[END] >> ราชันย์พ่ายรัก << (18+) ตีพิมพ์กับธัญวลัย
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: [END] >> ราชันย์พ่ายรัก << (18+) ตีพิมพ์กับธัญวลัย  (อ่าน 65099 ครั้ง)

ออฟไลน์ little_munoi

  • ++ singular ++
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1677
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-3
ต่อค่ะ....มันพีคแล้ววว

ออฟไลน์ cheepoke

  • ^_^\/ สู้ๆ ฮู้เล่ๆ
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 78
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
    • https://www.facebook.com/BlueGusten.FictionY/



CHAPTER 17



“คือตายจากคุณไปซะ!”
:
:
:
ราชันย์ชะงักงันเมื่อสิ้นเสียงคำพูดที่แสนจะบาดลึกเข้าไปถึงหัวใจของเขา ร่างสูงมองแฟร์ที่แสยะรอยยิ้มสมเพชตัวเองออกมาด้วยแววตาอึ้ง ก่อนชายหนุ่มอีกคนที่ยืนฟังบทสนทนาของพวกเขาจะเอื้อมมือมาจับมือเล็กเอาไว้พร้อมกับเดินนำอีกฝ่ายไปที่รถของตัวเองทันที

ร่างสูงมองตามคนทั้งคู่ที่เดินผ่านตัวเองไปด้วยความรู้สึกปวดร้าวไปทั้งอก ลำพังความผิดที่ขืนใจร่างบางเรื่องนั้นราชันย์รู้ดีว่าอีกฝ่ายคงจะโกรธเขามากพอดูหากแต่ตอนนี้ดูเหมือนแฟร์จะยังมีเรื่องอื่นที่ทำให้เจ้าตัวโกรธมากกว่าจนถึงขั้นพูดออกมาแบบนั้น

ร่างบางมีท่าทีเย็นชาและแข็งกร้าวขึ้นจนกลายเป็นราชันย์เสียเองที่กำลังกลัว…กลัวว่าจะเสียคนๆ นี้ไปอีกคน

“อย่าไป…” ร่างสูงเอ่ยก่อนจะมองไปยังทั้งคู่ที่หยุดเดินเมื่อได้ยินเสียงของเขา

“กูมาที่นี่เพราะมาพามึงกลับเรื่องอะไรที่มันทำให้มึงโกรธกูถึงขนาดนี้กลับไปเคลียร์กันที่กรุงเทพฯ จะได้มั้ย” ราชันย์พูดราวกับกำลังอ้อนวอนอีกฝ่ายที่หันหลังกลับมามองเขาด้วยแววตาเรียบเฉย

“พอเถอะคุณราชันย์เรื่องทุกอย่างให้มันจบเสียตรงนี้…เวลานี้ ผมไม่อยากรื้อฟื้นมันอีกแล้ว” ว่าเสร็จร่างบางที่เตรียมตัวจะหันกลับก็ชะงักเมื่อได้ยินสิ่งที่อีกคนพูด

“แต่กูไม่ยอม!” ราชันย์ตะโกนลั่นแข่งกับเสียงฝนที่ยังคงโปรยปรายลงมาไม่ขาดสาย

“กูไม่ยอมให้มึงไปกับใครหน้าไหนทั้งนั้นถ้าไม่ใช่กู!” ร่างสูงพูดขึ้นต่อก่อนจะมองไปยังทิวากรที่ยืนอยู่ข้างๆ ร่างบางด้วยแววตาเกรี้ยวกราด หากทว่าชายหนุ่มผู้ถูกมองกลับยิ้มขึ้นเมื่อท่าทีของทั้งคู่ที่เขาเห็นล้วนบอกเล่าเรื่องราวที่ตัวเขาเองกำลังสงสัยอยู่จนหมดโดยที่อีกฝ่ายไม่จำเป็นต้องพูดอะไรออกมาอีกเลย

“ผมไม่รู้หรอกนะว่าสถานะของคุณสำหรับแฟร์แล้วมันคืออะไร” ทิวเอ่ยก่อนจะมองราชันย์กลับไม่วาง

“แต่ถ้าคุณมีความรู้สึกดีๆ กับแฟร์จริงผมอยากให้คุณใช้เหตุผลคุยกับเขามากกว่าอารมณ์เหมือนอย่างตอนนี้” ทิวากรว่าก่อนจะปล่อยมือออกจากมือเล็กจนแฟร์ที่ยืนอยู่ข้างๆ ตกใจกับคำพูดและการกระทำของอีกคน

“พี่ทิว!…” ร่างบางพยายามเถียงกลับแต่ก็ถูกทิวเอ่ยทับขึ้นมาก่อน

“กลับไปเคลียร์กับเขาเถอะแฟร์ เรื่องทุกอย่างเราจะรู้จริงๆ ก็ต่อเมื่อฟังความจากทั้งสองฝ่ายแล้วชั่งน้ำหนักดู หากเรื่องทั้งหมดมันเป็นอย่างที่แฟร์คิดจริงจะบอกเลิกเขาตอนนั้นก็ยังไม่สาย”

“มึง!...” ราชันย์โผงขึ้นเมื่อไม่เห็นด้วย ร่างสูงถลึงตามองอีกฝ่ายอย่างเอาเรื่องก่อนทิวากรจะสวนกลับทันทีที่ได้ยิน

“ผมกำลังช่วยคุณอยู่นะอย่าได้ใช้คำพูดพวกนั้นทำให้แฟร์มองคุณติดลบไปมากกว่านี้เลย” ทิวว่าพลางมองราชันย์กลับอย่างถือไพ่เหนือกว่า

“แต่พี่ทิวแฟร์ไม่อยากคุยกับเขาแล้วพาแฟร์กลับบ้านของพี่ทีนะ! นะครับ!” ร่างบางงอแงคว้าแขนทิวไว้ไม่ปล่อยจนราชันย์ที่ยืนมองอยู่ถึงกับเลือดขึ้นหน้าตรงเข้าหาทั้งคู่พร้อมกับแกะมือคนของตัวเองออกจากทิวากรพัลวัน

“ไม่อยากคุยมึงก็ต้องคุยและจะต้องคุยกันให้รู้เรื่องด้วย! กลับ!” ร่างสูงว่าพลางกระชากให้อีกคนเดินตามเขาไปยังรถของตัวเองที่จอดอยู่ไม่ไกลทันที

แฟร์พยายามยื้อตัวเองไว้จนสุดแรง ร่างบางทั้งถึ้งและจิกเล็บลงบนมือหนาที่คว้าแขนตัวเองไว้แน่นอย่างบ้าคลั่งแต่ถึงกระนั้นอีกฝ่ายก็ไม่ยอมปล่อยมือออกจากเขาเลยแต่อย่างใดจนแฟร์ต้องส่งเสียงตะโกนให้ชายหนุ่มอีกคนช่วยออกมา

“พี่ทิวช่วยแฟร์ด้วย!” ทิวากรมองไปยังคนที่กำลังส่งเสียงเรียกตัวเขาให้ช่วยอยู่สักพักก่อนร่างสูงจะพูดในสิ่งที่กำลังทำออกไป

“ตอนนี้พี่ก็กำลังช่วยแฟร์อยู่นี่ไง”

“แต่ผมไม่ได้ต้องการแบบนี้!” ร่างบางเถียง

“เชื่อพี่สิว่ามันคือวิธีที่ดีที่สุดได้เรื่องยังไงส่งข่าวคราวมาหาพี่บ้างนะ”

“มะ…โอ้ย! คุณราชันย์ผมเจ็บนะ!” แฟร์สบถออกมาเมื่อพยายามจะเถียงอีกฝ่ายกลับหากแต่โดนราชันย์จับยัดเข้าไปในรถเบนซ์สีน้ำเงินเสียก่อน

ร่างสูงจัดการคาดเข็มขัดให้ทันทีที่ก้นของอีกฝ่ายแตะลงบนเบาะหนังชั้นดี  ราชันย์จ้องคนที่พยายามจะหนีจากเขาเสียให้ได้นิ่งก่อนจะเอ่ยคำพูดที่เต็มไปด้วยการคาดโทษออกไป

“อย่าคิดที่จะหนีออกมา! เพราะแม้ว่าที่นี่จะเป็นวัดแต่กูก็กล้าพอที่จะปราบพยศมึงด้วยวิธีของกูเหมือนกัน!” นัยน์ตาสีน้ำตาลของแฟร์สั่นระริกร่างบางหยุดโวยวายทันทีที่อีกฝ่ายเค้นเสียงเอ่ยออกมา

ราชันย์หยัดตัวเองขึ้นพร้อมกับปิดประตูก่อนจะเดินหาทิวที่ยืนมองอยู่ไม่ไกล

“ขอบใจ” ราชันย์พูดออกไปก่อนทิวากรจะทำเพียงแค่พยักหน้าและหันหลังเดินกลับไปยังรถของตัวเองเพียงเท่านั้น

:
:
:
“มาที่นี่ทำไม” ร่างสูงเปิดประเด็นขึ้นอีกครั้งทันทีที่ขับเคลื่อนตัวรถออกจากวัดมาได้สักพักหากทว่าคนข้างๆ ก็ไม่ยอมปริปากตอบเขากลับเลยแม้แต่น้อย

“บอกกูหน่อยได้มั้ยว่าอะไรที่ทำให้มึงเป็นได้ถึงขนาดนี้” ราชันย์ถามขึ้นอีกพลางหันไปมองเสี้ยวหน้าบึ้งตึงของแฟร์อย่างรอคำตอบ

ร่างบางหันมาสบตาอีกคนเพียงครู่ก่อนจะเบือนหน้าหนีไปอีกทางเมื่อคำถามของราชันย์กลับเป็นสิ่งที่เขาไม่อยากตอบจนร่างสูงต้องงัดไม้เด็ดออกมาจัดการกับท่าทางพยศนี้

“หรือเป็นเรื่องที่กูข่มขะ…”

“พอเถอะ! เรื่องนั้นผมไม่อยากได้ยินอีก” แฟร์โผงขัดขึ้นอย่างที่ราชันย์อยากให้เป็น ร่างสูงแสยะยิ้มก่อนจะยัดเยียดสถานะที่กำลังเป็นอยู่ของทั้งคู่ออกไป

“มึงจะปฏิเสธมันอีกเป็นร้อยเป็นพันครั้งแต่มึงก็หนีความจริงที่ว่าเราทั้งคู่เป็นผัวเมียกันแล้วไม่ได้” ร่างบางอ้าปากค้างเมื่อราชันย์พูดเรื่องนี้ออกมาได้หน้าตาเฉย

“ผมไม่ใช่เมียของคุณ! และคุณก็ไม่ใช่ผัวของผม! หยุดพูดสักทีเถอะ” แฟร์ว่ากลับ

“กูอาจจะไม่ใช่ผัวของมึงแต่มึงคือเมียของกู” ราชันย์ไม่วายตีมึนบอกออกมา

“กูคิดกับมึงแบบนั้นไปแล้วที่เหลือ…คือกูจะทำให้มึงคิดแบบเดียวกันให้ได้” ร่างสูงว่าท่ามกลางหัวใจของอีกฝ่ายที่เต้นไม่เป็นระส่ำหากทว่าแฟร์กลับพูดในสิ่งที่ตรงข้ามกับความรู้สึกออกมา

“มันจะไม่มีทางเป็นแบบที่คุณหวัง”

“ตอนนี้อาจจะยังแต่กูเชื่อว่ากูสามารถทำให้มึงเปลี่ยนความคิดได้” ร่างสูงหนักแน่น

“มั่นใจเกินไปมั้ย?” ร่างบางถามเสียงเรียบทำเอาราชันย์ที่ขับรถอยู่หันกลับมาพลางตอบออกไปอย่างไม่กั๊ก

“ไม่หรอก…เพียงแต่สำหรับมึงแล้วมีเท่าไหร่กูพร้อมเทหมดหน้าตัก”

ร่างบางได้ยินก็ชะงัก แฟร์หันมองเสี้ยวหน้าของอีกคนอย่างคิดหนักเมื่อราชันย์ดูจะจริงจังกับเรื่องของพวกเขามากเกินกว่าที่ตัวเขาเองจะรู้ เพียงแต่ในตอนนี้สิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นกลับกลายเป็นเรื่องที่ผิดอย่างมหันต์หากยังปล่อยให้มันดำเนินต่อไป

“เก็บความรู้สึกของคุณเอาไว้เถอะเพราะเรื่องระหว่างเรามันเป็นไปไม่ได้” แฟร์พยายามบอกปัดให้ราชันย์ตัดใจจนร่างสูงต้องจอดรถตรงข้างทางและหันมาถามอีกคนอย่างไม่เข้าใจ

“ทำไมจะไม่ได้” ร่างสูงขมวดคิ้วมุ่น

“ไม่ได้ก็คือไม่ได้” ร่างบางตอบฉุดให้ราชันย์ยิ่งไม่เข้าใจจนต้องคาดคั้นกลับไปอีกรอบ

“แล้วอะไรที่มึงเอามาตัดสินว่าเรื่องระหว่างเรามันเป็นไปไม่ได้!!” เสียงทุ้มตวาดลั่นก่อนร่างบางจะเผยความจริงที่คิดมาตลอดสองวันออกมาในที่สุด

“เพราะเราเป็นพี่น้องกัน!!” ราชันย์ชะงักกึกเมื่อได้ยิน

“มึงพูดเรื่องอะไร!?” ร่างสูงคว้าข้อมือของแฟร์พลางกระชากอีกคนเข้ามาถามกลับเสียงแข็ง

“เราทั้งคู่เป็นพี่น้องต่างแม่กันเรื่องนี้แม่ของคุณรู้ดี!” ร่างบางบอกก่อนราชันย์จะเบิกตากับเรื่องที่เพิ่งจะได้รับรู้

“เป็นไปไม่ได้!” ร่างสูงเอ่ยกลับอย่างเกรี้ยวกราดก่อนแฟร์ที่พยายามแกะมือของอีกฝ่ายออกจะพูดขึ้นเสียงเรียบ

“มันเป็นไปแล้วล้มเลิกความคิดบ้าๆ ของคุณซะเถอะลำพังเรื่องที่คุณหลอกผมมากมายนั่นก็บั่นทอนจิตใจผมจะแย่”

“แฟร์กูไม่ตลก!” ราชันย์ไม่ยอมจบก่อนแฟร์จะสวนกลับทันควัน

“ผมก็ไม่ได้โกหกคุณเหมือนกัน!” ร่างสูงมองหน้าแฟร์อยู่สักพักก่อนที่มือหนาจะคลายออกจากข้อมือเล็กพลางยกขึ้นกุมขมับของตัวเองอย่างเคร่งเครียด

“เรื่องนี้ใช่มั้ยที่หมอนั่นมันบอกให้มึงมาเคลียร์กับกู?” ราชันย์ถามก่อนจะมองแฟร์ที่เอาแต่ลูบข้อมือตัวเองเพราะเจ็บจากการกระทำของเขาเมื่อครู่

“งั้นกูจะไปถามท่านให้รู้เรื่อง!” เมื่อแฟร์ไม่ยอมตอบร่างสูงจึงเอ่ยก่อนจะทำท่าออกตัวรถทันที

“ถ้าคุณจะไปก็ปล่อยผมลงตรงนี้” ร่างบางคว้ามือหนาที่กำลังจะขยับเกียร์ให้เข้าที่หากแต่ราชันย์กลับดื้อที่จะยิ้อเขาไว้

“ไม่! มึงต้องไปกับกู”

“ผมไม่ไปผมไม่อยากเจอหน้าแม่ของคุณ” แฟร์ว่าก่อนราชันย์จะชักมือตัวเองที่ยังคงถูกอีกคนเกาะกุมอยู่ออกพลางวางมันไว้บนมือของร่างบางก่อนจะกระชับแน่น

“กูไม่รู้หรอกว่ามึงรู้เรื่องนี้มาจากไหน แต่กูจะไม่ยอมปล่อยมึงไปไหนทั้งนั้นมันต้องมีอะไรมากกว่าที่มึงคิด” ร่างสูงว่า

“แต่สำหรับผมทุกอย่างมันเคลียร์หมดแล้ว พอแค่นี้…จบแค่นี้เถอะ” เสียงใสตอบพลางจ้องเข้าไปในดวงตาของอีกฝ่าย

“ไม่”

“คุณราชันย์!...” แฟร์ที่พยายามหาเหตุผลมากมายออกมาเถียงกับอีกฝ่ายชะงักทันทีที่คำพูดต่อมาของราชันย์หลุดออกจากเรียวปากสีคล้ำนั้นมา

“แฟร์…ถือว่ากูขอ…แค่ครั้งเดียว…กลับไปกับกูอย่างน้อยมึงก็กลับไปถามจากแม่กูให้รู้เรื่อง อย่างที่หมอนั่นบอกมึงต้องฟังและชั่งน้ำหนักดู กูว่าแม่กูต้องมีคำตอบให้กับมึงสำหรับเรื่องนี้” ราชันย์กระชับมือของอีกฝ่ายมากกว่าเดิมก่อนที่แฟร์จะมองอีกคนกลับแววตาอ่อนล้า

เรื่องราวมากมายที่ร่างบางเจอมาล้วนแล้วแต่บั่นทอนจิตใจของแฟร์ให้นึกยอมแพ้จนไม่มีกำลังใจให้อยากจะก้าวต่อไปข้างหน้าอีกเลย

มันทั้งเหนื่อยและล้า…เกินจะรับไหวแล้วจริงๆ




“วันนี้ลมอะไรหอบลูกชายตัวดีของแม่กลับบ้านจ้ะ อ้าว! หนูแฟร์ก็มาด้วยเหรอ นั่งก่อนๆ” กนกกล่าวทักเมื่อเห็นราชันย์เดินเข้ามาในบ้านก่อนคนเป็นเจ้าของบ้านคนนี้จะเอ่ยเชิญเมื่อเห็นว่ายังมีอีกคนที่ลูกชายของเธอจูงมือเดินตามเข้ามา

“แม่ครับผมกับแฟร์มีเรื่องจะคุยด้วย” ราชันย์จูงมือแฟร์เดินเข้ามาหยุดอยู่ที่โซฟาตรงหน้ากนกที่กำลังนั่งอ่านหนังสือพิมพ์ฉบับวันนี้

“เรื่องอะไรเหรอทำไมทำหน้าเครียดกันเชียว” ผู้เป็นแม่ถามกลับก่อนร่างบางที่ยืนอยู่ข้างๆ จะไม่พูดพร่ำทำเพลงถามอีกฝ่ายออกไปทันที

“คุณเคยรู้จักผู้ชายชื่อนิกรหรือเปล่า” สรรพนามและชื่อที่แฟร์ถามออกไปทำเอากนกที่ส่งยิ้มจนแก้มปริกลับมาถึงกับชะงัก

“น่ะ…นิกรเหรอ ไม่นี่จ้ะ ฉันไม่เคยรู้จักคนชื่อนี้” คนตรงหน้าเอ่ยกลับด้วยท่าทีหวาดๆ ก่อนแฟร์จะตวาดถามกลับไปอีกเมื่อท่าทีของกนกทำให้ร่างบางรู้ได้ทันทีว่าเธอกำลังปิดบังอะไรบางอย่างไว้

“ผู้แล้วหญิงที่ชื่อลินดาล่ะเคยรู้จักหรือเปล่า!”

“ใจเย็นหน่อยแฟร์!” ร่างสูงคว้าแขนอีกฝ่ายพลางออกปากปรามหากแต่แฟร์กลับสะบัดแขนออกจากการเกาะกุมของอีกฝ่ายก่อนจะจ้องหน้ากนกอย่างเอาเรื่อง

“ทะ…ทำไมถึงถามป้าด้วยล่ะจ้ะ” เจ้าของบ้านออกปากถามด้วยท่าทีเกรงๆ จนร่างบางที่ทนดูไม่ได้อีกต่อไปจะตวาดเรื่องที่ค้างคาในใจออกไปในที่สุด

“ก็เพราะผมเป็นลูกของเขา! ลูกของคนที่คุณส่งคนไปทำลายครอบครัวจนพวกเขาต้องลำบากยังไงล่ะ!!”

“!!”

กนกเบิกตากว้างเมื่อได้ยิน คนเป็นแม่หันไปสบตาของราชันย์ที่ยืนตรงหน้าราวกับมีเรื่องที่อยากจะขอร้องหากทว่าร่างบางที่ยืนข้างๆ ร่างสูงกลับตอกกลับไปอีก

“ผมไม่คิดเลยว่าคุณจะเป็นคนแบบนี้! เสียแรงที่เคารพ ที่แท้คุณมันก็แค่คนจิตใจโหดร้ายคนหนึ่งเท่านั้น!!”

“ใจเย็นก่อนแฟร์! ” ราชันย์ตะโกนปรามก่อนกนกที่หอบหายใจหนักขึ้นจะเค้นเสียงถามร่างบางกลับอย่างยากลำบาก

“นะ…หนูแฟร์คือลูกของ…ละ…ลินดา?”

“ใช่! ผมคือลูกของเธอ ลูกที่เกือบจะไม่ได้เกิดเพราะคุณส่งคนไปทำร้ายเธอทันทีที่รู้ว่าพ่อแท้ๆ ของผมคือคุณพิภพยังไงล่ะ!” สิ้นเสียงของร่างบางกนกก็ล้มพับพลางหอบอย่างหนักลงตรงนั้นทันที

“แม่!!!” ราชันย์ตรงเข้าไปหอบเอาร่างของผู้เป็นแม่ขึ้นก่อนที่ร่างบางของคนข้างๆ จะเขย่าร่างในอ้อมอกของเขาอย่างบ้าคลั่ง

“ลืมตาขึ้นมาเดี๋ยวนี้นะคุณกนก!!” แฟร์ตวาดก่อนร่างสูงจะปัดมือเล็กออก

“แฟร์! โรคหอบแม่กูกำเริบหยิบยาบนโต๊ะนั่นให้หน่อย!!” ร่างสูงวานหากทว่าแฟร์กลับเมินเฉย

“โรคหอบอย่างงั้นเหรอเสแสร้งมากกว่า!” ร่างบางเหยียดยิ้มมองอย่างสมเพช

“แฟร์มึงมันบ้าไปแล้ว!”

“ใช่! ผมมันบ้า! เรื่องทุกอย่างที่เกิดขึ้นมันเป็นเพราะแม่ของคุณ! แม่คุณใจร้าย! โหดร้ายเกินกว่าจะเกิดมาเป็นมนุษย์ด้วยซ้ำ!!”

เพี้ยะ!!

“อึก!” ร่างบางทรุดตัวลงบนพื้นทันทีหลังจากที่มือหนาปะทะเข้ากับใบหน้าข้างซ้ายของเขาจนมันชาไปทั้งแถบ

ราชันย์มองคนบนพื้นพลางชะงัก มือหนาสั่นเทิ้มเพราะการกระทำของตัวเองก่อนคนเป็นน้องที่เดินลงมาเพราะเสียงดังเอะอะจะถามขึ้น

“เกิดอะไรขึ้นครับ” อัศวินถามก่อนจะมองลงมาพลางเบิกตากว้างเมื่อเห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

“วินโทรตามอาหมอเร็ว!!” ราชันย์ดึงสติตัวเองกลับก่อนจะออกปากสั่งอัศวินที่วิ่งลงบันไดตาลีตาเหลือกมาหาพวกเขาเสียงดัง

ร่างสูงของน้องชายวัยยี่สิบหยิบโทรศัพท์ต่อสายหาคนที่ผู้เป็นพี่ชายบอกทันทีก่อนที่ราชันย์จะตะโกนเรียกแม่บ้านและพ่อบ้านดังลั่น

“ป้าแจ่ม!! ลุงน้อย!!”

“ค่ะคุณหนู ว้าย! คุณผู้หญิงเป็นอะไรไปคะ!?” หญิงวัยกลางคนตรงเข้าหาราชันย์ทันทีก่อนชายวัยกลางคนที่วิ่งตามมาจะตรงเข้าช่วยด้วยอีกแรง

“ท่านอาการกำเริบ ป้าแจ่มผมฝากป้ากับลุงน้อยพาท่านขึ้นข้างบนที วินกำลังโทรตามอาหมออยู่อีกสักพักท่านคงจะถึง” ราชันย์สั่งก่อนที่พ่อบ้านจะเป็นคนอุ้มกนกขึ้นบนบ้านไปทันที

ร่างสูงมองตามหลังของคนทั้งคู่ที่เดินขึ้นบันไดไปก่อนจะหันกลับมาให้ความสนใจกับร่างบางที่ยังคงนั่งนิ่งไม่ไหวติง

“มากับกู!” ราชันย์คว้าแขนของแฟร์ก่อนจะออกแรงดึงให้อีกฝ่ายลุกขึ้นและกระชากให้เดินตามไปยังบ้านหลังเล็กภายในสวนหลังบ้านทันที

:
:
:
“โอ้ย!” แฟร์ร้องออกมาเมื่อราชันย์เหวี่ยงตัวเขาลงบนเตียงภายบ้านที่ดูเหมือนจะถูกปิดมานาน

“ทำไมมึงถึงทำแบบนั้นห๊ะ แฟร์! มึงกลายเป็นคนก้าวร้าวแบบนั้นตั้งแต่เมื่อไหร่!!” ร่างสูงตวาดว่าอีกคนที่ค่อยๆ ยันตัวเองให้ลุกขึ้นนั่ง

“แฟร์!...กูถามมึงอยู่นะ! มึงเกือบจะทำให้แม่กูตายแล้วรู้ตัวมั้ย!!” ราชันย์ว่าหากแต่แฟร์ก็ยังไม่ตอบ ร่างบางก้มหน้านิ่งจนร่างสูงทนไม่ได้กระชากอีกฝ่ายให้หันมาหาตัวเอง

“แฟร์!...” ราชันย์ชะงักงันเมื่อใบหน้าของร่างบางที่หันมากลับเต็มไปด้วยน้ำตามากมายที่หลั่งไหลออกจากดวงตากลมเป็นสาย

แฟร์ส่งเสียงสะอื้นไห้พลางสะบัดแขนออกจากการเกาะกุมของอีกฝ่ายจนราชันย์ที่มองดูภาพนั้นด้วยหัวใจที่บีบรัดจะถอนหายใจออกมาพลางโน้มหัวอีกฝ่ายเข้าแนบอก

“หยุด! หยุดทำแบบนี้สักที!” ร่างบางขัดขืนพร้อมกับลุกขึ้นยืนก่อนจะปาดน้ำตาออกจากใบหน้าและเดินเลี่ยงอีกคนไปยังประตู

“จะไปไหน!”  ร่างสูงถาม

“ผมจะกลับบ้าน!”

“มึงยังกลับไม่ได้กูไม่ให้มึงไปไหนทั้งนั้น!” ราชันย์คว้าแขนของอีกคนเอาไว้พร้อมกระชากกลับ

“ปล่อย! ปล่อยผมเดี๋ยวนี้! ปล่อย!!” แฟร์พยายามยื้ออีกฝ่ายสุดแรงแต่ราชันย์กลับไม่สะทกสะท้าน

ร่างสูงเดินไปยังโต๊ะไม้เก่าๆ ไม่ไกลจากเตียงมากนักพลางเปิดลิ้นชักช่องที่สองนับจากข้างบนก่อนจะหยิบเอาเชือกมัดใหญ่ออกมา

“คะ…คุณจะทำอะไร!” ร่างบางเอ่ยร้องเสียงหลงก่อนราชันย์จะจับแฟร์หันหลังและใช้เชือกที่ว่ามัดมืออีกฝ่ายไว้ทันที

“กูกลัวมึงหนีกูจะไปดูแม่สักหน่อยแล้วจะกลับมา” ร่างสูงว่าพลางมัดเท้าอีกฝ่ายติดกับเสาเตียงไว้มั่น

“คุณทำแบบนี้กับผมไม่ได้!” แฟร์ตวาดว่า

“รอกูอยู่ที่นี่เรายังมีเรื่องที่ต้องคุยกันอีกยาว” ร่างสูงไม่สนใจคำพูดของอีกฝ่าย ราชันย์จ้องใบหน้าฮึดฮัดของแฟร์ก่อนจะโน้มใบหน้าลงไปกดจูบบนหน้าผากเล็กของร่างบางราวกับหวงแหน

“คุณ!...”

“สงบสติอารมณ์ของมึงซะก่อนกูรู้ว่ามึงทำไปทั้งหมดมึงไม่ได้ตั้งใจ” สิ้นเสียงร่างสูงก็ผละเดินออกจากห้องไปทันที




ราชันย์เดินกลับเข้าห้องนอนภายในบ้านสวนหลังเล็กอีกครั้งตอนเวลาประมาณสามทุ่ม ร่างสูงสังเกตเห็นจานข้าวบนโต๊ะที่วานให้ป้าแจ่มนำมาให้แฟร์ก่อนจะเดินเข้าไปดูก็พบว่ามันไม่พร่องไปเลยแม้แต่น้อย

ราชันย์หันมองแฟร์ที่นั่งหลับอยู่ข้างเตียงอย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัวด้วยแววตาเอ็นดูท่ามกลางแสงสว่างจากหลอดไฟข้างนอกที่สาดส่องเข้ามาในห้องมืดสนิทให้สลัวพอที่จะสามารถเห็นใบหน้าเล็กได้ ก่อนร่างสูงจะคอ่ยๆ ก้มลงแกะเชือกที่มัดมือและเท้าของอีกฝ่ายเอาไว้ออกพลางอุ้มร่างบางขึ้นนอนบนเตียง

“ขอโทษที่ทำให้ตื่น” ราชันย์พูดเมื่อจู่ๆ แฟร์ก็ลืมตาตื่นขึ้นมา

ร่างบางมองคนตรงหน้าสักพักก่อนจะบิดตัวนอนหันหลังให้อีกฝ่าย จนราชันย์ที่มองการกระทำนี้อยู่ใกล้ๆ ถึงกับอมยิ้มขึ้นอย่างไม่รู้ตัว

ร่างสูงเอื้อมมือลูบไปยังมุมปากซ้ายของแฟร์อย่างรู้สึกผิด บาดแผลที่ตัวเองเป็นคนสร้างมันให้กับอีกฝ่ายทำเอาราชันย์ถึงกับนึกโกรธตัวเองขึ้นมาทุกทีที่เห็น

“เจ็บมากหรือเปล่า” ร่างสูงเอ่ยถามเสียงเนิบหากแต่แฟร์กลับทำเพียงถอนหายใจออกมาเท่านั้น

“พูดอะไรออกมาหน่อยสิแฟร์อย่าเอาแต่เงียบแบบนี้” ราชันย์ไม่ว่าเปล่า ร่างสูงเอนกายหนาลงนอนซ้อนทับด้านหลังร่างบางเอาไว้ก่อนจะพาดแขนข้ามตัวอีกฝ่ายพลางดึงตัวแฟร์มากอดไว้แน่น

“ผมจะกลับบ้าน” ร่างบางเอ่ยกลับเสียงอู้อี้ มือเล็กพยายามแกะมือหนาที่เหนียวราวกับกาวออกแต่สุดท้ายก็ไม่ได้ผล

“อยู่ที่นี่ก่อนแม่ฉันอยากคุยกับนายพรุ่งนี้” ราชันย์ว่าพลางพลิกตัวอีกฝ่ายให้หันมาหาก่อนจะมองใบหน้าของแฟร์นิ่ง

“ปล่อยเถอะคุณราชันย์คุณก็รู้ว่าตอนนี้พวกเราเป็นอะไรกัน อย่าทำอะไรที่มันผิดไปมากกว่านี้เลย” ร่างบางพยายามดิ้นแต่หารู้ไม่ว่าแทนที่ราชันย์จะคลายอ้อมกอดนี้ออกร่างสูงกลับกระชับอ้อมแขนเข้ามากกว่าเดิมจนแฟร์รับรู้ถึงเสียงหัวใจของเขาที่กำลังเต้นแรงได้อย่างชัดเจน

“ไม่ต้องกลัวไปหรอกความสัมพันธ์ของพวกเราไม่ได้เลวร้ายอย่างที่นายคิด” ราชันย์ว่าพลางก้มลงจรดริมฝีปากลงบนหน้าผากมนอีกครั้ง

“คุณหมายความว่ายังไง” แฟร์ได้ยินก็ชะงักนึกสงสัยในความหมายจนต้องถามออกมาหากทว่าราชันย์กลับเฉไฉและเปลี่ยนเรื่องพูดขึ้น

“หลับเถอะวันนี้ฉันเหนื่อยมามาก” ร่างสูงว่าพลางเกยคางของตัวเองลงบนศีรษะเล็กของคนในอ้อมกอดก่อนจะปิดเปลือกตาลง

แฟร์มองแผงอกแกร่งตรงหน้าก่อนจะเอ่ยถามถึงอีกคนที่เขาเพิ่งจะนึกได้ถึงการกระทำไม่ดีที่ได้ทำเอาไว้เมื่อคราวที่ราชันย์ทิ้งให้เขาอยู่กับตัวเองในห้องนอนแห่งนี้

“แล้วคุณแม่ของคุณ…” ร่างบางเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงรู้สึกผิด

“ตอนนี้ท่านปลอดภัยแล้วแค่เครียดเฉียบพลัน”

“ผม…ขอโทษสำหรับเรื่องเมื่อตอนเย็น”

“ไม่เป็นไรฉันคุยกับท่านให้แล้วท่านไม่โกรธนายเลยสักนิด”

“ทำไม?”

“ไว้นายค่อยถามท่านเองพรุ่งนี้แล้วกัน” ว่าเสร็จราชันย์ก็กระชับอ้อมกอดเข้าอีกจนแฟร์ต้องปราม

“คุณราชันย์มันอึดอัดปล่อยผมเถอะ”

“ขออยู่แบบนี้ทั้งคืนจะได้มั้ยฉันตามหานายหลายวันเลยนะ” ร่างสูงเอ่ยเสียงเนือย

“แต่ตอนนี้คุณก็เจอแล้วไงจะเอาอะไรอีก” แฟร์ถามพลางดันแผงอกของร่างสูงออกเต็มแรง

ราชันย์ลืมตาตื่นก่อนจะถดตัวถอยลงมาจ้องหน้าแฟร์นิ่งพร้อมกับพูดอย่างคาดโทษ

“นี่เป็นการลงโทษที่นายหายไป”

“ผมไม่ได้หายแค่ไปทำธุระ” แฟร์เถียง

“ธุระที่นายไม่บอกฉัน” ร่างสูงว่า

“แล้วทำไมผมต้องบอกคุณ”

“เพราะฉันเป็นผะ!…” ร่างสูงชะงักก่อนจะเอ่ยคำนั้นออกมา แฟร์มองนัยน์ตาสีดำสนิทของราชันย์ในความมืดก่อนจะเอ่ยคาดโทษอีกฝ่ายออกไปบ้าง

“ที่ผมหายไปมันก็เป็นเพราะคุณ” สิ้นเสียงร่างบางก็พลิกตัวหันหลังให้ราชันย์ จนร่างสูงสำนึกในความหมายของคำพูดนั้นหน้าเศร้า

“ขอโทษ…” เสียงทุ้มเอ่ยก่อนราชันย์จะโอบกอดแฟร์เอาไว้ทั้งตัว

“ขอโทษที่ทำแบบนั้นขอโทษจริงๆ” ร่างสูงล้วนพูดออกมาจากใจทุกคำก่อนเสียงใสจากอีกคนจะฉุดให้ราชันย์ต้องคิดหนักขึ้นทันใด

“จะเป็นอะไรมั้ยถ้าผมไม่ให้อภัยคุณ” ราชันย์ยกหัวขึ้นพลางมองไปยังเสี้ยวหน้าของอีกฝ่ายก่อนจะถามอย่างหวาดๆ

“เอาจริง?”

“แค่ถาม” แฟร์ตอบ

“ถ้าอย่างงั้นฉันก็จะตื้อนายอยู่อย่างนี้ไม่ปล่อย” ว่าเสร็จร่างสูงก็ซุกหน้าเข้ากับลำคอขาวของแฟร์ก่อนจะจรดริมฝีปากลงไปจนร่างบางต้องหดคอหนี

“แล้วถ้าผมหายไปจากคุณอีกล่ะ” แฟร์เอี้ยวตัวก่อนจะหันมาจ้องราชันย์นิ่ง ร่างสูงได้ยินดังนั้นก็ชะงักพลางถามอีกฝ่ายกลับอย่างต้องการคำตอบ

“คิดจะทำอะไร”

“เปล่า” แฟร์ตอบก่อนจะหันกลับหากแต่ราชันย์กลับคว้าคางเล็กนั้นเอาไว้เสียก่อนพร้อมกับจ้องอีกฝ่ายเข้าไปในดวงตากลม

“นายต้องมีอะไรอยู่ในหัวแน่ๆ บอกฉันมาเดี๋ยวนี้” เสียงทุ้มถามคาดคั้น

“ไม่มี” ร่างบางมองกลับก่อนจะตอบเสียงเรียบ

“แน่นะ” ราชันย์ถามย้ำ

“อืม”

“โกหกฉันนายตาย” ร่างสูงว่าพลางปล่อยคางอีกคนให้เป็นอิสระ แฟร์จึงหันกลับก่อนจะหลับตานิ่ง

“คุณไม่กล้าฆ่าผมหรอก” ร่างบางเอ่ยยั่วอย่างรู้ทัน

“ฉันอาจจะไม่กล้าฆ่าแต่ฉันสามารถทำให้นายตายทั้งเป็นได้ไม่เชื่อก็ลองดู”

สิ้นสุดบทสนทนาด้วยการที่แฟร์ไม่ตอบกลับ ร่างบางของแฟร์รู้ดีว่าความหมายของคำพูดราชันย์คืออะไร ก่อนจะพยายามข่มตาตัวเองให้หลับท่ามกลางเสียงหัวใจของพวกเขาทั้งคู่ที่ดังสอดผสานออกมาเป็นจังหวะเดียวกัน

แต่ฉันสามารถทำให้นายตายทั้งเป็นได้ ก็คงมีความหมายเดียวกับประโยคที่ว่า...

'แม้ว่าแฟร์จะพยายามหนีสักแค่ไหนก็ไม่พ้นจากราชันย์ไปได้' กระมัง



TBC...............
--------------------------------------------------
ความดาร์กของหนูแฟร์โผล่ออกมาจนราชันย์พลั้งมือทำร้ายน้องเลย T^T
ตอนนี้หากใคร งง กลับไปอ่านบทนำก่อนนะคะเพราะเนื้อเรื่องต่อจากตรงนั้น
ส่วนจุดพีคยังไม่คลี่คลายแต่วางใจได้เหมือนกับที่ราชันย์บอกนะคะ
ว่า...ความสัมพันธ์ของพวกเขาไม่ได้โหดร้ายขนาดนั้น (เอะๆ เดาออกกันแล้วล่ะสิ ^^)
#เป็นกำลังใจให้เฮียชันย์กับหนูแฟร์ด้วยจร้าาาา

 o22 o22 o22 o22 o22 o22

ออฟไลน์ ่jum

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3709
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-4
 :pig4:

ออฟไลน์ som

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2708
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +230/-2
เฮ้อ  ชันย์เกือบดีแล้วนะนี่  แต่มันดีไม่สุดเลย  เฮ้อ  ยังไม่ให้เป็นพระเอกนะ

ออฟไลน์ Gato88

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 22
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
 :pig4:

ออฟไลน์ cheepoke

  • ^_^\/ สู้ๆ ฮู้เล่ๆ
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 78
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
    • https://www.facebook.com/BlueGusten.FictionY/


CHAPTER 18



แฟร์ตื่นนอนแต่เช้าพลางกวาดตามองไปทั่วห้องเพื่อหาใครอีกคนที่เอาแต่นอนกอดเขาทั้งคืนไม่ห่างหากแต่เมื่อมองไปจนทั่วแล้วกลับไร้ซึ่งวี่แววและเงาของอีกฝ่าย ไม่มีแม้กระทั่งการเคลื่อนไหวภายในในห้องนี้แม้แต่น้อย

ร่างบางกระพริบตาถี่ๆ ก่อนจะลุกขึ้นและเดินไปยังโต๊ะเล็กที่มีกระดาษโน้ตปิดพับวางเอาไว้เคียงข้างด้วยชามข้าวต้มร้อนๆ ที่ส่งกลิ่นหอมเสียจนแฟร์ไม่รอช้ารีบนั่งและจัดการอาหารเช้าตรงหน้าทันที

มือเล็กเปิดกระดาษโน้ตขึ้นอ่านพลางตักอาหารตรงหน้าเข้าปากอย่างเอร็ดอร่อย ถ้อยคำแกมบังคับนิดๆ ที่ถูกอีกฝ่ายกลั่นกรองออกมาเป็นตัวหนังสือหวัดหากทว่ามันก็ยังบรรจงในคราวเดียวกันตรงหน้าทำให้แฟร์รู้ทันทีว่าเจ้าของกระดาษโน้ตใบนี้จะเป็นใครไปไม่ได้นอกจาก…ราชันย์

ทานข้าวต้มให้อร่อย
ฉันเตรียมชุดใหม่ไว้ในตู้
อาบน้ำและเปลี่ยนเป็นชุดนั้น
แล้วมาพบฉันที่ห้องรับแขกเรือนใหญ่

แฟร์ปิดพับกระดาษโน้ตไว้ตามเดิม ร่างบางก้มหน้าก้มตาทานข้าวต้มตรงหน้าจนหมดก่อนจะลุกขึ้นเดินเข้าห้องน้ำไปเพื่อทำธุระตามที่อีกคนได้เขียนระบุไว้ในกระดาษโน้ตแผ่นนั้น เมื่อเสร็จร่างบางก็เดินออกจากบ้านสวนหลังนี้พร้อมกับมุ่งหน้าไปยังเรือนใหญ่ทันที

แฟร์เดินเข้าห้องโถงของเรือนใหญ่ด้วยท่าทีเกรงๆ บรรยากาศโดยรอบช่างเงียบสงัดส่งผลให้ร่างบางได้ยินเสียงพูดคุยที่ดังแว่วออกมาจากห้องรับแขกห่างจากจุดที่เขายืนประมาณยี่สิบเมตรได้อย่างชัดเจน

แฟร์ตัดสินใจเดินผ่านตู้โชว์ของสะสมหลายหลังไปยังห้องรับแขกที่อยู่ทางขวามือ จนกระทั่งดวงตากลมสังเกตเห็นสมาชิกในครอบครัวนี้ทั้งหมดกำลังนั่งเรียงรายอยู่บนโซฟาหรูท่ามกลางการพูดคุยของพวกเขาที่ดูจะมีรายละเอียดสำคัญ เพราะในขณะที่ร่างบางได้ก้าวเท้าเดินเข้าไป เสียงเหล่านั้นกลับเงียบลงถนัดตาจนแฟร์เริ่มสงสัย

เจ้าบ้านอย่างกนกส่งยิ้มให้กับคนที่มาใหม่ ก่อนนัยน์ตาสีน้ำตาลของร่างบางจะกวาดมองไปจนทั่วห้องที่มีทั้งพ่อบ้าน แม่บ้าน และชายวัยกลางคนอีกคนหนึ่งซึ่งแฟร์เองก็ไม่เคยเห็นหน้ามาก่อนกำลังมองเขาเป็นตาเดียว

ราชันย์ที่นั่งอยู่บนโซฟาตัวขวามือของกนกโบกมือเรียกแฟร์พลางเขยิบที่นั่งข้างตัวเพื่อเป็นสัญญาณให้อีกฝ่ายรับรู้ว่าร่างสูงกำลังบอกเป็นนัยให้ร่างบางเข้าไปนั่งก่อนแฟร์จะตัดสินใจทำตามที่อีกฝ่ายบอกอย่างว่าง่าย

“หลับสบายมั้ยจ้ะหนูแฟร์” กนกเอ่ยทักทำลายความเงียบที่เกิดขึ้นเมื่อแฟร์นั่งลงบนโซฟาข้างๆ ราชันย์เป็ฯที่เรียบร้อย

ร่างบางมองอีกฝ่ายกลับด้วยความรู้สึกผิดที่ประเดประดังเข้ามาจนคับอกก่อนราชันย์จะหันมาสบตากับเขาพลางพยักหน้าเพื่อเป็นการผ่อนคลายความกังวลนี้

“คะ…ครับ” แฟร์ตอบพลางก้มหัวกลับ

“นี่คือคุณทนงศักดิ์ทนายประจำตระกูลของเราจ้ะ” กนกแนะนำชายวัยกลางคนที่นั่งอยู่ด้วย

“ทนาย? ตระกูลของเรา?” ร่างบางถามอย่างไม่เข้าใจก่อนคนเป็นเจ้าของบ้านจะเอ่ยทับขึ้นมาเสียก่อน

“เอาล่ะในเมื่อมากันครบแล้วฉันก็จะเริ่มเล่าเรื่องราวทั้งหมดในอดีตที่ยังติดค้างไว้แต่ก่อนอื่นฉันขอถามอะไรหนูแฟร์หน่อยจะได้มั้ย” กนกว่าพลางมองแฟร์นิ่ง

ร่างบางเหลือบมองอีกฝ่ายเพียงครู่ก่อนจะพยักหน้ากลับอีกฝ่ายเลยไม่รอช้าเอ่ยคำถามที่อยู่ในใจของเธอออกไปทันที

“แฟร์ได้ยินเรื่องที่ป้าส่งคนไปทำร้ายลินดาได้ยังไง” คนถามมีสีหน้าที่อยากจะรู้ความจริงในข้อนี้เอามากๆ

“ผมได้อ่านจดหมายของพ่อที่ฝากไว้กับผู้ใหญ่ท่านหนึ่งน่ะครับบังเอิญคุณพ่อท่านอาศัยอยู่กับเขาก่อนจะเสีย” ร่างบางตอบ

“นิกรเสียแล้วเหรอ” กนกมีท่าทีตกใจกับข่าวที่ได้รู้เธอเบิกตากว้าพลางยกมือขึ้นปิดปากอย่างเสียไม่ได้

“ครับเมื่อสองปีก่อน” แฟร์ว่าก่นอจะยกน้ำเปล่าตรงหน้าขึ้นดื่ม

“ป้าเสียใจด้วยนะจ้ะไม่คิดเลยว่าสองคนนั้นเขาจะเสียในเวลาไล่เลี่ยกัน เพราะคุณพิภพเองก็เสียไปเมื่อสองปีก่อนเหมือนกัน” เจ้าของบ้านเอ่ยคำพูดเป็นนัยออกมาให้ร่างบางสงสัยก่อนเธอจะถอนหายใจและเริ่มต้นเรื่องราวที่ผ่านมาในอดีตทั้งหมดออกมาในที่สุด

“ป้ากับลินดาเราเป็นเพื่อนกันตั้งแต่สมัยมัธยม…” กนกเอ่ยเล่าด้วยน้ำเสียงเศร้า ดวงตาที่เคยเป็นประกายกลับหดหู่ลงอย่างเห็นได้ชัดท่ามกลางทุกคนในห้องที่เงียบกริบตั้งใจฟังในสิ่งที่เธอพูด

“จำได้ว่าตอนนั้นพวกเราเรียนมอปลายปีสุดท้าย ลินดาถูกผู้ชายคนหนึ่งที่หล่อเหลาเอาการตามจีบ…เขาคือคุณพิภพ” คนเล่าเงยหน้าขึ้นก่อนจะมองไปยังร่างบางที่นั่งข้างๆ ลูกชายคนโตของตน

“แต่เพราะอยู่คนละโรงเรียนพวกเขาทั้งคู่จึงได้เจอกันเฉพาะเวลาหลังเลิกเรียนเพียงเท่านั้น ซึ่งทุกครั้งที่คุณพิภพมาหาลินดาเธอก็มักจะพาป้าไปด้วยเสมอเช่นเดียวกับฝ่ายนั้นที่มักจะเกี่ยวเอาเพื่อนรักอีกคนมาด้วยนั่นก็คือนิกร”

ร่างบางมองกนกกลับด้วยแววตานิ่ง แฟร์หายใจไม่ทั่วท้องเมื่อได้ฟังเรื่องที่อีกฝ่ายกำลังเล่า

“นิกรตามจีบป้าหลังจากที่ลินดากับคุณพิภพคบหากันได้สามเดือน เขาเป็นคนทุ่มเท มุ่งมั่น มีความเป็นตัวเอง แต่เขากลับไม่เคยฟังใครแถมยังใจร้อน ป้าจึงไม่ได้มีความรู้สึกดีๆ กับเขาตั้งแต่แรก แต่สุดท้ายป้าก็ตกลงคบหากับเขาเพียงเพราะอิจฉาลินดาที่มีคนดีๆ อย่างคุณพิภพคอยดูแล…ซึ่งในตอนนั้นป้าเองก็อยากจะมีบ้าง” เสียงของกนกสั่นเครือ เธอพยายามบังคับน้ำตาที่กำลังจะไหลออกมาด้วยการเงยหน้าขึ้นพลางกระพริบตาถี่ๆ ก่อนจะเล่าต่อ

“แต่หลังจากนั้นไม่นานป้ากับนิกรก็พลาด…พวกเรามีอะไรกันจนกระทั่งอีกสองเดือนหลังจากนั้นป้าก็รู้ว่าตัวเองท้อง ป้าเลือกตัดขาดการติดต่อกับนิกรตั้งแต่นั้น จนกระทั่งครอบครัวของป้ารู้เรื่องเข้า พวกเขารับไม่ได้จึงหาผู้ชายที่เหมาะสมทั้งฐานะและชาติตระกูลให้มาแต่งงานกับป้า ซึ่งป้าเองก็มารู้ทีหลังว่าผู้ชายคนนั้นกลับเป็นคุณพิภพโดยในตอนนั้นครอบครัวของเรากำลังจะร่วมทำธุรกิจกันทางฝ่ายผู้ใหญ่จึงเห็นดีอยากให้ดองกันไว้เพราะมันค่อนข้างที่จะมีผลดีต่อธุรกิจในวันข้างหน้า”

ร่างบางได้ยินก็รู้สึกปวดร้าวไปทั้งอก เรื่องราวที่ออกมาจากคำพูดของกนกแม้ว่าจะยังไม่สามารถบอกได้ว่ามันเป็นเรื่องจริงหรือไม่หากทว่าแฟร์กลับรู้สึกว่ามันเศร้าเหลือเกินจนน้ำตาเริ่มเอ่อขึ้นมาอย่างไม่รู้ตัว

“หลังจากที่ป้าแต่งงานกับคุณพิภพพวกเราก็ตกลงกันไว้ว่าจะอยู่กันเหมือนเพื่อน คุณพิภพจะยังไปหาลินดาได้เสมอเมื่อต้องการซึ่งป้าเองก็ตกลงและดูแลตัวเองอย่างดีจนเมื่อเวลาผ่านไปเก้าเดือนป้าก็คลอดราชันย์” กนกพูดพลางสบตาลูกคนโต

ร่างบางชะงักก่อนจะหันไปมองเสี้ยวหน้าของคนข้างๆ เช่นเดียวกันหากทว่าราชันย์กลับไม่สะทกสะท้านกับเรื่องที่กนกเล่าออกมาแต่อย่างใด ร่างสูงยังคงมองไปยังผู้เป็นแม่ด้วยแววตาหนักแน่นไม่เปลี่ยน

“ป้ากับคุณพิภพช่วยกันเลี้ยงดูราชันย์อย่างดีในขณะที่คุณพิภพเองก็ยังคงไปหาลินดาไม่เคยขาด ส่วนนิกรที่อยากเจอป้าก็ฝากคำขอร้องผ่านคุณพิภพกลับมาบอกเสมอ แต่เป็นป้าเสียเองที่ไม่กล้าพอจะไปเจอเขา ป้ากลัว อะไรหลายๆ อย่างทำให้ป้าเอาแต่หลบอยู่แบบนี้และไม่ให้เขารู้กระทั่งว่าราชันย์คือลูกของเขา” น้ำตาของกนกไหลอาบข้างแก้ม เธอเอื้อมมือขึ้นปาดมันออกก่อนจะสบตากับแฟร์ที่นั่งนิ่งไม่ไหวติงพลางเหยียดรอยยิ้มเศร้ามาให้

“แต่พอเข้าปีที่สามหลังจากที่ป้าแต่งงานกับคุณพิภพ ลินดาก็ตั้งท้อง คุณพิภพเลยอยากจะหย่าเพื่อที่จะได้กลับไปดูแลเธอได้ แต่เรื่องทั้งหมดกลับถึงหูผู้ใหญ่ทางฝั่งป้าเสียก่อน พวกเขาส่งคนไปทำร้ายลินดาถึงที่บ้าน ป้าโกรธมากแต่ก็ทำอะไรไม่ได้ และหลังนั้นไม่นานลินดาก็หนีไปแถมยังตัดขาดการติดต่อกับทุกคนทำให้คุณพิภพนั้นเสียใจมาก”

“แต่แล้ววันหนึ่งลินดาก็เขียนจดหมายส่งมาถึงป้า บอกเล่าเรื่องราวชีวิตของเธอว่าตอนนั้นเธอสบายดี เธอเข้าใจเรื่องที่ถูกทำร้ายและไม่อยากให้ป้าโทษตัวเอง เธอได้คลอดลูกชายหน้าตาน่ารักพร้อมกับมีคนคอยดูแลและอยู่เป็นเพื่อนซึ่งป้าก็ไม่คิดเลยว่าเพื่อนคนนั้นจะเป็นนิกร” แฟร์มองกนกด้วยแววตาสั่นระริก ร่างสูงข้างๆ จึงเอื้อมมือมากุมมือของเขาไว้อย่างหลวมๆ เพื่อเป็นการปลอบ

“เรื่องทั้งหมดก็เป็นแบบนี้ป้าขอโทษจริงๆ ที่ทำให้เกิดเรื่องวุ่นวายขึ้นเพราะถ้าหากในอดีตป้าเข้มแข็งเทียบเท่าลินดาสักนิดชีวิตของทุกคนก็คงไม่เป็นแบบนี้” กนกว่าทิ้งท้ายก่อนจะเช็ดน้ำตาตัวเองเบาๆ

“แล้วผมจะเชื่อเรื่องที่คุณป้าเล่ามาทั้งหมดได้ยังไง” ร่างบางเอ่ยหลังจากที่อีกคนเล่าจนจบ กนกเงยหน้าขึ้นมองอีกฝ่ายพลางยิ้ม

“ป้ารู้ว่าหนูต้องถาม” เจ้าของบ้านว่าก่อนจะหยิบเอาซองจดหมายที่วางไว้บนโต๊ะด้านหน้าอยู่ก่อนแล้วยื่นให้กับแฟร์

“นี่เป็นจดหมายที่ลินดาเขียนส่งมา มีรูปเราตอนยังแบเบาะด้วยนะน่ารักไม่เบาเลย” ร่างบางมองซองจดหมายที่อีกฝ่ายยื่นมาให้ก่อนจะเอื้อมมือออกไปหยิบและแกเปิดอ่านทันที

ข้อความตัวบรรจงที่ถูกขีดเขียนมาด้วยหมึกปากกาสีน้ำเงินทำเอาแฟร์รู้สึกคับแน่นไปทั้งอก เนื้อความบอกเล่าเรื่องราวที่ใช้สำนวนแบบเพื่อนสนิทคุยกันทำให้ร่างบางที่กวาดสายตาอ่านมันจนจบรีบเงยหน้ามองกนกที่ยังคงส่งยิ้มกลับมาให้เขาก่อนที่มือเล็กจะหยิบเอารูปใบหนึ่งที่แนบมาในซองจดหมายขึ้นดู

มันเป็นรูปของผู้หญิงคนหนึ่งกำลังอุ้มเด็กทารกชายที่มีไฝสองเม็ดเล็กใต้ตาขวาส่งยิ้มมาด้วยใบหน้าที่มีความสุข

แฟร์มองรูปตรงหน้าก่อนน้ำตาของเขาจะไหลออกมาเป็นสาย ใบหน้าของผู้เป็นแม่ที่เขาไม่เคยลืมแม้ว่าอีกฝ่ายจะจากไปนานกว่าสิบเจ็ดปีแล้วแต่ไม่เคยมีสักวันที่ร่างบางจะไม่คิดถึง

“นิกรคงไม่รู้เรื่องนี้เขาเลยผูกใจเจ็บ ป้าอยากขอโทษที่ทำกับเขาแบบนั้นมาโดยตลอดแต่ก็หาทางติดต่อกับเขาไม่ได้” กนกเอ่ยก่อนราชันย์จะเอ็ดร่างบางที่เอาแต่ร้องไห้กลับ

“หยุดร้องไห้ได้แล้วไม่อายบ้างหรือไง” ร่างสูงว่าพลางเอื้อมมือไปปาดน้ำตาอีกฝ่ายออก

“ก็ผม…” แฟร์พยายามจะเถียงพร้อมกับเบือนหน้าหนีเพราะรู้ดีว่าทุกคนกำลังมองพวกเขาอยู่หากแต่ราชันย์ก็ยังไม่หยุดการกระทำเหล่านั้น

“เข้มแข็งหน่อยแฟร์” ร่างสูงเอ่ยหลังจากที่ปาดน้ำตาอีกฝ่ายออกจนหมดก่อนร่างบางที่เงยหน้าขึ้มาสบตากับเขาจะเอ่ยถามกลับไปอีกเมื่อยังมีบางอย่างที่เขายังสงสัย

“แล้วอัศวิน…” ร่างบางเอ่ยไม่ทันจบราชันย์ก็สวนกลับทันควัน

“คนเราไม่ใช่พระอิฐพระปูนนายก็น่าจะเดาเรื่องต่อจากนั้นออก” ร่างสูงว่าพลางมองไปยังผู้เป็นแม่ที่ส่งยิ้มกลับมาราวกับคนโดนแซว

“หมายความว่าผมกับอัศวินเป็นพี่น้องกัน?” แฟร์เบิกตากว้างพลางมองไปยังคนที่ถูกกล่าวถึง

อัศวินยิ้มรับก่อนจะพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงทุ้ม

“ครับพี่ชาย” แฟร์อ้าปากค้างก่อนจะหันไปมองราชันย์เพื่ออยากให้อีกฝ่ายบอกว่านี่ไม่ใช่เรื่องจริงหากทว่าราชันย์กลับสวนคำพูดที่ทำเอาเขายิ่งอึ้งเข้าไปใหญ่

“หน้านายกับมันเหมือนกันมากกว่าฉันซะอีกแล้วอะไรที่ทำให้นายคิดว่าเราสองคนจะเป็นพี่น้องกันล่ะหืม” ร่างสูงว่าพลางมองแฟร์กลับอย่างเอาเรื่องก่อนกนกจะขัดขึ้นเมื่อสถานการณ์ตรงหน้าเริ่มคลี่คลายเป็นไปอย่างที่เธอหวัง

“เอาล่ะเราเสียเวลามามากแล้วต่อไปคงเป็นหน้าที่ของคุณทนงศักดิ์แล้วล่ะค่ะ” เจ้าของบ้านว่าก่อนที่ทุกคนจะหันไปให้ความสนใจกับชายวัยกลางคนที่นั่งฟังเรื่องต่างๆ อย่างเงียบๆ อยู่ตรงโซฟาเล็กซ้ายมือของกนกทันที

“ได้ครับ ถ้าอย่างงั้นผมจะเปิดพินัยกรรมของคุณพิภพเดี๋ยวนี้”

“พินัยกรรม?” สิ้นเสียงของทนงศักดิ์แฟร์ก็ทวนคำพูดนี้ขึ้นอย่างไม่เข้าใจ

“ใช่จ้ะเพราะคุณพิภพสั่งเสียเอาไว้ว่าหากวันไหนที่หาตัวลูกแท้ๆ ของเขากับลินดาเจอให้เปิดพินัยกรรม” กนกคลายความสงสัยแต่ร่างบางกลับยิ่งรู้สึกว่าเรื่องมันเริ่มที่จะเลยเถิดไปกันใหญ่จนต้องกล่าวห้าม

“แต่ว่าผม…ผมไม่มีหลักฐานในการแสดงตัวเลยแม้แต่อย่างเดียวนะครับ” แฟร์ว่า

“ป้าเชื่อของป้าไม่มีใครที่จะมีไฝสองเม็ดเล็กใต้ตาขวาแบบเราอีกแล้ว”

“แต่ว่า…”

“งั้นป้าขอถามเราหน่อยสิว่าลินดาเกิดวันที่เท่าไหร่”

“ท่านเกิด วันที่ 10 สิงหาคม พ.ศ.2513 ครับ”

“แล้วชอบทานขนมอะไร”

“ท่านชอบทานขนมไทยโดยเฉพาะจ่ามงกุฎ”

“แล้วเวลาจะนอนเธอจะทำอะไร”

“ท่านจะต้องอ่านหนังสือที่คล้ายๆ กับไดอารี่เล่มเล็กๆ สีน้ำเงินทุกครั้งและจะนั่งสมาธิอีกประมาณสิบนาที” สิ้นเสียงคำตอบของร่างบางกนกก็เผยรอยยิ้มก่อนจะพูดขึ้น

“แฟร์อาจจะยังไม่รู้ว่าแม่ของเธอเป็นคนโลกส่วนตัวค่อนข้างสูงหากใครไม่สนิทจริงจะไม่รู้เรื่องพวกนี้หรอกโดยเฉพาะเรื่องไดอารี่เพราะมันเป็นไดอารี่ที่คุณพิภพให้กับเธอเอาไว้ฉะนั้นป้าเชื่อว่าเราคือตัวจริง” ว่าเสร็จกนกก็หันไปหาทนงศักดิ์

“เชิญคุณทนงศักดิ์ต่อเลยค่ะ”

“ครับคุณกนก” ทนงศักดิ์พยักหน้ารับก่อนจะล้วงเอาพินัยกรรมของพิภพขึ้นมาอ่านทันที

“ข้าพเจ้านายพิภพ ชวกรดำรงค์ ได้จัดทำพินัยกรรมเพื่อยกมรดกและทรัพย์สินของข้าพเจ้าภายหลังจากที่ข้าพเจ้าเสียชีวิตให้กับทายาทและบุคคลต่างๆ ดังมีรายนามดังต่อไปนี้…

1. นายราชันย์ ชวกรดำรงค์ บุตรชายของนางกนก ชวกรดำรงค์ และนายนิกร พรรักษา จะได้รับตำแหน่งผู้บริหารบริษัท CHAVAKORN Co., Ltd. ในส่วนของกิจการอสังหาริมทรัพย์ หุ้นของข้าพเจ้าทั้งหมดจำนวนสามสิบเปอร์เซนต์ทั้งภายในบริษัท CHAVAKORN Co., Ltd. และตลาดหลักทรัพย์ เงินสดจำนวนหนึ่งร้อยยี่สิบล้านบาทและบ้านพักที่จังหวัดภูเก็ตจำนวนหนึ่งหลัง

2. บุตรของข้าพเจ้าและนางลินดา มานะชื่น (ในกรณีที่ยังมีชีวิตอยู่) จะได้รับตำแหน่งผู้บริหารบริษัท CHAVAKORN Co., Ltd.ในส่วนของกิจการเสื้อผ้าเครื่องแต่งกาย หุ้นของข้าพเจ้าทั้งหมดจำนวนสามสิบห้าเปอร์เซนต์ทั้งภายในบริษัท CHAVAKORN Co., Ltd. และตลาดหลักทรัพย์ เงินสดจำนวนหนึ่งร้อยห้าสิบล้านบาทและบ้านพักที่จังหวัดภูเก็ตจำนวนหนึ่งหลัง

3.นายอัศวิน ชวกรดำรงค์บุตรชายของข้าพเจ้าและนางกนก ชวกรดำรงค์ จะได้รับตำแหน่งผู้บริหารบริษัท CHAVAKORN Co., Ltd.ในส่วนของกิจการโรงแรมและที่พัก หุ้นของข้าพเจ้าทั้งหมดจำนวนสามสิบห้าเปอร์เซนต์ทั้งภายในบริษัท CHAVAKORN Co., Ltd. และตลาดหลักทรัพย์ เงินสดจำนวนหนึ่งร้อยห้าสิบล้านบาทและบ้านพักที่จังหวัดเชียงใหม่จำนวนหนึ่งหลัง

4.นางกนก ชวกรดำรงค์ ภรรยาของข้าพเจ้า จะได้รับบ้าน 'ชวกรดำรงค์' เครื่องเพชรทั้งหมด เงินสดจำนวนสองร้อยล้านบาท บ้านพักที่เขาใหญ่จำนวนสองหลังและสิทธิ์ในการดูแลบุตรของข้าพเจ้ากับนางลินดา มานะชื่น ในกรณีที่ยังมีชีวิตให้อยู่อย่างสุขสบาย

5.พ่อบ้าน แม่บ้านตลอดจนถึงคนสวนและคนรับใช้ทุกคนในบ้าน 'ชวกรดำรงค์' จะได้รับเงินจำนวนห้าแสนบาททุกคนภายหลังจากได้เปิดพินัยกรรมนี้แล้ว

หากบุตรของข้าพเจ้าและนางลินดา มานะชื่น ถึงแก่ชีวิตก่อนการเปิดพินัยกรรมฉบับนี้ทรัพย์สินทั้งหมดที่ข้าพเจ้ามอบให้จะตกเป็นของนายราชันย์และนายอัศวิน ชวกรดำรงค์ คนละห้าสิบเปอร์เซนต์ทันที

ลงชื่อ พิภพ ชวกรดำรงค์”


อ่านจบทนงศักดิ์ก็ปิดพับสมุดพินัยกรรมของพิภพลง ร่างบางของแฟร์ได้ยินดังนั้นก็ตัวชาวาบขึ้นมาทันที แฟร์ตกใจกับเรื่องที่เพิ่งจะได้รู้เป็นอย่างมาก เหตุการณ์ที่เพิ่งจะผ่านไปมันช่างไกลกว่าที่เขาคิด แฟร์ขมวดคิ้วพลางรวบมือที่ชื้นไปด้วยเหงื่อด้วยท่าทีประหม่าก่อนเจ้าของบ้านอย่างกนกจะเอ่ยถามกลับเมื่อเห็นว่าคนที่กำลังจะมาเป็นสมาชิกใหม่ของครอบครัวเอาแต่นิ่งเงียบ

“นี่คือสิ่งสุดท้ายที่คุณพิภพอยากจะมอบให้กับทุกคน…แฟร์ฉันอยากจะให้หนูย้ายเข้ามาอยู่กับพวกเราในฐานะลูกชายของฉันอีกคน” กนกว่าก่อนราชันย์จะเอ่ยเสริม

“ใช่มาอยู่ด้วยกันเสียที่นี่นายจะได้ไม่ต้องลำบากอีก” ร่างสูงมองไปยังคนข้างๆ ที่เอาแต่เงียบก่อนกนกที่กำลังจะเอ่ยอะไรออกมาอีกจะถูกร่างบางเอ่ยทับ

“แฟร์…”

“ผมขอไม่รับครับ”

“!!”

“ผมไม่อยากได้ทรัพย์สินอะไรทั้งนั้น ถึงแม้ว่าตอนนี้ผมจะเข้าใจเรื่องทั้งหมดแล้วแต่ผมก็ไม่ได้อยากให้ทางคุณป้ารับผิดชอบอะไร” คำพูดของแฟร์สร้างความแปลกใจให้กับทุกคนในห้องเป็นอย่างมากโดยเฉพาะกับราชันย์ที่หันมองคนข้างๆ อย่างไม่เข้าใจทันทีที่อีกฝ่ายพูดจบก่อนเสียงทุ้มจะเอ่ยถาม

“หมายความว่าไง” สิ้นเสียงของราชันย์แฟร์ก็หันไปให้คำตอบคนข้างๆ ด้วยใบหน้านิ่ง

“ผมขอจบเรื่องราววุ่นวายทั้งหมดแต่เพียงเท่านี้ ผมไม่ต้องการอะไรนอกจากขอให้ผมได้ใช้ชีวิตอยู่แบบเดิม เป็นเพื่อนบ้านไม่ก้าวก่ายชีวิตของกันและกันแค่นั้นก็พอครับ”

“ไม่ได้!” ราชันย์ตะโกนขัดก่อนจะลุกขึ้นมองแฟร์อย่างเอาเรื่อง

“ราชันย์ใจเย็นก่อนลูก” กนกเห็นดังนั้นจึงเอ่ยปราม

“กูไม่ยอมให้มึงทำแบบนั้นแน่!!” ร่างสูงเอ่ยทันทีที่อีกฝ่ายลุกยืนขึ้นตาม คำพูดว่าร้ายที่ดังออกมาทำเอาผู้เป็นแม่ที่กำลังคว้าแขนลูกชายคนโตเอาไว้เพื่อให้ใจเย็นสะดุ้งเฮือก

แฟร์มองหน้าราชันย์นิ่ง ร่างบางไม่เอ่ยอะไรออกมาก่อนร่างสูงตรงหน้าจะตวาดถามกลับไปอีก

“กูนึกว่าเราเข้าใจกันแล้วตั้งแต่เมื่อคืน! ตกลงมึงต้องการจะไปจากกูให้ได้เลยใช่มั้ย!!”

“คือหนูแฟร์ป้าว่า…” กนกที่พยายามจะให้ทั้งสองฝ่ายคุยกันดีๆ เอ่ยปากหากแต่ร่างบางที่กำลังจ้องราชันย์ด้วยแววตาที่ยากจะคาดเดากลับเอ่ยขึ้นทับพลางยกมือไหว้

“เสร็จธุระทั้งหมดแล้วใช่มั้ยครับคุณป้างั้นผมขอตัวกลับก่อน” แฟร์ทำท่าจะเดินออกจากห้องรับแขกมาทันทีแต่ร่างสูงของราชันย์กลับฉวยข้อมืออีกฝ่ายเอาไว้พร้อมกับกระชากกลับ

“มึงยังไปไหนไม่ได้ทั้งนั้นกลับมาคุยกันให้รู้เรื่อง!!”

“โอ้ย!!” แฟร์ร้องออกมาพลางนิ่วหน้า

“ราชันย์!” กนกตะโกนปรามลูกตัวเองลั่นจนทุกๆ คนในห้องต่างพากันจดจ้องไปยังพวกเขาเป็นตาเดียว

“กูไม่ยอมปล่อยมึงไปเด็ดขาด!” ร่างสูงว่าพลางยื้อแฟร์ที่พยายามแกะมือหนาของเขาออกเอาไว้

“ผมแค่ต้องการความสงบสุขของผมคืน!” ร่างบางตะโกนบอกก่อนจะสะบัดมือออกจากการเกาะกุมของราชันย์ได้สำเร็จและเตรียมเดินหนีออกมาทันทีหากทว่าคำพูดต่อมาของราชันย์กลับทำให้แฟร์ถึงกับชะงัก

“แต่มึงเป็นเมียกูแล้ว!!”

“!!”

ร่างสูงตะโกนออกไปอย่างไม่อาย ผู้เป็นแม่นถึงกับเบิกตากว้างพอๆ กับทุกคนในห้องที่เมื่อได้ยินก็ส่งเสียงอื้ออึงออกมาอย่างไม่เชื่อหู

ร่างบางหันกลับมามองราชันย์อย่างคาดโทษก่อนอีกฝ่ายจะเอ่ยคำพูดว่าร้ายออกไปอีกหากแต่มันกลับเป็นคำพูดร้ายๆ ที่เต็มไปด้วยความรู้สึกทั้งหมดที่อยากจะให้อีกฝ่ายรับรู้

“มึงเป็นเมียกูแล้ว! ไม่ใช่แค่กูที่ต้องรับผิดชอบมึงแต่มึงต้องรับผิดชอบใจของกูด้วย!!”

“!!”

แฟร์เบิกตากว้างทันทีที่ได้ยิน ร่างบางเริ่มหายใจเข้าออกได้ไม่ทั่วท้องก่อนที่เนื้อตัวจะค่อยๆ ชาขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้เมื่ออีกฝ่ายพยายามเอ่ยคำพูดมากมายออกมาท่ามกลางสายตาที่ราชันย์ใช้มองเขา

มันดู…ยอมแพ้และอ้อนวอนจนคนถูกมองถึงกับใจเต้นรัว

“ต้องทำยังไงมึงถึงจะยอมยกโทษให้กู…บอกกูหน่อยแฟร์ว่ากูต้องทำยังไง”

“…”

“กูรักมึงแฟร์…กูรักมึงไปแล้วเข้าใจกูบ้างมั้ย”

“!!”

แฟร์หัวใจกระตุกวูบทันทีที่ได้ยิน ร่างบางสับสนจนไม่อาจควบคุมการกระทำและอารมณ์ของตัวเองได้ สายตาที่เขาใช้มองไปยังเจ้าของคำบอกรักนี้สั่นระริกก่อนที่น้ำใสจะค่อยๆ เอ่อล้นขึ้นมาในดวงตากลมเมื่อภาพเหตุการณ์ร้ายๆ ที่อีกฝ่ายเคยทำเอาไว้กลับฉายชัดขึ้นมาเสียจนแฟร์รับรู้ถึงความรู้สึกตอนนั้นได้เป็นอย่างดี

ร่างบางมองราชันย์อีกเพียงครู่ก่อนจะตัดสินใจหันหลังกลับและวิ่งออกจากบ้านชวกรดำรงค์มาทันที

“แฟร์!!” ราชันย์ตะโกนก้องอย่างบ้าคลั่งก่อนจะพยายามวิ่งตามอีกคนออกไปแต่กนกกับอัศวินและคนอื่นๆ กลับตรงเข้ามายื้อตัวเขาเอาไว้เสียก่อน

“ปล่อยผม! หยุดเดี๋ยวนี้นะแฟร์! กลับมา!!!” ร่างสูงตะโกนออกไปจนสุดเสียงแต่ร่างบางกลับไม่ยอมทำตามเลยสักนิด แฟร์ยังคงวิ่งออกไปอย่างไม่เหลียวหลังก่อนราชันย์จะทรุดตัวลงเสียตรงนั้นราวกับคนหมดแรง

กนกมองดูลูกชายที่ไม่เคยอ่อนแอให้เห็นเลยสักครั้งด้วยความสงสาร ผู้เป็นแม่รู้ดีว่าระหว่างแฟร์กับราชันย์ต้องมีอะไรมากกว่าการเป็นเจ้านายกับลูกน้องอย่างแน่นอนก็ตอนที่เห็นราชันย์ตะโกนเรียกอีกฝ่ายอยู่หน้าบ้านในวันนั้น

“อย่าเพิ่งคาดคั้นหนูแฟร์เขาเลยแกคงกำลังสบสันให้เวลาแกได้คิดอีกสักนิดเถอะ” กนกว่าก่อนจะมองใบหน้าราชันย์ที่ตอนนี้มันช่างดูเคร่งเครียดปนเศร้าหมองกว่าครั้งไหนๆ อย่างเห็นใจ

“ผม…” ร่างสูงเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือก่อนคนเป็นแม่จะเอ่ยถามเรื่องที่ยังสงสัยกับคำพูดของอีกฝ่ายเมื่อกี้ออกไป

“ความจริงแม่ก็ไม่อยากจะยุ่งเรื่องของลูกหรอกนะ แต่คำที่ลูกใช้เรียกหนูแฟร์เมื่อกี้มันทำให้แม่ต้องรู้ให้ได้ว่าเกิดอะไรขึ้น”

“…”

“บอกแม่มาให้หมดว่าลูกทำอะไรไว้กับหนูแฟร์”

“!!”



TBC..........
------------------------------------------------
เรื่องครอบครัวคลี่คลายลงแล้ว เหลือแต่เรื่องส่วนตัวของทั้งคู่แล้วล่ะ!!
#อีเฮียคายปากบอกรักหนูแฟร์แล้วค่ะ กิ่งอยากจะกรี๊ดดดดดด
บอกต่อหน้าทุกคนด้วยนะเออ ไม่ธรรมดา พระเอกของเราใจกล้าชะมัด!


 :impress2: :impress2: :impress2: :impress2: :impress2:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 27-07-2017 10:28:47 โดย cheepoke »

ออฟไลน์ Januarysky

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 507
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-0
ฉากบอกรักยังฮาร์ดคอร์สไตล์คุณราชันย์โฉด
โดนคณนายแม่เล่นแล้วไง
ตามไปตื้อน้องแฟร์ด่วน วิ่งหายไปไหนไม่รู้
 :hao7:

ออฟไลน์ little_munoi

  • ++ singular ++
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1677
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-3
น้องจะใจอ่อนไม๊น้า

ออฟไลน์ som

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2708
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +230/-2
หึหึหึ  ชันย์ตรอมใจตายแน่ๆ  แฟร์เอาจริง

ออฟไลน์ cheepoke

  • ^_^\/ สู้ๆ ฮู้เล่ๆ
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 78
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
    • https://www.facebook.com/BlueGusten.FictionY/


CHAPTER 19




[Fair’s Part]

ผมกำลังนั่งจ้องผู้ชายคนหนึ่งอยู่บนโซฟาในห้องที่อีกฝ่ายมักจะมาหาใครอีกคนอยู่ทุกวันอย่างละเหี่ยใจ คนตรงหน้าขมวดคิ้วจนขดเป็นปมมองผมตอบอย่างไม่สบอารมณ์ ในขณะที่ใบหน้าหล่อเหลานั่นก็ดูจะมู่ทู่ลงเสียจนมันยุ่งเหยิงไปหมดก่อนที่คำถามเดิมๆ จะหลุดออกจากปากเขามาเหมือนอย่างเช่นเคย

“เมื่อไหร่จะกลับบ้านตัวเองไปสักที”

“…”

“รู้มั้ยว่าตั้งแต่นายอยู่ที่นี่ฉันพลาดอะไรไปบ้าง”

“…”

“เอ้า!! เงียบ! เงียบอีก! แม่ง! เมียไอ้ชันย์นี่ทำฉันอารมณ์เสียได้ทุกวันจริงๆ!”

ผมได้แต่มองจอมพลที่เอาแต่ทึ้งผมตัวเองพร้อมกับสบถออกมาอย่างหัวเสียด้วยใบหน้าเรียบเฉย ร่างสูงของชายหนุ่มวัยยี่สิบแปดปีพยายามหาทางเกลี้ยกล่อมให้ผมกลับบ้านไปตั้งแต่วันแรกที่มาถึงคอนโดของเพื่อนสนิทอย่างภีมจนกระทั่งมาถึงวันนี้เขาก็ยังคงไม่ลดละความพยายามที่ผ่านมากว่าหนึ่งอาทิตย์เลยจนผมอดไม่ได้ที่จะโต้ตอบกลับไปบ้าง

“เอาล่ะคราวนี้ถึงตาผมถามคุณบ้าง” ผมเอ่ยกลับไปก่อนคนตรงหน้าจะเลิกคิ้วขึ้นอย่างสงสัย

“แล้วคุณล่ะมาคอนโดเพื่อนผมทุกวันแบบนี้ทำไม”

“!!”

“เมื่อไหร่จะหยุดมา”

“!!”

“แล้วรู้หรือเปล่าว่าไอ้ความไม่ชัดเจนของคุณมันทำให้เพื่อนผมพลาดอะไรไปบ้าง”

“!!”

“เอ้า!! เงียบ! เงียบอีก! แม่ง! คุณมันก็เหมือนเพื่อนของคุณที่ทำให้ผมอารมณ์เสียทุกครั้งที่เจอ!”

“!!!” อีกฝ่ายอึ้งกิมกี่เมื่อผมพูดจบ

“เห็นมั้ยว่าคุณเองก็ตอบคำถามของผมไม่ได้ ฉะนั้นก็เลิกถามผมสักที!” ผมว่าก่อนคนตัวสูงจะกลืนน้ำลายลงคอของตัวเองไปในขณะที่ผมเองก็ตัดสินใจลุกขึ้นและเดินเลี่ยงออกมาสูดอากาศตรงระเบียงนอกห้องทันทีโดยมีเสียงของจอมพลที่เพิ่งจะดึงสติกลับมาได้ตะโกนไล่หลังมาติดๆ

“ไอ้ชันย์เมียมึงนี่แม่งปากจัดพอๆ กับเมียกูเลยว่ะ!”
:
:
:
ผมมองไปยังท้องฟ้าตรงหน้าที่เริ่มจะมืดลงไปทุกทีตามเวลาที่ปรากฎบนหน้าปัดนาฬิกาอย่างเหงาๆ หกวันมาแล้วสินะที่ผมต้องหอบผ้าหอบผ่อนขอมาอยู่กับภีมโดยมีอีกคนที่มักจะมาหาเจ้าของห้องอยู่บ่อยๆ  อย่างจอมพลค่อนแขวะอยู่ทุกเมื่อเชื่อวันเพราะอยากให้ผมกลับไปเสียที

ผมล้วงเอาโทรศัพท์มือถือจากในกระเป๋ากางเกงออกมาก่อนจะกดเข้าไปดูในกล่องข้อความเข้าที่ถูกใครอีกคนส่งมันมามากกว่าร้อยฉบับด้วยถ้อยคำที่พออ่านแล้วรู้สึกได้ทันทีว่าอีกฝ่ายพยายามง้อและอ้อนวอนให้ผมกลับไปมากแค่ไหนทั้งที่ตัวเขาเองก็รู้ดีว่าตอนนี้ผมอยู่กับใครหากทว่าอีกฝ่ายก็ยังเว้นระยะไว้ไม่เข้ามายุ่งกับสิ่งที่ผมกำลังทำหรือแม้กระทั่งมาตามผมกลับไปด้วยตัวของเขาเอง

ซึ่งผมก็มองว่าสิ่งที่เขาทำอยู่ในตอนนี้มันดีกับเราทั้งสองฝ่าย ผมต้องการเวลาเขาเองก็ต้องการเวลาในการปรับความคิดและทบทวนเรื่องราวต่างๆ ที่เกิดขึ้น ตั้งแต่แรกจนถึงทุกวันนี้วันที่เราทั้งสองคนต้องสูญเสียอะไรกันไปมาก มากเกินจนบางครั้งผมก็คิดนะว่ามันคุ้มหรือเปล่าหากผมต้องตัดสินใจทำอะไรสักอย่างต่อจากนี้

ผมถอนหายใจออกมาเพื่อให้ผ่อนคลายกับความคิดมากมายที่รุมเร้าก่อนจะเปิดอ่านข้อความสุดท้ายที่ถูกอีกคนส่งเข้ามาเมื่อสองวันที่แล้ว

ถ้าหากอยู่ที่นั่นแล้วมันทำให้มึงสบายใจกูก็จะไม่ห้ามมึงอีก แต่ขอแค่อย่างเดียว…คือขอแค่มึงกลับบ้านเมื่อไหร่ก็ได้ที่มึงรู้สึกโอเค-
-แล้วกูจะรอวันนั้น…ราชันย์-


ชื่อของผู้ชายที่พยายามหาทางติดต่อกับผมมาตลอดหกวันและก็เป็นชื่อเดียวกับชื่อต้องห้ามที่ภีมจะไม่เอ่ยออกมาเพราะผมได้ขอเขาเอาไว้ ถูกผมกวาดสายตาอ่านมันขึ้นอีกครั้ง ผมเองก็ไม่รู้นะว่าตอนนี้ความรู้สึกที่ผมมีกับอีกคนมันคืออะไร จะบอกว่าผมหายโกรธเขามันก็คงจะไม่ใช่ทั้งหมดเพราะราชันย์ทำเรื่องที่ไม่น่าให้อภัยกับผมไว้มากแต่มันก็ไม่ได้ถึงขนาดที่ผมจะเครียดแค้นจนอยากจะฆ่าเขาให้ตายเสียหลังจากนี้แต่อย่างใด

ผมปิดข้อความที่เพิ่งอ่านจบลงก่อนจะหันหลังมองเข้าไปในห้องเมื่อได้ยินเสียงเอะอะที่ดังเล็ดลอดออกมา ร่างสูงของชายหนุ่มที่แวะเวียนมาหาเพื่อนสนิทของผมเสมอกำลังงี่เง่ากับการที่ภีมแค่แวะไปซื้อของกับเดนิสรุ่นพี่ห้องตรงข้ามหลังจากเลิกงานซึ่งฝ่ายนั้นได้โทรบอกผมก่อนแล้วแต่กับจอมพลที่รีบตรงดิ่งมาที่นี่ทันทีหลังจากออกไปคุยธุระกับหุ้นส่วนข้างนอกร่างโปร่งของเพื่อนผมกลับไม่ยอมบอกให้เขารู้จนกลายเป็นว่าชายหนุ่มอายุยี่สิบแปดคนนี้ต้องทำหน้าบึ้งตึงแถมยังกระฟัดกระเฟี้ยดเสียจนภีมมันต้องออกมาหาผมข้างนอกเป็นการหนีจากอีกคนทันที

“กลับมาแล้วเหรอ” ผมถามก่อนภีมที่เดินมาเกาะขอบระเบียบข้างๆ จะถอนหายใจพลางตอบ

“อืม”

“เมื่อกี้หมอนั่นชวนมึงทะเลาะเรื่องอะไรอีก”

“ก็เรื่องที่กูไปซุปเปอร์มาร์เก็ตกับพี่เดนโดยไม่บอกเขาน่ะสิ”

“หึ! ดูท่าจอมพลมันจะหวงมึงมากเลยนะ” ผมแซว

“เหอะ! กูไม่รู้สึกดีกับคำพูดของมึงเลยว่ะแม่งยิ่งทำให้เครียดเข้าไปอีก” ภีมสบถก่อนจะขมวดคิ้วอย่างคิดหนัก

“ทำไมวะ”

“เปล่า ไม่มีอะไรหรอกอย่าสนใจเรื่องของกูเลยสนใจเรื่องของมึงดีกว่า เมื่อกี้เขาโทรมาหากูอีกแล้วนะเว้ย” ภีมเปลี่ยนเรื่องเมื่อรู้ว่ากำลังจะถูกผมต้อน

“เหรอ” ผมตอบกลับไปเพียงเท่านั้น ไม่ใช่ไม่รู้ว่าราชันย์ที่ติดต่อผมไม่ได้หันไปติดต่อกับภีมแทน

“ใช่ โทรมาถามเรื่องเดิมๆ ว่ามึงสบายดีมั้ย ทานข้าวหรือเปล่า นอนหลับมั้ย ยังร้องไห้อยู่อีกหรือเปล่า กูนี่ยอมแพ้กับคำถามพวกนี้ของเขาเลยจริงๆ” ภีมว่าก่อนจะเดินไปนั่งที่เก้าอี้ตัวยาวพลางมองไปยังท้องฟ้าตรงหน้าเช่นเดียวกับผมเมื่อครู่

“แล้วมึงตอบเขาไปว่ายังไง”

“กูก็บอกว่ามึงสบายดีส่วนที่เหลือให้เขามาถามเอาจากมึงเอง” ภีมตอบก่อนจะเสมองผมที่ได้แต่ยิ้มให้มันกลับเพราะสิ่งที่มันทำน่ะถูกต้องแล้วจนอีกฝ่ายทนไม่ไหวเอ่ยออกมาอีก

“แฟร์มึง…”

“กูว่าจะกลับบ้านวันพรุ่งนี้”

“!!” ผมเอ่ยก่อนที่อีกคนจะทำหน้าอึ้งออกมาอย่างไม่เชื่อ

“กูจะกลับไปสะสางเรื่องทุกอย่างให้มันเคลียร์”

“เอาจริงดิ!?” ภีมถาม

“จริง…กูว่ากูหนีมาทำใจนานเกินไปแล้วว่ะ เรื่องที่ยังค้างคาในใจตอนนี้กูก็ได้คำตอบสำหรับพวกมันแล้วกูเลยอยากจะกลับไปเผชิญหน้ากับเขาอีกครั้ง” ผมว่าก่อนจะเดินไปนั่งบนเก้าอี้ตัวยาวข้างๆ มันบ้าง

“ไอ้คำตอบที่มึงว่านี่คือยังไง? ไปในทางที่ดีหรือเปล่า” ภีมถามพลางจ้องผมนิ่ง

ผมหันไปสบตามันเพียงครู่ก่อนจะหันไปให้ความสนใจกับท้องฟ้าเบื้องหน้าอีกครั้งจนภีมต้องคาดคั้นออกมาอีก

“แฟร์บอกกูหน่อย”

“เห้อ~~ ไม่รู้สิยังไม่ได้พูดเลยไม่รู้ว่ามันจะไปในทางที่ดีหรือเปล่า” ผมบอกก่อนจะเอนหลังนอนลงบนเก้าอี้

“เหรอ…ยังไงซะกูก็เอาใจช่วยมึงเสมอนะ ไม่ว่ามึงจะตัดสินใจจัดการเรื่องของมึงยังไงก็ตาม”

“ขอบใจและก็ขอบคุณมากที่มึงให้ที่ซุกหัวนอนกู” ผมหันไปบอกมัน

“ห่า! มึงอย่ามาซึ้งตอนนี้นะกูขนลุก” ภีมโวยวายก่นอจะลูบแขนตัวเองไปมา

“กับกูเสือกขนลุกทีกับจอมพลอย่างอื่นของมึงลุกกูยังไม่ว่าเลย” ผมได้ทีแซวเรื่องที่เจอมาตลอดทั้งหกวันออกไปจนคนข้างๆ หน้าแดงใหญ่

“ไอ้หอก!! มึงเอาอะไรมาพูด!!!” ภีมถลึงตาอย่างไม่เชื่อหูพลางปฏิเสธกลับ

“อย่าคิดว่ากูไม่รู้นะเว้ยว่าพวกมึงทำอะไรกันตอนดึก แม่ง! กูไม่ได้หลับเต็มอิ่มมาเป็นอาทิตย์!”

“!!!”

คนถูกแซวอ้าปากค้างเมื่อไม่คิดว่าผมจะรู้เรื่องที่เขาทั้งสองคนมักจะทำกิจกรรมอะไรกันตอนดึกในยามที่เข้าใจว่าผมหลับลึกไปแล้ว

เอาจริงๆ นะผมน่ะรู้เลยว่าทำไมจอมพลมันถึงได้ตามหึงตามหวง ติดอกติดใจกับไอ้ภีมมันนักหนา ก็เสียงครางของเพื่อนคนนี้ของผมมันธรรมดาซะที่ไหนกันล่ะ บางวันยังทำของผมตื่นขึ้นมากลางดึกจนต้องรีบเข้าห้องน้ำเลยคิดดู!

“ภีมกูเทกับข้าวเสร็จแล้ว”

ต้นเหตุของเรื่องที่ไม่รู้อีโหน่อีเหน่ออกมาบอกคนที่กำลังอายเพราะเรื่องที่ผมแซวทำหน้าสงสัยเมื่อภีมเอาแต่จ้องเขากลับเขม็ง

“มีอะไร” จอมพลถามก่อนภีมจะมองอีกฝ่ายอย่างคาดโทษและตวาดออกไป

“เพราะคุณคนเดียวเลย!!” ว่าเสร็จภีมก็เดินกระแทกไหล่จอมพลเข้าไปในห้องทันทีอย่างหัวเสีย

“ภีมมันเป็นอะไร” คนตัวสูงหันมาถามผมที่เอาแต่หัวเราะเพราะใบหน้าเหลอหลาของเขา

“ไม่รู้สิคุณถามมันเอาเองดีกว่า” ผมทำทีเป็นหุบยิ้มและกลั้นหัวเราะอย่างสุดชีวิตก่อนจะตอบทิ้งท้ายและเดินเลี่ยงอีกฝ่ายเข้าไปในห้องบ้าง




ผมนั่งถอนหายใจบนรถแท๊กซี่ที่โบกเพื่อนั่งกลับบ้านเป็นรอบที่ร้อยได้ ภีมที่ยื้อไว้เพราะคิดว่าผมยังทำใจไม่ได้พยายามห้ามไม่ให้กลับจนจอมพลที่เอาแต่ห้ามอีกคนไว้ต้องเอ่ยปากบอกให้ผมรีบกลับไปเสียทีก่อนที่เขาจะต้านแรงของภีมไว้ไม่อยู่

เหอะ…ทีแบบนี้ล่ะบอกว่าแรงภีมเยอะเสียยิ่งกว่าอะไร พอถึงคราวที่ตัวเองต้องการเข้าหน่อยแรงเพื่อนผมมีเท่าไหร่ยังสู้แรงของอีกฝ่ายที่เอาไว้ข่มเหงมันไม่ได้เลย

ให้มันได้อย่างนี้สิ!! ผู้ชายสองคนนี้เหมาะที่จะเป็นเพื่อนกันเสียยิ่งกว่าอะไรดี!!

แท๊กซี่คันที่ผมนั่งเลี้ยวเข้าในซอยที่ผมไม่ได้กลับมาเป็นอาทิตย์ก่อนที่ตัวรถจะพาผมที่เอาแต่นั่งเหม่อลอยเพราะคิดแต่เรื่องต่างๆ จอดเทียบท่าตรงหน้าบ้านของผมพอดิบพอดี

ผมมองบ้านของตัวเองพลางเลิกคิ้วขึ้น แสงไฟที่เปิดสว่างทั้งหลังทำให้ผมตกใจและสงสัยอยู่ไม่น้อยก่อนจะพาตัวเองลงจากรถและจ่ายเงินคนขับกลับไปอย่างเร่งรีบ

“แฟร์!!” เสียงหนึ่งดังขึ้นด้านหลังก่อนที่แรงโอบรัดจะปะทะเข้ากับแผ่นหลังของผมอย่างจังในขณะที่ยังไม่ทันได้หันกลับไปเลยสักนิด

“เดี๋ยว! คุณปล่อยผมก่อน!!” กลิ่นกายและน้ำเสียงทุ้มที่ไม่เคยลืมทำให้ผมรู้ทันทีว่าคนที่กอดตัวผมเอาไว้ตอนนี้จะเป็นใครไปไม่ได้ถ้าไม่ใช่ราชันย์!

“มึงกลับมาแล้วจริงๆ!” เสียงทุ้มเอ่ยขึ้นข้างใบหูซ้ายก่อนที่คนด้านหลังจะกระชับอ้อมกอดขึ้นอีก

“คุณราชันย์ปล่อยผม!”

“ขออีกนิดแค่อีกนาทีเดียวขออยู่แบบนี้ก่อน”

“ไม่เอา! ปล่อย! นี่มันหน้าบ้านนะคุณ!!” ผมดิ้นพลางหยิกมือหนาอีกคนกลับ

“ไม่! ถ้ากูปล่อยมึงไปอีกกูต้องกลายเป็นคนโง่อย่างที่กูโทษตัวเองอยู่ทุกวันแน่ๆ!”

“ผมก็กลับมาแล้วไง”

“แต่มันยังไม่พอ” คนด้านหลังไม่ยอมง่ายๆ

“โอเคๆ หนึ่งนาทีก็หนึ่งนาที” ผมยอมแพ้เพราะอีกคนกระชับอ้อมกอดมากขึ้นเสียจนผมเริ่มจะหายใจไม่ออก

ราชันย์ไม่พูดอะไรต่อจากนี้เขาทำเพียงแค่ยืนกอดผมอยู่นิ่งๆ ในขณะที่หัวใจของเขาเต้นเร็วเสียจนแผ่นหลังของผมที่แนบติดกับแผงอกของเขารู้สึกได้ ร่างสูงคลายอ้อมกอดเพียงนิดเมื่อรับรู้ว่าผมหายใจลำบากก่อนที่มือหนาจะเคลื่อนลงมารวบเอามือของผมที่ถือกระเป๋าอยู่เอาไว้แน่น

“ครบหนึ่งนาทีแล้วปล่อย” ผมเอ่ยก่อนจะแกะมือของเขาออกซึ่งอีกฝ่ายก็ยอมแต่โดยดี

“ขอโทษ…” ราชันย์เอ่ยก่อนจะมองผมที่หันมาจ้องหน้าเขานิ่ง

“พอเถอะคุณพูดบ่อยจนผมรู้สึกว่าคำนี้มันแทบจะไม่มีความหมายอยู่แล้ว” ผมว่าก่อนจะถามต่อเมื่อยังสงสัย

“แล้วคุณมาทำอะไรที่บ้านของผม”

“กู…ขอมาอยู่ที่นี่กับมึงนะ” สิ้นเสียงคำตอบของคนตรงหน้าทำเอาผมถึงกับเบิกตาค้าง

“ไม่ได้!!”

“ทำไมจะไม่ได้”

“ก็ผมไม่ให้อยู่!!”

“แต่มึงก็รู้ว่าเราเป็นอะไรกันแล้ว!”

“หยุดเอาเรื่องนั้นมาพูดสักทีเถอะคุณราชันย์” ผมว่าก่อนอีกฝ่ายจะแสดงท่าทีและสีหน้าออกมาอย่างไม่พอใจ

“แปลว่ามึงไม่ได้คิดกับกูเหมือนที่กูคิดกับมึงงั้นสิ?”

“คุณชวนผมทะเลาะ?”

“กูนึกว่าสิ่งที่กูทำไปทั้งหมดมันจะทำให้มึงใจอ่อนและคิดได้” คนตรงหน้าเสยผมขึ้นอย่างข่มอารมณ์ก่อนจะเอ่ยคำพูดมากมายออกมาอีก

“กูอุตส่าห์ไม่ไปตามมึงกลับเพราะรู้ว่ามึงต้องการเวลาแต่นี่มันไม่ยุติธรรมกับกูเลย!”

“แต่ผมให้คุณได้เท่านี้” ผมบอกก่อนอีกฝ่ายจะเบิกตากว้าง

“!!”

“และก็ขอบคุณมากที่คุณไม่ไปตามผมกลับเพราะรู้ว่าตอนนั้นผมต้องการเวลาเพื่อคิดทบทวนอะไรหลายๆ อย่าง” ผมว่าต่อก่อนที่อีกคนจะทำหน้าสลดลงอย่างเห็นได้ชัด

“ซึ่งตอนนี้ผมก็คิดได้แล้ว”

“มึงกำลังจะปฏิเสธกูสินะ” ราชันย์เอ่ยขึ้นเสียงเรียบ แววตาที่เคยมุ่งมั่นกลับฉายความกลัวและความเสียใจออกมาอย่างปิดไม่มิดจนผมต้องเปลี่ยนเรื่อง

“ก่อนที่ผมจะพูดอะไรออกไปผมว่าคุณน่าจะมีอะไรที่มากกว่าการมายืนรอผมกลับอยู่หน้าบ้านแบบนี้หรอกใช่มั้ย” ผมว่าก่อนที่อีกฝ่ายจะตอบกลับเสียงเศร้า

“เรื่องนั้นมันไม่สำคัญแล้ว”

“งั้นเหรอ”

“อืม เพราะยังไงมึงก็ปฏิเสธความรู้สึกของกูอยู่ดี”

“คุณจะไม่ลองพยายามทำอะไรหน่อยเลยเหรอ” ผมบอกก่อนอีกฝ่ายจะเงยหน้ามาให้ความสนใจ

“หมายความว่าไง”

“ก็แค่…คิดเอาเองสิผมจะเข้าบ้านแล้วหิวจะแย่” ผมเลี่ยงที่จะตอบเขาก่อนจะลากกระเป๋าเดินเข้าบ้านไป

“เดี๋ยวกูช่วย” ราชันย์สลัดเรื่องเมื่อครู่พลางเอ่ยไล่หลัง คนตัวสูงวิ่งเข้ามาคว้าสายกระเป๋าในมือของผมไปถือไว้ก่อนจะเดินไปเปิดประตูบ้านให้ด้วยใบหน้าที่ดูเหมือนจะพรีเซ็นต์อะไรบางอย่างสุดๆ

ผมมองใบหน้าของเขาอย่างสงสัยก่อนจะตัดสินใจก้าวเท้าเดินเข้าในบ้านไปพลางกวาดตามองสิ่งของทุกอย่างในบ้านด้วยความอึ้ง

“นี่มัน!?”

“กูรีโนเวทภายในของบ้านหลังนี้ใหม่เพราะคิดว่าจะมาอยู่กับมึง”

“คุณนี่ชอบทำอะไรตามอำเภอใจให้ผมอึ้งได้ตลอดเลยสินะ” ผมว่าอีกคนกลับเมื่อเฟอร์นิเจอร์แทบจะทุกชิ้นหรือแม้กระทั้งเครื่องใช้ไฟฟ้าก็ถูกเปลี่ยนใหม่หมดยกเซตเสียจนผมลมแทบจับ

“ที่กูทำเพราะกูหวังดีกับมึงนะของใช้บางอย่างในบ้านมันก็เก่าทรุดโทรมถึงเวลาต้องเปลี่ยนแล้วด้วย” ราชันย์ว่าก่อนจะเดินตามผมที่เดินสำรวจบ้านไปมา

“ผมก็ยังไม่ได้ว่าเพียงแต่เวลาที่คุณจะทำอะไรก็บอกผมบ้าง” ผมหันมาเอ็ดคนเดินตาม

“โทรไปไม่รับ ส่งข้อความไปไม่ตอบ แล้วกูจะเอาเวลาที่ไหนไปบอกมึง” คนตรงหน้าเหน็บผมกลับ

“อย่างน้อยก็รอผมกลับมาก่อน”

“กูไม่รู้ว่ามึงจะกลับมาเมื่อไหร่”

“ก็ไม่เห็นยากเพราะคุณเองก็ติดต่อกับภีมอยู่แล้ว” ผมเอ่ยอย่างรู้ทัน

“ภีมไม่ได้บอกอะไรกูเลย”

“แล้วที่ทำอาหารพวกนี้ไว้ล่ะอย่าบอกนะว่านี่คุณกินคนเดียว?” ผมว่าเมื่อเดินเข้าไปในห้องครัวก็พบกับเมนูอาหารคาวหวานมากมายเต็มโต๊ะ

“ก็ได้ๆ ไอ้พลมันคอยรายงานกูทุกวัน” ราชันย์ยอมรับออกมาในที่สุด

“แล้ว?”

“วันนี้ก็ด้วยมันบอกว่ามึงจะกลับมา” ผมมองใบหน้าของคนที่ถูกจับได้ตรงหน้าเพียงครู่ก่อนจะหันไปให้ความสนใจกับบรรดาอาหารอีกครั้ง

“คุณทำเองหรือเปล่า”

“ใช่ มึงนั่งเลยเดี๋ยวกูตักข้าวให้” ราชันย์บอกพลางขยับเก้าอี้ของโต๊ะอาหารที่ถูกซื้อมาใหม่ให้ใหญ่กว่าเดิมอีกเช่นเดียวกัน

“ไม่ต้องหรอกเดี๋ยวผมทำเอง” ผมบอกแต่อีกคนก็ยังดื้อไม่ยอม

“ไม่เป็นไรเดี๋ยวกูตักให้”

“คะ!...” ทันทีที่ผมกำลังจะเถียงกลับเสียงโทรศัพท์จากในกระเป๋ากางเกงของคนตรงหน้าก็ดังขึ้น ราชันย์วางจานและช้อนตักข้าวในมือลงอย่างอารมณ์เสียก่อนจะล้วงต้นตอออกมาพลางมองผมกลับ

“โทษทีมินโทรมา”

“รับเถอะครับ” ผมบอกก่อนจะเดินไปคว้าจานและช้อนตักข้าวขึ้นแต่ก็ถูกอีกคนห้ามเอาไว้

“เดี๋ยวกูมามึงอย่าเพิ่งตักข้าวนะกูจะกลับมาตักให้” คนห้ามลากผมกลับไปนั่งที่เดิมพร้อมกับสั่งก่อนจะเดินหายออกไปยังหลังบ้าน

ผมมองแผ่นหลังกว้างของราชนัย์พลางยิ้มขึ้นอย่างไม่มีสาเหตุ ท่าทีและคำพูดของอีกฝ่ายเปลี่ยนไปมากในขณะที่ความเอาแต่ใจยังคงมีอยู่ให้เห็นบ้างแต่ถึงกระนั้นเขาก็ยังคงมีเสน่ห์และน่าหลงใหลไม่เปลี่ยน ติดอยู่อย่างเดียวที่มันขัดใจผมอยู่นิดๆ นั่นคือเขาดูซูบลงกว่าครั้งล่าสุดที่ผมเห็น แทนที่เขาจะเอาแต่ถามภีมว่าผมทานข้าวมั้ย และนอนหลับหรือเปล่า ผมว่าเขาน่าจะเอาคำถามพวกนี้ถามตัวเองเสียยังดีกว่า

ติ๊งหน่อง~~~ ติ๊งหน่อง~~~

ในขณะที่ผมเอาแต่คิดอะไรเรื่อยเปื่อยเสียงกริ่งหน้าบ้านก็ดังขึ้นเผยให้เห็นเด็กหนุ่มข้างบ้านที่ยืนชะเง้อมองเข้ามาข้างในด้วยมือที่ถือชามอะไรอยู่จนผมต้องเดินออกไปเปิดประตูให้

“อ้าว! พี่แฟร์กลับมาแล้วเหรอ” สายลมเอ่ยทัก

“มีอะไรหรือเปล่าลม”

“ก็พี่ราชันย์เขาสั่งกับข้าวบ้านผมเอาไว้” คนตรงหน้าว่าพลางมองไปยังชามในมือ

“สั่งกับข้าว?”

“อื้ม!เนี่ยเหลือแกงจืดอย่างสุดท้ายละผมเลยเอามาส่ง” ร่างเล็กยื่นชามในมือให้กับผม

“อ่อ ขอบคุณนะ” ผมกล่าวก่อนจะรับมันมา

“แล้วพี่เขาไปไหนเสียล่ะ”

“คุยธุระเรื่องงานอยู่หลังบ้านน่ะ”

“พวกพี่ตกลงคบกันแล้วเหรอ” สายลมถามด้วยใบหน้าสงสัยเป็นอย่างมาก

“ยัง” ผมตอบพลางจ้องนิ่ง

“แล้วจะคบกันเปล่า”

“ยุ่งอะไรเนี่ยเรา” ผมเอ็ดมันกลับไปขำๆ

“แหมก็ผมอยากรู้นี่นาพี่ราชันย์น่ะมานอนบ้านพี่ทุกวันเลยนะแถมยังสั่งซื้อเฟอร์นิเจอร์และของใช้ใหม่เข้ามาเต็มเลย”

“ไม่ยุ่งเรื่องของผู้ใหญ่น่าสายลม” ผมว่าพลางจับหัวมันโยกไปมา

“ลมสิบแปดแล้วนะเรียนมหา'ลัยแล้วด้วยอีกสองปีก็จะเป็นผู้ใหญ่เต็มตัวแล้วขอรู้แค่นี้ไม่ได้เหรอ” คนตรงหน้าทำตาปริบๆ ถามกลับมาด้วยความอยากรู้

“งั้นนายก็บอกพี่มาก่อนสิว่ากับอัศวินไปถึงไหนกันแล้ว”

“!!”

สายลมเบิกตากว้างทันทีที่ผมพูดจบ ร่างเล็กดูจะตกใจมากกับเรื่องที่ผมรู้ ก็แหม…เรื่องนี้ผมรู้มาตั้งนานแล้วนี่นาที่ไม่รู้ก็มีแค่ตอนนี้ความสัมพันธ์ของพวกเขาไปถึงไหนกันแล้ว เชื่อสิว่าอัศวินน้องชายคนใหม่ของผมไม่ปล่อยมันไปง่ายๆ หรอก

“พะ…พี่เอาอะไรมาพูด!” อีกฝ่ายละล่ำละลักออกมาราวกับวัวสันหลังหวะ

“นึกว่าพี่ไม่รู้เหรอว่านายกับเขา…” ผมแกล้งยั่ว

“โอเคๆ! ผมไม่ถามพี่แล้ว ธุระผมมีแค่เนี่ยแหละขอตัวกลับก่อนนะบายพี่แฟร์” ว่าเสร็จสายลมก็เดินกลับบ้านไปทันที

“หาเรื่องหลบนี่หว่า” ผมตะโกนว่าก่อนมันจะหันมาแลบลิ้นกวนๆ ใส่

ให้ตายเถอะ! ไอ้เด็กนี่มันแสบจริงๆ ไม่รู้ว่าวินมันจะปราบพยศยังไงกันนะ!
:
:
:
ผมเดินกลับเข้าครัวก่อนจะวางชามแกงจืดรวมกับอาหารอื่นๆ บนโต๊ะพลางนั่งลงบนเก้าอี้ตามเดิม จนกระทั่งคนที่ออกไปคุยธุระด้านนอกกลับเข้ามา คนตัวสูงเดินมาหยุดอยู่ตรงหม้อหุงข้าวก่อนที่เขาจะลงมือตักมันใส่ในจานสองใบและยกมาวางไว้ตรงหน้าผมพร้อมกับวางของตัวเองไว้ยังที่นั่งฝั่งตรงข้าม

“เมื่อกี้ได้ยินเสียงกริ่งหน้าบ้านใครมาเหรอ” ราชันย์ถามก่อนจะนั่งลงบนเก้าอี้

“สายลมเขาเอาแกงจืดเมนูสุดท้ายที่คุณสั่งไว้มาส่งน่ะ” ผมว่าพลางเน้นทุกคำออกไปจนอีกฝ่ายหน้าเจือนลงทันที

ราชันย์ไม่ตอบอะไรนอกเสียจากถอนหายใจออกมาเมื่อถูกผมจับได้

“ไหนบอกว่าทำเอง” ผมถามออกไปก่อนที่เขาจะเอาแต่อ้ำอึ้งไม่ยอมตอบ

“เอ่อ…คือ”

“ไม่ได้ทำเองก็บอกตรงๆ สิ”

“โกรธที่กูโกหกมึงเหรอ” เขาถามพลางจ้องผมด้วยแววตารู้สึกผิดกลับมา

“เปล่า” ผมตอบไปแค่นั้นก่อนที่เขาจะถอนหายใจออกมาอีกครั้งพร้อมกับเอ่ยประโยคหนึ่งออกมาอ้อมแอ้ม

“ความจริงแล้วกูก็ทำ…แต่อาหารของกูมัน…”

“อยู่ไหน?” ผมถามแทรกเมื่อได้ยินสิ่งที่เขาบอก

“ในตู้กับข้าว”

“ขอผมดูหน่อยว่าคุณทำอะไรบ้าง” ผมว่าก่อนที่คนตรงหน้าจะพยายามบอกปัด

“แฟร์ กูว่ามึง…”

“เอาออกมาเถอะครับ” ผมบอกก่อนราชันย์จะยอมลุกเดินไปยังตู้กับข้าวพร้อมกับถือจานและชามอีกใบหนึ่งออกมา

คนตังสูงวางอาหารที่ตัวเองทำลงบนโต๊ะก่อนที่ผมจะพยายามกลั้นหัวเราะเมื่อเห็นอาหารตรงหน้าเข้าอย่างสุดกำลัง

“กูบอกมึงแล้ว…มันดูไม่น่ากินกูเลยไม่อยากให้มึงเสี่ยงเพราะกูเองก็เพิ่งจะทำครั้งแรก” เขาบอกอย่างอายๆ

ผมยังคงจ้องไปยังเมนูไข่เจียวทรงเครื่องที่ทั้งแห้งและเกรียมตรงหน้ากับแกงจืดที่ทั้งเต้าหู้ หมูสับ และผักกาดขาวถูกสับจนมันเละไม่มีชิ้นดีอยู่สักพักก่อนจะตัดสินใจคว้าช้อนขึ้นในขณะที่อีกคนก็รีบคว้ามือของผมที่กำลังจะตักไข่เจียวของเขาขึ้นกินเข้ายอย่างจังด้วยความตกใจ

“เดี๋ยวแฟร์! มึงจะทำอะไร!!” ราชันย์จับมือของผมเอาไว้แน่นก่อนจะตะโกนออกมาจนสุดเสียง

“ก็คุณอุตส่าห์ทำผมก็ต้องชิมสิ” ผมตอบพลางมองหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออกนั่นของเขาอย่างยิ้มๆ

“แต่!...”

“เอาน่า…มั่นใจฝีมือตัวเองหน่อยสิครับ” ผมบอกก่อนจะจับมือเขาออกจากมือข้างที่ถือช้อนของตัวเองและตักไข่เจียวตรงหน้าเข้าปาก

“เป็นไง?” ราชันย์ชะโงกหน้าเข้าใกล้ผมราวกับลุ้นคำตอบที่จะได้ก่อนที่ผมจะพยายามเคี้ยวและกลืนมันลงไปอย่างยากลำบาก

“แค่กๆ แค่กๆๆๆ”

“น้ำ! แฟร์นี่น้ำ!!” คนตรงหน้ารีบรินน้ำใส่แก้วแล้วยื่นมันให้ผมทันที

ผมคว้าแก้วน้ำที่เขายื่นมาให้ก่อนจะดื่มมันลงไปอึกใหญ่จนคนทำหน้าเสียลงไปอย่างเห็นได้ชัด

“มึงไม่ต้องกินมันหรอกกูจะเอาไปทิ้ง!” ไม่ว่าเปล่าราชันย์ยังคว้าจานไข่เจียวและชามแกงจืดขึ้นจนผมต้องร้องห้าม

“ไม่ต้องหรอกครับ…ความจริงมันก็…อร่อยดี” ผมบอกก่อนอีกคนจะหันมาทำหน้าดีใจขึ้น

“จริงดิ?” ราชันย์รีบวางอาหารที่ตัวเองทำลงก่อนจะตักเข้าปากบ้าง

“รสชาติแม่งหมายังไม่แดก! นี่กูทำอะไรของกู!!!” คนตรงหน้าตะโกนออกมาเมื่อพยายามกลืนไข่เจียวของตัวเองลงไปอย่างยากลำบาก ร่างสูงสบถคำพูดหยาบๆ มากมายในขณะที่ผมก็เอาแต่ขำเขาจนเหนื่อย

“ถึงมันจะเค็มและก็เกรียมไปหน่อยแต่กินกับข้าวสวยมันก็พอได้อยู่นะ” ผมว่าก่อนที่เขาจะจ้องผมเขม็ง

“ไม่ต้องกินแล้ว! กูสั่งอาหารร้านเฮียอ้วนมาตั้งเยอะเอาอาหารมหาเฮงซวยนี่ไปทิ้งได้เลย!!” ราชันย์สบถออกมาอย่างหัวเสียพลางคว้ามันขึ้นอีกเพื่อจะเอาไปทิ้งแต่คราวนี้เป็นผมที่รีบลุกขึ้นคว้าจานและชามในมือของเขาคืน

“แต่ว่าผมจะกินมัน!”

“!!”

“อะไรที่คุณพยายามผมเองก็อยากที่จะลองมันดูสักครั้ง” ผมว่าก่อนจะวางจานไข่เจียวและชามแกงจืดลงตามเดิมพร้อมกับตักทานอย่างไม่สะทกสะท้านอะไร

“มึงหมายความว่าไง” ราชันย์ที่มองผมทานตัดสินใจถามขึ้น

ผมมองหน้าเขากลับพลางถอนหายใจก่อนจะเอ่ยคำตอบที่พยายามคิดหาทางออกให้กับมันมาเป็นอาทิตย์ออกไปในที่สุด

“ถ้าความรู้สึกของคุณที่มีให้ผมมันเป็นเรื่องจริง พรุ่งนี้หากคุณพอมีเวลาว่างออกไปข้างนอกกับผมหน่อยจะได้มั้ย”

“ไปไหน?”

“ไปเคลียร์เรื่องของเราให้จบ”
[End Fair’s Part]



TBC......
-----------------------------------------
เรื่องนี้อีกสองบทจะจบแล้วนะคะ
บทสรุปจะเป็นยังไงรอติดตามกันได้ในวันพรุ่งนี้นาาาาาา


 :z2: :z2: :z2: :z2: :z2: :z2:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: ~~ราชันย์พ่ายรัก~~ (18+).........CH.19 100% [27/07/2560]
« ตอบ #69 เมื่อ: 27-07-2017 20:07:07 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ ่jum

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3709
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-4
 :katai2-1:

ออฟไลน์ som

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2708
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +230/-2
เหมือนแฟร์จะใจอ่อนแล้วนะนั่น  ยังไม่ค่อยคิดเลยว่าราชันย์จะเป็นพระเองได้เลยนะนี่

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
กลายเป็นว่าแฟร์ปราบพยศราชันย์สินะ555

ออฟไลน์ cheepoke

  • ^_^\/ สู้ๆ ฮู้เล่ๆ
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 78
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
    • https://www.facebook.com/BlueGusten.FictionY/


CHAPTER 20



หลังจากที่แฟร์กลับไปขอขมากับเรื่องต่างๆ ที่ได้ล่วงเกินกนกในตอนเช้าของอีกวันหนึ่งถึงที่บ้านเป็นที่เรียบร้อย ตอนนี้พวกเขาทั้งคู่กำลังนั่งมองบุคคลอีกสองคนยังที่นั่งฝั่งตรงข้ามภายในร้านกาแฟหรูที่ถูกราชันย์จองเอาไว้ทั้งร้านหลังจากที่เขาเลิกงานเสร็จท่ามกลางสายตาเฉือดเฉือนที่ถูกส่งผ่านกันไปมาโดยไม่มีใครเริ่มปริปากพูดอะไรออกมาก่อนเลย

ร่างบางของแฟร์มองนัทและนนท์ด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความรู้สึกผิดหากทว่ากับราชันย์ ร่างสูงยังคงนิ่งไม่สะทกสะท้านต่อสายตาของคนทั้งคู่ที่มองมายังเขาแต่อย่างใด

“ที่นัดออกมาเพราะอยากจะนั่งมองหน้ากันแบบนี้หรือไง” นนท์เป็นคนทำลายบรรยากาศน่าอึดอัดด้วยการปริปากพูดออกมาอย่างเหน็บแนม

“ก็เปล่า” แฟร์ตอบเสียงอ้อมแอ้ม

“พี่แฟร์มีอะไรอยากจะพูดก็พูดออกมาเถอะฮะ ผมกับพี่นัทก็มีธุระที่ต้องไปทำต่อเหมือนกัน” ร่างเล็กว่าก่อนจะจ้องแฟร์เขม็ง

“คือ…” แฟร์หันไปหาราชันย์ทันทีเมื่อร่างสูงคว้ามือที่บีบกันบนตักของเขาไว้แน่นก่อนเสียงทุ้มของคนข้างๆ จะเอ่ยออกไปแทน

“ที่ฉันกับแฟร์นัดพวกนายออกมาวันนี้ก็เพื่อจะขอโทษ” ราชันย์ว่าก่อนที่นนท์จะเลิกคิ้วขึ้นอย่างสงสัย

“ขอโทษ?”

“ใช่”

“ขอโทษเรื่องอะไร?”

“คือพี่….” แฟร์พยายามตอบหากแต่ร่างสูงข้างๆ ก็ชิงพูดออกไปก่อน

“ฉันรักแฟร์”

“!!”

ทั้งนัทและนนท์เบิกตาขึ้นด้วยความตกใจพร้อมกันทันทีเมื่อได้ยิน ร่างสูงของคนตรงหน้าจ้องมองร่างบางของแฟร์อย่างต้องการคำตอบหากทว่าเขายังคงนิ่งขรึมไม่กระโตกกระตากเหมือนกับคนข้างๆ ที่ตวาดคำพูดร้ายๆ ออกไปแทบจะทันที

“พี่หมายความว่าไง!!” นนท์ว่าพลางจ้องราชันย์อย่างเอาเรื่อง

“ก็อย่างที่บอกว่าฉันรักแฟร์และฉันก็กำลังจะคบกับเขาแค่นั้นจบ!” ร่างสูงเอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบ

“พี่แฟร์!” นนท์หันมาตวาดร่างบางบ้างหากทว่าแฟร์เองที่ไม่รู้จะพูดอะไรออกไปก็เอาแต่ก้มหน้านิ่งอย่างรับผิดจนดาราหนุ่มเลือดร้อนต้องหันไปเล่นงานพี่ชายตัวเองที่ได้แต่นั่งนิ่งเป็นหินบ้าง

“พี่นัท! ทำไมพี่ไม่พูดอะไรบ้างมัวแต่เงียบอยู่ได้ไม่รู้หรือไงว่ากำลังจะโดนแย่งคนรักไปน่ะหา!!” ร่างเล็กตะโกนจนสุดเสียงก่อนคนถูกว่าจะมองใบหน้าของคนที่เขารักมาตลอดห้าปีกลับด้วยความรู้สึกที่เจ็บไปทั้งอก

“ว่างไปนั่งรถเล่นกับพี่มั้ยแฟร์” นัทเอ่ยถามเพียงเท่านั้นก่อนแฟร์จะเงยหน้าขึ้นสบตากับเขาและตอบกลับไป

“ครับ”

“เดี๋ยว! มีอะไรทำไมไม่คุยกันที่นี่จะพาแฟร์ไปไหน!” ราชันย์สวนขึ้นทันที

“ผมจำเป็นต้องบอกคนที่ชุบมือเปิบแบบคุณมั้ยคุณราชันย์” นัทเอ่ยเสียงเรียบก่อนลุกขึ้นยืนจนเต็มความสูงในขณะเดียวกันแฟร์ก็ลุกตาม

“แฟร์…” ร่างสูงคว้ามือเรียวเอาไว้ก่อนจะพยายามห้าม

“ผมไปไม่นานหรอกแต่ถ้านานมันก็ไม่ยากที่คุณจะตามไปนี่”

“แต่กู!...”

“อย่าหวงอะไรไม่เข้าเรื่องน่า” แฟร์ว่าก่อนจะจับมือของราชันย์ให้ปล่อยมือของตัวเองออกพร้อมกับเดินตามนัทออกไปทันทีท่ามกลางสายตาขุ่นเคืองของราชันย์ที่มองไปไม่วาง

“ดูจะหวงพี่แฟร์จริงๆ เลยนะแล้วคนที่เคยบอกผมว่าไม่ได้มีรสนิยมแบบนี้น่ะหายไปไหนเสียแล้วล่ะ” นนท์ได้ทีเกทับด้วยเรื่องเดิมๆ หลังจากที่อีกสองคนเดินออกจากร้ายไปแล้ว

“จริงอยู่ที่คำนั้นฉันเป็นคนพูดแต่มันก็ไม่ได้หมายความแบบนั้นซะทีเดียว” ราชันย์ว่าก่อนจะยกถ้วยกาแฟดำขึ้นดื่ม

“หึ! พี่มันก็แค่คนกลับกลอก” ร่างเล็กว่ากลับด้วยความเจ็บใจ

“อยากจะว่าอะไรก็เชิญเพราะคนที่ฉันแคร์มันไม่ใช่นาย”

“แล้วที่ผมทำไปทั้งหมดมันไม่พอให้พี่หันมาสนใจผมบ้างเหรอ!!” นนท์ตวาดลั่นเมื่อท่าทีของราชันย์ทำให้เขาฉุนกึก

“นายทำอะไร?”

“ก็ที่ผมทำดีกับพี่! ที่พี่จูบผมต่อหน้าแพรวาล่ะ! นั่นมันหมายความว่ายังไง!!”

“เรื่องที่ฉันจูบนายต่อหน้าแพรวานั่นนายก็น่าจะรู้ว่าฉันทำเพราะอยากจะดัดหลังผู้หญิงคนนั้น ส่วนเรื่องที่นายบอกว่านายทำดีกับฉันนั่นน่ะ ฉันว่ามันเป็นเพียงมารยาที่นายมักจะใช่ยั่วคนอื่นมากกว่าล่ะมั้ง”

“!!”

ร่างเล็กตกใจเบิกตากว้างเมื่อได้ยินคำพูดของราชันย์ก่อนร่างสูงฝั่งตรงข้ามจะพูดเข้าเรื่องที่ต้องการอยากจะให้อีกฝ่ายรับรู้ทันที

“เอาล่ะที่จริงวันนี้แฟร์เป็นคนขอร้องฉันให้มาเคลียร์เรื่องที่ยังค้างคาไว้กับนายให้จบเพราะฉะนั้นฉันจะไม่อ้อมค้อมแล้วกัน”

“…”

“เลิกยุ่งกับฉันซะแล้วอย่าเข้ามายุ่งเรื่องระหว่างฉันกับแฟร์อีก”

“พี่ราชันย์!!” นนท์ตะโกนชื่ออีกคนออกไปด้วยความรู้สึกเสียใจระคนเจ็บแค้น

“ส่วนไอ้คำที่ว่าฉันไม่ได้มีรสนิยมแบบพวกนายนั่นนะนายก็น่าจะรู้ว่าที่ฉันพูดออกไปเพราะไม่อยากจะอะไรกับนาย มันก็เป็นแค่คำพูดที่ดูดีแทนคำว่า 'กูไม่อยากเอามึง' ก็เท่านั้นเอง”

ฉ่า!!!

มอคค่าที่อุ่นลงบ้างแล้วถูกอีกฝ่ายสาดเข้าหน้าของร่างสูงอย่างจัง นนท์กระแทกแก้วกาแฟที่เพิ่งจะสาดใส่อีกคนลงบนโต๊ะจนเกิดเสียงดังในขณะที่ราชันย์ก็ทำเพียงยกมือของตัวเองขึ้นลูบไล้หยดกาแฟที่เกาะอยู่ตามใบหน้าออกเท่านั้น

“พี่มันสารเลวที่สุด!! พี่กล้าทำกับผมอย่างนี้ได้ยังไง!” ร่างเล็กตวาดกลับก่อนร่างสูงจะแสยะยิ้มตาม

“หึ! ที่ฉันจำได้ฉันยังไม่ได้ทำอะไรนายเลยนะ”

“ไอ้บ้า! สารเลว! ผมเกลียดพี่! เกลียดที่สุด!!”

“ฉันไม่สนว่านายจะรู้สึกยังไงเพราะตอนนี้ฉันมีคนที่แคร์อยู่แล้ว”

“พี่แฟร์มีดีตรงไหน! พี่ไม่รู้หรือไงว่าเขารักพี่นัท พวกเขาสองคนรักกัน!!” นนท์พยายามหาเหตุผลเป็นร้อยแปดให้ราชันย์ถอดใจจากอีกคน

“รักแล้วยังไง?” ร่างสูงถามเสียงเรียบ

ใบหน้าของราชันย์ที่เปื้อนไปด้วยมอคค่าเมื่อครู่ฉายแววไม่พอใจขึ้นมาเรื่อยๆ เมื่ออีกฝ่ายดูจะเข้าใจอะไรยากจนเขาต้องงัดคำพูดที่ไม่อยากจะเอ่ยมันออกมานักแต่ก็จำเป็นต้องเอ่ยหากอยากจะจบเรื่องนี้เร็วๆ ตามความคิดของเขา

“เพราะว่าพี่แฟร์ไม่มีทางหันมารักพี่ยังไงล่ะ! พวกเขารักกันกว่าห้าปีแล้วแต่กับพี่ที่เข้ามาในชีวิตพี่แฟร์แค่ไม่กี่เดือนอย่าหวังว่าคนอย่างเขาจะหันมาสนใจ!!” คนตรงหน้าตวาดคำตอบออกไปพลางทำหน้าราวกับถือไพ่เหนือกว่า

“ห้าปีแลกกับการที่พี่ชายนายได้แค่หอมมันจะสู้อะไรกับฉันที่มาเพียงไม่กี่เดือนแต่ได้ครอบครองเขาไว้ทั้งร่างกายและหัวใจล่ะ!”

“!!”

คำพูดของราชันย์ทำเอานนท์ถึงกับชะงัก ร่างเล็กตรงหน้ากลืนน้ำลายลงคอตัวเองอย่างยากลำบากพลางจ้องอีกคนกลับนิ่ง คำพูดที่มีความหมายสองแง่สองง่ามขนาดที่ว่าเด็กสิบขวบก็เข้าใจทำเอานนท์ถึงกับไม่อยากจะเชื่อ

“พะ…พี่หมายความว่า!?” ร่างเล็กถามเสียงสั่น

“แฟร์เป็นเมียฉันแล้ว ถึงเขาอาจจะไม่ใช่เมียแรกแต่ฉันกล้าเอาหัวเป็นประกันว่าเขาจะเป็นเมียสุดท้าย!” ร่างสูงเอ่ยด้วยน้ำเสียงหนักแน่นก่อนคนตรงหน้าจะถอนหายใจออกมาพลางก้มหน้าลงทันที

“ฮึก ฮือออ ทำไมทุกคนต้องทำกับผมแบบนี้ด้วย ทำไม!” นนท์ร้องไห้โฮอย่างไม่นึกอาย ดาราหนุ่มปาดน้ำตาของตัวเองออกก่อนจะเอาแต่สะอื้นพลางคร่ำครวญออกมาไม่หยุด

“นายมันก็แค่ดาราที่คิดจะเอาหน้าตาเข้าแลกกับความรัก ฉันเองก็เคยทำร้ายจิตใจแฟร์เขาไว้มากแต่มันก็ไม่สายที่จะคิดได้และแก้ไข” ร่างสูงเอ่ย

“ผมไม่ดีตรงไหน ฮึก! ผมสู้คนอื่นไม่ได้ตรงไหน ฮือออ” นนท์ไม่หยุดตัดพ้อ

“นายต้องหัดรักตัวเองให้มากกว่านี้ ที่ฉันพูดฉันพูดในฐานะของคนที่อายุมากกว่านายถึงแปดปี เชื่อเถอะว่าความรักไม่ได้มาง่ายๆ ถ้านายไม่เข้าใจมันก่อน” ราชันย์บอกก่อนจะเอื้อมมือกุมมืออีกฝ่ายอย่างให้กำลังใจ

“อะไรก็ตามที่ฉันทำแล้วมันทำให้นายคิดไปไกลฉันเองก็ต้องขอโทษด้วย” ร่างสูงพูดต่อจนนนท์นึกแปลกใจ

“พี่ ฮึก! พี่เปลี่ยนไปมากเลยนะ” ร่างเล็กสะอื้นไห้

“คงเป็นเพราะแฟร์นั่นล่ะมั้ง จากคนที่ไม่เคยยอมใครอย่างฉันจะมีก็แต่เขาคนแรกเนี่ยแหละที่ฉันต้องยอม” ร่างสูงว่าพลางลอบยิ้มออกมาเมื่อนึกถึงใบหน้าของคนที่ถูกกล่าวถึง

“กลัวเมียว่างั้น?” นนท์เหน็บกลับเสียงอ้อมแอ้มจนราชันย์ชะงักก่อนจะแก้ตัวกลับไป

“เขาเรียกให้เกียรติต่างหาก” ว่าเสร็จร่างสูงก็หยิบทิชชู่ยื่นให้กับคนตรงหน้าก่อนจะพูดขึ้นต่อ

“เอาล่ะเรื่องระหว่างฉันกับนายขอให้มันจบเพียงเท่านี้”

“ผะ…ผมจะยังเรียกพี่ว่าพี่ได้ใช่มั้ย แบบพี่น้องครั้งนี้พี่น้องจริงๆ ไม่มีอะไรแอบแฝง” นนท์ถามด้วยเสียงที่สั่นเครือจนถูกราชันย์จับผิดกลับไป

“ยอมรับว่าครั้งนั้นมี?” ร่างเล็กได้ยินก็ถึงกับก้มหน้าลงอย่างนึกอาย

“นายไม่ได้รักฉันจริงๆ ตั้งแต่แรกหรอกแต่สิ่งที่นายทำเพียงเพราะต้องการแค่ความรักเท่านั้น ซึ่งฉันให้นายไม่ได้” ร่างสูงบอก

“ผมเข้าใจแล้ว” นนท์เอ่ยยอมรับ

ร่างเล็กรู้ดีว่าตัวเขาเองเป็นอย่างนั้นจริงๆ เพราะราชันย์ต่างจากผู้ชายทุกคนที่เข้ามาจนเขาต้องการเอาชนะใจร่างสูงให้ได้ทั้งที่ตัวเขาเองก็ไม่ได้รู้สึกดีกับอีกฝ่ายขนาดที่เรียกว่า รัก ได้เลยสักนิด

“ส่วนเรื่องที่อยากเรียกฉันยังไงก็แล้วแต่นายเลย แต่ตอนนี้ฉันคงต้องขอตัวออกไปตามสองคนนั่นก่อน” พูดเสร็จร่างสูงก็ลุกยืนขึ้นจนเต็มความสูงทันที

“พี่รู้เหรอว่าพวกเขาไปที่ไหนกัน” นนท์เอ่ยขัดในขณะที่อีกคนกำลังจะก้าวออกจากโต๊ะไป

“เดี๋ยวหาจาก GPS” ราชันย์ตอบก่อนอีกคนจะถอนหายใจออกมาอย่างเอือมระอากับวิธีที่ร่างสูงคิด

“ไม่ต้องยุ่งยากขนาดนั้นหรอก”

“?”

“เพราะผมรู้ดีว่าตอนนี้พวกเขาอยู่ที่ไหน”
:
:
:
@ อีกด้านหนึ่ง

นัทพาแฟร์ที่นั่งเงียบตลอดทางมายังสวนสาธารณะไม่ไกลจากร้านกาแฟเมื่อครู่มากนัก ชายหนุ่มดับเครื่องยนต์ก่อนจะเปิดประตูลงจากรถเพื่อออกไปสูดอากาศบริสุทธิ์ที่เขาไม่ได้สัมผัสมานานหลายปีข้างนอก

ร่างบางมองคนด้านนอกอยู่ภายในรถด้วยความรู้สึกหนักใจ แฟร์ก้มหน้าพลางทำใจอยู่สักพักก็เปิดประตูลงจากรถเดินไปยืนอยู่ข้างๆ นัทที่ทอดมองไปยังพื้นน้ำร่มรื่นเบื้องหน้าด้วยความรู้สึกประหม่า

“ที่นี่ไม่เปลี่ยนไปเลยเนอะว่ามั้ย” นัทว่าเมื่อรับรู้ได้ว่าร่างบางมายืนอยู่ใกล้ๆ

“ครับ” แฟร์ตอบพลางมองทอดไปยังพื้นน้ำที่ไหลเป็นริ้วสวยตามแรงลมที่พัดผ่านมาบ้าง

“รู้หรือเปล่าทำไมพี่ถึงพาแฟร์มาที่นี่” จู่ๆ คนข้างๆ ถามขึ้นด้วยเสียงเรียบ

“เพราะพี่ชอบที่นี่” แฟร์ตอบหากแต่มันกลับไม่เต็มเสียงนัก

“ไม่ใช่หรอก…เพราะที่นี่คือที่ที่พี่บอกชอบเราต่างหากล่ะ”

คำตอบของนัททำเอาแฟร์จุกไปทั้งอก ร่างบางรวบกำมือเอาไว้แน่นก่อนจะหันกลับมาหาอีกฝ่ายที่มองมาก่อนหน้านี้แล้ว

“เอ่อ…พี่นัทครับ คือ…” แฟร์อึกอักก่อนนัทจะพูดทับขึ้น

“ไม่ต้องพูดอะไรหรอกแฟร์พี่เข้าใจ”

“แต่ถึงยังไงผมก็ต้องขอโทษพี่อยู่ดี” แฟร์เอ่ยออกไปในที่สุด ร่างบางไม่อยากให้คนตรงหน้าเสียใจและรู้สึกแย่ไปมากกว่านี้

“ความจริงพี่ก็พอจะเดาออกตั้งแต่เจอเราครั้งล่าสุดแล้วล่ะ” ร่างสูงเอ่ยก่อนจะเหยียดยิ้มให้กับเหตุการณ์ที่ทำให้เขารู้ว่าอีกฝ่ายนั้นเปลี่ยนไป

“เพราะคุณราชันย์น่ะเขาดูเป็นห่วงแถมยังดูหวงแฟร์มากตั้งแต่ตอนนั้น แต่พี่ก็เลือกที่จะไม่ห้ามเพราะคิดว่าแฟร์ไม่น่าจะใจอ่อนกับเขาและอีกอย่างคือพี่มันไม่มีสิทธิ์อื่นนอกจากฐานะพี่ชาย” นัทพูดด้วยน้ำเสียงเศร้า

“แต่สุดท้ายทุกอย่างก็เป็นอย่างที่พี่กลัวจนได้” ร่างสูงเอ่ยออกมาอีกด้วยใบหน้ายิ้มหากทว่าแววตาของเขากลับดูเจ็บปวดจนแฟร์ต้องรีบก้มหัวให้ด้วยความรู้สึกผิดที่ประเดประดังเข้ามาจนล้นอก

“ผมขอโทษ! ขอโทษจริงๆ! เพียงแต่ตอนนี้…”

“เพียงแต่ตอนนี้แฟร์ก็ไม่ได้รักพี่แล้ว?” แฟร์ชะงักกับสิ่งที่นัทพูด ร่างบางก้มหน้าลงอย่างคนยอมรับแต่โดยดีก่อนอีกฝ่ายจะพูดออกมาติดขำ

“เฮ้ออออ…อกหักซะแล้วเรา” นัทว่าพลางชำเลืองดูร่างบางที่เอาแต่ก้มหน้านิ่ง

“ไม่ต้องเสียใจหรอกพี่เองก็ทำใจก่อนหน้านี้มานานพอควรแล้วล่ะ” ร่างสูงว่าก่อนจะเอื้อมมือออกไปโยกหัวอีกฝ่ายไปมา

“พี่นัท…ไม่โกรธผมเหรอ”

“ไม่โกรธหรอกเพราะสามสิ่งที่คนเราห้ามกันไม่ได้คือหนึ่งความหนาว สองการจามและสามก็คือความรัก มันไม่แปลกที่แฟร์จะไปเจอคนอื่นที่ดีกว่าเพราะพี่ก็รู้ดีว่าตัวเองไม่กล้าหาญพอที่จะเดินหน้ารักแฟร์ในสถานะอื่น พี่ขอโทษที่ทำให้แฟร์ต้องทนอยู่กับความรู้สึกพวกนั้นมานานหลายปี” ร่างสูงถอนหายใจก่อนจะโทษตัวเองที่ไม่กล้าขัดคำสั่งของทางบ้านเพื่อคบกับร่างบางที่ยืนอยู่ตรงหน้า

“ไม่เป็นไรครับผมเข้าใจเพราะฝั่งนั้นก็คือครอบครัวของพี่”

“แล้วกับคุณราชันย์ไปถึงไหนกันแล้วล่ะ”

“ฮะ! เอ่อ…พี่นัทถามอะไรแบบนี้ล่ะครับ!?” แฟร์ตกใจถามกลับตาตื่น

“ไม่ใช่ พี่หมายถึงครอบครัวเขาว่ายังไงแล้วเริ่มคบกันมีปัญหาอะไรหรือเปล่า”

“อ๋อ”

“เรานี่ก็คิดมากไปได้” นัทว่าก่อนจะขำท่าทีของแฟร์กลับ

“ก็คำถามของพี่มันคลุมเครือนี่ครับ” แฟร์อดเถียงอีกฝ่ายไม่ได้ก่อนที่เขาจะตอบในสิ่งที่นัทอยากรู้ออกไป

“เรื่องครอบครัวน่ะจะบอกยังไงดีล่ะ เผอิญว่ามันยาวมากเลยล่ะครับ เอาเป็นว่าทางฝั่งเขารับรู้แล้วและก็ไม่ว่าอะไร”

“ดีจังเลยนะ” นัทตอบพลางนึกอิจฉาราชันย์อยู่ในใจหากทว่าเขากลับพยายามปกปิดมันเอาไว้ไม่ให้อีกฝ่ายรับรู้

“แล้วตัวแฟร์เองล่ะคิดดีแล้วใช่มั้ยกับคนๆ นี้”

“เอ่อ…” ร่างบางไม่กล้าตอบออกไปตรงๆ กระทั่งคนตรงหน้าสังเกตเห็นใครบางคนที่เดินมาแต่ไกลด้วยใบหน้าเรียบนิ่งแต่กลับแฝงไปด้วยความไม่พอใจจนเขาต้องส่ายหัว

“พูดยังไม่ทันขาดคำก็ตามมาเจอจนได้” แฟร์หันไปตามสายตาของนัทที่มองผ่านตัวเขาไปทางด้านหลังก่อนจะพบกับราชันย์ที่รีบจ้ำอ้าวเข้ามาจนแฟร์ถึงกับเลิกคิ้วจ้องอีกคนอย่างไม่วาง

“ผมกำลังคิดอยู่เลยว่าผมน่ะคิดดีแล้วหรือเปล่ากับเขาคนนี้” แฟร์เอ่ยออกมาอย่างนึกขำกับท่าทีของราชันย์อยู่ในใจ

“ดูเขาจะหวงแฟร์กับพี่มากเลยนะ” นัทพูดอย่างละเหี่ยใจก่อนที่ผู้มาใหม่จะเดินมาถึงพวกเขาในที่สุด

“คุยกันเสร็จหรือยัง” ราชันย์ถาม

“เสื้อคุณไปโดนอะไรมา” แฟร์หันไปหาคนข้างๆ ก่อนจะสังเกตเห็นคราบบนเสื้อของอีกฝ่าย

“มึงก็ลองถามน้องมันเอาเองสิ” ร่างสูงว่าก่อนจะจ้องนัทเขม็ง

“เจอฤทธิ์นนท์เข้าให้แล้วล่ะสิ” แฟร์ได้ยินดังนั้นก็หลุดขำ

“อย่าขำกูนะแฟร์!” ร่างสูงเอ็ดจนนัทที่ยืนมองทั้งคู่ตัดสินใจเอ่ยออกไปในที่สุด

“ถ้างั้นพี่ขอตัวกลับก่อนนะ” ร่างสูงว่าพลางโบกมือลาและก้าวออกไป

“เดี๋ยวครับพี่นัท” แฟร์ยื้ออีกฝ่ายเอาไว้เพราะยังไม่ได้ตอบคำถามเมื่อครู่กลับไปดีๆ หากทว่านัทกลับหันมาพูดกับเขาด้วยใบหน้ายิ้มแทน

“พี่ได้คำตอบแล้วล่ะแฟร์” ร่างสูงว่าก่อนจะหันไปหาราชันย์ที่ยืนขนาบข้างแฟร์ไม่ห่าง

“ดูแลแฟร์ให้ดีๆ นะครับคุณราชันย์ ถ้าเมื่อใดที่เขาต้องเจ็บหรือร้องไห้เพราะคุณผมบอกไว้ก่อนเลยว่าวันนั้นผมจะทวงเขาคืนแน่นอน” นัทคาดโทษกลับ

“ไม่มีวันนั้นหรอกครับล่มเลิกความคิดของคุณได้เลย” ราชันย์เอ่ยเน้นหนักจนอีกฝ่ายรู้สึกได้

นัทมองทั้งสองคนตรงหน้าก่อนจะถอนหายใจออกมาพลางโบกมือลากลับไปอีกครั้ง

“ถ้างั้นพี่ไปละนะ”

“ครับ” แฟร์โบกมือตอบพลางส่งยิ้มให้อีกฝ่ายจนกระทั่งนัทขึ้นรถและขับออกไป

“ทำไมมึงต้องยิ้มให้มันด้วย” ไม่ทันที่ร่างบางจะได้พูดอะไรคนข้างๆ ก็เปิดศึกขึ้นมาทันที

“อ้าว! ก็เขาเป็นพี่ชายผมนี่” แฟร์เถียง

“ไม่ใช่พี่ชายจริงๆ ซะหน่อยแถมมึงยังเคยรักมันมาก่อนอีกต่างหาก” ราชันย์สบถหน้าตาย

“คุณนี่ชอบคิดอะไรเป็นเด็กๆ ไปได้!” แฟร์ว่าก่อนจะเดินหนี

“ก็มันจริงนี่หว่า มึงเองไม่ได้รักกูถึงขนาดนั้นกูก็แค่ยังไม่แน่ใจว่ามึงจะไม่กลับไปรักมันอีก!!” ราชันย์ตะโกนไล่หลังก่อนจะรีบวิ่งตามร่างบางพลางกระชากอีกฝ่ายเข้าหาในขณะที่แฟร์เองก็แอบขโมยหอมแก้มร่างสูงทีเผลอไปหนึ่งที

“เอาล่ะพอใจหรือยัง” แฟร์พูดท่ามกลางราชันยืที่เบิกตากว้าง

“มะ…มึง!?”

“กลับกันเถอะครับ” ร่างบางพยายามบอกปัดอีกฝ่ายที่ดูเหมือนจะพูดอะไรออกมาด้วยใบหน้าอึ้ง

“แฟร์…”

“ผมอยากกลับแล้ว”

“มึงอย่าเฉไฉกูสิ” ราชันย์รวบร่างบางเข้าในอ้อมกอดพลางมองหน้าอีกฝ่ายนิ่ง แฟร์หลบสายตาคมของคนตรงหน้าก่อนที่อีกฝ่ายจะโน้มลงมาหมายจะครอบครองริมฝีปากของเขา

“เดี๋ยว!” แฟร์ห้ามพลางยกมือเรียวขึ้นปิดริมฝีปากของราชันย์เอาไว้

“อะไร” ร่างสูงถามหน้าตาย

“คนอื่นเยอะแยะ”

“กูไม่เห็นอาย”

“แต่ผมอาย!!”

“แม่ง!”

“อุ้บ! อื้ออออ!!” แฟร์ทุบแผงอกแกร่งของอีกฝ่ายกลับไปหลายทีเมื่อราชันย์ฉกชิงริมฝีปากของเขาไปครอบครองไว้ได้ในที่สุด

ร่างสูงขบเม้มริมฝีปากเล็กอย่างหิวกระหายในขณะที่แฟร์เองก็พยายามจูบตอบอีกฝ่ายกลับไปด้วยลีลาที่ไม่เป็นประสา

ราชันย์มองเสี้ยวหน้าของแฟร์ที่หลับตาพริ้มเคลิบเคลิ้มไปกับรสจูบที่เขามอบให้ก่อนร่างสูงจะยิ่งได้ใจเปลี่ยนบทจูบเมื่อครู่ให้กลายเป็นจูบที่หวาบหวามเสียจนคนในอ้อมแขนถึงกับเข่าอ่อน

“ก็แค่เนี่ยที่กูต้องการไม่เห็นมีใครมองสักคน” ร่างสูงผละริมฝีปากออกเมื่อแฟร์ใกล้จะหมดลมก่อนราชันย์จะรวบอีกฝ่ายมากอดไว้ราวกับกลัวว่าแฟร์จะหายไปไหนอีก

“พอเลยเห็นแก่ตัวไปแล้วนะ กลับกันเถอะครับ” แฟร์บอกด้วยใบหน้าแดงก่ำ ร่างบางพยายามดันตัวอีกฝ่ายออกก่อนจะเดินหนีไปที่รถของราชันย์ในขณะที่อีกฝ่ายเองก็เอ่ยกลับด้วยคำพูดที่ทำให้แฟร์ถึงกับลมแทบจับเช่นเดียวกัน

“ครับบบบ เมีย”

“!!”



TBC.........
-------------------------------------------
โอ้ววว ยอมใจอีเฮียเลยจริงๆ คำพูดพี่แกเด็ดสะระตี่หาใดเปรียบ!!
ราชันย์ต้นแบบเมะพ่อบ้านใจกล้า
#แฟร์ต้นแบบเคะทองคำ
บทหน้าจบแล้วนาาาา แอบกระซิบว่ามี NC นะจิ ^O^
เป็นกำลังใจให้กิ่งด้วยนะคะ


 :impress2: :impress2: :impress2: :impress2: :impress2: :impress2:

ออฟไลน์ Laliat

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 253
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
 :z1:ื กริ้บกิ้ว

ออฟไลน์ cheepoke

  • ^_^\/ สู้ๆ ฮู้เล่ๆ
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 78
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
    • https://www.facebook.com/BlueGusten.FictionY/


EPILOGUE



“แฟร์…ตื่นได้แล้ว” ร่างสูงปลุกร่างบางที่หลับมาตลอดทางข้างๆ ก่อนที่คนถูกปลุกจะลืมตาตื่นพลางถามกลับไปเบาๆ

“ถึงแล้วเหรอครับ”

“อืม มึงเหนื่อยอะไรนักหนาหลับเป็นตายเลย” ราชันย์ว่าพลางลูบไปตามพวงแก้มใสของคนข้างๆ อย่างเย้าแหย่

“ก็ใครกันล่ะครับที่เอาแต่กวนผมจนไม่ได้นอนน่ะ” แฟร์เอ็ด

“นึกว่าที่กูกอดมึงทั้งคืนมันจะช่วยให้มึงหลับฝันดีซะอีก” ร่างสูงลอบยิ้มขำจนแฟร์ถึงกับทำหน้ามู่ทู่

จะไม่ให้ร่างบางอารมณ์เสียได้ยังไงล่ะในเมื่อหลายวันมานี้ราชันย์ทั้งดื้อและตื้อมานอนกับเขาที่บ้านทุกวัน แม้ว่าระหว่างเขาทั้งสองคนจะไม่มีอะไรเกินเลยไปกว่าการตอดนิดตอดหน่อยของอีกฝ่ายที่แฟร์เองก็เพิ่งจะรู้ว่าราชันย์ก็มีมุมนี้กับเขาด้วยก็เถอะ แต่ร่างสูงจอมเผด็จการคนนี้ก็ไม่ยอมปล่อยให้ร่างบางห่างกายไปไหนเลยด้วยการกอดเขาไว้แน่นไม่ปล่อยทั้งคืน

“นั่นมันตรรกะอะไรของคุณ” ร่างบางเอ็ดก่อนอีกคนจะแหย่กลับ

“อ้าว! คนรักกันเขาก็ต้องนกอดกันสิถึงจะถูก”

“แต่มันไม่ใช่กับผม” แฟร์ว่าพลางปรับเบาะนั่งของตัวเองที่เอนไปด้านหลังขึ้นเผยให้เห็นสถานที่ที่ราชันย์พาเขานั่งรถมานานกว่าสองชั่วโมง

“คุณมาที่นี่ทำไม” ร่างบางมองไปยังบริเวณรอบๆ อย่างนึกสงสัย

“มาไหว้พ่อกับแม่ยายน่ะ” ร่างสูงตอบก่อนจะเอื้อมไปหยิบถุงอะไรบางอย่างจากเบาะหลัง

“ทำไมคุณถึงไม่บอกผมก่อนผมจะได้เตรียมดอกไม้มาไหว้พวกท่านด้วย” แฟร์ว่าก่อนราชันย์จะล้วงบางอย่างออกจากถุงที่หยิบมา

“กูเตรียมไว้ให้แล้ว” พวงมาลัยหนึ่งพวงถูกร่างสูงยื่นมาให้

“ไปกันเถอะ” ราชันย์เอ่ยเมื่อแฟร์นิ่งค้างเพราะไม่นึกว่าอีกฝ่ายจะเตรียมพร้อมขนาดนี้ ร่างบางมองราชันย์ที่เดินลงจากรถก่อนที่ตัวเขาเองจะเปิดประตูลงตามออกไปบ้างและมุ่งหน้าไปยังที่เก็บอัฐิของบุคคลที่พวกเขามาหาทันที
:
:
:
ทั้งคู่เดินมาหยุดอยู่ตรงด้านหน้าที่เก็บอัฐิของลินดาและนิกรเป็นที่เรียบร้อย แฟร์นั่งลงพลางวางพวงมาลัยไว้ด้านหน้ารูปภาพของลินดาในขณะที่ราชันย์เองก็นั่งตามลงมาและวางพวงมาลัยในมือด้านหน้ารูปของนิกรเช่นเดียวกัน

“แม่ครับ ขอบคุณที่เลี้ยงดูผมมาอย่างดี ขอบคุณที่ดูแลผมจนวินาทีสุดท้าย ขอบคุณทุกความเอาใจใส่ที่ทำให้ผมโตเป็นผู้ใหญ่ได้ทุกวันนี้ ผมสัญญาว่าจะเป็นคนดีอย่างที่แม่เคยสอน ผมรักแม่นะครับ” แฟร์พูดก่อนจะปาดน้ำตาที่เอ่อล้นขึ้นมาอย่างห้ามเอาไว้ไม่อยู่ออก

“พ่อนิกรครับ ขอบคุณที่ช่วยแม่เลี้ยงดูผม แม้ว่าผมจะไม่ใช่ลูกแท้ๆ ของพ่อก็ตามแต่ผมก็ทราบซึ้งในความรักที่พ่อมีให้ ผมเสียใจที่ไม่ได้อยู่ดูใจพ่อในวันสุดท้ายแต่ผมก็อยากจะบอกกับพ่อว่าเรื่องที่พ่อเคยทำกับผมทั้งหมดตอนนี้ผมไม่ติดใจถือโทษโกรธเคืองอะไรแล้ว ผม…ขออโหสิกรรมให้พ่อนะครับ ผมขอให้พ่อไปสู่ภพภูมิที่ดี รักพ่อนะครับ” ร่างสูงหันมองแฟร์หลังจากที่อีกฝ่ายพูดจบ

ราชันย์ตัดสินใจเอื้อมมือของตัวเองไปกุมมือของคนข้างๆ เอาไว้ก่อนที่เขาจะเอ่ยความในใจต่อสิ่งที่ใช้แทนตัวตนของบุคคลที่เคารพด้านหน้าทั้งสองบ้าง

“สวัสดีครับพ่อ ผมราชันย์เป็นลูกแท้ๆ ของพ่อกับแม่กนก ผมเสียใจที่มารู้ความจริงเมื่อมันสายไปแล้วว่าพ่อคือพ่อแท้ๆ ของผม ทั้งที่ผมเองยังไม่ทันได้ตอบแทนพระคุณที่พ่อทำให้ผมได้เกิดมาเลยสักนิด ผมขอบคุณที่พ่อทำให้ผมได้มาเจอกับคนดีๆ อย่างแฟร์ที่เปรียบเสมือนลูกชายอีกคนของพ่อ ผมรักเขาและผมสัญญาว่าจะดูแลเขาเป็นอย่างดี” แฟร์หันมองเสี้ยวหน้าเจ้าของคำสัญญานี้ด้วยความรู้สึกเอ่อล้นไปทั้งอกก่อนราชันย์จะเอ่ยกับอัฐิของอีกคนต่อ

“สวัสดีครับคุณน้าลินดา ผมราชันย์ เป็น…เอ่อ…”

“คุณกำลังจะพูดอะไร” แฟร์ถามเมื่อจู่ๆ ร่างสูงก็อ้ำอึ้งราวกับไม่แน่ใจในสิ่งที่ตัวเองกำลังจะพูดออกมา

“คือกูไม่รู้จะแนะนำตัวกับแม่มึงยังไงดี” ราชันย์ตอบหากทว่าแฟร์กลับรู้ดีว่าอีกฝ่ายไม่ได้หมายความแบบนั้นซะทีเดียว ร่างสูงเพียงแค่ไม่อยากพูดอะไรที่ดูจะขัดใจแฟร์ก็เท่านั้น ซึ่งมันก็ชวนให้ร่างบางลอบยิ้มออกมาอย่างช่วยไม่ได้

“เอาที่คุณอยากจะพูดเถอะครับผมไม่ว่าอะไรหรอก”

ร่างสูงเหยียดยิ้มมองหน้าแฟร์เพียงครู่ก่อนที่เขาจะหันไปพูดกับรูปภาพหน้าอัฐิของลินดาต่อจากเมื่อกี้

“สวัสดีครับคุณน้าลินดา ผมราชันย์เป็นสามีของแฟร์ลูกชายของคุณน้า ผมขอบคุณคุณน้ามากที่ให้กำเนิดผู้ชายคนนี้ขึ้นมาบนโลกใบนี้ ขอบคุณที่คุณน้าเลี้ยงดูเขาเป็นอย่างดีแม้ว่ามันจะเป็นเพียงช่วงเวลาสั้นๆ แต่คนข้างๆ ผมในตอนนี้ก็ไม่เคยลืมคำสอนของคุณน้าแต่อย่างใด ผมขอสัญญาว่าผมจะรักลูกของคุณน้าและดูแลเขาตลอดไปครับ” ว่าเสร็จราชันย์ก็หันมายิ้มให้กับแฟร์ ในขณะที่อีกฝ่ายได้แต่ปาดน้ำตาตัวเองออกเพราะไม่คิดว่าจะมาได้ยินอะไรแบบนี้

“คุณมันจอมแผนการ” แฟร์ว่าพลางก้มหน้าหลบสายตาของคนข้างๆ

“กูแค่อยากให้ท่านทั้งสองเป็นผยานให้กับความรักที่กูมีให้มึงก็เท่านั้น” ราชันย์กระชับมืออีกฝ่ายแน่น

“ไม่เห็นต้องทำถึงขนาดนี้เลย”

“แต่กูอยากทำกูอยากให้พวกท่านรับรู้และดีใจไปกับเรา” ร่างสูงเอ่ยจนแฟร์หมดคำพูดใดๆ

ร่างบางได้แต่ลอบมองเสี้ยวหน้าของอีกฝ่ายที่หันไปให้ความสนใจกับอัฐิของบุพการีทั้งสองตรงหน้าอีกครั้งด้วยใบหน้าที่เปื้อนยิ้มและความสุขที่ล้นจนเต็มหัวใจ

ทั้งคู่นั่งมองรูปภาพตรงหน้าอยู่สักพักใหญ่ก่อนจะพากันเดินกลับมายังรถเมื่อราชันย์ต้องกลับไปทำงานที่บริษัทต่อ

“จริงสิผมว่าจะถามคุณนานแล้ว” แฟร์เอ่ยเมื่อเข้าไปนั่งในรถเรียบร้อยแล้ว

“อะไร?”

“ทำไมคุณดูไม่ตกใจเลยที่รู้ว่าตัวเองไม่ใช่ลูกแท้ๆ ของพ่อพิภพ” สิ้นเสียงของแฟร์ราชันย์ก็ชำเลืองมองอีกฝ่ายเพียงนิดก่อนจะออกตัวรถพร้อมกับตอบคำถามนี้กลับไป

“เพราะแม่เล่าให้กูฟังตั้งแต่คืนก่อนที่มึงจะรู้”

“แล้วคุณไม่โกรธท่านเหรอที่ปิดบังความจริงมาโดยตลอด”

“ไม่มีเหตุผลที่จะต้องโกรธเพราะอย่างน้อยท่านทั้งสองก็เลี้ยงดูกูมาอย่างดี” ร่างสูงตอบก่อนจะเสมองอีกคนที่จู่ๆ ก็เงียบไป

“ทำไม? คิดมากที่ตอนนั้นมึงคิดไม่เหมือนกันกับกูเหรอ” ราชันย์ถาม

“เปล่าสักหน่อย”

“ไม่ต้องคิดมากหรอกกูเข้าใจว่าชีวิตมึงน่ะผ่านอะไรที่ยากลำบากมามาก ไม่แปลกที่แรกๆ มึงจะอคติกับพวกท่าน” ร่างสูงเอ่ยก่อนอีกคนจะพยักหน้าเข้าใจเมื่อแรกๆ ตัวเขายังยอมรับเรื่องพวกนี้ไม่ค่อยได้หากแต่ตอนนี้ทุกอย่างก็ทำให้คนทิฐิสูงอย่างแฟร์ยอมรับได้ในที่สุด

“เดี๋ยวกูจะไปส่งมึงที่บ้านก่อน” ราชันย์ว่า

“ไม่เป็นไรผมไปกับคุณได้” แฟร์ตอบกลับไปก่อนจะทำให้ร่างสูงเลิกคิ้วสงสัย

“แน่ใจ?”

“แน่สิไว้เดี๋ยวผมจะทำอะไรให้ทาน” ร่างบางว่าก่อนจะเอนเบาะลงเพื่องีบหลับอีกครั้ง

ราชันย์มองท่าทีขวยเขินบวกกับอาการพูดไม่เต็มปากของคนข้างๆ ด้วยรอยยิ้มก่อนร่างสูงจะสวมบทสารถีขับรถกลับกรุงเทพฯ และมุ่งหน้าไปยังบริษัททันที




“น้องแฟร์!!! หายหน้าหายตาไปนานพี่มินคิดถึงเรามากเลยนะ” มินตราพนักงานสาวขาเม้าท์ประจำแผนกบุคคลวิ่งเข้าไปหาทั้งคู่ทันที เนื่องจากวันนี้ราชันย์เลือกใช้ทางปกติไม่ขึ้นลิฟท์ที่ตั้งตรงกับห้องทำงานของเขาแต่อย่างใดเพราะร่างสูงอยากที่จะตรวจตราความเรียบร้อยของบริษัทไปด้วย

“เพลาๆ หน่อยมินตรา” ราชันย์ทำหน้าไม่พอใจเมื่อหญิงสาวเข้ามาเกาะแขนร่างบางข้างกายเขาเอาไว้แน่นจนแฟร์ต้องใช้ศอกกระทุ้งสีข้างร่างสูงกลับเพื่อเป็นการเตือน

“ผมเองก็คิดถึงพี่มินครับ” แฟร์หันไปยิ้มพลางจับมืออีกฝ่ายเช่นเดียวกัน

“จริงหรือเปล่า!?” มินทำท่าดี๊ด๊า

“จริงสิครับ”

“แล้วนี่ทำไมมากับคุณราชันย์ได้ล่ะจะกลับมาทำงานแล้วใช่มั้ย” หญิงสาวถามกลับก่อนแฟร์จะชะงักเพราะไม่รู้จะตอบยังไง

“เอ่อ…”

“ใช่แฟร์จะกลับมาทำงานที่นี่” ราชันย์เอ่ยทับขึ้นแทน

“จริงเหรอแฟร์! แฟร์จะกลับมาเป็นเลขาฯ ของคุณราชันย์ใช่มั้ย!!” เสียงสูงที่พุ่งทะยานตามความดีใจของอีกฝ่ายทำเอาแฟร์แทบอยากจะปิดหูของตัวเองฉับพลัน

“เขาไม่ได้กลับมาทำตำแหน่งเลขาฯ หรอก” คำพูดที่เต็มไปด้วยเลศนัยทำเอาอีกสองคนที่เหลือหันไปมองร่างสูงเป็นตาเดียว

“แต่เขาจะมาทำตำแหน่งภรรยาของผมต่างหากล่ะ”

“!!”

“นี่คุณพูดอะไรออกไป!!” แฟร์เอ็ดเสียงหลงในขณะที่มินตราเองก็ได้แต่ทำตาปริบๆ ไม่เชื่อในสิ่งที่ได้ยิน

“เอ่อ…เดี๋ยวนะคะมินว่ามินคงฟังอะไรผิดไปใช่มั้ย” หญิงสาวถามกลับเพื่อต้องการความแน่ใจ

“ไม่ผิดหรอก หูคุณน่ะดีอยู่แล้วปากคุณเองก็ด้วยนะเรื่องนี้ผมไม่ห้าม เชิญเอาไปเม้าท์กันได้ตามสบาย”

“คุณราชันย์!!”

“ไปกันเถอะ” ว่าเสร็จราชันย์ก็พาแฟร์ที่พยายามจะแก้ตัวกับพนักงานสาวเดินไปดูยังส่วนอื่นๆ ของชั้นล่างต่อท่ามกลางมินตราที่ยังคงยืนอ้าปากค้างไม่ไหวติง
:
:
:
“คุณแกล้งพี่มินเขาแบบนั้นทำไม” แฟร์ถามเมื่อทั้งคู่เดินเข้ามาในห้องทำงานของราชันย์เป็นที่เรียบร้อย

“กูเปล่าแกล้งนั่นกูพูดจริง”

“คุณนี่มัน!...”

“อย่าเพิ่งด่ากูขอใช้สมาธิทำงานก่อน” ร่างสูงหนีไปนั่งโต๊ะทำงานก่อนจะกางแฟ้มเอกสารที่ต้องเคลียร์ออก

แฟร์ถอนหายใจให้กับอีกคนไม่รู้ว่าเขาจะสามารถถอนคำพูดที่ว่าราชันย์มีความร้ายกาจมากกว่าจอมพลได้มั้ยเพราะตอนนี้คำพูดนั้นเริ่มทำให้เขาไม่มั่นใจเข้าไปทุกที เมื่อร่างสูงที่นั่งทำท่าเคร่งขรึมบนโต๊ะทำงานตัวใหญ่กลับมีท่าทีที่เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังเท้าได้ถึงขนาดนี้ ทั้งคอยเอาใจใส่ ทั้งดูแลและถามไถ่เขาตลอดราวกับว่าผู้ชายคนนี้เป็นคนละคนกับราชันย์ที่เคยเอาแต่ดุด่าว่าเขาเมื่อประมาณหลายอาทิตย์ที่แล้วจนแฟร์รู้สึกเหมือนกับตัวเองฝันไปทุกทีที่อีกฝ่ายนั้นทำดีด้วย

“คุณหิวหรือเปล่า” ร่างบางถามในขณะที่เดินไปเปิดตู้เย็นเพื่อดูของข้างใน

“ยังแล้วมึงล่ะ”

“ผมก็ยังแต่ในตู้เย็นไม่เห็นมีอะไรเลย แล้วของที่เราไปซื้อด้วยกันคราวก่อนล่ะครับ”

“คิดว่ามันยังไม่เสีย?” ร่างสูงถามพลางมองอีกฝ่ายอย่างกวนๆ

“จริงสิ งั้นผมออกไปซื้อให้ใหม่นะ” แฟร์ว่าก่อนจะก้าวเท้าเดินไปทางประตู

“ไม่เป็นไรเดี๋ยวโทรสั่งอะไรมากินดีกว่า” ราชันย์ห้ามพลางเสนอ

“เอางั้นเหรอ”

“ตามนั้น”

แฟร์เดินกลับมานั่งลงบนโซฟาตัวใหญ่ก่อนร่างบางจะล้วงเอาโทรศัพท์ออกมาจากในกระเป๋ากางเกงเมื่อไม่มีอะไรทำและยังมีอีกเรื่องที่เขาเพิ่งจะนึกขึ้นได้ที่ต้องจัดการ

ร่างสูงที่โต๊ะทำงานลอบมองอีกฝ่ายที่เอาแต่อมยิ้มพิมพ์อะไรบางอย่างกับโทรศัทพ์มือถืออยู่พักใหญ่จนราชันย์ทนไม่ได้ถามออกมาในที่สุด

“ทำอะไรอยู่”

“คุยไลน์”

“คุยกับใคร”

“พี่ทิวครับ”

“ทิวไหน!” น้ำเสียงของคนถามเปลี่ยนไปในทันทีเมื่อชื่อของคนที่แฟร์กำลังคุยด้วยเป็นชื่อของผู้ชาย!

“เจ้าของรีสอร์ทที่ผมไปตามหาพ่อนิกรที่กาญจนบุรีน่ะครับ” ร่างบางที่ยังไม่รู้ถึงสถานการณ์ตรงหน้าตอบกลับโดยไม่คิดที่จะเงยหน้ามองอีกฝ่ายเลยสักนิด

“แม่ง!! กูนั่งหัวโด่อยู่นี่ทั้งคนมึงยังกล้าคุยกับผู้ชายอื่นไอ้หน้าตาเฉย!!” ราชันย์สบถคำพูดดิบเถื่อนก่อนอีกฝ่ายจะมองไปยังเขาและตอบหน้าตายกลับมา

“ก็แค่คุย”

“กูไม่ให้คุย! เอาโทรศัพท์มึงมา!!” ว่าเสร็จร่างสูงก็ลุกขึ้นเดินไปหาแฟร์ทันที

“คุณจะไม่ถามผมหน่อยเหรอว่าคุยเรื่องอะไร!?” แฟร์ลุกเดินหนี

“ไม่ถาม!!”

“คนไม่มีเหตุผล!”

“ก็มึงเป็นซะแบบนี้จะให้กูมีเหตุผลได้ยังไง! เอาโทรศัพท์ของมึงมา!!” ราชันย์เดินตามแฟร์ไปทั่วห้อง

“ไม่!!”

“แฟร์! กูไม่ใจดีกับมึงทุกครั้งหรอกนะ!!”

“แต่มันไม่มีอะไรจริงๆ คุณไม่เชื่อใจผมเหรอ” แฟร์เอ่ยตัดพ้อพลางจ้องอีกคนกลับ ราชันย์มองคนตรงหน้าอยู่สักพักเพราะรู้ดีว่าตอนนี้แฟร์เริ่มจะฉุนขึ้นมาแล้วก่อนร่างสูงจะถอนหายใจแล้วแบมือออกไป

“ไม่มีอะไรงั้นก็เอามาให้กูดู”

“ห้ามลบห้ามส่งอะไรแปลกๆ ไปเพราะผมยังคุยกับเขาไม่เสร็จ!” ร่างบางเอ่ยดักคออีกฝ่ายเอาไว้ก่อนจะวางโทรศัพท์ลงบนมือของราชันย์

ร่างสูงกวาดสายตาอ่านข้อความบทสนทนาของทั้งคู่ตั้งแต่เริ่มจนถึงบรรทัดสุดท้ายก่อนจะเงยหน้าถามแฟร์กลับไป

“เสื้อผ้า?”

“อื้ม”

“เสื้อผ้าอะไร”

“ก็วันที่คุณไปลากผมกลับมาน่ะกระเป๋าเสื้อผ้าของผมยังอยู่ที่รีสอร์ทเขาอยู่เลย แล้ววันนี้พวกเราก็ไปกาญจนบุรีแต่ผมก็ไม่ได้แวะไปเอามันกลับมา” แฟร์ว่าก่อนจะเดินกลับมานั่งบนโซฟาตามเดิม

“แล้วมึงทำไมไม่บอกกู”

“ผมลืม”

“ลืม?”

“เพิ่งนึกได้ตอนคุณขับรถเข้าบริษัทแล้วเนี่ยแหละเลยทักบอกพี่ทิวเขาไป”

“มึงเป็นคนทักไปซะด้วย!” ร่างสูงย้อนกลับเสียงแข็ง

“คุณราชันย์…” แฟร์อดไม่ได้ที่จะเอ่ยเสียงยานคางเพื่อให้อีกฝ่ายเลิกคิดมากเสียทีจนราชันย์ยอมยื่นโทรศัพท์กลับให้เขาในที่สุด

“อย่าให้มีอีกเป็นครั้งที่สอง” ว่าเสร็จร่างสูงก็เดินกลับไปโต๊ะทำงานอีกครั้ง

“ครับๆ” แฟร์บอกพลางคุยกับอีกคนต่อสักพัก ก่อนร่างบางจะค่อยๆ เหยียดกายลงบนโซฟาตัวยาวเพื่อหมายจะงีบรอราชันย์

“ยังจะง่วงอีก นี่ขนาดมึงหลับทั้งขาไปขากลับแล้วนะแฟร์” ราชันย์ที่เห็นการกระทำทุกอย่างของอีกฝ่ายเอ็ดแฟร์กลับทันที

“หลับแค่นั้นมันชดเชยหลายวันที่ผมนอนไม่หลับไม่ได้หรอก” ร่างบางว่าก่อนจะปิกพับเปลือกตาลง

“ถ้างั้นก็ไปนอนดีๆ ในห้องเดี๋ยวกูเคลียร์งานเสร็จจะเข้าไปเรียก”

“แต่ผมอยากนอนที่นี่”

“ไม่ได้”

“ทำไมล่ะ”

“มันเกะกะลูกตากู” ร่างสูงปฏิเสธกลับไปอ้อมๆ หากแต่ความเป็นจริงแล้วเป็นเพราะเขาชอบลอบมองอีกฝ่ายจนไม่เป็นอันทำงานต่างหากล่ะ

“คุณก็ไม่ต้องมองผมสิ”

“กูห้ามตัวเองได้ก็ดีสิ” ราชันย์ว่าก่อนจะนึกบางอย่างขึ้นมาได้

ร่างสูงเสมองหน้าอีกคนที่กลืนน้ำลายลงคอตัวเองอย่างหวาดๆ ก่อรที่เขาจะจึงตัดสินใจถามเรื่องนั้นกลับ

“หรือมึง…”

“เปล่า” แฟร์รู้ว่าอีกฝ่ายจะถามอะไร ร่างบางจึงหยุดประโยคพวกนั้นของราชันย์เอาไว้เสียก่อน

“เฮ้อ…กูลืมคิดถึงเรื่องนั้นไปเอาเป็นว่าถ้ามึงไม่อยากเข้าไปก็นอนเสียที่นี่แหละ” ร่างสูงเอ่ยออกมาอย่างรู้สึกผิดระคนยอมแพ้

“มะ…ไม่เป็นไรเพราะถ้าผมอยู่ที่นี่มันจะทำให้คุณอู้งานใช่มั้ย” แฟร์เอ่ยทั้งที่ใบหน้านั้นคิดหนักจนราชันย์สังเกตเห็น

“แต่ถ้ามึงฝืน…”

“ผมโอเคจะไปนอนแล้วตั้งใจทำงานนะครับ” ร่างบางชิงเอ่ยก่อนที่อีกฝ่ายจะทันได้ขัดก่อนจะเปิดประตูห้องนอนและเดินเข้าไปทันที

ราชันย์มองตามแผ่นหลังของอีกฝ่ายด้วยความรู้สึกที่หลากหลาย ร่างสูงรู้ดีว่าแฟร์เองก็พยายามอย่างหนักเพื่อปรับตัวให้เข้ากับเรื่องต่างๆ ของเขาแม้ว่าอีกฝ่ายจะไม่เคยเอ่ยคำว่ารักกับเขาก็เถอะ แต่ราชันย์ก็รู้ว่าแฟร์เองก็มีความรู้สึกดีๆ ให้กับเขาแม้ว่าร่างบางอาจจะยังไม่เรียกมันว่าความรักแต่ร่างสูงก็รู้สึกขอบคุณอีกคนทุกครั้งที่อย่างน้อยแฟร์ก็มอบสถานะคนพิเศษเกินกว่าคนอื่นๆ ให้กับเขา

ราชันย์เหยียดยิ้มออกมาเมื่อทุกอย่างเริ่มจะดีขึ้นตามลำดับก่อนจะหันไปให้ความสนใจกับเอกสารของบริษัทตรงหน้าอีกครั้ง
:
:
:
“แฟร์ๆ ตื่นได้แล้วไปทานข้าวกัน” เสียงทุ้มที่ดังข้างหูขวากับสัมผัสโอบรัดที่เพิ่มขึ้นตรงบริเวณเอวบางทำให้แฟร์ค่อยๆ เปิดเปลือกตาก่อนจะงัวเงียถามอีกคนกลับ

“กี่โมงแล้วครับ”

“ทุ่มครึ่ง” ราชันย์ตอบก่อนหอมไปยังแก้มใส

“คุณหิวหรือยัง”

“นิดหน่อยแต่ตอนนี้กูว่ากูเริ่มหิวอย่างอื่นมากกว่า” ว่าเสร็จร่างสูงก็พยายามซุกไซร้ซอกคอขาวจนแฟร์สะดุ้งเฮือก

“บ้า! อื้อออ!!” ริมฝีปากเล็กถูกราชันย์กดจูบลงอยากโหยหาก่อนร่างสูงจะลุกขึ้นคร่อมอีกฝ่ายเอาไว้

“ช่วยไม่ได้มึงมันน่ารักเองนี่นา” ราชันย์ที่ผละริมฝีปากออกเอ่ยพลางพรมจูบไปทั่วจนแฟร์เริ่มดิ้น

“อย่านะคุณราชันย์ อ่ะ!?” ร่างบางเบิกตากว้างเมื่อเรียวขาที่พยายามดันอีกฝ่ายออกบังเอิญโดนเข้ากับอะไรบางอย่าง

“โทษทีของกูมันตื่นแล้วว่ะ”

“!!”

แฟร์รีบดันแผงอกแกร่งตรงหน้าพร้อมกับออกแรงดิ้นจนสุด เรียวปากเล็กก็ตวาดว่าอีกคนออกไปเป็นพรวน

“งั้นคุณก็เข้าห้องน้ำไปเลย!!”

“มึงช่วยกูหน่อยไม่ได้เหรอวันนี้กูแม่งเหนื่อย”

“ไม่! ไม่ช่วย ไปเลยเร็วเข้า!”

“กูขอนะ…นะครับคนดี” ร่างสูงเอ่ยเสียงอ้อนหากทว่าร่างบางกลับยิ่งทวีแรงขัดขืนมากยิ่งขึ้นพร้อมกับคาดโทษอีกฝ่ายออกไป

“ไม่!!! ขืนคุณทำผมจะหนีไปจริงๆ ด้วย คราวนี้ก็อย่าหวังว่าจะได้เจอผมอีก!” แฟร์ถลึงตาพลางจับชายเสื้อของตัวเองที่ถูกอีกฝ่ายพยายามเปิดไว้ขึ้นไว้แน่น

“มึงก็อย่างนี้ทุกทีรู้ว่ากูแพ้อะไรทำไมมึงชอบเอาเรื่องพวกนี้มาใช้เพื่อปฏิเสธกูไม่เลิก” ราชันย์ว่าก่อนจะจับแขนของอีกฝ่ายตรึงไว้เหนือหัว

“เพราะผมยังไม่ต้องการให้คุณทำแบบนี้!” แฟร์เถียง

“แล้วเมื่อไหร่มึงจะต้องการ”

“ไม่รู้!!”

“มึงจะกลัวอะไรมันเป็นเรื่องปกติของคนที่เขารักกันเปล่าว่ะ!?” ราชันย์พยายามหาข้ออ้าง

“แต่มันไม่ปกติสำหรับผม!”

“แล้วมึงจะให้กูทำยังไงให้นั่งดูมึงแล้วช่วยตัวเองว่างั้น!?”

“ถ้าทำได้ก็ดี!!” ร่างบางตวาดตอบอย่างไม่ทันคิด

ร่างสูงชะงักกึกกับคำพูดของอีกฝ่ายอย่างจัง ราชันย์มองแฟร์กลับด้วยแววตาเจ็บปวดร่างสูงหยุดการกระทำตรงหน้าก่อนจะยันตัวเองให้ลุกขึ้นและเดินออกจากห้องไปโดยทิ้งคำพูดไว้เพียงแค่ว่า

“ออกมากินข้าวกันเถอะ”

แฟร์ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกทันทีที่ราชันย์ออกจากห้องไป ร่างบางเดินเข้าไปล้างหน้าล้างตาก่อนจะออกมานั่งทานข้าวที่ร่างสูงโทรสั่งให้มินตราเป็นคนไปซื้อมาให้ก่อนอีกฝ่ายจะเลิกงานกลับบ้านไป

ทั้งสองคนนั่งทานด้วยกันอย่างเงียบๆ จนแฟร์รู้สึกได้ถึงความอึดอัดและบรรยากาศที่เต็มไปด้วยความมาคุ ราชันย์ที่เอาแต่ตักข้าวเข้าปากโดยไม่พูดอะไรทำให้แฟร์นึกผิดสังเกตจนต้องลอบมองอีกฝ่ายอยู่หลายครั้งก่อนคนถูกมองจะยกน้ำขึ้นดื่มเมื่อข้าวในจานพร่องไปเพียงนิดพร้อมกับลุกขึ้นเก็บจานของตัวเองไปล้างและกลับไปนั่งทำงานต่ออย่างเงียบๆ

แฟร์มองการกระทำของราชันย์จนแน่ใจว่าอีกฝ่ายกำลังโกรธเขาอยู่เป็นแน่ ร่างบางจึงจัดการกับข้าวที่เหลือตรงหน้าจนอิ่มก่อนจะเก็บจานชามไปล้างและเดินเข้าไปหาอีกฝ่ายที่ทำหน้าเครียดกับเอกสากองโตตรงหน้าทันที

“คุณจะค้างที่นี่?” แฟร์ถามก่อนราชันย์จะตอบกลับมาแค่

“อืม”

“พรุ่งนี้ต้องตื่นมาทำงานเช้าเหรอ”

“อืม”

“งั้นผมกลับแท๊กซี่นะ”

“อืม”

“จะไม่ลงไปส่งผมหน่อยเหรอ”

“กูมีงานต้องทำ” เสียงทุ้มตอบโดยไม่มองหน้าคนถามเลยสักนิดจนแฟร์เริ่มรู้สึกไม่ดีมองใบหน้าของราชันย์กลับอย่างคิดหนัก

“คุณโกรธผมอยู่ใช่มั้ย” ร่างบางว่า

“เปล่า”

“แล้วทำไมถึงเป็นแบบนี้” มือเรียวเอื้อมไปจับมือที่ถือปากกาของอีกฝ่ายเอาไว้

“แบบไหน” ราชันย์ถามกลับด้วยใบหน้าที่เรียบเฉย

“ก็ถามคำตอบคำ”

“กูแค่เหนื่อย”

“งั้นผมขอนอนกับคุณที่นี่” ร่างสูงขมวดคิ้วมองอีกฝ่ายอย่างไม่เข้าใจหากแต่เขากลับทำเพียงแค่จับมือของอีกฝ่ายที่กุมมือเขาเอาไว้ออก

“ไม่ต้อง”

“แต่ผมจะนอน”

“แฟร์มึงต้องการอะไรจากกูกันแน่! มึงกลับไปเถอะกูอยากอยู่คนเดียว” ราชันย์ว่าเมื่อจู่ๆ อีกฝ่ายก็ดื้อตื้อจะมำในสิ่งที่เขาไม่เข้าใจ

แฟร์มองราชันย์ด้วยแววตาเรียบเฉยก่อนร่างบางจะตัดสินใจเอื้อมมือลงไปจับกางเกงตรงบริเวณกลางกายของคนที่นั่งอยู่จนราชันย์ต้องรีบปัดมือของอีกฝ่ายออกเป็นพัลวัน

“มึง!” ร่างสูงทำตาตื่น

“ผมไม่ได้สังเกตว่ามันยังไม่หลับ”

“!!”

“ผมขอโทษที่พูดกับคุณไปแบบนั้นผมแค่ไม่ทันได้คิดและก็…กลัว” ร่างบางหลุบตามองต่ำลงอย่างรู้สึกผิด

“ช่างมันเถอะคืนนี้มึงกลับไปนอนบ้านซะเพราะขืนมึงอยู่กูคงห้ามใจตัวเองไม่ได้อีกเป็นครั้งที่สอง” ราชันย์ว่าก่อนจะลุกหมายเดินนำอีกคนไปทางประตูห้องหากแต่แฟร์กลับฉวยแขนแกร่งเอาไว้ก่อน

“ถ้าอย่างงั้นคุณก็ไม่ต้องห้าม”

“…”

“เพราะผมจะพยายามทำให้คุณผ่อนคลายเอง”

“!!”



มีต่อค่ะ...

ออฟไลน์ cheepoke

  • ^_^\/ สู้ๆ ฮู้เล่ๆ
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 78
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
    • https://www.facebook.com/BlueGusten.FictionY/
ต่อค่ะ....



“อ่ะ! อื้ออออ” เสียงเล็กครางผะแผ่วดังขึ้นอย่างเสียวซ่านเมื่อร่างสูงลงลิ้นลากไล้ไปทั่วแผงหน้าอกบางจนตุ่มไตเล็กสีชมพูลุกชูชันส่งผลให้คนด้านบนครอบริมฝีปากลงพลางดูดดึงจนเกิดเสียงดังน่าอาย

แฟร์พยายามกลั้นเสียงตัวเองเอาไว้ ร่างบางหอบหายใจพลางนึกอายจนอยากจะถอยหนีเมื่อราชันย์เริ่มปลดเปลื้องเสื้อผ้าของเขาออกทีและชิ้นจนไร้ซึ่งสิ่งปกปิดร่างกายในที่สุด

ราชันย์คร่อมแฟร์เอาไว้ทั้งร่างก่อนจะเท้าศอกลงกับเตียงและเงยหน้าจากแผงอกนั้นขึ้นก่อนจะถามกลับไป

“มึงไม่ได้กำลังฝืนตัวเองอยู่ใช่มั้ย” ร่างสูงมองอีกคนด้วยความรู้สึกและความต้องการที่ประเดประดังเข้ามาจนเริ่มที่จะห้ามตัวเองไม่ได้เข้าไปทุกที

“ผะ…ผมโอเค” แฟร์ตอบเสียงอ่อนก่อนจะเบือนหน้าไปอีกทางอย่างเขินอาย

“ถ้ามึงไม่รีบห้ามกูตอนนี้เมื่อไหร่ที่กูเริ่มเดินเครื่องเมื่อนั้นแม้ว่ามึงจะพยายามห้ามหรือร้องขอชีวิตกับกูสักแค่ไหนกูก็จะไม่หยุด” ร่างสูงบอกถึงความต้องการที่มากล้นก่อนคนใต้ร่างจะหันมาสบนัยน์ตาคมพร้อมกับยืนยันกลับไป

“ผมโอเค…ถ้าเป็นคุณ” สิ้นเสียงของแฟร์ราชันย์ก็ทำการซุกไซร้ซอกคอขาวทันทีก่อนจะเคลื่อนปากไปตามใบหู หน้าผาก ปลายจมูกเรื่อยลงมาจนถึงริมฝีปากเล็กที่เผยอรอให้อีกฝ่ายส่งลิ้นร้อนเข้าไปกวาดต้อนลิ้นเล็กที่พยายามตอบรับร่างสูงอย่างเคอะเขิน

ราชันย์ขบเม้มริมฝีปากของแฟร์อย่างเร้าร้อนเช่นเดียวกับร่างบางที่ตอบรับอีกฝ่ายด้วยการกดจูบย้ำๆ ไปตามริมฝีปากสีคล้ำอย่างโหยหา ร่างสูงทำการผละริมฝีปากออกก่อนจะจูบซับไปยังปลายคาง แผงอก เรื่อยลงมาจนถึงหน้าท้องแบนราบไร้ซึ่งมัดกล้ามเฉกเช่นชายชาตรีทั่วไปท่ามกลางเสียงร้องครางของอีกฝ่ายที่มันช่างเรียกอารมณ์มากมายให้ตรงเข้าหาร่างสูงได้เป็นอย่างดี

“อึก! อ่ะ! อื้อออ”

ราชันย์กดจูบไปรอบๆ สะดือเล็กก่อนจะเคลื่อนริมฝีปากลงไปยังกลางกายของอีกคนช้าๆ ร่างสูงจับกลางกายของคนใต้ร่างขึ้นก่อนแฟร์จะร้องเสียงหลงเมื่อรับรู้ได้ว่าอีกฝ่ายกำลังจะทำอะไร

“ดะ…เดี๋ยว! คุณราชันย์คุณจะทำอะไร! ไม่เอานะ! อ่า…ซี๊ดดดด” แฟร์ครางออกมาอย่างช่วยไม่ได้เมื่อความร้อนจากโพรงปากนุ่มของราชันย์แผ่กระจายไปทั่วกลางกายเล็กที่ยังสงบในขณะที่อีกคนพยายามปลุกเร้าให้มันผงาดขึ้นมา

ร่างบางเอื้อมมือข้างหนึ่งขึ้นปิดปากสะกดกลั้นเสียงครางแห่งความสุขสมของตัวเองในขณะที่มืออีกข้างก็พยายามดันไหล่แกร่งของอีกคนให้เลิกทำเรื่องน่าอายเช่นนี้ หากทว่าราชันย์กลับไปสะทกสะท้านร่างสูงยังคงรูดรั้งและปรนเปรอร่างบางด้วยโพรงปากของตัวเองจนอีกฝ่ายเริ่มปวดหนึบ

“อือ อือ อ่ะ อือ…คุณ! พอก่อน! ผมจะ!...” แฟร์ร้องห้ามเมื่ออีกฝ่ายพยายามเร่งจังหวะจนร่างบางใกล้เสร็จเข้าไปทุกที

ราชันย์มองใบหน้าแดงก่ำและทรมานของอีกฝ่ายด้วยใจที่ชื้นไปด้วยความสุขจนเต็มอก ร่างสูงพยายามใช้มือรูดรั้งเพิ่มจังหวะช่วยริมฝีปากที่เจ้าตัวยังไม่ประสานักหลังจากที่ศึกษาเรื่องพวกนี้จากอินเตอร์เน็ตมาได้แค่ไม่กี่วัน

“คุณราชันย์ อ่ะ! อ๊า!!!”  มือเรียวบีบลงบนลาดไหล่กว้างก่อนจะปลดปล่อยความคับแน่นออกมาจนเต็มโพรงปากของอีกคน

“ผะ…ผมขอโทษ! คายมันออกมาสิครับ! คายมันออกมา!” แฟร์ลุกขึ้นนั่งพลางละล่ำละลักคำพูดมากมายออกมาหากทว่าร่างสูงกลับไม่ฟัง ราชันย์มองใบหน้าตื่นของคนใต้ร่างเพียงครู่ก่อนที่เขาจะตัดสินใจกลืนสิ่งที่อยู่ในปากของตัวเองลงคอไปในที่สุด

“คุณ! อ่ะ!!!” แฟร์ที่เบิกตากว้างเพราะตกใจกับสิ่งที่อีกคนทำกำลังจะเอ่ยคำพูดออกไปอีกหากแต่กลับถูกราชันย์ผลักให้ล้มลงไปนอนอีกครั้งก่อนร่างสูงจะจ้องเขากลับอย่างยียวน

“กูก็แค่ใจดีวอร์มให้มึงก่อนก็เท่านั้นทีนี้ถึงตากูเอาคืนบ้าง” พูดเสร็จร่างสูงก็ปลดเปลื้องอาภรณ์ของตัวเองออกก่อนจะตะปบมือหนาลงบนสะโพกเล็กพร้อมกับนวดคลึงมันไปมาอย่างมั่นเขี้ยว

“อ่ะ! อื้อออ” แฟร์กัดปากร้องออกมาเมื่อราชันย์พยายามแทรกนิ้วยาวของเขาเข้าไปยังช่องทางกลีบกุหลาบของเขา ร่างสูงส่งเสียงฮึมฮัมในลำคอเมื่อทุกอย่างที่เขาอุตส่าห์ศึกษามาเป็นอย่างดีกลับไม่เป็นไปตามที่คิดเมื่อร่างกายของแฟร์ดูจะต่อต้านเขาอยู่ไม่น้อย

“ผ่อนคลายหน่อยแฟร์กูเพิ่งเอานิ้วเข้าไปได้นิ้วเดียวอยู่เลย” ราชันย์บอก

“มะ…มัน อึก!” แฟร์พยายามผ่อนคลายอย่างที่อีกฝ่ายบอกหากแต่ตอนเริ่มต้นมันกลับรู้สึกแปลกๆ จนร่างบางไม่รู้ว่าควรทำตัวยังไงต่อไปอีก

“กูกำลังทำให้มึงชินเพราะถ้าขืนทำอย่างคราวก่อนมีหวังมึงได้เลือดอีกแน่ๆ” ร่างสูงบอกก่อนจะส่งนิ้วที่สองเข้าไป

“ไม่ต้องพูดถึงมันแล้ว ผะ…ผมไม่อยากฟัง อ่ะ!” แฟร์สบถว่าให้ก่อนราชันย์จะส่งนิ้วที่สามตามเข้าไปติดๆ

“โอเคครับเมีย ผัวขอโทษผัวจะไม่พูดถึงมันอีกต่อไปแล้ว” ร่างสูงว่าแซวก่อนจะพยายามขยับนิ้วเข้าออกให้เป็นจังหวะ

แฟร์หลับตาปี๋พลางยกมือขึ้นปิดหน้าตัวเองเอาไว้ไม่ใช่เพราะอายแต่เพราะเขากำลังยิ้มให้กับประโยคของร่างสูงเมื่อครู่จนลืมความคับแน่นที่มีอยู่ไปเสียชั่วขณะ

“อะ อึก! อ๊า!ๆ” แฟร์ร้องครางออกมาเมื่อราชันย์เร่งจังหวะก่อนอีกฝ่ายจะค่อยๆ ถอนนิ้วทั้งสามออกพร้อมกับจ่อกลางกายของตัวเองที่ยังคงผงาดตั้งแต่เหตุการณ์ก่อนหน้านี้ไปยังช่องทางด้านหลังของแฟร์แทน

“กูจะใส่เข้าไปแล้วนะ”

“ดะ…เดี๋ยว” แฟร์เอ่ยก่อนจะลอบมองคนด้านบนด้วยท่าทีอ้ำอึ้ง

“ทำไม” ร่างสูงถามพลางเลิกคิ้ว

“คะ…คุณไม่มีเจลเหรอ”

“ไม่มี”

“คือว่า…”

“อะไร”

“ผม…ผมกลัวเจ็บ” แฟร์ว่าก่อนจะเบือนหน้าหนีไปทางอื่นด้วยความอาย

“รับรองว่ากูจะทำเบาๆ” ราชันย์ได้ยินถึงกับยิ้มขำ ก่อนจะก้มลงจูบซับไปยังพวงแก้มสีแดงระเรื่อนั่นหลายที

ร่างสูงหยัดตัวขึ้นอีกครั้งก่อนจะลากไล้แท่งร้อนของตัวเองไปมาบนช่องทางด้านหลังของอีกฝ่าย ราชันย์มองช่องทางกลีบกุหลาบของแฟร์นิ่งก่อนที่เขาจะค่อยๆ ลงแรงกดส่วนหัวกลางกายใหญ่ของตัวเองเข้าไป

“อึก!  อือออ โอ้ย!!”

“เจ็บเหรอ!” ร่างสูงถามตาตื่นเมื่อแฟร์ร้องออกมาหลังจากที่เขาเข้าไปในช่องทางนี้ได้แค่เพียงส่วนหัวเท่านั้น

“นิดหน่อย ไม่เป็นไร ทะ…ทำต่อเถอะ” แฟร์ว่าก่อนจะหายใจเข้าจนเต็มปอด

ราชันย์พยายามกดมันเข้าไปอีกครั้งท่ามกลางร่างบางที่นิ่วหน้าเหยเกด้วยความเจ็บระคนเสียวซ่าน

“ผ่อนคลายหน่อยแฟร์มึงตอดกูมากไปแล้ว” ราชันย์ว่าพลางนิ่วหน้าตาม

“ซี้ดดด อึก! อ่า…” ความคับแน่นของแฟร์ทำให้ร่างสูงเองก็ทรมาน ราชันย์แทบจะเสร็จทุกครั้งจนเริ่มคิดได้ว่าหากขืนเป็นอย่างนี้อีกต่อไปได้ทรมานกันทั้งคู่เป็นแน่ ร่างสูงจึงก้มลงบดจูบริมฝีปากเล็กราวกับอยากจะให้อีกฝ่ายพยายามผ่อนคลายให้มากกว่านี้

แฟร์จูบตอบราชันย์กลับก่อนร่างสูงจะลากไล้ริมฝีปากไปตามซอกคอของเขาเพื่อจูบซับไปมาในขณะที่ช่วงล่างก็พยายามดันเข้ามาทีละนิด

ร่างบางส่งเสียงร้องออกไปอีกครั้งเมื่อความคับแน่นยิ่งทวีคูณจนแฟร์รู้สึกจุกไปทั่ว ราชันย์เคลื่อนริมฝีปากขึ้นมาบดจูบเขาอีกครั้งก่อนร่างสูงจะทำดันกลางกายเข้าไปในช่องทางของแฟร์ขณะที่อีกฝ่ายเผลอไผลไปกับรสจูบจนมิดด้าม

“อื้อออ!!!” ร่างบางส่งเสียงร้องในลำคอก่อนร่างสูงจะผละริมฝีปากออกพร้อมกับเริ่มขยับสะโพกสอบของตัวเองเข้าออกช้าๆ ทันที

“ซี้ดดดด! อย่าตอดกูมากแฟร์กูจะถึง” ราชันย์ว่าก่อนแฟร์จะพยายามผ่อนคลายให้มากหากทว่าด้วยขนาดของอีกฝ่ายทำให้ทุกครั้งที่ราชันย์ดันแท่งร้อนเข้ามาแฟร์ถึงกับจุกจนพูดไม่ออก

“อ๊า! อึก! อ่ะ!!ๆๆๆ” เสียงครางของแฟร์ดังขึ้นเมื่อราชันย์รู้สึกได้ว่าคนข้างใต้ผ่อนคลายจนทุกๆ จังหวะสามารถขับเคลื่อนไปได้ง่ายเขาจึงเร่งขยับสะโพกสอบเข้าออกถี่ระรัว

“รู้สึกดีขึ้นบ้างมั้ย” ร่างสูงถามพลางก้มลงไปหยอกล้อเล่นกับตุ่มไตของแฟร์อีกครั้ง

“มัน อ่ะ! อึก! มันจุก!” แฟร์บอกเสียงกระเส่า

“ขอโทษแต่กูห้ามตัวเองไม่ไหวแล้วว่ะ” สิ้นเสียงร่างสูงก็เดินเร่งเครื่องจนคนใต้ร่างสั่นไหวไปตามจังหวะ

“อ๊า! อ่ะ!ๆๆๆ คุณราชันย์ อึก! ซี้ดดด” แฟร์ร้องออกมาหากทว่าน้ำเสียงครางนี้กลับเต็มไปด้วยความเสียวซ่านและมีความสุข

“แฟร์! ซี้ดดด กู! ฮืม…” ราชันย์กอดอีกคนเอาไว้เมื่อความรู้สึกปวดหนึบที่กลางกายประเดประดังเข้ามาจนร่างบางต้องปิดเปลือกตาพลางฝังเขี้ยวและจิกเล็บลงกับลาดไหล่หนาของคนด้านบนเเมื่อจังหวะกระแทกกระทั้นทำให้แฟร์รู้ดีว่าอีกฝ่ายกำลังอยากจะปลดปล่อย

“อื้อออ อ่ะ อึก! อ๊า อ่ะ!” แฟร์ร้องไม่เป็นศัพท์ก่อนร่างสูงจะเร่งจังหวะสุดท้ายกระแทกแรงๆ เข้ามาพร้อมกับปลดปล่อยของเหลวสีขุ่นข้างในตัวร่างบางในที่สุด

“อ๊า!!!…” ราชันย์ทิ้งตัวลงบนกายบางก่อนจะหอบหายใจเอาอากาศเข้าปอด เช่นเดียวกับแฟร์ที่หอบหายใจก่อนจะพยายามดันตัวเองออกหากทว่าด้วยกลางกายที่อีกฝ่ายยังไม่ถอนออกไปทำให้ราชันย์หยัดตัวขึ้นอีกครั้งก่อนจะขยับสะโพกสอบเข้าออกอีก

“เดี๋ยว! คุณไม่บอกผมว่าจะมีต่อรอบสอง!!” ร่างบางโวยวายลั่นพลางเบิกตาโพรง

“บอกก่อนก็ไม่สนุกน่ะสิ” ราชันย์ว่า

“คนขี้โกง!”

“ไม่โกงก็ไม่ใช่ราชันย์น่ะสิ”

“คุณ! อ๊า!!!” ราชันย์พลิกตัวอีกคนให้หมอบลงไปกับเตียงก่อนที่จังหวะรักครั้งที่สองจะบรรเลงขึ้นอีกครั้งท่ามกลางเสียงเนื้อกระทบกันที่ดังสอดผสานกับเสียงครางของทั้งคู่ทำให้บรรยากาศภายในห้องเร้าร้อนไปด้วยบทรักที่อีกฝ่ายกำลังเร่งจังหวะขึ้นเรื่อยๆ จนคนใต้ร่างยากจะทานไหว

ร่างสูงแกล้งแฟร์ด้วยการส่งมือหนาเย้าแหย่กลางกายของเขาด้านหน้าก่อนร่างบางจะพยายามแกะมือของอีกฝ่ายออกเมื่อความรู้สึกเสียวซ่านทำให้อีกฝ่ายถึงกับลมแทบจับ

“คุณมัน! อ่ะ!ๆๆๆ อึก! คนเจ้าเล่ห์!!”

ราชันย์ยิ้มออกก่อนจะเร่งจังหวะจนอีกฝ่ายสั่นไหวไปพร้อมกัน ร่างสูงจับแฟร์พลิกตัวกลับมาอีกครั้งก่อนจะส่งบทกระแทกกระทั้นเข้าไปจนแฟร์ร้องเสียงหลง

“มันจุก! โอ้ย! อ๊า…คุณ! อึก!” แฟร์เอื้อมมือขึ้นโอบรัดรอบคอของอีกฝ่ายเอาไว้ก่อนจะมองคนด้านบนกลับด้วยดวงตาสวยหยาดเยิ้มที่พอบวกกับใบหน้าสีแดงระเรื่อแล้วกลับยิ่งทำให้อีกฝ่ายอดใจไม่ไหวกระแทกแท่งร้อนเข้าจนสุดด้ามไปหลายที

“แฟร์…แฟร์ ซี้ดดด กูรักมึง” ราชันย์กระซิบข้างหูของร่างบาง

“ผม…อ่ะ! อื้อออ!!” แฟร์ที่ดูเหมือนกำลังจะเอ่ยอะไรกับอีกฝ่ายพยายามพูดออกไปหากแต่บทรักที่กำลังดำเนินอยู่ช่างหวาบหวามเสียจนคนใต้ร่างพูดออกมาไม่เป็นศัพท์

“ผมก็!...อึก! อ่ะ!!!ๆๆๆ” ราชันย์เร่งเครื่องอีกครั้งเมื่อต้องการอยากที่จะปลดปล่อย ร่างสูงหยัดตัวขึ้นพลางส่งแท่งร้อนเข้าออกถี่รัวจนกระทั่งของเหลวสีขาวขุ่นถูกปลดปล่อยในตัวอีกฝ่ายเป็นครั้งที่สอง

แฟร์ปิดพับเปลือกตาพลางหอบหายใจถี่ระรัว ราชันย์ถอนกลางกายออกจนอีกฝ่ายรู้สึกโหว่งจนต้องบิดตัวนอนตะแคงโดยเร็ว ร่างบางคว้าเอาผ้าห่มที่เกือบจะตกจากเตียงมาห่มไว้ก่อนร่างสูงที่หยัดตัวขึ้นนั่งจะถามถึงเรื่องเมื่อครู่ออกไป

“เมื่อกี้มึงจะพูดอะไร”

“ปะ…เปล่า” ร่างบางว่าพลางดึงผ้าห่มขึ้นมาปิดหน้าอย่างเขินอาย

ราชันย์มองท่าทีอีกคนด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความหลงใหลก่อนจะพลั้งมือบีบไปยังบั้นท้ายของอีกคนอย่างมั่นเขี้ยว

“โอ้ย! ผมเจ็บนะ!!” แฟร์เอ็ดพลางตบไปยังต้นแขนขวาของอีกฝ่ายเต็มแรง

“โทษทีๆ กูไม่รู้” ร่างสูงพยายามนวดคลึงบริเวณที่บีบเมื่อครู่กลับไป

“งั้นก็รู้ไว้ด้วย! ซี้ดดดด” แฟร์ว่าก่อนจะลุกพรวดพราดขึ้นนั่งทำให้ช่องทางด้านหลังเสียดสีจนร่างบางต้องส่งเสียงออกมาด้วยความเจ็บ

ราชันย์ขำกับท่าทีของคนข้างๆ ก่อนร่างสูงจะรวบตัวอีกฝ่ายเข้ามาในอ้อมกอดพลางยกตัวแฟร์ขึ้น

“คุณจะพาผมไปไหน”

“กูจะพามึงไปล้างตัว” ร่างสูงว่าก่อนจะเดินลงจากเตียงตรงไปยังห้องน้ำ

“ไม่ต้อง เดี๋ยวผมทำเอง” แฟร์ปฏิเสธพลางดิ้นจะลงเสียให้ได้

“แน่ใจ” ราชันย์ถามในขณะที่แฟร์เองก็พยักหน้า

ร่างสูงปล่อยอีกคนให้ลงเดินตามที่ขอก่อนเท้าเล็กของแฟร์ที่สัมผัสพื้นได้เพียงนิดจะทำให้เจ้าของทรงตัวไม่อยู่จนต้องล้มลงไปนอนกองกับพื้นอย่างไม่เป็นท่า

“โอ้ย!!!” แฟร์ร้องออกมาเมื่อเรียวขาทั้งสองข้างไม่มีแรงเสียดื้อๆ ก่อนคนตัวสูงที่ยืนอยู่ข้างๆ จะรวบตัวเขาอุ้มขึ้นมาอีกครั้ง

“อย่าดื้อเหอะมันผิดที่กูไม่ยั้งแรงกับมึงเอง” ราขันย์พูดหน้าตายหากแต่คำพูดนี้กลับทำเอาแฟร์อายจนแทบอยากจะแทรกผ่านดินหนี

ร่างสูงจัดการล้างตัวและกำจัดน้ำรักมากมายออกจากช่องทางด้านหลังของแฟร์เป็นที่เรียบร้อยก่อนจะหันไปทำความสะอาดตัวเองจนเสร็จ ราชันย์อุ้มแฟร์ออกมาจากห้องน้ำก่อนจะแต่งตัวให้อีกฝ่ายและกดให้แฟร์ล้มตัวลงนอนข้างๆ ตัวเองพร้อมทั้งส่งลำแขนแกร่งไปกอดอีกฝ่ายเอาไว้แน่น

“เอามึงนี่เหนื่อยชิบหาย” ราชันย์ว่าก่อนแฟร์จะดิ้นออกจากอ้อมกอดนี้ทันที

“งั้นทีหลังก็ไม่ต้อง”

“พูดอย่างนี้แสดงว่าอนุญาต!” ร่างสูงดีใจจนตาโต

“รอปีหน้าเถอะ”

“บ้าไปแล้ว!” ร่างสูงสบถเมื่อแฟร์ยื่นคำขาด

“ก็แค่อีกสามเดือนกว่า” ร่างบางแหย่กลับก่อนราชันย์จะก้มลงมองหน้าอีกฝ่ายบริเวณแผงอกของตัวเองนิ่ง

“กูเฉาตายก่อนพอดี” ร่างสูงว่า

“งั้นก็ช่วยตัวเองไปก่อน”

“ไม่เอา! มึงอย่าทำยังงั้นนะแฟร์ กูว่ากูทนไม่ได้แน่ๆ แค่มีมึงอยู่ข้างๆ ทุกวันกูก็ต้องอดกลั้นอารมณ์ของตัวเองวันละเป็นสิบเที่ยวแล้ว” ราชันย์เอ่ยเสียงอ้อนพลางมองแฟร์ด้วยแววตาเศร้า

“ให้ตายเถอะ! เป็นเอามากเลยนะนั่น” แฟร์ขมวดคิ้วต่อว่าหากแต่ภายในอกเล็กกลับเต้นตูมตามกับคำพูดของราชันย์จนมันแทบจะทะลุออกมาอยู่แล้ว

“ก็เพราะว่ากูรักมึง” ร่างสูงว่าก่อนจะกระชับอ้อมกอดเข้ามาอีกจนแฟร์ที่เห็นท่าทีทุกอย่างนั้นเริ่มแซวกลับ

“ไปเอาท่าทีแบบนี้มาจากไหน”

“กูก็เป็นของกูแบบนี้มานานแล้ว” ราชันย์บอก

“ขี้โม้!” แฟร์เอ็ดกลับขำๆ ก่อนอีกฝ่ายจะถามเรื่องเมื่อครู่ขึ้นมาอีก

“ตกลงเมื่อกี้ก่อนที่กูจะเสร็จมึงจะพูดอะไร” ราชันย์มองไปยังใบหน้าของคนในอ้อมกอดอีกครั้ง

“ไม่มีอะไร” แฟร์ปฏิเสธพลางหลบตาอีกฝ่าย

“แต่กูว่ามึงมี”

“ไม่มี”

“แน่นะ”

“อื้ม! แน่” ร่างบางเงยหน้าขึ้นสบกับดวงตาคมพลางย้ำกลับ

“โอเคงั้นกูจะหลับ…ราตรีสวัสดิ์นะครับเมีย” ราชันย์ว่าก่อนจะคลายอ้อมกอดออกเพียงนิดเพื่อให้แฟร์นอนหลับสบายขึ้น

“ฝันดีครับ” ร่างบางตอบกลับ

“กูรักมึงนะแฟร์” ราชันย์เอ่ยในขณะที่ดวงตาของเขาปิดพับด้วยเปลือกตาเรียบร้อยแล้ว

แฟร์มองใบหน้าหล่อเหลาของอีกฝ่ายในความมืดไม่วาง คิ้วเข้มกับจมูกโด่งเป็นสัน ทั้งยังริมฝีปากได้รูปที่มีเสน่ห์ทุกครั้งยามที่อีกคนใช้มันเพื่อจูบเขานั้นยิ่งทำให้แฟร์รู้สึกหวาบหวามอย่างบอกไม่ถูก

ร่างบางยังคงไม่ปิดพับเปลือกตาลงแต่อย่างใด แฟร์นอนคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อยจนกระทั่งเวลาล้วงเลยผ่านไปนานหลายนาที เสียงลมหายใจของคนตัวสูงข้างๆ ที่ดังเข้าออกอย่างสม่ำเสมอทำให้แฟร์รู้ว่ดีาตอนนี้ราชันย์ได้หลับไปเป็นที่เรียบร้อยแล้วก่อนที่มือเล็กจะยกขึ้นและใช้นิ้วเรียวลากไล้ไปตามคิ้วเข้มคู่นั้นเรื่อยลงมาตามสันจมูกโด่งได้รูปก่อนจะมาหยุดที่ริมฝีปากด้วยความรู้สึกหลงใหลอีกฝ่ายเข้าจนเต็มเปา

แฟร์มองใบหน้านี้อีกพักใหญ่ก่อนร่างบางจะแนบหูลงกับแผงอกแกร่งพลางตอบคำถามที่อีกฝ่ายได้ถามออกมาเมื่อครู่ออกไป

“เมื่อกี้ผมจะพูดว่า…ผมเองก็รักคุณนะครับคุณราชันย์”

น้ำเสียงที่ดังขึ้นเต็มเปี่ยมไปด้วยความรู้สึกทั้งหมดที่มีอยู่ภายในใจ แฟร์ปิดพับเปลือกตาลงพลางยิ้มออกมาเรียวแขนเล็กสอดผสานโอบกอดอีกฝ่ายตอบอย่างไม่นึกปิดอีกต่อไป

หากทว่า…น่าเสียดายที่ร่างสูงของคนที่พยายามอยากได้ยินคำนี้จากร่างบางมาโดยตลอดกลับเข้าสู่ห้วงนิทราไปเสียก่อน ราชันย์จึงไม่สามารถรับรู้ได้ว่าคนในอ้อมกอดของเขาในขณะนี้ก็รู้สึกเหมือนกับเขาเช่นเดียวกัน…

-จบ-


จบแล้วนะคะ สำหรับเรื่องราวความรักของ ราชันย์ x แฟร์ อาจจะไม่ถูกใจนักอ่านไปทั้งหมด
แต่กิ่งอยากให้รู้ว่ากิ่งตั้งใจที่อยากจะให้ความสุขแก่นักอ่านทุกคนนะคะ ^^ ไว้ไปเจอกันเรื่อง กงจักรจอมพล ค่ะ

ปล. สำหรับใครที่สนใจอยากได้นิยายเรื่องนี้ฉบับเสร็จสมบูรณ์
กิ่งลงขายกับทางเว็บธัญวลัยค่ะ มีทั้งแบบรูปเล่มและ E-book
สามารถไปสั่งซื้อกันได้ ความยาว 375 หน้า A5
ราคาเล่มกระดาษ 329 บาท E-book 249 บาท จร้า
มีตอนพิเศษที่ไม่ได้โพสที่ไหน 4 ตอนคือ
Trouble is a Friend
Just Friend
Will You Marry Me?
Lost (Love) in England




:mew1: :mew1: :mew1: :mew1:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 28-07-2017 22:30:09 โดย cheepoke »

ออฟไลน์ ่jum

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3709
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-4
 :pig4:

แจ้งโมค่ะ

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
คู่นี้หวานมาก

ออฟไลน์ booboos

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 414
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +31/-0

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Ice_Iris

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1227
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +74/-0

พ่อพระเอก


กว่าจะบอกรักได้

รังแกเขาไปตั้งเยอะ

ขอบคุณที่แบ่งปันขอรับ


ออฟไลน์ บูมเบส

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1740
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-4
มีความสนุกมากจ้าแต่อีพระเอกเลวไปหน่อยแค่นั้นเอง

ออฟไลน์ cheepoke

  • ^_^\/ สู้ๆ ฮู้เล่ๆ
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 78
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
    • https://www.facebook.com/BlueGusten.FictionY/
มีความสนุกมากจ้าแต่อีพระเอกเลวไปหน่อยแค่นั้นเอง


ขอบคุณค่ะที่เข้ามาอ่าน กำลังพยายามแต่งแนว feel good อยู่ แต่แต่งยากจุงค่ะ T^T

ออฟไลน์ som

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2708
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +230/-2
นึกว่านิยายหายไปใหน  เข้ามาดู 2 วันแล้วไม่มีชื่อเรื่องนี้  พอลองเอาชื่อเรื่องมาค้นดู อ่าวจบแล้วย้ายห้องแล้ว  ไวมาก ขอบคุณนักเขียนนะครับที่เอาเรื่องสนุกๆมาให้อ่าน  ขอบคุณครับผม

ออฟไลน์ cheepoke

  • ^_^\/ สู้ๆ ฮู้เล่ๆ
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 78
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
    • https://www.facebook.com/BlueGusten.FictionY/
นึกว่านิยายหายไปใหน  เข้ามาดู 2 วันแล้วไม่มีชื่อเรื่องนี้  พอลองเอาชื่อเรื่องมาค้นดู อ่าวจบแล้วย้ายห้องแล้ว  ไวมาก ขอบคุณนักเขียนนะครับที่เอาเรื่องสนุกๆมาให้อ่าน  ขอบคุณครับผม


มันจบนานแล้วค่ะ แต่เพิ่งโพสในนี้จนจบ แหะๆ ฝากติดตามเรื่องอื่นๆ ด้วยนะคะ
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ Deeli

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 34
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
จะมีตอนพิเศษไหมน้า  :hao7:

ออฟไลน์ cheepoke

  • ^_^\/ สู้ๆ ฮู้เล่ๆ
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 78
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
    • https://www.facebook.com/BlueGusten.FictionY/
จะมีตอนพิเศษไหมน้า  :hao7:

ต้องขอโทษด้วยนะคะ ตอนพิเศษมีเฉพาะในเล่มค่ะ T^T
 :o12: :o12: :o12: :o12:

ออฟไลน์ little_munoi

  • ++ singular ++
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1677
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-3
ลงเอยกันด้วยดี ขอบคุณนะ

ออฟไลน์ oppapp

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 54
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-1
อยากเห็นตอนพิเศษที่พี่ราชันย์พูดเพราะๆกับน้อง

ออฟไลน์ sk_bunggi

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 399
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-0
สนุกมากเลยค่าาาา แอบอยากให้ลงตอนของจอมพลต่อบ้าง อิอิ หมั่นไส้ราชันย์มากๆเลย จะทำดีสะหน่อยก็ไม่ได้ พอทีจะเสียแฟร์ไปล่ะลนใหญ่เลย 555555

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด