CHAPTER 13
ร่างโปร่งสาวเท้าเดินไปตามทางเพื่อตรงไปยังห้องของตัวเองอย่างเร่งรีบ ภีมเสียบกุญแจไขลูกบิดก่อนจะเปิดเข้าไปข้างในพร้อมกับปิดล็อกมันทันทีราวกับกลัวว่าใครจะบุกตามเขาเข้ามา ร่างโปร่งยืนพิงประตูพ่นลมหายใจออกมาในความมืดอย่างโล่งอกเมื่อตลอดทางที่เขาเดินผ่านกลับไม่เห็นวี่แววของใครอีกคนที่เอาแต่โทรจิกตลอดทางจนภีมค่อนข้างที่จะแน่ใจว่าครั้งนี้เขาสามารถหลบหนีอีกฝ่ายได้สำเร็จ
“เหนื่อยอะไรขนาดนั้น”
“!!”
ร่างโปร่งตกใจจนตัวโยนก่อนภีมจะรีบกดสวิตซ์ไฟข้างกำแพงจนทั้งห้อง สว่างขึ้นในชั่วพริบตา
“กูโทรหาทำไมไม่รับ”
“คะ…คุณเข้าห้องผมได้ยังไง!?” ร่างโปร่งสั่นเทาเมื่อร่างสูงของคนที่เขาพยายามหนีกำลังนั่งอยู่บนโซฟาพร้อมกับมองมาด้วยแววตาเอาเรื่อง
“ไม่เห็นจะยากแค่บอกว่าเมียไม่ยอมรับโทรศัพท์และกูก็กลัวว่ามึงจะคิดสั้นเขาก็ให้ไอ้นี่กูมาแล้ว” จอมพลว่าก่อนจะยกกุญแจในมือขึ้น
ภีมมองภาพตรงหน้าด้วยความอึ้งและหมดจะสรรหาคำต่อว่าก่อนอีกฝ่ายจะเดินตรงเข้ามาทำให้เขาถอยจนแผ่นหลังติดกับประตู
“ทำไมถึงไม่รับโทรศัพท์กู” จอมพลถามขึ้นอีกครั้งร่างสูงสบตากับคนตัวเล็กกว่านิ่งก่อนภีมจะใช้แขนดันตัวเขาออกและเดินหนีไปยังห้องรับแขก
“จะมาอยู่แล้วนี่จะให้ผมรับทำไมให้เสียเวลา”
“หึ! แล้วที่รีบร้อนเปิดประตูเข้าห้องมานี่มึงไม่ได้กำลังหนีกูอยู่ใช่มั้ย?”
“ผมจะหนีไปทำไมในเมื่อพรุ่งนี้ก็ต้องเจอคุณอีกอยู่ดี” ร่างโปร่งพยายามทำใจดีสู้เสือเอ่ยก่อนจะวางกระเป๋าเป้ลงบนเก้าอี้โซฟาตัวใหญ่และเดินเข้าครัวไป
“ให้มันจริงเถอะ” จอมพลเหยียดยิ้มเมื่อเห็นท่าทีประหม่าของอีกฝ่ายก่อนจะตามภีมเข้าไปในครัวพลางจ้องอีกคนที่ยกน้ำขึ้นดื่มไม่ให้คาดสายตา
“มึงไปไหนมา” จอมพลขวางภีมที่กำลังจะเดินออกจากครัวแต่อีกฝ่ายกลับเบือนหน้าไปทางอื่นและตอบมาด้วยน้ำเสียงห้วนจนสร้างความไม่พอใจให้กับเขา
“มันเรื่องของผม” ภีมแทรกตัวเดินออกมา
“กูถามว่ามึงไปไหนมา!?” ร่างสูงฉวยคว้าข้อมือภีมเอาไว้
“ก็บอกแล้วไงว่ามันเรื่องของผม!” ภีมสะบัดมือจอมพลจนหลุดก่อนจะเดินกลับเข้ามาในห้องรับแขก
“กูไม่ใจเย็นตลอดหรอกนะรีบบอกก่อนที่กูจะอารมณ์เสีย!” ร่างสูงที่เดินตามมาตวาดเสียงดังก่อนภีมจะเอาแต่เงียบจนจอมพลฟิวส์ขาดในที่สุด
“ภีม!!!”
พรึ่บ! ผลัก! ตุบ!
“!!” ร่างสูงเบิกตากว้างเมื่อเขาพยายามที่จะกระชากอีกฝ่ายเข้าหาแต่ภีมกลับอาศัยจังหวะพลิกตัวสะบัดมือของเขาจนหลุดออกพร้อมกับผลักจนเขาเป็นฝ่ายล้มลงไปบนโซฟาแทน
ภีมถอนหายใจออกมาพลางเงยหน้าขึ้นเพื่อข่มอารมณ์ด้วยท่าทีที่จอมพลไม่เคยเห็นมาก่อน ร่างสูงมองคนที่เดินบีบขมับตัวเองไปมาอย่างแปลกใจก่อนที่ ร่างโปร่งจะหันมาถามเขาด้วยน้ำเสียงเรียบ
“คุณมาที่นี่ทำไม?”
“…”
“จะมาแก้แค้นหรือทำร้ายกันอีกใช่มั้ย!” ภีมเอ่ยขึ้นด้วยความคับแน่นไปทั้งอก
ร่างโปร่งพยายามทำตัวเองให้เป็นปกติที่สุดแล้วแต่เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ทีไรมันก็ทำให้เขาอยากจะร้องไห้ออกมาทุกที
“เมื่อกี้มึงไปไหนมา” ร่างสูงไม่ตอบ จอมพลทำเพียงแค่มองภีมด้วยแววตาเรียบเฉยแต่ในความเป็นจริงแล้วเขาเองก็รู้สึกประหม่าเพราะท่าทีของคนตรงหน้าที่เพิ่งจะเห็นเป็นครั้งแรก
มันทั้งเด็ดเดี่ยว…แข็งกร้าวและดื้อรั้น
จนจอมพลต้องพยายามปรับอารมณ์ตัวเองให้เย็นลงเพื่อที่จะได้ไม่พลั้งมือ ทำร้ายภีมเหมือนเมื่อคืนก่อนอีก แต่ทว่ากับร่างโปร่ง…อารมณ์เดือดดาลของเขานั้นยิ่งทำให้คนที่พยายามอย่างหนักเพื่อข่มอารมณ์เอาไว้ต้องโผลงคำพูดร้ายๆ ออกไป
“อย่าเฉไฉ! ตอบผมมานะว่าที่คุณมาที่นี่เพราะอยากจะแก้แค้นกันอีกใช่มั้ย!!”
“…”
“ตอบ!!”
“ใช่! กูมาเพื่อแก้แค้นมึงอีกพอใจหรือยัง!?” จอมพลตะคอกกลับ ร่างสูงจ้องอีกฝ่ายเขม็งและแทนที่ภีมจะหวาดกลัวกับคำพูดนี้แต่ร่างโปร่งกลับมองเขานิ่งและพ่นลมหายใจออกมาเพียงเท่านั้น
“โอเค…ยังไงซะผมก็ยังติดค้างน้องสาวคุณใช่มั้ย”
“…” ร่างสูงไม่ตอบหากแต่เขากำลังมองท่าทีของอีกฝ่ายอย่างตั้งใจว่าตอนนี้ภีมกำลังเป็นอะไรไปกันแน่
“ถ้าอย่างนั้นผมต้องการยื่นข้อเสนอ” ภีมเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“หมายความว่าไง”
“ผมคิดดูแล้วว่ายังไงซะผมก็ไม่สามารถกลับไปแก้ไขอะไรในอดีตได้พอๆ กับที่ไม่สามารถทำให้ขาของน้องคุณกลับคืนมาได้เหมือนกัน”
“…”
“แต่สิ่งที่ผมพอจะทำได้ในตอนนี้คือผมจะทำให้น้องคุณกลับมาพูดอีกครั้งและยอมกลับบ้านไปอยู่กับคุณ”
“…”
“เพื่อแลกกับสัญญาที่ผมเคยเซ็นต์ไปให้มันถือเป็นโมฆะ” ภีมว่าก่อนจะมองไปยังร่างสูงเพื่อรอคำตอบ
“หึ! คิดว่าตัวมึงจะทำได้ว่างั้น? กูกับพยาบาลรวมถึงหมอทั้งแผนกพยายามกันมาเป็นสองปียังไม่สำเร็จแล้วคนอย่างมึง!...” จอมพลชะงักถ้อยคำเอาไว้ก่อนจะลุกยืนขึ้นและมองไปยังอีกคนราวกับคาดโทษ
“คิดยังไงถึงได้เอาเรื่องนี้มาต่อลองกับกู!”
“คุณคงไม่รู้…ว่าไม่มีใครโง่อยากโดนทำร้ายไปตลอดชีวิตหรอก”
“!!” ร่างสูงชะงักกับคำพูดนี้ของภีมอย่างจัง
“คุณรักชีวิตตัวเองรักชีวิตน้องสาวของคุณ ผมเองก็รักชีวิตของผมเหมือนกัน”
“…”
ภีมยังคงพูดต่อท่ามกลางอีกฝ่ายที่เอาแต่ยืนนิ่งกับคำพูดมากมายที่มันทำให้เขาหวนนึกไปถึงการกระทำทั้งหมดที่ได้ทำลงไปกับคนตรงหน้า
ร่างโปร่งเดินไปยังกระเป๋าเป้ของตัวเองที่วางเอาไว้ก่อนจะเปิดและหยิบเอกสารบางอย่างที่เขาตั้งใจพิมพ์มันเมื่อตอนเย็นออกมาพร้อมกับยื่นไปให้อีกฝ่าย
“ถ้าคุณคิดว่าสิ่งที่ผมจะทำมันพอลบล้างความผิดที่ผมเคยเข้าไปเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ได้…ช่วยเซ็นต์สัญญาฉบับนี้ให้ผมด้วย” จอมพลมองกระดาษตรงหน้าพลางถามกลับ
“อะไร”
“ข้อตกลงระหว่างคุณกับผม”
ร่างสูงหยิบกระดาษเอสี่สีขาวที่เต็มไปด้วยข้อตกลงมากมายมาก่อนจะอ่านมันอย่างตั้งใจ
เนื้อความที่ถูกพิมพ์ด้วยน้ำหมึกสีดำแสดงรายละเอียดทั้งหมดของข้อตกลงว่าอีกฝ่ายจะทำให้จอมใจยอมพูดและออกจากโรงพยาบาลเพื่อกลับไปอยู่ที่บ้านอีกครั้งโดยระบุข้อแม้ว่าเมื่อทำสำเร็จสิ่งที่ร่างโปร่งจะได้รับคืออิสระภาพที่ไม่มีร่างสูงเกี่ยวข้องในชีวิตอีก
“มึงอยากหลุดพ้นจากกูมากว่างั้น?” จอมพลถามเสียงเย็น ร่างสูงมองภีมที่สบตากลับด้วยความรู้สึกเหมือนหัวใจกำลังถูกบีบรัดอย่างบอกไม่ถูก
“ผมคงไม่ต้องตอบคุณก็น่าจะรู้” ภีมว่า
ร่างสูงมองตอบนัยน์ตาที่มีแต่ความเด็ดเดี่ยวตรงหน้าอย่างครุ่นคิด แม้ว่าข้อตกลงในสัญญาฉบับนี้อีกฝ่ายจะเป็นรองอยู่มากเพราะยังไม่รู้ว่าน้องสาวของเขาจะยอมให้ความร่วมมือมากน้อยเพียงใดแต่ทว่าภีมก็เลือกจะทำ
ร่างโปร่งเลือกจะทำในสิ่งที่ทำให้ตัวเองหลุดพ้น…ไปจากคนอย่างเขา
“ได้…กูจะเซ็นต์”
สิ้นเสียงของจอมพลคนตรงหน้าก็เผยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความหวังทันที
หึ! ก็แค่พูดตามน้ำให้อีกฝ่ายดีใจไปก่อน…ไม่มีทางที่ร่างสูงจะยอมตกเป็นหมากในเกมส์ที่อีกคนสร้างขึ้นโดยไม่มีข้อแลกเปลี่ยนเพียงเพราะมั่นใจว่ายังไงภีมก็ทำให้จอมใจพูดและยอมกลับบ้านไม่ได้เหมือนกับที่เขาพยายามมาตลอดสองปี
“แต่กูมีข้อแม้” จอมพลเอ่ยเสียงเรียบ
“?”
“ในระหว่างที่มึงยังทำให้จอมใจพูดและยอมกลับบ้านไม่ได้สิทธิ์ในตัวมึงเป็นของกู!”
“!!”
“ว่าไง? อยากจะแลกกันคนละหมัดหน่อยมั้ยเพราะสิ่งที่กูพูดมันรวมไปถึงการที่กูจะทำอะไรกับมึงและตัวของมึงก็ได้” ร่างสูงแสยะยิ้มเมื่อยกเรื่องที่อีกคนไม่มี ทางยอมอย่างแน่นอนออกมาเพื่อเป็นการบังคับให้ภีมยกเลิกสัญญานี้อยู่กรายๆ
“หึ! อย่าทำตัวเป็นเสือหน่อยเลยถ้ามึงยังเป็นแค่ลิงโง่ๆ” จอมพลเหน็บแต่แล้วจู่ๆ ภีมกลับ…
“ได้”
“!!”
“ผมรับข้อเสนอของคุณ”
“ภีม!...” ร่างสูงจ้องอีกฝ่ายราวกับไม่เชื่อหู
“แค่นอนให้คุณเอา…ผมทำได้” ร่างโปร่งมองตอบ “เพราะถึงยังไงผมก็ถูกคุณทำตั้งสองครั้งแล้วนี่”
“ภีม!!” ร่างสูงกระชากอีกคนมาปะทะอกก่อนภีมจะพยายามดันออก
“รู้ตัวมั้ยว่าพูดอะไรออกมา!!” จอมพลตวาดลั่น
“รู้สิ! พูดความจริงมันผิดตรงไหน!” ร่างโปร่งว่าพลางจ้องอีกคนเขม็ง
“มึงกำลังดูถูกตัวมึงเอง!”
“พูดอย่างกับว่าคุณไม่เคยดูถูกผมอย่างนั้นแหละ!”
“เอ้อ! กูดูถูกมึงแล้วยังไงนั่นมันสิทธิ์ของกู!”
“สิทธิ์อะไรไม่ทราบ!”
“สิทธิ์ของการเป็นผัวมึงไง!!”
“หยุดยัดเยียดคำๆ นั้นให้ผมสักทีเถอะน่าสะอิดสะเอียนจะแย่!”
ติ๊งหน่อง~ ติ๊งหน่อง~
เสียงกริ่งหน้าห้องที่ดังขึ้นยุติวาจาเฉือดเฉือนที่สาดใส่กันไปมาของทั้งคู่ให้ดับลงในชั่วพริบตา ร่างโปร่งหันไปยังประตูที่มาของเสียงทันทีเช่นเดียวกับจอมพลที่หันไปด้วยใบหน้าไม่สบอารมณ์
ก๊อกๆ
"
ภีม!"
“!!”
ภีมรีบผลักคนตรงหน้าออกเมื่อเสียงของคนที่เรียกชื่อเขาอยู่ข้างนอกเป็นเสียงของแดเนียล
ติ๊งหน่อง~ ติ๊งหน่อง~
'ภีมมึงอยู่ในห้องหรือเปล่า*?*'
ร่างโปร่งจ้ำอ้าวไปยังสวิตซ์ไฟก่อนจะกดปิดมันลงเพราะไม่อยากให้คนที่มารู้ว่าเขากำลังอยู่ในห้องพร้อมกับผู้ชายอีกคนที่เคยมีเรื่องกันไปเมื่อคราวก่อน
“กลัวมันจะรู้ว่าอยู่กับกูมะ!...” จอมพลที่เดินตามหลังเอ่ยเหน็บไม่ทันจบภีมก็รีบใช้มือเรียวปิดปากอีกฝ่ายไว้ทันทีพร้อมกับดันให้ร่างสูงแผ่นหลังแนบไปกับกำแพงหน้าประตูห้อง
“ผมไม่อยากมีปัญหาไปมากกว่านี้ขอร้องล่ะอย่าเพิ่งโวยวายอะไร!” ภีมเอ่ยขณะที่ใบหน้าของเขาห่างจากจอมพลเพียงไม่กี่เซนต์
ร่างสูงมองดวงตากลมแน่วแน่ของคนตรงหน้าก่อนจะยกแขนแกร่งขึ้นรวบ เอวบางให้แนบชิดกับกายหนาของตัวเองจนแทบไม่มีที่ว่างให้อากาศพัดผ่านทันที
ภีมตกใจปล่อยมือออกจากปากของจอมพลก่อนร่างสูงจะทาบริมฝีปากที่เพิ่งจะถูกปล่อยให้เป็นอิสระลงบนริมฝีปากที่กำลังจะคายคำพูดบางอย่างออกมาท่ามกลางแววตาตื่นตระหนก
ร่างโปร่งทุบกำปั้นของตัวเองลงบนอกแกร่งของจอมพลไปหลายทีแต่ร่างสูงกลับไม่สะทกสะท้าน จอมพลยังคงกดจูบเน้นๆ ราวกับอยากจะกลืนกินอีกคนไว้ทั้งตัวก่อนจะยอมผละออกเมื่อภีมใกล้จะหมดลม
“แฮ่กๆ ทำบ้าอะไร!?” ร่างโปร่งหอบหายใจอย่างหนักก่อนจะเค้นเสียงถาม
“อยากให้ทำตามมันต้องมีข้อแลกเปลี่ยนกันหน่อย” จอมพลแสยะยิ้มเจ้าเล่ห์ในขณะที่ภีมได้แต่ทำหน้ายุ่งราวกับกำลังถูกขัดใจ
อืดดด~ อืดดด~
จู่ๆ โทรศัพท์มือถือในกระเป๋ากางเกงของร่างโปร่งที่ตั้งระบบสั่นไว้ก็ดังขึ้น ร่างสูงจ้องไปยังต้นตอของเสียงก่อนจะส่งสัญญาณให้ภีมที่เอาแต่ส่งเสียงฮึดฮัดในลำคอเพราะถูกอีกฝ่ายแกล้งรับสายที่โทรเข้ามา
(“ว่าไงแดน”) ร่างโปร่งเอ่ยเมื่อคนที่โทรเข้ามาไม่ใช่ใครที่ไหนหากแต่เป็นคนที่กำลังยืนอยู่หน้าห้องของเขาตอนนี้นี่เอง
(“ภีมมึงอยู่ห้องเปล่า?”) แดเนียลถามกลับ
(“เปล่ากูมาทำงานนอกสถานที่”) ภีมว่าก่อนคนตรงหน้าจะแสยะยิ้มกับสิ่งที่เขาโกหกขึ้น
(“อ้าวเหรอ? เมื่อกี้ตอนกูยังไม่ขึ้นมาเหมือนห้องมึงยังเปิดไฟอยู่เลย”)
(“มึงตาฝาดแล้ว”)
(“เหรอ…ถ้าอย่างงั้นแล้วมึงจะกลับเมื่อไหร่”)
(“พรุ่งนี้ ทำไมเหรอ?”)
(“คือกูมีเรื่องจะคุยกับมึง”)
(“เรื่องอะไร? เอ๊ะคุณ!!”) ภีมหลุดว่าให้คนตรงหน้าทันทีที่อีกฝ่ายเอื้อมมือลงไปบีบคลึงก้นงอนของเขาไปมา
(“มีอะไรหรือเปล่า?”)
(“เปล่าพอดีกูออกมาซื้อของข้างนอกแล้วเดินชนกับคนจิตไม่ปกติแถวนี้น่ะ”) ร่างโปร่งเน้นเสียงว่าพลางถลึงตาใส่จอมพลที่ส่งยิ้มยียวนกลับมา
(“อย่ามีเรื่องกับเขานะมึงต่อยใครเป็นซะที่ไหนกูเป็นห่วง”) ปลายสายว่า
(“ครับๆ แล้วเรื่องที่มึงบอกอยากคุยกับกูล่ะ?”)
(“ไว้คุยกันต่อหน้าดีกว่ากูไม่อยากพูดทางโทรศัพท์สักเท่าไหร่”)
(“งั้นก็ตามใจมึง”)
(“ตั้งใจทำงานนะกลับมาแล้วโทรบอกกูด้วย”)
(“ได้”)
(“แค่นี้นะ”)
(“อืม”)
ร่างโปร่งกดวางสายพลางดิ้นจนหลุดออกจากการเกาะกุมของร่างสูงแต่ จอมพลก็ไม่วายหาเรื่องเขาต่อเมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าเดินห่างจากหน้าห้องออกไปแล้ว
“ใคร?”
“เพื่อน” ภีมตอบอีกคนอย่างไม่ใส่นักพลางเดินเข้าไปในห้องรับแขกอีกครั้ง
“ไอ้ลูกครึ่งเมื่อคราวก่อนใช่มั้ย” จอมพลที่เดินตามเจาะจงถามขึ้นทันที
“…”
“ตอบกูมาภีม!”
“ใช่”
“ตกลงไอ้ห่านั่นมันเป็นอะไรกับมึงกันแน่!?”
“แล้วคุณจะอยากรู้ไปทำไม!?”
ร่างสูงไม่ตอบจอมพลทำเพียงเสยผมขึ้นอย่างข่มอารมณ์ก่อนจะหันไปหา ร่างโปร่งอีกครั้งด้วยอารมณ์ที่เริ่มหุนหันเข้าไปทุกที
“จะบอกไม่บอก?”
“ไม่” ภีมว่าก่อนจะเดินหนีไปทางประตูห้องนอน
“อย่าทำให้กูโมโหเพราะไม่อย่างงั้นคืนนี้มึงไม่รอด!”
“ถ้างั้นก็เซ็นต์ซะ” ภีมหันไปยื่นข้อเสนอ “ผมจะบอกก็ต่อเมื่อคุณเซ็นต์มันแล้วเท่านั้น” ร่างโปร่งหยิบสัญญาที่พิมพ์ขึ้นให้กับอีกคน
ร่างสูงขบกรามแน่นมองภีมที่วันนี้อีกฝ่ายดูเปลี่ยนไปจากเดิม ร่างโปร่งเต็มไปด้วยการต่อรอง ชั้นเชิง จนเป็นเขาเสียเองที่ทนความอยากรู้ความจริงจากปากอีกคนไม่ไหวจนต้องยอมคว้าสัญญาฉบับนั้นมาและยอมเซ็นต์ลงไปในที่สุด
“ว่ามา” จอมพลเอ่ยหลังจากวางปากกาที่เพิ่งจะลงลายเซ็นต์ของตัวเองในสัญญาที่ภีมทำขึ้นเสร็จ
“แดนเป็นเพื่อน…” ภีมว่า
“…”
“ที่กลายมาเป็นแฟน”
“แม่งเอ้ย!”
พรึ่บ!
“อ่ะ!” ร่างโปร่งร้องออกมาเมื่อจู่ๆ คนตรงหน้าก็ผลักเขาจนแผ่นหลังติดกับกำแพงก่อนที่ร่างหนาจะตามเข้ามาประชิดตัวจนร่างโปร่งหนีออกไปไหนไม่ได้
“มึงเคยมีอะไรกับมันใช่มั้ย!?” จอมพลถามเสียงกร้าว
“โอ้ย! ผมเจ็บนะคุณจอมพล!” ภีมนิ่วหน้าเมื่ออีกฝ่ายบีบคางเขาไว้แน่น
“กูถามว่ามึงเคยมีอะไรกับมันใช่มั้ย!?”
“แล้วอะไรทำให้คุณเข้าใจแบบนั้น!?”
“ก็พวกมึงเป็นแฟนกัน!”
“เป็นแฟนแล้วยังไง! จำเป็นต้องมีเหรอเรื่องพวกนั้นน่ะ!?” ภีมตะโกนตอบ
“อย่าเฉไฉ! กูถามว่ามึงเคยมีอะไรกับมันใช่มั้ย!?”
“โอ้ยเจ็บ!” ภีมมองหน้าพลางพยายามจับข้อมมืออีกฝ่ายให้ปล่อยจากคางแต่ก็ไม่เป็นผล
“มึง!...”
“ก็แค่ข้างนอก!”
“…”
“ไม่ได้ใส่” ร่างโปร่งเอ่ยเสียงอ่อนก่อนจอมพลจะคลายมือหนาออกจาก คางมนและผละตัวออกไปเพียงนิด
“แต่ตอนนี้เขากลายเป็นเพื่อนเหมือนเดิมแล้ว” ภีมว่าก่อนจะลูบคางด้วยความเจ็บ
ร่างสูงมองเจ้าของคำตอบอย่างไม่เชื่อหูก่อนที่จู่ๆ จอมพลจะมีท่าทีเย็นลงอย่างเห็นได้ชัดหลังจากได้ยินประโยคที่ตามออกมา
“หมายความว่าไง?” ร่างสูงทำทีถามกลับ
“ก็อย่างที่บอกตอนนี้เราเป็นเพื่อนกันคุณไม่ต้องกังวลว่าผมจะสกปรกขนาดนั้น” ภีมว่าก่อนจะเดินเลี่ยงเปิดประตูเดินเข้าห้องนอนและตรงไปยังโต๊ะวางหนังสือเพื่อเก็บสัญญาที่อีกฝ่ายเซ็นต์เอาไว้พลางหันกลับไปมองจอมพลที่ยืนนิ่งอยู่ข้างหลัง
“มีอะไรที่คุณอยากรู้อีกมั้ย” ร่างโปร่งว่าก่อนอีกคนจะถอนหายใจออกมาเมื่ออารมณ์ฉุนเฉียวที่เมื่อครู่ยิ่งทำให้ร่างโปร่งเจ็บตัวทั้งที่ในใจลึกๆ แล้ววันนี้จอมพลไม่ได้ต้องการให้เป็นแบบนั้น
“แล้วเดนิส...”
“เขาเป็นพี่ชายไม่มีอะไรมากไปกว่านั้น” ไม่ทันที่อีกฝ่ายจะถามจบภีมก็สวนตอบคำถามนี้ทันควัน
“แล้ววันนี้มึงไปไหนมา”
“ไปบ้านเพื่อนสมัยเรียนมหา'ลัย”
“ไปทำไม”
“ก็แค่…คุยเรื่องทั่วไป” ร่างโปร่งชะงักไปนิดก่อนจะเลือกตอบเพียงเท่านี้
“มึงโกหกกู” จอมพลว่าก่อนจะก้าวเข้าไปหาอีกฝ่าย
“ผมไม่ได้โกหกมันอยู่ที่ว่าคุณจะเชื่อหรือไม่แค่นั้น” ภีมบอกก่อนจะเสมองไปทางอื่นแต่แล้วคำถามต่อมาของร่างสูงก็ทำเอาเขานึกฉงนขึ้นมาทันใด
“แล้วกินอะไรมาหรือยัง?” ร่างสูงว่าพลางมองเขาตั้งแต่หัวจรดเท้า
ทำไมจอมพลถึงได้ถามคำถามพรรคนี้กับเขากันนะ!?
“ยัง” ภีมตอบเสียงอ่อนก่อนร่างสูงจะคว้าแขนเขาไว้พลางต่อว่ากลับ
“ทำไมมึงถึงไม่กิน!”
“ก็เพราะผมไม่หิว”
“ไม่หิวก็ต้องกิน!”
“ผมให้สิทธิ์คุณทำอะไรกับผมก็ได้แต่คุณจะมาบังคับเรื่องพวกนี้กับผมไม่ได้นะคุณจอมพล!” ภีมว่าให้
“ทำไม!?”
“เพราะเรื่องพวกนี้สำหรับผมแล้วมันเป็นเรื่องส่วนตัว! ผมจะกินหรือไม่กินมันก็เป็นเรื่องของผม! หวังว่าคุณจะเข้าใจ”
“กูไม่เข้าใจเพราะตอนนี้สิทธิ์ในตัวมึงเป็นของกู! กูจะบังคับให้มึงทำอะไรก็ได้ที่กูอยากจะให้ทำ!”
“!!”
จอมพลตวาดว่าอย่างถือสิทธิ์ที่เพิ่งจะได้รับออกมา ร่างโปร่งจ้องร่างสูงตาขวางก่อนมือหนาที่จับต้นแขนอีกคนอยู่จะออกแรงบีบลงไปอีกเป็นเท่าตัวราวกับอยากจะส่งผ่านความไม่พอใจออกไปทั้งหมด
“กูแม่งไม่ชอบท่าทีของมึงตอนนี้เลยว่ะ!” ว่าเสร็จจอมพลก็สะบัดมือออกจากต้นแขนไร้กล้ามนี้
“หยุดทำตัวเหย่อหยิ่งซะทีเถอะว่ะคิดว่าตอนนี้กูง้อมึงอยู่หรือไงถึงได้กล้าพูดกับกูแบบนี้ทั้งที่รูของมึงก็ไม่ได้วิเศษขนาดนั้น!” ร่างสูงปรามาส
“ผมรู้” ภีมเอ่ย
“…”
“ก็ไม่ได้หวังจะให้ใครหน้าไหนมาติดใจมันอยู่แล้ว” ร่างโปร่งเงยหน้าสบตากับนัยน์ตาคมของคนตรงหน้า
จอมพลเข้าใจความหมายของคำพูดนี้ดี ร่างสูงยืนมองภีมที่ถอนหายใจออกมานิ่งก่อนอีกฝ่ายจะเอ่ยคำพูดด้วยน้ำเสียงเหนื่อยล้าออกมาในที่สุด
“แค่นี้ใช่มั้ยที่ทำให้คุณต้องถ่อมาหาผมถึงที่นี่? ดึกแล้วคุณกลับไปก่อนเถอะวันนี้ผมอยากพัก” ร่างโปร่งนั่งลงบนเตียงเพื่อรอให้อีกฝ่ายออกไปอย่างที่ขอ
“เห็นแก่ตัวไปหน่อยมั้ย? พล่ามเสร็จก็บอกให้กูกลับทั้งที่กูยังไม่ได้ในสิ่งที่กูต้องการ”
“แล้วคุณต้องการอะไร?”
“ไปอาบน้ำ” ร่างสูงออกปากสั่ง
“จริงๆ ที่มาเพราะคุณอยากใช่มั้ย?” ภีมมองตอบด้วยแววตายอมแพ้ทว่า ร่างสูงกลับยังย้ำคำเดิมออกมา
“ไปอาบน้ำเดี๋ยวนี้”
“งั้นก็รอผมหน่อยแล้วกัน” ร่างโปร่งลุกเดินเข้าไปในห้องน้ำก่อนจะปิดพับเปลือกตาลง
ภีมรู้ว่าจอมพลต้องการอะไรเพียงแต่ตอนนี้ร่างกายของเขายังไม่หายดี ร่างโปร่งจึงลำบากใจที่จะใช้แต่ก็คงปฏิเสธและขัดขืนอีกฝ่ายไม่ได้นอกเสียจากต้องยอมฝืนความเจ็บและร่างกายตัวเองอีกครั้ง
:
ภีมเดินออกจากห้องน้ำมาหลังจากใช้เวลาอาบน้ำประมาณยี่สิบนาที ร่างโปร่งมีเพียงผ้าเช็ดตัวสีขาวสะอาดคลุมร่างกายท่อนล่างไว้เท่านั้นในขณะอีกคนที่นั่งรออยู่กลับลอบกลืนน้ำลายลงคอตัวเองเมื่อดวงตาคมของเขาดันสบเข้ากับรอยแดงมากมายทั่วกายสมส่วนที่เกิดขึ้นเมื่อคืนวานจนจอมพลต้องรีบเดินเข้าห้องน้ำเพื่อข่มอารมณ์ของตัวเองไว้ทันที
“ทำไมไม่แต่งตัว?” ร่างสูงถามภีมที่นอนอยู่บนเตียงในสภาพผ้าเช็ดตัวผืนเดียวเหมือนเมื่อครู่ทันทีที่เขาออกจากห้องน้ำมา
“จะแต่งทำไมเดี๋ยวคุณก็ถอดมันออกอยู่ดี” ร่างโปร่งไม่ว่าเปล่าภีมยังเลิกผ้าเช็ดตัวขึ้นก่อนจะชันขาและหันไปบอกอีกคนเสียงเรียบ
“รีบทำให้เสร็จๆ ไปเถอะครับผมจะได้พักสักที”
“ภีม!”
“อ่ะ!”จอมพลที่ตวาดชื่ออีกฝ่ายพุ่งตัวขึ้นเตียงพลางคร่อมภีมเอาไว้มั่น
“อย่าทำให้กูโมโหจะได้มั้ย!!?” ร่างสูงตะโกนว่าให้
“ก็คุณอยากจะทำเรื่องอย่างว่ากับผมไม่ใช่เหรอ!?”
“ไม่ใช่!”
“!!” ภีมชะงัก
ร่างโปร่งมองคนด้านบนอย่างไม่เข้าใจก่อนจอมพลจะผละตัวออกและสั่งอีกคนกลับไปเสียงแข็ง
“ไปแต่งตัว!” ภีมยังคงมองร่างสูงไม่หยุดจนจอมพลต้องคาดคั้น
“เดี๋ยวนี้!”
ร่างโปร่งลุกเดินไปยังตู้เสื้อผ้าก่อนจะหยิบเอาชุดนอนออกมาและเดินไปทางประตูห้องน้ำ
“นั่นมึงจะไปไหน?” จอมพลที่นอนตะแคงกับเตียงทางฝั่งขวาถามขึ้น
“ผมจะไปแต่งในห้องน้ำ”
“เมื่อกี้แม่งยังไม่อายตอนนี้เกิดนึกอายอะไรขึ้นมาแต่งตรงนี้แหละ!”
“งั้นคุณก็หันไปก่อน!” ภีมหน้าร้อนผ่าว
“แต่งเดี๋ยวนี้!!” ร่างโปร่งขมวดคิ้วทำหน้างอก่อนที่เขาจะค่อยๆ สวมชั้นในและตามด้วยชุดนอนท่ามกลางร่างสูงที่มองไม่ปล่อย
ร่างโปร่งแขวนผ้าเช็ดตัวเข้ากับไม้แขวนเสื้อก่อนจะจอมพลที่มองภีมทุกฝีก้าวจะตบลงบนที่นอนฝั่งซ้ายพร้อมกับพูดขึ้น
“มานอน”
“ตกลงคุณจะทำอะไรกันแน่?”
“ไม่ถามกูสักเรื่องจะตายมั้ยบอกให้มานอนก็มาสิ”
ภีมเดินมาหยุดอยู่ตรงข้างเตียงแต่ก็ยังไม่ปักใจก้าวขึ้นจนร่างสูงต้องลุกขึ้นดึงแขนอีกฝ่ายให้นั่งลงมาแทน ร่างโปร่งเบิกตากว้างขยับให้ห่างจากอีกคนก่อนจอมพลจะใช้แขนแกร่งโอบเอวบางพลางดึงเข้าหาตัว
“ตาบอดเหรอไง! มึงจะตกเตียงอยู่แล้ว” จอมพลว่าก่อนจะออกแรงโอบรัดจนใบหน้าของภีมซุกเข้ากับแผงอกตัวเองอย่างจัง
“ปล่อยผมนะ! คุณ!...”
“กูง่วงแล้ววันนี้เหนื่อยไม่มีแรงทำอย่างที่มึงอยากจะให้กูทำหรอก” ร่างสูงขัดก่อนภีมจะทันโวยวายจบ
“ง่วงแล้วทำไมไม่กลับไปนอนบ้านตัวเอง!”
“เกิดกูหลับในรถชนขึ้นมาจะทำไง”
“ก็ดีน่ะสิ”
“มึงว่าไงนะ!?”
“ปะ…เปล่า”
จอมพลเลิกคิ้วพลางถลึงตาใส่คนในอ้อมกอดจนภีมต้องหดคอหนีแววตาดุคู่นี้และตอบอ้อมแอ้มกลับไป
“มึงแค่นอนเฉยๆ ก็พอ” ร่างสูงว่าก่อนจะเกยคางตัวเองกับหัวของอีกคน
“แต่มันอึดอัด” ภีมว่าเสียงอู้อี้
“อีกหน่อยก็ชิน”
“ไม่ชินอะไรทั้งนั้นแหละถ้าคุณอยากจะนอนที่นี่ก็นอนดีๆ”
“แล้วแบบนี้ไม่ดีตรงไหนกูไม่ได้กำลังขี่มึงอยู่สักหน่อย”
ร่างโปร่งกัดริมฝีปากตัวเอง ภีมอยากจะผลักอีกคนออกและด่าจริงๆ แต่ติดตรงที่จอมพลกอดตัวเขาไว้แน่นจนแทบหายใจไม่ออกนี่สิ!
“กูว่ามึงอยู่เฉยๆ เหอะถ้าไม่อยากเจ็บ…”
หมับ!
“อ่ะ!” ภีมเผลอร้องออกมาเมื่อจอมพลบีบเข้าที่สะโพกใกล้กับช่องทางที่ยังเจ็บอยู่ของเขา
“หึ! ยังเจ็บไม่หายแล้วเสือกทำเป็นเก่งนะมึง” ร่างสูงเหยียดยิ้มเยาะเย้ยขึ้นก่อนคนในอ้อมแขนที่ดิ้นๆ อยู่จะสงบลงทันที
“หยุดโวยวายแล้วหลับซะอยากพักก็พักไปพรุ่งนี้มึงไม่เห็นเงาหัวกูตอนตื่นมาหรอกไม่ต้องกลัว”
ภีมยอมนอนนิ่งให้อีกฝ่ายกอดอยู่อย่างนั้นท่ามกลางความรู้สึกบางอย่างที่เริ่มก่อตัวขึ้นอย่างไม่รู้ตัว ร่างโปร่งสูดเอากลิ่นกายของจอมพลเข้าไปก่อนดวงตากลมจะค่อยๆ แหงนขึ้นมองใบหน้าที่ไร้ที่ติของอีกฝ่ายอย่างเงียบๆ ในขณะที่เสียงหัวใจของเขากลับเต้นแรงขึ้นอย่างห้ามไม่อยู่ ทว่าสิ่งที่ฉุดเอาความสนใจของภีมไปแทบสิ้นกลับเป็นอีกจังหวะเสียงเต้นของหัวใจที่ดังเล็ดลอดออกจากอกแกร่งของคนตรงหน้าต่างหาก
ทำไมหัวใจของจอมพลถึงได้เต้นแรงพอๆ กับเขากันนะ?
หรือเพราะเหนื่อย?
ร่างโปร่งมองใบหน้าจอมพลอย่างครุ่นคิดก่อนอีกฝ่ายจะคลายแรงโอบรัดออกและหายใจอย่างสม่ำเสมอจนภีมคิดว่าตอนนี้ร่างสูงน่าจะหลับไปแล้ว ภีมจึงค่อยๆพลิกตัวหันไปอีกข้างก่อนที่แขนแกร่งของคนตัวใหญ่จะรัดเข้ามาอีก
“ไม่อยากเห็นหน้ากูขนาดนั้น?” เสียงทุ้มเอ่ยขึ้น
“เปล่า…ผมก็แค่หายใจลำบาก” ภีมตอบด้วยใบหน้าร้อนผ่าว
“ให้มันจริงเถอะ” จอมพลว่าก่อนจะพาดขาขึ้นทับตัวอีกคนราวกับเป็นหมอนข้างจนทำให้ภีมขมวดคิ้วขึ้นเพียงนิดแต่ถึงกระนั้นร่างโปร่งก็ไม่ว่าอะไรจนกระทั่งถอนหายใจออกมาและผล๊อยหลับไปในที่สุด
TBC........------------------------------------------------
เฮียพลแกดีขึ้นแบบโหดๆ
โธ่เอ้ย! อยากนอนกอดเขาก็ไม่บอก ปากแข็งจริงๆ อ้างนู้นอ้างนี่สารพัด
ไอ้ผู้ชายห่ามแถมยังปากแข็งเอ้ย!!!!!
