั้งหมดที่เกี่ยวกับของสิ่งนี้ครับ” แฟร์ล่วงเอกสารทุกอย่างออกจากกระเป๋าก่อนจะยื่นไปตรงหน้าของแม่นภา

“ก็อย่างที่เห็นว่าที่ดินแห่งนั้นเป็นของพ่อเธอ”

“แต่แม่เคยบอกว่าเป็นของแม่นี่ครับ” แฟร์เถียงกลับ

“เรื่องนั้นเพราะพ่อของเธอเขาอยากให้แม่พูด” แม่นภาว่าพลางยกน้ำชาขึ้นจิบ

“แต่ว่ามัน…” ร่างบางพยายามขัดหากแต่ผู้ที่แก่กว่ากลับสวนขึ้นมาก่อน

“ยังคิดว่าพ่อไม่รักอยู่อีกเหรอ” แฟร์ชะงักนิ่ง แม่นภารู้ถึงข้อนี้ดีเธอเลยกล่าวถามเพราะอยากฟังคำตอบของอีกฝ่าย

“ผมจะคิดอย่างอื่นกับเขาได้ยังไงในเมื่อเขาเลือกทำกับผมแบบนี้” แฟร์ตอบเสียงอ่อนก่อนที่แม่นภาจะวางถ้วยชาลงและพูดในสิ่งที่เธอรู้ดีว่าตลอดออกไป

“คุณนิกรน่ะเขามีเหตุผล…ที่เขาต้องเอาแฟร์มาฝากไว้กับป้าก็เพราะว่าตอนนั้นเขามีหนี้สินนอกระบบจนล้นตัวเขาไม่อยากให้แฟร์พลอยเดือดร้อนไปด้วย”

“แต่ทำไมเขาถึงมีเงินซื้อที่ดินตรงนั้นล่ะครับผมจำได้ว่าพ่อเป็นคนเก็บเงินไม่อยู่ตั้งแต่ไหน” แฟร์ถามกลับ

“เรื่องนี้แม่เองก็ไม่รู้…แต่เขากลับมาที่นี่พร้อมกับโฉนดที่ดินและวานขอให้แม่ช่วยเมื่อตอนที่เราเรียนอยู่ม.ปลายปีสุดท้าย”

“ม.ปลายปีสุดท้าย?” ร่างบางถามก่อนที่แม่นภาจะพยักหน้ารับ

“แสดงว่าแม่มีโฉนดที่ดินนี้ก่อนหน้าที่จะมอบมันให้กับผมนานแล้วเหรอครับ”

“ใช่…มีมานานแล้วนานพอๆ กับคำสัญญาที่ให้ไว้กับพ่อของเธอว่าจะไม่บอกจนกว่าเธอจะถาม” แม่นภาเอ่ยตอบพร้อมกับจ้องแฟร์ที่เอาแต่ขมวดคิ้วเพราะไม่เข้าใจในการกระทำของพ่อตัวเองนิ่ง

“แล้วแม่รู้หรือเปล่าครับว่าตอนนี้พ่อของผมอยู่ที่ไหน” ร่างบางตัดสินใจถามเมื่ออยากรู้อะไรมากกว่านี้

“แม่ไม่รู้หรอกแต่ครั้งสุดท้ายที่เจอกันเขาบอกกับแม่ว่าจะกลับไปอยู่กาญจนบุรี”

“กาญจนบุรี?” แฟร์ถามย้ำด้วยใบหน้าฉงนหัวใจของเขาเต้นเร็วขึ้นทันทีเมื่อรู้ว่าคนเป็นพ่อกลับไปที่จังหวัดนั้นก่อนที่คำพูดต่อมาของแม่นภาจะไขเรื่องที่กำลังดังก้องอยู่ในใจของแฟร์ออกมาทั้งหมด

“บ้านเกิดของเธอไง”




ราชันย์เรียกแท๊กซี่เพื่อตรงมายังบ้านของแฟร์ทันทีที่กลับถึงกรุงเทพฯ ร่างสูงเดินลงจากรถด้วยกระเป๋าสัมภาระใบใหญ่ที่ติดตัวมาก่อนจะตรงเข้าไปเขย่าประตูรั้วร้องเรียกเจ้าของบ้านที่ไม่มีทีท่าว่าจะอยู่ข้างในอย่างบ้าคลั่ง

“แฟร์มึงเปิดประตูให้กูเดี๋ยวนี้!!!” ร่างสูงตะโกนเรียกจนคนที่เดินผ่านไปมาแถวนั้นให้ความสนใจ

“แฟร์เรามีเรื่องต้องคุยกัน!!” ราชันย์ตะโกนก่อนจะเขย่าประตูรั้วจนเจ้าของบ้านหลังข้างๆ อย่างเฮียอ้วนพ่อของสายลมต้องออกจากร้านมาเพื่อบอกกล่าวกับอีกคน

“อาแฟร์ไม่อยู่บ้านหรอกลื้อมีธุระอะไร” ราชันย์สบตากับชายวัยกลางคนนิ่งก่อนที่เขาจะผละมือออกจากประตูรั้วและไหว้อีกฝ่ายกลับ

“สวัสดีครับเฮียอ้วนไม่ทราบว่าแฟร์ไปไหนเหรอครับ” ราชันย์ถามก่อนที่คนตรงหน้าจะยิ้มออกเมื่อเห็นเขาในระยะประชิด

“อ๋อลูกคุณกนกนี่เองแฟร์มันออกไปกับใครไม่รู้ตั้งแต่เช้าแล้ว” พูดเสร็จร่างสูงก็สวนถามกลับทันที

“ผู้หญิงหรือผู้ชายครับ”

“ผู้ชายขับรถยี่ห้อดังๆ สีแดงด้วย” เฮียอ้วนตอบก่อนที่อารมณ์ของราชันย์จะเริ่มมาคุขึ้นอีกครั้งเมื่อรับรู้ได้ว่าผู้ชายคนนั้นคือธนัท

“ถ้างั้นไม่เป็นไรครับไว้ผมจะมาใหม่” ราชันย์บอกกก่อนที่เสียงหนึ่งจะดังขึ้นทางด้านหลัง

“อ้าวตาชันย์! มาทำอะไรที่บ้านเฮียอ้วนกันน่ะเรา”

“ผมมาหาแฟร์น่ะครับแม่” ร่างสูงตอบผู้เป็นแม่ที่ดูเหมือนจะเดินออกมาซื้อกับข้าวร้านเฮียอ้วนตามกิจวัตรของเธอพอดี

“หนูแฟร์น่ะเหรอ เอ…คงไม่อยู่ล่ะมั้ง ว่างๆ ชวนเขามาทานข้าวบ้านเราอีกสิเห็นว่าเขาไปทำงานกับลูกไม่ใช่เหรอแม่น่ะรู้สึกถูกชะตาเด็กคนนี้บอกไม่ถูกเลย” กนกว่าพลางมองเข้าไปยังบ้านหลังเล็กตรงข้ามบ้านของเธอ

“ได้ครับถ้าเขายอมน่ะนะ” ราชันย์ตอบหากแต่กนกกลับได้ยินสิ่งที่เขาตอบไม่ชัด

“อะไรนะจ้ะ”

“เปล่าครับ” ร่างสูงปฏิเสธก่อนที่เสียงโทรศัพท์ของเขาจะดังขึ้น ราชันย์ล้วงเอาต้นตอของเสียงออกมาพร้อมกับกดรับ

“ว่าไงมิน”

[มินติดต่อน้องแฟร์ไม่ได้เลยค่ะพอดีคุณราชันย์ต้องเข้าประชุมที่บริษัทด่วนตอนบ่ายสองโมง] ปลายสายพูดรัวเร็ว

“ได้เดี๋ยวผมเข้าไป”

[แล้วน้องแฟร์…]

“ผมก็กำลังตามหาเขาอยู่! อย่าถามมากตอนนี้จะได้มั้ยแค่นี้นะผมยังไม่ว่างคุย!” ร่างสูงขึ้นเสียงก่อนจะกดวางสายไป

“มีอะไรหรือเปล่าลูก” กนกถามเมื่อเห็นท่าทีหงุดหงิดของลูกชายคนโตที่ไม่ได้เห็นมานาน

“ผมต้องเข้าบริษัทแล้วครับแม่”

“ไม่เข้าบ้านเราก่อนเหรอลูกข้าวของก็เยอะแยะ”

“ไม่เป็นไรครับพอดีผมมีประชุมด่วน” ว่าเสร็จราชันย์ก็โบกแท๊กซี่ที่ขับออกมาหลังจากส่งผู้โดยสารลงถัดไปจากบ้านของแฟร์ประมาณสามหลังขึ้น

“ตาชันย์…” กนกเรียกลูกชายในขณะที่คนขับรถเปิดประตูลงมาช่วยเก็บกระเป๋าของเขาไว้ข้างหลัง

“ครับ?”

“ยังไหวนะลูก” ผู้เป็นแม่ถามขึ้นเมื่อสีหน้าและท่าทางของราชันย์ดูจะอิดโรยกว่าทุกครั้งราวกับมีเรื่องขับข้องภายในใจ

“ไหวครับ” แต่จะไม่ไหวเพราะคนที่แม่ถูกชะตาเสียมากกว่า ราชันย์ตอบไม่หมดก่อนที่ร่างสูงจะเปิดประตูเดินขึ้นรถเพื่อตรงไปยังบริษัทของตัวเองทันที ท่ามกลางสายตาของกนกที่ยังคงมองตามหลังแท๊กซี่คันที่เขานั่งจนกระทั่งหายลับไปจากสายตา




“แล้วแฟร์จะเอาไงต่อ” นัทถามเมื่อทั้งคู่ออกจากบ้านเด็กกำพร้าก่อนจะมาแวะทานข้าวกลางวันกันที่ร้านอาหารเล็กๆ สไตล์ญี่ปุ่น

“ผมจะไปกาญจนบุรีไปถามพ่อให้รู้เรื่อง” แฟร์ตอบ

“แล้วแฟร์จะไปตามหาท่านที่ไหนที่บ้านเก่าอย่างงั้นเหรอไหนบอกว่าถูกเจ้าของที่เดิมเขายึดไปแล้วไง”

“ผมก็ไม่รู้แต่ก็คงไปที่นั่นก่อน”

“เอางี้สิพ่อเราชื่อจริงชื่ออะไร” นัทพูดหลังจากเงียบไปสักพัก

“พี่นัทจะเอาไปทำอะไร”

“ค้นหาในกูเกิลบางทีอาจเจออะไรก็ได้” ไม่ว่าเปล่าร่างสูงยังล้วงเอาโทรศัพท์ออกมาเตรียมเรียบร้อย

“คงเจอหรอก” แฟร์เอ่ยเมื่อคิดว่าไม่มีทางเป็นไปได้

“ไม่แน่นะพี่ยังเคยค้นหาชื่อเพื่อนเลยเพราะไม่รู้จะติดต่อมันได้ยังไงสุดท้ายก็เจอโปรไฟล์ facebook มันนั่นแหละ” นัทจ้องร่างบางกลับ ทุกอย่างที่เขาพูดล้วนแล้วแต่เป็นเรื่องจริงที่เคยเกิดขึ้น

“เอาไงจะลองหน่อยมั้ย”

“นิกร พรรักษา” ร่างบางยอมบอกก่อนที่คนตรงหน้าจะทำการพิมพ์ชื่อที่ว่าลงช่องค้นหาของกูเกิลทันที

“นิกร พรรักษา…นิกร พรรักษา…นิกร…อ๊ะ! เจอแล้ว” นัทพร่ำชื่อนี้ออกมาก่อนจะกวาดนิ้วค้นหาไปเรื่อยๆ จนกระทั่งเจอเข้ากับข่าวหนึ่ง

“ไหนครับ!” แฟร์ชะโงกหน้าออกไปอย่างตื่นเต้นก่อนร่างสูงที่ได้เห็นเนื้อข่าวบางส่วนจะพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงไม่ดีนัก

“เออ…ดูท่าไม่ดีเลย”

“ขอผมดูหน่อย” แฟร์หยิบเอาโทรศัพท์ของนัทไปก่อนจะกวาดสายตาอ่านเนื้อความข่าวในจอสัมผัสตรงหน้าด้วยหัวใจที่เต้นไม่เป็นระส่ำ

ข่าวเกี่ยวกับอุบัติเหตุรถชนกับคนเดินข้ามถนนเมื่อหกปีก่อนทำให้ร่างบางใจกระตุกวูบลงทันที ฝ่ายเสียหายคือชื่อพ่อของเขาส่วนฝ่ายคู่กรณีเป็นเศรษฐีเจ้าของรีสอร์ทดังในจังหวัด แฟร์วางโทรศัพท์ของนัทลงก่อนจะล้วงเอาโทรศัพท์ของตัวเองออกมาเพื่อจะทำอย่างเดียวกันคนตรงหน้าหากแต่เมื่อล้วงออกมาแล้วโทรศัพท์ของเขากลับปิดเครื่องอยู่ร่างบางถึงอยากจะทึ้งผมตัวเองเสียให้แรงๆ เพราะดันปิดเครื่องไว้ตั้งแต่เมื่อวานก่อนเข้านอนแถมยังลืมเปิดเครื่องเมื่อตอนเช้านี้อีกต่างหาก

แฟร์กดเปิดเครื่องทันทีที่รู้ตัวก่อนข้อความจากทางเครือข่ายจะแจ้งจำนวนผู้ติดต่อระหว่างที่เขาปิดเครื่องไปเข้ามา

10 ครั้งเป็นของ…มินตรา ส่วนอีก 130 ครั้งเป็นของ…ราชันย์!!!

ร่างบางเบิกตาโพรงจนนัทสังเกตเห็นก่อนคนตัวสูงจะถามกลับเมื่อปฏิกิริยาของอีกคนมีทีท่าเปลี่ยนแปลงไป

“มีอะไร”

“เปล่าครับ” แฟร์รีบปิดข้อความก่อนที่เขาจะเข้ากูเกิลเพื่อหาข่าวเมื่อกี้บ้าง

“แล้วแฟร์จะเอายังไงต่อในข่าวนี้ก็ไม่ได้แจ้งรายชื่อผู้เสียชีวิตพี่ว่าบางทีพ่อของแฟร์อาจจะไม่เป็นอะไรก็ได้” นัทสันนิษฐาน

“ผมว่าจะลองตามหาเขาจากชื่อของคนที่เราสามารถตามหาตัวได้ง่ายกว่า” แฟร์พูดอย่างมีเลศนัยจนนัทสงสัย

“ใคร?”

“ก็คนที่เขาขับรถชนพ่อของผมไงครับ” ร่างบางมองไปยังเนื้อข่าวที่บอกข้อมูลที่อยู่ของคู่กรณีเอาไว้เกือบหมด

“ถ้าอย่างงั้นพี่จะไปส่ง” นัทเสนอ

“ไม่เป็นไรครับผมไปคนเดียวได้” แต่แฟร์เลือกปฏิเสธ

“แฟร์…”

“พี่นัทผมพูดจริงนะ พี่เหนื่อยเพราะผมมามากลำพังแค่พี่ผมไม่ว่าหรอกแต่นี่ครอบครัวของพี่เขาจะว่าเอาได้นะครับผมไม่อยากให้พี่ต้องทะเลาะกับพวกท่านอีกแล้ว”

“แฟร์รู้?” นัทเอ่ยเสียงเรียบ ร่างสูงไม่เคยรู้มาก่อนว่าแฟร์จะรู้เรื่องที่เขาต้องทะเลาะกับพ่อแม่เพราะดันชอบผู้ชายด้วยกัน

“รู้สิครับรู้มานานแล้วด้วยแต่ผมก็ไม่โกรธเพราะพวกท่านทำถูกแล้ว…ผมเป็นผู้ชายและก็เป็นผู้ชายที่ไม่มีอะไรดีพอ” ร่างบางเอ่ยกลับ

“เรื่องนั้นมัน…”

“เชื่อผมเถอะนะครับผมไปเองได้สบายมาก”

คนตรงหน้าจ้องลึกเข้าไปในดวงตา มันดูเป็นการยากที่จะเอ่ยออกมาแบบนี้แต่แฟร์กลับรู้สึกโล่งอกอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน เขาอยากให้นัทเข้าใจในเหตุผลและไม่อยากให้อีกฝ่ายต้องจมปรักอยู่กับเขา

“ก็ได้ๆ แล้วเราจะไปเมื่อไหร่” ร่างสูงเอ่ยถามเมื่อในที่สุดต้องยอมแพ้

“น่าจะพรุ่งนี้หลังจากไปลาออกเสร็จ” แฟร์ตอบ

“ลาออก?”

“ครับเพราะผมไม่มีเหตุผลที่จะต้องทำงานที่นั่นอีกต่อไป” ร่างบางว่าก่อนที่นัทจะคลี่ยิ้มเพราะรอคอยวันนี้มาตลอด

“งั้นพรุ่งนี้พี่ไปส่ง”

“พี่นะ…”

“แค่ส่งไปทำงานไม่ได้ตามติดอะไรเลยนะถือว่าให้พี่ทำอะไรให้เราบ้างเถอะถ้ามันไม่เหลือบ่ากว่าแรงที่แฟร์จะยอมรับเพราะสิ่งเหล่านี้พี่เต็มใจจะทำ” นัทเอ่ยขัดเมื่อแฟร์พยายามจะปฏิเสธเขาอีกหน

ร่างบางมองนัทด้วยแววตาเรียบนิ่งก่อนที่เขาจะพยักหน้ากลับเมื่อไม่อยากให้อะไรมันยืดเยื้อไปมากกว่านี้เพราะถ้าครั้งนี้ไม่ยอมคนอย่างนัทก็คงจะหาข้ออ้างอีกสารพัดเพื่อทำโน่นทำนี่ให้เขาขึ้นมาอีกเป็นแน่!



TBC......
----------------------------------------------
นัทนี่ไม่ปล่อยแฟร์เลยนะ!! ของตัวเองน้องนนท์ โน้น!!
หึ้ย! อารมณ์เสียแทะโลมให้น้องใจอ่อนอยู่ได้!
เป็นไงบ้างคะ แอบกระซิบว่าตอนหน้า NC นะ อุ้ย! คนเขียนเขินนะนี่อย่าลืมติดตามกันไปเรื่อยๆ นะคะ
เรื่องนี้เป็นศึกของครอบครัวและสายเลือด
(ไม่ดราม่าขนาดนั้นแต่ก็ยากจะทำใจแหละถ้าใครโดน)
เม้นท์เป็นกำลังใจให้นักเขียนด้วยนะคะ


 :mew3: :mew3: :mew3: :mew3:

ออฟไลน์ Laliat

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 253
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
 :hao6:ncๆๆๆๆ :z13:

ออฟไลน์ Gato88

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 22
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
 :z3: :z3:

ออฟไลน์ som

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2708
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +230/-2
ตอนนี้เริ่มเป็นปมให้ต้องสงสัยหลายปมเลยแล้วละ

ออฟไลน์ ่jum

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3704
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-4
ตามต่อ  :katai5:

ออฟไลน์ cheepoke

  • ^_^\/ สู้ๆ ฮู้เล่ๆ
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 78
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
    • https://www.facebook.com/BlueGusten.FictionY/
 

CHAPTER 13



แฟร์ลงจากรถของนัทโดยไม่ลืมที่จะหันกลับไปกล่าวขอบคุณคนที่อุตส่าห์ขับมาส่งทั้งที่บริษัทของราชันย์อยู่คนละเส้นทางกับบริษัทของธนัท แต่ร่างสูงของรุ่นพี่คนนี้ยังคงยืนกรานจะมาส่งเขาเสียให้ได้

ร่างบางคลี่ยิ้มส่งให้นัทก่อนที่แฟร์จะหันหลังเดินเข้าบริษัทพร้อมกับตรงไปยังลิฟต์ตัวเดิมและก็เหมือนวันเดิมๆ ที่เขามักจะเจอมินตราที่นั่นไม่เปลี่ยน

“แฟร์หลายไปไหนมาตั้งหลายวันพี่ติดต่อเราไม่ได้เลย” หญิงสาวผู้ที่อายุแก่กว่าทักร่างบางเมื่อเจ้าตัวหายหน้าไปหลายวัน

“พอดีผมมีธุระต้องไปจัดการนิดหน่อยน่ะครับ” แฟร์ตอบพลางยืนรอลิฟต์ใกล้ๆ มินตรา

“เมื่อวานนน่ะคุณราชันย์โมโหมากเลยรู้มั้ยที่ตามหาเราไม่เจอ หัวฟัดหัวเหวี้ยงจนหุ้นส่วนที่เข้าร่วมประชุมถึงกับกุมขมับกันเลยเพราะแกไม่ยอมฟังเหตุผลใครหน้าไหนทั้งนั้น” พนักงานสาวสาธยาย

"ความจริงผมมากกว่าที่ต้องโมโหเขา” แฟร์เอ่ยก่อนจะก้าวเข้าไปในลิฟต์โดยมีมินตราเดินตามเข้ามาติดๆ

“หมายความว่ายังไงเราทะเลาะกับคุณราชันย์มาเหรอ”

“ก็ไม่เชิงหรอกครับ”

“ความจริงแกเป็นคนใจดีนะอาจจะเครียดด้วยเพราะช่วงนี้คู่แข่งเยอะ” มินตราว่าพลางมองไปยังแฟร์จนร่างบางอดไม่ได้ที่จะพูดต่อ

“งั้นเหรอครับผมไม่เห็นรู้เลยเพราะเขาไม่ค่อยให้ผมได้ทำงานพวกนั้นสักเท่าไหร่นอกเสียจากทำความสะอาดห้อง ส่งซักเสื้อผ้าของเขาและทำอาหาร งานเอกสารอย่างอื่นผมแทบไม่ได้แตะหรอกครับ” แฟร์พูดในสิ่งที่คนอื่นไม่รู้นอกเหนือจากเขาและราชันย์ออกไป

มินตราอ้าปากค้างหญิงสาวเพิ่งจะรู้เรื่องทั้งหมดก็วันนี้ก่อนจะพยายามซักอีกคนกลับ

“นี่แฟร์ไม่ได้เป็นเลขาฯ หรอกเหรอ”

“นั่นแค่ตำแหน่งลอยน่ะครับความจริงผมมันก็แค่พ่อบ้านดีๆ นี่เอง” แฟร์ตอบก่อนที่ลิฟท์จะพาพวกเขาทั้งคู่มาถึงยังชั้นสี่ชั้นที่มินตราต้องการขึ้นมา

“แล้วทำไมคุณราชันย์ถึงให้เราทำหน้าที่พวกนี้ล่ะ” หญิงสาวยังคงถามไม่เลิก

“ผมว่าเรื่องนี้พี่มินไปถามเขาเองจะดีกว่าถึงชั้นสี่แล้วครับ” แฟร์บอกก่อนที่มินตราขาเม้าท์ประจำบริษัทต้องตัดใจจากเรื่องที่น่าสนใจตรงหน้าพร้อมกับเดินออกจากลิฟท์ไปด้วยใบหน้าเสียดายทันที

ร่างบางไม่รอให้ประตูลิฟท์ปิดเองแฟร์เอื้อมมือไปกดปุ่มสั่งการก่อนที่ลิฟท์ตัวนี้จะพาเขามาจนถึงหน้าห้องผู้บริหารเป็นที่เรียบร้อย

แฟร์หยุดหายใจเข้าจนเต็มปอดอยู่หน้าประตูบานใหญ่อยู่สักพักก่อนจะตัดสินใจเคาะลงไปสองสามที

“เข้ามา” เสียงอนุญาตจากในห้องดังขึ้น ร่างบางเปิดประตูเข้าไปก่อนคนที่นั่งอยู่ที่โต๊ะทำงานท่ามกลางแก้วกาแฟกว่าห้าใบจะแสยะยิ้มพร้อมกับลุกขึ้นตรงเข้ามาหาเขาทันที

“หึ! หายหัวไปไหนมาถึงได้มาเอาป่านนี้!!” ราชันย์ตะคอกหากทว่าแฟร์ยังนิ่งไม่สะทกสะท้าน

“ผมก็มาตามเวลาทำงานของตัวเอง” ร่างบางตอบ

“อย่าอวดดีมึงก็รู้ว่ากูถามเรื่องอะไร!”

“ผมไม่รู้หรอกครับพอๆ กับที่ไม่รู้ว่าคุณปิดบังเรื่องอะไรไว้นั่นแหละ”

“แฟร์!!!” ร่างสูงกัดฟันกรอด แฟร์มองหน้าอีกฝ่ายกลับอย่างไม่กลัวก่อนร่างบางจะล้วงบางอย่างออกมาวางไว้บนโต๊ะของราชันย์

“ที่ผมมาวันนี้ผมต้องการจะมาหยุด”

“อะไร!?” ร่างสูงถามก่อนจะผละสายตาจากใบหน้านิ่งของแฟร์มองไปยังซองสีขาวที่อีกฝ่ายวางมันลง

“ผมต้องการหยุดทุกอย่าง…ผมขอลาออก”

“กูไม่ให้มึงออก!!” ร่างสูงตะโกนลั่นก่อนจะตรงเข้าจับต้นแขนแฟร์อย่างแรง

“คุณห้ามผมไม่ได้ระหว่างผมกับคุณเราไม่มีอะไรติดค้างกันอีกแล้ว!” ร่างบางกัดฟันกลั้นความเจ็บก่อนจะเถียงอีกฝ่ายอย่างไม่ลดละ

“ไอ้เด็กนั่นไง! ถ้ามึงลาออกกูไม่หยุดแค่ขู่แน่กูจะเอามันไปขายจริงๆ!”

“เรื่องนี้ผมคุยกับเจ้าตัวเขาแล้วน่าเสียดายที่ผมอุตส่าห์เป็นห่วงกลัวเขาได้รับอันตรายเป็นบ้าเป็นหลังที่ไหนได้นนท์เขาไม่กลัวคุณเลยสักนิด!” แฟร์ผลักราชันย์จนร่างสูงที่อึ้งเพราะได้ยินเรื่องเมื่อครู่ถึงกับเซไปด้านหลัง

“ต่อไปนี้คุณอยากจะทำอะไรก็เชิญตามสบาย ผมจะถือว่าคุณรับรู้เรื่องนี้แล้วผมจะได้ไปทำเรื่องที่ฝ่ายบุคคลต่อ” แฟร์พูดก่อนจะหันหลังให้แต่ราชันย์กลับพุ่งตัวขว้างเอาไว้อย่างไม่ยอม

“มึงอยากลาออกเพราะจะได้สานต่อกับไอ้หมอนั่นสินะ!!” ร่างสูงเริ่มไม่มีเหตุผล

“เรื่องนั้นไม่เกี่ยวกับคุณ” ร่างบางตอบพลางเบี่ยงตัวหลบแต่แล้วคำพูดต่อมาของราชันย์ก็ทำให้แฟร์ถึงกับชะงัก

“มักมาก!!”

“!!”

“อย่านึกว่ากูไม่รู้ว่าเมื่อวานมึงหายไปกับมันมา!” ราชันย์เอ่ยลอดไรฟันอย่างข่มอารมณ์ร่างสูงขบกรามแน่นเสียจนขมับปูดนูน

เขาไม่ยอมปล่อยคนนี้ไปง่ายๆ แน่! คือสิ่งที่ร่างสูงคิด

ราชันย์กระชากร่างบางมาอีกครั้งก่อนคนตัวสูงจะกล่าวคำพูดว่าร้ายออกไป

“แล้ววันนี้มันก็ยังขับรถมาส่งมึงอีก! วางแผนกันเอาไว้แล้วสิว่าถ้ามึงลาออกไปได้พวกมึงจะไปเสวยสุขกันท่าไหนบ้าง!!”

เพี้ยะ!!

“หยุดดูถูกผมสักที!!” แฟร์ตวัดมือลงบนใบหน้าของราชันย์อย่างจังจนอีกฝ่ายหน้าหันหากแต่ราชันย์ก็หันกลับมาคาดโทษร่างบางไม่หยุด

“กูดูมึงถูกต่างหากล่ะแฟร์! ความจริงกูคิดว่ามึงเป็นแค่คนที่ตามใครเขาไม่ทันแต่ที่ไหนได้มึงมันสับขาหลอกจนมีผัวเป็นสิบได้แล้วมั้ง!!”

“ผมเจ็บนะ!!” แฟร์ออกปากร้องเมื่อคนอารมณ์ร้ายตรงเข้าบีบคางของเขาจนได้กลิ่นเลือดคลุ้งขึ้นในปาก

“ไม่เคยมีใครตบกูแล้วจะรอดในเมื่ออยากมากนักกูก็จะสนองให้!!” ราชันย์เปิดประตูห้องนอนก่อนจะเหวี่ยงตัวอีกคนไปบนเตียงอย่างไม่ออมแรง ร่างสูงมองคนตัวเล็กที่พยายามลุกขึ้นก่อนจะตรงขึ้นคร่อมเอาไว้พร้อมกับตรึงแขนอีกคนไว้เหนือหัว

“โอ้ย!! คุณราชันย์จะทำอะไร!!” แฟร์เบิกตาโพรงอย่างตกใจก่อนจะพยายามดิ้นหนีอย่างสุดชีวิต

“ก็ทำอย่างที่มึงเคยทำกับคนก่อนๆ ไงไอ้นัทมันคนที่เท่าไหร่แล้วล่ะ!”

“คุณมันบ้าไปแล้ว!!” แฟร์ว่าพลางมองอีกคนที่โกรธจนเลือดขึ้นหน้าด้วยแววตาตื่นกลัว

“ใช่กูมันบ้าไปแล้ว! มึงกูรู้ว่ากูรู้สึกยังไงกับมึงแต่มึงก็ยังไม่เลิกยุ่งกับมัน!!”

“เลิกยุ่ง!? ทำไมผมต้องเลิกยุ่งในเมื่อเป็นเขาที่มาก่อนไม่ใช่คุณ!”

“แฟร์!!!”

“คุณคิดกับผมเองนะผมไม่ได้ใช้เรื่องโกหกปลิ้นปล้อนมาหลอกให้คุณรู้สึกสักหน่อย!” แฟร์พยายมเถียงในเรื่องที่ตัวเขาเองคิด ร่างบางไม่รู้เลยว่าสิ่งที่พูดออกมาได้เพิ่มความรุนแรงของอารมณ์อีกฝ่ายให้ประทุออกมามากขึ้นหลายเท่า!

“มึงกำลังจะบอกว่ากูมันโง่เองที่คิดกับมึงแบบนั้นใช่มั้ย!!” ราชันย์จ้องพลางเค้นถามก่อนที่แฟร์จะตะโกนตอบออกมา

“ใช่คุณมันโง่เอง!!!”

“ได้!!...งั้นกูก็ขอโง่เอาผู้ชายอย่างมึงด้วยก็แล้วกัน!”

“!!”

ว่าเสร็จร่างสูงก็ก้มลงซุกไซร้ซอกคอขาวอย่างรุนแรงจนแฟร์ออกปากร้อง ร่างบางพยายามถดตัวหนีหากแต่แรงของราชันย์ตอนนี้มากเกินกว่าที่เขาจะต้านไหว

“อย่านะ! อ่ะ! คุณราชันย์ผมเจ็บ!” ร่างบางร้องออกมาเมื่อร่างสูงกัดซอกคอของเขาจนเป็นรอย ราชันย์ยัดตัวขึ้นก่อนจะถอดเสื้อของตัวเองออกและกระชากเสื้ออีกฝ่ายจนขาดหวิ่น

แควก!!!

“หยุดเดี๋ยวนี้!! อย่าทำอะไรผม!” แฟร์พยายามใช้มือปิดบังแผงอกเล็กของตัวเองเอาไว้ ร่างสูงรวบมือทั้งสองของอีกคนเอาไว้เหนือหัวอีกครั้งด้วยมือเพียงข้างเดียวของเขาก่อนจะก้มลงกระซิบข้างหูด้วยคำพูดเสียดแทงลึกเข้าไปถึงก้นบึ้งหัวใจของแฟร์

“กูจะทำให้มึงไม่มีวันลืมกูตลอดชีวิต!” พูดเสร็จราชันย์ก้อทำการปลดเปลื้องกางเกงของร่างบางออก

“ได้โปรด…อย่าทำ…ฮึก!” แฟร์พยายามบิดตัวหนี ร่างบางร้องไห้ออกมาอย่างห้ามเอาไว้ไม่อยู่พลางอ้อนวอนอีกฝ่ายกลับหากทว่าแรงอารมณ์และความต้องการของราชันย์ในตอนนี้มันมีมากจนกู่ไม่กลับเสียแล้ว

“ไม่ทำมึงก็เกลียดกูไปแล้วสู้กูทำแล้วยอมให้มึงเกลียดยังดีซะกว่า!”

“คุณราชันย์! มะ ไม่!! อื้ออออ” เสียงใสของคนใต้ร่างหลุดหายเมื่อคนด้านบนส่งริมฝีปากร้อนบดจูบลงอย่างแรง ลิ้นร้อนแทรกผ่านริมฝีปากสีแดงระเรื่อเมื่อยามที่มือหนาบีบคลึงไปตามกลางกายของอีกฝ่ายจนแฟร์เผยอปาก ราชันย์กวาดต้อนลิ้นเล็กไปมาจนสาแก่ใจก่อนจะยอมผละออกเมื่ออีกคนใกล้จะหมดลม

แฟร์หอบอย่างหนักเมื่อร่างสูงปล่อยริมฝีปากของเขาให้เป็นอิสระก่อนราชันย์จะก้มตัวลงไปหยอกย้อเล่นกับตุ่มไตสีชมพูบนหน้าอกของเขาแทน

“อย่า…อ่ะ! อย่าทำผมเลย…ขะ…ขอร้อง” ร่างบางครางออกมาอย่างไม่เป็นศัพท์ ราชันย์ยังคงดูดดึงตุ่มไตนั้นอย่างไม่สนใจเสียงคัดค้านพร้อมกับรูดซิปปลดเปลื้องกางเกงของตัวเองพลางคว้าเอากลางกลางที่เริ่มขยายใหญ่ของตนออกมา

แฟร์เบิกตากว้างเมื่อเห็นขนาดของอีกฝ่าย ร่างบางพยายามต่อสู้และถดตัวหนีอย่างสุดแรงก่อนมือหนาจะคว้าไปยังชั้นในของคนใต้ร่างพร้อมกับรูดรั้งมันลงจนแฟร์เปลือยเปล่าไปทั้งตัว

“อย่านะ! อย่า!!” ร่างบางได้ทีส่งเท้าหนักๆ ไปยังอีกฝ่ายจนเสียหลักก่อนจะพยายามคลานลงจากเตียงอย่างทุลักทุเล

ราชันย์หยัดตัวลุกขึ้นก่อนมือหนาจะคว้าข้อเท้าเล็กและกระชากกลับจนร่างบางที่ถูไปกับเตียงร้องไห้โฮ

“คิดจะหนีจากกูมันไม่ง่าย! มึงต้องเป็นของกู! ของกูคนเดียว!!” ร่างสูงตวาดลั่นพร้อมกับส่งนิ้วร้อนเข้าไปยังช่องทางด้านหลังของแฟร์จนร่างบางสะดุ้งตัวโยน

แฟร์มองราชันย์ด้วยแววตาสั่นระริก ร่างบางพยายามดิ้นจนร่างสูงทนไม่ไหวชักนิ้วกลับก่อนจะจ่อกลางกายของตัวเองไปยังช่องทางนั้นพร้อมกับกดส่วนหัวเข้าไปจนคนใต้ร่างร้องเสียงหลง

“เจ็บ!! ผมเจ็บ!!! อย่าทำแบบนี้! อย่าเอามันเข้ามา!! อ่ะ!” แฟร์นิ่วหน้าพลางขยำเตียงเอาไว้แน่นน้ำตาเปรอะเปื้อนเต็มใบหน้าที่เคยเปื้อนไปด้วยรอยยิ้ม มือเล็กพยายามปัดป่ายไปมาราวกับหวังว่าจะโดนอีกฝ่ายสักทีสองที แต่ไม่เลยเพราะมันยิ่งทำให้ร่างสูงดันกลางกายเข้ามามากกว่าเดิมจนร่างบางถึงกับขาสั่นระริก

“กูอุตส่าห์จะเบิกทางให้มึงก่อนแต่มึงมันดื้อด้าน!! จะเอาแบบนี้ใช่มั้ย! อยากได้แบบนี้กูก็จะจัดให้!!” ว่าเสร็จราชันย์ก็ดันกลางกายของตัวเองเข้าไปยังช่องทางหลังของแฟร์เกินกว่าครึ่ง

“อ๊ากกกก ฮึก! เจ็บบบบ ผมเจ็บ!! ปล่อยผม…ปล่อยผมไปได้โปรด!!!” ร่างบางกัดริมฝีปากร้องออกมาด้วยความเจ็บจนหาที่เปรียบไม่ได้ กลิ่นคาวเลือดที่ไหลออกมาคละคลุ้งจนแฟร์รู้สึกได้ว่าช่องทางของเขากำลังถูกอสูรกายร้ายอย่างราชันย์ทำให้มันด่างพร้อยและฉีกขาดจนไม่มีชิ้นดี

ร่างสูงมองดูช่องทางนั้นด้วยแววตาตื่นหากทว่าจะให้หยุดตอนนี้ก็ไม่ทันการณ์เสียแล้ว ราชันย์รู้ดีว่าแฟร์เจ็บไม่ต่างอะไรกับเขาที่ความคับแน่นของอีกฝ่ายก็ทำให้ร่างสูงแทบจะถึงทุกครั้งที่ดันกลางกายของตัวเองเข้าไปเช่นกัน

ราชันย์ก้มลงจูบซับไปยังหางตาของร่างบางราวกับรู้สึกผิดหากแต่แฟร์กลับเบือนหน้าหลบพลางร้องไห้โฮเมื่อรู้ว่าไม่มีทางไหนเลยที่เขาจะหนีพ้นจนร่างสูงเลือกที่จะจูบซับไปยังริมฝีปากเล็ก ข้างแก้ม เรื่อยไปจนถึงใบหูให้อีกคนผ่อนคลายก่อนจะกดสะโพกของตัวเองเพื่อส่งท่อนกายหนาเข้าไปจนมิดด้าม

“โอ้ย!!!” แฟร์เผลอร้องออกมาอย่างขมขื่น ร่างบางมองใบหน้าของคนด้านบนอย่างคาดโทษก่อนราชันย์ที่แช่กลางกายเอาไว้เพื่อให้อีกคนคุ้นชินกับสัมผัสจะเริ่มขยับสะโพกสอบของตัวเองตามจังหวะจนแฟร์ต้องกัดริมฝีปากเอาไว้พลางนิ่วหน้าด้วยความเจ็บ

“เจ็บมากมั้ย?” ราชันย์ถามก่อนที่คนใต้ร่างจะเบือนหน้าไปอีกทางไม่ยอมตอบ

“ตอบกูมา!!” ร่างสูงเค้นเสียงว่าหากแต่แฟร์ก็ไม่ยอมปริปากจนไฟโทสะของราชันย์ประทุขึ้นมาอีกครั้ง

ร่างสูงเร่งจังหวะจนร่างบางอ้าปากค้าง แฟร์จิกเล็บลงบนลาดไหล่กว้างของคนด้านบนพลางร้องออกมาราวกับจังหวะนี้เกินจะอั้นไว้

“โอ้ย! อ่ะ..อ่ะ…อ๊าก…อ่ะ…อึก…ฮือ…ฮือ…อ๊า!!” ร่างบางส่งเสียงร้องก่อนราชันย์จะจับตัวของเขาพลิกให้หมอบลงไปกับเตียง แฟร์เอื้อมมือจับไปยังหัวเตียงเอาไว้แน่นพลันมืออีกข้างก็ขยำไปบนผ้าปูเนื้อดีราวกับอยากจะส่งผ่านความเจ็บปวดออกไป

ร่างสูงขยับสะโพกสอบเข้าออกถี่รัว ทุกๆ การสัมผัสเรียกน้ำตาจากคนถูกกระทำได้เป็นอย่างดีแฟร์กัดฟันแน่นพยายามกักเก็บเสียงของตัวเองเอาไว้ทุกครั้งที่อีกฝ่ายพยายามเร่งจังหวะเพื่อให้ตัวเองสุขสม

ราชันย์ก้มลงจูบซับไปยังแผ่นหลังบางอย่างหวงแหน มือหนาเอื้อมมาตรงหน้าพลางคว้ากลางกายของร่างบางพร้อมกับรูดรั้งจนแฟร์อ่อนระทวย ร่างสูงยังคงทำหน้าที่กับช่องทางหลังของแฟร์ได้เป็นอย่างดี คนใต้ร่างกัดริมฝีปากจนห่อเลือดก่อนจะส่งเสียงครางออกมาเมื่อมือของราชันย์ทำให้เขาอยากที่จะปลดปล่อย

ร่างสูงได้ยินเสียงจากอีกฝ่ายก็กดนิ้วห้ามการหลั่งออกแฟร์เอาไว้ คนตัวเล็กส่งเสียงฮึดฮัดในลำคอพลางเอื้อมมือของตัวเองพยายามแกะมือของราชันย์ที่กอบกุมกลางกายเอาไว้ออก

“เร็วไปนะแฟร์ถ้ามึงคิดว่ากูจะให้มึงถึงก่อน” ราชันย์จับอีกคนพลิกตัวกลับมาอีกครั้งก่อนจะเร่งจังหวะจนร่างบางสั่นคลอนไปพร้อมกับใบหน้าทรมาน

“ผมเจ็บ! โอ้ย ยะ..หยุดเถอะผมไม่ไหวแล้ว” แฟร์ร้องห้ามพลางจิกเล็บไปบนแผงอกของร่างสูงยามที่อีกคนโหมกระหน่ำลงมาราวกับอยากจะกลืนกินเขาไว้ทั้งตัว

“ไม่ไหว? แต่กูยังไม่ถึงไหนเลยว่ะ” ราชันย์ว่าก่อนจะเร่งจังหวะขึ้นเมื่อความรู้สึกอัดอั้นเริ่มประเดประดังเข้ามาจนร่างสูงปวดหนึบไปทั่วกลางกาย

“อ่ะ! อ่ะ! ฮึก อ๊า…โอ้ย เจ็บบบ…ผมเจ็บ!” แฟร์ร้องห้ามเมื่อจังหวะของราชันย์ยิ่งทวีความเจ็บปวดให้ตัวเขามากขึ้นจนหายใจไม่ทั่วท้อง

ร่างบางยังคงส่งเสียงร้องออกมาอยู่อย่างนั้นจนกระทั่งร่างสูงปลดปล่อยออกมาก่อนที่มือหนาของราชันย์จะรูดรั้งกลางกายของแฟร์ให้ปลดปล่อยตาม ร่างสูงกดจูบลงกับริมฝีปากบวมช้ำของแฟร์อย่างหิวกระหายพลางถอดกลางกายออก

แฟร์ถดตัวหนีทั้งที่เจ็บร้าวไปทั่วช่องทางด้านหลัง ความเจ็บที่ได้รับแล่นผ่านไปยังกระดูกสันหลังจนร่างบางสั่นระริก ก่อนราชันย์จะถามขึ้นเมื่อเห็นแฟร์พยายามหยัดตัวเองให้ลุกขึ้น

“มึงจะไปไหน” ร่างสูงคว้าข้อมือเล็กเอาไว้

“เสร็จแล้วก็ปล่อยผมไป” ร่างบางก้มหน้าตอบพลางบิดแขนของตัวเองออกจากการเกาะกุม

“มันไม่ง่ายยังงั้นหรอก” ร่างสูงว่าก่อนแฟร์จะเงยหน้าขึ้นมาสบตากับอีกคน

“ยังต้องการอะไรอีก! ที่ทำไปเมื่อกี้ยังไม่พอหรือไง!!” แฟร์ตะคอกกลับก่อนราชันย์จะตรงเข้ารั้งสะโพกเล็กให้กลับมาอยู่ท่ามกลางเรียวขาของเขาอีกครั้งพร้อมกับแสยะยิ้ม

“แต่มันแค่รอบเดียวนี่หว่ากูยังไม่อิ่มเลยกูจะเอาจนกว่ามึงลุกไม่ขึ้นดูซิว่ายังจะมีแรงไปหาตัวผู้หน้าไหนอยู่อีกมั้ย” ว่าเสร็จราชันย์ก็ปัดป้องมือเล็กที่ปัดป่ายมาเพราะป้องกันตัวเองเมื่อรู้ถึงความหมายของคำพูดนี้ก่อนที่ร่างบางจะตะโกนร้องลั่น

“โอ้ย!!! อย่านะ! อย่า!!!” ร่างสูงจับกลางกายที่ยังผงาดของตัวเองจ่อไปยังช่องทางด้านหลังของแฟร์อีกครั้งพร้อมกับสอดใส่เข้าไปทีเดียวจนมิดด้าม

ร่างบางร้องด้วยความเจ็บปวดออกมาจนสุด จังหวะและเสียงการกระทำที่หยาบโลนยังคงดำเนินต่อไปเรื่อยๆ ท่ามกลางเสียงร้องอย่างทรมานของคนถูกกระทำ

แฟร์หมดสติไปหลังจากที่ราชันย์พยายามขืนใจเขาเป็นครั้งที่สามหยาดน้ำตาที่นองไปทั่วหน้าทำให้ซาตานร้ายอย่างราชันย์ถึงกับชะงัก ร่างสูงทอดมองไปยังใบหน้าของคนใต้ร่างด้วยความรู้สึกที่หลากหลายหากแต่ราชันย์ก็ยังคงฝืนร่างกายของร่างบางจนกระถึงตัวเองเสร็จสม

ร่างสูงถอนกลางกายออกก่อนจะทิ้งตัวลงนอนข้างๆ ร่างบางพร้อมกับจูบซับไปยังหางตาของอีกฝ่ายอย่างหวงแหน

“มึงเกลียดแต่กูรัก…กูจะไม่ยอมปล่อยให้มึงตกเป็นของคนอื่นเด็ดขาด…แฟร์” ราชันย์เอ่ยก่อนจะดึงตัวคนหมดสติเข้ามากอดพลางหลับไหลตามไปในที่สุด





แพขนตาของร่างบางขยับไหว ดวงตากลมลืมขึ้นท่ามกลางความเจ็บที่แล่นเข้าปะทะอย่างจัง แฟร์ขยับตัวก่อนจะรู้สึกได้ว่ามีลำแขนแกร่งของราชันย์โอบกอดตัวเขาอยู่ ร่างบางจับแขนราชันย์ออกให้พ้นตัวก่อนจะพยายามลุกขึ้นจากเตียงให้เงียบที่สุ

เรียวขาเล็กห้อยลงข้างเตียงก่อนคนเป็นเจ้าของจะทำใจอยู่พักใหญ่เพื่อลงแรงเหยียบ ความเจ็บอย่างมหาศาลตรงเล่นงานทันทีที่แฟร์ลุกยืนขึ้น ขาเล็กสั่นระริกจนน้ำตาเล็ดความชื้นแฉะที่ไหลลงอาบไปทั่วโคนขาทำให้ร่างบางกัดริมฝีปากแน่นก่อนจะก้มลงเก็บกางเกงของตัวเองขึ้นพร้อมกับสวมใส่มันอย่างยากลำบาก

แฟร์เดินไปเปิดตู้เสื้อผ้าของราชันย์พลางหยิบเสื้อเชิ้ตออกมาสวม ด้วยความที่ไซค์ของร่างสูงต่างจากเขาอยู่มากทำให้ชายเสื้อที่แฟร์ใส่ยาวจนเกือบถึงหัวเข่าของเขา ร่างบางมองทอดไปยังอีกคนที่หลับอยู่บนเตียงด้วยความโกรธก่อนจะเคลื่อนสายตามองไปยังหน้าปัดนาฬิกาที่บอกเวลาห้าทุ่ม

เขาสลบไปเกือบหกชั่วโมง…

แฟร์เคลื่อนตัวก้าวเดินออกจากห้องนอนของราชันย์มาก่อนจะเก็บกระเป๋าของตัวเองขึ้นและเดินออกจากห้องไปอย่างยากลำบาก ทุกการเคลื่อนไหวเสียดสีจนแฟร์แทบอยากจะร้องไห้ ความทรมานบนร่างกายที่ว่าเจ็บยังไม่เท่าความเจ็บที่หัวใจของเขาได้รับเลยสักนิด

ร่างบางวางจดหมายลาออกตรงประตูทางเข้าห้องบุคคลเพื่อหวังจะให้มินตราจัดการต่อก่อนจะออกมาโบกแท๊กซี่เพื่อไปยังสถานที่แห่งหนึ่ง

มือเล็กเคาะไปยังประตูห้องตามที่อยู่ที่อีกฝ่ายเคยให้ไว้เมื่อครั้งเจอกันที่งานถ่ายแบบของชานนท์ที่บริษัทราชันย์ ก่อนเจ้าของห้องจะเปิดประตูออกมาด้วยใบหน้าตกใจที่เห็นสภาพของเขา

“กูขอนอนด้วยคนสิ” แฟร์เอ่ยบอกก่อนใบหน้าซีดเผือดนั้นจะพยายามฉีกยิ้มกลับไปให้ภีมวิทธิ์อย่างอิดโรย

“แฟร์มึงไปโดนอะไรมา!” ภีมตรงเข้าประคองร่างบางก่อนที่เจ้าตัวจะพยายามบอกอีกฝ่ายกลับ

“ภีม…กู…”

“เห้ย!”

แฟร์ทรุดฮวบลงเสียตรงนั้นจนภีมร้องเสียงหลง ร่างโปร่งพยายามประคองตัวเพื่อนสนิทเอาไว้ก่อนจะใช้มืออีกข้างวางทาบไปบนหน้าผากเล็ก

ภีมสบถออกมาอย่างหัวเสียเมื่อรู้ว่าแฟร์มีไข้ เจ้าของห้องอย่างเขาพยายามแบกอีกฝ่ายขึ้นพร้อมกับเดินเข้าห้องนอนของตัวเองไปก่อนจะจัดการหากะละมังใบเล็กเพื่อใส่น้ำและเช็ดเนื้อตัวที่เต็มไปด้วยร่องรอยเหมือนกันกับเขาเมื่อครั้งถูกร่างสูงอีกคนรังแก ร่างโปร่งของภีมถอนหายใจออกมาอย่างหนักเมื่อรู้ว่าแฟร์โดนอะไรมาก่อนที่เขาจะอาสาทำความสะอาดร่างกายของเพื่อนคนนี้ให้จนอีกฝ่ายที่เอาแต่เพ้อตะโกนออกมาด้วยความกลัวสงบลงในที่สุด



TBC..............
----------------------------------------------------
และแล้วน้องแฟร์ก็ถูกตะครุบจนได้
#ราชันย์มันหวง #ราชันย์มันบ้า #ราชันย์มันไร้เหตุผล!! T^T
คอยดูว่าอีเฮียมันจะทำยังไงต่อ มันจะง้อน้องยังไง เหอะ!!!
เป็นกำลังใจให้นักเขียนโดยการเม้นท์ด้วยนะคะ


 :jul1: :jul1: :jul1: :jul1: :jul1:

ออฟไลน์ TachibanaRain

  • มาโกโตะเทนชิ
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2402
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +76/-3
เป็นพระเอกที่น่าถีบจริงๆ

ออฟไลน์ som

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2708
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +230/-2
บอกตรงๆนะ  อยากจะกระโดดถึบราชันย์จริงๆ 

ออฟไลน์ Laliat

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 253
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
พระเอกแต่ล่ะคนน่าจะถูกตอนทิ้ง

ออฟไลน์ fay 13

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5635
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +286/-44

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ cheepoke

  • ^_^\/ สู้ๆ ฮู้เล่ๆ
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 78
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
    • https://www.facebook.com/BlueGusten.FictionY/


CHAPTER 15


ลำแขนแกร่งกวาดไปทั่วพื้นที่บนเตียงข้างกายเพื่อหาร่างบางที่เขาได้ยัดเยียดความเป็นเจ้าของให้เมื่อคืนก่อนร่างสูงจะลืมตาตื่นเมื่อบนเตียงเหลือเพียงแค่เขาที่ยังนอนอยู่เพียงเท่านั้น

เจ้าของห้องพรอดพราดลุกออกจากเตียงก่อนจะเดินหาร่างบางของแฟร์จนทั่วห้อง ทั้งห้องน้ำ ห้องครัวหรือแม้กระทั่งห้องรับแขกก็ไม่มีวี่แววของคนที่เพิ่งจะโดนทำร้ายไปเมื่อคืนเลยสักนิด

ราชันย์กุมขมับก่อนจะตะโกนกร้าวออกมาจนสุดเสียง อารมณ์และความโกรธเมื่อวานหายไปจนหมดเหลือไว้แต่เพียงความรู้สึกผิดที่อยากจะเอื้อนเอ่ยคำขอโทษออกมาจากใจจริงให้อีกฝ่ายได้รับรู้เพียงแต่ในเวลานี้แฟร์กลับหายไปไม่อยู่รอฟังคำนั้นจากเขาก่อน

ร่างสูงก้าวเท้าเดินเข้าไปในห้องนอนอีกครั้ง แววตาคมสบเข้ากับรอยเลือดที่เปรอะเปื้อนบนเตียงด้วยหัวใจกระตุกวูบ

เขาเป็นคนแรกของแฟร์…

คำพูดที่กล่าวหาและว่าร้ายเสียดแทงใจอีกฝ่ายเมื่อคืนย้อนกลับมาทำร้ายใจของร่างสูงให้ดำดิ่งลงสู่การโทษตัวเองอย่างที่ไม่มีสิ้นสุด ก่อนมือหนาจะคว้าเอาเสื้อของอีกฝ่ายที่ขาดหวิ่นตกอยู่ข้างเตียงขึ้นมากุมเอาไว้ด้วยใบหน้าเศร้าและดวงตาที่เอ่อไปด้วยน้ำใส

“คุณระ…!!” มินตราที่พรอดพราดเข้ามาชะงักเพราะร่างสูงที่เปลือยท่อนบนนั่งอยู่บนเตียงก่อนที่สายตาของเธอจะปะทะเข้ากับรอยเปื้อนที่เด่นหรานั่นอย่างจัง

“มีอะไร” ราชันย์เอ่ยเสียงเรียบก่อนจะวางเสื้อของแฟร์ไว้และลุกเดินมาหาอีกคน

“คือ…นั่นมันรอยละ…เลือดไม่ใช่เหรอคะ” พนักงานสาวพยายามมองและถามเจ้าของห้องกลับ

“มีอะไรมิน” ราชันย์ไม่ตอบหากแต่ร่างสูงกลับถามคำถามเดิมย้ำเสียงดุ

“คือว่าน้องแฟร์ค่ะ…น้องแฟร์ทิ้งจดหมายลาออกนี้ไว้หน้าประตูแผนกของมินคุณราชันย์ทราบเรื่องหรือยังคะ” มินตราสะดุ้งก่อนเธอจะชูซองจดหมายที่เก็บได้ให้อีกฝ่ายดู

“อืม” ราชันย์ตอบ

“แล้ว?”

“เรื่องนี้ผมจะจัดการเองคุณยังไม่ต้องทำอะไรเพราะผมยังไม่ได้อนุญาตให้เขาออก” ร่างสูงเอ่ยก่อนจะเดินไปยังตรงหน้าของอีกฝ่ายจนมินตราต้องถอยหลังจากห้องนอนออกมาหากแต่ปากเล็กของหญิงสาวก็ถามขึ้นไม่หยุด

“ได้ค่ะ ละ…แล้ว รอยนั่น…”

“อย่ายุ่งเรื่องส่วนตัวของผม”

“แต่ว่ามัน…”

“ออกไปก่อน” ราชันย์บอกในขณะที่ทั้งคู่เดินพ้นออกมาแล้วและร่างสูงก็เอื้อมมือดึงประตูห้องนอนปิด

“คะ?”

“ออกไปก่อน!” ราชันย์ตวาดกลับเมื่อมินตรายังทำหน้าอยากรู้อยากเห็นไม่หยุด

“ค่ะๆ” ร่างโปร่งของหญิงสาวตอบพัลวันก่อนจะหันหลังกลับแต่แล้วเสียงทุ้มจากเจ้าของห้องก็ดังขึ้น

“เดี๋ยว!” หญิงสาวหันกลับไปก่อนจะถูกราชันย์หมายหัวกลับมา

“ขืนคุณเอาเรื่องผมไปเม้าท์เตรียมตัวขนของออกไปได้เลย”

“ค่ะ…มินจะไม่เล่าขอโทษที่ยุ่งเรื่องส่วนตัวคุณราชันย์นะคะมินไม่ได้เอ่อ…ตั้งใจ” พนักงานสาวสารภาพผิด

“ออกไปเถอะผมอยากอยู่คนเดียว” ราชันย์มองหน้าอีกคนกลับเพียงครู่ก่อนจะออกปากเชิญให้ออกไป

มินตรามองเจ้านายของตัวเองที่มีท่าทีเปลี่ยนไปอย่างสงสัย หญิงสาวหันหลังกลับก่อนจะเดินออกจากห้องไปในขณะที่เจ้าของห้องยังคงนั่งนิ่งอยู่บนโซฟาเพราะรู้สึกผิดไม่หาย




[ดีขึ้นบ้างหรือยัง] เสียงของภีมที่ดังผ่านโทรศัพท์ไร้สายตั้งโต๊ะภายในห้องนอนของเจ้าตัวเพราะแฟร์ดันปิดเครื่องทำให้ร่างบางที่เพิ่งจะตื่นเมื่อช่วงสายของวันตอบกลับเสียงแหบ

“อืมก็ดีขึ้นนิดหน่อยแล้ว”

[ยาเก่าที่กูกินไม่หมดวางอยู่บนตู้เย็นนะเอ่อ…ยาทาก็อยู่ที่นั่นด้วย ขอโทษที่กูต้องมาทำงานเลยไม่ได้อยู่ดูแลมึง] ภีมตะขิดตะขวงใจที่จะบอกรายละเอียดของยาก่อนแฟร์จะหน้าร้อนผ่าวขึ้นอย่างนึกอายเมื่อผู้ชายสองคนต้องมาพูดเรื่องอะไรแบบนี้

“ไม่เป็นไรแค่กูมารบกวนมึงกูก็เกรงใจจะแย่” แฟร์ตอบกลับ

[ห่า! เรารู้จักกันมากี่ปียังจะมาเกรงใจไม่เข้าเรื่องอีก] ภีมเอ็ด

“ก็กูเกรงใจจริงๆ นี่นา”

[ไม่ต้องเกรงใจอะไรทั้งนั้น! นี่กูทำข้าวต้มวางไว้ให้มึงบนโต๊ะข้างนอกด้วยนะเดินออกมากินเองได้ใช่มั้ย] ปลายสายถาม

“ขอบใจมากเดี๋ยวกูจะพยายามออกไปกิน” ร่างบางตอบกลับไปก่อนจะค่อยๆ ยันตัวลุกขึ้นพลางหย่อนขาลงข้างเตียง

[แฟร์…]

“มีอะไร” แฟร์ตอบกลับเมื่อจู่ๆ ปลายสายก็พูดด้วยน้ำเสียงจริงจังขึ้น

[คุณราชันย์ใช่มั้ย]

ร่างบางชะงักแรงที่กำลังจะส่งไปยังเท้าเพื่อยันตัวเองให้ลุกขึ้นยืนก่อนที่ปลายสายจะพูดด้วยน้ำเสียงเป็นห่วงกลับมาอีก

[ความจริงกูก็ไม่ได้อยากรื้อฟื้นอะไรมึงหรอกแต่กูแค่อยากจะบอกว่า...มึงอย่าจมปรักอยู่กับเรื่องนี้เลยนะ] ภีมว่าก่อนแฟร์จะปิดพับเปลือกตาพลางถอนหายใจแล้วตอบกลับไป

“กูรู้…มึงวางใจได้เพราะกูยังมีเรื่องอื่นที่ต้องคิดมากกว่าเรื่องนี้อีกเยอะ” ว่าเสร็จร่างบางก็พาตัวเองเดินโซซัดโซเซเข้าห้องน้ำไปอย่างยากลำบาก

[อื้มไว้กูจะรีบกลับนะแฟร์] อีกฝ่ายพูดด้วยน้ำเสียงเบาใจลงไปก่อนที่แฟร์จะตอบกลับไปบ้าง

“ได้ๆ ขอบใจมาก”

ร่างบางวางสายจากเจ้าของห้องที่ออกไปทำงานก่อนจะจ้องมองตัวเองบนกระจกเงาที่สะท้อนกลับมาเบื้องหน้าด้วยแววตาไร้ซึ่งความสุข แฟร์เปิดน้ำก่อนจะรองมันด้วยมือทั้งสองข้างและตบเข้ากับหน้าตัวเองไปหลายที สายน้ำที่เย็นสบายหากแต่มันกลับเจ็บเข้าถึงกระดองใจเขาทุกครั้งที่ใช้ฟาดปะทะสามารถเตือนสติของร่างบางได้เป็นอย่างดีว่าเรื่องราวที่ผ่านมาเมื่อคืนนั้นไม่ใช่ความฝันและมันเป็นความจริง…ความจริงที่ว่าเขาได้ถูกผู้ชายที่กำลังมีความรู้สึกดีๆ ให้ทำร้ายให้เจ็บช้ำจนไม่มีชิ้นดี!

“คุณเข้ามาในนี้ได้ยังไง!”

เสียงใครคนหนึ่งแล่นเข้าสู่โสตประสาทของร่างบางที่กำลังหลับใหลอยู่ในห้องนอนอันมืดสนิทหลังจากที่เขาตื่นขึ้นมาเพื่อทานข้าวต้มฝีมือเพื่อนเมื่อตอนบ่ายพร้อมทั้งกินยาและทายาตามที่อีกคนบอกก่อนจะกลับมานอนอีกครั้งจนตอนนี้เวลาก็ล้วงเลยไปกว่าทุ่มครึ่งแล้ว

“อย่าพูดมากมึงแอบซุกใครไว้ที่นี่!!” เสียงของใครอีกคนดังลั่นจนแฟร์เปิดเปลือกตาขึ้นด้วยความงัวเงีย

“ซุกใครไว้!? ผมไม่ได้ซุกใครไว้ทั้งนั้นออกไปเดี๋ยวนี้” เสียงนี้เป็นของภีมร่างบางจำมันได้เป็นอย่างดี

“กูไม่ออก! รองเท้าผู้ชายที่วางอยู่หน้าห้องของใคร!!” แต่เสียงนี้แฟร์กลับไม่เคยได้ยิน ร่างบางตัดสินใจลุกขึ้นเดินไปยังประตูห้องนอนพร้อมกับแนบหูลงกับมันเพื่อฟังบทสนทนาของคนทั้งคู่อย่างเงียบๆ

“ของผม!”

“มึงไม่ได้ใส่ไซส์นี้อย่านึกว่ากูไม่รู้นะภีม!”

“คุณจอมพลผมเจ็บนะ!!” ชื่อที่หลุดออกมาทำให้แฟร์ที่แอบฟังอยู่หายใจไม่ทั่วท้องทันที

จอมพลเพื่อนของราชันย์!!

“บอกกูมาว่ามึงซุกใครไว้!!”

“ก็บอกว่าไม่มีไง!”

“จะบอกไม่บอก!” เสียงของจอมพลเต็มไปด้วยการคาดคั้นเช่นเดียวกับราชันย์ไม่มีผิด! แต่เสียงภีมกลับเงียบไม่ยอมตอบจนอีกฝ่ายตวาดลั่นออกมาอีก

“ไม่บอกใช่มั้ย! ได้!!”

“อ่ะ! คุณจะทำอะไร! อื้อออ”


เสียงโวยวายของภีมขาดหายไปทันทีก่อนแฟร์จะตัดสินใจเปิดประตูออกไปเพราะกลัวว่าจอมพลจะทำอะไรร่างโปร่งเพื่อนของเขาอีก แต่แล้วภาพตรงหน้าที่เห็นกลับเป็นร่างสูงของผู้ชายเรือนผมสีดำสนิทกำลังครอบครองริมฝีปากของภีมวิทธิ์อย่างดูดดื่มและร้อนแรง

ร่างโปร่งของภีมที่ได้ยินเสียงคนเปิดประตูออกมาก็รู้ทันทีว่าเป็นแฟร์ก่อนที่เขาจะพยายามผลักแผงอกแกร่งของจอมพลออกจนสุดแรง

“ฟะ…แฟร์! คือกู…” ภีมละล่ำละลักคำพูดออกมาเป็นพัลวัน ร่างโปร่งเช็ดริมฝีปากตัวเองด้วยหลังมือไปมาก่อนร่างบางจะจ้องร่างสูงที่จ้องเขากลับด้วยสายตาไม่เป็นมิตรเช่นเดียวกันอยู่ไม่ไกล

“คุณเป็นใคร?” แฟร์ถามก่อนที่ผู้ชายใบหน้าหล่อเหลาหากแต่กลับแฝงไปด้วยความไม่พอใจเป็นอย่างมากนี้จะสวนขึ้นทันควัน

“กูต้องเป็นฝ่ายถามมึงต่างหากว่ามึงเป็นใครแล้วมาอยู่ในห้องเมียกูได้ยังไง!” จอมพลตะโกนกร้าวจนภีมวิทธิ์ที่ยืนอึ้งเพราะสรรพนามที่อีกฝ่ายใช้เรียกตัวเองจะเอ็ดกลับเป็นการใหญ่

“หยุดพูดแบบนี้สักทีเถอะคุณจอมพล!!”

“กูไม่หยุด! กูพูดผิดตรงไหนก็ไอ้นี่มันอยู่ในห้องของเมียกูจริงๆ!!” ร่างสูงว่าพลางย่างสามขุมเข้าไปหาแฟร์แต่กลับถูกภีมห้ามไว้ก่อน

“แฟร์มึงกลับเข้าไปพักผ่อนเถอะเดี๋ยวกูเคลียร์กับเขาเอง” ร่างโปร่งหันบอกแฟร์ที่นิ่งอึ้งเพราะคำพูดของอีกฝ่ายก่อนที่ร่างบางจะพยักหน้าเข้าใจและหันหลังกลับหากแต่คำพูดของจอมพลกลับฉุดแฟร์เอาไว้ก่อน

“ขืนมึงกล้าเดินเข้าไปกูจะไม่ใจดีแล้วนะเว้ย!!” แฟร์เสมองคนข้างหลังที่เดือดดาลไม่ฟังใครก่อนจะแสยะยิ้ม ร่างบางไม่คิดเลยว่าทุกอย่างที่ร่างสูงทำมันจะชัดเจนเสียยิ่งกระไรก่อนจะทำท่าเดินกลับเข้าไปในห้องหากทว่าจอมพลที่พยายามผละตัวออกจากภีมได้สำเร็จกลับตรงเข้ามากระชากเขาจนล้มลงพร้อมกับตามมาคร่อมไว้ก่อนร่างสูงจะง้างหมัดจนคนข้างใต้หลับตาปี๋

“อย่า! แฟร์มันเป็นเพื่อน! เขาเป็นเพื่อนของผม!!” ภีมตะโกนบอกความจริงก่อนจะตรงเข้ายื้อจอมพลสุดแรง

ร่างสูงมองใบหน้าของคนใต้ร่างอีกทีชัดๆ ก่อนที่แฟร์จะลืมตาขึ้นเมื่อหมัดที่เห็นเมื่อครู่ไม่ได้ถูกส่งให้ปะทะหน้าตัวเองแต่อย่างใด

“มึงมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง” ร่างสูงจ้องหน้าของแฟร์พลางถามกลับ

คนถูกถามขมวดคิ้วสงสัยก่อนที่คำถามต่อมาของจอมพลจะยิ่งทำให้เขาอึ้งจนพูดไม่ออก

“มึงเป็นเลขาฯ ของไอ้ชันย์ไม่ใช่? แล้วมึงมาอยู่ที่นี่ได้ยังไงกัน?”

“!!”

“คุณรู้จักผมได้ยังไง” ทั้งสามคนนั่งลงตรงโซฟาก่อนที่แฟร์จะเปิดประเด็นถามขึ้นเมื่อเขาและจอมพลไม่เคยเจอกันมาก่อนหากแต่อีกฝ่ายกลับรู้จักเขาเสียได้

“ไอ้ชันย์มันเคยให้ฉันสืบประวัติของนายหลังจากวันที่มันจับตัวของนายผิดไป” ร่างสูงตอบกลับอย่างไม่กั๊ก

“คุณรู้เรื่องที่เขาทำ?” แฟร์ถามอย่างสงสัย

“ทำไมจะไม่รู้ก็พวกฉันทำมันด้วยกัน”

“!!” ร่างบางเบิกตาโพรงเมื่อเข้าใจมาโดยตลอดว่าราชันย์ทำเรื่องแบบนี้เพียงคนเดียว

“แต่วางใจได้เพราะครั้งที่นายถูกจับตัวไปมันเป็นครั้งอำลา”

“อำลา?”

“หมายถึงครั้งสุดท้ายที่ทำไง” สิ่งที่จอมพลบอกทำเอาแฟร์ถึงกับตัวชาวาบ ร่างบางจ้องคนตรงหน้าไม่หยุดก่อนจะเถียงออกมาเมื่อสิ่งที่อีกฝ่ายพูดมันขัดกับสิ่งที่เขาเจอเป็นอย่างมาก

“เป็นไปไม่ได้! แล้วที่เขาบอกกับผมว่าจะจับตัวนนท์ไปอีกล่ะถ้าผมไม่ยอมไปทำงานกับเขามันคืออะไร!?”

“หึ! ฉันไม่รู้เลยนะว่ามันจะใช้วิธีนี้เพื่อให้นายเข้าใกล้” เสียงทุ้มหัวเราะให้กับความคิดเพื่อนตัวเองก่อนที่คนถูกกระทำอย่างแฟร์จะถามกลับเมื่อยังไม่เข้าใจ

“คุณหมายความว่าไง”

“ก็ไอ้ชันย์น่ะมันไม่สนใจใครง่ายๆ หรอกถ้าคนๆ นั้นไม่ได้ทำให้มันรู้สึกอะไรด้วย ตั้งแต่แรก ฉันเองก็ไม่รู้หรอกนะว่านายไปทำอะไรให้มันฝังใจจนเอาคำขู่พวกนั้นมาหลอกให้นายเข้าใกล้น่ะ”

ร่างบางถึงกับอึ้งกิมกี่เมื่อได้รู้ ทำไมเรื่องพวกนี้ถึงได้ทำให้จุกจนพูดไม่ออกอย่างนี้นะ! ราชันย์เห็นเขาเป็นอะไรถึงได้หลอกกันมากมายขนาดนี้!!

“แล้วที่คุณบอกว่าครั้งที่จับตัวผมไปคือครั้งสุดท้ายเป็นเรื่องจริงใช่มั้ย” ร่างบางถามย้ำแม้ว่าใจจะยังสั่นเพราะรู้ความจริงมากมายจากปากของจอมพลหากแต่แฟร์ก็ยังเป็นห่วงอีกคนไม่หาย

“ฉันจะนั่งโกหกนายทำไมให้เสียเวลา”

“แสดงว่าพวกคุณจะไม่จับตัวนนท์ไปอีกใช่มั้ย”

“หยุดแล้วก็คือหยุด ไม่กลับไปทำอีกแน่นอน” ร่างสูงให้คำมั่นก่อนภีมที่เงียบฟังพวกเขาอยู่นานจะถามขึ้น

“เดี๋ยวนะนี่กำลังพูดเรื่องอะไรกันอยู่เหรอ” ร่างโปร่งไม่เข้าใจในสิ่งที่ทั้งคู่พูดจนจอมพลและแฟร์ต้องเริ่มบอกให้อีกฝ่ายรู้ใหม่ตั้งแต่ต้นจนจบ

“เรื่องมันก็เป็นแบบนี้…ไอ้ชันย์มันโกรธที่แพรวาหลอกใช้ความกว้างขวางของมันเพื่อรู้จักกับนักการเมืองรวมไปถึงนักธุรกิจหลายแขนงเพื่อจะได้หาเงินโดยการไปเป็นน้อยเขาหนำซ้ำผู้หญิงคนนี้ยังปลอมลายเซ็นต์ของมันยักยอกเงินจากบริษัทไปอีกตั้งหลายล้าน” จอมพลบอกถึงสาเหตุก่อนที่ภีมจะถามด้วยความไม่เข้าใจ

“เพราะเหตุนี้พวกคุณก็เลยตกลงกันสร้าง TAKE ขึ้นมา?”

“มันเป็นความคิดของไอ้ชันย์ฉันก็แค่ตามน้ำคอยช่วยเหลือมันก็เท่านั้น แต่ทุกครั้งที่ทำก็ไม่เคยต้องข่มขู่เพราะผู้หญิงพวกนั้นหิวเงินอยู่แล้วแต่กับนาย…ฉันไม่รู้ว่ามันทำอะไรไปบ้าง” จอมพลว่าพลางมองไปยังแฟร์ที่นิ่งเงียบก่อนที่ภีมวิทธิ์จะจ้องหน้าเขาอย่างคาดโทษ

ร่างโปร่งไม่ชอบการเอาเปรียบแบบนี้ถึงแม้ว่าจะไม่มีใครเคยขัดขืนเลยก็เถอะแต่ไอ้กิจกรรมยามว่างที่สองเพื่อนซี้นั่นเลือกทำมันก็ออกจะผิดแผลงไปจากคนปกติทั่วไปจนยากที่จะทำให้เขายอมรับ

“กูว่ากูทนฟังไม่ได้แล้วว่ะขอตัวนะ” ร่างโปร่งเอ่ยกับแฟร์อย่างหัวเสียก่อนจะเดินเปิดประตูออกไปรับลมข้างนอกระเบียง

จอมพลมองตามการกระทำของอีกฝ่ายก่อนจะลุกเพื่อหมายจะตามออกไปหากแต่แฟร์กลับยื้อไว้ก่อน

“เดี๋ยว” ร่างบางเอ่ยก่อนที่ร่างสูงจะนั่งลงตามเดิม

“ก่อนที่คุณจะออกไปผมขอถามอะไรคุณสักหน่อยจะได้มั้ย”

“ว่ามาสิ”

“คุณรู้สึกยังไงกับเพื่อนของผม” สิ้นเสียงของคำถามจอมพลก็เอาแต่เงียบไม่ยอมตอบหากทว่าแววตาของอีกฝ่ายที่มองออกไปยังร่างโปร่งที่ยืนอยู่ด้านนอกกลับทำให้ร่างบางเข้าใจอะไรบางอย่างขึ้นมาอย่างไม่ต้องสงสัย

“ผมว่าคุณน่าจะมีคำตอบอยู่แล้วในใจฉะนั้นก็ทำดีกับมันหน่อย” แฟร์บอกก่อนที่จอมพลจะเผยรอยยิ้มร้ายออกมาเมื่อถูกเขาอ่านออก

“พูดแบบนี้อยากให้ฉันไปบอกให้ไอ้ชันย์มันทำดีกับนายด้วยมั้ยล่ะ” จอมพลแกล้งอำก่อนร่างบางจะเผยความคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ออกมา

“ผมกำลังจะขอร้องคุณเรื่องนี้อยู่พอดีเหมือนกัน” แฟร์จ้องจอมพลนิ่งพลางถอนหายใจแล้วพูดออกมา

“อย่าบอกเขาว่าคุณเจอผมที่นี่…ผมขอร้อง” ร่างบางขอร้องกลับก่อนร่างสูงที่นั่งอยู่อีกฝั่งจะตอบออกมา

“ฉันจะไม่รับปากในสิ่งที่ตัวเองทำไม่ได้ นายก็น่าจะรู้ว่ามันเป็นเพื่อนของฉันถ้ามันอยากรู้ฉันก็จะบอก”

“ถ้าอย่างนั้นผมขอแค่สองวัน…สองวันต่อจากนี้อย่าเพิ่งบอกให้เขารู้นะครับถือว่าช่วยผมสักครั้ง” ร่างบางขอร้องกลับไปอีกก่อนที่ร่างสูงตรงหน้าจะมองอีกฝ่ายด้วยความสงสัยหากแต่ก็ยอมทำตามในที่สุด

“ได้ฉันจะทำตามที่นายขอ”



“ขอบใจมากนะที่ให้กูพักคอนโดมึงแถมยังมาส่งที่นี่อีก” แฟร์เอ่ยก่อนจะมองไปยังจอมพลที่มองมาด้วยใบหน้าบึ้งตึงอยู่ข้างหลังเพื่อนของเขา เนื่องจากร่างสูงคนนี้ขอค้างที่คอนโดของภีมเมื่อคืนด้วยเหตุผลที่ว่า…กลัวพวกเขาจะมีอะไรกัน!

ให้ตายเถอะ! ไม่รู้ว่าคนที่มีอายุมากกว่าพวกเขาถึงสามปีคิดแบบนี้ได้ยังไง สุดท้ายภีมก็จัดที่นอนให้กับอีกฝ่ายที่โซฟาในห้องรับแขกซึ่งจอมพลเองก็โวยวายอยู่พักใหญ่กว่าจะจบลงด้วยการที่เขาแย่งเข้ามานอนบนพื้นในห้องนอนได้สำเร้จ

“ไม่เป็นไรคอนโดกูเปิดรับมึงทุกเมื่อมึงจะมาเมื่อไหร่ก็ได้” ภีมว่าก่อนจอมพลจะกระแอมไอขึ้นมาอย่างไม่เห็นด้วย

“กูคงมาบ่อยไม่ได้ว่ะเจ้าที่คอนโดมึงแม่งแรง” แฟร์ว่าก่อนร่างโปร่งจะเบิกตาโพรงพลางว่าเขากลับ

“ห่าแฟร์! มึงอย่าพูดแบบนี้อีกนะ” ภีมบ่นออกมาก่อนจะเสมองไปทางคนข้างหลังอย่างอารมณ์เสียเพราะเช้านี้จอมพลก็ติดสอยห้อยตามเขามาส่งแฟร์ขึ้นรถที่สถานนีขนส่งด้วย

“กูแค่แซวเล่นอย่าคิดมากดิเพื่อน” แฟร์ว่าก่อนจะตบไหลภีมกลับเบาๆ

“มึงลองตกที่นั่งเดียวกับกูมั้ยล่ะอย่างกับนักโทษ!” ภีมว่าก่อนจอมพลจะเดินเข้ามาประชิดตัวเขาทางด้านหลังเมื่อรู้สึกได้ว่าพวกเขากำลังนินทาเขาอยู่เบาๆ

“กูก็ไม่ต่างจากมึงหรอก…ไปนะดูแลตัวเองด้วย” ร่างบางบอกก่อนจะโบกมือให้พร้อมกับก้าวขึ้นรถโดยสารเพื่อไปกาญจนบุรีทันที

“มึงก็ด้วยนะ” ภีมว่าก่อนจอมพลจะกระชากแขนเขาพร้อมกับลากกลับไปที่รถตามเดิม

แฟร์มองภาพนั้นอย่างนึกขำ จอมพลเป็นคนที่ดูจิตใจดีกว่าราชันย์มากแม้ว่าร่างสูงคนนี้จะร้ายกับเพื่อนของเขามาก่อนก็เถอะแต่จอมพลก็ชัดเจนกว่าราชันย์เยอะผู้ชายคนนี้มองออกง่ายกว่าอีกคนที่มองเท่าไหร่ก็มองไม่ออก

หากเปรียบเทียบความร้ายของจอมพลอยู่ที่เลเวลสิบราชันย์ก็คงนำหน้าอีกคนอยู่ที่เลเวลยี่สิบอย่างแน่นอน!!



TBC.....
---------------------------------------------
#หงอยเลยค่ะราชันย์คนเก่ง!!
ตอนนี้แอบเอาความน่ารักของอีกคู่มาฝาก
รอลุ้นความเข้มข้นของเรื่องนะคะ ตอนหน้าเหตุการณ์จะกลับไปที่บทนำแล้วนะ!!
เราจะได้รู้ว่าน้องแฟร์โกรธอะไรราชันย์ขนาดที่ว่าจะขอตายจากไปเลย
ง่อลลลลล งานดราม่าก็มาาาาาา T^T
แต่ไม่เยอะค่ะ ทนๆ อ่านหน่อยนะ ^^

 :o12: :o12: :o12: :o12: :o12: :o12: :o12:

ออฟไลน์ som

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2708
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +230/-2
อีกคู่ไม่ได้ไปอ่านเรื่องหลักเลย แต่มีความรู้สึกว่ามุ้งมิ้งมาก  ดูแล้วท่าจะกลัวเมียนะอีกคู่นะ  แต่กับราชันยื  สมน้ำหน้า  คำนี้คำเดียวเลย

ออฟไลน์ cheepoke

  • ^_^\/ สู้ๆ ฮู้เล่ๆ
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 78
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
    • https://www.facebook.com/BlueGusten.FictionY/
อีกคู่ไม่ได้ไปอ่านเรื่องหลักเลย แต่มีความรู้สึกว่ามุ้งมิ้งมาก  ดูแล้วท่าจะกลัวเมียนะอีกคู่นะ  แต่กับราชันยื  สมน้ำหน้า  คำนี้คำเดียวเลย


ไปอ่านแล้วอาจจะลืมคำว่ามุ้งมิ้งไปเลยก็ได้นะคะ เตรียมใจไว้ก่อนๆ
ปล.ราชันย์เป็นคู่หลักค่ะ ส่วนจอมพลเป็นเรื่องที่สอง

 :laugh: :laugh: :laugh: :laugh: :laugh: :laugh:

ออฟไลน์ Gato88

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 22
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
เห้อออออออออออออออออออออออออ :เฮ้อ: :เฮ้อ:

ออฟไลน์ ่jum

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3704
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-4
ตอนนี้รวม 2 คู่เลย  :katai2-1:

ออฟไลน์ fay 13

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5635
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +286/-44
 :mew1: :mew1: :mew1:

ออฟไลน์ cheepoke

  • ^_^\/ สู้ๆ ฮู้เล่ๆ
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 78
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
    • https://www.facebook.com/BlueGusten.FictionY/


CHAPTER 15




แฟร์เดินเข้าไปใน 'ทิวากรรีสอร์ท' หลังจากนั่งรถต่อจากสถานีขนส่งเพื่อมาสอบถามข้อมูลในการตามหาพ่อของตัวเองเพราะอย่างน้อยๆ ร่างบางก็เชื่อว่าทางฝ่ายคู่กรณีอย่างเจ้าของที่นี่ก็คงไม่ใจจืดใจดำจนไม่หยิบยื่นความช่วยเหลือให้กับพ่อของเขา

ร่างบางเดินตรงไปยัง Receptionist ก่อนที่พนักงานสาวจะส่งยิ้มให้เขาพลางถามขึ้น

“ได้ทำการจองห้องพักไว้หรือยังคะหรือสะดวกจะจองตอนนี้ทางเรามีโปรโมชั่นพิเศษสำหรับผู้ที่มาท่านเดียวคือฟรีมื้ออาหารเย็นสุดพิเศษที่ทางเราได้เตรียมไว้ให้ค่ะ” หญิงสาวพูดเร็วเสียจนแฟร์ไม่รู้จะขัดตรงไหนก่อนร่างบางจะยิ้มแหยๆ พร้อมตอบกลับไปเสียงอ้อมแอ้ม

“เอ่อ…คือผมไม่ได้มาพักที่นี่หรอกครับผมมาหาคุณอรวรรณ” คนตรงหน้าทำสีหน้าสงสัยก่อนที่เธอจะถามกลับมาอีก

“ไม่ทราบว่าได้นัดท่านเอาไว้หรือเปล่าคะ”

“ไม่ได้นัดครับพอดีผมมีเรื่องที่จะมาสอบถามจากท่านนิดหน่อย” ร่างบางตอบอย่างสัตย์จริง

“รอสักครู่นะคะ” พนักงานสาวยกหูโทรศัพท์เพื่อติดต่อไปยังใครคนหนึ่งก่อนที่เธอจะพูดกับปลายสายเพียงสามสี่ประโยคและวางสายไป

“คุณอรวรรณท่านไม่ว่างค่ะแต่ถ้าคุณลูกค้าอยากจะสอบถามอะไรอีกสักพักคุณทิวากรลูกชายของท่านจะออกมาตรวจเช็คความเรียบร้อยสะดวกจะรอมั้ยคะ” แฟร์ฟังสิ่งที่อีกคนบอกอย่างตั้งใจก่อนที่เขาจะพยักหน้ากลับ

“ครับผมจะรอ”

“ถ้าอย่างงั้นเชิญทางนี้เลยค่ะ” พนักงานสาวพาร่างบางเดินไปยังชุดโซฟารับแขกที่ตั้งอยู่ไม่ไกลก่อนจะเสิร์ฟเขาด้วยกาแฟและขนมเค้กอรอ่ยๆ อีกหนึ่งที่

ร่างบางนั่งรอนานเกือบชั่วโมงจนชักจะเบื่อเข้าไปทุกที แฟร์ปิดเครื่องโทรศัพท์เพราะรู้ดีว่าหากเปิดเครื่องตอนนี้ราชันย์ตามหาตัวเขาเจอแน่นอนมันเลยเป็นเหตุผลที่ทำให้เขาไม่มีอะไรพอจะเล่นฆ่าเวลาได้เลยนอกเสียจากนั่งอ่านหนังสือพิมพ์ไปแล้วกว่าสามฉบับ

แฟร์มองไปยังพนักงานต้อนรับคนเมื่อครู่ก่อนที่เธอจะทำเพียงยิ้มกลับมาอย่างรู้สึกผิดพลางมองไปตามทางเพื่อรอการมาของใครบางคนแทนเขา ร่างบางลุกขึ้นยืดเส้นยืดสายก่อนจะเดินชมทัศนียภาพของรีสอร์ทแห่งนี้อยู่สักพักจนกระทั่งมีเสียงฝีเท้าหนึ่งดังขึ้นจากทางด้านหลังพร้อมกับเสียงทุ้มที่เอ่ยทักมา

“คุณคือคนที่มาขอพบคุณแม่ของผมใช่มั้ยครับ” ชายหนุ่มภายใต้ชุดไปรเวทยี่ห้อดังถามก่อนที่ร่างบางของแฟร์จะหันมาสบตากับเขาอย่างจัง

ชายรูปร่างสูงไม่ต่ำกว่าร้อยแปดเซ็นติเมตรยิ้มให้ร่างบางกลับ คนตรงหน้ามีรูปร่างกำยำสมชายชาตรีจนแฟร์ถึงกับชะงักก่อนร่างบางจะเอ่ยกลับท่ามกลางสายตาของอีกฝ่ายที่มองเขาไม่วาง

“ครับ เอ่อ…ผมชื่อเสมอภาคหรือคุณจะเรียกว่าแฟร์ก็ได้” แฟร์แนะนำตัว

“ผมทิวากรครับหรือคุณแฟร์จะเรียกว่าทิวก็ได้”

“ครับคุณทิว” ร่างบางว่าหลังจากอีกฝ่ายแนะนำตัวกลับมาบ้าง

“แค่พี่ก็พอครับเราคงห่างกันไม่มาก” ทิวบอกก่อนจะส่งยิ้มให้แฟร์อีกครั้ง

“ผม 25”

“ส่วนผม 28”

“คะ…ครับพี่ทิว” แฟร์ตอบกลับก่อนจะตัดสินใจพูดเรื่องที่มาวันนี้ออกมา

“คือผมจะไม่อ้อมค้อมเลยนะครับที่ผมมาที่นี่เพราะอยากจะมาสอบถามเรื่องของใครบางคนจากแม่ของพี่”

“ครับ?” ทิวมีใบหน้าสงสัย

“มันอาจจะฟังดูแปลกสักหน่อยคือผมได้เห็นข่าวหนึ่งเมื่อหกปีก่อนที่คุณอรวรรณเธอขับรถชนคนเดินข้ามถนนคนหนึ่งน่ะครับซึ่งคนๆ นั้นคือพ่อของผม” แฟร์เล่าที่มาที่ไปก่อนทิวจะเบิกตาขึ้นราวกับเจอสิ่งที่ตามหามานาน

“แฟร์คือลูกของอานิกร!?” ร่างสูงว่าพลางโน้มตัวลงมาจ้องใบหน้าอีกคนนิ่ง

“ห๊ะ! อ่อ ครับ” แฟร์ตอบตะกุกตะกักร่างบางเอนตัวหนีใบหน้าของทิวที่โน้มลงก่อนคนตรงหน้าจะยืดตัวกลับ

“จริงใช่มั้ยแฟร์ไม่หลอกพี่นะ?” ทิวถามก่อนแฟร์จะล้วงกระเป๋าสตางค์ออกมาพร้อมกลับเปิดให้อีกฝ่ายดู

“ครับไม่เชื่อพี่ดูบัตรประชาชนผมได้” ร่างสูงคว้าเอากระเป๋าสตางค์ของอีกฝ่ายมาพลางจ้องไปยังบัตรที่แนบเอาไว้ข้างใน

“เสมอภาค พรรักษา” ทิวเอ่ยชื่อของแฟร์ก่อนจะเงยขึ้นถามอีกครั้ง

“แล้วทำไมถึงเพิ่งมาตามหาพ่อเอาตอนนี้ล่ะ” ร่างสูงว่าก่อนจะนั่งลงบนโซฟาเมื่อทั้งคู่ดูจะมีเรื่องให้คุยกันอีกนาน

“เรื่องมันยาวน่ะครับเอาเป็นว่าพี่ทิวพอจะรู้มั้ยว่าตอนนี้เขาอยู่ที่ไหน” แฟร์ว่าพลางเดินตามอีกฝ่ายและนั่งลงเช่นเดียวกัน

“คุณอาท่านไม่อยู่ที่นี่แล้วล่ะ” ทิวถอนหายใจก่อนจะเอ่ยออกมาเสียงเรียบจนแฟร์ที่จ้องเขาอยู่ถึงกับเอ่ยย้ำออกมาอย่างไม่เข้าใจ

“ครับ?”

“เสียใจด้วยนะแฟร์แต่อานิกรท่านเสียไปตั้งแต่เมื่อสองปีก่อนแล้ว” ร่างสูงบอกก่อนที่แฟร์จะชะงักกับเรื่องที่ได้ยิน

“สะ…เสียแล้ว?”

“ใช่ท่านเสียเพราะโรคประจำตัวพี่เสียใจด้วยจริงๆ นะ” ทิวบอกก่อนแฟร์จะมีสีหน้าสลดลงทันทีกระทั่งร่างบางนึกบางอย่างขึ้นได้จึงถามต่อ

“ละ...แล้วพี่ทิวรู้ได้ยังไงครับว่าพ่อของผมเสียแล้ว” แฟร์ถามก่อนทิวที่ลืมเล่าเรื่องบางอย่างออกไปจะนึกขึ้นมาได้

“จริงสิพี่ลืมเล่าให้เราฟัง…คือเรื่องเมื่อหกปีก่อนน่ะคุณแม่ของพี่ท่านขับรถเพราะรีบไปหาพี่ที่ป่วยอยู่โรงพยาบาลแต่ระหว่างทางดันมีมอเตอร์ไซค์เลี้ยวตัดหน้า ท่านเลยหักหลบและชนเข้ากับอานิกรที่กำลังเดินข้ามถนนอยู่อีกเลนตอนนั้นพอดี” ทิวเล่าท่ามกลางแฟร์ที่นั่งฟังอย่างใจจดใจจ่อ

“เหตุการณ์ในครั้งนั้นทำให้อานิกรอาการหนักพอดู คุณแม่ของพี่ท่านก็ไม่ได้นิ่งนอนใจออกค่ารักษาพยาบาลทั้งยังกำชับให้ทีมแพทย์และพยาบาลช่วยกันดูแลท่านอย่างสุดความสามารถจนกระทั่งอานิกรหายดี”

“หลังจากพักฟื้นจนออกจากโรงพยาบาลได้ แม่ของพี่ที่รู้ว่าอานิกรเป็นจิตรกรจึงว่าจ้างให้ท่านมาทำงานเป็นช่างฝ่ายศิลป์ที่รีสอร์ทแห่งนี้ คอยวาดภาพตกแต่งผนังและคอยช่วยงานเป็นวิทยากรให้เด็กๆ ที่มาเข้าพักและอยากวาดภาพมีผลงานเป็นของตัวเองกลับไปแต่หลังจากนั้นไม่นานท่านก็ป่วยและเสียชีวิตไปหลังจากที่ตรวจพบอาการได้เพียงห้าเดือน” ทิวถอนหายใจออกมา ร่างสูงเคยสนิทกับนิกรมากถึงขนาดที่คิดว่าอีกฝ่ายเป็นพ่ออีกคนเพราะตัวเขาเองได้สูญเสียพ่อไปตั้งแต่ยังเด็ก

“แต่ก่อนที่อานิกรจะเสียท่านเคยเล่าให้พี่ฟังนะว่ามีลูกชายแต่ลูกชายคนนั้นคงโกรธท่านมากเพราะท่านได้ทำเรื่องที่ไม่น่าให้อภัยกับเขาเอาไว้” ร่างสูงว่าพลางมองอีกฝ่ายนิ่ง

“เขาทำให้ผมต้องกลายเป็นเด็กกำพร้าแถมยังเหมือนถูกตบหัวแล้วลูบหลังโดยการที่เขาซื้อที่ดินพร้อมบ้านแห่งหนึ่งให้ ผมไม่เข้าใจว่าเขาจะทำอย่างนี้ทำไมในเมื่อเขาดูจะไม่รักผมเลยสักนิด” แฟร์ว่าพลางปาดน้ำตาเมื่อนึกย้อยกลับไปถึงวันเก่าๆ ที่เคยอยู่ร่วมกันมามันช่างเป็นความทรงจำที่แสนสั้นสำหรับเขาเหลือเกิน

“ไม่มีพ่อคนไหนไม่รักลูกหรอกทุกคนล้วนมีเหตุผลในสิ่งที่ทำลงไปแต่พี่คิดว่าเหตุผลของอานิกรท่านไม่ได้มีเจตนาร้ายกับแฟร์เลยนะ มันอาจเป็นเพราะตอนนั้นท่านจำเป็นต้องทำก็ได้แต่ตอนนี้ท่านไม่อยู่แล้วคงเหลือไว้แต่ความทรงจำดีๆ ที่เคยมีมาด้วยกันจะดีกว่า” ทิวว่าเมื่อเห็นท่าทีของแฟร์แล้วร่างสูงรู้ได้ทันทีว่าคนตรงหน้าบอบช้ำกับเรื่องในอดีตมามาก

“ความจริงคุณแม่พี่ท่านอยากเจอเรามากเลยรู้มั้ยแต่ตอนนี้ท่านกำลังออกไปข้างนอกพี่อยากให้แฟร์รอพบท่านก่อนเพราะอานิกรเหมือนจะฝากอะไรกับท่านไว้สักอย่างซึ่งมันเหมือนจะเป็นของแฟร์” ทิวบอกเมื่อร่างสูงจำได้ว่านิกรยื่นอะไรบางอย่างให้แม่ของตนก่อนตายพร้อมกับบอกว่าฝากให้กับลูกชายของเขา

“ของผม? อะไรเหรอครับ?” แฟร์ถาม

“พี่ก็ไม่รู้เอาเป็นว่าเราเป็นคนไปถามจากแม่พี่เองก็แล้วกัน” แฟร์พยักหน้าเข้าใจก่อนจะอีกฝ่ายกลับไปอีก

“แล้วพี่ทิวรู้มั้ยครับว่าอัฐิพ่อของผมอยู่วัดไหน”

“อานิกรเขาสั่งเสียเอาไว้ว่าให้นำอัฐิของท่านไปไว้ที่วัด xxx” ร่างบางชะงักเมื่อได้ยิน แฟร์รู้จักวัดนี้…เขาเคยไปเพียงแต่ตอนนี้จำไม่ได้เสียแล้วว่าต้องเดินทางยังไงเพราะจากกาญจนบุรีไปอยู่กรุงเทพฯ มานาน

“เก็บไว้ข้างๆ อัฐิของน้าผู้หญิงที่ชื่อลินดา มานะชื่น ถ้าพี่เดาไม่ผิดคนนั้นคือแม่ของแฟร์ใช่มั้ย” แฟร์พยักหน้ากลับ

“ผมอยากไปที่นั่นพี่ทิวพอจะบอกทางให้ผมหน่อยจะได้มั้ย”

“เอาอย่างงี้มั้ยพรุ่งนี้พี่ว่างพี่จะไปส่งวันนี้แฟร์ก็พักที่นี่ไปก่อน แล้วตอนเย็นพี่จะไปรับมาทานข้าวกับแม่พี่” ร่างสูงยื่นข้อเสนอก่อนร่างบางจะพยายามปฏิเสธ

“แต่…”

“ไม่ต้องเกรงใจนะเอาตามนี้เลยเดี๋ยวพี่จัดการให้” ว่าเสร็จทิวก็โบกมือเรียกให้พนักงานต้อนรับคนเมื่อกี้เดินมาหาพร้อมกับบอกรายละเอียดอีกฝ่ายให้ดำเนินการเปิดห้องพักที่ดีที่สุดของที่นี่ให้แฟร์ทันที

“ขอบคุณพี่ทิวมากนะครับ” แฟร์กล่าวขึ้นอย่างเกรงใจ

“ไม่เป็นไร แฟร์ก็เหมือนน้องชายพี่นั่นแหละไปเถอะไปพักผ่อนก่อนเดี๋ยวตอนเย็นพี่จะไปเรียกเราเองส่วนตอนนี้พี่ขอตัวไปทำงานต่อก่อนนะ” ว่าเสร็จทิวก็ลุกเดินไปตรวจตราความเรียบร้อยต่อก่อนที่พนักงานสาวจะเดินเข้ามาส่งกุญแจห้องให้กับแฟร์และพาเขาเดินไปยังห้องพักทันที




จอมพลก้าวเท้าเดินเข้าไปในห้องทำงานของราชันย์ก่อนที่ฝ่ายคนมาเยี่ยมจะสะดุดเข้ากับร่างหนาของเพื่อนสนิทที่เอาแต่นอนมือก่ายหน้าผากอยู่บนโซฟาด้วยสภาพที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อนและยากเกินกว่าที่จะให้อีกฝ่ายอธิบายออกมาได้

มันดูสิ้นหวัง…หมดกำลังใจ…คิดมาก…รู้สึกผิด…โหยหา ปนเปกันไปหมด!

ร่างสูงของแขกผู้มาเยือนเดินเข้าไปใกล้ก่อนจะนั่งลงบนโซฟาตัวตรงข้ามพร้อมกับจ้องอีกฝ่ายนิ่งจนกระทั่งเจ้าของห้องที่กำลังเหม่อมองไปยังเพดานสูงเบื้องหน้าจะเอ่ยขึ้นเสียงเรียบ

“มึงมาทำไม” ว่าเสร็จราชันย์ก็ลดมือลงจากหน้าผากแต่ยังคงมองไปยังเพดานขาวตามเดิม

“มาดูหมาหงอยว่ะ”

“หุบปากมึงซะถ้าไม่อยากโดนกูต่อย”

“กูกลัวมึงตายแหละไอ้ห่า” จอมพลแหย่อีกฝ่ายกลับก่อนราชันย์จะบิดตัวนอนหันหลังให้

“วันนี้กูไม่มีเวลามานั่งต่อปากต่อคำกับมึงกลับไปซะ” ร่างสูงเจ้าของห้องเอ่ยจนผู้มาเยือนอดสมเพชให้กับท่าทีนี้ไม่ได้

“ถ้ากูกลับมึงอาจจะเสียใจไปตลอดชีวิตนะเว้ย”

“ช่างหัวกู”

“จริง?” จอมพลถามย้ำก่อนราชันย์จะพลิกตัวลุกขึ้นนั่งและออกปากไล่อีกฝ่ายเสียงกร้าว

“ห่าพล! กูไม่ว่างคุยกับมึงอย่ากวนประสาทกูกลับไป!!” ราชันย์ว่าพลางขมวดคิ้วมุ่น ร่างสูงขบกรามแน่นพลางจ้องอีกฝ่ายอย่างเอาจริง

เพื่อนก็เพื่อนเถอะตอนนี้เขาไม่ต้องการพบหรือคุยกับใครทั้งนั้น!

“คิดถึงเมียอยู่ล่ะสิ” จอมพลไม่ว่าเปล่าร่างสูงยังแสยะยิ้มส่งให้เจ้าของห้องอย่างนึกขำอีกต่างหาก

“กลับไป” ราชันย์เอ่ยเสียงเรียบหากแต่แฝงไปด้วยความไม่ชอบใจอยู่มาก

“เพื่อนเมียกูนี่ร้ายจริงว่ะทำมึงหงอยได้ถึงขนาดนี้ แม่งต้องยกโล้ให้ซะละ” ร่างสูงตรงข้ามยังคงเอ่ยออกมาไม่หยุดก่อนจอมพลจะเผยเรื่องที่ทำให้ตัวเองต้องถ่อมาหาอีกฝ่ายในวันนี้ออกไปในที่สุดเมื่อเพื่อนสนิทตรงหน้าเงียบกริบจนเขารู้สึกได้ถึงความเครียดที่อีกฝ่ายมี

“เฮ้อ…กูอุตส่าห์รู้ว่าเมียมึงไปไหนแต่เหมือนมึงจะไม่สนใจเรื่องขะ…”

“สัดพล! มึงรู้อะไรเกี่ยวกับแฟร์บอกกูมาให้หมด!!” ราชันย์กระโดดข้ามโต๊ะเล็กกลางโซฟาไปหาอีกฝ่ายตั้งแต่จอมพลเอ่ยชื่อของคนที่กำลังทำให้เขาเครียดอยู่ในขณะนี้ออกมาก่อนมือหนาจะคว้าคอเสื้อเพื่อนตัวเองมาขยำไว้แน่น

“กูไม่บอก!” จอมพลกวนกลับจนราชันย์เลือดขึ้นหน้า

“ไอ้พล!!”

“ห้าหมื่น…” ร่างสูงข้างใต้ว่าก่อนจะแบมือไปหาอีกฝ่าย ราชันย์มองตามการกระทำของเพื่อนสนิทพร้อมกับคลายแรงที่ขยำคอเสื้ออีกฝ่ายเอาไว้ก่อนจะผลักให้อีกคนติดพนักโซฟาไปเต็มแรง

“ห้าแสนกูก็ให้บอกมา!!” ร่างสูงทรุดตัวลงนั่งข้างๆ ก่อนจะเอ่ยขึ้นอย่างมีน้ำโห

“กูเจอเมียมึงที่คอนโดภีม” จอมพลบอกก่อนราชันย์จะหันมองหน้าอีกฝ่ายนิ่ง

“เมื่อไหร่”

“สองวันก่อน”

“แล้วทำไมมึงเพิ่งมาบอกกู!” ร่างสูงเจ้าของห้องเงื้อมือหมายจะเผ่นกระบาลอีกฝ่ายเข้าให้แต่จอมพลไหวตัวทันฝ่ายนั้นเอื้อมมือขึ้นห้ามราชันย์ไว้ได้ก่อนที่มือหนาของอีกฝ่ายจะปะทะกับหัวของเขาเพียงเสี้ยววินาที

“ก็ฝ่ายนั้นเขาขอไว้! ขอให้กูไม่บอกมึงสองวัน”

“แล้วมึงก็เชื่อ!?” ราชันย์เถียง

“กูสัตย์จริงเว้ย! ไม่เหมือนมึง!”

“ไอ้พล!! กูนี่พึ่งมึงไม่ได้เลยจริงๆ!!” ราชันย์ว่าพลางกุมขมับ

“พูดให้มันดีๆ หน่อยก็มึงทำกับเขาซะขนาดนั้น” จอมพลว่าให้ก่อนจะเจอเจ้าของห้องสวนกลับไปบ้าง

“พูดอย่างกับมึงดีกว่ากูนักนี่แม่งล่อเพื่อนเขาตั้งแต่สามวันที่เจอกัน”

“นั่นเพราะกูมีเหตุผลของกู!” จอมพลเถียงก่อนราชันย์จะไม่ยอมน้อยหน้า

“กูก็มีเหตุผลของกูเหมือนกัน!”

“ช่างแม่ง!! ตกลงมึงยังอยากรู้อยู่มั้ย!” ผู้มาเยือนตัดบทก่อนราชันย์จะถอนหายใจและเอ่ยขึ้นเมื่อพยายามควบคุมอารมณ์ตัวเองให้เย็นลง

“ว่ามา”

“กาญจนบุรี”

“กาญจนบุรี?” ราชันย์เอ่ยย้ำก่อนจอมพลจะพยักหน้ากลับแต่ก็ไร้ซึ่งคำพูดใดๆ ออกมาต่อจนเขาต้องถามอีกครั้ง

“แล้ว?”

“กูรู้แค่นี้” จอมพลตอบหน้าตาย

“ไอ้หอก!! มึงคิดว่ากาญจนบุรีมันแคบเหรอไงวะที่ไหนของกาญจนบุรี!?” ราชันย์ตะโกนด่าอีกฝ่ายลั่น

“มึงก็ไปหาเอาเองซิโว้ย!! กูบอกว่ากูรู้แค่นี้!!” จอมพลสบถออกมาอย่างหัวเสีย

“มึงแม่ง! ถ้ากูตามหาได้กูไปนานแล้ว! แฟร์มันปิดเครื่องกูเลยไม่รู้ว่ามันอยู่ที่ไหน!!”

“กูก็ช่วยมึงได้แค่นี้ล่ะวะ” ผู้มาเยือนบอกก่อนราชันย์จะตะโกนลั่นออกมาเพื่อปลดปล่อยอารมณ์

จอมพลถอนหายใจมองเพื่อนสนิทข้างๆ ที่เป็นบ้าเป็นหลังอยู่นานก่อนร่างสูงจะตัดสินใจถามอีกฝ่ายกลับไปอีกหน

“คนนี้จริงจังเหรอวะ” จอมพลจ้องราชันย์ที่นั่งกุมขมับนิ่ง

“ถามใจมึงดิ! มึงคิดกับคนของมึงยังไงกูก็คิดกับคนของกูยังงั้น”

“ห่า! เอากูไปตัดสินมึงได้ไง”

“หรือมึงไม่จริงจัง?” จอมพลชะงักเมื่อเจอคำถามนี้ของราชันย์ก่อนที่ร่างสูงเจ้าของห้องจะแสยะยิ้ม

“หึ! กูรู้ไส้มึงหมดแล้วไอ้พลไม่ต้องมาทำเป็นเข้ม”

“เออๆ กูไม่เถียง! แล้วนี่มึงจะเอาไงต่อ” จอมพลมองหน้าอีกฝ่ายก่อนจะบอกปัดราวกับถูกจับได้ว่าทำอะไรผิดมา

“ขับรถวนหากูว่าสักวันกูต้องเจอ”

“เฮ้ยไอ้ชันย์! กูว่ามึงบ้าไปแล้วว่ะทำอย่างนั้นแล้วเมื่อไหร่จะเจอ!” จอมพลเอ็ด

“กูบ้าได้มากกว่าที่มึงคิดอีกรอมันเปิดเครื่องเมื่อไหร่กูก็เจอเมื่อนั้นแหละ”

“เอาจริง?” จอมพลถามก่อนราชันย์จะมองหน้าเพื่อนสนิทของตัวเองแล้วยอมรับออกไปอย่างกั๊ก

“จริงตั้งแต่บอกว่าชอบมันออกไปแล้วว่ะ”

“แม่ง! กูล่ะยอมแพ้มึงจริงๆ!” สิ้นเสียงแซวของจอมพลราชันย์ก็หลุบตาลงต่ำพลางเผยรอยยิ้มของความรู้สึกออกมาทั้งหมด

“แฟร์มันเป็นเมียจะยังไงมันก็คือเมีย...”



TBC................
---------------------------------------------------
โอ้ววววววว อีเฮียโหมดยอมแพ้!!
ต่อจากนี้จะไม่ร้ายกับน้องแฟร์แล้วใช่มั้ย!? ตอบ!!!
กะว่าบทนี้จะถึงเหตุการณ์ตอนบนนำ แต่ก็ยังไม่ถึง T^T
เฮ้อออ แต่บทหน้าจะถึงละ จุดพีคอีกจุดกำลังจะมา
ฝากเม้นท์ให้นักเขียนคนนี้ด้วยนาาาา จะได้มีกำลังใจแต่ต่อ ครุๆ


 :z2: :z2: :z2: :z2: :z2: :z2: :z2:


ออฟไลน์ som

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2708
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +230/-2
ความรู้สึกตอนนี้จริงๆคือ สมน้ำหน้าชันย์  พี่ทิวโผล่มาจะมีบทอะไรต่อมั๊ยน๊า

ออฟไลน์ cheepoke

  • ^_^\/ สู้ๆ ฮู้เล่ๆ
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 78
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
    • https://www.facebook.com/BlueGusten.FictionY/



CHAPTER 16



ร่างบางนั่งมองจดหมายของนิกรผู้เป็นพ่อที่ได้รับจากอรวรรณแม่ของทิวากรมาเมื่อคืนภายหลังจากที่เขาไปร่วมทานอาหารเย็นกับทั้งสองคนเสร็จ

น้ำตามากมายไหลรินอาบลงข้างแก้มใสของแฟร์เต็มไปหมดเมื่อข้อความด้านในทำให้ร่างบางได้รู้ถึงเรื่องในอดีตและความสัมพันธ์ที่แสนจะบังเอิญอย่างไม่อาจหลีกหนีของเขาและครอบครัวของราชันย์จนหมด

แฟร์เปิดกระดาษขนาดเอสี่ที่ถูกพับมาในซองเล็กๆ สีขาวขึ้นอีกครั้ง นัยน์ตาสีน้ำตาลกวาดมองพร้อมทั้งอ่านข้อความด้านในอีกหนด้วยความรู้สึกปวดร้าวไปทั้งอก

มันช่างหดหู่และโหดร้ายเกินกว่าเขาจะรับไหว

'ถึง…แฟร์ลูกรัก

ทันทีที่แฟร์ได้อ่านจดหมายฉบับนี้แสดงว่าพ่อได้จากโลกนี้ไปแล้ว พ่อรู้ดีว่าตัวเองได้ทำเรื่องที่ไม่น่าให้อภัยกับแฟร์ไว้มาก บ้านและที่ดินผืนนั้นจึงเป็นเหมือนคำขอโทษทั้งหมดของพ่อที่อยากจะเอ่ยมันด้วยตัวเองแต่ก็ทำไม่ได้ พ่ออยากให้ลูกเก็บมันเอาไว้อย่าได้ขายให้กับใครเพราะมันเป็นสมบัติเพียงสิ่งเดียวที่พ่อมีเพื่อหวังว่าสักวันพ่อจะได้ไปอยู่ในที่แห่งนั้นและจ้องมองคนที่ทำให้ครอบครัวของเราต้องลำบากด้วยแววตาเกลียดชังแม้ว่าพ่อจะเคยมีความรู้สึกดีๆ กับเธอคนนั้นก็ตาม

แฟร์อาจจะกำลังสงสัยว่าพ่อหมายถึงใครเพราะตลอดเวลาที่ผ่านมาพ่อและแม่ของลูกพวกเราไม่เคยพูดถึงเรื่องนี้กันเลยสักครั้ง มันเป็นเรื่องที่ผ่านมานาน นานเกินกว่าจะกลับไปแก้ไขความจริงที่ว่า…พ่อไม่ใช่พ่อแท้ๆ ของลูกได้เลย'

น้ำตาของร่างบางพลันไหลออกมามากกว่าเดิมเมื่ออ่านมาจนถึงประโยคนี้ ประโยคที่ปั่นทอนจิตใจให้ดำดิ่งสู่ความรู้สึกมากมายที่ตีรวนสวนทางกันจนเจ้าตัวแทบจะทนไม่ไหวเข้าไปทุกที

'พ่อกับแม่พวกเราเป็นเพื่อนกันเท่านั้น พ่อขอโทษที่ไม่ได้บอกให้แฟร์รู้เร็วกว่านี้ ขอโทษที่ไม่ได้ทำหน้าที่พ่อที่ดีแทนพ่อแท้ๆ ของลูกที่เขาไม่มีโอกาสได้ทำ พ่อเสียใจกับเรื่องทั้งหมดพอๆ กับแม่ของลูกที่เขาก็คงเสียใจไม่แพ้กันที่ความรักของพวกเราทั้งสี่คนกลับกลายเป็นเหมือนฝันร้ายสำหรับลูกเมื่อถึงคราวที่ต้องรับรู้ความจริงที่ว่า…ลูกเป็นลูกแท้ๆ ของพิภพสามีของกนกบ้านหลังตรงข้าม'

แฟร์สะอื้นไห้ ข้อความตรงหน้ายิ่งทวีความคับแน่นในอกของเขาจนมันแทบจะระเบิดออกมาทุกครั้งที่ได้อ่าน ความจริงที่ยากจะยอมรับทำเอาแฟร์ถึงกับคิดไม่ออกเลยจริงๆ ว่าจะทำอย่างไรกับชีวิตตัวเองต่อไปดี

แม่ของลูกกับเขารักกันมากแต่เพราะอะไรบางอย่างจึงทำให้พิภพต้องยอมแต่งงานกับกนกทั้งที่ตอนนั้นเธอกำลังคบหาอยู่กับพ่อ

พ่อเสียใจที่กนกไม่คิดจะขัดขืนครอบครัวของเธอเลยสักนิดจนกระทั่งเมื่อพวกเขาแต่งงานกัน พิภพยังคงติดต่อและมาหาลินดาแม่ของลูกไม่เคยขาดผิดกับพ่อที่กนกไม่เคยคิดจะติดต่อหรือยอมมาพบเลยสักครั้งแม้ว่าพ่อจะพยายามนัดเธอผ่านทางพิภพแค่ไหนก็ตาม


จนกระทั่งวันหนึ่งที่ทางนั้นเกิดรู้เข้าว่าลินดาตั้งท้องกับพิภพ กนกจึงส่งคนมาทำร้ายแม่ของลูกที่บ้านจนเกือบจะเอาชีวิตไม่รอด ดีที่พ่อกลับมาทันไม่อย่างนั้นแม่และลูกก็คงเสียชีวิตไปแล้ว ผู้หญิงคนนั้นช่างเป็นผู้หญิงที่โหดร้ายมาก เธอส่งคนมาทำร้ายและรังควานเราไม่เลิกจนพ่อต้องตัดสินใจพาแม่หนีมาอยู่ที่กาญจนบุรีและตัดขาดการติดต่อกับพวกเขาตั้งแต่ตอนนั้น

เรื่องราวมากมายที่พ่อเขียนเล่ามาทั้งหมดเป็นเรื่องจริง มันอาจจะยากที่จะยอมรับแต่พ่อก็หวังว่ามันจะทำให้ลูกเข้มแข็งขึ้น ลูกไม่จำเป็นต้องผูกใจเจ็บเหมือนเช่นที่พ่อเป็นอยู่เพียงแต่พ่อไม่อยากให้ลูกยุ่งเกี่ยวกับครอบครัวนั้นอีกถ้าเป็นไปได้ พ่อขอให้ลูกมีชีวิตที่ดีขึ้น แม้ว่าพ่อจะไม่ได้อวยพรลูกด้วยตัวเองแต่พ่อก็อยากจะให้จดหมายฉบับนี้บอกเล่าความรู้สึกของพ่อทั้งหมดที่มี

ด้วยรักและคิดถึง
- นิกร -

ร่างบางปิดพับจดหมายนี้ลงอีกครั้ง น้ำตามากมายไหลอาบลงมาจนมือเรียวต้องเอื้อมขึ้นไปปาดมันออกอย่างช่วยไม่ได้ เสียงสะอื้นที่บอกเล่าความรู้สึกตอนนี้ของแฟร์ได้เป็นอย่างดีค่อยๆ เงียบลงเมื่อเจ้าตัวพยายามข่มอารมณ์ของตัวเองเอาไว้ก่อนเสียงเคาะประตูห้องจะดังขึ้นฉุดดึงให้คนที่กำลังดำดิ่งสู่ความเลวร้ายที่เพิ่งจะรับรู้ได้ไม่นานให้หลุดออกจากภวังค์ความคิดในครั้งนั้ทันที

แฟร์ลุกขึ้นเดินไปเปิดประตูห้องก่อนจะสบตากับลูกเจ้าของรีสอร์ทแห่งนี้ที่มองเขากลับด้วยแววตาเป็นห่วงทันทีที่ประตูถูกเปิดออกให้เจอกับอีกคนข้างนอก

“พี่มาดูว่าแฟร์เป็นยังไงบ้าง” ทิวเอ่ย

“ผมโอเคครับ” ร่างบางตอบก่อนคนตรงหน้าที่สังเกตเห็นสีหน้าของอีกฝ่ายจะยื่นมือแตะไปยังหน้าฝากของแฟร์เบาๆ

“ดูเหมือนเราจะมีไข้นะเมื่อคืนได้ห่มผ้าบ้างรึเปล่าเพราะที่นี่อากาศจะเย็นลง” ร่างสูงถามขึ้นอย่างเป็นห่วงก่อนที่ร่างบางจะส่ายหัวปฏิเสธกลับเพียงเท่านั้น

“วันนี้แฟร์จะไปเยี่ยมพ่อกับแม่ที่วัดไม่ใช่เหรอทานอะไรหน่อยมั้ยจะได้มีแรง” ทิวเอ่ยถาม

“ครับแต่ว่าตอนนี้ผมยังไม่หิว” ร่างบางตอบเสียงเรียบพลางเดินเข้าไปในห้องก่อนที่อีกฝ่ายจะเดินตาม

“ไม่หิวก็ต้องทาน ทานข้าวเสร็จจะได้ทานยาด้วย”

“ขอบคุณพี่ทิวมากนะครับแต่ผมไม่หิวจริงๆ” ว่าเสร็จแฟร์ก็นั่งลงบนเตียงพลางจัดการเก็บของลงกระเป๋าอีกครั้ง

“อย่าคิดมากกับเรื่องที่เราเพิ่งรู้เลยนะพี่ว่าบางทีมันอาจมีอะไรมากกว่าที่เราคิด ทางที่ดีเราก็น่าจะไปฟังความฝ่ายนั้นเขาบ้าง” ทิวเสนอ

เรื่องนี้ร่างสูงเองก็รู้ดีหลังจากที่เห็นปฏิกิริยาหลังจากอ่านจดหมายครั้งแรกของอีกฝ่ายเมื่อคืนจนต้องขออ่านบ้าง

“ผมไม่อยากยุ่งเกี่ยวกับพวกเขาอีกแล้วผมอยากพอแค่นี้ ให้มันหยุดอยู่แค่นี้” ร่างบางถอนหายใจก่อนจะเก็บผ้าเช็ดตัวลงกระเป๋า

ทิวนั่งลงข้างแฟร์อย่างเงียบๆ คนตัวโตรู้ดีว่าตอนนี้หัวใจของร่างบางกำลังบอบช้ำมากแค่ไหนก่อนจะตัดสินใจเอื้อมมือของตัวเองออกไปกุมมืออีกฝ่ายเอาไว้แน่นอย่างให้กำลังใจ

“พี่เข้าใจว่ามันยากแต่เรื่องทุกอย่างเราต้องฟังให้มากก่อนตัดสินใจบางทีวิธีที่พี่บอกมันอาจจะให้ผลดีกับแฟร์ก็ได้” ร่างสูงกระชับมือแน่น

“ตอนนี้ผมไม่รู้เลยครับว่าต้องทำยังไง ผมมองหนทางข้างหน้าไม่เห็นเลย พ่อที่ผมรู้จักมาทั้งชีวิตกลับไม่ใช่พ่อแท้ๆ แล้วผมต้องทำยังไงต่อไปผมควรรู้สึกกับเรื่องนี้แบบไหนพี่ทิวช่วยบอกผมที” ร่างบางก้มหน้าพูดออกมาราวกับอับจนหนทางก่อนทิวจะโน้มเอาศรีษะเล็กของคนข้างๆ แนบชิดไปกับอกแกร่งของตัวเอง

“ใจเย็นๆ นะแฟร์เรื่องทุกเรื่องมีทางออกเสมอ พี่ว่าตอนนี้ปัญหาทุกอย่างมันกำลังรุมเร้าให้เราอ่อนแอ ถอยออกมาก่อนอย่าเพิ่งคิดมาก” ทิวพูดในขณะที่มือหนาก็ลูบเรือนผมของอีกคนอย่างปลอบประโลมไปด้วย

แฟร์สะอึกออกมาอีกครั้งก่อนร่างบางจะปาดน้ำตาออกอย่างลวกๆ และยั้งตัวเองออกจากการเกาะกุมของอีกฝ่ายเบาๆ

“อยากพักผ่อนอีกสักหน่อยมั้ยก่อนที่เราจะไปที่วัดกันตอนนี้ยังเช้าอยู่เอาเป็นตอนบ่ายก็ได้พี่ยินดีไปส่ง” ทิวว่าพลางลูบหัวอีกคนกลับ

แฟร์นิ่งคิดสักพักก่อนจะพยักหน้ารับ ร่างบางเก็บของใส่กระเป๋าจนหมดก่อนจะถือมันเอาไปวางไว้บนโต๊ะเล็กข้างเตียงด้วยท่าทีซึมๆ

“ถ้ายังไม่อยากกลับก็ไม่ต้องกลับนะที่นี่ยินดีต้อนรับเราเสมอ” ร่างสูงกล่าวก่อนลุกเดินไปยังประตูห้อง

“ขอบคุณพี่ทิวมากครับ” แฟร์ตอบรับก่อนพยายามเหยียดรอยยิ้มให้อีกฝ่ายกลับไป

“พักผ่อนเถอะเดี๋ยวสิบเอ็ดโมงพี่จะมาเรียกเราอีกที” ว่าเสร็จร่างสูงของทิวก็เดินออกจากห้องไปทันที แฟร์มองตามแผ่นหลังของอีกฝ่ายที่ก้าวพ้นประตูบานนี้ออกไปสักพักก่อนร่างบางจะทิ้งนอนลงบนเตียงพลางปิดตาเข้าสู้ห้วงนิทราที่ตลอดทั้งคืนที่ผ่านมาเขาไม่ได้สัมผัสมันเลยสักนิดทันที




“ทำไมพอออกจากรีสอร์ทแล้วอากาศถึงได้เป็นแบบนี้นะ” ทิวเอ่ยเมื่อสภาพอากาศด้านนอกตัวรถดูท่าว่าจะมีพายุขึ้นกรายๆ

“ไปวันอื่นกันมั้ยดูท่าอีกไม่นานฝนต้องตกแน่ๆ” ร่างสูงหันถามคนข้างๆ ที่นั่งเงียบมาตลอดทางตั้งแต่ออกจากรีสอร์ท

“ไม่เป็นไรหรอกครับผมอยากไปวันนี้” แฟร์ตอบก่อนจะหันมองออกไปนอกหน้าต่าง

ทิวเห็นสภาพของอีกคนก็อดที่จะเป็นห่วงความรู้สึกไม่ได้หากแต่ร่างสูงก็ไม่อยากจะขัดใจอีกฝ่ายจนต้องยอมตามใจออกมา

“เอางั้นก็ได้ตามใจแฟร์ แล้วนี่เราอยากแวะที่ไหนก่อนมั้ย”

“ผมอยากได้พวงมาลัยดอกมะลิสักพวงครับ”

“งั้นเดี๋ยวพี่จะแวะตลาดให้เรานะ” ว่าเสร็จทิวก็ขับรถมาอีกสักพักก่อนจะจอดตรงตลาดข้างทางให้ร่างบางลงไปซื้อพวงมาลัยที่แม่ค้าร้านดอกไม้สดแขวนขายอยู่เต็มหน้าร้าน

แฟร์เดินกลับขึ้นรถพร้อมกับพวงมาลัยอย่างที่ต้องการก่อนคนอาสาเป็นสารถีจะขับรถเพื่อมุ่งหน้าไปยังวัด xxx สถานที่เก็บอัฐิของบุคคลที่มีความสำคัญทั้งสองของแฟร์ทันที

:

รถ BMW สีขาวจอดเทียบท่าบริเวณใต้ต้นโพธิ์ใหญ่สถานที่ที่ถูกจัดให้เป็นที่จอดรถภายในวัดแห่งนี้ก่อนเสียงโทรศัพท์ของทิวจะดังขึ้นเรียกความสนใจให้เจ้าของรถที่กำลังจะลงจากรถเป็นเพื่อนอีกฝ่ายให้หันมาให้ความสนใจมันทันที

ร่างสูงหยิบเอาโทรศัพท์ที่กำลังแผดเสียงร้องจากคอนโซลหน้ารถออกมาพลางกดรับพร้อมกับกรอกเสียงลงไป

“ครับ…ผมออกมาทำธุระข้างนอก…คุณแม่อยู่มั้ยล่ะครับ…ได้ครับ…ได้เดี๋ยวผมกลับไป” บทสนทนาเพียงไม่กี่คำทำให้ร่างบางที่นั่งมาด้วยรับรู้ได้ทันทีว่าอีกฝ่ายมีธุระด่วนก่อนแฟร์จะเอ่ยถามกลับเพื่อความแน่ใจ

“มีงานด่วนเหรอครับ”

“ใช่พอดีบริษัทที่พี่ติดต่อเขาให้เข้ามาดูสถานที่ที่จะทำสระว่ายน้ำแห่งใหม่ดันขอเลื่อนมาวันนี้น่ะแฟร์อยู่คนเดียวได้นะ” ร่างสูงตอบก่อนจะถามกลับ

“ครับผมอยู่ได้”

“จริงสิเรายังไม่มีเบอร์ติดต่อกันเลยเผื่อมีอะไรแฟร์โทรเรียกพี่ได้ตลอดเวลาเลยนะ”

“เอ่อสักครู่นะครับ” แฟร์ล้วงเอาโทรศัพท์ออกจากกระเป๋ากางเกงของตัวเองพลางกดเปิดเครื่องจนทิวที่มองการกระทำของอีกฝ้ายอยู่ถามขึ้นอย่างสงสัย

“นี่ปิดเครื่องตลอดเลยเหรอ”

“เปล่าหรอกครับพอดีผมมีเหตุให้ต้องปิด”

“ปิดมากี่วันแล้วเนี่ย”

“สามวันได้แล้วมั้งครับตั้งแต่ก่อนมาที่นี่”

“หนีใครมาหรือเปล่า” คำถามต่อมาของทิวทำเอาแฟร์ชะงักพอๆ กับข้อความรายชื่อผู้ที่พยายามติดต่อเขาในระหว่างปิดเครื่องที่ถูกส่งมาจากทางเครือข่าย ระบุว่ามีสายของราชันย์เข้ามามากกว่า 1,050 สาย! ในเวลาเพียงสามวันที่ผ่านมาทำเอาร่างบางถึงกับเบิกตาโพรงกับข้อความที่ได้เห็น!

“พี่แค่ล้อเล่นทำไมทำหน้าเครียดขนาดนั้นล่ะ” ทิวทักก่อนที่ร่างบางจะได้สติตอบอีกคนกลับ

“ปะ…เปล่าครับไม่มีอะไร”

“เอาเป็นว่ามีอะไรโทรหาพี่ได้ตลอดนะ”

“ครับ”

“ฝนก็ดูท่าจะตกแล้วเดี๋ยวสักพักพี่จะมารับขอกลับไปทำธุระที่รีสอร์ทก่อน”

“เดี๋ยวผมหาทางกลับเองก็ได้ครับ” แฟร์ว่า

“แถวนี้หารถประจำทางยาก รอพี่อยู่ที่นี่แหละสักพักจะมารับหรือไม่ท่าแฟร์อยากจะกลับก็โทรเรียกพี่ได้เลยนะ” ทิวเอ่ยทิ้งท้ายพร้อมกับส่งยิ้มให้ร่างบางที่พยักหน้ากลับราวกับเข้าใจในเรื่องที่เขาบอกก่อนร่างสูงจะขับรถออกไปทันที

ร่างบางมองไปยังโทรศัพท์ในมือของตัวเองอีกครั้งพลางถอนหายใจออกมาอย่างรู้สึกคิดหนักเพราะหลายวันมานี้เขารู้ดีว่าราชันย์ต้องทำทุกวิถีทางเพื่อตามหาเขาอยู่อย่างแน่นอนแต่ถึงกระนั้นการกระทำของแฟร์ก็ไม่ได้แปลว่ากำลังหนีจากอีกฝ่ายแต่อย่างใด หากแต่เป็นเพราะอารมณ์ร้ายและความไม่มีเหตุผลพอของอีกฝ่ายจึงทำให้แฟร์ตัดสินใจทำแบบนี้

ร่างบางเดินเข้าไปในตัววัดก่อนจะตรงไปยังสถานที่เก็บอัฐิของผู้ล่วงลับไปแล้วพลางเดินตามหารายชื่อของพ่อและแม่ของเขาจนกระทั่งเจอเข้ากับแผ่นป้ายที่บ่งบอกความเป็นเจ้าของของบุคคลสองคนที่เขากำลังตามหา

แฟร์มองแผ่นป้ายที่มีรูปใบหน้าของผู้เป็นพ่อที่แม้ว่าจะไม่ใช่พ่อที่แท้จริงของเขาและผู้เป็นแม่ด้วยแววตาสั่นระริก ร่างบางคุกเข่าลงก่อนจะยื่นมือที่ถือพวงมาลัยดอกมะลิออกไปวางไว้ตรงหน้าแผ่นป้ายพลันน้ำตามากมายที่เอ่อล้นในดวงตากลมก็ไหลลงมาเป็นทาง

ร่างบางร่ำไห้ท่ามกลางเสียงฟ้าร้องที่ดังระงมไปทั่วอาณาบริเวณ แรงลมที่พัดเข้ามากระทบกับผิวกายช่างเย็นเยียบไปถึงขั้วกระดูกให้แฟร์รู้สึกสะท้าน คำพูดมากมายที่เขาอยากจะบอกกับบุคคลผู้มีพระคุณทั้งสองมาตลอดเวลาหลายปีพรั่งพรูออกมาราวกับน้ำไหลก่อนที่หยาดน้ำตาจากฟ้าจะกระหน่ำตกลงมาราวกับอยากจะช่วยบรรเทาความรู้สึกที่กำลังแตกออกเป็นเสี่ยงๆ ของชายหนุ่มให้หายไม่ผิดเพี้ยน

แฟร์คุกเข่าร้องไห้อยู่อย่างนั้นนานเกือบครึ่งชั่วโมง ร่างบางสะอื้นไห้จนตัวโยนพลางมองทอดไปข้างหน้าอย่างรู้สึกผิดจนเจ็บไปทั้งใจก่อนที่เสียงฝีเท้าและเสียงหอบหายใจที่ดังขึ้นจากทางด้านหลังจะฉุดให้เขานิ่งงันและรอฟังคำพูดของอีกฝ่ายที่กำลังจะออกจากเรียวปากสีคล้ำนั้นมาอย่างตั้งใจ

“จำได้ว่ากูยังไม่ได้อนุญาตให้มึงมาที่นี่!” น้ำเสียงทุ้มแกมบังคับที่ดังขึ้นทำให้แฟร์รู้ทันทีว่าคนที่สร้างเรื่องโหดร้ายให้กับตัวเองไปเมื่อไม่นานตามมาเจอเขาจนได้

ร่างบางปิดพับเปลือกตาลงก่อนจะค่อยๆ ลุกขึ้นยืนพร้อมกับหันหลังกลับไปหาอีกคนแต่ถึงกระนั้นแฟร์ก็ไม่ยอมปริปากพูดอะไรออกมาจนราชันย์ที่ยืนหอบอยู่ตรงหน้าระเบิดอารมณ์ที่กำลังเดือดพล่านออกมาด้วยคำพูดเสียๆ หายๆ พลางฉวยต้นแขนของอีกฝ่ายมากำเอาไว้แน่น

“มึงมาที่นี่ทำไม! แล้วมากับไอ้ตัวผู้ตัวไหนบอกกูมาเดี๋ยวนี้!!” ร่างสูงของราชันย์จ้องแฟร์กลับอย่างเอาเรื่อง นัยน์ตาสีดำสนิทมองลึกเข้าไปในดวงตาสีน้ำตาลราบเรียบตรงหน้าด้วยความความรู้สึกที่หลากหลาย

ทั้งโมโห โกรธเคือง ข้องใจ…หากทว่าในทุกๆ ความรู้สึกที่เป็นไปกลับแฝงไปด้วยความโหยหาร่างบางจนยากที่จะกู่กลับ

“จะบอกไม่บอก!”

“อึก!...” แฟร์นิ่วหน้าลงด้วยความเจ็บเมื่อราชันย์ลงแรงบีบต้นแขนเขากลับอีกครั้ง ร่างบางมองใบหน้าอีกฝ่ายกลับด้วยแววตาเรียบเฉยจนร่างสูงที่มองมารู้สึกใจคอไม่ดีจนต้องคาดคั้นกลับไปอีก

“แฟร์! กูถาม!!”

ร่างบางมองใบหน้าคมที่ตอนนี้มันถูกแต่งเติมไปด้วยความไม่พอใจจนถึงขีดสุด ก่อนแฟร์จะคิดเพื่อหาทางหยุดเรื่องราวทั้งหมดเสียก่อนที่มันจะสายไปกว่านี้

ตอนนี้ผมควรจะพูดกับคุณยังไง…

จะเอ่ยคำไหนออกไปก่อนดี…

คำพูดมากมายดังก้องขึ้นในใจของแฟร์ไม่หยุดหย่อน ร่างบางถอนหายใจพลางมองอีกฝ่ายในขณะที่ภายในใจของเขาก็รุ่มร้อนและเหนื่อยล้าไม่ต่างกัน

ถ้าผมอยากให้เราเลิกแล้วต่อกันตั้งแต่ตอนนี้…

ช่วยบอกผมทีว่าควรทำยังไง




TBC................
-----------------------------------------------
จุดพีคอีกจุดมาแล้วนะคะ ตอนนี้เหตุการณ์ของเรื่องย้อนกลับไปที่บทนำแล้ว
หากใครไม่เข้าใจสามารถกลับไปอ่านได้ค่ะ
#เป็นกำลังใจให้เฮียราชันย์และน้องแฟร์กันด้วยนาาาา


 :o12: :o12: :o12: :o12: :o12: :o12: :o12:

ออฟไลน์ cheepoke

  • ^_^\/ สู้ๆ ฮู้เล่ๆ
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 78
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
    • https://www.facebook.com/BlueGusten.FictionY/

INTRO


   
สายฝนกระหน่ำเทลงมาราวกับว่าท้องฟ้ากำลังร้องไห้อย่างหนัก เสียงฟ้าร้องดังกึกก้องอย่างบ้าคลั่งสลับกับเสียงกระดิ่งและกิ่งของต้นไม้ใหญ่ที่ปัดป่ายกระแทกกันไปมาเพราะแรงลมทำให้อาณาบริเวณแห่งนี้ที่แต่เดิมมันเป็นเพียงสถานที่เงียบๆ เพื่อใช้เก็บรวบรวมวาระสุดท้ายของการเป็นมนุษย์เอาไว้กลับกลายเป็นสถานที่ที่เต็มไปด้วยเหตุการณ์ตามธรรมชาติที่น่ากลัวอยู่ไม่น้อย

   ร่างบางของชายหนุ่มอายุยี่สิบห้าปี ยังคงนั่งคุกเข่าเหม่อมองไปยังภาพเบื้องหน้าที่ปรากฏให้เห็นอัฐิของผู้มีพระคุณอันเป็นที่รักทั้งสองคนอยู่อย่างนั้นจนเวลาผ่านไปเกือบครึ่งชั่วโมงแล้วหากแต่เจ้าตัวยังคงไม่คิดที่จะลุกไปไหน
   หยาดน้ำตาที่เคล้าไปกับสายฝนทำให้หากมองดูแบบผิวเผินแล้วอาจจะไม่มีใครรู้เลยว่าชายหนุ่มที่นั่งคุกเข่าอยู่ตรงนี้กำลังร้องไห้ให้กับภาพที่เห็นตรงหน้าออกมาหนักมากแค่ไหน แต่หากใครลองสังเกตไหล่บางที่สั่นระริกตามแรงสะอื้นดูสักนิด ก็คงจะเดากันได้ว่าเจ้าของร่างกายที่แสนบอบช้ำเกินจะเยียวยาคนนี้กำลังร้องไห้คร่ำครวญอย่างหมดหวัง หมดความไว้เนื้อเชื่อใจ หมดสิ้นทุกอย่างแม้กระทั่ง…ความรักที่เขามีให้กับใครบางคน

   สายฝนยังคงเทลงมาอย่างไม่ขาดสาย เบื้องหลังของคนตัวเล็กปรากฎภาพผู้มาเยือนคนใหม่ สูทสีดำสนิทที่แต่เดิมมันเคยถูกสวมใส่ไว้บนเรือนร่างหนาเพื่อเสริมให้ดูภูมิฐานและน่าเกรงขาม กลับถูกถอดและรวบมันเอาไว้ในมือเพียงเดียวของคนเป็นเจ้าของ ทำให้บนกายหนาเหลือไว้แต่เพียงเสื้อเชิ้ตสีขาวที่เปียกโชกไปด้วยหยาดน้ำฝนที่เทลงมาอย่างไม่เป็นใจนักเผยให้เห็นสัดส่วนตามแบบฉบับชายชาตรีที่ทำให้ใครๆ ต่างก็หลงใหลมันได้ไม่ยากนัก

   ชายหนุ่มผู้มาใหม่มองไปยังร่างบางที่นั่งคุกเข่าอยู่ตรงหน้าด้วยแววตาโกรธเคืองอยู่ไม่น้อย สองเท้าของเขาค่อยๆ ก้าวเข้าไปใกล้อีกคนทีละนิด เสียงจากรองเท้าหนังชั้นดีที่เหยียบย่ำเข้ามาผนวกกับเสียงหอบหายใจที่แสดงว่าคนข้างหลังคงจะเหนื่อยจากการวิ่งมาในที่แห่งนี้ทำให้คนที่กำลังเหม่อมองไปยังคู่อัฐิตรงหน้ารู้สึกตัวก่อนที่เขาจะหันหลังกลับไปมองผู้มาเยือนด้วยแววตาที่เรียบเฉย

   หากคิดว่าเขาจะตกใจที่เห็นร่างหนาของคนที่พยายามหลีกหนีคนนี้แล้วล่ะก็…เหตุการณ์แบบนั้นไม่เกิดขึ้นหรอกเพราะร่างบางรู้ดีว่าบุรุษเพศที่ยืนอยู่ตรงหน้าจะต้องตามหาเขาเจอในสักวันแม้ว่าตัวเขาเองเพิ่งจะหนีจากร่างสูงที่ได้กระทำเรื่องที่ไม่น่าให้อภัยมาได้เพียงไม่กี่วันก็ตาม

   “จำได้ว่ากูยังไม่ได้อนุญาตให้มึงมาที่นี่!”

   “…”

   “มึงมาที่นี่ทำไม! แล้วมากับไอ้ตัวผู้ตัวไหนบอกกูมาเดี๋ยวนี้!!” ร่างหนาตรงหน้าระเบิดอารมณ์ที่กำลังเดือดพล่านด้วยคำพูดเสียๆ หายๆ สาดทอไปยังอีกคนที่ไม่แม้แต่จะตอบโต้กลับจนทำให้คนที่กำลังโมโหหัวฟัดหัวเหวี่ยงยิ่งทวีความร้ายกาจที่น้อยคนนักจะได้เห็นออกมามากกว่าเดิม

   “จะบอกไม่บอก!”

   “อึก!…” ร่างบางนิ่วหน้าลงด้วยความเจ็บเมื่อร่างหนาบีบต้นแขนกลับอย่างไม่ออมแรงแต่ถึงกระนั้นเขาก็เลือกที่จะไปเอ่ยคำพูดใดๆ ที่แสดงถึงความอ่อนแอออกไป

   “แฟร์! กูถาม!!”

       ชายหนุ่มร่างบางที่ถูกอีกฝ่ายเรียกชื่อรวบรวมแรงทั้งหมดสลัดแขนออกจากการเกาะกุมของอีกฝ่ายได้สำเร็จก่อนจะปาดน้ำตาที่ไหลลงมาอย่างช่วยไม่ได้พร้อมกับมองใบหน้าเหี้ยมของคนตรงหน้ากลับไป

   “แล้วคุณล่ะมาที่นี่ทำไม”

   “กูมาตามมึงกลับ”

   “ทำไม”

   “ก็เพราะมึงหนีกูมา!”

   “หึ! คุณทำอะไรพอให้ผมต้องหนีมาอย่างงั้นเหรอ” แฟร์เหยียดยิ้มพร้อมกับส่งคำพูดร้ายๆ กลับไปจนอีกฝ่ายถึงกับชะงักกับท่าทีของเขาที่เปลี่ยนไป

   “กู!…คือเรื่องในคืนนั้น…”

   “ผมไม่อยากฟัง”

   “แต่มึงต้องฟัง!…เพราะกูไม่ได้ตั้งใจจะทำให้มึงเจ็บ” แฟร์พยายามบอกปัดแต่ร่างสูงกลับตะโกนลั่นทันควัน

   “…”

   “กูขอ…”

   “กลับไปซะเถอะ” ร่างบางพูดก่อนจะเดินเลี่ยงออกมาจากบริเวณนั้น

   แฟร์ที่เดินออกจากบริเวณเก็บอัฐิยกแขนขึ้นกอดตัวเองเมื่อรู้สึกหนาวจนตัวสั่น สายฝนที่กระหน่ำเทลงมาทำท่าว่าจะไม่หยุดง่ายๆ เขาจึงเร่งฝีเท้าเดินไปยังต้นโพธิ์ใหญ่ข้างๆ ศาลาวัดเพื่อใช้เป็นที่หลบฝน

   ร่างสูงของชายอีกคนยกมือขึ้นเสยผมอย่างข่มอารมณ์ก่อนจะวิ่งตามร่างบางของคนที่เขาต้องพยายามตามหาอยู่หลายวันเข้าไปหลบใต้ต้นโพธิ์เช่นเดียวกัน

   เสียงฟ้าร้องและสายฝนที่ดังระงมไปทั่วสารทิศบดบังเสียงต่างๆ เสียจนทำให้ไม่มีใครยอมปริปากออกมา ร่างบางที่ยืนสั่นเทิ้มส่งเสียงจามเป็นพักๆ เรียกสายตาของอีกคนที่ยืนอยู่ไม่ไกลให้หันไปมองอีกคนอย่างนึกห่วงก่อนที่เขาจะทนบรรยากาศชวนอึดอัดนี้ต่อไปไม่ไหวจนต้องถามในสิ่งที่ยังไม่ได้คำตอบออกมาอีกครั้งหนึ่ง

   “จะบอกได้หรือยังว่าทำไมนายถึงมาที่นี่” สรรพนามที่ร่างสูงใช้กับ     อีกคนเปลี่ยนไปหากทว่าร่างบางก็ยังคงไม่ยอมตอบกลับไปอยู่ดี ทำเอาเส้นบางๆ ของความอดทนที่อีกฝ่ายมีอยู่เพียงน้อยนิดแทบขาดสะบั้น!

   ร่างสูงเดินเข้าไปกระชากร่างบางให้หันมาเผชิญหน้ากับตัวเองด้วยอารมณ์ที่คล้ายกับอยากจะง้างปากให้อีกฝ่ายพูดกับเขาเสียเหลือเกิน แต่ฝืนทำมากกว่านี้ไม่ได้เพราะตัวเขาเองรู้ดีว่าอีกฝ่ายเป็นคนไม่ชอบความรุนแรงจึงได้แต่พยายามข่มตัวเองที่กำลังเดือดพล่านให้ได้มากที่สุด

   “จะไม่พูดใช่มั้ย!!” ร่างสูงเค้นเสียงถามด้วยความโกรธเกรี้ยว

   “ผมจะไปตามทางของผมส่วนคุณก็ควรจะไปตามทางของคุณเหมือนกัน ผมว่าต่อจากนี้ไปเราอย่าเกี่ยวข้องกันอีกเลย” คำพูดที่เปล่งออกมาจากเรียวปากเล็กไม่ได้เป็นคำตอบที่อีกฝ่ายต้องการเลยสักนิดแต่มัน กลับยิ่ง   ทำให้คนตรงหน้าเดือดดาลขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัดจนร่างหนาพลั้งมือบีบไปยัง   ต้นแขนเล็กพร้อมกับเขย่าเพื่อคาดคั้นเอาคำตอบเต็มแรง

   “นี่มึงพูดเรื่องอะไร! บอกให้กูไปตามทางของกูทั้งที่เมียกูยังยืนอยู่ตรงนี้ทั้งคน!”

   “ผมไม่ใช่เมียคุณ!!”

   “แล้วคืนนั้นที่กูได้ครอบครองร่างกายของมึงล่ะมันเรียกว่าอะไร!?”

   “ก็แค่สงเคราะห์คนอดอยากก็เท่านั้น! คุณเองไม่ใช่เหรอที่เคยกล่าวหาผมว่าคงผ่านมือผู้ชายมาแล้วเป็นสิบ!”

   “!!”

   “หากเรื่องในคืนนั้นมันทำให้ผมถูกคุณเรียกว่า 'เมีย' ถ้ายังงั้นตอนนี้ผมก็คงมีผัวเป็นสิบแล้วล่ะ!!!”

   “แฟร์!!!” ร่างสูงตวาดลั่นพลางจ้องอีกคนอย่างคาดคั้นแต่แล้ว…

   “แฟร์! ทำไมมายืนตากฝนแบบนี้ล่ะเกิดไข้กลับขึ้นมาจะทำยังไง!” เสียงหนึ่งดังขึ้นก่อนจะเผยให้เห็นชายหนุ่มอีกคนที่ลงจากรถแล้ววิ่งตรงเข้ามาใต้     ต้นโพธิ์ที่ทั้งคู่กำลังยืนอยู่ ฝ่ายนั้นเมื่อเห็นว่าสถานการณ์ตรงหน้าของตนเป็นอย่างไรจึงหันไปมองคนตัวเล็กราวกับต้องการคำตอบทันที

   แฟร์รีบแกะมือหนาที่บีบต้นแขนของตนออกอย่างรวดเร็วก่อนจะรีบเดินเลี่ยงไปหาผู้มาเยือนคนใหม่ที่มีร่างกายกำยำสมกับความเป็นชายไม่แพ้ร่างสูง อีกคนที่ยืนนิ่งค้างด้วยใบหน้าเกรี้ยวกราดทันที

   “พี่ทิวช่วยพาผมกลับรีสอร์ทของพี่ทีนะครับ” แฟร์พูดขึ้นก่อนจะดึงแขนชายผู้มาใหม่คนนั้นไปที่รถ ทิ้งให้ร่างสูงที่ยังคงไม่ได้รับคำตอบยืนขบกรามอย่างเหลืออดเมื่อเห็นการกระทำของคนที่ขึ้นชื่อว่าเป็น 'คนของตัวเอง' กับผู้ชายคนอื่น

   “แต่มึงต้องกลับกับกู! กูมาที่นี่ก็เพราะมาตามมึงกลับไป!!” ไวเท่าความคิดมือหนาเอื้อมไปคว้าข้อมือเล็กก่อนจะออกแรงกระชากให้อีกฝ่ายกลับมาหาตัวเอง

   แต่แล้วทุกอย่างกลับยิ่งตาลปัตรเมื่อข้อมืออีกข้างของแฟร์ก็ถูกชายผู้มาใหม่คว้าเอาไว้ด้วยเช่นกันก่อนที่ฝ่ายนั้นจะพ่นคำพูดตราหน้าร่างสูงเจ้าอารมณ์กลับไป

   “ผมไม่รู้หรอกนะว่าคุณเป็นใคร แต่ช่วยปล่อยแฟร์เดี๋ยวนี้!”

   “กูไม่ปล่อย! แล้วมึงเป็นใครถึงได้กล้ามาสั่งให้กูทำแบบนั้น!!” ร่างสูงตอกอีกคนกลับไปอย่างเดือดดาล แรงที่บีบไปยังข้อมือเล็กส่งผลให้เกิดรอยแดงขึ้นเป็นริ้ว

   “ผมเป็นเหมือนพี่ชายของแฟร์!!”

   “แต่นี่มันเมียกู!!!”

   สิ้นเสียงของคนอารมณ์ร้อนทิวเบิกตาขึ้นราวกับไม่เชื่อหู มือหนาของเขาค่อยๆ ปล่อยข้อมือของคนตัวเล็กจนแฟร์ที่เงียบอยู่นานถอนหายใจออกมาอย่างขมขื่น

   “พอเถอะพี่ทิว” แฟร์หันไปพูดกับพี่ชายที่อาสามารับเขากลับบ้านก่อนจะหันกลับไปยังผู้ชายอีกคนที่ยังคงบีบข้อมือของเขาแน่นราวกับมีกาวติด

   “ต้องทำยังไงคุณถึงจะยอมปล่อยผมไปสักที”

   “กูไม่มีวันปล่อยมึงไป! นี่มันเรื่องบ้าอะไรบอกกูมา!!” ร่างสูงพ่นคำพูดตามนิสัยดิบเถื่อนที่ตัวเขาเองพยายามปรับปรุงมันหลังจากที่คิดจะจริงจังกับแฟร์ออกมา น้ำเสียงที่กราดเกรี้ยวแต่แฝงไปด้วยความรู้สึกราวกับคนอับจนหนทาง  ทำให้แฟร์ค่อยๆ ยิ้มและแกะมือเขาออกจากข้อมือของตัวเองช้าๆ

   ร่างบางรู้จักนิสัยของอีกฝ่ายดี…'อะไรที่อยากได้ก็ต้องได้แม้ว่าจะด้วยวิธีใดก็ตาม!'

       เขาเข้าใจว่าการ  บอกลาคงจะไม่เป็นผลหากอีกฝ่ายยังคงดื้อดึงและอารมณ์ร้ายอยู่แบบนี้ แต่เขาจำเป็นต้องทำ! เขาต้องอาศัยการหักดิบแบบนี้ก่อนที่มันจะสายเกินไป

   “ผมไม่อยากพูดถึงมันอีก พอกันที…ผมเหนื่อยและผิดหวังกับคุณมามากคุณกลับไปซะเถอะแล้วเราอย่าเจอกันอีกเลย ต่างคนต่างอยู่ คุณกลับไปใช้ชีวิตของคุณผมเองก็จะกลับไปใช้ชีวิตของผมให้เหมือนอย่างที่มันควรจะเป็นมาตั้งนานแล้ว”

   “ก็ลองดูสิ!! กูจะเป็นคนลากตัวมึงกลับไปเองไม่ว่าตัวผู้หน้าไหนก็พรากมึงไปจากกูไม่ได้!!!” ร่างสูงตะคอกกลับไปยังร่างบางที่ยืนแสยะยิ้มออกมาอย่างขบขันก่อนจะหันไปจ้องผู้ชายอีกคนที่ดูเหมือนอยากจะแย่งคนของเขาไปเสียเต็มประดาราวกับหวงของ

   คนตัวเล็กหัวเราะให้กับชะตาชีวิตที่เล่นตลกของตัวเองราวกับคนบ้า ก่อนแฟร์จะเอื้อยเอ่ยคำพูดที่ทำร้ายจิตใจคนฟังออกมาอีกระลอก คำพูดที่ตัวเขาคิดมันมาตลอดว่าคงเป็นทางออกที่ดีที่สุดสำหรับเรื่องบัดซบที่กำลังพบเจออยู่ในทุกวันนี้

   “หากไม่มีใครพรากผมไปจากคุณได้จริง…ก็คงเหลือทางเลือกให้ผมแค่ทางเดียวซะแล้วล่ะ”

   “...”



   “คือตายจากคุณไปซะ!”


       TBC...
      18/07/2560

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด